The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-01 07:00:58

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Brands Summer Camp ครั้งที่ 27 วิชาภาษาไทย

Keywords: ภาษาไทย

7. ข้อใดมวี ธิ กี ารใชส้ ัมผัสแตกตา่ งจากขอ้ อื่น
1) พระอนิ ทรีย์เธอสั่นระรัวริก สะดงุ้ พระองค์พลกิ ดงั่ ใครผลกั ให้พลัดแพลงเสียวๆ สยะแสยงยะเยอื กเย็น
2) ฝูงทิชากรกร็ อ่ นรีบเขา้ รงั เรยี ง ได้ยนิ เสยี งผีปา่ โปง่ โป้งเป่งิ กู้กอ้ งร้องกระหมึ ผผี วิ หมึ ฟังขนพอง เสยี งชะนี
รอ้ งอยโู่ หวยโวยโวย่ วเิ วกวะหวามอก
3) บา้ งกเ็ ป็นวังวนวุ้งชะวากเวิง้ บา้ งกเ็ ป็นกระพักกระเพงิ กระพังพุ บ้างก็เป็นดะดุดะดัน้ กระเด็นดาษ
ด่ังดวงแกว้ ตามทางแถวแนวท่อธาร ไหลสะๆ ซา่ นสะเซาะโซม
4) เมฆหมอกปลิวอยูเ่ กลอ่ื นกลาด บนอากาศก็วกิ ลเปน็ หมอกกลุ้มอัมพรชรอุม่ อบั อลวนอลเวง เสยี งคระ
โครมเครง ครืน่ ครนั่ ฟา้ ฝนสวรรค์ก็เฟอ่ื งฟ้งุ เปน็ ฟองฝอย

8. ขอ้ ใดใช้คําเลียนเสียงธรรมชาติเป็นกลวธิ ีการประพันธ์

1) เสยี งสกณุ าร้องกอ้ งกึกให้หวน่ั หวาด

2) พระพายชายพดั บุปผชาตหิ อมระรวยมา
3) ตะแกกก็ รนครดื ครอกบนซอกผา
4) เฒา่ ก็ปนื ทะลุทะลาดข้นึ สงู ชะง่อนเขา

9. ขอ้ ใดมวี ธิ ีเลยี นเสยี งธรรมชาติเป็นกลวิธกี ารประพันธ์
1) นกกระลางลางลว้ งไดด้ ้วงจิก ลูกอา้ ปากรกิ ร้องวอนแม่

2) ดุเหว่าจบั เถาตาํ ลึงแล เหน็ ลูกสุกแดงแจเ๋ ข้าจกิ กิน
3) หารังเรยี กคอู่ ยกู่ บั ดนิ หยดุ กินวิ่งกรากกระตา๊ กไป
4) ฟังตน้ ไม้สายน้ํายา้ํ ใหห้ ยดุ หยดุ เสยี ทีเถิดมนุษยห์ ยุดสะสม

10. ขอ้ ใดใช้คาํ เลียนเสยี งธรรมชาติ

1) หวีดว้ายกระทายพลดั ตกเหว
2) นกคุม่ เปรียวปรื๋อกระพอื บนิ
3) วเิ วกแวว่ กลองโยนตะโพนกระหึ่ม
4) เผลาะผลดุ รากเล้อื ยอะลอ่ นจอ้ น

เฉลย เร่อื งความงามเชิงวรรณศิลป์
1. 1) 2. 3) 3. 2) 4. 3) 5. 2) 6. 3) 7. 2) 8. 3) 9. 3) 10. 1)

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 ___________________________________________ ภาษาไทย (99)

ประลองฝมอื เรอ่ื งการเลน คาํ ใจต่อใจกระจา่ งแจ้งจดุ แสงสวา่ ง
เท้าต่อเทา้ ก้าวยา่ งหนทางยาว
1. ข้อใดมลี ักษณะการซ้าํ คาํ แตกตา่ งจากขอ้ อนื่ ลมื ขา้ วเหนียวปลาแดกเหมือนแปลกหนา้
1) ตาตอ่ ตาตอ้ งกนั สรา้ งฝันใฝ่ ลืมเปลวแดดแผดกลา้ อยู่กลางลาน
มอื ตอ่ มือเกาะกมุ กวาดหลุมพราง กล้าตา้ นทนรอ้ นลมระดมกลา้
2) ลมื เสียงแคนแลน่ แตรบแ่ ลเหลยี ว ชาวนามาถอนทํากล้ากําไป
ลมื กระทั่งยอดกระถนิ ทีช่ ินชา เลิกชีวิตวุ่นวายในทุกที่
3) กลา้ แดดจา้ กล้าพายุกลา้ ตน้ ไมต่ อ้ งมปี รารถนาในอารมณ์
ครนั้ กล้าแขง็ แปลงยดั ยงิ่ อตั รา
4) เลกิ ความคิดขันแขง่ ปรุงแตง่ จิต
เลิกเดือดรอ้ นดน้ิ รนคนใยดี

ใชค้ ําประพนั ธต์ ่อไปนตี้ อบคําถามขอ้ 2-3

“สงดั เสียงคนดงั ระฆงั เงยี บ เยน็ ยะเยียบยามนอนรมิ เนนิ ผา

เมอื่ ยามแกนแสนทเุ รศเวทนา ต้องไสยาอยูก่ ลางนํ้าค้างพราว
ท้ังต้องนา้ํ อํามฤตเม่อื ดึกเงยี บ แสนยะเยียบเน้อื เยน็ เป็นเหนบ็ หนาว
ท้ังหนาวลมหนาวพรมน้ําคา้ งพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเยน็
โอห้ นาวอนื่ พอขืนอารมณ์ได้ แตห่ นาวใจยากแคน้ นแ้ี สนเข็ญ
ท้ังหนาวนอนไกลนุชสดุ จะเย็น ใครปะเป็นเหมอื นหนึง่ ขา้ จะวา่ จริง”

2. ขอ้ ใดเป็นความรสู้ กึ ทเ่ี ดน่ ชดั ทีส่ ดุ ของกวี
1) เศร้าหมอง
2) หดหู่
3) อาลัย
4) อ้างว้าง

3. คําประพันธ์ขา้ งต้นนใี้ ช้กลวธิ ีการแต่งท่เี ด่นทสี่ ดุ ตามขอ้ ใด
1) การซ้ําคํา
2) การหลากคาํ
3) สมั ผสั สระ
4) การใชค้ วามเปรยี บ

4. ขอ้ ใดมีการซํ้าคําทมี่ คี วามหมายเหมือนกันทุกคํา

1) ท้ังหนาวลมหนาวพรมนาํ้ ค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศลิ าเยน็

2) เหน็ รอหักเหมือนหนึ่งรกั พร่ี อรา แตร่ อทา่ รง้ั ทุกข์มาตามทาง

3) ระกาํ กายมาถงึ ท้ายระกําบ้าน ระกาํ ย่านนก่ี ย็ าวนะอกเอ๋ย

4) ถึงเกาะเกดิ เกดิ เกาะขน้ึ กลางน้ํา เหมอื นเกดิ กรรมเกิดราชการหลวง

ภาษาไทย (100) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27

5. ขอ้ ใดเป็นศิลปะการประพนั ธ์ที่ปรากฏอย่างเดน่ ชดั ท่สี ุดในบทกวีขา้ งล่างนี้

“เสียงสรวลระรีน่ ี้ เสียงใคร

เสียงนุชพ่ีฤๅใคร ใครร่ ู้

เสยี งสรวลเสยี งทรามวยั นชุ พ่ี เพยี งแม่

เสียงบงั อรสมรผู้ อ่นื นัน้ ฤๅม”ี

1) เลน่ สมั ผสั อกั ษร

2) บุคคลวตั

3) อุปมา

4) การซ้าํ คาํ

6. คําประพนั ธ์นใ้ี ชว้ ธิ กี ารแต่งแบบใด

“รอนรอนสุรยิ ะโอ้ อัสดง

เร่ือยเรอ่ื ยลับเมรุลง ค่าํ แล้ว

รอนรอนจติ จาํ นง นชุ พ่ี เพยี งแม่

เรื่อยเร่อื ยเรียมคอยแก้ว คลับคลา้ ยเรยี มเหลียว”

1) เล่นคาํ

2) เลน่ วรรณยุกต์

3) เลียนเสียงธรรมชาติ

4) เล่นอักษร

7. ขอ้ ความที่ยกมาน้ีใช้ศลิ ปะการประพันธ์อะไร
“กล้าแดดจา้ กล้าพายกุ ล้าต้น กล้าต้านทนรอ้ นลมระดมกลา้

ครัน้ กลา้ แขง็ แปลงยดั ย่งิ อัตรา ชาวนามาถอนทํากลา้ กาํ ไป”
1) อปุ มา
2) เลน่ คํา
3) สรา้ งภาพละเอียด
4) เล่นอกั ษร

8. ขอ้ ใดมีการเลน่ คําพ้องเสียง

1) เสยี งสรวลระรีน่ ี้ เสียงแก้วพห่ี รอื เสยี งใคร

เสียงสรวลเสยี งทรามวัย สุดสายใจพีต่ ามมา

2) นางนวลนวลน่ารัก ไมน่ วลพักตรเ์ หมอื นทรามสงวน

แกว้ พี่นี้สดุ นวล ด่งั นางฟ้าหนา้ ใยยอง

3) งามทรงวงดง่ั วาด งามมารยาทนาดกรกราย

งามพริม้ ยิ้มแยม้ พราย งามคําหวานลานใจถวลิ

4) เพรางายวายเสพรส แสนกําสรดอดโอชา

อ่ิมทกุ ข์อ่มิ ชลนา อม่ิ โศกาหน้านองชล

โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (101)

ใชค้ าํ ประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคําถามขอ้ 9-10

ก. เข้าลาํ คลองหวั รอตอระดะ ดเู กะกะรอร้างทางพมา่

เหน็ รอหักเหมือนหน่ึงรกั พี่รอรา แต่รอท่าร้งั ทกุ ข์มาตามทาง

ข. เพรางายวายเสพรส แสนกาํ สรดอดโอชา

อ่ิมทกุ ขอ์ ิ่มชลนา อม่ิ โศกาหนา้ นองชล

ค. เคยหมอบใกล้ได้กล่นิ สคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสรนื่ ช่ืนนาสา
สิน้ แผน่ ดนิ สนิ้ รสสคุ นธา วาสนาเรากส็ น้ิ เหมือนกลิ่นสคุ นธ์
โผนผกจบั ไม้องึ มี่
ง. ว่าพลางทางชมคณานก เหมือนวนั พ่ีไกลสามสดุ ามา
เบญจวรรณจบั วลั ย์ชาลี

9. ข้อใดใชค้ าํ พอ้ งรปู เดน่ ท่สี ุด
1) ขอ้ ก.
2) ขอ้ ข.
3) ข้อ ค.
4) ข้อ ง.

10. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งกวีกับผู้ท่ีกวเี ขยี นถึงในข้อใดต่างจากขอ้ อน่ื
1) ข้อ ก.
2) ขอ้ ข.
3) ขอ้ ค.
4) ขอ้ ง.

เฉลย เรือ่ งการเล่นคํา
1. 3) 2. 4) 3. 1) 4. 1) 5. 4) 6. 1) 7. 2) 8. 2) 9. 1) 10. 3)

ภาษาไทย (102) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

โวหารภาพพจน

การพรรณนาเปรียบเทียบให้เหน็ ภาพ ภาพพจน์เป็นกลวิธที ่ีพบไดบ้ ่อยในการสรา้ งสรรคบ์ ทประพันธ์
1. อปุ มาโวหาร : การเปรยี บเทียบสิ่งหน่ึงว่าเหมอื นกบั อีกสิง่ หนง่ึ ในการเปรียบเทยี บจะต้องมีคาํ เชอ่ื ม

ท่ีมคี วามหมายว่า “เหมอื น” อยดู่ ว้ ยเสมอ ไดแ้ ก่ เสมอ เปรยี บเสมือน ดจุ ประดจุ
เปรียบดุจ ดงั ด่ัง ปูน เพยี ง ราว เสมอ ประหนง่ึ เพียง เพ้ียง กล ละมา้ ย คลา้ ย ครวุ นา
เชน่ เทยี บ เทยี ม เล่ห์ ประเล่ห์ พ่าง ราวกับ เปรยี บปาน ฉนั เปรยี บดว้ ย ปิ้มปาน
ประหนง่ึ เฉก อปุ มา ปาน ยิ่ง

โครงสรา้ งของอปุ มา

คาํ ที่ 1 (คาํ ทีต่ ้องการเปรียบ) คําเช่อื ม คําท่ี 2 (คาํ ท่ีนํามาเปรยี บ)

ชีวติ ของคนเรา เหมือน รงุ่ อรณุ
เขาพดู คลอ่ ง ราวกับ ทอ่ งมาอย่างดี

ตัวอยา่ ง “สายธารด่งั นาฬิกา แวว่ แว่วจ๊อกจ๊อกเซาะซอกหนิ
เงยี บเงียบกรวดทรายไหลริน กลง้ิ กระแสสนิ ธ์แุ ขง่ เวลา”

“ถา้ วนั หนึง่ วันไหนท่ใี จเจ็บจนทกุ ข์ ดงั พายทุ ี่โหมเข้าใส่
บอกกับตัวเองเอาไว้ ความเจ็บต้องมีวนั หาย”

“จุดหมายในใจดบั ไปแล้วเพราะเธอทําลาย เหมือนไฟตกนํา้ ลงไปไรป้ ระโยชน”์

“รักกนั อยขู่ อบฟ้า เขาเขยี ว
เสมอื นอยหู่ อแห่งเดยี ว รว่ มหอ้ ง
ชงั กัน บ่ แลเหลียว ตาตอ่ กนั นา
เหมือนขอบฟ้ามาปอ้ ง ป่าไมม้ าบัง”

เจ้างามเนตรประหนึง่ นัยนาทราย “เจ้างามพักตร์ผ่องเพียงบหุ ลนั ฉาย
เจ้างามนาสายลดงั กลขอ เจา้ งามขนงกง่ ละม้ายคันศรทรง
เจา้ งามกรรณกลกลบี บษุ บง เจา้ งามศอเหมือนคอสวุ รรณหงส์
เจา้ งามวงวลิ าศเรียบระเบียบไร”

“ผมดําราวกับแมลงผึง้ หน้าเปล่งปลั่งด่ังดวงจันทร์ เนตรประหน่ึงตากวางฟนั เทยี บไข่มุก
ริมฝีปากเพียงผลตาํ ลึงสกุ เสียงหวานปานนกโกกิลา เอวเหมาะเจาะไมอ่ วบเกนิ เวลายา่ ง
เดินแคลว่ คลอ่ งมีสงา่ เสมอช้างทรง”

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (103)

2. อุปลักษณ์ : การเปรยี บเทยี บสิ่ง 2 สิง่ ดว้ ยคําวา่ “เปน็ , คอื ” หรอื อาจละคาํ วา่ “เปน็ , คือ”
โครงสรา้ งของอปุ ลักษณ์
2.1 ใช้คาํ ว่า “เป็น, คอื ” ในการเปรยี บเทียบสงิ่ 2 ส่งิ

คําท่ี 1 (คาํ ทตี่ ้องการเปรียบ) คาํ เช่อื ม คาํ ที่ 2 (คําท่ีนํามาเปรียบ)

สามีฉัน เปน็ แมวเช่อื งๆ ตวั หน่ึง
ชีวติ คือ ละครไม่มีใครรวู้ ่าตอนจบจะเปน็ อยา่ งไร

2.2 นาํ คาํ 2 คําทีต่ ้องการเปรยี บมาวางคกู่ ัน โดยไมม่ ีคําเชื่อมหรือคาํ ใดๆ มาคัน่
(คาํ ทน่ี ํามาเปรยี บอาจวางอยขู่ า้ งหนา้ หรอื ข้างหลงั ก็ได)้
ตัวอย่าง มรดกเลอื ด (คําที่นาํ มาเปรียบ คอื เลือด คําทตี่ อ้ งการเปรียบ คือ มรดก)
ทะเลหมอก (คาํ ที่นาํ มาเปรยี บ คอื ทะเล คําท่ีตอ้ งการเปรียบ คอื หมอก)

2.3 ปรากฏคําท่นี ํามาเปรียบเพยี งคําเดยี ว โดยไมป่ รากฏแนน่ อนวา่ คําน้นั ใชห้ มายถงึ คําใด ผู้อา่ น
จําเปน็ ต้องตคี วามเอาเอง

คําท่ีนํามาเปรียบ ความหมาย

ขอทานรัก
นางฟ้าตัวนอ้ ยๆ ของแม่
บง่ หนามในอก

ตัวอยา่ ง “แม้เนอ้ื เย็นเปน็ ห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวสั ด์เิ ปน็ มัจฉา
แมเ้ ปน็ บวั ตัวพี่เปน็ ภมุ รา เชยผกาโกสุมประทุมทอง
เจา้ เปน็ ถา้ํ อําไพขอให้พ่ี เป็นราชสีห์สมคูเ่ ปน็ คู่สอง
จะตดิ ตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคูค่ รองพิศวาสทุกชาติไป”

“เธอคือลมหายใจ เธอคือทกุ อย่าง จะรกั เธอไมม่ วี ันจางไปจากใจ”

“หากวา่ เธอคือฟ้า ฉนั คือทะเล จะเปรยี บทะเลดัง่ ความม่ันคง
หากแผน่ ฟา้ เป็นรกั ทซ่ี อื่ ตรง ทุกทุกส่ิงจะคงนริ ันดร”์

“ดาวหงิ่ หอ้ ยนอ้ ยน้อย ลอ่ งลอยแวววับ
จับต้นลําพพู ราว พร้อยพรอ้ ยเพยี งสกาว”

“แตเ่ ขาเหน็ เราเปน็ เส้นหญ้า อนจิ จามาเหยยี บเสียสะท้าน
จนใจแตกยบั อัปประมาณ มิขอทานรักน้ันจนวนั ตาย”

“หวังอกี คร้งั คงยังไมส่ าย พ่ีหวังเปน็ ทรายน้องเป็นทะเล
ถึงเมฆฝนคล่ืนลมเกเร ทรายกับทะเลไมเ่ คยจากกัน”

ภาษาไทย (104) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

3. สทั พจน์ : การเปรียบเทยี บโดยใช้คาํ เลยี นเสยี ง สัตว์ ลม ฝน นํ้า ดนตรี หรอื เสียงมนษุ ย์
ตวั อย่าง “ไผ่ซออ้อเอียดเบยี ดออด ลมลอดไลเ่ ล้ียวเรยี วไผ่
ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้าํ ลําคลอง”

“คลองทองตีครุม้ คร้มึ เดินเรียง
ทา้ ตะเติงเตงิ เสียง ครมุ่ คร้ืน
เสียงป่รี เ่ี รือ่ ยเพยี ง การเวก
แตรน้ แตรน่ แตรฝรัง่ ขน้ึ หวหู่ วเู้ สียงสังข”์

