The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 7

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2020-09-13 22:16:04

หนังสือ ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 7

หนังสือ ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 7

พระจุลนายก (พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต)
วดั ญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อ.บางละมงุ จ.ชลบรุ ี

ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๕๗๒-๒๓๑-๕
พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๑ กนั ยายน ๒๕๖๓
จำ�นวนพิมพ ์ ๒,๐๐๐ เล่ม
ผจู้ ดั พิมพ์ คณะศษิ ยานุศิษย์

พมิ พแ์ จกเปน็ ธรรมทาน
หา้ มจำ� หน่าย

พิมพ์ที่ : บริษทั ศิลปส์ ยามบรรจภุ ัณฑ์และการพมิ พ์ จำ�กดั
๖๑ ซอยเพชรเกษม ๖๙ ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝ่งั เหนือ
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐
Tel. ๐-๒๔๔๔-๓๓๕๑-๙ Fax. ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected]
Website: www.silpasiam.com

ค�ำน�ำ

สองสามเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปี ๒๕๖๑ บ่อยคร้ังท่ีท่าน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต แสดงธรรมเทศนาแบบแกงหม้อเล็ก
เนน้ หนักเรอื่ งอุบายภาวนา มรรควิถี สติปัฏฐานสี่ ธรรมซ่ึงทรงแสดง
จะงอกงามทุกผืนนา เพราะเปน็ ธรรมของพระพุทธเจ้า แตท่ ง้ั น้ีย่อม
สดุ แตผ่ นื ดนิ ของเจา้ ของนา วา่ เปน็ ดนิ ดชี นดิ ใด จะเจรญิ งอกงามกต็ าม
แต่เจ้าของผืนนาน้ันๆ ส่วนเรื่องธรรมะ ท่านอาจารย์ได้อธิบายไว้
ชดั แจง้ ลกึ ซงึ้ เฉยี บคม เขา้ ใจงา่ ย หากยากยงิ่ ส�ำหรบั ผไู้ มป่ ฏบิ ตั ิ และ
ขีเ้ กยี จท�ำ
ด้วยเมตตาต่อภายภาคหน้า ท่านอาจารยป์ รารภว่า อยากจะ
รวบรวมพมิ พก์ ณั ฑ์เก่ียวกบั ภาวนาเข้าไว้ดว้ ยกัน วนั ใดสงสัย มาเปิด
อา่ น ทบทวน กจ็ ะกระจา่ งใจ
คณะจลุ ธรรมพรอ้ มทง้ั ศษิ ยท์ งั้ ปวงจงึ ขออนญุ าตจดั พมิ พธ์ รรมะ
ดังกล่าว เป็นธรรมทาน ซ่ึงจะรวบรวมพิมพ์เป็นชุดๆ ต่อเน่ืองไป
ด้วยความหวังว่า กุศลแห่งธรรมทานจักเป็นผลให้ดวงใจของผู้อ่าน
สงบเบิกบานยง่ิ
อกี ประการขอบนั ทกึ ไวด้ ว้ ยวา่ เมอื่ ไดร้ บั กณั ฑเ์ ทศนแ์ รกจากทา่ น
ตน้ ฉบบั เลยเวลามาสองสามเดอื นแลว้ ไดก้ ราบเรยี นวา่ “ธรรมะสดๆ
รอ้ นๆ” อาจจะไมส่ ดๆ รอ้ นๆ ค�ำตอบนนั้ กนิ ใจมาก ทา่ นยอ้ นตอบวา่
“ธรรมะของพระพุทธเจ้า สดๆ ร้อนๆ ทุกขณะ เป็นปัจจุบันธรรม
ทุกเวลา เป็นอกาลโิ ก จกั เป็นมงคลตอ่ ผู้พบเหน็ ตลอดไปทุกกาล”

คณะศษิ ยานุศษิ ย์

สารบญั

คณุ สมบัติของพระธรรม ๕ - ๓๖
พระธาตุ ๓๗ - ๖๘
วันส�ำคญั ทางพระพุทธศาสนา ๖๙ - ๑๐๒
การบชู าของพระพุทธศาสนา ๑๐๓ - ๑๓๔
ค�ำถาม - ค�ำตอบ ๑๓๕ - ๑๗๓

คุณสมบัติ
ของพระธรรม

๑๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒

เวลาที่เราปฏิบัติธรรมแล้วเราไม่เจริญทางด้าน
ลาภยศสรรเสริญ ทางรูปเสียงกล่ินรสโผฏฐัพพะ
ก็ขอให้เราเข้าใจไว้ว่าเราไม่ได้ปฏิบัติเพ่ือส่ิงเหล่าน้ี
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราปฏิบัติธรรม เพ่ือให้
เกิดความสุขความเจริญทางด้านลาภยศสรรเสริญ
ทางรปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะ ทรงสอนใหเ้ ราเจรญิ
ทางดา้ นจติ ใจ สอนใหเ้ ราไดพ้ บกบั ความสขุ ทางจติ ใจ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

พระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นค�ำสอนท่ีได้
ทรงตรัสไว้ชอบแล้ว คือเป็น สวากขาโต ภควตา ธัมโม
ค�ำวา่ ตรสั ไวช้ อบแลว้ กแ็ ปลวา่ ถกู ตอ้ งแลว้ ตามความเปน็ จรงิ
เป็นค�ำสอนท่เี ป็นความจริง เชน่ ทรงสอนเร่อื งบุญเร่อื งบาป
ว่าท�ำบุญแล้วได้ไปสวรรค์ ท�ำบาปแล้วได้ไปนรก ตายแล้ว
ไม่สญู ตายแลว้ ตอ้ งไปเกดิ ใหม่ ไปเวยี นว่ายตายเกิด ทรงสอน
วธิ สี กู่ ารส้ินสุดของการเวยี นว่ายตายเกิด ว่ามรรคผลนิพพาน
มีจริง เป็นสิ่งที่ผู้ที่มีศรัทธาความเช่ือ จะสามารถปฏิบัติให้
หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ น่ีคือ
ความจริงท่ีพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ และได้น�ำมาเผยแผ่
ส่ังสอนให้แก่สัตว์โลกท่ียังมืดบอด ที่ถูกอ�ำนาจของโมหะ
อวชิ ชาครอบง�ำจติ ใจ ท�ำใหไ้ มเ่ หน็ เรอื่ งราวตา่ งๆ ทพี่ ระพทุ ธเจา้
ไดท้ รงรทู้ รงเหน็ นอกจากเปน็ ธรรมทตี่ รสั ไวช้ อบแลว้ ยงั เปน็
สนั ทิฏฐโิ ก เป็นธรรมท่ผี ศู้ กึ ษาและปฏิบัติตาม จะสามารถ
พสิ จู นเ์ หน็ ไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ ธรรมทไี่ มไ่ ดใ้ หเ้ ชอื่ แบบงมงาย
เป็นธรรมที่ให้เชื่อเพ่ือน�ำเอาไปศึกษา น�ำเอาไปปฏิบัติ
เมอื่ ปฏบิ ตั แิ ลว้ กจ็ ะสามารถเอาสงิ่ ทปี่ กคลมุ หมุ้ หอ่ คอื อวชิ ชา
โมหะ ให้ออกไปจากจิตจากใจ ท�ำให้เห็นสิ่งต่างๆ ดังท่ี
พระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงรู้ไดท้ รงเห็นได้ น่ีคือ สนั ทฏิ ฐิโก ธรรมของ

คณุ สมบตั ิของพระธรรม 7

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

พระพุทธเจ้าต้องน�ำเอาไปปฏิบัติ แล้วถึงจะรู้ว่าธรรมของ
พระพทุ ธเจ้านเ้ี ปน็ สวากขาโต ภควตา ธมั โม เปน็ ธรรมทเ่ี ปน็
ความจรงิ ทกุ ประการ
ข้อท่ีสามของคุณสมบัติของพระธรรมค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ กค็ อื เปน็ อกาลโิ ก เปน็ ธรรมทไ่ี มเ่ สอื่ มไปกบั กาล
กับเวลา เป็นธรรมที่เปน็ ความจริงตลอดเวลา เป็นความจริง
ในยคุ พระพทุ ธกาล กเ็ ปน็ ความจรงิ ในยคุ ปจั จบุ นั และจะเปน็
ความจรงิ ในอนาคตตอ่ ไป เปน็ ความจรงิ ทไี่ มม่ วี นั เปลยี่ นแปลง
เรื่องบุญเร่ืองบาปน้ีไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ท�ำบุญได้ไปสวรรค์
ไมเ่ ปลยี่ นแปลง ท�ำบาปไปนรกไมเ่ ปลยี่ นแปลง ตายแลว้ ไมส่ ญู
ตายแลว้ ตอ้ งไปเกดิ ใหมถ่ า้ ยงั ไมไ่ ดช้ �ำระจติ ใจใหส้ ะอาดบรสิ ทุ ธิ์
ถ้าได้ศึกษาได้ปฏิบัติตามค�ำสั่งค�ำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
ก็จะสามารถท่ีจะช�ำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธ์ิได้ สามารถ
หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ ธรรม
เหล่าน้ีไม่มีวันเปล่ียนแปลง เป็นเหมือนกันทุกยุคทุกสมัย
ท�ำบาปก็ต้องไปนรกไปอบาย ท�ำบุญก็ต้องไปสวรรค์ ถ้ายัง
ไม่ได้ช�ำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็ยังต้องมาเวียนว่าย
ตายเกิดต่อไป ถ้าอยากจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

8 คณุ สมบตั ิของพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต

กต็ อ้ งปฏบิ ตั ติ ามทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงสงั่ สอนใหป้ ฏบิ ตั เิ ทา่ นน้ั
เมอื่ ไดป้ ฏบิ ตั แิ ลว้ กจ็ ะสามารถหลดุ พน้ จากความทกุ ขท์ ง้ั หลายได้
นี่คือ อกาลโิ ก เปน็ ธรรมทีไ่ มเ่ ปลี่ยนแปลงไปกบั กาลกบั เวลา
ไม่มีวันหมดยุคหมดสมัย เป็นธรรมท่ีทันสมัย สดๆ ร้อนๆ
ไดอ้ า่ นหนงั สอื หรอื ไดย้ นิ ไดฟ้ งั พระธรรมค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้
ทีไร ก็เหมือนกับได้ยินจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเลย
เป็นธรรมที่เหมือนเพ่ิงออกมาจากปากของพระพุทธเจ้า
สดๆ รอ้ นๆ ผฟู้ งั สามารถนอ้ มน�ำเอาไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผลไดท้ นั ที
เหมอื นกบั ในยคุ ทพี่ ระพทุ ธเจ้าเปน็ ผู้แสดงด้วยพระองค์เอง
ถึงแม้ว่าในยุคนี้ จะไม่มีพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรม
ให้แก่สัตว์โลกอย่างพวกเราแล้วก็ตาม แต่พระธรรมค�ำสอน
ทไี่ ดท้ รงตรัสท่ไี ด้ทรงส่งั สอน และไดม้ กี ารจดจ�ำและบันทึกไว้
เปน็ หนงั สอื อยใู่ นพระไตรปฎิ กนี้ กเ็ ปน็ ค�ำสอนทอ่ี อกมาจากปาก
ของพระพทุ ธเจา้ เวลาไดอ้ า่ นหรอื ไดย้ นิ กเ็ หมอื นกบั ไดย้ นิ ไดฟ้ งั
จากพระพุทธเจ้าโดยตรงเลย ถ้าผู้อ่านผู้ฟังด้วยสติ ใจจดจ่อ
อยู่กับการฟัง ไม่ไปคิดเร่ืองอ่ืน ไม่ไปพูดไม่ไปคุยกัน ธรรมก็
จะเข้าสใู่ จ แลว้ ถ้าน�ำเอาไปปฏิบตั ิ ก็จะสามารถท�ำใหเ้ กดิ ผล
ตามท่ไี ดท้ รงแสดงไวท้ ุกประการ ดงั นนั้ พวกเราจึงไมต่ ้องไป

คณุ สมบัติของพระธรรม 9

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

กงั วลกบั เวลำ่� เวลา วา่ สมยั นไี้ มม่ พี ระพทุ ธเจา้ อยกู่ บั พวกเราแลว้
พระธรรมค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ ไม่มีประสิทธภิ าพเหมือน
กบั สมยั ท่ีพระพุทธเจา้ ทรงมีชวี ติ อยู่ ปฏบิ ตั ิไปกจ็ ะไม่สามารถ
ได้รับผลเหมือนกับในสมัยพุทธกาล อันน้ีเป็นความเข้าใจผิด
พระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของใหม่ เป็นของ
สดๆ รอ้ นๆ เหมอื นยาทผี่ ลติ ออกจากโรงงานทผี่ เู้ จบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย
สามารถน�ำเอาไปรับประทาน เพ่ือรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ใหห้ ายไดอ้ ยา่ งแนน่ อน เพยี งแตว่ า่ ขอใหผ้ ทู้ ม่ี ารบั ธรรมค�ำสอน
ของพระพุทธเจ้านั้น ขอให้มีศรัทธาความเช่ืออย่างมั่นคง
ขอใหเ้ ชอ่ื และน�ำเอาไปปฏบิ ตั ิ ถา้ มคี วามเชอ่ื อยา่ งมนั่ คงและ
ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติแบบเต็ม ๑๐๐ ผลก็จะ
ปรากฏข้ึนมาอยา่ งแนน่ อน เพราะมผี ูท้ ี่ไดเ้ ช่อื และได้ปฏิบตั ิ
ตามค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ มาแลว้ ทกุ ยคุ ทกุ สมยั ไดร้ บั ผล
ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ทุกประการ คือ บรรดา
พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลายน้ีเอง ที่พวกเราถือเป็นสรณะ
องคท์ ี่ ๓ สปุ ฏปิ นั โน ภควโต สาวกสงั โฆ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ
ผู้ท่ีเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านเหล่าน้ีท่านเป็นผู้ที่จะ
รับรองหรือยืนยันในความเป็นจริง ของพระธรรมค�ำสั่ง
ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ ทกุ ประการ

