47
การพฒั นางานการพยาบาลในสถานการณ์ COVID-19 :
OR
48
การพฒั นางานผ่าตัดในสถานการณ์ COVID - 19
ตกึ ผ่าตดั 1 และ 3
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช
ตึกผ่าตดั ศลั ยกรรม โรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั
นวมินทราธิราช เป็ นหน่วยงานท่ีให้บริการผา่ ตดั ทุกประเภทท้งั เด็ก ผูใ้ หญ่ ทุกเพศ ท้งั ในกรณีฉุกเฉิน
และไม่ฉุกเฉิน จากสถานการณ์ COVID - 19 ระบาดในประเทศไทยทาให้ผูป้ ่ วยส่วนหน่ึงที่เขา้ รับ
บ ริ ก า ร ผ่ า ตัด เ ป็ น ก ลุ่ ม ผู้ป่ ว ย ท่ี ติ ด เ ช้ื อ COVID - 19 แ ล ะ ผู้เ ข้ า เ ก ณ ฑ์ ส อ บ ส ว น โ ร ค
(patient under investigation : PUI) เขา้ มารับบริการผา่ ตดั โรคดงั กล่าวเป็ นโรคอุบตั ิใหม่ การ แพร่
ระบาดของเช้ือเป็ นไปอยา่ งรวดเร็วและง่ายต่อการติดต่อ ซ่ึงบุคลากรห้องผา่ ตดั บางส่วนยงั ขาดความรู้
ความเขา้ ใจ ทกั ษะ ความสามารถในการให้การพยาบาล พยาบาลห้องผา่ ตดั ยงั ไม่มีแนวทางปฏิบตั ิการ
พยาบาลผูป้ ่ วย COVID - 19 และผูเ้ ขา้ เกณฑ์สอบสวนโรค ในระยะผ่าตดั รวมท้งั ขาดรูปแบบการเฝ้า
ระวงั ป้องกนั และควบคุมโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ทาใหม้ ีโอกาสเส่ียงต่อการติดเช้ือไดด้ งั น้นั การ
บริหารจดั การในห้องผา่ ตดั การจดั หาอุปกรณ์ป้องกนั ส่วนบุคคล (personal protective equipment : PPE) ท่ี
เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จึงมีความสาคญั เป็ นอยา่ งมาก นอกจากน้ียงั ขาดแนวทางปฏิบตั ิการใหก้ าร
พยาบาลผูป้ ่ วย COVID - 19 ในระยะผ่าตดั ส่งผลให้บุคลากรที่ตอ้ งปฏิบตั ิงานเกิดความกลวั และไม่
มน่ั ใจในการปฏิบตั ิงาน ห้องผ่าตดั เล็งเห็นความสาคญั จึงไดม้ ีการปรับเปล่ียนกระบวนการปฏิบตั ิงาน
ร่วมกบั ทีมสหสาขาคณะกรรมการทีมพฒั นาระบบบริการผา่ ตดั เพือ่ เป็ นแนวทางในการปฏิบตั ิงานและ
เพ่ิมสมรรถนะของบุคลากรผ่าตดั ให้เกิดความพร้อม มีความมนั่ ใจในการปฏิบตั ิงาน เกิดความ
ปลอดภยั ตอ่ ผปู้ ่ วยและทีมผา่ ตดั
วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือใชเ้ ป็ นแนวทางปฏิบตั ิแก่พยาบาลห้องผา่ ตดั ศลั ยกรรมในการพยาบาลผูป้ ่ วย COVID -
19 และผเู้ ขา้ เกณฑส์ อบสวนโรค (patient under investigation: PUI) ในระยะผา่ ตดั
2. เพอ่ื ใหเ้ กิดความปลอดภยั ตอ่ ผปู้ ่ วยและทีมผา่ ตดั
49
ข้นั ตอนการพฒั นางาน
1. ประชุมทีมคณะกรรมการพฒั นาระบบบริการผา่ ตดั ประกอบดว้ ย แพทยร์ ะบบต่างๆ ไดแ้ ก่
ศลั ยกรรม สูตินรีเวชกรรม ทีมเดก็ ทีมส่องกลอ้ ง และทีมสวนหวั ใจ
2. จดั ทาแนวทางการปฏิบตั ิงานเร่ือง หัตถการผ่าตดั ในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID 19)
50
3. เตรียมความพร้อมบุคลากร สถานที่ อุปกรณ์
บุคลากร
3.1 วางแผนการซ้อมใส่ PPE level C และ PAPR จดั ลาดบั การซ้อมให้กบั ทีมผ่าตดั โดย
ICWN ของหอ้ งผา่ ตดั
3.2 จาลองสถานท่ีในการซ้อมให้ใกลเ้ คียงกบั สถานที่ห้องผา่ ตดั แยกโรค อาคารสูตินรีเวช
กรรมช้นั 1 ท่ีใชใ้ นการปฏิบตั ิงานจริง
51
3.3 จดั เตรียมอุปกรณ์ที่จาเป็นในการซอ้ ม
3.4 จดั ทาโปสเตอร์ข้นั ตอนการสวมและการถอดชุด PPE level C
QR code ข้นั ตอนการ
สวมและการถอดชุด
PPE level C
52
3.5 จดั โปรแกรมการซอ้ มใหแ้ ก่พยาบาลและเจา้ หนา้ ท่ีทีมหอ้ งผา่ ตดั แพทยศ์ ลั ยศาสตร์ทุก
สาขา แพทยแ์ ละพยาบาลทีมระบบทางเดินปัสสาวะ ศูนยส์ ่องกลอ้ ง และทีมแพทยห์ อ้ งสวนหวั ใจ รวม
ท้งั สิ้น 325 คน ผลลพั ธ์ในการซอ้ มได้ 100%
- จดั โปรมแกรมการซอ้ มเพื่อเป็นการ Refresh ใหท้ ีมแพทยแ์ ละพยาบาลหอ้ งผา่ ตดั
- ร่วมกบั ฝ่ ายการศึกษาในการอบรมเทคนิคการใช้ Cover all และ PAPR สาหรับแพทย์
ประจาบา้ นและแพทยป์ ระจาบา้ นต่อยอด ช้นั ปี ท่ี 1 จานวน 68 คน
53
สถานท่ี ปรับปรุงหอ้ งผ่าตดั สาหรับทาผา่ ตดั ผปู้ ่ วย COVID – 19 โดยเฉพาะ 2 ท่ี ใช้ร่วมกนั
ท้งั ศลั ยกรรมและสูตินรีเวชกรรม คือ
1. หอ้ งผา่ ตดั เลก็ อาคารสูตินรีเวช ช้นั 1 มีการปรับปรุงเป็นหอ้ ง Anteroom
2. หอ้ งผา่ ตดั เล็ก 101 อาคารศลั ยกรรมช้นั 1 มีการปรับปรุงหอ้ ง Anteroom เช่นเดียวกนั เปิ ด
ใชเ้ ป็นหอ้ งลาดบั ท่ี 2 ในกรณีท่ีเปิ ด 2 ทีมพร้อมกนั และใชส้ าหรับหอ้ งคลอด
54
อุปกรณ์
1. จดั ตูเ้ ก็บของวสั ดุ อุปกรณ์ ที่จาเป็นสาหรับการผา่ ตดั เช่น PPE, PAPR และอุปกรณ์พ้ืนฐาน
ต่างๆ เช่น ถุงมือ น้ายา ไหมเยบ็ แผล เป็นตน้
