The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yameen, 2022-05-14 03:31:32

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

แผนการสอนวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 2

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 1 องค์ประกอบของระบบนิเวศ

ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
6. ครูต้งั ประเด็นให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายว่า เช่น
- หากองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิตในระบบนิเวศมีการเปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลต่อองค์ประกอบ
ท่มี ชี ีวติ หรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: ส่งผล เนื่องจากองค์ประกอบท่ีไม่มีชีวิตมีปฎิสัมพันธ์กับองค์ประกอบที่มีชีวิต
หากมีการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบที่ไม่มีชีวิตย่อมส่งผลต่อองค์ประกอบที่มีชีวิตใน
ระบบนิเวศ เชน่ อุณหภมู ิ ในปจั จบุ นั อุณหภมู ิของโลกท่เี พ่ิมสงู ขนึ้ อยา่ งมากทาใหเ้ กดิ ภาวะ
โลกร้อนซึ่งส่งผลตอ่ สงิ่ มีชีวติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ เชน่ ส่ิงมชี วี ติ ที่อาศัยบรเิ วณขว้ั โลก (หมี
ขวั้ โลก นกเพนกวนิ ) ขาดแคลนแหลง่ ทีอ่ ยู่อาศัยและแหล่งอาหารเนื่องจากการละลายของ
น้าแขง็ ขว้ั โลก)
- หากส่ิงมีชีวิตบางชนิดในระบบนิเวศมีการเปล่ียนแปลงจานวนไปอย่างมากจะส่งผลต่อ
ส่งิ มชี ีวติ อื่นหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: ส่งผล เน่ืองจากส่ิงมีชีวิตบางชนิดเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้ล่าท่ีจาเพาะต่อส่ิงมีชีวิต
อ่ืน ๆ ซึ่งหากส่ิงมีชีวิตเหล่าน้ีลดจานวนลงอย่างมากหรือสูญพันธ์จะส่งผลกระทบต่อ
สิ่งมีชีวิตท่ีเป็นเหย่ือเนื่องจากขาดผู้ล่าในการควบคุมจานวนประชากร หรือส่งผลกระทบ
ต่อสิ่งมีชวี ิตท่ีเปน็ ผูล้ า่ เน่ืองจากขาดแคลนอาหาร)
7. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง ปฏิสมั พันธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศ

ข้ันสรุป

ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับองค์ประกอบของระบบนิเวศ โดยมีแนวการสรุป ดังน้ี
“ระบบนิเวศประกอบไปด้วยองค์ประกอบท่ีไม่มีชีวิต แบ่งออกเป็นสารอนินทรีย์ (น้า แร่ธาตุ
แก๊ส) สารอินทรีย์ (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพิด วิตามิน กรดนิวคลีอิก) และสภาพแวดล้อม
ทางกายภาพ (แสง อุณหภูมิ ดิน ความเป็นกรด-เบสของดินและน้า) และประกอบด้วย
องค์ประกอบที่มีชีวิต ได้แก่ ผู้ผลิตเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีสามารถสร้างอาหารเองได้ ผู้บริโภคเป็น
สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ แต่ดารงชีวิตโดยบริโภคสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร และ
ผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ แต่ดารงชีวิตโดยสร้าง
เอนไซมอ์ อกมายอ่ ยสลายซากสิง่ มีชีวติ แลว้ ดดู ซึมเข้าสูเ่ ซลล์ ซึ่งองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของระบบ
นิเวศตอ้ งมปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั อยา่ งเหมาะสมเพือ่ ทาให้ระบบนิเวศสามารถดารงอยู่ได้
2. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ระบบนิเวศ
3. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม สารวจระบบนิเวศในท้องถนิ่
4. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ปฏสิ ัมพันธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศ

150

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 1 องค์ประกอบของระบบนเิ วศ

5. ครตู รวจ Exercise 1.1 จากสื่อการเรยี นรู้ สมั ฤทธ์มิ าตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
6. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการนาเสนอผลงาน

พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทางานกลมุ่

10. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ

10.1 การประเมินก่อนเรียน

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมนิ ตามสภาพ
จริง
กอ่ นเรยี น หนว่ ย กอ่ นเรยี น

การเรียนรู้ท่ี 1

เรื่อง ระบบนิเวศ

10.2 ประเมนิ ระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

การเรียนรู้

1) องคป์ ระกอบของ - ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 - ใบงานที่ 1.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ระบบนเิ วศ - ตรวจ Exercise 1.1 - Exercise 1.1 - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
2) การปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2

กิจกรรม กจิ กรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรม ผา่ นเกณฑ์

3) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
นาเสนอ นาเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม

ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล

5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม

ทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม

6) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ

อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั คณุ ลกั ษณะ

ในการทางาน อันพงึ ประสงค์

151

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 1 องค์ประกอบของระบบนิเวศ

11. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
11.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
ระบบนิเวศ
2) ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง ปฏสิ มั พนั ธ์ขององค์ประกอบของระบบนิเวศ
3) บัตรภาพสง่ิ มีชวี ติ ในสิง่ แวดล้อม
11.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) สื่อออนไลน์

152

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 1 องค์ประกอบของระบบนเิ วศ

ใบงานที่ 1.1.1

เรื่อง ปฏิสัมพนั ธ์ขององค์ประกอบของระบบนเิ วศ

คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นสืบค้นขอ้ มลู และยกตัวอยา่ งปฏสิ ัมพันธ์ขององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศ

ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบท่มี ชี วี ติ กบั องค์ประกอบที่มีชีวติ

ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบที่มีชวี ิตกบั องค์ประกอบทไ่ี มม่ ีชีวติ

153

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 ระบบนเิ วศ เฉลย
แผนฯ ที่ 1 องค์ประกอบของระบบนิเวศ

ใบงานท่ี 1.1.1

เรอ่ื ง ปฏสิ มั พันธข์ ององค์ประกอบของระบบนเิ วศ

คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นสบื ค้นข้อมูลและยกตัวอยา่ งปฏสิ ัมพันธ์ขององคป์ ระกอบของระบบนเิ วศ

ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งองค์ประกอบท่มี ีชีวิตกบั องคป์ ระกอบทม่ี ชี ีวิต

องค์ประกอบท่ีมีชีวิตของระบบนิเวศ แบ่งตามบทบาทหน้าท่ีได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิต
ผบู้ รโิ ภค และผยู้ ่อยสลาย ซ่งึ มีปฏสิ ัมพนั ธก์ ันหลายรปู แบบ เชน่

- พชื อาศยั สัตว์บางชนิด เชน่ ผึง้ ผเี ส้ือ ชว่ ยในการถา่ ยเรณู
- สัตว์กนิ พชื เป็นอาหาร
- สัตวบ์ างชนิดกนิ สัตวอ์ น่ื เปน็ อาหาร เชน่ เสอื กนิ กวาง งูกินหนู
- ผู้ยอ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ์อาศยั ซากพชื ซากสัตว์ในการดารงชวี ิต
- พืชใชส้ ารอนิ ทรีย์จากการยอ่ ยสลายของผ้ยู อ่ ยสลายสารอินทรยี ์

ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างองคป์ ระกอบทมี่ ีชีวิตกบั องคป์ ระกอบท่ไี มม่ ีชีวติ

องค์ประกอบท่ีไม่มีชีวิตของระบบนิเวศ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. สารอนินทรีย์ ได้แก่ นา้
แร่ธาตุ และแกส๊ 2. สารอินทรีย์ ไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ลิพดิ วติ ามิน และกรดนิวคลีอิก 3.
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ แสง อุณหภูมิ ดิน และความเป็นกรด-เบส ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับ
สงิ่ มีชวี ิตหลายรูปแบบ เช่น

- พืชและสัตวต์ อ้ งการนา้ ในการอปุ โภคบรโิ ภค
- พชื ตอ้ งการแรธ่ าตุจากดินเพอื่ ใชใ้ นการสรา้ งอาหาร
- พชื และสัตว์ทุกชนดิ ต้องการแกส๊ ออกซเิ จนในการหายใจ
- พชื ตอ้ งการแสง นา้ และแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง
- สัตวต์ ้องการอุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสมในการดารงชีวิต
- สัตวต์ ้องการแสงสว่างในการดารงชีวติ เช่น ลา่ เหยื่อ

154

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ 
แผนฯ ท่ี 1 องคป์ ระกอบของระบบนิเวศ

บตั รภาพสงิ่ มีชีวิตในสิง่ แวดลอ้ ม

155

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ 
แผนฯ ท่ี 1 องค์ประกอบของระบบนเิ วศ

บัตรภาพสิง่ มีชีวิตในสิง่ แวดลอ้ ม

156

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 1 องค์ประกอบของระบบนเิ วศ

12. ความเหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

13. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

157

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 2 ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2

กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์
ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

เรอ่ื ง ความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมชี ีวติ ในระบบนิเวศ เวลา 4 ชัว่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน
การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปญั หาสิง่ แวดล้อม รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

2. ตัวช้วี ัด

ว 1.1 ม.3/2 อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตรูปแบบต่าง ๆ ในแหล่งท่ีอยู่
เดียวกัน ทไี่ ด้จากการสารวจ

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างส่งิ มชี วี ิตกบั สง่ิ มชี ีวติ รูปแบบต่าง ๆ ได้ (K)
2. สังเกตรปู แบบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มีชวี ิตกับส่ิงมีชีวติ รปู แบบต่าง ๆ จากการสารวจได้ (P)
3. สารวจและจาแนกประเภทโดยจดั กลุ่มส่ิงมีชีวติ ตามความสัมพันธท์ ่มี รี ูปแบบคลา้ ยคลึงกันไว้ด้วยกันได้ (P)
4. รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ที่ไดร้ ับมอบหมายและมุ่งมนั่ ในการศึกษา (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

