The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-01 07:00:58

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Keywords: ภาษาไทย

54. รายงานทางวิชาการสว่ นใดใชภ้ าษาไม่เหมาะสม
(1) การเข้าพักอาศัยอยกู่ บั คนในหม่บู ้านทาํ ให้ไดเ้ รยี นรูว้ ิถีชวี ิตความเปน็ อยู่ของคนเหลา่ นัน้ / (2) นักวิจัย

พบว่าต้องทําตัวเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย คลุกคลีตีโมงกับชาวบ้านเพ่ือสร้างความสนิทสนมคุ้นเคย /
(3) ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของหมู่บ้าน เคารพสิทธิของเจ้าของพ้ืนท่ี / (4) ไม่ทําส่ิงท่ีขัดแย้งกับข้อปฏิบัติ
ของชมุ ชน และไมล่ บหลู่ความเชือ่ ของคนในท้องถิ่น

1) ส่วนท่ี 1 2) ส่วนท่ี 2
3) สว่ นท่ี 3 4) ส่วนที่ 4

55. ขอ้ ใดใชภ้ าษาเหมาะสมกับการเขียนรายงาน
1) เวลาไม่สบายกะทนั หันขึน้ มา ผูป้ ่วยต้องไปพบแพทย์โดยเร็วทส่ี ดุ

2) ผ้ทู ีเ่ จ็บไขต้ อนกลางคนื มักพบเจอปัญหาเพราะไม่มแี พทยเ์ ฉพาะทางคอยตรวจรกั ษา
3) หากผ้ปู ่วยไปโรงพยาบาลหลังสองทมุ่ ไปแลว้ จะไดพ้ บแตแ่ พทยเ์ วรซ่ึงสว่ นใหญ่เปน็ แพทย์ท่ัวๆ ไป
4) โรงพยาบาลเปิด “ศนู ยแ์ พทย์เฉพาะทางเท่ยี งคืน” เพ่อื ตรวจรกั ษาผูป้ ่วยนอกจนถงึ เวลา 24.00 น.

56. ข้อใดไม่ไดก้ ล่าวถึงในคําประพนั ธ์ต่อไปน้ี

ชนใดมีชาตเิ ชื้อ เลวทราม

เพยี รอตุ สา่ ห์พยายาม หม่ันหมน้ั

อยบู่ ดอยฝู่ นความ ร้แู ก่ เกนิ แฮ

กลับยศใหญย่ ่ิงชัน้ เช่นเชอ้ื ผดู้ ี

1) คนเราควรตั้งอยูใ่ นความขยนั หมั่นเพียร

2) การแสวงหาความรเู้ ปน็ ประจํานาํ ไปสคู่ วามสําเรจ็

3) คนนสิ ัยเลวอาจเปลีย่ นกลบั กลายเปน็ คนนิสัยดไี ด้

4) คนที่มีกาํ เนดิ ตํ่าอาจพฒั นาจนเปลยี่ นสถานภาพให้สูงขึ้นได้

57. ขอ้ ใดไมม่ ีการแสดงเหตผุ ล
1) งานสายสมั พนั ธ์ประจาํ ปีของโรงเรียนเป็นงานที่ทุกคนรอคอย
2) งานสายสัมพันธข์ องโรงเรียนเป็นงานท่ีดเี พราะส่งเสริมใหน้ กั เรยี นไดแ้ สดงออก
3) งานสายสัมพนั ธ์ของโรงเรยี นทาํ ให้เพ่ือนนักเรยี นสมัยนน้ั ไดก้ ลับมาพบกนั อีก

4) มผี ู้รว่ มงานสายสมั พันธม์ ากมายส่งผลใหก้ ารจราจรบรเิ วณโรงเรียนติดขัด

58. คําประพนั ธ์ในข้อใดกล่าวถงึ สงิ่ ทีแ่ สดงวัฒนธรรมไทย
1) ยาตรยาตรบาทห่อนกระชัน้ ช่วงเท้าเทาเสมอ
2) แกว้ ก่องทองสลับลว้ น รว่ งรุ้งเรืองแสง
3) แหอ่ ยู่สองขา้ งเขา้ คคู่ ลอ้ ยเคียงไคล

4) บงั แทรกสองคูส่ ลา้ ย สลับรวิ้ ฉตั รเรยี ง

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (149)

59. คําประพันธใ์ นข้อใดไมแ่ สดงความเชอ่ื ของคนไทย
1) ชาตินม้ี ึงมีแตส่ องหตั ถ์ จงไปอบุ ัติเอาชาติใหม่
2) ถา้ วาสนาเราเคยบํารงุ รกั กจ็ ะเปน็ ภักษผ์ ลสบื ไป
3) กรรมเวรส่งิ ใดดังน้ี ทูลพลางโศกีราํ พนั
4) จะได้รองเบอื้ งบาทา ไปกว่าจะสิน้ ชวี ี