2. จดั ทา “รถเคร่ืองมือ COVID สญั จร” สาหรับการเคล่ือนยา้ ยเคร่ืองมือที่ตอ้ งการใชใ้ นการ
ทาผา่ ตดั แต่ละหตั ถการ
55
4. วางแผนการซอ้ มเสมือนจริง
ประชุมร่วมกนั ในคณะกรรมการทีมพฒั นาระบบบริการผ่าตดั เพื่อกาหนดการซ้อมและ
รูปแบบในการซ้อม ซ่ึงข้อตกลงในท่ีประชุมสรุปให้เป็ นการซ้อมเสมือนจริงจาลองในการผ่าตดั
Caesarean section ในวนั ท่ี 26 มีนาคม 2563
56
5. ประเมินผล และปรับแนวทางการปฏิบตั ิงาน
จากการซ้อมเสมือนจริงพบยงั มีขอ้ พกพร่องในบางจุด เช่นการประสานงานในการรับผปู้ ่ วย
เส้นทางในการพาผปู้ ่ วยจากตึกอุบตั ิเหตุมาหอ้ งผา่ ตดั จึงไดม้ ีการปรับปรุงแนวทางปฏิบตั ิอีกคร้ังเพ่ือให้
เกิดความพร้อมในการปฏิบตั ิงานจริง
57
การพฒั นางานโดยใช้เครื่องมือ 3C – DALI
สถิติผ่าตัดผู้ป่ วย COVID ( สถิติถึงวนั ที่ 11 พฤศจิกายน 2564)
ประเภท สถานที่
สาขา urgency emergency trauma ใน OR นอก OR จานวน
ศลั ยกรรม 22
Orthopedics 15 5 2 12 10 11
ENT 3
Neuro 11 - - 10 1 1
37
รวม 3 - --3
- 1 -1-
29 6 2 - -
58
ตัวชี้วดั ทสี่ าคัญ
ตัวชี้วดั เกณฑ์ ผลลพั ธ์
อตั ราการติดเช้ือแผลผา่ ตดั SIR ≤ 1 0
อตั ราบุคลากรไดร้ ับการซอ้ มใส่ชุด PPE 100%
100 %
อัตราบุคลากรติดเช้ือจากการปฏิบัติงาน (ทีมผ่าตัด 0% 0%
COVID- 19)
59
ปัจจัยแห่งความสาเร็จ
1. นโยบายของคณะแพทยศาสตร์ท่ีใหก้ ารสนบั สนุน
2. ทีมสหสาขามีศกั ยภาพในการใหก้ ารดูแลผปู้ ่ วยไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
3. มีระบบการฝึก/ นิเทศบุคคลากรทางการพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ
4. บุคลากรมีการทางานเป็นทีม มีความรู้ มีความสามารถ สมรรถนะเฉพาะทาง มีความเสียสละ
มุ่งมน่ั ในการปฏิบตั ิงาน
Strong OR Fight for COVID- 19
59
การพฒั นางานการพยาบาลในสถานการณ์ COVID-19 : Refer
61
การพัฒนางานของศนู ย์รบั ผู้ปว่ ยในสถานการณ์โควิด 19
โรงพยาบาลวชริ พยาบาล
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมนิ ทราธริ าช
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ถูกค้นพบในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 และแพร่เข้าสู่ประเทศไทย
ต้ังแต่ต้น เดือนมกราคม พ.ศ. 2563 โดยผู้เดินทางท่องเท่ียวชาวจีน จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
และเกิดการแพร่ เชื้ออยา่ งรวดเร็วไปยังประเทศต่างๆ เกือบทุกๆประเทศทั่วโลก ทาใหเ้ กิดความพยายามอย่าง
เต็มที่ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันการนาเชื้อเข้าจากต่างประเทศ และควบคุมการ ระบาดในประเทศ ในวันที่ 30
มกราคม 2563 องค์การอนามัย โลกจึงได้ประกาศให้โรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินทาง
สาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) และแนะนาทุก
ประเทศใหเ้ ร่งรัดการเฝา้ ระวงั ป้องกัน และควบคมุ โรค
เน่อื งจากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคน้ีไดท้ วีความรุนแรงข้นึ ทาให้ผปู้ ่วยรายใหม่ในประเทศ
สูงขึ้นอย่างรวดเรว็ เช่นกนั สง่ ผลให้มจี านวนผู้ป่วยสะสมทเ่ี ข้าสูก่ ระบวนการการดูแลรักษาในโรงพยาบาล
เพมิ่ ข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองจนเข้าสู่ภาวะวิกฤต จนเกนิ กวา่ ศักยภาพในการดูแลรกั ษาของทีมบุคลากรทางการแพทย์
พยาบาล และบุคลากรทเ่ี กีย่ วข้อง ดังนั้นเพื่อให้เปน็ การบริหารทรพั ยากรของหนว่ ยงานให้เหมาะสมและเปน็ ไป
ตามนโยบายของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ศูนยร์ บั -ส่งต่อผู้ปว่ ยจึงได้มีการบริหารจัดการแนวทางการรบั -สง่ ตอ่
ผปู้ ่วย COVID-19 ทีป่ รบั เปล่ยี นและพัฒนาบทบาทไปจากรปู แบบเดมิ ทาให้เกดิ ความรวดเร็ว มปี ระสิทธภิ าพ
และสง่ ผลใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในวิกฤตนี้
บริบทของศูนยร์ ับผู้ป่วยใน COVID-19
1. ให้บริการการคัดกรอง และประเมินภาวะฉุกเฉินของผู้ป่วย COVID-19 ท่ีมารับบริการที่ ARI
Clinic ER และผู้ป่วยท่ีประสานขอ Refer จากโรงพยาบาลต่างๆ เพ่ือประสานรับเข้าหอผู้ป่วย
Cohort โรงพยาบาลสนาม หรอื Hospitel ท่เี หมาะสมกบั ผู้ปว่ ย
2. ให้บริการประสานงานรับผู้ป่วย COVID-19 จากสถานพยาบาลต่างๆ กรณีที่โรงพยาบาลต้นทาง
เกินศักยภาพ และโรงพยาบาลในเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบ เช่น พื้นท่ีเขตกรุงธนใต้ เคสจาก
Uhosnet เป็นตน้
