The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Autistic Spectrum Disorder ปัญหาพฤติกรรม ภาษา และการแก้ไข ประสบการณ์จากโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ โดย นพ.ดุสิต ลิขนะพิชิตกุล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-20 00:36:54

Autistic Spectrum Disorder

Autistic Spectrum Disorder ปัญหาพฤติกรรม ภาษา และการแก้ไข ประสบการณ์จากโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ โดย นพ.ดุสิต ลิขนะพิชิตกุล

91

พฒั นาการทางภาษา จากการหาข้อมลู เพื่อวิเคราะห์ ความเข้าใจคํา และประโยคท่ีใช้ในชีวิต
ประจําวนั พบวา่ ด.ช.สอง เข้าใจคําหรือวลีสนั้ ๆที่มีคนพดู ด้วยเชน่ ถสู บู่ สระผม ไปเท่ียว เข้าใจประโยคคาํ สง่ั
เชน่ “น้องสองกินข้าว” “น้องสองหยิบของให้แมห่ นอ่ ย” และ ช่ือสมาชกิ ในครอบครัว

การพดู ตามลดลงแตย่ งั มีอยู่ เชน่ ข้ามถนนอนั ตราย, ถ้าไมด่ รู ถข้ามถนนรถชนตาย,ลงมาเดยี๋ วนี ้ยงั
สบั สนในคําศพั ท์บางคาํ เชน่ เปิด เป็นปิด

เมื่ออายใุ กล้ 4 ขวบ เริ่มพดู เอง (spontaneous speech) โดยคําพดู เป็นลกั ษณะ holophrase และ
telegraph speech เชน่ ฟังนิทาน หมายถึง จะฟังนทิ าน,ปิดไฟนอน พดู ก่อนนอน,ลงุ (ช่ือลงุ ) เห็นลงุ ,ทะเล
พดู เม่ือเห็นทะเล การพดู ในชว่ งเวลานีเ้ป็นการพดู ที่แสดงวตั ถปุ ระสงค์วา่ ต้องการส่ือสารมากกวา่ เดมิ แตย่ งั
ไมเ่ ป็นลกั ษณะการสนทนาสองทาง

ช่วงอายุ 4 – 5 ปี
การช่วยเหลือท่ไี ด้รับ ยงั คงฝึกกิจกรรมโดยใช้ structure เดมิ ทกุ วนั อยา่ งตอ่ เน่ือง มีสมาธิตอ่ รอบ

การฝึก 30-45 นาที แตล่ ะรอบใช้กิจกรรม 3-4 กิจกรรม สว่ นการพดู กบั น้องสอง ให้มารดาพดู ด้วย ประโยค
ที่สนั้ กะทดั รัด เว้นวรรคคาํ ให้เหมาะสม และเน้นการนําคําท่ีน้องสองเข้าใจ มาใช้ให้มาก สว่ นการสอนคํา
ใหม่ ก็ให้ทําควบคกู่ นั ไป โดยมารดาจะต้องแนใ่ จวา่ คาํ ท่ีใช้นนั้ น้องเข้าใจหรือไม่

พัฒนาการทางภาษา การพดู เอง (spontaneous speech) มีมากขนึ ้ และเก่ียวข้องกบั เหตกุ ารณ์
รอบตวั มากกวา่ การพดู คนเดียว มีการใช้รูปแบบการพดู จากความจําร่วมด้วย เชน่

‚เจบ็ ปากทายา‛ หมายถึง เป็นแผลในปาก

‚น้องสอง ปวดอมึ ย๊ั ‛ หมายถงึ ต้องการบอกแมว่ า่ จะไปอึ

‚น้องสอง โดนอะไรมา‛ พดู หลงั จากไปโดนหม้อร้อน แล้วมาหาแม่

‚น้องสอง เจ็บมยั๊ ‛ เหตกุ ารณ์เดียวกนั
‚ใครทําเจ็บ‛ เหตกุ ารณ์เดยี วกนั

92

‚น้องสองนงั่ ศาลามยั๊ ‛ พดู เม่ือต้องการไปนง่ั ที่ศาลา
‚ทําอะไร‛ เป็นการพดู ลอย ๆ ไมเ่ ก่ียวกบั เหตกุ ารณ์
‚เอาเสือ้ สีเหลือง‛ เกิดเมื่อไป ห้างสรรพสนิ ค้า เห็นเสือ้ สีเหลือง
เร่ิมทําตามคาํ สงั่ ได้ เชน่ แบมือขอ สวสั ดี ตบมือ บา๋ ยบาย
ยงั คงชอบอา่ น อกั ษร และตวั เลขอยู่
ช่วงอายุ 4 -5 ปี
การให้ความช่วยเหลือ ยงั เหมือนเดมิ แตก่ ารปรับพฤตกิ รรมเริ่มยากขนึ ้ ระยะนีเ้ร่ิมมีพฤตกิ รรม
ตอ่ ต้านมากขนึ ้ กวา่ เดมิ และบางครัง้ มีความก้าวร้าว ซง่ึ จะเกิดกบั คนท่ีบ้านและโรงพยาบาลท่ีเคยควบคมุ
พฤตกิ รรมน้องสําเร็จ สว่ นครูท่ีโรงเรียนไมพ่ บพฤตกิ รรมดงั กลา่ ว ลกั ษณะเหมือนอยใู่ นระยะดอื ้ ซง่ึ พบได้
บอ่ ยในเดก็ ASD ที่เริ่มมีสงั คมกบั คนอ่ืน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเม่ือสามารถสื่อความต้องการด้วยทา่ ทาง หรือ
วาจาได้บ้างในชว่ งนีพ้ บปัญหาเกี่ยวกบั การให้ยาและตรวจทางเภสชั พนั ธศุ าสตร์ พบความผดิ ปกติ เก่ียวกบั
gene CYP450
พัฒนาการทางภาษา พดู ได้มีความหมายมากขนึ ้ ลกั ษณะพดู จากการเรียนรู้แบบยดึ ตดิ น้อยลง
เร่ิมพดู ตรงกบั เหตกุ ารณ์ในขณะนนั้ มากขนึ ้ เริ่มมี socialized speech มากขนึ ้
‚หามาม๊า‛ จะหาแม่
‚มา่ ม๊าผมเปี ยก‛ ‚ผมเปี ยกมยั๊ ‛ พดู ตอนแมส่ ระผมออกจากห้องนํา้
‚พี่เป็ดนอนกรน ยงั ไง‛ พดู ลอย ๆ
‚น้องสองเจบ็ ‛ พดู เมื่อแมท่ ําโทษด้วยการหอ่ ตวั
‚น้องสองปวดอึ‛ พดู ตอนปวดอึ แล้วพดู ตอ่ ‚น้องสองปวดอจึ ริงมยั๊ ‛
‚พาไปเท่ียว‛ พดู พร้อมจบั รองเท้าใส่
‚นงั่ ศาลา‛ ต้องการไปนงั่ ศาลา

93

‚ตดิ พลาสเตอร์‛ พดู ตอนเหน็ ผนงั บ้านร้าว
‚ตดิ พลาสเตอร์‛ พดู ตอนเป็นแผล
เริ่มมีการพดู ในลกั ษณะการสนทนาให้เห็นบ้างจากเดมิ เป็นการพดู ประโยค หรือวลี เพียงเนือ้ ความ
เดยี ว ไมม่ ีความตอ่ เนื่องในลกั ษณะ พดู คยุ เชน่
ระหวา่ งเดนิ ทาง น้องสอง พดู ‚กินนม‛
แมบ่ อก ‚ชงไมไ่ ด้บนรถ‛
น้องสอง ‚คอ่ ยกินที่บ้าน‛ แล้วพดู ตอ่ ‚จะกลบั บ้าน 73/8‛ (บ้านเลขที่)
หรืออีกเหตกุ ารณ์หนง่ึ
แมถ่ าม ‚อยากฟังนทิ านมย๊ั ‛
น้องสองตอบ ‚ฟังนทิ าน‛ แมเ่ ลา่ นิทานจนจบ น้องสองพดู
‚เดนิ โซเซ‛ แมถ่ าม ‚ใครเดนิ โซเซ‛
น้องสองพดู ตอ่ ‚เดนิ โซเซ‛ แมเ่ ลยพดู วา่ ‚อยากฟังเลม่ ไหนไปหยิบมา‛
น้องสองไปหยบิ นทิ าน ซ.โซ่ มาให้แมอ่ า่ น
อายุ 5 -6 ปี
การให้ความช่วยเหลือ ปรับการให้ยา และควบคมุ พฤตกิ รรม จนพฤตกิ รรมตอ่ ต้านเร่ิมควบคมุ ได้
แตย่ งั มีอยู่
พัฒนาการทางภาษา การพดู เป็นการพูดคยุ แบบสองทาง มากขนึ ้ แตก่ ็ยงั คงมีการพดู ในลกั ษณะ
egocentric speech บ้าง ยงั ดอื ้ และไมค่ อ่ ยมีสมาธิอยู่ ผลการเรียนในระดบั อนบุ าลอยู่ในระดบั พอใช้ เขียน
หนงั สือได้ รู้จกั จํานวนนบั ระบายสีอยใู่ นกรอบ แตย่ งั ไมด่ ีนกั อา่ นคําง่าย ๆ ได้
ตวั อยา่ งเชน่
น้องสอง ปี นโต๊ะทําหนุ่ แมล่ ้มแตก

94

แม่ ‚น้องสองทําได้มย๊ั ‛
สอง ‚ทําได้‛
แม่ ‚ถ้าน้องสองทําอีก แมจ่ ะตี ทําอีกมย๊ั ‛
สอง ‚ทําอีก‛
แม่ ‚ทําอีกมยั๊ ‛
สอง ‚ทําอีก‛
แม่ ‚ทําอีกมยั๊ ‛ พร้อมยกมือจะตี
สอง ‚ไมท่ ํา‛
อีกตวั อยา่ งหนง่ึ
น้องสองเอาลนิ ้ จ่ีกระป๋ องของดอยคาํ มาหาแม่
สอง ‚กินดอยคาํ ‛
แม่ ‚อา่ นวา่ อะไร‛
สอง ‚ดอยคํา‛ (น้องสองอา่ นหนงั สือได้แล้ว)
แม่ ‚อยากกินใชม่ ยั๊ ‛
สอง ‚ครับ‛
แมเ่ ปิดและตกั ใสถ่ ้วยให้น้องสอง
‚นบั ซิ‛ พร้อมชีล้ ิน้ จี่ในถ้วย
‚หนง่ึ สอง สาม สี่‛ แมน่ บั ตาม
น้องสอง กินจนหมด แล้วพดู วา่ ‚อร่อยครับ นบั ซิ‛
แม่ ‚ไมม่ ี วา่ งเปลา่ ‛

95

สอง ‚นบั ซิ‛ ทํามือไมม่ ีแล้วพดู ตอ่ ‚นี่วา่ งอะไร...คะ่ ‛ ‚นบั ได้มยั๊ ‛
แม่ ‚นบั ไมไ่ ด้‛ น้องสองเลยโมโห แมท่ ราบวา่ น้องต้องการให้แม่พดู วา่ วา่ งเปลา่ แตไ่ มย่ อมพดู น้อง
สองเลยโมโห ทําร้ายแมแ่ ละตวั เอง แมจ่ งึ พดู วา่ ‚น้องสองทําร้ายตวั เองไมไ่ ด้ผิดกฎข้อท่ี1‛ จงึ หยดุ
ลกั ษณะ egocentric speech เชน่
เหน็ แมต่ ากผ้า ‚มาม๊าตากผ้า‛ พดู โดยไมต่ ้องการคยุ กบั แม่
หรือ พดู ลอย ๆ ‚หาดใหญ่ไมม่ ีบาบีควิ ‛ ‚บาบีควิ วนั จนั ทร์‛
มีความสามารถเข้าใจเง่ือนไขได้แบบเดก็ อนบุ าล โดยใช้ภาษาเป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้ เชน่
แมส่ อนการเข้าห้องนํา้
แม่ ‚เข้าห้องนํา้ ให้พดู เพศ.....ผ้ชู ายเข้าห้องนํา้ ผ้ชู าย....ผ้หู ญิงเข้าห้องนํา้ ผ้หู ญิง‛ โดยพดู แบบเว้น
วรรคอยา่ งมีจงั หวะ
สอง ‚น้องสองเป็นผ้.ู ....‛
แม่ ‚ผ้ชู ายเข้าห้องนํา้ ผ้ชู าย‛
สอง ‚ผ้ชู าย‛

‚มาม๊าเป็นผ้หู ญิงเข้าห้องนํา้ ผ้หู ญิง‛
‚ป่ าป๊ าเป็นผ้ชู าย เข้าห้องนํา้ ผ้ชู าย‛
‚ป้ าอ้อยเป็นผู้.....‛
แม่ ‚ผ้หู ญิง‛
สอง ‚เข้าห้องนํา้ ผ้หู ญิง‛
จากข้อมูลข้างต้นจะเหน็ ได้ว่า

