1
“ไซอวิ๋ ” ฉบับการเดนิ ทางสู่พทุ ธภาวะ
เรยี บเรยี งโดย นายชาญ วงศส์ ตั ยนนท์
อารัมภบท
จากเหตกุ ารณธ์ รณีพบิ ตั ภิ ยั คล่ืนยกั ษส์ นึ ามใิ นวนั ท่ี
๒๖ธนั วาคม ๒๕๔๗ ผเู้ ขียนไดเ้ ห็นเหตกุ ารณข์ องความทกุ ขย์ าก
เห็นความสบั สนในพฤตกิ รรมของประชาชน เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั
องคก์ รตา่ งๆ นกั การเมืองทง้ั ในระดบั ภมู ิภาคอนั ดามนั และ
รฐั บาล ยงั รวมไปถงึ บคุ คลภายนอกจากภายในประเทศ
ตา่ งประเทศท่ีเขา้ มาเก่ียวขอ้ งแลว้ สมั ผสั ท่ีไดร้ บั มีความ
หลากหลายของความรูส้ กึ นบั ตง้ั แต่ ความตาย ความพลดั
พราก ความตระหนก ความสญู เสีย การแสวงหา การรอคอย
ความวิตก ความกงั วล ความหวงั ความเมตตา ความช่วยเหลือ
ความเอือ้ อาทร การชว่ งชงิ ในความดีเพ่อื ความเดน่ การคดิ
แสวงหาประโยชนใ์ นลาภ ยศ ช่ือเสียง ฯลฯ
ติดตามดว้ ย คาถาม เกิดขนึ้ อีกอย่างมากมาย???
เกิดขนึ้ ดงั มากขนึ้ สบั สนมากขนึ้ ...
๖ เดือนผา่ นไปหลงั เหตกุ ารณ์ สถานะการณเ์ ลวรา้ ยลง
2
ไปอีก เพราะไม่มีนกั ทอ่ งเท่ียวกลบั มาเชน่ ดงั ท่ีคาดการณไ์ ว้ จาก สภาวะเช่นเดมิ ได้
ในท่ีสดุ ผลกระทบตา่ งๆท่ีนา่ หวาดหว่นั ก็ไดเ้ กิดขนึ้
ความเช่ือเดมิ ๆ จากหลายๆเหตกุ ารณใ์ นอดีต ทาใหเ้ ขา้ ใจวา่
ผลกระทบอนั ดบั แรกคือ การประกอบการทกุ ชนดิ ไมใ่ ช่เพยี ง
นกั ท่องเท่ียว คงกลบั มาท่องเท่ียวอีกภายในระยะเวลาอนั สนั้ ธรุ กิจทางการท่องเท่ียวเท่านนั้ ท่ีไดร้ บั ผลกระทบ แมแ้ ต่
รา้ นอาหาร รา้ นคา้ ท่ีทามาคา้ ขายกบั คนทอ้ งถ่ินต่างพากนั เงียบ
ประมาณการว่า ๒ – ๓ เดือน เพยี งคาดคะเนว่าครงั้ นีอ้ าจจะใช้ เหงา มีรายไดล้ ดลงเหลือเพียงรอ้ ยละ ๑๐ – ๑๒ จากท่ีเคย
ไดร้ บั ในอดีต ดว้ ยสภาวะวา่ งงาน ดว้ ยสภาวะแห่งการประหยดั
เวลานานกวา่ เล็กนอ้ ย หากเรง่ จดั ทากิจกรรม เพ่อื ทาการ ลดการใชจ้ า่ ย ตา่ งเตรยี มพรอ้ มกบั สถานะการณอ์ นั ไม่แน่นอนท่ี
อาจจะเกิดขนึ้ ในภายภาคหนา้ การเปล่ียนแปลงเพ่อื ความอยู่
ประชาสมั พนั ธค์ งสามารถกระตนุ้ ใหน้ กั ทอ่ งเท่ียวกลบั มาเรว็ ขนึ้ รอดมีใหเ้ ห็นในหลายรูปแบบ บา้ งเลกิ จา้ งพนกั งาน บา้ งลด
เงินเดือน บา้ งตดั ค่าใชจ้ า่ ย บา้ งเลกิ กิจการ บา้ งยา้ ยถ่ินฐาน
งบประมาณจงึ ใชไ้ ปจดั ทากิจกรรม เพ่ือการออกข่าว ทางาน ไม่เวน้ แมแ้ ต่การยา้ ยสถานท่ีประกอบการ ผลกระทบ
ทางสงั คมไดเ้ กิดขนึ้ ทง้ั ในทางกวา้ งและทางลกึ ไมว่ า่ การสญู
ประชาสมั พนั ธอ์ ย่างมากมาย แต่แลว้ เหตกุ ารณห์ าไดเ้ ป็นเช่นด่งั หายตายจากของคนในครอบครวั อนั เป็นท่ีพง่ึ ภาวะไรง้ าน
หนีส้ ินเพม่ิ พนู ครอบครวั แยกจากกนั การกระจดั กระจายของคน
คาดไม่ กลบั เลวรา้ ยรุนแรงมากย่งิ ขนึ้ อยา่ งท่ีไม่เคยปรากฏมา จากท่ีเคยอาศยั อย่รู ว่ มกนั อย่างผาสกุ ตอ้ งโยกยา้ ยเปล่ียนแปลง
แยกจากอย่างฉบั พลนั เพ่ือความอย่รู อด ความทกุ ขไ์ ดแ้ ผข่ ยาย
ก่อน เม่ือสายการบินต่างทะยอยพากนั ยกเลกิ เท่ียวบิน อยา่ ง กระจายไปอย่างท่วั ถงึ ทกุ ครอบครวั
เงียบๆไปทีละสายการบิน จนกระท่งั ๖ เดือนผา่ นไป มีคงเหลือ
เพียง ๕-๖ สายการบินเท่านนั้ ท่ียงั คงทาการบินอยู่ จากเดิมท่ีมี
มากกว่า ๒๐ สายการบิน สว่ นสายการบนิ ท่ียงั คงทาการบินอยู่
กาลงั เรม่ิ พจิ ารณาลดเท่ียวบินลงอีก ความวติ กเรม่ิ ขยายผล
อยา่ งกวา้ งขวางต่อคนทกุ กล่มุ ต่างวิเคราะหส์ ถานะการณแ์ ลว้
ลงความเห็นกนั วา่ หากปล่อยใหด้ าเนินการเช่นนีต้ ่อไป ไม่
ดาเนนิ การอะไรบางอย่างคงใชร้ ะยะเวลา ๒ ถึง ๓ ปีเป็นอยา่ ง
นอ้ ย เท่ียวบินๆตา่ งๆและสภาวะการณต์ า่ งๆคงจะกลบั คืนสู่
3
อยา่ งไรก็ตาม ในทา่ มกลางภาวะการณอ์ นั เลวรา้ ยท่ี สงั คมขาดซง่ึ หริ ิ (ความละอายแก่ใจทป่ี ระพฤตปิ ฏิบัติ
ในการทาช่ัว) และ โอตตปั ปะ (ความเกรงกลัวไม่
เกิดขนึ้ ยงั มีส่ิงท่ีดีงามใหไ้ ดพ้ บเห็นอยู่ บา้ งบรจิ าคเงนิ และ อยากเขา้ ใกล้ อยากหนีใหไ้ กลห่าง ตอ่ ความช่วั การ
ทาบาป ทาทุจริต) น่นั เอง
ส่ิงของมากมายจนเกินท่ีจะจดั การได้ บา้ งเขา้ ช่วยเหลือผอู้ ่ืนดว้ ย
และแลว้ การระดมความคดิ ระดมสรรพกาลงั และ
ความจรงิ ใจในรูปแบบอาสาสมคั ร บา้ งใชก้ าลงั กาย และกาลงั ทรพั ยากร ไดเ้ กิดขนึ้ การแกไ้ ขปัญหาเรม่ิ เขา้ สทู่ ิศทางท่ีถกู ตอ้ ง
ไมช่ า้ นาน ๑ ปีผา่ นไป บรรยากาศทางการทอ่ งเท่ียว เรม่ิ มีการ
ความคดิ เขา้ แกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดขนึ้ เม่ือภาระกิจช่วยเหลือเสรจ็ สนิ้ เปล่ียนแปลง เรม่ิ มีความเคล่ือนไหว ปัญหาต่างๆเรม่ิ คล่ีคลาย
ลง น่นั คือ การพสิ จู นใ์ หเ้ ห็นชดั ว่า
ต่างแยกยา้ ยสลายตนกลบั ไป บคุ คลเหล่านีเ้ ม่ือไดพ้ บเหน็ แลว้
แนวทางแหง่ สัมมาทฏิ ฐิยอ่ ม
รูส้ กึ เป็นสขุ ใจย่งิ นบั วา่ เป็นทรพั ยากรบคุ คลอนั สงู คา่ ของ
เป็ นหนทางออกจากทุกข์
ประเทศโดยแท้ แต่ในขณะเดียวกนั ยงั ใหม้ ีส่ิงท่ีไม่ถกู ตอ้ งไดพ้ บ สาหรับทุกสิง่ อยา่ งแทจ้ ริง
เหน็ จนทาใหร้ ูส้ กึ หดห่ดู ว้ ยเช่นกนั น่นั คือการฉวยโอกาสใน แตค่ รนั้ ๑ ปีของเหตกุ ารณส์ นึ ามิ ความทกุ ขย์ าก
ความตอ้ งการความชว่ ยเหลือ การแกไ้ ขปัญหาเรม่ิ ดาเนินการ
หลากหลายรูปแบบเกิดขนึ้ บา้ งคือผแู้ อบอา้ งความเสียหายท่ี ปัญหาเรม่ิ มีความคล่ีคลาย แต่ยงั คงมีอยอู่ ีกเป็นจานวนมากท่ียงั
ไดร้ บั จากภยั สนึ ามิ เพ่อื มาขอแบง่ ปันรบั ประโยชน์ บา้ งคือ
บคุ คลท่ีพรอ้ มดว้ ยตาแหนง่ และฐานะ กลบั คอยฉกฉวยโอกาส
สรา้ งภาพของความช่วยเหลือ หวงั เพยี งเพ่อื ผลของการ
ประชาสมั พนั ธ์ ท่ีจะสรา้ งช่ือเสียงอนั ฉาบฉวยเพ่อื ประโยชนแ์ หง่
ตน บา้ งคือบคุ คลผแู้ ฝงกายดารงตาแหน่งอนั สาธารณะกลบั
แสวงหาผลประโยชนส์ ่ตู นในยามผคู้ นมีความทกุ ขเ์ ขญ็ อยู่ แลว้
ยงั คดิ ว่าตนเป็นผทู้ ่ีฉลาดสามารถ บคุ คลเหล่านีม้ ีใหเ้ หน็ อยู่ และ
นบั วนั จะทวีจานวนมากขนึ้ ทกุ วนั ทงั้ นีท้ งั้ นน้ั เป็นเพราะเหตทุ ่ี
4
ตกหล่น ละเวน้ ไมท่ นั จะแกไ้ ขปัญหาไดล้ ลุ ่วง ปัญหาทาง ธรรม เป็นสงั คมท่ีมีความระแวงตอ่ กนั เป็นสงั คมท่ีขาดความ
การเมืองท่ีไดส้ ะสมมาเป็นเวลานาน บงั เกิดความว่นุ วาย มี ไวว้ างใจต่อกนั เป็นสงั คมท่ีขาดการพง่ึ พาตอ่ กนั เป็นความ
ความสบั สนเป็นอยา่ งย่งิ มีความขดั แยง้ อย่างรุนแรง การ สบั สนจนไม่อาจเขา้ ใจว่าหลกั การของความดีความงาม ท่ีควร
แสวงหาประโยชนท์ ่ีปราศจากจรยิ ธรรม สงั คมขาดความสงบสขุ ยดึ ถือเป็นอย่างไร ในท่ีสดุ ความเอือ้ อาทรท่ีมีความหมายท่ี
การเมืองอนาถาแบบไทยๆ ท่ีขาดซง่ึ สมั มาปัญญาไดส้ ะสมมา แทจ้ รงิ กาลงั สญู สลายหายไป ความเช่ือถือไวว้ างใจตอ่ กนั สญู
อยา่ งยาวนาน ในเร่อื งตา่ งๆเหล่านี้ คือเพียงการแบง่ ขา้ งและ หายไป ธรรมะท่ีใชย้ ดึ ถือในการครองตน และปฏิบตั ิตอ่ ผอู้ ่ืน
เอาชนะกนั คือเพยี งการใหร้ า้ ยตอ่ กนั คือเพยี งเพ่ือช่ือเสียงของ กาลงั เป็นส่งิ ท่ีไม่มีผใู้ ดรูจ้ กั จนอาจเกิดเป็นคาถามจากคนรุน่
ตนเองดว้ ยการทาลายช่ือเสียงคแู่ ข่งขนั คือเพียงเพ่อื ปกปอ้ ง ต่อๆไป ท่ีอาจจะตะโกนรอ้ งถามหาว่า คาศัพทโ์ บราณ ท่ีเขียน
อดุ หนนุ จนุ เจือกลมุ่ ของตน คือเพียงเพ่อื ใหไ้ ดม้ ีสถานะในสงั คม อ่านวา่ จริยธรรม นั้นคืออะไร? มคี วามหมายอยา่ งไร? มี
คือเพียงเพ่อื การฉวยโอกาสหาประโยชนใ์ นรูปแบบตา่ งๆ ฯลฯ ใครรู้จักบา้ ง? ค้นหาได้ทไ่ี หน? ปัญหาทางสงั คมตา่ งๆกาลงั
แตห่ าใชก่ ารเมืองท่ีมงุ่ แสวงหาส่งิ ท่ีดีสดุ เพ่อื พฒั นาใหบ้ งั เกิด ทบั ถมทวีคณู ปัญหาเหลา่ นีม้ ีแนวโนม้ ว่าจะฝังรากลกึ ลงไปจน
ความดีความงามความเจรญิ ใหเ้ กิดขนึ้ ในสงั คม และมีความ เป็นส่งิ ปรกตใิ นวถิ ีชีวิต และเยาวชนกาลงั ซมึ ซบั รบั อทิ ธิพลจาก
ย่งั ยืนไปถงึ อนชุ นรุน่ ตอ่ ๆไป การเมือง ท่ีนกั การเมืองไดแ้ สดง ส่ิงเหลา่ นี้ ไปยดึ ถือเป็นแนวทางปฎบิ ตั ขิ องตน ไม่สามารถ
บทบาทไวอ้ ยา่ งผดิ ๆมาอย่างยาวนาน และทวีความรุนแรงมาก แบ่งแยกความดีความช่วั ออกจากกนั ได้ ความแตกแยกทาง
ย่งิ ขนึ้ ในระยะหลงั ทาใหป้ ระชาชนมีความรูส้ กึ ว่า กาลงั ขาด สงั คมมีความรุนแรงมากขนึ้ และส่อเคา้ วา่ อาจจะเกิดความ
ทิศทาง และเปา้ หมายในการดารงชีพทงั้ ตอ่ ตนเองและตอ่ สงั คม รุนแรงถงึ ขนั้ นองเลือดได้ เพราะการไดป้ ระโยชนด์ ว้ ยวธิ ีกลโกง
สงั คมมีความเส่ือมทรามลงดว้ ยปัญหาต่างๆ ท่ียากจะแกไ้ ขเพ่มิ หรอื การไดม้ าโดยไม่คานงึ ถงึ วธิ ีการท่ีถกู ตอ้ งตามทานองคลอง
มากขนึ้ จนเป็นสงั คมท่ีขาดความหวงั เป็นสงั คมท่ีขาดเมตตา ธรรม ยดึ ถือว่าเป็นเรอ่ื งปกติไปเสียแลว้ หรอื จะเป็นเพราะว่า
5
การเมอื งไทย คือ กระบวนการหล่อหลอมคนดีใหเ้ ป็ นคนเลว ? เหล่านีจ้ ะเป็นหลกั ธรรมในการครองตน และประคบั ประคอง
ในท่ีสดุ ประชาธิปไตยเขา้ ส่ตู าจน และ สดดุ หยดุ ลง แต่เหตไุ ฉน สงั คมใหด้ ารงคงไวใ้ หบ้ งั เกิดความผาสกุ สขุ สงบ ในเบือ้ งหนา้
กลบั เป็นท่ีพอใจของคนสว่ นใหญ่?