3. ใหบ้ ริการประสานสง่ ต่อผู้ป่วย COVID-19 ของโรงพยาบาลวชริ พยาบาล ไปยัง หอผู้ป่วย Cohort
โรงพยาบาลสนาม หรอื Hospitel ตา่ งๆ ในกรณีเตยี งไมเ่ พยี งพอ
4. ทาหน้าทีเ่ ป็นศนู ย์กลางในการบริหารจดั การเตียง และรบั ผปู้ ่วยในของผปู้ ่วย COVID-19 ตลอด
24 ชั่วโมง
วตั ถปุ ระสงค์
1. ผู้ป่วย COVID-19 ได้รบั การดแู ลอยา่ งถูกตอ้ งตรงตามมาตรฐาน
2. ผปู้ ว่ ยได้รบั การรกั ษาทเ่ี หมาะสม ไม่มผี ปู้ ว่ ยคงค้าง
แนวทางการดาเนนิ งาน
1. การเตรยี มความพร้อมดา้ นบุคลากร
1.1 ประชมุ ทีมภายในหนว่ ยงานทกุ เชา้ (DMS) เพอ่ื ทาความเขา้ ใจสถานการณ์ระยะส้นั และ
62
ระยะยาว นามาวางแผนและวางแนวทางปฏบิ ัติ เพือ่ พฒั นาการรับ-สง่ ต่อผปู้ ่วย COVID-19
1.2 ตอบสนองนโยบายของคณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลัยนวมินทราธริ าช
กับการปรับเปล่ียนต่อบริบทของหน่วยงาน และพร้อมรับสถานการณ์ โดยควบรวมบุคลากรจากศูนย์รับส่งต่อ
ผู้ป่วย (Referral center) และศูนย์รับผู้ป่วยใน (Admission Center) เป็น “ศูนย์รับผู้ป่วยใน COVID-19”
โดยให้เปิดบรกิ าร 24 ชั่วโมง ทุกวนั
1.3 เตรียมความพร้อมและให้ความร้บู คุ ลากรในการประเมนิ ผ้ปู ่วย โดยอ้างองิ ตามคมู่ ือเกณฑ์
การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินและจัดลาดับการบริบาล ณ ห้องฉุกเฉินตามหลักเกณฑ์คณะกรรมการการแพทย์
ฉุกเฉินกาหนด (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2556 และ แนวทางการคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 ฉบับวันท่ี 22 เมษายน
2564
1.4 จากสถติ ิการประสานงานรบั -ส่งตอ่ ผปู้ ่วย COVID-19 ตง้ั แตเ่ ดอื นมนี าคม พ.ศ. 2564
พบว่ามีผู้ป่วย COVID-19 จานวนเพิม่ ขึ้น 5,416 ราย และมีแนวโน้มสงู ขึ้น บุคลากรภายในหนว่ ยงานทุกคนมี
ความรับผิดชอบ และความปรารถนาที่จะช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ป่วยด้วยความเต็มใจ ด้วยการทางาน
ลว่ งเวลา เพ่ือให้การบรกิ ารครอบคลมุ 24 ชวั่ โมง ทุกวัน
2. การเตรยี มความพร้อมด้านสถานที่ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ
2.1 เตรยี มพรอ้ มดา้ นสถานท่ี เพอื่ รองรับผปู้ ว่ ยรายวันให้เพยี งพอ มกี ารตดิ ตอ่ ประสานงาน
หน่วยงานภายในและภายนอกในการบริหารจัดสรรเตียง โดยจานวนผู้ป่วยรายวันประมาณ 50-90 รายต่อ
วนั ประกอบดว้ ย
2.1.1 หอผปู้ ่วยภายในคณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลัยนวมินทราธิราช
2.2.2 หนว่ ยงานภายนอกโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่เปิดรับผปู้ ว่ ย COVID โรงพยาบาล
สนามและ โรงแรมที่เขา้ รว่ มโครงการ เช่น โรงพยาบาลสนามธัญลักษณ์, โรงแรมไอบสิ , โรงแรมใบหยก, โรงแรม
บางกอกชฎา เปน็ ต้น
2.2 อุปกรณ์เทคโนโลยีสารส่อื สารสารสนเทศไม่เพยี งพอ ซง่ึ ไดร้ ับการอนเุ คราะหจ์ าก
63
ผู้บริหาร ไดร้ บั โทรศพั ท์มอื ถอื จานวน 3 เคร่อื ง คอมพวิ เตอร์ภายในสานักงานจานวน 3 เคร่ือง ซึง่ เพยี งพอ
ต่อการปฎบิ ัติงาน
3. นวตั กรรมทเ่ี กดิ ข้ึนภายในหนว่ ยงานภายหลงั สถานการณ์ COVID 19
3.1 การประสานงานภายใน มีการส่งผ่านขอ้ มูลทถ่ี ึงกนั เปน็ ระบบ โดยใช้ Single Data
ร่วมกันทั้งโรงพยาบาล “ข้อมูลเบ้ืองต้น” ต้ังแต่ งานควบคุมโรคติดเชื้อ, คลินิกคัดกรองโรคติดเช้ือทางเดิน
หายใจ, การกกั ตัวทบ่ี า้ น, บรกิ ารการแพทย์ฉุกเฉนิ ไปจนถงึ ส้ินสุดการรกั ษา
3.2 การประสานงานภายนอก มีการสง่ ตอ่ ผปู้ ่วยไปหนว่ ยงานภายนอก คอื โรงพยาบาลที่
เปิดรับผู้ป่วย COVID โรงพยาบาลสนามและ โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ เช่น โรงพยาบาลสนามธัญลักษณ์,
โรงแรมไอบิส, โรงแรมใบหยก, โรงแรมบางกอกชฎา เป็นต้น มีการสง่ ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร
โดยใช้ Line application และ Co-link ของกรมการแพทย์
64
การพัฒนานวัตกรรม
หนว่ ยงานไดม้ ีนวัตกรรมเกดิ ขนึ้ ใหม่ “กระบวนการรบั ผู้ปว่ ย COVID 19 ของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
สถติ ิผู้ป่วย
65
ตวั ชี้วดั สาคัญ
ตวั ชว้ี ัด เป้าหมาย พ.ค.64 ม.ิ ย.64 ก.ค.64 ส.ค.64 ก.ย.64
90.47% 98.38% 85.71% 86.45% 100%
อัตราผู้ป่วยCOVID-19 กลุ่มสีแดง > 95%
ไดร้ ับการ Admit ภายใน 6 ชม. 86.61% 84.79% 84.14% 93.40% 99.48%
อัตราผู้ป่ ว ย COVID-19 กลุ่ม สี > 90%
เหลือง ได้รับการ Admit ภายใน
24 ชม.
