The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Brands Summer Camp ปีที่ 27 วิชาฟิสิกส์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-12 11:33:41

Brands Summer Camp ปีที่ 27 วิชาฟิสิกส์

Brands Summer Camp ปีที่ 27 วิชาฟิสิกส์

Keywords: ฟิสิกส์

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 __________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (99)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (100) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

แนวขอสอบ

7. วัสดทุ รงกระบอก 2 ชน้ิ ชน้ิ หนง่ึ มีความยาว l มีรัศมี 2r ชิ้นทส่ี องมคี วามยาว 3l มีรัศมี r ทําจากวสั ดุชนิด

เดียวกัน ถา้ ทรงกระบอกอว้ นมคี วามตา้ นทาน R ทรงกระบอกผอมจะมคี วามตา้ นทานเทา่ ใด

1) 12R 2) 4R
3) 34 R 4) 32 R

8. แกลแวนอมเิ ตอร์แบบเขม็ ตวั หน่งึ วดั คา่ ความต้านทาน (RG) ไดเ้ ทา่ กับ 1,500 โอห์ม หน้าปัดแสดงผลได้
สูงสดุ 2 มิลลิแอมแปร์ ถกู ดัดแปลงเปน็ แอมมเิ ตอร์ที่วดั กระแสไฟฟ้าได้สงู สดุ 10 มลิ ลแิ อมแปร์ โดยการนํา

ตวั ต้านทานชันต์ (RS) มาตอ่ ขนาน เม่อื นําแอมมิเตอรด์ งั กล่าวไปวดั กระแสไฟฟ้าจรงิ ขนาด 10 มิลลแิ อมแปร์
ปรากฏว่าเขม็ ของแกลแวนอมเิ ตอรเ์ บนไปแต่ไม่ถึงเต็มสเกล

พจิ ารณาขอ้ สันนิษฐานตอ่ ไปน้ี

ก. คา่ RG ที่วดั ไดม้ คี ่าน้อยเกินไป
ข. คา่ RG ทวี่ ดั ได้มีค่ามากเกนิ ไป
ค. คาํ นวณคา่ RS ผดิ โดยคาํ นวณแลว้ ใหค้ า่ น้อยเกินไป
ง. คาํ นวณค่า RS ผิด โดยคํานวณแลว้ ให้คา่ มากเกนิ ไป
ขอ้ สันนิษฐานใดทีอ่ าจเป็นไปได้

1) ก. หรอื ค. 2) ก. หรือ ง.

3) ข. หรอื ค. 4) ข. หรอื ง.

9. ถ่านไฟฉายก้อนหนึง่ ฉลากทดี่ า้ นขา้ ง 2.5 โวลต์ นํามาตอ่ กับหลอดไฟขนาด 5 วตั ต์ วดั ความตา่ งศกั ย์
ระหวา่ งขั้วบวก และขั้วลบของถ่านไฟฉายได้ 2.0 โวลต์ โดยวดั กระแสไฟฟา้ ท่ผี ่านหลอดไฟ 1 แอมแปร์
เพราะอะไรความต่างศกั ย์ที่วัดได้กบั ทีร่ ะบใุ นฉลากไม่เท่ากัน
1) หลอดไฟตา้ นการไหลของกระแสไฟฟา้ จึงทําให้ความต่างศกั ยล์ ดลงจาก 2.5 โวลต์ เหลือ 2.0 โวลต์
2) ความคลาดเคลื่อนในการผลิตถา่ นไฟฉาย
3) เปน็ ความตา่ งศกั ยค์ รอ่ มตัวตา้ นทานภายในถ่านไฟฉาย
4) เป็นความตา่ งศกั ยต์ กครอ่ มหลอดไฟ

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (101)

10. พิจารณาวงจรดงั รูป

เง่ือนไขใดตอ่ ไปน้ี ทําให้กาํ ลงั ทไี่ ดจ้ ากตวั ตา้ นทาน R มีค่ามากทีส่ ุด

1) R = r 2) R = 2r

3) R = 5r 4) R = 10r

วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ (102) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

Note

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (103)

แมเ หลก็ ไฟฟา

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (104) __________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (105)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (106) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (107)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (108) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (109)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (110) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (111)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (112) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

แนวขอ สอบ

11. ถา้ สบั สวิตช์ แหวนอะลมู เิ นียมของทงั้ 2 รูป จะเป็นอย่างไร

เสาล่นื เสาลน่ื
แหวนอะลมู ิเนยี ม แหวนอะลูมิเนียม

(X) สวติ ช์ สวติ ช์
(Y)

1) แหวนอะลมู ิเนียมจะเดง้ ขน้ึ แลว้ ตกกลับลงมาทีเ่ ดิมทั้ง 2 รูป
2) แหวนอะลูมิเนยี มจะเดง้ ขน้ึ แลว้ ลอยค้างทงั้ 2 รปู
3) แหวนอะลมู เิ นยี มของรูป X จะเด้งขนึ้ แลว้ ตกกลบั ลงมาท่ีเดมิ สว่ นของรูป Y จะเด้งข้นึ แล้วลอยค้าง
4) แหวนอะลูมิเนียมของรปู X จะเด้งข้นึ แลว้ ตกกลับลงมาที่เดมิ ส่วนของรูป Y จะไม่ขยบั

12. ปล่อยวงลวดใหต้ กลงมาในแนวดิ่งภายใต้แรงโน้มถ่วงโลก จากกึง่ กลางแท่งแม่เหล็กถาวรดงั รปู ข้อสรปุ