“เสยี งซอ อ๋อ อ่อ ออ้ เอื่อยเพลง
จับป่ีเตร๋งเต้งเตง เตง่ ตอ้ ง
ตรยุ ตรยุ๋ ตรุ่ย ตรุ้ย เหนง เหน่งเนง ระนาดแฮ
ฆ้องหน่อง หนอง หนอ่ ง หน้อง ผร่งึ พรง้ึ พรึ่งตะโพน”

4. บุคคลวัต : การเปรียบเทยี บโดยใชจ้ ินตนาการสมมตใิ ห้สงิ่ ท่ีไม่มชี วี ิตเกิดมีชวี ิตข้นึ มา หรอื สมมตใิ ห้

สตั วห์ รือสงิ่ ไมม่ ีชวี ิตทาํ กริยาอาการอย่างมนษุ ย์

ตวั อยา่ ง “เสียงซากอฐิ ปนู สะอืน้ สะเทอื นพ้นื สธุ าไหว”

“ทะเลไมเ่ คยหลับใหล ใครตอบไดไ้ หมไฉนจึงต่นื ”

“เมอื่ ลมพดั ใบไมส้ ะบัดโบกมือเรียกใคร เธอรบู้ า้ งไหมฉนั วอนใบไมโ้ บกมือเรียกเธอ
เปรียบเปน็ ล้นิ ใบไม้กด็ น้ิ บอกรักเสมอ ทกุ ใบบอกเธอแทนลนิ้ ฉันทุกวนั เรอื่ ยไป”

“ความอิจฉารษิ ยาบ้า มาขโมยไปเรว็ ร่ี
ท้ังลอ่ ลวงกรุณาปรานี ไปเฆีย่ นตีแลว้ ฆ่าตาย”

“ลมหนาวเริม่ ล่องมาจากฟา้ แลว้ พรมจบู แผว่ คล่นื พลว้ิ ระริ้วไหว
ลํานําจากเจ้าพระยามากลอ่ มใจ คดิ ถึงใครคนหน่งึ ซ่งึ ไม่มี”

“ฟา้ ฟ้า ชวนหมู่ดาว บอกกับเดอื นแลว้ เตือนตะวัน
เหนอื่ ยไหมฟา้ คอยหว่ งจันทร์ เหนอ่ื ยกนั พกั ลงคงดี”

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (105)

5. อติพจน์ : การเปรียบเทียบโดยการพูดถึงสิ่งท่ีเกินจากความเป็นจริง เพ่ือแสดงออกถึงการใช้

อารมณ์ ความรู้สึก และจินตนาการอย่างเต็มที่ (อติพจน์เป็นการจินตนาการอย่าง

ไร้ขอบเขตของกวี)

ตวั อยา่ ง “จะเจ็บจาํ ไปถึงปรโลก ฤๅรอยโศกรู้รา้ งจางหาย

จะเกดิ กีฟ่ ้ามาตรมตาย อยา่ หมายวา่ จะใหห้ วั ใจ”

“ตราบรา่ งปน่ เป่อื ยเป็นผงธุลี รักน้ีอมตะอยู่อยา่ รรู้ ้าง
เปี่ยมสุนทรยี ด์ งี ามทา่ มกลาง ระหวา่ งแหลง่ หล้าฟ้าตอ่ กนั ”

“ไม่อยากรอ้ งไหใ้ หใ้ ครใครเหน็ กลัวจะเปน็ เชน่ อุทกภัย
นํา้ ตาทกุ หยดเหมือนกรดทําลาย ทุกสง่ิ พินาศไปทัว่ ทง้ั โลกา”

6. สัญลักษณ์ : การใช้สง่ิ หน่งึ แทนอกี ส่ิงหนงึ่ สาเหตทุ ่ใี ช้แทนกนั ไดเ้ พราะมันมีความใกล้เคยี งกนั มาก
ตัวอยา่ ง สีขาว แทน ความบรสิ ุทธ์ิ
สดี าํ แทน ความทุกข์ ความเศรา้
แพะ แทน คนทีร่ บั ผิดแทนบคุ คลอนื่

7. นามนยั : การเปรียบเทียบโดยใช้คําซ่ึงเป็นส่วนประกอบเด่นของสิ่งใดส่ิงหนึ่งเพียงสิ่งเดียวแทน
ความหมายของท้ังหมด ส่ิงที่นํามาเปรียบและความหมายที่นํามาโยงนั้นจะมี
ความสมั พนั ธ์กนั

ตวั อย่าง “แมลงภู่คูเ่ คียงวา่ ย เห็นคลา้ ยคลา้ ยนา่ เชยชม
คดิ ความยามเม่อื สม สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง” (แทนสตรีอนั เปน็ ที่รัก)

“กาลเวลาคร่าทุกสง่ิ ไปจากฉัน เหลือทง้ิ ไว้เพียงรอยย่นที่ขอบตา” (แทนความชรา)

8. ปฏพิ ากย์ : การเปรยี บเทียบโดยใชค้ าํ ทม่ี ีความหมายขดั แย้งกัน

ตัวอย่าง “เสยี งนํ้าซึ่งกระซิบสาด ปราศจากเสียง”

“จกั รวาลวุน่ วาย ไรส้ ําเนยี ง”

“พรา่ มัวอยู่ในความสดใส ปรากฏอย่ใู นการปกปดิ

ห่างไกลอยูใ่ นความใกล้ชดิ เงียบสนิทอย่ใู นการกู่ร้อง”

9. อุปมานทิ ัศน์ : กลวธิ ีการสอนเรอื่ งราวทางศลี ธรรมโดยการซกุ ซ่อนนัยแฝงไวใ้ นเรื่องทเี่ ล่านัน้ ๆ

ภาษาไทย (106) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

ประลองฝมอื เรื่องโวหารภาพพจน

1. ขอ้ ใดมภี าพพจน์

1) ยามคา่ํ ยํ่าไปกับสายฝน ตามเสยี งอึ่งอึงอลดังหนาแนน่
2) สวบสาบยวบยาบเหยียบราบแบบ โลดแลน่ หลบื หลบุ ตะครบุ คว้า
3) สบายนิดหนงึ่ ที่ฝนั กพ็ ลันรงุ่ ตน่ื สะดุง้ เขาประดังระฆังกอ้ ง
4) เห็ดเผาะกรอบขบอรอ่ ยดี แกงแซ่บอีหลีกับหนอ่ ไม้

2. คําประพันธใ์ นขอ้ ใดใชภ้ าพพจน์ เหมอื นคุน้ เคยไม่รงั เกยี จคิดเดียดฉนั ท์
1) จะร่วมที่โตะ๊ ตง้ั นัง่ เสวย แลว้ ลีลาศเยอ้ื งย่องไปห้องขวาง
2) ก็กม้ รับเหมอื นกบั บงั คมบาท ดยู ืนยันเหมอื นยงั เปรตสงั เวชใจ
3) อกี กระดกู คนโบราณทน่ี านครัน ช่างพกิ ลตา่ งๆ ทุกอยา่ งไป
4) อนจิ จาเกิดมาไมเ่ หมอื นคน

3. ขอ้ ใดใช้ภาพพจน์ ไม่รู้ราวเรือ่ งเร่อมาเจอหอ
1) เขาวา่ นอ้ งของเราเปน็ เจา้ สาว หลังคาใหญพ่ ืน้ เล็กเปน็ โลงผี
2) ดเู หย้าเรอื นหาเหมือนอย่างไทยไม่ แลว้ ก็กลบั ไปเปน็ ปา่ ไม่ฝ่าฝืน
3) เดิมเปน็ ปา่ มาเปน็ วงั ตั้งประทบั ยงั ปรปิ ริปร่มิ พรอ้ ยเป็นรอยราย
4) เน้อื เอ๋ยเนอื้ เหลอื เจ็บจนเลบ็ ลิ

4. ขอ้ ใดมกี ารใชภ้ าพพจน์ ราคิน
1) คัคนานตน์ ฤราสร้าง คาดไว้
คือระเบียบรัตนทนลิ ภักดี ท่านนา
2) พระพึงพเิ คราะห์ผู้ กาจแกล้ว
คอื พระยาจกั รี รัว่ หล้า
3) เกรงกระลบั ก่อรงค์

คอื ใครจกั คุมคง ควรคู่ เขญ็ แฮ
4) เพ่ือพระเดโชชนะ ศกึ นํ้า
จักมอด เมือเฮย
คือองคอ์ มิตรพระ

5. ข้อใดใชภ้ าพพจน์ เรยี งจบั ไมไ้ ซป้ กี หาง
1) แขกเตา้ เคล้าคเู่ คียง

เรียมคะนงึ ถึงเอวบาง เคยแนบขา้ งรา้ งแรมนอน
2) ปกั ษีมีหลายพรรณ บา้ งชมกนั ขันเพรียกไพร
ล้วนหลายหลากมากภาษา
ย่ิงฟงั วังเวงใจ หอมเรอื่ ยต้องคลองนาสา
3) ลมชวยรวยกลิน่ นอ้ ง เหลียวหาเจา้ เปล่าวังเวง
กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
เคลือบเคลน้ เหน็ คลา้ ยมา เหน็ จะวอนอ้อนพี่ชาย
4) พิกุลบนุ นาคบาน

แมน้ นชุ สุดสายสมร

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (107)

6. ข้อใดไมใ่ ชภ้ าพพจน์ แพนดอกฉํ่าช้อยชอ่ วรวจิ ิตร
1) หางนกยงู ระย้าเร่ียคลอเคลยี นา้ํ สัพยอกยอดไมไ้ ปลว่ิ ลอ่ ง
2) ลมระเริงล่หู วิวพล้ิวระลอก อบบุหงามาลัยทั่วไพรกวา้ ง
3) ดอกไม้ปา่ ปรงุ กล่นิ ประทิ่นปา่ สดุ เสนาะเสยี งนกซึ่งผกโผน
4) ระเมยี รไม้ใบโบกสุโนกเกาะ

7. ขอ้ ความใดไมใ่ ชภ้ าพพจน์
1) ป่นิ เสียมสองสุริยชาติ
2) อา้ จอมจักรพรรดผิ ู้ เพญ็ ยศ
3) พระคุณตวงเพยี บพื้น ภวู ดล
4) ชว่ งชวลติ พ่างผล กลส้มเกล้ยี งกกุ ่อง

8. ขอ้ ใดไม่ใช้โวหารภาพพจน์ อกี กุญชรอนั ปลดปลง
1) พฤษภกาสร พณิ พาทยไ์ พรกลอ่ มขับสาํ หรับดง
2) เพลินฟังวงั เวงเพลงเรไร วงศ์หงส์
3) เสียสินสงวนศกั ด์ไิ ว้ เยน็ หยาดฟ้ามาฝนั หลงวันใหม่
4) เพชรน้ําคา้ งคา้ งหลน่ บนพรมหญ้า

9. ข้อใดไมใ่ ชโ้ วหารภาพพจน์
1) ลมพัดเมฆผ่านพน้ ปลิวบน
2) ฝากเมฆสารสงั่ นอ้ ง ถนอมนวล
3) เมฆลอยเลอ่ื นเล่นล้อ หลีกลม
4) ฝากนชุ แมกเมฆไว้ กลางโพยม

10. ขอ้ ใดไมใ่ ชภ้ าพพจน์
1) งามสองสรุ ิยราชลํา้ เลอพิศ นาพอ่
2) สละสละสมร เสมอช่ือ ไมน้ า
3) ธมุ ากรเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟา้ ดบู ่รูจ้ กั หนา้ หนง่ึ สิ้นแสงไถง
4) มงกฎุ ทรงเทรดิ เกศ อยา่ งอิศเรศรามญั สรรเปน็ รปู อรุ เคนทร์

11. ข้อใดไมใ่ ช้ภาพพจน์
1) สําเภาแลน่ ระรเี่ รอ่ื ยเฉ่ือยไปจนถงึ เมืองแกว้
2) ธรรมดาว่าสตรีนี้เป็นเกาะแก่งกีดกระแสกุศล
3) หวา่ นล้อมดว้ ยคาํ ยอชกั เอาแมน่ ้ําทั้งหา้ เข้ามาล่อ
4) สว่ นพระทองรอ้ ยชั่งทง้ั คูพ่ ิศดเู ห็นบรุ ษุ โทษสิบแปดประการ

ภาษาไทย (108) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27

12. ข้อใดไม่ใชภ้ าพพจน์ บุรีรตั นหงสา
1) จงึ่ พระปิน่ ปักธาษตรี ปัดดว้ ยขอทรง
2) เพราะพระหตั ถห์ ากปอ้ ง ธ กบ็ รรหารตระบดั
3) คร้ันพระบาทยินสาร ท่ัวถว้ นทวยสยาม
4) เถลงิ อยุธยาเย็นกลา้

13. ขอ้ ใดไมใ่ ช้ภาพพจน์

1) เขาจัดแจงมโหรีมีให้ฟัง เสนาะดังวังเวงบรรเลงลาน

2) มีลกู เหมือนหนง่ึ มีมณีดวง น่ีมีมาให้เปน็ หว่ งใหส้ นิ้ คดิ

3) เห็นชีตน้ ปนประสกสกี ากลมุ้ โถมกระทุ่มฟองฟ้งุ อยผู่ ลุงผงึ

4) แตค่ นเดินพัลวันออกฟนั่ เฟือน จนจันทร์เคล่อื นรถคลอ้ ยลบั เมฆา

14. ข้อใดมกี ารใช้ภาพพจนต์ า่ งจากขอ้ อ่ืน

1) คดิ คะนึงถงึ นงราม ผวิ เหลอื งกว่าจาํ ปาทอง

2) นวลจนั ทร์เปน็ นวลจริง เจ้างามพรง้ิ ยง่ิ นวลปลา

3) ดปู ราสาทราชวังเป็นรงั กา ดังปา่ ช้าพงชฎั สงดั คน

4) โอ้นา้ํ ใจในอุราทารกรรม เหมอื นนํ้าดาํ อยใู่ นหนองเป็นฟองคราม

15. ขอ้ ใดใช้ภาพพจนต์ า่ งชนิดจากขอ้ อน่ื

1) ข้นึ ทรงรถทองผ่องพรรณ งามงอนออ่ นฉัน เฉกนาคราชกาํ แหง

2) ตายระดับทับกันดงั ฟอนฟาง เลอื ดนองทอ้ งชา้ งเหลวไหล

3) หวังเปน็ เกอื กทองรองบาทา พระผู้วงศ์เทวาอนั ปรากฏ

4) เจา้ งามเนตรประหนึ่งนยั นาทราย เจ้างามขนงกง่ ละมา้ ยคนั ศรทรง

16. ขอ้ ใดใชภ้ าพพจน์ต่างกับขอ้ อืน่

1) สมรรถไชยไกรกราบแก้ว แสงแวววับจับสาคร

เรียบเรยี งเคยี งคูจ่ ร ด่งั ร่อนฟ้ามาแดนดิน

2) เลห่ ์เล่ือนชลอดุสิตฐา- นมหาพิมานรมย์
มารงั สฤษฏพิ์ ิศนิยม ผิจะเทยี บกเ็ ทยี มทัน

3) สกนุ ตลา นางฟ้าแมกฟ้าจากสรวง

คลน่ื สมทุ รสดุ ฤทยั ไหวปวง คอื ทรวงนางสะทอ้ นถอนใจ

4) ชมว่าวไิ ลงามตา ดัง่ เทพธดิ าองค์หน่ึง

พอเหน็ เตม็ ตา พลอยพาราํ พึง

17. ขอ้ ใดใชภ้ าพพจนต์ า่ งจากขอ้ อ่ืน

1) แสดงพระเดชฟุง้ ฟ้า เฟือ่ งด้าวดนิ ไหว

2) มลายโลกอยา่ มลายมว้ ย อรรถอื้นอญั ขยม

3) อบอลเวงฟากฟ้า ดูบร่ จู้ ักหน้า หนึ่งส้นิ แสงไถง

4) เถลงิ พระเกยี รติฟุ้งฟา้ ลอื ตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (109)

18. ข้อใดใชโ้ วหารตา่ งจากข้ออืน่
1) หอมจนหอบหัวใจไปเควง้ คว้าง
2) งามดั่งเปลวเพลงิ ป่ามานริ มติ
3) ขอกายเจา้ จงเป็นเชน่ ตน้ ไม้
4) เหมือนถูกกายกาํ บงั กักขงั ใจ

19. ขอ้ ใดใช้กลวธิ ีการประพนั ธต์ า่ งจากข้ออื่น
1) ลมระริ้วปลวิ หญา้ คาระยาบ
2) สนละเมยี ดเสยี ดยอดขนึ้ กอดฟา้
3) ดอกหญ้ายิ้มหวานหวานกบั ลานหญา้
4) แกว้ เอยี งกลบี เคลียนา้ํ คา้ งอยา่ งหงิมหงิม

20. ข้อใดใช้กลวิธีการแต่งต่างจากขอ้ อ่ืน

1) เปรียบแรงคชสารปานกลจกั ร ผาผลักชักลากราวหยากไย่

2) ใหญ่เทยี บภผู าท่าดุดัน เรย่ี วแรงแขง็ ขยันเช่อื ควาญตน

3) งางอนอ่อนช้อยทุกรอยกลึง ดูประหน่งึ กรกรายนางรา่ ยราํ

4) เหมือนมีชวี ติ สถติ ร่าง ซุงแกะเปน็ ชา้ งยา่ งบาทได้

21. ข้อใดใช้กลวิธีการแต่งต่างจากข้ออน่ื

1) สงครามกษตั รยิ ์ทรง ภพแผน่ สองฤา

สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรรเสริญ

2) งามสองสุริยราชลํ้า เลอพศิ นาพอ่

พา่ งพชั รนิ ทรไพจติ ร ศกึ สร้าง

3) ขุนเสยี มสามรรถตา้ น ขุนตะเลง

ขุนตอ่ ขุนไป่เยง หยอ่ นห้าว

4) สองโจมสองจจู่ ว้ ง บํารู

สองขัตติยะสองขอชู เชิดดํ้า

22. ความทีว่ า่ “เกิดแล้วกอ่ ลอ่ แลว้ เรน้ เยน็ แล้วร้อน” ผู้เขยี นใช้กลวธิ ีการเขียนเสนอภาพพจนต์ า่ งจากขอ้ ใด
1) เสยี งนํ้าซง่ึ กระซบิ สาดปราศจากเสียง
2) จกั รวาลว่นุ วายไรส้ าํ เนียง
3) อยหู่ า่ งไกลแต่กใ็ กล้ในคณุ ธรรม
4) วนและวงิ่ คืนและวนั หว่นั และไหว

ภาษาไทย (110) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

23. “หอมอยู่ไมร่ ู้หาย คล้ายกลน่ิ ผ้าเจ้าตาตร”ู

คาํ ประพันธใ์ นขอ้ ใดใช้ภาพพจน์วธิ เี ดยี วกบั ตวั อย่างขา้ งต้นนี้

1) นํ้าเงินคือเงนิ ยวง ขาวพรายชว่ งสสี าํ อาง

2) รวยรนิ กลิ่นรําเพย คิดพ่เี คยเชยกลน่ิ ปราง

3) หอมหื่นรน่ื รสเพยี ง กล่ินเนือ้ นวลนาง

4) เรอื่ ยเรื่อยเรียมคอยแกว้ คลบั คลา้ ยเรยี มเหลียว

24. ภาพพจนป์ ระเภทใดไม่ปรากฏในคาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปนี้
“ดูน้ําว่ิงกล้ิงเชีย่ วเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวยี น