ความท้าทาย
1. การประสานรบั ผปู้ ่วยรายวันจะเปน็ การรับผู้ปว่ ยที่อย่ทู ี่ “บ้าน” จะใชก้ ารประเมนิ ผปู้ ่วยผา่ นทาง
โทรศัพท์ บ่อยคร้ังท่ีพบว่าการประเมินน้ันไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการท่ีแย่กว่าความเป็นจริง
มีประมาณ 10 รายต่อเดอื น
2. ผู้ปว่ ยทปี่ ฏิเสธการเขา้ รับการกักตวั 15 รายต่อเดือน เรามีนวัตกรรมส่งยาถึงบา้ น เพ่ือใหผ้ ู้ปว่ ย
ได้รับยาทันที และมีการสอบถามอาการผู้ป่วยเป็นระยะในวันที่ 5 ของระหว่างการรักษา พบว่าผู้ป่วยไม่มี
อาการแย่ลง อาการทุเลาหลงั ไดร้ บั ยา
ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ท่ีได้รับการประเมินอาการผู้ป่วยโควิด – 19 (กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข, 2564) จากศูนย์รับผู้ปว่ ยใน COVID-19 ไมพ่ บอาการทรุดลง คิดเป็นร้อยละ0 ขณะมี
การรับส่ง-ต่อผปู้ ่วย
สงิ่ ทภี่ าคภูมใิ จ
หนว่ ยงานมคี วามมุ่งมนั่ ร่วมใจกนั และบคุ ลากรทุกคนพรอ้ มท่จี ะปรบั เปล่ียนตามสถานการณ์
นอ้ มรับนโยบายของผู้บรหิ ารให้ทันทว่ งทีต่อเหตุกาณท์ เ่ี กิดขึ้น เพอื่ ประโยชน์แก่ผปู้ ว่ ย และให้องคก์ รผา่ นพ้น
วิกฤติไปด้วยกัน
65
การพัฒนางานการพยาบาลในสถานการณ์ COVID-19 :
งานพยาบาลกุมาร
67
การบริหารจดั การสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด
สาขาการพยาบาลกมุ ารเวชกรรม
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช
“สถาบนั แพทยศาสตรแ์ ห่งกรงุ เทพมหานคร ท่ีทรงคณุ ค่าของประเทศ ผนู้ าด้านเวชศาสตรเ์ ขตเมอื ง”
การระบาดทวั่ ของโควิด-19 เป็นการระบาดทวั่ โลกท่กี าลงั ดาเนินไปของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19; โควดิ -19) โดยมสี าเหตุมาจากไวรสั โคโรนาสายพนั ธุใ์ หม่ เรมิ่ ต้นขน้ึ ในเดอื นธนั วาคม พ.ศ.
2562 โดยพบครงั้ แรกในนครอู่ฮนั่ เมอื งหลวงของมณฑลหเู ป่ย์ ประเทศจนี [1][2] องคก์ ารอนามยั โลกไดป้ ระกาศ
ใหก้ ารระบาดน้ีเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวนั ท่ี 30 มกราคม 2563 และประกาศให้
เป็นโรคระบาดทวั่ ในวนั ท่ี 11 มนี าคม 2563[3][4] ณ 8 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรนี ิช 09.38 น.
มผี ตู้ ดิ เชอ้ื ยนื ยนั แลว้ มากกว่า 250,714,165 คนใน 220 ประเทศและดนิ แดน[2]
นายแพทยส์ มศกั ดิ ์ อรรฆศลิ ป์ อธบิ ดกี รมการแพทย์ เปิดเผยว่าจากการแพรร่ ะบาดเชอ้ื COVID – 19
พบการตดิ เชอ้ื ตดิ ต่อกนั ภายในครอบครวั ไปส่ผู สู้ ูงอายุและเดก็ เลก็ เพม่ิ ขน้ึ อยา่ งต่อเน่ือง จากการอย่รู ว่ มกนั และ
การไปมาหาสรู่ ะหว่างกนั ดงั นนั้ จงึ มคี วามจาเป็นอยา่ งยงิ่ ทต่ี อ้ งมกี ารแยกผปู้ ่วยทย่ี นื ยนั ตดิ เชอ้ื COVID-19 เขา้
รกั ษาในโรงพยาบาลสนามหรอื ฮอสพเิ ทลหรอื โรงพยาบาล ทงั้ น้ีขน้ึ อยกู่ บั อาการของผตู้ ดิ เชอ้ื และใหก้ ารรกั ษา
ตามอาการและ/หรอื ร่วมกับการให้ยาต้านไวรสั COVID-19 อย่างน้อย10-14วนั หรอื จนกว่าอาการจะดขี ้นึ
หลงั จากหายป่วยแลว้ ยงั คงตอ้ งสวมหน้ากากอนามยั ลา้ งมอื อย่างสม่าเสมอ และเวน้ ระยะห่างระหว่างกนั ตาม
มาตรฐานวถิ ใี หม่ สว่ นสมาชกิ ในครอบครวั ทเ่ี ป็นผสู้ มั ผสั เสย่ี งสงู ควรกกั ตวั และสงั เกตอาการตวั เองอยา่ งน้อย 14
วนั เพอ่ื ลดความเสย่ี งในการแพรเ่ ชอ้ื ใหผ้ อู้ ่นื และพจิ ารณาพบแพทยถ์ า้ มอี าการป่วยในภายหลงั
ทางสาขาการพยาบาลกุมารเวชกรรม ประกอบดว้ ย 6 หอผปู้ ่วยใน ไดแ้ ก่ ทารกแรกเกดิ , ทารกแรก
เกดิ กง่ึ วกิ ฤต, อภบิ าลทารกแรกเกดิ , อภบิ าลเดก็ โต, หอผปู้ ่วยเดก็ พเิ ศษ และหอผปู้ ่วยเดก็ สามญั ไดเ้ รยี นรกู้ บั
สถานการณ์การระบาด COVID-19 อยา่ งรวดเรว็ ทบทวนฐานขอ้ มลู นาแนวคดิ COVID Model for pediatric
nurse มาประยกุ ตใ์ ช้
68
69
1. สาขาการพยาบาลกุมารไดน้ านโยบายและกาหนดแผนขององคก์ รสกู่ ารปฏบิ ตั ิ อยา่ งรวดเรว็ ต่อเน่อื ง
โดยวางแผนรว่ มกบั PCT ภาควชิ ากุมารอยา่ งเป็นระบบ มกี ารทบทวน ปรบั แผนตามสถานการณ์ ทา
ใหก้ ารบรหิ ารจดั การ ตอบสนองสถานการณ์การระบาดไดท้ นั ต่อเหตุการณ์ ประกอบดว้ ยกจิ กรรมหลกั ดงั น้ี
70
1.1 จดั ทาแนวทางการดแู ลรกั ษาผปู้ ่วยเดก็ ทวั่ ไป และผปู้ ่วยเดก็ COVID-19 ใหเ้ หมาะสม ตาม
ศกั ยภาพของทมี
71
72
1.2. เตรยี มความพรอ้ มสมรรถนะดา้ นต่าง ๆ ของบคุ ลากรในการ ดแู ลผปู้ ่วยใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ
ฝึกทกั ษะ PPE คานงึ ถงึ ความปลอดภยั ของผปู้ ่วย และบคุ ลากร
1.3. ใชท้ รพั ยากรทางการแพทยอ์ ยา่ งสมเหตุสมผลในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19
73
ฝึ กทกั ษะการ PPE
ฝึกซอ้ มสถานการณ์จาลอง หอ้ ง negative pressure
74
1.4. บรหิ ารอตั รากาลงั ในการดแู ลผปู้ ่วยเดก็ PUI, COVID -19 ของโรงพยาบาลอยา่ งเพยี งพอ
โดยหวั หน้าหอผปู้ ่วยรว่ มการจดั สรรอตั รากาลงั จดั หน้าทร่ี บั ผดิ ชอบในการดแู ลผปู้ ่วยเดก็ ตามวยั
75
