The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1.2 หน่วยการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutthasangarii, 2022-08-28 13:35:35

1.2 หน่วยการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 4

1.2 หน่วยการเรียนรู้ ฟิสิกส์ 3 4

98

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

การมี

ลำดบั ท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอน่ื ตามทีไ่ ด้รบั นำ้ ใจ การ 15
คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรงุ
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

99

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงคด์ ้าน 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษตั ริย์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามคั คีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ต่อโรงเรียน

1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตริยต์ ามทโี่ รงเรยี นจดั ขึ้น

2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี กู ตอ้ งและเป็นจรงิ

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิง่ ทีถ่ กู ตอ้ ง

3. มวี ินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั

มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวนั

4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้

4.2 รูจ้ ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม

4.3 เชอ่ื ฟังคำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้

4.4 ตง้ั ใจเรียน

5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั

5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรู้คณุ ค่า

5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน

6. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพือ่ ให้งานสำเร็จ

7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รจู้ ักการดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัตแิ ละสิง่ แวดล้อมของห้องเรียนและ

โรงเรียน

ลงชอื่ .................................................. ผูป้ ระเมิน
............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัตบิ างครัง้ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดมี าก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรงุ

100

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 13

ไฟฟา้ สถติ

เวลา 33 ชัว่ โมง

1. ผลการเรยี นรู้

เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและกฎของ
โอห์ม วงจรไฟฟา้ กระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลงั ไฟฟา้ การเปลยี่ นพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า
สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กท่ีกระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและ
กฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลบั คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และการสือ่ สาร รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์

1) ทดลอง และอธิบายการทำวัตถุท่ีเป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการขัดสีกันและ
การเหนี่ยวนำไฟฟ้าสถติ

2) อธบิ าย และคำนวณแรงไฟฟา้ ตามกฎของคูลอมบ์
3) อธิบาย และคำนวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟ้าทกี่ ระทำกับอนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าท่ีอยู่ในสนามไฟฟ้า

รวมทง้ั หาสนามไฟฟา้ ลัพธเ์ นื่องจากระบบจุดประจุโดยรวมกันแบบเวกเตอร์
4) อธิบาย และคำนวณพลังงานศกั ยไ์ ฟฟา้ ศักยไ์ ฟฟา้ และความต่างศักย์ระหว่างสองตำแหนง่ ใด ๆ
5) อธบิ ายส่วนประกอบของตวั เกบ็ ประจุ ความสมั พนั ธ์ระหว่างประจุไฟฟ้า ความตา่ งศักย์ และความจุ

ของตัวเก็บประจุ และอธิบายพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ และความจุสมมูล รวมทั้งคำนวณ
ปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
6) นำความรเู้ รื่องไฟฟ้าสถิตไปอธบิ ายหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนดิ และปรากฏการณ์
ในชวี ติ ประจำวัน

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1. การนำวัตถุที่เปน็ กลางทางไฟฟ้ามาขัดสีกันจะทำใหว้ ตั ถุไมเ่ ป็นกลางทางไฟฟา้ เน่อื งจากอิเลก็ ตรอน
ถูกถา่ ยโอนจากวัตถหุ นงึ่ ไปอีกวตั ถหุ นงึ่ โดยการถา่ ยโอนประจเุ ปน็ ไปตามกฎการอนุรักษป์ ระจุไฟฟ้า
2. เม่ือนำวัตถุทีม่ ปี ระจุไฟฟ้าไปใกล้ตัวนำไฟฟ้าจะทำให้เกิดประจุชนิดตรงขา้ มบนตัวนำทางด้านท่ีใกล้
วัตถุและประจุชนิดเดียวกันด้านท่ีไกลวัตถุเรียกวิธีการนี้ว่า การเหนี่ยวนำไฟฟ้าสถิต ซ่ึงสามารถ
ใช้วิธกี ารนใ้ี นการทำใหว้ ตั ถมุ ปี ระจไุ ด้

101

3. จุดประจุไฟฟ้ามีแรงกระทำซึ่งกันและกัน โดยมีทศิ อยใู่ นแนวเส้นตรงระหว่างจดุ ประจทุ ้ังสอง และ

มีขนาดของแรงระหว่างจุดประจุแปรผันตรงกับผลคูณของขนาดของประจุทั้งสองและแปรผกผัน

กบั กำลังสองของระยะหา่ งระหวา่ งจุดประจุ ซึง่ เปน็ ไปตามกฎของคลู อมบ์ เขยี นแทนได้ด้วยสมการ

F12 = k q1q2 เมือ่ k = 1
r122 40
4. รอบอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้า q1 มีสนามไฟฟ้าขนาด E = k qr21 ทำให้เกิดแรงไฟฟ้ากระทำต่อ
อนุภาคทีม่ ีประจไุ ฟฟา้

5. สEนา=มไฟqF1ฟ22า้ ที่ตำแหน่งใด ๆ มคี วามสัมพันธก์ บั แรงไฟฟ้าทีก่ ระทำตอ่ ประจุไฟฟา้ q2 ตามสมการ
6. สนามไฟฟ้าลัพธ์เน่ืองจากจุดประจุหลายจุดประจุเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้า

เนื่องจากจดุ ประจแุ ต่ละจดุ ประจุ

7. ตัวนำทรงกลมทม่ี ีประจไุ ฟฟ้ามีสนามไฟฟ้าภายในตวั นำเป็นศูนย์ และสนามไฟฟา้ บนตวั นำมที ิศทาง

ต้ังฉากกับผิวตัวนำนั้น โดยสนามไฟฟ้าเน่ืองจากประจุบนตัวนำทรงกลมท่ีตำแหน่งห่างจากผิว

ออกไปหาได้เช่นเดียวกับสนามไฟฟ้า เน่ืองจากจุดประจทุ ่ีมีจำนวนประจุเท่ากันแต่อยู่ท่ีศูนย์กลาง

ของทรงกลม

8. สนามไฟฟ้าของแผน่ โลหะคู่ขนานเป็นสนามไฟฟา้ สมำ่ เสมอ

9. ประจทุ ีอ่ ย่ใู นสนามไฟฟ้ามพี ลังงานศักยไ์ ฟฟา้ คำนวณได้จากสมการ U = k q1q2
r
10. พลังงานศักย์ไฟฟ้าท่ีตำแหน่งใด ๆ ต่อหน่ึงหน่วยประจุ เรียกว่า ศักย์ไฟฟ้าท่ี ตำแหน่งนั้น

โดยศักยไ์ ฟฟา้ ทตี่ ำแหนง่ ซึ่งอยหู่ า่ งจากจุดประจุแปรผันตรงกบั ขนาดของประจุ และแปรผกผันกับ

ระยะทางจากจุดประจถุ ึงตำแหน่งน้นั เขียนแทนไดด้ ว้ ยสมการ V = k Q
r
11. ศักย์ไฟฟา้ รวมเนื่องจากจุดประจหุ ลายจุดประจุ คอื ผลรวมของศักยไ์ ฟฟ้าเน่ืองจากจดุ ประจแุ ต่ละ

จดุ ประจุ เขียนแทนไดด้ ว้ ยสมการ V = k n qi
ri


i=1
12. ความต่างศักย์ระหวา่ งสองตำแหนง่ ใด ๆ ในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้าคอื งานในการเคล่อื นประจุบวก

หนึง่ หนว่ ยจากตำแหน่งหนงึ่ ไปอีกตำแหนง่ หนึ่ง เขียนแทนไดด้ ้วยสมการ VB − VA = WA→B
q

13. ความต่างศักย์ระหว่างสองตำแหน่งใด ๆ ในสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอข้ึนกับขนาดของสนามไฟฟ้า

และระยะทางระหวา่ งสองตำแหนง่ น้ัน ในแนวขนานกบั สนามไฟฟา้ ตามสมการ VB − VA = Ed

102

14. ตัวเก็บประจุประกอบด้วยตัวนำไฟฟ้าสองชิ้นท่ีค่ันด้วยฉนวน โดยปริมาณประจุท่ีเก็บได้ข้ึนอยู่กับ

ความตา่ งศักยค์ ร่อมตัวเก็บประจแุ ละความจุของตัวเกบ็ ประจุ ตามสมการ C= Q
V
15. ตัวเก็บประจจุ ะมีพลงั งานสะสมซึ่งมคี ่าข้ึนกบั ความต่างศกั ยแ์ ละปริมาณประจุ ตามสมการ

U = 1 QV
2
16. เม่ือนำตวั เกบ็ ประจุมาต่อแบบอนุกรม ความจุสมมูลมีค่าลดลง ตามสมการ

1 = 1 + 1 + 1 + ...
C C1 C2 C3

17. เมือ่ นำตัวเกบ็ ประจมุ าต่อแบบขนาน ความจุสมมลู มคี ่าเพมิ่ ขน้ึ ตามสมการ

C = C1 + C2 + C3 + ...

18. ความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตสามารถนำไปอธิบายการทำงานของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น

เคร่อื งกำจัดฝ่นุ ในอากาศ เครอื่ งพน่ สี เครือ่ งถา่ ยลายน้ิวมอื และเครื่องถา่ ยเอกสาร

19. ความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตยังสามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ฟ้าผ่า

ประกายไฟจากการเสียดสกี นั ของวัตถุ ซงึ่ ช่วยใหส้ ามารถป้องกนั อันตรายทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ

2.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่

(พิจารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา)

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ปรากฏการณ์ที่เกิดจากประจุไฟฟ้าซง่ึ สะสมอยู่ในบริเวณหนึ่ง แล้วเกิดการถ่ายโอนหรือการเคล่ือนที่
ของประจุไฟฟ้าบริเวณน้ันไปยังอีกบริเวณหนึ่งในช่วงเวลาสั้น ๆ เรียกปรากฏการณ์น้ันว่า ปรากฏการณ์
ไฟฟา้ สถิต ส่วนประจุไฟฟา้ มี 2 ชนดิ ได้แก่ ประจุบวกและประจุลบ โดยประจุชนิดเดียวกันจะผลักกันและ
ประจุตา่ งชนิดกนั จะดดู ซ่งึ กันและกนั

กฎการอนรุ ักษ์ประจุไฟฟ้า กลา่ วว่า การทำใหว้ ัตถุท่มี ีประจุไฟฟ้าไมไ่ ด้เปน็ การสร้างประจุไฟฟ้าข้ึนมา
ใหม่ แต่เป็นการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หน่ึง โดยที่ผลรวมของปริมาณประจุท้ังหมดของ
ระบบจะมีค่าคงเดิมเสมอ

การเหน่ียวนำไฟฟ้าเป็นการนำวัตถทุ ี่มีประจุไฟฟ้าใกล้ตัวนำไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดประจุชนิดตรงข้ามบน
ดา้ นใกลข้ องตัวนำ และเกดิ ประจุชนิดเดยี วกนั บนดา้ นไกลของตวั นำ

กฎของคลู อมบ์ กล่าวว่า ขนาดของแรงระหว่างประจุเป็นสัดส่วนโดยตรงกับผลคูณของปริมาณประจุ
ของจุดประจุทั้งสอง แตเ่ ป็นสดั สว่ นผกผันกำลงั สองของระยะห่างระหว่างจดุ ประจุทัง้ สอง

สนามไฟฟ้า หมายถึง บริเวณที่มีประจุไฟฟ้าสามารถส่งอำนาจไฟฟ้าไปถึง โดยสนามไฟฟ้าจะใช้
เส้นแรงไฟฟ้าเขียนแทนสนามไฟฟา้ บริเวณน้นั

103

เส้นสนามไฟฟ้าหรือเส้นแรงไฟฟ้า คือ เส้นท่ีใช้เขียนเพ่ือแสดงทิศของสนามไฟฟ้าในบริเวณรอบ ๆ

จุดประจุ โดยหัวลูกศรแสดงทิศทางของสนามไฟฟ้า ซึ่งมีทิศพุ่งออกจากประจุบวกและพุ่งเข้าสู่ประจุลบ

สว่ นจุดทไี่ ม่มเี ส้นสนามไฟฟา้ ผ่านหรือจุดที่สนามไฟฟ้าลัพธ์เป็นศูนย์ เรยี กจุดนัน้ วา่ จดุ สะเทิน

เมือ่ พิจารณาประจุในบริเวณทม่ี ีสนามไฟฟา้ พบว่า ประจไุ ดร้ ับแรงกระทำจากสนามไฟฟา้ ซงึ่ อาจทำให้

ประจุเคลื่อนท่ีและเกิดงานได้ จึงกล่าวได้ว่า เม่ือประจุอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีสนามไฟฟ้าจะมีพลังงาน

ศกั ย์ทเี่ รยี กว่า พลังงานศักยไ์ ฟฟา้ โดยศักย์ไฟฟา้ คอื พลังงานศักยไ์ ฟฟ้าตอ่ หนึง่ หนว่ ยประจุ ศกั ย์ไฟฟา้ รวม

เนอื่ งจากจุดประจหุ ลายจุดประจุ คอื ผลรวมของศักย์ไฟฟา้ เนอ่ื งจากจดุ ประจุแต่ละจดุ ประจุ

ศักย์ไฟฟ้าท่ีจุดภายนอกตัวนำทรงกลมซ่ึงอยู่ห่างเป็นระยะ r จากจุดศูนย์กลางของตัวนำทรงกลม

หาได้จากสมการ V = k Q ศักย์ไฟฟ้าที่จุดบนผิวตัวนำทรงกลมรัศมี a ที่มปี ระจุ Q หาได้จาก V = k Q
r a
และศกั ยไ์ ฟฟา้ ทจี่ ุดภายในตวั นำทรงกลมจึงมีค่าเท่ากบั ศักยไ์ ฟฟา้ ทผ่ี ิวตวั นำทรงกลม

ศักย์ไฟฟ้าระหว่างสองตำแหน่งใด ๆ ในสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ หาได้จาก VB − VA = Ed

ส่วนสนามไฟฟา้ สม่ำเสมอในบรเิ วณระหว่างแผ่นโลหะคู่ขนาน หาได้จาก E = V
d
ตัวเก็บประจุเป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงประกอบด้วยแผ่นโลหะขนาน 2 แผ่น ที่มีฉนวน

คั่นกลาง ซ่ึงความสามารถในการเก็บประจุของตัวนำทรงกลม เรียกว่า ความจุ ส่วนการต่อตัวเก็บประจุ

สามารถตอ่ ได้ 2 แบบ คือ แบบอนกุ รม และแบบขนาน

ความรู้เร่ืองไฟฟ้าสถิตสามารถนำไปอธิบายการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น เคร่ืองพ่นสี

เครื่องถา่ ยเอกสาร ไมโครโฟนแบบตวั เก็บประจุ นอกจากน้ันความรเู้ รอ่ื งไฟฟ้าสถิตยังสามารถนำไปอธิบาย

ปรากฏการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั ได้

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. ซือ่ สัตย์ สุจรติ

2) ทักษะการทดลอง 4. มุ่งม่นั ในการทำงาน

3) ทักษะการส่ือสาร

4) ทักษะการวิเคราะห์

5) ทกั ษะการคำนวณ

6) ทักษะการทำงานรว่ มกัน

7) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้

8) ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ

104

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- การประดษิ ฐ์ชน้ิ งานเกยี่ วกับประโยชน์จากไฟฟ้าสถิต

6. การวดั และการประเมินผล

รายการวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

6.1 การประเมินชิน้ งาน/ - ตรวจชิน้ งาน - แบบประเมินชนิ้ งาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) ส่งิ ประดษิ ฐ์เก่ยี วกับ ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์

เร่อื ง การประดิษฐ์ ประโยชน์จาก

ช้ินงานเกี่ยวกับ ไฟฟา้ สถิต

ประโยชนจ์ าก

ไฟฟ้าสถติ

6.2 การประเมินก่อนเรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ

ก่อนเรียน หนว่ ยการ กอ่ นเรียน หน่วยการ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6

เรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้าสถิต เรียนรู้ท่ี 6 ไฟฟ้าสถิต ไฟฟ้าสถติ

6.3 การประเมนิ ระหวา่ ง

การจดั กิจกรรม

1) ประจุไฟฟา้ และ - ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - ใบงานที่ 6.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

กฎการอนรุ กั ษป์ ระจุ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ไฟฟา้

2) ผลบนั ทกึ การปฏบิ ัติ - ประเมินการปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏิบัติ - ระดบั คุณภาพ 2

กิจกรรมชนิดของ กจิ กรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์

แรงระหว่างประจุ

และชนดิ ของประจุ

ไฟฟ้า

3) การเหนีย่ วนำไฟฟา้ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

105

รายการวดั วธิ ีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
4) ผลบันทกึ การปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ
กิจกรรม - แบบประเมินการปฏิบัติ - ระดับคุณภาพ 2
กิจกรรมการทำให้
อิเลก็ โทรสโคป - ตรวจใบงานที่ 6.3.1 กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
มีประจโุ ดยการ - ตรวจแบบฝึกหดั
เหนีย่ วนำ - ตรวจใบงานท่ี 6.4.1 - ใบงานท่ี 6.3.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
5) แรงระหว่างประจุ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
และกฎของคูลอมบ์ - ตรวจใบกิจกรรม - ใบงานท่ี 6.4.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6) สนามไฟฟ้า ที่ 6.5.1 - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - ใบกจิ กรรมที่ 6.5.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
7) เสน้ สนามไฟฟ้า - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กิจกรรม
8) ผลบนั ทึกการปฏิบตั ิ - แบบประเมินการปฏิบัติ - ระดบั คณุ ภาพ 2
กจิ กรรม - ตรวจใบงานที่ 6.6.1
เสน้ สนามไฟฟา้ - ตรวจแบบฝึกหดั กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์

9) ศกั ย์ไฟฟา้ และ - ตรวจใบงานที่ 6.7.1 - ใบงานที่ 6.6.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ศกั ย์ไฟฟา้ เนือ่ งจาก - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
จดุ ประจุ
- ตรวจใบงานที่ 6.7.2 - ใบงานที่ 6.7.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
10) ศักย์ไฟฟา้ เนือ่ งจาก - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประจุบนตัวนำ - ตรวจใบงานที่ 6.8.1
ทรงกลม - ตรวจแบบฝกึ หดั - ใบงานท่ี 6.7.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจใบงานท่ี 6.8.2 - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
11) ศักย์ไฟฟ้าระหวา่ ง - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 6.8.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แผน่ โลหะคู่ขนาน - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ใบงานท่ี 6.8.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
12) ตัวเกบ็ ประจแุ ละ - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ความจุ

13) การตอ่ ตวั เก็บประจุ
14) การนำความรู้

เกีย่ วกับไฟฟ้าสถิต
ไปใช้ประโยชน์

106

รายการวดั วิธีวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
- ระดับคณุ ภาพ 2
15) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์

ผลการปฏิบัติ ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
กิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
16) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
17) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม

กลุม่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่

18) คุณลกั ษณะอันพงึ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน

ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คุณลักษณะ

ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ อันพึงประสงค์

และมุง่ มั่นในการ

ทำงาน

6.4 การประเมินหลงั เรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น

หลงั เรียน หน่วยการ หลังเรียน หน่วยการ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6