96

1.การพฒั นาทางภาษาของ ด.ช. สอง คอ่ นข้างเร็วถ้าเทียบกบั เดก็ ASD รายอื่น ๆ แตช่ ้ามากเม่ือ
เทียบกบั เดก็ ปกติ

2.ลกั ษณะความผิดปกตทิ างภาษาเหมือนเดก็ ASD สว่ นใหญ่มีทงั้ ท่ีพดู ได้โดยไมเ่ ข้าใจความหมาย
(parrot like) จําประโยคที่เคยได้ยินมาพดู เหมือนการเรียนรู้แบบยดึ ตดิ แล้วคอ่ ย ๆ พฒั นาเป็นการพดู โดยมี
วตั ถปุ ระสงค์เพื่อส่ือสารกบั ผ้อู ่ืน จากประโยคเดียวจบเนือ้ ความ จนไปสกู่ ารสนทนา

3. ความผิดปกตทิ างภาษาที่พบเห็นเป็นอาการนัน้ ในกรณีนี ้จะมีลกั ษณะเป็นลําดบั ขนั้ ตอนในการ
พฒั นา มากกวา่ เป็นความผิดปกติอยา่ งถาวร แตเ่ ป็นการแสดงออกของความผดิ ปกตใิ นกระบวนการเรียนรู้
ทําให้เกิดผลตอ่ ความเข้าใจภาษา และความก้าวหน้าในแตล่ ะชว่ งนนั้ กินเวลานานมาก

4. การแสดงออกทางพฤตกิ รรม บางครัง้ การถามตอบบอกได้ยากวา่ เป็นการตอบแบบตอ่ ต้าน หรือ
ความเข้าใจยงั ไมส่ มบรู ณ์ เชน่ ตอนปี นโต๊ะ ทําหนุ่ แมแ่ ตก แล้วแมถ่ ามวา่ “ทําอีกมยั๊ ” ด.ช.สองบอกวา่ “ทํา
อีก” จากข้อมลู ไมเ่ หน็ ภาพวา่ สีหน้าแววตา เป็นการตอบแบบท้าทาย หรือตอบเพราะตกใจหรือไมเ่ ข้าใจ

5. ถึงแม้พฒั นาการทางภาษาจะยงั ไมด่ ี แตท่ กั ษะทางวิชาการท่ีนํามาฝึกตอ่ ท่ีบ้านนนั้ พบวา่ ด.ช.
สอง สามารถเรียนได้ ซง่ึ ลกั ษณะนีพ้ บได้ในผ้ปู ่ วยหลาย ๆ รายจดุ ที่เป็นจดุ ออ่ นของ ด.ช. สอง จะเป็นทกั ษะ
ทางสงั คม และการพดู หรือสนทนามากกวา่ การเรียนรู้สาระวิชาการ และการใช้การอา่ น หรือการมอง

6. รูปแบบการใช้ภาษาที่คอ่ ย ๆ ก้าวหน้าขนึ ้ จะสมั พนั ธ์กบั การพดู ของผ้ใู หญ่ท่ีพดู กบั เดก็ เชน่ เวลา
เดก็ โดนอะไรเจบ็ มา ผ้ใู หญ่ก็จะถามวา่ “น้องสองโดนอะไรมา” เมื่อน้องสองไปโดยหม้อร้อนจริง ๆ สมองไม่
สามารถสร้างประโยคท่ีถกู ต้องได้ จงึ ใช้กระบวนการเดมิ คอื ดงึ ข้อมลู จากความจํามาใช้ตรง ๆ

7. การพดู ของมารดานนั้ จะเห็นวา่ ประโยคที่พดู กบั เดก็ จะ สนั้ กะทดั รัด ตรงประเดน็ ใช้คําน้อ ยไม่
มีคาํ เปลือง วิธีนีจ้ ะชว่ ยสง่ เสริมการพฒั นาทางภาษาได้ดี โดยจะต้องไมล่ ืมวา่ การสอนเดก็ ในความเข้าใจ
สิง่ รอบตวั นนั้ จะเกิดควบคู่ไปกบั การใช้ภาษาท่ียงั มีข้อจํากดั เชน่ ในตวั อยา่ งสดุ ท้ายจะเห็นวา่ การพดู ที่แม่
พยายามจะสอนเร่ืองการเข้าห้องนํา้ จะมีลกั ษณะการใช้ภาษาดงั กลา่ ว ซง่ึ ความเข้าใจในเร่ืองเหลา่ นีจ้ ะสอน
เดก็ ไมไ่ ด้ถ้าไมม่ ีการใช้ภาษา การพฒั นาภาษาในเดก็ ASD จงึ เกี่ยวข้องกบั วิธีพดู คยุ ของพอ่ แมด่ ้วย

ในบทตอ่ ไปจะนําเสนอ กรณีศกึ ษาอีกรายหนงึ่ ท่ีแสดงให้เหน็ ความสําคญั ของการมีภาษา และการ
พฒั นาอยา่ งก้าวกระโดด เม่ือกระบวนการคดิ ท่ีเป็นภาษาพฒั นาถึงจดุ หนงึ่

97

บทท่ี 10 การพัฒนาแบบก้าวกระโดด

ในการรักษาผ้ปู ่ วย ASD นนั้ หากมีการตดิ ตามผ้ปู ่ วยเป็นเวลานานจะพบวา่ มีบางชว่ งเวลาท่ีผ้ปู ่ วย
มีอตั ราความก้าวหน้าทางพฒั นาการ เร็วกวา่ ปกติ ซง่ึ เป็นปรากฏการณ์ที่แปลก และพบได้ในผ้ปู ่ วยหลาย
ราย ปรากฏการณ์ลกั ษณะนี ้ นา่ จะยงั ไมม่ ีการรายงานหรือมีการรายงานก็น้อยมาก ดสุ ิต ลขิ นะพิชิตกลุ
(2554)(51) ได้รายงานไว้ ในวารสารสถาบนั พฒั นาการเดก็ ราชนครินทร์ ลกั ษณะการพฒั นาจะเกิดขนึ ้ โดยมี
อตั ราเร็วที่มากกวา่ พฒั นาการตามปกติ เชน่ ผ้ปู ่ วยรายหนงึ่ มารดาพา ไปเท่ียวสวนสยาม แล้วเสียหลกั
สําลกั นํา้ ท่ีสไลเดอร์ พอกลบั บ้านก็เริ่มพดู เป็นคํา อีก 2 เดือนตอ่ มา เดก็ ก็พดู ได้เป็นประโยค สนทนากบั แม่
ลกั ษณะถาม- ตอบ กบั บอกความต้องการได้ หรือผ้ปู ่ วยอีกรายหนงึ่ ขณะไปเที่ยวสวนสยามกบั ครอบครัว มี
กวางกระโดดตดั หน้ารถ ผ้ปู ่ วย ตกใจร้องขนึ ้ “กวาง” หลงั จากนนั้ ไมน่ านก็พดู ได้

ลกั ษณะเชน่ นี ้มีบางทา่ นเรียกวา่ latent language ซงึ่ เป็นปรากฏการณ์ที่ยงั ไมพ่ บการรายงานใน
ท่ีใด และหาหลกั ฐานได้คอ่ นข้างยาก เพราะมกั ได้ยินเป็นคําบอกเลา่ เน่ืองจากไมม่ ีใครทํานายลว่ งหน้าได้
วา่ จะเกิดเม่ือใด จงึ ไมส่ ามารถวดั หรือเก็บข้อมลู กอ่ นเริ่มการพฒั นาแบบก้าวกระโดดนี ้ ลกั ษณะการพฒั นา
แบบก้าวกระโดด ซงึ่ ไมพ่ บในเดก็ ปกตินี ้ สามารถนํามาอธิบายกลไกบางอยา่ ง ในการเกิดพยาธิสภาพ ที่
เกี่ยวข้องกบั ภาษาได้

ลักษณะการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
การพฒั นาแบบก้าวกระโดดนนั้ เป็นการเปลี่ยนแปลงในความสามารถหรือพฤตกิ รรมโดยมีอตั ราเร็ว
มากกวา่ เดก็ ปกติ เชน่ จากพดู ไมไ่ ด้ กลายเป็นพดู เป็นประโยค ได้ในไมก่ ่ีสปั ดาห์ มกั พบบอ่ ยในเรื่องการพดู
แตใ่ นทกั ษะอ่ืนก็พบได้บ้าง เชน่ การเขียน ลายมือของผ้ปู ่ วยบางรายจะเปล่ียนจากเส้นท่ีไมร่ าบเรียบ กลาย
เป็นลายมือสวยในไมก่ ี่เดือนเป็นต้น การหาหลกั ฐานเพ่ือยืนยนั การเปลี่ยนแปลงแบบนีเ้ป็นเร่ืองท่ีทําได้ยาก
ดงั ได้กลา่ วไปแล้ว กรณีศกึ ษารายนีเ้ป็นการได้หลกั ฐานโดยบงั เอิญ เน่ืองจากมารดาได้รับการอบรมในเร่ือง
นีจ้ ากผ้รู ักษา และได้สงั เกตการณ์เปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอด จนได้มีการวดั IQ กอ่ นการเปลี่ยนแปลงพอดี

กรณีศกึ ษา
ด.ช. สาม

98

เดก็ ชาย สาม ได้รับการวนิ จิ ฉยั เป็น Autism เมื่ออายุ 2 ปี 7 เดือนโดยมีอาการสําคญั คอื ไม่
พดู ชอบเลน่ ของหมนุ ๆ มองเอียง ๆ เลน่ สง่ิ ของมากกวา่ คน เลน่ กับคนไมเ่ ป็น หลบการสบตา แยกตวั โมโห
งา่ ย เวลาไมพ่ อใจจะกรีดร้อง ผลตรวจการได้ยิน ปกติ ได้รับการกระต้นุ พฒั นาการตามโปรแกรมของรพ.
ยวุ ประสาทฯ กระต้นุ พฒั นาการและปรับพฤตกิ รรมอยา่ งตอ่ เน่ือง

มารดาของผ้ปู ่ วย ได้เข้าอบรมเชิงปฏิบตั กิ ารท่ีโรงพยาบาลแหง่ หนง่ึ โดยมีการให้ ความรู้เรื่องพฒั นา
การแบบก้าวกระโดด และขนั้ ตอนการฝึกวธิ ีการพดู ที่เหมาะกบั เดก็ ASD เป็นสว่ นหนง่ึ ของหลกั สตู ร และตวั
มารดาเองเป็นผ้ทู ี่มีทกั ษะการส่ือสารดมี าก พดู ชดั สนั้ กะทดั รัด ไมม่ ีการใช้คําฟ่ มุ เฟื อย มีการเว้นวรรคอยา่ ง
มีจงั หวะจะโคน และ ใช้ภาษาทา่ ทางประกอบ ในการสื่อวตั ถปุ ระสงค์ได้ดมี าก เชน่ ถ้าเป็นคําสง่ั สายตา
นํา้ เสียง สีหน้าจะชดั เจนมากวา่ เป็นคําสง่ั ในการปลอบโยน ภาษาทา่ ทาง ก็จะเปลี่ยนไปทงั้ หมดจงึ ทําให้
การส่ือสารระหวา่ งแมล่ กู หลงั การอบรม เป็นไปอยา่ งดี

ความก้าวหน้าท่ีสาคัญ ๆ มีดงั นี้

อายุ 3 ปี 3 เดอื น เริ่มมี การแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากกวา่ กรีดร้อง, มี neologism ชอบฮมั เพลงในลําคอ,
เริ่มออกเสียง ปะ ปา มะ มา ออกเสียงได้เป็นบางคาํ ไมม่ ีความหมายชดั เจน เรียนรู้คําศพั ท์พอได้ ไมค่ อ่ ยซน
อยนู่ ่ิงได้ เรียนคําศพั ท์พอได้

อายุ 4 ปี 1 เดือน เริ่มแสดงอาการของ separation anxiety จากท่ีเดมิ ไมม่ ี ชอบฟังเพลงที่มีทํานองของเดก็
เชน่ สวสั ดวี นั นีพ้ บกนั เข้าเรียนในโรงเรียนอนบุ าลท่ีจดั หลกั สตู รการสอนแบบ IEP