1.5. การมจี ติ สาธารณะในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการคดั กรอง การฉดี วคั ซนี รวมถงึ การประสาน
การดแู ลผปู้ ่วยเดก็ COVID-19
ดา้ นวชิ าการและอุปกรณ์ทางการ
แพทย์ ในชุมชนต่าง ๆ
76
รว่ มอาสาคดั กรองผปู้ ่ วย COVID-19 ณ การแพรร่ ะบาดจงั หวดั สมทุ รสาคร
วนั ท่ี 25 -29 มกราคม 2564
77
3. ปัญหา อุปสรรค และวธิ จี ดั การ อุปสรรคของการปฏบิ ตั งิ านส่วนใหญ่เกดิ จากปัญหาการสอ่ื สาร ได้
แกไ้ ข สรา้ งความเขา้ ใจใหเ้ ป็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั
4. มกี ารจดั การความรู้ (knowledge management) ทบทวนปัญหาอุปสรรครว่ มกนั นาไปสู่แนวทาง
ปฏบิ ตั ทิ ช่ี ดั เจนเป็นรปู ธรรม บุคลากรทางการพยาบาลรบั รบู้ ทบาทของตนเอง
นาเสนอแนวคิดในการบริหารจดั การ
5. พบปัจจยั แห่งความสาเรจ็ ดงั น้ี
5.1 รบั ฟังความคดิ เหน็ ของทกุ คน ทาใหร้ บู้ ทบาท รบั ผดิ ชอบหน้าท่ี
5.2 การบรหิ ารอตั รากาลงั ยดึ หลกั ธรรมาภบิ าลใหเ้ ป็นรปู ธรรม โปรง่ ใส และตรวจสอบได้
5.3 ผบู้ รหิ ารสนบั สนุนอุปกรณ์ การดแู ลผปู้ ่วย ทส่ี าคญั จาเป็นต่อการสถานการณ์
5.4 ทมี งานมเี ป้าหมายเดยี วกนั รว่ มมอื รว่ มใจกนั การปฏบิ ตั แิ ละแกไ้ ขปัญหา
6. เกดิ พฤตกิ รรม new normal ปฏบิ ตั ติ ามมาตรการ DMHTT อยา่ งเครง่ ครดั
1. "Coronavirus disease (COVID-19) outbreak". who.int. สืบค้นเม่ือ 8 March 2020.
2. ↑ "Coronavirus declared global health emergency". BBC News Online. 31 January 2020. คลงั ข้อมลู เก่า เกบ็ จาก แหล่ง
เดิม เมื่อ 13 February 2020. สืบค้นเม่ือ 13 February 2020.
3. ↑ กระโดดข้ึนไป:6.0 6.1 6.2 "Statement on the second meeting of the International Health Regulations (2005) Emergency
Committee regarding the outbreak of novel coronavirus (2019-nCoV)". World Health Organization. 30
January 2020. คลังข้อมูลเก่า เกบ็ จาก แหล่งเดิม เมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 30 January 2020.
4. ↑ "WHO Director-General's opening remarks at the media briefing on COVID-19 - 11 March 2020". World
Health Organization. 11 March 2020. สืบค้นเมื่อ 11 March 2020.
78
การพัฒนางานการพยาบาลในสถานการณ์ COVID-19 : งาน
พยาบาลสูติกรรม
79
การพฒั นางานดา้ นสูติกรรมในสถานการณ์ COVID - 19
ห้องตรวจครรภ์ หอ้ งคลอด และหลงั คลอด
คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
จากสถานการณ์การระบาด COVID - 19 ในประเทศไทย งานการพยาบาลสูตินรีเวชกรรม และ
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้ตระหนักถึง
ความปลอดภัยในการดูแลสตรีต้ังครรภ์ การคลอด และหลังคลอด ให้ปลอดภัยท้ังผู้รับบริการ และบุคลากร
ทางการแพทย์ พบว่ามีสตรตี ้งั ครรภ์ติดเชอ้ื COVID – 19 เขา้ รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และบางรายตรวจ
พบการติดเชื้อและรอเข้าสู่ระบบการรักษา อัตราการติดเชื้อมีแนวโน้มสงู ขน้ึ และมีความรุนแรงของโรคมากกว่า
คนท่ัวไป งานการพยาบาลสูตินรเี วชกรรม และภาควิชาสตู ิศาสตร์-นรีเวชวทิ ยา เล็งเหน็ ความสาคัญในกาจัดทา
แนวทางปฏิบัติ และกาหนดมาตรการการดูแลรักษาและป้องกัน โดยใช้แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัย
สูตินรีแพทย์ แห่งประเทศไทย และแนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด และทารกแรกเกิด ภายใต้
สถานการณ์แพร่ระบาดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข นามาปรับให้เข้ากับบริบทของงานการพยาบาล
สูตินรีเวชกรรมและภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เพ่ือเป็นแนวทาง
ในการปฏิบัติงานและเพ่ิมสมรรถนะของบุคลากรงานการพยาบาลสูตินรีเวชกรรม ให้เกิดความพร้อม
มคี วามมนั่ ใจในการปฏบิ ตั ิงาน เกิดความปลอดภยั ตอ่ ผู้ปว่ ยและทมี ผ่าตัด
แนวทางปฏบิ ัติการดูแลสตรีตัง้ ครรภท์ ่ีตดิ เชอ้ื COVID – 19 ภาควิชาสตู ิศาสตร์-นรเี วชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล
คาจากัดความ
การจาแนกประเภทครรภ์ในสตรีทีต่ ิดเชอื้ โควิด-19 ได้แก่
๑. ครรภ์ปกติ
๒. ครรภท์ ีม่ ี Active Obstetric Condition หรอื high risk pregnancy
Active Obstetric Condition ไดแ้ ก่ อาการต่อไปน้ี
- เลอื ดออกทางช่องคลอด
- ภาวะน้าเดิน
- เจ็บครรภ์คลอด/เจ็บท้อง
- เด็กด้ินนอ้ ย
- มกี ลุม่ อาการของครรภ์เปน็ พิษ
High risk pregnancy ทไ่ี ม่เก่ียวกับอายุครรภ์ เชน่ แฝด เบาหวาน เคยคลอดก่อนกาหนด
เคยมีประวัติลกู เสียชีวติ ในครรภ์
High risk pregnancy ทอ่ี ายุครรภ์มากกว่า 34สัปดาห์ เช่น มีuterine contraction
รกเกาะต่า
80
Risk factor of covid
- อายุ > 60 ปี
- อ่อนเพลยี มาก
- COPD, chronic lung disease
- CKD Stage II, IV
- Chronic heart disease
- CVA
- DM
- BMI > no kg/m" หรอื BW > do kg
- Cirrhosis
- Immunocompromise
ระดบั ของ Covid-19