- ส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตมีความสัมพันธ์กันใน
รูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาวะพ่ึงพากัน ภาวะอิง
อาศยั ภาวะเหย่อื กับผลู้ ่า ภาวะปรสติ

- สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันท่ีอาศัยอยู่ร่วมกันใน
แหล่งที่อยู่เดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน
เรียกว่า ประชากร

158

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น
แผนฯ ท่ี 2 ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี ีวิตในระบบนเิ วศ

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
- กลุ่มสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยประชากรของ

สิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด อาศัยอยู่ร่วมกันใน
แหล่งทีอ่ ย่เู ดยี วกัน

5. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

ในระบบนิเวศหนึ่ง ๆ อาจพบส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันอาศัยอยู่ร่วมกันในแหล่งที่อยู่เดียวกันและใน
ช่วงเวลาเดยี วกนั ซึ่งเรยี กวา่ ประชากร (population) และมักพบประชากรของส่งิ มชี วี ิตหลายชนิดที่อาศัย
อยูร่ ่วมกันในแหล่งทีอ่ ยเู่ ดียวกนั ซึ่งเรยี กว่า กลุ่มส่งิ มชี วี ติ (community) ซึ่งสง่ิ มีชวี ิตต่าง ๆ มคี วามสมั พนั ธ์
กับส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันและมีความสัมพันธ์กับส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืน ๆ โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวมีหลาย
รูปแบบ ซ่ึงส่ิงมีชีวิตบางชนิดอาจได้ประโยชน์ บางชนิดอาจเสียประโยชน์ หรือบางชนิดไม่ได้และไม่เสีย
ประโยชน์ ไดแ้ ก่

- ภาวะอิงอาศยั (+/0) เช่น ฉลามกบั เหาฉลาม นกทารงั บนตน้ ไม้ กล้วยไม้กับต้นไม้
- ภาวะพ่ึงพากัน (+/+) เช่น ไลเคน แบคทีเรียในปมรากถวั่ โพรโทซัวในลาไสป้ ลวก
- ภาวะการได้รบั ประโยชน์รว่ มกัน (+/+) เช่น ควายกับนกเอีย้ ง มดดากบั เพลยี้ แมลงกับดอกไม้
- ภาวะปรสติ (+/-) เชน่ ปรสติ ในร่างกายมนษุ ยแ์ ละสัตว์ เพลี้ยกับตน้ ไม้ เหบ็ และหมดั บนตวั สัตว์
- ภาวะการลา่ เหยอ่ื (+/-) เชน่ ลิงโตลา่ ความปา่ นกล่าปลา ฉลามล่าแมวน้า
- ภาวะการแก่งแย่งแข่งขัน (-/-) เชน่ การแกง่ แยง่ ซากสัตว์ของไฮอนี ากบั แร้ง

6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ

1) ทกั ษะการสงั เกต
2) ทักษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน

159

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวิตในระบบนเิ วศ

8. คาถามสาคญั

สิง่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศมีความสมั พันธก์ ันอย่างไร

9. กิจกรรมการเรยี นรู้

 วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงที่ 1-2
ข้ันนา

ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
5. ครูสนทนากับนักเรียน โดยอาจใช้สื่อต่าง ๆ เช่น วีดิทัศน์ บัตรภาพ (ท้ายแผนการจัดการ
เรียนรู้) เกีย่ วกับสิ่งมีชวี ิตหลาย ๆ ชนดิ ท่อี าศยั ในแหล่งทอ่ี ยู่เดียวกัน เชน่

∆ ตวั อย่างภาพส่ิงมีชีวติ หลาย ๆ ชนดิ ท่ีอาศยั ในแหล่งท่ีอยเู่ ดียวกนั
เพื่อให้นักเรียนนิยามความหมายของคาว่า “กลุ่มส่ิงมีชีวิต” และ “ประชากร” โดยใช้คาถาม
ดงั น้ี
- กลมุ่ ส่ิงมชี วี ิตกับประชากรมีความแตกต่างกนั อยา่ งไร

(แนวตอบ กลุ่มส่ิงมีชีวิต หมายถึง ประชากรของสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด ท่ีอาศัยอยู่ร่วมกนั
ในแหล่งที่อยู่เดียวกัน ส่วนประชากร หมายถึง ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันท่ีอาศัยอยู่ร่วมกัน
ในแหล่งท่ีอยู่เดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน)

160

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 2 ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ิตในระบบนิเวศ

- จากภาพท่ีกาหนดให้ นักเรียนบอกได้หรือไม่ว่า ภาพดังกล่าวแสดงถึงกลุ่มสิ่งมีชีวิตกับ
ประชากรอยา่ งไร
(แนวตอบ พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น ภาพสัตว์ป่าในสะวันนา ประกอบด้วย
ประชากรม้าลาย ยีราฟ กวาง และควายป่า ซึ่งเมื่อสัตว์ป่าเหล่านี้อาศัยอยู่ร่วมกันในแหล่ง
ทีอ่ ยเู่ ดยี วกนั จึงจัดวา่ เปน็ กลมุ่ สงิ่ มชี วี ิต)

6. นักเรยี นพจิ ารณาภาพเดมิ ว่า สิง่ มชี วี ิตมีความสมั พันธก์ นั อยา่ งไรบ้าง โดยครตู ัง้ คาถามเพ่อื นาสู่
การคดิ และอภปิ ราย ดังนี้
- สิ่งมีชวี ิตใดบา้ งมคี วามสมั พนั ธ์กัน และสัมพันธ์กันอย่างไร
(แนวตอบ พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น ภาพส่ิงมีชีวิตในทะเล ปลาอาศัยแหล่ง
ปะการังเป็นแหล่งอยู่อาศัยและแหล่งหลบภัย ภาพของผีเสื้อกับดอกไม้ ผีเสื้อดูดน้าหวาน
จากเกสรดอกไม้ ส่วนดอกไม้ไดผ้ ีเสอ้ื ช่วยถา่ ยเรณูและผสมเกสร)
- ความสัมพันธ์ดงั กล่าวมปี ระโยชน์หรอื โทษตอ่ กันและกนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน เช่น ภาพสิ่งมีชีวิตในทะเล ปลาได้ประโยชน์
จากปะการังซ่ึงเป็นท่ีแหล่งอยู่อาศัยและแหล่งหลบภัย ส่วนปะการังไม่ได้และไม่เสีย
ประโยชน์ ภาพของผเี ส้อื กบั ดอกไม้ ทั้งผเี ส้อื และดอกไมไ้ ดป้ ระโยชนก์ นั ท้งั 2 ฝ่าย)

7. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตมีหลาหกลายรูปแบบ
ซง่ึ นกั เรียนจะได้ศกึ ษาจาการปฏบิ ัติกิจกรรม เร่ือง สารวจรปู แบบความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ใน
ระบบนิเวศในท้องถ่ิน จากนัน้ ครูแจ้งจดุ ประสงค์การทากจิ กรรมให้นกั เรียนทราบ

ขั้นสอน

ข้นั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)
1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม เรอื่ ง ความสมั พนั ธ์ของสงิ่ มีชีวิตระหว่างปลา
กับสาหร่ายหางกระรอก จากส่ือการเรียนรู้สัมฤทธิ์มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 เพ่ือ
อธิบายความสมั พนั ข์ องส่ิงมชี วี ิตระหวา่ งปลากบั สาหร่ายหางกระรอก
2. ครูถามคาถามท้ายกิจกรรม โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น
เพ่อื หาคาตอบ ดังนี้
- เม่ือเวลาผา่ นไปคา่ pH ท่ีวัดไดจ้ ากชดุ ทดลองทงั้ 4 ชดุ เปน็ อยา่ งไร
(แนวตอบ ชุดการทดลองท่ี 1 และ 3 มีค่า pH ลดลง เน่ืองจากปริมาณแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ท่ีเพิ่มขึ้นจากการหายใจของส่ิงมีชีวิต ซึ่งแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะ
ทาปฏิกิริยากับน้าเกิดเป็นกรดคาร์บอนิก ส่วนชุดการทดลองที่ 2 และ 4 มีค่า pH ไม่
เปลี่ยนแปลง เนื่องจากสาหร่ายสามารถนาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ในกระบวนการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้)

161

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 2 ความสัมพนั ธ์ของสิ่งมชี ีวติ ในระบบนิเวศ

- ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปลากบั สาหร่ายเปน็ ความสมั พันธร์ ูปแบบใด
(แนวตอบ ภาวะพ่ึงพากัน เนื่องจากส่ิงมีชีวติ ทั้ง 2 ชนิด ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์และตอ้ ง
อย่ดู ว้ ยกัน ไมส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้ เนื่องจากปลาต้องใช้แกส๊ ออกซเิ จนท่ีได้จากการ
สังเคราะห์ด้วยแสงของสาหรา่ ยมาใชใ้ นการหายใจ และจะปล่อยแก๊สคารบ์ อน- ได
ออกไซด์ออกมาซึ่งเปน็ ปัจจยั ในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของสาหรา่ ยเช่นกัน)