เก่ยี วกับแรงเคล่อื นไฟฟา้ เหน่ยี วนํา ขอ้ ใดถกู ต้อง
gv

N

1) ขนาดกาํ ลังเพม่ิ ทิศทวนเข็มนาฬกิ า
2) ขนาดกาํ ลังเพิม่ ทศิ ตามเข็มนาฬิกา
3) ขนาดกําลังลด ทศิ ทวนเขม็ นาฬกิ า
4) ขนาดกําลังลด ทิศตามเข็มนาฬกิ า

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (113)

13. ทนั ทีทเ่ี ปดิ สวติ ช์ S ทเ่ี ชือ่ มกับลวดตัวนาํ ก จะเกดิ อะไรขนึ้ บนลวดตัวนาํ ข

1) หลอดไฟสวา่ งข้นึ ชว่ั ขณะ
2) ลวด ข ถกู ดดู เข้าหาลวด ก
3) เกิดกระแสบนลวด ข ในทศิ ตามเขม็ นาฬิกา
4) ถกู ทกุ ข้อ

14. วางลวดตัวนํายาว 30 เซนติเมตร บนรางตัวนาํ ยาวมากทม่ี คี วามต้านทานนอ้ ยมากและตอ่ กับตัวตา้ นทาน
3 โอห์ม โดยรางตัวนาํ วางห่างกัน 15 เซนติเมตร ดงั รปู จะตอ้ งออกแรงกระทํากับเสน้ ลวดก่ีนิวตัน เพ่อื ให้
เส้นลวดเคลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็วคงท่ี 2 เมตรตอ่ วนิ าที กําหนดใหส้ นามแมเ่ หลก็ มคี วามเข้ม 3 เทสสา

ลวดตัวนาํ

1) 0.060 2) 0.085
3) 0.135 4) 0.150

15. ลวดตวั นาํ ตรงยาว L มีกระแสไฟฟ้า I ไหลในทศิ -y ตามแนวยาวของเสน้ ลวด ถ้าเสน้ ลวดนีอ้ ยูใ่ น

สนามแม่เหล็กสมํา่ เสมอที่มีองคป์ ระกอบตามแนวแกน x, y และ z เป็น 6, 7 และ 8 เทสสา ตามลาํ ดับ

ขนาดของแรงแมเ่ หล็กท่ีกระทําตอ่ ลวดตวั นําคือข้อใด

1) 5 IL 2) 5IL

3) 10 IL 4) 10IL

วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ (114) __________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27

16. เสน้ ลวดตวั นําเสน้ ตรง 2 เสน้ วางขนานกนั บนโต๊ะ มกี ระแสไฟฟา้ ไหลในเส้นลวดทง้ั 2 นี้ ในทศิ ตรงข้ามกัน
ข้อใดถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั แรงแมเ่ หลก็ ทกี่ ระทาํ ต่อเสน้ ลวดนี้
1) ลวดท้งั สองเส้นผลกั กัน
2) ลวดทง้ั สองเสน้ ดูดกนั
3) ลวดทงั้ สองเสน้ ถูกแรงกระทําในทศิ ขึน้ ต้ังฉากกบั พ้นื โตะ๊
4) ลวดเส้นหนึ่งถูกแรงกระทําในทศิ ข้ึนตัง้ ฉากกบั พื้นโต๊ะ ลวดอีกเสน้ หนึ่งถูกแรงกระทาํ ในทิศลงตง้ั ฉากกบั
พืน้ โต๊ะ

17. แบบจาํ ลองของเครื่องกาํ เนดิ ไฟฟ้าเปน็ ดงั รปู

ถ้าเราเปล่ยี นแม่เหล็กใหม้ ีอาํ นาจแม่เหลก็ สูงข้นึ และสนั่ ใหเ้ รว็ ขน้ึ ไฟฟา้ ที่ผลติ ได้ควรจะมลี ักษณะอยา่ งไร
1) แรงดนั ไฟฟ้าสงู ขนึ้ ความถี่เท่าเดมิ
2) แรงดนั ไฟฟา้ สูงขึน้ ความถสี่ ูงขึ้น
3) แรงดันไฟฟ้าเท่าเดมิ ความถเี่ ทา่ เดมิ
4) แรงดนั ไฟฟา้ เท่าเดมิ ความถสี่ งู ข้นึ

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (115)

Note

วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (116) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

ไฟฟากระแสสลบั

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ (117)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (118) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (119)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (120) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (121)

แนวขอสอบ

18. วงจรไฟฟ้าที่มีตัวเหนี่ยวนํา ตัวเก็บประจุ และตัวต้านทานต่ออนุกรมกันโดยมีแหล่งกําเนิดไฟฟ้าเป็นไฟฟ้า

กระแสสลับ กระแสที่ไหลผ่านตัวเหน่ียวนํามีเฟสตามศักย์ตกคร่อม 90° กระแสท่ีไหลผ่านตัวเก็บประจุ

มีเฟสนาํ ศกั ย์ตกคร่อม 90° และมีกระแสทไ่ี หลผ่านตัวต้านทานมีเฟสตรงกับศักย์ตกคร่อม กระแสท่ีไหลผ่าน

ตวั เกบ็ ประจุมเี ฟสนาํ กระแสท่ีไหลผา่ นตวั เหนีย่ วนาํ เท่าใด

1) 0° 2) 90°

3) 120° 4) 180°

19. หากเปรยี บเทียบวงจรไฟฟา้ ท่ปี ระกอบด้วยตวั เก็บประจุ (ทม่ี ปี ระจเุ ตม็ ) และตวั เหนีย่ วนําเท่านัน้ กบั ระบบมวล
ติดปลายสปริงทเี่ คลื่อนทีบ่ นพ้ืนราบลนื่ จงพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี
ก. ตวั เก็บประจทุ ่มี ีความจุมากเปรียบไดก้ บั สปริงทม่ี ีคา่ คงตัวสปริงนอ้ ย
ข. พลังงานทสี่ ะสมในตวั เหนย่ี วนาํ เปรยี บไดก้ ับพลังงานศกั ยย์ ดื หยนุ่ ของสปรงิ
ค. กระแสไฟฟ้าท่ไี หลในวงจรเปรียบได้กับอัตราเรว็ ของก้อนมวล
มีขอ้ ความที่ถูกก่ขี อ้
1) 1 2) 2
3) 3 4) 0 (ไม่มขี อ้ ถูก)