60. ขอ้ ใดไมไ่ ด้กลา่ วถงึ “ช้าง”
1) งามเรง่ งามโทท้าว ทา่ นสู้ศกึ สาร
2) สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
3) ไพเราะราชสุภา ษิตสอ่ื สารนา

4) ตรกึ อกพกตกขวํา้ อยเู่ บื้องบนสาร

61. ขอ้ ใดตคี วามไดต้ รงกบั ขอ้ ความต่อไปน้ี
ลาภยศถาบรรดาดีที่มีอยู่ รวยเลิศหรูอยู่เรือนทองสองล้านสาม สมบัติมากลากไม่ไหวใครจะปราม

สุดทา้ ยหามแตร่ า่ งเนา่ เทา่ น้ันเอง

1) บางคนโชคดีได้ลาภยศและเงนิ ทองโดยไม่มีใครขวางได้
2) คนเราไม่ควรโลภมากเอาแต่ตกั ตวงความรํ่ารวย ในท่ีสดุ กแ็ บกไม่ไหว
3) สมบัตทิ ง้ั หลายไมใ่ ช่สิ่งจรี ังยัง่ ยืน มีความเปล่ียนแปรอยู่เสมอ
4) คนเราเมอื่ ถึงคราวตายกเ็ อาเกยี รตยิ ศและทรพั ยส์ นิ ตดิ ตัวไปไม่ได้

62. ข้อใดเป็นประเด็นสาํ คญั ของข้อความตอ่ ไปนี้

คนไมพ่ ดู เพราะไม่ชอบพดู หรือชอบฟังมากกว่าพูดกม็ ีอยู่ ไม่ไดห้ มายความว่าไม่พูดเพราะไม่มเี รอื่ งท่ีจะพูด
แต่เขาฟังเป็น และเอาความได้เปรียบจากการฟังมาใช้ เม่ือใดท่ีเขาพูด จะมีเน้ือหาสาระควรแก่การฟัง
ทีเดียวเพราะเขาเกบ็ สะสมไวจ้ ากการฟงั ลักษณะเช่นนี้อาจใชเ้ ป็นเครื่องผกู มติ รทีด่ ีได้
1) มารยาทในการฟงั
2) ลกั ษณะของผูฟ้ งั ทดี่ ี
3) วิธกี ารสร้างมติ รไมตรี
4) ประโยชนข์ องการพูดน้อย

5) ประโยชน์ของการรจู้ กั ฟัง

63. ข้อใดใชภ้ าพพจน์อปุ มา นํ้าตาทว่ มไอศวรรย์
1) โอศ้ รีอยุธยา ปานปา่ ช้าโศกาดรู
2) ผุเปอ่ื ยเป็นตมพลนั วนิ าศสิ้นมไหสรู ย์
3) เวียงวังปรางค์ปราสาท

4) เหลอื แตก่ ากปฏกิ ูล มลู เถ้าถ่านกระดูกไทย
5) กรวดทรายสะอกึ สะอนื้ ยะเยือกพื้นกรุงแก้วไหว

ภาษาไทย (150) __________________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

64. คําประพนั ธต์ อ่ ไปนีใ้ ชภ้ าพพจนก์ ่ีแหง่ หวั รอ่ หนักรูปรา่ งมนั ชา่ งขัน
พระนักสทิ ธิพ์ ศิ ดูเปน็ ครพู่ กั กําลังมนั มากนักเหมอื นยักษม์ าร
มนั ทาํ ได้หลายเล่หอ์ ้ายเดรฉาน
เมอ่ื ตวั เดยี วเจียวกลายเปน็ หลายพันธุ์ ถงึ เอาขวานฟันฟาดไมข่ าดรอน
กินคนผ้ปู ปู ลาหญ้าใบไม้
เขยี้ วเป็นเพชรเกล็ดเปน็ นลิ ลนิ้ เป็นปาน 2) 2 แหง่
1) 1 แห่ง 4) 4 แห่ง
3) 3 แหง่

65. ข้อใดเหมาะจะเติมลงชอ่ งว่างในโคลงสองสุภาพ 2 บทน้ี

ของคาวพลันเสพแล้ว ยามสรุ ยิ เคลือ่ น ..........(ก)..........

ลับไม้หมดศรี

ของหวาน ..........(ข).......... ลูกไม้ หลายสงิ่ เสาะหาได้

แต่ล้วนอยา่ งดี นักนอ

1) (ก) คลอ้ ย (ข) น่ี 2) (ก) ที่ (ข) พาน

3) (ก) คลาด (ข) เปน็ 4) (ก) แคล้ว (ข) มี

66. “ใครลืมลมื ใครใจรู้ ใครอยู่ใครไปใจเหน็

ใครสขุ ใครเศรา้ เชา้ เยน็ ใจเป็นท่แี จ้งแหง่ เรา

ใครชอบใครชงั ชา่ งเถิด ใครเชิดใครชชู า่ งเขา

ใครเบ่ือใครบน่ ทนเอา ใจเรารม่ เยน็ เปน็ พอ”