10 คณุ สมบตั ขิ องพระธรรม

พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

ไม่มีพระอริยสงฆ์รูปใด ท่ีจะมาคัดค้าน ความจริงของ
พระธรรมค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ เลย มแี ตร่ บั รองรบั ประกนั
ยืนยนั วา่ เป็นความจริง ๑๐๐ เปอรเ์ ซ็นต์ ใครท่ีมศี รัทธาความ
เชื่อแล้วน้อมน�ำเอาไปปฏิบัติจะได้รับผลอย่างแน่นอน จะช้า
หรือจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ท่ีปฏิบัตินั้น ท่ีมี
ความสามารถไม่เท่าเทียมกัน เหมือนกับนักเรียนที่เรียนใน
โรงเรียนเดียวกันช้ันเดียวกัน แต่เวลาสอบจะได้คะแนน
ไม่เหมือนกัน เพราะมคี วามสามารถตอบข้อสอบไดไ้ มเ่ ท่ากนั
นนั่ เอง ผทู้ ม่ี คี วามสามารถตอบขอ้ สอบไดม้ ากกจ็ ะไดค้ ะแนนสงู
ผู้ท่ีมีความสามารถตอบข้อสอบได้น้อยก็จะได้คะแนนต�่ำ
แต่ไม่ว่าจะมีความสามารถมากหรือน้อยก็ตาม ถ้ามีความ
เพียรพยายามท่ีจะปฏิบัติไปจนกว่าจะส�ำเร็จ ก็จะต้องส�ำเร็จ
อย่างแน่นอน ช้าเร็วก็ข้ึนอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆ นอกจาก
ความสามารถแล้วก็อาจจะมีเหตุปัจจัยรอบด้านที่ไม่เอ้ือต่อ
การปฏิบัติ ก็อาจจะล่าช้ากว่าผู้ท่ีมีเหตุการณ์มีสถานท่ีที่เอ้ือ
ตอ่ การปฏบิ ตั ิ แต่ถา้ มีการปฏิบตั ิแบบเตม็ ๑๐๐ แล้ว จะต้อง
ไดร้ บั ผลกนั อยา่ งแนน่ อน นค่ี อื สปุ ฏปิ นั โน ภควโต สาวกสงั โฆ
สาวกของพระพทุ ธเจา้ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ เปน็ ผทู้ ไี่ ดบ้ รรลถุ งึ
มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ คือการสน้ิ สุดของการเวียนว่าย

คุณสมบัตขิ องพระธรรม 11

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

ตายเกดิ ตามล�ำดบั ของธรรมที่บรรลุถึง ธรรมทีบ่ รรลุ ธรรมที่
ท�ำให้จิตใจได้หลุดพ้นจากความทุกข์ต่างๆ น้ันก็แบ่งไว้
เป็น ๔ ระดับดว้ ยกนั เรียกวา่ โสดาบนั สกทิ าคามี อนาคามี
และอรหันต์
การบรรลุถึงข้ันต่างๆ เหล่าน้ีก็เป็นการหลุดพ้นจาก
ความทุกข์ในระดับต่างๆ ความทุกข์มี ๔ ระดับด้วยกัน
ผู้ปฏิบัติก็จะปฏิบัติและก�ำจัดความทุกข์ไปตามล�ำดับจนถึง
ขน้ั สดุ ทา้ ยคอื ขน้ั ของพระอรหนั ต์ พอถงึ ขนั้ ของพระอรหนั ตแ์ ลว้
ความทกุ ขต์ า่ งๆ ท่มี อี ยูภ่ ายในจิตในใจกจ็ ะหมดสิน้ ไป การที่
จะกลบั มาเกิดแก่เจ็บตาย มาเวียนวา่ ยตายเกดิ ในสังสารวัฏก็
จะสนิ้ สดุ ลง เพราะเหตปุ จั จยั ทเ่ี ปน็ ตวั ท�ำใหจ้ ติ ใจตอ้ งมาเวยี น
วา่ ยตายเกดิ นนั้ ไดร้ บั การช�ำระ ไดร้ บั การก�ำจดั จากการปฏบิ ตั ิ
ตามท่ีพระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติ และได้น�ำมาเผยแผ่สั่งสอน
ใหป้ ฏบิ ัติตาม พอไดป้ ฏบิ ตั ิตามแล้ว จติ ใจท่ีมเี หตปุ ัจจยั ที่พา
ใหไ้ ปเวยี นว่ายตายเกดิ ก็จะปราศจากเหตุปัจจัยเหลา่ นี้ ก็จะ
ไม่มีอะไรมาฉุดให้ใจต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป น่ีคือ
ธรรมของพระพทุ ธเจา้ เปน็ ความจรงิ ทกุ ยคุ ทกุ สมยั เปน็ ธรรม
ท่ีผู้ศึกษาได้ยินได้ฟังสามารถน้อมน�ำเอาไปพิสูจน์ได้ด้วย

12 คุณสมบัติของพระธรรม

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

การปฏิบัติ การได้ยินได้ฟังเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถ
ท�ำใหเ้ กดิ ผลขนึ้ มาได้ การไดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดศ้ กึ ษา ถา้ เปรยี บเทยี บ
ก็เปรียบเหมอื นกบั การได้ดูแผนที่ แผนท่ีของสถานที่ตา่ งๆ
ทเ่ี ราตอ้ งการจะเดินทางไป การดูแผนทีน่ ้ี ยังไม่ท�ำใหเ้ ราได้
ไปถึงจุดหมายปลายทางท่ีเราต้องการไปได้ แต่ถ้าไม่มีแผน
ท่ีเราก็จะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปในทิศทางใด การดูแผนที่เพ่ือ
จะได้รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่เราต้องการน้ันต้องไปในทิศ
ทางไหน ไปดว้ ยยานพาหนะแบบไหน บางครง้ั กต็ อ้ งไปดว้ ยเรอื
บางครั้งก็ต้องไปด้วยรถยนต์หรือรถไฟ บางคร้ังก็ต้องไปด้วย
เคร่ืองบิน ถ้าไม่ได้ศึกษาดูแนวทางของจุดหมายปลายทาง
ทจ่ี ะไป กจ็ ะไมร่ วู้ า่ จะไปอยา่ งไรนน่ั เอง แตถ่ า้ ไดด้ แู ลว้ ไดร้ แู้ ลว้
วา่ จะตอ้ งเดนิ ทางไปดว้ ยยานพาหนะชนดิ นนั้ ชนดิ น้ี ตอ้ งไปใน
ทศิ ทางนน้ั ทศิ ทางน้ี ถ้าดแู ล้วรแู้ ลว้ แตไ่ ม่ออกเดินทาง ก็ยงั อยู่
ทบ่ี า้ นอยเู่ หมอื นเดมิ กจ็ ะไมส่ ามารถไปถงึ จดุ หมายปลายทาง
ทตี่ อ้ งการจะไปได้
นคี่ อื ความหมายของการศึกษา การศกึ ษาเพ่อื เรยี นรูว้ ธิ ี
หรือแนวทาง ท่ีจะพาให้เราไปสู่จุดหมายปลายทางที่เรา
ตอ้ งการจะไปกนั พวกเราทกุ คนนตี้ อ้ งการอะไร พวกเราทกุ คน

คณุ สมบัตขิ องพระธรรม 13

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

ตอ้ งการความสขุ กนั ตอ้ งการความหลดุ พน้ จากความทกุ ขก์ นั
ไมม่ ใี ครอยากจะทกุ ขก์ นั ไมม่ ใี ครอยากจะเวยี นวา่ ยตายเกดิ กนั
ไม่มีใครอยากจะเกิดมาแล้วต้องมาแก่มาเจ็บมาตายกัน
เหมอื นอยา่ งท่ีพวกเราก�ำลังเป็นอยขู่ ณะน้ี พวกเราสามารถที่
จะท�ำสง่ิ ทเี่ ราปรารถนาได้ ถา้ เราศกึ ษาแนวทางทจี่ ะท�ำใหส้ งิ่ ที่
เราตอ้ งการนน้ั ปรากฏขน้ึ มาได้ แนวทางทจี่ ะพาใหเ้ ราหลดุ พน้
จากการเวยี นวา่ ยตายเกดิ หลดุ พน้ จากความทกุ ขท์ ง้ั ปวง กค็ อื
ค�ำส่งั ค�ำสอนของพระพทุ ธเจ้านี่เอง เมือ่ เราไดย้ ินไดฟ้ งั ไดร้ วู้ ิธี
ของการปฏบิ ัตแิ ล้ว วา่ เราจะตอ้ งปฏิบัตอิ ะไรกนั ม่ัง เราก็ตอ้ ง
ปฏิบัติ ถ้าดูแผนที่แล้วรู้แล้วว่าจะต้องไปในทางน้ันทางนี้
รู้ว่าจะต้องไปด้วยวิธีใด เราก็ต้องออกเดินทางไปด้วยวิธีนั้น
ถา้ ตอ้ งขบั รถยนตเ์ รากต็ อ้ งหารถยนตข์ บั ไป ถา้ ตอ้ งไปทางเรอื
ก็ต้องไปหาเรือไป ถ้าต้องขึ้นเคร่ืองบินก็ต้องไปหาเครื่องบิน
พอเราได้เริ่มออกเดินทาง ยานพาหนะก็จะค่อยพาเราไป
ใกล้เข้าไปสู่จุดหมายปลายทางไปเร่ือยๆ ถ้าเราเดินทางแบบ
ไม่หยุดไม่หย่อน ถึงแม้อาจจะมีอุปสรรคกลางทาง เราก็
ไม่ย่อถอย คือถ้ารถเสียก็ซ่อม รถยางแตกก็เปล่ียนยางใหม่
รถน�ำ้ มันหมดกแ็ วะเติมน�้ำมัน ตราบใดทม่ี กี ารกระท�ำ มกี าร
เดินทาง มีการกระท�ำให้การเดินทางนี้เป็นไปได้อย่าง
ตอ่ เนอ่ื ง ไมช่ า้ กเ็ รว็ จดุ หมายปลายทางกจ็ ะถงึ อยา่ งแนน่ อน

14 คุณสมบัตขิ องพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

พอเราได้ศึกษาได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว เราก็จะต้อง
น�ำเอาไปปฏิบัติ เมื่อเราน�ำเอาไปปฏิบัติแล้ว ผลต่างๆ ก็จะ
ปรากฏขนึ้ มาตามล�ำดบั ผลทเี่ ราพดู ถงึ นเี้ ปน็ ผลทางดา้ นจติ ใจ
ค�ำสั่งค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ น้ี สอนเรือ่ งของความสขุ ความ
เจรญิ ทางจติ ใจ ไมไ่ ดเ้ กย่ี วกบั ความสขุ ความเจรญิ ทางโลกทาง
ร่างกาย สอนอยู่เหมือนกันว่าไม่ใช่เป็นทางสู่ความสุขความ
เจรญิ ของจติ ใจ ทเ่ี ราตอ้ งการคอื ความสขุ ความเจรญิ ของจติ ใจ
เพราะอะไร เพราะว่าจิตใจนี้เป็นของที่อยู่กับเรา เป็นของที่
เราจะต้องอยูด่ ว้ ยไปตลอด จติ ใจน้ไี ม่มวี นั สนิ้ สดุ ไม่มีวนั ตาย
จิตใจมีอยู่ ๒ อย่าง คือจิตใจสุขหรือจิตใจทุกข์ จิตใจทุกข์
พวกเราก็รู้กันว่าเป็นอย่างไร เป็นส่ิงที่เราไม่ปรารถนากัน
สง่ิ ทเี่ ราปรารถนากนั กค็ อื จติ ใจทมี่ คี วามสขุ จติ ใจทม่ี คี วามสขุ นี้
จะเกดิ ขน้ึ มาได้ กต็ อ้ งเกดิ จากการปฏบิ ตั ติ ามค�ำสง่ั ค�ำสอนของ
พระพุทธเจา้ ดงั น้นั เวลาทเ่ี ราปฏิบตั ิ ขอใหเ้ ราดูผลที่จติ ใจ วา่
สขุ มากขน้ึ หรอื สขุ นอ้ ยลง ทกุ ขม์ ากขน้ึ หรอื ทกุ ขน์ อ้ ยลง อยา่ ไป
ดูที่อ่ืนอย่าไปดูอย่างอ่ืน อย่าไปดูทางร่างกายเพราะทาง
ร่างกายน้ี มันไม่ได้เป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมโดยตรง
อาจจะเปน็ ผลพลอยได้ หรอื อาจจะไมเ่ กดิ ขนึ้ กไ็ ด้ เชน่ บางคน
คิดว่าถ้าได้ปฏิบัติตามค�ำสั่งค�ำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

