244
2) พน้ื ที่ 25 ตารางฟุต คดิ พน้ื ทีก่ ตี่ ารางเซนตเิ มตร
วธิ ีทาํ 1 ฟุต = 30 เซนตเิ มตร
1 ตารางฟตุ = 30 x 30 ตารางเซนติเมตร
25 ตารางฟุต = 30 x 30 x 25 = 22,500 ตารางเซนติเมตร
3) ลุงแดงแบงทดี่ ินใหล กู ชาย 3 คน โดยแบงใหล กู ชายคนโตได 2 ไร ลกู ชายคนกลาง 850 ตารางวา
และลูกชายคนเลก็ ได 3,000 ตารางเมตร อยากทราบวา ใครไดสวนแบง ท่ดี ินมากที่สุด
วิธที ํา คนโตได 2 ไร คดิ เปน 2 x 1,600 = 3,200 ตารางเมตร
คนทส่ี องได 850 ตารางวา คดิ เปน 850 x 4 = 3,400 ตารางเมตร
คนเล็กได 3,000 ตารางเมตร
แสดงวา คนกลางไดม ากท่สี ดุ
4) พน้ื ท่ี 5,625 ไร คดิ เปน พ้ืนที่ กตี่ ารางกิโลเมตร
วิธีทาํ พ้ืนที่ 625 ไร = 1 ตารางกิโลเมตร
พน้ื ท่ี 5,625 ไร = 5,625 9 ตารางกโิ ลเมตร
625
5) สมเกยี รติซ้ือโลหะแผนชนดิ หน่งึ 3 ตารางเมตร ราคา 456 บาท สมนึกซื้อโลหะแผน ชนิดเดียวกัน
4 ตารางหลา ราคา 567บาท อยากทราบวา ใครซื้อไดถ กู กวา กัน ตารางเมตรละก่ีบาท (กาํ หนด 1 หลา =90
เซนติเมตร)
วิธที าํ 1 หลา = 90 เซนติเมตร
1 ตารางหลา = 90 x 90 ตารางเซนติเมตร
4 ตารางหลา = 90 x 90 x 4 ตารางเซนติเมตร
100 x 100 ตารางเซนตเิ มตร = 1 ตารางเมตร
ดงั นน้ั 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร = 90x90x4 3.24 ตารางเมตร
100 x100
ดังนัน้ สมนกึ ซ้ือโลหะแผน ราคา 567 บาท คดิ เปน ราคาตารางเมตรละ 567 175 บาท
3.24
สมเกยี รตซิ ื้อโลหะแผน ราคา 456 บาท คดิ เปน ราคาตารางเมตรละ 456 152 บาท
3
ดังนั้น สมเกียรตซิ ้อื ไดในราคาทีถ่ กู กวา
245
แบบฝกหดั ท่ี 2
1.จงเตมิ หนวยการวดั ทีเ่ หมาะสมลงในชอ งวาง
2.1 เมตร
2.2 มิลลิเมตร
2.3 กิโลเมตร
2.4 กิโลกรัม
2.5 วนิ าที
2.6 องศาเซลเซียส
2.7 ไร – งาน – ตารางวา
2.8 ลกู บาศกเ ซนติเมตรหรือ ลติ ร
2.9 เซนติเมตร
2.10 กิโลกรัม
แบบฝกหดั ที่ 3
1. จงหาพืน้ ท่ีสวนทแ่ี รเงาของรปู ตอ ไปน้ี ตวั เลขที่เขียนกํากับดา นไวถือเปน ความยาวของดาน และมีหนว ย
เปนหนว ยความยาว
1. 1 x20x15 150 ตารางหนวย 2. 1 x10x5 25 ตารางหนว ย
2 2
2. รปู สามเหลยี่ มหนง่ึ รูปมพี ื้นท่ี 90 ตารางเซนตเิ มตร มฐี านยาว 12 เซนตเิ มตร จะมคี วามสูงกีเ่ ซนติเมตร
วธิ ีทาํ 90 = 1 x12x สงู
ความสูง
2
= 90x2 15
12
246
3. สามเหล่ียมมมุ ฉาก ABC มมี มุ BAC เปน มุมฉาก และกาํ หนดความยาวของดา นดงั รปู จงหาความยาวของ
ดา น A
วิธที าํ ABC เมือ่ AB เปนฐาน พนื้ ทีส่ ามเหลย่ี มคือ 1 x6x8 24 1
2
ABC เมอื่ BC เปน ฐาน พ้ืนทสี่ ามเหลย่ี ม คือ 1 x10xa 2
2
สมการท่ี 1 = สมการที่ 2 จะได 1 x10xa 24
2
ดังน้นั a = 4.8 หนวย
4. จงหาพ้นื ทขี่ องสวนทแี่ รเงาของไมฉ ากรูปสามเหล่ียม ซึ่งมขี นาดตามรปู (ความยาวทกี่ าํ หนดมีหนวยเปน
เซนติเมตร)
30
วิธีทาํ พ้นื ท่สี ามเหล่ียมรูปนอก = 1 x30x25 375 ตารางหนวย
ตารางหนว ย
2
พื้นทีส่ ามเหล่ยี มรูปใน = 1 x24x20 240
2
ดังนน้ั พ้ืนท่ีสว นท่แี รเงามพี นื้ ท่ีเทากบั 375 – 240 = 135 ตารางหนวย
247
แบบฝก หดั ที่ 4
1.1 พน้ื ทร่ี ปู ส่ีเหลี่ยมจตั รุ ัส = ดาน x ดา น = 8 x 8 = 64 ตารางเซนติเมตร
1.2 พื้นที่รปู ส่เี หลย่ี มจัตรุ สั = 1 x ผลคณู ของเสน ทแยงมมุ = 1 1212 ) 72 ตารางเซนติเมตร
(
22
1.3 พ้นื ทรี่ ปู สเ่ี หลี่ยมผนื ผา = กวาง x ยาว = 4 x 7 = 28 ตารางเซนตเิ มตร
1.4 พื้นท่ีสเ่ี หลยี่ มดานขนาน = ฐาน x สูง = 12 x 8 =96 ตารางเมตร
1.5 พื้นทสี่ ีเ่ หลย่ี มคางหมู = 1 x ผลบวกดา นคูขนาน x สงู = 1 x5 11x6 48ตารางเมตร
22
1.6 พ้นื ท่รี ูปส่เี หล่ียมขนมเปยกปนู = 1 xผลคณู ของเสนทแยงมุม = 1 x12x8 48 ตารางเมตร
22
1.7 พื้นที่รปู สี่เหลี่ยมรูปวา ว = 1 xผลคูณของเสน ทแยงมุม = 1 x8x10 40 ตารางเมตร
22
1.8 พนื้ ที่รปู สเี่ หล่ยี มรปู วา ว = 1 xผลคณู ของเสนทแยงมมุ = 1 x7x12 42 ตารางเมตร
22
1.9 พื้นทร่ี ูปสเ่ี หลย่ี มใดๆ = 1 x เสน ทแยงมุม x ผลบวกของเสน กิง่ = 1 x10x5 7 60
22
ตารางเมตร
2. จงหาพน้ื ที่สว นทแี่ รงเงา ตวั เลขท่เี ขียนกํากบั ไวถอื วา เปน ความยาวของดานและมหี นว ยความยาวเปนเมตร
วิธีทาํ พืน้ ท่ีสามเหล่ียมรปู เล็ก = 1 x4x4 8ตารางเมตร
2
พน้ื ทีส่ ามเหล่ียมรูปใหญ = 1 x8x6 24 ตารางเมตร
2
จะเหน็ วา พน้ื ที่สว นทีแ่ รเงามีพื้นท่ีเทากับ 24 – 8 = 16 ตารางเมตร
248
วิธีทาํ พื้นทส่ี ่ีเหลีย่ มรูปใหญ = 50x40 2,000ตารางเมตร
พนื้ ทส่ี ี่เหลย่ี มรปู เล็ก = 44x34 1,496ตารางเมตร
จะเห็นวา พน้ื ทส่ี ว นทแ่ี รเงามพี ้นื ทเี่ ทา กับ 2,000 – 1,496 = 504 ตารางเมตร
แบบฝก หดั ท่ี 5