อายุ 5 ปี ภาษาก้าวหน้าขนึ ้ ช้า ๆ โดยมีการเรียนรู้แบบยดึ ตดิ ให้เห็น เชน่ เวลาต้องการไปข้างนอกจะพดู กบั
พอ่ วา่ ‚พอ่ พาไปข้างนอกไปดโู จหลยุ ส์‛ ทกุ ครัง้ ซงึ่ หมายความวา่ จะไปข้างนอกไมจ่ ําเป็นต้องไปดโู จหลยุ ส์
พฤตกิ รรมที่คอ่ นข้างเดน่ คือชอบฟังเพลงทงั้ ที่มีคาํ ร้องและเพลงท่ีมีแตท่ ํานอง เริ่มพดู บอกความต้องการของ
ตวั เองได้ มีการถาม- ตอบบ้างแตน่ ้อยครัง้ เร่ิมเลน่ กบั น้อง และเร่ิมเลน่ สมมตกิ บั มีการประยกุ ต์ของเลน่ บ้าง

อายุ 6 ปี เข้ารับการรักษาทางเลือกชนิดหนงึ่ หลงั จากรักษาประมาณ 2 เดอื น มารดาและผ้รู ักษาสงั เกตเห็น
ความก้าวหน้าบางอยา่ งท่ีคล้ายกบั latent language จงึ ได้วดั IQ ไว้เป็นข้อมลู พืน้ ฐาน ความก้าวหน้านนั้
ได้แก่ การมีภาษาพดู ที่ยาวขนึ ้ การฟังเข้าใจภาษาที่ซบั ซ้อนมากขึน้ รู้อารมณ์ของคสู่ นทนามากขนึ ้ มีอารมณ์
ท่ีเหมาะสมกบั สถานการณ์มากขนึ ้ มีคําศพั ท์เก่ียวกบั อารมณ์มากขนึ ้ มี spontaneous speech มากขนึ ้ ดอื ้
และเอาแตใ่ จมากขนึ ้ ลกั ษณะภาษาแบบยดึ ตดิ หายไป

99

ผล IQ

วดั IQ ด้วยเครื่องมือ WPPSI-R ผลเป็นดงั นี ้

Full scale I.Q. = 48 (Verbal I.Q. = 47, Performance I.Q. = 58)

โดยขณะทําการทดสอบผ้ปู ่ วยไมค่ อ่ ยน่ิง แตเ่ ชื่อฟัง และปฏิบตั ติ วั ตามคําสง่ั ได้ดี มกั ไมค่ อ่ ยสนใจ
กิจกรรมตรงหน้า ถามตอบงา่ ย ๆ รู้เรื่องแม้จะตอบไมค่ อ่ ยตรงคาํ ถามอยบู่ ้าง การใช้มือในการขีดเขียนลง
นํา้ หนกั ไมค่ อ่ ยได้ โดยรวม ๆ ให้ความร่วมมือในการทดสอบดี

ผลการทดสอบ ความสามารถของผ้ปู ่ วย ตา่ํ กวา่ คา่ เฉล่ียทกุ subtest อยา่ งไลเ่ ลี่ยกนั พบปัญหา
ทงั้ ด้านความเข้าใจภาษา และ สมาธิกบั ความตงั้ ใจในการทํางานจาก ผลการทดสอบและพฤตกิ รรมขณะ
ทดสอบ

ในภาพรวม ความสามารถทางสตปิ ัญญาอยใู่ นกลมุ่ บกพร่อง (Intellectual deficient) พบข้อด้อย
ในทกุ area โดยเฉพาะด้าน verbal comprehension , attention , concentration และ social ability

อายุ 7 ปี เริ่มมี spontaneous question เป็นคาํ ถาม แบบ yes/no มากขนึ ้ อยา่ งชดั เจน จากเดมิ ที่ไมม่ ีการ
ส่ือสารในลกั ษณะนี ้ การสร้างคําถามเป็นคําถามท่ีเกิดจากความสงสยั ของตวั เอง ไมไ่ ด้เป็นแบบยดึ ตดิ ข้อ
ถามสว่ นมากเกิดจากการสงั เกตส่ิงรอบตวั และ เร่ิมมีการถามถงึ เหตผุ ล โดยถาม ‚ทําไม‛ อยา่ งมีความ
ต้องการคําตอบจริง ๆ ไมใ่ ชถ่ ามแบบเดก็ อนบุ าล เข้าใจกฎเกณฑ์กตกิ าท่ีพอ่ แมบ่ อกมากขนึ ้ มี criticism
ชดั เจน วิจารณ์น้องวา่ ‚ด.ู ...สิ ทําสกปรกหมดเลย ทําแบบนีไ้ มไ่ ด้นะมนั เลอะเทอะ‛

ผล IQ

วดั I.Q. ซํา้ ด้วยเคร่ืองมือ WISC-III ผลเป็นดงั นี ้

Full scale I.Q. = 71 (Verbal I.Q. = 74, Performance I.Q. = 73)

โดยขณะทําการทดสอบ ผ้ปู ่ วยถามตอบรู้เรื่อง ไมค่ อ่ ยนิง่ วอกแวกงา่ ย รอคอยได้น้อย สมาธิจํากดั
ให้ความร่วมมือในการทดสอบดีพอสมควร

100

ในภาพรวม ความสามารถทางเชาวน์ปัญญาอยใู่ นกลมุ่ ช้า (slow learner) ข้อเดน่ คอื short-term
memory และลกั ษณะแนวคดิ แบบ nonverbal abstract thinking ข้อด้อย คือ สมาธิ ความตงั้ ใจ และการ
ใช้ความคดิ เชิงเหตผุ ลในการแก้ปัญหา การทํางานสะเพร่าขาดความรอบคอบ

อายุ 8 ปี อา่ นหนงั สือรู้เร่ือง จําท่ีอา่ นมาเขียนได้ เรียนสาระวชิ าการได้ โดยใช้หลกั สตู รเดก็ ปกติ ภาษามีการ
เลือกใช้คาํ ศพั ท์ท่ีสละสลวยมากขนึ ้ และมีสาระในการพดู คยุ ซบั ซ้อน ชอบถามทําไม และสามารถหาเหตผุ ล
มาโต้แย้งได้ในบางครัง้

อายุ 9 ปี เรียนหนงั สือได้ สง่ การบ้านได้ตามกําหนดมีวินยั ดี ถ้าคยุ เรื่องท่ีสนใจจะอารมณ์ดแี ละคยุ ได้ดมี าก
ชอบคณิตศาสตร์ มีลกั ษณะขีก้ งั วล เวลาเกิดความกงั วลจะถามซํา้ ๆ ในเร่ืองท่ีกงั วลเพื่อให้ผ้ใู หญ่ยืนยนั ให้
คลายกงั วล จดั การกบั ความกงั วลได้คอ่ นข้างยาก

ปัจจบุ นั อายุ 10 ปี เรียนชนั้ ป.4 ได้รับรางวลั ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรียนหลกั สตู รปกติ สอบได้ลําดบั
ท่ี 17 จากนกั เรียน 40 คน

จากข้อมลู ข้างต้นจะเหน็ วา่

จากข้อมลู ข้างต้นจะเหน็ วา่ ลกั ษณะการดาํ เนินโรคนนั้ เหมือนผ้ปู ่ วย ASD สว่ นใหญ่ท่ีมีอาการดขี นึ ้
ทงั้ นีเ้พราะการก้าวหน้าเชน่ นี ้ไมไ่ ด้มีในเดก็ ASD ทกุ คน ปรากฏการณ์ที่สําคญั ในรายนีค้ ือ การเพ่มิ ของ IQ
อยา่ งรวดเร็ว ซง่ึ โดยทวั่ ไป คา่ IQ นนั้ ถือกนั วา่ เป็นคุณลกั ษณะท่ีคงที่ ในแต่ละคนจะมีคา่ คะแนนท่ีตา่ งกนั ก็
ต้องมีเหตทุ ่ีอธิบายได้ เชน่ เดก็ ไมร่ ่วมมือ หรือเดก็ สมาธิสนั้ ที่ไมไ่ ด้รับประทานยา หากมีปัจจยั เหลา่ นีค้ า่ ที่ได้
ก็จะไมใ่ ชค่ วามสามารถท่ีแท้จริง แตใ่ นรายนีไ้ มม่ ีเหตดุ งั กลา่ ว

ประเดน็ ท่สี าคัญ และน่าสนใจในรายนี้ ประกอบด้วย

1. การใช้ IQ ในการวดั เป็นการวดั ที่ไมต่ รงกบั อาการ แตเ่ ก่ียวกบั การพยากรณ์โรค ซง่ึ ในอดตี ไม่
นิยมใช้วดั ความก้าวหน้าในการรักษานกั ระยะหลงั จงึ เร่ิมมีคนใช้มากขนึ ้

2. ในโครงการร่วมระหวา่ ง รพ.ยวุ ประสาทฯ กบั ร.ร.สาธิตแหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.
ดารณี อทุ ยั รัตนกิจ (2537)(52) ได้วดั ระดบั IQ เปรียบเทียบเดก็ 20 คนโดยใช้แบบทดสอบ Kauffman
Assessment Battery for Children (KABC) วดั หา่ งกนั 1-2 ปี ระหวา่ งที่เดก็ เรียนหนงั สืออยใู่ นโครงการ
พบวา่ มีเดก็ รวม 12 คนที่มีคา่ คะแนน IQ จาก แบบทดสอบนีส้ งู ขนึ ้ แตไ่ ม่ได้รายงานอตั ราเร็วที่เปล่ียนไป

101

3 .การศกึ ษาในตา่ งประเทศหลาย ๆ รายงานก็แสดงให้เหน็ วา่ มีการเปลี่ยนแปลงคา่ IQ ในผ้ปู ่ วย
กลมุ่ นี ้ทงั้ ท่ีเพิ่มขนึ ้ และลดลง แตย่ งั ไมม่ ีการรายงานการเพิม่ ขนึ ้ อยา่ งรวดเร็วเชน่ กนั (51)

4.การเปล่ียนแปลงคา่ IQ อยา่ งรวดเร็วในรายนีเ้ป็นหลกั ฐาน ที่แสดงให้เหน็ วา่ การพฒั นาแบบก้าว
กระโดด มีอยจู่ ริง

5. การพฒั นาแบบก้าวกระโดดนี ้ แม้จะพบได้ไมน่ ้อย แตไ่ มม่ ีคนรู้จกั หลายครัง้ หลงั จากผ้ปู ่ วยได้รับ
การรักษาทางเลือก จะมีผ้ปู ่ วยที่ดขี นึ ้ แบบนี ้ แล้วถกู นําความสําเร็จมาเผยแพร่ ซง่ึ ตามหลกั ฐานขณะนีย้ งั ไม่
สามารถสรุปได้วา่ เป็ นผลมาจากการรักษาทางเลือกนนั้ แตก่ ็ไมค่ วรตําหนิผ้เู ผยแพร่ผลสําเร็จเพราะอาจจะ
ไมท่ ราบวา่ มีปรากฏการณ์นี ้และความก้าวหน้าในพฒั นาการนนั้ รวดเร็วจนนา่ ต่นื เต้นและนา่ สนใจจริง ๆ

6. พฒั นาการแบบก้าวกระโดดนา่ จะ เกิดจากการเร่ิมทํางานของ working memory โดยเฉพาะ
อยา่ งยิ่ง สว่ นของ declarative คอื เดมิ ข้อมลู และการเรียนรู้สว่ นใหญ่จะอยใู่ น storage memory ทําให้เดก็
ไมส่ ามารถแสดงศกั ยภาพได้เตม็ ที่ตอ่ มาเมื่อ declarative memory ทํางานดขี นึ ้ ทงั้ working และ storage
memory ก็สามารถแสดงความสามารถได้เตม็ ที่

7. กรณีนีแ้ สดงให้เหน็ วา่ พืน้ ฐานการเกิดโรคของ ASD ตา่ งจาก intellectual disability ( mental
retardation) เพราะในเดก็ ปัญญาออ่ นท่ีมี IQ ตา่ํ กวา่ 70 นนั้ เราไมส่ ามารถฝึกจน IQ เพม่ิ ขนึ ้ ได้แตจ่ ะฝึก
ทกั ษะท่ีจําเป็นตามระดบั IQ ที่มีอยแู่ ละความสามารถสงู สดุ ที่พฒั นาได้ก็จะเทา่ กบั ระดบั IQ เทา่ นนั้

