๑๓๕ จุดอ่อน (Weakness) W1 กฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ พืชเศรษฐกิจและผลผลิตจากภาคการเกษตรหลายชนิดของประเทศไทยได้รับการ คุ้มครองและอุดหนุนทางด้านราคาจากภาครัฐ ส่งผลให้มีกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายประการ เช่น การควบคุมเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ ามัน การควบคุมการน าเข้าน้ ามันปาล์มและน้ ามันเมล็ดในปาล์ม การห้ามไม่ให้น าอ้อยไปผลิตผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่น้ าตาล เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อจ ากัดที่ส าคัญที่มีผล โดยตรงต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศ W2 ความสามารถในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ จ ากก า รที่อุต ส าหก ร รมชี วภ าพ ยังถือเป็นเ รื่องใหม่ส าห รับป ร ะเทศไท ย กระบวนการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์จ าเป็นต้องใช้ความรู้ความสามารถทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ร่วมกัน ซึ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังขาดศักยภาพในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ รวมถึงการให้ค าปรึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ น าผลิตภัณฑ์ชีวภาพไปต่อยอดในการผลิตเป็นสินค้าปลายน้ า หรือสินค้าส าเร็จรูป W3 ขาดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชีวภาพและศูนย์ทดสอบรับรอง ผลิตภัณฑ์ชีวภาพจ าเป็นที่จะต้องได้รับการทดสอบด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ได้ มาตรฐาน และจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ถึงแม้ว่าในประเทศไทย จะมีผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ได้รับการรับรองอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามยังมีผลิตภัณฑ์ชีวภาพอีกจ านวนมาก ที่ยังไม่มีมาตรฐานรับรอง นอกจากนี้ประเทศไทยยังขาดศูนย์ทดสอบกลางที่สามารถออกใบรับรอง มาตรฐานที่น่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการ W4 ขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร จึงส่งผลให้มีผู้เชี่ยวชาญในภาคการเกษตรเป็นจ านวนมาก แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมชีวภาพที่ใช้วัตถุดิบ จากภาคการเกษตรนั้น ยังพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญในสาขาดังกล่าวค่อนข้างน้อย และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ มาจากผู้มีประสบการณ์ทางด้านปิโตรเคมีที่ใช้วัตถุดิบจากปิโตรเลียม ส่งผลให้เมื่อเปรียบเทียบ กับประเทศผู้น าในอุตสาหกรรมชีวภาพแล้ว ประเทศไทยจะเสียเปรียบในการแข่งขันเนื่องจากการ ขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน W5 ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม จากการที่อุตสาหกรรมชีวภาพยังถือเป็นเรื่องใหม่ส าหรับประเทศไทย ส่งผลให้ยังไม่ เป็นที่รู้จักมากนักของวงการการเงินการธนาคารหรือตลาดทุนของไทย อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการ ส่งเสริมทางการเงินให้กับอุตสาหกรรมประเภทนี้เป็นการเฉพาะ รวมถึงยังขาดข้อมูลทางด้านอุปสงค์ อุปทานของตลาดและช่องทางการจัดจ าหน่าย ซึ่งแตกต่างกับประเทศผู้น าในอุตสาหกรรม อย่างสหรัฐอเมริกา จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ส่งผลให้ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพจึงยังเป็นสิ่งที่ยากล าบาก W6 ขาดเทคโนโลยีการผลิตในเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีการผลิตถือเป็นต้นทุนที่ส าคัญของภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันประเทศไทย ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีการผลิตในเชิงพาณิชย์ส าหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ
๑๓๖ โดยบริษัทที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตของอุตสาหกรรมชีวภาพส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และสหราชอาณาจักร W7 กระบวนการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมแบบมืออาชีพ อุตสาหกรรมชีวภาพเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตและถือได้ว่า เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมระดับโลก กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่จะต้องมีการ บริหารจัดการแบบมืออาชีพ แตกต่างกับกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่งผลให้การติดต่อประสานงานหรือการบริหารจัดการมีความแตกต่างกันค่อนข้างสูง ทั้งทางด้าน มาตรฐานการผลิต คุณภาพของสินค้า ความรู้ความสามารถของบุคลากร การบริหารจัดการทางการเงิน และจรรยาบรรณในการด าเนินธุรกิจ ทั้งนี้ผู้ประกอบการของไทยส่วนใหญ่ยังขาดความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมแบบมืออาชีพ W8 ขาดหน่วยงานที่รับผิดชอบเฉพาะด้านส าหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานกลางที่ดูแลรับผิดชอบในการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งปัจจุบันจะแบ่งแยกการท างานตามพืชวัตถุดิบ เช่น อุตสาหกรรมอ้อยมีส านักงานคณะกรรมการอ้อย และน้ าตาลทราย (สอน.) เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบและดูแลทั้งระบบตั้งแต่ภาคการเกษตร จนถึงภาคอุตสาหกรรม แต่พบว่ายังมีข้อจ ากัดในเรื่องอ านาจหน้าที่บางประการเนื่องจากเป็นหน่วยงาน ของภาครัฐ อุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันมีเพียงคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ ามันแห่งชาติ (กนป.) ที่รวบรวมบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดท านโยบาย ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ปาล์มน้ ามัน ซึ่งแตกต่างกับประเทศผู้น าในอุตสาหกรรมชีวภาพจากปาล์มน้ ามันของโลกอย่างมาเลเซีย ที่มีคณะกรรมการปาล์มน้ ามันแห่งมาเลเซีย (Malaysian Palm Oil Concil : MPOC) เป็นหน่วยงานหลัก ในการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันของมาเลเซียที่มีขอบเขตของอ านาจหน้าที่สูงและสามารถด าเนิน กิจกรรมหลายเรื่องแทนภาคเอกชนได้ W9 การค านึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคในประเทศ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศก าลังพัฒนาประชากรส่วนใหญ่มีรายได้ไม่มากนัก ส่งผลให้การเลือกซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของประชากรในประเทศยังค านึงถึงด้านราคาเป็นหลัก โดยปัจจุบันแม้ว่าผลิตภัณฑ์ชีวภาพจะสามารถเทียบเคียงหรือใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้หลายชนิด รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า แต่หากเปรียบเทียบทางด้านราคาแล้วผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง ผู้บริโภคในประเทศส่วนใหญ่จึงยังมองผลิตภัณฑ์ชีวภาพเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ ทางเลือก W10 ภาพพจน์ทางด้านตราสินค้าของผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตจากประเทศไทย ถึงแม้ว่าภาพพจน์ทางด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตจากประเทศไทย จะเป็นที่ยอมรับในระดับโลก แต่จากการที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยเพิ่งเข้าสู่ ตลาดได้ไม่นานส่งผลให้ตราสินค้าผลิตภัณฑ์ชีวภาพของประเทศไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับตราสินค้าของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย ที่เข้าสู่ตลาดมาก่อน ภาพพจน์ทางด้านตราสินค้าของไทยจึงถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนประการหนึ่ง W11 ขาดช่องทางการจัดจ าหน่าย ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เป็นสินค้าส าหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ใช้งานเฉพาะด้าน ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมเครื่องส าอาง อุตสาหกรรมอาหาร
๑๓๗ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติก เป็นต้น ซึ่งการจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพของไทย เข้าสู่อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากช่องทางการจัดจ าหน่ายถูกควบคุมโดยผู้ผลิต ที่อยู่ในตลาดมานาน W12 สัดส่วนของเกษตรกรรายย่อยที่สูง ประเทศไทยมีสัดส่วนของเกษตรกรรายย่อยที่ปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ข้าว มันส าปะหลัง ยางพารา อ้อย ปาล์มน้ ามัน สูงกว่าการรวมกลุ่มปลูกในรูปแบบของสหกรณ์ หรือบริษัทจ ากัด ส่งผลให้ทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิตที่ได้มีคุณภาพต่ ากว่าการปลูกแบบแปลงใหญ่ ที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ W13 ความแปรปรวนของปริมาณวัตถุดิบ ถึงแม้ว่าจุดแข็งที่ส าคัญของอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยคือการที่สามารถ ปลูกพืชที่เป็นวัตถุดิบส าคัญในอุตสาหกรรมได้เอง แต่การปลูกพืชดังกล่าวจ าเป็นต้องพึ่งพาสภาพ ภูมิอากาศ โดยหากปีไหนเกิดภาวะแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานาน หรือเกิดอุทกภัย จะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตของพืชที่ลดลง เช่น ปริมาณผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ มีมากถึง ๑๓๔.๙๓ ล้านตัน แต่ในฤดูการผลิต ๒๕๖๓/๒๕๖๔ กลับมีจ านวนลดลงเหลือเพียง ๖๖.๖๕ ล้านตัน ซึ่งความแปรปรวนของปริมาณวัตถุดิบดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบ ในภาคอุตสาหกรรม โอกำส (Opportunities) O1 ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตในเชิงพาณิชย์ ถึงแม้ว่าบริษัทที่เป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตในเชิงพ าณิชย์ ของอุตสาหกรรมชีวภาพจะยังไม่มีบริษัทของประเทศไทย แต่จากการที่บริษัทดังกล่าวมีสาขา หรือตัวแทนจ าหน่ายตั้งอยู่ในประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคอาเซียนอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ย่อมส่งผลให้การเดินทางเพื่อติดต่อประสานงานหรือการพบปะพูดคุยเพื่อความร่วมมือทางด้าน เทคโนโลยีในการผลิตสามารถท าได้ง่าย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงเทคโนโลยี ของผู้ประกอบการไทย O2 แนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ชีวภาพในตลาดโลก จากปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกก าลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทั้งสภาวะโลกร้อน ภัยแล้ง น้ าเสีย หรือความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศที่ลดลง ส่งผลให้เกือบทุกประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะ ในกลุ่มประเทศยุโรปที่ประชากรมีรายได้สูงตื่นตัวในการลดปัญหาที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้จากการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ หลักรวมถึงใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการผลิต ซึ่งส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ชีวภาพในตลาดโลก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น O3 คุณภาพของผลิตภัณฑ์ชีวภาพในปัจจุบันเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ทั่วไป ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผลิตในอุตสาหกรรมชีวภาพที่ใช้ชีวมวลจากพืชเป็นวัตถุดิบ ที่มีความก้าวหน้าและทันสมัย ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตได้มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ ของตลาดโลก โดยสามารถใช้ทดแทนหรือเทียบเคียงกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมได้เช่น พลาสติกชีวภาพ
๑๓๘ ที่ผลิตจากอ้อย น้ ามันหล่อลื่นหรือสารลดแรงตึงผิวที่ผลิตจากปาล์มน้ ามัน เป็นต้น ส่งผลให้ในอนาคต ผลิตภัณฑ์ชีวภาพน่าจะถูกใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น O4 ขนาดของตลาดผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีขนาดใหญ่ จากการที่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตได้ในปัจจุบันมีคุณภาพเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ทั่วไป ที่ผลิตจากปิโตรเลียมแต่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ส่งผลให้ปัจจุบันความต้องการผลิตภัณฑ์ ชีวภาพในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขนาดของตลาดผลิตภัณฑ์ชีวภาพจึงขยายใหญ่ขึ้น โดยสังเกต ได้จากกรณีการบริโภคผลิตภัณฑ์โอเลโอเคมีจากปาล์มน้ ามันของโลกที่มีปริมาณสูงถึง ๒๐ ล้านตัน แต่ประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตน้ ามันปาล์มและน้ ามันเมล็ดในปาล์มรวมกันเพียง ๒.๒๗ ล้านตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดโลกมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตน้ ามันปาล์มและน้ ามันเมล็ด ในปาล์มของไทย หรือในกรณีของเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ทั่วโลกมีปริมาณการบริโภคสูงถึง ๒.๑๑ ล้านตัน แต่ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพได้เพียงแค่ ๙๕,๐๐๐ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๔.๕ ของปริมาณเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ผลิตได้ทั้งหมดทั่วโลก อุปสรรค (Threats) T1 ราคาวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศคู่แข่ง ราคาของวัตถุดิบตั้งต้นถือเป็นต้นทุนที่ส าคัญของภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ปัจจุบันราคา วัตถุดิบ ตั้งต้นที่ใช้ในอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย เช่น อ้อย หรือ ปาล์มน้ ามัน มีราคาสูงกว่า ประเทศคู่แข่งในอุตสาหกรรม โดยราคาอ้อยของประเทศไทยสูงกว่าบราซิลซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเอทานอล จากอ้อยรายใหญ่ของโลก และราคาของน้ ามันปาล์มดิบและน้ ามันเมล็ดในปาล์มดิบที่สกัดได้จากปาล์ม น้ ามันของประเทศไทยก็มีราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ดังนั้นราคาวัตถุดิบ ตั้งต้นที่สูงกว่าของไทยจึงกลายเป็นอุปสรรคที่ส่งผลต่อการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ชีวภาพ ซึ่งด้วยต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอาจส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพระดับโลก พิจารณาไม่ร่วมลงทุนหรือตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย T2 ประเทศคู่แข่งในอุตสาหกรรมชีวภาพได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง อุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศคู่แข่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมาเลเซียที่เป็นประเทศผู้น าในอุตสาหกรรมชีวภาพจากปาล์มน้ ามันระดับโลก ซึ่งภาครัฐมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างจริงจังด้วยการก าหนดให้มีแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามัน ๒ ส่วน ได้แก่ แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันโดยตรง และแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมโอเลโอเคมี ต่อเนื่องจากปาล์มน้ ามัน รวมถึงตั้งเป้าหมายการผลิตผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมดังกล่าวเพื่อส่งออก ไปยังตลาดโลก ซึ่งการสนับสนุนอุตสาหกรรมชีวภาพจากปาล์มน้ ามันของรัฐบาลมาเลเซียส่งผลให้ ผู้ประกอบการในประเทศมีต้นทุนทั้งทางด้านวัตถุดิบและเทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันได้ซึ่งถือได้ว่า เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศไทย
๑๓๙ ๖.๓ กำรวิเครำะห์ห่วงโซ่คุณค่ำ (Value Chain) อุตสำหกรรมชีวภำพของประเทศไทย อุตสาหกรรมชีวภาพ เป็นอุตสาหกรรมที่ต่อยอดมาจากภาคการเกษตรซึ่งเป็นแหล่ง ของวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมด้วยการน าผลผลิตมาผ่านกระบวนการในภาคอุตสาหกรรมผลิต เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบจากภาคการเกษตรที่มีอยู่มาก ในประเทศไทย รวมถึงเป็นการยกระดับราคาของผลผลิตจากภาคการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น อันจะช่วยให้เกษตรกรซึ่งเป็นรากฐานของประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ภาพรวมห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย (รูปที่ ๖.๓) สามารถแบ่งออกได้เป็น ๔ ส่วน ที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกัน ประกอบด้วย ๑. ส่วนของวัตถุดิบตั้งต้น คือ ชีวมวลที่เป็นผลผลิตหรือชีวมวลเหลือทิ้งซึ่งเป็นผลพลอยได้ จากภาคการเกษตร และเป็นพืชที่มีศักยภาพที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมชีวภาพได้ เช่น ปาล์มน้ ามัน ทะลายปาล์ม อ้อย ชานอ้อย ใบอ้อย มันส าปะหลัง ใบมัน เหง้ามัน เปลือกมัน ๒. ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นต้น คือ อุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตจากภาคการเกษตรเป็นวัตถุดิบ ตั้งต้น ในอุตสาหกรรม เช่น โรงสกัดน้ ามันปาล์ม โรงกลั่นน้ ามันปาล์ม โรงหีบอ้อย โรงงานน้ าตาล โรงงาน แปรรูปมันส าปะหลัง โดยอุตสาหกรรมดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และกระบวนการผลิตขั้นต้นที่ ไม่มีความซับซ้อน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มีราคาไม่สูง เช่น น้ ามันปาล์มดิบ น้ ามันเม ล็ด ในปาล์มดิบ ไขสบู่ น้ าตาลทราย มันเส้น มันอัดเม็ด แป้งมัน ทั้งนี้ในอุตสาหกรรมขั้นต้นจะรวมถึง อุตสาหกรรมที่ใช้ผลพลอยได้จากภาคการเกษตรเป็นวัตถุดิบด้วย เช่น โรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ด โรงงานผลิตปุ๋ย โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงไฟฟ้าชีวมวล เป็นต้น ๓. ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นกลาง คือ อุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมขั้นต้น เป็นวัตถุดิบ ในการผลิต โดยใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และกระบวนการผลิตที่เริ่มมีความซับซ้อน ต้องอาศัยกระบวนการทางเคมี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีราคาสูงขึ้น อุตสาหกรรมในส่วนนี้จะสามารถ แยกออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อการบริโภคและอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อเป็น วัตถุดิบเชิงอุตสาหกรรม โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค เช่น น้ ามันพืช กลั่นบริสุทธิ์ มาการีน เนยขาว กรดมะนาว กรดน้ าส้ม สารให้ความหวานทดแทนน้ าตาล และตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อเป็นวัตถุดิบเชิงอุตสาหกรรม เช่น กรดไขมันประเภทต่าง ๆ เอสเทอร์ของกรดไขมัน แอลกอฮอล์ของกรดไขมัน กลีเซอรีน กรดแลกติก กรดซักซินิก เอทานอล ไบโอดีเซล ๔. ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นปลาย คือ อุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมขั้นกลาง เป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อน เงินลงทุนสูง รวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นจ านวนมาก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มีราคาสูง อุตสาหกรรมในส่วนนี้ เช่น อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจากปาล์ม น้ ามันขั้นสูง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากอุตสาหกรรมในส่วนนี้ เช่น เม็ดพลาสติกชีวภาพชนิด ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพและชนิดไบโอเบส อิท็อกซิเลทจากน้ ามันเม็ดในปาล์ม กลีเซอรีนกลั่น บริสุทธิ์ อิพิคลอโรไฮดริน เอมีน และอาไมด์จากน้ ามันปาล์ม
๑๔๐ รูปที่ ๖.๓ ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของอุตสาหกรรมชีวภาพ ประมวลผลโดย : ส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย จะแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น ๔ ส่วน ที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันตั้งแต่ส่วนของวัตถุดิบตั้งต้น ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นต้น ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นกลาง และส่วนของอุตสาหกรรมขั้นปลาย เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อน รวมถึงศักยภาพที่มีอยู่ของอุตสาหกรรมชีวภาพในแต่ละส่วน และใช้เป็นข้อมูล เพื่อจัดท าแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทยต่อไป โดยผลการวิเคราะห์ ในแต่ละส่วนมีดังนี้ ส่วนของวัตถุดิบตั งต้น พบว่า เป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการท าเกษตรกรรม ตลอดทั้งปี ส่งผลให้เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมชีวภาพที่ส าคัญทั้งปาล์มน้ ามัน อ้อย มันส าปะหลัง โดยข้อมูลจากส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ประเทศไทยมีผลผลิตปาล์มน้ ามัน อ้อย และมันส าปะหลังอยู่ที่ ๑๖.๑๗ ล้านตัน ๖๖.๖๕ ล้านตัน และ ๒๘.๙๙ ล้านตัน ตามล าดับ โดยแม้ว่าในส่วนของอ้อยและมันส าปะหลังจะมีปริมาณผลผลิตลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าจากสภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้เป็น วัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีชีวมวลที่เป็นของเหลือจากการปลูกพืชหรือการแปรรูป ผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ทะลายปาล์ม เส้นใยปาล์ม กะลาปาล์ม ใบอ้อย ใบมัน เหง้ามัน เปลือกมัน รวมกันมากกว่า ๕๐ ล้านตัน ซึ่งสามารถน าไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมผลิตปุ๋ยชีวภาพ ผสมในอาหารสัตว์ หรือเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ ส่วนของอุตสำหกรรมขั นต้น พบว่า เป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศ ไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากภาคการเกษตร เทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการ ผลิตไม่มีความสลับซับซ้อน ผู้ประกอบการขนาดใหญ่บางรายสามารถผลิตเครื่องจักรได้เองไม่ต้องพึ่งพา วัตถุดิบตั งต้น อุตสำหกรรม ขั นต้น อุตสำหกรรมขั น กลำง อุตสำหกรรมขั น ปลำย อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติก ชีวภาพ อุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจาก ปาล์มน้ ามันขั้นสูง (เช่น อิท็อกซิเลท กลีเซอรีน กลั่นบริสุทธิ์อิพิคลอโรไฮดริน เอมีนและอาไมด์) อุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพ (เอทานอล/ไบโอดีเซล) อุตสาหกรรมน้ ามันพืช/สบู่ อุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจาก ปาล์มน้ ามันขั้นกลาง (เช่น กรด ไขมัน/เอสเทอร์ของกรดไขมัน/ แอลกอฮอล์ของกรดไขมัน) อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ (กรดซิตริก/กรดอะซิติก/กรด แลคติก/กรดซักซินิก/ไซลิ ทอล/ซอบิทอล/กรดอะมิโน) โรงไฟฟ้าชีวมวล อุตสาหกรรมแปรรูปปาล์ม น้ ามันขั้นต้น (โรงสกัด/โรงกลั่น) อุตสาหกรรมน้ าตาล อุตสาหกรรมแปรรูปมันส าปะหลัง ขั้นต้น (แป้งมัน/มันเส้น/มัน อัดเม็ด) อุตสาหกรรมผลิตปุ๋ยชีวภาพ อุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ พืชที่มีศักยภำพในอุตสำหกรรม ปาล์มน้ ามัน อ้อย มันส าปะหลัง ผลิตภัณฑ์พลอยได้ ทะลายปาล์ม/กะลา ปาล์ม/เส้นใยปาล์ม ชานอ้อย/ใบอ้อย ใบมัน/เหง้ามัน/เปลือกมัน
๑๔๑ การน าเข้าจากต่างประเทศ ประกอบกับมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมส่วนนี้เป็นจ านวนมาก โดยจากการศึกษาของคณะท างาน พบว่ามีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันขั้นต้น ได้แก่ โรงสกัดและโรงกลั่นน้ ามันปาล์ม เกือบ ๑๕๐ ราย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ าตาล ๕๗ ราย และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปมันส าปะหลัง (มันเส้น/มันอัดเม็ด/แป้งมัน) มากกว่า ๓๐๐ ราย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประกอบกิจการมาอย่างยาวนานส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นส่งผลให้มีความรู้ ความสามารถและเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดังกล่าวสูง ส่วนของอุตสำหกรรมขั นกลำง พบว่าเป็นจุดอ่อนของอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย เนื่องจากแม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลผลิตจากอุตสาหกรรมขั้นกลางจะมีมูลค่าที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิต จากอุตสาหกรรมขั้นต้น แต่ด้วยกระบวนการผลิตที่เริ่มมีความซับซ้อนต้องใช้องค์ความรู้ทางด้านเคมี เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต ประกอบกับต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเครื่องจักรในการผลิตจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีจ านวนผู้ประกอบการในส่วนนี้ค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการในส่วน ของอุตสาหกรรมขั้นต้น โดยผู้ประกอบการในส่วนนี้จะอยู่ในอุตสาหกรรม ๒ กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมผลิต สินค้าเพื่อการบริโภค และอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อเป็นวัตถุดิบเชิงอุตสาหกรรม โดยมีจ านวน ผู้ประกอบการรวมกันประมาณ ๑๔๐ ราย ซึ่งผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ผลิตได้ เช่น กรดแลคติก มีผู้ประกอบการในประเทศไทยเพียงแค่รายเดียว ส่วนของอุตสำหกรรมขั นปลำย พบว่า เป็นจุดอ่อนของอุตสาหกรรมชีวภาพ ของประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมในส่วนนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนอย่างมากต้องพึ่งพาการน าเข้าเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ใช้ ในกระบวนการผลิตจากต่างประเทศ รวมไปถึงต้องใช้เงินลงทุนสูงและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้านเป็นจ านวนมาก ส่งผลให้มีจ านวนผู้ประกอบการ น้อยมาก โดยผู้ประกอบการในส่วนนี้ เกือบทั้งหมดจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี หรือเป็นผู้ประกอบการต่างประเทศมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ผลิตได้ มีผู้ประกอบการในประเทศไทยเพียงแค่รายเดียว ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย พบว่าส่วนที่เป็นจุดอ่อนของอุตสาหกรรมคือ ส่วนของอุตสาหกรรมขั้นกลางและส่วนของอุตสาหกรรมขั้นปลาย ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้สูง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่อุตสาหกรรมทั้งสองส่วน จะต้องใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร และกระบวนการผลิตที่มีความสลับซับซ้อน ต้องพึ่งพาการน าเข้า จากต่างประเทศ รวมถึงต้องใช้เงินลงทุนและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นจ านวนมาก ส่งผลให้มีจ านวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวไม่มากนัก ทั้งนี้ในการที่จะสามารถพัฒนา อุตสาหกรรมชีวภาพให้เป็นอุตสาหกรรมที่ท าหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงจ าเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องน าข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการวางแผนการด าเนินงานหรือก าหนดนโยบายที่ใช้ในการขับเคลื่อน พัฒนาเพื่อขจัดจุดอ่อนและสร้างจุดแข็งให้กับอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยตลอดห่วงโซ่คุณค่า
๑๔๒ ๖.๔ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบำยในกำรขับเคลื่อนอุตสำหกรรมชีวภำพของประเทศไทย ประเทศไทยมีจุดแข็งที่ส าคัญคือการเป็นแหล่งวัตถุดิบชีวมวลจากภาคการเกษตรทั้งปาล์มน้ ามัน อ้อย และมันส าปะหลัง รวมถึงเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบตั้งต้นที่ส าคัญของอุตสาหกรรมชีวภาพ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบชีวมวลที่เหลือจากกระบวนการผลิตในภาคการเกษตรเป็นจ านวนมาก เช่น ใบอ้อย ชานอ้อย ใบมัน เหง้ามัน ทะลายปาล์ม ดังนั้นประเทศไทยจึงมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นผู้น า ในอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตดังกล่าวเป็นวัตถุดิบโดยในการจัดท าข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย คณะท างานได้ท าการศึกษาแนวคิดอุตสาหกรรมชีวภาพ และตัวอย่างแนวนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศต้นแบบ ซึ่งพบว่าในแต่ละประเทศ จะมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพที่คล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันในด้านประเด็นของเนื้อหา เนื่องจากบริบทของแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกัน รวมถึงได้ท าการศึกษาข้อมูลอุตสาหกรรมชีวภาพ ของประเทศไทยจากกรณีตัวอย่างอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันและอุตสาหกรรมอ้อย รวมถึงข้อจ ากัด สภาพปัญหา และกฎหมาย กฎระเบียบ นโยบายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้ท าการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อม และห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อนและศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันของแต่ละภาคส่วน โดยผลการวิเคราะห์ในส่วนของปัจจัยแวดล้อมพบปัจจัยที่เป็นจุดแข็ง ๖ ปัจจัย ปัจจัยที่เป็นจุดอ่อน ๑๓ ปัจจัย ปัจจัยที่เป็นโอกาส ๔ ปัจจัย และปัจจัยที่เป็นอุปสรรค ๓ ปัจจัย และในส่วนของผลการวิเคราะห์ห่วงโซ่ คุณค่า (Value Chain) พบว่าอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยมีจุดแข็งในส่วนของวัตถุดิบตั้งต้น และอุตสาหกรรมขั้นต้น แต่ก็มีจุดอ่อนที่จะต้องเร่งด าเนินการหาแนวทางเพื่อพัฒนาในส่วนของ อุตสาหกรรมขั้นกลางและอุตสาหกรรมขั้นปลาย จากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะท างานได้จัดท าข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย และสอดคล้องกับกรอบ แนวคิดและวัตถุประสงค์ของการศึกษาที่ได้ก าหนดไว้ใน ๔ ประเด็น ประกอบด้วย ๑) ศึกษาแนวทาง การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ ๒) ศึกษามาตรการการส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน และเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพการผลิตของผู้ประกอบการในการสร้างมูลค่าเพิ่ม บนพื้นฐานของนวัตกรรมและเทคโนโลยี๓) ศึกษาแนวทางการพัฒนาและปัจจัยสนับสนุนที่เป็น มาตรการสนับสนุนต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ และ ๔) ศึกษาและจัดท า รายงานการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพไปสู่ภาคปฏิบัติตามแนวนโยบายของรัฐ โดยมีรายละเอียดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (รูปที่ ๖.๔) ดังต่อไปนี้ รูปที่ ๖.๔ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทย
๑๔๓ ๑. กำรขจัดอุปสรรคและสร้ำงสภำวะแวดล้อมที่เอื ออ ำนวยต่อกำรลงทุนในอุตสำหกรรม ชีวภำพของประเทศไทย สาเหตุจากการที่พืชเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีศักยภาพสามารถใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้น ในอุตสาหกรรมชีวภาพทั้งปาล์มน้ ามัน อ้อย และมันส าปะหลัง เป็นพืชที่ได้รับการอุดหนุนทางด้านราคา สนับสนุนปัจจัยการผลิตและได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ส่งผลให้มีข้อกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องหลายประการที่เป็นข้อจ ากัดในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบจากพืชดังกล่าว ทั้งการควบคุมการน าเข้าวัตถุดิบ การควบคุมราคาจ าหน่าย การควบคุมการน าวัตถุดิบไปผลิตเป็นสินค้า หรือการห้ามตั้งโรงงานอุตสาหกรรมชีวภาพที่ใช้วัตถุดิบจากภาคการเกษตรใกล้แหล่งวัตถุดิบ ซึ่งข้อจ ากัด ขั้นต้นเหล่านี้เป็นสิ่งส าคัญที่ส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น การขจัดอุปสรรค และสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการลงทุนจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งส าคัญที่ภาครัฐจะต้องเร่งด าเนินการ เป็นอันดับแรก เพื่ออ านวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน นักลงทุนรายเดิมหรือผู้ประกอบการรายใหม่ ที่มีความสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพให้สามารถด าเนินการได้อย่างสะดวก และถึงแม้ว่าปัจจุบัน ภาครัฐได้มีการเริ่มด าเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อลดอุปสรรคและข้อจ ากัด บางประการแล้ว แต่ก็ยังพบว่าหลายเรื่องยังมีการด าเนินการไม่แล้วเสร็จ หรือยังไม่ได้ด าเนินการ ดังนั้น เพื่อเป็นการขจัดอุปสรรคและสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการลงทุนในอุตสาหกรรม ชีวภาพของประเทศไทย จึงจ าเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรครวมถึงสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการลงทุนให้เกิดขึ้นในประเทศผ่านนโยบาย หรือการบริหารจัดการของภาครัฐ โดยมีแนวทางที่ต้องด าเนินการดังนี้ การขจัดอุปสรรคด้านกฎหมาย กฎระเบียบต่อการลงทุน ๑.๑ เร่งรัดด าเนินการผลักดันมาตรการที่เกี่ยวข้องกับปาล์มน้ ามันและผลิตภัณฑ์ จากปาล์มน้ ามัน เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ ามันของประเทศทั้งระบบ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ๑.๒ เร่งรัดการด าเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ าตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อให้สามารถน าอ้อยไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่น้ าตาลทรายได้ และจัดสรรวัตถุดิบ (น้ าอ้อย) ให้เพียงพอและเหมาะสมกับอุตสาหกรรมชีวภาพ ๑.๓ ปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สามารถน าเข้าน้ ามันปาล์มและผลิตภัณฑ์ จากปาล์มน้ ามัน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจากปาล์มน้ ามันขั้นกลางและขั้นปลาย ที่มีมูลค่าสูงได้เป็นการเฉพาะ ๑.๔ ปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเอทานอล สามารถจ าหน่ายเอทานอลให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นหรืออุตสาหกรรมต่อเนื่อง นอกเหนือจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพได้ ๑.๕ ปรับปรุงมาตรการและนโยบายการจัดการขยะและกากของเสียในโรงงาน อุตสาหกรรมที่ปัจจุบันก าหนดให้การน าของเสียออกจากโรงงานต้องผ่านกระบวนการกรองของเสียก่อน ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์เหลือทิ้งหรือผลิตภัณฑ์พลอยได้ในอุตสาหกรรม เช่น ชานอ้อย ใบอ้อย กากน้ าตาล ฟางข้าว ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจะต้องมีการขออนุญาตก่อนการเคลื่อนย้าย ๑.๖ เร่งด าเนินการปรับปรุงกฎหมายผังเมืองให้สามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมหรือพื้นที่ที่มีศักยภาพ
๑๔๔ ด้านวัตถุดิบได้ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ภาคการเกษตร (แหล่งวัตถุดิบ) ถูกก าหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่งผลให้โรงงาน อุตสาหกรรมชีวภาพที่มักจะถูกมองว่าเป็นอุตสาหกรรมเคมีไม่สามารถตั้งฐานการผลิตในเขตพื้นที่ดังกล่าวได้ การสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการลงทุน ๑.๗ ปรับปรุงประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และการแพทย์ ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยปัจจุบัน แม้ว่าส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ให้ความส าคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรม เกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ตามนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ แต่ก็พบว่าผลิตภัณฑ์หลายชนิดในห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรม ชีวภาพไม่เข้าเงื่อนไขในประเภทกิจการที่ได้ก าหนดไว้ ๑.๘ ออกนโยบายหรือมาตรการยกเว้นภาษีให้กับผู้ประกอบการที่สนใจลงทุน ในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น มาตรการยกเว้นภาษีเครื่องจักรหรือวัตถุดิบที่ต้องมีการน าเข้าจากต่างประเทศ หรือสามารถน าค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมาใช้หักลดหย่อนภาษี ๑.๙ จัดตั้งหน่วยงานที่ท าหน้าที่ให้การทดสอบและรับรองมาตรฐานเฉพาะด้านหรือ เฉพาะผลิตภัณฑ์ชีวภาพขึ้นภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิต ภายในประเทศ รวมถึงลดต้นทุนในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบและรับรองมาตรฐานในต่างประเทศ ของผู้ประกอบการ ๑.๑๐ สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางส าหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อ รองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ๑.๑๑ เร่งด าเนินการจัดท ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ให้ครอบคลุม ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีการผลิตภายในประเทศไทย ๒. กำรกระตุ้นอุปสงค์กำรบริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภำพภำยในประเทศ การกระตุ้นอุปสงค์การบริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภาพในประเทศเป็นปัจจัยที่ส าคัญอีกประการ หนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ เนื่องจากอุตสาหกรรมชีวภาพและผลิตภัณฑ์ชีวภาพยังถือเป็นสิ่ง ที่ใหม่ส าหรับประเทศไทย ประชาชนหรือผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่เกิดการรับรู้ถึงประโยชน์และ ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวซึ่งอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ยังมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป ไม่สามารถท าตลาดภายในประเทศได้ ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและพัฒนา ในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นการสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์และข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ จึงเป็นสิ่งจ าเป็นที่จะช่วยให้ประชาชนภายในประเทศเกิดการตื่นตัวอันจะส่งผลให้เกิดอุปสงค์ หรือความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายในประเทศขึ้น และจะสามารถผลักดันให้เกิดการลงทุน ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่หลากหลาย เกิดการน าสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพของประเทศ เช่น อ้อย มันส าปะหลัง ปาล์มน้ ามัน มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียด ของมาตรการย่อยที่ต้องด าเนินการดังนี้ ๒.๑ จัดท าชุดข้อมูลและประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ หรือช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้เป็นวงกว้างถึงข้อดี และประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้เกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศ
๑๔๕ ๒.๒ ออกนโยบายหรือมาตรการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐจะต้องจัดซื้อ ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตขึ้นภายในประเทศมาใช้ในหน่วยงาน ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีทั้งผลิตภัณฑ์ ชีวภาพและผลิตภัณฑ์ทั่วไป เช่น ถุงขยะ บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ๒.๓ ออกนโยบายหรือมาตรการทางด้านภาษีเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการบริโภคผลิตภัณฑ์ ชีวภาพ โดยให้หน่วยงานภาคเอกชนสามารถน าค่าใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิตขึ้น ภายในประเทศมาใช้ในการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี ๒.๔ ออกนโยบายหรือมาตรการบังคับให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ ชีวภาพ เช่น ผู้ประกอบการในธุรกิจร้านอาหาร หรือ ผู้ประกอบการในธุรกิจร้านเครื่องดื่ม ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use) จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ ๓. กำรพัฒนำภำคกำรเกษตรเพื่อสร้ำงควำมมั่นคงทำงด้ำนวัตถุดิบและรำยได้เพิ่ม ให้แก่เกษตรกร ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยนั้น ปัจจัยส าคัญที่จะต้องถูกพัฒนา ควบคู่กับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมก็คือการพัฒนาภาคการเกษตรซึ่งเป็นแหล่งตั้งต้นของวัตถุดิบ ทั้งนี้ในการพัฒนาภาคการเกษตรจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์พืช กระบวนการเพาะปลูก กระบวนการเก็บเกี่ยวจนถึงกระบวนการบริหารจัดการผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มีปริมาณ และคุณภาพสูง เกิดความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบส าหรับภาคอุตสาหกรรม และสร้างรายได้เพิ่มให้กับ เกษตรกร โดยมีรายละเอียดของมาตรการย่อยที่ต้องด าเนินการดังนี้ ๓.๑ ส่งเสริมการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ของเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการ ภาคการเกษตรในรูปแบบสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายอย่างเป็นระบบ ทั้งทางด้านปัจจัยการผลิต กระบวนการผลิตและผลผลิต รวมถึงเกิดการแบ่งปันข้อมูลในการเพาะปลูกที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ๓.๒ สนับสนุนการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกพืชที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมชีวภาพในพื้นที่ ที่ได้รับอนุญาตให้สามารถท าการเกษตรและเป็นพื้นที่เป้าหมาย โดยข้อมูลจากส านักงานเศรษฐกิจ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ าตาลทราย กระทรวง อุตสาหกรรม พบว่า ปริมาณผลผลิตพืชส าคัญทั้งอ้อยและมันส าปะหลังของไทยมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นภาครัฐจึงควรมีการส่งเสริมการปลูกพืชดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่เป้าหมาย ๓.๓ สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชส าคัญที่ให้ผลผลิตสูง ด้วยการสนับสนุนการ ศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ ามัน อ้อย และมันส าปะหลัง ซึ่งเป็นพืชส าคัญในอุตสาหกรรมชีวภาพ ให้มีปริมาณผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้นและมีปริมาณสารส าคัญในวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เช่น ปริมาณแป้ง ในมันส าปะหลัง ปริมาณน้ าตาลในอ้อย และปริมาณน้ ามันในปาล์มน้ ามัน โดยจะส่งผลให้เกิดความมั่นคง ทางด้านวัตถุดิบและเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ๓.๔ สนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิต ด้วยการ จัดหาเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อใช้ร่วมกันภายในกลุ่มเกษตรกร ซึ่ง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูกและลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิต และ ลดต้นทุนในการเพาะปลูก ๓.๕ เร่งด าเนินการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างราคาของพืชส าคัญในอุตสาหกรรมชีวภาพ ให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการ
๑๔๖ ๔. กำรส่งเสริมกำรประกอบอุตสำหกรรมชีวภำพขั นกลำงและขั นปลำย ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นกลางและขั้นปลายเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถสร้าง มูลค่าเพิ่มได้มาก แต่ก็ต้องแลกมากับการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรและเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ ปัจจุบันยังมีจ านวนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวไม่มากนัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเสียโอกาส หากพิจารณาถึงเหตุผลที่ว่าประเทศไทยมีจุดแข็งทางด้านวัตถุดิบ ดังนั้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ ขั้นกลางและขั้นปลายที่ใช้วัตถุดิบจากพืชส าคัญ เช่น ปาล์มน้ ามัน อ้อย มันส าปะหลัง จึงเป็นสิ่งที่ส าคัญ ที่ภาครัฐจะต้องเร่งด าเนินการส่งเสริมสนับสนุนทั้งทางด้านการจัดหาแหล่งเงินทุน การจัดหาเทคโนโลยี และเครื่องจักร รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีการร่วมทุนกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ โดยมีแนวทาง ที่ต้องด าเนินการดังนี้ ๔.๑ ส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรรายเดิมต่อยอดสู่การเป็น ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นกลางเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยจากการศึกษาของ คณะท างานพบว่าอุตสาหกรรมขั้นต้นหรืออุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เนื่องจากมีจ านวนผู้ประกอบการเป็นจ านวนมากอีกทั้งผู้ประกอบการหลายรายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และอยู่ในอุตสาหกรรม มานาน แต่ในส่วนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขั้นกลางพบว่ายังมีจ านวน ผู้ประกอบการไม่มากนัก ประกอบกับเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้เป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานาน ในต่างประเทศจึงไม่ใช่เทคโนโลยีที่มีความสลับซับซ้อนมาก ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรรายเดิมต่อยอดสู่การเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นกลาง เช่น ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ าตาลทรายที่มีชานอ้อยเหลือจากกระบวนการผลิต เป็นจ านวนมากยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ ๔.๒ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเอทานอลยกระดับสู่ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ โดยจากการศึกษาของคณะท างานพบว่าประเทศไทยมีจ านวนผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล ที่ใช้วัตถุดิบจากอ้อยและมันส าปะหลังเป็นจ านวนมาก และมีก าลังการผลิต สูงกว่า 6 ล้านลิตรต่อวัน แต่เอทานอล ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะถูกใช้ผสมกับน้ ามันเบนซินเพื่อใช้เป็น เชื้อเพลิงในภาคการขนส่ง ซึ่งปัจจุบันต้องใช้เงินชดเชยจากกองทุนน้ ามันเพื่อให้ราคาของเชื้อเพลิงดังกล่าว ต่ ากว่าราคาของน้ ามันเบนซินปกติ แต่หากมีการน าเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพจะสามารถ สร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงกว่าและเป็นการลดภาระจากการน าเงินกองทุนน้ ามันไปชดเชยราคา เช่น การน า เอทานอลไปผลิตเป็น เอทิลีน หรือ โพรพิลีน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติก ชีวภาพ ๔.๓ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เกิดการร่วมทุนกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ชีวภาพระดับโลก เนื่องจากอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นปลายจ าเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย และเงินลงทุนที่สูง ประกอบกับเทคโนโลยีส่วนใหญ่เป็นของบริษัทต่างประเทศ ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริม ให้เกิดการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการในประเทศที่มีจุดแข็งทางด้านวัตถุดิบกับผู้ประกอบการที่เป็น เจ้าของเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อให้เกิดการพัฒนาและบูรณาการร่วมกันของทั้งสองภาคส่วน เช่น ส่งเสริม ให้เกิดการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจากปาล์มน้ ามัน ระดับโลกอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อตั้งโรงงานผลิตสินค้าโอเลโอเคมีจากปาล์มน้ ามันขั้นสูง โดยอาจใช้ช่องทางเจรจาผ่านโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT)