จากบทประพนั ธ์ดงั กล่าวเน้นเรอ่ื งใด

1) การครองตน 2) การใหอ้ ภัย

3) การวางเฉย 4) การทาํ ความดี

67. “คราวใดท่ีได้เห็นมันเหยียบย่ําไปบนดอกอโศกซึ่งจมหายอยู่ภายใต้ฝ่าตีนอันโสมมของมัน ข้าพเจ้ารู้สึก

ปวดร้าวคล้ายกบั มันมาเหยียบยํ่ากลางหัวใจ...โอ้อนิจจา แม้แต่เศษของดอกอโศกก็ไม่เห็น ดูประหน่ึงดอก

อนั บอบบาง ถกู ตนี อนั หยาบของพวกมหาโจรเหยียบกระทบื เสียจนเปน็ ภัสมธลุ ี” (กามนิต)

ขอ้ ความข้างตน้ ปรากฏโวหารภาพพจน์ใดเด่นชัดทสี่ ดุ

1) อปุ มา 2) อุปลักษณ์

3) สทั พจน์ 4) บุคคลวัต

68. “กระเต็นกระตัว้ ตนื่ แตกคน

ยูงย่องยอดยงู ยล โยกย้าย

นกเปลา้ นกปลีปน ปลอมแปลก กนั นา

คลํ่าคล่ําคลิง้ โคลงคล้าย คเู่ คล้าคลอเคลยี ”

บทประพันธด์ งั กล่าวมีวรรณศิลป์ดา้ นใดเด่นชดั

1) เล่นคาํ 2) ซ้ําคาํ

3) สมั ผัสสระ 4) สมั ผัสอักษร

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (151)

69. ข้อใดไม่ปรากฏในคําประพันธ์ต่อไปนี้ ฟา้ รา่ํ คํารณอยู่เลอ่ื นลน่ั
ฝนเปน็ สายปรายโปรยเม่ือใกลค้ ํ่า ลมกระชน้ั กระโชกกระชากแรง

แปลบประกายปลายคุ้งทงุ่ สพุ รรณ 2) แสง
1) สี 4) การเคล่ือนไหว
3) เสยี ง

70. คําประพนั ธต์ ่อไปน้ไี มป่ รากฏคุณค่าทางวรรณศิลปต์ ามขอ้ ใด

ขึ้นทรงรถทองผอ่ งพรรณ งามงอนอ่อนฉนั

เฉกนาคราชกําแหง

งามกงวงจักรรกั ต์แดง งามกาํ ส่ําแสง

งามดุมประดับเพชรพราย 2) การเสนอแนวคดิ
1) การสรรคําใช้ 4) การใช้ภาพพจน์
3) การเล่นสัมผัส

ภาษาไทย (152) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

ชุดท่ี 3

71. คําประพันธต์ ่อไปน้ีไมใ่ ช้กลวิธตี ามข้อใด

“พระคุณตวงเพียบพื้น ภวู ดล

เตม็ ตรลอดแหล่งบน บอ่ นใต้

พระเกิดพระกอ่ ชนม์ ชบุ ชีพ มานา

เกรงบ่ทนั ลกู ได้ กลับเต้าตอบสนอง”

1) บคุ คลวตั 2) อตพิ จน์ 3) แผลงศัพท์ 4) สัมผัสพยญั ชนะ

72. ขอ้ ใดเปน็ ศลิ ปะการประพันธท์ ่ีไมป่ รากฏในคาํ ประพันธต์ อ่ ไปนี้

“พรากหายใช่พรากร้าง นริ ันดร์กาล

มีพรากมีพบพาน เพอื่ นพอ้ ง

ชิงโศกโศกพาผลาญ เผาจติ

วันหน่งึ นัน้ จกั ต้อง กลับรา้ ยกลายด”ี

1) การซาํ้ คาํ 2) การเล่นคาํ พอ้ งเสยี ง

3) การเล่นคําตรงกนั ข้าม 4) การเลน่ เสียงสมั ผัส

73. คาํ ประพันธต์ ่อไปนมี้ ลี ักษณะเดน่ ในด้านใด

“เดือนดาวในหาวหว้ ง คือโคมดวงแห่งสรวงศิลป์

ส่องฟ้าลงมาดนิ ทุกคา่ํ คนื ชน่ื แสงพราว”

1) เสยี งไพเราะ สอื่ อารมณ์ 2) ความหมายกินใจ ส่อื ภาพชดั เจน

3) สอ่ื ภาพชัดเจน เสียงไพเราะ 4) สอ่ื อารมณ์ ความหมายกนิ ใจ

74. คําประพันธ์ต่อไปนมี้ ีลักษณะเด่นในดา้ นใด

“พาทีมสี ติร้งั รอคิด

รอบคอบชอบแลผดิ กอ่ นพร้อง

คําพดู พา่ งลิขติ เขยี นรา่ ง เรยี งแฮ

ฟังเพราะเสนาะตอ้ ง โสตทง้ั ห่างภยั ”

