The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by E-book สสว.10, 2021-10-18 05:35:00

การจัดการความรู้และการถ่ายทอดความรู้ (KM) สสว.10 ประจำปี 2564

Knowledge Management KM สสว.10 ประจำปี 2564

ในปี 2563 สถานพัฒนาและฟื้ นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จัดโครงการดนตรี
และศิลปะเพื่อบำบัดฟื้ นฟูเด็กในสถานรองรับที่มีปัญหาพฤติกรรมวัตถุประสงค์เพื่อ
ให้เด็กได้รับการบำบัด แก้ไข ฟื้ นฟูให้มีพฤติกรรมและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ผ่านการใช้
กิจกรรมศิลปะบำบัดที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กในหน่วยงาน โดย
วิทยากรมีนางสาวสายใจ ศรีลิ้ม นักศิลปะบำบัด จากมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก จะใช้
ศิลปะบำบัดในรูปแบบแตกต่างกันไปในผู้รับการบำบัดแต่ละคนที่มีสภาพปัญหา
แตกต่างกัน เทคนิคที่ใช้ เช่น ปั้ นดิน วาดภาพ ระบายสี เล่นละคร หรือบทบาทสมมติ

โดยนักศิลปะบำบัดจะพิจารณาเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น
ดินสอ สีไม้ สีเทียน ใช้สำหรับการสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้บำบัดกับผู้รับการบำบัด
ใช้แทนการสื่อสารด้วยถ้อยคำ หรือ สีน้ำ ดินน้ำมัน ใช้ลดความตึงเครียด ผ่อนคลาย
อารมณ์ และระบายความรู้สึกนึกคิดออกมาอย่างอิสระ และนายศักดา คุ้นเคย
ครูสอนศิลปะ จากกลุ่มศิลปะ ศิลปินอิสระด้านดนตรี ละคร ดนตรี และธรรมชาติ
ศึกษา สร้างสรรค์สื่อเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนจะใช้ศิลปะบำบัดในรูปแบบการทำ
กิจกรรมศิลปะร่วมกับธรรมชาติใกล้ตัว ผลงานศิลปะจากธรรมชาติ

21ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

ผลผลิต/ผลลัพธ์ เชิงประจักษ์

หมายเหตุ ตารางย่อยที่ 1 * ลำดับที่ 1-4 กลุ่มเด็กที่มีความเครียดอยู่ในระดับสูงกว่าปกติมาก/พบภาวะ
ซึมเศร้า สมควรได้รับการบำบัดดูแลเป็นพิเศษ / เร่งด่วน

ตารางย่อยที่ 2 คะแนน 6-17 อยู่ในเกณฑ์ ปกติ................................................................................
คะแนน 18-25 อยู่ในเกณฑ์ สูงกว่าปกติ....................................................................
คะแนน 26-60 อยู่ในเกณฑ์มีความเครียดสูงกว่าปกติมาก.........................................

ตารางย่อยที่ 3 คะแนน 0-15อยู่ในเกณฑ์ ปกติ.................................................................................
คะแนนตั้งแต่ 16 ขึ้นไป อยู่ในเกณฑ์ มีภาวะซึมเศร้า.................................................

ตารางย่อยที่ 5 อัตราการรับประทานยาเท่าเดิม................................................................................
อัตราการรับประทานยาลด (ปริมาณ/ชนิด)...............................................................
หมดยา......................................................................................................................

ตารางย่อยที่ 6 สถานะการกลับคืนสู่สังคม ครอบครัว การใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลภายนอก ,ไม่ระบุ
หมายถึง อยู่ภายใต้การดูแลภายในหน่วยงาน

22 ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

สรุปการประเมินผลด้านการรับประทานยาจากตารางจะเห็นได้ว่าในปี
งบประมาณ 2562 ที่มีการริเริ่มจัดกิจกรรม “ศาสตร์ ศิลป์ สู้ ซึมเศร้า” โดยการใช้
ศิลปะบำบัด ร่วมกับกิจกรรมเกษตรอินทรีย์วิถีแห่งความพอเพียง, กิจกรรมอาชีวะ
บำบัด , การบำบัดรักษาทางการแพทย์โดยใช้ยา และกระบวนการสังคมสงเคราะห์
กับเด็กที่มีสภาวะเป็นโรคซึมเศร้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน ทั้งหมด
จำนวน 15 ราย มีกลุ่มเด็กที่มีความเครียดอยู่ในระดับสูงกว่าปกติมาก สมควรได้รับ
การบำบัดดูแลเป็นพิเศษ อย่างเร่งด่วน จำนวน 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.67 และ
กลุ่มเด็กที่มีความเครียดอยู่ในระดับสูงกว่าปกติปานกลาง จำนวน 11 ราย คิดเป็น
ร้อยละ73.33 (ตารางย่อยที่ 1) สรุปผลการประเมินก่อนร่วมกิจกรรม พบว่ามี
ความเครียดระดับสูงกว่าปกติมาก ระดับความเครียดช่วงคะแนน 26-60 กำลัง
ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด เป็นการเจ็บป่วยที่รุนแรงเรื้อรัง ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
ฟุ้งซ่าน ตัดสินใจผิดพลาด ขาดความยับยั้งชั่งใจ อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากปล่อย
ไว้โดยไม่ดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสมและถูกวิธีอาจนำไปสู่ความเจ็บป่วย
ทางจิตที่รุนแรง จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ40 อยู่ในเกณฑ์มีความเครียดระดับ
สูงกว่าปกติ ปานกลาง ช่วงคะแนน 18-25 มีความไม่สบายใจอันเกิดมาจากปัญหา
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อาจไม่รู้ตัวว่ามีความเครียดหรืออาจรู้สึกได้จากการ
เปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรมบ้างเล็กน้อย มีความ
ยุ่งยากในการจัดการกับปัญหาอยู่บ้างและอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากขึ้น
กว่าเดิม และไม่เป็นผลต่อการดำเนินชีวิต จำนวน 9 ราย คิดเป็นร้อยละ 60 หลัง
เข้าร่วมกิจกรรมพบว่า เด็กสามารถจัดการกับความเครียดได้ดี เป็นผลให้ระดับ
ความเครียดดีขึ้นทำไห้ไม่มีเด็กที่อยู่ในเกณฑ์

23ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

ระดับความซึมเศร้า ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม พบว่ามีเด็กอยู่เกณฑ์มีภาวะ
ซึมเศร้า ช่วงคะแนนตั้งแต่ 16 ขึ้นไป มีอารมณ์ซึมเศร้าท้อแท้ สิ้นหวัง ในเด็ก
และวัยรุ่นอาจเป็นอารมณ์หงุดหงิด ขาดความสนใจหรือความเพลิดเพลินใน
การทำกิจกรรมต่าง ๆ รู้สึกตนเองไร้ค่า รู้สึกผิดและโทษตนเองอยู่ตลอด
จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 53.33 อยู่เกณฑ์ปกติ ช่วงคะแนน 0-15
จำนวน 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 46.67 หลังเข้าร่วมกิจกรรมพบว่า เด็กเห็นคุณค่า
ในตัวเอง มีความเพลิดเพลินในการทำกิจกรรมต่างๆ เข้าร่วมกับคนและสังคม
ได้ดี เป็นผลให้ภาวะซึมเศร้าในเด็กลดลงอย่างมาก พบเด็กอยู่เกณฑ์มีภาวะ
ซึมเศร้า ช่วงคะแนนตั้งแต่ 16 ขึ้นไป เพียง 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 และ
อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วงคะแนน 0-15 เพิ่มมากขึ้น จำนวน 12 ราย คิดเป็น
ร้อยละ 80 (ตารางย่อย ที่ 3)

ในส่วนของการดำเนินกิจกรรม นักศิลปะบำบัดจะมีการวางแผนจัด
กิจกรรมให้กับเด็กที่มีสภาวะเป็นโรคซึมเศร้ารายบุคคลโดยใช้กิจกรรมศิลปะ
บำบัดทั้ง 10 ครั้ง/กิจกรรม ตามความพร้อมของเด็กแต่ละราย บางราย
ไม่สามารถทำกิจกรรมได้จนเสร็จสิ้น ต้องให้เวลาเด็กและนำกลับมาทำกิจกรรม
ใหม่ในครั้งหน้า จากสถิติพบว่า เด็กที่มีเกณฑ์ประเมินระดับความเครียด และ
ระดับความซึมเศร้า อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าปกติมาก เข้าร่วมกิจกรรมศิลปะบำบัด
มากกว่า 10 ครั้ง จำนวน 4 ราย (ตารางย่อยที่ 4)