บา้ งพลุ่งพลงุ่ วุง้ วนเหมอื นกงเกวียน ดเู ปล่ยี นเปลย่ี นควา้ งควา้ งเป็นหวา่ งวน”

1) อุปมา
2) อปุ ลกั ษณ์
3) บคุ คลวตั
4) การเลียนเสียงธรรมชาติ

25. คาํ ประพันธ์ต่อไปนใ้ี ช้กลวิธกี ารแตง่ เด่นชัดท่ีสดุ ตามขอ้ ใด
“ปรารถนาพาชยั ใหช้ ว่ งโชติ ถลาโลดหยัดยืนคลน่ื ลกู ใหม่

รวมความหวงั ท้งั ปวงเป็นดวงไฟ มธี งชัยทาบท้าไว้คว้าครอง”
1) ใช้คําง่าย ใหจ้ ินตภาพ
2) ใชภ้ าพพจน์ ใหอ้ ารมณ์ความร้สู กึ
3) ใช้คาํ ไพเราะกินใจ ให้ภาพแจม่ ชดั
4) ใชก้ ารเล่นสัมผัส ให้เสยี งเสนาะ

26. ข้อความตอนใดมภี าพพจน์ปรากฏอย่เู พียงชนิดเดยี ว
1) เสียงอุโฆษคร้ืนครั่นดงั่ ไฟบรรลัยกลั ป์จะผลาญโลกใหท้ าํ ลายวายวนิ าศ
2) สะเทอื้ นสะทา้ นเล่อื นล่ันอยูค่ รนื ครนื ดุจประหนง่ึ วา่ ปนื สักแสนนดั มากระหนาํ่ ยิงอยูเ่ ปร้ยี งๆ
3) เฒ่ากด็ ีดน้ิวมือดังทะถับทะถบั ร้องสําทบั ด้วยวาจาว่า อเปหิ ฮา้ เฮย้ เดก็ นอ้ ยถอยขยาย เสือร้ายจะเดินทาง
4) สรุปแล้วแก้วธญั ญ์พืชพันธ์ุน้ี คณุ ภาพมศี รปี านอาหารสวรรค์

ในพรรษานาอุดมสมบรู ณ์ธญั ญ์ ควรแก่สรรเสรญิ กราวคอื ชาวนา

27. คําประพนั ธ์ตอ่ ไปนีใ้ ชภ้ าพพจน์ตามข้อใด

“เมฆขาวหนาวเดือนดาว ออ้ มหาวหอ้ มล้อมจันทร์หมอง

น้ําคา้ งตกเนอื งนอง ตอ้ งนา้ํ ตาบ่าซึมดนิ ”

1) นามนัยและอติพจน์

2) อติพจน์และบุคคลวตั

3) บคุ คลวัตและนามนัย

4) อุปลกั ษณแ์ ละอตพิ จน์

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (111)

28. คําประพนั ธต์ ่อไปนี้ใชภ้ าพพจนต์ ามข้อใด พราํ่ ฝากฝังภักดไี มม่ ีสอง
“ฉนั มองคลนื่ ร่ืนเรเ่ ขา้ เห่ฝั่ง จากคันฉอ่ งชลาลยั ใสสะอาง”

มองดาวเฟย้ี มเย่ียมพักตร์ลกั ษณ์ลํายอง
1) บคุ คลวตั และอุปลกั ษณ์
2) สญั ลักษณแ์ ละอตพิ จน์
3) บคุ คลวตั และสัญลกั ษณ์
4) อุปลักษณแ์ ละอติพจน์

29. “พิราบบนิ กลับมาหลังคาโบสถ์ พายุโหดยังกระหึ่มกระเห้ียนหอื

เมอ่ื แก้วตกลงแตกก็แหลกร้ือ แตแ่ กว้ คือแกว้ พรา่ งอย่กู ลางใจ”

คําประพันธข์ ้างตน้ ใชภ้ าพพจนช์ นิดใดบ้าง

1) สญั ลกั ษณ์ บคุ ลาธิษฐาน อุปลักษณ์

2) สญั ลักษณ์ ปฏิพากย์ อปุ ลักษณ์

3) อุปลกั ษณ์ บคุ ลาธิษฐาน อติพจน์

4) อปุ ลกั ษณ์ อติพจน์ อุปมา

30. ข้อใดใชภ้ าพพจน์มากทีส่ ุด เหมือนนอนเตียงทองอันผอ่ งใส
1) ไรฟ้ ูกถูกเน้อื วนั ทองออ่ น พิณพาทยไ์ พรกลอ่ มขับสําหรบั ดง
เพลินฟงั วงั เวงเพลงเรไร เลห่ ป์ ระหน่ึงพง่ึ มาเป็นแขกไมค่ นุ้ เคย
2) บัดน้ีเหน็ ทว่ งทกี ริ ิยาเจา้ ก็เปลี่ยนแปลก
ไฉนจงึ แกล้งนง่ั เฉยใหเ้ หินหา่ งเหมือนผู้อนื่ ฉะนี้ เฉกอสุนีผา่ หลา้
3) พันลึกลม่ ลนั่ ฟ้า แลนา
แหลง่ เพย้ี งพกพงั เพชรราตรีสอ่ งสกาว ณ หาวหน
4) ดาวระยบั ประดบั ฟ้าเพลาน้ี มิแผกคนแขง่ ค่าบารมี
ประชนั แสงวะวับวาวพราวสกนธ์

เฉลย เรอื่ งโวหารภาพพจน์ 4. 4) 5. 1) 6. 4) 7. 2) 8. 1) 9. 1) 10. 1)
1. 2) 2. 3) 3. 2) 14. 3) 15. 3) 16. 3) 17. 3) 18. 1) 19. 1) 20. 4)
11. 3) 12. 2) 13. 1) 24. 2) 25. 2) 26. 3) 27. 3) 28. 1) 29. 1) 30. 4)
21. 2) 22. 4) 23. 3)

ภาษาไทย (112) __________________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

ฉันทลักษณ

1. กาพย์
กาพยเ์ ปน็ คําประพันธ์ทมี่ ีข้อบังคบั เพียงการกาํ หนดคณะและสัมผสั
กาพย์มรี ะเบยี บบงั คับคล้ายฉันท์ แตไ่ มไ่ ดบ้ งั คบั ครแุ ละลหุ
1.1 กาพยย์ านี 11
1 บท มี 2 บาท ได้แก่ บาทเอกและบาทโท 1 บาท มี 2 วรรค วรรคหนา้ 5 คาํ วรรคหลงั 6 คาํ

สัมผัสระหวา่ งบท

ดาวเดอื นจะตา่ งเทียน วเิ ชยี รแกว้ กลบี จงกล
เมฆหมอกในเวหน จะต่างพ่แู ละเพดาน
สวุ รรณรตั น์อนั ไพศาล
พฤกษาจะต่างฉตั ร จะตา่ งพุ่มอย่เู รยี งราย
ดอกไมใ้ นหมิ พานต์

1.2 กาพย์ฉบงั 16
1 บท มี 1 บาท และมี 16 คํา บาทหนงึ่ มี 3 วรรค วรรคแรก 6 คาํ วรรคกลาง 4 คํา วรรคหลัง
6 คํา

สัมผัสระหวา่ งบท

อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมอื นองคอ์ มรินทร์
ทรงคชเอราวัณ เผอื กผอ่ งผิวพรรณ

ชา้ งนมิ ติ ฤทธิแรงแข็งขนั
สสี งั ขส์ ะอาดโอฬาร

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (113)

1.3 กาพยส์ ุรางคนางค์ 28
1 บท มี 1 บาท และมี 7 วรรค แตล่ ะวรรคมี 4 คาํ

สัมผสั ระหว่างบท

พระยาปลดั พระยายกกระบตั ร สนั ทัดเชีย่ วชาญ
หัวหนา้ ครัวไทย
น้าํ ใจกล้าหาญ ทาํ รักสมัครสมาน หว่านล้อมพวกลาว
เลือกหานารี
แกลง้ ทําเตม็ ใจ รูปทรงส่งศรี ท่พี ึง่ รุ่นสาว

ยกใหเ้ จ้าลาว จนช้ันพวกบ่าว ชอบใครไปข่ นื

1.4 กาพยห์ อ่ โคลง (กาพยย์ านี 11 สลับกับโคลงส่สี ุภาพ)

ลางนางอาบน้าํ ทา่ ทาขม้นิ เหลอื งพึงชม

ทาแป้งแกล้งหวีผม ผดั หน้านวลยวนใจชาย

ลางนางตกั น้ําทา่ อาบองค์

ขดั ขมิ้นเหลอื งบรรจง ลูบนํา้

หวีเกล้าเอาเทรดิ ทรง ผมปีก

ผดั หนา้ นวลงามลํา้ ยั่วเย้าใจชาย

2. กลอน

กลอนเปน็ คําประพันธ์ท่มี กี ารกําหนดคณะและบังคบั สมั ผสั แต่มกี ารกาํ หนดเสียงของวรรณยกุ ต์

2.1 กลอนสภุ าพ (กลอนแปด)

กลอนสภุ าพ 1 บท มี 2 บาท ได้แก่ บาทเอกและบาทโท แต่ละบาทมี 2 วรรค วรรคละ 8 คาํ

อันความคิดวทิ ยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสดุ ซ่อนใส่เสยี ในฝกั

สงวนคมสมนึกใครฮกึ ฮัก จงึ ค่อยชักเชอื ดฟนั ใหบ้ รรลัย

จบั ให้ม่ันคัน้ หมายให้วายวอด ชว่ ยให้รอดรักให้ชิดพิสมยั

ตัดให้ขาดปรารถนาหาส่งิ ไร ตรองจงได้สมประสงคท์ ีต่ รงดี

ภาษาไทย (114) __________________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27

3. โคลง

โคลงเป็นคาํ ประพนั ธท์ ่มี ขี ้อบังคับ คณะ สมั ผสั คําเอก คําโท

3.1 โคลงส่สี ภุ าพ

1 บท มี 4 บาท บาทหน่ึงมี 2 วรรค บาทท่ี 1, 2 และ 3 วรรคหนา้ มี 5 คาํ วรรคหลังมี 4 คาํ

สว่ นบาทท่ี 4 วรรคหนา้ มี 5 คํา วรรคหลงั มี 4 คํา โคลงสสี่ ุภาพหน่งึ บทจงึ มีท้ังหมด 30 คํา

(ไม่นบั คําสร้อย)

เสียงลอื เสียงเลา่ อา้ ง อันใดพ่เี อย

เสยี งยอ่ มยอยศใคร ทว่ั หลา้

สองเขือพหี่ ลับใหล ลืมตืน่ ฤๅพี่

สองพ่คี ิดเองอ้า อยา่ ได้ถามเผือ

หมายเหตุ ทา้ ยบาทท่ี 1 และ 3 ถ้าเนอื้ ความไมส่ มบูรณ์กอ็ นญุ าตให้เติมคาํ สรอ้ ยได้อกี แหง่ ละ 2 คาํ
คําทั้ง 30 คํา ท่ใี ช้แตง่ โคลงส่ีสภุ าพนี้ แบ่งเปน็ 3 จาํ พวก คือ
คําสุภาพ คือ คาํ ท่ีไมก่ ําหนด เอก-โท จะมีหรอื ไม่มี ก็ได้ 19 คาํ
คาํ เอก คือ คาํ ทบี่ งั คบั ไมเ้ อก หรือจะใชค้ ําตายแทนคาํ เอกกไ็ ด้ มี 7 คํา หรอื ใช้
คําเอกโทษ
คําโท คอื คาํ ทบี่ ังคบั ใหม้ ไี มโ้ ท 4 คํา หรือใช้คําโทโทษ

คําเอกโทษ-คาํ โทโทษ
คาํ เอกโทษ : คํารปู เอก ท่ใี ช้แทน คําโท เชน่ ใบยา่ แทนคาํ ว่า ใบหญา้
คาํ โทโทษ : คาํ รปู โท ทีใ่ ช้แทน คาํ เอก เช่น ว่งิ เหล้น แทนคําวา่ วง่ิ เล่น

3.2 โคลงสองสุภาพ กลกลีบบงกชแก้ว
พิศกรรณงามเพริศแพรว้ เทียบนา
คอื เทพนิรมิตไว้
อีกแกม้ ปรางทอง
ทํานองนาสิกไท้

เปรยี บดว้ ยขอกาม

3.3 โคลงสามสภุ าพ ฟังขบั ขานเพราะพร้อง
อาบใู จเบกิ บาน จิตเพยี้ งของหลาน
เรื่อยระร่รี ับร้อง
ยอยศย่งิ ใหญต่ ้อง ซาบซ้งึ ซมึ ใจ ยงิ่ นา
เสยี งบรรสานจบั ป่ี

กลกล่อมซอ้ มเสียงซอ้ ม

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (115)

4. ร่าย
ร่ายสุภาพกําหนดไว้วา่ บทหนึง่ จะมกี ่ีวรรคก็ได้ แต่มกั ไม่น้อยกว่า 5 วรรค สมั ผัสตอ่ กนั ไปเรอ่ื ยๆ

โดยใหค้ ําทา้ ยวรรคหนา้ สมั ผัสกบั คาํ ท่หี นงึ่ หรือสอง หรือสาม ของวรรคหลงั ต่อไปจนจบ และเมื่อจะจบบทให้
ลงท้ายด้วยลักษณะของโคลงสองสุภาพ

สรวมสวสั ดิวิชัย เกรกิ กรุงไกรเกรียงยศ เกยี รตปิ รากฏขจรขจาย สบายทั่วแหล่งหล้า
ฝนฟ้าฉ่าช่มุ ชล ไพศรพณผ์ ลพูนเพิม่ เหมิ่ ใจราษฎรบ์ ําเทงิ ร่นื เริงรัฐมณฑล สกลราชอาณาเขต
ประเทศสยามชื่นชอ้ ย ทกุ ข์ขกุ เขญ็ ใหญน่ อ้ ย นาศไรแ้ รงเกษม โสตถเิ์ ทอญ

5. ฉันท์ (เปน็ คาํ ประพันธ์ท่ีบงั คบั ครุ และลห)ุ

คําครุ : พยางคท์ ีม่ ีเสียงตวั สะกดในทุกมาตรา หากไมม่ ีตัวสะกดกต็ ้องประสมสระเสยี งยาว

คําลหุ : พยางคท์ ไี่ มม่ ีเสยี งตวั สะกดและประสมดว้ ยสระเสียงสัน้ รวมไปถงึ พยางค์ บ่ ธ ณ

กจ็ ดั เป็นลหุเสมอ

5.1 อินทรวเิ ชยี รฉันท์ 11

“วันน้คี ณาศษิ ย์ สุจรติ สมานฉันท์

พร้อมเพรียงประชมุ กนั อภิวาทนาการ

ดว้ ยจติ ระลกึ ถึง คณุ ะซึง่ คณาจารย์

เต็มใจประสทิ ธส์ิ าร วรเวทย์วเิ ศษศรี”

5.2 วสนั ตดิลกฉันท์ 14 วะวะวับสลับพรรณ
“สามยอดตลอดระยะระยบั จะเยาะยว่ั ทฆิ มั พร
นภศลู ประภสั สร
ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน ดุจกวกั นภาลยั ”
บราลพี ิลาศศุภจรูญ

หางหงส์ผจงพจิ ติ รงอน

5.3 วิชชมุ มาลาฉนั ท์ เมื่อเฝา้ มองดู
“โอว้ า่ น่าเศร้า ผองผู้หญิงชาย
มาปลงปลิดหาย
เหน็ หนา้ กันอยู่ ด่งิ ดบั ลบั พลนั ”
หลายพวกเผ่าพงศ์
วิบเดยี ววอดวาย

5.4 ภุชงคประยาตฉนั ท์ 12 รสชาติศรที หารชาญ
“อนงเพศมนัสพี มิไดห้ อกก็ควา้ หลาว
ตระบองใหญต่ ระบองยาว
มิได้ดาบก็ควา้ ขวาน เตลิดแลน่ ณ แดนดง”
มิไดม้ ดี กเ็ อาไม้
กระหนํ่าฟาดพิฆาตลาว

ภาษาไทย (116) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

แบบฝกหัด เรอ่ื งพน้ื ฐานฉนั ทลกั ษณ

ฝกึ แยกวรรคของคําประพนั ธ์ใหถ้ กู ต้องวา่ เป็นคําประพันธ์ชนิดใด

1) กาพย์ยานี 2) กาพย์ฉบัง 3) กาพยส์ ุรางคนางค์ 4) กลอนสุภาพ

5) อนิ ทรวเิ ชยี รฉันท์

1. พระวัดรัตนมณมี ีจรยิ วตั รงดงามเราควรประพฤตติ ามจะอย่เู ย็นเปน็ สุขสนั ต์

2. ฉันไปตลาดมากะจะหาอะไรกนิ เรียกเธอมิไดย้ นิ รึจะไมไ่ ปด้วยกัน

3. การศกึ ษาไทยไม่ทันสมยั เหมือนต่างประเทศเพราะงบประมาณไดน้ ้อยเกนิ เหตจุ งึ มขี อบเขตในการพฒั นา

4. คณุ คดิ อะไรอยูข่ ณะดูละครราํ ผมคิดจะไปทาํ กระบะรถประกอบเอง

5. ไปเกบ็ สะตอมาหลายๆ ช่อไวจ้ ิ้มนํา้ พรกิ ที่เหลอื ก็ผดั พอนํ้าขลกุ ขลกิ ตําเคร่ืองขย้ขี ยิกให้ทนั มอื้ เย็น

6. ข้าวเหนยี วหนา้ ปลาแหง้ ขนมหมอ้ แกง วุ้นสังขยา ใส่ถาดวางไว้หน้าสมภาร รอประเคน

7. ไปเทีย่ วทะเลกนั นะคะ วันอะไรดี นา่ ไปซะศุกร์นี้แหละ ก็ตอ้ งตระเตรียมของ

8. องคพ์ ระอานนท์ทา่ นเลา่ วา่ ขา้ พเจ้าได้ฟงั มาแลว้ ดังน้ี สมยั หนง่ึ พระผูม้ ีพระภาคชนิ สีห์ ผู้โลกนาถจอมธรรม์
ประทับ ณ เชตวันวหิ ารอนั อนาถบิณฑกะไซร้ จัดสรา้ งอย่างดีทีใ่ นสาวัตถี ให้เปน็ ทส่ี ถิตสขุ า

9. ชายใดไม่เท่ียวเทียวไปทกุ แคว้นแดนไพรมอิ าจประสบพบสขุ

10. บอกแล้วกไ็ ม่เช่ือจะมเิ หลอื อะไรเลยคราวนี้ละเธอเอ๋ย ฤ จะเฉยกต็ ามใจ

11. ทุกคนเกิดมาเป็นคนช่ัวดีมีจนเป็นผลแห่งกรรมทําเอง ถือธรรมเชื่อกรรมยําเยงบาปช่ัวกลัวเกรงทําแต่
กรรมดที วพี ร