1) สัมผัสสระ 2) สัมผัสพยัญชนะ
4) การใชภ้ าพพจน์
3) การหลากคํา

75. ข้อใดเป็นลักษณะเดน่ ท่ีสุดของคาํ ประพนั ธ์ต่อไปน้ี

“ตระกางพฤกษ์โอบออ้ ม ไศลหลวง

ลางยื่นย้อยดอกพวง รว่ งพริง้

ลางฟ้อนก่ิงถวายดวง ดาวร่งุ

เสมอมุ่งเกษมโศกท้ิง สง่ิ แกว้ วเิ ศษแสวง”

1) การซ้ําคาํ 2) การหลากคํา

3) การใชภ้ าพพจน์ 4) การเลน่ เสียงสัมผสั

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (153)

76. กลวิธีในขอ้ ใดไม่ปรากฏในคําประพนั ธ์ต่อไปน้ี

“นวลจันทรเ์ ป็นนวลจรงิ เจ้างามพร้ิงย่งิ นวลปลา

คางเบือนเบือนหน้ามา ไม่งามเท่าเจา้ เบอื นชาย

เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนนอ้ งห่มตาดพราย

กระแหแหหา่ งชาย ดังสายสวาทคลาดจากสม”

1) การใชภ้ าพพจน์แบบอปุ ลักษณ์เพ่อื แสดงอารมณ์

2) การเลน่ คาํ และความเพื่อสรา้ งอารมณ์สะเทือนใจ

3) การใช้ลลี าของนิราศซง่ึ เป็นขนบอยา่ งหน่งึ ในวรรณคดีไทย

4) การพรรณนาอารมณ์ผสมผสานกับความงามของธรรมชาติ

พิจารณาคาํ ประพันธ์ต่อไปน้ี แลว้ ตอบคําถามขอ้ 77-78

“สงดั เสียงคนดังระฆังเงียบ เย็บยะเยยี บยามนอนรมิ เนนิ ผา

เมือ่ ยามแกนแสนทุเรศเวทนา ตอ้ งไสยาอยูก่ ลางนํ้าคา้ งพราว

ทง้ั ต้องนํ้าอาํ มฤกเมือ่ ดกึ เงยี บ แสนยะเยียบเนอ้ื เย็นเป็นเหนบ็ หนาว

ทัง้ หนาวลมหนาวพรมนํา้ คา้ งพราว ไหนจะหนาวซากผาศลิ าเย็น

โอห้ นาวอ่นื พอขนื อารมณไ์ ด้ แตห่ นาวใจยากแค้นน้แี สนเข็ญ

ท้ังหนาวนอนไกลนชุ สุดจะเย็น ใครปะเปน็ เหมอื นหนงึ่ ข้าจะว่าจริง”

77. ข้อใดเปน็ ความร้สู ึกท่เี ดน่ ชัดทส่ี ดุ ของกวี

1) เศร้าหมอง 2) หดหู่ 3) อาลัย 4) อา้ งวา้ ง

78. คําประพันธ์ขา้ งต้นนใ้ี ชก้ ลวิธีการแต่งทีเ่ ด่นทสี่ ุดตามขอ้ ใด

1) การซ้ําคํา 2) การหลากคํา 3) สมั ผัสสระ 4) การใชค้ วามเปรียบ

พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แลว้ ตอบคาํ ถามข้อ 79-80

“เห็นจากจากแจกก้าน แกมระกาํ

ถนัดระกําแกมจาํ จากช้า

บาปใดท่โี ททาํ แทนเทา่ ราแม่

จากแต่คาบนีห้ น้า พนี่ ้องคงถนอม”

79. ข้อใดน่าจะสรปุ แนวคิดของผแู้ ต่งไดด้ ีทส่ี ดุ
1) ชอกชา้ํ ใจในการทต่ี อ้ งจากรกั จนเหน็ วา่ เป็นการชดใช้กรรม
2) รสู้ ึกว่าเวลาผา่ นไปชา้ เนื่องจากความทกุ ขท์ รมานในการพลดั พราก
3) ปลงตกตามแนวคําสงั่ สอนทางพระพุทธศาสนา
4) มคี วามหวงั วา่ จะไดค้ รองคกู่ นั ในภพชาติต่อไป