ส่งผลให้สถิติการรับประทานยา ในปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562
ในเด็กที่มีภาวะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีอัตราการรับประทานยาลดลงจาก
จำนวนทั้งสิ้น 15 คน ไม่ต้องรับประทานยาแล้ว จำนวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ
13.33 รับประทานยาลดลง (ปริมาณ/ชนิด) จำนวน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 20
ในเด็กที่มีภาวะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่มีอัตราการรับประทานยาลดลงหรือไม่
ต้องรับประทานยาแล้ว (ตารางย่อยที่ 5)

24 ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

จากการใช้บำบัด ฟื้ นฟูโดยใช้แนวทาง ศาสตร์ ศิลป์ สู้ ซึมเศร้า ทำให้
หน่วยงานสามารถคืนเด็กกลับสู่ครอบครัว/สังคม หรือแม้แต่การผลักดันให้เด็ก
ได้ทดลองใช้ชีวิตกับบุคคล/สังคมภายนอกทั้งแบบระยะสั้น และระยะยาว
ซึ่งทำให้เด็กสดใสร่าเริง มีสมาธิสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทำกิจกรรมได้
มีพลังและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น สรุปได้ดังนี้ เด็กที่ได้รับการประเมินจาก
ทีมสหวิชาชีพ มีทักษะด้านอาชีพ และทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น/สังคมสามารถ
เข้ารับการฝึกอาชีพที่ศูนย์การเรียนรู้พัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัด
สงขลา หลักสูตรระยะสั้น 3-6 เดือน หลายแผนก เช่น นวดแผนไทย เสริมสวย
โภชนาการ ฯ จำนวน 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 33.33 เด็กที่สามารถเข้าเรียนใน
ระบบร่วมกับเด็กปกติได้ จำนวน 2 รายคิดเป็นร้อยละ 13.33 เด็กที่ผ่านการฝึก
อาชีพเสริมสวย และส่งต่อไปทดลองทำงานจริงภายนอกหน่วยงาน
จำนวน 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.66 และเด็กที่ผ่านการพัฒนา ฟื้ นฟูตาม
มาตรฐาน สามารถส่งกลับคืนสู่ครอบครัว/สังคม ได้จำนวน 2 ราย คิดเป็น
ร้อยละ 13.33 รวมทั้งสิ้น 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 66.66 (ตารางย่อยที่ 6)

25ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

ประโยชน์ที่ประชาชน/ผู้รับบริการได้รับจาก
กิจกรรมศิลปะบำบัด ศาสตร์ ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

สถานพัฒนาและฟื้ นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำกิจกรรมศิลปะ
บำบัดมาปรับใช้ในหน่วยงานและนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับกระบวนการสังคม
สงเคราะห์กับผู้ใช้บริการในหน่วยงาน โดยกิจกรรมศิลปะบำบัดจะดำเนินการ
ไปพร้อมกับกระบวนการห้องแรกรับ ซึ่งผลที่ได้รับจาการทำกิจกรรม ส่งผลให้
เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อตนเองและต่อผู้อื่น มีทัศนคติเชิงบวกกับเจ้าหน้าที่และไว้
วางใจเจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง
กับตัวเด็กเพื่อประกอบการวางแผนในการใช้กิจกรรมตามความถนัดเสริมพลัง
คุณค่าในตัวเอง ทำให้เด็กได้รับการฟื้ นฟูสภาพจิตใจไปในทิศทางที่ดีขึ้น
สามารถปรับตัว รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้น สามารถควบคุม
อารมณ์ของตนเองเพิ่มมากขึ้น สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ด้วยกันได้
ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีของการเป็นก้าวแรกของการเข้าสังคมในอนาคตได้ต่อไป

26 ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

การประเมินผลของผู้ใช้บริการ

หลังจากดำเนินกิจกรรมศิลปะบำบัด ผู้ใช้บริการได้ประเมินความพึงพอใจ
ในการทำกิจกรรมพบว่าระดับ 73.33 % อยู่ในระดับดีมาก และระดับ 26.67%
อยู่ในระดับดี ซึ่งเห็นได้ว่าจากการประเมินผู้ใช้บริการอยู่ในระดับดี นักจิตวิทยา
ประเมินสภาวะซึมเศร้า และความเครียดของเด็กกลุ่มที่ป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
รวมถึงประเมินความภาคภูมิใจระดับสูง กลาง ต่ำ เพื่อสรุปผลการดำเนินกิจกรรม
ศิลปะบำบัดรายบุคคล ผู้บำบัดและนักจิตวิทยาร่วมกันสรุปพฤติกรรมและสภาวะ
ทางอารมณ์ผู้ใช้บริการรายบุคคล เพื่อเข้าร่วมประชุมทีมสหวิชาชีพประกอบ
ไปด้วย นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักพัฒนาการเด็ก นักพัฒนาสังคม
(ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมการศึกษา) พี่เลี้ยง ครูฝึกอาชีพชั้น 3 เจ้าหน้าที่บันทึก
ข้อมูล (ผู้บำบัด) ร่วมกับ ประเมินพฤติกรรมของเด็ก วางแผนให้การช่วยเหลือแก่
เด็กและวางแผน (IDP) รายบุคคล มีการสรุปผลการประชุมและรายงานผลการ
ประชุม เพื่อเสนอหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคมเพื่อทราบทุก 6 เดือน นักจิตวิทยา
มีการติดตามประเมินผลรายบุคคล สรุปผลการประเมินจัดทำรายงานเสนอ
ต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบ

27ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

การจัดการผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น

การทำงานของเจ้าหน้าที่กับผู้ใช้บริการกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านี้ เป็นเรื่อง
ที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เพราะผู้ใช้บริการจะมีอาการวิตกกังวลสูง การวางแผนจัด
กิจกรรมให้กับผู้ใช้บริการที่มีสภาวะเป็นโรคซึมเศร้ารายบุคคล โดยใช้กิจกรรม
ศิลปะบำบัดทั้ง 10 ครั้ง/กิจกรรม ตามความพร้อมของผู้ใช้บริการแต่ละราย ผู้ใช้
บริการบางรายไม่สามารถทำกิจกรรมได้จนเสร็จสิ้นต้องให้เวลากับผู้ใช้บริการ
ผู้บำบัดจะเลื่อนการทำกิจกรรมศิลปะบำบัดออกไปก่อน และนำกลับมาทำกิจกรรม
ใหม่ในครั้งหน้า เนื่องจากกิจกรรมบางกิจกรรมมีผลต่อการกระตุ้นด้านอารมณ์
สภาวะซึมเศร้า หากผู้ใช้บริการไม่สามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ ทีมสหวิชาชีพ
ร่วมกันวางแผนเปลี่ยนการดำเนินกิจกรรมศิลปะใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนิน
กิจกรรมที่ผลกระทบต่อสภาวะจิตใจ โดยใช้ศิลปะเพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อลด
ความตึงเครียด และคลายความกังวล หลังจากนั้นทีมสหวิชาชีพ จะประเมินความ
พร้อมของผู้ใช้บริการอีกครั้ง และพิจารณาการดำเนินกิจกรรมกับผู้ใช้บริการอย่าง
เหมาะสม อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะต้องปิดไม่ให้เด็กทราบว่ากิจกรรมศิลปะที่ใช้เป็น
กิจกรรมเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เพื่อป้องกันการต่อต้าน และทัศนคติที่ไม่ดีต่อ
กิจกรรม

28 ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

กลุ่มเป้าหมายของสถานพัฒนาและฟื้ นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ
เด็กหญิง ที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเป็นกรณี
พิเศษ ที่เกิดจากการเลี้ยงดูไม่เหมาะสม ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว
หรือถูกกระทำทารุณกรรมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ เพศ ถูกปล่อยปละละเลย
หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นผลมาจากการถูกทารุณกรรม
ทั้งนี้ จากสถิติ เด็กกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่มาจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญ ที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งมาจากคนในครอบครัว
เป็นผู้กระทำ จนทำให้เด็กส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) ของ
องค์การสหประชาชาติ ด้านมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เป้าหมายในการ
สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมสวัสดิภาพสำหรับทุก
คนในทุกวัย ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงหนึ่งในสาม
ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรคและสนับสนุนสุขภาพจิตและ
ความเป็นอยู่ที่ดีภายในปี 2573