12. เขาสงู ฝงู หงสล์ งเรียงเริงรอ้ งซ้องเสยี งสาํ เนียงนา่ ฟงั วงั เวง

13. รอนรอนอ่อนอสั ดงพระสุรยิ งเย็นยอแสงชว่ งดังนาํ้ ครัง่ แดงแฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร

14. ธรรมะคือคุณากรส่วนชอบสาธรดุจดวงประทีปชัชวาลแห่งองค์พระศาสดาจารย์ส่องสัตว์สันดานสว่าง
กระจ่างใจมล

15. สนุกสนานพินจิ สะคราญระบําจําเรียงสนทิ สํานานผสานสําเนียงกพ็ รง้ิ เพราะเพรียงจะเพลิดจะเพลนิ

16. เบอื้ งหน้าชีวิตมนษุ ยน์ ั้น คดิ เปรยี บได้ดุจดังสนามรกเรียวหนามหรอื ความมืด ฟงั ดูเถดิ ...เรายังต้องฝา่ ข้ามไป

17. เอเชียนเกมส์คร้ัง “สิบสาม” เปิดงานงดงามชาวโลกตื่นตาตื่นใจช่ืนชมยกย่องชาติไทยช่ือเสียงลือไกล

จารึกเกยี รติไว.้ ..นริ นั ดร์

ข้อความขา้ งตน้ ถ้าจดั วรรคให้ถูกต้องจะไดค้ ําประพนั ธ์ตามข้อใด

1) รา่ ยยาว 2) กลอนแปด 3) กาพย์ฉบงั 4) โคลงสามสภุ าพ

โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (117)

18. “ห่นั เต้าหลู้ งทอดนํ้ามันหยอดลงกระทะตั้งไฟกลางดจี ้ะเหลืองแล้วละตกั ขึ้นเรว็ ”
ขอ้ ความนถี้ ้าจัดวรรคใหถ้ กู ต้องจะได้คาํ ประพันธต์ ามข้อใด
1) กาพย์ยานี
2) รา่ ยสภุ าพ
3) โคลงสามสุภาพ
4) อนิ ทรวิเชยี รฉันท์

19. ข้อความตอ่ ไปนีถ้ า้ จดั วรรคให้ถูกต้อง จะไดค้ ําประพนั ธต์ ามข้อใด
“ขนมหวานข้าวและกับจดั สําหรับถวายพระอยา่ หยบิ กนิ นะคะประเดย๋ี วจะตกนรก”
1) โคลงสาม
2) กลอนหก
3) กาพย์ยานี
4) อนิ ทรวเิ ชยี รฉันท์

20. ขอ้ ความต่อไปน้ถี า้ เขยี นแยกวรรคใหถ้ ูกตอ้ งจะเปน็ คําประพันธช์ นิดใด
“เบื้องหน้าชวี ติ มนษุ ยน์ ั้นคิดเปรียบไดด้ จุ ดังสถานรกเรียวหนามหรอื ความมืดฟังดเู ถดิ เรายงั ต้องไตเ่ ต้าไป”
1) รา่ ยสภุ าพ
2) กลอนหก
3) กาพย์ฉบงั
4) กาพย์สุรางคนางค์

21. ข้อความต่อไปนีถ้ ้าจดั วรรคให้ถกู ต้องจะได้คําประพันธต์ ามขอ้ ใด
“มากินขนมกันนะจ๊ะฉันจะสขุ ใจกนิ ไปก็คยุ ไปจะสนกุ และเบิกบาน”
1) กาพยย์ านี
2) โคลงสาม
3) กลอนสุภาพ
4) อินทรวิเชยี รฉันท์

22. ข้อความตอ่ ไปน้ี ถา้ เขียนแยกวรรคให้ถูกต้องจะเปน็ คาํ ประพนั ธ์ตรงตามข้อใด
“พิเศษสารเสกสร้างรังสรรค์สารประจงจารฉันทภาคพริ้งพรายฉายเฉกเพชรพรรณเพราเฉิดเลิศแลลาย
ระยับสายสะอิ้งส่องสรอ้ ยกรองทรวง”
1) โคลงส่ีสุภาพและกลอนสุภาพ
2) กาพยย์ านี 11 และโคลงสี่สุภาพ
3) กาพย์ฉบงั 16 และกลอนสุภาพ
4) กาพย์ยานี 11 และกาพยฉ์ บงั 16

ภาษาไทย (118) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

23. ขอ้ ความในอัญประกาศน้จี ะนาํ ไปแต่งคาํ ประพันธ์ชนิดใดไดท้ นั ที
“เธอควรจะรับฟงั และกน็ ่งั สงบคาํ ”
1) กลอนสุภาพ
2) วสันตดิลกฉันท์
3) กาพย์ยานี
4) อินทรวเิ ชยี รฉนั ท์

24. ข้อความต่อไปนี้ หากแยกวรรคให้ถูกต้องแลว้ จะเป็นคําประพันธ์ชนดิ ใด
“ขนุ มารสหสั สพหุพาหุวชิ าวชิ ติ ขลังขค่ี ีรเิ มขละประทงั คชะเห้ยี มกระเหิมหาญ”
1) สทั ทลุ วกิ กีพิตฉันท์
2) วสนั ตดลิ กฉันท์
3) มาลนิ ีฉันท์
4) อิทิสงั ฉนั ท์

25. “เพดานดาราระยา้ ย้อย ทองทับประดับพลอยเรืองอร่าม
อัจกลบั แกว้ มณีอัคคตี าม สวา่ งวามแวววบั จบั จินดา”
คําประพันธ์ขา้ งต้นจัดเปน็ คาํ ประพันธ์ชนิดใด
1) โคลง
2) ฉนั ท์
3) กลอน
4) กาพย์

เฉลย เร่ืองพนื้ ฐานฉันทลักษณ์ 4. 5) 5. 3) 6. 1) 7. 5) 8. 2) 9. 2) 10. 5)
1. 1) 2. 1) 3. 3) 14. 2) 15. 3) 16. 3) 17. 3) 18. 1) 19. 3) 20. 4)
11. 2) 12. 2) 13. 1) 24. 2) 25. 3)
21. 4) 22. 1) 23. 4)

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (119)

แนวขอ สอบ เรื่องโคลงส่สี ุภาพ

1. ขอ้ ใดผดิ ฉันทลกั ษณ์ของโคลงสสี่ ุภาพบาทท่ี 1

1) ในหอ้ งมองมดื กล้มุ คลมุ้ ควัน

2) เหมอื นรู้ครเู ถ้าเลา่ เราเห็น

3) คนตอ้ งดีจริงด้วย ใจตน

4) หนาวนํ้าซ้าํ เปยี ก หนา้ จอ๋ ย

2. บาทที่ 3 ของโคลงสี่สภุ าพตอ่ ไปน้ี ข้อใดแต่งถูกตอ้ งตามผงั บงั คับทกุ ประการ

1) นารายณ์เนอื่ งนทิ รสนิ ธ์ุ นานตน่ื 2) นารายณเ์ จ่ืองเจ้านทิ ร นานเนา แล้วเฮย

3) นารายณบ์ รรทมสินธุ์ นานต่นื 4) นารายณ์เนาในสินธุ์ นานนับ แลนา

3. บาทที่ 4 ของโคลงสีส่ ภุ าพขอ้ ใดถูกตอ้ งตามฉันทลกั ษณ์

1) เรอื งรงุ้ บรรเจิดหล้า ร่วงรุ้งคคั นานต์ 2) เรืองมณนี พริว้ ร่วงรงุ้ รังสี

3) เรืองรามร่งุ รงุ้ ฟา้ ฟากฟ้าดินชม 4) เรอื งลกั ษณ์เลศิ ปญั ญา โลกซ้องสรรเสริญ

4. ขอ้ ใดควรเป็นบาทสดุ ทา้ ยของโคลงตอ่ ไปนี้

รศั มีก่องยงิ่ แกว้ สรุ ิยกานต์

เลอพศิ พร่างโอฬาร เพรศิ แพร้ว

ประกายพรายแผไ่ พศาล สว่างทว่ั ถ่ินแฮ

......................... .........................

1) ยามเปรยี บยงิ่ ดวงแกว้ พน้ แลว้ อุปมา

2) ยงั แผน่ ดินเลศิ แล้ว พรา่ งพน้ สรุ ีย์ฉาย

3) ฉาบแผน่ ดนิ ให้แผ้ว พ่างพน้ื พมิ านสถาน
4) ยงิ่ แสงสุรยิ ะแคล้ว เลศิ ลํ้าแสงฉาย

ใช้คําประพนั ธ์ตอ่ ไปนต้ี อบคาํ ถามข้อ 5

เซอะซะซมุ่ ซ้ามไซร้ ไป่ควร

เงอะงะเกะกะกวน จติ ฟงุ้

ทําใด .......... ย่ัวยวน ความโกรธ เสมอนา

ชกั แตด่ ดุ ่ากลมุ้ .......... ด้วยเซอะเซงิ

5. ขอ้ ใดเหมาะสมที่จะนาํ มาเตมิ ในชอ่ งว่างของคําประพนั ธ์ขา้ งต้นให้ถกู ต้องตามฉันทลกั ษณแ์ ละความหมาย

1) มกั / เพราะ 2) เยา้ / เนอื่ ง 3) ดจุ / อัน 4) ได้ / เกดิ

เฉลย แนวข้อสอบเรือ่ งโคลงส่ีสุภาพ
1. 3) 2. 1) 3. 2) 4. 3) 5. 1)

ภาษาไทย (120) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27

ประลองฝม ือ วเิ คราะหคาํ ประพันธ

วฒั นธรรมไทย

1. ขอ้ ใดเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม

1) กา้ นแย่งยกดอกดูเด่นดี 2) ทฐี่ านปทั มร์ งค์ทองรองเรอื ง
3) กนกยอดลงยาราชาวดี 4) สงิ หค์ ลู่ ายเส้นดเู ด่นโดด

2. คาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปนก้ี ล่าวถึงศลิ ปะของไทยประเภทใด
“โก้งโค้งกบกดซีกกรอบ ผา่ ไมค้ รอบคร่อมอกไก่ ไมข้ ้างควายแขวะเป็นรู

สอดเสยี บหนูแนน่ ขนั ขดั ”

1) หัตถกรรม 2) ประติมากรรม 3) คหกรรม 4) สถาปัตยกรรม

3. บทประพนั ธต์ ่อไปน้ีใหค้ วามรทู้ างวฒั นธรรมแขนงใด
“ดอกก้านแย่งช่อหกกระหนกเรยี ง มุกดาเคยี งดาดดอกเปน็ ดวงดี

กรอบหนา้ กรองทองมงั กรเก้ียว ฉลเุ ขีย้ วแมงทับสลับสี”

1) การแต่งกาย 2) การแกะสลกั ไม้ 3) การจัดพ่มุ ดอกไม้ 4) การตกแตง่ สถานท่ี

4. คาํ ประพันธต์ ่อไปน้กี ล่าวถึงศิลปะของไทยในด้านใด
“แสงโสมแสงแกว้ ส่อง สุริยฉาย

อรา่ มรตั นกณุ ฑลพราย พร่างฟา้

อุณหิสวิจติ รราย ปทั มราช แลฤๅ
เจด็ อุรุคเรียบหน้า
1) การแต่งกาย ผกเกล้าเกลือ่ นหงอน”

2) การวาดภาพ 3) การแกะสลกั 4) การก่อสรา้ ง

5. ขอ้ ใดสะทอ้ นท้งั คา่ นิยมและวัฒนธรรมไทย

1) เรียมคะนงึ ถึงเอวบาง เคยแนบขา้ งรา้ งแรมนาน
2) นึกนอ้ งกรองมาลยั วางให้พ่ีข้างท่นี อน
3) แกว้ พน่ี สี้ ดุ นวล ด่งั นางฟา้ หน้าใยยอง
4) เหน็ ฝงู ยูงรําฟอ้ น คดิ บงั อรรอ่ นรํากราย

เฉลย วเิ คราะหค์ ําประพันธ์ (วฒั นธรรมไทย)
1. 2) 2. 4) 3. 2) 4. 1) 5. 2)

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (121)

ขนบธรรมเนียมเกย่ี วกับกษตั รยิ ์

1. ขอ้ ใดไม่ได้แสดงขนบประเพณเี กีย่ วกับกษัตรยิ ์ อย่างอศิ เรศรามญั
1) สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฏทรงเทริดเกศ

2) ปวงประนมนบเกล้า งามเสง่ียมเฟีย้ มเฝ้า อยูถ่ ้าทูลสนอง
3) แจ้งกิจจาตระหนกั จึง่ พระป่นิ ปักธาษตรี บรุ รี ัตนหงสา ธ กบ็ ญั ชาพภิ าษ

4) เหน็ ฉัตรปกั หา้ ชน้ั ก้ันบนเบอ้ื งหลังสาร เขาก็ทราบการโดยขนาดวา่ อปุ ราชขนุ ทพั

2. คําประพันธ์ตอ่ ไปนส้ี ะท้อนคา่ นยิ มเร่ืองใดในสังคมไทย

“ธงสีทองผ่องสงา่ ธงราชา รูปครุฑพา่ ห์ประจําองค์คงอมตะ

เด่นอยู่กลางธงสเี หลอื งเรืองฤทธะ หมายคอื พระทรงชยั ของไทยเรา”

1) ความเปน็ สมมติเทพ 2) ความเป็นมงคลแหง่ สี
3) ความจงรกั ภักดี 4) ความเป็นอมตะ

3. ขอ้ ใดแสดงเดชานภุ าพของพระมหากษัตริย์ไดเ้ ดน่ ชัดทส่ี ดุ

1) ประโคมดรุ ยิ ดนตรแี ตรสังข์ทั้งปวงกึกกอ้ งทงั้ ทอ้ งพระโรงชัย
2) เสียงสังขแ์ ตกแซศ่ ัพท์มหามโหระทกึ กกึ ก้องกลองชนะสนน่ั เนยี รนาท

3) พระคชนิ ทเรศเศวตคชากเ็ ปลง่ เสยี งกอ้ งโกญจศัพทป์ ระกาศกาหลคํารนนฤโฆษ
4) สําเนียงจตรุ งคคณาม้ารถคชบทจรพล ก็อึงเอกิ เพียงจะพกเพิกแผน่ พสุธาดลกมั ปนาท

4. ข้อใดแสดงคา่ นยิ มตรงกับภาษิตทว่ี ่า “อาสาเจ้าจนตวั ตาย อาสานายจงพอแรง”

1) ขา้ พเจา้ เลา่ เป็นข้าฝ่าพระบาท ธรรมมิกราชบพติ รอดศิ ร
คอื พระนง่ั เกล้ากษตั ริยฉ์ ตั รนคร โปรดบดิ รลือดังทงั้ แผน่ ดิน

2) ธนบดินทรป่นิ เกลา้ อยุธยา
ไตรภพจบโลกา เขตแคว้น

เกรงพจน์บทอาชญา นรนารถ
เปน็ นจิ กิจการแมน้ ชพี มว้ ยควรสนอง

3) สรวมชีพรจนาสามิภกั ดิ์ เฉลิมศักดิบ์ พิตรอดิศร

ไว้สําหรับกปั กัลป์นริ นั ดร ให้ถาวรพิพัฒนส์ วัสดี

4) ขอเฉลมิ เพม่ิ พูนพระเกียรติยศ ยุคลบทบพติ รอดศิ ร

ถวลั ยราชราชยั ในนคร ดงั ทนิ กรแจม่ ฟา้ ท่วั ธาตรี

5. ขอ้ ใดแสดงพระราชกรณยี กิจของพระมหากษตั ริย์ทส่ี ืบทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั
1) ลว้ นยงยทุ ธเช่ยี วชาญ หาญหกั ศกึ บมยิ อ่ ตอ่ สศู้ ึกบมหิ ยอน

2) เพิม่ บําเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชญิ พระอัยการศกึ ปรึกษาโทษขนุ ทพั
3) หวงั ผดงุ บวรรัตน ตรัสเยศ ยืนนา

ทาํ นุกพระศาสน์เกือ้ กอ่ สร้างแสวงผล

4) รเู้ ชิงพชิ ยั ชาญ ชมุ คา่ ย ควรนา

อาจจักรอนรณแผว้ แผกแพ้พงั หนี

เฉลย วิเคราะหค์ าํ ประพันธ์ (ขนบธรรมเนยี มเก่ยี วกบั กษัตรยิ ์)
1. 3) 2. 1) 3. 4) 4. 2) 5. 3)

ภาษาไทย (122) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

ความเชอ่ื เรอื่ งเวรกรรม

1. ผู้กลา่ วข้อความต่อไปนน้ี ่าจะมอี ุปนสิ ยั ในการกระทําเชน่ ใด

“ถือตามโบราณทา่ นวา่ มา วา่ ว่ายนาํ้ เข้าหาจระเขใ้ หญ่
ยากง่ายตายเปน็ ประการใด ให้เปน็ ไปตามกรรมที่ทํามา”
1) ยอมรับชะตากรรมอยา่ งเต็มใจ
2) สปู้ ญั หาโดยไม่หวั่นกลัว
3) ปฏบิ ัติตามทีผ่ ู้ใหญ่สง่ั สอน
4) เชือ่ วา่ ชวี ิตเปน็ ไปตามพรหมลิขติ

2. ขอ้ ใดแสดงแนวคิดต่างจากข้ออื่น ทวโี ทษ
1) คนเวรต่อเวรประทุษฐ์ อาจสนิ้ สญู เวร
เอาอะเวรระงับหงา้ ย ให้ค่เู คลา้ เขาพลดั ฤๅไฉน
2) ฤๅปางกอ่ นเราเคยพรากสัตว์ จงึ พรากน้องไปให้จรกา
เวรามาเตอื นภูวไนย

3) อันความทุกขาอาดูร จงระงบั ดบั สญู เสยี ดีกว่า
วบิ ากกรรมแล้วกจ็ ําเวทนา ไปตามเวราซึ่งทําไว้
กรรมติด ตามนา
4) ผทู้ าํ สง่ิ อกุศล ไล่ตอ้ นตนี โค
ดุจจักรเกวยี นเวียนแล้

3. ข้อใดเป็นสาระสําคัญของคําประพันธ์ตอ่ ไปน้ี

“เปรมปรีดิ์ทไ่ี ผ่ฟอ้ น ลมดง

ปลวิ ลิ่วใบลอยลง ตอ่ หนา้

ไตรลักษณน์ ่ันคอื มง- คลคู่ คดิ นา

มองท่ัวถงึ พงึ กล้า แจ่มจ้าพทุ ธธรรม”

1) อนิจจงั ทุกขัง อนตั ตา เป็นมงคลชวี ิต

2) ธรรมชาติแสดงใหเ้ ห็นสัจธรรมในพระพทุ ธศาสนา

3) ใบไผ่ทร่ี ่วงหลน่ แสดงให้เห็นความเป็นอนิจจงั

4) ผ้เู หน็ ไตรลกั ษณค์ อื ผู้มคี วามสุขตามธรรมชาติ

เฉลย วิเคราะหค์ าํ ประพันธ์ (ความเชอื่ เรอื่ งเวรกรรม)
1. 1) 2. 1) 3. 1)

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (123)