8. กลไกการเกิดความผิดปกติ ท่ีสามารถอธิบายปรากฏการณ์นีเ้พื่อให้เข้าใจงา่ ย อาจจะเทียบกบั
รถยนต์ เดก็ intellectual disability เหมือนรถท่ีมี ปริมาตรกระบอกสบู ต่าํ (low capacity) เมื่อวง่ิ กบั รถปกติ
ก็จะว่ิงได้ช้ากวา่ แตย่ งั อยบู่ นถนนด้วยกนั พฤตกิ รรมที่ปรากฏจะเหมือนกบั เดก็ ปกตทิ กุ ประการ สว่ นเดก็ ที่
เป็น ASD จะเหมือนรถที่มีปริมาตรกระบอกสบู หลากหลายจงึ มีทงั้ ท่ีระดบั IQ สงู ปกติ และตํ่า แตม่ ีปัญหา
ท่ีระบบล้อ เพลา หรืออื่น ๆ ทําให้เวลามกั จะวิง่ ออกนอกถนน ปัญหาจงึ ไมใ่ ชล่ กั ษณะของการวงิ่ ช้าแต่เป็น
ปัญหาท่ีทิศทางการว่ิง พฤตกิ รรมท่ีเราพบในเดก็ ASD จงึ ตา่ งกนั ไปในแตล่ ะคน และไมพ่ บในเดก็ ปกติเม่ือ
ได้รับการแก้ไขถึงระดบั หนง่ึ ระบบล้อ เพลา กลบั มาทํางานเป็นปกติ รถก็จะกลบั เข้าวิง่ บนถนน และจะวงิ่
ทําความเร็วได้เตม็ ตามศกั ยภาพ ทําให้หลาย ๆ ครัง้ เดก็ ASD นนั้ มีผลการเรียนที่ดีกวา่ เดก็ ปกตใิ นชนั้ เรียน
เดียวกนั ได้

102

9. หากอธิบายด้วย human information processing model อาจกลา่ วได้วา่ ความผิดปกตขิ อง
intellectual disability นนั้ เป็นความผิดปกตเิ ชิงศกั ยภาพ (capacity) สว่ นความผิดปกตขิ อง ASD นนั้ เป็น
ความผดิ ปกตทิ ี่กระบวนการ (process) ในการแก้ปัญหาด้วยการกระต้นุ ตงั้ แตเ่ ลก็ ของ รพ. ยวุ ประสาทฯ ที่
ใช้กระบวนการแบบอนบุ าลสมยั เก่านนั้ เป็นการสร้างข้อมลู และการเรียนรู้ โดยกลไกของความจําเป็นสําคญั
ซง่ึ สอดคล้องกบั พยาธิสภาพของเดก็ ที่ระบบ storage memory ทํางานดกี วา่ working memory ตอ่ มาเม่ือ
กระบวนการพฒั นาขนึ ้ working memory เริ่มทํางานเตม็ ที่ข้อมลู ทงั้ หมดท่ีเก็บสะสมไว้จงึ ถกู นํามาใช้ทําให้
ศกั ยภาพเพม่ิ ขนึ ้ อยา่ งไรก็ตาม ความจํายงั คงเป็นลกั ษณะเดน่ ของเดก็ กลมุ่ นี ้โดยกลมุ่ เด็กในโครงการวิจยั
ร่วมกบั รร.สาธิตแหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตร ศาสตร์ เมื่อเข้าเรียนในมหาวทิ ยาลยั จะมีปัญหากบั การเรียนใน
คณะท่ีสอนในเชงิ สงั คมศาสตร์เพราะสาระส่วนมากจะต้องอาศยั ความเข้าใจภาษาและการตีความตา่ งจาก
วิชาในกลมุ่ วิทยาศาสตร์ ท่ีใช้ ความจําชว่ ยได้มาก

เม่ือนากรณีศกึ ษาในบทท่แี ล้วมาประกอบกัน จะเหน็ ว่า

1. การพฒั นาภาษาในผ้ปู ่ วย ASD เป็นสงิ่ ท่ีเป็นไปได้ และหากได้รับการกระต้นุ ตงั้ แตเ่ ล็ก โอกาสท่ี
จะพฒั นาภาษาได้กอ่ น 5 ขวบก็จะมีมากขนึ ้ ซงึ่ มีผลตอ่ การพยากรณ์โรค

2. การพฒั นาภาษาของผ้ปู ่ วยASD นนั้ จะกินเวลานานมากทงั้ นีอ้ าจจะเป็นเพราะมีปัจจยั ที่ควบคมุ
ไมไ่ ด้แฝงอยู่ เชน่ ความพร้อมของสมอง (brain maturity) โดยปัจจยั นีน้ า่ จะแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะบคุ คล
ซง่ึ อาจจะต้องคอยเวลา แตร่ ะหวา่ งคอยก็จําเป็นต้องสร้างความสามารถหรือให้ข้อมลู ไว้ในเบอื ้ งต้นเพื่อเป็น
ต้นทนุ ไว้ใช้งานเม่ือสมองอีกสว่ นพร้อม

3. ความผดิ ปกตขิ องสมองในผ้ปู ่ วย intellectual disability กบั ASD นา่ จะเป็นคนละแบบกนั โดย
intellectual disability เป็นความผดิ ปกตทิ ่ีศกั ยภาพในภาพรวม สว่ น ASD นนั้ ผิดปกตทิ ่ีกระบวนการเรียนรู้
โดยมีสมองบางส่วนไมท่ ํางานตามหน้าท่ีที่ควรจะทําทําให้ในภาพรวมจงึ แสดงความสามารถไมไ่ ด้เหมือน ๆ
กนั

4. กระบวนการเรียนรู้ที่เสียไปมีบางรายท่ีสามารถกลบั คืนได้ ซงึ่ การกลบั คนื ได้นนั้ นา่ จะมีปัจจยั ท่ี
เก่ียวข้องสองประการ คือ ปัจจยั ของสมองและพยาธิสภาพเอง กบั การเตรียมการ โดยการสอนหรือกระต้นุ
พฒั นาการที่เตรียมต้นทนุ สําหรับให้สมองสว่ นนนั้ ใช้ไว้ลว่ งหน้าในท่ีนี ้ คอื องคป์ ระกอบพืน้ ฐานของภาษา
ได้แก่ คาํ ความเข้าใจความหมายของคาํ และการเรียงคํา เป็นต้น

103

5.การพฒั นาผ้ปู ่ วย ASD คนหนง่ึ นนั้ ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก ซง่ึ ยงั ไมส่ ามารถรับประกนั ได้
วา่ จะชว่ ยได้ทกุ ราย การค้นหาผ้ปู ่ วย และมีมาตรการในการกระต้นุ แตเ่ น่ิน ๆ โดยไมเ่ น้นการวนิ จิ ฉยั อาจจะ
เป็นอีกทางหนง่ึ สําหรับการให้ความชว่ ยเหลือ และป้ องกนั ความพกิ ารถาวรในอนาคตดงั นนั้ การที่ทว่ั โลก
พบวา่ ความชกุ ของความผิดปกตนิ ีก้ ําลงั เพม่ิ ขนึ ้ นบั เป็นสถานการณ์ที่นา่ เป็นหว่ งอยา่ งย่ิง มใิ ชเ่ ชงิ ปริมาณ
แตเ่ ป็นปัญหาในเรื่องของความยากในการรักษาและความเรือ้ รังของอาการ ซง่ึ หากให้ความชว่ ยเหลือไมท่ นั
การ ก็จะเกิดความพกิ ารอยา่ งถาวรสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพของประชากรและเป็นภาระตอ่ สงั คมในอนาคต

104

ส่วนท่ี 4

105

บทท่ี 11 การพัฒนาองค์ความรู้ และประสบการณ์ในการดแู ลผู้ป่ วยของ รพ.ยุวประสาทไวทโยป
ถมั ภ์

การพฒั นาการให้ความชว่ ยเหลือ ผ้ปู ่ วย ASD ในประเทศไทยนนั้ เป็นการดาํ เนินการร่วมไปกบั การ
ให้ความชว่ ยเหลือคนพกิ าร และเดก็ พิเศษโดยมีหลายสว่ นเข้ามามีบทบาท เชน่ การแพทย์ การสาธารณสขุ
การศกึ ษาและ ภาคประชาชน ฯลฯ โดยแตล่ ะภาคสว่ นตา่ งก็พฒั นางานในขอบเขต หน้าที่ความรับผดิ ชอบ
และความสนใจ ของตน ในบทนี ้ จะกลา่ วถึงการพฒั นางานในภาพรวมของประเทศ การแพทย์และการ
สาธารณสขุ และการพฒั นาองคค์ วามรู้จากประสบการณ์ของ รพ.ยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์ เพ่ือให้ทราบถึง
ที่มาขององค์ความรู้ท่ีนําเสนอในหนงั สือเลม่ นี ้

การดาเนินการในภาพรวมของประเทศ
ในประเทศไทยได้ให้ความสําคญั กบั คนพกิ ารและเดก็ พิการมาก่อนจะมีการดาํ เนนิ การกบั เดก็ ASD
การเปลี่ยนแนวความคดิ เก่ียวกบั เดก็ พิการเกิดในราวปี พ.ศ. 2500 โดยก่อนหน้านนั้ ถือวา่ เดก็ กลมุ่ นีไ้ ม่
จําเป็นต้องเข้าโรงเรียน หลงั พ.ศ.2500 จงึ เริ่มให้ความสนใจในการจดั การศกึ ษาให้กบั เดก็ กลมุ่ นีโ้ ดยใช้ชื่อ
ใหมว่ า่ เดก็ พิเศษ การดาํ เนนิ การในระยะแรกเป็นการดาํ เนินการในหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง และองคก์ รมลู นธิ ิที่
สนใจ เป็นกลมุ่ เลก็ ๆ ยงั ไมไ่ ด้รับความสนใจจากรัฐบาลอยา่ งจริงจงั

จนกระทง่ั ในปี พ.ศ. 2534 ได้มีการออก พระราชบญั ญตั พิ ระราชบญั ญตั กิ ารฟื น้ ฟสู มรรถภาพคน
พกิ าร พ.ศ. 2534 ซง่ึ ครอบคลมุ การให้บริการทกุ มิติ ทงั้ ด้านสาธารณสขุ การศกึ ษา และสงั คมสงเคราะห์
หลงั จากประกาศใช้พระราชบญั ญตั นิ ี ้ การให้ความชว่ ยเหลือมีความเป็นระบบมากขึน้ และเป็นครัง้ แรกที่ผู้
มีความบกพร่องทางสตปิ ัญญาและ ผ้ปู ่ วย ASD ได้รับการจดั เป็นกลมุ่ หนงึ่ ของความพิการ ที่รัฐบาลจะต้ อง
จดั บริการให้ครอบคลมุ ตามกฎหมาย ในท่ีสดุ พระราชบญั ญตั นิ ี ้ได้รับการแก้ไขปรับปรุง และประกาศเป็น
พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสริมและพฒั นาคณุ ภาพชีวติ คนพิการ พ.ศ. 2550 ซง่ึ เป็นฉบบั ที่ใช้ในปัจจบุ นั

ในเวลาไลเ่ ลี่ยกนั นนั้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสขุ โดยมีการจดั ตงั้ สํานกั งานหลกั
ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ (สปสช.) ในปี . 2545 สปสช. ได้ให้ความสนใจและเห็นความสําคญั โดยได้กําหนด
สทิ ธิหลกั ประกนั สขุ ภาพสําหรับคนพกิ าร ซงึ่ ผ้ปู ่ วย ASD ก็เป็นกลมุ่ หนง่ึ ท่ีได้รับการดแู ลภายใต้ระบบหลกั
ประกนั สขุ ภาพถ้วนหน้าด้วยเชน่ กนั

106

นอกจากการดําเนินการในทางกฎหมายและนโยบายแล้ว ภาคประชาชนก็มีความตื่นตวั และรวม
ตวั กนั จดั ตงั้ องคก์ รคนพิการ และสมาคม,ชมรมผ้ปู กครองผ้ปู ่ วย ASD เพื่อผลกั ดนั รัฐบาลให้จดั บริการและ
จดั สรรงบประมาณ เพ่ือดาํ เนินการในสว่ นท่ีเกี่ยวข้องนบั เป็นการเคลื่อนไหวทางสงั คม ท่ีมีผลตอ่ การพฒั นา
การจดั บริการคนพกิ าร และเดก็ ASD อยา่ งมาก

การดาเนินการในภาคการแพทย์และสาธารณสุข
ในด้านการแพทย์และสาธารณสขุ มีการดําเนินการให้ความชว่ ยเหลือผ้ปู ่ วย ASD มาตงั้ แตย่ งั ไม่
ขยายกรอบแนวคดิ เป็นแบบ spectrum โดยมีหนว่ ยงานหลายหนว่ ยท่ีจดั บริการทงั้ ในและนอกกระทรวง
สาธารณสขุ ในระยะแรกเป็นไปตามการพฒั นาในภาพรวมของประเทศ โดยโรงพยาบาลในสงั กดั กระทรวง
สาธารณสขุ ได้มีความร่วมมือกบั มลู นธิ ิ และหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ในระดบั หนง่ึ

ปี พ.ศ. 2547 กระทรวงสาธารณสขุ โดย นพ.วลั ลภ ไทยเหนือ ได้ประกาศให้การคดั กรอง และดแู ล
เดก็ ออทิสตกิ เป็นนโยบาย โดยให้มีการรณรงค์ให้ความรู้และคดั กรองใน รพ.ตา่ ง ๆ และจดั งาน Autism
Awareness Day โดยมีทลู กระหมอ่ มหญิงอบุ ลรัตนราชกญั ญาสิริวฒั นาพรรณวดี เสดจ็ เป็นองคป์ ระธาน

