ก
ก
คำนำ
หน่วยการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ 3-4 รหัสวิชา ว30203-ว30204 นี้ เป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตร
จำเป็นต้องมกี ารออกแบบใหเ้ อือ้ ต่อการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรจู้ งึ จำเปน็ ต้องมีความรูท้ ่ีครบวงจรใน
เรอื่ งหนึ่งที่เกิดจากการบูรณการสาระต่างๆของกลุ่มสาระการเรียนรู้หนง่ึ ๆแล้ว จดั เป็นเร่ืองหรือหน่วยย่อย
ทุกองค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ต้องเช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้ เพราะในหน่วยการเรียนรู้
ประกอบด้วย
1. ผลการเรียนรู้
2. สาระการเรียนรู้
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5. ช้นิ งาน/ภาระงาน
6. การวดั และประเมนิ ผล
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
ดงั น้ัน การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ จึงเป็นขัน้ ตอนสำคญั ที่สดุ ในการจัดทำหลักสตู ร เพราะเป็นส่วนท่ี
จะนำมาตรฐานไปสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นการเรียนการสอนอย่างแท้จริง
ขจรศรี สุทธสงั ข์
ผู้จัดทำ
สารบญั ข
คำนำ หนา้
สารบญั
หน่วยการเรียนรรู้ ายวิชาฟสิ กิ ส์ 3 รหสั วิชา ว30203 ก
หน่วยท่ี 8 การเคล่ือนท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย ข
หน่วยที่ 9 คล่ืน
หนว่ ยท่ี 10 แสงเชิงคล่นื 1
หนว่ ยที่ 11 แสงเชิงรังสี 20
หน่วยการเรียนรรู้ ายวชิ าฟิสกิ ส์ 4 รหสั วิชา ว30204 41
หนว่ ยท่ี 12 แสงเชิงกายภาพ 61
หน่วยที่ 13 ไฟฟ้าสถิต
หนว่ ยท่ี 14 ไฟฟ้ากระแส 83
100
121
1
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8
การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย
เวลา 14 ชัว่ โมง
1. ผลการเรยี นรู้
เข้าใจการเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ธรรมชาตขิ องคลนื่ เสยี งและการได้ยนิ ปรากฏการณ์
ที่เก่ียวขอ้ งกับเสยี ง แสงและการเหน็ ปรากฏการณ์ทเี่ กีย่ วข้องกบั แสง รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
1) ทดลอง และอธิบายการเคลือ่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวตั ถตุ ิดปลายสปริงและลูกตมุ้
อยา่ งงา่ ย รวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง
2) อธิบายความถ่ธี รรมชาติของวัตถแุ ละการเกิดการสั่นพ้อง
2. สาระการเรียนรู้
2.1 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม
1) การเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายเปน็ การเคลื่อนทข่ี องวัตถทุ ก่ี ลับไปกลับมาซำ้ รอยเดิมผ่าน
ตำแหนง่ สมดุล โดยมีคาบและแอมพลิจูดคงตวั และมกี ารกระจัดจากตำแหน่งสมดลุ ท่ีเวลาใด ๆ
เปน็ ฟงั ก์ชนั แบบไซน์ โดยปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วข้อง มคี วามสัมพันธ์ตามสมการ
x = Asin( t + )
v = Acos(t + )
v = A2− x2
a= − A2sin( t + )
a= − 2x
2) การส่นั ของวตั ถตุ ิดปลายสปริง และการแกว่งของลกู ตมุ้ อย่างง่ายเปน็ การเคล่ือนที่แบบฮารม์ อนกิ
อยา่ งงา่ ยท่มี ีขนาดของความเร่งแปรผนั ตรงกบั ขนาดของการกระจดั จากตำแหน่งสมดลุ แตม่ ที ศิ
ทางตรงข้าม โดยมีคาบการสนั่ ของวัตถุท่ีติดอยูท่ ปี่ ลายสปริง และคาบการแกวง่ ของลกู ตุ้ม
ตามสมการ
T = 2 m เเละ T = 2 L ตามลาดับ
k g
3) เม่ือดงึ วัตถทุ ี่ติดปลายสปริงออกจากตำแหน่งสมดุลแลว้ ปล่อยให้สน่ั วัตถจุ ะสนั่ ดว้ ยความถี่
เฉพาะตวั การดงึ ลูกต้มุ ออกจากแนวดิง่ แล้วปลอ่ ยใหแ้ กว่ง ลูกตุ้มจะแกวง่ ด้วยความถเ่ี ฉพาะตัว
2
เช่นกัน ความถี่ที่มีคา่ เฉพาะตัวนี้ เรียกว่า ความถ่ีธรรมชาติ เม่อื กระตุน้ ให้วตั ถสุ ่นั ด้วยความถ่ที ่มี ีคา่
เท่ากับ ความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุ จะทำใหว้ ัตถสุ ่ันดว้ ยแอมพลิจูดเพิม่ ขน้ึ เรียกวา่ การส่นั พอ้ ง
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเคลือ่ นท่ขี องวัตถุทีม่ ลี กั ษณะแบบกลบั ไปกลับมาซ้ำเสน้ ทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนทีแ่ ตล่ ะรอบ
เท่าเดิม และมพี ลงั งานรวมของวตั ถคุ งตัว ณ ทุกตำแหนง่ ของการเคลอื่ นท่ี ซ่ึงการเคลือ่ นที่แบบนี้ เรียกวา่
การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยการเคล่ือนท่ีแบบน้ีจะมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการ
กระจัดจากตำแหน่งสมดุลทีเ่ วลาใด ๆ เปน็ ฟังก์ชันแบบไซน์
เม่ือพิจารณาสมการความเร่งของเงาวัตถุของที่เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ โดยใช้วิธีการทาง
คณติ ศาสตร์ จะเห็นได้วา่ เหมือนกบั สมการความเรง่ ของวัตถุทเี่ คล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย จึงสรุปได้
ว่า เงาของวัตถทุ เ่ี คล่อื นท่เี ปน็ วงกลมสมำ่ เสมอกำลงั เคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย
สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง
เช่นเดียวกับการเคลอ่ื นท่ีของมวลตดิ สปริงเบา จึงสรุปได้วา่ การแกวง่ ของลกู ตุ้มอยา่ งง่ายเป็นการเคลื่อนท่ี
แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย
การส่ันพ้องเป็นปรากฏการณ์ท่ีระบบกวัดแกว่งหนึ่ง ๆ ถูกกระทำโดยแรงขับเคลื่อนภายนอกที่มี
ความถ่ีเท่ากับความถี่ธรรมชาติของระบบ แล้วทำให้แอมพลิจูดในการกวดั แกว่งของระบบนั้น ๆ เพ่ิมมาก
ข้ึน โดยจะเรียกความถี่ของแรงขับเคลื่อนท่ีใช้กระตุ้นว่า ความถ่ีสั่นพ้อง โดยความถี่เฉพาะตัวของระบบ
หน่ึง ๆ จะเรยี กว่า ความถธี่ รรมชาติ
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
2) ทกั ษะการทดลอง
3) ทกั ษะการสงั เกต
4) ทักษะการส่ือสาร
5) ทักษะการทำงานร่วมกัน
6) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
3
5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- แผน่ พับ เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย
6. การวัดและการประเมินผล
รายการวดั วธิ ีวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2
6.1 การประเมินชน้ิ งาน/ - ตรวจแผน่ พับ เรื่อง
ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด) การเคล่ือนทแี่ บบ
ฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย
6.2 การประเมนิ ก่อนเรียน
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพจริง
กอ่ นเรียน หนว่ ยการ ก่อนเรียน หน่วยการ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8
เรียนรู้ที่ 8 เรียนรู้ที่ 8 การเคลอ่ื นท่ีแบบ
การเคลอื่ นทแ่ี บบ การเคลอ่ื นทแี่ บบ ฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย
ฮาร์มอนกิ อย่างง่าย ฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย
6.3 การประเมนิ ระหว่าง
การจดั กิจกรรม
1) การเคลื่อนที่แบบ - ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 - ใบงานที่ 1.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ของลูกตมุ้ อยา่ งง่าย - ประเมินการปฏบิ ตั ิ - แบบประเมนิ การปฏบิ ัติ - ระดบั คุณภาพ 2
ของวัตถุติดปลาย กจิ กรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
สปรงิ
2) เงาของวตั ถทุ ี่ - ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 - ใบงานท่ี 1.2.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เคล่ือนทเี่ ปน็ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วงกลมสมำ่ เสมอ
3) การแกว่งของ - ตรวจใบงานท่ี 1.3.1 - ใบงานท่ี 1.3.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ลกู ตุ้มนาฬิกา - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
อย่างง่าย - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ - ระดบั คณุ ภาพ 2
กิจกรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
4) การสัน่ พอ้ ง - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
4
5) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - ผลงานทนี่ ำเสนอ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ผลงาน - ระดับคณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
6) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล - ระดับคณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
7) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม การทำงานกล่มุ การทำงานกลมุ่
8) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน
อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั คุณลกั ษณะ
ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์
6.4 การประเมนิ หลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบ หลงั เรยี น หนว่ ยการ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 8
หลงั เรยี น หนว่ ยการ เรยี นร้ทู ่ี 8 การเคลอื่ นทีแ่ บบ
เรียนรู้ท่ี 8 การเคลอ่ื นที่แบบ ฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย
การเคลื่อนท่ี ฮาร์มอนกิ อย่างง่าย
แบบฮารม์ อนกิ
อยา่ งง่าย
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
• แผนท่ี 1 : การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวัตถตุ ดิ ปลายสปรงิ เวลา 6 ช่วั โมง
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 2 : เงาของวตั ถทุ ีเ่ คล่อื นท่ีเป็นวงกลมสมำ่ เสมอ เวลา 2 ชัว่ โมง
วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 3 : การแกวง่ ของลูกตุม้ นาฬกิ าอย่างง่าย เวลา 4 ชั่วโมง
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 4 : การสนั่ พ้อง เวลา 2 ชั่วโมง
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
(รวมเวลา 14 ช่ัวโมง)
5
8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน รายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1
การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เลม่ 3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
การเคล่อื นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย
3) ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง ระบบมวล-สปริงเบา
4) ใบงานท่ี 1.2.1 เรื่อง เงาของวัตถุทเี่ คลือ่ นทเี่ ป็นวงกลมสม่ำเสมอ
5) ใบงานท่ี 1.3.1 เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของลูกตุ้มอย่างงา่ ย
6) วัสดุ-อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการทำกจิ กรรมการเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของวัตถทุ ่ตี ดิ ปลายสปรงิ
7) วัสดุ-อุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการทำกิจกรรมการแกว่งของลูกตมุ้ อย่างง่าย
8) อปุ กรณส์ าธติ การทดลอง เช่น ลกู กลมเหลก็ เชือก
9) PowerPoint เรอื่ ง ปริมาณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วกบั การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย
10) PowerPoint เร่ือง เงาของวตั ถุทเ่ี คลอื่ นทเ่ี ปน็ วงกลมสมำ่ เสมอ
11) PowerPoint เร่ือง การแกว่งของลกู ตุ้มนาฬกิ าอยา่ งงา่ ย
12) PowerPoint เรอื่ ง การส่นั พ้อง
13) วดี ิทัศน์เก่ียวกบั เครอื่ งเคาะจังหวะ (Metronome)
จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY
14) วดี ิทัศนเ์ กยี่ วกับการเคลือ่ นท่ขี องชิงชา้ สวรรค์
จาก https://www.youtube.com/watch?v=ZRkGg3IWUpk
15) QR code เรื่อง ลูกตมุ้ อยา่ งง่าย
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) อินเทอรเ์ น็ต
6
แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1
คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับอนุภาคหนึ่งที่ 6. สปริงมวลเบายาว 10 เซนติเมตร และมีค่าคงตัวของ
เคล่อื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย สปริงเป็น 100 นิวตันต่อเมตร ถ้าสปริงถูกดึงให้ยืดออก
1. ตำแหนง่ สมดุลจะมีอัตราเร็วต่ำสุด จนมีความยาวเป็น 11 เซนติเมตร จงหาแรงดึงกลับของ
2. ตำแหน่งสมดุลจะมอี ัตราเรง่ สงู สดุ สปริง
3. ตำแหนง่ สมดลุ จะมีอัตราเรว็ สูงสดุ 1. –0.1 นวิ ตนั 2. 0.1 นิวตนั
4. ตำแหนง่ ปลายสดุ จะมีอตั ราเร่งต่ำสุด 3. –1 นิวตัน 4. 1 นิวตนั
5. ความเรว็ จะมที ิศชีเ้ ขา้ สตู่ ำแหน่งสมดุลเสมอ 5. 10 นวิ ตนั
2. การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายเป็น 7. ที่ตำแหน่งปลายสุดของการกวัดแกว่ง การกระจัดของ
อยา่ งไร วัตถุจะมีขนาดสูงสุด การกระจัดสูงสุดนี้เรียกว่าอะไร
1. เคลือ่ นท่ีวนไปมา 1. สมดลุ 2. อนพุ นั ธ์
2. เคล่ือนที่ในแนวด่ิง 3. ฟังก์ชนั 4. แอมพลิจูด
3. เคลือ่ นท่ีในแนวราบ 5. ฮาร์มอนิก
4. เคล่ือนท่ีแบบไร้ทศิ ทาง 8. ถ้าต้องการให้ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งเร็วขึ้น จะต้องทำ
5. เคลื่อนทก่ี ลับไปมาซ้ำทางเดมิ อย่างไร
3. ข้อใดไม่ใช่การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 1. ลดความยาวเชอื ก 2. เพ่มิ ความยาวเชือก
1. การแกว่งของชงิ ช้า 3. เปล่ียนเปน็ เชอื กชนดิ อ่ืน 4. ลดมวลของลูกตุ้ม
2. การแกว่งของลกู ตุม้ นาฬิกา นาฬิกา
3. การเคลอ่ื นท่ีของกระสุนปนื ใหญ่ 5. เพิ่มมวลของลกู ต้มุ นาฬกิ า
4. การแกวง่ ของเรอื ไวกิง้ ในสวนสนุก 9. ปรากฏการณ์การสนั่ พอ้ งเกิดขนึ้ เมื่อใด
5. การเคล่ือนท่ขี องวตั ถุตดิ ปลายสปรงิ 1. เกิดขึ้นเมือ่ วตั ถุแกวง่ กลบั ไปมา
4. แรงดึงกลับของสปรงิ คือแรงอะไร 2. เกิดขน้ึ เมอื่ วัตถแุ กว่งไปมาไดก้ ารกระจดั สูงสุด
1. แรงทใี่ ช้ในการหมุนสปรงิ 3. เกดิ ขน้ึ เมื่อวตั ถุถูกทำให้ส่ันเท่ากบั ความถ่ีธรรมชาติ
2. แรงท่ีพยายามดงึ สปริงใหย้ ดื ออก ของวัตถุ
3. แรงท่ีพยายามกดสปริงให้หดสนั้ ลง 4. เกดิ ข้ึนเม่ือวตั ถถุ กู ทำให้สั่นมากกวา่ ความถีธ่ รรมชาติ
4. แรงท่ีพยายามดึงสปรงิ กลับไปส่คู วามยาว ของวตั ถุ
เดิม 5. เกิดขนึ้ เมอ่ื วตั ถถุ กู ทำให้สน่ั นอ้ ยกวา่ ความถีธ่ รรมชาติ
5. แรงท่ใี ชบ้ ดิ สปริงใหก้ ลบั ไปอยู่ในรูปทรงเดมิ ของวตั ถุ
เฉลย 1. 3 2. 5 3. 3 4. 4 5. 1 6. 3 7. 4 8. 1 9. 3 10. 3
7
5. กฎท่ีกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างแรงดึงกลับ 10. ขอ้ ใดเป็นผลจากปรากฏการณก์ ารสัน่ พอ้ ง
1. ลกู ตมุ้ นาฬกิ าหลุดออกจากเชอื ก
ของสปริงกับระยะยืดหดของสปริงคือกฎในข้อ 2. ระฆงั สง่ เสยี งดงั กงั วานเม่อื ถูกเคาะ
3. กระจกท่อี ยู่ในบริเวณทม่ี เี สยี งดังแตก
ใด 4. พ้ืนถนนบริเวณทร่ี ถบรรทกุ วิ่งผ่านส่นั
5. แผน่ ดนิ ไหวเนื่องจากเปลอื กโลกเคล่อื นท่ี
1. กฎของฮุก 2. กฎของเคน
3. กฎของเชอ 4. กฎของนิวตนั
5. กฎของสปริงเคิล
8
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดเป็นการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย 5. แรงดึงกลับของสปริงคอื แรงอะไร
1. รถเล้ยี วโค้งในถนนโคง้ 1. แรงท่ใี ชใ้ นการหมนุ สปริง
2. การหมนุ ของใบพัดลม 2. แรงทพ่ี ยายามดงึ สปริงให้ยืดออก
3. การแกวง่ ของลกู ตุม้ นาฬิกา 3. แรงที่พยายามกดสปริงให้หดสนั้ ลง
4. ลูกบอลที่เตะลอยไปในอากาศ 4. แรงทพ่ี ยายามดึงสปริงไปสูค่ วามยาวเดิม
5. การเคล่ือนท่ีของกระสุนปนื ใหญ่ 5. แรงที่ใชบ้ ดิ สปรงิ ให้กลับไปอยู่ในรปู ทรงเดมิ
2. ท่ตี ำแหน่งสมดุลของวตั ถทุ ่ีเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อ 6. การสน่ั พ้องเกิดข้ึนเม่ือใด
นกิ 1. เกดิ ขึ้นเมื่อวัตถุแกวง่ กลับไปมา
อย่างงา่ ย ขนาดของความเร่งคือขอ้ ใด 2. เกิดขึน้ เม่ือวัตถุแกวง่ ไปมาไดก้ ารกระจัดสูงสดุ
1. ขนาดความเร่งจะแปรผนั ตรงกบั อัตราเรว็ 3. เกิดขน้ึ เมื่อวัตถุถกู ทำให้ส่ันเท่ากับความถี่ธรรมชาติ
2. ขนาดความเรง่ จะแปรผกผันกับอตั ราเร็ว ของวัตถุ
3. ขนาดความเร่งจะมคี า่ สูงสุด 4. เกดิ ขึน้ เม่ือวตั ถุถกู ทำให้สน่ั มากกวา่ ความถธี่ รรมชาติ
4. ขนาดความเรง่ จะมีคา่ ต่ำสดุ ของวตั ถุ
5. ขนาดความเร่งจะมีค่าเป็นศูนย์ 5. เกิดข้นึ เมื่อวัตถถุ ูกทำให้สั่นนอ้ ยกวา่ ความถธ่ี รรมชาติ
3. การเคล่ือนท่ีกลับไปมาซ้ำทางเดิมเป็นการ ของวัตถุ
เคลอื่ นที่อย่างไร 7. สปริงมวลเบายาว 20 เซนติเมตร และมีค่าคงตัวของ
1. การเคล่ือนท่ีแนวดิง่ สปรงิ เป็น 200 นิวตันต่อเมตร ถ้าสปริงถูกดึงให้ยืดออก
2. การเคลอ่ื นทแี่ นวตรง จนมีความยาวเป็น 15 เซนติเมตร จงหาแรงดึงกลบั ของ
3. การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม สปริง
4. การเคลอื่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ 1. –0.10 นวิ ตนั 2. 0.10 นวิ ตนั
5. การเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย 3. –10 นวิ ตัน 4. 10 นวิ ตัน
4. ขอ้ ใดเปน็ ผลจากปรากฏการณก์ ารส่นั พ้อง 5. 20 นิวตนั