เขียวออ่ น (G1) : - ไมม่ ีอาการ, ไม่มี risk factor of covid
เขยี วแก่ (G2) : - ไม่มี risk factor of covid แต่มอี าการ
- ออ่ นเพลีย ปวดตามตวั ไอ ไข้ ถา่ ยเหลว จมกู ไมใ่ ด้กลิ่น ผ่นื ตาแดง
เหลอื งอ่อน (Y1) : - มี risk factor of covid อย่างน้อย 1 ข้อ แต่ไมม่ ีอาการใด ๆ
เหลืองเข้ม (Y2) : - มี pneumonia (ต้องการ O, cannula)
- มหี รือไม่มี risk factor of covid มอี าการอย่างน้อย 3 ข้อ
- ไอมาก (Severe cough) หายใจติดขัด แน่นหน้าอก ทานอาหารไมไ่ ด้
อ่อนเพลยี มาก มไี ข้ตลอด O, Sat 96 – 98 % Room air
แดงอ่อน (R1) : severe pneumonia (high flow Fi O, 0.4-0.6)
- SpO2 < 96 % หรือยา Exercise induced hypoxia test (EIH) Position
(หลงั test Sp02 ลดลง ≥ 3%)
แดงเข้ม (R2) : pneumonia (ET tube, high flow Fi O2 > 0.6)
ผปู้ ่วยทจ่ี ะไดร้ บั ไวเ้ ปน็ ผปู้ ว่ ยใน
- สตรีตงั้ ครรภ์ท่ฝี ากครรภ์ที่วชริ พยาบาล
การดูแลสตรีตั้งครรภท์ ตี่ ิดเช้ือโควิด-19 ในวชริ พยาบาล
ผล Confirmed RT PCR detect Covid-19
การประเมินผูป้ ่วยก่อน Admit
- ซกั ประวัติ อาการของโรคโควดิ และสภาวะทางสตู ิ ทบทวนประวตั กิ ารฝากครรภ์
- Day of illness after symptom onset (DOI)
- Body temperature, Respiratory rate
- Blood pressure, Pulse Rate
- Oxygen Saturation
81
- Investigation: - CBC, BUN, Cr, AST, ALT, CRP, Electrolyte, D-dimer และอน่ื ๆ หากมีข้อบ่งช้ี
เชน่ FBS และ 2 hr. postprandial glucose etc. CXR
ติดตามอาการ Covid (ตามคามเหมาะสม)**
- Vital signs: Body temp., Blood Pressure, Pulse rate, Respiration rate
- O2 Sat
- CXR กอ่ น admit / d5 / d10 ถีห่ รือหา่ งขนึ้ อยู่กบั อาการ
- ตดิ ตามอาการทางสูตฯิ (อยา่ งน้อยวันละ 2 คร้ัง)***
- เลอื ดออกทางชอ่ งคลอด
- เจ็บทอ้ ง
- ตวั บวมผดิ ปกติ
- นา้ เดินออกทางช่องคลอด
- อายคุ รรภม์ ากวา่ 28 สัปดาห์ ให้แมน่ บั ลกู ดิ้น (ปกตใิ น 1 ชว่ั โมง หลังอาหาร 3 มื้อ
รวมกันเกิน 10 ครัง้
- + ทา fetal monitor ถา้ สามารถทาได้หรอื มีข้อบ่งซ้ี
- ถือวา่ ปกติ)
82
แนวทางปฏิบตั กิ ารดูแลสตรีต้งั ครรภ์ทีต่ ดิ เช้ือ COVID – 19 ภาควชิ าสตู ศิ าสตร์-นรเี วชวิทยา
คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล
83
แนวทางปฏิบตั ใิ นการดูแลสตรตี งั้ ครรภท์ ี่ติดเช้ือ COVID – 19 ภาควชิ าสตู ศิ าสตร์-นรเี วชวิทยา
คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล
84
การพฒั นางานหอ้ งตรวจครรภ์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช
วิถีใหม่ในการดูแลสตรีต้งั ครรภใ์ นห้องตรวจครรภ์ (New normal in Antenatal care clinic)
ส่วนที่ 1 การเตรยี มการดูแลสตรีต้ังครรภ์ในหอ้ งตรวจครรภแ์ บบวิถีใหม่
1. บคุ ลากร (Personnel) : แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าท่ี
1.1 จัดใหม้ กี ารตรวจคัดกรองบุคลากรทุกคนดว้ ยการวัดอุณหภมู ิ ต้งั แต่เขา้ พ้นื ทห่ี ้องตรวจครรภ์
1.2 บุคลากรทุกคนสวมใส่ Mask และลา้ งมือดว้ ยสบหู่ รอื เจล Alcohol ต้ังแตจ่ ุดคดั กรอง และสวมใส่
Mask และ/ หรือ Face shield ตามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ปี ฏิบัตงิ าน
1.3 ประชุมทมี ภายในหนว่ ยงานทุกเช้า เพื่อให้บุคลากรรับทราบแนวทางท่ีเปน็ ปัจจุบัน
รูปภาพแสดง การใช้อุปกรณ์ปอ้ งกันของบคุ ลากรห้องตรวจครรภ์
85
2. ผรู้ ับบริการ (Patient) : สตรตี ั้งครรภ์
2.1 จัดให้มีการตรวจคดั กรองผูร้ บั บรกิ ารทุกคนด้วยการวัดอณุ หภูมิ ตั้งแต่เขา้ พ้นื ท่หี ้องตรวจครรภ์
สตรตี งั้ ครรภแ์ ละผู้ติดตามตอ้ งใสห่ นา้ กากอนามยั และเข้าสู่ระบบคดั กรองของหน่วยงานทุกครง้ั
2.2 ซักประวตั ิและคัดกรองความเส่ยี ง หากตรวจพบเข้าเกณฑ์ PUI หรอื ติดเชอ้ื COVID-19
ส่งตรวจที่ ARI clinic
.
รูปภาพแสดง หอ้ งตรวจ ARI clinic
86
2.3 จดั สถานทเ่ี ว้นระยะห่าง และลดความแออดั บริเวณรอตรวจ แนะนาผตู้ ดิ ตามน่ังรอด้านนอก
รูปภาพแสดง การเว้นระยะห่างขณะรอตรวจห้องตรวจครรภ์ และคาแนะนาการป้องกนั การติดเช้อื COVID-19
2.4 ลดระยะเวลาขณะรบั บริการของสตรตี ัง้ ครรภ์ และให้ช่องทางสตรตี ้ังครรภแ์ ละญาตใิ นการติดต่อ
หนว่ ยงานเพือ่ แจ้งข้อมลู การติดเช้อื ทีอ่ าจเกดิ
รูปภาพแสดง ช่องทางการติดต่อหน่วยงาน
2.5 จดั กจิ กรรมโรงเรยี นพ่อแม่ โดยเนน้ เร่อื งการจากัดจานวนผรู้ บั บริการ และเวน้ ระยะห่าง
ระหว่างบุคคล
2.6 ระบบการนัดหมายเปน็ ช่วงเวลาทชี่ ัดเจน
3. สตรีตงั้ ครรภ์ท่มี ีผลการติดเชื้อ COVID-19 จากภายนอกโรงพยาบาล สามารถเข้ารบั การดแู ลรักษาโดย
หอ้ งตรวจครรภ์หรือห้องคลอดมีหนา้ ทป่ี ระสานงานทมี ดแู ลรกั ษา เพ่ือวางแผนการดแู ล
87
ผลลพั ธ์การพฒั นางานห้องตรวจครรภ์
อตั ราสตรตี งั้ ครรภต์ ดิ เชอ้ื Covid-19 เขา้ ถงึ ระบบการดแู ลรกั ษา
102 100 100 100 100 100
100 96.55
98
96 พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.