คุณสมบตั ขิ องพระธรรม 15

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

จะเจริญด้วยลาภยศสรรเสริญ จะเจริญด้วยความสุขทางตา
หูจมูกล้ินกาย อันน้ีก็ไม่ได้จะเป็นอย่างน้ันเสมอไป บางครั้ง
กอ็ าจจะเจรญิ ได้ บางครงั้ กอ็ าจจะไมเ่ จรญิ บางครงั้ กอ็ าจจะเสอื่ ม
เพราะว่าความเจริญทางด้านลาภยศสรรเสริญ ทางรูปเสียง
กลน่ิ รสโผฏฐพั พะน้ี มนั อยภู่ ายใตก้ ฎของอนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา
ไมไ่ ดเ้ ปน็ ไปตามการปฏบิ ตั ติ ามค�ำสง่ั ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้
เสมอไป
ดังนั้น เวลาที่เราปฏิบัติธรรมแล้วเราไม่เจริญทางด้าน
ลาภยศสรรเสริญ ทางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ก็ขอให้เรา
เข้าใจไว้ว่าเราไม่ได้ปฏิบัติเพ่ือส่ิงเหล่านี้ พระพุทธเจ้าไม่ได้
สอนใหเ้ ราปฏบิ ตั ธิ รรม เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสขุ ความเจรญิ ทางดา้ น
ลาภยศสรรเสรญิ ทางรูปเสยี งกลิ่นรสโผฏฐพั พะ ทรงสอนให้
เราเจรญิ ทางดา้ นจติ ใจ สอนใหเ้ ราไดพ้ บกบั ความสขุ ทางจติ ใจ
ความสุขความเจริญของจิตใจเป็นอย่างไร ก็แบ่งไว้เป็นชั้นๆ
ชั้นทเี่ ราอยู่กนั น้ีเราเรยี กวา่ ช้ันของมนษุ ย์ ชนั้ ของมนุษยน์ ี้อยู่
กลางๆ คือไม่เจริญแต่ก็ไม่เสื่อม ไม่สูงก็ไม่ต�่ำอยู่กลางๆ อยู่
ตรงศูนย์ ถ้าเราเรียนคณิตศาสตร์น้ีเราจะรู้จักเรื่องของการ
แบง่ ระดับของสงิ่ ต่างๆ ไว้เป็นบวกเปน็ ลบ แลว้ ก็ระหวา่ งบวก

16 คณุ สมบัตขิ องพระธรรม

พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

กับลบก็คือศูนย์ ภพของมนุษย์จิตใจของมนุษย์นี้ก็อยู่
ระหวา่ งกลาง ระหว่างความเจริญกับระหวา่ งความเสอื่ มของ
จิตใจ คือมีความสุขมีความทุกข์เท่าๆ กัน ๕๐:๕๐ ถ้าจิตใจ
เจริญกจ็ ะมคี วามสขุ เพม่ิ มากข้นึ ความทุกข์ก็นอ้ ยลง ถา้ จติ ใจ
เสอื่ มลงกจ็ ะมคี วามทกุ ขเ์ พม่ิ มากขน้ึ ความสขุ ลดนอ้ ยลง นค่ี อื
เร่ืองของจิตใจ เราวัดกันที่ความสุขความทุกข์ของจิตใจ
มนษุ ยน์ ้เี รามีความสขุ ความทกุ ข์เท่าๆ กนั ๕๐:๕๐ สามวนั ดี
ส่ีวันไข้ ถ้าต�่ำกว่ามนุษย์นี้ ก็จะมีความทุกข์มากขึ้นความสุข
จะน้อยลง ต่�ำกว่ามนุษย์ก็คือเดรัจฉาน เดรัจฉานน้ีก็มีจิตใจ
เหมอื นพวกเรา แตเ่ ขามรี า่ งกายทไี่ มเ่ หมอื นรา่ งกายของมนษุ ย์
เขามรี า่ งกายของสตั วเ์ ดรจั ฉาน เชน่ รา่ งกายของสนุ ขั ของแมว
ของลิงของนกของปูของปลา แต่จิตใจเขาก็เหมือนกับจิตใจ
ของพวกเรา ต่างกันตรงท่ีจิตใจเขาเสื่อมลงไป ต่�ำกว่าจิตใจ
ของมนษุ ย์ จติ ใจของเขามคี วามทกุ ขม์ ากกวา่ มนษุ ย์ มคี วามสขุ
นอ้ ยกวา่ มนษุ ย์ เพราะบาปทเี่ ขาท�ำไวน้ น้ั เขาท�ำมากกวา่ มนษุ ย์
ได้ท�ำไว้ ท�ำใหจ้ ติ ใจเขาต้องมคี วามทุกข์เพมิ่ มากข้ึน
ถ้าเราไม่อยากจะให้จิตใจของเราลงต�่ำกว่าความเป็น
มนุษย์ สิ่งที่เราต้องท�ำให้ได้ก็คือ ละการกระท�ำบาปทั้งปวง

คณุ สมบตั ขิ องพระธรรม 17

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

อย่าไปท�ำบาปสี่ข้อห้าข้อด้วยกันคือศีล ๕ คือไม่ฆ่าสัตว์
ไมล่ กั ทรพั ย์ ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ประเวณี ไมพ่ ดู ปด ไมด่ ม่ื สรุ ายาเมา
ถา้ เรารกั ษาศลี ๕ ได้ การท่จี ะท�ำให้จิตใจเราตกต�่ำนีก้ ็จะเปน็
ไปไมไ่ ด้ เพราะเรามีวธิ ีป้องกนั ไมใ่ หต้ กตำ�่ คอื การรกั ษาศลี ๕
น่ีเอง การรักษาศีล ๕ จะท�ำให้จิตใจไม่ตกต�่ำลงไปกว่าการ
เปน็ มนษุ ย์ ถ้าตายไปก็จะกลับมาเปน็ มนษุ ย์ตอ่ ได้เลย แตถ่ ้า
ไปท�ำบาปข้อใดข้อหน่ึงด้วยเหตุผลอันใดอันหน่ึง ก็จะท�ำให้
จิตใจนั้นเลือ่ นลงตำ่� ทนั ที ทนี ีจ้ ะตำ่� มากต่�ำนอ้ ย จะไปอยใู่ นท่ี
ต่�ำนานหรือช้าก็อยู่ที่ว่าท�ำมากท�ำน้อย ถ้าท�ำน้อยก็ลงไปอยู่
ไมน่ าน ถา้ ท�ำมากกล็ งไปอยนู่ าน เหมอื นกบั พวกทถี่ กู จบั ตดิ คกุ
ติดตะราง ถ้าท�ำผิดมากก็จะติดคุกนาน ถ้าท�ำผิดน้อยก็
จะติดคุกไม่นาน ฉันใด การท�ำบาปก็เป็นในลักษณะนั้น
ถ้าท�ำบาปมากก็จะต้องไปเกิดในอบาย อยู่ในอบายนาน
ถา้ ท�ำบาปน้อยก็ไปอย่ใู นอบายไม่นาน พอไดใ้ ชบ้ าปหมดแล้ว
ก็จะกลบั มาเกิดเปน็ มนษุ ย์ใหม่ได้ ดังนั้น ถา้ เราไมอ่ ยากจะให้
จติ ใจของพวกเราตกตำ่� กวา่ ระดบั ของมนษุ ย์ เราตอ้ งพยายาม
อยา่ ท�ำบาป ถา้ ท�ำบาปเรายงั มโี อกาสทจ่ี ะชะลอผลของบาปได้
ถ้าเราท�ำบญุ ใหม้ ากกว่าบาปท่เี ราท�ำไว้

18 คุณสมบัตขิ องพระธรรม

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

แต่ไม่ได้หมายความว่า บุญที่เราท�ำน้ีจะลบล้างบาป
ท่ีเราได้ท�ำไว้ เพียงแต่ว่าถ้าบุญของเรามีก�ำลังมากกว่าบาป
บุญของเรายังสามารถดึงใจของเราไม่ให้ลงไปสู่ที่ต�่ำได้ หรือ
ถ้าไมม่ ากกวา่ กใ็ ห้มนั เทา่ กัน ถา้ บาปกบั บุญมันเท่ากนั บาปก็
ไม่สามารถดึงใจให้ลงต่�ำได้ แต่บญุ ก็จะไมส่ ามารถดงึ ให้ขนึ้ สงู
กว่าระดับของมนุษย์ได้ เราก็ยังจะอยู่ในระดับของมนุษย์ได้
ต่อไป ถึงแม้ว่าเราอาจจะได้ท�ำบาปบ้างก็ตาม แต่ถ้าเรา
มาชดเชยด้วยการท�ำบุญให้มันมีก�ำลังเท่ากับบาป มันก็ยัง
ไมส่ ามารถดึงเราให้ลงไปสู่ทตี่ �่ำได้ แต่ถา้ เวลาใดท่บี ญุ เราน้อย
กว่าบาป เวลาน้ันบาปก็จะดึงใจเราให้ลงสู่ต�่ำได้ น่ีคือเร่ือง
ของบุญของบาปที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสอน เป็นเร่ืองที่
เกยี่ วกบั จติ ใจของพวกเรา ไมไ่ ดเ้ กยี่ วกบั ฐานะการเงนิ การทอง
ไม่ได้เกี่ยวกับการที่มีสิ่งนั้นส่ิงน้ีหรือไม่มีส่ิงนั้นสิ่งน้ี อันนี้
ไม่เก่ียวกัน เรื่องลาภยศสรรเสริญสุขน้ีสามารถหาได้ด้วยวิธี
ท�ำบญุ กไ็ ด้ท�ำบาปกไ็ ด้ แล้วแต่ คนท�ำบาปคนโกงกร็ ำ่� รวยได้
เป็นใหญ่เป็นโตได้ คนท�ำดีก็ร่�ำรวยได้ เป็นใหญ่เป็นโตได้
น่ีคือส่ิงท่ีเราต้องท�ำความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่เช่นน้ันแล้วเรา
จะสับสน แล้วเราจะไม่เชื่อในค�ำส่ังค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าเราไปมองผลท่ีลาภยศสรรเสริญ มองท่ีความสุขทางตาหู

คุณสมบตั ขิ องพระธรรม 19

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลม่ ๗

จมูกล้ินกาย เราก็จะคิดว่าท�ำไมคนน้ันเขาท�ำบาป ท�ำไมเขา
กลับเจริญในลาภยศสรรเสริญสุขกัน คนน้ีท�ำดีแต่ท�ำไมเขา
ไม่เจริญในลาภยศสรรเสริญสุขกัน น่ีไม่ใช่เป็นผลของการ
ท�ำบุญหรือของการท�ำบาปแต่อย่างใด ผลของการท�ำบุญ
ท�ำบาปอยู่ท่ีจิตใจของพวกเรา พวกเราถ้าไม่ศึกษาจะไม่รู้กัน
ว่าจิตใจของพวกเราน้ีมีบันไดท่ีจะก้าวขึ้นและมีบันไดท่ีจะ
ก้าวลง เปล่ียนสถานภาพ เพราะจิตใจเป็นส่ิงท่ีแปลกกว่า
รา่ งกาย รา่ งกายนเี้ ปน็ สง่ิ ทเ่ี รามองเหน็ กนั แตจ่ ติ ใจนเี้ ปน็ สง่ิ ท่ี
เรามองไม่เหน็ กัน และเราอาจจะไมร่ ู้จกั เสยี ด้วยซ้ำ� ไป ถา้ เรา
ไม่ได้มาศึกษาไม่ได้มาฟังเทศน์ฟังธรรมค�ำส่ังค�ำสอนของ
พระพุทธเจ้า เราก็อาจจะคิดว่าจิตใจกับร่างกายน้ีเป็น
อันเดียวกัน ร่างกายเป็นอย่างไรจิตใจก็เป็นไปกับร่างกาย
รา่ งกายแกจ่ ติ ใจกแ็ ก่ รา่ งกายเจบ็ จติ ใจกเ็ จบ็ รา่ งกายตายจติ ใจ
ก็ตาย อนั นี้ไม่ใช่เปน็ ความจรงิ
ความจริงคือชีวิตของพวกเรานี้มีองค์ประกอบอยู่
๒ สว่ นดว้ ยกัน คอื มรี า่ งกายและจิตใจ รา่ งกายกห็ าลาภยศ
สรรเสรญิ สขุ แตจ่ ติ ใจนต้ี อ้ งหาบญุ ถงึ จะท�ำใหจ้ ติ ใจมคี วาม
สุขได้ และจิตใจเจริญก็เจริญด้วยบุญ จิตใจเส่ือมก็เสื่อม