80. โคลงบาทใดแสดงความเปรียบเด่นชัดที่สุด

1) บาทท่ี 1 2) บาทท่ี 2 3) บาทที่ 3 4) บาทท่ี 4

ภาษาไทย (154) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

พจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี แล้วตอบคําถามข้อ 81-82

ก. ฟงั ตน้ ไมส้ ายนํ้ายา้ํ ให้หยดุ หยุดเสยี ทเี ถิดมนุษย์หยดุ สะสม

หยดุ ปรุงแตง่ แสร้งตามความนิยม สร้างสังคมโสโครกโลกจงึ รอ้ น

ข. สงสารใจ ใจเจา้ เอย๋ ไม่เคยน่ิง วนและวง่ิ คนื และวนั หวน่ั และไหว

เหมือนถูกกายกาํ บังกักขังใจ ใจจึงไดด้ ้ินรนทกุ หนทาง

ค. กลางคนื คอยเปน็ ควันอ้ันอัดไว้ คร้นั กลางวันกเ็ ปน็ ไฟไปทกุ อยา่ ง

ร่างกายถูกผูกพันสรรพางค์ เป็นส่ือกลางแกใ่ จรับใชก้ าร

ง. วงของน้าํ ทําประกายกบั สายแดด ร้อนจะแผดเผาทรายพรบิ พรายพรา่ ง

ราวกากเพชรเกลด็ โปรยโรยระวาง หาดกรวดกว้างกลางนํ้าเรมิ่ คราํ่ ครวญ

81. ข้อใดมภี าพพจน์มากกว่าขอ้ อ่นื (ไมน่ ับภาพพจน์ทซี่ ํ้า)

1) ขอ้ ก. 2) ขอ้ ข.

3) ขอ้ ค. 4) ขอ้ ง.

82. ข้อใดไม่แสดงแนวคิดของผ้ปู ระพันธ์

1) ข้อ ก. 2) ขอ้ ข.
3) ข้อ ค. 4) ข้อ ง.

พิจารณาคําประพนั ธ์ต่อไปน้ี แล้วตอบคําถามข้อ 83-84

“ฝ่ายสาวสาวเกล้ามวยสวยสะอาด แตข่ ยาดอยู่ว่านุ่งผ้าถงุ

ทั้งหม่ ฟ้าตาหรีเ่ หมือนสีรงุ้ ทง้ั ผ้านุ่งนัน้ กอ็ อมลงกรอมตนี

เมอื่ ยกเท้าก้าวยา่ งสว่างแวบ เหมอื นฟา้ แลบแลผาดแทบขาดศลี

น่ีหากเหน็ เป็นเดก็ แม้นเจก๊ จนี เจยี นจะปีนซ่มุ ซา่ มไปตามนาง”

83. ข้อใดไม่อาจอนมุ านไดว้ ่าเป็นบคุ ลกิ ภาพของกวี 2) มรี สนยิ มดี
1) มีอารมณ์ขนั 4) มีจนิ ตนาการกว้างไกล
3) มคี ุณธรรม

84. ข้อใดเป็นลกั ษณะเด่นทส่ี ุดของคําประพนั ธ์ข้างต้น
1) การเลอื กใชภ้ าพพจน์ทีห่ ลากหลาย
2) การสะท้อนค่านิยมของบุรษุ ตามยคุ สมัย
3) การสรรคํามาใชไ้ ดเ้ หมาะทั้งเสียง สัมผสั และความหมาย
4) การแสดงข้อคิดท่ีลึกซึ้งเก่ยี วกับการแต่งกายของสตรี

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (155)

พิจารณาคําประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคําถามข้อ 85-86

ก. เหน็ คล้ายคลา้ ยปลาว่ายเฉวยี นฉวดั ระลอกซดั สาดกระเซ็นข้นึ เตน้ หยอย

ข. เฝ้าแหงนดดู วงแขชะแง้พกั ตร์ เห็นจันทรช์ ักรถรอ่ นเวหาเหนิ

ค. ศิลาแลเป็นชะแงช่ ะงกั งอน บา้ งพรุนพรอนแตกกาบเปน็ คราบไคล

ง. นอ้ ยหรอื เหมือนจะร่วมชวี าลัย มาสญู ใจจาํ จากเม่ือยากเย็น

85. ข้อใดมีลกั ษณะเน้อื หาตา่ งจากขอ้ อ่นื 2) ข้อ ข.
1) ขอ้ ก. 4) ขอ้ ง.
3) ข้อ ค.

86. ขอ้ ใดใชภ้ าพพจน์ 2) ขอ้ ข.
1) ขอ้ ก. 4) ข้อ ง.
3) ข้อ ค.

พิจารณาคาํ ประพนั ธ์ต่อไปนี้ แลว้ ตอบคําถามข้อ 87-88

ก. เสมอเหมือนรูปทองท้ังแทง่ อันบคุ คลแกล้งเหลาหลอ่ พงึ พอเนตร
ข. ทง้ั สององคก์ ท็ รงสนุ ทรลกั ษณอ์ ันประเสรฐิ ส้ินทุกสิง่ สรรพ์สดุ จะพรรณนา
ค. ทั้งกริ ยิ ามารยาททีผ่ าดผายน้ีก็ดูอาจอง สมเป็นสกลุ ประยูรพงศก์ ษตั ริย์

ง. ถ้ามฉิ ะนั้นดวงพักตร์สองกุมาร ก็ปานประหน่งึ วา่ กนกนิกขะเน้อื นา้ํ นพคณุ วิบูล

87. ข้อใดแสดงคา่ นิยมเชิงวฒั นธรรมในวรรณคดไี ทย

1) ขอ้ ก. 2) ข้อ ข.