เรยี นรทู้ ่ี 6 ไฟฟ้าสถิต เรียนรูท้ ่ี 6 ไฟฟา้ สถิต ไฟฟ้าสถติ

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 5 ชว่ั โมง
เวลา 3 ชั่วโมง
• แผนท่ี 1 : ประจไุ ฟฟ้าและกฎการอนรุ ักษป์ ระจุไฟฟ้า เวลา 3 ชั่วโมง
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชว่ั โมง
เวลา 4 ชว่ั โมง
• แผนท่ี 2 : การเหนย่ี วนำไฟฟ้า เวลา 3 ชั่วโมง
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 3 : แรงระหว่างประจแุ ละกฎของคลู อมบ์
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 4 : สนามไฟฟา้
วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 5 : เส้นสนามไฟฟา้
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 6 : ศกั ยไ์ ฟฟา้
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 7 : ศกั ยไ์ ฟฟ้า (1) 107
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
เวลา 4 ชั่วโมง
• แผนท่ี 8 : ตัวเก็บประจุและความจุ เวลา 4 ชวั่ โมง
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ชวั่ โมง
(รวมเวลา 33 ชั่วโมง)
• แผนท่ี 9 : การนำความรเู้ ก่ยี วกับไฟฟา้ สถติ ไปใช้ประโยชน์
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 ไฟฟา้ สถติ
2) แบบฝกึ หดั รายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 ไฟฟา้ สถิต
3) ใบงานที่ 6.1.1 เรอ่ื ง กฎการอนุรักษ์ประจุไฟฟา้
4) ใบงานท่ี 6.3.1 เรอ่ื ง แรงระหวา่ งประจุและกฎของคูลอมบ์
5) ใบงานท่ี 6.4.1 เรื่อง สนามไฟฟ้า
6) ใบงานท่ี 6.6.1 เรือ่ ง ศักยไ์ ฟฟ้าเน่ืองจากจดุ ประจุ
7) ใบงานที่ 6.7.1 เรอ่ื ง ศักยไ์ ฟฟา้ เน่อื งจากประจบุ นตัวนำทรงกลม
8) ใบงานท่ี 6.7.2 เรื่อง ศักยไ์ ฟฟ้าระหว่างแผน่ โลหะคขู่ นาน
9) ใบงานท่ี 6.8.1 เรื่อง ตวั เกบ็ ประจุและความจุ
10) ใบงานท่ี 6.8.2 เรือ่ ง การตอ่ ตวั เกบ็ ประจุ
11) ใบกจิ กรรม เร่อื ง เส้นสนามไฟฟ้า
12) วสั ดุอุปกรณท์ ่ใี ช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมชนดิ ของแรงระหวา่ งประจุและชนิดของประจุไฟฟา้
13) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการปฏิบัติกจิ กรรมการทำให้อิเลก็ โทรสโคปมีประจโุ ดยการเหนี่ยวนำ
14) วัสดุอปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบัติกจิ กรรมเสน้ สนามไฟฟา้
15) PowerPoint เร่อื ง ปรากฏการณธ์ รรมชาติของไฟฟา้ ประจไุ ฟฟ้า และกฎการอนรุ ักษ์ประจุไฟฟ้า
16) PowerPoint เรือ่ ง การเหนย่ี วนำไฟฟา้
17) PowerPoint เรื่อง แรงระหว่างประจแุ ละกฎของคลู อมบ์
18) PowerPoint เร่อื ง สนามไฟฟ้า
19) PowerPoint เรอื่ ง เสน้ สนามไฟฟ้า
20) PowerPoint เรือ่ ง ศกั ยไ์ ฟฟา้
21) PowerPoint เร่ือง ตัวเกบ็ ประจแุ ละความจุ
22) PowerPoint เรื่อง การนำความรเู้ กย่ี วกับไฟฟ้าสถติ ไปใชป้ ระโยชน์

108

23) อุปกรณ์สาธติ การทดลอง เช่น ลกู โป่ง และกระดาษชน้ิ เลก็ ๆ
24) โฟมรูปทรงกลมเล็ก ๆ
25) อะลูมเิ นยี มฟอยด์
26) ท่อพีวีซี
27) ผ้าสักหลาด
28) สลากหมายเลข
29) แผงวงจรไฟฟ้า
30) พลาสติก
31) เทปใส
32) QR Code เรือ่ ง การเหนยี่ วนำไฟฟา้
33) QR Code เรื่อง สนามไฟฟา้
34) วดี ิทศั น์เกยี่ วกบั แรงกระทำระหวา่ งวตั ถทุ ั้งสองที่มปี ระจชุ นดิ เดยี วกัน

จาก https://www.youtube.com/watch?v=e0wcF5fT0zw
35) วีดิทัศนเ์ กี่ยวกับสนามไฟฟ้า (Electric Field Lines)

จาก https://www.youtube.com/watch?v=F1z5UaX96j8
36) วดี ิทัศน์เก่ียวกบั พลงั งานศักย์โน้มถว่ ง (Kinetic and Potential Energy)

จาก https://www.youtube.com/watch?v=vl4g7T5gw1M
37) วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกับ Electric Potential Difference

จาก https://www.youtube.com/watch?v=SNlOPxZ-Ev4&t=36s
38) วีดิทัศนเ์ ก่ยี วกับ Static Electricity Experiment

จาก https://www.youtube.com/watch?v=LocNNWGe0hA
39) สมุดประจำตวั นกั เรียน
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) อนิ เทอร์เนต็

109

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ถ้ากลา่ วถึงประจไุ ฟฟา้ ส่วนใหญ่จะหมายถึงขอ้ ใด 6. นักวทิ ยาศาสตร์ทา่ นใดท่ีเปน็ ผรู้ ิเริ่มใช้แนวคดิ
เสน้ แรงไฟฟ้าในการอธบิ ายสนามไฟฟา้
1. นิวเคลยี ส 2. โปรตอน 1. ทาลีส
2. กิลเบริ ์ต
3. นวิ ตรอน 4. อเิ ล็กตรอน 3. ไมเคลิ ฟาราเดย์
4. เบนจามิน แฟรงคลิน
5. โพซติ รอน 5. ชารล์ ออกัสตนิ เดอ คลู อมบ์

2. เมอื่ ถแู ผ่นพีวีซีด้วยผ้าสกั หลาด จะเกดิ สงิ่ ใดข้นึ 7. ขอ้ ใดหมายถึงสนามไฟฟ้า
1. แรงกระทำระหวา่ งประจทุ ีม่ ีอนภุ าค
1. แผ่นพวี ีซีมีประจุบวกเกดิ ขึ้น 2. ตำแหนง่ ที่ประจุแสดงอำนาจไฟฟา้
3. บริเวณที่ประจอุ ยู่ตำแหนง่ อนนั ต์
2. แผ่นพีวีซีมปี ระจลุ บเกิดข้ึน 4. บรเิ วณท่ีไม่มีแรงไฟฟ้ามากระทำ
5. ตำแหน่งทปี่ ระจุเกดิ การชนกัน
3. ผ้าสกั หลาดสูญเสยี ประจุบวก
8. ข้อใดกล่าวถึงเส้นแรงไฟฟ้าไม่ถกู ต้อง
4. ผา้ สกั หลาดไม่เกดิ การเปล่ยี นแปลง 1. เส้นแรงไฟฟ้ามที ศิ ทางต้งั ฉากกับพน้ื ผวิ
2. เส้นแรงไฟฟ้าของประจุบวกมที ิศทางพุง่ เข้า
5. ท้งั แผ่นพีวซี ีและผ้าสักหลาดเกิดประจุ 3. เส้นแรงไฟฟ้าไม่เข้าไปในเนอ้ื ของวัตถุ
4. เสน้ แรงไฟฟา้ ของประจชุ นดิ เดียวกนั ไม่ตดั กนั
3. ตอ้ งนำวตั ถุในข้อใดมาถูกับผ้าไหม แลว้ ผา้ ไหมมีประจไุ ฟฟ้าบวก 5. บรเิ วณที่ไมม่ ีเส้นแรงไฟฟา้ เรยี กว่า จุดสะเทนิ

เกดิ ข้ึน 9. ความจไุ ฟฟ้าของตวั นำทรงกลมมลี กั ษณะอย่างไร
1. เมื่อทรงกลมมรี ัศมีมากขึน้ ความจุไฟฟา้ จะมีคา่
1. แท่งแก้ว 2. เส้นผมคน ลดลง
2. เมื่อทรงกลมมีประจมุ ากขึน้ ความจุไฟฟา้ จะมีคา่
3. ไนลอน 4. ผา้ ฝา้ ย ลดลง
3. เม่ือทรงกลมมีศกั ยไ์ ฟฟา้ มากขน้ึ ความจุไฟฟา้ จะ
5. ผา้ ไหม มคี ่าลดลง
4. เม่ือทรงกลมมีคา่ k มากข้ึน ความจไุ ฟฟ้าจะมคี ่า
4. ประจทุ ีเ่ กิดขึ้นกับแผ่นเปอร์สเปกซ์ เมื่อถูกบั ไนลอนจะเหมอื นกับ ลดลง
5. เมื่อความจไุ ฟฟ้ามคี า่ มากข้ึนพลังงานสะสมใน
ถูผ้าไหมด้วยวตั ถใุ นขอ้ ใด ตวั เกบ็ ประจุจะมคี า่ เพมิ่ ข้นึ

1. อำพนั

2. ไนลอน

3. ผา้ สักหลาด

4. แท่งแกว้

5. กระดาษขาว

5. แรงระหว่างประจุของอนุภาคทีม่ ปี ระจไุ ฟฟ้าขน้ึ อยกู่ บั สิ่งใด

เป็นสำคญั ที่สุด

1. คา่ คงท่ี k และขนาดของประจุ

2. ค่าคงที่ k และระยะหา่ งระหวา่ งอนุภาค

3. ขนาดของประจุ และระยะห่างระหว่างอนุภาค

4. ค่าคงที่ k ขนาดของประจุ และระยะหา่ งระหวา่ งอนภุ าค

5. ค่าคงท่ี k ขนาดของประจุ และความเขม้ สนามไฟฟ้า

110

10. ขอ้ ใดกลา่ วถึงหลกั การทำงานของเครื่องถ่าย
เอกสารไมถ่ กู ต้อง
1. ดรมั ของเครอื่ งถ่ายเอกสารเป็นฉนวน
เมอื่ ยังไมม่ ีแสงมากระทบ
2. ดรมั ของเครอ่ื งถ่ายเอกสารเป็นตัวนำ
เมอ่ื มแี สงมาตกกระทบ
3. ฟิล์มจะทำให้ถกู เปน็ ประจุบวก เม่อื เคร่อื งถา่ ย
เอกสารเร่ิมทำงาน
4. หมึกเครื่องถา่ ยเอกสารจะมปี ระจไุ ฟฟา้ บวก
5. ส่วนทำความร้อนไม่จำเป็นต้องมีในเคร่อื งถา่ ย
เอกสารกไ็ ด้