20. ตวั ตา้ นทาน ขดลวดเหนี่ยวนาํ และแหลง่ จา่ ยไฟกระแสสลบั ตอ่ อนุกรมกนั เปน็ วงจรไฟฟา้ แหล่งจา่ ยไฟ
สามารถจา่ ยไฟท่ีมแี รงเคลอ่ื นไฟฟา้ ยงั ผลคงที่แต่สามารถปรับเปล่ยี นความถไ่ี ด้ ถ้าเราคอ่ ยๆ เพมิ่ ความถ่ี
จากตํา่ มากๆ ไปจนสูงมากๆ ขนาดของกระแสไฟฟ้ายงั ผล จะเปลย่ี นใกลเ้ คยี งกบั กราฟข้อใดมากทส่ี ดุ

1) A 2) B
3) C 4) D

วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (122) __________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

21. ถา้ ตอ้ งการทําให้ความต่างศักยค์ ร่อมตัวต้านทาน (RR) มคี ่าลดลงจะต้องทําอย่างไร

1) เพมิ่ คา่ ความเหนย่ี วนํา
2) เพม่ิ ความถ่ขี องไฟฟ้ากระแสสลบั
3) ลดความถ่ขี องไฟฟ้ากระแสสลับ
4) มคี าํ ตอบถูกมากกวา่ 1 ขอ้

22. หม้อแปลงอุดมคติต่อกับแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ ขณะที่กระแสไฟฟ้าท่ีด้านปฐมภูมิมีค่าเป็นศูนย์แล้ว

ความตา่ งศักย์ทีด่ ้านทุติยภูมิจะเปน็ เทา่ ใด

1) เปน็ ศูนย์ 2) ไม่เทา่ กับศนู ย์ แตก่ าํ ลังลดลง

3) ไม่เทา่ กบั ศูนย์ แตก่ าํ ลงั เพิ่มข้นึ 4) มีค่าสูงสดุ

23. กาตม้ น้ําเหมอื นกันจาํ นวน 4 ใบ ฉลากที่ติดขา้ งกาเขยี นไว้ว่า 1,500 W 220 V AC ใส่น้ําเตม็ กาทุกใบ
นํากาต้มน้ําน้ี 2 ใบ มาตอ่ แบบขนานกัน อีก 2 ใบ ตอ่ แบบอนกุ รม หลงั จากน้ันเสยี บเข้ากบั ปล๊ักไฟบา้ น
จงเปรียบเทียบการตม้ น้ําในกาทัง้ 4 ให้เดือด

กาตม้ นาํ้

กาตม้ นํ้า 220 V AC กาต้มนาํ้ กาตม้ นา้ํ

220 V AC แบบที่ 2 การตม้ นา้ํ แบบตอ่ อนกุ รม
แบบที่ 1 การต้มน้าํ แบบต่อขนาน

เวลาท่ใี ช้ในการต้มใหเ้ ดอื ด ค่าไฟฟ้าท่ตี อ้ งเสยี
1) ทัง้ สองแบบใช้เวลาเทา่ กนั แบบอนุกรมเสียค่าไฟมากกว่า
2) ทง้ั สองแบบใชเ้ วลาเท่ากัน ทงั้ สองแบบเสียคา่ ไฟเทา่ กนั
3) แบบอนุกรมใช้เวลานานกวา่ แบบอนุกรมเสยี คา่ ไฟมากกวา่
4) แบบอนุกรมใช้เวลานานกวา่ ท้งั สองแบบเสียค่าไฟเทา่ กัน

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (123)

Note

วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (124) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

คล่นื แมเหลก็ ไฟฟาและแสงเชงิ ฟส กิ ส

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (125)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (126) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

แนวขอสอบ

24. ขอ้ ใดถูกเกี่ยวกับการแทรกสอดของแสงเลเซอร์ผ่านเกรตติง เม่ืออุปกรณ์ท้ังหมดอยู่ใต้ผิวน้ําเปรียบเทียบ
กบั เม่อื ทาํ การทดลองในอากาศ
1) ริว้ การแทรกสอด ในนํ้าอยูห่ า่ งเท่ากับในอากาศ
2) ริ้วการแทรกสอด ในน้ําอยู่ชิดกันมากกว่าในอากาศ
3) รว้ิ การแทรกสอด ในนาํ้ อยูห่ า่ งกนั มากกวา่ ในอากาศ
4) ไมเ่ กิดรวิ้ การแทรกสอด ในน้ํา

25. นกั เรียนคนหน่งึ ทําการทดลองการแทรกสอดของยงั ถ้าแสงทใี่ ชม้ ีความยาวคลืน่ 720 นาโนเมตร และ
ระยะห่างระหว่างชอ่ งแคบคู่กบั ฉากเปน็ 3.0 เมตร วดั ระยะห่างของแถบสวา่ งจากแนวกลางบนฉากไดผ้ ล
ดงั รปู ช่องแคบคทู่ ีใ่ ชม้ ีระยะห่างระหวา่ งชอ่ งเปน็ กม่ี ิลลิเมตร

8.0 cm

1) 0.12 2) 0.22
3) 0.34 4) 0.68

26.