3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรม เพ่ือให้ได้ข้อสรุป ดังน้ี เมื่อเวลา
ผ่านไป 2 ช่ัวโมง ชุดการทดลองที่ 1 และ 3 มีค่า pH ลดลง เนื่องจากชุดการทดลองที่ 1 มี
ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพ่ิมข้ึนจากการหายใจของปลาหางนกยูง ส่วนชุดการทดลอง
ท่ี 3 สาหร่ายไม่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จึงเพ่ิมข้ึน ซึ่ง
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะทาปฏิกิริยากับน้าเกิดเป็นกรดคาร์บอนิก ทาให้ค่า pH ลดลง
ส่วนค่า pH ทว่ี ัดได้จากชดุ การทดลองท่ี 2 และ 4 ไมเ่ ปลยี่ นแปลง เน่ืองจากสาหรา่ ยในชดุ การ
ทดลองท่ี 2 ใช้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์ด้วยแสง และชุดการทดลองที่ 4
สาหร่ายนาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการหายใจของปลาหางนกยูงมาใช้ใน
การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง และได้ผลผลิตเปน็ แกส๊ ออกซเิ จนซึ่งใช้ในการหายใจของปลา

4. นักเรยี นแต่ละกล่มุ แบ่งหนา้ ที่กันศึกษาความสัมพันธร์ ะหว่างสิง่ มชี ีวติ รูปแบบตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- ภาวะอิงอาศัย หรอื ภาวะเกอื้ กูล
- ภาวะพง่ึ พากนั
- ภาวะการได้รับประโยชน์รว่ มกนั
- ภาวะปรสิต
- ภาวะการลา่ เหยื่อ
- ภาวะการแกง่ แยง่ แข่งขัน

โดยศึกษาข้อมูลจากสื่อการเรียนรู้ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หรือแหล่ง
เรียนรู้อื่น ๆ เช่น สื่อออนไลน์ ห้องสมุด แล้วนักเรียนแต่ละคนกลับมาร่วมกันสรุปความรู้
เรอื่ ง ความสัมพันธร์ ะหว่างสงิ่ มีชวี ิต ในรูปแบบที่น่าสนใจเพอื่ เตรียมนาเสนอ

ช่ัวโมงท่ี 3-4

ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงาน โดยระหว่างที่นักเรียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นาเสนอ ให้นกั เรยี นกลุ่มอ่นื ๆ และครรู ว่ มกันเสนอแนะเพ่ือให้เกิดความเขา้ ใจที่ตรงกัน
7. ครูยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเป็นคู่ ๆ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแข่งขันกันตอบว่าส่ิงมีชีวิตคู่นั้นเป็น
ความสัมพันธ์รูปแบบใดและมีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดยครูอาจมีของรางวัลแจกให้กลุ่มท่ี

162

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 2 ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ

สามารถทาคะแนนในการตอบคาถามได้มากที่สุด เช่น ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด
ตวั อยา่ งคขู่ องสงิ่ มชี ีวิต เชน่

- เหาฉลามกับฉลาม (ภาวะองิ อาศยั )
- โพรโทซัวในลาไส้ปลวก (ภาวะพงึ่ พากัน)
- วาฬเพชฌฆาตกบั แมวน้า (ภาวะล่าเหยือ่ )
- นกกบั ต้นไม้ (ภาวะอิงอาศยั )
- ควายกับนกเอย้ี ง (ภาวะไดร้ บั ประโยชน์รว่ มกัน)
- กลว้ ยไมก้ ับต้นไม้ (ภาวะอิงอาศยั )
- เหบ็ กับสุนัข (ภาวะปรสติ )
- งูกับกระรอก (ภาวะลา่ เหย่อื )
- แมลงกบั ดอกไม้ (ภาวะไดร้ ับประโยชน์รว่ มกนั )
- ไลเคน (ภาวะพ่ึงพากนั )
- แบคทีเรยี ในปมรากถวั่ (ภาวะพงึ่ พากัน)
- เพลี้ยกบั ต้นไม้ (ภาวะปรสิต)
- มดดากับเพลย้ี (ภาวะไดร้ บั ประโยชน์ร่วมกนั )
- พยาธกิ บั มนุษย์ (ภาวะปรสติ )
- ไฮอนี ากับแร้ง (ภาวะแก่งแย่งแขง่ ขัน)
8. นกั เรยี นทา Exercise 2.1 จากส่อื การเรยี นรู้ สมั ฤทธ์มิ าตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1
ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
9. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ปฏิบัติกิจกรรม เร่ือง สารวจรูปแบบความสัมพันธ์ของ
สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศในท้องถิ่น จากส่ือการเรียนรู้ สัมฤทธิ์มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3
เล่ม 1 เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศที่ได้จากการสารวจ โดยกาหนด
ขอบเขตของบริเวณที่ศึกษาให้อยใู่ นโรงเรียน เชน่ สระนา้ สนามหญา้ สวนหยอ่ ม
10. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลและระบุรูปแบบความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตจากการสารวจ
แล้วนาเสนอผลการสารวจหน้าชั้นเรยี น
11. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนผลการสารวจบนกระดานหน้าช้ันเรียน แล้วร่วมกันจัดกลุ่ม
ความสัมพันธ์ท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกันไว้ด้วยกัน ซึ่งนักเรียนควรได้ความสัมพันธ์ในรูปแบบ
ตา่ ง ๆ เช่น
- ได้ประโยชน์ทง้ั สองฝา่ ย ได้แก่ ภาวะพึ่งพากนั ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกนั
- ฝา่ ยหนึ่งไดป้ ระโยชน์ แตอ่ ีกฝ่ายหน่ึงเสยี ประโยชน์ ได้แก่ ภาวะปรสิต ภาวะลา่ เหยอื่
- ฝา่ ยหนึง่ ไดป้ ระโยชน์ แตอ่ ีกฝ่ายหนงึ่ ไม่ได้และไมเ่ สียประโยชน์ ไดแ้ ก่ ภาวะองิ อาศยั
- เสยี ประโยชน์ท้ังสองฝ่าย ได้แก่ ภาวะแก่งแย่งแขง่ ขนั

163

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 2 ความสมั พนั ธ์ของสิง่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ

12. นักเรียนแต่ละคนค้นคว้าเพิ่มเติมเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตนอกเหนือจาก
ตัวอย่างในส่ือการเรียนรู้สมั ฤทธม์ิ าตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วบันทึกลงในใบงานท่ี
1.2.1 เร่อื ง ความสมั พันธ์ระหวา่ งส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศ

ขัน้ สรปุ

ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
7. นักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้เก่ยี วกบั ความสมั พันธ์ระหวา่ งสิง่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ โดยมแี นวการ
สรุป ดังน้ี “ในระบบนิเวศจะมีส่ิงมีชีวิตหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมี
ความสัมพันธ์กัน และมีความสัมพันธ์กับส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ ด้วย โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวน้ันมี
หลายรปู แบบ สง่ิ มีชวี ติ บางชนดิ อาจไดป้ ระโยชน์ สิ่งมชี วี ติ บางชนดิ อาจเสยี ประโยชน์ สิ่งมีชวี ติ
บางชนิดอาจไมไ่ ด้และไมเ่ สยี ประโยชน์”
8. ครตู รวจสอบผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม สารวจรปู แบบความสมั พันธข์ องสิ่งมีชวี ติ ในระบบนเิ วศใน
ทอ้ งถ่ิน
9. ครตู รวจ Exercise 2.1 จากส่อื การเรียนรู้ สมั ฤทธมิ์ าตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
10. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานท่ี 1.2.1 เรือ่ ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ
11. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลมุ่ และการนาเสนอผลงาน

10. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน

10.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - ใบงานที่ 1.2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- Exercise 2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กิจกรรม
- แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
การเรียนรู้ ปฏิบัตกิ จิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
1) ความสัมพนั ธ์ - ตรวจใบงานที่ 1.2.1 การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์

ระหวา่ งสิ่งมีชวี ติ - ตรวจ Exercise 2.1

ในระบบนิเวศ

ระบบนเิ วศ

2) การปฏิบัติ - ประเมินการปฏิบตั ิ

กิจกรรม กิจกรรม

3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม

การทางานรายบุคคล

164

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 2 ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มชี ีวิตในระบบนเิ วศ

รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน
การทางาน
รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
4) พฤติกรรม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
การทางานกล่มุ - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
5) คุณลักษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

11. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
11.1 สอ่ื การเรียนรู้
4) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
ระบบนเิ วศ
5) ใบงานท่ี 1.2.1 เรอื่ ง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างส่งิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ
6) บัตรภาพสง่ิ มีชวี ติ
11.2 แหลง่ การเรียนรู้
3) ห้องเรยี น
4) อนิ เทอร์เน็ต

165

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 2 ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวิตในระบบนิเวศ

ใบงานท่ี 1.2.1

เรอื่ ง ความสัมพันธ์ระหวา่ งสงิ่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ

คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นสืบคน้ ขอ้ มูล ยกตวั อย่าง และระบุรูปแบบความสมั พันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ
1) สิ่งมีชีวิต
มคี วามสัมพนั ธก์ นั อย่างไร

2) สิ่งมีชีวิต
มคี วามสัมพนั ธ์กนั อยา่ งไร

3) สิ่งมีชวี ิต
มคี วามสัมพนั ธ์กันอย่างไร

4) ส่ิงมีชีวติ
มีความสัมพันธก์ นั อยา่ งไร

166

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ เฉลย
แผนฯ ท่ี 2 ความสัมพนั ธข์ องส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ

ใบงานที่ 1.2.1

เรอื่ ง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวติ ในระบบนิเวศ

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู ยกตวั อย่าง และระบุรูปแบบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสิ่งมีชวี ติ ในระบบนเิ วศ