ความเชือ่ -โชคลาง-ศาสนา

1. ขอ้ ใดสะทอ้ นความเชือ่ ท่แี ตกตา่ งจากขอ้ อ่ืน

1) หากเทพสงั หรให้ๆ ธิราชร้เู ปน็ กล
2) พลบกยกเอาอุต- ดมโชค ชยั นา
3) โหรคระหมึ ฆอ้ งชัย กกึ ก้อง
4) ของทพิ ยเ์ ทพห่อนหาย เอมอม่ิ

2. ข้อใดแสดงความเชือ่ ท่ีตา่ งจากขอ้ อน่ื ใหเ้ ผอิญพรากพลัดพระภสั ดา
1) องั คารเข้าเสารท์ บั แทบยบั เยนิ จงึ เขมน่ มิไดข้ าดประหลาดลาง
2) หรือมอดม้วยดว้ ยคลน่ื ไมค่ นื เป็น กากร็ ้องวาวาทอ้ งฟ้าเหลอื ง
3) อากาศล่ันครั่นคร้นื เหมือนปืนก้อง ใหก้ ระตกุ นยั นเ์ นตรท้ังซ้ายขวา
4) วันเม่อื มเหสจี ะมีเหตุ

3. ข้อใดแสดงความเชอ่ื ท่ีตา่ งจากขอ้ อน่ื ให้ปอ้ งกนั อนั ตรายในราวไพร
1) เอาเทยี นจุดบูชาแก่เทวัญ บุญของเราไดม้ าเหน็ กเ็ ย็นเศียร
2) แตร่ อยบาทอนญุ าตไว้ยอดเขา แวะเคารพรูปพระชนิ สีห์
3) พอถงึ วัดจนั ทรต์ ะวนั พลบ ขอฝากมาหยารศั มี
4) เป็นเวรากรรมจงึ จําจาก

4. ขอ้ ใดแสดงความเช่ือที่ตา่ งจากขอ้ อนื่
1) ชะรอยวา่ ฝีปศี าจมันแกลง้ แปลงมาขอทาน ตีประจานให้เจ็บใจจะขาด ขู่ต้อนตวาดกระทาํ เข็ญ
2) เจา้ เคยกระทาํ กรรมไวเ้ ป็นไฉน จ่งึ มาตกเข็ญใจไรย้ ากอนาถา ให้พราหมณช์ ราร่างรา้ ยกาจ ตะแกมาทาํ
สหี นาทโพยโบยตี
3) ได้บุญนนั้ คอื ไดค้ วามสบายความสขุ ความสุขเรามีอยู่แล้วต้ังแต่ตอนแรกทีบ่ ริจาคเพราะรสู้ ึกสบายใจ
4) เมือ่ โลภะ โทสะ โมหะไม่เกดิ ผลทช่ี ั่วกไ็ ม่เกิดเท่านั้น... เพราะผลทชี่ วั่ ไมเ่ กิดนั้นแลก็ชื่อวา่ เปน็ ประโยชน์

5. คาํ ประพันธใ์ นขอ้ ใดแสดงความเชอ่ื ที่ตา่ งไปจากขอ้ อน่ื
1) โอ้ตวั ของเรา ชาติหลงั น้ันเลา่ ฆ่าเขาเป็นผี
จึงผูกเวรา ตามมาชาติน้ี ให้เขาฆ่าดี ถงึ มว้ ยอาสญั
2) ร้อนจิตดงั พิษเพลิงประดงั นางในคล้มุ คล่งั จงิ้ จกพลดั ตกลงมา
ทกี่ ลางประชุมทาสา ฝ่ายประจิมคลา ตําราว่าร้ายเต็มที

3) กรรมเจ้าไมว่ าย ตวั นางโฉมฉาย ชาติกอ่ นดดุ นั

ทาํ แกฝ่ งู สตั ว์ ใหพ้ ลัดจากกัน จงึ มาตามทัน ชาตินแ้ี ลนา

4) เกิดชาติใดใดไปเบอื้ งหน้า น้องปรารถนาต้งั ตอ่ ทรงศกั ด์ิ

ขอใหเ้ ป็นคอู่ ยู่ร่วมรัก อย่าใหห้ กั หนั หนา่ ยคลายไมตรี

เฉลย วิเคราะหค์ ําประพนั ธ์ (ความเชอ่ื -โชคลาง-ศาสนา)
1. 4) 2. 1) 3. 4) 4. 1) 5. 2)

ภาษาไทย (124) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

ทบทวนวรรณคดวี จิ ักษ์ ว่าเสียงสามนม่ิ น้องเสน่หา
เหน็ แตป่ า่ พมุ่ ไม้ใบบงั
1. ขอ้ ใดไม่ปรากฏลกั ษณะของนิราศ เหมอื นเปลา่ เปลยี่ วคับใจในไพรกว้าง
1) แวว่ เสียงสาํ เนยี งบหุ รงรอ้ ง
2) พระแย้มเย่ยี มมา่ นทองทัศนา
3) คับแคจบั แคสนั โดษเด่ยี ว

4) ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง คะนึงนางพลางรีบโยธี

2. ข้อใดไมใ่ ชข่ นบของนริ าศ
1) ปางอโศกใครไมโ่ ศกพ่ีโศกจดั โทมนัสกลดั ใจในไพรเขียว
เดิมปางโศกโศกย่ิงโศกจริงเจยี ว ตง้ั ตาเหลยี วหานางมากลางไพร

2) ดกุ ชะโดเทโพทงั้ ตะเพียน สวายเวยี นวา่ ยหาปลากระหมัน
อกี ปลาหมอรอรกั ษาปลาไสต้ ัน ปลานวลจนั ทร์คดิ นวลเจา้ ย่งิ เศร้าใจ
ทําความชอบชว่ ยพยุงให้สงู ศกั ด์ิ
3) น่าเอน็ ดูรดู้ อี ารอี ารอบ สงสารนกั นางพรํ่าราํ่ โศกี
มาบรรลยั ไปยังกําลงั รัก ไม่ส้ินสุดเรอื่ งรักสมคั รสมาน
ไว้วมิ านในกระดาษท่ีวาดเอย
4) อันวิสัยในโลกโชคมนุษย์
ขอฝากจิตพิสมยั อาลัยลาน

3. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของนิราศ ยามวโิ ยคออกชอ่ื กค็ รือหู
1) ประจวบจนถงึ ตาํ บลบอ่ โศก ถงึ รอ้ ยช่งั คู่เชยเคยถนอม
2) เห็นลมออื้ จะใคร่ส่อื สาราสง่ั ทงั้ สองสิ่งอย่าใหช้ ิดพสิ มัย
3) สตรหี งึ หนึง่ แพศยาหญิง พีน่ ีท้ ุกข์เพราะจากเจ้างามขํา
4) โอน้ กค่ดู นู า่ จะผาสกุ

4. ขอ้ ใดมีนยั ของการเปรียบต่างจากขอ้ อน่ื

1) ดูเหมอื นอบุ ะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม

2) นกึ นอ้ งกรองมาลยั วางให้พขี่ ้างท่นี อน

3) หอมอยู่ไมร่ ้หู าย คลา้ ยกลน่ิ ผา้ เจ้าตาตรู

4) นึกถวิลกลนิ่ บุหงา ราํ ไปเจา้ เศรา้ ถงึ นาง

5. ขอ้ ใดแสดงถึงคา่ นิยม กายเธอตํา่ แต่ก็พอเหมาะดี
1) เวลาย้มิ หวานหยดฉนั จดจํา จงึ แกลง้ ขว้างเศษไมใ้ สม่ วยผม
2) อยากใหส้ าวนอ้ ยจอ้ งมองตวั บ้าง มลี ายปกั ดอกแดงสกุ แสงสี
3) เธอสวมเสื้อเชยี งใหม่วไิ ลลกั ษณ์ จึงแตง่ กายนุ่งห่มใหค้ มสัน
4) เหมอื นว่าเธอมที ่มี งุ่ หมาย

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (125)

6. คําประพันธข์ ้อใดให้อารมณ์ตา่ งจากขอ้ อื่น
1) พระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพัดตอ้ งกลบี อุบล
2) ฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคลํา่ ดําแฝงฟอง
3) พระสุรเสียงเธอเยือกเย็นระยอ่ ทกุ อกสตั ว์
4) รัศมีพระสรุ ิโยทัยส่องอยู่รางๆ ข้ึนเรอื งฟ้า

7. ข้อใดเปน็ คาํ กล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง
1) ทํานองสวดสรภญั ญะใช้สวดคําประพันธท์ เี่ ป็นฉันท์
2) บทนมัสการอาจาริยคุณใช้คาํ ประพนั ธ์อินทะวชริ ะฉนั ท์ในการแต่ง
3) กวเี ปรียบพระคุณของพ่อกบั เขาพระสุเมรุ พระคณุ แม่เหมอื นมหาสมทุ ร
4) คุณธรรมที่ควรปลูกฝงั แกเ่ ยาวชนคือความกตญั ญกู ตเวทีเพราะเปน็ เครอื่ งหมายของคนดี

8. เทคนคิ ในการเขียนของ หล่ีเชิน กบั จิตร ภมู ศิ กั ด์ิ ต่างกนั ตามขอ้ ใด
1) หลีเ่ ชินแตง่ เป็นรอ้ ยกรอง จติ รแต่งเปน็ ร้อยแกว้
2) หลีเ่ ชินแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ จติ รแต่งเป็นร้อยกรอง
3) หล่ีเชินใชว้ ิธีเสมอื นชาวนาบรรยายเรอ่ื งของตนใหผ้ ้อู า่ นฟงั แต่จิตรบรรยายภาพที่เหน็ เหมอื นจิตรกร
วาดภาพให้คนชม
4) หลเ่ี ชนิ บรรยายทีเ่ ห็นเหมือนจติ รกรวาดภาพให้คนชม แต่จิตรใช้วิธีเสมือนชาวนาบรรยายเรื่องของตน
ใหผ้ ้อู ่านฟัง

9. ซ่ึงเกิดศกึ สาเหตเุ ภทภัย ก็เพราะใครทาํ ความไว้งามพักตร์
คร้งั หน่งึ กใ็ ห้เสียวาจา อายชาวดาหาอาณาจักร
คําที่ขีดเสน้ ใตห้ มายถงึ ใคร
1) จรกา
2) อเิ หนา
3) ท้าวดาหา
4) วหิ ยาสะกํา

10. ขอ้ ใดมคี วามหมายตรงกับ “การศกึ ลึกเล่ห์พ้นื ล่อเลี้ยวหลอกหลอน”

1) ขับม้าไววอ่ งปอ้ งประจัญ เปน็ เชงิ ชน้ั ชงิ ชัยในทที วน

2) วา่ พลางทางกรายปลายทวน รํารา่ ยเป็นกระบวนหวนหนั

3) โถมแทงแลว้ แปลงเปล่ียนกระบวน ทบทวนมา้ ทน่ี ัง่ ไม่พล้งั ผดิ

4) กลบั กลอกรํารา่ ยกรายพระแสง ปะทะแทงลวงไปให้ใหลหลง

ภาษาไทย (126) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

11. คําประพันธ์ท่ียกมานี้แสดงให้เห็นว่าผู้พูดมีน้าํ เสยี งเช่นไร

เห็นจะรกั เมยี จริงยง่ิ กวา่ ญาติ ไหนจะคลาดจากเมอื งหมันหยาได้

ถึงมาตรจะมาก็จําใจ ดว้ ยกลวั ภยั พระราชบิดา

1) เยาะเย้ย

2) โกรธเกร้ียว

3) เหน็บแนม

4) น้อยใจ

12. ขอ้ ใดแสดงความม่งุ มน่ั และเล็งผลเลิศของท้าวกะหมังกุหนงิ ไดช้ ดั เจนทสี่ ุด

1) อนั ระเด่นมนตรีกเุ รปนั ก็ขัดข้องเคืองกันเปน็ ข้อใหญ่

ไปอยูเ่ มอื งหมันหยากว่าปีไป ท่ไี หนจะยกพลมา

2) แต่กาหลังสงิ หดั สา่ หรี จะกลัวดเี ป็นกระไรหนกั หนา

ฝ่ายเราเลา่ ก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น

3) ถงึ ทัพจรกาล่าลาํ น้นั พีไ่ มพ้ รั่นใหม้ าสักสิบแสน

จะหักโหมโจมตใี หแ้ ตกแตน พกั เดยี วก็จะแล่นเขา้ ปา่ ไป

4) เจา้ อย่าย่อทอ้ ไม่พอที่ แต่เพียงนไ้ี ม่พรัน่ หวัน่ ไหว

เอ็นดนู ัดดาโศกาลยั ว่ามไิ ด้อรไทจะมรณา

ใช้คําประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ตี อบคําถามข้อ 13-14

หวังเป็นเกอื กรองบาทา พระผวู้ งศเ์ ทวาอนั ปรากฏ
จะขอพระบตุ รีมียศ ให้โอรสขา้ นอ้ ยดังจินดา
อันกรงุ ไกรไอศูรย์ท้งั สอง จะเปน็ ทองแผ่นเดียวไปวนั หน้า
ขอพํานักพักพงึ่ พระเดชา ไปกวา่ ชวี ันจะบรรลัยฯ

13. คําประพนั ธ์ข้างต้นใชภ้ าพพจน์กีแ่ ห่ง
1) 1 แหง่
2) 2 แหง่
3) 3 แห่ง
4) 4 แหง่

14. ขอ้ ใดไม่ใช่นํ้าเสยี งท่ปี รากฏในคําประพนั ธ์ข้างต้น
1) อ่อนนอ้ ม
2) ถอ่ มตน
3) ยาํ เกรง
4) ทะนงในศกั ด์ิศรี

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (127)

15. หวั ใจชายหนุ่มมีความเดน่ อยา่ งไรในแง่วรรณกรรม
1) เปน็ นวนิยายทีเ่ ขยี นในรปู แบบจดหมาย
2) สะท้อนชวี ิตชายหนุ่มหวั ใหม่อยา่ งละเอยี ด
3) ให้ขอ้ คดิ เกีย่ วกบั การแตง่ งานแบบคลุมถุงชน
4) วิจารณค์ วามคิดของผศู้ ึกษาจากต่างประเทศ

16. ข้อใดมใิ ช่ข้อคิดทไี่ ด้จากนทิ านเวตาล เร่อื งที่ 10
1) ผู้มีความเพียรยอ่ มเอาชนะอปุ สรรคได้
2) ความอดทนอดกล้นั เป็นคุณสมบัตขิ องพระราชา
3) สตทิ ีเ่ ตือนตนได้เป็นที่มาของความสําเร็จ

4) การใชส้ ตปิ ัญญาไตรต่ รองก่อนพดู และทําเปน็ สิง่ ดี

17. สวรรคช์ นั้ ท่หี กใน “รักบ่หายตราบหาย หกฟา้ ” มชี ่อื วา่ อยา่ งไร
1) ปรนิมมติ วสวดี
2) นมิ มานนรดี

3) จาตุมหาราชกิ า
4) ดุสิตา

18. คาํ ประพันธ์ต่อไปน้ถี อดความตามข้อใด

ชมแขคิดใช่หนา้ นวลนาง

เดอื นตาํ หนิวงกลาง ต่ายแต้ม

พมิ พ์พักตร์แมเ่ พญ็ ปราง จกั เปรียบ ใดเลย

ขํากว่าแขไขแย้ม ยิ่งยม้ิ อปั สร

1) ใบหน้านางงดงามด้วยนวลปราง

2) ใบหนา้ นางงดงามดง่ั ดวงจันทร์เต็มดวง

3) ใบหน้านางงดงามเหนอื กว่าดวงจนั ทร์

4) ใบหน้านางงดงามราวดวงจนั ทร์และนางอัปสร

อ่านคําประพันธต์ ่อไปน้ี แลว้ ตอบคําถามขอ้ 19-20

จากมามาลิ่วลาํ้ ลาํ บาง
บางยี่เรือราพลาง พพ่ี ร้อง
เรือแผงช่วยพานาง เมยี งม่าน มานา
บางบ่รับคาํ คล้อง คลา่ วนํา้ ตาคลอ

19. คาํ ประพันธ์ดงั กล่าวเดน่ เรอื่ งใดมากท่สี ุด
1) การนําธรรมชาตทิ ่พี บเหน็ เชือ่ มโยงกับอารมณ์รัก
2) การแสดงอารมณอ์ าลยั อาวรณ์
3) การใชค้ าํ แสดงอารมณโ์ ศก
4) การใช้คาํ แสดงความนอ้ ยใจ

ภาษาไทย (128) __________________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

20. จุดมุ่งหมายของคาํ ประพันธด์ งั กลา่ วคือข้อใด
1) ต้องการให้หญิงคนรกั เป็นห่วง
2) ต้องการให้ตนเองสบายใจ
3) ต้องการให้ธรรมชาติเป็นตัวแทนความในใจ
4) ต้องการใหห้ ญงิ คนรักรูถ้ งึ ความรกั ความอาลยั ทมี่ ีตอ่ นาง

21. “อีกคาํ เพราะบรรสาน ฤดิแหง่ ประชาชน” เน้นมงคลดว้ ยความหมายใด

1) เอือ้ เฟอ้ื เจือจุนแกค่ นทวั่ ไป 2) ไม่เบียดเบียนแตเ่ สียสละดว้ ยใจยนิ ดี

3) ใช้คําพดู ผูกจิตใจชนทั้งหลาย 4) อนุโลมตามความประสงคไ์ มข่ ดั ขวางประชาชน

ใชข้ ้อมูลตอ่ ไปน้ตี อบคาํ ถามขอ้ 22-23

ก. ชชู กไดน้ างอมติ ตดามาเป็นภรรยาเน่อื งจากบดิ าของนางยกนางให้แทนการใชห้ นี้
ข. พระอินทรแ์ ปลงเป็นพราหมณ์มาขอพระราชทานพระนางมทั รี
ค. พระเจา้ กรงุ สญชัยทรงไถต่ วั สองกุมารจากชชู ก ชูชกกนิ อาหารจนถงึ แก่ความตายท่นี ครเชตดุ ร
ง. พระฤๅษีบอกทางไปเขาวงกตแตช่ ูชก และพรรณนาหมูส่ ัตวแ์ ละพรรณไมต้ ามเส้นทางให้ชชู กฟงั
จ. พระเวสสนั ดรทรงพระราชทานช้างปัจจัยนาค แลว้ ถูกชาวเมอื งกล่าวโทษให้ขบั ออกจากพระนคร

22. ข้อใดเรียงลาํ ดับเนอ้ื เรื่องในมหาชาติได้ถกู ต้องท่ีสุด
1) ก. - จ. - ง. - ค. - ข.
2) ข. - ง. - ก. - จ. - ค.
3) จ. - ง. - ก. - ข. - ค.
4) จ. - ก. - ง. - ข. - ค.