29ศิลปะบำบัด ศาสตร์ศิลป์ สู้ซึมเศร้า

คณะผู้จัดทำ

ที่ปรึกษา




นางสาวมนิดา ลิ่มนิจสรกุล
(ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 10)




นางจารุณี รัตนจินดา

(ผู้อำนวยการสถานพัฒนาและฟื้ นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี)




นางจามรี วัดแพ (นักจิตวิทยา)




นางสาวชุติมา มีศิลป์ (เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล)




คณะทำงาน




นางสาวฉวีวรรรณ สาระโมฬี (เจ้าพนักงานพัฒนาสังคมปฏิบัติงาน)




ออกแบบ




นางสาวนิศากร หนูนวล (นักพัฒนาสังคม)




จัดพิมพ์และเผยแพร่




สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 10

สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

33 หมู่ที่ 1 ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84100
โทรศัพท์ : 0-7735-5022
โทรสาร : 0-7735-5705

E-mail : [email protected]
Facebook : ศูนย์วิชาการพัฒนาสังคม สสว.สิบ สุราษฎร์ธานี

Website : http://tpso-10.m-society.go.th
Line : @tpso10surat

การจัดการภัยพิบัติ




กรณีศึกษา

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จังหวัดนครศรีธรรมราช

เรียบเรียงโดย

นางสาวทิพวดี มะฮง
ตำแหน่ง พนักงานบริการ

Credit

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 10
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง เลขที่ 33 หมู่ 1 ตำบลขุนทะเล
ของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งได้เผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84100
ส่งผลให้ผู้คนต้องอพยพออกจาก
ที่พักอาศัย หรือทำให้ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย โทรศัพท์ : 0 7735 5022 – 3
โทรสาร : 0 7735 5705
สมาชิกในครัวเรือนพรากจากกัน
ทำลายบ้านเรือนที่พักอาศัย E-mail : [email protected]
ผู้คนบาดเจ็บหรือล้มตาย ก่อให้เกิด Facebook : ศูนย์วิชาการพัฒนาสังคม สสว.สิบ สุราษฎร์ธานี
ความทุกข์ยากตามมาทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว และเกิดความ Line : @tpso10surat
ต้องการพื้นฐานในด้านต่าง ๆ ขึ้นมา Website : http://tpso-10.m-society.go.th
อย่างเร่งด่วนและจำนวนมาก
ซึ่งความต้องการเหล่านั้น เกินขอบเขต

ความสามารถของผู้คนในพื้นที่ที่จะ
ตอบสนองหรือแก้ปัญหาเองได้อย่างทัน ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล
ท่วงที จึงจำเป็นที่จะต้องหันมาให้ความ
สำคัญกับปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะ นางอุบล ทองสลับล้วน
การเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต



นางโสภิศ ยิ่งคำนึง

นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี




นางสาวรัตนา สุดสาย

นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
รักษาการหัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผู้ จั ด ทำ

นางสาวทิพวดี มะฮง

พนักงานบริการ

ออกแบบ

นางสาวนิศากร หนูนวล

นักพัฒนาสังคม

ส า ร บั ญ

Page Topics
1 บทนำ
4 แนวทางการจัดการภัยพิบัติ
8 แนวทางการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทย
11 การบริหารจัดการภัยพิบัติ
19 ภัยพิบัติในภาคใต้ตอนบน
21 ภัยพิบัติในจังหวัดนครศรีธรรมราช
22 บทบาทหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
24 การจัดการด้านฟื้นฟู
25 การบริหารจัดการภัยพิบัติของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง

ของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช

28 บทส่งท้าย

ก า ร จั ด ก า ร ภั ย พิ บั ติ

ก ร ณี ศึ ก ษ า

สำ นั ก ง า น พั ฒ น า สั ง ค ม แ ล ะ ค ว า ม มั่ น ค ง ข อ ง ม นุ ษ ย์ จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช

“ภัยพิบัติ”

หมายถึง “การหยุดชะงักอย่างรุนแรงของการปฏิบัติหน้าที่
ของชุมชนหรือสังคมอันเป็นผลมาจากการเกิดภัย
ทางธรรมชาติหรือเกิดจากมนุษย์ ซึ่งส่งผลต่อชีวิต

ทรัพย์สิน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม อย่างกว้างขวาง
เกินกว่าความสามารถของชุมชนหรือสังคมที่ได้รับ

ผลกระทบดังกล่าว จะรับมือได้โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่”



(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,2557)

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 1

เดือดร้อนกันไปทั่วสำหรับปัญหาภัยพิบัติ หลายจังหวัดในประเทศไทยที่
ยังคงต้องรับศึกหนักกับน้ำก้อนใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
เกิดจากพายุและฝนกระหน่ำประเทศไทยแบบเต็มๆ ซึ่งได้สร้างความเสียหาย
อย่างมาก คงไม่มีใครคิดมาก่อนว่าสายลมเพชฌฆาตเหล่านี้ จะมีผลทำให้หลายๆ
จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยจมหายกลายเป็นเมืองบาดาล
ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด แต่ประชาชน
ส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้สึกถึงภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากเดิมในช่วงเดือน
มีนาคม ซึ่งปกติอากาศจะต้องร้อนอบอ้าว กลับเป็นหนาวเย็น และมีฝนตก
เนื่องมาจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงที่ประเทศจีน แผ่ปกคลุมมาถึง
ประเทศไทยตอนบน และในขณะเดียวกัน หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง
ก็ส่งผลมาถึงภาคใต้ตอนกลาง ตลอดเดือนมีนาคมนั้นจึงทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก
หนาแน่นเกือบตลอดเดือน ทำให้เกิดอุทกภัยเป็นบริเวณกว้าง อีกทั้งยังมีเหตุ
ดินโคลนถล่มใน จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง และกระบี่ ซึ่งภาพรวม
ของประเทศไทย ก็ยังคงมีฝนตกอยู่มากน้อยเป็นบางพื้นที่ จึงทำให้ปริมาณของ
น้ำมากเกินความต้องการ และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ ประเทศไทยก็ยังคงได้รับ
อิทธิพลจากพายุโหมกระหน่ำเข้ามาอีกหลายลูก

กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มีภัยธรรมชาติมากมายหลายประเภทเกิดขึ้น
บ่อยครั้งในประเทศไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่น พายุหมุนเขตร้อน พายุฝนฟ้า
คะนอง หรือพายุฤดูร้อน คลื่นพายุซัดฝั่ ง ดินโคลนถล่ม อุทกภัย ภัยแล้ง ไฟป่า
และหมอกควัน แผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ โดยมีเหตุการณ์ภัยพิบัติที่สร้าง
ผลกระทบขนาดใหญ่กับประเทศ เช่น เหตุการณ์คลื่นสึนามิที่ซัดถล่มชายฝั่ ง
อันดามันของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2547

2
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ชี้ให้เห็นว่า
ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา มีภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และหลายเหตุการณ์
เกิดขึ้นซ้ำเป็นประจำตามฤดูกาลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงทำให้มีความสามารถ
คาดการณ์การเกิดภัยพิบัติได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่ามีภัยพิบัติ
รูปแบบใหม่ หรือภัยพิบัติที่มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้การคาดการณ์เป็นไปได้ยาก มีความ
ไม่แน่นอนสูง และยังคงมีภัยบางประเภทที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่เลือก
ช่วงเวลา เช่น ภัยจากแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ และโรคระบาด หากพิจารณา
แนวทางในการจัดการและการรับมือกับภัยพิบัติ ตามแผนการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นแผน
แม่บท ในการจัดการภัยพิบัติของประเทศ ได้แบ่งระดับการจัดการสาธารณภัย
แบ่งเป็น 4 ระดับ

ทั้งนี้ ขึ้นกับพื้นที่ ประชากร ความซับซ้อน หรือความสามารถในการ
จัดการสาธารณภัย ตลอดจนศักยภาพด้านทรัพยากร ที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
ใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าควบคุม
สถานการณ์เป็นหลัก การจัดการสาธารณภัยขนาดเล็ก (ระดับ 1) และ
ขนาดกลาง (ระดับ 2) รับผิดชอบในการอำนวยการ ประเมินสถานการณ์ และ
สนับสนุนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแต่ละระดับ
พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
เพื่อตัดสินใจยกระดับในกรณีการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) และ
เสนอนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ในกรณี
การจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4)