1) ส่ิงมีชีวติ ผงึ้ กับต้นไม้
มีความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร
มีความสัมพันธ์แบบภาวะอิงอาศัย ซ่ึงผ้ึงได้ประโยชน์โดย
อาศัยต้นไม้ทารังเพื่ออยู่อาศัย ส่วนต้นไม้ไม่ได้และไม่เสีย
ประโยชน์

2) สิ่งมีชีวิต กาฝากกับตน้ ไมใ้ หญ่
มคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างไร
มีความสัมพันธ์แบบภาวะปรสิต ซ่ึงกาฝากได้ประโยชน์โดย
ชอนไชรากเข้าไปภายในกิ่งของต้นไม้เพ่ือดูดน้าและอาหาร
จากท่อลาเลียง ทาใหต้ ้นไมใ้ หญ่เสียประโยชน์

3) ส่ิงมีชีวิต ปลาการต์ นู กบั ดอกไม้ทะเล
มคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งไร
มีความสัมพนั ธแ์ บบภาวะไดป้ ระโยชน์ร่วมกนั ซงึ่ ปลาการต์ นู ใช้
ดอกไมท้ ะเลเป็นที่อยู่อาศัยและกินเศษอาหารจากดอกไม้ทะเล
ส่วนดอกไม้ทะเลไดเ้ หยื่อเปน็ สัตว์ต่าง ๆ

4) สิ่งมีชีวิต เพรียงกบั เต่า
มมคี ีคววาามมสสัมัมพพันันธธก์ ์แันบอบยภา่ างวไระอิงอาศัย ซ่ึงเพรียงได้ประโยชน์
โดยอาศัยเต่าเป็นท่ีอยู่อาศัยและได้รับอาหาร ส่วนเต่าไม่ได้
และไม่เสียประโยชน์

167

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ 
แผนฯ ท่ี 2 ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี วี ิตในระบบนเิ วศ

บัตรภาพส่งิ มชี วี ิต

168

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ 
แผนฯ ท่ี 2 ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี วี ิตในระบบนเิ วศ

บัตรภาพส่งิ มชี วี ิต

169

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 2 ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ

12. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ่ไี ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงช่ือ .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

13. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแก้ไข

170

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3

กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3

เร่ือง การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนิเวศ เวลา 4 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน
การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสงิ่ แวดล้อม รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

2. ตัวชี้วดั สรา้ งแบบจาลองในการอธบิ ายการถ่ายทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องผู้ผลติ ผบู้ ริโภค และผู้ยอ่ ยสลายสารอินทรีย์ในระบบนเิ วศ
ว 1.1 ม.3/3 อธบิ ายการสะสมสารพิษในสงิ่ มีชวี ติ ในโซอ่ าหาร
ว 1.1 ม.3/4 ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต และส่ิงแวดล้อมในระบบนิเวศ โดยไม่ทาลาย
ว 1.1 ม.3/5 สมดลุ ของระบบนเิ วศ
ว 1.1 ม.3/6

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความสัมพันธข์ องผู้ผลติ ผู้บรโิ ภค และผูย้ อ่ ยสลายสารอินทรีย์ในระบบนิเวศได้ (K)
2. อธบิ ายการสะสมสารพิษในสิ่งมีชวี ิตในโซอ่ าหารได้ (K)
3. สรา้ งแบบจาลองอธิบายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหารได้ (P)
4. ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อมในระบบนิเวศโดยไม่ทาลายสมดุลของ

ระบบนเิ วศ (A)
5. รบั ผิดชอบต่อหน้าทท่ี ไ่ี ด้รับมอบหมาย และมงุ่ ม่ันในการศึกษา (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- กลุ่มส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศแบ่งตามหน้าท่ีได้

เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อย
สลายสารอินทรีย์ สิ่งมีชีวิตทั้ง 3 กลุ่มนี้ มี

171

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่
แผนฯ ท่ี 3 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ความสัมพันธ์กัน ผู้ผลิตเป็นส่ิงมีชีวิตที่สร้าง
อาหารได้เอง โดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วย
แสง ผู้บริโภค เป็นสิ่งมีชีวิตท่ีไม่สามารถสร้าง
อาหารได้เอง และต้องกินผู้ผลิตหรือสิ่งมีชีวิต
อื่นเป็นอาหาร เมื่อผู้ผลิตและผู้บริโภคตายลง
จะถูกย่อยโดยผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ซึ่งจะ
เปล่ียนสารอินทรีย์เป็นสารอนินทรีย์กลับคืนสู่
สิ่งแวดล้อม ทาให้เกิดการหมุนเวียนสารเป็น
วัฏจักร จานวนผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อย-
สลายสารอินทรีย์จะต้องมีความเหมาะสม
จงึ ทาใหก้ ล่มุ สิง่ มีชีวติ อยู่ไดอ้ ยา่ งสมดุล
- พลังงานถูกถ่ายทอดจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค
ลาดับต่าง ๆ รวมทั้งผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ใน
รูปแบบสายใยอาหารท่ีประกอบด้วยโซ่อาหาร
หลายโซ่ที่สัมพันธ์กัน ในการถ่ายทอดพลังงาน
ในโซ่อาหาร พลังงานที่ถูกถ่ายทอดไปจะลดลง
เรื่อย ๆ ตามลาดบั ของการบริโภค
- การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ อาจทาให้
มีสารพิษสะสมอยู่ในสิ่งมีชีวิตได้ จนอาจ
ก่อให้เกิดอันตรายต่อส่ิงมีชีวิต และทาลาย
สมดุลในระบบนเิ วศ ดังนน้ั การดูแลรกั ษาระบบ
นิเวศให้เกิดความสมดุล และคงอยู่ตลอดไปจึง
เปน็ สงิ่ สาคญั

5. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

องค์ประกอบที่มีชีวิตในระบบนิเวศจะมีบทบาทหน้าท่ีแตกต่างกัน ผู้ผลิตเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีสามารถ
เปล่ียนพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมีแล้วสะสมไว้ในรูปของอาหาร ผู้บริโภคเป็นสิ่งมีชีวิตท่ีไม่สามารถสร้าง
อาหารได้เอง แต่ต้องบริโภคส่ิงมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร ผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตท่ีย่อยสลายซาก
ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมซ่ึงพืชจะนามาใช้ได้อีก ซ่ึงส่ิงมีชีวิตจะมีความสัมพันธ์ระหว่าง
ส่ิงมชี วี ติ ในลักษณะการถา่ ยทอดพลังงานผ่านการกินต่อกนั เปน็ ทอด ๆ จากผผู้ ลติ ไปยังผ้บู ริโภคลาดบั ตา่ ง ๆ
เรยี กวา่ โซ่อาหาร (food chain) โดยพลังงานท่ีถ่ายทอดไปในโซ่อาหารจะลดลงตามลาดบั ข้ันซึ่งมีพลังงาน

172

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

บางส่วนถูกถ่ายโอนไปสู่สิ่งแวดล้อม โซ่อาหารหลายโซ่อาหารจะสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนในรูปของสายใย
อาหาร (food web) และนอกจากพลังงานจะถูกถา่ ยทอดไปตามลาดบั ขน้ึ ของโซ่อาหารแล้ว สารพิษต่าง ๆ
จะถูกถ่ายทอดไปเช่นกัน ซึ่งหากสะสมอยู่ในส่ิงมีชีวิตปริมาณมากอาจเกิดอันตรายต่อส่ิงมีชีวิตและทาลาย
สมดลุ ในระบบนิเวศ

6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด

1) ทกั ษะการสังเกต
2) ทักษะการคานวณ
3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู
4) ทักษะการสร้างแบบจาลอง
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทางาน

8. คาถามสาคัญ

1. ผู้ผลติ ผู้บรโิ ภค และผ้ยู อ่ ยสลายสารอินทรยี ์ มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร
2. โซอ่ าหารและสายใยอาหารมีความสมั พันธก์ ันอยา่ งไร

9. กจิ กรรมการเรียนรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงท่ี 1-2

ขนั้ นา

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
8. ครูสนทนากับนักเรียน เรื่อง อาหารท่ีนักเรียนรับประทานในมื้อท่ีผ่านมา โดยกล่าวถึง
สว่ นประกอบของอาหารเหล่านัน้ ว่าประกอบไปด้วย พชื และสตั วช์ นิดใดบ้าง จากนน้ั อภปิ ราย

173

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ถึงแหล่งท่ีมาของพลังงานในอาหาร ซึ่งพลังงานท่ีสะสมอยู่ในอาหารจะมีการถ่ายทอดมา

ตามลาดับ จากนั้นใช้คาถามเพ่อื กระตุน้ ความสนใจของนักเรียน ดังน้ี

- นักเรียนคดิ ว่าพืชได้พลังงานมาจากไหน

(แนวตอบ: การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงโดยใช้แสงและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์)

9. นกั เรยี นพจิ ารณาภาพโซ่อาหารจากบัตรภาพ เชน่

ผู้บริโภคลาดบั ที่ ผู้บริโภคลาดับที่

ผ้ผู ลติ ผูบ้ ริโภคลาดับที่

หรอื ภาพผจู้ยาอ่ กยสส่ือลกายารเรยี นรู้ สัมฤทธมิ์ าตรฐาน ผ้บู ริโภคลาดับ 1 แลว้ ครูตัง้ คาถามให้

วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม

นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น ดงั นี้

- ลกู ศรในโซ่อาหารแสดงถึงส่งิ ใด

(แนวตอบ: ทิศทางการถา่ ยทอดพลังงานจากส่งิ มชี ีวติ หน่งึ ไปยังส่งิ มีชีวิตหนง่ึ )