23. ขอ้ ใดบอกช่อื กณั ฑ์ไมต่ รงกบั ขอ้ มูลของมหาชาติ
1) ก. อยูใ่ นกัณฑ์ชูชก
2) ข. อยู่ในกณั ฑ์ทศพร
3) ง. อยใู่ นกณั ฑ์มหาพน
4) จ. อยใู่ นกัณฑห์ มิ พานต์

24. ขอ้ ใดเปน็ วรรณคดที แ่ี ต่งด้วยโคลงและร่าย
1) ตะเลงพ่าย
2) มัทนะพาธา
3) นิราศพระบาท
4) มหาเวสสนั ดรชาดก

25. “สายสินธซ์ุ ึง่ นองพนานต์” ไหลมาจากทิศใด
1) พายัพ
2) ประจมิ
3) อดุ ร
4) บรู พา

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (129)

26. ขอ้ ใดเปน็ สาเหตุสําคัญให้พระมหาอปุ ราชารับคาํ ท้ากระทาํ ยทุ ธหตั ถีกับสมเดจ็ พระนเรศวร
1) ขตั ตยิ มานะ
2) ฮึกเหิมในวีรกรรม
3) สถานการณ์ได้เปรียบ
4) ความกลา้ หาญเดด็ เดย่ี ว

27. สลัดไดใดสลัดนอ้ ง แหนงนอน ไพรฤๅ

เพราะเพื่อมาราญรอน เศกิ ไสร้

สละสละสมร เสมอชื่อ ไมน้ า

นกึ ระกํานามไม้ แม่นแม้นทรวงเรยี ม

กลวิธใี ดไม่มีในคําประพนั ธ์น้ี

1) เลน่ เสียงสัมผัส

2) เลน่ เสียงธรรมชาติ

3) เลน่ เสียงวรรณยุกต์

4) ใช้คําพ้องเสยี งและคําซํ้า

28. งามสองสรุ ยิ ราชลํ้า เลอพศิ นาพอ่
พ่างพัชรินทร ไพจติ ร ศกึ สรา้ ง
ฤๅรามเร่มิ รณฤทธ์ิ รบราพณ์ แลฤา
ทุกเทศทกุ ทิศอ้าง อนื่ ไทไ้ ปเ่ ทยี ม
ใจความสาํ คญั ของโคลงบทนี้กลา่ วถงึ เร่ืองใด
1) การปกป้องแผ่นดินของกษัตริย์
2) ความยิ่งใหญ่ของผู้นําทพั ในการรบ
3) ความสวยงามของยทุ ธหัตถี
4) ศกั ดิศ์ รีของกษตั ริยช์ าตินักรบ

จงอ่านกวนี ิพนธต์ อ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคาํ ถามข้อ 29-31

นฤบดโี ถมถบี สู้ ศกึ ธาร

ฟอนฟาดสงุ สุมาร มอดมว้ ย

สายสนิ ธุ์ซ่งึ นองพนานต์ หายเหอื ด แห้งแฮ

พระเร่งปรีดาดว้ ย เผดจ็ เสีย้ นศกึ กษยั

29. คําทขี่ ดี เส้นใต้ข้างตน้ หมายความว่าอยา่ งไร
1) จระเข้
2) นาค
3) ขา้ ศกึ
4) ศัตรู

ภาษาไทย (130) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27

30. ตวั บทขา้ งตน้ เปน็ เหตกุ ารณ์ตอนใดในเร่อื งลิลติ ตะเลงพ่าย
1) การทําสงครามยทุ ธหตั ถี
2) พระมหาอปุ ราชรําพงึ ถงึ นาง
3) ลางร้ายของพระมหาอปุ ราช
4) พระสบุ นิ ของสมเด็จพระนเรศวร

31. ตัวบทท่ียกมาข้างต้นเปน็ นมิ ติ ท่แี สดงใหเ้ ห็นว่าเหตกุ ารณ์ในเรือ่ งจะเป็นอย่างไรตอ่ ไป
1) พระมหาอปุ ราชจะไม่ไดก้ ลบั เมือง
2) สมเดจ็ พระนเรศวรจะชนะศกึ
3) กษัตริย์ทั้งสองพระองคจ์ ะทํายุทธหัตถี
4) จะมเี หตุร้ายเกิดขนึ้ กบั พระมหาอปุ ราช

32. คําประพนั ธต์ อ่ ไปนี้ไม่ไดเ้ อ่ยถึงบุคคลใด

งามสองสุรยิ ราชล้ํา เลอพิศ นาพอ่

พา่ งพชั รนิ ทรไพจติ ร ศึกสร้าง

ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ

ทกุ เทศทุกทิศอา้ ง อ่นื ไท้ไปเทียม

1) พระมหาอุปราชา

2) พระอินทร์

3) พระเอกาทศรถ

4) ทศกณั ฐ์

33. เออนีเ่ จ้าเทยี่ วพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวนั สารพนั ท่จี ะมี ทงั้ ฤๅษี สิทธ์ิวิทยาธรคนธรรพ์
เทพารักษ์ผูม้ พี ักตร์อนั เจริญ เห็นแล้วกน็ า่ เพลิดเพลินไมเ่ มินได้ หรือเจ้าปะผลไมป้ ระหลาดรสสดสุกทราม
เสวยไมเ่ คยกนิ เจา้ ฉวยชิมชอบลน้ิ ก็หลงฉันอยู่จ่งึ ชา้
ขอ้ ใดสรปุ ขอ้ ความในส่วนผู้พดู จากมหาเวสสนั ดรชาดกตอนน้ีไมถ่ กู ต้อง
1) แสดงความไมพ่ อพระทยั
2) คาดคะเนจากพฤติกรรมที่ค้นุ เคย
3) ประสงค์ใหผ้ ฟู้ งั หันเหจากปญั หา
4) ใช้วาจายอกย้อนเหน็บแนม

34. “เสมอื นหนึ่งลกู หงสเ์ หมราชปักษิณ ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุกในโคลนหนอง” หมายความวา่ อยา่ งไร
1) เปรยี บเหมือนลูกหงส์ ทปี่ ราศจากความสกปรกท้ังปวงแต่ต้องตกลงไปในสิ่งสกปรก
2) เปรยี บเหมอื นลูกนก ทต่ี ้องไปตกระกําลําบาก ซงึ่ เปรยี บเหมอื นการตกไปในโคลนหนอง
3) เปรียบเหมือนลูกหงส์ ไรม้ ลทนิ ใดๆ ท้ังปวงที่อาศยั ยังสระใหญ่ในปา่ หิมพานต์
4) เปรียบเหมอื นลูกนกท่ีตอ้ งไปจากสระมุจลนิ ท์และจะตอ้ งไปตกระกําลําบาก

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (131)

35. คาํ ประพันธต์ อ่ ไปนสี้ ะทอ้ นอารมณ์ความรสู้ กึ ของตวั ละครตามขอ้ ใด
“นางกเ็ สดจ็ ครรไลลว่ งตาํ บลเทีย่ วค้นหาพระลกู ตามลําเนาเนินปา่ ทกุ สมุ ทมุ พุ่มไมพ้ ฤกษาปา่ สงู ยงู ยาง

ใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยอื กเงียบสงดั เหงา ได้ยินแตเ่ สียงดเู หวา่ ละเมอร้องกอ้ งพนาเวศ พระกรรณ
เธอสังเกตว่าสองดรณุ เยาวเรศเจ้าร้องขานอย่แู ว่วๆ”
1) วังเวง
2) วา้ เหว่
3) หวาดหว่ัน
4) วนุ่ วาย
36. “นางเสวยพระอาดรู พนู เทวษในพระอรุ า นํ้าพระอสั สชุ ลนาเธอไหลนองคลองพระเนตร ทรงพระกนั แสง
แสนเทวษพิไรราํ่ ตง้ั แต่ประถมยามคา่ํ ไม่หย่อนหยุดแต่สกั โมงยาม นางเสด็จไต่เตา้ ตามทกุ ตาํ บล ละเมาะไม้
ไพรชสณฑ์สิขรนิ ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบหอ้ งคูหาวาส”
คาํ ประพนั ธ์ข้างต้นนีใ้ ห้รสอารมณ์ทางดา้ นใด
1) เสาวรจนี
2) นารปี ราโมทย์
3) พโิ รธวาทงั
4) สัลลาปังคพสิ ัย
37. “บุญพนี่ ้ีนอ้ ยแล้วนะเจ้าเพอื่ นยาก เจา้ มาตายจากพ่ีไปในวงวดั เจา้ จะเอาปา่ ชัฏนห่ี รือมาเปน็ ปา่ ชา้
จะเอาบรรณศาลาน่หี รอื เปน็ บรเิ วณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสียงสาลิกาอันรา่ํ ร้องนน่ั หรอื มาเปน็ กลองประโคม
ในจะเอาแตเ่ สยี งจกั จ่ันและเรไรอันรํา่ ร้องนัน่ หรือมาต่างแตรสงั ขแ์ ละพิณพาทย์...”
ข้อความจาก “มหาเวสสนั ดรชาดก” ข้อความน้ีแสดงน้ําเสียงเชิงใด
1) ตดั พ้อ
2) คร่าํ ครวญ
3) เยาะเยย้
4) ประชด
38. “แต่แม่เท่ียวเซซงั เสาะแสวงทกุ แหง่ หอ้ งหิมเวศ ทั่วประเทศทกุ ราวปา่ สดุ สายนัยนาท่ีแม่จะตามไปเลง็
แล สุดโสตแล้วทแี่ มจ่ ะซบั ทราบฟังสําเนียง สุดสรุ เสียงที่แม่จะร่าํ เรียกพไิ รร้อง สุดฝเี ทา้ ทแี่ ม่จะเยอ้ื งยอ่ งยก
ยา่ งลงเหยยี บดิน กส็ ุดสิ้นสดุ ปัญญาสุดหาสดุ คน้ เหน็ สุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลกู น้อยแคส่ กั นิด
ไมม่ เี ลย” ข้อความนีม้ ีคุณค่าเชิงวรรณศิลปท์ ่โี ดดเด่นในด้านใด
1) การเลน่ คําและเสียงสัมผสั
2) การสร้างจนิ ตภาพจากความเปรียบ
3) การสร้างอารมณส์ ะเทอื นใจ
4) การประพันธ์ท่ีถูกต้องตามฉนั ทลักษณ์

ภาษาไทย (132) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

39. “สุดสรุ เสียงทแ่ี ม่จะร่าํ เรียกพิไรรอ้ ง สุดฝเี ทา้ ทีแ่ ม่จะเยอื้ งยอ่ งยกยา่ งลงเหยียบดนิ กส็ ุดสิ้นสุดปญั ญา
สดุ หาสุดค้นเห็นสุดคิด” ข้อความน้แี สดงอารมณใ์ ดของตัวละคร

1) เศรา้ สร้อย
2) น้อยใจ
3) สิ้นหวัง
4) หวัน่ หวาด

40. ความในขอ้ ใดสร้างความสะเทอื นใจให้แก่พระนางมัทรี จนทาํ ให้
“ท่ีความโศกกเ็ สื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ”
1) สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วทแ่ี ม่จะซมึ ทราบฟังสําเนียง
2) ถ้าเราทงั้ สองนย้ี งั มชี วี ติ สืบไป อนั สองกมุ ารน้ไี ซร้กค็ งจะไดพ้ บกันเป็นม่นั แมน่
3) เขา้ เถื่อนเจ้าอย่าลืมพร้าไดห้ นา้ เจ้าลมื หลงั ไมแ่ ลเหลียว เทย่ี วทอดประทับมากลางทาง
4) อกแม่น้ใี ห้อ่อนหวิ สดุ ละห้อย ทั้งดาวเดือนกเ็ คล่อื นคล้อยลงลับไม้ สุดท่ีแม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้

41. เรื่องโคลนติดล้อแสดงทัศนะว่าประเทศไทยไมเ่ จริญก้าวหนา้ เทา่ ท่คี วร เพราะสาเหตใุ ด
1) การยดื ถือแต่ประเพณเี ดมิ
2) การมีคา่ นยิ มท่ีไม่เหมาะสม
3) ความผดิ พลาดลม้ เหลวของการศึกษา
4) การเลือกอาชีพทีไ่ มส่ อดคลอ้ งกับยุคสมยั

42. “เมื่อไรหนอ พวกหนุ่มๆ ของเราจงึ จะเข้าใจได้บา้ งวา่ การเป็นชาวนา ชาวสวน หรอื คนทาํ งานการอน่ื ๆ นั้น
กม็ ีเกียรตยิ ศเท่ากบั ทจ่ี ะเปน็ ผ้ทู ํางานดว้ ยปากกาเหมือนกนั ? เม่ือไหรจ่ ึงจะบงั เกิดความรสู้ กึ เกยี รตยิ ศ
แห่งการงานอืน่ ๆ นอกจากงานทที่ ําด้วยปากกา และพิมพ์ดีด?”
ข้อความในเรื่องโคลนตดิ ลอ้ ข้างตน้ น้ี ผู้เขียนมจี ดุ มุ่งหมายจะสื่อสาระตามขอ้ ใด
1) ทกุ คนมเี กยี รติยศเสมอกนั

2) ทกุ อาชพี มีศักดิศ์ รเี ท่าเทยี มกนั
3) พวกหนุ่มๆ ตอ้ งการคาํ แนะนาํ
4) ชาวนาชาวสวนเป็นแบบอย่างทด่ี ี

43. ขอ้ ใดเป็นคาํ พูดของนางมัทนาขณะมีสตสิ มั ปชญั ญะสมบรู ณ์
1) ขา้ ขอแถลงวะจะนะตาม สรุ ะเทวะโปรดปราน

2) โอโ้ อก๋ ระไรอะมระง้อ มะทะนามพิ อดี
3) ตขู า้ สมคั รฤมิสมคั ร ก็มิขดั จะคลอ้ ยตาม
4) หม่อมฉันสดับมะธรุ ะถอ้ ย กส็ าํ นึกเสนาะคาํ

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (133)

44. บ้างไดแ้ ต่ยาผาย บรรจุถ่ายจนถึงดี
เหน็ โทษเขา้ เป็นตรี จ่งึ ออกตัวดว้ ยตกใจ
ข้อใดแปลข้อความท่ขี ีดเสน้ ใตไ้ ด้ถูกตอ้ ง
1) ร้วู ่าอาการไขห้ นกั มาก
2) กนิ ยาถ่ายจนถ่ายไม่หยุด
3) ตกใจเพราะเห็นอาการของคนไข้
4) เห็นอนั ตรายของการให้ยามากเกินไป

จงอา่ นขอ้ ความต่อไปนี้ แล้วตอบคาํ ถามขอ้ 45-47

อาํ ไวจ้ นแกก่ ล้า แพทย์อืน่ มาก็ขดั ขวาง

ตอ่ โรคเขา้ ระวาง ตรีโทษแลว้ จ่งึ ออกตัว

หินชาตแิ พทยเ์ หล่านี้ เวรามีมิได้กลวั

ทาํ กรรมนาํ ใสต่ วั จะตกไปในอบาย

เรยี นรคู้ มั ภรี ์ไสย สขุ มุ ไวอ้ ยา่ แพร่งพราย

ควรกลา่ วจึง่ ขยาย อยา่ ยืน่ แก้วแกว่ านร

45. คาํ ว่า “ตรีโทษ” ในข้อความข้างตน้ หมายความว่าอย่างไร

1) อาการไขห้ นกั

2) อาการปว่ ยสามประการ

3) โทษครั้งทส่ี าม

4) ความผิดสามประการ

46. ผ้แู ต่งแสดงความรสู้ ึกตอ่ แพทยท์ มี่ ีพฤติกรรมดังกลา่ วข้างตน้ เชน่ ไร

1) ประชดประชันโดยแสดงให้เห็นวา่ เปน็ พฤตกิ รรมท่ไี มค่ วรเอาเยีย่ งอยา่ ง

2) แสดงให้เห็นวา่ แพทย์เหล่านนั้ เปน็ บคุ คลอนั ตรายโดยใชน้ ้าํ เสียงแสดงความเจ็บแคน้

3) สาปแชง่ ให้แพทยเ์ หลา่ นน้ั ได้รับผลตามเวรกรรมทีก่ ระทําไวด้ ว้ ยน้ําเสยี งเกลยี ดชัง

4) เหยยี ดหยามโดยช้วี ่าการทํากรรมทเี่ ลวทรามเช่นนนั้ จะทาํ ให้ปราศจากความเจรญิ

47. ข้อใดไมใ่ ชห่ นทางปอ้ งกนั แก้ไขไม่ใหแ้ พทย์มีพฤติกรรมทกี่ ล่าวข้าวต้น

1) อยา่ ให้วชิ าความรูแ้ กค่ นทีไ่ มร่ ้คู ุณค่า

2) เรยี นรู้วิชาการแพทยอ์ ยา่ งสขุ ุมรอบคอบ

3) ใชค้ วามรทู้ างการแพทย์ในเวลาท่ีเหมาะสม

4) ถ่ายทอดความร้ใู หแ้ กบ่ คุ คลท่เี หมาะสม

ภาษาไทย (134) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

48. เร่อื ยเรอื่ ยมาเรียงเรยี ง นกบนิ เฉยี งไปท้ังหมู่

ตวั เดียวมาพลัดคู่ เหมือนพ่ีอยู่ผูเ้ ดยี วดาย

ข้อใดกลา่ วถึงกาพยเ์ หเ่ รือบทนไี้ ดถ้ ูกต้อง

1) แสดงบรรยากาศและอารมณ์กลมกลืนกนั

2) พรรณนาเปรยี บเทียบโดยไม่ใชอ้ ปุ มาโวหาร

3) ใชโ้ วหารอุปลักษณ์ไดโ้ ดดเดน่
4) ราํ พันความรู้สึกโดยไม่ไดเ้ ชื่อมโยงกับธรรมชาติ

49. ข้อใดทก่ี วีผู้แตง่ อา้ งวา่ เป็นตน้ เหตุให้นางวันทองกราบบงั คมทลู ผิดพลาดจนตอ้ งถูกประหาร
1) ความประหม่า

2) เคราะหก์ รรม
3) ความเกรงกลวั พระราชอาญา
4) การตัดสินใจไม่เดด็ ขาด

50. คําพูดของนางวันทองต่อไปนี้ ขอ้ ใดไม่ไดต้ ดั พ้อผฟู้ ังชัดเจนท่ีสุด

1) ชอบผิดพอ่ จงคดิ คะนึงตรอง อันตัวน้องมลทนิ หาส้นิ ไม่
ประหน่ึงวา่ วนั ทองน้สี องใจ พบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น
ยามมที ี่เชยเฉยเสยี ได้
2) แค้นคิดด้วยมติ รไม่รกั เลย กนิ ผลไมต้ ่างข้าวทกุ เพรางาย
เสียแรงร่วมทกุ ขย์ ากกนั กลางไพร คงคดิ คนื ท่ีหมอ่ มเป็นแมน่ ม่ัน
คราวน้ันกไ็ ปอย่เู พราะจําใจ
3) ท่ีจรงิ ใจถึงไปอยูเ่ รอื นอ่ืน กเ็ พราะหากหมอ่ มมซี ่ึงที่หมาย
ด้วยรักลกู รกั ผวั ยังพัวพัน เอน็ ดนู ้องอย่าให้อายเขาอกี เลย

4) พอไดด้ ีมสี ขุ ลมื ทุกขย์ าก
ว่านกั ก็เคร่ืองเคืองระคาย

อา่ นคาํ ประพนั ธต์ อ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคําถามข้อ 51-52