1. จงหาพืน้ ทสี่ วนท่ีแรเงา ตวั เลขทีเ่ ขียนกาํ กบั ดา นมหี นวยเปนเซนติเมตร และจดุ O, Q แทนจดุ ศูนยก ลาง
ของวงกลม
1.1
วิธที ํา พนื้ ทสี่ ามเหล่ียม รูป 1 = 1 x8x3 12
พ้ืนที่สี่เหลี่ยม รปู 2
2
ดงั นน้ั พน้ื ทที่ แ่ี รเงาท้งั หมด
= 1 x10x8 40
2
= 12 + 40 = 52 ตารางหนว ย
249
1.2
วิธีทํา พื้นทว่ี งกลม = 22 x3.5x3.5
7
พน้ื ทท่ี ่ีแรเงาทัง้ หมด = 38.5 ตารางหนว ย
1.3
วธิ ที าํ พ้นื ทีว่ งกลม = 22 x7x7 154 ตารางหนวย
พน้ื ท่สี เ่ี หลยี่ ม 7
พน้ื ที่ท่ีแรเงาทง้ั หมด
= 14 x 14 = 196
= 196 – 154 = 42
250
1.4
11
2.5
2
6
วธิ ที าํ พน้ื ทส่ี ามเหลี่ยมรูปที่ 1 = 2.5
พน้ื ทส่ี ามเหลี่ยมรปู ท่ี 2 =
พื้นทส่ี ามเหล่ียมรูปท่ี 3 = 1x6=6
2x1=2
ดงั นน้ั พื้นท่ีแรเงาทง้ั หมด = 1x6=6
6+2+6 = 14 ตารางหนวย
1.5
วิธีทาํ พน้ื ที่สเ่ี หล่ียมรปู ท่ี 1 = 4 x 5 = 20
พื้นทสี่ ามเหลยี่ มรูปท่ี 2 = 1 x4x3 6
2
ดงั นั้น พ้ืนท่ีทัง้ หมด =
20 + 6 = 26 ตารางหนว ย
1.6
วธิ ที ํา พืน้ ที่สามเหลย่ี มรปู ท่ี 1 = พนื้ ท่ีสามเหล่ียมรูปที่ 2
พื้นที่สามเหล่ยี มรูปที่ 1และรปู ท่ี 2 = 1 x3x2x2 6
พื้นที่สเ่ี หลี่ยมรูปท่ี 3 2
ดังนัน้ พนื้ ท่สี ่ีเหล่ยี มทัง้ หมด
= 5 x 3 = 15
= 6 + 15 = 21 ตารางหนว ย
251
แบบฝก หดั ที่ 6
1. แผนผังบา นหลังหนึง่ มลี ักษณะและขนาดดงั รปู ถา บรเิ วณท่ีแรเงาตอ งการเทปนู ซเี มนต โดยเสยี คา ใชจาย
ตารางเมตรละ 250 บาท จะตองเสยี คาใชจา ยทั้งหมดก่บี าท กําหนดความยาวมหี นว ยเปน เซนตเิ มตร
วิธีทาํ พื้นทสี่ ี่เหลยี่ มรปู ที่ 1 = 1x2 = 2 ตารางเมตร
3 ตารางเมตร
พน้ื ท่ีส่เี หลยี่ มรูปท่ี 2 = 1x3 = 3 ตารางเมตร
8 ตารางเมตร
พืน้ ที่สเี่ หลี่ยมรูปท่ี 3 = 1.5 x 2 = 250 บาท
2,000 บาท
ดังนน้ั พน้ื ทีส่ ว นที่แรเงา = 2+3+3 =
ตองการเทปนู ซีเมนตโ ดยเสยี คาใชจ ายตารางเมตรละ
จะตองเสยี คา ใชจ ายท้งั หมด = 250 x 8 =
2. ตองการตัดเส้ือตวั หนง่ึ มลี กั ษณะดงั รปู จะตอ งใชผ ากตี่ ารางเมตร (ไมคดิ ตะเข็บ) ความยาวทก่ี าํ หนดมี
หนวยเปนเซนตเิ มตร
252
วธิ ีทาํ พน้ื ทส่ี ี่เหลย่ี มสวนแขนเสื้อ สว นที่ 1= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร
2
พื้นท่ีส่ีเหล่ยี มสวนแขนเสือ้ สว นท่ี 2= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร
2
พ้นื ท่สี เ่ี หล่ียมสว นท่เี ปนลาํ ตัว = 0.4 x 0.4 = 0.16ตารางเมตร
พน้ื ท่ีท้งั หมด คือ 0.0375 + 0.0375 + 0.16 = 0.235
จะตองใชผา 2 ชิ้น จะตองใชผ าท้งั หมด 0.235 x 2 = 0.47 ตารางเมตร
แบบฝกหดั ท่ี 7
1. จงคาดคะเนเวลาหรือชวงเวลาใหเ หมาะสมกับสถานการณตอ ไปน้ี
1.1 5.00 นาฬิกา
1.2 12.00 นาฬกิ า
1.3 หนาว , ธันวาคม
2. จงวงกลมลอ มรอบขอทเ่ี หมาะสมท่ีสุด สาํ หรบั ใชห นว ยในการคาดคะเน ระยะทาง นํ้าหนัก หรอื
ขนาดของสิง่ ตอ ไปน้ี
2.1 ข
2.2 ข
2.3 ก
2.4
2.4.1 ค
2.4.2 ก
2.4.3 ข
2.4.4 ข
2.5
2.5.1 ข
2.5.2 ก
3. ทางหลวงสายพหลโยธนิ กรุงเทพฯ-แมสาย ยาว 952 กิโลเมตร รถประจาํ ทางปรบั อากาศว่งิ บนทางหลวง
สายนต้ี ลอดเสนทางดว ยอตั ราเรว็ 80-100 กิโลเมตรตอชั่วโมง
3.1 10 – 12 ชว่ั โมง
3.2 4.00 – 6.00
3.3 24.00 – 2.00
253
4. ลิฟตข องโรงแรมแหง หนงึ่ บรรทกุ ผูโดยสายไดเ ทยี่ วละไมเกนิ 10 คน (600 กโิ ลกรัม) บางครั้งมี
ผูโดยสารเขาลิฟตเ พียง 8 คน ลฟิ ตจ ะมีเสยี งเตือน บางคร้งั มีผูโดยสาร 12 คน ลิฟตไ มม ีเสียงเตอื นยังใชงาน
ไดเปน เพราะเหตใุ ด จงอธบิ าย
ตอบ ถา นาํ้ หนักของคน 8 คน รวมกันเกนิ 600 กิโลกรัม
ถานา้ํ หนกั ของคน 12 คน รวมกันไมเกิน 600 กโิ ลกรัม
5. ทางหลวงสายเพชรเกษม (กรงุ เทพฯ-บา นคลองพราน จงั หวดั นราธวิ าส) 1,352 กิโลเมตร ทางหลวงสาย
มิตรภาพ (กรงุ เทพฯ-จังหวดั หนองคาย) 508 กิโลเมตร ทางหลวงสายสุขุมวทิ (กรงุ เทพฯ-จังหวดั ตราด) 400
กิโลเมตร
5.1 ระยะทาง 1,352 + 508 = 1,860 กโิ ลเมตร
ใชอตั ราเรว็ 90 – 100 กโิ ลเมตร ตอชัว่ โมง จะใชเวลาประมาณ 19 – 22 ชวั่ โมง
5.2 ใชเวลา 1,352 13.52 ช่ัวโมง จะถึงนราธิวาสเมื่อเวลาประมาณ ตี 2
100
5.3 ใชเวลา 400 5 ชั่วโมง
80
5.4 ทางหลวงเพชรเกษม ประมาณ 1,400 กโิ ลเมตร
ทางหลวงมิตรภาพ ประมาณ 500 กโิ ลเมตร
ทางหลวงสุขมุ วิท ประมาณ 400 กิโลเมตร
254
เฉลย บทท่ี 6
พ้นื ท่ีผวิ และปรมิ าตร
แบบฝกหดั ท่ี 1
1. จงหาพน้ื ทีผ่ วิ และปรมิ าตรของปรซิ ึมตอไปน้ี
วธิ ีทาํ ปรมิ าตร = พ้นื ทฐี่ าน x สูง
= 1 x8x3x5 = 60 ลกู บาศกเซนตเิ มตร
2
วธิ ที าํ ปริมาตร = พน้ื ที่ฐาน x สงู
