The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prdmr.pr, 2021-08-27 05:35:15

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์

ซากดึกดำบรรพ์เบื้องต้น

ความรเู้ บอื้ งตน้ เกยี่ วกับ

ซากดกึ ดาบรรพ์

โดย
นายอดลุ ยว์ ิทย์ กาวีระ
นกั ธรณีวิทยาปฏิบตั กิ าร

กองคมุ้ ครองซากดกึ ดาบรรพ์
กรมทรพั ยากรธรณี

เนือ้ หา

1) บรรพชวี ินวทิ ยา
2) มาตราธรณกี าล
3) ซากดกึ ดาบรรพ์
4) แหลง่ ซากดกึ ดาบรรพ์
5) ซากดึกดาบรรพ์ของไทย

บรรพชวี ินวทิ ยา (Paleontology)

บรรพชีวนิ วิทยา (Paleontology)

παλα, palaios แปลวา่ เกา่ แก่ โบราณ

ὄν, onto แปลว่า ส่ิงมีชวี ติ
λoγία, logia แปลวา่ การศึกษา, วิชา

วิชาที่ศึกษาส่ิงมีชีวิตในอดีต โดย นักบรรพชีวินวิทยา (Paleontologist)

อาศัยซากดึกดาบรรพ์ รวมทั้งศึกษา

ส า ย วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง สิ่ ง มี ชี วิ ต
ความสั มพั นธ์ระหว่างส่ิ งมีชีวิต ในอดีต
กั บ ปั จ จุ บั น สิ่ ง มี ชี วิ ต ใ น อ ดี ต กั บ
สภาพแวดล้อม และการเทียบสัมพันธ์

เพ่ือกาหนดลาดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้

เกดิ ขน้ึ ในประวัติความเป็นมาของโลก

มาตราธรณกี าล
Geologic time scale

การแบง่ ชว่ งเวลานบั ตงั้ แต่โลก
เกิดข้ึนมาจนถงึ ปัจจุบนั ออกเปน็
คาบเวลาจากใหญ่ไปเลก็ ไดแ้ ก่
บรมยคุ (Eon), มหายคุ (Era),
ยุค (Period), สมยั (Epoch)

ธรณีกาลของโลก

4 บรมยุค 1) เฮเดียน (Hadean) มหายุคพรีแคมเบรียน
2) อาร์เคียน (Archean) (Precambriam)
3) โปรเทอโรโซอกิ (Proterozoic)
4) ฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic)

บรมยุคฟาเนอโรโซอกิ แบง่ เปน็ 3 มหายุค
1) มหายคุ พาลโี อโซอกิ (Paleozoic) - มหายคุ เกา่
2) มหายคุ มโี ซโซอิก (Mesozoic) - มหายุคกลาง
3) มหายุคซีโนโซอิก (Cenozoic) - มหายคุ ใหม่

มหายคุ พรีแคมเบรยี น (Precambrian)

4,600 – 541 ลา้ นปกี ่อน

กาเนดิ โลก กาเนิดส่ิงมีชีวติ เซลล์เดยี ว กาเนิดสิ่งมชี ีวิตหลายเซลล์

เฮเดียน (Hadean) อาร์เคยี น (Archean) โปรเทอโรโซอิก (Proterozoic)

4,600 Ma 4,000 Ma 2,500 Ma

โลก (Earth) กาเนิดขนึ้ เม่อื 4,600 ลา้ นปกี อ่ น
สิ่งมชี วี ติ เริม่ กาเนดิ ขน้ึ มาเม่อื 3,500 ลา้ นปกี อ่ น

หลกั ฐานซากดกึ ดาบรรพ์ท่เี ก่าแกท่ ส่ี ุด คอื
ชัน้ สโตรมาโตไลต์ (Stromatolite) ทีเ่ กิดจาก

ส่ิงมชี ีวิตเซลลเ์ ดียวพวกไซยาโนแบคทเี รีย

สโตรมาโตไลต์ (Stromatolite)