สืบไป ?
ทา่ มกลางสงั คมท่ไี รค้ วามหวงั ในขณะท่ีการเมืองยงั คงมี
ความขดั แยง้ อย่างไม่เลิกรา ปัญหาสงั คมเกิดขนึ้ ใหพ้ บเห็นมาก ปัญหาท่ีประเทศไทยเราเผชิญอยนู่ ี้ ไดส้ ะสมมากทบั ถม
ขนึ้ ทกุ วนั จนดเู หมือนจะแกไ้ ขหรอื หาทางออกไม่ได้ ความ
สบั สนจงึ ไดก้ ่อตวั ขยายผลออกไปอยา่ งไมจ่ บสิน้ เกิดกระแสแห่ง ทวีพนู จนแทบจะสะสางแกไ้ ขใหห้ มดสนิ้ ไปได้ หากจะพจิ ารณา
ความเช่ือในการเคารพบชู าเทพ แพรห่ ลายขยายวงออกไปท่วั
ทกุ ภาคของประเทศ จนเสมือนหนง่ึ จะเขา้ มาทดแทนศาสนา วา่ ปัญหาใดท่ีสาคญั สดุ ควรแก่การแกไ้ ขสะสางก่อน นบั วา่
พทุ ธท่ีนบั ถือกนั อยู่ และมีความเป็นไปอยา่ งน่าหว่นั ใจเป็นย่งิ นกั
ดว้ ยสบั สนในความเช่ือระหวา่ งการนบั ถือเทพ กบั การนบั ถือ ปัญหาเร่อื ง “คน” เป็นปัญหาท่ีใหญ่ท่ีสดุ ท่ีทาใหป้ ระเทศชาติ
ศาสนาพทุ ธ การนบั ถือทงั้ สองเร่อื งกาลงั จะไม่แตกตา่ งกนั เท่าใด
พเิ คราะหด์ หู ยาบๆดว้ ยความไมร่ ู้ ดจุ ด่งั เป็นเร่อื งเดียวกนั ดว้ ย ไมส่ ามารถพฒั นาใหส้ งั คมเกิดสนั ตสิ ขุ ได้ ดว้ ยเป็นสงั คมท่ีขาด
พระสงฆใ์ นพทุ ธศาสนารบั การนมิ นต์ เขา้ รว่ มทาพธิ ีปลกุ เสกวตั ถุ
มงคล เสมือนหน่งึ บชู าเทพแทนองคส์ มั มาสมั พทุ ธเจา้ ผซู้ ง่ึ เป็น การใชค้ ณุ ธรรม จรยิ ธรรมเป็นเกณฑใ์ นการวดั คณุ ค่า และ
ศาสดาแห่งตน ประชาชนท่วั ไปจานวนมาก ต่างแสวงหามา
คลอ้ งประดบั คอของตน ดว้ ยส่ิงท่ีไดร้ บั ฟังจากการเลา่ ขาน เกิด ระดบั ของคนท่ีควรแก่การเคารพนบั ถือ เป็นสงั คมท่ีขาด
ความเช่ือในรูปแบบต่างๆกนั ต่างพงึ ตอ้ งมีไวต้ ิดกบั ตวั หรอื ว่าส่งิ
ภมู คิ มุ้ กนั จากความช่วั จงึ เป็นสงั คมท่ีขาดบนั ทดั ฐานในการอยู่
รว่ มกนั เพราะวา่ สงั คมไดข้ าดหายส่งิ ท่ีเป็นรากฐานสาคญั ของ
ความพรอ้ มในการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ขุ คือ การพฒั นาคนให้
มีจิตใจท่ีดี มีคณุ ธรรม มจี รยิ ธรรม มี หิริ โอตตปั ะ แตน่ บั วนั ทกุ
ภาคีในสงั คมไดล้ ะเลย ไม่ใส่ใจ ความนิยมนบั ถือในทรพั ย์ ฐานะ
ตาแหน่ง ทาใหป้ ัจจบุ นั ทกุ คนในสงั คมแทบจะหาหลกั ธรรมใน
การครองตนไมไ่ ด้
หากเป็นเชน่ นีเ้ น่นิ นานไป “จรยิ ธรรม” คงโดนโรครา้ ย
6
(กเิ ลสและตณั หา) รุมเรา้ ทรุดโทรม และ อาจลม้ หายตายสญู ท่ีดีงาม ใหเ้ กิดขนึ้ ในสงั คม ตามเจตนารมณใ์ นการเขา้ ไปเป็น
จากไปได้ จงึ นบั จากนีเ้ ป็นตน้ ไป สมควรเป็นภาระท่ีนกั การเมือง ผแู้ ทนของปวงชน หรอื เป็นผนู้ าในชมุ ชนและองคก์ ร ตาม
ขา้ ราชการ องคก์ รต่างๆ และ ทกุ ภาคีในสงั คมท่ีจะพจิ ารณาเป็น รูปแบบประชาธิปไตยท่ีเขา้ ใจกนั และพบเห็นกนั อย่ใู นโลกใบนี้
พนั ธกิจ และดาเนนิ การเป็นอนั ดบั แรก โดยเฉพาะนกั การเมืองผู้ แต่ในประเทศไทย ดเู สมือนส่งิ ท่ีสะทอ้ นใหไ้ ดเ้ ห็นอยใู่ นปัจจบุ นั
อาสาท่ีจะทางานเพ่อื สงั คม ขา้ ราชการผคู้ วรเป็นแบบอยา่ งของ เป็นเพียงรูปแบบท่ียดึ ถือและตามอยา่ งกนั ในเร่อื งเหลา่ นี้ คอื
การสร้างภาพเพอ่ื การประชาสัมพันธอ์ ย่างฉาบฉวย คือ
การปฏิบตั ิตน ผนู้ าองคก์ รตา่ งๆแมแ้ ต่ผนู้ าชมุ ชนในแต่ละระดบั การแสวงหาและฉกฉวยโอกาสและประโยชน์ คอื การแก้
เกมทางการเมืองหวังแพช้ นะกันเป็ นทต่ี งั้ คอื ความรษิ ยา
และวงการต่างๆผเู้ ป็นท่ีพง่ึ ของชาวบา้ น ท่ีควรเป็นผชู้ ีน้ าทาง มุ่งร้ายทาลายกนั คอื การใส่ร้ายใหผ้ ู้อื่นเลวร้ายเสมอดุจด่ัง
ว่าตนเป็ นผู้ดงี าม คอื การขาดความรับผดิ ชอบตอ่ คาพดู
ความคิด ปฏิบตั ใิ หก้ บั สมาชิกขององคก์ ร จงึ เป็นบคุ คลท่ีตอ้ ง ของตนเอง เพ่อื ใหไ้ ดร้ บั คะแนนเสียง หรอื ใหไ้ ดร้ บั ความนยิ ม
ชมชอบ จนกลายเป็นวฒั นธรรมการเมืองไทย ท่ีวา่ การให้
รบั ภาระดงั กลา่ ว ท่ีจะนาเสนอตนเองใหเ้ ห็นเป็นแบบอยา่ งของ ได้มาซง่ึ คะแนนเสียงเพอ่ื การเลอื กตัง้ คือ เนือ้ หาของ
ความเป็ นประชาธิปไตย หากประชาธิปไตยของไทยยงั มี
ความดีงาม แต่หากบคุ คลท่ีกลา่ วถึงกลบั พจิ ารณาวา่ เรอ่ื ง เนือ้ หา และ มีรูปแบบเพยี งเท่านี้ และ ยงั คงนาเสนอผา่ น
ดงั กล่าวเป็นเร่อื งท่ีใชเ้ วลาและหาใชส่ าระไม่ สใู้ ชว้ ิธีการท่ีทาให้ นกั การเมืองท่ีไรอ้ ดุ มการณเ์ หลา่ นี้ สถานะการณเ์ ช่นในรอบ ๗๕
ไดร้ บั ความช่ืนชอบอย่างอนั ฉาบฉวย ดว้ ยการโฆษณา ปีท่ีผ่านมา คงวนเวียนกลบั ไปกลบั มา ใหเ้ ราไดเ้ หน็ อย่ตู ลอดไป
ประชาสมั พนั ธ์ หรอื เพียงปรากฏตวั ไปท่วั ในทกุ แหง่ หนใหเ้ ป็น เฉกเชน่ ภาพยนตร์ หรอื ละคร เพยี งเปล่ียนแปลงผแู้ สดงเทา่ นน้ั
ท่ีรูจ้ กั ดว้ ยมีความรวบรดั ในการสรา้ งความนา่ เช่ือถือไดร้ วดเรว็
กวา่ แมว้ ่าจะมีเนือ้ หาสาระหรอื ไม่ก็ตาม หรอื แมใ้ นบางครง้ั
ถึงกบั ขาดซง่ึ จรยิ ธรรมในการฉกฉวยโอกาส หากเป็นเช่นนี้ ท่าน
อาจลืมเลือนหนา้ ท่ีและพนั ธกิจท่ีแทจ้ รงิ ไปได้ น่นั คือ การปฏบิ ตั ิ
หนา้ ท่ี ในการคดิ คน้ แสวงหา และดาเนนิ การพฒั นาสรา้ งสรรส่ิง
7
ทง้ั ๓ ปรากฏการณด์ งั กล่าวขา้ งตน้ นน้ั เราทา่ นคงได้ ประคบั ประคองจติ ไมห่ ลงผิดไปในมรรคาแห่งมจิ ฉาทิฏฐิ ซง่ึ
เป็นส่งิ ท่ีไม่สามารถมองเห็น หรอื ทาความเขา้ ใจไดย้ าก หรอื หา
เห็นวงจรแหง่ ความเส่ือม เป็นปัญหาท่ีไมใ่ ช่หนา้ ท่ีใครมาแกไ้ ข ไดม้ ีผลตอบสนองใหเ้ ห็นเป็นรูปธรรมไดช้ ดั เจน แต่ความจรงิ แลว้
ทงั้ ๒ เรอ่ื งเป็นเรอ่ื งเดียวกนั โดยไมส่ ามารถแยกจากกนั ไดเ้ ลย
แต่เราทา่ นนน้ั เองคงตอ้ งเป็นผแู้ กไ้ ขเอง มฉิ นน้ั คงไม่สามารถ ดว้ ยส่ิงท่ีปรากฏเป็นรูปธรรมใหเ้ ราเห็นนน้ั เป็นผลพวงท่ีเกิดขนึ้
จากกระบวนการ ท่ีพฒั นาขนึ้ มาจากจติ ใจของแต่ละ “คน” จงึ
หลดุ พน้ วงจรนีไ้ ปได้ และหากยงั รกั ษาวฒั นธรรมเดิมๆวา่ อาจกล่าวไดว้ ่า “จติ คนเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน / สังคม
เปลี่ยน จติ คนเปลี่ยน”
ปัญหาท่ีพบเหน็ เป็นภาระของคนอ่ืน ตนเป็นผมู้ ีหนา้ ท่ี
ไดม้ ีผรู้ อ้ งขอใหผ้ เู้ ขียนชว่ ยรวบรวม และเรยี บเรยี งเร่อื ง
วิพากษว์ จิ ารณเ์ ท่านน้ั และหารูไ้ ม่วา่ การวิจารณท์ ่ีเกินความเป็น “ไซอ๋วิ ” จากท่ีไดเ้ คยเผยแพร่ หรอื แสดงความคดิ เห็นไวใ้ นเวที
ต่างๆในอดีต ประกอบกบั ประสบการณส์ าคญั ๆ ท่ีผเู้ ขียนได้
จรงิ หรอื บิดเบือน ก็จะกลบั กลายมีความเส่ือมมากย่งิ ขนึ้ เพราะ ประสพมาในชีวติ หลายครง้ั หลายตอน จงึ บนั ดาลใจใหผ้ เู้ ขียน
คดิ ท่ีจะรวบรวม และเรยี บเรยี ง “ไซอ๋วิ ” ฉบบั เดินทางส่พู ุทธ