เฉลย 1. 2 2. 2 3. 1 4. 1 5. 3 6. 3 7. 2 8. 2 9. 4 10. 4

111

แบบทดสอบหลังเรยี น

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6

คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ตอ้ งนำวัตถุในข้อใดมาถูกบั ผา้ ไหม แลว้ ผ้าไหมมีประจุไฟฟ้า 5. ข้อใดกลา่ วถึงเสน้ แรงไฟฟา้ ไม่ถกู ต้อง
บวกเกดิ ข้ึน
1. ผ้าฝา้ ย 1. เสน้ แรงไฟฟา้ ไม่เข้าไปในเน้ือของวัตถุ
2. ผ้าไหม
3. ไนลอน 2. เสน้ แรงไฟฟา้ มที ศิ ทางต้ังฉากกับพ้ืนผิว
4. แทง่ แกว้
5. เสน้ ผมคน 3. เส้นแรงไฟฟ้าของประจุบวกมที ศิ ทางพ่งุ เข้า

2. ประจุท่เี กิดข้ึนกับแผน่ เปอร์สเปกซ์ เมอ่ื ถกู บั ไนลอนจะเหมอื น 4. เสน้ แรงไฟฟ้าของประจุชนิดเดียวกันไม่ตัดกัน
กับถผู ้าไหมด้วยวตั ถใุ นขอ้ ใด
1. อำพัน 5. บริเวณทีไ่ ม่มเี ส้นแรงไฟฟ้า เรยี กวา่ จุดสะเทนิ
2. ไนลอน
3. แทง่ แก้ว 6. แรงระหวา่ งประจขุ องอนุภาคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟา้ ขน้ึ อยู่กบั
4. ผา้ สกั หลาด
5. กระดาษขาว ส่ิงใดเป็นสำคัญทีส่ ุด

3. ความจไุ ฟฟ้าของตัวนำทรงกลมมลี กั ษณะอย่างไร 1. คา่ คงที่ k และขนาดของประจุ
1. เมอ่ื ทรงกลมมีค่า k มากขึ้น ความจุไฟฟ้าจะมคี า่ ลดลง
2. เมื่อทรงกลมมรี ัศมีมากขน้ึ ความจไุ ฟฟ้าจะมคี ่าลดลง 2. คา่ คงท่ี k และระยะหา่ งระหว่างอนุภาค
3. เมอ่ื ทรงกลมมีประจมุ ากขึ้น ความจุไฟฟ้าจะมีค่าลดลง
4. เมอ่ื ทรงกลมมศี ักย์ไฟฟ้ามากขน้ึ ความจไุ ฟฟ้าจะมีค่าลดลง 3. ขนาดของประจุ และระยะหา่ งระหว่างอนุภาค
5. เม่อื ความจไุ ฟฟ้ามคี ่ามากขน้ึ พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
จะมคี ่าเพิม่ ขึ้น 4. คา่ คงท่ี k ขนาดของประจุ และความเข้มสนามไฟฟ้า

4. ข้อใดกลา่ วถึงหลกั การทำงานของเครือ่ งถ่ายเอกสารไมถ่ กู ตอ้ ง 5. ค่าคงท่ี k ขนาดของประจุ และระยะหา่ งระหวา่ ง
1. หมกึ เคร่อื งถา่ ยเอกสารจะมีประจุไฟฟา้ บวก
2. ดรัมของเครื่องถ่ายเอกสารเป็นตวั นำ เม่ือมแี สงมาตก อนุภาค
กระทบ
3. ดรมั ของเครอ่ื งถ่ายเอกสารเปน็ ฉนวนเม่อื ยังไม่มแี สงมา 7. ขอ้ ใดหมายถงึ สนามไฟฟ้า
กระทบ
4. ฟิลม์ จะทำใหถ้ กู เปน็ ประจุบวกเมือ่ เครื่องถ่ายเอกสาร 1. ตำแหน่งท่ปี ระจเุ กดิ การชนกนั
เร่มิ ทำงาน
5. ส่วนทำความร้อนไมจ่ ำเป็นตอ้ งมีในเครอื่ งถ่ายเอกสารก็ได้ 2. บรเิ วณท่ีไม่มแี รงไฟฟา้ มากระทำ

3. บรเิ วณทปี่ ระจุอยูต่ ำแหนง่ อนันต์

4. ตำแหนง่ ทป่ี ระจุแสดงอำนาจไฟฟ้า

5. แรงกระทำระหว่างประจุท่มี อี นภุ าค

8. นักวิทยาศาสตร์ทา่ นใดที่เป็นผู้รเิ ร่ิมใช้แนวคิดเส้นแรง

ไฟฟ้าในการอธิบายสนามไฟฟ้า

1. ทาลีส

2. กิลเบริ ์ต

3. ไมเคิล ฟาราเดย์

4. เบนจามิน แฟรงคลิน

5. ชาร์ล ออกสั ตนิ เดอ คูลอมบ์

9. ขอ้ ใดคือประจุไฟฟา้

1. โปรตอน 2. นิวตรอน

3. นวิ เคลยี ส 4 โพซิตรอน

5. อเิ ลก็ ตรอน

112

10. เม่ือถูแผน่ พีวีซีด้วยผ้าสักหลาด จะเกิดสง่ิ ใดขน้ึ
1. แผ่นพีวซี มี ีประจลุ บเกดิ ขึ้น
2. แผน่ พีวซี มี ปี ระจุบวกเกิดข้ึน
3. ผา้ สักหลาดสูญเสยี ประจบุ วก
4. ผา้ สักหลาดไมเ่ กิดการเปลี่ยนแปลง
5. ทั้งแผ่นพวี ีซีและผ้าสักหลาดเกิดประจุ

เฉลย 1. 4 2. 1 3. 1 4. 1 5. 3 6. 3 7. 4 8. 3 9. 5 10. 1

113

แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ผลงานส่งิ ประดษิ ฐป์ ระโยชนจ์ ากไฟฟ้าสถิต

คำช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการทก่ี ำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั

ระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ
4 3 21

1 การออกแบบช้นิ งาน

2 การเลือกใช้วัสดเุ พือ่ สรา้ งช้นิ งาน

3 ความสมบรู ณ์ของช้นิ งาน

4 การสร้างสรรค์ช้นิ งาน

5 กำหนดเวลาส่งงาน

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............../................./................

114

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานสงิ่ ประดษิ ฐป์ ระโยชนจ์ ากไฟฟา้ สถิต

ประเดน็ ทป่ี ระเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32

1. การออกแบบชิน้ งาน ช้ินงานมีความถูกต้องที่ ช้ินงานมีความถูกต้องที่ ช้ินงานมีความถูกต้องท่ี ชิ้ น ง า น ไม่ ถู ก ต้ อ ง ที่

ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบบไว้ มีขนาดไม่

เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เหมาะสม รูปแบบไม่

น่าสนใจ แปลกตา และ น่าสนใจ และสรา้ งสรรค์ นา่ สนใจ น่าสนใจ

สร้างสรรค์ดี

2. การเลอื กใชว้ สั ดุเพอ่ื เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง

สรา้ งชิน้ งาน ชิ้นงานตามท่ีกำหนดได้ ช้ินงานตามที่กำหนดได้ ช้ินงานตามที่กำหนด ชิ้นงาน ไม่ตรงตาม ที่

ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถกู ต้อง และวัสดุมีความ แต่วัสดุมีความเหมาะสม กำหนด และวัสดุไม่มี

เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง กับการสร้างชิ้นงานที่ ความเหมาะสมกับการ

ชิน้ งานดมี าก ชน้ิ งานดี ออกแบบไว้ สร้างช้ินงานท่ีออกแบบ

ไว้

3. ความสมบรู ณข์ อง ชิ้นงานมีความแข็งแรง ชิ้นงานมีความแข็งแรง ชิ้ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม ชิ้ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ชิ้นงาน
ท น ท า น ส า ม า ร ถ ท น ท า น ส า ม า ร ถ แข็งแรง แต่ส ามารถ แ ข็ ง แ ร ง แ ล ะ ไ ม่

นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานได้บา้ ง สามารถนำไปใชง้ านได้

ใช้ได้ดมี าก ใช้ไดด้ ี

4. การสรา้ งสรรค์ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ชิ้ น ง า น ไ ด้ ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ชิ้นงาน
สวยงามดีมาก สวยงามดี สวยงามนอ้ ย สวยงาม

5. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ สง่ ชนิ้ งานช้ากว่ากำหนด สง่ ช้ินงานช้ากวา่ กำหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากำหนด

กำหนด 1-2 วนั เกิน 3 วนั ขนึ้ ไป เกิน 5 วนั ขึ้นไป

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

18-20 ดมี าก

14-17 ดี

10-13 พอใช้

ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรงุ

115

แบบประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรม

คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมของนักเรยี นตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รง
กบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32

1 การปฏิบตั กิ ารทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมนิ
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรม

ประเดน็ ทีป่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32
ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลือ
16. การปฏบิ ตั ิ ทำกจิ กรรมตาม ทำกจิ กรรมตามขั้นตอน ตอ้ งให้ความช่วยเหลือ อย่างมากในการทำ
กิจกรรม ข้นั ตอน และใช้ และใช้อุปกรณ์ไดอ้ ยา่ ง บา้ งในการทำกจิ กรรม กิจกรรม และการใช้
อปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจต้องได้รบั และการใชอ้ ุปกรณ์ อปุ กรณ์
ถูกต้อง คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
ทันเวลา และทำ
17. ควา มคี วามคล่องแคล่ว มีความคล่องแคลว่ ขาดความคลอ่ งแคลว่ อุปกรณ์เสียหาย
มคลอ่ งแคล่ว ในขณะทำกิจกรรม ในขณะทำกจิ กรรมแต่ ในขณะทำกจิ กรรมจงึ
ในขณะปฏบิ ตั ิ โดยไมต่ ้องได้รับคำ ต้องไดร้ ับคำแนะนำบา้ ง ทำกจิ กรรมเสร็จไม่
กิจกรรม ชี้แนะ และทำกจิ กรรม และทำกิจกรรมเสร็จ ทันเวลา
เสร็จทันเวลา ทันเวลา