- สิง่ มีชวิ ิตใดเป็นผเู้ ร่ิมตน้ การถา่ ยทอดพลังงานในโซ่อาหาร

(แนวตอบ: ตน้ ไม)้

- พลังงานถกู ถ่ายทอดจากสิง่ มีชีวติ ใดไปยังสง่ิ มีชีวติ ใดตามลาดับ

(แนวตอบ: คาตอบพิจารณาตามภาพท่ีนามาประกอบการสอน เช่น ภาพจากสื่อการ

เรียนรู้ สัมฤทธิ์มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 มีการถ่ายทอดพลังงานจากส่ิงมีชีวิต

ดังน้ี ตน้ ไม้ กระรอก งู เหยยี่ ว)

10. ตง้ั คาถามใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหว์ ่า “ในภาวะปกตขิ องระบบนิเวศ นกั เรยี นคิดวา่ สง่ิ มีชวี ิต

แตล่ ะชนิดจะมลี าดับขั้นการกินในรูปแบบท่แี นน่ อนหรอื ไม่ อยา่ งไร”

(แนวตอบ: ในภาวะปกติของระบบนิเวศ ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีลาดับขั้นการกินในรูปแบบที่

ไมแ่ นน่ อน เนือ่ งจากผู้ลา่ ชนิดหนึง่ อาจลา่ เหยื่อได้หลายชนิดและอาจเป็นเหยื่อของผ้ลู ่าชนิดอ่ืน

ได้เช่นกัน ทาให้ในระบบนิเวศมีลาดับช้ันการกินที่ซับซ้อนและเก่ียวโยงกันไปมา เรียกว่า

สายใยอาหาร)

174

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ขนั้ สอน

ขน้ั ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนศึกษา เรื่อง โซ่อาหาร และสายใยอาหาร จากส่ือการเรียนรู้ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน
วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 แลว้ สรุปสาระสาคญั ลงในสมดุ ประจาตัวของนกั เรียน
2. นักเรียนจับคู่กันแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้ศึกษามา แล้วร่วมกันสรุปความรู้ในรูปแบบแผนผัง
ความคิด พร้อมเขียนตวั อย่างสายใยอาหารท่ปี ระกอบดว้ ยโซ่อาหารอย่างน้อย 20 โซ่อาหาร
3. ครูสุ่มนักเรียนอย่างน้อย 5 คู่ ออกมานาเสนอแผนผังความคิดและตัวอย่างสายใยอาหาร
โดยใหน้ ักเรยี นคนอน่ื ๆ รว่ มกนั เสนอแนะเพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ มลู ท่ีถกู ต้องตรงกนั
4. ครตู ้งั คาถามเพอ่ื กระต้นุ การคดิ ของนักเรยี นวา่ “นกั เรียนคิดวา่ ระบบนเิ วศตา่ ง ๆ มี การ
ถา่ ยทอดพลังงานในสายใยอาหารแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร”
(แนวตอบ: แตกต่างกัน เน่ืองจากในระบบนิเวศแต่ละประเภทมีสิ่งมีชีวิต พลังงานสะสม
ลาดับข้ันการกินที่แตกต่างกัน จึงมีปริมาณพลังงานท่ีถ่ายทอดในสายใยอาหารแตกต่างกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณพลังงานท่ีถ่ายทอดจะเป็นไปตามกฎสิบเปอร์เซ็นต์ ซ่ึงพลังงานที่ถูก
ถ่ายทอดจากส่ิงมีชีวิตหนึ่งไปยังสิ่งมีชีวิตหนึ่งมีประมาณร้อยละ 10 จากพลังงานท้ังหมด
ส่วนพลังงานอีกร้อยละ 90 จะสูญสลายไปในรูปอื่น ๆ )

ชัว่ โมงท่ี 3-4

5. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 7 กลุ่ม ปฏิบัตกิ ิจกรรม เรอ่ื ง การถ่ายทอดพลงั งานในสายใยอาหาร
จากสือ่ การเรยี นรู้ สมั ฤทธม์ิ าตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 เพอ่ื อธบิ ายการถ่ายทอดพลังงาน
ในสายใยอาหาร โดยเขยี นแผนผงั และสร้างแบบจาลองสายใยอาหารที่แสดงความสัมพันธ์ของ
สงิ่ มชี วี ติ ในระบบนิเวศต่างๆ ดังน้ี
- ระบบนเิ วศป่าฝนเขตร้อน
- ระบบนิเวศทุ่งหญ้าเขตรอ้ น
- ระบบนิเวศป่าผลดั ใบ
- ระบบนิเวศทะเลทราย
- ระบบนิเวศปา่ ชายเลน
- ระบบนิเวศน้าจืด
- ระบบนิเวศน้าเคม็

175

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 3 การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

ข้นั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอแบบจาลองสายใยอาหารหน้าช้ันเรียน โดยระหว่างท่ีนักเรียน
นาเสนอใหน้ กั เรยี นกลุ่มอ่นื ๆ ร่วมกันเสนอแนะ และครูคอยเพ่ิมเตมิ ประเดน็ ทข่ี าดหายไป
7. ครูตั้งคาถามเก่ียวกับโซ่อาหารและสายใยอาหารให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือหาคาตอบ
เชน่
- จงอธิบายความหมายของโซ่อาหาร
(แนวตอบ: โซ่อาหาร (food chain) เป็นลาดับขั้นของการกินต่อกันเป็นทอด ๆ ของ
สิ่งมีชีวติ โดยอาจเริม่ จากผูผ้ ลิตไปสผู่ บู้ รโิ ภคลาดับท่ี 1 จนถึงผู้บริโภคลาดบั สดุ ท้าย)
- ในระบบนเิ วศหน่ึง ๆ จะมโี ซ่อาหารเพียงโซ่เดียวหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: ในระบบนิเวศหนึ่ง ๆ จะมีโซ่อาหารหลายโซ่อาหาร เนื่องจากในธรรมชาติ
การกินต่อกันเป็นทอด ๆ ของสิ่งมีชีวิตมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกันซับซ้อน ส่ิงมีชีวิตบาง
ชนิดสามารถกินส่ิงมีชีวิตอื่นได้หลายชนิด และสิ่งมีชีวิตบางชนิดก็เป็นอาหารให้สิ่งมีชีวิต
อ่ืนหลายชนิด)
- จงอธบิ ายความหมายของสายใยอาหาร
(แนวตอบ: สายใยอาหาร (food web) เป็นลาดับขั้นของการกินต่อกันเป็นทอด ๆ ของ
สง่ิ มชี วี ิตเช่นเดยี วกับโซอ่ าหาร แต่สายใยอาหารจะประกอบดว้ ยโซอ่ าหารหลายโซอ่ าหาร)
- หากมีสารพิษปนเปื้อนในส่ิงมีชีวิตท่ีเป็นผู้ผลิต สารพิษน้ันจะถูกถ่ายทอดไปสู่ส่ิงมีชีวิตอ่ืน
ได้หรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: สารพษิ จะถูกถ่ายทอดผ่านโซ่อาหาร เชน่ เดยี วกับพลงั งาน แตส่ ารพษิ จะสะสม
ปรมิ าณมากข้นึ ตามลาดบั ขั้นของการกนิ ต่อกนั เป็นทอดๆ)
8. นักเรยี นทา Exercise 3.1 จากส่อื การเรียนรู้ สมั ฤทธ์มิ าตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1

ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
9. ครูตั้งคาถามกระตุ้นความคิดต่อยอดของนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าระบบนิเวศท่ีมีสายใย
อาหารซับซ้อนมีผลดตี อ่ ระบบนเิ วศหรอื ไม่ อยา่ งไร”
(แนวตอบ: ส่งผลดีต่อระบบนิเวศ เน่ืองจากสายใยอาหารท่ีมีความซับซ้อนมากจะแสดงถึง
ระบบนิเวศทมี่ ีความสมดุลสูงอนั เนื่องมาจากมีความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิตในระบบ ซงึ่ หาก
เกิดการสูญพันธ์ุของผู้ล่าหรือเหยื่อชนิดหนึ่งไป ก็ยังมีผู้ล่าหรือเหยื่อชนิดอ่ืน ๆ มาทาหน้าที่
ทดแทน ทาใหร้ ะบบนิเวศไม่เสียสมดุล)
10. ร่วมกันอภิปราย โดยมีแนวการอภิปราย ดังนี้ “ระบบนิเวศที่มีสายใยอาหารซับซ้อนจะรักษา
สมดุลได้ดี เพราะระบบนิเวศนั้นประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
สามารถกนิ สง่ิ มีชีวิตอ่นื ๆ หลายชนิดเป็นอาหารได้ เม่ือสิ่งมีชีวติ ชนดิ ใดชนดิ หนึ่งทีเ่ ป็นอาหาร

176

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

ลดจานวนลงมาก สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภคก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสามารถกิน
ส่ิงมีชวี ติ อื่นทดแทนได้”
11. ครูต้ังคาถามเพื่อกระตุ้นความคิดต่อยอดของนักเรียนว่า “นักเรียนจะเสนอแนะวิธีการรักษา
สมดลุ ของระบบนิเวศอยา่ งไร”
(แนวตอบ: คาตอบข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระบบ
นิเวศอย่างคุ้มค่า ไม่ทาลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ควบคุม ป้องกัน และ
แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันการสะสมสารพิษในโซ่อาหาร ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อม
โทรมเพื่อให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกคร้ัง และสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ระบบนิเวศให้แก่
ประชาชน)
12. ให้นักเรียนแต่ละคนค้นคว้าเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ แล้วบันทึกลงใน
ใบงานท่ี 1.3.1 เร่อื ง แนวทางการรักษาสมดลุ ของระบบนิเวศ
13. นักเรียนจับคู่กันทบทวนความรู้ที่เรียนมาท้ังหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระบบนิเวศ โดยอ่านจาก
Summary และร่วมกันทา Thinking Skill Activity จากส่ือการเรียนรู้ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1
14. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 5 คน ทากิจกรรมในใบกจิ กรรม เรอื่ ง ระบบนเิ วศจาลอง