1. ลกู ตมุ้ นาฬิกาหลุดออกจากเชอื ก 8. ท่ีตำแหน่งปลายสุดของการกวัดแกว่ง การกระจัดของ
2. การปรับช่องวิทยใุ หต้ รงกบั ความถ่ี วัตถุจะมีขนาดสูงสุด การกระจัดสูงสุดน้ีเรียกว่าอะไร
3. ระฆังส่งเสียงดังกงั วานเม่ือถูกเคาะ 1. สมดลุ 2. อนุพันธ์
4. พนื้ ถนนบริเวณทีร่ ถบรรทุกวิ่งผา่ นสน่ั 3. ฟงั กช์ นั 4. แอมพลจิ ดู
5. แผ่นดินไหวเนอ่ื งจากเปลอื กโลกเคล่ือนท่ี 5. ฮาร์มอนกิ
เฉลย 1. 3 2. 5 3. 5 4. 2 5. 4 6. 3 7. 3 8. 4 9. 1 10. 2
9
9. กฎที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงดงึ กลับของสปริง
กบั ระยะยดื หดของสปรงิ คือกฎในข้อใด
1. กฎของฮุค 2. กฎของเคน
3. กฎของเชอ 4. กฎของนวิ ตนั
5. กฎของสปริงเคิล
10. ถ้าต้องการให้ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งช้าลง จะต้องทำ
อย่างไร
1. ลดความยาวเชอื ก
2. เพ่มิ ความยาวเชอื ก
3. เปล่ยี นเป็นเชอื กชนิดอ่นื
4. ลดมวลของลกู ตุ้มนาฬิกา
5. เพม่ิ มวลของลูกตมุ้ นาฬกิ า
10
แบบประเมินผลงานแผ่นพับ
คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนกั เรียนตามรายการทก่ี ำหนด แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ตี รงกับ
ระดับคะแนน
ลำดบั รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี 4 3 21
1 ความสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์ท่ี
กำหนด
2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
3 ความคดิ สร้างสรรค์
4 ความเปน็ ระเบียบ
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............../................./................
11
เกณฑ์ประเมินแผน่ พับ
ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32
1. ผลงานตรงกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง
จุดประสงคท์ ี่ จดุ ประสงค์ทุก จดุ ประสงค์เป็นส่วน จุดประสงคบ์ าง กับจุดประสงค์
กำหนด ประเด็น ใหญ่ ประเดน็
2. ผลงานมีความ เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ
ถูกตอ้ งของ ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถกู ต้องเป็น ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ต้องเป็น
เนอื้ หา ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเดน็ ส่วนใหญ่
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมแ่ สดง
สร้างสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ แปลกใหม่แตย่ ังไม่ นา่ สนใจ แตย่ ังไม่มี แนวคิดใหม่
แปลกใหมแ่ ละเป็น เป็นระบบ แนวคดิ แปลกใหม่
ระบบ
4. ผลงานมีความ ผลงานมีความเป็น ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญไ่ ม่
เป็น ระเบยี บ ระเบยี บแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแต่มี เป็นระเบยี บและมีข้อ
ความประณีต ยังมี ขอ้ บกพร่องบางสว่ น บกพร่องมาก
ขอ้ บกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
51-60 ดมี าก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ
12
แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แผนฯ ท่ี 1 และ 3
คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของนกั เรยี นตามรายการทีก่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รง
กบั ระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32
1 การปฏบิ ัตกิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคลว่ ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม
3 การบันทึก สรุปและนำเสนอผลการทำกิจกรรม
รวม
ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน
................./................../..................
13
เกณฑ์การประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
ประเด็นที่ ระดับคะแนน
ประเมิน
1. การปฏบิ ัติ 4 32 1
กิจกรรม ทำกจิ กรรมตาม ตอ้ งใหค้ วาม
ขั้นตอน และใช้ ทำกจิ กรรมตาม ต้องให้ความ ชว่ ยเหลืออยา่ งมาก
2. ความ อปุ กรณไ์ ดอ้ ย่าง ในการทำกิจกรรม
คล่องแคลว่ ถูกต้อง ข้ันตอน และใช้ ชว่ ยเหลอื บ้างในการ และการใชอ้ ุปกรณ์
ในขณะ
ปฏบิ ตั ิ มคี วามคลอ่ งแคลว่ อุปกรณ์ไดอ้ ย่าง ทำกิจกรรม และการ ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่
กิจกรรม ในขณะทำกจิ กรรม ทนั เวลา และทำ
โดยไม่ต้องได้รับคำ ถูกตอ้ ง แตอ่ าจต้อง ใช้อุปกรณ์ อปุ กรณเ์ สียหาย
3. การบนั ทึก ช้แี นะ และทำ
สรปุ และ กจิ กรรมเสรจ็ ได้รบั คำแนะนำบ้าง ต้องใหค้ วาม
นำเสนอผล ทนั เวลา ชว่ ยเหลืออยา่ งมาก
การปฏิบตั ิ บันทึกและสรปุ ผล มคี วามคล่องแคลว่ ขาดความ ในการบนั ทกึ สรปุ
กจิ กรรม การทำกิจกรรมได้ และนำเสนอผลการ
ถกู ตอ้ ง รัดกุม ในขณะทำกิจกรรม คลอ่ งแคล่วในขณะ ทำกิจกรรม
นำเสนอผลการทำ
กจิ กรรมเป็นข้นั ตอน แตต่ ้องไดร้ ับ ทำกิจกรรมจงึ ทำ
ชัดเจน
คำแนะนำบา้ ง และ กิจกรรมเสร็จไม่
ทำกิจกรรมเสร็จ ทันเวลา
ทันเวลา
บนั ทึกและสรปุ ผล ต้องให้คำแนะนำใน
การทำกิจกรรมได้ การบนั ทกึ สรุป และ
ถกู ต้อง แตก่ าร นำเสนอผลการทำ
นำเสนอผลการทำ กิจกรรม
กจิ กรรมยงั ไม่เป็น
ข้ันตอน
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรับปรุง
14
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา
2 ความคิดสร้างสรรค์
3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใช้ประโยชน์
5 การตรงตอ่ เวลา
รวม
ลงชอื่ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
............/................./...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ
15
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน
3 การทำงานตามหนา้ ทที่ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
4 ความมนี ำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
16
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
การมี
ลำดับที่ ช่อื –สกลุ การแสดง การ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ ม รวม
ของนกั เรียน ความ ยอมรับฟัง ตามท่ี น้ำใจ ในการ 15
คดิ เห็น ได้รับ ปรับปรงุ คะแนน
คนอน่ื ผลงาน
มอบหมาย กลุม่
321321321321321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
17
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
18
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 321
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้
กษัตรยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมท่ีสร้างความสามคั คีปรองดอง และเป็น
ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น
1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถอื ปฏิบัติตามหลกั
ศาสนา
1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามที่
โรงเรียนจดั ข้นึ
2. ซ่อื สัตย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมูลที่ถูกต้องและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งทีถ่ กู ตอ้ ง
3. มวี นิ ยั 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ
รับผิดชอบ ครอบครวั มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง
ๆ ในชวี ติ ประจำวนั
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้
4.2 ร้จู กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชื่อฟงั คำส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้
4.4 ตัง้ ใจเรียน
5. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั
5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ ค่า
5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ
6. มุ่งมั่นในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั
ทำงาน มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพอ่ื ให้งานสำเรจ็
7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รูจ้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน
19
8.2 รจู้ ักการดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัติและส่ิงแวดล้อมของ
หอ้ งเรยี นและโรงเรียน
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ .................................................. ผูป้ ระเมิน
พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมท่ีปฏิบัตบิ างคร้ัง ............/.................../................