18. การ บนั ทกึ และสรปุ ผลการ บนั ทึกและสรปุ ผลการทำ ต้องให้คำแนะนำในการ ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื
บนั ทกึ สรปุ ทำกจิ กรรมไดถ้ กู ตอ้ ง กจิ กรรมได้ถกู ตอ้ ง แต่ บันทึก สรุป และ อย่างมากในการบนั ทกึ
และนำเสนอผล รดั กมุ นำเสนอผลการ การนำเสนอผลการทำ นำเสนอผลการทำ สรปุ และนำเสนอผล
การปฏิบัติ ทำกจิ กรรมเป็น กจิ กรรมยงั ไมเ่ ปน็ ขน้ั ตอน กิจกรรม การทำกิจกรรม
กิจกรรม ข้ันตอนชัดเจน

116

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

117

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเน้อื หา  

2 ความคดิ สร้างสรรค์  

3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
............/................./...................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ

118

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล

คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น  

3 การทำงานตามหน้าท่ที ไ่ี ด้รบั มอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

119

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่

ตรงกบั ระดบั คะแนน

การมี

ลำดับที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอ่นื ตามทีไ่ ด้รบั น้ำใจ การ 15
คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรุง
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง

120

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามคั คีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ต่อโรงเรียน

1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศาสนา

1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี กีย่ วกับสถาบนั พระมหากษัตริย์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น

2. ซื่อสัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถี่ กู ตอ้ งและเป็นจริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นส่ิงท่ถี ูกต้อง

3. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว

มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ไิ ด้

4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่อื ฟงั คำสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง

4.4 ตัง้ ใจเรยี น

5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสิง่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั

5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่

5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน

6. ม่งุ มั่นในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ

7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน

8.2 รู้จกั การดูแลรักษาทรัพย์สมบัตแิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรยี นและ

โรงเรียน

ลงชือ่ .................................................. ผูป้ ระเมิน
............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครง้ั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ตำ่ กว่า 30 ปรับปรงุ

121

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 14

ไฟฟ้ากระแส

เวลา 32 ชว่ั โมง

1. ผลการเรยี นรู้

เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและกฎของ
โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลงั ไฟฟา้ การเปลยี่ นพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า
สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและ
กฎของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ และการสอื่ สาร รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

1) อธิบายการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ ความสัมพันธ์ระหว่าง
กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำกับความเร็วลอยเลื่อนของอิเล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่นของ
อิเลก็ ตรอนในลวดตัวนำและพ้นื ท่ีหน้าตดั ของลวดตวั นำ และคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง

2) ทดลอง และอธิบายกฎของโอห์ม อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความต้านทานกับความยาว
พื้นที่หน้าตัด และสภาพต้านทานของตัวนำโลหะที่อุณหภูมิคงตัว และคำนวณปริมาณต่าง ๆ
ท่ีเก่ียวข้อง รวมทั้งอธิบายและคำนวณความต้านทานสมมูล เมื่อนำตัวต้านทานมาต่อกันแบบ
อนกุ รมและแบบขนาน

3) ทดลอง อธิบาย และคำนวณอีเอ็มเอฟของแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งอธิบายและ
คำนวณพลังงานไฟฟ้า และกำลังไฟฟ้า

4) ทดลอง และคำนวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรมและแบบขนาน รวมทั้ง
คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งประกอบด้วย แบตเตอร่ีและ
ตวั ต้านทาน

5) อธิบายการเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า รวมท้ังสืบค้นและอภิปราย เกี่ยวกับ
เทคโนโลยี ท่ีนำมาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการทางด้านพลังงานไฟฟ้า โดยเน้นด้าน
ประสิทธภิ าพและความคุม้ คา่ ดา้ นค่าใชจ้ ่าย

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. เมอื่ ตอ่ ลวดตัวนำกบั แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้าอิเลก็ ตรอนอิสระทีอ่ ยู่ในลวดตัวนำจะเคล่ือนทใี่ นทศิ ตรงขา้ ม
กับสนามไฟฟ้า ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า ซ่ึงทิศของกระแสไฟฟ้ามีทิศทางเดียวกับสนามไฟฟ้า
หรอื มีทิศทางจากจดุ ทม่ี ศี กั ย์ไฟฟา้ สงู ไปยงั จดุ ทมี่ ีศักย์ไฟฟ้าตำ่ กวา่

122

2. กระแสไฟฟ้าในตัวนำไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กับความเร็วลอยเลื่อนของอิเล็กตรอนอิสระ

ความหนาแน่นของอิเลก็ ตรอนอสิ ระในตัวนำและพ้ืนทห่ี นา้ ตัดของตัวนำ ตามสมการ
I = nevdA

3. เมอ่ื อุณหภูมิคงตวั กระแสไฟฟ้าในตัวนำโลหะ ความต่างศกั ย์ท่ีปลายทั้งสองและความต้านทานของ

ตวั นำนั้นมคี วามสมั พนั ธก์ นั ตามกฎของโอหม์ เขยี นแทนได้ด้วยสมการ I =  1  V
R
4. ความต้านทานของวัตถเุ ม่อื อณุ หภูมคิ งตวั ข้นึ อยู่กับชนิดและรปู ร่างของวตั ถุ ตามสมการ

R =  1
A
5. ค่าความตา้ นทานของตวั ต้านทานอ่านไดจ้ ากแถบสบี นตัวตา้ นทาน

6. เมอื่ นำตัวต้านทานมาตอ่ แบบอนุกรม ความต้านทานสมมลู มคี ่าเพิ่มขึ้น ตามสมการ

R = R1 + R2 + R3 + ...

7. เม่อื นำตวั ต้านทานมาตอ่ แบบขนาน ความต้านทานสมมูลมีค่าลดลง ตามสมการ

1 = 1 + 1 + 1 + ...
R R1 R2 R3

8. แหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง เช่น แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ท่ีให้พลังงานไฟฟ้าแก่วงจร พลังงาน

ไฟฟ้าที่ประจุไฟฟ้าได้รับต่อหน่ึงหน่วยประจุไฟฟ้าเม่ือเคล่ือนท่ีผ่านแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เรียก ว่า

อีเอม็ เอฟ คำนวณได้จากสมการ  = V + Ir

9. พลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้ไปในเครื่องใช้ไฟฟ้าในหนึ่งหน่วยเวลา เรียกว่า กำลังไฟฟ้า ซึ่งมีค่าขึ้นกับ

ความต่างศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟา้ คำนวณไดจ้ ากสมการ W = IVt เเละ P = IV

10. เมื่อนำแบตเตอร่ีมาต่อแบบอนุกรม อีเอ็มเอฟสมมูลและความต้านทานภายในสมมูลมีค่าเพ่ิมขึ้น

ตามสมการ

 = 1 + 2 + ... + n และ
r = r1 + r2 + ... + rn ตามลำดบั
11. เมื่อนำแบตเตอรี่ท่ีเหมือนกันมาต่อแบบขนาน อีเอ็มเอฟสมมูลมีค่าคงเดิม และความต้านทาน

ภายในสมมูลมคี า่ ลดลง ตามสมการ

 = 1 = 2 = ... + n และ
1 1 1 1
r = r1 + r2 + ... + rn ตามลำดับ

12. กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงท่ีประกอบด้วยแบตเตอรี่และตัวต้านทาน คำนวณได้ตาม

สมการ I = 
R+r

123

13. การนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นการแก้ปัญหา หรือตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน
เช่น การเปลี่ยนพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานไฟฟ้า ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และการเปล่ียน
พลังงานแสงอาทติ ย์เปน็ พลังงานไฟฟา้ โดยเซลลส์ ุริยะ

14. เทคโนโลยตี ่าง ๆ ทนี่ ำมาแกป้ ญั หาหรือตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลงั งานเป็นการนำความรู้
ทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาสร้างอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ท่ีช่วยให้การใช้
พลังงานมีประสิทธภิ าพย่ิงขนึ้

2.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
(พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การถ่ายโอนประจุไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำหรือตัวนำอื่น ๆ เรียกว่า กระแสไฟฟ้า จึงกล่าวได้ว่า เม่ือมี
ประจไุ ฟฟ้าในตัวนำใดจะเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นในตัวนำนั้น กระแสไฟฟ้าจึงเกิดจากการไหลของประจุไฟฟ้า
โดยกระแสไฟฟ้าในตัวนำไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กับความเรว็ ลอยเลอื่ นของอิเลก็ ตรอนอิสระ ความหนาแน่น
ของอิเล็กตรอนอิสระในตัวนำและพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ

กฎของโอห์ม มีใจความว่า “ถ้าอุณหภูมิของลวดตัวนำคงตัว กระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดตัวนำจะเป็น
สดั ส่วนโดยตรงกบั ความต่างศักยร์ ะหว่างปลายทั้งสองของลวดตวั นำนน้ั ”

ตวั ต้านทานเป็นอุปกรณท์ ี่ชว่ ยในการปรับความต้านทานและกระแสให้วงจร แบง่ ออกเป็น 5 ประเภท
ได้แก่ ตวั ต้านทานชนิดคา่ คงตวั ตัวตา้ นทานแปรค่าได้ ตวั ต้านทานชนิดแบ่งค่าได้ ตัวต้านทานชนิดปรับแต่ง
ค่าได้ และตัวต้านทานชนิดพิเศษ โดยค่าความต้านของตัวตา้ นทานชนดิ ค่าคงตัว สามารถอ่านได้จากแถบสี
บนตัวต้านทาน เม่ือนำตัวต้านทานมาต่อกันจะสามารถต่อได้ 2 แบบ คือ แบบอนุกรมและแบบขนาน
โดยความต้านทานสมมลู (ความตา้ นทานรวม) จะมีค่าเพ่ิมข้ึนเมื่อตอ่ แบบอนุกรม และความต้านทานสมมูล
(ความตา้ นทานรวม) จะมคี า่ ลดลงเม่อื ต่อแบบขนาน