หาไดค้ น้ หาวา่ ปัญหาเหลา่ นีม้ าจากไหน(สมุหทยั ) ส่วนผเู้ ขียน ภาวะ “พทุ ธภาวะ-สัมมาทฏิ ฐิ” (มีปัญญาทเ่ี หน็ อย่าง
ถกู ตอ้ งชอบธรรม) ใหม้ ีความสมบรู ณม์ ากขนึ้ เพ่อื ใหม้ ี
ขอวเิ คราะหว์ า่ ทงั้ หมดนีม้ าจากปัญหาเรอ่ื ง “คน” หรอื ตัวกู การศกึ ษาเนือ้ หาพทุ ธธรรมในอีกมิติหนง่ึ ท่ีเขา้ ใจง่าย ใหร้ ูส้ กึ ว่า
ศาสนาพทุ ธไม่ไดซ้ บั ซอ้ นยากท่ีจะเขา้ ใจอย่างท่ีคดิ เพราะเนือ้
น่นั เอง เน่ืองจาก “คน” กบั “ศาสนา” กาลงั หา่ งกนั ออกไป เร่อื งไซอ๋วิ นน้ั มีรายละเอียดของเร่อื งราว ท่ีกล่าวถงึ พระถงั ซมั จ๋งั
ทกุ ขณะ อาจจะเป็นดว้ ยรูปแบบพธิ ีการต่างๆทาใหด้ เู หมือนวา่
ศาสนาเป็นเรอ่ื งของคนอีกสงั คมหน่งึ ท่ีลา้ หลงั หรอื เป็นเร่อื ง
ของคนอีกภพหนง่ึ และ หรอื อาจจะดว้ ยเหตแุ หง่ ความเป็น
นามธรรมของศาสนา ในขณะท่ีสงั คมมีความเจรญิ ทางรูปธรรม
ใหเ้ ห็นชดั มากกว่า เพราะเป็นการเปล่ียนแปลงในส่งิ ท่ีมองเห็น
ไดช้ ดั ยอ่ มทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจไดง้ ่ายกวา่ เพราะเร่อื งของ
ศาสนาเป็นการใหค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจ ในความเป็นมาเป็นไป
ตามธรรมชาตขิ องจิตใจ เพ่อื นาไปปฏิบตั ิพฒั นาจติ ใจ
8
และคณะเดินทางไปยงั อนิ เดีย เพ่อื นาพระไตรปิฎกกลบั มายงั อย่างละเอียดลกึ ซงึ้ ต่อไปได้ จากเจตนาดง้ั เดมิ ของท่าน อู่ เฉิง
เอนิ เขา้ ใจวา่ คงมีเจตนาจะสอนธรรมะในรูปแบบลกั ษณะของ
เมืองจีน ในระหวา่ งทางไดเ้ ผชญิ กบั ปีศาจต่างๆ แต่จะหามีผรู้ ู้ นทิ านทางศาสนา แต่เม่ือกาลเวลาท่ีผา่ นไปแต่ละยคุ สมยั ไดม้ ีผู้
ท่ีคดั ลอก หรอื แปลเรอ่ื ง ไดเ้ ลือกเอาเฉพาะเพยี งบางตอนท่ี
หรอื ไมว่ ่าเร่อื งราวในการเดินทาง และอปุ สรรคต่างๆของคณะ สนกุ ๆ (ยงิ่ คัดลอก ยง่ิ เลอะเลอื น) โดยไมไ่ ดน้ าส่วนขยาย
ความ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เนือ้ หาธรรมะมาเผยแพรด่ ว้ ย จงึ ทาใหเ้ ร่อื ง
พระถงั ซมั จ๋งั นนั้ ไดม้ ีการนามาเปรยี บเทียบกบั ธรรมะในพทุ ธ “ไซอ๋วิ ” ในกาลเวลาต่อมาจงึ กลายเป็นเพยี งเรอ่ื งสนกุ ๆ เล่า
ขานใหผ้ ใู้ หญ่และเด็กฟังกนั และในบางเร่อื งกลบั กลายเป็น
ศาสนา เพราะเร่อื ง “ไซอ๋วิ ” คือ การเดินทางของจติ ไปส่กู าร ความเช่ือสืบต่อๆกนั มา จนกระท่งั ตวั ละครต่างๆ เหล่านน้ั ได้
กลบั กลายมีตวั มีตนขนึ้ มาในกาลเวลาต่อมา บา้ งกลายเป็นเทพ
หลดุ พน้ ในแต่ละขนั้ แตล่ ะตอน นบั ตงั้ แตก่ ารเผชิญ กิเลส ตา่ งๆขนึ้ มา ใหเ้ ราไดก้ ราบไหวบ้ ชู ากนั ตราบเทา่ ทกุ วนั นี้
ตณั หา ชนั้ หยาบสดุ ไปจนถงึ ชนั้ ท่ีละเอียดสดุ เร่อื ง “ไซอ๋วิ ” เม่ือครง้ั ยงั เยาวว์ ยั ผเู้ ขียนไดม้ ีโอกาสอา่ นหนงั สือท่ี
เป็นคาแปลของทา่ นอู่ เฉิงเอิน ซง่ึ แปลโดยพระประทีป ปทีโป
ฉบบั เดนิ ทางสพู่ ทุ ธภาวะนี้ ทาใหก้ ารศกึ ษาธรรมะผ่าน แหง่ สวนโมกขลาราม กบั นายสนั ต์ ทวีกิตกิ ลุ และมีการอธิบาย
ขยายความหมายของตวั ละครในเรอ่ื ง “ไซอ๋วิ ” ทาใหเ้ กิดความ
วรรณกรรมเร่อื งนี้ จะพบวา่ พทุ ธศาสนามีหลกั ธรรมท่ีงา่ ยๆ ไม่ เขา้ ใจธรรมะท่ีองคพ์ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดท้ รงตรสั รู้ ชดั เจนขนึ้
และ สามารถตีความอีกทง้ั จดจาเนือ้ หาธรรมไดง้ ่าย ทาให้
สลบั ซบั ซอ้ นแต่อย่างใด อีกทง้ั สามารถทาความเขา้ ใจไดใ้ มย่ าก การศกึ ษาธรรมไมร่ ูส้ กึ เบ่ือหนา่ ย อยากติดตามว่าเรอ่ื งราวต่อไป
เท่าใดนกั ซง่ึ คงเป็นไปตามเจตนารมณข์ องผปู้ ระพนั ธ์
วรรณกรรมท่ีมีมาแต่เดิม
“ไซอ๋วิ ” ฉบบั ท่ีทา่ นจะไดอ้ ่านนี้ ขอทาความเขา้ ใจก่อน
ว่าเป็น “ไซอ๋วิ ” ฉบบั ท่ีท่านอู่ เฉิงเอิน (Wu Cheng-En)
ในยคุ สมยั แหง่ ราชวงศห์ มงิ (ค.ศ. ๑๕๐๐ – ๑๕๘๒) ไดร้ จนา
แตง่ เร่อื งราวขนึ้ โดยไดซ้ อ่ นเนือ้ หาธรรมไวอ้ ย่างชาญฉลาด และ
แยบยล ทาใหผ้ อู้ ่านมีความสนกุ และ เขา้ ใจในเนือ้ หาธรรมท่ี
แฝงอยไู่ ดง้ ่าย จงู ใจใหผ้ สู้ นใจผเู้ รม่ิ ตน้ สามารถศกึ ษาธรรมะ
9
ว่าเป็นอย่างไร พยายามหาความหมายวา่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆใน อน่ึงในการเรียบเรียงเนือ้ หาธรรมะ เป็ นเรื่องทม่ี ี
เร่อื งตรงกบั ธรรมในขอ้ ใด ครน้ั เม่ืออ่านไปจนจบ จงึ พบวา่ ความละเอยี ดอ่อนทก่ี ระทบ ตอ่ ความศรัทธาและความ
แทจ้ รงิ แลว้ “ไซอ๋วิ ” เป็นเรอ่ื งของการเดินทางในใจของคนเรา เชื่อถอื ดังนั้น หากการเรียบเรยี งครัง้ นีม้ เี นือ้ หา หรือ
หาไดเ้ ป็นการเดนิ ทางของพระถงั ซมั จ๋งั ไปแสวงหาพระไตรปิฎก ธรรมะ คลาดเคลอื่ นไป หรอื กระทบต่อความเชอื่ ถอื ทมี่ ี
ดงั ท่ีปรากฏเพ่อื ความสนกุ เพียงอย่างเดียวไม่ แตก่ ลบั เป็นเนือ้ หา
ท่ีวา่ การท่ีพระถงั ซมั จ๋งั ไดเ้ ดินทางเพ่อื แสวงหาจนพานพบ มาแต่เดมิ ผู้เขยี นหาไดอ้ วดตนเป็ นผู้รู้พุทธธรรมไม่ หรอื
พระไตรปิฎกแลว้ นากลบั มาถวายแดพ่ ระเจา้ ถงั ไทจงฮ่องเต้ นนั้ มเี จตนาทท่ี าใหพ้ ุทธธรรมมีเนือ้ หาเปลี่ยนไปไม่ ซง่ึ อาจ
คือ การเดนิ ทางทางจิตเพ่อื เขา้ ถึงส่พู ทุ ธภาวะ (นิพพาน)
น่นั เอง ผเู้ ขียนมีความประทบั ใจ ยดึ เป็นแนวทางในการศกึ ษา เป็ นดว้ ยความอ่อนดอ้ ยในการประพันธ์ ผู้เขียนกราบขอ
ธรรม ครนั้ นามาเปรยี บเทียบใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต ย่งิ ทาให้ อภยั มา ณ ทน่ี ีด้ ว้ ย อยา่ งไรกต็ ามเพยี งเพอ่ื เจตนารมณ์
เขา้ ใจชดั เจนมากขนึ้ ทวี่ ่าวรรณกรรมนีไ้ ดป้ ระพันธไ์ ว้ในอดตี มคี ุณคา่ ยงิ่ สมควร
ทเี่ รยี บเรียงถา่ ยทอดสบื ต่อๆกันไป ดังนั้นหากการเรียบ
การเรยี บเรยี งครงั้ นีจ้ งึ ยงั คงโครงเรอ่ื งเดมิ ไว้ แต่ได้ เรียงครัง้ นีส้ ร้างคุณประโยชนใ์ ดๆเกดิ ขึน้ ขอมอบส่งิ ดงี าม
ปรบั แตง่ เรยี บเรยี งใหม่เพ่ือทาความเขา้ ใจใหง้ ่ายมากย่งิ ขนึ้ โดย ทงั้ มวลใหก้ ับผู้ประพนั ธว์ รรณกรรมในอดตี ตามทไ่ี ดเ้ อ่ย
นาตวั ละครและอาวธุ ในเร่อื ง มาเปรยี บเทียบ เทียบเคียงกบั
ธรรมะควบคกู่ นั ไป และขยายความไวใ้ นตอนทา้ ยเรอ่ื งแต่ละ มาข้างตน้ ได้บรรจงสร้างสรรไว้
ตอน เป็นการเปรยี บเทียบเพ่อื ใหเ้ กิดความชดั เจนวา่ ตวั ละคร
ใด ส่ิงใด หมายถงึ ธรรมะใด ซง่ึ จะชว่ ยใหท้ าความเขา้ ใจใน “ไซอวิ๋ ” เทา่ ทเี่ ราทราบกนั อยใู่ นปัจจบุ ันเป็ น
ธรรมะแต่ละบทไดง้ ่ายขนึ้ เรอ่ื งราวของพระสงฆ์ ชอ่ื ถงั ซมั จ๋ัง พร้อมดว้ ยศิษยท์ งั้ สาม
คือ เหง้ เจยี ตอื โป้ยกา่ ย และซัวเจง๋ อาสาทจ่ี ะเดนิ ทางไป
ยังไซทเี พอ่ื ค้นหาพระไตรปิ ฎก และนากลับมาถวายพระ