ชัน้ ของส่ิงมชี ีวิตเซลล์กลุ่มไซยาโนแบคทเี รยี
(Cyanobacteria) หรือ สาหรา่ ยสีเขยี วแกม
น้าเงิน (Blue-green algae)

หลกั ฐานของส่ิงมชี วี ิตท่ีเกา่ แก่ทส่ี ุด
พบทีป่ ระเทศออสเตรเลยี

อายปุ ระมาณ 3,500 ลา้ นปีกอ่ น

มหายคุ พาลีโอโซอิก (Paleozoic)

541 – 252 ล้านปีก่อน

แคมเบรยี น ออรโ์ ดวเิ ชยี น ไซลเู รยี น ดีโวเนียน คารบ์ อนเิ ฟอรสั เพอร์เมยี น
(Cambrian) (Ordovician) (Silurian) (Devonian) (Carboniferous) (Permian)

541 Ma 485 Ma 444 Ma 419 Ma 359 Ma 299 Ma

ยคุ แคมเบรียน (Cambrian)
541 - 485 ล้านปีกอ่ น

- ระเบดิ วิวัฒนาการแคมเบรียน
(Cambrian explosion)
เริ่มปรากฏสิ่งมชี วี ิตในทะเลทีม่ ีความ
หลากหลายมากข้ึน

- สัตว์ทะเลเริม่ มเี ปลอื กแขง็ ห่อหุม้
- สัตว์มขี อ้ ปล้อง (Arthropod) เดน่ สุด

โดยเฉพาะไทรโลไบต์ (Trilobite)

ยคุ ออรโ์ ดวิเชยี น (Ordovician)
485 - 444 ล้านปีกอ่ น

- สัตวท์ ะเลมีวิวัฒนาการมากขน้ึ
โดยเฉพาะกลมุ่ หอย (Molluscs) และ
สัตวม์ ีขอ้ ปล้อง (Arthropods)

- นอติลอยด์ (Nautiloids) เดน่ สุด
- ปลาไมม่ ีขากรรไกรเริ่มปรากฎครัง้ แรก

ยคุ ไซลูเรียน (Silurian)
444 - 419 ล้านปีกอ่ น

- พืชมที อ่ ลาเลยี งเริม่ ข้นึ บก
- สัตวบ์ างกลุ่มสามารถใชช้ วี ติ บนบกได้

ชัว่ คราว โดยเฉพาะสัตวม์ ขี อ้ ปล้อง
(กลุ่มคล้ายแมงป่อง)
- ปลามคี วามหลากหลายมากข้ึน (ปลาไม่
มขี ากรรไกรและปลามีขากรรไกร)

ยคุ ดีโวเนียน (Devonian)
419 - 359 ล้านปกี ่อน

- ยคุ แห่งปลา (Age of Fishes)
- สัตวส์ ี่ขา (Tetrapods) ปรากฏครงั้ แรก

คลา้ ยสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก
(Amphibian-like)
- สัตว์มีกระดูกสันหลังสามารถใช้ชวี ติ ขึ้น
บนบกได้ชัว่ คราว

ยคุ คาร์บอนเิ ฟอรสั (Carboniferous)
359 - 299 ลา้ นปีกอ่ น

- ยุคแหง่ ป่าต้นกาเนดิ ถ่านหิน
- สัตว์เล้อื ยคลาน (Reptiles) เริ่มปรากฏ
- สัตว์มีข้อปล้อง โดยเฉพาะแมลง อาศัย

บนบกเป็นจานวนมากและมขี นาดใหญ่

ยคุ เพอรเ์ มียน (Permian)
299 - 252 ลา้ นปกี อ่ น

- ส่ิงมีชวี ติ กระจายพันธท์ุ วั่ โลกทัง้ บนบก
และในน้า

- สัตว์เลอื้ ยคลานคลา้ ยสัตวเ์ ล้ยี งลกู
ด้วยนม (Mammal-like reptiles)
เริ่มกระจายพันธุแ์ ละหลากหลาย