ความตา้ นทานไฟฟ้าต่อหน่วยความยาวของวัสดุที่มีพื้นที่หน้าตัดคงตัว เรียกว่า สภาพต้านทานไฟฟ้า
ส่วนความนำไฟฟ้าต่อพ้ืนท่ีหน้าตัดของวัสดุซ่ึงยาว 1 เมตร ของวัสดุท่ีมีพ้ืนท่ีหน้าตัดคงตัว 1 ตารางเมตร
เรยี กว่า สภาพนำไฟฟ้า โดยสภาพตา้ นทานไฟฟา้ กับสภาพนำไฟฟา้ เปน็ ส่วนกลับของกนั และกัน

แรงเคล่ือนไฟฟ้า คือ พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดจากแบตเตอร่ีต่อหน่ึงหน่วยประจุจากแบตเตอ รี่
ส่วนความต่างศักย์ คือ ความต่างศักย์ระหว่าง 2 จุดใด ๆ ในวงจรที่มีกระแสไฟฟ้าซึ่งมีค่าเท่ากับพลังงาน
ไฟฟ้าต่อหน่ึงหน่วยประจุที่สูญเสียไประหว่าง 2 จุดนั้น ส่วนการต่อแบตเตอร่ีสามารถต่อได้ 2 แบบ
คือ แบบอนุกรมและแบบขนาน เม่ือต่อแบตเตอร่ีแบบอนุกรม อีเอ็มเอฟสมมูลและความต้านทานภายใน
สมมูลมีค่าเพ่ิมขึ้น แต่เมื่อนำแบตเตอร่ีท่ีเหมือนกันมาต่อแบบขนาน อีเอ็มเอฟสมมูลจะมีค่าคงเดิมแต่
ความต้านทานภายในสมมูลจะมคี ่าลดลง

วงจรไฟฟ้าทุกวงจร ประกอบด้วย แหล่งกำเนิดไฟฟ้าหรือเซลล์ไฟฟ้า สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต่อเข้า
กบั แหล่งกำเนิดไฟฟา้ โดยวงจรไฟฟ้าเบ้อื งตน้ จะประกอบดว้ ย แบตเตอรีแ่ ละตวั ตา้ นทาน

124

เครื่องวัดไฟฟ้าที่ใช้วดั กระแสไฟฟ้า เรียกว่า แอมมิเตอร์ เครื่องวดั ไฟฟ้าท่ีใช้วดั ความต่างศักย์ เรียกว่า
โวลต์มิเตอร์ และเครอื่ งวัดไฟฟ้าที่ใช้วดั ความต้าน เรยี กวา่ โอหม์ มิเตอร์ ซ่งึ เครือ่ งวัดทง้ั 3 ชนดิ ถูกดัดแปลง
มาจากแกลแวนอมเิ ตอร์

อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชพ้ ลงั งานไฟฟ้าซึ่งพลงั งานไฟฟ้าที่ถกู ใช้ไปในเครื่องใชไ้ ฟฟา้ ในหนึ่งหนว่ ย
เวลา เรยี กวา่ กำลังไฟฟา้ ซงึ่ แปรผันตามความต่างศกั ย์และกระแสไฟฟา้

การจ่ายกระแสไฟฟา้ จากโรงผลิตไฟฟา้ สู่บ้านเรอื นเพ่อื การใชง้ าน มีหลายรปู แบบ แต่ที่นิยมกันมากจะ
ส่งมาในลักษณะไฟ 3 เฟส ซ่ึงระบบนี้จะมีสายไฟอยู่ 3 เส้น โดยสายไฟทั้ง 3 เส้นน้ี จะมีความต่างศักย์
ค่าหนึ่ง (ไม่เป็นศูนย์) เม่ือเทียบกับดิน จะเรยี กสายเหล่านี้ว่า สายมีศักย์ (สาย L) และนอกจากนี้จะมีสาย
หน่ึงซึ่งมศี กั ยไ์ ฟฟ้าเป็นศนู ย์เมื่อเทียบกบั ดิน เรยี กวา่ สายกลาง (สาย N)

การเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้าทำได้โดยนำพลังงานทดแทนมาทำให้เกิดความร้อน
โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ แล้วนำความร้อนท่ีได้มาทำให้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า หรือการนำเทคโนโลยี
เซลลส์ รุ ยิ ะมาใชใ้ นการผลิตพลงั งานไฟฟ้า

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการวดั 3. ซอื่ สัตย์ สุจริต

2) ทกั ษะการสังเกต 4. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

3) ทกั ษะการทดลอง

4) ทักษะการสื่อสาร

5) ทกั ษะการวิเคราะห์

6) ทักษะการคำนวณ

7) ทักษะการทำงานรว่ มกัน

8) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้

9) ทักษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ

10) ทักษะการจดั กระทำและส่ือความหมายขอ้ มลู

11) ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

125

5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- การสรา้ งชนิ้ งานสงิ่ ประดิษฐ์การต่อวงจรไฟฟา้

6. การวดั และการประเมินผล

รายการวัด วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

6.1 การประเมินชน้ิ งาน/ - ตรวจช้นิ งาน - แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) ส่งิ ประดิษฐ์ ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์

เรอ่ื ง การสรา้ งชน้ิ งาน การต่อวงจรไฟฟา้

สิ่งประดิษฐจ์ ากการต่อ

วงจรไฟฟ้า

6.2 การประเมินก่อนเรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ

กอ่ นเรียน หน่วยการ ก่อนเรียน หนว่ ยการ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7

เรยี นรู้ท่ี 7 เรียนร้ทู ่ี 7 ไฟฟ้ากระแส

ไฟฟ้ากระแส ไฟฟา้ กระแส

6.3 การประเมนิ ระหวา่ ง

การจัดกิจกรรม

1) กระแสไฟฟ้า - ตรวจใบงานท่ี 7.1.1 - ใบงานท่ี 7.1.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

และกระแส - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

อิเลก็ ตรอน

2) กระแสไฟฟ้าใน - ตรวจใบงานที่ 7.1.2 - ใบงานที่ 7.1.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ตวั นำไฟฟ้า - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

3) ความสมั พันธ์ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ระหว่างกระแสไฟฟา้

และความต่างศกั ย์

4) ผลบันทึกการปฏิบตั ิ - ประเมนิ การปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ การปฏิบัติ - ระดับคุณภาพ 2

กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

ความสมั พนั ธ์

ระหว่าง

กระแสไฟฟ้า

และความต่างศกั ย์

126

รายการวัด วธิ วี ัด เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- ใบงานท่ี 7.3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
5) การอา่ นค่า - ตรวจใบงานท่ี 7.3.1 - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ความตา้ นทานจาก - ตรวจแบบฝึกหดั

แถบสี

6) ความต้านทานสมมูล - ตรวจใบงานที่ 7.3.2 - ใบงานที่ 7.3.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

7) ผลบนั ทึกการปฏิบัติ - ประเมินการปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ - ระดบั คณุ ภาพ 2

กจิ กรรม กจิ กรรม กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์

กระแสไฟฟา้ และ

ความตา่ งศกั ย์

ระหวา่ งปลายของ

ตวั ตา้ นทานที่ต่อกนั

แบบอนุกรมและ

แบบขนาน

8) สภาพต้านทาน - ตรวจใบงานที่ 7.4.1 - ใบงานที่ 7.4.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ไฟฟ้าและสภาพนำ - ตรวจแบบฝึกหัด

ไฟฟา้

9) พลงั งานในวงจร - ตรวจใบงานท่ี 7.5.1 - ใบงานที่ 7.5.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ไฟฟา้ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

10) ผลบันทกึ การปฏิบตั ิ - ประเมินการปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดับคณุ ภาพ 2

กิจกรรมความต่าง- กิจกรรม กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์

ศกั ยร์ ะหว่างขัว้

แบตเตอร่ี

11) การวิเคราะห์วงจร - ตรวจใบงานท่ี 7.6.1 - ใบงานท่ี 7.6.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ไฟฟ้ากระแสตรง - ตรวจแบบฝกึ หดั
- ใบงานที่ 7.7.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เบอ้ื งตน้ - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ใบงานท่ี 7.8.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
12) เครอ่ื งวัดไฟฟ้า - ตรวจใบงานท่ี 7.7.1 - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝึกหัด

13) การคำนวณหา - ตรวจใบงานท่ี 7.8.1

พลังงานไฟฟา้ ของ - ตรวจแบบฝึกหดั

เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้

ในบา้ น

127

รายการวัด วิธวี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
14) วงจรไฟฟ้า - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
ในบา้ นและการใช้ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ไฟฟา้ อย่าง - ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ปลอดภยั - ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
15) ไฟฟ้าจากพลังงาน - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด
- รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ทดแทน

16) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การ

ผลการปฏบิ ัติ ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน

กิจกรรม ปฏบิ ตั ิกิจกรรม

17) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล

18) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่

19) คุณลกั ษณะอนั พึง - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน

ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ

ซ่อื สตั ย์ สุจรติ อันพึงประสงค์

และมุง่ มั่นในการ

ทำงาน

6.4 การประเมินหลงั เรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น

หลงั เรยี น หน่วยการ หลังเรยี น หน่วยการ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7

เรียนร้ทู ่ี 7 เรยี นรู้ที่ 7 ไฟฟ้ากระแส

ไฟฟ้ากระแส ไฟฟ้ากระแส

128

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

• แผนท่ี 1 : กระแสไฟฟ้า เวลา 4 ชว่ั โมง

วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 2 : ความสมั พนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟา้ และความต่างศกั ย์ เวลา 3 ชั่วโมง

วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 3 : ตัวตา้ นทาน เวลา 5 ชวั่ โมง

วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 4 : สภาพตา้ นทานไฟฟา้ และสภาพนำไฟฟ้า เวลา 2 ชัว่ โมง

วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 5 : พลงั งานในวงจรไฟฟ้า เวลา 4 ชว่ั โมง

วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 6 : การวเิ คราะหว์ งจรไฟฟา้ กระแสตรงเบอื้ งต้น เวลา 2 ชว่ั โมง

วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 7 : เคร่อื งวดั ไฟฟา้ เวลา 3 ชว่ั โมง

วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 8 : การคำนวณหาพลังงานไฟฟ้าของเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ น เวลา 3 ชั่วโมง

วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 9 : วงจรไฟฟา้ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ในบ้านและการใชไ้ ฟฟ้า