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 3

แนวทางการจัดการภัยพิบัติ

การจัดการภัยพิบัติ ไม่สามารถสำเร็จได้โดยบุคคลหนึ่ง หรือหน่วยงาน
หนึ่งเพียงลำพัง เพราะภัยพิบัติเป็นเรื่องของทุกคน จึงจำเป็นต้องมีการสร้าง
กรอบความร่วมมือ เพื่อช่วยให้มีแนวทางในการดำเนินการจัดการภัยพิบัติร่วม
กันทุกระดับภายในประเทศ ทั้งนี้ในระดับสากลและระดับภูมิภาคได้มีการจัดทำ
กรอบการดำเนินงาน เพื่อเป็นแนวทางให้แต่ละประเทศสมาชิก สามาราถใช้
ในการจัดการให้เกิดประสิทธิผลในส่วนนี้ จะกล่าวถึงกรอบสากลซึ่งเป็นที่รู้จัก
กันในนาม กรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
พ.ศ. 2558 – 2573 หรือ “กรอบเซนได” (Sendai Framework for Disaster
Risk Reduction 2015 – 2030) คือ กรอบการดำเนินงานชุดใหม่สำหรับการ
บริหารจัดการความเสี่ยงที่ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ กว่า 187
ประเทศ ให้การรับรองเมื่อ วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558 ในการประชุมระดับ
โลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น
โดยยกให้เป็นพิมพ์เขียวของโลกในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ มีระยะเวลา
ในการดำเนินงาน 15 ปี โดยกำหนดภารกิจสำคัญที่ควรปฏิบัติไว้ทั้งสิ้น
4 ประการ

1.เข้าใจความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจในความเสี่ยงจากภัยพิบัติในทุกมิติ
ทั้งความเปราะบาง ศักยภาพ ความล่อแหลม และลักษณะของภัยที่อาจ
เกิดขึ้น

4
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

2. เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารและจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
โครงสร้างและกลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับชาติ ระดับ
ภูมิภาค และระดับโลก มีความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
ในทุกภาคส่วน และเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงในทางกฎหมาย
ข้อบังคับ นโยบายสาธารณะ ทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น ตลอดจน
การกำหนดบทบาทหน้าที่ การสร้างแรงจูงใจของทั้งภาครัฐ และเอกชน
ในการปฏิบัติงาน และแก้ปัญหาด้านความเสี่ยงอย่างตรงประเด็น

3. ลงทุนในด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อให้พร้อมรับมือและฟื้ นคืน
กลับได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน
ในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ทั้งในเชิงโครงสร้างและ
แบบที่ไม่ใช่เชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และ
วัฒนธรรม ในระดับบุคคล ชุมชน และประเทศ ซึ่งช่วยรักษาชีวิต
ช่วยป้องกันและลดความสูญเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. พัฒนาศักยภาพการเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการฟื้ นสภาพและซ่อมสร้างให้ดีกว่าเดิมในช่วงของ
การบูรณาการฟื้ นฟูภายหลังเกิดภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อมป้องกัน
ภัยพิบัติยังเป็นสิ่งจำเป็นและควรได้รับการสนับสนุน เพื่อให้มีการเตรียม
การรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และซ่อมสร้างอย่างดีแล้วนั้น จะช่วย
เพิ่มโอกาสสำหรับการสร้างคืนใหม่ ให้ดีกว่าเดิม ซึ่งผสานแนวคิดของ
การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติไว้ด้วยได้

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 5

กรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
พ.ศ. 2558 – 2573

ผลลัพธ์ เป้าหมายระดับโลก

ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และลดการ ลด 4 อย่าง
สูญเสียชีวิต วิถีชีวิต สุขภาพ สินทรัพย์
ทางเศรษฐกิจ กายภาพ สังคมและ เพิ่ม 3 อย่าง
สภาพแวดล้อมของบุคคล ธุรกิจ ชุมชน
และประเทศ อัตรา แผนยุทธศาสตร์
การเสียชีวิต ลดความเสี่ยง
เป้าหมาย ระดับชาติ และ
จำนวนผู้ได้รับผลกระ ระดับท้องถิ่น
ป้องกันความเสี่ยงใหม่ และ ลดความ ทบ
เสี่ยงที่มีอยู่เดิม ด้วยมาตรการทาง การให้ความ
เศรษฐกิจ โครงสร้าง กฎหมาย สุขภาพ ความสูญเสียด้าน ช่วยเหลือ
วัฒนธรรม การศึกษา สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ
เทคโนโลยี การเมือง ที่บูรณาการกัน
เพื่อลดความล่อแหลม เปราะบาง และ
เพิ่มศักยภาพการเตรียมพร้อมในการ
เผชิญเหตุ และการฟื้ นฟูให้กลับคืนมาได้
อย่างรวดเร็วและดีขึ้นกว่าเดิม

พันธกิจ ความเสียหายต่อ การเข้าถึงข้อมูล
สาธารณูปโภค การแจ้งเตือนภัย
1. เข้าใจความเสี่ยงจากภัยพิบัติ สาธารณูปการ
2. เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารและ และบริการพื้นฐาน ล่วงหน้าและ
ข้อมูลความเสี่ยง
จัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

3. ลงทุนในด้านการลดความเสี่ยงจากภัย

พิบัติเพื่อให้พร้อมรับมือและฟื้ นคืน ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กลับมาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วและมี

ประสิทธิภาพ

4. พัฒนาศักยภาพการเตรียมความพร้อม

เผชิญเหตุภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ

ตลอดจน การฟื้ นสภาพและซ่อมสร้าง

ที่ดีกว่าเดิมในช่วงของการบูรณะฟื้ นฟู

ภายหลังเกิดภัยพิบัติ

6 การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ กรอบเซนไดฯ ยังได้กำหนดตัวชี้วัด เพื่อให้สามารถติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงาน ในภาพรวมไว้ด้วยกัน 7 ข้อ ได้แก่

1. อัตราการเสียชีวิตจากภัยพิบัติของโลกลดลง
2. จำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติของโลกลดลง
3. ความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยพิบัติโดยตรงลดลง
4. สาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่สำคัญได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ

ลดลง
5. จำนวนประเทศที่มียุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในระดับชาติ

และระดับท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
6. มีการยกระดับการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศแก่ประเทศกำลัง

พัฒนา
7. ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและข้อมูลความ

เสี่ยงจากภัยพิบัติได้มากขึ้น

ทั้งนี้ แต่ละประเทศควรให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามแนวทาง
การดำเนินงานทั้ง 4 ประการ เนื่องจากยุทธศาสตร์แต่ละข้อจะช่วยส่งเสริมให้
เกิดการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรมีการสร้าง
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
โดยรัฐต้องเป็นแกนนำในการวางแผนโครงสร้างนโยบาย ให้การสนับสนุน
ในทางกฎหมาย การจัดตั้งองค์กร และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน
ในขณะที่องค์กรอื่นๆ ในประเทศก็มีความจำเป็นที่จะต้องสานต่อนโยบายไปสู่
การปฏิบัติงานให้เกิดขึ้นจริงร่วมกัน

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 7

แนวทางการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทย

ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการประยุกต์แนวความคิดเรื่องการ
จัดการภัยพิบัติ และสร้างกลไกเพื่อดำเนินการจัดการภัยพิบัติภายในประเทศ
ทั้งในด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ในทางกฎหมายได้มีการตราพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการดำเนินงานและ
เป็นกฎหมายหลักในการจัดการภัยพิบัติของประเทศไทยในปัจจุบัน มีการ
กำหนดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้กระทรวง
มหาดไทย เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดกรอบ
การบริหารและการจัดการสาธารณภัยไว้อย่างชัดเจน ทั้งยังให้รายละเอียด
เกี่ยวกับประเภทของภัย แนวนโยบาย และขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึง
แนวทางการประสานงานจากระดับชาติถึงระดับชุมชน และเปิดโอกาส
ให้องค์กรภาคประชาสังคม และหน่วยงานภาคเอกชน ได้มีส่วนร่วมในระบบ
การบริหารจัดการสาธารณภัย ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการจัดการภัยพิบัติ ดังนี้

1.จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เสนอคณะกรรมการ
จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด

2.จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ปลอดภัย และสถิติสาธารณภัย
3.ปฏิบัติการประสานการปฏิบัติงาน ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือหน่วย

งานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคเอกชนในการ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
4.ให้การสงเคราะห์แก่ผู้ประสบภัย ผู้ได้รับอันตราย หรือผู้ได้รับความเสีย
หายจากสาธารณภัย