ข้นั สรุป

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ โดยมีแนวการสรุป
ดังน้ี “พลังงานถูกถ่ายทอดจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคลาดับต่าง ๆ รวมท้ังผู้ย่อยสลาย
สารอินทรีย์ในรูปแบบสายใยอาหาร ท่ีประกอบด้วยโซ่อาหารหลายโซ่ที่สัมพันธ์กัน การ
ถ่ายทอดพลังงานในโซ่อาหาร พลังงานที่ถูกถ่ายทอดไปจะลดลงเรื่อย ๆ ตามลาดับของการ
บริโภค การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ อาจทาให้มีสารพิษสะสมอยู่ในส่ิงมีชีวิตได้ จน
อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อส่ิงมีชีวิต และทาลายสมดุลในระบบนิเวศ ดังน้ันการดูแลรักษา
ระบบนเิ วศใหเ้ กดิ ความสมดลุ และคงอยตู่ ลอดไปจงึ เป็นส่ิงสาคัญ”
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง ระบบนิเวศ
3. นักเรียนทาแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน จากส่ือการเรียนรู้ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 1
4. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม การถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร
5. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานท่ี 1.3.1 เรอื่ ง แนวทางการรกั ษาสมดลุ ของระบบนเิ วศ
6. ครตู รวจ Exercise 3.1 จากสื่อการเรียนรู้ สัมฤทธิ์มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1

177

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

7. ครูตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง ระบบนิเวศ
8. ครูตรวจแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน จากส่ือการเรียนรู้ สัมฤทธ์ิมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ม.3

เล่ม 1
9. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทางานกล่มุ และการนาเสนอผลงาน

10. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

10.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจดั กิจกรรม - ระดับคุณภาพ 2

การเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คุณภาพ 2
1) การถ่ายทอด - ตรวจใบงานที่ 1.3.1 - ใบงานที่ 1.3.1
ผา่ นเกณฑ์
พลังงานใน - ตรวจ Exercise 3.1 - Exercise 3.1

ระบบนิเวศ - ตรวจใบกจิ กรรม เร่ือง - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน

ระบบนเิ วศจาลอง

2) การปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบประเมินการ

กิจกรรม กิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม

3) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลงาน ผลงาน นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
4) พฤติกรรม การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
การทางานกลุ่ม
- สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
5) คุณลักษณะ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์ ในการทางาน อนั พึงประสงค์

178

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

รายการวดั วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

10.2 การประเมินหลัง

เรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

- แบบทดสอบหลัง หลงั เรียน

เรียน หนว่ ย

การเรยี นรทู้ ี่ 1

เรื่อง ระบบนิเวศ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบพฒั นา - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ผู้เรียน
- แบบทดสอบพฒั นา พฒั นาผเู้ รียน

ผเู้ รยี น หน่วย

การเรียนรทู้ ี่ 1

เรื่อง ระบบนิเวศ

11. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
11.1 สอ่ื การเรียนรู้
7) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
ระบบนิเวศ
8) ใบงานท่ี 1.3.1 เรื่อง แนวทางการรักษาสมดลุ ของระบบนิเวศ
9) ใบกิจกรรม ระบบนเิ วศจาลอง
11.2 แหลง่ การเรียนรู้
5) หอ้ งเรียน
6) อนิ เทอรเ์ นต็

179

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ใบงานท่ี 1.3.1

เรื่อง แนวทางการรักษาสมดุลของระบบนเิ วศ

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นสืบคน้ ข้อมูลแนวทางการรักษาสมดุลของระบบนเิ วศ

แนวทางการรักษาสมดลุ ของระบบนเิ วศ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

180

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ เฉลย
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ใบงานที่ 1.3.1
เร่ือง แนวทางการรักษาสมดลุ ของระบบนิเวศ

คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมลู แนวทางการรักษาสมดุลของระบบนเิ วศ

แนวทางการรกั ษาสมดลุ ของระบบนิเวศ

…พ…ิจ…า…รณ……าจ…า…กค…า…ต…อ…บข…อ…ง…น…ักเ…รีย…น……เช…่น……………………………………………………………………………………………….
……………-……ใ…ช้ท…ร…ัพ…ย…าก…ร…ธ…รร…ม…ช…าต…ิอ…ย…่า…งร…ู้ค…ุณ…ค…่าแ…ล…ะ…ย…ั่งย…ืน…ไ…ด…้แ…ก่…ก…าร…ใ…ช…้อย…่า…งป…ร…ะ…ห…ย…ัดห…ร…ือ…ล…ด…ปร…ิม…า…ณ…….
…………………ก…าร…ใ…ช้…(r…ed…u…c…e…) ก…า…ร…นา…ก…ล…ับ…ม…าใ…ช…้ให…ม…่ (…re…u…s…e)…แ…ล…ะ…กา…ร…น…าข…อ…ง…เส…ีย…ห…รือ…ว…ัส…ด…ุเห…ล…ือ…ใช…้ม…าใ…ช…้ ….
…………………ป…ร…ะโ…ย…ชน…์ …(r…ec…y…cl…e…) ……………………………………………………………………………………………………….
……………-……ค…ว…บค…ุม……ป…้อง…ก…ัน…แ…ล…ะ…แก…้ไ…ขป…ัญ…ห…า…ส…่ิง…แว…ด…ล…้อ…ม …เช…่น……กา…ร…ป…ล่อ…ย…น…้า…เส…ีย…จา…ก…ช…ุม…ชน…แ…ล…ะ…โร…ง…ง า…น…….
…………………อ…ุต…สา…ห…ก…ร…รม…ล…งใ…น…แ…ห…ล่ง…น…้า…ธร…ร…ม…ชา…ต…ิ ก…า…รท…ิ้ง…ข…ย…ะล…ง…ส…ู่แห…ล…่ง…น…้าธ…ร…รม…ช…า…ติ…ก…าร…ป…ล…่อ…ยแ…ก…๊ส…พ…ิษ…….
…………………ท…่เี ก…ิด…จ…าก…ก…จิ …ก…รร…ม…ต…่าง…ๆ……ขอ…ง…ม…นษุ…ย…์ ………………………………………………………………………………….
……………-……ไม…่ท…า…ล…าย…แ…ห…ล…่งท…ร…ัพ…ย…าก…ร…ธ…รร…ม…ช…าต…ิแ…ล…ะส…ิง่ …แ…วด…ล…อ้ …ม…เ…ช่น……ป…่าไ…ม…้แล…ะ…แ…ห…ล่…งน…้า…ซ…่ึง…เป…็น…แ…ห…ล่ง…ท…่ี ….
…………………อ…ย…อู่ า…ศ…ยั …แล…ะ…แ…ห…ล่ง…อ…าห…า…ร…ขอ…ง…ส…่ิงม…ีช…ีว…ติ ต…า่ …ง…ๆ…ใ…น…ระ…บ…บ…น…ิเว…ศ………………………………………………….
……………-……อ…น…ุรัก…ษ…์แ…ล…ะ…พ…ัฒ…น…าท…ร…ัพ…ย…าก…ร…ธ…รร…ม…ช…าต…ิอ…ย…่า…งย…ั่ง…ย…ืน…เช…่น……ก…าร…ท…่อ…งเ…ท…ี่ยว…เ…ชิง…อ…น…ุร…ักษ…์ …ก…าร…ท…า…….
…………………เก…ษ…ต…ร…ผส…ม…ผ…ส…าน……กา…ร…อ…ตุ ส…า…ห…ก…รร…ม…เช…ิง…อน…ุร…กั …ษ…์ ก…า…รพ…ัฒ…น…า…ท…้อง…ถ…นิ่ …แ…บบ…ย…่งั …ยนื…………………………….
……………-……ฟ…้ืน…ฟ…ูแ…ห…ล่ง…ท…ร…ัพ…ยา…ก…ร…ธร…ร…ม…ชา…ต…ิแ…ล…ะส…่ิง…แ…วด…ล…้อ…ม…ท…ี่เส…ื่อ…ม…โท…ร…ม…เ…ช่…น…ก…าร…ฟ…ิ้น…ฟ…ูแ…น…วป…ะ…ก…า…รัง…ท…ี่ ….
…………………เส…ื่อ…ม…โท…ร…ม…จ…าก…ก…า…ร…กร…ะ…ท…าข…อ…ง…ม…นุษ…ย…์ห…ร…ือ…จา…ก…ภ…ัย…ธร…ร…ม…ชา…ต…ิ โ…ด…ย…กา…ร…ว…าง…แ…น…วป…ะ…ก…าร…ัง…เท…ีย…ม…….
…………………จ…าก…แ…ท…่ง…คอ…น…ก…รีต……ท…่อพ…วี…ซี …ี โ…ค…รง…เห…ล…็ก…ห…ร…ือ…ยา…ง…รถ…ย…น…ต…์ ……………………………………………………….
……………-……ส…ร้า…ง…จติ…ส…า…น…ึกใ…น…ก…าร…อ…น…รุ กั …ษ…ท์ …ร…ัพย…า…ก…รธ…ร…รม…ช…า…ต…แิ ล…ะ…ส…ง่ิ แ…ว…ด…ลอ้…ม…ใ…หแ้…ก…่ป…ร…ะช…า…ช…น…………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