สูตร dx = d sin θ = nλ สามารถพยากรณค์ วามกวา้ ง แถบสวา่ งกลางของการเลยี้ วเบนช่องแคบเดยี ว
L

กรณีใดที่ทําใหส้ ูตรผดิ พลาด

1) d < λ 2) L ≈ 10d

3) แหล่งกําเนิดแสงเป็นแสงกะพรบิ 4) แสงท่ใี ชเ้ ปน็ แสงสีเดยี ว และเปน็ โพลาไรซเ์ ชิงเสน้

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (127)

27. ถา้ ระยะ S1Q มีคา่ ต่างจากระยะ S2Q อยู่ 1,500 นาโนเมตร ตาํ แหน่ง Q ของแสงความยาวคลื่น 600 นาโนเมตร
จะมสี มบตั อิ ยา่ งไร

1) เปน็ ตาํ แหน่งที่มืดที่สุด
2) เปน็ ตําแหน่งทส่ี ว่างท่สี ุด
3) อยู่ใกล้ตําแหน่งสวา่ งมากกวา่ ตาํ แหนง่ มืด
4) อยู่ใกล้ตาํ แหน่งมดื มากกวา่ ตาํ แหนง่ สวา่ ง

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (128) __________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

Note

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (129)

ฟส ิกสอ ะตอม

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (130) __________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (131)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (132) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (133)

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (134) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

แนวขอ สอบ

28. สมการใดไมเ่ กย่ี วข้องกบั การคาํ นวณรศั มกี ารเคลอ่ื นทข่ี องอิเล็กตรอนในแบบจาํ ลองอะตอมของบอห์ร

1) F = kq1q2 2) mvr = mrv2
r2 4) mvr = n h
Gm1m2
3) F = r2

29. อิเล็กตรอนถกู เรง่ ด้วยพลังงานอย่างนอ้ ยทสี่ ุดเทา่ ไร จงึ สามารถชนโปรตอนอกี ตัวหนงึ่ ได้ กาํ หนดใหม้ วล

อิเล็กตรอน คอื 10-29 kg เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง คอื 10-14 m ตอบในรปู 10n eV โดยไมค่ ิดผลของทฤษฎี

สมั พันธภาพพิเศษ

1) 103 eV 2) 105 eV

3) 109 eV 3) 1011 eV

30. การทดลองของฟรังก์และเฮิรตซ์ประกอบด้วยหลอดบรรจุไอปรอทความดันตํ่า ซี่งมีแคโทดเป็นตัวปล่อย
อิเล็กตรอน และมีข้ัวไฟฟ้าบวกสําหรับเร่งอิเล็กตรอน อิเล็กตรอนท่ีหลุดจากแคโทดจะเคลื่อนท่ีผ่าน
ไอปรอทและอาจเกิดการถา่ ยเทพลังงานใหก้ บั ไอปรอทจนกระทั่งเดินทางมาถึงขั้วไฟฟ้า เกิดเป็นกระแสไฟฟ้า
ไหลระหว่างแคโทดและขว้ั ไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าสมั พันธก์ ับความตา่ งศักยร์ ะหว่างแคโทดและขว้ั ไฟฟา้ ดงั รูป

เหตกุ ารณ์ใดเกดิ ข้นึ ในชว่ งความตา่ งศกั ย์ 4.9 โวลต์ ถงึ 5.5 โวลต์
1) จํานวนอิเล็กตรอนจากแคโทดมีปรมิ าณลดลง
2) อิเลก็ ตรอนจากแคโทดสญู เสียพลงั งานจลนเ์ กือบท้ังหมดทมี่ ใี หแ้ กไ่ อปรอท
3) พลงั งานจลน์ของอเิ ล็กตรอนจากแคโทดถูกเปลี่ยนเปน็ พลงั งานศักยไ์ ฟฟ้า เนื่องจากการเข้าชนกับไอปรอท
4) อิเล็กตรอนจากแคโทดมพี ลังงานเพยี งพอท่จี ะถกู ไอปรอทจับไว้ ทําใหจ้ ํานวนอิเลก็ ตรอนท่ีไปถึงข้วั ไฟฟ้า

บวกลดจํานวนลง

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (135)

31. ในเครอ่ื งกําเนิดรังสเี อกซ์ ถ้าเราเพิ่มความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งขวั้ ไฟฟา้ กบั เป้าโลหะ (R0) ความยาวคล่ืนตา่ํ สุด
และความยาวคล่ืนรงั สีเอกซเ์ ฉพาะตัวทีเ่ กดิ ขึ้น จะเปน็ อยา่ งไร

ความยาวคลืน่ ตา่ํ สดุ ความยาวคลนื่ รังสเี อกซ์เฉพาะตัว
1) เพม่ิ ขนึ้ เปลีย่ นแปลง
2) เพมิ่ ขึ้น ไมเ่ ปลย่ี นแปลง
3) ลดลง เปลย่ี นแปลง
4) ลดลง ไม่เปลี่ยนแปลง

32. อิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนเปลี่ยนระดับพลังงานจากช้ัน n = 3 ไปสู่สถานพื้น จะปล่อยคลื่น

แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทมี่ ีพลงั งานประมาณกอ่ี ิเล็กตรอนโวลต์

1) 1.41 2) 1.91 3) 12.1 4) 14.1

33. จากปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริก เมอ่ื มแี สงมาตกกระทบโลหะ