8
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

5. แนะนำ ให้คำปรึกษา และอบรมเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัย แก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ
หน่วยงานภาคเอกชน

6. ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

7. ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินการดำเนินการตามแผนการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยแต่ละระดับตามนโยบายที่สำคัญในการจัดการภัยพิบัติ
ในประเทศไทย คือ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2558 ซึ่งมีการปรับปรุงหลักปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักสากล
ตามกรอบเซนไดฯ ได้รับการอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม
พ.ศ. 2558 ให้เป็นแผนแม่บท และเป็นกรอบในการปฏิบัติการ
ด้านสาธารณภัยในประเทศไทย มียุทธศาสตร์สำคัญ 4 ประการ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย
สร้างระบบการประเมินความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีมาตรฐาน
พัฒนามาตรการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย และส่งเสริมให้
ทุกภาคส่วนและทุกระดับสร้างแนวปฏิบัติในกการลดความเสี่ยง
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบูรณาการการจัดการในภาวะฉุกเฉิน
สร้างมาตรฐานการจัดการในภาวะฉุกเฉิน พัฒนาระบบ เครื่องมือ
สนับสนุนการเผชิญเหตุ และเสริมสร้างระบบ และแนวปฏิบัติในการ
บรรเทาทุกข์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้ นฟูอย่างยั่งยืน พัฒนา
ระบบการประเมินความต้องการหลังเกิดภัยพิบัติ พัฒนาระบบปฏิบัติ
การและบริหารจัดการด้านการฟื้ นฟู และเสริมสร้างแนวทางการฟื้ นฟู
ที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 9

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการ
จัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย พัฒนาระบบการประสาน
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มีเอกภาพ ยกระดับมาตรฐาน
การปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ด้านสาธารณภัยของประเทศ และส่งเสริมบทบาทความเป็นประเทศ
แกนนำด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ที่ได้กล่าว
ถึงข้างต้นให้ความสำคัญกับการจัดการภัยพิบัติแบบเชิงรุก ที่มีความ
เกี่ยวข้องและเกี่ยวพันกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งกรอบสำคัญสำหรับ
การพัฒนาในระดับชาติอย่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้มีการเน้นเรื่องการบริหารจัดการ
เพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติไว้เช่นกัน โดยเฉพาะในยุทธศาสตร์ที่ 4
การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

10
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

การบริหารจัดการภัยพิบัติ

การจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉิน การให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์
ผู้ประสบภัย หรือการฟื้ นฟูสภาพหลังจากภัยได้เกิดขึ้นแล้ว มาเป็นการให้ความ
สำคัญมากขึ้นกับการดำเนินการเชิงรุก โดยสามารถแบ่งมาตรการออกเป็น
3 ระยะสำคัญ ได้แก่ ระยะก่อนเกิดภัย ระยะเกิดภัย และระยะหลังเกิดภัย

1. ระยะก่อนเกิดภัย
การป้องกันและลดผลกระทบ คือการดำเนินการเพื่อขจัดหรือลด
โอกาส ที่ภัยพิบัติจะสร้างผลกระทบต่อบุคคล ชุมชน หรือสังคม โดย
มากจะเกี่ยวข้องแต่ไม่จำกัดแต่เพียงการใช้โครงสร้างการก่อสร้างเพื่อ
ป้องกันภัย เช่น การสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ การสร้างกำแพงกั้นน้ำริม
ตลิ่ง หรือการสร้างระบบระบายน้ำ เป็นต้น แต่ยังครอบคลุมถึงการ
ดำเนินงานอื่นๆ ที่ไม่ใช้โครงสร้างการก่อสร้าง ที่ทำให้การดำเนินงานที่
เกี่ยวกับโครงสร้างเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยมี
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การออกกฎหมายควบคุมมาตรฐานการ
ก่อสร้างอาคาร การจัดสรรการใช้ประโยชน์ที่ดิน การอบรมวิศวกรใน
การก่อสร้างเขื่อน การขุดลอกคูคลอง เป็นต้น

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 11

การเตรียมความพร้อม คือ การดำเนินงานเพื่อให้ประชาชนหรือชุมชน
มีความรู้และทักษะต่างๆ พร้อมที่จะเผชิญกับภัย เช่น การพัฒนาระบบ
แจ้งเตือนภัยและการกระจายข่าวสาร การวางแผนเผชิญเหตุ การฝึกซ้อม
แผน การจัดทำแผนอพยพ และเตรียมเส้นทางอพยพ การเตรียมพร้อม
ด้านปัจจัยสี่ และถุงยังชีพ การเตรียมการเพื่อสนับสนุนด้านเครื่องจักรกล
เครื่องมือ และงบประมาณ การเตรียมพร้อมบุคคลากรในการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัย การฝึกทักษะการกู้ชีพกู้ภัย เป็นต้น รวมถึง การปรับ
เปลี่ยนวิถีชีวิต การดำรงชีพให้สอดรับกับสภาวะแวดล้อม เช่น การปรับ
เปลี่ยนพันธุ์พืชเพาะปลูกให้คงทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป หรือการยก
บ้านเรือนให้สูงขึ้นหากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เป็นต้น

12
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

การเตรียมความพร้อม เป็นการดำเนินการที่เน้นช่วงก่อนเกิดภัยเพื่อให้
ประชาชนหรือชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีองค์ความรู้ ขีดความสามารถ
และทักษะต่างๆ พร้อมที่จะรับมือกับภัยพิบัติ ได้แก่

1.การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน (Community
Based Disaster Risk Management : CBDRM) เน้นการอาศัยชุมชนเป็น
ศูนย์กลางในการป้องกัน แก้ไข บรรเทา และฟื้ นฟู ความเสียหายจากภัย
พิบัติ โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน ตัดสินใจ กำหนด
แนวทางการแก้ไขในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เพื่อลดความเสี่ยง
ภัยของชุมชน และเพิ่มขีดความสามารถให้คนในชุมชนมีศักยภาพในการ
ระงับบรรเทาภัยได้ด้วยตนเองในระดับหนึ่ง ก่อนที่หน่วยงานภายนอกจะ
เข้าไปให้ความช่วยเหลือ จึงเป็นเครื่องมือในการเตรียมประชาชน และ
ชุมชนให้มีความพร้อมที่จะเผชิญภัยพิบัติ และได้รับผลกระทบต่อชีวิตและ
ทรัพย์สินให้น้อยที่สุด รวมทั้งเป็นการสร้างภาคเครือข่าย ภาคประชาชน
ในรูปแบบอาสาสมัคร เพื่อช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการเตรียม
ความพร้อม เช่น การศึกษาข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลภัย การแจ้งเตือนภัย
การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชุมชน และ
หมู่บ้าน การฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการประเมินผล
เป็นต้น

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 13

2. การฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เป็นเครื่องมือและ
กิจกรรมการสร้างความพร้อม และเพิ่มศักยภาพของหน่วยงาน และ
บุคลากร รวมทั้งเป็นการทดสอบการประสานงานและการบูรณาการ
ความร่วมมือ ทำให้ทราบจุดบกพร่อง และช่องว่างในการปฏิบัติงาน
ในภาวะฉุกเฉินเพื่อนำไปสู่ การปรับปรุงแผนการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยแต่ละระดับ แผนปฏิบัติการ และแผนเผชิญเหตุให้
ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ให้หมายรวมถึงการฝึกซ้อมแผน การซักซ้อม และการฝึกปฏิบัติตาม
ความเหมาะสม และความจำเป็นของแต่ละหน่วยงาน

3. การเตรียมการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย
ชั่วคราวในสถานการณ์ที่เกิดภัยพิบัติขึ้นซึ่งจังหวัดมีการเตรียมแผนรับมือ
ต่อจากการอพยพในภาวะฉุกเฉิน โดยกำหนดอาคารที่จะใช้เป็นศูนย์พักพิง
ชั่วคราวไว้ และการบริหารจัดการในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพราะจะมีผล
โดยตรงต่อการดำรงชีวิต และศักดิ์ศรีกับผู้ประสบภัยที่เข้าพักพิง ทั้งนี้
การเตรียมการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
ประกอบด้วยอย่างน้อย ดังนี้