20 คณุ สมบตั ขิ องพระธรรม

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

ดว้ ยบาป ไม่เก่ียวกับรา่ งกาย ต้องท�ำความเขา้ ใจให้ถกู ตอ้ ง
แล้วเราจะได้เข้าใจในเรื่องของบุญของบาปว่าเป็นอย่างไร
เพราะหลังจากท่ีร่างกายตายไปแล้ว จิตใจน้ีไม่ได้ตายไปกับ
รา่ งกาย จติ ใจไม่มวี ันตาย แตจ่ ติ ใจจะตอ้ งเปน็ ไปตามอ�ำนาจ
ของบุญของบาปตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์โลก
ทั้งหลายเป็นไปเพราะอ�ำนาจของบญุ ของบาปนั่นเอง ถ้าเปน็
เดรัจฉานก็เป็นอ�ำนาจของบาป ถ้าเป็นดวงวิญญาณท่ีเรา
เรยี กวา่ เปรต กเ็ ปน็ อ�ำนาจของบาป ถา้ เปน็ ดวงวญิ ญาณทเี่ รา
เรยี กวา่ อสรู กาย กเ็ ป็นอ�ำนาจของบาป ถา้ เปน็ ดวงวิญญาณ
ทเี่ ราเรยี กวา่ นรก กเ็ ปน็ อ�ำนาจของบาป ขอใหเ้ ราเขา้ ใจไวเ้ ถดิ
วา่ นรกกด็ ี สวรรคก์ ด็ นี ี้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ สถานทเ่ี หมอื นกบั กรงุ เทพฯ
หรือเชียงใหม่ แต่เป็นสถานภาพของจติ ใจ ทเี่ ป็นผลของการ
ท�ำบญุ หรือท�ำบาป ท�ำบุญแลว้ กจ็ ะท�ำให้จติ ใจเปน็ อะไรตา่ งๆ
ตามทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงตง้ั ชอ่ื ใหไ้ ว้ ถา้ ท�ำบาปดว้ ยความหลง
ดว้ ยความไมร่ ผู้ ดิ ไมร่ วู้ า่ การท�ำบาปนม้ี โี ทษตอ่ จติ ใจ ท�ำไปเพอ่ื
การอยู่รอดของร่างกาย เช่นมีอาชีพฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อ
ด�ำรงชีพ อันนี้เป็นการท�ำบาปท่ีคนที่ท�ำอาชีพเหล่านี้คิดว่า
ไม่มีโทษ เพราะทางกฎหมายก็ไม่ได้จับไปลงโทษ คนท่ีท�ำ
มาค้าขายด้วยการฆ่าเป็ดฆ่าไก่ฆ่าวัวฆ่าควายฆ่าปูฆ่าปลา

คุณสมบัติของพระธรรม 21

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลม่ ๗

กฎหมายเขาถอื วา่ ไมผ่ ดิ แตอ่ ยา่ งใด แตก่ ฎแหง่ กรรมนถ้ี อื วา่ ผดิ
เพราะเปน็ การกระท�ำบาปเป็นการฆ่า ผดิ ศลี ข้อท่ี ๑ ท�ำบาป
ด้วยความหลง นีค่ อื เรียกว่าท�ำบาปด้วยความหลง ดว้ ยความ
ไม่รู้ ว่าเป็นบาป เป็นกฎแห่งกรรม ดวงใจเวลาไม่มีร่างกาย
ก็จะไปได้ร่างกายของสัตว์เดรัจฉานแทน ก็จะไปได้ร่างกาย
ของสตั วท์ เี่ ราฆา่ นน่ั แหละเปน็ ผลตอบแทน ทเ่ี รยี กวา่ กงกรรม
กงเกวียน ท�ำกรรมอันใดไว้กจ็ ะต้องรับผลของกรรมน้ัน ฆ่าปู
ฆ่าปลากต็ ้องกลบั ไปเกิดเปน็ ปูเปน็ ปลาให้เขาฆ่า ฆา่ เปด็ ฆา่ ไก่
กจ็ ะไปเกดิ เปน็ เปด็ เปน็ ไกใ่ หเ้ ขาฆา่ ฆา่ สตั วช์ นดิ ใดตายไปกจ็ ะ
ตอ้ งไปเปน็ สตั วช์ นดิ นนั้ นค่ี อื กฎแหง่ กรรม กฎทก่ี �ำกบั ความ
เปน็ ไปของจติ ใจของสัตว์โลกอย่างพวกเรา
จิตใจกับดวงวิญญาณน้ีเป็นอันเดียวกัน เราเพียงแต่
เปล่ียนชื่อตามสถานภาพ เหมือนกับสุภาพสตรีเวลาที่ไม่ได้
แต่งงานก็เรียกว่า นางสาว พอแต่งงานก็เปล่ียนเป็น นาง
แตก่ เ็ ปน็ คนเดยี วกนั เปน็ สภุ าพสตรคี นเดยี วกนั แตส่ ถานภาพ
เปลยี่ นไปแลว้ เพราะเปน็ ภรรยาเปน็ แมต่ อ่ ไปตามล�ำดบั กเ็ ลย
ไมเ่ รียกวา่ เป็นนางสาว เรยี กว่าเป็นนางแทน ฉนั ใด เวลาท่มี ี
ร่างกายนเ้ี ราก็เรยี กจิตใจวา่ จติ ใจ ดวงจติ ดวงใจ พอเวลา

22 คุณสมบตั ิของพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต

รา่ งกายตายไป จติ ใจนไ้ี มไ่ ดต้ ายไปกบั รา่ งกาย เรากเ็ ปลย่ี นชอื่
เป็นดวงวิญญาณไป เวลาจิตใจไม่มีร่างกายเรียกว่า
ดวงวิญญาณ พอจิตใจไปท�ำบาปด้วยความหลงก็จะไปได้
ร่างกายของสัตว์เดรัจฉาน ก็จะไปเป็นแมวเป็นสุนัขเป็นลิง
เปน็ นกเปน็ ปเู ปน็ ปลาอะไรตา่ งๆ เหลา่ น้ี ตามบาปทไ่ี ดก้ ระท�ำไว้
ถ้าได้ฆ่าปูฆ่าปลาก็ไปได้ร่างกายของปูของปลาไป น่ีคือ
เร่อื งของผลของบาปทที่ �ำกนั ไว้ ถ้าท�ำบาปดว้ ยความหลงกจ็ ะ
ไปเปน็ สัตวเ์ ดรจั ฉาน ถ้าท�ำบาปดว้ ยความโลภอยากได้มากๆ
ถงึ แม้ว่าไมท่ �ำบาปก็อยูไ่ ด้แต่ไมพ่ อ สามารถท�ำมาหากนิ เลยี้ ง
ชีพโดยไม่ท�ำบาปก็อยู่ได้ แต่ไม่รวย อยากจะรวย ก็เลยต้อง
ท�ำบาปด้วยวิธีต่างๆ ฉ้อโกงก็ดี ฆ่าสัตว์ก็ดี เม่ือท�ำบาปด้วย
ความโลภ เวลาไมม่ รี า่ งกาย ดวงวญิ ญาณนน้ั กจ็ ะเปน็ ทเี่ รยี กวา่
เปรต ดวงวญิ ญาณของเปรตนเี่ ปน็ อยา่ งไร กเ็ ปน็ ดวงวญิ ญาณ
ท่มี ีแต่ความหวิ โหย มแี ตเ่ หตุการณท์ ส่ี รา้ งความหวิ โหยใหก้ บั
จติ ใจตลอดเวลา
เวลาท่ีจิตใจไม่มีร่างกายน้ีเป็นเหมือนเวลาที่จิตใจ
นอนหลับ เวลาจิตใจนอนหลับนี้จิตใจแยกออกจากร่างกาย
ช่ัวคราว แล้วก็จิตใจก็อยู่กับเหตุการณ์ที่บุญหรือบาปได้

คุณสมบัติของพระธรรม 23

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

สร้างไว้ให้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจ เป็นเหตุการณ์เหมือน
ความจริงเลย คือความฝันต่างๆ เวลาท่เี ราฝันกันนเ่ี ราไมร่ ูว้ ่า
เราฝันกัน เราคิดว่าเป็นเหตุการณ์จริงๆ เหมือนจริง ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์เลย เหมือนกับเราอยู่ในเหตุการณ์น้ัน อยู่ใน
เหตุการณ์ท่ีดีเราก็เรียกว่า สวรรค์ อยู่ในเหตุการณ์ท่ีไม่ดีก็
เรียกวา่ อบาย เชน่ ถ้าอย่กู บั เหตุการณท์ ีท่ �ำใหเ้ รามแี ตค่ วาม
หิวโหยอดอยากขาดแคลน หากินเท่าไหร่ก็หาไม่ได้มาก
ต้องคอยหิวโหยอยู่ตลอดเวลา อันนั้นแหละคือลักษณะของ
ดวงวญิ ญาณทท่ี �ำบาปดว้ ยความโลภทเ่ี ราเรยี กวา่ เปรต ถา้ เรา
ท�ำบาปดว้ ยความกลัว เราท�ำบาปเพราะเรากลวั สตั ว์ชนิดนัน้
สัตวช์ นิดนี้ กลัวมดกลวั ยงุ กลวั แมลงอะไรต่างๆ เราเจอมันเรา
กฆ็ า่ มนั ก�ำจดั มนั มนั กจ็ ะท�ำใหจ้ ติ ใจของเราเวลาไมม่ รี า่ งกายก็
จะอยกู่ บั ความกลวั ตา่ งๆ เหลา่ น้ี จะไปเจอสตั วช์ นดิ นน้ั ชนดิ นี้
ทห่ี วาดกลวั อยู่ ท�ำใหม้ แี ตค่ วามหวาดกลวั อยตู่ ลอดเวลา ถา้ เรา
ท�ำบาปด้วยความอาฆาตพยาบาท เวลาตายไปดวงวิญญาณ
ก็จะมีแต่ความอาฆาตพยาบาทฝังอยู่ปรากฏข้ึนมาอยู่ในใจ
มแี ตเ่ รอ่ื งของการลา้ งแคน้ การฆา่ ฟนั กนั เหมอื นกบั อยใู่ นภาวะ
ของสงครามต่อสู้กันฆ่าฟันกัน ด้วยความอาฆาตพยาบาท
อนั นด้ี วงวิญญาณนเี้ รากเ็ รียกว่า นรก

24 คุณสมบัตขิ องพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต

และนแ่ี หละคอื เรอ่ื งของจติ ใจเวลาท�ำบาป จะไดร้ บั ผล
๔ ชนดิ เพราะการท�ำบาปนมี้ เี หตทุ ต่ี า่ งกนั ไป ๔ เหตดุ ว้ ยกนั
ท�ำบาปดว้ ยความหลง ท�ำบาปด้วยความโลภ ท�ำบาปด้วย
ความกลัว ท�ำบาปด้วยความอาฆาตพยาบาทหรือความ
โกรธนเ้ี อง กจ็ ะพาใหจ้ ติ ใจนล้ี งตำ่� ท�ำใหจ้ ติ ใจนมี้ คี วามทกุ ข์
มากกว่ามีความสุข แต่ผลของบาปที่ท�ำนี้ หลังจากท่ีลง
ไปใชแ้ ล้ว เด๋ยี วมันก็หมดได้ พอหมดแลว้ มันก็จะกลบั มาเกดิ
เป็นมนุษย์ใหม่ แล้วก็กลับมาท�ำอย่างที่เคยท�ำเป็นส่วนใหญ่
มีนิสัยท�ำบาปก็มักจะท�ำบาปต่อไป แต่ถ้าได้มาเกิดใน
ครอบครวั ทไี่ มท่ �ำบาป แลว้ กม็ คี นคอยหา้ มคอยเตอื นคอยสอน
อยู่เร่ือยๆ ก็อาจจะเปล่ียนนิสัยจากการท�ำบาปมาไม่ท�ำบาป
ก็ได้ เช่น ถ้าเรามาเกิดในครอบครัวของชาวพุทธท่ีเช่ือบุญ
เชอื่ บาป เขา้ วดั ฟงั เทศนฟ์ งั ธรรม เชอ่ื ฟงั ค�ำสงั่ ค�ำสอนของพระ
พระใหถ้ อื ศลี ๕ กถ็ อื ศลี กนั พระใหล้ ะเวน้ อบายมขุ กล็ ะเวน้ กนั
ถึงแม้ว่านิสัยเดิมจะชอบท�ำบาป แต่พอมาได้ฝึกนิสัยใหม่
ตอ่ ไปกอ็ าจจะเปลยี่ นนสิ ยั ได้ อนั นกี้ ม็ ที างเปลย่ี นได้ พอขนึ้ มา
จากอบายแลว้ มาเปน็ มนษุ ยแ์ ลว้ อาจจะเปลยี่ นทศิ ทาง แทนที่
จะกลบั ไปอบายตอ่ ถา้ ไปเจอครอบครวั ทดี่ ี ครอบครวั กอ็ าจจะ
หล่อหลอมจิตใจให้ไปในทางที่ดีได้ ก็อาจจะเปล่ียนจากการ

คุณสมบตั ขิ องพระธรรม 25

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

ท�ำบาปมาท�ำบุญ พอมาท�ำบุญแล้วบุญจะมีมากกว่าบาป
ข้ึนไปเรื่อยๆ บุญ ก็คือความสุขใจนี้เอง ความสุขใจก็จะมี
มากขึ้น บาปท่ีไม่ได้ท�ำ ความทุกข์ใจก็จะไม่มีหรือมีก็มีน้อย
ลงไปเรือ่ ยๆ ตอ่ ไปเวลาตายไป ถา้ บุญมมี ากกว่าบาป บญุ ก็จะ
พาให้จิตใจไปสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ สวรรค์ก็เหมือนตอนท่ีเรา
นอนหลบั ทนี แ้ี ทนทเ่ี ราจะฝนั ไมด่ ี เราฝนั ดี ฝนั วา่ เราไดไ้ ปเทย่ี ว
ที่น่ันที่น่ี ได้พบกับส่ิงนั้นส่ิงน้ีท่ีท�ำให้เรามีแต่ความสุขตลอด
เวลา อนั นกี้ เ็ ป็นเร่อื งของความเจรญิ ของจติ ใจ นเี่ ราสามารถ
พัฒนาจิตใจของเราให้เจริญจากมนุษย์นี้ ให้ข้ึนไปเทวดาได้
ถ้าเราปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนให้เราท�ำ ๒ ข้อ
ใหญๆ่ คอื ใหล้ ะเวน้ การกระท�ำบาปทงั้ ปวง แลว้ ใหส้ รา้ งบญุ
สร้างกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อม ท�ำบุญอยู่เรื่อยๆ ท�ำบุญ
ทกุ ชนดิ ไมว่ า่ บญุ อะไรกต็ าม ผา้ ปา่ กฐนิ สงั ฆทาน ถวายโบสถ์
ถวายเจดีย์ ท�ำบุญช่วยคนยากคนจน ท�ำบุญช่วยสัตว์
ปลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา บญุ อะไรตา่ งๆ เหล่านี้เรียกวา่ บุญทัง้ นน้ั
ท�ำแลว้ กจ็ ะท�ำใหจ้ ติ ใจมคี วามสขุ เพม่ิ มากขนึ้ จติ ใจกจ็ ะเจรญิ
สูงขึน้ จากมนษุ ยก์ ็จะไปเปน็ เทวดา ถ้าไม่ท�ำบาปท�ำแต่บญุ
หรือท�ำบาปน้อยกว่าท�ำบุญ บุญนี้ท�ำมากกว่าบาปก็ยังเป็น
เทวดาได้อยู่