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
51–60 ดีมาก
41–50 ดี
30–40 พอใช้
ตำ่ กวา่ 30 ปรับปรงุ
20
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 9
คลืน่
เวลา 24 ช่วั โมง
1. ผลการเรยี นรู้
เข้าใจการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย ธรรมชาตขิ องคล่ืน เสียงและการได้ยนิ ปรากฏการณ์
ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับเสยี ง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ที่เกยี่ วข้องกบั แสง รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
1) อธิบายปรากฏการณ์คลื่น ชนดิ ของคลื่น ส่วนประกอบของคล่ืน การแผข่ องหนา้ คลืน่ ด้วยหลกั การ
ของฮอยเกนส์ และการรวมกันของคล่ืนตามหลกั การซอ้ นทบั พรอ้ มทง้ั คำนวณอัตราเร็ว ความถ่ี
และความยาวคลนื่
2) สงั เกต และอธิบายการสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้ำ รวมท้ัง
คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม
1) คลน่ื เปน็ ปรากฏการณ์การถา่ ยโอนพลงั งานจากที่หนึ่งไปอีกท่ีหนึง่
2) คล่ืนท่ีถ่ายโอนพลังงานโดยต้องอาศัยตวั กลาง เรยี กวา่ คลืน่ กล ส่วนคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าถา่ ยโอน
พลังงานโดยไมต่ ้องอาศัยตัวกลาง นอกจากน้ียงั จำแนกชนิดของคลื่นออกเป็นสองชนดิ ไดแ้ ก่
คลื่นตามขวาง และคลื่นตามยาว
3) คลน่ื ที่เกดิ จากแหลง่ กำเนิดคลน่ื ท่ีสง่ คลื่นอยา่ งต่อเนือ่ งและมรี ปู แบบท่ซี ้ำกันบรรยายไดด้ ว้ ย
การกระจัด สันคลน่ื ทอ้ งคลน่ื เฟส ความยาวคลืน่ ความถ่ี คาบ แอมพลจิ ูด และอตั ราเรว็
โดยอัตราเรว็ ความถี่ และความยาวคลนื่ มีความสัมพันธ์ตามสมการ v = f
4) การแผ่ของหน้าคลืน่ เปน็ ไปตามหลกั ของฮอยเกนส์ และถา้ มีคลน่ื ตัง้ แตส่ องขบวนมาพบกนั จะ
รวมกนั ตามหลกั การซ้อนทบั
5) คลื่นมีการสะทอ้ น การหกั เห การแทรกสอด และการเลย้ี วเบน
6) คลน่ื เกิดการสะทอ้ นเม่ือคลน่ื เคลอ่ื นทไ่ี ปถึงสิ่งกีดขวางหรอื รอยตอ่ ระหวา่ งตวั กลางท่ตี า่ งกันแล้ว
เปล่ยี นทิศทางเคล่ือนที่กลบั มาในตัวกลางเดิม โดยเป็นไปตามกฎการสะทอ้ น เขยี นแทนไดด้ ว้ ย
สมการ มุมสะทอ้ น = มุมตกกระทบ
7) คลน่ื เกิดการหักเหเมอ่ื คลน่ื เคลือ่ นทีผ่ ่านรอยตอ่ ระหว่างตัวกลางที่ตา่ งกนั แลว้ อัตราเร็วคล่ืน
เปลี่ยนไปซึง่ เปน็ ไปตามกฎการหักเห เขียนแทนไดด้ ้วยสมการ
21
sin1 = v1
sin2 v2
8) คลน่ื เกดิ การแทรกสอดเม่อื คลืน่ สองคล่ืนเคลือ่ นที่มาพบกันแลว้ รวมกนั ตามหลกั การซ้อนทบั
โดยกรณีที่ S1 และ S2 เปน็ แหล่งกำเนดิ คล่นื ที่มีความถี่เท่ากันและเฟสตรงกัน ปริมาณต่าง ๆ
ท่ีเกย่ี วขอ้ งมคี วามสัมพนั ธ์ตามสมการ
S1Q − S2Q = n เม่ือ n = 0, 1, 2, 3, …
S1Q − S2Q = n − 1 เม่ือ n = 1, 2, 3, …
2
9) คลืน่ น่ิงเกดิ จากคลืน่ อาพนั ธส์ องขบวนแทรกสอดกนั แลว้ เกดิ ตำแหนง่ ท่ีมีการแทรกสอดแบบเสรมิ
ตลอดเวลา เรียกว่า ปฏบิ พั และตำแหน่งที่มีการแทรกสอดแบบหกั ลา้ งตลอดเวลา เรยี กว่า บพั
10) คล่นื เกดิ การเลยี้ วเบนเมื่อคล่นื เคล่ือนท่พี บส่ิงกดี ขวางแลว้ มีคล่ืนแผ่จากขอบสง่ิ กีดขวางไป
ด้านหลังได้
3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
คลื่นเป็นปรากฏการณ์การถ่ายโอนพลังงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยคลื่นมีเกณฑ์การจำแนก ดังน้ี
ตวั กลางท่ีใช้ในการถ่ายโอนพลังงาน การส่ันของอนุภาคของตัวกลาง ลักษณะการเกิดคล่ืน และมิติการแผ่
ไปของคลื่น ส่วนรูปร่างของคล่ืนจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการรบกวน และส่วนประกอบของคล่ืน คือ
สันคลนื่ ความยาวคลนื่ ท้องคลืน่ แอมพลิจดู คาบ ความถ่ี และเฟส
คลื่นผิวน้ำเกิดข้ึนเม่ือผิวน้ำถกู รบกวน ทำให้เกิดการถ่ายโอนพลังงานผ่านอนุภาคน้ำ โดยท่ีอนุภาคน้ำ
ไม่ได้เคลื่อนที่ไปพร้อมกับคลื่น แต่จะส่ันขึ้นลงในทิศต้ังฉากกบั ทศิ การเคล่ือนทข่ี องคลืน่ เม่ือผิวน้ำกระเพื่อม
ขึ้นลงครบหน่ึงรอบหรอื เวลาผ่านไปกับหน่ึงคาบ คล่ืนผิวน้ำจะเคลื่อนทีผ่ ่านไปได้หนึง่ ลกู คล่ืน โดยอัตราเร็ว
ของคลื่นผิวนำ้ จะสัมพันธ์กับความถี่และความยาวคลื่น
คล่ืนในเส้นเชือกเป็นคลื่นตามขวางชนิดหนึ่ง เกิดจากการสั่นของอนุภาคของตัวกลางในลักษณะของ
การกวัดแกว่ง ส่วนหลกั ของฮอยเกนส์ กล่าวถงึ การแผ่ของหนา้ คลน่ื และถ้ามีคลืน่ ต้ังแต่สองขบวนมาพบกัน
จะรวมกันตามหลกั การซอ้ นทบั
คลื่นเกิดการสะท้อนเม่ือคลื่นเคล่ือนท่ีไปกระทบส่ิงกีดขวางแล้วเคล่ือนที่กลับสู่ตัวกลางเดิม โดยไม่
เคล่ือนที่ผ่านสง่ิ กีดขวางนนั้ ไป ซงึ่ จะเป็นไปตามกฎการสะทอ้ นท่ีว่า มุมตกกระทบเทา่ กับมุมสะทอ้ น
คลื่นเกิดการหักเหเม่ือคล่ืนเคลื่อนท่ีผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลาง 2 ชนิด แล้วคลื่นมีการเปล่ียนแปลง
ความเร็วและความยาวคลื่น ซึ่งจะเป็นไปตามกฎการหักเห หรือกฎของสเนลล์ (Snell’s law) ท่ีว่า
อัตราสว่ นระหว่างค่าไซน์ของมมุ ตกกระทบกบั ค่าไซน์ของมุมหกั เหมคี ่าคงที่
22
เมอื่ คลนื่ เคลือ่ นทผี่ ่านมุมหรือขอบของสงิ่ กีดขวาง ส่วนของคล่ืนบริเวณใกล้มมุ ของส่ิงกดี ขวางจะเบนทิศ
ทางการเคล่ือนท่ีอ้อมผ่านมุมของสิ่งกีดขวางไปปรากฏอยู่ด้านหลังของสิ่งกีดขวาง เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า
การเลยี้ วเบนของคล่นื
คลื่นเกิดการแทรกสอดเม่ือคลืน่ อาพันธ์ 2 ขบวน เคลื่อนทม่ี าซ้อนทับกันและเกิดการรวมกันแบบเสริม
และแบบหักล้าง ซ่ึงการแทรกสอดแบบเสริมกันเกิดข้ึนเมื่อสันคลื่นซ้อนทับกับสันคล่ืน หรือท้องคลื่น
ซอ้ นทับกบั ทอ้ งคลื่น และการแทรกสอดแบบหกั ล้างกันเกิดขนึ้ เมอื่ สนั คลน่ื ซ้อนทับกับท้องคลื่น
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 3. ซ่ือสตั ย์ สุจริต
2) ทักษะการสังเกต 4. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
3) ทักษะการทดลอง
4) ทกั ษะการสอ่ื สาร
5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน
6) ทกั ษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- วดี ีโอ เรอื่ ง ธรรมชาตขิ องคล่ืน, อตั ราเร็วของคล่ืน, หลกั การทเี่ กย่ี วกบั คลน่ื , พฤติกรรมของคลืน่
6. การวดั และการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมนิ
- ระดับคณุ ภาพ 2
รายการวัด วิธีวดั เครื่องมอื
6.1 การประเมินชน้ิ งาน/ - ตรวจวีดโี อ เรอ่ื ง - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ ผา่ นเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด) ธรรมชาตขิ องคล่นื , ภาระงาน (รวบยอด)
อตั ราเรว็ ของคล่ืน,
หลักการทเ่ี กย่ี วกบั
คลนื่ , พฤตกิ รรมของ
คล่ืน
23
รายการวัด วธิ วี ัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
6.2 การประเมินก่อนเรียน
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจริง
กอ่ นเรียน หน่วยการ กอ่ นเรยี น หนว่ ยการ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 9
เรยี นรู้ที่ 9 คลน่ื เรยี นรทู้ ี่ 9 คล่นื คล่นื
6.3 การประเมนิ ระหว่าง
การจดั กิจกรรม