14
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

จัดหาสถานที่ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยกองอำนวยการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยแต่ละระดับต้องดำเนินการคัดเลือกสถานที่ตั้ง
จัดการภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้กำหนดผู้รับผิดชอบภายในศูนย์
พักพิงชั่วคราว ได้แก่ ผู้จัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง
หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การระหว่าง
ประเทศ ผู้นำชุมชน หรือผู้อำนวยการโรงเรียน (กรณีโรงเรียนเป็น
ศูนย์ฯ) ทั้งนี้ ศูนย์พักพิงชั่วคราวอาจมีโอกาสสร้างภายในแบ่งเป็นฝ่าย
ปฏิบัติการ และฝ่ายอำนวยการตามความเหมาะสม
ปัจจัยความจำเป็นขั้นต่ำของศูนย์พักพิงชั่วคราวอื่น
ให้มีการบริหารจัดการข้อมูลผู้อพยพ โดยมีการเก็บบันทึกข้อมูล
ที่จำเป็น
ให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 15

2. ระยะระหว่างเกิดภัย
การเผชิญเหตุหรือการรับมือ ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตของ
ผู้ประสบภัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเกิดภัยพิบัติเป็นหลัก
โดยเน้นในการให้ความช่วยเหลือ กู้ชีพ กู้ภัย การพยาบาลและ
สาธารณสุข ตลอดจนการบรรเทาทุกข์ และแจกจ่ายสิ่งของยังชีพ
การดูแลช่วยเหลือผู้อพยพ และการจัดการศูนย์อพยพ รวมทั้งการ
จัดการระบบบัญชาการเหตุการณ์ ทั้งระบบสั่งการ ระบบการสื่อสาร
การประสานงาน และอื่นๆ ที่จะทำให้หน่วยงานต่างๆ สามารถรับมือ
กับเหตุการณ์ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และทันท่วงที ทั้งนี้ หากมีการเตรียมการในการเผชิญเหตุได้ดีตั้งแต่ใน
ระยะก่อนเกิดภัยก็จะช่วยให้การดำเนินงานเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นจริง
มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. ระยะหลังเกิดภัย
การฟื้ นฟู มุ่งเน้นในการจัดการสถานการณ์ภายหลังการเกิด
สาธารณภัย เพื่อให้บุคคล ชุมชน หรือสังคม ได้ฟื้ นสภาพกลับมาเป็น
ปกติ ซึ่งมีทางเลือก 2 ทาง คือ การสร้างคืนใหม่ให้เหมือนเดิม และ
การสร้างคืนใหม่ให้ดีกว่าเดิม โดยมากประกอบด้วยการฟื้ นฟูในเชิง
โครงสร้างด้วยการซ่อมสร้าง เช่น การซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน
โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้น เป็นต้น และ
การฟื้ นสภาพ เช่น การดูแลสภาพแวดล้อมและสุขอนามัย การให้ คำ
ปรึกษาทางจิตสังคม การฟื้ นฟูสภาพจิตใจ และการเยียวยาทาง การ
เงิน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้การฟื้ นฟูเป็นไปอย่างมีแนวทางที่ยั่งยืน ภาย
หลังการเกิดสาธารณภัย จึงควรมีการประเมินความสูญเสีย และความ
เสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งการประเมินความต้องการของ ผู้
ประสบภัย เพื่อจัดทำแผนฟื้ นฟูและบูรณะขึ้นอย่างเป็นระบบ

16
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

การประเมินความเสี่ยง
(Risk Assessment)

การป้องกันและลดผลกระทบ
(Prevention & Mitigation)

ก่อนเกิดภัย

การฟื้ นฟู หลังเกิดภัย การเตรียมความพร้อม
(Recovery) ก่อนเกิดสาธารณภัย

(Preparedness)

ระหว่างเกิดภัย

การเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉิน
(Response)

เกิดสาธารณภัย
(Disater Impact)

กระบวนการบริหารจัดการภัยพิบัติ ตั้งแต่การเตรียมพร้อม การตอบสนอง
และการฟื้ นฟูจากภัยพิบัตินั้น เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่เป็นหน่วยงานหลัก
ไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานได้เพียงหน่วยงานเดียว หรือแม้แต่ประสานงานและ
ขอความช่วยเหลือเพียงในเครือข่ายหน่วยงานรัฐเท่านั้น เพราะภัยพิบัติที่เกิด
ขึ้นในแทบจะทุกครั้ง จะครอบคลุมอาณาบริเวณในวงกว้าง และเป็นที่ที่มี
ประชากรอยู่หนาแน่น การใช้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ให้ได้มาก
ที่สุดนั้น จะเป็นกลจักรสำคัญอย่างยิ่งในความรวดเร็วและการเข้าถึงในการให้
ความช่วยเหลือ

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 17

ซึ่งรวมถึงการที่ประชาชนและชุมชนก็ต้องได้รับการให้ความรู้ และมีบทบาทใน
การออกแบบแนวทางการพัฒนาท้องถิ่นตนเองในเรื่องเกี่ยวกับภัยและร่วมฝึก
ซ้อมกับเจ้าหน้าที่ การเตรียมพร้อมประชาชนและชุมชน ซึ่งถือเป็นด่านหน้า
ของการเผชิญต่อสภาวการณ์นั้นๆ ซึ่งหมายถึง การให้ประชาชนมีความรู้
เบื้องต้นเกี่ยวกับภัย ที่จะส่งผลให้การแจ้งเตือนภัยของภาครัฐถูกกระจายออก
ไปสู่สาธารณะแล้ว ทำให้เราเรียนรู้ว่าสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญ รู้จักการ
ปฏิบัติตนเบื้องต้น และรู้ว่าการบริหารจัดการของหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างไร
หน่วยงานใดรับผิดชอบสั่งการและปฏิบัติการ หน่วยงานใดเป็นผู้นำในศูนย์การ
สั่งการตอบสนองภาวะฉุกเฉิน และประชาชนสามารถร้องขอความช่วยเหลือ
จากหน่วยงานได้อย่างทันท่วงที และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ
ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ชุมชน และประชาชน ได้รับทราบการปฏิบัติตนของ
ทั้งตนเอง และหน่วยงานข้างเคียง ทำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติงานไปในทิศทาง
เดียวกันอย่างมีระบบ ซึ่งจะช่วยให้การปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานที่
หลากหลายมีระบบการประสานงาน และการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่มี
ประสิทธิภาพ

18
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

ภัยพิบัติในภาคใต้ตอนบน

ภาคใต้ตอนบน มีลักษณะเป็นแหลมยาวยื่นไปในทะเล ฝั่ งทะเลทั้งสอง
ข้างมีเกาะเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยป่าเขาเป็นส่วนมากทอดจากเหนือมา

ใต้ และมีพื้นที่ราบทางชายฝั่ งทั้งสองข้าง มีแม่น้ำสายสั้นๆ จำนวนมาก สามารถ
แบ่งตามลักษณะของภูมิประเทศได้เป็น 2 ภาค คือ ภาคใต้ฝั่ งตะวันออก และ

ภาคใต้ฝั่ งตะวันตก โดยมีฝนตกเป็นสองช่วง คือ ในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียง
เหนือมีฝนตกชุกทางด้านตะวันออกของภาคตลอดปี ไม่มีลักษณะของอากาศ

หนาวตลอดปี

จากสถานการณ์ภัยพิบัติทำให้ทราบถึงแนวโน้มประเภทภัยที่มีความเสี่ยง

ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนมากที่สุด ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ของประชาชนเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันวาตภัยมีแนวโน้มที่เกิดขึ้นมากที่สุด วาตภัย เกิดจากลมพายุพัด

ผ่าน ซึ่งแรงของพายุนอกจากจะทำให้สิ่งต่างๆ ที่ขวางทางล้มระเนระนาด
ทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังจะมีอุทกภัยตามมาด้วยเสมอ

ส่วนอันตรายนั้น จะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับชนิดของลมพายุที่มีความเร็ว
สูงสุดใกล้บริเวณศูนย์กลางลมพายุที่ก่อให้เกิดวาตภัย มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ พายุ

หมุนเขตร้อน ได้แก่ พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน และพายุไต้ฝุ่น และพายุฝนฟ้า
คะนอง หรือที่เรียกว่าพายุฤดูร้อน จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน เกิดจากกระแส

อากาศร้อนยกขึ้นเบื้องบนอย่างรุนแรง และรวดเร็ว เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ซึ่งพบพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ในจังหวัดพังงา 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอ
ตะกั่วป่า และอำเภอคุระบุรี ระนอง ในพื้นที่อำเภอกระบุรี ภูเก็ต ในพื้นที่อำเภอ
เมืองภูเก็ต นครศรีธรรมราช 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา และ