= 1 x12x2x4 = 48 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร
2
แบบฝก หดั ที่ 2
1. จงหาปรมิ าตร และพื้นที่ผิวทง้ั หมดของทรงกระบอกสูง 10 เซนตเิ มตร มีเสนผา นศูนยก ลาง 14
เซนตเิ มตร
วิธีทาํ ปรมิ าตร = ¶ r 2 h
= 22 x7x7x10 1,540 ลูกบาศกเซนตเิ มตร
7
พ้นื ทฐี่ าน = ¶ r 2
= 22 x7x7 154 ตารางเซนตเิ มตร
พน้ื ท่ผี ิวขาง =
7
2¶rh
= 2x 22 x7x10 440 ตารางเซนติเมตร
7
ดังน้ันพ้ืนทผ่ี วิ ทงั้ หมด คอื 440 + (154 x 2) = 748 ตารางเซนตเิ มตร
255
2. จงหาปริมาตรของทรงกระบอกใบหนึ่งทมี่ ีรศั มขี องฐาน 3.5 นว้ิ และสูง 5 นว้ิ
วธิ ที ํา ปริมาตร = ¶ r 2 h
= 22 x3.5x3.5x5 192.5 ลกู บาศกน วิ้
7
3. จงหาปรมิ าตรและพนื้ ทผี่ ิวทงั้ หมดของถงั เกบ็ นํา้ รปู ทรงกระบอกใบหนงึ่ ท่ีมรี ศั มที ฐ่ี าน 3 เมตร
สูง 4 เมตร 90 เซนตเิ มตร
วธิ ที าํ ปรมิ าตร = ¶ r 2 h
= 22 x3x3x4.9 138.6 ลูกบาศกเ มตร
พน้ื ทผ่ี วิ ขาง =
7
2¶rh
= 2x 22 x3x4.9 92.4 ตารางเมตร
7
พ้นื ทฐ่ี านทั้ง 2 ขา ง = 2 x (3.14)x 3x 3 = 56.52 ตารางเมตร
ดงั นัน้ พน้ื ที่ผวิ ทง้ั หมด = 92.4 + 56.52 = 148.92 ตารางเมตร
แบบฝกหดั ที่ 3
1. จงหาปรมิ าตรและพนื้ ทผี่ ิวทง้ั หมดของพรี ะมดิ ที่สงู 6 เซนตเิ มตร ฐานเปน รปู สีเ่ หลย่ี มจัตุรัส ยาวดานละ 16
เซนติเมตร
วธิ ีทาํ หาสูงเอยี ง จากสูตร c2 a2 b2
พื้นที่ฐานสเี่ หลี่ยมจตั ุรสั = c2 82 62 256 ตารางเซนตเิ มตร
ปรมิ าตรพรี ะมิด = C = 10 512 ตารางเซนตเิ มตร
16 x 16 = 320 ตารางเซนตเิ มตร
= 576 ตารางเซนติเมตร
1 x พ้นื ที่ฐาน x สงู
พื้นทผี่ ิวเอยี ง =
ดังนน้ั พน้ื ท่ผี วิ ท้ังหมด = 3
1 x256x6 =
3
1 x4x16x10 =
2
256 + 320 =
256
2. จงหาพื้นท่ีผวิ เอียงของพรี ะมดิ ฐานรูปหกเหลยี่ มดานเทา มุมเทา ยาวดา นละ 4 เซนตเิ มตร สงู เอียง 7.5
เซนตเิ มตร
วิธีทําพน้ื ท่ีผวิ เอยี ง = 1 xความยาวรอบฐาน x สงู เอยี ง
2
= 1 x (4 x 6) x 7.5
2
= 2 x 6 x 7.5 = 90 ตารางเซนตเิ มตร
แบบฝกหดั ท่ี 4
1. จงหาปรมิ าตร และพน้ื ท่ผี ิวทง้ั หมดของกรวยกลมทส่ี ูง 24 เซนติเมตร มีเสน ผา นศนู ยก ลาง 14 เซนติเมตร
วธิ ที ํา ปริมาตร = 1¶r2h
สงู เอยี ง
3
= 1 x 22 x7x7x24
37
= 1,232 ลกู บาศกเซนติเมตร
= A2 242 72 = 625
A = 25
พื้นทีฐ่ าน = ¶ r 2
= 22 x7x7 154 ตารางเซนติเมตร
พนื้ ท่ผี ิวเอยี ง = 7
¶rl
= 22 x7x25 550 ตารางเซนติเมตร
= 704 ตารางเซนติเมตร
7
ดงั นั้นพ้นื ทผ่ี วิ ทง้ั หมด = 154 + 550
2. จงหาปริมาตรและพ้ืนท่ผี ิวทง้ั หมดของกรวยกลมที่สงู เอยี ง 5 เซนตเิ มตร มเี สนผานศนู ยก ลาง
8 เซนติเมตร (ตอบในรูป )
วธิ ีทํา หาสูงตรง c2 a2 b2
ปรมิ าตร a2 52 42
a =3 = 16 ¶ลูกบาศกเซนตเิ มตร
= 1¶r2h
3
= 1 ¶ 42 x3
3
257
พน้ื ทผ่ี ิวเอยี ง = ¶rl = 20 ¶ตารางเซนตเิ มตร
= ¶ (4)(5)
= 16 ¶ตารางเซนติเมตร
พน้ื ท่ฐี าน = ¶r2 = 36¶ตารางเซนตเิ มตร
=
¶42
พื้นที่ผวิ ทัง้ หมด = 20 ¶ + 16¶
3. จงหาปริมาตรจรวดทรงกระบอกมปี ลายเปนกรวย มเี สนผานศูนยกลาง 14 เซนติเมตร ความยาว
ทรงกระบอก 30 เซนตเิ มตร ความสูงยอดกรวย 12 เซนติเมตร
วธิ ที ํา ปริมาตรทรงกระบอก = ¶r2h
ปรมิ าตรทรงกรวย
ปริมาตรท้งั หมด = 22 x7x7x30 = 4,620 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร
7
= 1¶r2h
3
= 1 x 22 x7x7x12 = 616 ลกู บาศกเ ซนติเมตร
37
= 4,620 + 616 = 5,236 ลูกบาศกเ ซนติเมตร
แบบฝก หดั ที่ 5
1. จงหาปริมาตรและพ้ืนท่ีผิวของทรงกลมซ่ึงมเี สน ผานศูนยกลาง 14 เซนตเิ มตร
วิธีทํา ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3
พ้นื ทีผ่ ิวทรงกลม
3
= 4 22 77 7 = 1,437.3 ลูกบาศกเ ซนติเมตร
37
= 4¶ r 2
= 4 x 22 x7x7 = 616 ตารางเซนตเิ มตร
7
2. ทรงกลมมปี ริมาตร 38,808 ลูกบาศกเซนตเิ มตร จงหารศั มแี ละพืน้ ทผ่ี ิว
258
วธิ ที าํ ปรมิ าตรทรงกลม = 4 ¶r3
พื้นทีผ่ วิ ทรงกลม
38,808 = 3
4 x 22 xr 3
r3 = 37
r= 38,808 3 7
= 4 22
=
21 เซนตเิ มตร
4¶ r 2
4x 22 x21x21 = 5,544 ตารางเซนตเิ มตร
7
3. ทรงกลมมพี นื้ ทีผ่ วิ 616 ตารางน้วิ จงหาปริมาตรของทรงกลม
วธิ ที าํ พ้นื ที่ผิวทรงกลม = 4¶ r 2
616 = 4 22 r 2
7
r 2 = 616 1 7
4 22
r = 7 เซนตเิ มตร
ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3
3
= 4 22 7 7 7
37
= 1,437.33 ลกู บาศกเ ซนติเมตร
4. โลหะกลมลกู หนึ่ง รัศมภี ายนอก 21 เซนติเมตร รศั มีภายใน 7 เซนตเิ มตร จงหาปริมาตรเน้อื โลหะ
วิธที าํ ปริมาตรทรงกลมรูปนอก = 4 ¶r3
3
= 4 22 21 21 21
37
= 38,808 ลกู บาศกเซนติเมตร
ปรมิ าตรทรงกลมรูปใน = 4 ¶ r3
3