94
92 อตั ราสตรีตงั ้ ครรภ์ติดเชือ้ Covid-19 เข้าถงึ ระบบการดแู ลรักษา
90 เกณฑ์
88 Linear (อตั ราสตรีตงั ้ ครรภ์ติดเชือ้ Covid-19 เข้าถงึ ระบบการดแู ลรักษา )
86
84
เม.ย.
อตั ราความพงึ พอใจของสตรตี ดิ เชอ้ื Covid-19 เขา้ รบั บรกิ าร
97 เขา้ รบั บริการ95 96
96
95 94 ก.ย.
94 93.5
93 92 92
92 พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค.
91 อตั ราความพงึ พอใจของสตรีติดเชือ้ Covid-19 เข้ารับบริการห้องคลอด
90
89
88
87
เม.ย.
เกณฑ์
Linear (อตั ราความพงึ พอใจของสตรีติดเชือ้ Covid-19 เข้ารับบริการห้องคลอด)
88
89
การพัฒนางานห้องคลอด คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช
วถิ ีใหมใ่ นการดูแลสตรีตง้ั ครรภ์ในหอ้ งคลอด (New normal in labor room)
สว่ นท่ี 1 การเตรยี มการดูแลสตรตี ้งั ครรภใ์ นหอ้ งคลอดแบบวถิ ีใหม่
1. บุคลากร (Personnel) : แพทย์ พยาบาล เจา้ หนา้ ที่
1.1 จดั ให้มกี ารตรวจคัดกรองบุคลากรทุกคนด้วยการวดั อุณหภูมิซกั ประวัติเสี่ยง รวมทง้ั อาการและ
อาการแสดงของการตดิ เชื้อต้ังแตเ่ ขา้ พืน้ ท่ีห้องคลอด หากตรวจพบเข้าเกณฑ์ PUI หรือติดเชอ้ื COVID-19
ให้การดแู ลรักษาตามแนวทางเวชปฏบิ ัตกิ รณโี รคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล
มาตรการป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 ในหอ้ งคลอด
รปู ภาพแสดง การคัดกรอง บุคลากรในหนว่ ยทุกระดับ และบุคคลภายนอก (ญาติ)
90
รูปภาพแสดง การเวน้ ระยะห่างระหว่างบคุ คล
1.2 บุคลากรทุกคนสวมใส่ Mask และลา้ งมือด้วยสบู่หรือเจล Alcohol ตัง้ แตจ่ ุดคัดกรอง
1.3 บคุ ลากรทุกคนสวมใส่ Mask และ/ หรอื Face shield ตามความเหมาะสมตลอดเวลาท่ี
ปฏิบตั ิงาน
1.4 บุคลากรทุกคนลา้ งมอื ดว้ ยสบหู่ รือเจล Alcohol ทกุ ครั้งก่อนและหลังสมั ผัสผปู้ ว่ ยตาม
5 moment
91
รปู ภาพแสดง บคุ ลากรทุกระดับเข้ารบั การอบรมการลา้ งมือระดบั หนว่ ยงาน
ทบทวนความร้แู ละฝึกทักษะการลา้ งมือตามหลัก 5 moment
1.5 การทาคลอดหรือทาหัตถการตา่ ง ๆ ในห้องคลอดกรณีสตรตี ้ังครรภท์ ว่ั ไป (ไมเ่ ขา้ ข่าย PUI
หรอื ติดเชอื้ COVID-19) ใหบ้ คุ ลากรสวมชดุ ปอ้ งกนั และหน้ากากอนามยั โดยใชห้ ลกั Universal Standard
Precaution
ด้านบคุ ลากร เตรยี มความพร้อมสมรรถนะบุคลากรในหนว่ ยงานทุกระดบั
รูปภาพแสดง การเตรียมความพรอ้ มสมรรถนะบคุ ลากรในหนว่ ยงานทุกระดับ
1.6 การทาคลอดสตรีตั้งครรภ์ท่ีเข้าเกณฑ์ PUI หรือติดเช้ือ COVID-19 ให้บุคลากรสวมใส่อุปกรณ์ชุด PPE
ตามคาแนะนาการใช้อุปกรณ์ส่วนบุคคลป้องกันการติดเชื้อ (Personal Protective Equipment, PPE)
ชนิด full PPE หรือ enhanced PPE ตามแต่ละชนดิ ของหตั ถการ โดยใชแ้ นวทางของคณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล
92
1.7 การผ่าตัดคลอดสตรีต้ังครรภ์กรณี emergency, urgency หรือ elective case ในผู้ป่วยทั่วไป
(non-COVID patient) ห รือ กร ณีเ ข้า เก ณฑ์ PUI ห รือ ติด เช้ื อ COVID-19 ใ ห้ป ฏิบั ติต าม ปร ะก า ศ
คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล
รปู ภาพแสดง การแต่งกายของบุคลากร ใช้อปุ กรณส์ ว่ นบุคคลปอ้ งกันการติดเชื้อ
(Personal Protective Equipment, PPE)
93
2. ผู้รบั บริการ (Patient) : สตรีต้ังครรภ์
2.1 สตรีตงั้ ครรภ์ท่ีเขา้ รบั บริการห้องคลอดทกุ ราย ได้รับการตรวจหาเช้ือ COVID-19 จดั ให้มี
การตรวจดว้ ยการ วดั อุณหภูมิ ซักประวตั เิ สี่ยง อาการและอาการแสดงของการตดิ เช้อื สตรีตง้ั ครรภ์
โดยใช้แบบคัดกรองตัง้ แตเ่ ขา้ พืน้ ทีห่ อ้ งคลอด
2.2 สตรตี งั้ ครรภท์ ่ียงั ไม่ทราบผลตรวจ COVID-19 และไมม่ คี วามจาเปน็ ให้การรักษาพยาบาลทันที
จดั ให้เข้าหอ้ งแยกทีห่ อผู้ปว่ ย Buffer เพอ่ื รอผลตรวจ COVID-19
2.3 สตรตี ั้งครรภท์ ่ยี งั ไม่ทราบผลตรวจ COVID-19 แตม่ คี วามจาเปน็ ใหก้ ารรักษาพยาบาลทนั ที จดั
ใหเ้ ข้าห้องแยกความดนั ลบ (Negative room) ที่ห้องคลอด
รูปภาพแสดง หอ้ งแยกความดันลบ (negative pressure room) ในหอ้ งคลอด
2.4 ให้สตรตี ้ังครรภส์ วมใส่ mask ตลอดเวลาท่ีอยู่ในห้องคลอด หลกี เล่ียงการพูดคุยใกล้ชิด
กับผูอ้ ืน่ ให้เว้นระยะหา่ งจากผอู้ ่ืนอยางน้อย 1-2 เมตร ลา้ งมือบ่อย ๆ และไมใ่ ชภ้ าชนะหรือสิ่งของ
รว่ มกับผูอ้ ืน่
2.5 แนะนาสตรตี ง้ั ครรภห์ ากมอี าการไอหรือจามให้ใช้กระดาษทิชชปู ิดปากและจมูก แล้วทิง้ กระดาษ