เจ้าถังไทจง ในระหว่างทางได้พบอุปสรรคทตี่ ้องเผชญิ
เข้าตอ่ สู้เอาชนะกบั ปี ศาจ เพอ่ื ทจี่ ะสามารถเดนิ ทางบรรลุ
ถงึ ไซทไี ด้ แต่ละตอนนาความสนุกสนานเพลิดเพลินมา
10
ใหก้ ับผู้อ่าน เพราะเนือ้ เรอ่ื งทาใหต้ นื่ เตน้ ไปกับการผจญ กลางตวั ดงึ ขนึ้ ไปอยทู่ ่ีสงู ทาใหอ้ ดึ อดั และเจ็บปวดไดร้ บั ความ
ทรมานอยา่ งมาก
ภัยของคณะเดนิ ทางไปไซที ทพ่ี บกบั อุปสรรคทต่ี อ้ งเผชญิ ขุมท่ี ๒ ขงั ไวใ้ นท่ีมืดแมม้ ือตวั เองยงั มองไม่เห็น ทาใหร้ ูส้ กึ
หวาดกลวั และ อา้ งวา้ ง โดดเด่ียว
กับปี ศาจในรูปต่างๆ รู้สึกชน่ื ชมและประทบั ใจใน ขุมท่ี ๓ ลงไปอย่ใู นบอ่ ไฟท่ีไมม่ ีวนั ดบั ทาใหเ้ กิดความเรา่ รอ้ น
อยา่ งไม่มีวนั สนิ้ สดุ
ความสามารถของเหง้ เจยี หงุดหงดิ ไปกบั พฤตกิ รรมของ
ขุมที่ ๑ - ๓ นีส้ าหรับผทู้ ท่ี าบาปฆ่าสัตว์ ตดั ชวี ติ
ตอื โป้ยก่าย และคอยเอาใจช่วยไปกบั พระถงั ซัมจ๋งั แต่ ขุมท่ี ๔ มีหนอนมาเกาะกินท่ีปาก เพ่อื เป็นอาหารไดร้ บั ความ
ทรมานอย่างย่งิ
ทา่ นเข้าใจว่าเนือ้ หา “ไซอว๋ิ ”มีเพยี งเทา่ นั้นหรอื ? ขุมท่ี ๕ ถกู เอาเบ็ดเก่ียวท่ีลิน้ แลว้ ถกู ดงึ ลากออกมาอยา่ งไม่
สิน้ สดุ เจบ็ ปวดย่งิ
ก่อนจะเดินทางรว่ มกนั ไปส่ไู ซที คงตอ้ งมาทาความ ขุมที่ ๖ ถกู ถลกหนงั ออก แลว้ ราดรดดว้ ยนา้ เกลือ สดุ แสนจะ
เขา้ ใจกบั ตวั ละครใน “ไซอ๋วิ ” ตวั ละครแรกของเร่อื ง น่นั คือ ปวดแสบปวดรอ้ น
พระถงั ซมั จ๋งั (พระไตรปิ ฎกแหง่ พระราชวงศถ์ ัง มาจากคาว่า
ถัง + ซมั + จ๋ัง ซง่ึ มาจากคาว่า ถัง = ราชวงศถ์ ัง / ซัม = ขุมท่ี ๔ – ๖ นี้ สาหรับ ผู้ไม่ซอ่ื ตรง อกตญั ญู ไม่มธี รรมะ
สาม / จ๋งั = ตะกร้า หรอื ปิ ฎก) ในเร่อื งพระถงั ซมั จ๋งั อยู่ในใจ หรือปากว่านับถอื แต่ในใจสาปแช่ง เข้าข่ายเป็ น
(เปรยี บดจุ ขันติ - ความอดทนเพอื่ บรรลุถงึ สง่ิ ทด่ี งี าม) คนหน้าพระ แต่ใจปี ศาจ ทานอง ปากหวาน ใจคด
เป็นพระนอ้ งยาเธอของ พระเจา้ ถงั ไทจง (เปรียบดุจ ศรัทธา ขุมที่ ๗ เอาใสล่ งในท่ีโมห่ ิน แลว้ โม่ใหล้ ะเอียด
– ความเชอ่ื ถอื เชอื่ ม่ันในสิง่ ทดี่ งี าม) พระองคไ์ ดท้ รงเกิด ขุมท่ี ๘ เอาใสล่ งในครกหินแลว้ ตาใหล้ ะเอียด
สบุ นิ วา่ เดนิ ทางเขา้ ไปยงั นรกภมู ิ ไดพ้ านพบเห็นขมุ นรก ๑๘
ขมุ ไดแ้ ก่
ขุมที่ ๑ ผกู กอ้ นหนิ ขนาดใหญ่ทง้ั มือและเทา้ แลว้ เอาเชือกผกู
11
ขุมท่ี ๙ ใหเ้ กวียนบรรทกุ เหล็กเต็ม เขน็ ขนึ้ ทบั ขุมท่ี ๑๘ เอาตาขอเก่ียวทอ้ งดงึ ขนึ้
ขุมที่ ๑๖ – ๑๘ สาหรับคนบาปล่อลวงเอาทรัพยผ์ ู้อ่นื มา
ขุมที่ ๗ – ๙ สาหรับคนทม่ี ีแต่ความหลอกลวง แต่งฝี ปาก เป็ นของตัว
ใหค้ นหลงจนต้องเสียทรัพย์ และไม่มีความสุข
ขุมท่ี ๑๐ เอาลงไปในนา้ เน่าท่ีเหมน็ ท่ีสดุ มนึ หวั และแสบจมกู ภายหลงั จากต่ืนจากสบุ นิ พระเจา้ ถงั ไทจงฮอ่ งเต้
อยา่ งย่งิ (ศรัทธา - ความเชอื่ ม่นั ในสิ่งทด่ี งี าม) รูส้ กึ หวาดกลวั สานกึ
ขุมท่ี ๑๑ ถกู ถลกหนงั แลว้ ใหก้ าปากเหล็กจกิ กิน เจบ็ ปวด แสบ ถงึ บาปบญุ คณุ โทษ รูส้ กึ ผดิ ชอบ ช่วั ดี ทาใหพ้ ระองคม์ ีความ
ไปท่วั กาย ศรทั ธาเช่ือม่นั ในพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก และตอ้ งการสง่ เสรมิ
ขุมที่ ๑๒ ลากไสข้ องนกั โทษออกมา เจ็บปวดทรมานอย่างย่งิ ใหป้ ระชาชนรูจ้ กั และศกึ ษาพระพทุ ธศาสนา จงึ มีพระประสงคท์ ่ี
จะอาราธนาพระไตรปิฎกมายงั เมืองจีน พระถงั ซมั จ๋งั (ขันติ -
ขุมที่ ๑๐ – ๑๒ สาหรับผู้ค้าขายฉ้อโกง มักดูถกู ผู้อืน่ เป็ น ความอดทนเพอื่ บรรลุสิ่งทด่ี งี าม) ขนั อาสาท่ีจะจารกิ ไปไซที
คนโง่ ดถู กู คนจน คนตา่ ต้อย (อนิ เดยี ) เพ่อื ไปเขา้ เฝา้ ต่อหนา้ พระพกั ตรข์ องพระยไู ล (พุทธ
ขุมที่ ๑๓ เอาใสห่ มอ้ ตม้ นา้ มนั เดือด จนละลาย ภาวะ - สัมมาทฏิ ฐิ) ตถาคตเจา้ ณ วดั ลยุ อมิ ย่ี และจะได้
ขุมที่ ๑๔ เอาเล่ือยชกั กลางตวั ขออญั เชิญพระไตรปิฎก กลบั มายงั เมืองจีน (ความหมายใน
ขุมที่ ๑๕ เอานกั โทษโยนขนึ้ ไปภเู ขาดาบ ส่วนนีห้ มายความว่า กอ่ นทจี่ ติ จะเดนิ ทางเข้าสู่พุทธภาวะ
เพอื่ กาหนดรู้ถงึ สภาวะธรรม แหง่ สัมมาทฏิ ฐินั้น จาต้องมี
ขุมที่ ๑๓ – ๑๕ สาหรับผู้ทาบาปมีจติ ริษยา สอพลอ ใช้ “ศรัทธา”ขนึ้ กอ่ น และเมื่อมี “ศรัทธา” ในทางอันเป็ น
อานาจเบยี ดเบยี นคนซอื่ ตรงทอ่ี ยใู่ นศลี ในธรรมใหไ้ ด้รับ ประเสรฐิ เช่นนีแ้ ล้ว จงึ จะบงั เกดิ “ขันต”ิ ตดิ ตามมา ในอัน
ความเดอื ดร้อน
ขุมท่ี ๑๖ ใหล้ งไปในบ่อเลือดเพ่อื กินนา้ เลือด
ขุมที่ ๑๗ เอาใสล่ งในบ่อนา้ กรด
12
ทจ่ี ะใหจ้ ติ ตงั้ ม่ันใน “สจั จะ” อธิษฐานทวี่ ่า จะทาการหม่ัน โดยธรรมชาติ เฉกเช่น มนุษยท์ กุ ผู้เกดิ มายอ่ มมจี ติ อันเป็ น
ศึกษา ประพฤติ ปฏบิ ัติ ดว้ ยความอดทนเพอื่ ทจ่ี ะเดนิ ทาง บริสุทธิ์ ครัน้ เม่อื เตบิ ใหญ่ขึน้ มักส่ังสมการเรียนรู้ทงั้ โดย
ใหบ้ รรลุถงึ สภาวะธรรม – ธรรมชาติ น่ันเอง) และน่นั คือ สัมมาทฏิ ฐิ และ มิจฉาทฏิ ฐิ หากไม่ไดร้ ับการอบรม
ฝึ กฝน บม่ เพาะ และนาไปปฏบิ ตั ใิ นแนวทางแหง่ สัมมา
ทงั้ หมดจงึ เป็นท่ีมาของเร่อื ง “ไซอ๋วิ ” แล้ว การเรยี นรู้ทส่ี ่ังสมมา จะบงั เกดิ ใหม้ ีมิจฉาทฏิ ฐิรุนแรง
มากขึน้ จนสัมมาทฏิ ฐิ ตอ้ งเส่ือมถอยหายไป จติ ต้องจม
พญามุ้ยเกาอ๋อง หรือ ซงึ หงอคง หรือ ซเี ทยี นใตเ้ ซยี หรอื อยใู่ นความเป็ นตัวกู ของกู มากขึน้ ตามลาดบั )
เหง้ เจยี (ปัญญา – การหย่งั รู้ในเหตแุ ละผล ของความดี ลิงเผือกตนนี้ หรอื พญามยุ้ เกาอ๋องปกครองลิง
ต่างๆเป็นปกติดีอยู่ ดว้ ยความเป็นลงิ ท่ีไมอ่ ย่นู ่งิ มีความทะยาน
ความช่ัว) จะดว้ ยเจตนาของ ฟา้ – ดิน (ธรรมชาต)ิ หรอื
อยากท่ีแสวงหาส่ิงท่ีอย่สู งู ขนึ้ ไปอีก คือประสงคท์ ่ีจะพน้ จาก
อยา่ งไรไมม่ ีใครทราบได้ ไดส้ รา้ งลงิ ตนหน่งึ (โพธจิ ติ -ปัญญา)
ความชราตอ้ งการความเป็นอมตะ จงึ พงุ่ ทะยานออกจากถา้ จยุ้
ขนึ้ มาจากหนิ กอ้ นหนง่ึ เดมิ เป็นลิงสามญั (มิจฉาปัญญา –
เล่ียมตอ๋ งออกสืบหาธรรมวเิ ศษ เดินทางไปจนถงึ ไซทีแต่ไมพ่ บ
ปัญญาทไ่ี ม่สงบน่ิงเป็ นสมาธิ เปรียบประดุจลิงทไ่ี ม่
ผใู้ ด (ไซทหี รืออนิ เดยี – นิพพาน แตเ่ น่ืองจากยงั เป็ น
สามารถนิ่งอยเู่ ฉยได้ ซุกซนจนเกดิ ความวุ่นวาย) และดว้ ย มิจฉาปัญญาอยู่ทาใหไ้ ม่เข้าใจในนิพพาน พบว่าเป็ นความ
ว่างเปล่า – คอื การไม่พบผู้ใด) จนในท่ีสดุ ไดไ้ ปถงึ เกาะลงั กา
เจตนาของ ฟา้ – ดนิ (ธรรมชาต)ิ อีกเชน่ กนั จงึ ใหเ้ จา้ ลงิ ตนนี้
พบท่านโผเถโจ๊วซือ ( โจว๊ ซอื = สังฆนายก) เม่ือทา่ นโผเถโจ๊