ปี พ.ศ. 2548 กรมสขุ ภาพจติ ได้จดั ทําโครงการเพื่อพฒั นา รพ.ในสงั กดั กระทรวงสาธารณสขุ ให้
สามารถจดั บริการกบั ผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้โดยมีหนว่ ยงานด้านเดก็ 4 หนว่ ย ประกอบด้วย สถาบนั ราชานกุ ลู , สถา
บนั พฒั นาการเดก็ ราชนครินทร์, สถาบนั สขุ ภาพจติ เดก็ และวยั รุ่นราชนครินทร์ และรพ.ยวุ ประสาทไวทโยป
ถมั ภ์ เป็นผ้ดู ําเนินการ ปัจจบุ นั มีการวินจิ ฉยั และให้บริการผ้ปู ่ วยทว่ั ประเทศ มีผ้ปู ่ วยในทกุ จงั หวดั ซงึ่ แม้จะ
ยงั ต้องพฒั นาคณุ ภาพการให้บริการ และวิชาการอยอู่ ีก แตใ่ นด้านความครอบคลมุ ในเชงิ ปริมาณก็นบั วา่
ก้าวหน้าไปมาก

การพฒั นาองค์ความรู้ของ รพ.ยุวประสาทฯ
ในการดาํ เนินการเกี่ยวกบั เดก็ ASD นนั้ มีหนว่ ยงานหลายหนว่ ยเข้ามามีบทบาท หนว่ ยงานหนง่ึ ท่ี
เก่าแกแ่ ละดําเนนิ การอยา่ งตอ่ เน่ือง คือ รพ.ยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์

โรงพยาบาลยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์ ตงั้ ขนึ ้ ในปี พ.ศ. 2510 (53) หลงั จากเปิดให้บริการ ในระยะแรก
ได้นําเดก็ ท่ีทําผดิ กฎหมายจากสถานแรกรับเข้ามารับบริการ เน่ืองจากในสมยั นนั้ ความสนใจในปัญหาจติ
เวชเดก็ ยงั ไมก่ ว้างขวาง ในเวลาตอ่ มาได้รับผ้ปู ่ วย ASD ท่ีกมุ ารแพทย์ในตา่ งจงั หวดั สง่ ตอ่ มารักษา พญ.
เพญ็ แข ลิม่ ศลิ า แพทย์ประจําในขณะนนั้ ได้รับตวั ผ้ปู ่ วยไว้ จากนนั้ ก็มีการสง่ ผ้ปู ่ วยมารับการรักษามากขนึ ้

107

ๆ จนกวา่ 90 เปอร์เซ็นตข์ องผ้ปู ่ วยเป็นผ้ปู ่ วย ASD การดแู ลผ้ปู ่ วยในชว่ งเวลานนั้ เป็นการแก้ปัญหาจาก
ประสบการณ์โดยตรง เพราะความรู้ของวงการแพทย์ทว่ั โลกก็ยงั ไมม่ าก และการส่ือสารก็ยงั ไมท่ นั สมยั

ประสบการณ์และการพัฒนาองค์ความรู้ท่ีสาคัญ ๆ(54,55,56,57)

ระยะท่ี 1 ปี พ.ศ. 2511-2520
ชว่ งเวลานีเ้ป็นจดุ เร่ิมต้นของการให้ความชว่ ยเหลือเดก็ ASD ในประเทศไทย ในขณะนนั้ ปัญหา
ใหญ่ของวงการสาธารณสขุ ไทย ยงั คงเป็นปัญหาความเจบ็ ป่ วยและสขุ ภาพกายในเดก็ ซง่ึ สว่ นมากเป็ นโรค
ท่ีถงึ แก่ชีวิต ปัญหาพฒั นาการเดก็ นนั้ ยงั คงเป็นปัญหาท่ีมีความสําคญั น้อยกวา่

ในชว่ งเวลานนั้ วงการแพทย์ยงั มีความเชื่อกนั วา่ ASD เป็นรูปแบบหนง่ึ ของโรคจติ ในผ้ใู หญ่ โดย
องคก์ ารอนามยั โลกได้จดั ความผดิ ปกตนิ ีไ้ ว้ในกลมุ่ เดียวกบั จติ เภท ปรากฎในคมู่ ือการจําแนกกลมุ่ โรคของ
องค์การอนามยั โลก ฉบบั ที่ 8 (ICD-8) ที่ใช้ในปี พ.ศ. 2510

ชว่ ง 10 ปี แรก ผ้ปู ่ วยสว่ นใหญ่จะเป็นผ้ปู ่ วยท่ีถกู สง่ ตอ่ มาจากจงั หวดั ตา่ ง ๆ เน่ืองจากในขณะนนั้ ทวั่
โลกยงั คดิ วา่ ความผดิ ปกตนิ ีเ้ป็นความผดิ ปกตทิ างจติ จงึ ยงั ไมม่ ีองค์ความรู้ในสว่ นที่เก่ียวกบั เดก็ มากนกั
ในตา่ งประเทศ การศกึ ษาค้นคว้ายงั อยใู่ นกลมุ่ นกั วชิ าการกลมุ่ เลก็ ๆ เชน่ การศกึ ษาการใช้ เครื่องกระต้นุ
ไฟฟ้ ากระต้นุ ผ้ปู ่ วยของ Lovaas (1965) ประกอบกบั ระยะนนั้ การตดิ ตอ่ สื่อสารยงั ไมท่ นั สมยั ข้อมลู วิชาการ
จากตา่ งประเทศยงั เข้าสปู่ ระเทศไทยไมม่ ากนกั การพฒั นาองค์ความรู้ในระยะนี ้ จงึ เป็นความรู้ทางคลนิ ิก
จากผ้ปู ่ วยเป็นรายบคุ คล โดยมี พญ.เพ็ญแข ลิม่ ศลิ า แพทย์ประจําในขณะนนั้ เป็นผ้ดู ําเนินการ

ระยะท่ี 2 พ.ศ. 2521-2530
ระยะนีเ้ป็นระยะท่ี เริ่มมีความสนใจในเรื่อง ASD มากขนึ ้ เร่ิมจาก ภาควิชากมุ ารเวช คณะแพทย์
ศาสตร์ ศริ ิราชพยาบาล ได้สง่ แพทย์ประจําบ้านสาขากมุ ารเวชศาสตร์ชนั้ ปี ที่ 2 และ 3 มาดงู าน เป็นประจํา
ความรู้เกี่ยวกบั ASD จงึ ได้รับการถา่ ยทอดไปยงั กมุ ารแพทย์ซง่ึ เป็น บคุ ลากรคนสําคญั ที่จะมีโอกาสพบเดก็
และจะทําให้การวนิ จิ ฉยั แตแ่ รกเร่ิมขณะเดก็ ยงั อายนุ ้อยมีความเป็นได้

ตอ่ มาความสนใจได้ขยายตวั ขนึ ้ คณะแพทย์มหาวทิ ยาลยั อื่น ๆ จงึ ได้สง่ แพทย์ประจําบ้านสาขา
กมุ ารเวช มาศกึ ษาดงู านอีกหลายแหง่ จนกระทงั่ ตอ่ จากนนั้ อายขุ องเดก็ ที่ได้รับการสง่ ตอ่ เปลี่ยนจาก อายุ
ราว 10 ปี มาเป็นอายรุ าว 3-5 ปี อาจจะนบั ได้วา่ เป็นครัง้ แรกของการ วินิจฉยั แตเ่ ริ่มแรก (early diagnosis)

108

ในปี พ.ศ. 2526-2534 ทางโรงพยาบาล ได้รับความชว่ ยเหลือจากกระทรวงศกึ ษาธิการ ในการสง่
ครูการศกึ ษาพเิ ศษ จากกองการศกึ ษาพเิ ศษ กรมสามญั ศกึ ษา เข้ามาชว่ ยจดั ตงั้ ชนั้ เรียนการศกึ ษาพเิ ศษขนึ ้
ใน โรงพยาบาล ในระดบั ป.1 – ม.3 โดยนําช่ือเดก็ ไปเป็นนกั เรียนของ โรงเรียนพบิ ลู ประชาสรร หรือ หากไม่
สามารถเรียนได้ในโรงเรียนอื่นก็ให้ คงชื่อไว้ในโรงเรียนเดมิ การดาํ เนินการนีเ้กิดจากการค้นพบวา่ หากเดก็
ASD ได้รับการพฒั นาอยา่ งเหมาะสมแล้ว จะสามารถเรียนหนงั สือได้เหมือนเดก็ ปกติ แตโ่ รงเรียนทวั่ ไปใน
เวลานนั้ ยงั ไมม่ ีการจดั บริการสําหรับเดก็ เหลา่ นี ้

ในขณะเดียวกนั มีข้อค้นพบอีกประการหนง่ึ คือ รพ.พบวา่ ถ้าเดก็ ASD ได้รับการพฒั นาพฤตกิ รรม
ทางสงั คมและเตรียมการด้านการเรียนรู้ไว้กอ่ นก็จะสามารถปรับตวั กบั ชนั้ เรียนได้ง่าย และมีผลการเรียนท่ี
ดกี วา่ ไมไ่ ด้รับการพฒั นา จงึ มีการจดั ชนั้ เรียนจําลอง ท่ีจําลองสถานการณ์และกิจกรรมในชนั้ เรียนอนบุ าล
(early childhood education) มาฝึกผ้ปู ่ วยโดยจดั ไว้ในบริการแบบผ้ปู ่ วยใน เรียกห้องเรียนกลมุ่ นีว้ า่ ห้อง
เรียนเตรียมความพร้อม ซง่ึ ไมใ่ ชแ่ นวคดิ ของการจดั การเรียนอนบุ าลสมยั ใหมแ่ บบ child center แตม่ ีช่ือ
พ้องกนั

การจดั ชนั้ เรียนจําลองนี ้เริ่มดาํ เนนิ การในราวปี พ.ศ. 2526 เริ่มจาก อาจารย์ย่งิ ถนอม เทียมเมธ
อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสมถวิล ได้ชว่ ยรับเดก็ ASD ท่ีอาการดขี นึ ้ เข้าเรียนในโรงเรียนของทา่ น และได้ร่วมกบั
อาจารย์ลออ ชตุ กิ ร จากวิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา ได้จดั การอบรมพยาบาลในโรงพยาบาลให้สามารถจดั การ
เรียนการสอนเดก็ ได้

การดาํ เนนิ การในครัง้ นนั้ ทําให้เกิดองคค์ วามรู้หลายประการที่เกี่ยวข้องกบั ภาพรวมของการให้
ความชว่ ยเหลือผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้โดยพบวา่ หากให้การวินจิ ฉยั ตงั้ แตอ่ ายนุ ้อย และกระต้นุ พฒั นาการอยา่ งเตม็ ท่ี
โดยมีเป้ าหมาย คือ การพฒั นาพฤตกิ รรมทางสงั คม และ ทกั ษะการเรียนรู้ทางสาระ หรือวิชาการท่ีเดก็
อนบุ าลต้องรู้ก่อนเข้าโรงเรียนก็จะชว่ ยให้ เม่ือเดก็ พร้อมเข้าเรียนการจดั การเรียนร่วมจะทําได้ง่ายขนึ ้

ระยะท่ี 3 พ.ศ. 2531-2540
ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2533 ได้มีการจดั ทําโครงการวจิ ยั ร่วม ระหวา่ งโรงพยาบาลยวุ ประสารทฯ กบั โรงเรียน
สาธิตแหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ โดย อาจารย์ใหญ่ ดร.จงรักษ์ ไกรนาม และ รศ.ดร.ดารณี อทุ ยั รัตน
กิจเป็นผ้รู ่วมดําเนนิ การ ในการวิจยั นีโ้ รงเรียนสาธิตฯจะรับเดก็ ท่ีผา่ นการบําบดั จากโรงพยาบาล ปี ละ 5 คน
เพ่ือไปเรียนร่วมกบั เดก็ ปกติ การศกึ ษาครัง้ นีเ้ป็นการศกึ ษาระยะยาวที่ ปัจจบุ นั ได้พฒั นาจนเป็นงานปกติ
ระหวา่ งโรงพยาบาล กบั โรงเรียน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