ทชิ ชนู นั้ ลงในถุงขยะและปดิ ปากถงุ ให้มดิ ชดิ จากน้ันน้าถุงขยะไปทิ้งในจุดท่ีกาหนดไว้ และทาความสะอาดมือ
ด้วยนาและสบู่หรอื เจล Alcohol ทนั ที
94
จัดทาบอรด์ ใหข้ อ้ มลู ข้นั ตอนการคดั กรอง COVID-19 (ไทยอังกฤษ พม่า)
คลิปเสียงประชาสมั พนั ธ์เผยแพร่ความรู้
QR Code คาบรรยายภาษาพม่าและ
คาบรรยายภาษาองั กฤษ
สอื่ ความรู้ดิจิทลั “การซกั ประวตั ิคัดกรอง PUI (ภาษาอังกฤษ-พม่า)” พร้อม QR Code เสียงบรรยาย
ภาษาอังกฤษและเสยี งบรรยายภาษาพม่า
95
3. การบรหิ ารจัดการโครงสรา้ งและระบบ (Structure and System)
3.1 จัดทางเดินเข้า-ออกห้องคลอดใหป้ ลอดภัยจากการติดเช้ือ
3.2 จดั ใหบ้ รเิ วณจุดคัดกรองมีท่ยี ืนหรอื เก้าอี้นั่งแบบเวน้ ระยะห่าง 1-2 เมตร
3.3 จดั สถานท่แี ละส่งิ แวดลอ้ มในห้องคลอดให้ปลอดภยั และลดการแพรก่ ระจายเชอ้ื
3.4 จดั เตียงผ้ปู ว่ ยในห้องคลอดใหห้ ่างกนั อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร
3.5 จัดอุปกรณข์ องใชส้ ่วนตัวแยกใหช้ ัดเจน ไม่ปะปนกนั อุปกรณใ์ ดท่ีจาเป็นต้องใชร้ ว่ มกันตอ้ งมีการ
เช็ดทาความสะอาดด้วยน้ายาฆา่ เช้อื ตามชนดิ ของอุปกรณ์น้ัน ๆ ทุกครง้ั ก่อนนาไปใช้กับผู้ป่วยรายต่อไป
3.6 จดั ใหม้ ีชดุ อปุ กรณ์ป้องกันการติดเช้อื (PPE) ทีเ่ หมาะสมกับงานและระดบั ของการติดเชอ้ื
คุณภาพได้มาตรฐานและมจี านวนเพียงพอสาหรบั บุคลากรทุกระดับ
3.7 จดั ให้มีเจา้ หน้าที่เช็ดทาความสะอาดด้วยนา้ ยาฆา่ เชอื้ ทันทที ม่ี ีการปนเปื้อน หรอื มีสารคัดหลั่ง
หยดลงพ้ืนและทา้ อย่างสม่าเสมอในทกุ จดุ ได้แก่ อุปกรณ์ต่าง ๆ เตียง ผา้ ม่าน ประตู หน้าตา่ ง ห้องน้า พน้ื
รวมทัง้ การจดั การขยะ
3.8 เม่ือบุคลากรเกิดความเส่ียงตอ่ การติดเชอ้ื COVID-19ให้ปฏบิ ตั ิตามแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการ
บริหารจดั การความเสย่ี ง ของคณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล
3.9 จดั เกา้ อสี้ าหรบั ญาตนิ ั่งรอหน้าหอ้ งคลอดโดยเวน้ ระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร โดยจากัด
จานวนคนให้มีปริมาณเหมาะสมกบั บริเวณพ้นื ที่ หรือให้แจง้ ชอ่ื นามสกุล และเบอร์โทรติดตอ่ ไวท้ ีเ่ จ้าหน้าท่หี ้อง
คลอดเพอ่ื ลดความแออัดบรเิ วณหนา้ ห้องคลอด
3.10 จดั ทาฉากกนั้ ระหวา่ งผู้คลอดกับผู้ทาคลอด เพื่อลดการแพรก่ ระจายเชื้อขณะเบ่งคลอด
รปู ภาพแสดง ฉากก้ันระหวา่ งผูค้ ลอดกบั ผู้ทาคลอด
96
3.11 จดั ให้มีระบบระบายอากาศในพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ าน เพื่อใหเ้ กิดความปลอดภัยต่อผู้รบั บริการและ
ผปู้ ฏิบตั งิ าน
3.12 จัดใหม้ ีระบบจัดการขยะและทาความสะอาดหอ้ งและอปุ กรณต์ ามมาตรฐาน IC ของ
โรงพยาบาล
4. การพัฒนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Development of information and
communication technology system)
4.1 พัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ โดยการนา
เคร่ืองมือมาใช้ติดตามผู้ป่วยในระหว่างเจ็บครรภ์คลอดเพ่ือลดการสัมผัสในกลุ่มเส่ียง เช่น การวัดสัญญาณชีพ
ของมารดา การติดตามการหดรดั ตัวของมดลูก การตดิ ตามการเต้นของหวั ใจทารกในครรภ์ เปน็ ตน้
4.2 นาเทคโนโลยีการสื่อสารทาง line application มาใช้ในการส่ือสารข้อมูลด้านสุขภาพเช่ือมโยง
ระหว่างหน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้องและทกุ ระดบั เพือ่ ส่งต่อข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกตอ้ งแม่นยา และช่วยใน
การติดตามดูแลสตรีต้ังครรภ์ได้อย่างต่อเน่ือง รวมทั้งเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างแพทย์และพยาบาลในกรณี
ตอ้ งการปรกึ ษาหรอื สง่ ตอ่ ผู้ป่วย
4.3 นาสื่อการสอนสาหรับบุคลากรคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เร่ืองวิธีปฏิบัติตัวในการป้องกัน
การติดเชื้อ COVID-19 เลือกชนิดชุด PPE ที่เหมาะสม รวมท้ังข้ันตอนการสวมใส่และถอดชุด PPE ที่ถูกต้อง
เหมาะสม ในรปู แบบเอกสาร VDO หรอื ผ่านทาง application ตา่ ง ๆ
4.4 จัดให้มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าท่ีกับสามีและญาติของสตรีตั้งครรภ์ เพ่ือให้
ทราบถึงความคืบหน้าของสตรีตั้งครรภ์ที่อยู่ในห้องคลอด โดยให้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์หรือผ่านทาง
application ตา่ ง ๆ เพ่ือลดความแออัดของสามแี ละญาติท่มี ารอคอยหนา้ หอ้ งคลอด
4.5 จัดทาระบบนดั หมาย ละเพม่ิ คาแนะนาลงในระบบ IT ของโรงพยาบาล