ก. จะเกดิ โฟโตอเิ ล็กตรอน ก็ตอ่ เม่ือแสงมีพลังงานมากกว่าฟังกช์ นั งาน

ข. ถา้ แสงมีความถี่มาก พลงั งานจลนข์ องโฟโตอิเลก็ ตรอนจะมากดว้ ย

ค. ถ้าแสงมคี วามถ่มี าก จํานวนโฟโตอเิ ล็กตรอนจะมากด้วย

ง. ถ้าแสงมคี วามเข้มมาก จาํ นวนโฟโตอเิ ลก็ ตรอนจะมากดว้ ย

ขอ้ ทถ่ี กู ต้องมีกีข่ อ้

1) 1 ขอ้ 2) 2 ข้อ 3) 3 ข้อ 4) 4 ขอ้

34. เมื่อฉายคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ทม่ี ีความยาวคลน่ื 310 นาโนเมตร ส่โู ลหะทมี่ ฟี ังก์ชันงานตามขอ้ ใด จะทําให้เกิด

โฟโตอิเล็กตรอนท่ีมพี ลงั งานจลน์ตํ่าท่สี ุด

1) 1.7 eV 2) 2.3 eV 3) 3.5 eV 4) 3.9 eV

35. การใชแ้ สง UV ทม่ี ีพลังงาน 6 × 10-19 จูล ในการตรวจสอบธนบัตร หากมองเหน็ ลายน้าํ จากการฉาย UV

แสดงว่าเปน็ ธนบตั รจริง ลายนา้ํ โลหะบนธนบตั รจริงควรมีความหนาของเส้นลายอยา่ งน้อยเท่าใด จงึ จะ

มองเห็นไดโ้ ดยแสงดังกล่าว

1) 390 nm 2) 330 nm 3) 1.30 fm 4) 0.33 fm

36. ความยาวคลน่ื เดอบรอยลข์ องอเิ ลก็ ตรอนในอะตอมไฮโดรเจนท่ีระดับพลงั งาน n = 4 เป็นกีเ่ ทา่ ของท่ีระดับ
พลังงาน n = 3
1) 21 2) 2 3) 34 4) 34

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (136) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27

Note

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (137)

ฟส ิกสน วิ เคลียร

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (138) __________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27

แนวขอสอบ

37. อนุภาค X ในปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ n + 29352 U → 16602 Sm + 3702 Zn + X คอื อะไร

1) 11H 3 อนุภาค 2) 31H

3) n 4 อนุภาค 4) 01 e 3 อนภุ าค

38. ข้อใดแสดงปฏิกริ ยิ าการสลายตัวของ 23940Th เปน็ 23941Pa ไดถ้ ูกตอ้ ง
1) 23940Th → 23941Pa + n
2) 23940Th → 23941 Pa + α
3) 23940Th → 23941Pa + e- + อนภุ าคทต่ี รวจวดั ไมพ่ บ
4) 23940Th → 23941Pa + e+ + อนภุ าคทต่ี รวจวัดไมพ่ บ

39. การคํานวณหาค่ากมั มันตรังสขี องนวิ เคลียสตง้ั ตน้ ไม่เกย่ี วข้องกับสงิ่ ใด

ก. นิวเคลียสลกู หลังการสลายตวั

ข. ชนดิ ของนิวเคลียส

ค. คร่งึ ชวี ติ

ง. จาํ นวนนวิ เคลยี สท่เี วลาใดๆ

1) ขอ้ ก. เท่านั้น 2) ขอ้ ข. เท่านน้ั

3) ขอ้ ข. และ ง. 4) เก่ียวข้องทกุ ขอ้

40. ขอ้ ใดถกู ต้องเก่ียวกบั การสลายตัวของ U-238
1) พลังงานยดึ เหนย่ี วตอ่ นวิ คลีออนเปล่ยี นแปลงโดยอาจลดหรือเพม่ิ ก็ได้
2) พลงั งานยดึ เหนย่ี วต่อนิวคลอี อนไม่เปลยี่ นแปลง
3) พลังงานยดึ เหนีย่ วตอ่ นิวคลีออนเพิม่ ขึน้
4) พลังงานยึดเหน่ียวต่อนิวคลีออนลดลง

41. ลูกเต๋าชุด A มี 6 หน้า แต้มสีไว้เพียง 1 หน้า มีทั้งหมด 4,800 ลูก ลูกเต๋าชุด B มี 10 หน้า แต้มสีไว้

4 หน้า ในการทอดแต่ละคร้ังจะหยิบลูกเต๋าที่ข้ึนหน้าท่ีแต้มสีออก สําหรับการทอดลูกเต๋าคร้ังแรก

ถา้ ต้องการให้จํานวนลกู เต๋าที่ถูกหยิบออกทัง้ สองชดุ เท่ากนั จะต้องใชล้ ูกเตา๋ B กี่ลูก

1) 1,200 2) 1,500

3) 2,000 4) 2,400

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ (139)

42. หากเปรยี บเทียบการทอดลูกเตา๋ กบั การสลายตวั ของนิวเคลียสกัมมันตรังสี เมอ่ื เขียนกราฟความสมั พนั ธ์
ระหว่างค่าคงตวั การสลาย (แกนตง้ั ) กับจาํ นวนหนา้ ทแี่ ต้มสขี องลูกเต๋า (แกนนอน) เป็นดังข้อใด
1) เป็นกราฟไฮเพอร์โบลามุมฉาก
2) เปน็ กราฟเส้นตรงท่มี คี วามชนั เปน็ ลบ
3) เป็นกราฟเส้นตรงที่มคี วามชันเป็นบวก
4) เปน็ กราฟเอกซ์โพเนนเชยี ลทีม่ คี วามชันเป็นบวก

43. สารกัมมนั ตรงั สชี นิดหน่งึ มคี ่าครึ่งชวี ติ 50 วนิ าที เม่ือเวลาผ่านไป 125 วนิ าที สารชนิดน้ีเหลอื 200 กรัม