- ส้ินสุดมหายุคพาลีโอโซอิก เกิดการ
สูญพันธุ์คร้งั ใหญ่เม่ือสิ้นสุดยุคน้ี

การสูญพันธคุ์ รัง้ ใหญ่
เม่อื ส้ินสุดยคุ เพอร์เมยี น (252 ล้านปกี ่อน)

(Permian-Triassic Mass Extinction)

- การสูญพันธ์ุครงั้ ใหญท่ ่ีสุดเทา่ ทเี่ คยมมี าในโลก
- สิ่งมีชวี ติ กวา่ 95% สูญพันธุไ์ ปจากโลกนี้
- สาเหตุ : อุกกาบาต/ภเู ขาไฟระเบดิ /กา๊ ซพิษจาก
มหาสมทุ ร/การรวมตวั ของมหาทวีปแพนเจีย
(Pangea) ฯลฯ

มหายคุ มโี ซโซอกิ (Mesozoic)

252 – 66 ลา้ นปกี อ่ น

ไทรแอสซิก (Triassic) จูแรสซกิ (Jurassic) ครเี ทเชียส(Cretaceous)

252 Ma 201 Ma 145 Ma

ยคุ ไทรแอสซิก (Triassic)
252 - 201 ลา้ นปกี อ่ น

- ยคุ แห่งสัตว์เลื้อยคลาน
- จุดกาเนดิ สัตว์เลื้อยคลานหลายกลุ่ม

เชน่ ไดโนเสาร์ (Dinosaurs)
สัตวเ์ ลื้อยคลานบินได้ (Pterosaurs)
สัตว์เลื้อยคลายในทะเล (Marine
reptiles) เต่า (Turtles) และจระเข้
(Crocodiles)

ยุคจแู รสซิก (Jurassic)
201 - 145 ล้านปกี ่อน

- ยคุ แหง่ ไดโนเสาร์
- ไดโนเสาร์เริม่ มหี ลากหลายมากข้นึ
- เริ่มปรากฏบรรพบุรษุ ของนก (Birds)
- เร่มิ ปรากฏบรรพบรุ ุษของสัตว์เลี้ยง

ลูกด้วยนม (Mammals)

ยุคครเี ทเชยี ส (Cretaceous)
145 - 66 ลา้ นปีกอ่ น

- ยคุ สุดท้ายของไดโนเสาร์
- ไดโนเสารแ์ ละสัตวเ์ ลือ้ ยคลานอื่น ๆ มี

ความหลากหลาย มีขนาดใหญ่ขนึ้
อย่างรวดเรว็ และแพรก่ ระจายพันธไุ์ ป
ทุกทวปี ทวั่ โลก
- เกดิ การสูญพันธุ์คร้งั ใหญ่เม่ือสิ้นสุด
มหายุคมโี ซโซอกิ

การสูญพันธคุ์ รัง้ ใหญ่
เมื่อสิ้นสุดยคุ ครเี ทเชียส (66 ล้านปีกอ่ น)

(Cretaceous-Paleogene Mass Extinction)

- สิ่งมชี ีวิตกว่า 75% สูญพันธไุ์ ปจากโลกนี้
- สาเหตุ : อุกกาบาต/ภเู ขาไฟระเบิด/ภูมิอากาศ
เปลย่ี นแปลง ฯลฯ

มหายคุ ซีโนโซอิก (Cenozoic)

66 ล้านปกี อ่ น - ปัจจบุ ัน

พาลโี อซีน (Paleocene) อีโอซนี (Eocene) โอลโิ กซีน (Oligocene) ไมโอซนี (Miocene) ไพลโอซีน (Pliocene) ไพลสโตซนี (Pleistocene) โฮโลซนี (Holocene)
66 Ma 34 Ma 23 Ma
56 Ma 5.3 Ma 2.6 Ma 0.011 Ma