109

การดาํ เนินการนีไ้ ด้สร้างองคค์ วามรู้และประสบการณ์ให้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทงั้ โรงพยาบาลและ
โรงเรียนอยา่ งมาก โดยมีการบนั ทกึ ประสบการณ์นีไ้ ว้ในลกั ษณะเร่ืองเลา่ เป็นหนงั สือ 3 เลม่ คือ ลกู รักออทิ
สตกิ ศษิ ย์รักออทิสตกิ และ เรื่องธรรมดาของออทิสตกิ และมีการรายงานในการประชมุ วิชาการตา่ ง ๆ เป็น
ระยะ(58,59,60,61) งานวจิ ยั ชนิ ้ นีไ้ ด้พสิ จู น์ให้เห็นวา่ ถ้ามีการจดั การกบั กระบวนการเรียนการสอน และปรับ
พฤตกิ รรมท่ีเหมาะสมจะชว่ ยพฒั นาเดก็ และทําให้อาการที่รบกวนการเรียนรู้หายไปสว่ นการสร้างการเรียนรู้
นนั้ ก็ต้องใช้ กระบวนการเป็นรายบคุ คลโดยมีรายละเอียดตา่ ง ๆ กนั รายละเอียดเชงิ พฤตกิ รรมตามกรณี
ตวั อยา่ งในหนงั สือเลม่ นี ้ จะเป็นพฤตกิ รรมท่ีพบซํา้ กบั รายละเอียดจากผ้ปู ่ วยในโครงการนี ้ และพฤตกิ รรม
บางอย่าง ก็ยงั ตรงกบั รายละเอียดตามรายงานฉบบั แรกของ Kanner ด้วย แสดงให้เหน็ วา่ กลไกการเกิด
ปัญหาพฤตกิ รรมนนั้ นา่ จะไมแ่ ตกตา่ งกนั การรวบรวมเร่ืองราวเป็นลกั ษณะเร่ืองเลา่ ความสําเร็จ (success
story) ในขณะนนั้ แม้จะให้ภาพการพฤตกิ รรมของเดก็ อยา่ งชดั เจน แตย่ งั ไมส่ ามารถสรุปรวบยอดได้ ใน
หนงั สือนีจ้ งึ ได้นําระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพฤตกิ รรมศาสตร์ ท่ีเรียกวา่ single subject design มาประยกุ ต์ เพื่อ
บนั ทกึ การเปล่ียนแปลงทางพฤตกิ รรมให้แลเหน็ ได้ชดั เจนขนึ ้

ในระหวา่ งที่งานวจิ ยั นีก้ ําลงั ดาํ เนนิ การอยู่ โรงพยาบาลได้จดั กิจกรรมท่ีภายหลงั ได้รวบรวมเป็น
องค์ความรู้ คอื กิจกรรมการนําเดก็ ออกจากโลกของตวั เอง ซงึ่ เป็นการฝึกอบรมผ้ปู กครองให้ฝึกลกู เองท่ีบ้าน
เน่ืองจากจํานวนผ้ปู ่ วยเพ่ิมขนึ ้ มากไมส่ มั พนั ธ์กบั จํานวนเจ้าหน้าที่ กิจกรรมหลกั เป็นกิจกรรมท่ีกลา่ วถงึ ใน
บทที่ 8 ท่ีภายหลงั รพ.ยวุ ประสาทฯ ได้นําความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์นี ้จดั ทําเป็น คมู่ ือ นําเดก็ ออกจาก
โลกของตวั เอง ในปี พ.ศ. 2545 และพฒั นาตอ่ เป็น package program 12 สปั ดาห์ ในปี พ.ศ. 2548
ความคดิ ในการให้พอ่ แมฝ่ ึกลกู เองที่บ้านนนั้ เกิดขนึ ้ ในหลายหนว่ ยงาน ทงั้ ในและตา่ งประเทศ ปัจจบุ นั เรียก
การฝึกแบบนีว้ า่ parent mediated program

การฝึกผ้ปู กครองนี ้นอกจากทําเป็นหลกั สตู รสําหรับครอบครัวท่ีได้รับการวนิ ิจฉยั ใหมแ่ ล้ว ในบาง
รายเดก็ ASD ได้รับการพฒั นาไปจนมีความสามารถมากขนึ ้ แตโ่ รงพยาบาลมีเจ้าหน้าท่ีและจํานวนเตียง
จํากดั เพราะเมื่อรับเข้ามาในเป็นผ้ปู ่ วย เรียนในห้องเรียนจําลองหรือห้องเตรียมความพร้อมแล้วแตล่ ะราย
จะใช้เวลานานมากกวา่ จะสามารถเข้าเรียนร่วมได้ จงึ ได้พฒั นาการฝึกผ้ปู กครองอีกรูปแบบหนงึ่ ควบคกู่ นั
ไปเรียกวา่ การทํากลมุ่ ผ้ปู กครอง เป็นการนําเอาปัญหาเชิงพฤตกิ รรมมาปรับแก้ โดยใช้องค์ความรู้ท่ีได้จาก
โครงการวจิ ยั ร่วมกบั โรงเรียนสาธิตแหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ และประสบการณ์ในการดแู ลผ้ปู ่ วย
สว่ นใหญ่ปัญหาจะเป็นปัญหาพฤตกิ รรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้และความเข้าใจสิง่ รอบตวั ท่ีนําเสนอในบทท่ี 5

110

สําหรับแพทย์และแพทย์ประจําบ้านนนั้ โรงพยาบาลได้จดั โครงการอบรมกมุ ารแพทย์ ในโรงพยา
บาลระดบั จงั หวดั ทวั่ ประเทศ เพ่ือเพิม่ พนู ความรู้กบั กมุ ารแพทย์ที่ทํางานแล้วทําให้มีการวินิจฉยั และการสง่
ตอ่ มากขนึ ้ บางแหง่ ก็ได้เริ่มพฒั นาคลินกิ สง่ เสริมพฒั นาการโดยนําเดก็ ท่ีมีความผดิ ปกตทิ างพฒั นาการทงั้
ปัญญาออ่ น และ ASD หรือกลมุ่ อื่นที่ต้องใช้การกระต้นุ มาให้ความชว่ ยเหลือ

สว่ นแพทย์ประจําบ้าน ทางโรงพยาบาลได้จดั หลกั สตู ร 1 สปั ดาห์ สําหรับฝึกอบรมในเร่ือง ASD
โดยเฉพาะปี ละ 4 รุ่น มีแพทย์ประจําบ้านสาขากมุ ารเวชศาสตร์, จิตเวชศาสตร์เดก็ และวยั รุ่น และจติ เวช
ศาสตร์เข้ารับการฝึกอบรมทกุ รุ่น ทกุ ปี การอบรมนีย้ งั ดําเนนิ การตอ่ จนถึงปัจจบุ นั ทําให้กมุ ารแพทย์ท่ีเรียน
จบในราวปี พ.ศ. 2540 เกือบทกุ คนมีความรู้ความเข้าเกี่ยวกบั ASD ในระดบั หนงึ่

ระยะท่ี 4 พ.ศ. 2541-2554
ระยะนีเ้ป็นระยะท่ีมี การดําเนนิ การในภาพรวมของประเทศมากขนึ ้ โดยในปี พ.ศ. 2546 กระทรวง
สาธารณสขุ ได้ประกาศนโยบาย ในการให้ความชว่ ยเหลือผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้ ควบคไู่ ปกบั การให้ความชว่ ยเหลือ
ผ้ปู ่ วยท่ีมีปัญหาพฒั นาการอ่ืนๆ

การสร้างองค์ความรู้ที่สําคญั ในระยะนีป้ ระกอบด้วย การร่วมมือกบั นพ.ชาญวทิ ย์ พรนภดล จาก
คณะแพทย์ศาสตร์ ศริ ิราชพยาบาลสร้างแบบคดั กรองโรค Pervasive Developmental Disorder Screen-
ing Questionnaire (PDDSQ)( 62) ในกลมุ่ พฒั นาการผิดปกตอิ ยา่ งรอบด้าน เป็นแบบคดั กรองแบบ จํานวน
40 ข้อ ในปี พ.ศ. 2544 เพ่ือใช้ในการคดั กรองกลมุ่ เส่ียง ก่อนการวนิ จิ ฉยั

ในปี พ.ศ. 2545 ได้รวบรวมประสบการณ์จดั ทําเป็นองค์ความรู้โดยมีคมู่ ือฝึกและดแู ลเดก็ ออทสิ ตกิ
สําหรับผ้ปู กครอง,คมู่ ือฝึกพดู เดก็ ออทิสตกิ สําหรับผ้ปู กครองเป็นคมู่ ือในการปฏิบตั ิ และหนงั สือ พฒั นาการ
บําบดั ตามแนวทางป้ าหมอเพ็ญแข เป็นแนวคดิ ทางทฤษฏีที่ อธิบายกลไกการเรียนรู้และเข้าใจภาษาของ
ผ้ปู ่ วย ASD (32,63,64)

หลงั การประกาศนโยบาย ในปี พ.ศ. 2547 ได้มีการสํารวจความชกุ ทวั่ ประเทศ โดยกรมสขุ ภาพจิต
พบความชกุ ราว 1: 1000 ซงึ่ สอดคล้องกบั ความชกุ ท่ีพบในตา่ งประเทศ ณ เวลานนั้ (12)

ในปี พ.ศ. 2547-2552 ได้มีการพฒั นาหนว่ ยบริการในระบบสาธารณสขุ ให้มีขีดความสามารถใน
การให้การวนิ จิ ฉยั และรักษาผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้จนมี โรงพยาบาลท่ีมีขีดความสามารถเพ่ิมขนึ ้ มากกวา่ 70 แหง่ ใน
40 กวา่ จงั หวดั และมีจงั หวดั ท่ีพฒั นาตวั เองโดยไมไ่ ด้เข้าร่วมโครงการอีกจํานวนหนงึ่ ในปัจจบุ นั จากข้อมลู

111

การวินจิ ฉยั โรคของสํานกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พบวา่ มีผ้ปู ่ วยได้รับการวนิ จิ ฉยั วา่ มีความผดิ ปกติ
ในกลมุ่ ASD แล้วทกุ จงั หวดั

ในชว่ งเวลาเดียวกนั มีจํานวนผ้ปู ่ วยมารับบริการที่โรงพยาบาลเป็นจํานวนมาก และมีการพฒั นา
คณุ ภาพการให้บริการโดย โรงพยาบาลได้นําระบบนดั พบแพทย์มาใช้ มีผลให้ผ้ปู ่ วยจะต้องรอควิ นานถงึ 6
เดือนก่อนพบแพทย์ การรอคอยที่นานนีท้ ําให้กลมุ่ เส่ียงขาดโอกาสในการเข้ารับการกระต้นุ โดยเร็ว จงึ ได้
จดั ทําโครงการ สงสยั ออฯไม่ต้องรอวนิ จิ ฉยั โดยนําเครื่องมือคดั กรอง PDDSQ มาใช้เลือกกลมุ่ เส่ียงที่มีคา่
คะแนนสงู มาเข้าฝึกอบรมในหลกั สตู ร 12 สปั ดาห์ โดยทําความเข้าใจกบั ผ้ปู กครองอยา่ งชดั เจนวา่ ยงั ไมเ่ ป็น
การวินจิ ฉยั แตเ่ ป็ นความหว่ งใยและลดการเสียโอกาส (65)

การดําเนนิ การนีท้ ําให้เกิดข้อค้นพบโดยบงั เอิญวา่ ผ้ปู ่ วยที่มีคา่ คะแนน PDDSQ มากกวา่ 13 ที่เข้า
ร่วมโครงการทกุ รายจะมีการวินจิ ฉยั อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ไมม่ ีรายใดเป็นเดก็ ปกตเิ ลย และประมาณ 9 ใน 10
รายจะอยใู่ นกลมุ่ ASD แตเ่ นื่องจากมีโอกาสทําให้เกิดความเข้าใจผิดในผ้ปู กครอง เมื่อมีแพทย์มากขนึ ้ และ
รอบเวลาการรอพบแพทย์ลดลง โครงการนีจ้ งึ ยตุ ไิ ป

ข้อค้นพบวา่ แบบคดั กรองบางแบบ เม่ือนํามาคดั กรองแล้วผ้ปู ่ วยท่ีมีคา่ คะแนนเกินเกณฑ์ท่ีกําหนด
จะมีการวนิ จิ ฉยั ความผิดปกตอิ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ทกุ ราย โดยไมม่ ีรายใดปกตเิ ลยนนั้ เป็นการค้นพบที่พบใน
แบบคดั กรองอ่ืนในตา่ งประเทศด้วย แตเ่ นื่องจากกรอบแนวคดิ ทางการแพทย์ในตะวนั ตกนนั้ แบบคดั กรอง
หนง่ึ แบบ จะเจาะจงกบั 1 โรคหรือความผิดปกตชิ นิดเดยี ว แนวคดิ เชน่ นี ้ จงึ ไมม่ ีผ้กู ลา่ วถงึ มากนกั หาก
พจิ ารณาในทางสาธารณสขุ นนั้ การพฒั นาแบบคดั กรองที่ สามารถคดั กรองได้ในลกั ษณะนีอ้ าจจะนํามาใช้
เป็นแบบคดั กรองความเร่งดว่ นในการพบแพทย์เพื่อรีบให้การวินจิ ฉยั ได้