= 4 22 7 7 7
37
= 1,437.33 ลูกบาศกเซนตเิ มตร
ดงั น้นั ปริมาตรเนอ้ื โลหะ = 38,808 - 1,437.33 = 37,370.67
259
แบบฝก หดั ที่ 6
1. สระแหงหนงึ่ เปนรปู สีเ่ หลยี่ มผืนผา กน สระกวาง 5 วา ลกึ 3 เมตร ยาว 15 เมตร ถา ใชเ คร่อื งสูบนาํ้ ออกจาก
สระไดนาทลี ะ 9,000 ลิตร จะตองใชเ วลาสบู นา้ํ เทา ไร
วิธที าํ ปริมาตรสระนา้ํ = กวา ง x ยาว x ลึก
= 10 x 15 x 3 ลูกบาศกเมตร
= 450 ลกู บาศกเมตร
1 ลกู บาศกเ มตร = 1,000,000 ลกู บาศกเ ซนติเมตร
= 450 x 1,000,000
= 450,000,000 ลกู บาศกเซนติเมตร
1 ลิตร = 1,000 ลูกบาศกเซนตเิ มตร
= 450,000,000 450,000 ลิตร
สูบน้าํ ออกจากสระไดน าทีละ =
1,000
9,000 ลติ ร
ตองใชเวลาสูบนาํ้ = 450,000 50 นาที
9,000
2. อางเล้ียงปลาทรงส่ีเหลยี่ มมุมฉากกวาง 90 เซนติเมตร ยาว 1.2 เมตร จุนํา้ 540 ลติ ร ตอ งการปกู ระเบ้ือง
ภายในอา งดว ยแผน กระเบื้องรูปสี่เหล่ยี มจตั ุรัส ยาวดา นละ 10 เซนตเิ มตร ตอ งใชก ระเบ้อื งอยางนอ ยทสี่ ดุ
เทาไร
วิธที าํ อางเล้ยี งปลาจนุ าํ้ 540 ลิตร คิดเปน 540 x 1,000 = 540,000 ลกู บาศกเ ซนติเมตร
หาความลึกอางเลีย้ งปลาจาก 540,000 = 90 x 120 x ลึก
ความลึก = 540,000 50 เซนติเมตร
90 120
หาพน้ื ทอ่ี างเลี้ยงปลาดานท่ี 1 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนติเมตร
หาพนื้ ทอ่ี า งเลีย้ งปลาดา นที่ 2 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนตเิ มตร
หาพื้นที่อา งเลี้ยงปลาดา นที่ 3 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนตเิ มตร
หาพนื้ ที่อางเลย้ี งปลาดานที่ 4 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนติเมตร
หาพื้นทอ่ี า งเลยี้ งปลาดา นท่ี 5 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตร
หาพื้นทอ่ี า งเล้ียงปลาดา นที่ 6 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตร
ดังนั้นพื้นท่ีอางเลยี้ งปลาท้ังหมด = 4,500 +4,500 +6,000 +6,000 +
10,800 +10,800= 42,600 ตารางเซนติเมตร
หาพน้ื ที่กระเบ้ือง = 10 x 10 = 100 ตารางเซนติเมตร
ดงั น้ันตองใชก ระเบอ้ื ง = 42,600 426 แผน
100
260
3. นา้ํ ยาบวนปากขวดหน่ึงปริมาตรสุทธิ 700 มลิ ลิลิตร ใชอ มปวนปากครั้งละ 10 มิลลลิ ิตร วนั ละ 2 ครงั้ จะ
ใชไดก ่วี นั
วิธที ํา น้าํ ยาบวนปากขวดหนงึ่ ปริมาตรสุทธิ 700 มิลลลิ ิตร
ใชนํา้ ยาบว นปาก คร้ังละ 10 มิลลิลติ ร วันละ 2 ครง้ั = 10 x 2 = 20 มลิ ลิลติ ร
จะใชไดทั้งหมด = 700 35 วนั
20
4. ถงั น้ําทรงลกู บาศกยาวดานละ 2 เมตร จุนาํ้ ไดก ี่ลิตร
วธิ ีทํา ถงั นํ้าทรงลกู บาศก มคี วามจุ = 2x2x2 = 8 ลกู บาศกเมตร
8,000,000 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร
คดิ เปน = 8 x 1,000,000 = 8,000 ลิตร
จนุ ํ้าได = 8,000,000 =
1,000
5. ถังทรงสเ่ี หลีย่ มมุมฉากวัดภายในกวา ง 90 เซนติเมตร ยาว 1.50 เซนตเิ มตร สงู 1.20 เมตร บรรจุนํา้ เตม็ ถงั
ถา ตองการตวงนํ้ามนั จากถงั ใสแกลอนซ่งึ มคี วามจุ 4.5 ลติ ร จะไดน้ําทั้งหมดกแ่ี กลอน
วธิ ที าํ ถังทรงส่ีเหลยี่ มมปี รมิ าตร = 90 x 150 x 120
= 1,620,000 ลูกบาศกเซนตเิ มตร
สามารถจุนา้ํ ได = 1,620,000
และแกลอน 1 ใบสามารถจนุ ํา้ ได
1,000
= 1,620 ลติ ร
= 4.5 ลติ ร
ดงั น้ัน น้ํา 1,620 ลติ ร สามารถจุได = 1,620 360 แกลอน
4.5
261
แบบฝกหดั ท่ี 7
1. ถังเก็บนํ้ามันของปมแหงหนง่ึ เปนรูปทรงกลม มเี สน ผานศนู ยกลาง 7 เมตร ตอ งการทาสีครงึ่ ทรงกลมบน โดย
เสียคาทาสีตารางเมตรละ 40 บาท ตอ งเสยี คาทาสกี ่บี าท
วิธีทาํ พืน้ ที่ผิวทรงกลม = 4¶ r 2
พืน้ ทผ่ี วิ ครง่ึ ทรงกลม = 1 x4¶ r 2
2
= 1 4 22 3.5 3.5
27
= 77 ตารางเมตร
เสยี คา ทาสีตารางเมตรละ = 40 บาท
จะเสยี คาทาสี = 77 x 40
= 3,080 บาท
2. หินออนทรงลูกบาศกม ขี นาดดานละ 2.1 เมตร ถาตองการกลึงใหเ ปนรปู ทรงกลมใหมขี นาดเสนผา น
ศูนยกลางเทา กบั ความยาวของดา นลกู บาศก จะหาวา จะตองกลงึ หินออกไปปรมิ าตรเทา ใด
วิธีทํา
ปรมิ าตรลูกบาศก = ดาน3
ปริมาตรทรงกลม = 2.1 x 2.1 x 2.1 = 9.261 ลกู บาศกเ มตร
จะตองกลงึ ออก = 4 ¶r3
3
= 4 22 2.1 2.1 2.1
3 7 2 2 2
= 4.851 ลกู บาศกเ มตร
= 9.261 – 4.851
= 4.41 ลูกบาศกเ มตร
262
3. นําแทงตะกว่ั ทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉากกวา ง 8 น้วิ ยาว 11 นวิ้ หนา 5 นว้ิ ไปหลอมเปน ลูกปน ทรงกลมขนาด
รศั มี 1 นิ้ว จะหลอมไดก ลี่ กู
วิธีทาํ ปรมิ าตรของรปู สี่เหลีย่ มมมุ ฉาก = 8 x 11 x 5
= 440 ลกู บาศกน วิ้
ปรมิ าตรลูกปน ทรงกลม 1 ลกู = 4 ¶r3