เม่ือเติบใหญ่มีอิทธิฤทธิ์ กาลงั กลา้ แขง็ ขนึ้ สามารถปกครอง วซอื ถามไถ่ท่ีมาท่ีไปของพญามยุ้ เกาอ๋องแลว้ จงึ รูว้ ่าลิงเผือกตน
บรรดาเหล่าลงิ ทง้ั หลาย จนลงิ เหลา่ นน้ั ท่ีเป็นบรวิ ารต่างพากนั นีย้ งั ไม่มีช่ือ ดงั นน้ั ทา่ นโผเถโจ๊วซือจงึ คดิ ตง้ั ช่ือใหว้ า่ “ซงึ หงอ
ยกใหล้ ิงตนนีข้ นึ้ เป็นใตอ้ ๋อง และฟา้ –ดนิ (ธรรมชาต)ิ ยงั ให้
เหง้ เจียตนนี้ มีคณุ ลกั ษณะท่ีแปลกแยกออกไปจากลงิ ทง้ั หลาย
คือ เป็นลงิ ท่ีมีผวิ ขาวเผือกผ่อง (โพธิจติ นั้นยอ่ มบรสิ ุทธิอ์ ยู่
13
คง” ซงึ หงอคงไดเ้ รยี นรูว้ ิชาจากท่านโผเถโจ๊วซือจนสามารถ จกั ขุวญิ ญาณ โสตวิญญาณ ฆานวญิ ญาณ ชวิ หาวิญญาณ
กายวิญญาณ และ มโนวิญญาณ) แตย่ งั รูส้ กึ ว่าเป็นเพยี ง
แปลงกายได้ ๗๒ อย่าง (สภาวะธรรม ๗๒ อย่าง, ส่วน อาวธุ ธรรมดา หามีฤทธิ์เดชเหมาะสมกบั ความสามารถอย่างตน
โป้ยก่ายแปลงกายได้ ๓๖ อย่าง รวมกันแปลงกายได้ ๑๐๘ ไม่ ตนนนั้ สมควรท่ีจะมีอาวธุ ท่ีวิเศษกว่านี้ จงึ ดาด่ิงลงใตบ้ าดาล
อยา่ ง เทา่ กับจานวนตัณหา ๑๐๘ ส่วนซัวเจ๋ง อนันตริก ไปขออาวธุ จากพระยาเง่าก๊วงเล่งอ๋อง เทพผรู้ กั ษาทอ้ งทะเล กบั
สมาธิ นั้นแปลงกายไม่ไดเ้ ลย) และขนของซงึ หงอคงทม่ี ีอยู่ นอ้ งทงั้ ๓ คือ เง่าคาเลง่ อ๋อง เง่าหยนุ เล่งออ๋ ง และ เงา่ สนุ เลง่
๘๔,๐๐๐ เส้น (ปรยิ ตั ใิ น ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ)์ ทกุ เสน้
แปลงเป็นลิงได้ จงึ ทาใหม้ ีอิทธิฤทธิ์เพ่ิมมากขนึ้ ดว้ ยสตุ ตพละ อ๋อง รวมเป็น ๔ เทพผรู้ กั ษาทอ้ งทะเล (ผู้เป็ นใหญ่ในนา้ ทงั้ ๔
หมายถงึ คุณธรรมทมี่ ีคุณสมบตั เิ ยอื กเยน็ ไดแ้ ก่ อิทธิบาท
(กาลังความสามารถทเี่ กดิ ขึน้ จากการฟัง, การเรียน) ทาให้
๔ - ทางแหง่ ความสาเรจ็ ๔ ประการ ประกอบด้วย
สามารถฆ่าปี ศาจ(กเิ ลส ตัณหา) คือ ความไม่รู้ (อวิชชา) ๑. ฉันทะ – ความพอใจรักใคร่ในส่งิ นั้น
ซง่ึ ต่อมานบั เป็นประโยชนใ์ นการเดนิ ทางไปไซที เม่ือเรยี นรูว้ ิชา ๒. วิรยิ ะ – ความพยายามทาส่ิงนั้น
จนหมดสนิ้ แลว้ จงึ ขอลาอาจารยก์ ลบั มายงั ถา้ จยุ้ เล่ียมต๋อง แลว้ ๓. จติ ตะ – ความเอาใจฝักใฝ่ ในส่งิ นั้น
ตงั้ ตนเป็นใหญ่ในหมปู่ ีศาจทงั้ หลาย ๔. วมิ ังสา - การพจิ ารณาใคร่ครวญหาเหตผุ ลในสิ่งนั้น)
ซงึ หงอคงแสดงอิทธิฤทธิ์ใหเ้ ทพทง้ั ๔ เหน็ เป็น
อยมู่ าไดร้ ะยะเวลาหน่งึ ซงึ หงอคง เหน็ วา่ อนั
ความสามารถของตนนนั้ ถา้ หากไดอ้ าวธุ วเิ ศษมาคกู่ ายนา่ จะดี ประจกั ษ์ เทพทง้ั ๔จงึ มอบอาวธุ วเิ ศษใหม้ า ไดแ้ ก่ รองเทา้ ทา
ไม่นอ้ ย ครง้ั แรกแสวงหามาไดอ้ าวธุ ท่ีทาดว้ ยเหล็กถงึ ๑๘ อยา่ ง ดว้ ยใยบวั ใส่แลว้ เหาะเหินเดนิ อากาศได้ เกราะทองคา
สามารถปอ้ งกนั อาวธุ ได้ หมวกทองคาปี กหงส์ สวมศีรษะแลว้
( คือ ความเข้าใจชดั ถงึ มูลธาตุ ๑๘ ได้แก่ อนิ ทรยี ์ ๖
ได้แก่ ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ อารมณ์ ๖ ได้แก่ รูป รส แคลว้ คลาดจากภยั ทง้ั ปวง (โพธิจติ นั้น พลกิ ผนั แปรเปลย่ี น
กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ และ วิญญาณ ๖ ไดแ้ ก่
14
ไดร้ วดเร็ว ไม่มีใครสามารถจับได้ไล่ทนั ) นอกจากนี้ ยงั ทา ๒. ทฏิ ฐิ – ความเหน็ ผิด
ใหม้ ีความสามารถตีลงั กาได้ ๑๘,๐๐๐ โยชนเ์ ป็นระยะทางจาก ๓. ภพ – ภาวะชวี ิตของสัตว์ มี ๓ ภพ ไดแ้ ก่ กามภพ รูป
เมืองไตถ้ งั ถึง ไซที (โพธิจติ สามารถเข้าถงึ นิพพานได้ ภพ และ อรูปภพ
เพยี งขณะจติ เดยี ว) แต่ซงึ หงอคงยงั หาพอใจไม่ พระยาเลง่ ๔. อวชิ ชา – ความไม่รู้จรงิ มีดว้ ยกันทงั้ สิน้ ๘ อวิชชา
อ๋องจงึ แนะวา่ ใหด้ าด่ิงลกึ ลงไปสสู่ ะดือทะเล แลว้ จะพบอาวธุ ไดแ้ กค่ วามไม่รู้ใน ๘ เรอื่ ง คือ
วเิ ศษอยู่ ณ กน้ ทะเลซงึ หงอไดพ้ บตะบองยกั ษฝ์ ังคา้ ยนั ทะเลกบั ๑.ทกุ ข์ – สภาวะทไ่ี ม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดมิ ได้
ทอ้ งฟา้ ไวอ้ ยู่ ซงึ หงอคงตรงเขา้ ใชพ้ ละกาลงั โยกถอนจนสะทือน ๒.สมุหทยั - เหตุทาใหเ้ กดิ ทกุ ข์
เรอื นล่นั ไปท่วั ทง้ั ทอ้ งทะเล ใตบ้ าดาลขมุ นรก และสวรรคช์ นั้ ฟา้ ๓.นิโรจน์ – การดบั ทกุ ข์
ในท่ีสดุ สามารถโยกถอนออกมาได้ อาวธุ วเิ ศษนี้ คือ ตะบอง ๔.มรรค - หนทางแหง่ การดบั ทกุ ข์
วิเศษ ยูอ่ ่ีกมิ ซอื เป๋ ง (แปลว่า ตะบองปลอกทองไดด้ ังใจ) ๕.อดตี - เวลาทล่ี ่วงผ่านไปแล้ว
ท่ีมีนา้ หนกั ถึง ๑๓,๕๐๐ช่งั ตะบองยอู่ ่ีนีใ้ หญ่เลก็ ยืดไดห้ ดไดด้ งั ๖.อนาคต - เวลาทย่ี งั มาไม่ถงึ
ใจนกึ สามารถเลก็ จนเก็บเหน็บไวใ้ นรูหไู ด้ (เปรยี บดังจติ ๗.ทงั้ อดตี และอนาคต - เวลาทล่ี ่วงผ่านเลยไป และ ยังมา
มนุษยท์ เ่ี ปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว นึกคดิ จะทาอะไร ไม่ถงึ
ตา่ งๆได้ดงั ใจนึก) เม่ือไดอ้ าวธุ สมใจแลว้ ก็บกุ ตะลยุ ลงไปยงั ๘.ปฏจิ จสมุปบาท–สภาพแหง่ ทกุ ขท์ เี่ กดิ ขึน้ เพราะเหตุ
ขมุ นรก ซง่ึ เป็นดินแดนของ เงย่ี ม ฬ่ออ๋อง (มจั จรุ าช - กเิ ลส แหง่ ปัจจัยตอ่ เน่ืองกนั มา)
อันละเอียดทเี่ กดิ มาพร้อมกับชีวติ แต่กบดานอยู่ภายในจติ
ได้แก่ โอฆะ ๔ - วังวนแหง่ การเวียนว่ายตายเกดิ คอื เม่ือถงึ ขมุ นรก ซงึ หงอคงตรงเขา้ ทาการ ลบบัญชีตาย
๑. กาม – ความอยาก ความใคร่ ของตน และ บรวิ ารเสียสนิ้ (หมายความว่า โพธิจติ นั้นไม่มี
15
วันแตกดับ) ตาแหน่งแลว้ อย่ไู ปๆจงึ เรม่ิ รู้ นกึ คดิ ไดใ้ นภายหลงั ว่า ตาแหน่งท่ี
ตนไดร้ บั การแตง่ ตงั้ นนั้ เป็นเพยี งแมก่ องเลีย้ งมา้ เท่านน้ั จงึ นกึ รู้
พระยาเล่งออ๋ ง และ พระยาเง่ียมฬอ่ ออ๋ ง จาตอ้ งพากนั หนีขนึ้ ไดว้ า่ โดนหลอกแลว้ คิดวา่ ความสามารถอยา่ งตนนนั้ มีมากมาย
ไปบนสวรรค์ ย่ืนฎีกาต่อเง็กเซยี นฮ่องเต้ (ผู้เป็ นใหญ่บน แตก่ ลบั ใหม้ าเลีย้ งมา้ คดิ ดงั นนั้ จงึ โกรธทาลายส่ิงของตา่ งๆ แลว้
สวรรค)์ พระองคจ์ งึ มีบญั ชาใหจ้ บั ตวั ซงึ หงอคงมาลงโทษ เหาะกลบั มายงั ท่ีอย่ขู องตนท่ีถา้ จยุ้ เล่ียมตอ๋ ง (โพธิจติ ทยี่ ัง
แต่ทา่ นพรหมทา้ ยเสียงเล่ากนุ (อุเบกขา – วางใจเป็ นกลางไม่ เถอ่ื นด้วยมจิ ฉาทฏิ ฐิอยู่นั้น ย่อมหาพอใจเพยี งบญุ ทไ่ี ร้
เอนเอียงดว้ ยความชอบหรอื ชัง เป็ นความรู้สึกเฉยๆไม่สุข เกยี รตไิ ม่) ฝ่ายปีศาจ
ไม่ทกุ ข)์ ออกอบุ ายว่า ซงึ หงอคง นนั้ มีฤทธิ์มากเพียงแต่มีความ ตระกลู ต๋อกก๊กั ๒ ตน(ได้แก่
ทะยานอยาก หากมอบตาแหน่งสกั อยา่ งใหซ้ งึ หงอคง นา่ จะเป็น
การเพียงพอแลว้ ไมจ่ าเป็นตอ้ งสรู้ บกนั อีกทง้ั ยงั จะไดซ้ งึ หงอคง มานะ - การถอื ตน กับ