26 คุณสมบตั ิของพระธรรม

พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

ถา้ อยากจะไปสงู กวา่ ระดบั ของเทวดากม็ อี ยอู่ กี ๒ ระดบั
ทีเ่ รยี กวา่ ระดบั ของพรหม พรหมนก้ี แ็ บ่งเป็น ๒ รูปพรหม
กับ อรูปพรหม ถ้าอยากจะข้ึนไปสู่สวรรค์ของรูปพรหม
อรูปพรหมท่ีมีความสุขมากกว่าสวรรค์ของเทวดา ก็ต้อง
ปฏิบตั ิเพม่ิ ศีล คือจากศลี ๕ ก็ตอ้ งเพิ่มเปน็ ศีล ๘ ต้องหยดุ
การหาความสขุ แบบเทวดา เทวดายงั หาความสขุ จากรปู เสยี ง
กล่ินรสต่างๆ อยู่ แต่ถ้าอยากจะข้ึนเหนือกว่าความสุขของ
เทวดา ตอ้ งหยดุ หาความสุขทางตาหจู มูกล้นิ กาย แลว้ กม็ าหา
ความสุขจากการท�ำจิตใจให้สงบ กต็ อ้ งฝกึ สมาธิ ต้องฝึกสติ
เจรญิ สตคิ วบคมุ จติ ใจใหห้ ยดุ คดิ ใหไ้ ด้ ถา้ จติ ใจหยดุ คดิ แลว้
ใจกจ็ ะเข้าสู่ความสงบ เข้าสู่ฌานข้นั ต่างๆ ความสงบก็มีอยู่
๒ ระดับ ระดับ รปู ฌาน กับ อรปู ฌาน นี้เอง รปู ฌานก็มี
๔ ระดับ อรูปฌานกม็ อี ีก ๔ ระดับ ถา้ ได้รปู ฌานก็จะได้เขา้ สู่
สวรรค์ของรูปพรหม ถ้าได้อรูปฌานก็จะได้เข้าสู่สวรรค์ของ
อรปู พรหม นคี่ อื การพฒั นาจติ ใจใหส้ งู ขนึ้ ใหม้ คี วามสขุ มากขนึ้
ให้เจริญข้ึน ด้วยการท�ำตามค�ำสั่งค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงสอนให้ละการกระท�ำบาปทั้งปวง ให้เจริญบุญกุศล
ท้ังหลายให้ถึงพร้อม ท�ำบุญได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะท�ำกับวัดท�ำ
กับโรงเรยี น ท�ำกับโรงพยาบาล ท�ำกบั คนยากจน ท�ำกบั สตั ว์

คุณสมบตั ิของพระธรรม 27

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

เดรจั ฉาน ปลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา ไปไถว่ วั ไถโ่ ค นเ่ี รยี กวา่ บญุ กศุ ล
ทง้ั น้ัน ท�ำบุญกศุ ลทัง้ หลายใหถ้ ึงพรอ้ ม มีกศุ ลอนั ไหนมาชวน
ให้เราท�ำ ก็ท�ำกัน มีเพื่อนฝูงชวนให้ไปปล่อยนกปล่อยปลา
ก็ไป มีคนมาชวนใหไ้ ปชว่ ยเหลือคนยากคนจนก็ไป ท�ำบญุ ทุก
รูปแบบแล้วแต่โอกาส มีโอกาสก็ท�ำไป จะท�ำให้จิตใจสูงขึ้น
มีความสุขมากขนึ้ พฒั นาข้ึนไปเป็นเทวดา
แล้วถ้าอยากจะขึ้นสูงกว่าระดับของเทวดาก็ต้องไป
ถือศีล ๘ พวกท่ีมาอยูว่ ดั นงุ่ ขาวห่มขาวนี้ พวกนี้เขาตอ้ งการ
จะขน้ึ จากชนั้ เทวดา ขนึ้ ไปสชู่ นั้ พรหม เขากจ็ ะหยดุ หาความสขุ
แบบเทวดา หยุดเท่ยี ว หยดุ หาความสขุ ทางตาหจู มูกลน้ิ กาย
หยุดดูหนังฟังเพลง แล้วก็มาฝึกสติ เพ่ือควบคุมความคิด
ให้หยุดความคิดให้ได้ด้วยการไหว้พระสวดมนต์ ด้วยการ
นง่ั สมาธิ ดว้ ยการฟงั เทศนฟ์ งั ธรรม จติ ใจกจ็ ะถกู กลอ่ มใหเ้ ขา้ สู่
ความสงบต่อไป พอจติ สงบก็จะได้ฌานข้ันต่างๆ ฌานขั้นท่ี ๑
ข้นั ท่ี ๒ ขนั้ ที่ ๓ ข้ันที่ ๔ แล้วก็เลื่อนไปส่ขู ัน้ ท่ี ๕, ๖, ๗, ๘ คือ
ข้ันอรูปฌานตามล�ำดับต่อไป อันนี้ก็คือการพัฒนาจิตใจสู่ข้ัน
สูงสุดในระดับโลกยิ ะ ค�ำวา่ โลกยิ ะ ก็คือระดับท่ยี ังไม่ถาวร
เป็นระดับท่ียังเส่ือมลงมาได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับของเทวดา

28 คุณสมบัติของพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต

ระดับของพรหม หรือระดับของมนุษย์นี้ ถ้าเวลาไปได้รับผล
ของบญุ แล้ว ตอ่ ไปผลของบญุ ก็จะหมดลง พอผลบญุ หมดลง
ดวงจิตดวงใจหรือดวงวิญญาณก็จะเสื่อมลงมา จากสวรรค์
ช้ันพรหมก็จะลงมาสู่สวรรค์ชั้นเทพ จากสวรรค์ชั้นเทพก็จะ
ลงมาสู่เป็นมนษุ ย์ แลว้ กม็ าท�ำบุญท�ำบาปใหม่ ถา้ มาเกิดเป็น
มนุษย์แล้วมาเกิดในครอบครัวท่ีไม่ดี ครอบครัวที่มีอาชีพ
ท�ำบาป ก็อาจจะถูกเขาสอนถูกบังคับให้ท�ำบาปตาม แล้วก็
อาจจะท�ำไปเรื่อยๆ ก็จะเปลี่ยนทิศทางจากการเจริญสู่การ
เสื่อมลงไป นี่คือเร่ืองของบุญของบาปนี้ ยังอยู่ในโลกของ
วฏั สงสาร โลกของการเวียนว่ายตายเกิดอยู่
แต่ถ้าอยากท่ีจะข้ึนไป ออกจากโลกของการเวียนว่าย
ตายเกิดนี้ หลังจากท่ีเราได้พัฒนาจิตใจข้ึนสู่ระดับชั้น
พรหมโลกแลว้ เราต้องเพิ่มการปฏบิ ตั อิ ีกระดับหนึง่ ทเี่ รียกว่า
ระดบั วปิ สั สนาภาวนา หรอื ระดบั ปญั ญา ทจ่ี ะสามารถปกปอ้ ง
จติ ใจไมใ่ หต้ กลงมาสทู่ ต่ี ำ�่ ได้ ใหข้ น้ึ ไปสรู่ ะดบั ทไี่ มม่ วี นั เสอื่ ม คอื
ระดับของพระอริยบุคคล ถ้าเราได้สมาธิแล้ว ถ้าเราอยาก
จะข้ึนไปสู่ระดับของพระอริยบุคคล เราก็จะต้องปฏิบัติข้ัน
วิปัสสนา วิปัสสนาก็คือการเจริญปัญญานี่เอง การสอน

คณุ สมบตั ขิ องพระธรรม 29

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

ให้จิตเห็นตามความเป็นจริงของสภาวธรรมท้ังปวงว่าเป็น
อย่างไร ว่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์กันแน่ ว่าเท่ียงหรือไม่เท่ียง
ว่าเป็นของเราหรือไม่ใช่เป็นของเรา น่ีคือปัญญา ไม่มีใครรู้
ทุกคนเวลาได้อะไรมาน้ีมักจะคิดว่าเท่ียง คิดว่าสุข คิดว่า
เป็นของเรา ไดร้ า่ งกายมาก็คดิ วา่ ร่างกายน้เี ท่ียงรา่ งกายน้สี ขุ
ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา แต่พระพุทธเจ้าน้ีเป็นผู้ทรงค้น
พบความจรงิ วา่ รา่ งกายและส่งิ ต่างๆ ที่มีอย่ใู นโลกนี้ไมเ่ ที่ยง
ไม่สุข สุขก็ไม่สุขนาน สุขช่ัวคราวแต่จะต้องหมดไป จะต้อง
กลายเป็นความทกุ ข์ต่อไป เพราะว่ามันไมเ่ ทย่ี ง เช่น ร่างกาย
มนั กต็ อ้ งแก่ มนั กต็ อ้ งเจบ็ มนั ตอ้ งตาย พอรา่ งกายแกร่ า่ งกาย
เจ็บร่างกายตาย ความสุขท่ีเคยได้จากร่างกายก็กลายเป็น
ความทกุ ขข์ นึ้ มา แลว้ กไ็ มม่ ตี วั ตนไมใ่ ชต่ วั เราของเรา เพราะเวลา
รา่ งกายตายมนั กก็ ลับคนื สูท่ ีม่ าของมนั ร่างกายมาจากทีไ่ หน
ก็มาจากธาตุ ๔ คือดินน้�ำลมไฟนี่เอง พอร่างกายตายไป
ถ้าปล่อยท้ิงไว้เฉยๆ ธาตุทั้ง ๔ มันก็จะแยกทางกัน ลมก็จะ
ออกมา ไฟก็จะออกมา นำ�้ ก็จะออกมาจากร่างกาย ถ้าทง้ิ ไว้
นานๆ เดีย๋ วร่างกายกจ็ ะแหง้ กรอบผุพังกลายเปน็ ดินไป
นค่ี อื ความจรงิ ทเี่ รยี กวา่ ปญั ญา วปิ สั สนา รแู้ จง้ เหน็ จรงิ
ตามความเปน็ จรงิ วา่ สภาวธรรมทง้ั ปวงน้ี ไมเ่ ทยี่ ง เปน็ ทกุ ข์

30 คณุ สมบัตขิ องพระธรรม

พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต

ไมม่ ีตัวตน ไม่ใช่เราไมใ่ ช่ของเรา ไมว่ ่าจะเปน็ อะไรก็ตามที่
เราได้มาสัมผสั รับรู้ มาครอบครอง ถอื วา่ ไมใ่ ชเ่ ปน็ ของเรา
ท้ังนั้น ถือว่าเป็นทุกข์ทั้งนั้น ถือว่าไม่เท่ียงท้ังน้ัน เช่น
ลาภยศสรรเสริญ และรูปเสียงกล่ินรสต่างๆ ท่ีเราได้เสพกัน
ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่ามันสุข เราถึงไปหามัน เราถึงไปหา
ลาภยศสรรเสริญ ไปหารูปเสียงกลิ่นรส ไปหาคนนั้นคนน้ี
สิ่งน้ันสิ่งน้ี มาเสพกันมาเป็นสมบัติมาครอบครองเป็น
ของเรากัน แต่พอได้เขามา อยู่ไปสักระยะหนึ่ง เขาก็เร่ิม
เปลย่ี นไปหรอื เขาเรมิ่ เสอ่ื มไป หรอื เขาเรมิ่ จากเราไป ไมม่ อี ะไร
ทจ่ี ะอยกู่ บั เราไปตลอด ถา้ เขาไมจ่ ากเรา เรากอ็ าจจะจากเขาไป
กไ็ ด้ เพราะรา่ งกายของคนทุกคน จะต้องมวี นั แกว่ ันเจ็บและ
วันตายกันท้ังน้ัน นี่คือปัญญา ถ้าเราอยากจะรักษาใจที่
ได้พัฒนาขึ้นมาสู่ระดับพรหมน้ี ไม่ให้เส่ือมลงกลับไปเป็น
เทพกลับไปเป็นมนุษย์ เราก็ต้องเจริญวิปัสสนา พิจารณา
ไตรลักษณ์ในส่ิงต่างๆ ท่ีจิตใจเรามาครอบครอง สิ่งท่ีจิตใจ
เรามาครอบครองตอนนี้ก็คือ ลาภยศสรรเสริญ รูปเสียง
กลิ่นรส อันนี้เราก็สละไปต้ังแต่เราอยู่ในระดับพรหมแล้ว
พวกที่แสวงหาความสงบหาสวรรค์ชั้นพรหมนี้ ก็จะสละการ
หาลาภยศสรรเสรญิ สละการหาความสขุ ทางตาหจู มกู ลน้ิ กาย