จาํ นวนลกู ปนท่ไี ด
3
= 4 22 13
37
= 88 ลูกบาศกน ว้ิ
21
= 440 88
21
= 440 21
88
= 105 ลกู
263
เฉลยบทที่ 7
คอู ันดบั และกราฟ
แบบฝกหดั ท่ี 1
1. จงเขยี นคอู นั ดบั จากแผนภาพท่ีกาํ หนดใหตอ ไปนี้
1.1 (1,-1), (2,-2), (3,-3), (4,-4)
1.2 (1,c), (2,b), (3,a) , (4,d)
1.3 (1,0), (2,-1), (3,-2), (4,-3),(5,-4)
2. จงหาคา x และ y จากเง่ือนไขท่ีกาํ หนดใหใ นแตละขอ ตอ ไปนี้
2.1 x = 4 , y = 3
2.2 x = y , y = 2
2.3 x = 6 , y = 0
2.4 x = 4 , y = 4
แบบฝก หดั ที่ 2 B= (-1,2) C= (-4, -2) D=(1,-1)
1.1 A = ( 1,3) B= (-3,1) C= (4, 0) D=(3,-4)
1.2 A = ( 0,2)
264
2.1
265
2.2
แบบฝก หดั ท่ี 3
กราฟขางลางแสดงการเดนิ ทางของอนุวัฒนแ ละอนพุ นั ธ
3.1 2 ช่วั โมง
3.2 3 ชวั่ โมง
3.3 320 กิโลเมตร
3.4 2 ชว่ั โมง
3.5 160 กิโลเมตร
266
เฉลย บทที่ 8
ความสัมพนั ธร ะหวา งรปู เรขาคณติ สองมติ แิ ละสามมติ ิ
แบบฝกหดั ท่ี 1
1. จงบอกชนิดของรปู เรขาคณติ สามมติ ทิ ีม่ รี ปู คล่ดี งั ตอไปนี้
1. พรี ะมิดฐานสามเหลี่ยม 2. ปรซิ มึ สีเ่ หลยี่ ม หรือทรงสี่เหล่ยี มมุมฉาก
3. พีระมินฐานหกเหลี่ยม 4. ปริซึมหา เหลี่ยม
2. จงเขียนรปู คลข่ี องรูปเรขาคณติ สามมิตใิ นแตล ะขอ ตอ ไปน้ี
267
268
แบบฝก หดั ท่ี 2
269
แบบฝก หดั ที่ 3
จงจับคภู าพดานหนา ดานขา ง และดานบน ในแตละขอ ตอ ไปน้กี บั รปู เรขาคณติ สามมติ ิทีก่ าํ หนดให
ทางขวามอื โดยเลอื กตวั อกั ษรทกี่ ํากับไวใ นรูปเรขาคณติ สามมิติ เขียนเติมลงในชอ งวา งบนขวาของแตละ
ขอ
270
271
2. จงเขียนภาพดานหนา ดานขา ง และดานบนของรูปเรขาคณิตสามมติ ิตอ ไปน้ี พรอ มท้งั เขยี นจํานวน
ลูกบาศกก าํ กับไวใ นตารางสเี่ หล่ียมจัตรุ สั
272
เฉลย บทที่ 9
สถติ ิ
แบบฝกหดั ที่ 1
ขอท่ี ขอ ความ ขอมลู สถติ ิ
เปน ไมเ ปน
1 แดงสงู 163 เซนติเมตร
2 นางสาวภิ าวีมีสวนสดั เปน 35-24-36
3 น้ําหนักของนกั เรยี นทุกคนทเ่ี รียนชุดการเรยี นทางไกล
4 อุณหภมู ทิ ี่จงั หวดั ปทุมธานวี ันนี้วัดได 25 องศาเซลเซยี ส
5 สมศรไี ดคะแนน 15 คะแนน
ในการโยนเหรียญ 10 คร้งั เกดิ หัว 6 ครงั้ เกดิ กอ ย 4 คร้ัง ได
66
อัตราสวนทีจ่ ะเกดิ หัว 10
7 อาจารยศุภราเงินเดือน 23,000 บาท
8 ความสงู เฉลีย่ ของประชาชนทเี่ ปนชาย 162 เซนตเิ มตร
9 คน 6 คน เปนชาย 4 คน เปนหญิง 2 คน ทอี่ ยูในบา นวิชยั
10 จาํ นวนคดีอาชญากรรมในป 2551 ซ่งึ รวบรวมมาจากบันทกึ คดี
อาชญากรรมแตล ะวนั ในแตละสถานีตํารวจ
2.ใหผ ูเ รียนพิจารณาขอมูลในแตล ะขอตอไปน้ี แลว เขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ งท่ตี รงกับ
ความคดิ เห็น
ขอ มูลสถติ ิ
ขอที่ ขอความ ขอมลู ขอ มูล
คุณภาพ ปริมาณ
1 สถติ คิ นไขแ ยกตามเช้อื โรคของโรงพยาบาลแหง หนึง่
2 จํานวนครั้งของการโทรศพั ททางไกลจากแตละเครอื่ งใน
สํานักงาน 10 เครือ่ ง ในวนั หนึ่ง
3 ผจู ัดการถกู สมั ภาษณถ ึงจํานวนเปอรเซ็นตข องเวลาทํางานทใ่ี ชใน
การประชมุ
4 เคร่ืองสาํ อางโดยเฉพาะสีของสีทาปาก ซ่ึงแตล ะบริษทั ใน 10
บริษัท ไดระบวุ า มียอดขายมากที่สดุ
273
3. ใหผูเ รยี นพจิ ารณาขอความตอ ไปน้ี แลวเติมคาํ ตอบลงในชอ งวางตามความคดิ เหน็ ของผูเรียนวาเปนขอ มูล
ปฐมภมู ิ หรือทุติยภูมิ
3.1 ทุตยิ ภมู ิ
3.2 ปฐมภมู ิ
3.3 ทตุ ยิ ภมู ิ
3.4 ปฐมภูมิ
3.5 ทุติยภมู ิ
แบบฝก หดั ที่ 2
1. แผนภมู ิรูปวงกลมแสดงรายไดข องหางสรรพสนิ คา แหงหนึ่งโดยเฉลย่ี ตอวนั จําแนกตามแผนกตางๆ
1.1 นอยกวา 0.86 %
1.2 รายไดจากแผนกเครอื่ งสาํ อางนอยทสี่ ดุ คดิ เปน 12.87%ของรายไดจ ากแผนกทีร่ ายไดมากทส่ี ุด
1.3 51.43%
1.4 แผนกเครอ่ื งเขยี นแบบเรยี น คดิ เปน 20.11% ของรายไดทั้งหมด
274
2. จากการสอบถามงบประมาณทแี่ ตล ะกลุม สาระการเรยี นรไู ดม าจากการจดั สรรงบประมาณของทาง
โรงเรยี น เปนดงั น้ี
กลมุ สาระการเรยี นรู งบประมาณ จาํ นวนเปอรเ ซน็ ต ขนาดของมมุ ทีจ่ ดุ ศนู ยก ลาง
(บาท) ของรปู วงกลม (องศา)
คณิตศาสตร 35,000 35,000 100 10.29 35,000 360 37.06
วิทยาศาสตร 100,000 340,000 340,000
29.41 105.88
ภาษาตางประเทศ 48,000 14.12 50.82
ภาษาไทย 34,500 10.15 36.53
ศิลปะ 18,500 5.44 19.59
การงานอาชีพและเทคโนโลยี 40,500 11.91 42.83
สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 29,500 8.68 31.24
สงั คมศกึ ษา ศาสนา และ 34,000 10.00 36.0
วัฒนธรรม
3. จงเขยี นแผนภูมริ ูปวงกลมโดยใชจํานวนเปอรเ ซ็นตและขนาดของมมุ ท่ีจดุ ศนู ยกลางของรปู วงกลมที่
คํานวณไดจ ากตารางขา งตน
275
4. ใหผูเรียนพจิ ารณากราฟเสนตอ ไปน้ี