มาอยภู่ ายใตก้ ารบงั คบั บญั ชาของสวรรคอ์ ีกดว้ ย เป็นการทดใช้ อตมิ านะ – ถอื ตนจนข่ม
พลงั เถ่ือนของโพธิ์ใหม้ าส่ฝู ่ายสวรรค์ (บญุ – ความประพฤติ ผู้อนื่ ถอื ตวั ว่าเหนือเขา)
ชอบ ทางกาย วาจา และใจ) จะไดป้ อ้ งกนั ไม่ใหโ้ พธิจติ ไปคบ ไดท้ ีเขา้ มาสวามิภกั ดิ์ แลว้ ยุ
หาสมาคมกบั ภตู ผี มิฉะนนั้ อาจจะเป็นภยั ต่อสวรรคใ์ นภายหลงั ยงซา้ เตมิ อีกวา่ ความสามารถอย่างท่านนนั้ ย่งิ ใหญ่นกั สมควร
ได้ เง็กเซยี นฮอ่ งเตด้ ารไิ ดจ้ งึ ไดถ้ ่ายทอดคาส่งั แตง่ ตง้ั ใหซ้ งึ หงอ จะเป็น ซเี ทยี นไตเ้ ซีย แปลว่า เป็ นใหญ่เสมอฟ้า จงึ จะ
คงใหเ้ ป็นแมก่ องเลีย้ งมา้ “เป๊ กเบอ้ นุ ” (เลีย้ งม้า กวาดขีม้ ้า) ถกู ตอ้ ง ซงึ หงอคงไดฟ้ ังเป็นท่ีชอบใจย่งิ นกั
ครง้ั แรกเม่ือไดฟ้ ังเหง้ เจียดีใจมาก ท่ีสวรรคม์ อบตาแหนง่ ใหต้ น
ใหร้ ูส้ กึ ยินดีย่งิ รบี รุดขนึ้ สวรรคเ์ พ่อื ไปรบั ตาแหนง่ หลงั จากรบั เม่ือเป็นดงั นีท้ างเงก็ เซียนฮอ่ งเตจ้ อมสวรรค์ เหน็ ซงึ
หงอคง บงั อาจท่ีไม่แยแสต่อตาแหน่งท่ีสวรรคแ์ ตง่ ตงั้ ให้ แถม
ทาลายขา้ วของ แลว้ ยงั ไปสมคบกบั ปีศาจอีก อีกทงั้ ยงั ตง้ั ตนเอง
16
เป็นซเี ทียนใตเ้ ซียอีกดว้ ย จงึ ส่งั ถกั ทะลีทอี ๋อง (กศุ ล – บุญ, ตาแหน่งเทา่ นนั้ เพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามอสั มมิ านะ(การถอื ตน) ของ
ความด)ี แมท่ พั สวรรคพ์ รอ้ มโลเฉยี (เจตสกิ - ธรรมที่
ประกอบกับจติ ) ลงไปปราบซงึ หงอคง(ใช้พลงั ของบุญกุศล ซงึ หงอคง (มจิ ฉาปัญญา) และยงั ใหส้ รา้ งหอขนึ้ ๒ หอ คือ
ไปน้อมนาใหโ้ พธิจติ เขา้ ใจในความดี การทาด)ี ซงึ หงอคง หอเยน็ ระงบั ใจ และ หอเกบ็ รักษาอารมณ์ นอกจากนน้ั ยงั
บอกว่าตนจะยอมสวามภิ กั ดิต์ ่อสวรรคก์ ็ได้ ถา้ หากแต่งตง้ั ใหต้ น
เป็น ซีเทียนไตเ้ ซีย (ใหญ่เสมอฟ้า) โลเฉีย (เจตสกิ - ธรรม ประทานสุราทบ่ี รรดาเซียนดมื่ กนิ ให้ ๒ คนโท (คอื ปิ ติ -
ประกอบและปรุงแต่งใหก้ บั จติ ) ไดฟ้ ังแลว้ โกรธจงึ เขา้ สรู้ บ
แตจ่ ะแสดงอิทธิฤทธิ์ใดๆ ซงึ หงอคงสามารถแปลงกายในรูปแบบ ความอม่ิ ใจทเ่ี กดิ ขึน้ จากการระงบั ใจ และ สุข - ความ
ตา่ งๆสไู้ ดห้ มด หนาซา้ ยงั ตลยุ รุกไลจ่ นสามารถตีกองทพั สวรรค์ สาราญ ในการเกบ็ รักษาอารมณ)์ พรอ้ มดว้ ย ดอกไม้
พา่ ยแพก้ ลบั ไป ซง่ึ หงอคงหรอื ซเี ทียนไตเ้ ซีย(มิจฉาปัญญา)ได้
ใจในชยั ชนะ จดั งานเฉลิมฉลองกนั เป็นการใหญ่ ทงั้ ลิง (โพธิ ทองคาสิบกงิ่ (หมายถงึ กุศลกรรม ๑๐ บท คือ การกระทา
จติ หรือ ปัญญา – การหย่งั รู้ในเหตแุ ละผลของความดี ความดี ๑๐ อย่างไดแ้ ก่ กายกรรม (กาย) ๓ อยา่ ง วจกี รรม
ความช่ัว) และผี (กเิ ลส – ความช่ัวทแี่ ฝงอยใู่ นจติ ) จงึ คบ (วาจา) ๔ อยา่ ง มโนกรรม (ใจ) ๓ อย่าง
หากนั สนิทสนมแนบแน่นย่งิ ขนึ้ กายกรรม ๓ อย่างได้แก่
ทางสวรรคต์ อ้ งการทดใชพ้ ลงั ของโพธิ ใหไ้ ปสหู่ นทาง ๑. ปาณาตปิ าตาเวรมณี – เว้นจากการทาลายชวี ิต
บญุ ใหไ้ ด้ ในท่ีสดุ จงึ ยอมแต่งตง้ั ซงึ หงอคงใหเ้ ป็น ซเี ทียนไตเ้ ซยี ๒. อทนิ นาทานา เวรมณี – เว้นจากการถอื เอาของที่
ตามท่ีตอ้ งการแต่ไมม่ อบกิจธรุ ะใดๆใหก้ ระทา เพยี งใหแ้ ต่
เขามไิ ดใ้ ห้
๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี – เว้นจากการประพฤติ
ผิดในกาม
วจกี รรม ๔ อย่างได้แก่
๔. มุสาวาทา เวรมณี – เว้นจากการพดู เทจ็
๕. ปิ สุณาย วาจาย เวรมณี - เว้นจากการพดู ส่อเสยี ด
17
๖. ผรุสาย วาจาย เวรมณี – เว้นจากการพดู คาหยาบ อีกหรอื ไม่ (โพธิจติ ทย่ี ังเถอ่ื นหรอื ยงั เป็ นมจิ ฉาทฏิ ฐิอยู่ จงึ
๗. สัมผัปปลาปา เวรมณี – เว้นจากการพดู เพ้อเจ้อ คอยแต่จะแสวงหาว่า น่าจะมสี ่ิงทสี่ ูงค่ามากกว่าบญุ เสมอ)
มโนกรรม ๓ อยา่ งไดแ้ ก่
๘. อนภชิ ฌา – ไม่โลภคอยจอ้ งอยากได้ของเขา ดงั นนั้ จงึ ตีลงั กาเขา้ พบเงก็ เซียนฮอ่ งเต้ เพ่อื ขอให้
๙. อพยาบาท – ไมค่ ดิ เบยี ดเบยี นเขา มอบงานใหท้ าบา้ ง เง็กเซียนฮอ่ งเตจ้ งึ มอบใหซ้ ีเทียนไตเ้ ซยี ใช้
๑๐.สัมมาทฏิ ฐิ – ความเหน็ ชอบ ตามทานองครองธรรม) เวลาว่างในการตรวจตรารกั ษา สวนชมพู่ ๓ สวน (ไตรปิ ฎก)
เพ่อื เป็นการระงบั ไมใ่ หซ้ เี ทียนไตเ้ ซียทาช่วั โดยมีนางฟา้ ๗ องค์ เป็นพนกั งานเก็บชมพู่ (พระอภธิ รรม
ปิ ฎก มีด้วยกนั ๗ คัมภรี ์ ได้แก่ ธัมมสังคณี๑ วิภงั ค๑์ ธาตุ
เม่ือซีเทียนไตเ้ ซียไดต้ าแหน่ง มีท่ีอยใู่ หม่และยงั มีคน กถา๑ ปคุ คลบัญญัต๑ิ กถาวัตถุ๑ ยมก๑ ปัฏฐาน๑) เม่ือได้
งานเฝา้ สวนชมพไู่ มน่ าน ซีเทียนไตเ้ ซยี ลอบเขา้ ไปในสวนแอบกิน
คอยปรนนิบตั ิใหอ้ ย่างดี รูส้ กึ ชอบใจย่งิ แตเ่ ม่ือเวลาผ่านไปไดส้ กั ชมพทู่ กุ วนั ซเี ทียนไตเ้ ซยี แอบกินชมพทู่ ่ีมีอย่จู นหมด แลว้ อย่มู า
วนั หน่งึ มีการเตรยี มงานเลีย้ งของบรรดาเซยี น ซเี ทียนไตเ้ ซยี เห็น
ระยะหน่งึ เรม่ิ รูส้ กึ ว่าตนไม่มีกิจใดๆ มีเพยี งแตช่ ่ือ ตาแหน่ง หา ว่านางฟา้ กาลงั เตรยี มอาหารทิพย์ สรุ าทพิ ย์ (สุขในบุญ ชวน
ใหม้ นึ เมา)ใหบ้ รรดาเซียนไดด้ ่ืมกิน จงึ เสกใหน้ างฟา้ ทงั้ ๗ ให้
มีการงานท่ีแทจ้ รงิ ใดไม่ (เพราะความสุขจากการทาบญุ ท่ี ไมร่ ูส้ กึ ตวั แลว้ แอบเขา้ ไปกินอาหารทิพย์ สรุ าทิพยใ์ นงานเลีย้ ง
แทจ้ ริงนั้น เพียงเป็ นความอ่ิมเอมใจทไี่ ดร้ ับจากการทาบญุ จนมนึ เมา หลงพลดั เขา้ ไปในเขตของทา่ นพรหมทา้ ยเสียงเลา่ กนุ
ทาความดี นับว่าเป็ นกุศล แตห่ าใช่ความสุขจากการ (อุเบกขา) พบเหน็ ของวเิ ศษมากมาย เลยเแอบขโมยกินยา
ทาบุญความดแี ล้ว ไดร้ ับการสรรเสรญิ เยนิ ยอ หรือไดร้ ับ อายวุ ฒั นะ และยาวิเศษตา่ งๆท่ีอยใู่ นคนโททงั้ ๕ ใบ (๑. วติ ก
ตาแหน่ง ไดร้ ับช่ือเสยี ง เป็ นการตอบแทน หากยดึ ถอื – การคดิ ปักจติ ลงสอู่ ารมณ์ ๒. วจิ าร – การตรอง
เช่นนีแ้ ล้ว เม่อื ไม่ไดร้ ับสิ่งดังกล่าวกลับจะกลายเป็ นความ
ร้อนรุ่ม ซง่ึ ถอื เป็ นอกศุ ล หาใช่กุศลไม่) ซงึ หงอคงคดิ ว่าชา่ ง
นา่ เบ่ือเสียน่ีกระไร จาตอ้ งแสวงหาว่าบนสวรรคม์ ีอะไรท่ีดีกวา่ นี้
18
พจิ ารณาอารมณ์ ๓. ปิ ติ – ความอม่ิ ใจ ๔. สุข – ความ ๓๖๐๐ตน้ (พระสูตร) อายวุ ฒั นะในคนโททง้ั ๕ (ปฐมฌาน
สาราญใจ ๕. เอกัคคตา – จติ แน่วแน่อยู่ในอารมณเ์ ดยี ว ไดแ้ ก่ วิตก วจิ าร ปิ ติ สุข และเอกัคคตา) ยากท่ีผใู้ ดจะ
หรือ สมาธิ ซงึ่ เป็ นองคแ์ หง่ ปฐมฌาน) ซีเทียนไตเ้ ซียรูต้ วั ว่า ปราบได้ อีกแลว้
ไดท้ าความผดิ จงึ เหาะหนีลงมาอย่ทู ่ีถา้ จยุ้ เล่ียมต๋องตามเดมิ
พระโพธิสตั ว์