คณุ สมบัติของพระธรรม 31

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

แตถ่ ้าไม่มีปญั ญากอ็ าจจะเปลย่ี นใจได้ บวชไปนานๆ อาจจะ
เบ่ือขึ้นมา อยากจะกลับไปหาลาภยศสรรเสริญสุขก็ได้ เช่น
คนที่บวชกันบวชชีบวชพระนี้ บวชกันไปสักพักหน่ึงเด๋ียว
พอเบื่อ เบื่อจากการเป็นพระเป็นชี อยากจะกลับไปเป็น
ฆราวาสก็มี ก็ลาสิกขากันไปเพ่ือกลับไปหาความสุขจากลาภ
ยศสรรเสริญ จากรูปเสยี งกลน่ิ รสใหมก่ ็มี
ถ้าจะป้องกันไม่ให้กลับก็ต้องมีปัญญา ต้องเห็นว่าการ
กลับไปหาลาภยศสรรเสริญ หรือหาความสุขทางตาหูจมูก
ลน้ิ กายน้ี เปน็ การไปหาความทกุ ขม์ ากกวา่ การไปหาความสขุ
เพราะความสขุ ทไ่ี ดเ้ ปน็ ความสขุ ทไี่ มเ่ ทย่ี งแทแ้ นน่ อน พอเวลา
ได้ก็สุข พอเวลาไม่ได้ก็จะทุกข์ เวลาได้มาแล้วเวลามันหมด
กจ็ ะท�ำใหท้ ุกข์ ผทู้ มี่ ีปัญญา ผ้ทู ่เี หน็ อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา
ก็จะไม่กลับไปหาความสุขระดับโลกิยะอีกต่อไป ก็จะบรรลุ
ข้ันท่ี ๑ ได้ คือข้ันพระโสดาบันได้ คือสามารถละความสุข
ที่ใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือ คือจะปล่อยวางร่างกายได้ ไม่รัก
ไม่เสียดายร่างกาย ไม่ยึดไม่ติดกับร่างกาย ร่างกายจะแก่จะ
เจ็บจะตายก็ปล่อยให้มนั แกไ่ ป อันน้ีกจ็ ะสามารถท่ีจะก้าวขน้ึ
สู่ธรรมของพระอริยบุคคลได้ คือป้องกันจิตใจไม่ให้ตกต่�ำได้

32 คุณสมบตั ิของพระธรรม

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

ไมใ่ หต้ กลงมาสกู่ ารเปน็ มนษุ ยก์ ารเปน็ เทวดาได้ ถา้ เรม่ิ พฒั นา
ปญั ญาไปตามขนั้ ขน้ั แรกนยี้ งั ตดิ การกลบั มาเกดิ ในกามภพอยู่
ยงั ตดิ ยงั กลบั มาเกดิ เปน็ มนษุ ยเ์ ปน็ เทวดาไดอ้ ยู่ เพราะยงั ไมไ่ ด้
ตัดกามารมณ์ให้หมดไป ตดั ไดบ้ างอยา่ งบางสว่ น แตไ่ ม่ได้ตดั
ทุกอย่าง ยังติดอยู่กับกามารมณ์ ยังติดอยู่กับการมีแฟนอยู่
ถา้ ไดพ้ จิ ารณาทางรา่ งกายของแฟนวา่ เปน็ อสภุ ะไมส่ วยไมง่ าม
ก็จะหายรักหายใคร่หายชอบร่างกายของแฟน ก็จะไม่อยาก
จะมแี ฟนตอ่ ไป ถ้ารู้วา่ รา่ งกายของแฟนนเี้ ป็นเหมือนซากศพ
เดินได้นี้เอง มีอาการ ๓๒ ที่ไม่สวยไม่งามซ่อนอยู่ภายใต้
ผิวหนงั ถา้ เหน็ ดว้ ยปัญญาแล้วก็จะตัดกามารมณ์ได้ ตัดความ
อยากมีแฟนได้ ก็จะไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป
เพราะวา่ ไมม่ คี วามอยากทจ่ี ะใชร้ า่ งกายไปมแี ฟนนนั่ เอง ถา้ ยงั
อยากมแี ฟนกต็ ้องมรี า่ งกายถึงจะไปมแี ฟนได้ อันน้กี จ็ ะท�ำให้
ไม่กลับมาเกิดในกามภพอีกต่อไป แต่ยังไปติดอย่กู ับความสขุ
ท่ีเกิดจากความสงบ ของขั้นฌานขน้ั ตา่ งๆ อยู่ อนั น้กี ็ตอ้ งใช้
ปญั ญาพจิ ารณาใหเ้ หน็ วา่ ฌานขน้ั ตา่ งๆ ความสงบขน้ั ตา่ งๆ น้ี
ก็ไม่เท่ียง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเราเหมือนกัน ก็ต้องปล่อยวาง
เหมือนกับปล่อยวางร่างกาย ถ้าปล่อยวางได้ก็จะไม่ติดใน
พรหมโลกอกี ต่อไป กจ็ ะหลดุ ออกไปสู่พระนพิ พานในท่ีสุดได้

คณุ สมบัตขิ องพระธรรม 33

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เล่ม ๗

นี่คือการพัฒนาของจิตใจ ตามค�ำส่ังค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ ทีเ่ ป็นค�ำสอนที่เป็นความจรงิ ๑๐๐ เปอรเ์ ซ็นต์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดอยู่นี้ ถ้าผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติตามได้
จะได้รับผลอย่างท่ีพูดอย่างแน่นอน เพราะว่ามีผู้ที่ได้ปฏิบัติ
ตามและได้รับผลมาแล้ว มายืนยันในค�ำสั่งค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ ทกุ ยคุ ทกุ สมยั คอื พระอรยิ บคุ คลขนั้ ตา่ งๆ นแี้ หละ
ท่ีท่านมายืนยันมาส่ังมาสอน เอาธรรมะของพระพุทธเจ้า
มาเผยแผส่ ่งั สอนใหแ้ กส่ ตั ว์โลกอยา่ งพวกเรา ที่ยังไม่ได้บรรลุ
ท่ียังไม่ได้มีดวงตาเห็นธรรมกัน ถ้าเราได้น�ำเอาไปปฏิบัติแล้ว
เราก็จะได้มีดวงตาเห็นธรรมปรากฏข้ึนมา แล้วเราก็จะได้
หลุดพน้ จากกองทุกข์ตา่ งๆ ธรรมอันนีเ้ ป็น อกาลิโก ไม่ว่าจะ
อยู่ในยุคใดสมัยใด ปฏิบัติในยุคใดสมัยใด สามารถท�ำให้เกิด
ผลข้ึนมาได้อย่างแน่นอน ขอให้เจริญเหตุให้พร้อมก็แล้วกัน
เหตุก็คือการปฏิบัติตามค�ำสั่งค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
ท่ีทรงสอนไว้ ๓ ระดับ คือ ให้ละการกระท�ำบาปท้ังปวง
ให้สร้างบุญสร้างกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อม ให้ช�ำระจิตใจ
ใหส้ ะอาดบรสิ ทุ ธ์ิ ก�ำจดั ความโลภความโกรธความหลงความ
อยากต่างๆ ท่ีมีอยู่ภายในจิตใจให้หมดส้ินไปเท่าน้ัน จิตใจก็
จะบรรลุข้นั มรรคผลนพิ พานขน้ั ต่างๆ จนถึงขน้ั สูงสุด ขั้นของ
พระอรหันต์ ขน้ั ของพระพทุ ธเจ้า แลว้ กจ็ ะอยูท่ ี่พระนพิ พาน

34 คณุ สมบัติของพระธรรม

พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต

ตอ่ ไป ค�ำวา่ อยทู่ น่ี พิ พาน กไ็ มใ่ ชส่ ถานท่ี อนั นก้ี เ็ ปน็ สถานภาพ
ของจิตใจของผู้ปฏิบัติทั้งหลายนี้แหละ พอส้ินกิเลสแล้ว
สิ้นความอยากแล้ว ไม่มีตัณหาความอยากหลงเหลืออยู่
ในใจแลว้ ไมม่ คี วามโลภความโกรธความหลง หลงเหลอื อยใู่ น
ใจแลว้ จติ ใจดวงนแี้ หละกเ็ ปลยี่ นชอื่ เปน็ นพิ พาน ไปเทา่ นนั้ เอง
ถา้ ยังเป็นโสดาบนั เราก็จะเรียกจติ ใจดวงน้วี ่า โสดาบัน พอได้
เปน็ สกทิ าคามกี เ็ ปลย่ี นชอ่ื เปน็ สกทิ าคามี พอไดเ้ ปน็ อนาคามี
ก็เปลี่ยนชื่อเป็น อนาคามี พอได้ข้ันอรหันต์ก็เปล่ียนช่ือเป็น
อรหันต์ พอได้เป็นอรหันต์ก็จะได้นิพพานเป็นผลตอบแทน
เปน็ รางวลั กค็ อื ไดน้ พิ พาน ไดจ้ ติ ใจทสี่ ะอาดบรสิ ทุ ธิ์ จะเรยี กวา่
นิพพานกบั พระอรหันตน์ ี้เป็นอันหน่ึงอันเดียวกันก็ได้ พอเป็น
พระอรหนั ต์ อรหนั ต์ กค็ อื ไดก้ �ำจดั ความอยากทงั้ หลายใหห้ มด
สิ้นไป พอหมดสน้ิ ไป จิตใจกเ็ ปน็ นิพพานขนึ้ มาทนั ที นิพพาน
ก็คือจิตใจท่ีไม่ไปเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป จะไม่ไปเกิดเป็น
มนุษย์ ไม่ไปเกิดเป็นเทวดา ไม่ไปเกิดเป็นพรหม อย่าว่าแต่
การไปเกดิ เปน็ สตั วเ์ ดรจั ฉานหรอื เปน็ เปรตหรอื ไปตกนรกเลย
อันน้ีปิดได้ตั้งแต่เป็นพระอริยบุคคลข้ันท่ี ๑ พอได้เป็น
พระโสดาบันแล้วจิตใจนีจ้ ะไม่ตกลงไปส่อู บายอีกต่อไป ถ้ายัง
เวยี นวา่ ยตายเกดิ อยกู่ จ็ ะเวยี นวา่ ยในภพของมนษุ ยข์ องเทวดา
และภพของพรหม ไปจนกวา่ จะสามารถปฏบิ ตั ถิ งึ ขนั้ สงู สดุ ได้

คุณสมบัตขิ องพระธรรม 35

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

พอถึงขั้นสูงสุดคือขั้นพระนิพพานแล้ว ก็ไม่มีการเวียนว่าย
ตายเกิดอกี ต่อไป
นแี่ หละคือธรรมของพระพุทธเจา้ ที่เรยี กวา่ สวากขาโต
ภควตา ธัมโม เป็นธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว เป็น สันทิฏฐิโก
เป็นธรรมที่ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ได้เห็นได้ด้วยตนเอง
เปน็ อกาลิโก เป็นธรรมที่ไม่มีวันเปลีย่ นแปลงทกุ ยุคทุกสมยั
เป็นธรรมท่ีสดๆ ร้อนๆ เสมอ สดๆ ร้อนๆ เหมือนในสมัย
พทุ ธกาล สดๆ รอ้ นๆ ในปจั จบุ นั นก้ี ส็ ดๆ รอ้ นๆ เหมอื นในสมยั
พุทธกาล สดๆ รอ้ นๆ เหมอื นในอนาคตเพราะธรรมน้ีไม่เสอื่ ม
เหมอื นอาหาร อาหารนพี้ อออกมาจากเตาใหมๆ่ กส็ ดๆ รอ้ นๆ
พอทิ้งไว้สักพักหนึ่งเดี๋ยวก็เย็นข้ึนอืดขึ้นมา อันนี้ธรรมของ
พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นเหมือนอาหาร ไม่ได้เป็นเหมือนสินค้า
ตา่ งๆ ทจ่ี ะต้องเส่ือมที่จะต้องเกา่ แตธ่ รรมของพระพุทธเจา้
น้ีไม่เสื่อมไม่เก่า สดๆ ร้อนๆ ตลอดเวลา เราจึงเรียกว่า
รสแหง่ ธรรมชนะรสทง้ั ปวง นเ้ี อง ขอใหท้ า่ นจงนอ้ มเอาธรรม
เหลา่ นไ้ี ปปฏิบัติเถิด เรียกว่า โอปนยิโก แลว้ ผลต่างๆ ทจี่ ะ
พงึ ไดก้ จ็ ะปรากฏขน้ึ มาตามล�ำดบั อยา่ งแน่นอน

36 คุณสมบตั ิของพระธรรม

พระธาตุ

๒๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๒

การที่เขาบอกว่าเป็นพระธาตุของพระพุทธเจ้านี้
กเ็ ปน็ การยนื ยนั วา่ มพี ระพทุ ธเจา้ จรงิ มพี ระพทุ ธเจา้
มาตรัสรู้ มาเผยแผ่ธรรมให้แก่สัตว์โลก แล้วสัตว์
โลกผู้ที่น้อมน�ำเอาค�ำส่ังค�ำสอนของพระพุทธเจ้า
ไปปฏิบัติ ก็สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้
ใครอยากจะหลุดพ้นจากความทุกข์ก็ต้องศึกษา
พระธรรมค�ำสอนของพระพทุ ธเจ้า เมื่อศกึ ษาแลว้ ก็
ต้องน�ำเอาไปปฏบิ ตั ิ