4.1 พ.ศ. 2529 , พ.ศ. 2531 , พ.ศ. 2533
4.2 พ.ศ. 2529 แตกตางกันประมาณ 28,000 ลูกบาศกเ มตร
4.3 ปรมิ าณไมส ักและไมประดูที่ผลิต จะลดลงเร่อื ยๆ แตปริมาณไมประดจู ะมกี ารเปล่ยี นแปลงมากกวา
4.4 ไมส ักผลติ ได 26,000 100 76.47% ของไมประดู
34,000
4.5 ปท ี่ผลิตไดมากท่สี ดุ คือ พ.ศ. 2530 คือ 52,000 ลกู บาศกเมตร
ปท ่ผี ลติ ไดนอยสุด คอื พ.ศ. 2533 คอื 5,000 ลกู บาศกเ มตร
ดงั นน้ั ท้ังสองปน้ตี า งกันอยู 52,000 – 5,000 = 47,000 ลูกบาศกเมตร
276
5. ตารางแสดงรายรบั – รายจายของนาย ก ในรอบ 6 เดือนแรกของป พ.ศ. 2546 เปน ดงั นี้
จากตารางนาํ เสนอขอมูลดวยกราฟเสน ไดด งั นี้
แบบฝก หดั ท่ี 3
1. จากขอมูล 2, 6,1, 5, 13, 6, 16 จงหาคาเฉล่ยี เลขคณติ ฐานนยิ ม และมธั ยฐาน
คา เฉลีย่ เลขคณติ = 7
มธั ยฐาน = 4
ฐานนยิ ม = 6
2. จากขอมูล 24, 16,18, 36, 7, 28, 6, 36, 12 จงหาคา เฉลยี่ เลขคณิต ฐานนยิ ม และมัธยฐาน
คาเฉลี่ยเลขคณติ = 20.33
มัธยฐาน = 18
ฐานนิยม = 36
3. จากขอมูล 10.1, 13.8, 15.6, 4.5, 18.6, 8.4 จงหาคาเฉลย่ี เลขคณิต ฐานนยิ ม และมธั ยฐาน
คาเฉลีย่ เลขคณติ = 11.83
มธั ยฐาน = 11.95
ฐานนยิ ม = -
277
แบบฝกหดั ที่ 4
1. จากตารางใหนกั เรียนหาความถ่สี ะสม โดยเติมลงในชอ งความถ่ีสะสม
มธั ยฐาน = 45 ฐานนิยม = 45 คาเฉล่ยี เลขคณติ คอื 44.72
2.
168
301
440
675
276
376
2,236
2,236 50 = 44.72
คา เฉลยี่ เลขคณติ คอื 44.72
278
3. ตอไปนี้เปน ตารางแจกแจงความถ่ขี องนาํ้ หนกั (หนวยเปน กโิ ลกรมั ) ของนกั เรยี น 60 คน
หาความถส่ี ะสมไดด ังนี้
2) ฐานนิยมของนํา้ หนกั อยใู นชว งใด ตอบ 40 -44
3) โดยสวนใหญน กั เรยี นหนกั อยใู นชว งใด ตอบ 40 -44
4). ถา เรียงนํา้ หนักนอ ยที่สุดไปยังนา้ํ หนกั มากทีส่ ดุ จงหาตาํ แหนงของมัธยฐาน
ตอบ มธั ยฐานอยูร ะหวางนํ้าหนกั ของคนที่ 30 และ 31
5) นักเรียนคดิ วามธั ยฐานของน้าํ หนักอยใู นชว งใด ตอบ 40 -44
279
6) หาคาเฉล่ยี เลขคณิต ใหนักเรยี นเตมิ คา ตางๆ ลงในชองวา งใหส มบรู ณ
280
281
เฉลย บทที่ 10
ความนาจะเปน
แบบฝกหดั ที่ 1
1. ใหผ เู รียนพจิ ารณาการทดลองสมุ ตอ ไปนว้ี า ผลจากการทดลองสุม อาจเปนอยา งไรบาง
1.1 อาจได หวั หรือ กอ ย
1.2 อาจไดห ัวท้ัง 2 เหรยี ญ หรอื ได หวั และ กอย หรอื อาจไดก อยท้งั สองเหรียญ
1.3 อาจไดล ูกปง ปองสเี หลืองสองลกู หรือสเี หลอื ง 1 ลูกและสแี ดง 1 ลกู
2.จงเขียนผลทอี่ าจจะเกิดขนึ้ ไดท้ังหมดจากการหมุนแปน วงกลมท่ีมีหมายเลข 1 และ2 แลวมาโยน
เหรียญบาท 1 อนั
ตอบ H,1 H,2 T,1 T, 2
3. จงเขยี นผลทัง้ หมดท่ีอาจจะเกดิ ข้ึนไดจ ากการหยบิ สลาก 1 ใบ จากสลากทเ่ี ขียนหมายเลขตง้ั แต
10 ถงึ 20 ไว
ตอบ 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20
แบบฝกหดั ที่ 2
1. ทอดลูกเตา 1 ลูก 1 ครง้ั
1.1 1, 2, 3, 4, 5,6
1.2 1, 2, 3, 4, 5
1.3 3, 6
2. ทอดลูกเตา 2 ลูกพรอ มกนั 1 คร้งั
2.1 {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6),
(2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6),
(3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6),
(4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6),
(5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6),
(6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)}
2.2 (2,6), (3,5), (4,4), (5,3) (6,2)
2.3 (4,6), (5,5), (5,6), (6,4),(6,5),(6,6)
2.4 (1,1),(1,2), (2,1)
282
2.5 (1,1), (1,3),(1,5),(2,1),(2,2),(2,4),(2,6), (3,1),(3,3),(3,5),(4,2),(4,4),(4,6),
(5,1),(5,3),(5,5),(6,2),(6,4),(6,6)
2.6 ไมมี หรอื เปน เหตุการณท่เี ปนไปไมไ ด
3. จากการสอบถามถึงปกรายงานที่ผเู รยี นชอบ 2 สี ในจาํ นวน 5 สี คือ สีขาว สฟี า สชี มพู สีเขียวและสี
เหลอื ง
3.1 (สขี าว,สีฟา), (สขี าว,สีชมพ)ู , (สขี าว,สีเขยี ว), (สีขาว,สเี หลอื ง), (สีฟา ,สีชมพ)ู , (สฟี า ,
สเี ขียว), (สีฟา,สีเหลือง), (สชี มพ,ู สเี ขยี ว), (สชี มพ,ู สเี หลอื ง), (สีเขยี ว,สเี หลือง)
3.2 (สขี าว,สีฟา ), (สขี าว,สชี มพ)ู , (สีฟา,สชี มพ)ู , (สีฟา,สเี ขียว), (สีฟา ,สเี หลอื ง), (สีชมพ.ู
สเี ขียว), (สีชมพ,ู สีเหลอื ง)
แบบฝกหดั ที่ 3
15
10
2. 1
6
3. 5
7
4. 1
52
5. 26
52
6. 6
36
7. ไมม ี
8. 100 ใบ
9. 1
2
10. 3
6
แบบฝกหดั ที่ 4
จากโจทยตอไปนใี้ หน กั เรยี นตอบวา ใครไดเ ปรยี บ
1. ใหนกั เรยี นทาํ ลูกบาศกห นงึ่ ลกู แลวเขยี นเลข 1 ที่หนาหน่งึ ของลกู บาศก เขยี นเลข 2 ท่ีหนา อกี สองหนา