๑๔๗ ๔.๔ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพระดับโลกตั้งฐานการผลิต ในประเทศไทย โดยการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ผ่านการให้การส่งเสริมการลงทุน และใช้จุดแข็งของ ประเทศที่เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชส าคัญในอุตสาหกรรมหลายชนิด รวมถึงการมีอุตสาหกรรมแปรรูป ผลผลิตจากภาคการเกษตรที่เข้มแข็ง เพื่อดึงดูดให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นสูงเข้ามาลงทุน ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เช่น การเจรจาให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ ระดับโลกอย่างบริษัท Natureworks จากสหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ ในประเทศไทย ๕. ก ำ รส่ งเส ริมก ำ รป ร ะกอบอุตส ำหก ร รมใน รูปแบบ Biorefinery complex หรือรูปแบบไฮบริด การประกอบอุตสาหกรรมในรูปแบบ Biorefinery complex คือ การผนวกรวม อุตสาหกรรมขั้นต้น อุตสาหกรรมขั้นกลาง และอุตสาหกรรมขั้นปลาย ที่มีความเชื่อมโยงกันเข้าด้วยกัน เพื่อลดต้นทุนทางด้านวัตถุดิบ ต้นทุนในการขนส่ง และต้นทุนในกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการ ซึ ่งจะช ่วยให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีต้นทุนในการประกอบกิจการที ่ต่ าลงและสามารถแข ่งขัน ในระดับโลกได้ การประกอบการอุตสาหกรรมในรูปแบบไฮบริด คือ การที่โรงงานอุตสาหกรรมสามารถ ใช้วัตถุดิบตั้งต้นในกระบวนการผลิตได้หลากหลายชนิด เช่น โรงงานอุตสาหกรรมชีวภาพที่ใช้ปาล์มน้ ามัน เป็นวัตถุดิบตั้งต้นสามารถใช้วัตถุดิบจากพืชชนิดอื่น เช่น อ้อย หรือ มันส าปะหลัง เป็นวัตถุดิบในโรงงาน อุตสาหกรรมได้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภทในบางช่วงเวลาหรือบางฤดูกาล และยังจะช่วยให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการประกอบอุตสาหกรรมในรูปแบบของ Biorefinery complex และรูปแบบ ไฮบริด จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้วยการออกนโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการลงทุนและ สนับสนุนให้เกิดการร่วมทุนหรือควบรวมกิจการที่มีความเกี่ยวเนื่องกันซึ่งจะน าไปสู่การประกอบกิจการ ในรูปแบบ Biorefinery complex หรือ รูปแบบไฮบริด ๖. กำรส่งเสริมกำรรับซื อวัสดุเหลือทิ งจำกภำคกำรเกษตรใช้เป็นเชื อเพลิงชีวมวลเพื่อลด กำรปล่อยก๊ำซเรือนกระจกและสร้ำงคำร์บอนเครดิต ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการรับซื้อวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร เช่น การรับซื้อใบอ้อยเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่จากการศึกษาของคณะท างานพบว่า ปริมาณการรับซื้อใบอ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ยังมีไม่มากนัก โดยมีปริมาณการรับซื้อจริง เพียง ๐.๖๓ ล้านตัน ซึ่งต่ ากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๑.๓๘ ล้านตัน มากกว่า ๑ เท่า นอกจากนี้ยังมีความ แตกต่างทางด้านราคาการรับซื้อในแต่ละพื้นที่ที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการ รับซื้อวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร เช่น ใบอ้อย ฟางข้าว เหง้ามัน หรือวัสดุเหลือทิ้งจากภาค การเกษตรอื่น ๆ ที่มีศักยภาพอย่างจริงจัง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล สร้างรายได้เพิ่ม ให้กับเกษตรกร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างคาร์บอนเครดิตได้อีกทางหนึ่ง โดยมีแนวทาง ที่ต้องด าเนินการดังนี้ ๖.๑ ก าหนดราคากลางเพื่อรับซื้อวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร เช่น ใบอ้อย ฟางข้าว เหง้ามัน หรือวัสดุเหลือทิ้งชนิดอื่นที่มีศักยภาพ ให้สมเหตุสมผลเป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ
๑๔๘ ๖.๒ ส่งเสริมการให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบจากภาคการเกษตร หรือผู้ประกอบการ ที่สนใจตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานหรือขายให้กับภาครัฐ ๗. กำรสนับสนุนและส่งเสริมกำรจัดตั งนิคมอุตสำหกรรมหรือเขตประกอบกำร อุตสำหกรรมชีวภำพเพื่อผลักดันประเทศเป็น Bio Hub of ASEAN จากการศึกษาของคณะท างานพบว่า ที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการส่งเสริมการลงทุนด้วยการ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชีวภาพจ านวน ๖ แห่ง และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีวภาพจ านวน ๑ แห่ง โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม ๑.๖ แสนล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามพบว่าโครงการที่มีความคืบหน้าในการด าเนินงานมีเพียง ๒ โครงการ คือ โครงการ Palm Complex ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และโครงการนครสวรรค์Bio Complex ในพื้นที่จังหวัด นครสวรรค์ซึ่งทั้ง ๒ โครงการเป็นโครงการที่มีการ ร่วมทุนกับกลุ่ม ปตท. แต่โครงการที่เหลืออีก ๔ โครงการ ยังมีความคืบหน้าการด าเนินการที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การนิคม อุตสาหกรรม, EEC, กรมโยธาธิการและผังเมือง จะต้องอ านวยความสะดวกเพื่อให้เกิดนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมชีวภาพในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ลพบุรี อุบลราชธานี และฉะเชิงเทรา โดยเร็ว เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น Bio Hub of ASEAN กำรแปลงนโยบำยกำรขับเคลื่อนอุตสำหกรรมเศรษฐกิจชีวภำพไปสู่กำรปฏิบัติ เพื่อให้การขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยเกิดประสิทธิผล และประสิทธิภาพอย่างแท้จริง คณะท างานได้จัดท าแนวทางการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติตาม ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศไทยที่ได้ก าหนดไว้ ๗ ประการ ได้แก่ ๑) การขจัดอุปสรรคและสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ ของประเทศไทย ๒) การกระตุ้นอุปสงค์การบริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายในประเทศ ๓) การพัฒนา ภาคการเกษตรเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบและรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร ๔) การส่งเสริมการ ประกอบอุตสาหกรรมชีวภาพขั้นกลางและขั้นปลาย ๕) การส่งเสริมการประกอบอุตสาหกรรมในรูปแบบ Biorefinery complex ๖) การส่งเสริมการรับซื้อวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ชีวมวล และ ๗) การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรม ชีวภาพเพื่อผลักดันประเทศเป็น Bio Hub of ASEAN พร้อมก าหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบและผล ที่คาดว่าจะได้รับแสดงในตารางที่ ๖.๑
๑๔๙ ตารางที่ ๖.๑ แนวทางการแปลงนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพไปสู่การปฏิบัติ ประเด็นข้อเสนอแนะ เชิงนโยบำย แนวทำงกำรด ำเนินกำร หน่วยงำน ที่ รับผิดชอบ ผลที่คำดว่ำจะได้รับ 1. การขจัดอุปสรรค และสร้างสภาวะ แวดล้อมที่เอื้ออ านวย ต่อการลงทุนใน อุตสาหกรรมชีวภาพ ของประเทศไทย 1.1 เร่งรัดด าเนินการผลักดันพระราชบัญญัติปาล์มน้ ามัน และผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ ามันให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรม ปาล์มน้ ามันของประเทศทั้งระบบ และเกิดประโยชน์ สูงสุดต่อทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม กนป./ อก./พณ./ หน่วยงาน อื่นที่ เกี่ยวข้อง - ลดข้อจ ากัดทางด้านกฎหมาย ที่ส่งผลต่อการลงทุนและการ ประกอบการในอุตสาหกรรม ชีวภาพของประเทศไทย 1.2 เร่งรัดการด าเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อย และน้ าตาลทราย พ.ศ. 2527 เพื่อให้สามารถน าอ้อย ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่น้ าตาลทรายได้ และจัดสรรวัตถุดิบ (น้ าอ้อย) ให้เพียงพอและเหมาะสม กับอุตสาหกรรมชีวภาพ อก. 1.3 ปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สามารถน าเข้าน้ ามัน ปาล์มและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ ามัน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีได้เป็นการเฉพาะ กนป./ พณ./อก. 1.4 ปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ประกอบการใน อุตสาหกรรมเอทานอล สามารถจ าหน่ายเอทานอล ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นหรือ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง นอกเหนือจากผู้ประกอบการใน อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพได้ กค./อก./ พน. 1.5 ปรับปรุงมาตรการและนโยบายการจัดการขยะและกาก ของเสียในโรงงานอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันก าหนดให้การ น าของเสียออกจากโรงงานต้องผ่านกระบวนการกรอง ของเสียก่อน ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์เหลือทิ้ง หรือผลิตภัณฑ์พลอยได้ในอุตสาหกรรม เช่น ชานอ้อย ใบอ้อย กากน้ าตาล ฟางข้าว ไปใช้ในอุตสาหกรรม ต่อเนื่องจะต้องมีการขออนุญาตก่อนการเคลื่อนย้าย อก. 1.6 เร่งด าเนินการปรับปรุงกฎหมายผังเมืองให้สามารถ ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมชีวภาพซึ่งเป็นอุตสาหกรรม เป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่ที่มีความ เหมาะสมหรือพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านวัตถุดิบได้ มท. 1.7 ปรับปรุงประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ และการแพทย์ ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า BOI - มีผู้สนใจขอรับการลงทุนและเกิด การลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ ในประเทศเพิ่มมากขึ้น - เกิดปัจจัยสนับสนุนได้แก่ 1) มีหน่วยงานที่ให้การทดสอบ และรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ชีวภาพ 2) มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง 1.8 ออกนโยบายหรือมาตรการยกเว้นภาษีให้กับ ผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น มาตรการยกเว้นภาษีเครื่องจักรหรือวัตถุดิบที่ต้อง มีการน าเข้าจากต่างประเทศ หรือ สามารถน าค่าใช้จ่าย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมาใช้หักลดหย่อนภาษี กค.
๑๕๐ ประเด็นข้อเสนอแนะ เชิงนโยบำย แนวทำงกำรด ำเนินกำร หน่วยงำน ที่ รับผิดชอบ ผลที่คำดว่ำจะได้รับ 1.9 จัดตั้งหน่วยงานที่ท าหน้าที่ให้การทดสอบและรับรอง มาตรฐานเฉพาะด้านหรือเฉพาะผลิตภัณฑ์ชีวภาพขึ้น ภายในประเทศ อว./ หน่วยงาน ที่ได้รับ มอบหมาย 3) มี มอก. ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ ชีวภาพที่มีการผลิตในประเทศไทย 1.10 สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง ส าหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของ ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ศธ./อว. 1.11 เร่งด าเนินการจัดท ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีการผลิต ภายขึ้นภายในประเทศไทย อก. 2. การกระตุ้นอุปสงค์ การบริโภคผลิตภัณฑ์ ชีวภาพ ภายในประเทศ 2.1 จัดท าชุดข้อมูลและประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงาน ของภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ หรือช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ ถึงข้อดีและประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้เกิด ขึ้นกับประชาชนในประเทศ ทส./อก./ หน่วยงาน ภาครัฐ และ เอกชนที่ เกี่ยวข้อง - ประชาชนผู้บริโภคในประเทศ เกิดการรับรู้ถึงประโยชน์ของการ ใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ - เกิดอุปสงค์ความต้องการบริโภค ผลิตภัณฑ์ชีวภาพในประเทศ เพิ่มสูงขึ้น 2.2 ออกนโยบายหรือมาตรการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ หน่วยงานภาครัฐจะต้องจัดซื้อผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ผลิต ขึ้นภายในประเทศมาใช้ในหน่วยงาน ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวมีทั้งผลิตภัณฑ์ชีวภาพและผลิตภัณฑ์ทั่วไป เช่น ถุงขยะ บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น กค. 2.3 ออกนโยบายหรือมาตรการทางด้านภาษีเพื่อส่งเสริม สนับสนุนการบริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยให้หน่วยงาน ภาคเอกชนสามารถน าค่าใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์ ชีวภาพที่ผลิตขึ้นภายในประเทศมาใช้ในการลดหย่อน หรือยกเว้นภาษี กค./พณ. 2.4 ออกนโยบายหรือมาตรการบังคับให้ผู้ประกอบการ ในภาคธุรกิจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เช่น ผู้ประกอบการร้านอาหาร หรือ ผู้ประกอบการร้าน เครื่องดื่ม ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use) จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ พณ. 3. การพัฒนาภาค การเกษตรเพื่อสร้าง ความมั่นคงทางด้าน วัตถุดิบและรายได้เพิ่ม ให้แก่เกษตรกร 3.1 ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ของเกษตรกร รายย่อยเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการภาคการเกษตร ในรูปแบบสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรเครือข่าย อย่างเป็นระบบ กษ. - เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรใน รูปแบบต่างๆ ที่มีการบริหาร จัดการในภาคการเกษตร อย่างเป็นระบบ ผลผลิตที่ได้ มีคุณภาพสูง - มีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต ของพืชที่มีศักยภาพใน อุตสาหกรรมชีวภาพเพิ่มมากขึ้น - เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น 3.2 สนับสนุนการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกพืชที่มีศักยภาพใน อุตสาหกรรมชีวภาพในพื้นที่ที่อนุญาตให้ท าการเกษตร และเป็นพื้นที่เป้าหมาย กษ./อก./ หน่วยงาน ที่ได้รับ มอบหมาย 3.3 สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชส าคัญ ที่ให้ผลผลิตสูง กษ./อว.