เง็กเซยี นฮ่องเตท้ รงทราบจงึ ส่งั ใหท้ พั สวรรค์ โดยถกั กวนอิม (เมตตา - ความ
ทะลีทีอ๋อง(กศุ ล - ความดงี าม) แมท่ พั สวรรค์ พรอ้ ม โลเฉีย ปรารถนาใหผ้ ู้อืน่ มี
(เจตสิก – ธรรมปรุงแตง่ ประกอบจติ ) ปดุ เฉีย(ทาน - การ ความสุข) จงึ ไดเ้ ชญิ ย่ีหนงึ
ให)้ ทา้ วกิมกงั จตั รุโลกบาล (กัลยาณมติ ร ๔) ทพั ดาวย่ีสิบ จนิ กนุ พระนดั ดาของเง็ก
แปดดวง(รูป ๒๘ - สภาวะทเี่ ปลี่ยนไปด้วยเหตุแหง่ ปัจจยั เซยี นฮอ่ งเต้ รว่ มกบั พ่นี อ้ ง
ต่างๆ) ดาวทง้ั เกา้ (สัตตาวาส ๙ – ภพทอี่ ย่ขู องสัตว)์ สบิ ทง้ั ๖ (สัมมาทฏิ ฐิ ๗) นาอาวธุ วเิ ศษของพรหมทา้ ยเสียงเล่า
สองง่วนสิน(สันโดษ ๑๒ – ความยนิ ดขี องตนทไ่ี ด้มาด้วย กนุ (สมถะ - ฝึ กจติ ใหส้ งบเป็ นสมาธิ) ขวา้ งลงบนหวั ของซี
ความเพยี ร ๑๒ ประการ) ในขณะเดียวกนั ทางซีเทียนไตเ้ ซยี เทียนไตเ้ ซยี ทาใหอ้ อ่ นแรงลง จงึ สามารถท่ีจะจบั ตวั ของซีเทียน
มีปีศาจต๊อกก๊กั กยุ อ๋อง (มานะ – ถอื ตน, อตมิ านะ – ถอื ตน ไตเ้ ซีย(โพธิจติ เถอ่ื น - มจิ ฉาปัญญา)ได้ เม่ือจบั ไดแ้ ลว้ ย่ีหนงึ
จนข่มผู้อื่น) เป็นทพั หนา้ ปรากฏวา่ ทพั สวรรคพ์ า่ ยแพย้ บั เยนิ จนิ กนุ กบั พ่ีนอ้ งทง้ั ๖ (สัมมาทฏิ ฐิ ๗) ตรงเขา้ ไปเอาอาวธุ ไป
ย่อมแสดงใหเ้ ห็นไดว้ ่า ขณะนีซ้ ีเทียนไตเ้ ซียมีความสามารถแขง็ ขม่ ขไู่ ว้ (ข่ม) จากนนั้ เอาเชือกวเิ ศษมาผกู (ผูก) แลว้ เอามีด
กลา้ มากขนึ้ เพราะไดก้ ินชมพ่จู ากสวนชมพู่ ๓ สวน (ไตร วิเศษมาเสียบเขา้ ท่ีกระดกู สนั หลงั (เสยี บ) จงึ จะสามารถมดั ตวั
ปิ ฎก) สะกดนางฟา้ ทงั้ ๗ (อภธิ รรม ๗ คมั ภรี )์ ชมพทู่ ิพย์ นาไปถวายต่อเงก็ เซยี นฮ่องเตไ้ ด้ ( ข่ม ผูก เสียบ เป็ นเคล็ด
19
ในการฝึ กจติ ) ความสามารถของซเี ทียนไตเ้ ซยี ขณะนีไ้ ม่มีผใู้ ดทานได้ ดารไิ ด้
ดงั นนั้ จงึ แจง้ ใหเ้ ทพบตุ รไปนิมนตพ์ ระเซก็ เกียมองน่ีฮดุ โจ๊ (พระ
เง็กเซียนฮ่องเตร้ บั ส่งั ยูไล - พระพทุ ธเจา้ หรือ พทุ ธภาวะ) ณ วดั ลยุ อิมย่ีเขต
เมืองโซจ๋อก (โลกุตระ - เขตพ้นวิสัยความสุขทางโลก)
ให้ นาซีเทียนไตเ้ ซยี ไปประหาร ประเทศไซที (นิพพาน – การดับสิน้ ของกเิ ลส ตัณหา) ให้
เสดจ็ มาช่วยหา้ มศกึ บนสวรรค์
ชีวิต ปรากฏว่าไม่วา่ จะทาดว้ ย
เม่ือพระพทุ ธเจา้ (พทุ ธภาวะ) เสด็จมาถงึ ซเี ทียนไตเ้ ซยี
วิธีใด จะใชด้ าบฟัน เผาดว้ ยไฟ (มิจฉาปัญญา) กาเรบิ เสิบสานจาบจว้ งเยย้ หยนั อวดศกั ดา วา่
ตนน่นั แหละสมควรเป็นจอมสวรรค์ แทน เง็กเซียนฮ่องเต้ (น่ี
ใชส้ ายฟา้ ฟาด ก็ไม่สามารถทา แหละ มิจฉาปัญญา ความอหงั การของโพธจิ ติ ทย่ี งั เถอื่ น
อยู)่ เพราะตนนน้ั มีความสามารถมากทาอะไรไดท้ กุ อยา่ ง มี
ใหซ้ ีเทียนไตเ้ ซยี ตายได้ ชีวิตเป็นอมตะ แมแ้ ต่ตีลงั กาครงั้ หน่งึ ไดร้ ะยะทางถึง ๑๘,๐๐๐
โยชน์ (ระยะทางจากเมืองไต้ถัง ถงึ ไซที หมายความวา่
เพราะวา่ ซีเทียนไตเ้ ซียไดล้ บช่ือตวั เอง ออกจากบญั ชีตายของ โพธิจติ สามารถบรรลุนิพพานไดใ้ นพรบิ ตาเดยี ว) พระยไู ล
(พทุ ธภาวะ) จงึ ตอ่ รองขอใหซ้ เี ทียนไตเ้ ซยี (โพธิจติ ทยี่ งั เถอื่ น
พญาเง่ียม ฬอ่ อ๋อง แลว้ ยงั มีพลงั สวรรคจ์ ากการไดก้ ินชมพทู่ ิพย์ หรอื ปัญญาทยี่ งั เป็ นมิจฉาทฏิ ฐิ) ใหแ้ สดงอทิ ธิฤทธิ์ โดยให้
เหาะหนีพน้ องุ้ มือของพระองคใ์ หไ้ ดก้ ่อน หากทาไดจ้ งึ จะมอบ
(พระสูตร) นอกจากนนั้ ยงั ไดก้ ินสรุ าทิพย์ และยาอายวุ ฒั นะ
ของพรหมเสียงเล่ากนุ (อุเบกขา) อีก เม่ือเป็นเช่นนีเ้ ง็กเซียน
ฮอ่ งเต้ จงึ มอบซีเทียนไตเ้ ซีย (โพธิท์ ยี่ งั เถอื่ นอย่)ู ใหพ้ รหม
เสียงเลา่ กนุ นาไปหลอมในเบา้ หลอมวิเศษ เพ่อื จะไดห้ ลอมตวั ซี
เทียนไตเ้ ซยี ท่ีมียาวิเศษในตวั ทาเป็นยาอายวุ ฒั นะขนึ้ มาใหม่
แต่แลว้ ซเี ทียนไตเ้ ซียกลบั ถีบเบา้ หลอมพงั พินาศ เอาตะบองยอู่ ่ี
ไล่ตีหมเู่ ทพยดาจนหนีเตลดิ เปิดเปิง จนบกุ เขา้ ไปยงั ท่ีประทบั
ของเง็กเซียนฮ่องเต้ หมทู่ หารเทพต่างเขา้ ลอ้ มไวแ้ ละคมุ เชงิ กนั
หารบพงุ่ อะไรกนั ไม่ เพยี งลอ้ มเอาไว้ เง็กเซียนฮ่องเตเ้ ลง็ เหน็ ว่า
20
ตาแหนง่ จอมสวรรคใ์ ห้ ซีเทียนไตเ้ ซียคดิ ว่าไดท้ ีรบี รบั คาทา้ พลนั หตั ถค์ รอบซีเทียนไตเ้ ซยี ลงมาบนพนื้ โลก บงั เกิดเป็นภเู ขา ๕
กระโดดขนึ้ ไปอย่บู นองุ้ มือของพระยไู ล จากนน้ั เรม่ิ กระโดด ตี ยอดตดิ กนั ทบั ขงั ซีเทียนไตเ้ ซยี ไวภ้ ายใน และใหซ้ ีเทียนไตเ้ ซียกิน
ลงั กา เหาะไปจนสดุ แรง ผ่านไปครูห่ น่งึ คดิ วา่ ตนคงมาไกล
พอสมควร ครน้ั มองไปขา้ งหนา้ พบเสาหนิ ๕ ตน้ (ขันธ์ ๕) ซี นา้ เหล็กหลอมละลายทกุ ครง้ั ท่ีหิว (เปรยี บดังความพยายาม
เทียนไตเ้ ซียเขา้ ใจว่าคงเป็นรากของฟ้า คดิ ว่าตนคงจะมาสดุ ของโพธิจติ ทต่ี ้องการ ไปสู่มรรคผลแหง่ พุทธภาวะ แต่ยงั
ขอบฟา้ แลว้ กระมงั จงึ ไดห้ ยดุ ลงพรอ้ มเซน็ ช่ือและปัสสาวะทงิ้ ไว้ ไม่มคี วามรู้ในขันธ์ ๕ ยอ่ มเป็ นอุปสรรคสาคัญ ทไ่ี ม่
เป็นหลกั ฐาน ณ เสาหนิ นน้ั จะไดก้ ลบั ไปยืนยนั กบั พระยไู ล วา่ สามารถจะบรรลุถงึ มรรคผลได้เลย เปรียบดุจดังถูกภูเขา
เหาะมาไกลสดุ ขอบฟา้ พรอ้ มไดท้ งิ้ หลกั ฐานเพ่อื พสิ จู นไ์ วแ้ ลว้ แหง่ ขันธ์ ๕ ทบั ขังไว้ ครั้นยดึ ม่ันว่าตวั กู ของกขู ึน้ มาครา
จากนน้ั ตีลงั กากลบั ไปหาพระยไู ล เม่ือมาถึงยงั หนา้ พระพกั ตร์ ใด ใหเ้ ป็ นทกุ ข์ ดจุ ดังกนิ นา้ เหล็กหลอมละลายยามหวิ ฉัน
ของพระยไู ล แจง้ ความส่ิงท่ีตนเองไดก้ ระทามา พระยไู ลไมว่ ่า นั้น)
กระไร เพยี งแต่ขอใหห้ นั หนา้ กลบั ไปเหลียวมองดทู ่ีนวิ้ ของ
พระองค์ แลว้ ซเี ทียนไตเ้ ซยี จงึ พบวา่ ตนเองหาไดพ้ น้ จากองุ้ มือ เร่อื งราวของการเดินทางไปสพู่ ทุ ธภาวะ จงึ จะเรม่ิ
ของพระยไู ลไม่ เพราะเสาหนิ ๕ ตน้ (ขันธ์ ๕ ไดแ้ ก่ รูป
เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ) นนั้ เป็นนวิ้ มือของพระยไู ล นบั ตงั้ แต่ ซีเทียนไตเ้ ซยี (มจิ ฉาปัญญา) ถกู ทบั ขงั ไว้ รอใหพ้ ระ
น่นั เอง เพราะลายมือและปัสสาวะของซีเทียนไตเ้ ซีย ยงั ปรากฏ
ใหเ้ ห็นเป็นหลกั ฐานอยทู่ ่ีนวิ้ ทง้ั ๕ ของพระยไู ล แต่ซีเทียนไตเ้ ซยี ถงั ซมั จ๋งั (ขันต)ิ มาช่วย และทาการบวชให้ โดยการสรวม
หายอมแพไ้ ม่ (โพธิจติ เถอื่ นยงั ไม่รู้เร่อื งขันธ์ ๕) คดิ จะ
กระโดดเหาะหนีไป พระยไู ลจงึ จบั ซเี ทียนไตเ้ ซียไว้ แลว้ คว่าพระ มงคลสามหว่ ง (ไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตา)
ทกุ ครงั้ ท่ีแผลงฤทธิ์ โดยพระถงั ซมั จ๋งั จะรา่ ยมนตค์ าถาทาให้
มงคลบีบรดั ศีรษะเจ็บปวดย่ิง (การกากับจติ ใหต้ ัง้ ม่ันอยใู่ น