แนวคดิ ในการกระต้นุ พัฒนาการโดยไมร่ อการวินิจฉยั นีไ้ ด้มีการนําเสนอในการประชุม Meeting of
experts on community-base approaches to Autism ท่ีองค์การอนามยั โลก สํานกั ภาคพืน้ เอเชียใต้
(SEARO)(66) จดั ขนึ ้ ในประเทศไทย เม่ือปี พ.ศ. 2553 ซง่ึ ได้รับการยอมรับจากผู้เช่ียวชาญในประเทศแถบ
เอเชียใต้ ซงึ่ มีปัญหาขาดแคลนบคุ ลากรและ ความเข้าใจของประชาชนที่เห็นตรงกนั วา่ การให้ความชว่ ย
เหลือด้วยการฝึก และกระต้นุ พฒั นาการอยา่ งเข้มข้น (intensive developmental stimulation) ทนั ทีท่ี
สงสยั นนั้ ไมเ่ ป็นอนั ตราย และที่ประชมุ ได้เสนอกรอบการดําเนนิ การกบั SEARO ตามแผนภาพ

112

ในอนาคต หากปัญหานีข้ ยายตวั มากขนึ ้ ข้อสรุปท่ีได้รับจากการประชมุ นี ้จะเป็นประโยชน์สําหรับ
ประเทศที่ยงั ขาดทรัพยากรสาธารณสขุ เชน่ ประเทศในแถบเอเชียเป็นต้น

[ภาพจากเอกสาร World Health Organization. Meeting of experts on community-base approaches
to Autism. A report.2010]

ในปี พ.ศ. 2552 โรงพยาบาล โดย ศ.พญ.เพ็ญแข ล่ิมศลิ า และ ภญ.ธีรารัตน์ แทนขํา ได้นําเอาการ
ตรวจทางเภสชั พนั ธุศาสตร์ (pharmacogenomic)(67) เข้ามาใช้ในการตรวจประเมนิ ความสามารถในการ
ขบั ยาของผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้ ทําให้พบวา่ มีผ้ปู ่ วยจํานวนมากมีความผิดปกตใิ น gene ที่ควบคมุ การทํางานของ

113

เอนไซม์ cytochrome P450 (CYP450) ข้อค้นพบนีส้ อดคล้องกบั ประสบการณ์ทางคลินิกในอดีตที่พบวา่
การบริหารยาในผ้ปู ่ วยกลมุ่ นีท้ ําได้คอ่ นข้างยาก จะมียาบางชนดิ เชน่ methylphenidate ที่ต้องระมดั ระวงั
เป็นพิเศษ มกั เกิดผลข้างเคยี ง และยาอ่ืนก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ง่ายกวา่ ผ้ปู ่ วยอ่ืน ซง่ึ ข้อสงั เกตนีใ้ นอดตี
ยงั ไมเ่ ข้าใจกลไก แตเ่ ป็นข้อระวงั ในการให้ยา

การค้นพบวา่ ผ้ปู ่ วยกลมุ่ นี ้ขาดความสามารถในการขบั ยานีม้ ีประโยชน์ 2ประการ คอื การนํามาใช้
ประเมนิ เบอื ้ งต้นก่อนการให้ยา หรือเมื่อพบผลข้างเคียงก็สามารถสง่ ตรวจทางห้องปฏิบตั กิ ารได้ จะชว่ ยให้
การตดั สินใจให้ยาทําได้ดขี นึ ้ แตเ่ นื่องจากคา่ ตรวจทางห้องปฏิบตั กิ ารยงั มีราคาสงู อาจจะต้องพจิ าณาเป็น
ราย ๆ ไป ประการตอ่ มา คือ ข้อค้นพบนีจ้ ะสนบั สนนุ ทฤษฎีท่ีเช่ือวา่ ASD นี ้เกิดจากการท่ีมีสารบางอยา่ ง
ในสิง่ แวดล้อมเข้าไปทําอนั ตรายตอ่ เซลล์สมอง หรือ gene ท่ีควบคมุ การทํางานด้านพฒั นาการ ทงั้ นีเ้พราะ
เอน็ ไซม์ cytochrome เป็นเอน็ ไซม์กลมุ่ ใหญ่ ท่ีทําหน้าที่ขจดั สารท่ีเข้ามาร่างกาย ทงั้ สารเคมี และสารที่
ร่างกายผลติ ขนึ ้ เชน่ ยา ฮอร์โมน หรือนํา้ ดี เป็นต้น ประชากรเดก็ ท่ีมีความบกพร่องใน gene นีอ้ าจจะเป็น
กลมุ่ เสี่ยง ท่ีขจดั สารท่ีได้รับจากสิง่ แวดล้อม เหลา่ นีไ้ มไ่ ด้ จนเกิดอนั ตรายตอ่ ร่างกาย หรือสมอง ทําให้เกิด
ปัญหาพฒั นาการ, ASD หรือ ความผดิ ปกตอิ ่ืน อยา่ งไรก็ตาม เน่ืองจากข้อค้นพบเร่ือง cytochrome ยงั ไม่
แพร่หลายและพบในรายงานทางการแพทย์ไมม่ ากนกั ข้อสนั นษิ ฐานนีจ้ งึ ยงั คงต้องรอเวลาพิสจู น์ตอ่ ไป

114

เอกสารอ้างองิ

1. Autism Spectrum Disorders (ASDs). [update 2011 Mar 25; cited 2011 Oct 14]. Available
from: http://www.cdc.gov/ncbddd/autism/index.html

2. Kanner L. Follow-up Study of Eleven Autistic Children Originally Report in 1943.Journal
of autism and schizophrenia. 1971 Apr-Jun;1(2):119-45.

3. American Psychiatric Association. Diagnostic and Statistic Manual, Mental
Disorders.3rd.,rev.Washington D.C. American Psychiatric Association Press,1987.

4. American Psychiatric Association. Diagnostic and Statistic Manual, Mental Disorders.4th
Text Revision. Washington D.C. American Psychiatric Association Press,2000.

5. Wing L. The Autistic Spectrum a guide for parents and professionals. London:
Constable; 2001.

6. A 09 Autism Spectrum Disorder. [update 2010; cited 2011 Oct 14]. Available from:
http://www.dsm5.org/ProposedRevision/Pages/proposedrevision.aspx?rid=94#

7. Resolutions adopted by the General Assembly at its 62nd session [update 2011 Oct 14;
cited 2011 Oct 14]. http://www.un.org/depts/dhl/resguide/r62.shtml.

8. เพ็ญแข ลิ่มศลิ า.รวมเรื่องนา่ รู้เกี่ยวกนั ออทิซมึ .สมทุ รปราการ: ช.แสงงามการพมิ พ์; 2537. Thai.
9. Bauman ML, Kemper TL. Neuroanatomic observations of the brain in autism: a review

and future directions. Int J Dev Neurosci. 2005 Apr-May;23(2-3):183-7.
10. Autism Spectrum Disorders (Pervasive Developmental Disorders),Treatment Options

[update 2009 Jul 22; cited 2011 Oct 14]. Available from:
http://www.nimh.nih.gov/health/publications/autism/treatment-options.shtml.
11. Nation Institute of Mental Health. Autism.1997.
12. ศรีวรรณา พลู สรรพสทิ ธ์ิ,เบญจพร ปัญญายง,ดสุ ติ ลขิ นะพชิ ติ กลุ ,ประยกุ ต์ เสรีเสถียร,วรวรรณ
จฑุ า : การศกึ ษาภาวะ ออทซิ มึ ในประเทศไทย และการดแู ลรักษาแบบบรู ณาการในระดบั ประเทศ.
วารสารสขุ ภาพจติ แหง่ ประเทศไทย ปี ท่ี 13 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม 2548 หน้า 10-16. Thai.
13. Kanner L. Follow-up Study of Eleven Autistic Children Originally Report in 1943.Journal
of autism and schizophrenia. 1971 Apr-Jun;1(2):119-45.

115

14. Autism’s First Child. [ update 2010 Oct ; cited 2011 Oct 14]. Available from:

http://www.theatlantic.com/magazine/archive/2010/10/autism-8217-s-first-child/8227/.

15. Hamdan FF, Daoud H, Rochefort D, Piton A, Gauthier J, Langlois M.et al. De novo
mutations in FOXP1 in cases with intellectual disability, autism, and language
impairment. Am J Hum Genet. 2010 Nov 12;87(5):671-8.

16. Mukamel Z, Konopka G, Wexler E, Osborn GE, Dong H, Bergman MY.et al. Regulation
of MET by FOXP2, genes implicated in higher cognitive dysfunction and autism risk. J
Neurosci. 2011 Aug 10;31(32):11437-42.

17. Chien YL, Wu YY, Chiu YN, Liu SK, Tsai WC, Lin PI.et al. Association study of the CNS
patterning genes and autism in Han Chinese in Taiwan. Prog Neuropsychopharmacol
Biol Psychiatry. 2011 Aug 1;35(6):1512-7.

18. Gregory SG, Connelly JJ, Towers AJ, Johnson J, Biscocho D, Markunas CA.et
al.Genomic and epigenetic evidence for oxytocin receptor deficiency in autism. BMC
Med. 2009 Oct 22;7:62.

19. Gurrieri F, Neri G. Defective oxytocin function: a clue to understanding the cause of

autism? BMC Med. 2009 Oct 22;7:63.

20. Higashida H, Yokoyama S, Munesue T, Kikuchi M, Minabe Y, Lopatina O. CD38 gene
knockout juvenile mice: a model of oxytocin signal defects in autism. Biol Pharm Bull.
2011;34(9):1369-72.

21. Liu X, Kawamura Y, Shimada T, Otowa T, Koishi S, Sugiyama T.et al. Association of the
oxytocin receptor (OXTR) gene polymorphisms with autism spectrum disorder (ASD) in
the Japanese population. J Hum Genet. 2010 Mar;55(3):137-41.

22. Wermter AK, Kamp-Becker I, Hesse P, Schulte-Körne G, Strauch K, Remschmidt H.

Evidence for the involvement of genetic variation in the oxytocin receptor gene (OXTR)

in the etiology of autistic disorders on high-functioning level. Am J Med Genet B

Neuropsychiatr Genet. 2010 Mar 5;153B(2):629-39

23. Campbell DB, Datta D, Jones ST, Batey Lee E, Sutcliffe JS, Hammock EA, Levitt P.
Association of oxytocin receptor (OXTR) gene variants with multiple phenotype domains
of autism spectrum disorder. J Neurodev Disord. 2011 Jun;3(2):101-12.

24. Ashcraft MH. Cognition. 4th ed. New Jersey:Peason;2006.

116

25. Berk LE. Child development.Third edition :Paramount Publishing Massachusetts.1994.
26. Piaget J. The Psychology of Intelligence. New York: Routledge.2005.
27. Nikolaas Tinbergen - Nobel Lecture [ update 2012 Jan ; cited 2012 Jan 11]. Available

from: http://www.nobelprize.org/nobel_prizes/medicine/laureates/1973/tinbergen-lecture
.html
28. Piaget J. The Language and Thought of the child. New York: Routledge. 2004
29. Spiegler M.D. Contemporary Behavior Therapy.5th edition; Belmont. Wadsworth. 2010.
30. Smith T, Eikeseth S. O. Ivar lovaas: pioneer of applied behavior analysis and intervention
for children with autism. J Autism Dev Disord. 2011 Mar;41(3):375-8.
31. Paul Albert :Apply Behavior Analysis for Teacher ,sixth edition :Peason Education New
Jersy 2003.
32. เพ็ญแข ลิม่ ศลิ า.คมู่ ือฝึก และดแู ลเด็กออทสิ ตกิ สําหรับผ้ปู กครอง:โรงพมิ พ์ ครุ ุสภา
ลาดพร้ าว.2545.Thai.
33. เพ็ญแข ลม่ิ ศลิ า.การวินจิ ฉยั โรค ออทซิ มึ .สมทุ รปราการ: ช.แสงงามการพมิ พ์; 2540. Thai.
34. Bowlby J. Attachment and Loss Vol 1.London: Random House;1997.
35. Baron-Cohen S, Cox A, Baird G, Swettenham J, Nightingale N, Morgan K.et
al.Psychological markers in the detection of autism in infancy in a large population. Br J
Psychiatry. 1996 Feb;168(2):158-63.
36. พณั ณะวไล พินทนุ นั ท์,วีระศกั ด์ิ ชลไชยะ,จนั ท์ฑิตา พฤกษานานนท์, การคดั กรองโรคออทิสตกิ ด้วย
เคร่ืองมือคดั กรอง M-CHAT และ CHAT สว่ น B ในเดก็ ท่ีมีพฒั นาการทางภาษาลา่ ช้า ,วารสาร
กมุ ารเวชศาสตร์ กรกฏาคม- กนั ยายน 2552 หน้า 221-228. Thai
37. Baron-Cohen S, Allen J, Gillberg C. Can autism be detected at 18 months? The needle,
the haystack, and the CHAT. Br J Psychiatry. 1992 Dec;161:839-43.
38. นิชรา เรืองดารกานนท์.พฒั นาการทางสตปิ ัญญาใน: วิชยั เอกพลากร บรรณาธิการ. รายงานการ
สํารวจสขุ ภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครัง้ ที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 สขุ ภาพเดก็ .
นนทบรุ ี: เดอะ กราฟิโก ซสิ เตม็ ส์; 2554.Thai.