1) การถา่ ยโอน - ตรวจใบงานที่ 2.1.1 - ใบงานท่ี 2.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
พลังงานของคล่ืน - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) คล่นื ผิวนำ้ - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1 - ใบงานที่ 2.2.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
3) คล่นื ในเสน้ เชอื ก - ตรวจใบงานท่ี 2.3.1 - ใบงานที่ 2.3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
และการซ้อนทบั - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ของคล่ืน
4) การสะท้อน - ตรวจใบงานที่ 2.4.1 - ใบงานที่ 2.4.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ประเมนิ การปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดับคณุ ภาพ 2
กจิ กรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
5) การหักเห - ตรวจใบงานที่ 2.5.1 - ใบงานที่ 2.5.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ประเมินการปฏบิ ตั ิ - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2
กิจกรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
6) การเล้ยี วเบน - ตรวจใบงานท่ี 2.6.1 - ใบงานที่ 2.6.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ประเมินการปฏบิ ัติ - แบบประเมินการปฏิบัติ - ระดบั คุณภาพ 2
กจิ กรรม กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
7) การแทรกสอด - ตรวจใบงานท่ี 2.7.1 - ใบงานที่ 2.7.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ประเมนิ การปฏิบตั ิ - แบบประเมินการปฏบิ ัติ - ระดบั คุณภาพ 2
กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
8) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - ผลงานทนี่ ำเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
24
รายการวดั วิธีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
- ระดับคุณภาพ 2
9) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์
- ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
- ระดบั คณุ ภาพ 2
10) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
11) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมิน
อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น คณุ ลกั ษณะ
ในการทำงาน อนั พึงประสงค์
6.4 การประเมินหลังเรยี น
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน
หลงั เรียน หน่วยการ หลังเรยี น หน่วยการ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 9
เรยี นรู้ท่ี 9 คลน่ื เรียนรู้ท่ี 9 คลน่ื คล่นื
7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 3 ชว่ั โมง
เว ล า 2
• แผนท่ี 1 : การถ่ายโอนพลังงานของคลื่น
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ชว่ั โมง
เวลา 3 ช่ัวโมง
• แผนท่ี 2 : คล่นื ผวิ นำ้ เวลา 4 ชั่วโมง
ชั่วโมง
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เว ล า 5
• แผนท่ี 3 : คลนื่ ในเสน้ เชือกและการซอ้ นทับของคลน่ื เวลา 4 ช่วั โมง
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) (รวมเวลา 24 ชั่วโมง)
• แผนท่ี 4 : สมบตั ิของคลื่น (การสะทอ้ น)
วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 5 : สมบัติของคลน่ื (การหักเห)
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 6 : สมบตั ิของคลน่ื (การเลย้ี วเบน)
ชว่ั โมง
วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 7 : สมบตั ขิ องคลน่ื (การแทรกสอด)
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
25
8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 คล่ืน
2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เล่ม 3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 คลน่ื
3) ใบงานท่ี 2.1.1 เรอ่ื ง เฟสคล่ืน
4) ใบงานที่ 2.2.1 เรอ่ื ง อัตราเร็วของคลืน่
5) ใบงานที่ 2.3.1 เร่ือง การซ้อนทบั ของคล่ืน
6) ใบงานที่ 2.4.1 เรอื่ ง การสะทอ้ น
7) ใบงานท่ี 2.5.1 เร่ือง การหกั เห
8) ใบงานที่ 2.6.1 เรอื่ ง การเลยี้ วเบน
9) ใบงานท่ี 2.7.1 เร่อื ง การแทรกสอด
10) วัสดุ-อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการทำกิจกรรมการสะทอ้ นของคลื่นผิวนำ้
11) วัสดุ-อปุ กรณ์ที่ใช้ในการทำกจิ กรรมการหกั เหของคล่ืน
12) วัสดุ-อุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นการทำกจิ กรรมการเล้ยี วเบนของคลืน่
13) วัสดุ-อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการทำกจิ กรรมการแทรกสอดของคลืน่
14) อปุ กรณ์สาธติ การทดลอง เชน่ ถาดคลนื่ หลอดหยด และกระดาษตัดเปน็ ช้ินเล็ก ๆ
15) อุปกรณส์ าธิตการทดลอง เช่น เชอื ก
16) อปุ กรณ์สาธติ การทดลอง เช่น ลวดสปรงิ
17) PowerPoint เรื่อง ชนดิ ของคล่นื รปู ร่างและสว่ นประกอบของคล่ืน
18) PowerPoint เรอ่ื ง คล่ืนผวิ น้ำ
19) PowerPoint เรื่อง คลืน่ ในเส้นเชอื กและการซ้อนทบั ของคล่นื
20) PowerPoint เรอ่ื ง การสะทอ้ น
21) PowerPoint เรื่อง การหักเห
22) PowerPoint เรอ่ื ง การเล้ยี วเบน
23) PowerPoint เรอ่ื ง การแทรกสอด
24) รปู ภาพคริสเตยี น ฮอยเกนส์ (Christian Huygens)
25) วีดทิ ศั น์เกี่ยวกบั การหักเหของคลื่น
จาก https://www.youtube.com/watch?v=IV-XaMZ05U8
26) วีดิทศั นเ์ ก่ยี วกับการเล้ียวเบนของคล่ืน
จาก https://www.youtube.com/watch?v=GUNz4nVCAA4
26
27) วีดิทัศน์เกีย่ วกบั การการแทรกสอดของคลืน่
จาก https://www.youtube.com/watch?v=PCYv0_qPk-4
28) QR code เรือ่ ง การสะทอ้ นของคล่นื
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอร์เน็ต
27
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2
คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. คล่ืนชนิดใดไมอ่ าศัยตวั กลางในการเคลอ่ื นท่ี 5. หลักการใดใช้ในการหาหน้าคลื่นใหม่ของหน้าคล่ืน
1. คลื่นแสง วงกลมและหน้าคลืน่ เส้นตรง
2. คล่นื เสียง 1. หลักของชารล์ 2. หลกั ของนวิ ตนั
3. คลน่ื ผวิ น้ำ 3. หลกั ของสเตฟาน 4. หลกั ของคริสเตียน
4. คล่ืนในขดสปรงิ 5. หลกั ของฮอยเกนส์
5. คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 6. สถานการณ์ในขอ้ ใดแสดงสมบตั ิการสะทอ้ นของคลืน่
2. ระยะห่างระหว่างสันคล่ืนหนึ่งถึงอีกสันคลื่น 1. คลน่ื เสียงตกกระทบกำแพง
หน่งึ ทต่ี ิดกนั เรียกวา่ อะไร 2. คลน่ื เคลอ่ื นทผ่ี ่านรอยต่อระหว่างอากาศกบั น้ำ
1. เฟส 2. ความถี่ 3. คลน่ื เคลื่อนที่ผ่านมมุ หรือขอบของสง่ิ กีดขวาง
3. ทอ้ งคล่นื 4. แอมพลิจดู 4. คลน่ื เสียงเคลอื่ นท่อี อกจากแหลง่ กำเนดิ เสยี ง
5. ความยาวคล่ืน 5. คลน่ื สองขบวนเคลื่อนที่มาพบกันบนตัวกลางเดียวกัน
3. ปริมาณใดมีผลต่ออัตราเร็วของคลนื่ ผิวน้ำ 7. สถานการณ์ในขอ้ ใดแสดงสมบัติการหักเหของคลืน่
1. ความถี่คลนื่ และแอมพลิจดู 1. คลื่นเสยี งตกกระทบกำแพง
2. ความถ่ีคลื่นและความยาวคลืน่ 2. คลืน่ เคล่ือนที่ผ่านรอยต่อระหว่างอากาศกับน้ำ