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต

พระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปแล้ว ร่างกายของท่านก็ได้
รับการฌาปนกจิ ไปเรียบร้อยแลว้ พระธาตกุ ไ็ ดร้ ับการแจกไป
เพอื่ บรรจตุ ามสถานทต่ี า่ งๆ แลว้ ทนี ม้ี าจากไหนอกี ละ่ มากม็ า
ก็ไม่ได้เปล่ียนแปลงอะไร พระธาตุก็เป็นพระธาตุ พระธาตุ
ก็เป็นกระดูกของพระอรหันต์ของพระพุทธเจ้า หลังจากท่ี
ร่างกายส้ินลมแล้ว ท�ำการฌาปนกิจแล้ว ก็จะเหลือส่วนท่ี
เป็นอัฐกิ ับข้ีเถา้ อัฐบิ างส่วนก็เปน็ ธาตุ แล้วเป็นธาตุก็เปน็ การ
รับรอง หรือว่ายืนยันว่า ร่างกายของพระรูปน้ีหรือฆราวาส
คนน้ี ได้ปฏิบัติจิตหลุดพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตายแล้ว เป็น
พระอรหันตสาวกแล้ว ในขณะท่ียังมีชีวิตอยู่หลังจากท่ีได้
บรรลุถึงพระนิพพานแล้ว จิตก็เป็นจิตท่ีบริสุทธิ์ ปราศจาก
กิเลสตัณหา จิตท่ีบริสุทธิ์นี้ ท่านบอกว่าจะซักฟอกกระดูก
บางส่วนบางชิ้น บางจุดให้กลายเป็นธาตุขึ้นมา อันน้ีเป็น
เฉพาะจติ ทบ่ี รสิ ทุ ธ์ิ ถา้ จติ ไมบ่ รสิ ทุ ธน์ิ จี้ ะไมส่ ามารถฟอกธาตุ
หรือแปลงธาตุแปลงกระดูกให้เป็นพระธาตุได้ อันนี้ก็เป็น
เหมือนกับการรับรอง ว่าบุคคลนั้นขณะที่มีชีวิตอยู่ได้บรรลุ
ถึงพระนิพพานแล้ว ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเกิดแก่
เจ็บตายแลว้ แตส่ �ำหรับบางทา่ นท่จี ติ ไดห้ ลุดพ้นแลว้ แต่ถ้า
เวลาระหว่างท่ีหลุดพ้นกับเวลาท่ีตาย มันเป็นระยะเวลา

พระธาตุ 39

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เล่ม ๗

ไม่นาน ท่านบอกว่ากระดูกก็อาจจะไม่กลายเป็นพระธาตุ
ก็ได้ เพราะว่าเวลาในการที่จะแปลงหรือซักฟอกกระดูก
ให้เป็นธาตุมันมีระยะเวลาไม่นาน เพราะฉะนั้น บางทีก็ดูที่
พระธาตุไม่ได้ว่าผู้ท่ีล่วงลับไปแล้วน้ีได้บรรลุถึงพระนิพพาน
หรือไม่ เพราะถ้าท่านบรรลุแล้วตายไปในระยะเวลาอันใกล้
กระดูกกจ็ ะไมก่ ลายเปน็ พระธาตุขนึ้ มา
ฉะน้ัน เร่ืองดูร่างกาย ดูธาตุก็ไม่แน่นอน ๑๐๐
เปอรเ์ ซ็นต์ คือถ้าเปน็ ธาตุก็ ๑๐๐ เปอร์เซน็ ต์ แต่ถา้ ไม่เป็น
ก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นหรือไม่เป็น นอกจากผู้ที่ได้อยู่ในระดับ
เดียวกันและได้สนทนากัน พูดคุยเก่ียวกับเร่ืองการปฏิบัติ
และผลของการปฏิบัติ ก็จะรู้กัน เช่น หลวงตาน่ีท่านชอบ
ไปคุยกับครูบาอาจารย์ต่างๆ องค์ที่ท่านคิดว่าส�ำเร็จแล้ว
ท่านก็จะไปสนทนา หลังจากสนทนาแล้วท่านก็จะรับรองว่า
ท่านส�ำเร็จแล้ว เคยได้ยินท่านเล่าเรื่องคุยกับหลวงปู่แหวน
และคุยกับหลวงปู่ขาว ท่านมีโอกาสได้คุยกันสนทนากัน
ถามเรอื่ งการปฏบิ ตั กิ นั จนทา่ นกไ็ มส่ งสยั ในตวั ของหลวงปแู่ หวน
ในตัวหลวงป่ขู าว อนั น้ีก็จะร้ไู ด้เฉพาะผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกนั
ผู้ท่ีอยู่ระดับต่�ำกว่าจะไปสอบภูมิของผู้ท่ีมีระดับท่ีสูงกว่า

40 พระธาตุ

พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

ย่อมเป็นไปไม่ได้ ผู้ท่ีจบปริญญาตรีจะไปสอบภูมิของ
ปริญญาโทนี้ไม่ได้ ผู้ท่ีจบโทจะไปสอบภูมิของผู้ที่จบปริญญา
เอกไม่ได้ เพราะว่ายังไม่ได้เรียนถึงข้ันน้ัน แต่ผู้ท่ีจบอยู่ขั้น
เดียวกันนี้พอที่จะสอบถามกันได้ เพราะต้องเรียนเหมือนกัน
ต้องผ่านการเรียนการสอบมาเหมือนกัน ผู้ท่ีมีภูมิที่สูงกว่า
จะรู้ผู้ที่มีภูมิที่ต่�ำกว่า แต่ผู้ท่ีมีภูมิที่ต่�ำกว่าน้ีจะไม่รู้ผู้ที่มี
ภูมิท่ีสูงกว่า จะรู้เฉพาะผู้ที่มีภูมิเท่ากันหรือต่�ำกว่า อย่าง
พระโสดาบันน้ีจะไม่รู้ว่าองค์นี้เป็นพระสกิทาคาหรือเปล่า
องคน์ เ้ี ปน็ พระอนาคาหรอื เปลา่ องคน์ เี้ ปน็ พระอรหนั ตห์ รอื เปลา่
คือจะไม่รู้แบบแน่ใจ อาจจะรู้เพราะความเลื่อมใสศรัทธา
อย่างพวกเราไปกราบไหว้ครูบาอาจารย์รูปน้ันรูปนี้ เราก็มี
ความศรัทธาความเชื่อว่าท่านได้ถึงภูมิน้ันภูมิน้ีแล้ว แต่ก็เป็น
ความเช่ือที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากการปฏิบัติของเราเอง
จากปัญญาของเราเอง เปน็ การเชื่อ เปน็ ศรัทธาความเชอ่ื
แต่ที่ได้ยินเร่ืองพระธาตุเสด็จมาจากท่ีนั้นท่ีน้ี อันน้ีก็
ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมารับรองความเป็นจริงว่าจริงหรือไม่
อยา่ งไร มคี นเคยเอาพระธาตมุ าใหเ้ รา เรากร็ บั ไวแ้ ตเ่ รากไ็ มร่ วู้ า่
เป็นพระธาตุหรือเป็นอะไร เพราะมันก็เป็นธาตุ อาจจะเป็น

พระธาตุ 41

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลม่ ๗

ธาตธุ รรมดากไ็ ด้ ธาตุ กค็ อื กอ้ นหนิ เลก็ ๆ ดบู างทกี เ็ ปน็ เหมอื น
เพชรเหมือนพลอยหรืออะไรท�ำนองน้ัน แต่มันไม่มีที่มาที่ไป
ดังน้ัน พระพุทธเจ้าก็ทรงบอกว่าให้ใช้กาลามสูตร ค�ำว่า
กาลามสูตร ก็คืออย่าไปเชื่อโดยท่ีเรายังไม่สามารถไป
พสิ จู นไ์ ด้ วา่ เปน็ อยา่ งนนั้ จรงิ หรอื ไม่ แตก่ ไ็ มใ่ หป้ ฏเิ สธ ไมเ่ ชอื่
แต่ไม่ปฏิเสธ ก็รับฟังไว้เฉยๆ เขาว่าเป็นธาตุเสด็จมาก็รับฟัง
ไปว่าเป็นธาตเุ สด็จมา เสดจ็ มาอย่างไร มเี ครือ่ งบินมีรถมีเรือ
หรือมีอะไรพาให้ท่านเสด็จมา แล้วเป็นของพระพุทธเจ้า
องคไ์ หน องคน์ ีห้ รอื องค์ไหน คือมันไมม่ ีทีม่ าที่ไปนะ เหมอื น
เวลาทเี่ ขาเอาของมาขายแลว้ บอกวา่ เปน็ นนู่ เปน็ น่ี เปน็ ทองค�ำ
แท้แต่ไม่มีหนังสือรับรองอะไรอย่างน้ี เราจะไปเช่ือเขา
หรือเปล่า เราก็ต้องขอเอาไปสอบถามท่ีร้านขายทองก่อน
ไปถามผ้ทู ีร่ ู้วา่ ทองนีเ้ ป็นทองจรงิ หรอื ทองไมจ่ ริง ถงึ จะเชอ่ื ได้
แตถ่ ้าไมม่ ีทมี่ าที่ไปไม่มีการรบั รอง กไ็ ม่รู้ว่าจะเป็นจรงิ หรือไม่
หรอื อาศยั วา่ เราเชอื่ เครดติ ของคนทพี่ ดู คนทเ่ี ขาเอามาบอกวา่
เปน็ ทองจรงิ ๆ อันนก้ี ม็ โี อกาสท่จี ะถูกหลอกได้ ถา้ ไมไ่ ด้พสิ จู น์
จากผทู้ รี่ จู้ รงิ เหน็ จรงิ อนั นก้ี เ็ ปน็ เรอ่ื งของความเชอ่ื ซงึ่ ความเชอื่
น้ีมันก็มีแบบว่าเช่ือแบบงมงาย เช่ือเลย ใครเขาว่าอะไรมาก็
เช่ือเลย แต่ไม่รู้จริงหรือไม่จริง ได้มาแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์

42 พระธาตุ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

อะไรกับเรา ไม่ไดเ้ ปลีย่ นแปลงอะไร ชีวิตของเรากเ็ หมอื นเดิม
กิเลสก็ไม่ได้หายไปจากจิตจากใจ อันน้ีเชื่อแบบนี้ก็ไม่เป็น
ประโยชนอ์ ะไร สูเ้ ชอ่ื แบบท�ำใหก้ ิเลสหายดีกว่า
เช่ือแบบท�ำให้กิเลสหายเชื่อยังไง ก็ต้องเช่ือแบบ
ท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนให้เช่ือ สอนให้เชื่อว่าค�ำสอนของ
พระพุทธเจ้า ถ้าน�ำเอาไปปฏิบัติกิเลสก็จะหลุดออกจาก
ใจได้ อันน้ีพิสูจน์ได้ เป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ ค�ำสอนของ
พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงบอกเป็นค�ำสอนที่จะท�ำให้
ผู้ปฏิบัติได้สิ้นกิเลส ได้ท�ำให้กิเลสทั้งหมดที่มีอยู่ในใจหาย
หมดไปจากใจ อันนี้เช่ือแล้วต้องไปพิสูจน์ ไม่ใช่ให้เชื่อเฉยๆ
ไม่ให้เชื่อว่าพอเชื่อปั๊บกิเลสจะหลุดออกจากใจเลย จะเป็น
พระอรหันต์เลย ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ก็ดี พวกเราจะได้ไม่ต้อง
มาทุกข์ยากล�ำบากกับการปฏิบัติ เพียงแต่เชื่ออย่างเดียว
พอเชื่อว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางสู่การหลุดพ้นจาก
ความทุกข์ทั้งหลาย พอเช่ือปั๊บความทุกข์ก็หายหมดไปจาก
ใจเลย อนั น้กี ด็ ี แตถ่ า้ ไมเ่ ช่ือเลยก็ไมไ่ ด้อกี นนั่ แหละ คอื ถา้ เจอ
ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วได้ยินว่า ถ้าได้ปฏิบัติตาม
ค�ำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว จะหลุดพ้นจากความทุกข์

พระธาตุ 43

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลม่ ๗

ท้ังปวง ก็ไม่เช่ือ ไม่เชื่อกลัวจะถูกหลอก กลัวว่าเป็นความ
งมงาย ไม่เช่ือก็เลยไม่ปฏิบัติตาม เมื่อไม่ปฏิบัติตามก็เลย
ไมร่ วู้ า่ ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ น้ี สามารถท�ำจติ ใจใหห้ ลดุ พน้
จากความทุกข์ต่างๆ ได้หรือไม่ ความเช่ือทางศาสนานี้
เป็นความเช่ือให้เราเชื่อเพ่ือท่ีเราจะได้น�ำเอาไปพิสูจน์ เช่ือ
๕๐:๕๐ ก่อน เชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้แต่ยังไม่แน่ใจ ๑๐๐
เปอร์เซ็นต์ เพราะยังไม่เห็นผลท่ีจะเกิดขึ้น ว่าจะเกิดข้ึนจริง
หรือไม่ ต้องน�ำเอาไปปฏิบัติ พอน�ำไปปฏิบัติแล้วกิเลสค่อย
หายไปทีละตัวสองตัว ความทุกข์ค่อยหายไปทีละตัวสองตัว
ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ยิ่งปฏิบัติมากกิเลสก็ยิ่งหลุดมากหายมาก
ความทกุ ข์กห็ ายมาก อยา่ งนี้ก็เช่อื ๑๐๐ เปอร์เซน็ ต์ เชื่อว่า
พระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นค�ำสอนเพ่ือน�ำไปสู่
การสนิ้ สดุ แห่งความทุกข์ท้งั หลาย ตอ้ งเชอ่ื แบบน้ี แล้วมันจะ
ไดม้ ปี ระโยชนก์ ับเรา
แต่การเชื่อว่าพระธาตุเสด็จมา เช่ือแล้วท�ำอะไรต่อไป
ก็เก็บไว้ในเจดีย์ อีกสองวันก็ลืมไปแล้ว ก็ปล่อยให้ท่านอยู่
ในเจดีย์ไป เราก็ไม่ได้ท�ำอะไร ไม่ได้ปฏิบัติตามค�ำสั่งค�ำสอน
เพราะการเชื่อพระธาตุน้ี ไม่ได้บอกว่าจะต้องปฏิบัติตาม