117

39. ดสุ ติ ลขิ นะพิชติ กลุ . การเรียนรู้แบบยดึ ตดิ ของเดก็ ออทสิ ตกิ . วารสารโรงพยาบาลพระศรีมหา
โพธ์ิ.2544; 1:62-65.Thai.

40. Lust B. Child Language Acquisition and Growth. New York: Cambridge University Press;
2006.

41. Grady W. How Children Learn Language. New York: Cambridge University Press; 2005.
42. Lovaas OI. Build Social Behavior in Autistic Children by Use of Electric Shock : Journal

of Experimental Research in Personality 1.1965, 99-109.
43. Lovaas OI. Behavioral treatment and normal educational and intellectual functioning in

young autistic children. J Consult Clin Psychol. 1987 Feb;55(1):3-9.
44. Siegel B.The world of the Autistic child .Oxford University Press.1996.
45. Dawson G, Rogers S, Munson J, Smith M, Winter J, Greenson J, Donaldson A.et al.

(2010). Randomized, controlled trial of an intervention for toddlers with autism: the Early
Start Denver Model. Pediatrics, Jan, 125(1):e17-23.
46. Early Bird [update 2011 Apr ; cited 2012 Jan 11]. Available from:
http://www.autism.org.uk/earlybird
47. Stahmer AC. The basic structure of community early intervention programs for children
with autism: provider descriptions. J Autism Dev Disord. 2007 Aug;37(7):1344-54.
48. ชะไมพร พงษ์พานชิ .การศกึ ษาผลของโปรแกรมสง่ เสริมพฒั นาการแบบกลมุ่ ของเดก็ ออทสิ ตกิ กอ่ น
วยั เรียนโดยผ้ปู กครองมีสว่ นร่วม ของโรงพยาบาลยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์ใน : การประชมุ วิชาการ
สขุ ภาพจติ นานาชาติ ครัง้ ที่ 7 ‚ร่วมมือ ร่วมพลงั มงุ่ หวงั สสู่ ขุ ภาพจติ ดี ในปี 2563‛ โรงแรมแอม
บาสเดอร์ กทม.2551.Thai.
49. อารีย์ ชศู กั ดิ์, รินสขุ องอาจสกลุ มนั่ .การศกึ ษาประสทิ ธิผลโปรแกรมสง่ เสริมพฒั นาการโดย
ผ้ปู กครองมีสว่ นร่วมตอ่ พฒั นาการใน : การประชมุ วชิ าการนานานชาติ ครัง้ ท่ี 10 กรมสขุ ภาพจติ
‚ฝ่ าคล่ืนวิกฤตด้วยงานสขุ ภาพจติ ‛ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กทม.2554.Thai.
50. Whitehead MR. Language & Literacy in the Early Years.3rd ed. London: SAGE ; 2004.
51. ดสุ ิต ลขิ นะพชิ ติ กลุ .การเปลี่ยนแปลงระดบั IQ ในเดก็ ออทสิ ตกิ 2 ราย.วารสารสถาบนั พฒั นาการ
เดก็ ราชนครินทร์.2554;1:61-69.Thai.

118

52. ดารณี อทุ ยั รัตนกิจ.การประเมนิ สตปิ ัญญาของเดก็ ออทิสตกิ .วารสาร รพ.ยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์
ปี ท่ี 5 ม.ค. – ม.ิ ย. 2537.Thai.

53. อนสุ รณ์ในพธิ ีเปิดโรงพยาบาลสําโรง 29 กนั ยายน 2510 แพร่การชา่ ง พระนคร 2510. Thai.
54. เพ็ญแข ลิ่มศลิ า .25 ปี ในรพ.ยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์.หนงั สือที่ระลกึ งานครบรอบ 25 ปี รพ.ยวุ ป

ระสาทไวทโยปถมั ภ์.2535.Thai.
55. เพ็ญแข ล่ิมศลิ า .ออทิสซมึ ในประเทศไทย .หนงั สือที่ระลกึ สมเดจ็ พระเจ้าพ่ีนางเธอเจ้าฟ้ ากลั ยานิ

วฒั นา เสดจ็ ทรงประกอบพธิ ีเปิดอาคารกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 80 ปี .2546.Thai.
56. เพญ็ แข ลม่ิ ศลิ า. 40 ปี ออทิสตกิ ไทย.หนงั สือท่ีระลกึ งานประชมุ วิชาการ 84 พรรษาพระบารมี 40

ปี ออทสิ ตกิ ไทย.2550.Thai.
57. สภุ า ศกั ดสิ์ มบรู ณ์.ยวุ ประสาทฯ ในความทรงจํา.หนงั สือที่ระลกึ งานประชมุ วิชาการ 84 พรรษา

พระบารมี 40 ปี ออทสิ ตกิ ไทย.2550.Thai.
58. จติ ตริ ัตน์ พกุ จนิ ดา.เร่ืองธรรมดาของออทิสตกิ . บ.แปลนพบั ลิชชิ่ง จํากดั นนทบรุ ี 2545.Thai.
59. สภุ าวดี หาญเมธี.ลกู รักออทิสตกิ .บ.แปลนพบั ลิชช่งิ จํากดั นนทบรุ ี 2544.Thai.
60. สภุ าวดี หาญเมธี.ศษิ ย์รักออทิสตกิ .บ.แปลนพบั ลชิ ชิ่ง จํากดั นนทบรุ ี 2545.Thai.
61. ศษิ ย์รักออทิสตกิ .บ.แปลนพบั ลชิ ชิง่ จํากดั นนทบรุ ี .2545.Thai.
62. ชาญวทิ ย์ พรนภดล, อําไพ ทองเงิน ,อภิรัตน์ เกวลนิ , เดือนฉาย แสงรัตนายนต์. การพฒั นาแบบคดั

กรองโรคในกลมุ่ Pervasive Developmental Disorder. วารสารสมาคมจติ แพทย์แหง่ ประเทศ
ไทย.2545; 2 :76-95เมษายน- มถิ นุ ายน. Thai.
63. เดือนฉาย แสงรัตนายนต์ .คมู่ ือฝึกพดู ในเดก็ ออทิสตกิ สําหรับผ้ปู กครอง:โรงพมิ พ์ ครุ ุสภา
ลาดพร้ าว.2545.Thai.
64. ดสุ ติ ลิขนะพิชิตกลุ .พฒั นาการบาํ บดั สําหรับเดก็ ออทิสตกิ : บ.แปลนพบั ลิชชิง่ กทม.2545. Thai.
65. โครงการสงสยั วา่ “ออ(ทสิ ตกิ )ไมต่ ้องรอวนิ ิจฉยั ” modern mom Vol.14 No. 166 August 2009
รักลกู กรุ๊ป.Thai.
66. World Health Organization. Meeting of experts on community-base approaches to
Autism. A report.2010.

119

67. ธีรารัตน์ แทนขํา.เภสชั พนั ธศุ าสตร์กบั การรักษาเฉพาะบคุ คล รายงานผ้ปู ่ วย 1 ราย.สจู บิ ตั ร การ
ประชมุ วชิ าการ “84 พรรษาพระบารมี 40 ปี ออทิสตกิ ไทย” อาคารเฉลมิ พระบารมี แพทยสมาคม
กทม. 2550. Thai.

120

ดรรชนี declarative memory, 14
DSM III-R, 3
action word, 59 DSM IV-TR, 3
active but odd, 8 DSM-V, 3
Adaptation, 15 early bird program, 76, 80
aloof, 8 Early Intensive Behavior Intervention, 70
Antecede-Behavior-Consequence, 27 early intervention, 75, 76
Antecedence-Operation-Behavior- Early Intervention, 5
Early Start Denver Model, 74
Consequence, 28 echolalia, 61, 62
Apply Behavior Analysis, 18, 69 egocentric speech, 62, 63
Approach behavior, 41 Equilibrium, 15
Asperger disorder, 3 explicit memory, 14
attachment, 40, 41, 73 expressive language, 58
autism, 77 floortime, 71
Autism, 2 FOXP2, 10
Autistic Spectrum Disorder, 2, 13 function word, 59
autopsy, 4 gene, 5, 9, 10, 113
baby talk, 89 generalization, 35
behavior theory, 18 histology, 4
behavioral base, 82 holophrase, 64
behavioral base model, 72 human information processing model, 102
brain maturity, 102 Human Information Processing Model, 13,
Center for Disease Control and Prevention 7
classic condition, 14, 27 15, 16
classical condition, 18 implicit memory, 14, 16
cognitive development theory, 17 Individual Education Program, 5
collective monologue, 63 Input, 14
conceptual intelligence, 16 instinctive behavior, 40
content meaning, 60 intellectual disability, 34, 70, 101, 102
cytochrome, 113
Daily Life Therapy, 72

121

Intellectual disability, 7 Pervasive Developmental Disorder, 3
intentional meaning, 60 Pervasive Developmental Disorder
interpretative meaning, 61
IQ, 34, 69, 99 Screening Questionnaire, 110
joint attention, 42 pharmacogenomic, 113
Kauffman Assessment Battery for Children, prelinguistic period, 41
preoperation, 16
100 protodeclarative pointing, 42
KE family, 10 receptive language, 58
latent language, 97, 98 refrigerator mother, 4
linguistic period, 64 relationship-base, 72, 74, 82
Lovaas model, 6, 69 Rett’s disorder, 3
mental retardation, 7 Schema, 15
monologue, 63 schizophrenia, 2, 34
motherese, 89 SEARO, 111, 112
multiple gene disorder, 5, 10 semantic unit, 58, 87
Nation Institute of Mental Health, 11 sensory–motor, 15
National Institute of Mental Health, 75 sensory-motor intelligence, 16, 55
neologism, 61, 62 Signaling behavior, 41
neurodevelopmental disorder, 3 significant meaning, 60
non-declarative memory, 14 socialized speech, 61, 62, 64
operant condition, 14, 18, 68 state word, 59
Option Institute, 73 Stimulus-Organism-Response-
Organization, 15
Output, 14 Consequence, 28
overformal, 8 Stimulus-Response, 27
oxytocin, 10, 41 Stimulus-Response-Consequence, 27
package program, 81, 109 storage memory, 43, 101, 102
parent mediated program, 78, 109 Storage memory, 14
passive, 8 super normal stimuli, 73
PECS, 6, 48, 75 systematic desentization, 36
personal-social word, 59 TEACCH, 6, 48, 74
telegraph speech, 64

temperament, 34 122
Temperament, 17
visual learner, 74 ความคดิ , 14
word, 58, 83 ความจํา, 14
word order, 58, 83 ความชกุ , 2, 7
working memory, 43, 101, 102 ชนั้ เรียนจําลอง, 108
Working memory, 14 แบบจําลอง, 13, 15
กระทรวงสาธารณสขุ , 106, 110 ปัญหาการใช้ภาษา, 58
กลมุ่ ยอ่ ย, 8 พฤตกิ รรมทางสงั คม, 10
กองการศกึ ษาพเิ ศษ, 108 พฤตกิ รรมที่เกิดจากอารมณ์, 34
การนําเดก็ ออกจากโลกของตวั เอง, 77 พฤตกิ รรมศาสตร์, 18
การบนั ทกึ พฤตกิ รรม, 20, 51 พฒั นาการบําบดั , 110
การฝึก, 5, 68 พนั ธุกรรม, 5, 10
การฝึกผ้ปู กครอง, 80, 109 ภาษา, 10
การรักษาทางเลือก, 11 ระบาดวทิ ยา, 3
การรักษามาตรฐาน, 11 รางวลั โนเบล, 17
การเรียงคาํ , 60, 65 โรงพยาบาลยวุ ประสาทไวทโยปถมั ภ์, 106
การเรียนรู้แบบยดึ ตดิ , 43 สาเหต,ุ 4, 10
การวนิ จิ ฉยั , 3 ห้องเรียนจําลอง, 80, 109
องคก์ ารอนามยั โลก, 111


Click to View FlipBook Version