พาลโี อจนี (Paleogene) นีโอจีน (Neogene) ควอเทอร์นารี (Quaternary)

ยคุ พาลีโอจนี (Paleogene) แบ่งเปน็ 3 สมัย
66 - 23 ล้านปกี อ่ น - พาลีโอซีน (Paleocene) 66 - 56 ลา้ นปีก่อน
- อีโอซีน (Eocene) 56 - 34 ลา้ นปกี อ่ น
- โอลิโกซีน (Oligocene) 34 - 23 ลา้ นปกี ่อน

- รงุ่ อรณุ ของสัตว์เลีย้ งลูกดว้ ยนม
(Rise of Mammals)

- สัตว์เล้ียงลกู ด้วยนม (Mammals)
เริ่มแพรก่ ระจายพันธอุ์ ยา่ งรวดเร็ว

- ปรากฏบรรพบรุ ุษของสัตว์เลย้ี งลกู
ดว้ ยนมหลายกลมุ่ เชน่ ช้าง ไพรเมต
สัตวก์ ีบ สัตวก์ ินเนอื้

- นกเป็นผู้ครองเวหาแทนเทอโรซอร์
(Pterosaurs)

ยคุ นีโอจีน (Neogene) แบ่งเปน็ 2 สมัย
23 - 2.6 ลา้ นปีกอ่ น - ไมโอซนี (Miocene) 23 - 5.3 ล้านปกี อ่ น
- ไพลโอซีน (Pliocene) 5.3 - 2.6 ล้านปกี อ่ น

- สัตวต์ ่าง ๆ เริม่ มีหน้าตาคลา้ ยปัจจบุ ัน
- เรม่ิ ปรากฏลิงไมม่ หี าง หรือ เอป

(Apes) และบรรพบรุ ุษสายตรงของ

มนุษย์

- เกดิ ทุง่ หญ้าและป่าแพร่กระจายไปทวั่

โลก ทาใหส้ ัตว์มวี วิ ัฒนาการที่

หลากหลายขึ้น

ยคุ ควอเทอร์นารี (Quaternary) แบ่งเปน็ 2 สมัย
2.6 ล้านปีกอ่ น - ปจั จบุ ัน - ไพลสโตซีน (Pleisocene) 2.6 - 0.12 ล้านปกี ่อน
- โฮโลซีน (Holocene) 11,700 ปกี อ่ น - ปจั จุบนั

- เกิดยคุ น้าแข็ง (Ice Age) สมัยไพลสโตซนี
- เมือ่ สิ้นสุดยคุ น้าแข็ง ทาให้สัตวข์ นาดใหญ่

สูญพันธุ์ เชน่ แมมมอธ เสือเข้ียวดาบ กลิป

โตดอนต์ ฯลฯ

- มนุษย์ปจั จบุ ัน (Homo sapiens) ปรากฏขน้ึ

เมอ่ื ประมาณ 3 แสนปกี อ่ น

- มนุษยเ์ ริม่ สร้างอารยธรรมและแพร่กระจาย
ไปทวั่ โลก ภายหลังจาก 1 หมน่ื ปี

ซากดกึ ดาบรรพ์
คอื อะไร ?

ซากดึกดาบรรพ์ตามพจนานกุ รม

ศัพทธ์ รณวี ิทยา ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2544

“ซากดึกดาบรรพ์” หรอื ฟอสซลิ (Fossil) หมายความวา่

ซากและร่องรอยของบรรพชวี ิน (ancient life) ที่ประทับอยู่ใน
หิน บางแห่งเป็นรอยพิมพ์ บางแห่งก็มีซากเดิมปรากฏ รอยตีนสัตว์
มูลสัตว์ ถ่านหิน และไม้กลายเป็นหิน รวมอยู่ในหมู่ซากดึกดาบรรพ์นี้
เหมือนกัน

ซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดกึ ดาบรรพ์ ?