3. แอมพลิจูดและความยาวคล่นื 3. คลื่นเคลือ่ นที่ผ่านมมุ หรอื ขอบของสิ่งกีดขวาง
4. ชนิดของแหลง่ กำเนิดคลน่ื และแอมพลิจดู 4. คลื่นเสยี งเคลอ่ื นทอี่ อกจากแหล่งกำเนิดเสยี ง
5. ชนิดของแหล่งกำเนดิ คลน่ื และความยาว 5. คลื่นสองขบวนเคลื่อนที่มาพบกันบนตัวกลางเดียวกัน
คลื่น 8. สถานการณใ์ นขอ้ ใดแสดงสมบตั ิการเลีย้ วเบนของคลน่ื
4. คลน่ื สองคล่นื มีเฟสตรงกันเคลอื่ นท่ีเขา้ หากนั จะ 1. คลน่ื เสียงตกกระทบกำแพง
เกิดการรวมกนั แบบใด 2. คลื่นเคลอ่ื นทผ่ี ่านรอยตอ่ ระหวา่ งอากาศกับน้ำ
1. เกิดการรวมกนั แบบเสริม 3. คลื่นเคล่อื นที่ผ่านมุมหรอื ขอบของส่ิงกีดขวาง
2. เกดิ การรวมกันแบบหกั ลา้ ง 4. คล่นื เสียงเคล่ือนท่อี อกจากแหลง่ กำเนดิ เสียง
3. เกดิ การรวมกนั แบบสะท้อน 5. คลน่ื สองขบวนเคลอ่ื นทมี่ าพบกนั บนตวั กลางเดียวกัน
4. เกิดการรวมกนั แบบเล้ยี วเบน
5. เกดิ การรวมกันแบบแทรกสอด
28
9. สถานการณ์ในข้อใดแสดงสมบัติการแทรกสอดของคล่ืน
1. คลน่ื เสยี งตกกระทบกำแพง
2. คลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างอากาศกบั น้ำ
3. คลืน่ เคลอื่ นทผ่ี ่านมุมหรอื ขอบของสิง่ กดี ขวาง
4. คล่นื เสยี งเคลื่อนทอ่ี อกจากแหล่งกำเนิดเสยี ง
5. คล่นื สองขบวนเคลื่อนทม่ี าพบกันบนตัวกลางเดียวกนั
10. คลืน่ ทอ่ี าศยั ตวั กลางในการถ่ายโอนพลังงาน เรยี กว่า
คลื่นอะไร
1. คลืน่ กล
2. คลื่นดล
3. คล่นื ต่อเน่อื ง
4. คลืน่ 1 มิติ
5. คลนื่ เลฟิ
เฉลย 1. 5 2. 5 3. 2 4. 1 5. 5 6. 1 7. 2 8. 3 9. 4 10. 1
29
แบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2
คำช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. คลน่ื ที่อาศัยตัวกลางในการถา่ ยโอนพลังงาน 5. ระยะหา่ งระหวา่ งสันคลื่นหนงึ่ ถึงอกี สันคล่นื หนึง่
เรยี กวา่ คลน่ื อะไร ท่ตี ิดกนั เรียกว่าอะไร
1. คลื่นกล 2. คล่ืนดล 1. เฟส 2. ความถี่
3. คล่ืนต่อเนื่อง 4. คล่นื 1 มติ ิ 3. ทอ้ งคล่ืน 4. แอมพลิจูด
5. คลื่นเลฟิ 5. ความยาวคลื่น
2. สถานการณ์ในข้อใดแสดงสมบัติการหักเหของ 6. ปรมิ าณใดมีผลตอ่ อัตราเรว็ ของคลนื่ ผวิ นำ้
คลื่น 1. ความถี่คล่ืนและแอมพลิจดู
1. คลื่นเสียงตกกระทบกำแพง 2. ความถ่ีคลืน่ และความยาวคลื่น
2. คลนื่ เคลือ่ นที่ผ่านรอยต่อระหว่างอากาศกับ 3. แอมพลจิ ดู และความยาวคล่นื
4. ชนดิ ของแหล่งกำเนิดคล่นื และแอมพลิจูด
นำ้
3. คลืน่ เคล่อื นที่ผ่านมมุ หรือขอบของส่งิ กีดขวาง 5. ชนิดของแหล่งกำเนดิ คลน่ื และความยาวคลื่น.
7. หลักการใดใช้ในการหาหน้าคลื่นใหม่ของหน้าคลื่ น
4. คล่นื เสียงเคลอื่ นทอี่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสยี ง
วงกลมและหน้าคลน่ื เสน้ ตรง
5. คลื่นสองขบวนเคล่ือนทม่ี าพบกนั บนตัวกลาง 1. หลักของชารล์
2. หลกั ของนิวตนั
เดยี วกัน 3. หลักของสเตฟาน
4. หลกั ของคริสเตียน
3. คลน่ื ชนิดใดไม่อาศยั ตวั กลางในการเคลื่อนท่ี 5. หลักของฮอยเกนส์
8. สถานการณ์ในขอ้ ใดแสดงสมบตั กิ ารสะทอ้ นของคล่นื
1. คลื่นแสง 2. คลนื่ เสยี ง 1. คล่ืนเสียงตกกระทบกำแพง
2. คลืน่ เคลอ่ื นทผ่ี ่านรอยตอ่ ระหว่างอากาศกับน้ำ
3. คลื่นผวิ นำ้ 4. คล่นื ในขดสปริง 3. คล่ืนเคลื่อนทผ่ี ่านมุมหรือขอบของส่ิงกดี ขวาง
4. คลืน่ เสยี งเคล่อื นท่อี อกจากแหล่งกำเนดิ เสยี ง
5. คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า 5. คลนื่ สองขบวนเคลื่อนที่มาพบกันบนตวั กลางเดียวกนั
4. สถานการณใ์ นข้อใดแสดงสมบัติการเล้ียวเบน
ของคลนื่
1. คลื่นเสยี งตกกระทบกำแพง
2. คลืน่ เคลอ่ื นทผ่ี ่านรอยตอ่ ระหวา่ งอากาศกับ
นำ้
3. คลน่ื เคล่อื นที่ผ่านมุมหรอื ขอบของสงิ่ กดี ขวาง
4. คลื่นเสียงเคลอ่ื นทีอ่ อกจากแหลง่ กำเนดิ เสยี ง
5. คล่นื สองขบวนเคล่อื นท่มี าพบกนั บนตัวกลาง
เดียวกัน
30
9. คลน่ื สองคล่นื มีเฟสตรงกันเคลือ่ นที่เขา้ หากนั จะเกิดการ
รวมกัน
แบบใด
1. เกิดการรวมกันแบบเสรมิ
2. เกิดการรวมกันแบบหกั ล้าง
3. เกิดการรวมกันแบบสะทอ้ น
4. เกิดการรวมกนั แบบเล้ียวเบน
5. เกิดการรวมกนั แบบแทรกสอด
10. สถานการณใ์ นขอ้ ใดแสดงสมบัติการแทรกสอดของคลน่ื
1. คลนื่ เสยี งตกกระทบกำแพง
2. คลนื่ เคล่ือนท่ีผ่านรอยต่อระหวา่ งอากาศกบั นำ้
3. คล่นื เคลอ่ื นทีผ่ ่านมมุ หรือขอบของส่ิงกดี ขวาง
4. คลน่ื เสียงเคลอื่ นทีอ่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสียง
5. คลน่ื สองขบวนเคลือ่ นท่ีมาพบกนั บนตัวกลางเดียวกั
เฉลย 1. 1 2. 2 3. 5 4. 3 5. 5 6. 2 7. 5 8. 1 9. 1 10. 4
31
แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมินผลงานวีดีโอ
คำช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงาน/ชน้ิ งานของนกั เรียนตามรายการทกี่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งท่ตี รงกับ
ระดบั คะแนน
ลำดับ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
ท่ี 4 3 21
1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์ที่
กำหนด
2 ความถูกต้องของเนือ้ หา
3 ความคดิ สรา้ งสรรค์
4 ความเป็นระเบยี บ
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............../................./................
32
เกณฑ์ประเมินแผนผังมโนทัศน์
ประเด็นท่ปี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32
1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง
จดุ ประสงคท์ ี่ จุดประสงคท์ กุ จุดประสงค์เปน็ สว่ น จุดประสงคบ์ าง กบั จดุ ประสงค์
กำหนด ประเด็น ใหญ่ ประเด็น
2. ผลงานมีความ เนือ้ หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ
ถูกต้องของ ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานไม่ถกู ต้องเป็น
เน้ือหา ครบถว้ น สว่ นใหญ่ บางประเด็น ส่วนใหญ่
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมีแนวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ตย่ ังไม่ นา่ สนใจ แตย่ ังไมม่ ี แนวคิดใหม่
แปลกใหม่และเป็น เป็นระบบ แนวคดิ แปลกใหม่
ระบบ
4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเป็น ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญไ่ ม่
เป็น ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถงึ ความเปน็ ระเบยี บแต่ ระเบียบแตม่ ี เปน็ ระเบยี บและมีข้อ
ความประณีต ยงั มี ขอ้ บกพร่องบางสว่ น บกพรอ่ งมาก
ข้อบกพรอ่ งเล็กนอ้ ย
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
51-60 ดีมาก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรงุ
33
แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของนกั เรียนตามรายการท่ีกำหนด แล้วขดี ✓ ลงในช่องท่ตี รง
กบั ระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32
1 การปฏิบตั กิ ารทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคลว่ ในขณะปฏิบัติกิจกรรม
3 การบันทึก สรุปและนำเสนอผลการทำกิจกรรม
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน
................./................../..................