3) ข้อ ค. 4) ขอ้ ง.

88. ข้อใดใช้ภาพพจน์ 2) ข้อ ข. และ ค.
1) ข้อ ก. และ ข. 4) ข้อ ง. และ ก.
3) ขอ้ ค. และ ง.

89. “การจราจรบนท้องถนนเวลานี้เหมือนกับมีการจลาจลสับสนย่ิงรถทุกชนิดต่างพากันแย่งชิงแย่งกันว่ิงผิด

ช่องทางอยา่ งนา่ อาย”

1) กาพย์สุรางคนางค์ 2) กาพยฉ์ บัง

3) กาพยย์ านี 4) กลอน

90. ขอ้ ใดใชฉ้ นั ทลักษณแ์ บบเดยี วกับคําประพันธ์ตอ่ ไปนี้
“พนั ลกึ ลม่ ลน่ั ฟ้า เฉกอสนุ ผี า่ หลา้

แหล่งเพี้ยงพกพงั แลนา”
1) แรมทางกลางเถอ่ื นหา่ งเพอ่ื นหาผู้หน่งึ ใดนึกดเู หน็ ใครไปม่ ี
2) ใจหาญตายก่อนเจ้าเป็นเพอื่ นตายคลึงเคลา้ คหู่ น้ารกั ใจบารนี
3) ยามพ่คี ิดถงึ น้องยาจงหนั พกั ตรามองจนั ทร์แจ่มหล้าธาตรี

4) เจบ็ รกั เจ็บจากชํ้าเจบ็ เยียวยากนาเจบ็ ใครค่ ืนหลงั เหลียวส่หู ยา้ ว

ภาษาไทย (156) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27

91. ข้อใดไมแ่ สดงความเชื่อของคนไทย
1) พเิ คราะห์ดทู งั้ ยามอัฐกาลก็บนั ดาลฤกษ์แรงเป็นหนกั หนา
2) สว่ นเทพยดาเจา้ จอมสากลจงึ มที วยบุ ลบงั คบั แก่เทพยดาอนั ดบั ทง้ั สามองค์
3) ทงั้ ขอบฟา้ กด็ าดแดงเปน็ สายเลอื ด ไมเ่ ว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบขา้ ง
4) ถึงแม้นจะมติ รัสแก่นางมั่งมิเป็นการ จําจะเอาโวหารการหงึ เขา้ มาหกั โศกให้เส่ือมลง
5) เจา้ ดวงมณฑาทองท้ังคขู่ องแมเ่ อย๋ หรอื วา่ เจา้ ทิง้ ขวา้ งวางจิตไปเกดิ อ่ืนเหมือนแมฝ่ นั เมอ่ื คนื น้แี ล้วแล

พิจารณาคําประพนั ธต์ ่อไปนี้ แลว้ ตอบคําถามขอ้ 92-93

ก. ไพรพ่ ลโห่ร้องเอาชยั เลอื่ นลัน่ สนนั่ ใน พภิ พเพียงทาํ ลาย
ข. ดมุ หนั หนั เหยี นเวยี นวง กกึ ก้องกอ้ งกง สะเทือนท้ังไพรไพรวนั
ค. พระพายวูว่ ่สู าํ เนียง หวดี หวีดประดงั เสียง องึ อลทว่ั ท้ังปฐพี
ง. แหนแหแ่ ตรสังขก์ งั สดาล หงึ่ หงึ่ ฆอ้ งขาน เสียงกลองกระห่ึมครึ้มเสยี ง
จ. เสียงสนนั่ คร่นั ครื่นสรวงสวรรค์ เปลวเพลงิ พลงุ่ พรรณ โรจน์ระงมเวียงชยั

92. ข้อใดมีจนิ ตภาพด้านเสียงเพียงอยา่ งเดยี ว 2) ขอ้ ข.
1) ขอ้ ก. 4) ขอ้ ง.
3) ข้อ ค.
5) ข้อ จ.

93. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ พาหนะ 2) ขอ้ ข.
1) ขอ้ ก. 4) ขอ้ ง.
3) ขอ้ ค.
5) ขอ้ จ.

94. ข้อใดใหจ้ นิ ตภาพที่ไม่ใชธ่ รรมชาติ ชชั วาลแก้ววะวาวตา
1) งามปราสาทผาดเยีย่ มโพยมมาน เสียงเรไรจกั ระจัน่ สนั่นเนนิ
2) คณานกเริงร้องคะนองไพร พระสรุ ิยาเยอื้ งเย่ยี มเหลย่ี มไศล
3) จนแสงทองรองเรืองอรา่ มฟ้า บา้ งผุดดาํ เคล่ือนคล้อยลอยสลอน
4) ฝงู กระโหโ้ ลมาขึ้นคลาคลํ่า งามประหลาดแลหลากดงั ฉากฉาย
5) เหลา่ ละเมาะเกาะเกยี นเหมอื นเขียนวาด