ซากดกึ ดาบรรพ์ตามกฎหมาย

พ.ร.บ.คุ้มครองซากดกึ ดาบรรพ์ พ.ศ. 2551

“ซากดึกดาบรรพ์” หมายความวา่

ซ า ก ห รื อ ร่ อ ง ร อ ย ข อ ง สิ่ ง มี ชี วิ ต ใ น ส มั ย
ดึกดาบรรพ์ ที่อยู่ในชั้นเปลือกโลก หรือ ที่หลุด หรือ ท่ีนา
ออกมาจากชัน้ เปลือกโลก ทัง้ น้ี ไม่รวมถึง “โบราณวัตถุ” ตาม
กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ
พิพิธภัณฑ์สถานแหง่ ชาติ

โบราณวตั ถุตามกฎหมาย

พ.ร.บ. โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศิลปวัตถุ
และพิพิธภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504

“โบราณวัตถ”ุ หมายความว่า

สังหาริมทรัพย์ท่ีเป็นของโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์
หรือเป็นส่ิงที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติ หรือท่ีเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของ
โบราณสถาน ซากมนุษย์หรือซากสัตว์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่ง
การประดิษฐ์ หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของสังหาริมทรัพย์นัน้ เป็น
ประโยชนใ์ นทางศิลปะ ประวตั ิศาสตร์ หรือโบราณคดี

โบราณวัตถุ ≠ ซากดกึ ดาบรรพ์

ซากดึกดาบรรพ์
ต้องมีอายุ 10,000 ปีขึน้ ไป?

ซากดกึ ดาบรรพ์
ต้องมอี ายุ 10,000 ปขี ้นึ ไป?

โดยปกติ ในทางธรณวี ทิ ยา
10,000 ปีกอ่ น
1) เป็นระยะเวลาหลงั จาก

สิ้นสุดยคุ น้าแขง็
(สมัยไพลสโตซนี –
Pleistocene)

2) เปน็ ระยะเวลาอย่างนอ้ ยที่
ซากสิ่งมชี วี ิตซงึ่ ถกู ฝงั ตวั
อย่ใู นชนั้ ตะกอนต่าง ๆ ท่มี ี
สภาพแวดลอ้ มเหมาะสม
จะสามารถกลายเป็นหินได้

ขอ้ สังเกต วา่ เป็นซากดึกดาบรรพ์หรอื ไม่ ?

✓ เหมือนส่วนหนงึ่ ส่วนใดของส่ิงมีชวี ิต
(เปลอื กหอย กระดกู ฟนั ใบไม้ ฯลฯ)

✓ มกี ารแปรสภาพ กลายเปน็ หนิ
(แรแ่ ทรก, หนกั , สีสันไม่ฉดู ฉาด ฯลฯ)

✓ เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ
(เกดิ จากกระบวนการทางธรณีวิทยา

ไม่มีวสั ดสุ ังเคราะห์ ไมม่ รี อ่ งรอยของมนษุ ย์
ฯลฯ)

การเกดิ ซากดึกดาบรรพ์

1) ตาย/ 2) ถกู ทบั ถม 3) ฝงั ใตผ้ วิ โลก 4) โผลข่ ึ้นผวิ โลก
ทิ้งรอ่ ยรอย กลายเป็นซาก
ดึกดาบรรพ์

รปู แบบการเกิดซากดกึ ดาบรรพ์

1 ซากดึกดาบรรพ์ท่เี ป็นตัว 2 ร่องรอยบรรพชวี นิ หรือ
(Body fossils) รอยซากดกึ ดาบรรพ์
(Trace fossils)

1.1 โครงร่างไม่เปลี่ยนแปลง 1.2 โครงร่างเปล่ยี นแปลง
(Unaltered remains) (Altered remains)