อยา่ งปลอดภัย เวลา 3 ชว่ั โมง

วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนท่ี 10 : ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เวลา 3 ชว่ั โมง

วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

(รวมเวลา 32 ช่ัวโมง)

129

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 ไฟฟา้ กระแส
2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ไฟฟา้ กระแส
3) ใบงานที่ 7.1.1 เรื่อง กระแสไฟฟา้ และกระแสอเิ ล็กตรอน
4) ใบงานที่ 7.1.2 เร่ือง กระแสไฟฟา้ ในตัวนำไฟฟา้
5) ใบงานที่ 7.3.1 เร่อื ง การอา่ นคา่ ความตา้ นทานจากแถบสี
6) ใบงานที่ 7.3.2 เรอ่ื ง ความต้านทานสมมูล
7) ใบงานท่ี 7.4.1 เรือ่ ง สภาพตา้ นทานไฟฟ้าและสภาพนำไฟฟา้
8) ใบงานท่ี 7.5.1 เรอ่ื ง แรงเคลอ่ื นไฟฟ้าและความตา่ งศกั ย์
9) ใบงานท่ี 7.6.1 เรื่อง การวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ากระแสตรงเบื้องต้น
10) ใบงานท่ี 7.7.1 เรือ่ ง เครือ่ งวดั ไฟฟา้
11) ใบงานท่ี 7.8.1 เรอื่ ง การคำนวณพลังงานไฟฟ้าของเครือ่ งใช้ไฟฟ้าในบา้ น
12) วัสดอุ ุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการปฏิบัติกจิ กรรมความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักย์
13) วัสดุอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมกระแสไฟฟ้าและความตา่ งศกั ย์ระหวา่ งปลายของตัวตา้ นทาน
ที่ตอ่ กันแบบอนุกรมและแบบขนาน
14) วัสดอุ ปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมความต่างศักย์ระหว่างข้วั แบตเตอร่ี
15) PowerPoint เร่อื ง กระแสไฟฟา้
16) PowerPoint เร่ือง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์
17) PowerPoint เรื่อง ตัวตา้ นทาน
18) PowerPoint เร่ือง สภาพต้านทานไฟฟา้ และสภาพนำไฟฟ้า
19) PowerPoint เรื่อง พลงั งานในวงจรไฟฟ้า
20) PowerPoint เรอ่ื ง การวิเคราะหว์ งจรไฟฟ้ากระแสตรงเบื้องต้น
21) PowerPoint เร่อื ง เครอื่ งวัดไฟฟา้
22) PowerPoint เรือ่ ง การคำนวณพลงั งานไฟฟา้ ของเครือ่ งใช้ไฟฟา้ ในบ้าน
23) PowerPoint เรื่อง วงจรไฟฟ้า เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ นและการใช้ไฟฟา้ อยา่ งปลอดภัย
24) PowerPoint เร่อื ง ไฟฟ้าจากพลงั งานทดแทน
25) อปุ กรณ์สาธิตการทดลอง เชน่ อิเล็กโทรสโคปแบบแผน่ โลหะ 2 ชุด และลวดตวั นำ
26) ตัวตา้ นทานชนิดค่าคงตัว
27) ถา่ นไฟฉายขนาดต่าง ๆ เช่น ขนาดAA และขนาดAAA
28) เครื่องวดั ไฟฟา้ เช่น แอมมิเตอร์ โวลตม์ ิเตอร์ และโอห์มมเิ ตอร์
29) สลากหมายเลข
30) ตวั อยา่ งใบแจ้งค่าไฟฟ้า

130

31) เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ เชน่ กระติกนำ้ รอ้ น เตารดี และพดั ลม
32) QR Code เรอ่ื ง กระแสไฟฟา้ ในตัวนำไฟฟา้
33) QR Code เรื่อง การต่อตวั ตา้ นทาน
34) QR Code เรื่อง สภาพตา้ นทานไฟฟ้า
35) QR Code เรอ่ื ง การต่อแบตเตอรี่
36) QR Code เรอ่ื ง ไฟฟ้าจากพลงั งานทดแทน
37) วีดทิ ศั นเ์ กี่ยวกับไฟฟา้ มาสบู่ ้านได้อยา่ งไร

จาก https://www.youtube.com/watch?v=i87SfWsDI9I
38) สมุดประจำตวั นกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) อนิ เทอร์เนต็

131

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 7

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกบั ทิศของกระแสไฟฟา้ ในลวด 4. เมอ่ื นำตัวตา้ นทานมาต่อกันแบบขนานจะมีปรมิ าณใด
ตวั นำที่ตอ่ กับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ท่ีจะมคี ่าเท่ากนั
ก. ทศิ ของกระแสไฟฟา้ มที ิศทางเดยี วกับสนามไฟฟา้ 1. สนามไฟฟ้า
ข. มที ิศทางจากจุดทีม่ ีศักย์ไฟฟ้าสูงไปยังจุดที่มี 2. กระแสไฟฟ้า
ศักย์ไฟฟ้าต่ำกวา่ 3. ความต่างศักย์
ค. อิเล็กตรอนอสิ ระทอ่ี ยู่ในลวดตวั นำจะเคลอื่ นท่ีในทศิ 4. จำนวนประจลุ บ
ตรงข้ามกบั สนามไฟฟา้ 5. จำนวนประจบุ วก
1. ขอ้ ข.
2. ข้อ ข. และ ค. 5. แรงเคล่อื นไฟฟา้ คอื ข้อใด
3. ขอ้ ก. และ ข. 1. ศักยไ์ ฟฟ้าเฉลีย่ ที่ขั้วเซลลไ์ ฟฟ้า
4. ขอ้ ก. และ ค. 2. แรงทอี่ เิ ล็กตรอนใช้ในการเคลอื่ นท่ี
5. ข้อ ก. ข. และ ค. 3. แรงต้านทานการเคล่ือนทข่ี องประจไุ ฟฟา้
4. ความตา่ งศักยร์ ะหว่างจุด 2 จดุ ใด ๆ ในวงจรไฟฟ้า
2. ถา้ ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างปลายของตัวนำชนิดหน่งึ เพิม่ เปน็ 5. พลงั งานไฟฟา้ ท้ังหมดจากแบตเตอรตี่ อ่ หน่งึ หน่วย
สามเทา่ กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่านตวั นำนจ้ี ะตอ้ งเพม่ิ เป็นก่ีเทา่ ประจุจากแบตเตอรี่
จึงจะเป็นไปตามกฎของโอห์ม
1. คร่งึ เทา่ 6. สายไฟ 2 เสน้ ทำจากวัสดชุ นดิ เดยี วกันมคี วามยาว
2. หนง่ึ เท่า ไม่เทา่ กัน โดยสายไฟเสน้ หน่ึงยาวเป็นสองเท่าของ
3. หนงึ่ เท่าครึง่ สายไฟอกี เสน้ หน่ึง ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง
4. สองเทา่ 1. สายไฟทง้ั สองเส้นมีความต้านทานเท่ากัน
5. สามเทา่ 2. สายไฟท้ังสองเสน้ มีสภาพต้านทานเทา่ กัน
3. สายไฟเส้นที่ยาวกว่ามคี วามตา้ นทานมากกวา่
3. เมอื่ นำตัวตา้ นทานมาต่อกันแบบอนุกรมจะมีปรมิ าณใด 4. สายไฟเสน้ ทีส่ นั้ กว่ามีความต้านทานมากกว่า
ท่ีจะมีคา่ เท่ากนั 5. สายไฟเสน้ ทีย่ าวกวา่ มีสภาพตา้ นทานมากกวา่
1. สนามไฟฟ้า
2. กระแสไฟฟ้า 7. ก่อนนำโอห์มมิเตอร์ไปใช้งานจะตอ้ งทำส่งิ ใดก่อน
3. ความต่างศกั ย์ 1. หมุนปุ่มปรบั ศูนย์
4. จำนวนประจลุ บ 2. นำแบตเตอรม่ี าต่อเพมิ่
5. จำนวนประจุบวก 3. นำตวั ตา้ นทานมาต่อขนาน
4. นำตัวต้านทานมาต่ออนุกรม
5. ตรวจสอบสว่ นประกอบอุปกรณต์ อ่ พ่วง

132

8. เมื่อนำแบตเตอรี่มาตอ่ กันแบบอนุกรมจะมปี รมิ าณใด
ที่จะมีค่าเพิม่ ข้ึน
1. กระแสไฟฟ้า
2. อเี อม็ เอฟสมมูล
3. จำนวนประจุลบ
4. จำนวนประจบุ วก
5. ความต้านทานภายในสมมลู

9. เมอื่ นำแบตเตอรมี่ าต่อกันแบบขนานจะมปี รมิ าณใด
ทจี่ ะมคี า่ คงเดมิ
1. กระแสไฟฟา้
2. อีเอ็มเอฟสมมูล
3. จำนวนประจุลบ
4. จำนวนประจบุ วก
5. ความตา้ นทานภายในสมมูล

10. การเปล่ยี นพลงั งานทดแทนเป็นพลงั งานไฟฟ้าในขอ้ ใด
ไมใ่ ชเ้ คร่ืองกำเนดิ ไฟฟ้าในข้ันตอนการเปล่ยี น
1. พลงั งานนำ้
2. พลงั งานลม
3. พลงั งานชีวภาพ
4. พลงั งานแสงอาทิตย์
5. พลังงานความรอ้ นใตพ้ ิภพ

เฉลย 1. 5 2. 5 3. 2 4. 3 5. 5 6. 3 7. 1 8. 5 9. 2 10. 4

133

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7

คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. แรงเคลื่อนไฟฟ้าคือขอ้ ใด 5. เมือ่ นำตวั ต้านทานมาต่อกนั แบบอนกุ รมจะมีปริมาณ
1. ศกั ย์ไฟฟา้ เฉลย่ี ที่ขวั้ เซลล์ไฟฟา้ ในข้อใดทจ่ี ะมีค่าเท่ากัน
2. แรงที่อเิ ลก็ ตรอนใช้ในการเคลอื่ นที่ 1. สนามไฟฟ้า
3. แรงตา้ นทานการเคลื่อนท่ขี องประจุไฟฟา้ 2. กระแสไฟฟ้า
4. ความต่างศกั ย์ระหว่างจุด 2 จุดใด ๆ ในวงจรไฟฟ้า 3. ความต่างศกั ย์
5. พลงั งานไฟฟ้าท้ังหมดจากแบตเตอรต่ี อ่ หน่ึงหนว่ ยประจุ 4. จำนวนประจลุ บ
จากแบตเตอรี่ 5. จำนวนประจบุ วก