ในตอนแรกเริม่ ต้นมสี ารชนิดนี้กกี่ รมั

1) 1,450 2) 1,131

3) 885 4) 765

44. สารกัมมันตรังสี A สลายตัวได้ B ถา้ ปริมาณ 87 ของ A สลายในเวลา 30 ปี ค่าคร่งึ ชีวติ ของ A จะเป็นก่ีปี

1) 3.75 2) 5

3) 7 4) 10

45. พลังงานทป่ี ลดปล่อยออกมาจากการสลายใหร้ ังสบี ีตาของ 164C มีค่ากีเ่ มกะอเิ ลก็ ตรอนโวลต์ กําหนด
มวลอะตอมของไอโซโทปต่างๆ
11C(11.011433 u) 12C(12.000000 u) 13C(13.003355 u) 14C(14.003242 u)
13N(13.005739 u) 14N(14.003074 u) 15N(15.000109 u) 15O(15.003065 u)
16O(15.994915 u) 18O(17.999159 u)
มวลอิเล็กตรอน 0.000549 u และ 1 u = 930 MeV/c2

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (140) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

ใชข้ ้อมูลตอ่ ไปน้ี ตอบคาํ ถามข้อ 46-48

แบรอิ อนเปน็ อนุภาคทีป่ ระกอบด้วยควารก์ 3 ตวั ยดึ ติดกันดว้ ยแรงนวิ เคลยี รแ์ บบเขม้ ควาร์กเป็นอนุภาค
มูลฐานท่ีมมี วลและประจไุ ฟฟา้ ตามขอ้ มลู ดังน้ี

ชนิดควารก์ มวล ประจไุ ฟฟา้

u 2.4 MeV/c2 +2e/3
d 4.8 MeV/c2 -e/3
s 104 MeV/c2 -e/3
c 1.27 GeV/c2 +2e/3
b 4.2 GeV/c2 -e/3
t 171.2 GeV/c2 +2e/3

46. อนภุ าคเดลตา ++ ประกอบดว้ ยควาร์กชนิด u ทง้ั 3 ตัว จงหาวา่ เดลตา ++ มปี ระจรุ วมเทา่ ใด
1) +e 2) + 32 e

3) +2e 4) -2e

47. อนภุ าคประกอบดว้ ยควาร์กชนดิ ใด จะเคลอื่ นที่เปน็ ทางตรงในสนามแม่เหลก็

1) uud 2) udd

3) uuu 4) ddd

48. ถ้าควาร์กอยู่ 3 ชนิด คือ u d และ s จะสามารถสรา้ งแบริออนได้ท้งั หมดก่แี บบ
1) 27 2) 15
3) 9 4) 3

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (141)

1. 2) 2. 4) เฉลย 4. 2) 5. 4)
6. 4) 7. 1) 9. 3) 10. 1)
11. 1) 12. 4) 3. 2) 14. 3) 15. 4)
16. 1) 17. 2) 8. 3) 19. 2) 20. 4)
21. 2) 22. 4) 13. 4) 24. 2) 25. 2)
26. 1) 27. 1) 18. 1) 29. 2) 30. 2)
31. 4) 32. 3) 23. 4) 34. 4) 35. 2)
36. 3) 37. 3) 28. 3) 39. 1) 40. 3)
41. 3) 42. 3) 33. 2) 44. 4) 45. 0.16 MeV
46. 3) 47. 2) 38. 3)
43. 2)
48. 1)

————————————————————

วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (142) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

Note

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (143)

เกง็ ขอ สอบ

ชดุ ที่ 1

1. สนามแม่เหล็กมีทศิ ทางตามทิศเหนอื Bv
v
N

WE
S

เมือ่ โปรตอนเคลอื่ นท่ีดว้ ยความเรว็ v ตามทิศเหนือตามรปู จงพิจารณาข้อต่อไปนข้ี ้อใดถกู ตอ้ ง
1) เคล่อื นทไ่ี ปทาง N แตม่ ีความเร็วลดลงเรอ่ื ยๆ แล้ววิง่ กลับมาทาง S
2) เคลอื่ นทไี่ ปทาง N โดยมีความเร็วเท่าเดิม
3) เคล่ือนท่ไี ปทาง N โดยความเร็วเพมิ่ ข้ึน
4) โค้งไปทาง E เปน็ วงกลมดว้ ยอัตราเร็วคงท่ี

2.

เหวีย่ งวตั ถมุ วล 0.5 กิโลกรมั เป็นรปู วงกลมในแนวระดบั บนพื้นลื่นด้วยเชือกยาว 1 เมตร ทนแรงฉดุ ได้
2 นิวตนั อัตราเรว็ สงู สดุ ของการเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลมนมี้ ีค่าเทา่ ใด
1) 1 m/s
2) 2 m/s
3) 3 m/s
4) 4 m/s
3. ปล่อยวตั ถุ A และ B จากความสูงเดยี วกนั A มีมวลเป็น 4 เทา่ ของ B วตั ถุทง้ั สองใชเ้ วลาในการเคลื่อนท่ี
ลงส่พู นื้ เท่ากนั จงพิจารณาขอ้ ใดต่อไปน้ถี ูกตอ้ ง
1) ความเรว็ กอ่ นกระทบพนื้ ของ A มากกวา่ B 4 เทา่
2) นาํ้ หนักของ A เทา่ กบั น้ําหนกั ของ B
3) ความเรง่ ของวตั ถุ A มากกว่าวตั ถุ B
4) ขนาดของแรงท่โี ลกกระทาํ ตอ่ มวล A มากกว่ามวล B เป็น 4 เท่า

วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ (144) __________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27