สว นอีกสามหนา ท่ีเหลือเขยี น 3 ใชก ตกิ าตอ ไปนีต้ ดั สินการแพ ชนะ เสมอในการโยนลกู บาศกทท่ี ําขนึ้ นี้
คนละครงั้
1.1 ไมมีใครไดเปรียบเสยี เปรียบ
1.2 ผูเลน คนที่สองไดเปรียบ
283
เฉลย บทท่ี 11
เร่ือง การใชท ักษะกระบวนการทางคณิตศาสตรใ นงานอาชพี
1. บัญชรี บั จา ยประจาํ วนั ของนายสมพร ซึง่ ประกอบอาชพี เปนผูข ายปาทองโกใ นเวลา 5 วัน
วัน เดอื น ป รายการรับ จํานวนเงนิ วัน เดอื น ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ
บาท สต. บาท สต.
2,500 -
1 ต.ค. 54 - ยอดเงนิ คงเหลอื 8,000 - 1 ต.ค. 54 - ซือ้ แปง สาลแี ละ
350 -
ยกมาจากเดอื น วัตถุดบิ อ่นื ๆ 270 -
กนั ยายน 2554 - คาแกสหงุ ตม 840 -
320 -
- ไดร บั เงนิ จาก 4,800 - - คา อาหาร 200 -
100 -
การขายปาทองโก 430 -
290 -
2 ต.ค.54 - ไดรับเงินจาก 4,200 - 2 ต.ค. 54 - คาน้ํา คาไฟฟา 950 -
160 -
การขายปาทองโก - คาอาหาร 1,250 -
340 -
- คาถุงพลาสตกิ 2,000 -
- คา ถุงกระดาษ 250 -
120 -
3 ต.ค. 54 - ไดรับเงนิ จาก 3,900 - 3 ต.ค. 54 - จายคาโทรศัพท 480 -
การขายปาทอ งโก - คาอาหาร
- คา หนังสอื เรียน
- คา นา้ํ ดืม่
4 ต.ค. 54 - ไดร บั เงินจาก 4,500 - 4 ต.ค. 54 - จา ยคาเสอื้ ผา
การขายปาทองโก - คา อาหาร
- ซอ้ื แปงสาลแี ละ
วัตถดุ บิ อื่น ๆ
5 ต.ค. 54 - ไดรับเงินจาก 3,800 - 5 ต.ค. 54 - คา อาหาร
การขายปาทอ งโก - คา น้ําดมื่
- คา หนงั สอื พิมพ
รวมรายรับ 29,200 - รวมรายจาย 10,850 -
ยอดคงเหลอื ยกไป 18,350 -
284
2. ใหผ ูเรยี นจดั ทาํ บัญชีรบั จายประจําวนั ของผเู รียนในเวลา 1 สัปดาห
วัน เดอื น ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วัน เดอื น ป รายการจาย จํานวนเงนิ
บาท สต. บาท สต.
วนั ท่ี 1 ไดร ับเงนิ เดือนหรอื 18,000 - วนั ที่ 1 - คา น้ํามนั รถยนต 1,200 -
ไดเงนิ จากการขาย - คา อาหาร 340 -
- คา ผลไม 130 -
วันท่ี 2 ไดดอกเบี้ยจาก 3,000 - วันที่ 2 - คาอาหาร 280 -
เงนิ ฝาก - คาโทรศพั ท 430 -
- คานํา้ ดม่ื 150 -
วันท่ี 3 - คา กา ซหุงตม 360 -
- คาอาหาร 240 -
- คา หนงั สอื พมิ พ 240 -
วันที่ 4 - คา อาหาร 220 -
- คาเสอ้ื ผา 850 -
- คา ซกั อบรดี 350 -
วนั ท่ี 5 - คานํ้ามนั รถยนต 1,200 -
- คา อาหาร 280 -
- คาผลไม 180 -
วนั ท่ี 6 - คา อาหารและนมสด 400 -
- คา รองเทา 1,800 -
วันที่ 7 - คาอาหาร 280 -
- คานํา้ ด่ืม 140 -
รวมรายรับ 21,000 - รวมรายจา ย 9,070 -
ยอดคงเหลือยกไป 11,930 -
285
3. (1) สมรตอ งการซอื้ เตยี งนอน ตเู สื้อผา และโตะ
= 6,000 + 8,500 + 5,500 = 20,000
เสยี ภาษีมูลคาเพ่ิม = 20,000 7 = 1,400 บาท
100
สมรตองจา ยเงิน = 20,000 + 1,400 = 21,400 บาท
สมรซอ้ื เฟอรนิเจอรข า งตนไมค รบ 25,000 บาท ไมไ ดรบั สว นลด
(2) สมรซอ้ื ทุกรายการจากตาราง 6,000 + 8,500 + 600 + 5,500 +3,200 = 23,800 บาท
เสยี ภาษมี ูลคา เพมิ่ 23,800 7 = 1,666 บาท
100
ราคาเฟอรน ิเจอรท ้งั หมด 23,800 + 1,666 = 25,466 บาท
สมรซือ้ สินคา เกนิ 25,000 บาท ไดร ับสวนลด 10%
ไดรบั สว นลด 25,466 10 = 2,546.60 บาท
100
สมรตองจา ยเงิน = 25,466 – 2,546.60 = 22,919.40 บาท
4. (1) ดอกเบี้ยออมทรัพย = 500,000 0.75 1 = 3,750 บาท
100
3.42 4
(2) ดอกเบีย้ ฝากประจํา 4 เดอื น = 500,000 100 12 = 5,700 บาท
ฝากครบ 1 ป = 5,700 3 = 17,100 บาท
เสยี ภาษี = 17,100 15 = 2,565 บาท
100
ไดร บั ดอกเบี้ยจรงิ = 14,535 บาท
(3) ซื้อสลากออมสินได = 500,000 = 10,000 ฉบับ
50
ฝากครบ 1 ป ขอถอนไดรบั ดอกเบย้ี ฉบบั ละ 0.25 บาท
ไดร บั ดอกเบย้ี 500,000 0.25 = 2,500บาท
50
มสี ิทธถิ กู รางวัลเลขทาย 4 ตวั 12 เดือน ๆ ละ 2 รางวัล ๆ ละ 150 บาท
= 12 2 150 = 3,600 บาท
ไดร ับเงินรางวัลและดอกเบ้ียจากการซอ้ื สลากออมสิน
= 2,500 + 3,600 = 6,100 บาท
อมรควรฝากประจาํ 4 เดือน จะไดร บั ผลตอบแทนมากท่สี ดุ
286
5. เงินไดพ ึงประเมินของจาํ นง 15,000 12 = 180,000 บาท
หกั คา ใชจาย 40% ของเงินไดพ ึงประเมิน แตไ มเ กนิ 60,000 บาท
= 40 180,000 = 72,000 บาท
100
จาํ นงสามารถหกั คาใชจ ายไดแ ค 60,000 บาท
หัก คาลดหยอนตนเอง 30,000 บาท และคาเบ้ยี ประกนั ชีวติ 10,000 บาท
รวมหกั คาลดหยอ น 30,000 + 10,000 = 40,000 บาท
เงินไดส ุทธิของจาํ นง = เงินไดพ ึงประเมิน – (หกั คา ใชจ า ย + หกั คา ลดหยอ น)
= 180,000 – (60,000 + 40,000)
= 80,000 บาท
ดงั นนั้ จาํ นงตองยืน่ แบบภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา (ภ.ง.ด. 91) แตไมต อ งชําระเงนิ เพราะ
ไดร ับการยกเวน ภาษี (กรมสรรพากรกําหนดใหผ มู เี งินไดส ทุ ธติ ง้ั แต 0 ถงึ 150,000 บาท ไดร บั การยกเวน