95. คาํ ประพันธ์ต่อไปน้ีสอนเกีย่ วกับเร่ืองอะไร

“อย่าเออื้ มเดด็ ดอกฟา้ มาถนอม

สูงสดุ มอื มักตรอม อกไข้

เดด็ แตด่ อกพะยอม ยามยาก ชมนา

สงู กส็ อยด้วยไม้ อาจเออื้ มเอาถงึ ”

1) ความตงั้ ใจจริง 2) ความมีสตยิ ั้งคดิ
4) ความเพียรพยายาม
3) การรู้จกั แกป้ ญั หา

5) การร้จู ักประมาณตน

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (157)

96. ข้อใดเปน็ ประเด็นสําคัญของคาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปนี้

“อนั หญา้ แพรกแตกหน่อกอ่ ก่ิงก้าน แดนกนั ดารแห้งแลง้ ทุกแหง่ หน

ถงึ ถูกเหยียบทําลายซํ้ากจ็ ําทน ยังแตกตน้ งอกใหม่ไมร่ ู้วาย”

1) ความทรหด 2) ความอดกลัน้

3) ความตํา่ ต้อย 4) ความทุกข์ยาก

5) ความเปลี่ยนแปลง

97. ข้อใดเป็นคําถามเชงิ วาทศลิ ป์ เจา้ นมี้ ีนามกรใด
1) บอกพอ่ เถดิ ราอยา่ โศกี ทจ่ี ะให้ไปรบั โอรสา
2) นอ้ งรักเจา้ จะเห็นเป็นไฉน เสนเี ร่งไปเอาตวั มา
3) กมุ ารารปู ร่างนัน้ อยา่ งไร กรรมเอ๋ยเวรใดได้ทาํ มา
4) เอาไว้กูไม่สบายเลย หรือจะช่วยเชษฐาราวี
5) เจา้ จะอยทู่ ําการในพารา

98. ข้อใดไม่ใชภ้ าพจน์ ใหญ่โตมโหฬาร์ กายาเท่าเขาคีรี
1) วา่ มพี ญาสกณุ า เข็ญใจไมข้ อน เหมือนหมอนแม่นา
2) พระชวนนวลนอน กระเวนไพรไกเ่ ถื่อน เตอื นเพอ่ื นขานขัน
3) จนั ทราคลาเคลอื่ น สงิ่ ใดใจหวัง ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
4) เดชพระกศุ ลหนหลัง ไม้เรียวเจียวเหวย กเู คยเข็ดหลาบขวาบเขวยี ว
5) ระวังตัวกลวั ครหู นูเอย๋

99. ขอ้ ใดแสดงค่านิยม ศัตรรู ู้จกั มิเป็นการ
1) เจ้าอยา่ ดูถูกนะลกู รกั หนกั หน่วงน้ําพระทยั ดใู ห้ดี
2) อันการยทุ ธ์ยงิ ชงิ ชัย จึ่งจะสอนวชิ าชาติทหาร
3) เมื่อไรหลานอา่ นหนังสอื ออกกอ่ น เดี๋ยวน้ีเปน็ กระไรอัยกา
4) ช่วยดเู คราะหห์ ลานชายร้ายหรือดี พร้อมพระวงศ์พงศ์พนั ธุน์ ้อยใหญ่
5) เวลาบ่ายจะถวายพระเพลิงปลง

100. ตัวละครตามขอ้ ใดเศรา้ โศกเสียใจดว้ ยสาเหตุท่ีตา่ งกบั ขอ้ อ่ืน

1) ตอ่ แต่นีต้ ายเปน็ ไม่เห็นกัน รํา่ พลางโศกศัลยโ์ ศกาลยั

2) อัปยศอดสหู มเู่ สนา ก็ฟูมฟายนาํ้ ตาโศกาลัย

3) ตา่ งคนไพร่นายฟายน้าํ ตา โศการา่ํ รกั ขนุ กระบินทร์

4) รําลกึ ถึงเชษฐาโศกาลัย สะอ่ืนไหค้ รวญครา่ํ รําพนั

5) ลาแลว้ ลาเล่าเศรา้ เสียใจ ชลนัยน์คลอคลองหมองศรี

ภาษาไทย (158) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

101. ขอ้ ใดไมม่ ีน้าํ เสียงแสดงอารมณ์ความรสู้ กึ

1) บปุ ผามาลีทีเ่ คยบาน กบ็ ันดาลลมโชยโรยร่วง

2) พระพายชายพดั มาร่นื รน่ื ชูชนื่ จิตวายคลายกระสัน

3) สายหยดุ ดอกยอ้ ยหอ้ ยพวงยาน กลิน่ ซาบซา่ นนาสาดอกนา่ เชย

4) เขีย้ วกระแตกล่นิ ตลบอบอวล ดังเชิญชวนให้สบายคลายกมล

5) ผีเสื้อรอ่ นว่อนอยดู่ วู ิไล งามกระไรหนอผเี สอ้ื ชา่ งเหลืองาม

102. คาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปนีแ้ สดงแนวคดิ เกยี่ วกับเรือ่ งใด