๑๕๑ ประเด็นข้อเสนอแนะ เชิงนโยบำย แนวทำงกำรด ำเนินกำร หน่วยงำน ที่ รับผิดชอบ ผลที่คำดว่ำจะได้รับ 3.4 สนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักรในการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวผลผลิต กษ./อว./ อก. 3.5 เร่งด าเนินการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างราคาของพืช ส าคัญในอุตสาหกรรมชีวภาพให้เหมาะสมและเป็นธรรม ต่อทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการ พณ./อก./ กนป./ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง 4. การส่งเสริมการ ประกอบอุตสาหกรรม ชีวภาพขั้นกลาง และขั้นปลาย 4.1 ส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้า เกษตรรายเดิมต่อยอดสู่การเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรม ชีวภาพขั้นกลางเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อก./BOI - ประเทศไทยมีจ านวน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ชีวภาพขั้นกลางและขั้นปลาย เพิ่มมากขึ้น และมีมูลค่าของ ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพิ่มสูงขึ้น 4.2 ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเอทานอล ยกระดับสู่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ สศช./BOI/ อก./กนป. 4.3 ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เกิดการร่วมทุน กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพระดับโลก 4.4 ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมชีวภาพ ระดับโลกตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย 5. การส่งเสริมการ ประกอบอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Biorefinery complex หรือ รูปแบบไฮบริด 5.1 ออกนโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการลงทุนและ สนับสนุนให้เกิดการร่วมทุนหรือควบรวมกิจการที่มีความ เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งจะน าไปสู่การประกอบกิจการในรูปแบบ Biorefinery complex หรือรูปแบบไฮบริด สศช./BOI/ อก./กค. - เกิดผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ชีวภาพในรูปแบบของ Biorefinery complex 6. การส่งเสริมการรับ ซื้อวัสดุเหลือทิ้งจาก ภาคการเกษตรเพื่อใช้ เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล 6.1 ก าหนดราคากลางเพื่อรับซื้อวัสดุเหลือทิ้งจากภาค การเกษตร เช่น ใบอ้อย ฟางข้าว เหง้ามัน หรือวัสดุ เหลือทิ้งชนิดอื่นที่มีศักยภาพ ให้สมเหตุสมผลเป็นธรรม ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ กษ./พณ/ อก. - ประเทศไทยมีการใช้วัสดุ เหลือทิ้งจากภาคการเกษตร เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า ชีวมวลชีวมวลเพิ่มมากขึ้น 6.2 ส่งเสริมการให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ใช้ วัตถุดิบจากภาคการเกษตรหรือผู้ประกอบการที่สนใจตั้ง โรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานหรือขาย ให้กับภาครัฐ พน./อก. 7. การสนับสนุนและ ส่งเสริมการจัดตั้งนิคม อุตสาหกรรม หรือเขตประกอบการ อุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อผลักดันประเทศเป็น Bio Hub of ASEAN 7.1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การนิคมอุตสาหกรรม , EEC , กรมโยธาธิการและผังเมือง อ านวยความสะดวกเพื่อให้ เ กิ ด นิ ค ม อุ ต ส า ห ก ร ร ม ห รื อ เ ข ต ป ร ะ ก อ บ ก า ร อุตสาหกรรมชีวภาพในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ลพบุรี อุบลราชธานี และฉะเชิงเทรา โดยเร็ว หน่วยงาน ภาครัฐ และ เอกชนที่ เกี่ยวข้อง - ประเทศไทยมีนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตประกอบการอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชีวภาพ ในพื้นที่เป้าหมายหรือพื้นที่ ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
๑๕๒ หมายเหตุ : กค. = กระทรวงการคลัง, กนป. = คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ ามันแห่งชาติ, กษ. = กระทรวงเกษตร และสหกรณ์, พณ. = กระทรวงพาณิชย์, พน. = กระทรวงพลังงาน, ทส. = กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม, มท. = กระทรวงมหาดไทย, ศธ. = กระทรวงศึกษาธิการ, สศช. = ส านักงานพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, อก. = กระทรวงอุตสาหกรรม, อว. = กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, BOI = ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, EEC โครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
บรรณานุกรม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน. (๒๕๕๘). แผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก (พ.ศ. ๒๕๕๘–๒๕๗๙). สืบค้น ๘เมษายน ๒๕๖๔, จาก http://www.eppo.go.th /images/POLICY/PDF/AEDP2015.pdf ราชกิจจานุเบกษา. (๒๕๖๒). คําแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒. สืบค้น ๘ เมษายน ๒๕๖๔, จาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/186/T_0001.PDF สํานักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง. (๒๕๖๑). ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ปี(พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐). สืบค้น ๘พฤศจิกายน ๒๕๖๓, จาก https://sto.go.th /sites/default/files/2019-12/NS_PlanOct2018.pdf สํานักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ. (ม.ป.ป.). กรอบนโยบาย การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย (พ.ศ. 2555 - 2564). สืบค้น 8 เมษายน 2564, จาก ttp://www.sti.or.th/sti/uploads/content_file/Biotech%20Policy%20Framework_TH.pdf สํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน ําตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๖๔). รายงานสถานการณ์การปลูกอ้อย ปีการผลิต ๒๕๖๓/๒๕๖๔. สืบค้น ๙ มิถุนายน ๒๕๖๔, จาก http://www.ocsb.go.th/upload /journal/fileupload/923-9200.pdf สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (๒๕๖๒). สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สําคัญ และแนวโน้มปี ๒๕๖๓. สืบค้น ๘พฤศจิกายน ๒๕๖๓, จากhttps://www.oae.go.th/assets/portals/1 /ebookcategory/24_trend2563-Final-Download/#page=16 สํานักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). (๒๕๖๐). กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ จากฐานชีวภาพ ระยะ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙. สืบค้น ๘ เมษายน ๒๕๖๔, จาก https://www.bedo.or.th/bedo/backend/upload/content/2018_03/1520496784_7221.pdf สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๖๒). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนา ศักยภาพอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจากพืชน ํามัน. สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๖๑). มาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ ของไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๗๐. สืบค้น ๗เมษายน ๒๕๖๔, จาก http://www.oie.go.th/assets /portals/1/fileups/2/files/action%20plan/bio_plan.pdf สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๖๐). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษา แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีจากปาล์มน ํามัน. สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๕๘). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนาโมเดล เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตรรองรับโซนนิ่งเกษตร (ผลิตภัณฑ์มันสําปะหลัง). สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๕๘). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการพัฒนาโมเดล เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตรรองรับโซนนิ่งเกษตร (ผลิตภัณฑ์ปาล์มน ํามัน). สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม. (๒๕๕๑). รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษา แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพระยะที่ ๒. ๑๕๓
สํานักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ. (๒๕๖๑). สมุดปกขาว BCG in Action การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทย เพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว Bio-Circular-Green Economy. สืบค้น ๗ เมษายน ๒๕๖๔, จาก https://www.nxpo.or.th/th/bcg-economy สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสํานักนายกรัฐมนตรี. (๒๕๖๔). แผนปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง). สืบค้น ๗ เมษายน ๒๕๖๔, จาก http://nscr.nesdc.go.th/nesdc_uat/wp -content/uploads/2021/07/แผนปฏิรูป-ฉบับปรับปรุง-ประกาศราชกิจจาฯ.pdf สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสํานักนายกรัฐมนตรี. (๒๕๕๙). แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔). สืบค้น ๗ เมษายน ๒๕๖๔, จาก https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6422 Narin Tunpaiboon. (๒๕๖๒). แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม ปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ : อุตสาหกรรมเอทานอล. Industry Outlook วิจัยกรุงศรี. สืบค้น ๗ เมษายน ๒๕๖๔, จาก https://www.krungsri.com/th /research/industry/industry-outlook/Energy-Utilities/Ethanol/IO German Bioeconomy Council. (2019). Bioeconomy Policies around the World. October 2, 2020, Retrieved from https://biooekonomierat.de/fileadmin/Publikationen/berichte /GBS_2018_Bioeconomy-Strategies-around-the_World_Part-III.pdf Independent Bio-based Expert Group. (2020). Which measures could boost the European bio-based economy. Retrieved from http://news.bio-based.eu/media/2020/02/20- 02-17-PR-Measures-Independent-Bio-based-Expert-Group.pdf. Juan Enriquez. (1998). Genomics and the World's Economy. Science Vol 281. October 2, 2020, Retrieved from https://science.sciencemag.org/content/281/5379/925 OECD SCIENCE, TECHNOLOGY AND INDUSTRY. (2021). GUIDANCE FOR A BIOREFINING ROADMAP FOR THAILAND. June 12, 2021, Retrieved from https://www.oecd.org /fr/innovation/guidance-for-a-biorefining-roadmap-for-thailand-60a2b229-en.htm Tobias Heimann. (2019). Bioeconomy and Sustainable Development Goals (SDGs). October 2, 2020, Retrieved from https://www.researchgate.net/publication/329793817 _Bioeconomy_and_Sustainable_Development_Goals_SDGs_Does_the_bioeconomy_s upport_the_achievement_of_the_SDGs The White House. (2012). NATIONAL BIOECONOMY BLUEPRINT. Retrieved from https://obamawhitehouse.archives.gov/sites/default/files/microsites/ostp/national_ bioeconomy_blueprint_april_2012.pdf ๑๕๔
ภาคผนวก ภาคผนวก ก การเดินทางไปศึกษาดูงาน - เดินทางศึกษาดูงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไบโอ ณ จังหวัดระยอง ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ - วันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ - เดินทางศึกษาดูงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ณ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ - วันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ - เดินทางศึกษาดูงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ณ จังหวัดชุมพร และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันอาทิตย์ที่ ๑๔ – วันอังคารที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ภาคผนวก ข การสัมมนา - การสัมมนาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ชีวภาพของประเทศไทย” วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ นาฬิกา ณ ระบบออนไลน์ Webex (โปรแกรม Cisco Webex Meetings) ภาคผนวก ค ค าสั่งแต่งตั้งคณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๑๕๕
ก ำหนดกำรเดินทำงศึกษำดูงำน เกี่ยวกับอุตสำหกรรมไบโอ ของคณะอนุกรรมำธิกำรกำรอุตสำหกรรม ในกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ ณ จังหวัดระยอง ระหว่ำงวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ - วันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหำคม ๒๕๖๓ ****************** วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๓ อำคำรสุขประพฤติ – จังหวัดระยอง เวลา ๐๕.๓๐ นาฬิกา - พร้อมกันที่อาคารสุขประพฤติ เวลา ๐๕.๔๕ นาฬิกา - เดินทางจากอาคารสุขประพฤติไปยัง บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จ ากัด ต าบลบ้านฉาง อ าเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึงบริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จ ากัด เพื่อเยี่ยมชมโรงงาน รับฟังสรุป และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยSander van der Linden Site Director Corbion Thailand และ นำยกัลย์ เฉลิมเกียรติกุลBusiness Development Director ให้การต้อนรับ โดยมีประเด็นหารือ ดังนี้ (๑) ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ เรื่องอุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อวางแผนต่อยอดและก าหนดทิศทางของอุตสาหกรรม โดยจะขอทราบ แนวทางการวางแผนการท างานของบริษัทว่าสามารถตอบโจทย์ภาครัฐอย่างไร (๒) ปัญหาและอุปสรรคของการขยายอุตสาหกรรมชีวภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงวัตถุดิบ (๓) ในอนาคตมุมมองของบริษัทมองว่าอุตสาหกรรมชีวภาพมีโอกาสขยายตัว ได้มากเท่าไร บริษัทต้องการนโยบายหรือมาตรการสนับสนุนจากทางภาครัฐ อย่างไร เวลา ๑๑.๔๕ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยัง บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จ ากัด (มหาชน)ต าบลมาบตาพุด อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ๑๕๖
เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึงบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จ ากัด (มหาชน)ต าบลมาบตาพุด เพื่อเยี่ยมชมโรงงาน รับฟังสรุป และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย กรรมกำรผู้จัดกำร บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จ ำกัด (มหำชน) ให้การต้อนรับ เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังโรงแรมแคนทารีเบย์ จังหวัดระยอง เวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึงโรงแรมแคนทารีเบย์ จังหวัดระยอง เวลา ๑๘.๓๐ นาฬิกา - รับประทานอาหารเย็น วันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหำคม ๒๕๖๓ จังหวัดระยอง – อำคำรสุขประพฤติ เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมแคนทารีเบย์ จังหวัดระยอง เวลา ๐๘.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยัง บริษัท เซนจูรี ไทร์ (ประเทศไทย) จ ากัด ต าบลส านักทอง อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึงบริษัท เซนจูรี ไทร์ (ประเทศไทย) เพื่อเยี่ยมชมโรงงานและรับฟังสรุปเกี่ยวกับบริษัท และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย MR.JIANG_FEI ผู้จัดกำรใหญ่ ให้การต้อนรับ เวลา ๑๑.๔๕ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๔.๓๐ นาฬิกา - เดินทางกลับอาคารสุขประพฤติ เวลา ๑๘.๓๐ นาฬิกา - เดินทางถึงอาคารสุขประพฤติโดยสวัสดิภาพ ********************** ๑๕๗
ก ำหนดกำรเดินทำงศึกษำดูงำน เกี่ยวกับอุตสำหกรรมเศรษฐกิจชีวภำพ ของคณะอนุกรรมำธิกำรกำรอุตสำหกรรม ในกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ ณ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดกำญจนบุรี ระหว่ำงวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ - วันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลำคม ๒๕๖๓ ****************** วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ตุลำคม ๒๕๖๓ กรุงเทพมหำนคร – จังหวัดนครปฐม – จังหวัดกำญจนบุรี เวลา ๐๗.๓๐ นาฬิกา - พร้อมกันที่อาคารสุขประพฤติ เวลา ๐๗.๔๕ นาฬิกา - เดินทางจากอาคารสุขประพฤติไปยัง บริษัท แสงโสม จ ากัด อ าเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึง บริษัท แสงโสม จ ากัด เพื่อเยี่ยมชมโรงงาน รับฟังบรรยายสรุป และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ อุตสาหกรรมการผลิตแอลกอฮอล์ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่น าเอาของเสีย จากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์มาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดย นายกวีศิลป์ บูรณสมภพ ผู้จัดการโรงงาน ให้การต้อนรับ เวลา ๑๑.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร เวลา ๑๑.๔๕ นาฬิกา - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยัง บริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอรี่ แอนด์ดิสทิลเลอรี่ จ ากัด ต าบลนครชัยศรี อ าเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เวลา ๑๓.๑๕ นาฬิกา - เดินทางถึงบริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอรี่ แอนด์ดิสทิลเลอรี่ จ ากัด เพื่อเยี่ยมชมโรงงาน รับฟังบรรยายสรุปกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์จากโมลาส และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่น าเอาของเสีย จากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์มาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดย นายสิริเกียรติ์ พลอาสาผู้จัดการโรงงานอาวุโส ให้การต้อนรับ เวลา ๑๕.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังโรงแรมปลากาญจน์ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี เวลา ๑๗.๓๐ นาฬิกา - เดินทางถึงโรงแรมปลากาญจน์ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา - รับประทานอาหารเย็น ๑๕๘
วันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลำคม ๒๕๖๓ จังหวัดกำญจนบุรี – อำคำรสุขประพฤติ เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมปลากาญจน์ รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ าตาลทรายภาคที่ ๑ ต าบลทุ่งทอง อ าเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา - เดินทางถึงศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ าตาลทรายภาคที่ ๑ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ การศึกษา วิจัย และพัฒนาปรับปรุงพันธุ์อ้อยอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมชีวภาพ และรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการด าเนินงานของศูนย์ส่งเสริมฯ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เวลา ๑๑.๔๕ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๔.๓๐ นาฬิกา - เดินทางกลับอาคารสุขประพฤติ เวลา ๑๘.๓๐ นาฬิกา - เดินทางถึงอาคารสุขประพฤติโดยสวัสดิภาพ ********************** ๑๕๙
ก ำหนดกำรเดินทำงศึกษำดูงำน เกี่ยวกับอุตสำหกรรมเศรษฐกิจชีวภำพ ของคณะกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดชุมพร ระหว่ำงวันอำทิตย์ที่ ๑๔ – วันอังคำรที่ ๑๖ มีนำคม ๒๕๖๔ ****************** วันอำทิตย์ที่ ๑๔ มีนำคม ๒๕๖๔ สนำมบินดอนเมือง – จังหวัดชุมพร เวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา - คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา ๐๙.๒๐ นาฬิกา - ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานชุมพร โดยสายการบิน Nok Air เที่ยวบินที่ DD 7610 เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา - เดินทางถึงท่าอากาศยานชุมพร ต าบลชุมโค อ าเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เวลา ๑๐.๔๕ นาฬิกา - ออกเดินทางจากท่าอากาศยานชุมพรไปยังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร อ าเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เวลา ๑๐.๕๕ นาฬิกา - เดินทางถึงสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ วิทยาเขตชุมพร - รับฟังบรรยายสรุปผลการด าเนินงานของสถาบันฯ และบทบาทของสถาบันฯ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรม ไบโอรีไฟเนอรี่ของจังหวัดภาคใต้ ในฐานะภาควิชาการ นักวิจัย สถาบันการศึกษา เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - พักรับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปศึกษาสภาพพื้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพในพื้นที่อ าเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก เดอะบีช รีสอร์ท อ าเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา - ออกเดินถึงโรงแรมที่พัก - รับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัย วันจันทร์ที่ ๑๕ มีนำคม ๒๕๖๔ จังหวัดชุมพร – จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ – จังหวัดชุมพร - รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก เวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยัง บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จ ากัด ต าบลช้างแรก อ าเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึง บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จ ากัด ซึ่งเป็นบริษัทการผลิต ที่มีลักษณะเป็นคอมเพล็กซ์การผลิตครบวงจร ทั้งน้ ามันปาล์มดิบ โอเลอิน เสตียริน น้ ามันเมล็ดในปาล์ม ไบโอแก๊ส ไบโอดีเซล และไฟฟ้าจากชีวมวล ๑๖๐
- รับฟังสรุปการด าเนินงานและประชุมกลุ่มย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น รับฟังปัญหา อุปสรรค แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ จากปาล์มน้ ามัน และแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไบโอรีไฟเนอรี่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ณ ห้องประชุม บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จ ากัด เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - พักรับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา - เยี่ยมชมและศึกษากระบวนการผลิต ระบบโลจิสติกส์ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม ปาล์มน้ ามันครบวงจรของ บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จ ากัด เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา - เดินทางไปยังที่พัก ณ ชุมชนเกาะพิทักษ์ อ าเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เวลา ๑๘.๔๕ นาฬิกา - เดินทางถึงที่พัก - รับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัย วันอังคำรที่ ๑๖ มีนำคม ๒๕๖๔ จังหวัดชุมพร - จังหวัดสุรำษฎร์ธำนี- สนำมบินดอนเมือง - รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปเยี่ยมชม ต้นแบบ Green Island แห่งชุมพร และหมู่บ้าน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) หารือแนวทางการส่งเสริมการผลิตและการใช้ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพจากระบบไบรีไฟเนอรีในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา - พักรับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา - ประชุมเพื่อวิเคราะห์และสรุปผลการเก็บข้อมูล ณ ชุมชนเกาะพิทักษ์ อ าเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เวลา ๑๕.๓๐ นาฬิกา - ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา - เดินทางถึงท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เวลา ๑๙.๕๕ นาฬิกา - ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3234 เวลา ๒๑.๐๕ นาฬิกา - เดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง - เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ********************** ๑๖๑
โครงการสัมมนา เรื่อง “การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย” จัดโดย คณะอนุกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ในคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ นาฬิกา ณ ระบบออนไลน์ Webex (โปรแกรม Cisco Webex Meetings) ..................................................... ๑. ความเป็นมา อุตสาหกรรมชีวภาพถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีแนวคิดหลักคือการทดแทนการผลิตในรูปแบบเดิมที่ใช้ทรัพยากรชนิดที่ใช้แล้วหมดไปเปลี่ยนมาเป็นการใช้ ทรัพยากรชีวภาพและชีวมวลที่เป็นทรัพยากรทดแทนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้อุตสาหกรรมชีวภาพ ถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ชีวมวลจากภาคการเกษตรเป็นวัตถุดิบ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพต่าง ๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ มีคุณสมบัติที่สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเคมีได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมชีวภาพเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงระหว่างภาคการเกษตร ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบตั้งต้นกับภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น ในการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศ จึงเปรียบเสมือนการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตจากภาคการเกษตร เป็นวัตถุดิบตั้งต้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตและวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร ซึ่งเป็นการ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จากการศึกษาแนวนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศต้นแบบอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี บราซิล จีน และมาเลเซีย พบว่าในแต่ละประเทศจะมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ ที่คล้ายคลึงกันแต่จะแตกต่างกันในด้านประเด็นเนื้อหา เนื่องจากบริบทของแต่ละประเทศ ที่มีความแตกต่างกัน เช่น ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ วัตถุดิบชีวภาพ เป็นต้น โดยในส่วนของประเทศไทยจากปัญหา ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ลดน้อยลง ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจ านวนประชากร ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีความจ าเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมในรูปแบบเดิม สู่การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา โดยคณะอนุกรรมาธิการ การอุตสาหกรรม จึงตั้งคณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ เพื่อท าการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยที่มี ผลต ่อก ารพัฒนาและขับเคลื ่อนอ ุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภ าพของประเทศไทย และจัดท า ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ดังนั้น เพื่อให้เกิดการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาการพัฒนาและ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการ อุตสาหกรรม วุฒิสภา จึงเห็นควรให้จัดการสัมมนาดังกล่าวขึ้น ในรูปแบบการสัมมนาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๑๖๒