- การแชแ่ ข็ง (Freezing) - รอยพิมพ์คาร์บอน (Carbonization)
- อาพัน (Amber) - การแทนทีด่ ว้ ยสารละลาย (Permineralization)
- ก่งึ ซากดึกดาบรรพ์ (Subfossils) หรอื การกลายเปน็ หนิ (Petrification)
- รอยพิมพ์ (Mold) และ รปู พิมพ์ (Cast)
- การแทนที่ (Replacement)
- การกลายเป็นถา่ น (Coalification)

ซากทีโ่ ครงรา่ งไม่เปลย่ี นแปลง

1.1 (Unaltered remains)

การแช่แขง็ (Freezing)
ซากส่ิงมชี ีวิตที่ถกู เกบ็ รกั ษาในสภาพทเี่ ยน็ จดั โดย
ธรรมชาติ ทาใหค้ งสภาพเปน็ ซากจรงิ (Actual
preservation) ไม่มกี ารผสุ ลาย มีการเปล่ยี นแปลง
ทางเคมี หรือทางแร่นอ้ ยมาก มกั เปน็ ซากที่มีอายุ
ทางธรณไี มม่ าก

ซากของลกู แมมมอธถูกแช่ในน้าแข็ง แถบไซบเี รยี
อายุกวา่ 40,000 ปี

ซากทีโ่ ครงร่างไม่เปล่ียนแปลง

1.1 (Unaltered remains)
อาพัน (Amber)
ซากดึกดาบรรพ์ของยางไม้ ส่วนใหญม่ กั มาจากพืชตระกลู สน เกดิ จากความดนั และความรอ้ นจาก
การกดทบั ของตะกอน ทาให้มีการเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งภายใน และแข็งข้นึ มีลกั ษณะเปน็

ของแข็งสีเหลอื งใส หากพบส่ิงมีชีวิตขนาดเลก็ ฝงั อยภู่ ายใน เช่น แมลง จะถกู เกบ็ รักษาไวไ้ ดท้ ัง้
เน้อื เย่อื และโครงร่างตา่ ง ๆ แตไ่ มเ่ หลือสารประกอบอนิ ทรีย์แล้ว

ซากทโี่ ครงร่างไม่เปล่ียนแปลง

1.1 (Unaltered remains)

ก่ึงซากดกึ ดาบรรพ์ (Subfossil)
ซากท่ีถูกกลบฝังตามธรรมชาติ โดยจะ
เหลือเฉพาะโครงรา่ งแขง็ ซง่ึ ประกอบดว้ ย
แคลเซยี มคาร์บอเนต แคลเซยี มฟอสเฟต
ซิลกิ า สารประกอบอนิ ทรียเ์ ชงิ ซอ้ น เช่น
เคราติน (เส้นผม เส้นขน) โดยมีแร่ธาตเุ ขา้
ไปตกผลึกภายในโครงร่างยงั ไมส่ มบูรณ์
ส่วนใหญย่ งั คงสภาพเดิม

ซากโครงกระดกู ของวาฬถูกฝังอยู่ในชนั้ ตะกอนโคลน จ.สมทุ รสาคร
อายกุ วา่ 3,000 ปี

1.2 ซากท่โี ครงรา่ งเปล่ียนแปลง
(Altered remains)

รอยพิมพ์คารบ์ อน (Carbonization)

ซากถกู ฝงั ตัวในตะกอนและถกู กดทับดว้ ยความดนั และความรอ้ น ทาใหส้ ารอินทรีย์ หรอื ธาตุอืน่
ระเหิด ถกู กาจัดออกไปเหลือแตค่ ารบ์ อน (ถ่าน หรือ แกรไฟต์) ประทับบนชนั้ หนิ

รอยพิมพ์ใบไม้ รอยพิมพ์แกรปโตไลต์

1.2 ซากท่โี ครงรา่ งเปล่ียนแปลง
(Altered remains)