181

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 3 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ใบกจิ กรรม

เร่อื ง ระบบนเิ วศจาลอง

วัสดุอุปกรณ์
1. โหลแก้วขนาดเลก็
2. ตูเ้ ลย้ี งปลาขนาดเล็ก
3. พชื น้าตา่ ง ๆ เช่น สาหร่ายหางกระรอก จอก แหน บัว
4. ปลาชนิดตา่ ง ๆ เชน่ ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาทอง
5. สตั วช์ นดิ อน่ื ๆ นอกจากปลา เชน่ หอย ก้งุ ปู
6. อปุ กรณ์ตกแต่ง เช่น หิน ลูกแก้ว หลอดไฟ

หมายเหตุ : อาจมีอปุ กรณอ์ ่นื ๆ ไดต้ ามความเหมาะสม

วิธีดาเนินการ
1. รว่ มกนั วางแผนในการเลือกใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์ และองค์ประกอบตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศจาลอง
2. ออกแบบระบบนิเวศจาลองโดยนาเสนอเป็นภาพร่าง พร้อมอธิบายเหตุผลในการเลือกใช้วัสดุ
อปุ กรณ์ และองค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบนเิ วศจาลอง
3. ลงมอื สร้างระบบนิเวศจาลอง
4. ตอบคาถามทีก่ าหนดให้

182

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

ภาพร่างระบบนิเวศจาลอง พร้อมอธิบายเหตุผลในการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์และองค์ประกอบต่างmๆ ในระบบ
นิเวศ

ตอบคาถามต่อไปน้ี
• ประเภทของระบบนิเวศจาลอง
• แหลง่ ท่ีอยู่ คือ
• องค์ประกอบท่ีมีส่ิงมชี ีวิต ได้แก่
• องคป์ ระกอบท่ีไม่มีสงิ่ มีชวี ิต ไดแ้ ก่
• ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งมชี ีวติ กับสง่ิ ไม่มีชีวิต ไดแ้ ก่
• ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งมชี ีวิตกับส่งิ มีชวี ิต ไดแ้ ก่

183

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

ใบกิจกรรม เฉลย

เร่อื ง ระบบนเิ วศจาลอง

วัสดุอุปกรณ์
1. โหลแกว้ ขนาดเล็ก
2. ตูเ้ ล้ยี งปลาขนาดเล็ก
3. พืชน้าตา่ ง ๆ เชน่ สาหรา่ ยหางกระรอก จอก แหน บัว
4. ปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาทอง
5. สตั วช์ นิดอ่นื ๆ นอกจากปลา เช่น หอย กงุ้ ปู
6. อปุ กรณ์ตกแต่ง เช่น หนิ ลกู แก้ว หลอดไฟ

หมายเหตุ : อาจมีอปุ กรณอ์ ่ืน ๆ ไดต้ ามความเหมาะสม

วิธีดาเนนิ การ
1. ร่วมกันวางแผนในการเลอื กใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ และองคป์ ระกอบต่าง ๆ ในระบบนิเวศจาลอง
2. ออกแบบระบบนิเวศจาลองโดยนาเสนอเป็นภาพร่าง พร้อมอธิบายเหตุผลในการเลือกใช้วัสดุ
อุปกรณ์ และองคป์ ระกอบต่าง ๆ ในระบบนเิ วศจาลอง
3. ลงมือสร้างระบบนเิ วศจาลอง
4. ตอบคาถามทก่ี าหนดให้

184

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

ภาพรา่ งระบบนิเวศจาลอง พรอ้ มอธิบายเหตุผลในการเลือกใชว้ ัสดุอุปกรณ์และองค์ประกอบต่าง,ๆ ในระบบนิเวศ

ขึ้นอยกู่ ับผลงานของนักเรยี น

ตอบคาถามต่อไปน้ี
• ประเภทของระบบนเิ วศจาลอง ระบบนิเวศแหลง่ น้า
• แหล่งที่อยู่ คือ แหลง่ น้า
• องคป์ ระกอบที่มีสิ่งมชี วี ิต ไดแ้ ก่ ตน้ ไม้น้า สาหรา่ ย ปลาหางนกยงู ปลาสอด กุ้ง
• องค์ประกอบท่ีไม่มสี ิ่งมชี ีวิต ได้แก่ นา้ แสง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สออกซเิ จน แรธ่ าตุ
• ความสัมพันธร์ ะหว่างสง่ิ มีชวี ิตกับสิ่งไม่มีชวี ติ ไดแ้ ก่ ต้นไมน้ ้าและสาหรา่ ยใชแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
น้า และแสง ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ปลาหางนกยงู ปลาสอด และกงุ้ ใชแ้ ก๊สออกซเิ จน
ในกระบวนการหายใจ
• ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชีวิตกบั ส่งิ มีชวี ิต ได้แก่ ต้นไม้นา้ และสาหร่ายใชแ้ กส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
ทเี่ กดิ จากกระบวนการหายใจของมาใชใ้ นกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงเพื่อสรา้ งแกส๊ ออกซเิ จน
ซึ่งจะนาไปใช้ในกระบวนการหายใจของปลาหางนกยูง ปลาสอด และกงุ้ ต่อไป

185

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 3 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

12. ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแก้ไข

186

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3

เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ เวลา 4 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

ว 2.1 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ
ของสงิ่ มชี วี ติ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

2. ตวั ชว้ี ดั

ว 1.3 ม.3/9 เปรยี บเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดบั ชนดิ สงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศต่าง ๆ
ม.3/10 อธิบายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพท่ีมีต่อการรักษาสมดุลของระบบ
นเิ วศและต่อมนุษย์
ม.3/11 แสดงความตระหนักในคุณค่าและความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมี
สว่ นร่วมในการดูแลรกั ษาความหลากหลายทางชีวภาพ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. เปรยี บเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดับชนิดสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศต่าง ๆ ได้ (K)
2. อธิบายความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศและ

ตอ่ มนษุ ยไ์ ด้ (K)
3. สังเกตความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ ทง้ั ชนดิ และจานวนสิ่งมชี วี ติ ได้ (P)
4. ตระหนกั ในคณุ คา่ และความสาคัญของความหลากหลายทางชวี ภาพ (A)
5. รับผิดชอบตอ่ หนา้ ทที่ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย และม่งุ ม่ันในการศึกษา (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

- ความหลากหลายทางชีวภาพ มี 3 ระดบั ไดแ้ ก่
ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย ข อ ง ร ะ บ บ นิ เ ว ศ
ความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต และความ
หลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลาย
ทางชีวภาพน้ีมีความสาคัญต่อการรักษาสมดุล

187

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

สาระการเรียนร้แู กนกลาง
ข อ ง ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ที่ มี ค ว า ม
หลากหลายทางชีวภาพสูงจะรักษาสมดุลได้
ดีกว่าระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทาง
ชีวภาพต่ากว่า นอกจากน้ีความหลากหลาย
ทางชีวภาพยังมีความสาคัญต่อมนุษย์ในด้าน
ต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นอาหารยารักษาโรควัตถุดิบ
ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าท่ีของ
ทุกคนในการดูแลรักษาความหลากหลาย
ทางชีวภาพใหค้ งอยู่

5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

ความหลากหลายทางชีวภาพมีอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลาย
ของชนิดส่ิงมีชีวิต และความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสาคัญ
ต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ โดยระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จะรักษาสมดุลได้
ดีกว่าระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชวี ภาพต่า เนื่องจากระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพ
สูงเนอ่ื งจากมีส่งิ มชี วี ิตหลากหลายชนดิ ทาใหส้ ายใยอาหารมีความซับซ้อน เมื่อสิ่งมีชีวติ ชนิดหนง่ึ ตายลง จะ
ไม่ส่งผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตอื่นในสายใยอาหาร เพราะส่ิงมีชีวิตชนิดน้ันสามารถเลือกกินส่ิงมีชีวิตอ่ืนได้
หลายชนิด จึงไม่กระทบต่อระบบนิเวศนั้นมากนัก แต่ระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพต่า
เนื่องจากความหลากหลายชนิดของส่ิงมีชีวิตน้อย เมื่อส่ิงมีชีวิตที่เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตชนิดหน่ึงตายลง
จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมชี ีวิตชนิดนั้นโดยตรง ทาให้ส่ิงมชี วี ติ นัน้ ลดจานวนลง หรือสูญพันธุ์ไปจากระบบนิเวศ
ซงึ่ จะส่งผลกระทบตอ่ ไปยงั ส่งิ มีชีวติ อืน่ ในสายใยอาหารดว้ ย ระบบนเิ วศจึงไมส่ ามารถรกั ษาสมดลุ ไว้ได้

มนุษย์เป็นส่ิงมีชีวิตที่ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในด้านต่าง ๆ มากท่ีสุด เช่น ใช้เป็น
อาหาร ยารักษาโรค ใชเ้ ป็นวัตถุดิบในอตุ สาหกรรมต่าง ๆ สรา้ งรายได้ให้กับประเทศ

6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ

1) ทักษะการสังเกต
1) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

188

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทางาน

8. คาถามสาคญั

1. ความหลากหลายทางชวี ภาพมผี ลต่อมนุษย์และสิง่ แวดล้อมในระบบนเิ วศอยา่ งไร
2. ทาไมความหลากหลายทางชีวภาพจึงมีความสาคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