อำเภอหัวไทร และกระบี่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง

อำเภออ่าวลึก อำเภอลำทับ และอำเภอเขาพนม

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 19

อุทกภัย เป็นภัยพิบัติที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากที่สุด เกิดจากฝน
ตกหนัก และฝนตกสะสมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม
ฉับพลัน น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่ง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย โดยมี
สาเหตุหลัก ได้แก่ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและ
ประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งพบพื้นที่
เสี่ยงภัยสูง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 17 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอพุนพิน
อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอเกาะสมุย อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา
อำเภอท่าฉาง อำเภอวิภาวดี อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอบ้านตาขุน
อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอชัยบุรี อำเภอเคียนซา และอำเภอ
คีรีรัฐนิคม กระบี่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขาพนม อำเภออ่าวลึก อำเภอเมือง
และอำเภอคลองท่อม ชุมพร 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอละแม อำเภอเมือง อำเภอ
ทุ่งตะโก อำเภอปะทิว อำเภอพะโต๊ะ อำเภอท่าแซะ อำเภอสวี และอำเภอ
หลังสวน พังงา 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกะปง อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า
อำเภอคุระบุรี อำเภอเมือง และอำเภอทับปุด และภูเก็ต 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอ
เมือง และอำเภอถลาง

20
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

ภัยพิบัติในจังหวัดนครศรีธรรมราช

เหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2560

เป็นอุทกภัยร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อภาคใต้ อุทกภัยครั้งนี้ทำให้จังหวัด

นครศรีธรรมราชได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำ และ

จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งจำนวนพื้นที่ประสบภัยพิบัติครอบคลุม

ทั้ง 23 อำเภอ แต่ที่หนักที่สุดมี 7 อำเภอ ถือว่าหนักสุดในรอบ 50 ปี

อุทกภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราชมักเกิดในลักษณะน้ำท่วมฉับพลัน

หรือน้ำป่า ทั้งนี้เนื่องจากมีการทำลายป่าไม้ เมื่อฝนตกน้ำจึงไหลช้าลง และเกิด

น้ำท่วม เมื่อปริมาณน้ำมากขึ้นจะมีกำลังทำลายร้างสูง อุทกภัยเป็นภัยร้ายแรง

ที่อาจคร่าชีวิตและสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

ผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย สามารถแบ่งอันตราย และความเสียหาย

ที่เกิดจากอุทกภัยได้ ดังนี้

1.น้ำท่วมอาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และสาธารณสถาน ซึ่งทำให้เกิดความ

เสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก บ้านเรือนหรืออาคารสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็ง

แรงจะถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพังทลายได้ คน สัตว์ และพาหนะ อาจได้รับ

อันตรายถึงชีวิตจากการจมน้ำตา

2.เส้นทางคมนาคมและการขนส่ง อาจจะถูกตัดเป็นช่วงๆ โดยความแรงของ

กระแสน้ำ ถนน สะพาน จาจจะถูกกระแสน้ำพัดให้พังทลายได้ สินค้าพัสดุ

ที่อยู่ระหว่างการขนส่งจะได้รับความเสียหายมาก

3.ระบบสาธารณูปโภค จะได้รับความเสียหาย เช่น โทรศัพท์ ไฟฟ้า เป็นต้น

4.พื้นที่การเกษตรและการปศุสัตว์จะได้รับความเสียหาย เช่น พืชผล ไร่นา

ที่กำลังผลิดอกออกผลบนพื้นที่ต่ำ อาจถูกน้ำท่วมตายได้ สัตว์เลี้ยง

ตลอดจนผลผลิตที่เก็บกักตุน หรือมีไว้ เพื่อทำพันธุ์ได้รับความเสียหาย

ความเสียหายทางอ้อม จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยทั่วไป

เกิดโรคระบาด สุขภาพจิตเสื่อม และสูญเสียความปลอดภัย เป็นต้น 21

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

บทบาทหน้าที่ของกระทรวง พม.

การสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) จัดให้กระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อยู่ในส่วนสนับสนุน (สปฉ. 6) มีหน้าที่
ตอบสนองการร้องขอรับการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่จำเป็น เพื่อให้การจัดการ
ในภาวะฉุกเฉินดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และตอบสนอง
การร้องขอรับสนับสนุนในด้านงบประมาณ การเงิน การคลัง และการรับบริจาค
โดยให้คลังจังหวัด เป็นหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจด้านงบประมาณ การเงิน
การคลัง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจ ด้านรับบริจาค พร้อมทั้งจัดทำแผนการ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการ
ปฏิบัติในการจัดการภัยพิบัติร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ โดยหน่วยงานในสังกัด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกอบด้วย สำนักงาน
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และหน่วยงานในสังกัด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทุกหน่วยงาน มีบทบาท
หน้าที่

1.เสริมสร้างเครือข่ายด้านการพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคม ให้เป็นกลไก
เสริม ในการทำงานป้องกันสาธารณภัยในระดับชุมชนรากฐาน

2.สนับสนุนด้านการสังคมสงเคราะห์แก่ผู้ประสบภัย และดูแลช่วยเหลือ
เด็กกำพร้า คนพิการ และผู้สูงอายุ ในพื้นที่ประสบภัย

3.วางแผนและฟื้ นฟูด้านสังคมและจิตใจให้แก่ผู้ประสบภัยและผู้ประสบ
ปัญหาทางสังคม

4.สนับสนุนกิจกรรมด้านสังคมสงเคราะห์ เพื่อฟื้ นฟูภายในศูนย์พักพิง
ชั่วคราว

5. รับผิดชอบในการเตรียมการและบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว

22
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด รับผิดชอบใน
การฟื้ นฟูด้านการบริการสังคม เป็นการดำเนินการภายหลังจากที่ภาวะฉุกเฉิน
จากสาธารณภัยบรรเทาลง หรือได้ผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อปรับสภาพระบบ
สาธารณูปโภค การดำรงชีวิต และสภาวะวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนที่ประสบ
ภัยให้กลับสู่สภาวะปกติ หรือพัฒนาให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม ตามความ
เหมาะสม โดยการนำปัจจัยต่างๆ ในการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยเข้ามา
ช่วยในการฟื้ นฟู ซึ่งหมายรวมถึง การซ่อมสร้าง และการฟื้ นสภาพ โดยให้มี
การดำเนินการฟื้ นฟูในด้านต่างๆ ได้แก่

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อให้การดำรง
ชีวิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือจาก
ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว
ผู้ประสบภัยต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ เพื่อให้เกิด
กระบวนการยอมรับ และมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ ที่จะดำเนินการ
การพิจารณาความเสี่ยงต่อภัยในการฟื้ นคืนสภาพและการสร้างใหม่เสมอ
เพื่อไม่ให้งบประมาณต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์จากการเกิดภัย
พิบัติครั้ง ต่อไป

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 23

การจัดการด้านฟื้นฟู

การฟื้ นฟูสภาพหลังภัยพิบัติต้องมีการประเมินภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ได้แก่
ความสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน สภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ
ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย การสูญเสียพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่สำคัญ
ในพื้นที่ประสบภัย ต้นทุนของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจากภัยพิบัติที่
เกิดขึ้น เมื่อเทียบกับสภาพปกติ ระบบสาธารณูปโภคที่ถูกกทำลาย การเยียวยา
ผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ฯลฯ ดังนั้น การฟื้ นฟูที่มี
ประสิทธิภาพจึงมีปัจจัยสำคัญๆ ประกอบด้วย ด้านกายภาพ (Physical)
ด้านชีวภาพ (Biological) ด้านคุณค่าการใช้ประโยชน์ (Human use value)
และด้านคุณภาพชีวิต (Orality of life) โดยได้นำผลการประเมินสาธารณะ
และปัจจัยสำคัญมาใช้กำหนดเป็นกรอบแผนการฟื้ นฟู ได้แก่

1.ระยะสั้น เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการค้นหา การบรรเทา และ
การช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินได้ยุติลง เพื่อสนองความต้องการที่จำเป็น
ของผู้ประสบภัย ธุรกิจ และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในระยะ
เร่งด่วน หรือระยะสั้น รวมถึงการจัดมาตรการรักษาความปลอดภัยไม่ให้
เกิดอันตราย หรือภัยพิบัติซ้ำขึ้นอีก การประเมินความเสียหายของ
โครงสร้างพื้นฐาน กาจัดเตรียมที่พักอาศัยชั่วคราว และการให้บริการ
สาธารณะ