การแทนท่ดี ้วยสารละลาย (Permineralization) หรือ การกลายเปน็ หิน (Petrification)

ซากที่ถูกทบั ถมดว้ ยตะกอนธรรมชาติ และมสี ารละลายจากน้าใต้ดินเขา้ มาตกผลกึ ระหว่างช่องวา่ งในเน้อื โครงรา่ ง
แตย่ งั คงเหลอื โครงสรา้ งอยู่ ซากดึกดาบรรพ์ส่วนใหญ่มกั เกิดลักษณะนี้

กระดกู ไดโนเสาร์ ไม้กลายเปน็ หิน

1.2 ซากท่โี ครงร่างเปล่ียนแปลง
(Altered remains)

รอยพิมพ์ (Mold) และ รูปพิมพ์ (Cast)
รอ่ งรอยจากส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายของส่ิงมีชวี ติ ทป่ี ระทับเอาไวบ้ นชัน้ หรอื ในชัน้ ตะกอน

รอยพิมพ์ผิวหนงั ไดโนเสาร์ รอยพิมพ์และรปู พิมพ์เปลือกหอย

1.2 ซากท่ีโครงร่างเปลี่ยนแปลง
(Altered remains)

การแทนที่ (Replacement)
มักเกดิ ภายหลงั จากกลายเปน็ หิน แล้วโครงรา่ งเดมิ ของส่ิงมีชีวิตถกู ละลายไป แลว้ มแี รธ่ าตุ
อื่นๆ เขา้ มาแทนท่ี เช่น ไพไรต์ ฮมี าไทต์ ฯลฯ

แอมโมนอยดเ์ นือ้ ไพไรต์ แอมโมนอยดเ์ นือ้ แบไรต์

1.2 ซากที่โครงรา่ งเปล่ียนแปลง
(Altered remains)

การกลายเปน็ ถา่ น (Coalification)
ซากของพืชทีท่ ับถมกัน ถูกความดนั และความร้อน ทาให้น้าและสารประกอบตา่ ง ๆ ท่เี ปน็
ออกซิเจนและไฮโดรเจนถูกกาจัดออกไป เหลือเฉพาะคารบ์ อน กลายเปน็ ของแขง็ สีดาเงา
ทเ่ี รียกว่า “ถ่านหิน (Coal)”

ลกิ ไนต์ แอนทราไซต์
(Lignite) (Anthracite)

2 รอ่ งรอยบรรพชวี นิ หรอื รอยซากดึกดาบรรพ์
(Trace fossils)
รอ่ งรอยทเี่ กิดจากกจิ กรรมของส่ิงมชี ีวติ ทแ่ี สดงให้เห็นพฤตกิ รรมของส่ิงมชี วี ิตในอดตี

รอยตีน รอยทางเดิน รอยชอนไช รอยเจาะ

มูลสัตว์ (Coprolite, Coprolith) กรวดย่อยอาหาร (Gastrolith) ไข/่ รังไข่

ประโยชนข์ องซากดึกดาบรรพ์

1) การศึกษาประวตั โิ ลกและวิวฒั นาการของ
สิ่งมีชีวติ

2) การกาหนดอายุของหนิ
3) การเทียบสัมพันธ์ลาดับชนั้ หิน
4) การศึกษาสภาพแวดล้อมและภูมอิ ากาศ

บรรพกาล
5) การศึกษาสภาพภูมิศาสตรบ์ รรพกาลและ

ธรณีแปรสัณฐาน
6) การคน้ หาแหล่งแร่ แหล่งถา่ นหิน และ

แหล่งปิโตรเลียม

ประโยชน์ของซากดกึ ดาบรรพ์

1) การศึกษาประวัติโลกและววิ ฒั นาการของสิ่งมชี วี ิต

การสูญพันธ์ุครงั้ ใหญ่ นก วาฬ


Click to View FlipBook Version