9. กจิ กรรมการเรียนรู้

 วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงที่ 1

ข้นั นา

ขนั้ ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบว่าเราจะศกึ ษาเรอื่ ง ความหลากหลายทางชวี ภาพ
2. ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า ความหลากหลายทางชีวภาพหมายถึงอะไร และ
นักเรียนคิดว่า ความหลากหลายทางชีวภาพมีผลต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อมในระบบนิเวศอย่างไร
ซึ่งแนวคาตอบแล้วแต่ประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน โดยครูยังไม่เฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง และ
ครสู ุม่ ถามสงิ่ ท่ีนักเรยี นอยากร้เู พ่ือใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรยี นการสอน เรอื่ งความหลากหลาย
ทางชีวภาพ

ช่วั โมงที่ 2-3

ข้ันสอน

ข้นั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore)
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ร่วมกันศึกษาเรื่อง ระดับความหลากหลายทางชีวภาพ
จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชดุ สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมเรื่อง สารวจความหลากหลายทางชีวภาพภายในโรงเรียน จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 แล้วบันทึกผลการทา
กจิ กรรมโดยเขียนลงในกระดาษ A4 แล้วนาไปตดิ ไว้ทผี่ นงั ห้อง

189

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินชมผลงานของกลุ่มอ่ืน ๆ โดยขณะเดินชมผลงานให้แต่ละกลุ่มเขียนคาถาม
หรือขอ้ สงสยั บนผลงานนนั้
4. เม่ือทุกกลุ่มเดินชมผลงานครบแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาหน้าช้ันเรียน เดินไปท่ี
ผลงานของกล่มุ ตนเอง อ่านคาถามท่ีเพื่อนกลุม่ อ่ืนเขียนข้อสงสยั และตอบคาถาม
5. ครูอภิปรายเก่ียวกับความหลากหลายทางชวี ภาพกับสมดุลของระบบนิเวศ โดยต้ังประเด็นคาถามวา่
นักเรียนคิดว่าระบบนิเวศที่มีคความหลากหลายทางชีวภาพสูงกับระบบนิเวศที่มี่ความหลากหลาย
ทางชีวภาพต่า ระบบนเิ วศใดจะสามารถรักษาสมดุลได้ดกี วา่ กัน เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ ระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง จะรักษาสมดุลได้ดีกว่าระบบนิเวศที่มี
ความหลากหลายทางชวี ภาพต่า เน่ืองจากมีสิ่งมีชวี ิตหลายชนดิ เมื่อส่ิงมีชีวิตชนิดใดชนิดหน่ึงตายลง
จะไมก่ ระทบต่อสงิ่ มีชีวติ อ่ืนมากนกั เพราะสงิ่ มชี วี ติ อาจกินส่ิงมีชวี ติ อืน่ ไดห้ ลายชนดิ )

ชวั่ โมงท่ี 4

ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
6. ครนู าสนทนาเกี่ยวกับความสาคญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยตง้ั คาถามให้นักเรียนรว่ มกัน
แสดงความคดิ เห็นวา่ มนุษย์ใชป้ ระโยชน์จากความหลากหลายชวี ภาพอยา่ งไรบา้ ง
(แนวตอบ ใช้เป็นอาหาร เช่น พืชต่างๆ สัตว์ต่างๆ ยารักษาโรค เช่น สมุนไพร เป็นวัตถุดิบใน
อตุ สาหกรรมต่าง ๆ)
7. ครนู าสนธนาว่า หากเกิดการสญู เสยี ความหลากหลายทางชีวภาพจะส่งผลต่อทั้งมนุษย์ สง่ิ มชี วี ติ อ่ืนๆ
และสง่ิ แวดล้อม ซงึ่ กจิ กรรมบางอย่างของมนษุ ยส์ ่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
- นกั เรียนคดิ ว่ากิจกรรมใดของมนษุ ย์ทส่ี ่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชวี ภาพ
(แนวตอบ การใชส้ ารเคมกี าจดั ศตั รูพชื การตดั ไม่ทาลายปา่ การลา่ สัตว)์
8. ครูนาสนทนาให้นักเรียนเกิดความตระหนักถึงความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และให้
นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันค้นควา้ เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ
แล้วบันทึกลงในใบงานท่ี 2.6.1 เรื่อง แนวทางการอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ

190

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ขั้นสรปุ

ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรูเ้ ก่ยี วกบั การความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยมีแนวการสรุป ดังน้ี
“ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) หมายถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ โดยแบ่งเปน็
3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต และ
ความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพนี้มคี วามสาคญั ตอ่ การรักษาสมดุลของ
ระบบนิเวศ โดยระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงจะรักษาสมดุลได้ดีกว่าระบบนิเวศ
ท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพต่ากว่า นอกจากนี้ความหลากหลายทางชีวภาพยังมีความสาคัญ
ตอ่ มนษุ ย์ในด้านตา่ ง ๆ เชน่ ใชเ้ ป็นอาหาร ยารักษาโรค วัตถุดบิ ในอุตสาหกรรมตา่ ง ๆ ดงั นน้ั จึงเปน็
หนา้ ท่ขี องทุกคนในการดูแลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่
2. นักเรียนแต่ละคนทา Exercise 6.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
3. ให้นักเรียนจับคู่กันทบทวนความรู้ที่เรียนมาทั้งหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม โดยอ่านจาก
Summary และร่วมกันทา Thinking Skill Activity จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์
มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
4. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรือ่ ง พนั ธกุ รรม
5. ให้นักเรียนทาแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง พันธุกรรม ในหนังสือเรียน
รายวชิ าพ้นื ฐาน (ชดุ สมั ฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
6. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรม
การทางานกลุ่ม และการนาเสนอผลงาน
7. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม เร่ือง สารวจความหลากหลายทางชวี ภาพภายในโรงเรียน
8. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานท่ี 2.6.1 เรือ่ ง แนวทางการอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ
9. ครูตรวจ Exercise 6.1 จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน (ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3
เลม่ 1
10. ครตู รวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง พนั ธุกรรม
11. ครูตรวจแบบทดสอบพัฒนาผู้เรียน จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน (ชุด สัมฤทธ์ิมาตรฐาน)
วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1

191

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 8 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

10. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
10.1 การประเมนิ ระหวา่ ง
- ตรวจใบงานที่ 2.6.1 - ใบงานท่ี 2.6.1 - รอ้ ยละ 60
การจดั กิจกรรม - ตรวจ Exercise 6.1 - Exercise 6.1 ผา่ นเกณฑ์
1) การดัดแปรทาง - ร้อยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
พนั ธกุ รรม

2) การปฏิบตั ิการ - ประเมินการ - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2

ปฏิบตั กิ าร การปฏิบตั ิการ ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคุณภาพ 2

ทางาน การทางานรายบุคคล พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์

รายบุคคล การทางานรายบุคคล

4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คุณภาพ 2

ทางาน การทางานกลุ่ม พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์

กลมุ่ การทางานกลุ่ม

5) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2

ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

6) คุณลักษณะอันพึง - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2

ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

10.2 การประเมนิ หลังเรียน

- แบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั - ร้อยละ 60

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี หลังเรียน เรียน ผ่านเกณฑ์

2 เรือ่ ง

พันธุกรรม

11. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

11.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน (ชดุ สมั ฤทธิ์มาตรฐาน) วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2
พนั ธุกรรม
2) ใบงานท่ี 2.6.1 เรอ่ื ง แนวทางการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

192

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ระบบนิเวศ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

11.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) อินเทอรเ์ นต็

ใบงานที่ 2.6.1

เรื่อง แนวทางการอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นสืบคน้ ข้อมลู แนวทางการอนรุ ักษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ

แนวทางการอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพ

193

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 ระบบนเิ วศ เฉลย
แผนฯ ที่ 4 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ใบงานที่ 2.6.1

เรือ่ ง แนวทางการอนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ

คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นสบื ค้นขอ้ มลู แนวทางการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ

แนวทางการอนรุ กั ษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

พจิ ารณาจากคาตอบของนกั เรียน เช่น
- ปลูกฝังจิตสานึกของประชาชนให้มีความเข้าใจถึงความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ

มคี วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทผ่ี สมผสานใหเ้ ข้ากับภมู ิปัญญาท้องถ่ิน เพ่อื ใหส้ ามารถใชป้ ระโยชน์
จากความหลากหลายทางชีวภาพไดอ้ ย่างยงั่ ยืน

- ควบคุมดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ โดยหน่วยงานภาครัฐอาจออกกฎหมายคุ้มครอง หรือมีการ
ทาข้อตกลงรว่ มกนั ระหวา่ งประเทศ เพอ่ื ควบคมุ ดูแลการค้าสายพนั ธส์ุ งิ่ มชี วี ิตทีเ่ สีย่ งตอ่ การสญู พันธ์ุ

- ศึกษาและเก็บรวบรวมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตท่ีเส่ียงต่อการสูญพันธุ์ เพื่อให้สามารถเพาะพันธุ์ส่ิงมีชีวิตนั้น
เพมิ่ ขนึ้ ได้ในอนาคต

- การทดแทนธรรมชาติที่ถูกบุกรุกและทาลายความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การสร้างแนวปะการัง
เทยี ม การปลูกป่า

194

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 ระบบนิเวศ
แผนฯ ท่ี 4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

12. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงชือ่ .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่ีมีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

195


Click to View FlipBook Version