มันเกิดเหตทุ ง้ั นี้กเ็ พราะหญิง จงึ หึงหวงช่วงชิงย่งุ ย่ิงอยู่

จําจะตดั รากใหญใ่ ห้หลน่ พรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่ก่งิ เดียว

อวี ันทองตวั มนั เหมอื นรากแกว้ ถา้ ตัดโคนขาดแล้วใบก็เหย่ี ว

ใครจะควรสูส่ มอยู่กลมเกลยี ว ใหเ้ ด็ดเดย่ี วรกู้ นั แต่วนั นี้

51. คําประพนั ธต์ รงกับสํานวนในขอ้ ใด
1) หยกิ เล็บเจ็บเนอ้ื
2) เดด็ บวั ไม่ไวใ้ ย
3) ววั หายลอ้ มคอก
4) ตดั ไฟแต่ต้นลม

โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (135)

52. วรรคทว่ี ่า “อีวนั ทองตวั มันเหมอื นรากแก้ว” หมายถงึ อะไร
1) วันทองเปน็ ผู้รับผลการกระทําท้งั หมด
2) วนั ทองเปน็ ตน้ เหตขุ องเรือ่ งวุ่นวายทั้งหมด
3) วันทองเป็นผู้รู้ทงั้ หมด
4) วนั ทองเป็นผู้ที่นา่ สงสัยกวา่ ใครท้ังหมด

53. กวนอซู ่งึ เป็นตัวละครในเร่ืองสามกก๊ เปน็ ผมู้ คี ณุ ธรรมเดน่ ในเร่ืองใด
1) ซอ่ื สตั ยภ์ กั ดีต่อผู้เปน็ นาย
2) ออ่ นนอ้ มถ่อมตนตอ่ ผมู้ คี ณุ
3) รกั ษาวาจาสตั ย์เหนือกวา่ ชวี ิต
4) แกล้วกลา้ อย่างชายชาตทิ หาร

54. “คร้ันจะเอาเส้อื ใหมน่ ้ันใสช่ ้ันนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่าไดใ้ หม่แลว้ ลืมเกา่ ”
คําพดู นี้แสดงอปุ นิสัยของกวนอูในขอ้ ใด
1) จงรักภกั ดตี ่อนาย
2) รู้จักประมาณตน
3) รจู้ ักถนอมน้าํ ใจคน
4) ร้จู ักกาลเทศะและบคุ คล

55. “เล่าปี่นน้ั เป็นคนมสี ติปญั ญา ถา้ ละไว้ก็จะมีกําลงั มากขึน้ อปุ มาเหมอื นลกู นกอนั ขนปกี ยังไม่ขึ้นพรอ้ ม”
หมายความว่าอยา่ งไร
1) เลา่ ปี่เปน็ ผ้มู กี ําลังยงั ไม่เต็มที่ เปรยี บเหมือนนกท่ียงั มขี นน้อย
2) เล่าปีเ่ ป็นคนมคี วามรู้ แตป่ จั จุบันยงั ไมพ่ ร้อมถา้ พรอ้ มจะเป็นคนท่เี ข้มแขง็
3) เล่าป่ีเป็นคนมไี หวพริบ ถ้าปล่อยปละละเลย จะทาํ ให้เกิดอันตรายไดใ้ นภายหลงั
4) เลา่ ปี่เป็นคนฉลาด ย่ิงนบั วันจะยงิ่ มีกําลงั ปจั จบุ นั เหมือนนกทย่ี ังบินได้ไม่สูงเน่อื งจากยงั มีความพร้อม
ไมเ่ ต็มท่ี

56. วรรณคดรี สใดทีน่ ายชติ บุรทัต ใช้นอ้ ยทีส่ ุดในการแต่งสามัคคเี ภทคําฉันท์
1) เสาวรจนี
2) นารีปราโมทย์
3) พิโรธวาทัง
4) สัลลาปังคพไิ สย

57. ข้อใดแสดงแกน่ เรอ่ื งของเรื่องสามัคคีเภทคาํ ฉันท์

1) ถือทิฐมิ านสา หสโทษพิโรธจอง

2) แยกพรรคสมรรคภนิ ทนส้ินบปรองดอง

3) ขาดญาณพิจารณต์ รอง ตริมลักประจกั ษ์เจือ

4) เชื่ออรรถยุบลเอา รสเล่าก็ง่ายเหลือ

ภาษาไทย (136) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27

58. แมม้ ากผิก่งิ ไม้ ผวิ ใครจะใคร่ลอง

มดั กาํ กระนัน้ ปอง พลหักก็เตม็ ทน

ขอ้ ใดไมอ่ าจอนุมานได้จากขอ้ ความข้างตน้

1) ควรยกประโยชน์ยื่น นรอ่ืนก็และเหลยี ว

2) แยกพรรคสมรรคภณิ ทนสน้ิ บปรองดอง

3) ดบู า้ งและกลมเกลยี ว มิตรภาพผดงุ ครอง

4) ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม

59. เหตุที่แทจ้ รงิ ทท่ี าํ ใหก้ ษตั ริยล์ จิ ฉวแี ตกความสามคั คี คือขอ้ ใด

1) ตา่ งองคน์ าํ ความมงิ ามทลู พระชนกอดศิ รู

แหง่ ธโดยมูล ปวัตดคิ์ วาม

2) แตกรา้ วกร้าวรา้ ยกป็ า้ ยปาม ลุวรบิดรลาม

ทลี ะน้อยตาม ณ เหตุผล

3) ฟน่ั เผ่ือเชื่อนัยดนยั ตน นฤวิเคราะหเสาะสน

สืบจะหมองมล เพราะหมายใด

4) หลายอย่างตา่ งกลธขวนขวาย พจนยุปรยิ าย

วญั จโนบาย บเวน้ ครา

60. ข้อใดคอื แก่นเรือ่ งสามคั คเี ภทคําฉนั ท์

1) แม้มากผกิ ิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง

มัดกาํ กระนั้นปอง พลหกั กเ็ ตม็ ทน

2) เหลา่ ไหนผิไมตรี สละล้ี ณ หมตู่ น

กจิ ใดจะขวายขวน บ มพิ รอ้ มมิเพรียงกัน

3) อย่าปรารถนาหวัง สขุ ทง้ั เจรญิ อนั

มวลมาอบุ ตั ิบรร- ลุไฉน บ ไดม้ ี

4) ปวงทุกข์พิบตั รสรร- พภยนั ตรายกลี

แม้ปราศนิยมปร-ี ตปิ ระสงคก์ ค็ งสม

61. “สมบัตอิ ินทร์พรหมทั้งหลายก็ดี ถา้ จะเปรยี บดว้ ยสมบัตนิ ิพพานนน้ั ประดจุ เอาหิ่งห้อยมาเปรียบด้วย
ดวงจนั ทร์” ข้อความท่เี ป็นตวั เข้มหมายความว่าอย่างไร
1) มีความหมายนอ้ ยนดิ เปรียบเทียบมิได้
2) มีปริมาณนอ้ ยนดิ เปรยี บเทียบมไิ ด้
3) มคี ุณคา่ นอ้ ยนดิ เปรียบเทยี บมิได้
4) มีราคาน้อยนดิ เปรยี บเทียบมไิ ด้

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (137)

62. ...แล้วฝงู ยมบาลเอาเชือกเหลก็ แดงอันลกุ เปน็ เปลวไฟไล่กระหวัดรดั ตัวเขา แล้วตระบดิ ใหค้ อเขาขาดออก
แลว้ เอาหวั เขาทอดลงในหม้อเหล็กแดงนน้ั เม่อื แลหวั เขาด้วนอยู่ดงั น้นั ไสร้ บัดเดยี๋ วก็บงั เกิดหวั อันหนึ่ง

ข้นึ มาแทนเลา่ ...
ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะเดน่ ของขอ้ ความน้ี
1) ใชค้ ําท่ีสือ่ การเคลือ่ นไหว
2) พรรณนาโดยใชโ้ วหารความเปรียบ
3) ใชค้ ําเร้าความรู้สกึ ไดอ้ ยา่ งน่ากลวั
4) ใช้คาํ คล้องจองเชื่อมรอ้ ยคําอย่างไพเราะ

63. คําประพนั ธต์ อ่ ไปนี้สอ่ื ความหมายตรงกบั ข้อใด

พาทมี ีสตริ งั้ รอคิด

รอบคอบชอบและผิด ก่อนพร้อง

คําพูดพา่ งลิขติ เขียนร่าง เรียงแฮ

ฟงั เพราะเสนาะตอ้ ง โสตทั้งหา่ งภัย

1) คดิ ทุกอย่างท่ีพูด
2) พดู ทกุ อยา่ งท่คี ิด
3) เขียนร่างไว้ก่อนพูด
4) พดู ตามที่เขยี นร่างไว้

เฉลย ทบทวนวรรณคดีวจิ กั ษ์ 4. 3) 5. 3) 6. 4) 7. 3) 8. 4) 9. 2) 10. 4)
1. 2) 2. 3) 3. 3) 14. 4) 15. 1) 16. 2) 17. 1) 18. 3) 19. 1) 20. 3)
11. 4) 12. 3) 13. 3) 24. 1) 25. 2) 26. 1) 27. 2) 28. 2) 29. 1) 30. 4)
21. 3) 22. 4) 23. 2) 34. 1) 35. 3) 36. 4) 37. 2) 38. 1) 39. 3) 40. 3)
31. 3) 32. 3) 33. 2) 44. 1) 45. 1) 46. 4) 47. 3) 48. 1) 49. 2) 50. 3)
41. 2) 42. 2) 43. 4) 54. 1) 55. 3) 56. 2) 57. 2 58. 1) 59. 3) 60. 1)
51. 2) 52. 2) 53. 1)
61. 2) 62. 2) 63. 1)

————————————————————

ภาษาไทย (138) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 27

เกง็ ขอ สอบ

ชุดที่ 1

๑. ขอ ใดมีคาํ ทุกคาํ มจี าํ นวนพยางคเ ทา กับ “กลไก”
๑) ทวิ ทัศน ผลกรรม พลชี ีพ
๒) กจิ กรรม คุณภาพ จกั จ่นั
๓) เกยี รตยิ ศ ฆาตกรรม จัตรุ ัส
๔) กรมหลวง จติ แพทย ซอมซอ

๒. ขอใดมคี าํ ทม่ี ีเสียงสระตางกบั ขอ อ่ืน

๑) กะทนั หนั ซกั ไซ อะไหล

๒) เยาววัย ไผท เผา พันธุ

๓) มกั กะสนั บรรเทา ลาํ ไย

๔) บรรลยั ยอ มเยา สําปะหลัง

๓. ขอใดมจี าํ นวนพยางคป ด นอยทส่ี ุด
๑) ลําพรู ายพรายพรอยหงิ่ หอ ยจับ
๒) สวา งวับแวววามอรา มเหลอื ง
๓) เสมอเม็ดเพชรรัตนจ ํารัสเรอื ง
๔) คอ ยประเทอื งทุกขทศั นาชม

๔. คาํ วา “กัน” ในขอ ใดเปน คาํ สรรพนาม
๑) พี่ไมช อบใหเธอกันคิว้
๒) กันดกี วา แก
๓) คนบา นนี้ชอบตกี นั
๔) เดก็ ของเราถูกกนั ไมใหเ ขาไป

๕. คาํ วา “ที่” ในขอใดท่ที ําหนา ท่ตี า งกบั ขอ อ่ืน
๑) ความปรารถนาของเขากค็ อื การไปอยูในทห่ี างไกลผคู น
๒) ผมรูจ กั ชอื่ เสยี งของเขามานานแลว ตงั้ แตส มัยทยี่ ังเปนอาจารย
๓) ผมเคยสนทนาแบบผิวเผิน 1 ครง้ั ตอนทเ่ี ขาเขามาทาํ งานใหมๆ
๔) คนเกงไมใชค นทีไ่ มเคยทาํ อะไรผิด แตห มายถึงคนทท่ี าํ ผิดพลาดแลวแกไขไดเ ร็ว

โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (139)

๖. ขอ ใดมีคาํ ซ่งึ เติมลงในชอ งวางไดถ ูกตอ ง

ส่ิงสาํ คัญอยทู ก่ี ารปลูกจติ สาํ นึก .................... คนกลมุ นี้ใหมคี วามรับผิดชอบ .................... สงั คม ซง่ึ ก็

คงจะไมยากจนเกินไป .................... สวนใหญม ีความตัง้ ใจดีอยูแลว .................... ขาดคนชี้นําทางท่ถี ูก

ทค่ี วรใหเ ทานน้ั

๑) จาก กบั ทั้งน้ี แม

๒) ของ ตอ เพราะ เพยี งแต

๓) ของ แก เนอื่ งจาก หาก

๔) แก ใน นอกจากนี้ เวนแต

๗. ขอ ใดอา นแบบคําสมาสทกุ คาํ อธกิ สรุ ทนิ
๑) อธิกมาส อธิกวาร สุขศาลา
๒) สุขลักษณะ สขุ ภาพ มลู นิธิ
๓) มลู ฐาน มูลโค รสวรรณคดี
๔) รสชาติ รสนยิ ม

๘. คาํ ซํ้าในขอใดตางกับขออ่นื
๑) ผูห ญงิ กับของสวยๆ งามๆ เปนของคูกนั
๒) งานน้ีเปน การรวมตวั ของพ่ๆี นองๆ ในวงการหนงั
๓) การจัดโตะอาหาร ผจู ัดเลอื กเอาเมนูเดนๆ ดังๆ มาเสนอ
๔) หากมคี วามรูงูๆ ปลาๆ ก็ไมสามารถเขาทาํ งานทนี่ ไ่ี ด

๙. คาํ ในขอใดมีความหมายนัยตรงและนยั ประหวัดทุกคาํ
๑) มือขวา มือแข็ง มอื สะอาด
๒) มือออน มือตาํ ลึง มอื สกปรก
๓) มอื เบา มอื รอน มอื ใหม
๔) มอื ผี มอื เกา มือจับ

๑๐. ขอใดไมตองการคําตอบ ๒) ทําไมมากันต้ังมากมายอยา งนน้ี ะ
๑) ใครบา งท่ไี มอ ยากทํางานน้ี ๔) เขาไมอ ยากเรยี นวิชานจ้ี ริงนะ
๓) ทกุ คนเตรียมพรอ มกนั แลวใชไหม

๑๑. ขอใดมโี ครงสรา งของประโยคตางกับขออน่ื
๑) สถานทีน่ เ้ี ปนเสมอื นศนู ยรวมใจของชาวไทย
๒) องคพระธาตุเปน รปู ส่เี หลี่ยมสีขาวตบแตงดว ยลวดลายวจิ ิตรทงั้ องค
๓) ตํานานอุรงั คธาตกุ ลาวไวว า พระธาตพุ นมถูกสรา งขึ้นหลังจากพระพุทธเจา ปรินพิ พานไมนานนกั
๔) พระธาตพุ นมเปนพระธาตุประจําปเกดิ หนึง่ ในจาํ นวนสิบสองแหงตามความเช่อื ของชาวลา นนา

ภาษาไทย (140) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 27

๑๒. ขอใดใชร าชาศพั ทถูกตอ ง
๑) พระยาเศวตพาหะ ชา งสาํ คญั สน้ิ แลว
๒) หมายกําหนดการซอ มรบั ปรญิ ญาบตั ร
๓) สมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนสี ิน้ พระชนม
๔) พระบาทสมเด็จพระเจา อยหู ัวมพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ แตง ตัง้ องคมนตรี

๑๓. ขอใดใชร าชาศพั ทผ ดิ
๑) หมอมเจาเกษมโสภาส้ินชีพิตักษัย
๒) สมเด็จพระวนั รัตมอบเสอ้ื ผา สมดุ แกนักเรยี น
๓) สมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพเปนพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจาอยูหวั
๔) พระบาทสมเด็จพระเจา อยหู วั ทรงโปรดสนุ ขั ทีช่ ่ือคณุ ทองแดง

๑๔. ขอ ใดใชภ าษาตางระดบั กับขออื่น
๑) ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนเปน เจาของอาํ นาจอธปิ ไตย
๒) ศิลปนแหง ชาตเิ ปน บุคคลผูสรา งสรรคผ ลงานศลิ ปะอนั ทรงคณุ คา
๓) ผทู ไ่ี ดรบั เลือกเปน สมาชิกแหงราชบณั ฑิตยสถานยอมถอื วาไดรบั ความยกยองอยางสงู สุด
๔) พฤติกรรมความเช่ือเรอ่ื งฤกษย าม เจา ทเี่ จา ทาง และเคร่ืองตกแตงบา นในเมอื งไทยดจู ะเปนพธิ กี าร
เพอ่ื ตนเอง

๑๕. ขอ ใดเปน การแสดงทรรศนะ
๑) การออกกาํ ลงั กายอยา งสมาํ่ เสมอมปี ระโยชนตอ รางกาย
๒) ทางโรงเรยี นทราบวานักเรียนมีปญ หาในการเดินทาง จึงจะจดั รถโดยสารบรกิ ารในบางเสน ทาง
๓) คะแนนเสยี งของผชู นะการเลอื กต้งั มิใชเปน เคร่ืองบงบอกวาเขาไดรับความนิยมจากประชาชน
เสมอไป
๔) รฐั บาลกาํ ลงั แกไ ขสถานการณส ามจงั หวัดภาคใตอยา งเรง ดวน เพอื่ ความปลอดภัยของประชาชน

๑๖. ขอ ใดเปน การโนมนาวใจ
๑) ส่ือมวลชนตอ งเรง เราใหผ คู นดํารงชวี ิตอยอู ยางประหยดั ไมฟมุ เฟอย
๒) ประชาชนตองดาํ รงชีวติ อยา งประหยัด ไมวาเศรษฐกจิ จะเปนอยางไร
๓) ขา ราชการจะตองทาํ งานดว ยความซ่อื สัตย ประหยัดเงินทกุ บาททุกสตางคข องรฐั
๔) หากทุกฝายรวมมอื อยางเต็มความสามารถ ประเทศของเราก็คงพน วกิ ฤตการณ

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (141)

๑๗. ขอ ใดเปนสารของขอความน้ี
ในชีวิตประจาํ วนั ใครอยากจะเปรียบกบั ใครก็เปรียบได แตม นษุ ยนั้นควรพอใจในการกระทําดี

ทส่ี ดุ ของตนกับสภาพแวดลอ มทด่ี รี อบตน เทา นี้กม็ ีความสขุ พอเพียงแลว ไมต องเกรงปมดอยใดๆ
๑) ความสขุ อยทู ีก่ ารกระทาํ
๒) การทํางานไมค วรมีการเปรียบเทียบกนั
๓) ความสขุ เกิดจากความพอใจของมนุษย
๔) การเปรยี บเทียบทําใหเ กิดปมดอ ย
๑๘. ขอ ใดใหเหตผุ ลนา เชอ่ื ถอื ทส่ี ดุ
๑) การออกกาํ ลงั กายทาํ ใหช วี ติ มสี ุข
๒) การดมื่ นมทําใหรางกายแขง็ แรง
๓) การลดนํ้าหนักทําใหปราศจากโรคภัย
๔) การพักผอนนอนหลบั ทําใหสขุ ภาพจิตดี
๑๙. เหตุในขอความตอ ไปนนี้ าจะทาํ ใหเ กิดปญ หาใดมากทส่ี ดุ