4. เสียงเคลือ่ นที่จากตวั กลางทีม่ ีอณุ หภูมิตา่ํ ไปยังทม่ี อี ุณหภูมิสูง จะมกี ารเคลือ่ นทตี่ ามเส้นทางใด

อณุ หภูมิสงู อุณหภูมติ ํ่า

A เสียง
ผิวรอยต่อ
B
C
D

1) A
2) B
3) C
4) D

5. คณุ ชายธนวฒั นเ์ ดินทางไปเหยียบดวงจนั ทร์ จงพิจารณาขอ้ ใดต่อไปนถี้ ูกตอ้ ง
1) แรงที่คณุ ชายธนวฒั น์กระทําดวงจนั ทร์เท่ากับแรงท่ีดวงจนั ทรก์ ระทําตอ่ คุณชายธนวฒั น์
2) แรงท่ีคุณชายธนวัฒน์กระทําต่อดวงจันทร์ไม่เท่ากับแรงท่ีดวงจันทร์กระทําต่อคุณชายธนวัฒน์
เพราะดวงจนั ทร์มมี วลมากกว่า
3) ขนาดของแรงท่ีดวงจันทร์กระทําต่อคุณชายธนวัฒน์มากกว่าขนาดของแรงที่คุณชายธนวัฒน์กระทําต่อ
ดวงจนั ทร์
4) ขนาดของแรงที่คุณชายธนวัฒน์กระทําต่อดวงจันทร์เท่ากับขนาดของแรงท่ีดวงจันทร์กระทําต่อ
คณุ ชายธนวัฒน์

6. แมน่ าคอยู่หา่ งจากลาํ โพงมากกว่าพ่ีมาร์คเปน็ ระยะทาง 2 เทา่ จงพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปนผี้ ดิ
1) แมน่ าคได้รับความเขม้ เสยี งนอ้ ยกวา่ พ่มี าร์ค
2) แมน่ าคและพม่ี ารค์ ไดร้ ับความถเี่ สียงจากลําโพงเทา่ กนั
3) ระดบั ความเขม้ เสยี งท่ีพี่มารค์ ไดร้ บั นอ้ ยกวา่ แมน่ าค
4) เสยี งเคลอ่ื นท่ีไปหาแมน่ าคและพมี่ าร์คดว้ ยอัตราเร็วเทา่ กัน

7. ลูกเทนนิส 2 ลูก เหมือนกันทุกประการ อยู่สูงจากพื้นเท่ากัน ลูกแรกถูกปล่อยให้เคล่ือนท่ีในแนวด่ิง
ลูกท่ีสองถูกปาออกไปในแนวระดับด้วยความเร็วต้นค่าหน่ึง (ไม่คิดแรงต้านอากาศ) การเคล่ือนที่ของ
ลูกเทนนิสท้ังสองจนกระทบพ้นื มีอะไรไม่เท่ากัน
1) ความเรง่
2) เวลาในการเคลือ่ นท่ี
3) การกระจดั ในแนวราบ
4) ความเรว็ ในแนวดง่ิ ก่อนกระทบพนื้

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27 _________________________________ วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (145)

8. โซเ่ หลก็ ขดบนพนื้ เปน็ รูปร่างของตวั เลขอารบิกตามข้อใดท่ีมรี ะยะการกระจัดนอ้ ยทีส่ ุด
1) เลข 1
2) เลข 2
3) เลข 5
4) เลข 8

9.
สถานีต้นทางกรงุ เทพมหานคร

สถานปี ลายทาง ออก ถึง ระยะทาง (km)
นครสวรรค์ 12.00 น. 14.30 น. 239
17.00 น. 05.00 น. 789
นครศรธี รรมราช 21.00 น. 24.00 น. 349
นครราชสีมา 17.30 น. 05.00 น. 679
นครพนม 21.00 น. 00.30 น. 459
สกลนคร

อตั ราเรว็ เฉลย่ี ในการเดินทางจากสถานตี น้ ทางกรุงเทพมหานครไปยงั สถานปี ลายทางทีจ่ ังหวดั ใดนอ้ ยทส่ี ดุ
1) สกลนคร
2) นครพนม
3) นครราชสมี า
4) นครศรธี รรมราช

10. ขวา้ งลูกบอลสดี ํามวล 0.2 กโิ ลกรมั ออกจากทส่ี ูง 3.0 เมตร โดยมีความเร็ว 4.0 เมตรต่อวินาทใี นแนวราบ
ขณะเดียวกนั ก็ขว้างลูกบอลสีขาวมวล 0.2 กิโลกรัมออกจากทีส่ งู เท่ากนั ด้วยความเรว็ 8.0 เมตรต่อวนิ าที
ในแนวราบเชน่ กนั ขอ้ ใดตอ่ ไปนีถ้ กู ต้อง
1) ลูกบอลสขี าวตกถึงพน้ื ก่อน
2) ลกู บอลทงั้ สองตกถงึ พนื้ พรอ้ มกนั
3) ลูกบอลทงั้ สองตกกระทบพ้นื หา่ งจากจุดขว้างเทา่ กัน
4) อัตราเรว็ ในแนวดง่ิ ของลูกบอลสีดาํ มากกวา่ ลกู บอลสีขาว

11. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี ข้อใดผิด
1) คลน่ื เรดารเ์ ป็นคล่ืนไมโครเวฟมสี มบตั ิสะทอ้ นกบั ผิวโลหะไดด้ ี
2) ผนังของหลอดเรืองแสงจะทําดว้ ยแกว้ เพราะแก้วกน้ั รังสีอัลตราไวโอเลตได้ดี
3) คลืน่ แมเ่ หล็กทุกชนิดเปน็ คลนื่ ตามขวางมอี ตั ราเร็วในสญุ ญากาศเทา่ กบั 3 × 108 m/s
4) รงั สแี กมมา รังสเี อกซ์ รงั สอี ัลตราไวโอเลต แสงทตี่ ามองเห็น รงั สีอนิ ฟราเรด จะเรียงตามความยาวคล่ืนมาก
ไปความยาวคล่นื น้อย

วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ (146) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

12. คลื่นวทิ ย,ุ รังสีอนิ ฟราเรด และคลืน่ ไมโครเวฟมสี ่ิงทเ่ี หมือนกนั ในขอ้ ใดบา้ ง
ก. เปน็ คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้
ข. ตรวจรบั ไดด้ ว้ ยฟิล์มถา่ ยรปู
ค. ใช้ประโยชนใ์ นการสอ่ื สารดาวเทยี ม

ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
1) ก. และ ค.
2) ก. และ ข.
3) ข. และ ค.
4) คาํ ตอบเปน็ อยา่ งอน่ื

13. ธาตุท่ีมสี ญั ลกั ษณ์นิวเคลียร์ 14 C ถูกเรยี กชอื่ ยอ่ ว่าอะไร
6

1) คารบ์ อน-6

2) คาร์บอน-8

3) คารบ์ อน-14

4) คาร์บอน-20

14. โพแทสเซยี มเป็นโลหะชนดิ หนง่ึ มสี ัญลกั ษณน์ วิ เคลียร์ 4109K แสดงวา่ นิวเคลียสของโพแทสเซียมนมี้ ีอนุภาคตาม
ขอ้ ใด

1) โปรตอน 40 ตวั นิวตรอน 19 ตัว
2) โปรตอน 59 ตวั นวิ ตรอน 40 ตวั
3) โปรตอน 40 ตวั อิเลก็ ตรอน 21 ตวั
4) โปรตอน 19 ตวั นวิ ตรอน 21 ตวั

15. จงพจิ ารณาวา่ ข้อใดถกู ตอ้ งสําหรับ “ธาตกุ มั มนั ตรงั สี”
ก. ธาตุกมั มนั ตรงั สที ุกชนดิ มีค่าพลงั งานยึดเหนยี่ วในนิวเคลียสต่ํา
ข. ธาตุกัมมนั ตรังสหี น่งึ ๆ มคี ่าคร่ึงชีวติ คงที่เสมอ
ค. การสลายตวั ของนวิ เคลียสท่ีปลดปลอ่ ย แอลฟา เบตา้ หรอื แกมมา แม้เพียงอยา่ งหนง่ึ กจ็ ะสามารถ
ทาํ ใหเ้ ปลยี่ นสภาพเป็นนวิ เคลยี สของธาตุใหมไ่ ด้

1) ก.
2) ก. และ ข.
3) ข. และ ค.
4) ก., ข. และ ค.

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27 _________________________________ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ (147)

16. สารกัมมนั ตรงั สีจาํ นวนหนง่ึ เมอื่ ทงิ้ ไว้ 4 ช่วั โมง ปรากฏว่าเหลือสารกัมมันตรังสีจาํ นวน 1 เทา่ ของ
16

ของเดมิ จงหาเวลาครึง่ ชวี ติ ของสารน้ี

1) 0.5 ชั่วโมง
2) 1.0 ชว่ั โมง
3) 1.5 ชั่วโมง
4) 2.5 ชวั่ โมง

17. รังสีแอลฟามีอํานาจในการทะลุผ่านน้อยกว่ารังสีชนิดอ่ืนท่ีออกมาจากธาตุกัมมันตรังสีเนื่องจากเหตุผล
ตามขอ้ ใด
1) รังสีแอลฟาไมม่ ปี ระจไุ ฟฟ้า
2) รงั สแี อลฟามพี ลังงานน้อยกวา่ รงั สชี นดิ อื่น
3) รังสแี อลฟามคี ณุ สมบัตใิ นการทําใหส้ ารท่ีรงั สผี า่ นแตกตวั เป็นไอออนไดด้ ี
4) ข้อ 2) และ 3) ถกู

18. ขอ้ ใดมขี นาดของการกระจัดมากทส่ี ดุ

1) วงิ่ เป็นรูปครึง่ วงกลมรศั มี 14 เมตร

2) วง่ิ ไปทางทศิ ตะวนั ออก 16 เมตร แลว้ เปลย่ี นไปทางทิศใต้ 12 เมตร

3) วิง่ เปน็ เส้นตรงเป็นระยะ 40 เมตร แลว้ วง่ิ กลับมาเป็นระยะ 40 เมตร

4) โยนของข้นึ ไปสูงเป็นระยะ 40 เมตร ตกลงค้างกง่ิ ไม้สูง 15 เมตร

5) วงิ่ เป็นวงกลมรศั มี 7 เมตร จํานวน 2 รอบ

19. แสงสแี ดงมีความถ่ี 3 × 1014 Hz จะมีความยาวคลน่ื เท่าใด
1) 1.6 × 10-6 m
2) 1.0 × 10-6 m
3) 0.9 × 10-6 m
4) 0.7 × 10-6 m
5) 0.4 × 10-6 m

20. ขอ้ ใดไม่ใชล่ กั ษณะของแรงนวิ เคลยี ร์
1) แรงท่ีมขี อบเขตเฉพาะในนวิ เคลียส
2) แรงระหว่างนวิ คลอี อน
3) ดงึ อเิ ลก็ ตรอนทโ่ี คจรรอบนวิ เคลียส
4) แรงระหวา่ งโปรตอนกบั โปรตอนในนวิ เคลียส
5) แรงระหว่างนวิ ตรอนกบั นวิ ตรอนในนวิ เคลียส

วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ (148) __________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27


Click to View FlipBook Version