๒. วัตถุประสงค์ ๑. รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจที่จะลงทุน และผู้สนใจทั่วไปในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ของประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาก าหนดนโยบายการด าเนินงานเสนอต่อคณะกรรมาธิการต่อไป ๒. เพื่อน ามาวิเคราะห์ประมวลผลการพิจารณาการด าเนินงานเสนอต่อคณะกรรมาธิการ ต่อไป ๓. วิธีการด าเนินการ - น าเสนอผลการศึกษา โดย ๑) นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล เลขานุการคณะกรรมาธิการ/อนุกรรมาธิการ /ประธานคณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๒) นายกฤศ จันทร์สุวรรณ คณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๓) นายบุรินทร์ สุขพิศาล คณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๔) นายศิวะ โพธิตาปนะ คณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ - เปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะ ๔. ผู้เข้าร่วมสัมมนา จ านวน ๑๐๐ คน ประกอบด้วย ๑. คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ๒. คณะอนุกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ๓. หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๔. ภาคเอกชนที่สนใจอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๕. ผู้ประกอบการที่สนใจอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๖. ผู้ที่สนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๗. ผู้สนใจทั่วไปในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย ๕. ระยะเวลาด าเนินการ - วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ นาฬิกา ๖. สถานที่ - ณ ระบบออนไลน์ Webex (โปรแกรม Cisco Webex Meetings) ๗. งบประมาณ - (ไม่มี) ๑๖๓
๘. ผู้รับผิดชอบโครงการ - คณะอนุกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ในคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ๙. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑. ได้รับทราบความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ผู้ที่สนใจที่จะลงทุน และผู้สนใจทั่วไปในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ของประเทศไทย ๒. สามารถน าข้อมูลที่ได้รับจากการสัมมนามาสังเคราะห์จัดท ารายงานผลการพิจารณาศึกษา ต่อไป ๑๖๔
ก ำหนดกำรสัมมนำผ่ำนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “กำรพัฒนำและขับเคลื่อนอุตสำหกรรมเศรษฐกิจชีวภำพของประเทศไทย” จัดโดย คณะอนุกรรมำธิกำรกำรอุตสำหกรรม ในคณะกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหำคม ๒๕๖๔ เวลำ ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ นำฬิกำ ณ ระบบออนไลน์ Webex (โปรแกรม Cisco Webex Meetings) เวลำ ๐๙.๐๐ นำฬิกำ - ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ เวลำ ๐๙.๓๐ นำฬิกำ - พิธีเปิดการสัมมนา กล่าวรายงาน โดย นำยสมชำย หำญหิรัญ ประธำนคณะอนุกรรมำธิกำร กำรอุตสำหกรรม กล่าวเปิดการสัมมนา โดย นำงอภิรดี ตันตรำภรณ์ ประธำนคณะกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ เวลำ ๐๙.๔๐ นำฬิกำ - น าเสนอผลการศึกษา “การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ของประเทศไทย” โดย ๑) นำยรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล อนุกรรมำธิกำร (สมาชิกวุฒิสภา) ๒) นำยกฤศ จันทร์สุวรรณ คณะท ำงำนฯ (ผู้อ านวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา ๒ ส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม) ๓) นำยบุรินทร์ สุขพิศำล คณะท ำงำนฯ (กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน ามันแห่งชาติ) ๔) นำยศิวะ โพธิตำปนะ คณะท ำงำนฯ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน าตาลทราย ส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน าตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม) เวลำ ๑๐.๐๐ นำฬิกำ - เปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะ ด าเนินการโดย นำยรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล อนุกรรมำธิกำร (สมำชิกวุฒิสภำ) เวลำ ๑๑.๓๐ นำฬิกำ - สรุปการสัมมนา และกล่าวปิดการสัมมนา โดย นำยสมชำย หำญหิรัญ ประธำนคณะอนุกรรมำธิกำรกำรอุตสำหกรรม ในคณะกรรมำธิกำรกำรพำณิชย์และกำรอุตสำหกรรม วุฒิสภำ ______________________ ๑๖๕
๑ รายชื่อหน่วยงานผู้เข้าร่วมสัมมนา เรื่อง การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ๑. นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ๒. นายสมชาย หาญหิรัญ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๓. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๔. นายชลิต แก้วจินดา รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๕. นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล เลขานุการคณะกรรมาธิการ ๖. นายเจน น าชัยศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการ ๗. นายสาธิต เหล่าสุวรรณ กรรมาธิการ นักวิชาการ ผู้ช านาญการ และเลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ ๑. นายอดิทัต วะสีนนท์ ผู้ช านาญการประจ าคณะกรรมาธิการ ๒. นางสาวธนาภรณ์ วงศ์พิพันธ์ ผู้ช านาญการประจ าคณะกรรมาธิการ ๓. นางสาวเพินพัตรา ชูเวชะ นักวิชาการประจ าคณะกรรมาธิการ ๔. นางสาวชุรารัตน์ ใครอามาตย์ เลขานุการประจ าคณะกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ๑. นายสมชาย หาญหิรัญ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายเจน น าชัยศิริ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๓. นายชลิต แก้วจินดา อนุกรรมาธิการ ๔. นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล อนุกรรมาธิการ ๕. นายยุทธ ลิมป์ศิระ อนุกรรมาธิการ ๖. นายกนิษฐ์ สารสิน อนุกรรมาธิการ ๗. นายยงเกียรติ์ กิตะพาณิชย์ อนุกรรมาธิการ ๘. นางสาวทิพยวรรณ ผลประโยชน์ อนุกรรมาธิการ ๙. นางสาววิภาดา พลาธนพร อนุกรรมาธิการ ๑๐. นางสาวรัตนาภรณ์ มั่นศรีจันทร์ อนุกรรมาธิการ ๑๑. นายนาวา จันทนสุรคน อนุกรรมาธิการ ๑๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เทอดศักดิ์ ศรีสุรพล อนุกรรมาธิการ และเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ๑. นายพสุ โลหารชุน ๒. นายปณิธาน จินดาภู ๓. นายรุ่งเพชร สังข์ทอง ๔. กรณ์ภัฐวีญ์ ม่วงน้อย ๑๖๖
๕. นายพิชิต มิทราวงศ์ ๖. นางสาวกชนิภา อินทสุวรรณ์ ๗. นายสราวุฒิ สินส าเนา คณะท างานศึกษาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๑. นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล ประธานคณะท างาน ๒. นายเจน น าชัยศิริ รองประธานคณะท างาน คนที่หนึ่ง ๓. นายชลิต แก้วจินดา รองประธานคณะท างาน คนที่สอง ๔. นายอดิทัต วะสีนนท์ คณะท างาน ๕. นางสาวทิพยวรรณ ผลประโยชน์ คณะท างาน ๖. นางสาววิภาดา พลาธนพร คณะท างาน ๗. นายกนิษฐ์ สารสิน คณะท างาน ๘. นายยงเกียรติ กิตะพาณิชย์ คณะท างาน ๙. นายสัมฤทธิ์ แซ่เจียง คณะท างาน ๑๐. นายบุรินทร์ สุขพิศาล คณะท างาน ๑๑. นายกฤศ จันทร์สุวรรณ คณะท างาน ๑๒. นายศิวะ โพธิตาปนะ คณะท างาน ๑๓. นายจักรกฤช รังสิมานพ คณะท างาน ๑๔. นายเกรียงไกร วงศ์พร้อมรัตน์ คณะท างาน ๑๕. นายวินิต อธิสุข คณะท างาน ๑๖. นายคุณานันท์ ทยายุทธ คณะท างาน ๑๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เทอดศักดิ์ ศรีสุรพล คณะท างานและเลขานุการ ๑๘. นายไพรราช ไพรแก้ว คณะท างานและผู้ช่วยเลขานุการ หน่วยงานภาครัฐ ส านักนายกรัฐมนตรี ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑. นายไพศาล จตุรพิธพร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการพิเศษ ๒. นายฉัตรวิชช์ ภัทรศิลสุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการ ๓. นางสาวสรัลณัท ชวนะศักดิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการ ๔. นางสาวทิพย์ราวรรณ กัลป์ศักดิ์ปภา นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ๕. นายทักษิกร ขจรกุล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) - นายดิชพงษ์ ภูมิเกียรติศักดิ์ นักพัฒนานวัตกรรมช านาญการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน) - นายธนากร บุญเกิด เจ้าหน้าที่บริหาร ๑๖๗
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน - นางสาวนันทนา เพ็งค า ผู้อ านวยการส่วนวิเคราะห์นโยบาย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๑. รองศาสตราจารย์สุทธิพันธุ์ แก้วสมพงษ์ รองคณะบดีฝ่ายพัฒนาระบบและทรัพยากร คณะอุตสาหกรรมเกษตร วิทยาเขตบางเขน ๒. รองศาสตราจารย์ธัญญารัตน์ จิญกาญจน์ รองคณะบดีฝ่ายวิจัย คณะอุตสาหกรรมเกษตร วิทยาเขตบางเขน ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาภรณ์ อธิปัญญากุล อาจารย์ประจ าภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร และทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จักรกฤษณ์ พจนศิลป์ อาจารย์ประจ าภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร และทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ๕. นายนัยสิทธิ์ ยิ่งก าแหง ผู้ช่วยนักวิจัย ๖. นางสาววาราดา จินดาอินทร์ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง - นายบุรินทร์ สุขพิศาล อาจารย์ประจ า คณะบริหารธุรกิจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑. นางสาวจิตตินันท์ เรืองวีรยุทธ ผู้อ านวยการกองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ๒. นางสาวศศิธร ศรีสุรักษ์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมช านาญการ ๓. นายชิณวัฒน์ วันจิตร เจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการ ส านักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) - นางสาววิจิตราภรณ์ ถนัดทาง เจ้าหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานจากฐานชีวภาพ กลุ่มกิจการพัฒนาธุรกิจและการตลาด องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ๑. นายอัฐพล บุญค่ าชู นักวิชาการโครงการ ๒. นางสาวชนิกานต์ ข าประไพ นักวิชาการโครงการ กระทรวงพลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน ๑. นางสาวกฤติกา ถาวรแก้ว นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการพิเศษ ๒. นางสาวพิมลรัตน์ ชอบชัย นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการ ๓. นายธนภูมิ ชูเวทย์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ๑. นายปรัชญา ไพโรจน์กุลมณี ผู้อ านวยการกองธุรกิจบริการ ๒. นางพิณทิพย์ กอมณี นักวิชาการพาณิชย์ช านาญการ ๑๖๘
กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันวิทยาลัยชุมชน ส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา - นายวุฒิไกร ดวงพิกุล อาจารย์ประจ าหลักสูตร วิทยาลัยชุมชนน่าน กระทรวงอุตสาหกรรม ส านักงานคณะกรรมการอ้อยและน าตาลทราย ๑. นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการ ๒. นายศิวะ โพธิตาปนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและพัฒนา อุตสาหกรรมอ้อยและน าตาลทราย ๓. นายนิทัศน์ โลหะเวช นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ ส านักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ๑. นายกฤศ จันทร์สุวรรณ ผู้อ านวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา ๒ ๒. นางสาวสุนิสา ตามไท นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ๓. นางสาวขัตติยา วิสารัตน์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการพิเศษ ๔. นายศักดิ์ชัย สินโสมนัส นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ๕. นายนาถวุฒิ เสาสูง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการ ส านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา กรมโรงงานอุตสาหกรรม - นางดารา ค าชู นักวิเคราะห์นโยบายและแผนช านาญการ ภาคเอกชน ๑. นายสมชาย มุ้ยจีน คณะท างาน กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒. นายภาวิต กองแก้ว ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตน าตาลและชีวพลังงานไทย ๓. นางสาวกัณฑ์พร กรรณสูต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายประสานภาครัฐ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จ ากัด (มหาชน) ๔. นายวรวุฒิ สุรินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท น าตาลสระบุรี จ ากัด ๕. นายรังสิต เฮียงราช ผู้อ านวยการ บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จ ากัด ๖. นายอังสนี โชติชีวิน ผู้ช่วยผู้จัดการส านักกรรมการบริหาร บริษัท น าตาลราชบุรี จ ากัด ๗. นายปกฤษณ์ เจริญศุภนิมิต Sales executive บริษัท น าตาลราชบุรี จ ากัด ๘. Mr. Suras Mahatanarat ผู้อ านวยการฝ่ายประสานงานขาย บริษัทน าตาลทิพย์สุโขทัยจ ากัด ๙. นางสาวภัททิรา ถนอมนาค ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท น าตาลสระบุรี จ ากัด ๑๐. นายคนอง ศักดิ์เพ็ชร์ SEVP บริษัท น าตาลมิตรผล จ ากัด ๑๑. Mrs.Patsarin Apipimchai New Business, TRR Sugar Group ๑๒. นางพรพรรณ แก้ววานิช บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) ๑๖๙