34
เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรม
ประเด็นที่ ระดับคะแนน
ประเมนิ
4. การปฏิบัติ 4 32 1
กิจกรรม ทำกิจกรรมตาม ตอ้ งให้ความ
ขน้ั ตอน และใช้ ทำกจิ กรรมตาม ตอ้ งใหค้ วาม ช่วยเหลืออย่างมาก
5. ความ อปุ กรณ์ได้อยา่ ง ในการทำกิจกรรม
คล่องแคลว่ ถูกตอ้ ง ข้ันตอน และใช้ ช่วยเหลือบ้างในการ และการใช้อปุ กรณ์
ในขณะ
ปฏิบัติ มคี วามคลอ่ งแคล่ว อปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง ทำกจิ กรรม และการ ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่
กจิ กรรม ในขณะทำกจิ กรรม ทนั เวลา และทำ
โดยไม่ต้องได้รบั คำ ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจต้อง ใชอ้ ปุ กรณ์ อุปกรณ์เสียหาย
6. การบนั ทึก ชี้แนะ และทำ
สรุปและ กิจกรรมเสร็จ ไดร้ บั คำแนะนำบา้ ง ตอ้ งให้ความ
นำเสนอผล ทันเวลา ช่วยเหลืออยา่ งมาก
การปฏิบตั ิ บันทึกและสรุปผล มคี วามคลอ่ งแคลว่ ขาดความ ในการบันทึก สรปุ
กิจกรรม การทำกิจกรรมได้ และนำเสนอผลการ
ถูกต้อง รัดกมุ ในขณะทำกิจกรรม คล่องแคลว่ ในขณะ ทำกิจกรรม
นำเสนอผลการทำ
กิจกรรมเป็นขนั้ ตอน แตต่ อ้ งไดร้ ับ ทำกจิ กรรมจึงทำ
ชัดเจน
คำแนะนำบ้าง และ กจิ กรรมเสร็จไม่
ทำกิจกรรมเสร็จ ทันเวลา
ทนั เวลา
บันทึกและสรปุ ผล ตอ้ งใหค้ ำแนะนำใน
การทำกจิ กรรมได้ การบันทกึ สรปุ และ
ถกู ต้อง แต่การ นำเสนอผลการทำ
นำเสนอผลการทำ กจิ กรรม
กจิ กรรมยังไมเ่ ป็น
ขน้ั ตอน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
35
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา
2 ความคิดสรา้ งสรรค์
3 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใชป้ ระโยชน์
5 การตรงตอ่ เวลา
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
............/................./...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
36
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ ืน่
3 การทำงานตามหนา้ ทที่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย
4 ความมนี ำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
37
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
การมี
ลำดับท่ี ชอ่ื –สกลุ การแสดง การ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ ม รวม
ของนักเรียน ความ ยอมรับฟัง ตามท่ี น้ำใจ ในการ 15
คดิ เห็น ได้รับ ปรับปรงุ คะแนน
คนอน่ื ผลงาน
มอบหมาย กลุม่
321321321321321
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชอื่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
38
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง
39
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ดา้ น 321
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้
กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทสี่ ร้างความสามคั คีปรองดอง และเป็น
ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น
1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถอื ปฏิบัติตามหลกั
ศาสนา
1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่เกย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามที่
โรงเรยี นจดั ขนึ้
2. ซ่อื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ที่ถูกต้องและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งที่ถกู ตอ้ ง
3. มวี นิ ยั 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ
รับผิดชอบ ครอบครวั มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง
ๆ ในชวี ิตประจำวนั
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้
4.2 ร้จู กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชื่อฟงั คำส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้
4.4 ตัง้ ใจเรียน
5. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั
5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ ค่า
5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
6. มุ่งมั่นในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั
ทำงาน มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพอื่ ให้งานสำเรจ็
7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รูจ้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน
40
8.2 รู้จกั การดแู ลรกั ษาทรพั ย์สมบัติและสงิ่ แวดลอ้ มของ
หอ้ งเรียนและโรงเรียน
พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ .................................................. ผปู้ ระเมิน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ............/.................../................
พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ตั บิ างครงั้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
51–60 ดีมาก
41–50 ดี
30–40 พอใช้
ตำ่ กว่า 30 ปรับปรงุ
41
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 10
แสงเชงิ คล่ืน
เวลา 16 ชว่ั โมง
1. ผลการเรียนรู้
เขา้ ใจการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย ธรรมชาตขิ องคล่นื เสยี งและการได้ยิน ปรากฏการณ์
ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณท์ ีเ่ กย่ี วขอ้ งกับแสง รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
1) ทดลอง และอธบิ ายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง การเล้ียวเบนและการแทรกสอด
ของแสงผ่านสลิตเดย่ี ว รวมท้ังคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
2) อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ เี่ กี่ยวกับแสง เชน่ รุ้ง การทรงกลด มิราจ และการเห็นท้องฟา้
เป็นสีตา่ ง ๆ ในชว่ งเวลาต่างกัน
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. เมอ่ื แสงผ่านชอ่ งเล็กยาวเด่ียว (สลิตเด่ยี ว) และชอ่ งเล็กยาวคู่ (สลิตค)ู่ จะเกดิ การเลย้ี วเบน
และการแทรกสอด ทำใหเ้ กิดแถบมืด และแถบสวา่ งบนฉาก โดยปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
มีความสมั พันธ์ตามสมการ
แถบมดื สำหรับสลิตเดี่ยว
d sin = n เม่อื n = 1, 2, 3, …
แถบสว่าง สำหรับสลติ คู่
d sin = n เมื่อ n = 0, 1, 2, …
แถบมืด สำหรับสลติ คู่
dsin = n − 1 เมือ่ n = 1, 2, 3, …
2
2. เกรตติง เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยช่องเล็กยาวท่ีมีจำนวนช่องต่อหนึ่งหน่วยความยาวเป็นจำนวน
มาก และระยะหา่ งระหว่างช่องมคี ่าน้อย โดยแต่ละช่องห่างเท่า ๆ กัน ใช้สำหรับหาความยาวคล่ืน
ของแสงและศึกษาสมบัตกิ ารเล้ียวเบน และการแทรกสอดของแสง โดยปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง
มีความสมั พนั ธ์ตามสมการ
d sin = n เม่ือ n = 0, 1, 2, …
3. กฎการสะท้อนและการหกั เหของแสงใช้อธิบายปรากฏการณท์ ี่เก่ียวกับแสง เช่น รงุ้ การทรงกลด
และมริ าจ
42
4. เม่ือแสงตกกระทบอนภุ าคหรอื โมเลกุลของอากาศแสงจะเกดิ การกระเจิง ใช้อธิบายการเหน็ ท้องฟ้า
เปน็ สตี ่าง ๆ ในชว่ งเวลาต่างกนั
3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การศึกษาแสงเชิงกายภาพเป็นการศึกษาสมบัติการแทรกสอดและการเลี้ยวเบนของแสงและศึกษา
การกระเจิงของแสงโดยอนุภาคขนาดเล็ก โดยใชอ้ ุปกรณ์การศึกษาแสงเชิงกายภาพเบ้อื งต้น ได้แก่ ช่องเปิด
เดย่ี ว ช่องเปดิ คู่ และเกรตตงิ โดยเมื่อแสงอาพันธ์เคลอ่ื นที่ผ่านช่องเปิดคู่ แสงจะเกิดการแทรกสอดกนั ทำให้
เกดิ แถบสว่างและแถบมดื สลับกันบนฉาก โดยแถบสว่างแถบหน่ึงจะอยู่บนแนวปฏบิ พั แนวหน่ึง และแถบมืด
แถบหนงึ่ ๆ จะอยู่บนแนวบพั แนวหนึง่
แสงที่เล้ียวเบนผ่านส่ิงกดี ขวางหรือชอ่ งเปิดเล็ก ๆ ไปจะแทรกสอดกันเกิดเปน็ ริ้วการเลี้ยวเบนรอบ ๆ
ขอบของสิง่ กีดขวางหรอื บนฉากรบั แสงทางด้านหลงั ของชอ่ งเปิดเล็ก ๆ
เม่ือให้แสงอาพันธ์สีหน่ึงผ่านเกรตติงในแนวต้ังฉากกับเกรตติง แสงจะเลี้ยวเบนผ่านเกรตติงไป
แทรกสอดกันเกดิ เปน็ จุดสวา่ งบนฉาก ซ่ึงสขี องจดุ สว่างจะเปน็ สเี ดียวกับแสงอาพันธท์ ่สี อ่ งผ่านเกรตติง
ปรากฏการณ์ท่ีแสงตกกระทบอนุภาคต่าง ๆ หรือโมเลกุลของอากาศ แล้วแสงกระจัดกระจายไป
โดยรอบ เรยี กว่า การกระเจิงของแสง
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทกั ษะการวดั 3. ซ่อื สตั ย์ สุจริต
2) ทกั ษะการสังเกต 4. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
3) ทกั ษะการทดลอง
4) ทกั ษะการใชจ้ ำนวน
5) ทกั ษะการส่อื สาร
6) ทักษะการวเิ คราะห์
7) ทักษะการคำนวณ
8) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั
9) ทกั ษะการนำความร้ไู ปใช้
10) ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป
43
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- PowerPoint เรื่อง แนวคดิ เกย่ี วกบั แสง, การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่, การเลี้ยวเบนของแสงผ่าน
สลติ เดี่ยว, การเลย้ี วเบนของแสงผา่ นเกรตติง
6. การวดั และการประเมินผล
รายการวดั วิธวี ดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมินชิน้ งาน/
ภาระงาน (รวบยอด)
- PowerPoint เร่อื ง - ตรวจ PowerPoint - แบบประเมินชิน้ งาน/ - ระดับคุณภาพ 2
แนวคิดเกยี่ วกบั แสง, การ เร่ือง แนวคดิ ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
แทรกสอดของแสงผ่านสลติ เก่ยี วกับแสง, การ
ค,ู่ การเลีย้ วเบนของแสง แทรกสอดของแสง
ผา่ น สลิตเดย่ี ว, การ ผา่ นสลิตค่,ู การ
เลย้ี วเบนของแสงผา่ นเกรต เลย้ี วเบนของแสง
ติง ผ่าน สลติ เดยี่ ว, การ
เล้ียวเบนของแสง
ผ่านเกรตติง
6.2 การประเมินก่อนเรียน
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ประเมินตามสภาพจรงิ
กอ่ นเรียน หน่วยการ กอ่ นเรียน หน่วยการ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 10
เรยี นรู้ท่ี 10 แสงเชิง เรยี นรู้ที่ 10 แสงเชงิ แสงเชิงคลื่น
คลนื่ คลืน่
6.3 การประเมนิ ระหวา่ ง
การจดั กจิ กรรม
1) การแทรกสอด - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 - ใบงานท่ี 3.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) ผลบันทกึ การปฏบิ ัติ - ประเมนิ การปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ การปฏิบัติ - ระดบั คณุ ภาพ 2
44
รายการวดั วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
กจิ กรรมการแทรก- กิจกรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
สอดของแสงผา่ น
ช่องเปดิ คู่
3 - ตรวจใบงานที่ 3.2.1 - ใบงานท่ี 3.2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
4) ผลบนั ทึกการปฏิบตั ิ - ประเมินการปฏบิ ัติ - แบบประเมินการปฏิบตั ิ - ระดับคุณภาพ 2
กิจกรรมการ กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
เลยี้ วเบนของแสง
ผ่านช่องเปดิ เดย่ี ว
5) เกรตตงิ - ตรวจใบงานที่ 3.3.1 - ใบงานท่ี 3.3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6) ผลบนั ทกึ การปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ - ระดับคุณภาพ 2
กจิ กรรมการ กิจกรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
เลยี้ วเบนของแสง
ผ่านเกรตติง
7) การกระเจงิ ของแสง - ตรวจใบงานท่ี 3.4.1 - ใบงานท่ี 3.4.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏิบัติ - ระดับคุณภาพ 2
กจิ กรรมการกระเจงิ กจิ กรรม กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
ของแสง
9) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
ผลการปฏบิ ัติ ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
กจิ กรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรม
10) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
11) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
ทำงานกลุม่ การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
12) คุณลักษณะอันพงึ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2
ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ซื่อสตั ย์ สุจริต อนั พงึ ประสงค์
และมงุ่ มั่นในการ
45
รายการวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
ทำงาน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.4 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 10
หลังเรียน หน่วยการ หลงั เรียน หนว่ ยการ
เรียนรู้ที่ 10 เรียนรทู้ ี่ 10 แสงเชงิ คลน่ื
แสงเชิงคลน่ื
แสงเชิงคล่นื
7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 4 ชั่วโมง
เวลา 4 ชว่ั โมง
• แผนท่ี 1 : การแทรกสอด เวลา 4 ชวั่ โมง
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ช่ัวโมง
(รวมเวลา 16 ช่ัวโมง)
• แผนท่ี 2 : การเลี้ยวเบนของแสง
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 3 : เกรตตงิ
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
• แผนท่ี 4 : การกระเจงิ ของแสง
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เลม่ 3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 10 แสงเชิงคล่ืน
2) แบบฝึกหดั รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 แสงเชิงคลน่ื
3) ใบงานที่ 3.1.1 เรอ่ื ง การแทรกสอด
4) ใบงานท่ี 3.2.1 เรือ่ ง การเล้ียวเบนของแสง
5) ใบงานท่ี 3.3.1 เรอ่ื ง เกรตติง
6) ใบงานท่ี 3.4.1 เรอื่ ง การกระเจงิ ของแสง
7) วสั ดุอุปกรณท์ ใี่ ช้ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการแทรกสอดของแสงผ่านช่องเปิดคู่
8) วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏิบตั ิกิจกรรมการเล้ยี วเบนของแสงผา่ นช่องเปิดเดย่ี ว
9) วัสดุอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการปฏบิ ัติกิจกรรมการเลยี้ วเบนของแสงผา่ นเกรตติง
10) วสั ดุอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการปฏิบัตกิ ิจกรรมการกระเจงิ ของแสง
46
11) PowerPoint เรื่อง การแทรกสอด
12) PowerPoint เร่ือง การเล้ียวเบนของแสง
13) PowerPoint เร่ือง เกรตติง
14) PowerPoint เรอ่ื ง การกระเจิงของแสง
15) อปุ กรณส์ าธิตการทดลอง เช่น เลเซอร์ และเกรตตงิ
16) สลากหมายเลข 1-3
17) สมดุ ประจำตวั นักเรียน
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อินเทอรเ์ นต็
47
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การศึกษาแสงเชงิ กายภาพเปน็ การศกึ ษาสมบตั ใิ ดของแสง 6. แสงความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร ตกตั้งฉากผ่าน
1. การกระเจิงและการหกั เห ชอ่ งเปดิ เดี่ยวท่ีมคี วามกว้าง a ปรากฏแถบมืดแถบ
2. การหกั เหและการเล้ียวเบน แรกตกทม่ี ุม 30 องศากับแนวกลาง จงหาความกวา้ ง
3. การสะท้อนและการเล้ียวเบน ของช่อง a
4. การแทรกสอดและการหกั เห 1. 300 นาโนเมตร 2. 500 นาโนเมตร
5. การแทรกสอดและการเล้ยี วเบน 3. 700 นาโนเมตร 4. 1,000 นาโนเมตร
2. สมบตั เิ ชงิ เรขาคณิตของแสงเปน็ การศึกษาสมบตั ใิ ดของแสง 5. 1,500 นาโนเมตร
1. การสะท้อนและการหักเห 7. เม่ือแสงขาวผา่ นช่องเปิดหรือเกรตติงจะเกิดการ
2. การหักเหและการเลย้ี วเบน เลยี้ วเบน แสงสีใดในช่วงทีม่ องเหน็ เลี้ยวเบนไดภ้ าพ
3. การสะท้อนและการเลย้ี วเบน ปรากฏบนฉากห่างจากจดุ กึง่ กลางของแถบสว่าง
4. การแทรกสอดและการหกั เห มากท่สี ุด
5. การแทรกสอดและการเล้ียวเบน 1. ม่วง 2. แดง
3. แสงสีเดยี วท่ีมีความยาวคล่ืน 600 นาโนเมตร เคล่ือนทผี่ า่ นชอ่ ง 3. เขยี ว 4. เหลือง
เปดิ คทู่ ี่มรี ะยะหา่ งระหวา่ งช่องเปดิ 0.2 มิลลเิ มตร ถา้ ช่องเปดิ คู่ 5. น้ำเงิน
อย่หู ่างจากฉาก 1 เมตร จงหาระยะหา่ งระหว่างแถบสวา่ งจาก 8. ส่องแสงสขี าวทผี่ ่านเกรตติงมจี ำนวนช่องเทา่ กบั
การแทรกสอดที่เกิดข้ึนบนฉาก 100 ช่องตอ่ ความยาว 1 เซนตเิ มตร ถา้ ตอ้ งการให้
1. 1 มลิ ลเิ มตร 2. 2 มิลลิเมตร แสงสีเขียวซ่ึงมีความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร
3. 3 มลิ ลิเมตร 4. 4 มิลลิเมตร เลยี้ วเบนห่างจากแกนกลาง 0.5 เซนติเมตร
5. 5 มลิ ลเิ มตร จะต้องวางฉากรับให้หา่ งจากเกรตติงอยา่ งน้อย
4. ชอ่ งเปิดคู่ท่ีมรี ะยะหา่ งระหวา่ งชอ่ งเปิด 0.5 มิลลเิ มตร อยู่หา่ ง เปน็ ระยะทางเท่าใด
จากฉากเปน็ ระยะ 1 เมตร ถ้าระยะระหวา่ งแถบมืดที่อยูต่ ดิ กนั 1. 1 เมตร 2. 2 เมตร
เปน็ 1 มลิ ลิเมตร จงหาความยาวคลื่นแสง 3. 3 เมตร 4. 4 เมตร
1. 300 นาโนเมตร 2. 500 นาโนเมตร 5. 5 เมตร
3. 700 นาโนเมตร 4. 1,000 นาโนเมตร 9. ข้อใดไมใ่ ช่ปัจจัยการกระเจงิ ของแสงในบรรยากาศ
5. 1,500 นาโนเมตร 1. ปรมิ าณสารแขวนลอยในอากาศ
5. ถา้ ต้องการใหร้ ิว้ มดื ที่ 2 ของช่องเปดิ เดี่ยวตรงกบั ตำแหนง่ มืดท่ี 3 2. อุณหภมู ิในช้ันบรรยากาศแต่ละชั้น
ของการแทรกสอดของแสงผา่ นช่องเปิดคู่ ระยะหา่ งของชอ่ ง 3. มุมท่ีแสงอาทติ ย์สอ่ งผ่านบรรยากาศ
เปดิ คตู่ อ้ งเปน็ ก่เี ท่าของความกว้างของช่องเปิดเดยี่ ว 4. ความยาวคลื่นแสงในบรรยากาศโลก
1. 1/2 2. 2/3 5. ขนาดของอนุภาคท่ีมาขวางทางเดินของแสง
3. 3/2 4. 4/5 5. 5/4
เฉลย 1. 5 2. 1 3. 3 4. 2 5. 5 6. 4 7. 2 8. 1 9. 2 10. 1