2.ระยะกลาง เป็นการดำเนินการต่อเนื่องในการประสาน และสนับสนุน
ชุมชนที่ประสบภัยฟื้ นฟู หรือสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต
ขึ้นใหม่ การฟื้ นฟูเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสภาพจิตใจ ร่างกาย
และสังคมของผู้ประสบภัย

3.ระยะยาว เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากระยะกลาง ซึ่งอาจใช้เวลาหลาย
เดือน หรือหลายปี นับจากหลักเกิดภัยพิบัติ โดยมุ่งเน้นการกลับสู่สภาวะ

24 ปกติหรือให้ดีกว่า และปลอดภัยกว่าเดิม
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

การบริหารจัดการภัยพิบัติของสำนักงานพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช

ได้จัดทำแผนรับมือภัยพิบัติของหน่วยงานในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคม

และความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมทั้งรับนโยบายของจังหวัด เพื่อดำเนินการให้

สอดคล้องกัน เช่น มอบหมายหน่วยงาน ทีม พม. One Home จังหวัด

นครศรีธรรมราช รับผิดชอบพื้นที่ตามโซนอำเภอ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก

รองผู้ว่าราชการจังหวัด และ จัดทำคำสั่งมอบหมายเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งรับผิดชอบ

อยู่เวรประจำสำนักงาน

การดำเนินการก่อนเกิดภัย เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติ

จึงจัดทำคำสั่งมอบหมายผู้รับผิดชอบ พร้อมทั้งประชุม ทีม พม. One Home

จังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดทำประชาสัมพันธ์ภารกิจกระทรวงการพัฒนา

สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบ

การดำเนินการระหว่างเกิดภัย เป็นการดำเนินการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ต่างๆ โดยระดมทรัพยากรที่มีอยู่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้มีการมอบหมาย

เจ้าหน้าที่อยู่เวรประจำสำนักงาน และ มอบหมายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและ

ความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่สำรวจกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความ

ช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้ง

สนับสนุนเจ้าหน้าที่ลงประจำศูนย์พักพิง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และ

ประสานการขอสนับสนุนทรัพยากรให้ผู้ประสบภัย

การดำเนินการหลังจากภัยผ่านพ้นไป เป็นการฟื้ นฟูกิจกรรมต่างๆ ของ

ชุมชน และของรัฐ ให้กลับคืนภาวะปกติ โดยการสำรวจข้อมูลผู้ประสบปัญหา

จากอุทกภัยที่ต้องการความช่วยเหลือ และให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา และ

การฟื้ นฟู 5 ด้าน 25

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

1.ด้านชีวิต การให้ความช่วยเหลือครอบครัว ผู้เสียชีวิต เด็ก ผู้สูงอายุ และ
คนพิการ

2.ด้านที่อยู่อาศัย การปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการและ
ผู้สูงอายุ

3.ด้านอาชีพ สำรวจความต้องการด้านการฝึกอาชีพระยะสั้น และมีการ
ฝึกอบรมอาชีพให้กับผู้ประสบภัย

4.ด้านสาธารณประโยชน์ มีการฟื้ นฟูปรับสภาพแวดล้อมให้กับชุมชนที่
ประสบปัญหาอุทกภัย

5.อื่นๆ มีการประสานหน่วยงาน CSR ในการให้ความช่วยเหลือ เช่น มูลนิธิ
พุทธฉือจี้ เครือข่าย อพม. ในจังหวัดอื่นๆ และองค์กรเอกชน
อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย

ความสลับซับซ้อนได้ส่งผลต่อการบริหารจัดการภาครัฐในระดับมหภาค และ
นำมาซึ่งการปรับตัวของภาครัฐในการปฏิบัติรูปแนวทางการดำเนินงานใหม่
เพื่อปรับกระบวนทัศน์การบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม
มากยิ่งขึ้น โดยได้แบ่งส่วนราชการให้มีขนาดเล็กลง และเพิ่มความหลากหลาย
ทางการจัดการกับปัญหามากขึ้น อีกทั้งยังกำหนดให้มีหน่วยงานเชี่ยวชาญ
เฉพาะประเภทปัญหา และมุ่งเน้นกระบวนการจัดการในรูปของการบูรณาการ
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานมากขึ้น ลดปัญหาด้านการขาดแคลนทรัพยากร

26
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช
มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในการ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในฐานะเป็นหน่วยสนับสนุนด้านความมั่นคงของชีวิต
และสวัสดิการ เช่น

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ประสบอุทกภัยที่มี
ภาวะเสี่ยงโรคซึมเศร้าจากผลกระทบที่ได้รับความเสียหาย เพื่อประเมิน
ให้กำลังใจ และจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
สำนักงานบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย ได้ร่วมเป็นวิทยากรในการ
ให้ความรู้เรื่องการจัดการบริหารศูนย์พักพิงเบื้องต้น เพื่อให้คนในพื้นที่มี
ความรู้ในการบริหารจัดการตนเอง และช่วยเหลือตัวเองได้เบื้องต้น
สำนักงานส่งเสริมปกครองท้องถิ่นจังหวัด ได้สำรวจข้อมูลการช่วยเหลือ
ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย และการช่วยเหลือเบื้องต้น
สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด การสนับสนุนสิ่งของให้การช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัย และกลุ่มเปราะบาง
มูลนิธิใต้เต๊กเซี่ยงตึ้ง ได้ให้การช่วยเหลือเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค และ
การช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต
เครือข่ายอาสาสมัครฯ ได้ให้การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช 27

บทส่งท้าย

ระยะที่ผ่านมา ทุกคนรับรู้ และสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ
อากาศโลกกันได้อย่างชัดเจน ทั้งอากาศที่แปรปรวน ความวิปริตของฤดูกาล
การเกิดภัยธรรมชาติที่บ่อย และรุนแรงมากขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วน
จำเป็นต้องมียุทธวิธีป้องกัน และพร้อมรับมือด้วยความรู้ ความเข้าใจเพื่อลด
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสร้างความรู้
ความเข้าใจ ควรเริ่มต้นที่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นบุคคล หรือชุมชนที่จะได้รับ
ผลกระทบ และความเสียหายอย่างรุนแรงมากที่สุด แต่มีศักยภาพ และขีด
ความสามารถในการรับมือน้อยที่สุด ดังนั้นเมื่อชุมชนที่ประสบภัยมีความ
ตระหนักรู้ก็จะช่วยลดความรุนแรง ทั้งยังสามารถรับมือ และฟื้ นฟูตนเอง

ภัยพิบัติส่งผลกระทบทั้งในด้านชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของ
ประเทศ ดังนั้น ประชาชนจึงควรมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ
ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ของตน และช่วยกันลดปัจจัยที่ทำให้ตนเอง ชุมชน และ
สังคม มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติลง

สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้ คือ ภัยพอบัติเป็นเรื่องใกล้ตัวของ
เรา และเราอาจได้รับผลกระทบโดยทางหนึ่ง เมื่อใดก็ได้ เราทุกคนมีส่วนที่
สามารถทำให้ความเสี่ยง หรือโอกาสที่จะได้รับผลกระทบนั้นมีมากขึ้นหรือน้อย
ลงได้ จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของสังคมควรให้ความสำคัญกับเรื่องการลด
ความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกคน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคธุรกิจ หรือแม้แต่ในระดับชุมชน และประชาชนเอง จำเป็นต้องมีความ
เข้าใจ และความตระหนักในเรื่องนี้ อย่างถ่องแท้ และเมื่อประกอบกับกลไก
ของประเทศที่มีนโยบาย มีแนวทางการปฏิบัติ และมีการประสานความร่วมมือ
กันของทุกภาคส่วน ประเทศไทยจะสามาราถก้าวหน้าไปเป็นประเทศที่รู้รับ
รู้ปรับ และรู้จักการฟื้ นตัวจากภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืนอย่างแน่นอน

28
การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

ขอขอบคุณ

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช

การจัดการภัยพิบัติ กรณีศึกษา สนง.พมจ. นครศรีธรรมราช

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 10

เลขที่ 33 หมู่ที่ 1 ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84100
0 7735 5022-3
0 7735 5705
[email protected]
http://tpso10.m-society.go.th/index.php/th/
สสว สิบ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
@tpso10surat

สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 10 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กระทรวงการพั ฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


Click to View FlipBook Version