“อักษรเรยี บรอ้ ยถ้อย คําเพราะ

ผูร้ อู้ ่านสารเสนาะ เรอื่ ยหรี้

บร่ ู้อ่านไมเ่ หมาะ ตรงเทิ่ง ไปนา

ทาํ ใหโ้ คลงทัง้ นี้ ชว่ั ชา้ เสียไป”

1) รสของวรรณคดี 2) การอ่านกวีนิพนธ์
4) การศึกษาของผู้อ่าน
3) การแตง่ คาํ ประพันธ์

5) ความประณตี ด้านการใชภ้ าษา

103. ข้อใดเป็นแนวคดิ ของคําประพนั ธ์ต่อไปนี้

“อันเสาหนิ แปดศอกตอกเป็นหลัก ไปมาผลักบอ่ ยเขา้ เสายงั ไหว

จงฟงั หไู ว้หูคอยดูไป เชอ่ื นาํ้ ใจดกี ว่าอย่าเชอื่ ยุ”

1) ความอดทนตอ่ การย่ัวยขุ องผูอ้ ่นื ชว่ ยให้พ้นภยั

2) ความเชื่อคนงา่ ยทําใหป้ ระสบกับความหายนะ

3) ความมีใจคอหนกั แน่นเปน็ ส่งิ ท่ีควรยึดถือไวเ้ ป็นคติ

4) ความไว้วางใจคนงา่ ยอาจทําใหเ้ กดิ ความผดิ พลาดได้

5) ความพยายามในการทํากิจการใดๆ อย่างแขง็ ขันย่อมเกิดผลดี

104. ข้อใดไม่ปรากฏในคาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปนี้
“ข้าศกึ ดูดาษเดยี ร ชระเมียรหมูด่ สั กร มอญพม่าดาด่ืน เดินดุจคลน่ื คลาฟองนองน่านในอรรณเวศ ตรสั

ทอดพระเนตรเนอื งบร”

1) จินตภาพ 2) การเลน่ คํา
3) สมั ผสั พยญั ชนะ 4) การใช้ภาพพจน์
5) การใช้ศพั ทว์ รรณคดี

105. ข้อใดไม่มีการใช้คาํ อพั ภาส
1) ยะเหยาะเหย่าทุกฝยี ่างไม่หยอ่ นหยดุ

2) พระนางยิง่ หมองศรโี ศกกาํ สรดสะอกึ สะอ้นื
3) อุตสาหะตระตรากตระตรําเตรด็ เตร่หาผลาผลไม้
4) ทรงพระสรวลสํารวลร่าระรนื่ เริงรีบรับเอาขอคาน
5) เสด็จดว่ นๆ ดะด่มุ เดินเมลิ มุ่งละเมาะไม้มองหมอบ

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (159)

เฉลย

ชดุ ที่ 1 ๓. ๔) ๔. ๓) ๕. ๑) ๖. ๒) ๗. ๑) ๘. ๔) ๙. ๑) ๑๐. ๒)
๑๓. ๔) ๑๔. ๔) ๑๕. ๓) ๑๖. ๔) ๑๗. ๓) ๑๘. ๒) ๑๙. ๓) ๒๐. ๑)
๑. ๑) ๒. ๔) ๒๓. ๔) ๒๔. ๑) ๒๕. ๒) ๒๖. ๓) ๒๗. ๔) ๒๘. ๑) ๒๙. ๓) ๓๐. ๔)
๑๑. ๓) ๑๒. ๔) ๓๓. ๔) ๓๔. ๓) ๓๕. ๓)
๒๑. ๒) ๒๒.๓)
๓๑. ๓) ๓๒. ๔)

ชดุ ท่ี 2 38. 1) 39. 4) 40. 3) 41. 1) 42. 3) 43. 2) 44. 1) 45. 4)
48. 3) 49. 4) 50. 3) 51. 4) 52. 2) 53. 3) 54. 2) 55. 4)
36. 5) 37. 3) 58. 4) 59. 4) 60. 3) 61. 4) 62. 4) 63. 2) 64. 1) 65. 4)
46. 1) 47. 2) 68. 4) 69. 1) 70. 2)
56. 3) 57. 1)
66. 3) 67. 1)

ชดุ ที่ 3 73. 3) 74. 3) 75. 3) 76. 1) 77. 4) 78. 1) 79. 1) 80. 2)
83. 3) 84. 3) 85. 4) 86. 2) 87. 3) 88. 4) 89. 4) 90. 2)
71. 1) 72. 2) 93. 2) 94. 1) 95. 5) 96. 1) 97. 4) 98. 4) 99. 5) 100. 2)
81. 2) 82. 4) 103. 3) 104. 2) 105. 2)
91. 4) 92. 3)
101. 1) 102. 4)

————————————————————

ภาษาไทย (160) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27


Click to View FlipBook Version