๑๓. นางสาวพรทิพย์ ดีกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการขาย บริษัท น าตาลและอ้อยตะวันออก จ ากัด (มหาชน) ๑๔. นางสาวไอริญย์ ศิริสุวรรณ หัวหน้าแผนก บริษัท โรงไฟฟ้าน าตาลขอนแก่น จ ากัด ๑๕. นายสังกาส การีเวท Division Manager : Green chemical business, PTT Global Chemical ๑๖. นางสาวพลอยพิม เขมะจันตรี Division manager, PTT Global Chemical Plc ๑๗. นางสาวนารีรัตน์ ครบนพรัตน์ Senior analyst, PTT GC ๑๘. นายพรหมเมศร์ ขวัญเจริญ Analysis, PTTGC ๑๙. นายฉัตรชัย ธรรมสวยดี ผู้อ านวยการ บริษัท ไทยรุ่งเรืองพลังงาน จ ากัด ๒๐. นายเปรม โอฬารานนท์ Manager, TRR group ๒๑. Mrs. Sasiporn Chinthammit Senior Marketing Officer, KSL Group ๒๒. นายกัลย์ เฉลิมเกียรติกุล ผู้อ านวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จ ากัด ๒๓. นางฌานิยา วงศ์กิจจาเลิศ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท แพลนเทชั่น จ ากัด ๒๔. นายธนกฤต แสงวณิช ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จ ากัด ๒๕. นางสาวฐิติวรดา ไชยลังกา เจ้าหน้าที่ธุรการ บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จ ากัด ผู้ที่สนใจที่จะลงทุน/ผู้สนใจทั่วไป ในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ ๑. นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ๒. นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าส านักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อย แห่งประเทศไทย ๓. นางพรรณี บุญเรือง ______________________ ๑๗๐
1vlla111 • d VI VI. ~/kl<fi>m b~ei.:i ~.:ifllru::v\'1.:i1iifin~1ei~a1V1n'fillbf11~;in~~111Tw . .... ml1~~tl';i~"lll11~?lfl1 , , Fiij-:i~ @)ITT/ (?1~ti?11~rutl';i~~1tJFiij-:1~V1~-:1) llV ~tl';i~"lll11~ijl1~~-:i 't C\ ..:::., ' ..:::::.. .r:::::il I/ .c:il 0 Q I Q.I G.IC\ Firu~m';il115fl1';ifl1Tvnru"lltJ mi~fl1';jeJ (Pl?l1Vlm';il1 1~?1fl1 lJVl'U 1vi llfi~eJ1'U1"il'Vl"il 1 ';itu1 ';i1-:J'Vl';i ~';i1"ll'U ru ru (Pl , , Ill QI m~vhn"ilrn';i ~'11';iru1?1eiuV11.LJ'mV1'1'1'1-:1V11ei~n~1l~ei-:11~ 1 ~l~ti1num';i?i-:1l?1'1l1 ?1uum~'U V11ffw~'U1 fl1';i'Vl1ru"ll8 llfl~ei (Pl?l1V1m';il1 rn';iri'llmei-:ivir'Vl 8t1'Uvi1-:iu ruru1 fl1';j'W' ~'U1n:iJ u ruru1Vi' ei-:i~'U llfl~n:iJu ruru11 vi ti , , 111.J' Q.I C\J Cl.I liLI C\J llV llV i?11V1n"il l ~ei~-:iF1lJ i?11V1n"il"lllJ"ll'U l "LJ(P'l lf'11 ';j~ljfl"iJoW lf'11~ F111l1?11l11';iti 1 'Ufl1';i ll ~-:ioLJ''U llfi~fl1';il"il'1ru l~'U b(Pl , ... ., vi1-:i~(P1?11V1m';il1~lU'U:iJm~ei~-:iln~iKeil1 ~'11';iru1~n~1 ~~mlJ l?l'Uml'U~ llfl~d-:ir~m';itll]~tJtJ-;j~lVlf'11 llfi~ llc.JmllJuvin1ti1~tiVl5f'111?l(Pl{ , ~ei ti "' b t.!V1u1~ llfi~B1t.!1~ llfi~~t.! 'l I ~ l~ ti1.LJ'ei-:i mll.LJ'eiu-:i~um';itl';i~"llll , " 1~?1n1 Yl.f'11. lvcrblv 't!t.! ' 1'WF1';i11th~"lllJF1ru~m';im5rn';i F1ij-:i~ lvC9l!k>crbrn ll1ei5-:JF11';i~ (9)(9) t1-:JVl1F1l1 \vcrblv ~tl';i~"lllJ ' ' 1~ijl1~~-:i "Firu~v\'1-:11'U~fl~1ei(Pl?l1Vlfl';j';jl.Jlf'11';j~ljfl~~1n1'Vl " ~'U 1~tiij1(Plmh~?!-:ir1 l~eJ~"il1';iru1~~v\'1 ' ... ' ';i1 ti-:11'1.Jei (Pl?i1Vlfl';j';jlJ lf'11';j~ljn"il~1n1Yl l ~ml 1l11~1lut.!fl1';j1 ~ ln ~tl ';j~t1vi5 n1Yl llfi~tl';j~t1vi5c.Jfl l ~m11l11 ' ... l U'U ll 'UtJel ~1-:JVl1ei ~'U ll 'UU 1 'U fl1';joLJtJ lF1~el'UeJ (Pl?i1Vlfl';i';ilJ lf'11';j~ljfl"iJ~1fl1'Vl ' ... @l. Firu~v\'1-:11t.!~n~1ei(P1?11V1m';il1 lm~ljfl"iJ~1n1Yl tJ-;j~fleiu~1ti'UF1F1fi~-:i~ei 1 ud ' ... , (C9l) t.!1-:ieilh~ ~t.!m1fl';iru U';i~51t.!~tl~n~1Firu~v\'1-:11t.! (iv) 'U1tJ?llJ"ll1tJ V11f1l'(;;rf1l ~tJ~n~1F1ru~v11-:11'U ' (rn) 'U1mru1'1vi6 tl'1tium(Pl';i~flfi U';i~51'UF1ru~v\'1-:11'U 'U (~) 'U1m"il'U tl1-a'ti~'1 (ct) 'U1tJ"lJ~(Pl lltl1~'U~1 (b) 'U1-:1?111Vi'Vlti1';i';itu c.Jmh~ fo"llu (ITTJ) 'U1-:J?l11in1m 'Vlfi15'U'Vl';i (~) mtinu~i ?11';it1t.! ... (~) 'U1timlnm~ 11(Pl~'Vl1ru"118 (C9lo) 'U1tlel~Vl(Pl 1~~'1.J'Uvi ' (C9lC9l) 'U1tJ~lJ~Vl5 ll61il~tJ-:I q Q./.J 'I/ CV' (C9llv) 'U1mmti-:if'11n~ 1-:if'll'Vl';jeJlJ';j(Pl'\.J (C9lrn) 'U1tJ'U1'UVJ{ ?l"ll~f'111fi , ' ';jeJ-:Jtl';i~51t.!F1ru~v\'1-:11t.! F1t.!~V1~-:1 ';jeJ-:Jtl';i~51t.!F1ru~v\'1-:11t.! F1t.!~?lei-:i 0 F1tu~Vl1-:11'U 0 F1tu~Vl1-:11'U F1tu~vl1-:11'U 0 F1tu~Vl1-:11'U F1tu~vl1-:11'U F1tu~vl1-:11'U 0 F1tu~Vl1-:11'U (C9l~) ~llVl'U"il1fl .. . 'U ๑๗๑
(&Hi'.) ~ bb 'Vl'LJ'11 n'G11u fl\l1'1..J b1"11~:0fi '1€l\;l?f1Vlfl T~lJ ~ ... ' 111 ' Cl.I.cf q 0 (®ct) t:.J"1J1 t.Jl"l1?l\;111'111tlb 'Vle:J\11 l"lfl\11 1"11?11Ylfl f1W~'Vl1..:11'1..Jbbfl~ bfl"ll1'1..Jfl11 ~ ' ' (® t>) 'LJ1..:J?l1111?1'1..J1 ?l~lJU?lflfl f1ru~vi'1..:i1'1..Jbbfl~ ~-d1 mfl"ll1'1..J m1 , , 'll , kl. 1 ~f1ru~vi'1..:i1'1..J "1 i'.ivttf 1~ bbfl~e11'1..J1'1 ~..:i~e:i hJd (®) Pi fl~1 bb 'LJ1'Vl1..:im1?1{1..:i1"111l.l b oLJlJ bb ~..:i 1 ~nu ~u1~ fle:ium1e:i\;1?11vtfl11l.l bl"l1~:on'1 ~ ' ... ~1.fl1Yl \;) fle:i \1lvh..:i 1sde:iu'Vl1'1..J fl 11 t:.J~ \;) e:i ~1..:i 1"11u1..:i '11 ' (kl) Pi fl~1lJ1\;11fl11fl11"1..:i b?l'1lJfl11b ~lJ~ \1lf111lJ?l1lJ11fl 1 'LJ fl11bb ~..:JoLJ'LJ bbfl~ b ~lJt:.Jfl t:.J~ \;) u1~~'Vl6mYlm1t:.J~ \;l"llv..:i ~u1~fle:iu ~ m11 'LJ m1?1{1..:ilJflri1 ~ b ~l.l'U'LJ~'LJ:o1'1..J"llv..:i'LJ1 ... \;) m1l.l bbfl~ b Y1 f1 L 'LJ fa~ (m) Pi fl~1bb 'LJ1'Vl1..:im1~ WJ'LJ1bbfl~'i:J '1~ t.1?l'uu?1'1..J 'LJ~ bU'Ummm1?1uu?1'1..J 'LJ~ e:im1-Uu bf)~ e:i'LJ ' ' k) Pifl~1 bbfl~~\1lvi'111 t.1..:11'1..J m1~WJ'LJ1 bbfl ~-rru bf) ~ e:i'LJ v\;1?11vtfl11lJ bl"l1~:on'1~1.111Yl ' ... 1 u~.1111"1ulju~mmb 'LJ1'1..J lt.1u1t.1"lJe:i..:i-r~ (ct) ~ 1 b U 'LJ fl11 b~e:J..:J ~'LJ si \;11lJ~ f1ru~€l'LJfl11lJ1 B fl11fl11€l\;1?l1VI fl 11lJ lJ e:J'UV!lJ 1 tJ I ' ' lJ I.I lJ I l1..:iu ~..:ibb~1'1..JVi (9)(9) ~..:ivt1f1lJ Yl.l"l. klcrt>m bU'LJ~'LJ1u ('LJ1..:ie:i.fb~ ~'Um1.fl1ru) u1 ~n 1'1..J f1 ru~ m1lJ 16fl11m1Yl1 ru"ll ~ bbfl~ m1e:i \;)?f 1vt m1lJ ' 1~?l.fl1 ' ๑๗๒
. 0 OJ fl1fl.:I cl 'VI 'VI. G> o Im ct'bm . ., . b~e:i.:i ~.:iflru~vl1.:i1'l.!Am~1e:i~fl1Vifl'a'a:Ubfl~'Mijfl'iiJ~1.fl1W . (bcW:Ub~:U) ... \9l1:W~1~i1r11?1'.:iriru~fl11:W1Bfl1'Hl11'V'l1ru6ll~bb~~f11'jf)(91G'j1Vlfl11:W 'J~G'l.fl1 ~ Vl.~/~ctt>bn ' ., ' ' ' b~e:i.:i ~.:iriru~vl1.:i1'W~n~1e:i~G'11V1n11ml"l1~:on"il~hn1'V'J ~.:i1'WVi @)@) 5.:iV11ri:w ~ctobn 1~CJn1V1'W~ ' "" ""' .., .., "' WCJ~b'Jmf111fdif1~1 oo 'J'W 'U'U riru~ n11:w15m1~"il11ru1 b ~'W11b~e:i1~n11\911b U'U-'.11'W"lle:i.:iriru~vl1.:i1'W~.:ini;l 11 b ll'W1 u ~1CJri11:wt:1 'IJ mi' e:i.:i b Vl:W1~G'l:w bb~~ 1~ -ruvi11uoff e:i:w~~ 'IJ bu 'UU1~ 1CJ6ll'l.J1 'Ufl11~ ~Vi 111CJ.:i1'Un11-Vu bfl~e:i'U e:i \91G'11V1n11~ bfdi1~:on "il~h n 1'V'l b ll'W1 u e:i Eh .:i iJu 1~ 5vi5n1 'V'J bb~ ~1~-ruvi 11uoffe:i:w~e:icl1-:i 1e:iu ~ 1'U · ' "" 'IJ riru~n11:w15n1~~.:i b ~'Uri11~.:iuriri~ b ~e:i b U'Wriru~v11.:i1'W (b ~:w b~:w) 1 'Wriru~v11.:i1'U~n~1e:i\91G'11V1n11:w ., ' ' Cit. .:::I Q.I .:::I bfdi1~:0fl"il6ll'J.fl1'V'J ~-'.l'U "" @). 'W1 CJfit-:i~ 1 'V'lB\911U'U~ riru~v11.:i1'U flW~vl1-'.11'U flW~vl1-'.11'U .., ~ 0 ct. 'W1ClflW1'U'UVl VlCJ1CJVlti flW~Vl1-'.11'W ., ' . "' ~.:i'U''U "flru:vl1.:i1'l.!Afl'M1eJ~fl1Vifl'a'a:Ubfl'a'Mijfl'iiJ~1.fl1W" ~.:iu1~ne:iu~'JCJUflfl~ ~.:iij . ... ' (®) 'W1.:ie:iih~ ~'U\9111.fl1ru u1~n1'U~u~n~1riru~v11.:i1'U (~) 'U1CJG'l:W6ll1CJ Vl1t1Ji'.1-rt1J ~u~n~1riru~v11.:i1'U ~ (bn) 'U1mru1~vi5 u~CJom\911~fl~ u1~n1'Wriru~v11.:i1'U 'IJ (ct) 'W1m"il'W tl1-tiCJfil~ 1e:i.:iu1~n1'Uriru~vl1.:i1'U ri'W~Vl~.:i (ct) 'U1CJ6ll~\9l bbtl'J~'U~1 (o) 'W1.:iG'111Vl'V'lm11ru ~rnuw1CJ6lltl (b'11) 'U1.:iG'1111n1~1 'V'lmn'W'V'J1 (~) 'W1CJn'Ll~~ m15'U "" (~) 'U1CJCJ.:ibnm~ . n\9l~'V'J1ru6ll~ (®o) 'U1Cle:J~Vl\9l 'J~?i'W'Wvl ~ (®®) 'U1CJ~:W']VJ5 bbeilb~CJ.:i .:::I Q.I & rf v QJ rf (®~) 'W1Clbfl1CJ-'.lfdifl~ 'J-'.lfdi'V'J'jf):IJ'j(9l'U (®bn) 'W1CJU~'UVJ{ G'l"1J~fdi1~ ' ' 1e:i.:iu1~ti1'Uflru~v11.:i1'U fl'U~6'!e:i.:i riru~v11.:i1'U flW~vl1-'.11'W flW~vl1-'.11'W riru~v11.:i1'U flW~vl1-'.11'U flW~vl1-'.11'U flW~vl1-'.11'U flW~vl1-'.11'U (®ct) 'U1Clfl']fdi ... ๑๗๓
( m<i'.) ·1..n fl n (j 111 ·~'i.rv1i~11 'HlJ (m~) 'U1fl~1::: 1 YICT\Jntl'U::: (mb) 'U1fll'Dl'l BCT~'ll • (mlri) 'U1fl~mn(j'IJ -r~~l.J1'UYI (m~) 'U1flflru1ut1"1 Vlf11ffY15 • • SI I I' Q.I ~ (m~) e.J"111fll111~1'111"il1WLV1vli1111nlil 'IJ Ovo) t11-:i~1111~t11 ~~l.JU~nn • • flru:::vi1~1t1 flru:::vi1~1t1 flru:::vi1-:i1t1 flru:::vi1-:i1t1 flru:::vi1~1t1 .... 0 1111~1Yln flru:::vi1-:i1t1LLn:::Ln'lJ1t1m1 • • 0 ti I fl ru:::vi1~1t1 Lrn::: e.J"111flLn'll1'Un11 'IJ • iv. 1 "1flru:::vi1-:i1t1"1 li"viti'1~LLn:::81t11"il ~-:iviti 1t.Jd (m) Pim n LL t11vi1-:im1~~1-:iri11l.J L oifl.J LL ~-:i1 "1nu~tl1:::ntium1til'l~1"v1n11m1111~~n"il 'IJ • ... ~1.f11Yll'lnvlili11~ 16iltitlvi1t1m1e..i~l'lti~1-:iri1u1-:i"i11 • (Iv) Pim~1l.J11'11n11n11~-:JL~~l.Jn11L~l.J~lilfl11l.J~1l.J11'11'Um1LL~~-U'U LLn:::L~l.Je.Jne.J~l'l ' " t.J1:::~vi6.n1Y1m1e.J~l'l'llv-:i~tl1::: 'IJ ntium11 um1~~1-:il.Jnr11 'IJ L ~l.l'Ut1-Wu~1t1'llti-:iui'l'ln11l.l ... LLn::: L Vlfl L 'Ufa~ ('11) Pi n~1LL t11'Y11-:i m1~ (J).J'U1LLn:::u "ii~ m1°LTu'1t1u~ L tlt1mmm1'1°LTu'1t1uvi tim1-UuLfl~ v'U • • ~ 4 .... n11Yl(J).J'U1vl?l~1"v1n11l.l . Ll111~~n"il"111.f11Yl ... (<i'.) Pi n~1 LLn::: ~ lilvl 111fl~1'Un11~(;).J'U1 LLn :::-Uu Lfl~ v'U vl?l . '11"v1n 11l.l Ll111~~ ... fi "il~1.fl1Y1 1 tl~.f11flU~'U111'11l.J LL 'U1'U Lv'U1fl'llv-:i-r31 (~) ~1 L Du n11L~ti-:i~t1 '1 1?11l.l~flru:::tiu n11l.l16n11n11ti1?1~1"v1n11l.ll.lv'U"v1l.l1 fl I ' ' Llilfln1"v1t11i1Wfl:::nmm1Pin~1 bo 1u II II II 1 l1-:iti ~-:JLLvll'UVi ~ tl'Ufl1fl'U Yl.111. lv~'11 LU'U~'U1tl (u1~eil11~ ~t1m1111ru) tl1:::51t1flru:::m1l.l16n 1m1Y11ru"ll~LLn:::m1ti1?1~1"v1m1l.l • ๑๗๔
d V1 Vl. {§;.'/1§'.lcfi:n;n b~eN "lll:l1t:J':i~t:J~b 1i;i1n11-Wl\111ru1~n~1"lJe:i.:il°lru~v11.:i1'W.~n~1bA':i~~nl\l'Vi~'Wb1t:1'W ,, . . bbi;i~~.:iilimn~1l°l ru~v11.:i1'W bbi;J~l°l ru~v11.:i1'W ( b 'W:m~:w) \?11JJ~1#\nr11i..:iriru~nddlJ16md'l"J1ru61J61,1,fl~mdei\?16'!1VlnddlJ 1~Mn ~ 'Vl. iv;ivcrDiv • • !,~fr~ ~..:JAill~vl1~1'UPifl~16flld~)1fi"il'Vl~'UblCJ'U fl..:Jl'U~ iv~ '\f'J~fll~fl1CJ'U lvcfDlv L\?lCJfl1Vl'Ul?ld~CJ~b1fl1 ., """ OJ OJ fl1df!lf1~1 DO 1'U 'U'U U\?lif 1#JAd'LJrl1Vl'U\?ld~CJ~ 61fl1Vlfl?l'Ul'Ub6~1 6~'Ell'UeJ~A1d~ Iv~ lJf1d1AlJ lvcfDQ1 Vl 1 fl!,!, \?11 fl1dtl"il6V'El..:J A ill~vl 1..:J1'U 8..:ihJ !,!,~ 1 !,6'f~"il \?11lJ~ Aill~fl ddlJ15 fl1dlJ'El'UVllJ1 CJ 1 'UA d11Ud~61llJ • Aru~mdm5md A~..:i~ Q1fflcf'0Q1 1,~ei1't1'5..:iA1d~ iv~ J.Jm1AJJ \vcrDQl ~tld~61JJJAru~mdm6mdlii..:i1,~t1A1d • 6VCJ1m1mmd\?111,'Llt1md6Vei..:iAru~v11..:i1t1Pin~11,f!ld~:on"il'VlJJ'UblCJt1eiein 1 tl~n Do 1't1 1,1,fl~~..:i~tl'1n~1 "" . Aru~v11..:i1m1,fl~Aru~v11..:i1t1 (1,~m~JJ) #l~d (®) t11..:ieiih~ ~'U\?1~1fldru tld~'01t1~tl'1n~1Aru~v\'1..:i1i.! (Iv) 'U1CJbf1~CJ..:JPlfl~ 1..:JPl'l"J~'El~1\?ltJ Aill~vl1~1'U #1..:itY'U Aill~vl1..:J1'Ufifl~16f!ld~:On"il'VllJ'Ul,lCJ'U ~..:JUd~fl'El'U#l1CJ'UAAfl#l..:J~'El 1 ud "" . . (®) 'U1..:J'ElJld~ ~'U\?ld1f\dtW . (Iv) 'U1CJ6'!JJ61l1CJ V11ru~1'ru ., ., (Ql) t11m"ilt1 tl1-U'CJP11 ~ (~)t11CJdru11'Vl5 tl1CJ~\?ld\?ld~f1fl '\J (er) 'U1CJB\91!61'11~ • ~1ruudru~ ., '\J (D) 'U1CJ6'flJ61l1CJ Vll.:ll\91J'Ul'\f'J1tU61l (~)'U1CJ'El~'l-1\?1 1~~'U'U~ (~) t11CJn\?l~~t16 6'Vl'l"J11'n,;~ru1m • .:::I Q.J et. 6' 2.1 Q.I 6' (~) 'U1CJbfldCJ.:Jfllfl\?l 1-:Jf!l'l"Jd'EllJd\?l'U 2.1 I 6' 12.1 ..::! ..:::::j (®o) t:-J61l1CJfl116'f\?ld1"il1dCJb'Vl'El\?lfllfl\?l f!ld?fd'l"Jfl '\J • (®®) 'U1..:J6'!11116'f'U1 6'f~JJ116'f f1fl ' . Ud~'01t1~tl'1n~1Aru~v\'1~1t1 ~tJ1n~1Aill~vl1~1'U U d~'01'U A ru~v\'1~1'U d'El~Ud~'01'UAill~vl1~1'U Aill~vl1~1'U Aill~vl1~1'U Aill~vl1~1'U Aill~vl1~1'U Aill~vl1~1'U A ru~v\' 1~1'U 61,fl ~ 6fl6V1'U fl1d o· 2.1 I ' A ill~'Vl1..:J 1'U !,!,fl~ l:.J"ll1CJ6fl6V1'U fl1 d '\J ' 1... 0 1v. VlAill~'Vl1..:J1'U "1 ... ๑๗๕
Iv. 1 ~flru~vhnu"1 i1'VIU1~LL'1~el1'\J1~ ~'l~v 1 u-d' (m) pj m~n 1 l1'fl11l.J L ~'\J LL'1~-ff m'1'\J€1LL '\J~ L~ E.11 tlU f111U11~UU L1111~~ n~'Vll.J'\J L l EJ'\J ... , ii1~1L u'\Jm1L ~€11 ~Ln~~tl LL uu LL'1~LL 'IJ1t1~~~i1t11~~Vl5n1'WLL'1~-u~ L ~'\J (\!:>) ~~vl111EJ\11'\Jn11Yi~11ru1Pim~n LL'1~'Vl1LL '\J1Vl1'11 '1Jm1U1'Vf~f) L1111i;~n~'Vll.J'\JL 1 EJ'\J ... . L ~€JU1l.J1~1 U'\Jf)111 l1 n~tl W~Vl 5fl1'W LL'1~U1 ~~Vl5t:.J'1 L'1'\J €!~ €1 fl ru~ €1'\J f) 11l.J15f)11f)11€llil'11'VIf)11l.J • • ( m) ~ 1 LU '\J f11'H ~€!\I ~'\J 1 lil 1l.J~ fl ru~tl~ n 11l.J15n11f111~lil'11'\lln11l.Jl.J €1 U 'Vll.J1 ti 1~vn1'Vl'IJ~Wt1~L1mm1Pi ~1 bo 1'1J ~\I.a vr\ILL~l'\J vf!, !r' l.Jf))1fll.J 'W.111. \!:>ct'.bm LU'IJl'i''IJ1tl i'l ru l'\J~ 'btliim1fll.J 'W.111. \!:>ct'.bm ('IJ1'1€1fh~ ~'\Jlil11flWJ) U1~ 61'\Jfl ru~ n 11l.J15m 1 n11'W1 cU'lJ V LL"1 ~ n11€l lil '11'VI n11l.J • 1~'1fl1 • ๑๗๖