งานกอสรา งของประเทศไทยกาวหนา เร็วเกนิ ควร ในขณะท่ีพฒั นาการทางดานกฎหมายคุม ครอง
ความปลอดภัยยงั กา วไปชามาก อีกท้งั คนงานกอ สรา งกม็ ิไดม ีประสบการณ เพราะสว นมากมักเปน
ชาวนาชาวไรท ี่หันมาทาํ งานกอสรางในฤดวู างจากงานเกษตรกรรม
๑) การใชแรงงานไรฝ มอื
๒) การอพยพแรงงานจากชนบท
๓) อบุ ัติเหตใุ นงานกอ สรา ง
๔) การจางแรงงานทไี่ มย ตุ ิธรรม
๒๐. เหตพุ นื้ ฐานของปญ หาในความตอ ไปนค้ี ือขอ ใด

สมยั ท่ีเรมิ่ นํากลองถายรูปเขามาในเมืองไทย เมอื่ รูวามันทําอะไรไดคนไทยทว่ั ไปกเ็ หมือนฝรง่ั คือ
ไมย อมรบั เพราะคดิ วติ กไปตา งๆ นานา โดยเกรงวา นั่นจะเปน การแยกถายรูปถา ยรา งตัวเอง เหมือนกับ
เปน อะไรทีไ่ มไดอ ยกู ับเน้ือกบั ตวั จริง
๑) ความเชือ่ ดงั้ เดมิ
๒) การตอ ตานเทคโนโลยี
๓) ความวิตกกังวลและเกรงกลัว
๔) ความเช่ือตามชาติตะวันตก

ภาษาไทย (142) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

๒๑. ปญหาท่คี งอยถู าวรมาเปน เวลานานปญ หาหนง่ึ ของสงั คม นอกจากปญ หาจราจร การตัดไมท าํ ลายปา
ยาเสพติด พชื ผลทางเกษตรตกตา่ํ แลว ก็คือปญหาการใชภาษาไทย ดูเหมอื นวาปญหาเหลาน้จี ะมีความ
หนกั เบาพอๆ กัน และดูทที า วา จะแกยากพอกนั ดวย
ขอใดไมใชท รรศนะของผูเขยี น
๑) ปญ หาเรอื่ งภาษาไทยเกิดขน้ึ มานาน และแกไ ขไดย าก
๒) ปญ หาเร่อื งภาษาไทยเกดิ ข้นึ มานาน และจะคงอยูต ลอดไป
๓) ปญ หาการใชภาษาไทยมีความสําคัญเชน เดยี วกบั ปญหาสังคมอื่นๆ
๔) การแกปญหาการใชภาษาไทยยากเหมอื นการแกป ญ หาสังคม

๒๒. ขอใดมโี ครงสรา งการใชภาษาแสดงเหตผุ ลแบบเหตไุ ปสูผล

๑) ตน รายปลายดี ๒) ยิ้มดว ยปาก ถากดวยตา

๓) รักดหี ามจ่ัว รักชว่ั หามเสา ๔) เอาหไู ปนา เอาตาไปไร

๒๓. ขอความตอ ไปนีข้ อ ใดเหมาะจะเปนประโยคแรกและประโยคสุดทายของการพูด

ก. ขอขอบใจและแสดงความยนิ ดีอยา งย่งิ กับทุกคนท่ีไดม าวันน้ี

ข. การทําประโยชนแ กประเทศชาตแิ ละทําความดนี ีเ้ ปนส่ิงที่ไมใชง า ย

ค. ท่ีวา ทาํ ดนี เ้ี ปน สง่ิ ทีย่ ากกเ็ พราะวาการทาํ ดนี ี้ตองมแี ผน ตองคิดมาก

ง. ขอทกุ คนจงรบั ความสขุ และความดีโดยพลังของการกศุ ลทไี่ ดทาํ ขอจงประสบความสําเรจ็

ทกุ ประการ

๑) ขอ ข. และขอ ง. ๒) ขอ ก. และขอ ค.

๓) ขอ ข. และขอ ค. ๔) ขอ ก. และขอ ง.

จงอา นขอ ความตอไปนี้ แลว ตอบคาํ ถามขอ ๒๔-๒๕

“เพชรนาํ้ คา งคา งหลน บนพรมหญา เย็นหยาดฟา มาฝนหลงวันใหม

เคลา เคลยี หยอกดอกหญาอยางอาลัย เมอ่ื แฉกดาวใบไผไ หวตะวัน”

๒๔. คาํ ประพันธข า งตนนีม้ ีลีลาการแตงประเภทใด

๑) เสาวรจนี ๒) นารีปราโมทย

๓) พโิ รธวาทงั ๔) สัลลาปงคพสิ ยั

๒๕. คําประพนั ธข างตนนี้ใชว ิธใี ดในการสรางภาพพจน

๑) อุปมา อุปลกั ษณ ๒) อุปลกั ษณ บุคคลวตั

๓) บคุ คลวตั นามนัย ๔) นามนัย อปุ มา

โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (143)

ใชตวั เลือกตอ ไปนี้ตอบคําถามขอ ๒๖-๒๗

ก. เหมือนอุบะนวลละออง เจาแขวนไวใ หเ รยี มชม

ข. หอมอยไู มร วู าย คลา ยกลิ่นผาเจา ตาตรู

ค. นึกถวลิ กลน่ิ บหุ งา- ราํ ไปเจาเศรา ถึงนาง
ง. นึกนองกรองมาลยั วางใหพ ขี่ า งที่นอน

๒๖. ความในขอ ใดแสดงใหเ ห็นถึงการถา ยทอดวฒั นธรรมระหวา งชาติ

๑) ก. ๒) ข.

๓) ค. ๔) ง.

๒๗. ความในขอใดแสดงถงึ ความสมั พันธอยางลกึ ซึ้งของตัวละคร

๑) ก. ๒) ข.

๓) ค. ๔) ง.

๒๘. ขอ ใดกลา วถึงประเพณที ีต่ า งกับขออ่ืน

๑) ครนั้ แลวลงมาศาลาใหญ พระสงฆล งไปอยูพรอ มหนา

พลายแกว อุม ไตรไปวนั ทา ขรัวบญุ ใหบ รรพชาเปน เณรพลัน

๒) ขาจะใหล ูกขาสิบหาชง่ั ขนั หมากมั่งนอ ยมากไมจ จู ี้

ผาไหวสํารบั หนงึ่ ก็พอดี หอมีหา หอ งฝากระดาน

๓) จึงจอดเรอื เขาหนาสะพานใหญ ตาผลวิง่ ไปเอาไมก น้ั

เสียเงินทองใหข นึ้ ไปพลนั ขนขนั หมากข้นึ บนบนั ได

๔) จุดประทปี แสงประเทืองเรอื งรอง มโหรีแซซ อ งประสานซอ

ขบั กลอ มซอมเสยี งสาํ เนียงนวล โหยหวนโอดลน่ั สนน่ั หอ

๒๙. คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดแสดงนาฏการชดั เจนท่สี ุด
๑) เจาลมื นอนซอนพมุ กระทมุ ตาํ่ เด็ดใบบอนชอ นน้าํ ทไ่ี รฝ าย

๒) เงยหนาขนึ้ เถิดเจา พมิ เพอ่ื น แกม เปอ นมาจะเช็ดน้าํ ตาให

๓) สุวรรณหงสท รงพูหอย งามชดชอ ยลอยหลังสินธุ

๔) ดอกไมรอ งปอ งปบสนั่นปา ในแหลงหลา ใครไมม ีเสมอเหมือน

๓๐. หลับเถดิ นะคนดตี รงนห้ี นอ ใจแมพอ เพ่ือนวางไวต างหมอน

คณุ ความดมี ีมาเปนอาภรณ นอนเถดิ นอนน่งิ สนิทนจิ นริ ันดร

ขอใดไมป รากฏในบทกลอนนี้ ๒) ความรัก
๑) ความดี

๓) ความตาย ๔) ความหว งใย

ภาษาไทย (144) __________________________________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 27

๓๑. “ทําไมถงึ ทาํ กับฉนั ได” ขอใดมเี จตนาของประโยคเชนเดียวกับประโยคดังกลาวมาน้ี

๑) ทําไมถึงตองตอบขอ ๔ ๒) ทําไมตองใสเ นือ้ หมตู อนนํ้าเดอื ดคะ

๓) ทําไมถึงซ่ืออยางนี้ ๔) ทําไมลูกเหมน็ จะระเหดิ ไดคะคณุ หนู

๓๒. “เมอ่ื แรกเชื่อนึกวา เน้อื ทบั ทิมแท ๒) มีการใชสญั ลกั ษณ
มาแปรเปน พลอยหุงไปเสยี ได ๔) สัลลาปงคพสิ ัย
กาลวงวา หงสใ หป ลงใจ
ดว ยมไิ ดด หู งอนแตกอนมา”

ขอ ใดกลาวผดิ เก่ยี วกบั คาํ ประพนั ธข า งตน
๑) มีการใชอ ปุ ลักษณ
๓) พิโรธวาทงั

๓๓. “เขาลาํ คลองหัวรอตอระดะ ๒) มลี ักษณะเปนทํานองนริ าศ
ดูเกะกะรอรางทางพมา ๔) จังหวะดจุ ดนตรี
เห็นรอหักเหมอื นหนึ่งรักพี่รอรา
แตรอทารัง้ ทกุ ขม าตามทาง”

ขอ ใดกลา วผิดจากคําประพันธข างตน
๑) มีการเลนคํา
๓) สัมผสั พยัญชนะเดน

๓๔. “ฉนั ไปตลาดมา กะจะหาอะไรกนิ เรยี กเธอมไิ ดย นิ รจึ ะไมไปดว ยกนั ”

ขอ ความนม้ี กี ารเรยี งรอยประโยคตามขอใดเดนที่สดุ

๑) การเช่ือม ๒) การซา้ํ

๓) การละ ๔) การแทน

๓๕. ขอ ใดมที ้ังพยางคป ด และพยางคเ ปด ๒) หนองคาย
๑) เชยี งใหม ๔) ชุมพร
๓) ระยอง

โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 27 __________________________________________ภาษาไทย (145)

ชดุ ท่ี 2

ใช้ขอ้ มูลบรรณานกุ รมตอ่ ไปนีต้ อบคาํ ถาม ขอ้ 36-37

รองศาสตราจารย์จุไรรตั น์ ลกั ษณะศริ ิ. 2552. ตัวเขยี นยคุ อารยธรรมโบราณ. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2.
กรุงเทพฯ: สาํ นกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .

36. ข้อใดผดิ หลกั การเขยี นบรรณานุกรม 2) ครัง้ ท่ีพมิ พ์
1) ปที ่พี ิมพ์ 4) ผู้พมิ พเ์ ผยแพร่
3) สถานทพ่ี ิมพ์
5) คาํ นําหน้าชอ่ื ผูแ้ ตง่

37. ในการเรียงลาํ ดับบรรณานุกรม ซ่อื ใดควรมากอ่ นข้อมลู ขา้ งต้น

1) รจนา ปานทพิ ย์ 2) ปองใจ กจิ เทีย่ ง
3) งามเนตร สถติ พร 4) ฉัตรดนยั เอี่ยมอดุ ม
5) ชชั วาล จันทรป์ ระดิษฐ์

จงเลอื กคําในขอ้ 38 และ 39 ที่เหมาะสมเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง ตามลําดบั

ระเนระนาดแล้ว เนปาล
ผืนพสธุ า .........38......... แหลก .........39.........
กาฐมาณฑดุ ั่งมาร มาถล่ม
ถมทับดบั ชีพอา้ อกโออ้ าดูร

38. 1) ลาญ 2) ไหว
3) สูบ 4) ถล่ม
5) ลับ

39. 1) ลม่ 2) สลาย
3) ลาญ 4) หล้า
5) แยก

40. ขอ้ ใดมีเสยี งสระประสม 2) เป็นพเ่ี ปน็ นอ้ ง
1) คนไทยนดี้ ี 4) เป็นของคนไทย
3) เมืองไทยเมืองทอง

41. ข้อใดมคี าํ ท่สี ร้างต่างจากข้ออื่น

1) รถรา พัดวี บา้ นเชา่ 2) ทรัพยส์ นิ ดนิ ฟ้า ใหญ่น้อย
3) ทองคาํ เกีย่ วขอ้ ง ผูค้ น 4) โคลนตม ดมดอม กล่นิ อาย

ภาษาไทย (146) __________________________________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 27

42. คําในขอ้ ใดเปน็ คําสมาสทุกคาํ
1) ราชดําเนนิ เยาวชน
2) เมรมุ าศ จินตภาพ
3) จิตเวช สุรโิ ยทัย
4) โทรทัศน์ ทนุ ทรัพย์

43. ตาํ รวจ .................... จนจบั คนร้ายไดแ้ ละลงมือ .................... เพื่อทาํ สาํ นวนคดสี ง่ ให้ศาล ....................
1) สบื สวน / ไต่สวน / สอบสวน
2) สบื สวน / สอบสวน / ไตส่ วน
3) ไต่สวน / สอบสวน / สบื สวน
4) สอบสวน / สบื สวน / ไต่สวน

44. สถานการณต์ ่อไปนตี้ รงกบั สาํ นวนในข้อใด
“ครอบครวั ของเขาถกู ฟ้องล้มละลาย แต่ภรรยาและลูกของเขากย็ ังใชช้ ีวิตหรูหราฟ่มุ เฟือย ขับรถยนต์

ราคาแพงๆ กนิ อาหารภตั ตาคาร”
1) จมไมล่ ง
2) เจ้ายศเจา้ อยา่ ง
3) เหน็ ช้างขี้ ขตี้ ามชา้ ง
4) กินขา้ วรอ้ น นอนตื่นสาย
45. ข้อใดไมเ่ ปน็ ประโยค
1) ทางการจนี ยอมรับวา่ เจ้าหนา้ ทก่ี ระทาํ ผดิ
2) บคุ คลท่มี พี รสวรรคม์ กั ไดร้ บั การยกยอ่ งจากผู้คน
3) ความเขา้ ใจกนั ช่วยใหส้ งั คมสงบสุข
4) การฝึกซ้อมกีฬาเพื่อลงชงิ ชัยในสนามระดับโลก
46. ประโยคในขอ้ ใดต่อไปน้บี กพรอ่ ง
1) เขาขับรถชนตน้ ไม้ตาย
2) แม้เขาไมม่ เี งนิ แตก่ ม็ ักทาํ บญุ
3) นกั วเิ คราะห์เชอ่ื วา่ เศรษฐกจิ จะต้องดี
4) รัฐบาลม่ันใจว่าจะพาชาตไิ ทยรอด
47. ประโยคในข้อใดใชภ้ าษาได้กระชบั ทีส่ ุด
1) สปาขอขอบคุณท่ที ่านใหค้ วามสนใจในการให้บริการของเรา
2) ความรักและความเข้าใจทาํ ให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์
3) ก่อนรบั ประทานอาหารควรทาํ การลา้ งมือให้สะอาดทกุ ครง้ั
4) ขอเชญิ รว่ มทาํ บุญและฟงั เทศน์มหาชาตดิ ้วยตนเองท่ีวดั ใหญพ่ รุ่งนี้

โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 27 __________________________________________ภาษาไทย (147)

48. ข้อใดใชส้ ํานวนต่างประเทศ
1) แมข่ องฉันถกู ลอตเตอร่ีบ่อย
2) นติ ยสารทอี่ อกใหมข่ ายดเี ป็นพเิ ศษเพราะถกู ใจวัยรุ่นมาก
3) ก้องภมู ิใจมากที่ถูกเลือกใหเ้ ปน็ ผูแ้ ทนของโรงเรยี นไปประกวดสุนทรพจน์
4) คนที่ถูกผง้ึ จาํ นวนมากรมุ ตอ่ ยอาจตายเพราะหลอดลมบวมจนหายใจไมอ่ อก

49. ข้อใดใช้ภาษาต่างระดับกบั ข้ออน่ื
1) โรคผ่นื ภูมิแพผ้ ิวหนงั อกั เสบเป็นโรคทเ่ี กดิ ขึ้นแก่เดก็ มากกวา่ ผูใ้ หญ่
2) ในตอนแรกนี้ คณุ หมอขอกลา่ วถงึ เรอ่ื งของผิวหนังแหง้ กอ่ นครับ
3) ลกู น้อยควรจะใชค้ รีมทม่ี ีความเขม้ ข้น ไม่ใช้โลชน่ั ซึ่งผสมนํ้ามาก
4) นอ้ งหนตู ้องใชค้ รีมบํารงุ ผิวทันทหี ลังอาบนํา้ ไมเ่ ชน่ นั้นผิวน้องหนูจะแหง้ ยิ่งขึ้น

50. ขอ้ ใดเป็นคาํ ราชาศัพทท์ ่ีใชแ้ ทนคาํ กริยาในวงเลบ็ ได้ถกู ตอ้ งตามลําดับ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว (ด)ู ผลการดําเนินงานของโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาํ ริ แล้ว

(ทักทาย) กบั ราษฎรท่มี าเฝ้ารบั เสดจ็
1) ทรงทอดพระเนตร ทรงทกั ทาย
2) ทรงทอดพระเนตร ทรงมีพระราชปฏสิ ันถาร
3) ทอดพระเนตร ทรงพระราชปฏสิ ันถาร
4) ทอดพระเนตร มพี ระปฏิสนั ถาร

51. ขอ้ ใดใช้คําราชาศัพทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง
1) เขาได้รบั พระราชทานปรญิ ญาบัตรจากพระราชหตั ถ์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั
2) พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะแพทย์ตรวจพระราชหฤทยั
3) สมเด็จพระนางเจา้ ฯ ทรงเสดจ็ พระราชดาํ เนินไปเป็นพระประธานในงานเปล่ยี นเคร่ืองทรงพระแก้วมรกต
4) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้มูลนิธิ
โรงพยาบาล

52. ประกาศในข้อใดบกพร่องทสี่ ดุ
1) เรียนการตลาดออนไลน์ 6 เดือนจบ ตดิ ตอ่ ตู้ ปณ. 84 วังทองหลาง
2) ตอ้ งการพนกั งานชาย รายไดด้ ี มีทพี่ ัก พร้อมอาหารทกุ มอื้
3) คอมพิวเตอร์...เงนิ สดลดพเิ ศษ 02-123-4567
4) ให้เช่าแผงขายของในห้างรวยดี ตดิ ต่อเจา้ ของห้าง

53. เรยี งความเรื่อง “หนุ่ กระบอก” ควรเรียงลําดบั เนือ้ หาอยา่ งไรจึงจะเหมาะสม
1) วิธกี ารสร้าง วิธีการแสดง ทีม่ า วธิ กี ารเกบ็ รักษา
2) วธิ ีการแสดง วธิ ีการสรา้ ง ทม่ี า วิธีการเกบ็ รักษา
3) ที่มา วธิ ีการสร้าง วธิ กี ารแสดง วธิ กี ารเกบ็ รักษา
4) วธิ กี ารสร้าง ที่มา วธิ ีการแสดง วธิ กี ารเกบ็ รกั ษา

ภาษาไทย (148) __________________________________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 27


Click to View FlipBook Version