ภาษี)
6. เมอื่ พจิ ารณาขอ มลู จากกราฟ บรษิ ัทแหงนจี้ ําหนายกระเปาไดสงู ขึน้ ตามลําดับ
ควรเพิ่มจํานวนในการส่ังซือ้ กระเปา เพมิ่ ขน้ึ เพ่ือเปน สตอคในการจําหนา ย
7. คา จางทาํ งานปกติ = 215 5 = 1,075 บาท
คาลวงเวลา = 215 1.5 3 = 967.50 บาท
พนักงานคนน้ีไดร ับคาจา ง = 1,075 + 967.50
= 2,042.50 บาท
8. ควรใชก ราฟเสนในการดูแนวโนม ผลกําไรของธรุ กิจยอนหลัง
9. วธิ ที ํา ปายมีความกวาง 10 นวิ้ = 10 ฟุต
12
21
ยาว 21 น้วิ = 12 ฟตุ
พน้ื ทีป่ ายท้ังหมด = 10 1221 3 = 4.375 ตารางฟุต
12
เสียคาใชจ ายทัง้ หมด = 4.375 185 = 809.375 บาท
คณะผูจดั ทาํ บุญเรือง 287
อ่มิ สุวรรณ
ท่ีปรึกษา จาํ ป เลขาธกิ าร กศน.
1. นายประเสริฐ แกว ไทรฮะ รองเลขาธกิ าร กศน.
2. ดร.ชัยยศ ตณั ฑวุฑโฒ รองเลขาธิการ กศน.
3. นายวัชรินทร ที่ปรกึ ษาดานการพฒั นาหลักสตู ร กศน.
4. ดร.ทองอยู ผอู ํานวยการกลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
5. นางรกั ขณา
ขา ราชการบํานาญ
ผเู ขยี นและเรยี บเรียง มวงบญุ มี ขาราชการบาํ นาญ
1. นายไชโย ตติยรตั นาภรณ
2. นางสาวกรณุ า ขา ราชการบาํ นาญ
ขาราชการบํานาญ
ผูบรรณาธิการและพัฒนาปรบั ปรงุ สํานักงาน กศน. จ.สมุทรสาคร
สาํ นักงาน กศน. จ.สมุทรสาคร
1. นายชุมพล หนูสง กลุมพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
2. นายไชโย มวงบุญมี
กลุมพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
3. นางสาวสิรนิ ธร นาคคุม กลมุ พัฒนาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน
4. นางสาวบบี ฮี ารา สะมัท กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
5. นางพรทพิ ย กลา รบ
กลุมพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน
6. นายสรุ พงษ มัน่ มะโน
กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน
คณะทาํ งาน มั่นมะโน
1. นายสุรพงษ ศรีรตั นศิลป
2. นายศภุ โชค ปทมานนท
3. นางสาววรรณพร กลุ ประดษิ ฐ
4. นางสาวศรญิ ญา
5. นางสาวเพชรินทร เหลืองจติ วัฒนา
ผูพมิ พต น ฉบบั
นางสาวเพชรนิ ทร เหลอื งจติ วฒั นา
ผูออกแบบปก ศรีรตั นศิลป
นายศภุ โชค
288
คณะผูพฒั นาและปรับปรงุ คร้ังที่ 2
ท่ปี รกึ ษา บุญเรอื ง เลขาธิการ กศน.
อิม่ สุวรรณ รองเลขาธกิ าร กศน.
1. นายประเสรฐิ จําป รองเลขาธิการกศน.
2. ดร.ชัยยศ จนั ทรโอกลุ ผเู ชย่ี วชาญเฉพาะดา นพัฒนาส่ือการเรยี นการสอน
3. นายวัชรินทร ผาตนิ ินนาท ผเู ช่ียวชาญเฉพาะดา นเผยแพรท างการศกึ ษา
4. นางวัทนี ธรรมวธิ กี ลุ หัวหนา หนวยศกึ ษานเิ ทศก
5. นางชลุ พี ร งามเขต ผูอ าํ นวยการกลุมพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
6. นางอญั ชลี
7. นางศทุ ธีนี ศนู ยเทคโนโลยีทางการศกึ ษา
ขา ราชการบาํ นาญ สํานกั งาน กศน.
ผพู ฒั นาและปรับปรุงคร้งั ท่ี 2 กลมุ พัฒนาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
กลมุ พัฒนาการศึกษานอกโรงเรยี น
1. นางจารพุ ร พทุ ธวิรยิ ากร กลุมพัฒนาการศกึ ษานอกโรงเรยี น
2. น.ส.วรวรรณ เบญ็ จนริ ตั น
3. นางพรรณทิพา ชินชชั วาล
4. น.ส.เบ็ญจวรรณ อาํ ไพศรี
5. นางสาวปยวดี คะเนสม
289
คณะผปู รบั ปรุงขอ มูลเกย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ป พ.ศ. 2560
ทีป่ รกึ ษา จาํ จด เลขาธกิ าร กศน.
หอมดี ผตู รวจราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร
1. นายสรุ พงษ ปฏิบัติหนา ทร่ี องเลขาธกิ าร กศน.
2. นายประเสริฐ สขุ สุเดช ผอู าํ นวยการกลุมพฒั นาการศกึ ษานอกระบบ
และการศกึ ษาตามอัธยาศัย
3. นางตรีนุช
ทพิ ยไ สยาษ กศน.เขตราชเทวี
ผปู รับปรงุ ขอ มลู
นางสาวเนาวรตั น
คณะทาํ งาน ม่ันมะโน กลุม พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั
ศรีรัตนศลิ ป กลุมพฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
1. นายสรุ พงษ อาํ ไพศรี กลุม พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย
2. นายศภุ โชค ปน มณีวงศ กลุมพัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
3. นางสาวเบ็ญจวรรณ เพช็ รสวา ง กลมุ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
4. นางเยาวรตั น วงคเรอื น กลุมพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
5. นางสาวสุลาง อมรเดชาวัฒน กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย
6. นางสาวทพิ วรรณ สงั ขพชิ ัย กลมุ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
7. นางสาวนภาพร
8. นางสาวชมพูนท