2. กานดาเปิดเครอ่ื งปรับอากาศขนาด 1,200 วัตต์ 6. ตัวเลข 990 W ทป่ี รากฏบนเครอื่ งใช้ไฟฟ้า คือข้อใด
กับแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า 220 โวลต์ กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่าน 1. กำลงั ไฟฟา้
เครื่องปรับอากาศมคี า่ เท่าใด 2. พลงั งานไฟฟ้า
1. 5.0 แอมแปร์ 3. กระแสไฟฟา้
2. 5.5 แอมแปร์ 4. ความตา้ นทานไฟฟา้
3. 7.0 แอมแปร์ 5. ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า
4. 7.5 แอมแปร์
5. 9.0 แอมแปร์ 7. เครื่องมอื ท่ใี ช้วัดความตา้ นทาน คอื ข้อใด
1. แอมมิเตอร์
3. จากขอ้ ที่ 2 ถ้ากานดาเปิดเครือ่ งปรบั อากาศเปน็ เวลานาน 2. โวลตม์ เิ ตอร์
50 นาที กานดาจะใชพ้ ลังงานไปเท่าไร 3. โอห์มมิเตอร์
1. 1.60 เมกะจลู 4. มัลติมเิ ตอร์
2. 2.50 เมกะจูล 5. แกลแวนอมิเตอร์
3. 3.20 เมกะจลู
4. 3.60 เมกะจูล 8. บ้านหลงั หนง่ึ มีเตารดี ไฟฟา้ ขนาด 750 วตั ต์ เปดิ ใช้
5. 4.30 เมกะจลู งานวันละ 2 ชัว่ โมง และโทรทศั น์ ขนาด 900 วัตต์
เปดิ ใชง้ านวันละ 5 ช่วั โมง บา้ นหลงั นี้ใช้ไฟไปทง้ั หมด
4. อิเลก็ ตรอนอสิ ระมีการเคลอื่ นที่แบบใด ก่ีหน่วย
1. การเคลือ่ นที่แบบวงกลม 1. 2 หนว่ ย
2. การเคลอื่ นท่ีแบบบราวน์ 2. 4 หนว่ ย
3. การเคล่อื นท่ีแบบเสน้ ตรง 3. 6 หนว่ ย
4. การเคล่ือนที่แบบลอยเลื่อน 4. 8 หนว่ ย
5. การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ 5. 10 หน่วย

134

9. จากข้อที่ 8 อยากทราบว่าในเดือนกนั ยายนบ้านหลงั น้ี
จะตอ้ งจ่ายค่าไฟเท่าไร กำหนดใหค้ ่าไฟหน่วยละ 3 บาท
1. 510 บาท
2. 520 บาท
3. 530 บาท
4. 540 บาท
5. 558 บาท

10. คุณสมบตั ิของมอเตอร์ไฟฟ้าคอื ข้อใด
1. เปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานกล
2. เปลี่ยนพลังงานลมเป็นพลงั งานกล
3. เปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานแสง
4. เปลี่ยนพลงั งานความร้อนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า
5. เปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความรอ้ น

เฉลย 1. 5 2. 2 3. 4 4. 2 5. 2 6. 1 7. 3 8. 3 9. 4 10. 1

135

แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ผลงานสงิ่ ประดิษฐ์การต่อวงจรไฟฟ้า

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งานของนกั เรยี นตามรายการทก่ี ำหนด แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั

ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ
4 3 21

1 การออกแบบชิ้นงาน

2 การเลือกใชว้ ัสดุเพอ่ื สรา้ งชิน้ งาน

3 ความสมบรู ณ์ของชนิ้ งาน

4 การสร้างสรรค์ชิน้ งาน

5 กำหนดเวลาสง่ งาน

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
............../................./................

136

เกณฑก์ ารประเมินผลงานสิง่ ประดิษฐ์การต่อวงจรไฟฟ้า

ประเดน็ ท่ปี ระเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32

1. การออกแบบชน้ิ งาน ช้ินงานมีความถูกต้องท่ี ชิ้นงานมีความถูกต้องที่ ชิ้นงานมีความถูกต้องที่ ชิ้ น ง า น ไม่ ถู ก ต้ อ ง ที่

ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบบไว้ มีขนาดไม่

เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เหมาะสม รูปแบบไม่

น่าสนใจ แปลกตา และ นา่ สนใจ และสรา้ งสรรค์ น่าสนใจ น่าสนใจ

สรา้ งสรรค์ดี

2. การเลือกใชว้ สั ดุเพือ่ เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง เลือกใช้วัส ดุมาสร้าง

สร้างช้นิ งาน ชิ้นงานตามท่ีกำหนดได้ ชิ้นงานตามที่กำหนดได้ ชิ้นงานตามที่กำหนด ชิ้นงาน ไม่ตรงตาม ท่ี

ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถกู ต้อง และวัสดุมีความ แต่วสั ดมุ ีความเหมาะสม กำหนด และวัสดุไม่มี

เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง กับการสร้างชิ้นงานที่ ความเหมาะสมกับการ

ชน้ิ งานดีมาก ชน้ิ งานดี ออกแบบไว้ สร้างช้ินงานที่ออกแบบ

ไว้

3. ความสมบูรณข์ อง ชิ้นงานมีความแข็งแรง ชิ้นงานมีความแข็งแรง ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ช้ินงาน
ท น ท า น ส า ม า ร ถ ท น ท า น ส า ม า ร ถ แข็งแรง แต่ส ามารถ แ ข็ ง แ ร ง แ ล ะ ไ ม่

นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานไดบ้ ้าง สามารถนำไปใช้งานได้

ใชไ้ ดด้ มี าก ใช้ได้ดี

4. การสรา้ งสรรค์ ต ก แ ต่ ง ชิ้ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ชิ้ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม
ชิ้นงาน
สวยงามดมี าก สวยงามดี สวยงามนอ้ ย สวยงาม

5. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งช้ินงานภายในเวลาที่ ส่งชน้ิ งานช้ากว่ากำหนด ส่งชิน้ งานช้ากว่ากำหนด ส่งชิ้นงานช้ากวา่ กำหนด

กำหนด 1-2 วัน เกิน 3 วนั ขึน้ ไป เกิน 5 วนั ขึน้ ไป

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

18-20 ดมี าก

14-17 ดี

10-13 พอใช้

ต่ำกว่า 10 ปรับปรุง

137

แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนักเรียนตามรายการทกี่ ำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รง
กบั ระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1 การปฏบิ ตั ิการทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
3 การบันทึก สรปุ และนำเสนอผลการทำกิจกรรม

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ
................./................../..................

เกณฑ์การประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32
ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลือ
19. การปฏิบัติ ทำกิจกรรมตามขนั้ ตอน ทำกิจกรรมตามขั้นตอน ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลือ อยา่ งมากในการทำ
กจิ กรรม และใชอ้ ุปกรณไ์ ด้อย่าง และใช้อปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง บา้ งในการทำกจิ กรรม กจิ กรรม และการใช้
ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง แตอ่ าจต้อง และการใช้อุปกรณ์ อปุ กรณ์
ไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่
ทนั เวลา และทำ
20. ความ มีความคล่องแคลว่ มคี วามคลอ่ งแคลว่ ขาดความคลอ่ งแคลว่ อปุ กรณเ์ สยี หาย
คลอ่ งแคลว่ ในขณะทำกิจกรรมโดย ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกจิ กรรมจงึ
ในขณะปฏิบตั ิ ไมต่ ้องได้รบั คำชแ้ี นะ ตอ้ งได้รบั คำแนะนำบา้ ง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
กจิ กรรม และทำกจิ กรรมเสร็จ และทำกิจกรรมเสร็จ ทันเวลา
ทนั เวลา ทันเวลา

21. การบันทึก บันทกึ และสรุปผลการ บันทกึ และสรุปผลการ ต้องใหค้ ำแนะนำในการ ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลอื
สรุปและ ทำกจิ กรรมได้ถกู ต้อง ทำกิจกรรมได้ถกู ตอ้ ง บนั ทกึ สรุป และ อย่างมากในการบนั ทกึ
นำเสนอผลการ รัดกุม นำเสนอผลการ แตก่ ารนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ สรุป และนำเสนอผล
ปฏิบัติกิจกรรม ทำกจิ กรรมเปน็ ขนั้ ตอน ทำกิจกรรมยงั ไม่เป็น กิจกรรม การทำกิจกรรม
ชดั เจน ข้นั ตอน

138

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

139

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกต้องของเน้ือหา  

2 ความคดิ สรา้ งสรรค์  

3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรงุ

140

แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น  

3 การทำงานตามหนา้ ท่ที ไ่ี ด้รบั มอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

141

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่

ตรงกบั ระดบั คะแนน

การมี

ลำดับที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอ่นื ตามทีไ่ ด้รบั น้ำใจ การ 15
คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรุง
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง

142

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้

กษตั รยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมท่สี รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ต่อโรงเรียน

1.3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ยี วกบั สถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น

2. ซ่อื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทถี่ กู ตอ้ งและเป็นจริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ท่ถี ูกตอ้ ง

3. มวี ินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว

มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รูจ้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ไิ ด้

4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เชอื่ ฟังคำส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้

4.4 ต้งั ใจเรียน

5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ ินและส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั

5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน

6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานท่ไี ด้รับมอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ

7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย

7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวฒั นธรรมไทย

8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน

8.2 รูจ้ กั การดูแลรักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสิง่ แวดล้อมของห้องเรยี นและ

โรงเรยี น

ลงช่อื .................................................. ผูป้ ระเมิน
............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตบิ างคร้งั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ตำ่ กว่า 30 ปรับปรงุ


Click to View FlipBook Version