44 พระธาตุ

พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต

ค�ำสั่งค�ำสอน หรือว่าความเช่ือนี้น�ำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าเช่ือว่า
พระพทุ ธเจา้ มจี รงิ ค�ำสงั่ ค�ำสอนของพระพทุ ธเจา้ น้ี เปน็ ค�ำสอน
ที่จะยังประโยชน์ให้แก่ผู้ปฏิบัติ ให้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์
ทั้งหลาย ถา้ เชื่อแล้วลองไปปฏบิ ัตดิ ูกจ็ ะไดร้ บั ผลตามท่ีได้ยนิ
ได้ฟังมา ถ้าเชื่อแบบน้ีก็ดี คือการที่มีพระธาตุนี้ การท่ีเขา
บอกว่าเป็นพระธาตขุ องพระพทุ ธเจ้านี้ ก็เป็นการยนื ยันวา่
มพี ระพทุ ธเจา้ จริง มีพระพทุ ธเจา้ มาตรัสรู้ มาเผยแผธ่ รรม
ใหแ้ กส่ ตั วโ์ ลก แลว้ สตั วโ์ ลกผทู้ นี่ อ้ มน�ำเอาค�ำสง่ั ค�ำสอนของ
พระพุทธเจา้ ไปปฏิบัติ ก็สามารถหลดุ พ้นจากความทุกข์ได้
ใครอยากจะหลุดพ้นจากความทุกข์ก็ต้องศึกษาพระธรรม
ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เม่ือศึกษาแล้วก็ต้องน�ำเอาไป
ปฏิบัติ อันนี้กเ็ ปน็ เหมอื นกับหนา้ ที่ของพระธาตุ พระธาตนุ มี้ ี
ไว้เพื่อให้เราได้รู้ว่ามีพระพุทธเจ้าจริง เม่ือมีพระพุทธเจ้าจริง
พระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้าก็ต้องเป็นจริง แล้วก็ถ้า
ค�ำสอนเปน็ จรงิ ผทู้ บ่ี รรลเุ ปน็ พระอรยิ สงฆส์ าวกกต็ อ้ งเปน็ จรงิ
อันนี้เป็นเรื่องท่ีเกี่ยวกับความเชื่อ ที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
หาอุบายต่างๆ มาหว่านล้อมให้จิตใจของผู้ที่ยังไม่ได้เข้าถึง
พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดมศี รัทธาความเชื่อขน้ึ มา
อย่างน้อยก็ไม่ให้ปฏิเสธ อย่างน้อยก็ไม่ให้ไปปฏิเสธแบบ

พระธาตุ 45

ธรรมะสดๆ รอ้ นๆ เลม่ ๗

ไมเ่ ชอ่ื เลย อยา่ งนอ้ ยใหเ้ ชอ่ื แลว้ กล็ องใหไ้ ปพสิ จู นด์ อู กี ที แตถ่ า้
เชอ่ื แลว้ ไมพ่ สิ จู นม์ นั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชนอ์ ยดู่ ี เชอื่ แลว้ กไ็ มส่ นใจ
ท่ีจะศึกษาพระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่สนใจที่จะ
น�ำเอาไปปฏิบตั ิ การทเี่ ช่ือวา่ มพี ระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
ก็ยังไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร แต่ถ้าเอาไปปฏิบัติก็จะเป็น
ประโยชน์ ประโยชนท์ ่จี ะไดก้ เ็ ป็นประโยชน์ ๒ ระดบั ระดับ
โลกิยะกับระดับโลกุตระ อยู่ท่ีความสามารถ อยู่ที่ศรัทธา
วิรยิ ะอตุ สาหะของผู้ศึกษาผปู้ ฏบิ ัตวิ า่ จะปฏบิ ตั ใิ นระดบั ไหน
ถ้าปฏิบัติในระดับโลกิยะก็จะได้ประโยชน์ในระดับโลกิยะ
ระดบั โลกยิ ะกค็ อื ระดบั ของผคู้ รองเรอื นเปน็ สว่ นใหญ่ ฆราวาส
ผคู้ รองเรือน
ถ้าระดับโลกุตระนี้ก็เป็นระดับของนักบวช เพราะการ
จะเข้าสู่ระดับโลกุตระได้น่ี จะต้องมีเวลาปฏิบัติอย่างเต็มที่
ถา้ เปน็ ผู้ครองเรือนยังมภี ารกิจหน้าทต่ี า่ งๆ อยู่ จะไมส่ ามารถ
ท่ีจะปฏิบัติเข้าสู่ระดับโลกุตระได้ ยกเว้นผู้ครองเรือนบางคน
ที่ไม่มีภารกิจการงานต่างๆ ให้ท�ำ อยู่เหมือนกับเป็นนักบวช
แต่ไม่ได้บวช แต่ก็มีเวลาปฏิบัติเท่าเทียมกับนักบวช และ
สามารถปฏบิ ตั ทิ �ำระดบั เดยี วกบั นกั บวชได้ กส็ ามารถบรรลไุ ด้

46 พระธาตุ

พระอาจารย์สชุ าติ อภชิ าโต

แตเ่ ปน็ สว่ นนอ้ ย ผคู้ รองเรอื นทจ่ี ะบรรลโุ ลกตุ รธรรม คอื ธรรม
ของพระอรยิ บคุ คลขนั้ ตา่ งๆ ตงั้ แตข่ น้ั พระโสดาบนั ขนึ้ ไปจนถงึ
ขน้ั ของพระอรหนั ต์ เพราะการจะบรรลธุ รรมขน้ั ระดบั โลกตุ ระ
ได้น้ี ผู้ปฏิบัตินี้ต้องปฏิบัติอย่างเต็มท่ีไม่มีภารกิจอย่างอื่น
ถงึ แมม้ าเป็นนักบวชแต่ถา้ ไปท�ำภารกิจอยา่ งอ่นื ก็ไม่บรรลุกัน
ค�ำว่าการเป็นนักบวชน้ี ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะเข้าถึง
โลกุตระธรรม นักบวชนี้ถ้าไปเกี่ยวข้องกับภารกิจอย่างอ่ืน
ไม่เกี่ยวกับภารกิจที่จะน�ำไปสู่การบรรลุโลกุตรธรรม ก็จะ
บรรลุไม่ได้ นักบวชน้ีท่านให้ท�ำธุระ ๒ อย่าง คันถธุระกับ
วิปัสสนาธุระ คันถธุระ ก็ให้ศึกษาพระธรรมค�ำสอนของ
พระพุทธเจ้า แล้วก็น�ำเอาไปปฏิบัติ เรียกว่า วิปัสสนาธุระ
คันถะคือการศึกษา วิปัสสนาธรุ ะคือการปฏบิ ตั ิ แตถ่ า้ ไปท�ำ
ภารกจิ อยา่ งอนื่ ไมว่ ่าจะเปน็ ภารกจิ เก่ยี วขอ้ งกบั ศาสนาหรือ
ไมเ่ กีย่ วข้องกับศาสนา พระบางรปู ท่านกไ็ ปท�ำภารกิจท่ีเกย่ี ว
กบั เรอื่ งของการช่วยเหลือคน ชว่ ยเหลอื เด็กพกิ าร ชว่ ยเหลือ
เด็กยากจน เปิดโรงเรียนเด็กก�ำพร้า มีโรงเล้ียงเด็กก�ำพร้า
ท�ำประโยชน์ทางโลกทางสังคม
อันน้ีถ้าท่านยังอยู่ในขั้นท่ีต้องปฏิบัติต้องศึกษาอยู่
ท่านก็จะไม่มีโอกาสท่ีจะบรรลุธรรมขั้นโลกุตระได้ ท่านก็จะ

พระธาตุ 47

ธรรมะสดๆ ร้อนๆ เลม่ ๗

ได้ท�ำในระดับโลกิยะ คือธรรมระดับทานกับศีล ๕ เป็นพระ
กร็ กั ษาศลี ๒๒๗ นี่ กม็ ศี ีล ๕ อย่ใู นนน้ั แล้วกท็ �ำทานมีลาภ
สักการะมาก็เอาไปท�ำประโยชน์ให้กับทางโลก ช่วยเหลือ
สงเคราะหผ์ ทู้ ต่ี กทกุ ขไ์ ดย้ ากเดอื ดรอ้ นในรปู แบบตา่ งๆ จะเปน็
โรงเรียน โรงพยาบาลหรือเป็นอะไรกต็ าม แต่ไมไ่ ด้เอาเวลาไป
ศึกษา ไปปฏิบัติคันถธุระ วิปัสสนาธุระ ก็จะไม่สามารถเข้า
สู่โลกุตรธรรมได้ถึงแม้จะเป็นนักบวชก็ตาม แต่ไม่ท�ำหน้าที่
ของนกั บวช ไม่ท�ำงานของนักบวชไมท่ �ำธุระของนักบวช ธุระ
ของนักบวชก็คือคันถธุระ วิปัสสนาธุระ แต่ไปท�ำธุระของ
ผู้ครองเรือน แต่ส�ำหรับพระท่ีท่านส�ำเร็จงานของท่านแล้ว
ท่านผ่านคันถธุระแล้ว วิปัสสนาธุระแล้ว ท่านจะมาท�ำงาน
ทางโลกิยะนี้ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรกับท่าน เพราะท่านได้
โลกตุ รธรรมแลว้ ทา่ นไดบ้ รรลเุ ปน็ พระอรหนั ตแ์ ลว้ ทา่ นไมต่ อ้ ง
กลับมาเวียนว่ายตายเกิดแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ ท่านก็อาจจะ
เอามาสงเคราะห์โลก เพราะว่ามีสมรรถภาพ มีก�ำลังท่ีจะ
ท�ำได้ เนอื่ งจากมผี มู้ ศี รทั ธาเลอื่ มใสไดถ้ วายลาภสกั การะตา่ งๆ
ให้เป็นจ�ำนวนมาก ท่ีท่านไม่จ�ำเป็นที่จะต้องใช้กับวัดกับ
ศาสนา ท่านก็เอาไปสงเคราะห์โลก แล้วแต่ว่าจะสงเคราะห์
ในรปู แบบไหนกแ็ ลว้ แตอ่ ธั ยาศยั ของทา่ น อนั นกี้ ไ็ มเ่ ปน็ ปญั หา

48 พระธาตุ

พระอาจารยส์ ุชาติ อภิชาโต

อะไร ปัญหาอยทู่ ่ีผูท้ มี่ าบวชมาเป็นนักบวชน้ีว่ารู้ขน้ั ตอนของ
การท�ำธุระเหลา่ นหี้ รอื เปลา่ ว่าอนั ไหนมาก่อนมาหลงั ถา้ มา
บวชแล้วเห็นครูบาอาจารย์ท่านไปท�ำสงเคราะห์โลก ก็อยาก
จะท�ำตาม แตไ่ มไ่ ดเ้ หน็ ตอนทที่ า่ นไปท�ำคนั ถธรุ ะ วปิ สั สนาธรุ ะ
มาเหน็ ตอนทท่ี า่ นมาท�ำงานทางโลก กอ็ าจจะประสานงานของ
ทา่ นตอ่ รบั ท�ำงานตอ่ ชว่ ยสงเคราะหโ์ ลกตอ่ อนั นเี้ ปน็ นกั บวช
แบบน้กี ไ็ มม่ โี อกาสที่จะเข้าถงึ โลกุตรธรรมไดเ้ ช่นเดียวกัน
ฉะน้ัน ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรือฆราวาสผู้ครองเรือน
ไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นนักบวชหรือฆราวาสเพียงอย่างเดียว ที่จะ
ท�ำให้ได้รับธรรมในระดับน้ันหรือระดับน้ี เช่น ถ้าบอกว่า
ถ้าเป็นฆราวาสน้ีต้องได้แค่โลกิยธรรม คือได้สวรรค์ช้ันต่างๆ
เวลาตายไป แตแ่ ลว้ ก็ต้องกลบั มาเกดิ ใหม่ อันนี้กไ็ มใ่ ช่ เพราะ
ฆราวาสบางทา่ นกส็ ามารถเขา้ ถงึ โลกตุ รธรรมได้ จะไปบอกวา่
นักบวชทุกคนจะเข้าสู่โลกุตรธรรมได้ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน
เพราะบางองค์ ย่ิงสมัยนี้มีน้อยมากของพระที่เป็นนักบวชนี่
ที่จะเข้าถึงระดับโลกุตรธรรมได้ ระดับของพระอริยเจ้า
มบี วชกนั เปน็ แสนแต่ท่ไี ด้ยินได้ฟังวา่ เป็นพระอริยะนีม้ ไี ม่รถู้ งึ
พันหรอื เปล่า เพราะไม่มกี ารท�ำสถติ ิ ไมม่ ใี ครท�ำส�ำรวจ นา่ จะ

พระธาตุ 49


Click to View FlipBook Version