ไตรลักษณ)์ และเปล่ียนช่ือจากซงึ หงอคง เป็น เหง้ เจีย เพ่อื ให้
รว่ มเดนิ ทางไปไซที (นิพพาน - การดบั สนิ้ ของกเิ ลส) ใน
ฐานะสานศุ ษิ ยข์ องพระถงั ซมั จ๋งั
21
การเดินทางของพระถงั ซมั จ๋งั นนั้ ยงั มีผรู้ ว่ มเดนิ ทางไป (สังฆคุณ ๙ – คุณสมบัตขิ องพระสงฆ์ ๙ ประการ) เป็น
ดว้ ยนอกจาก เหง้ เจีย แลว้ ยงั มี ตือโปย้ ก่าย ซวั เจ๋ง กบั มา้ ขาว อาวธุ ประจากาย อีกทง้ั แปลงกายได้ ๓๖ อยา่ ง เม่ือปีศาจ
ใชเ้ ป็นยานพาหนะ อีกทงั้ ยงั มีพระโพธิสตั วก์ วนอิม คอยใหค้ วาม หมตู ือโปย้ ก่ายไดพ้ บพระโพธิสตั วก์ วนอิม (เมตตา -
ชว่ ยเหลือตลอดการเดินทาง ปรารถนาใหผ้ ู้อ่ืนมสี ุข) ไดส้ ญั ญาวา่ จะรอพบพระถงั ซมั จ๋งั
เพ่อื ติดตามไปไซที โดยไดช้ ่ือใหม่จากพระโพธิสตั วก์ วนอมิ วา่
ตอื โป้ยก่าย (ศีล - ความประพฤตดิ งี ามทางกายและวาจา “ตือหงอเหนง”
ตามข้อพงึ ปฏบิ ัต)ิ เดิมเป็นเทพบตุ รอย่บู นสวรรคม์ ียศเป็นถงึ ผู้ ซัวเจง๋ (สมาธิ – จติ ตงั้ ม่ัน สงบแน่วแน่) เป็นปีศาจเงือกท่ี
บญั ชาการทหารเรอื ในแม่นา้ ทงทีฮอ้ แตไ่ ดก้ ระทาทศุ ีลจงึ ถกู อย่ใู ตน้ า้ ก่อนเป็นเทพอย่บู นสวรรค์ กระทาความผดิ แลว้ ถกู สาป
สวรรคล์ งโทษใหจ้ ตุ ิในทอ้ งแมส่ กุ ร และถกู สาปใหเ้ ป็นปีศาจอยู่ ใหเ้ ป็นปีศาจเงือกจมอย่ใู ตล้ านา้ ลิว้ ซวั ฮอ้ (สมาธิแหง่ ชีวิต –
ในภเู ขาฮกล่นิ ซวั ถา้ หนุ้ จางต๋อง การท่ี ตือโปย้ ก่าย (ศลี – อนันตริกะสมาธิ มอี ยู่แล้วในธรรมชาตแิ ตจ่ มอยู่ ยงั ไม่
ความประพฤตติ ามข้อปฏบิ ตั ใิ นการควบคุมกายและวาจา สามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ด้ เพราะยงั เป็ นมจิ ฉาทฐิ ิอยู่)
ใหบ้ ังเกดิ ความดงี าม) มีรูปรา่ งเป็นหมนู นั้ เพราะวา่ หมเู ป็น เม่ือไดพ้ บพระโพธิสตั วก์ วนอมิ จงึ ไดถ้ กู นามาใชใ้ นทางสมั มาทิฐิ
สตั วท์ ่ีมีปากยาว มีไวเ้ พ่ือคอยแต่จะบรโิ ภคและนนิ ทาผอู้ ่ืน หู พระโพธิสตั วก์ วนอิมจงึ ตง้ั ช่ือใหเ้ ป็น ซวั หงอเจ๋ง แปลงกายอะไร
ยาวเพ่อื ประโยชนท์ ่ีจะคอยรบั รูแ้ อบฟัง อนั เป็นตน้ เหตทุ ่ีจะทศุ ีล ไมไ่ ดเ้ ลย มีความละมนุ ละมอ่ ม มกั เดนิ ตามหลงั และหาบ
หมเู ป็นสตั วท์ ่ีรวมไวซ้ ง่ึ ความตะกละ ละโมบ และโสโครกเพราะ เสบียงของชีวติ (เปรยี บดัง สมาธิเป็ นปัจจยั ทค่ี อยเกอื้ หนุน
บรโิ ภคไมเ่ ลือก ตือโปย้ ก่าย (ศีล - การประพฤตดิ งี ามทาง ส่งเสรมิ ในการดาเนินชวี ิตใหม้ ีความสุขสงบ) และคอยเฝา้ ดู
กายและวาจา) มกั ถกู เหง้ เจีย (ปัญญา – การหย่งั รู้ในความ พระถงั ซมั จ๋งั (ประคับประคองให้ ศรัทธา + ขันติ เดนิ ทาง
ดี ความช่ัว) บงั คบั ใหห้ บุ ปาก เพราะเพียงแค่ การหบุ หู หบุ ไปสู่สภาวะธรรม) ซง่ึ มีความเล่ือมใสในพทุ ธศาสนาและม่งุ ม่นั
ปาก เทา่ นี้ ศีลจะมีมาเอง ตือโปย้ ก่ายมีอาวธุ เป็นคราด ๙ ซ่ี
22
ท่ีจะเดินทางไปไซที(นิพพาน - การดับกเิ ลสจนสนิ้ ) เผาปราสาทบิดาดว้ ยความนอ้ ยใจ จงึ ไดร้ บั โทษจากสวรรคถ์ กู
พระถงั ซมั จ๋งั (ขันติ - ความอดทนเพอื่ บรรลุสิง่ ทด่ี งี าม)
เดมิ คือ หลวงจีนเหีย้ นจงึ เปรยี บดจุ พระนอ้ งยาเธอของพระเจา้ ประหารชีวิต ระหว่างรอถกู ประหารอยนู่ นั้ พระโพธิสตั วก์ วนอมิ
ถงั ไทจงฮอ่ งเต้ (ศรัทธา – ความเชือ่ ถอื เชื่อม่ันในสิง่ ทดี่ ี
งาม) ดว้ ยพระถงั ไทจงฮอ่ งเตไ้ ดเ้ สดจ็ ลงไปยงั นรกเป็นเวลา ๓ มาถ่ายโทษให้ แลว้ พระโพธิสตั วก์ วนอิมมีคาส่งั ใหม้ ารอพระถงั
วนั ไดพ้ บเห็นอบายภมู ิ และ วิญญาณท่ีไดร้ บั โทษทณั ฑต์ ่างๆ
พระองคม์ ีศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา และมีพระประสงคท์ ่ีจะได้ ซมั จ๋งั ท่ีบงึ เองเสง้ ขา้ งภเู ขาฉ๋วั ป๋ัวซวั โดยแปลงกายเป็นมา้ มงั กร
พระไตรปิฎกมา เพ่อื เผยแผใ่ หป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษา หลวงจีนเหีย้ น
จงึ ขนั อาสาเดนิ ทางไปไซทีเพ่อื พบองคพ์ ระยไู ล ขออาราธนา เพ่อื เป็นพาหนะใหก้ บั พระถงั ซมั จ๋งั ใชเ้ ดินทางไปไซที
พระไตรปิฎกกลบั มายงั เมืองจีน พระถงั ไทจงฮ่องเตจ้ งึ ตงั้ ช่ือ
หลวงจีนเหีย้ นจงึ ใหม่วา่ ถงั ซมั จ๋งั (ไตรปิ ฎกแหง่ ราชวงศถ์ งั - กวนอิม คือ พระอวโลกิเตศวร ( อว+โลก+อศิ วร = พระผู้
ขันต)ิ และยงั ไดร้ บั ของวเิ ศษ ๓ อย่างจากพระโพธิสตั วก์ วนอมิ
ก่อนท่ีจะเดินทางไปอาราธนาพระไตรปิฎก คือ ผา้ กาสาวพสั ตร์ เป็ นใหญ่ผู้ซง่ึ แผ่บารมีลงมายงั สัตวโ์ ลก) เป็นตวั แทนของ
(วินัย - ระเบยี บแนวทางในการฝึ กฝนควบคุมความ เมตตา ตลอดเร่อื งราวใน “ไซอ๋วิ ” บอ่ ยครง้ั ท่ีเหง้ เจยี
ประพฤต)ิ ไมเ้ ทา้ (พหสู ูต - ไดย้ นิ ไดฟ้ ังมาก) และมงคล ๓
ห่วง (ไตรลักษณ์ - อนจิ จัง ทกุ ขัง อนัตตา) (ปัญญา-การหย่ังรู้ถงึ ความดคี วามช่ัว) ตอ้ งเหาะไปขอความ
ม้าขาว(วิริยะ - ความเพยี รทจ่ี ะละความช่ัว) แต่เดมิ เป็น
มงั กร เป็นบตุ รของพญาเล่งอ๋องแห่งทะเลตะวนั ตก ไดไ้ ปจดุ ไฟ ชว่ ยเหลือจากพระโพธิสตั วก์ วนอิม (เมตตา-ปรารถนาให้
ผู้อน่ื มีสุข) จงึ จะสามารถชนะปี ศาจต่างๆได(้ ปี ศาจต่างๆ -
กเิ ลส คือ ความช่ัว และตณั หา คอื ความทะยานอยาก ที่
แฝงอยใู่ นจติ ) หมายถงึ ปัญญาทป่ี ระกอบดว้ ยเมตตา –
สัมมาปัญญา คือ จติ ท่ีหย่งั รูใ้ นความดีความช่วั และปรารถนา
ใหผ้ อู้ ่ืนมีความสขุ นบั เป็นธรรมชน้ั สงู เพราะหากการท่ีมีเพียง
ปัญญาหย่งั รูด้ ีช่วั แตข่ าดความเมตตา มกั จะทาใหเ้ กิด
มจิ ฉาทฏิ ฐิไดง้ า่ ย หลงติดเขา้ ไปในกระแสแห่งกิเลสอนั
ประกอบดว้ ย กิเลสมลู (โลภมูล – โลภ / โทสะมูล – โกรธ
23
/ โมหะมูล - หลง) ทาใหเ้ กิดความหลงใน ตวั กู ของกู ถือตวั จติ เป็ นเหตทุ าใหเ้ ศร้าหมอง) หนา้ ท่ีตอ่ สกู้ บั ปีศาจจะตกเป็น
ถือตนวา่ เก่งกาจ เป็นผสู้ ามารถ ดว้ ยความหลงเชน่ นี้ จะพฒั นา ของเหง้ เจีย(ปัญญา - การหย่ังรู้ความดคี วามช่วั ) ดว้ ยความ
แก่กลา้ จนกระท่งั คดิ จะเบียดเบียนผอู้ ่ืน เพ่อื ประกาศศกั ดา รูเ้ ทา่ ทนั ปีศาจคือรูเ้ ทา่ ทนั กิเลสน่นั เอง แต่เหง้ เจียก็หารูเ้ ท่าทนั
สามารถในความเป็นตวั กขู องกู โดยไมม่ ีเมตตาจติ ปรารถนาให้ โดยตลอดไมด่ ว้ ยความเป็นมิจฉาทิฏฐิในระยะแรก ดงั นนั้ เม่ือถึง
ผอู้ ่ืนมีความสขุ มาคา้ จนุ เอาไว้ อนั เป็นมิจฉาทิฏฐิท่ีเบียดเบียน คราวอบั จน ทาใหพ้ ระถงั ซมั จ๋งั โดนปีศาจจบั ตวั ในหลายๆครงั้ ท่ี
ผอู้ ่ืน ดงั นน้ั ปัญญาท่ีประกอบดว้ ยเมตตา จงึ เป็นธรรมชนั้ สงู ท่ี เหง้ เจียสไู้ มไ่ ด้ พระโพธิสตั วก์ วนอิมจะออกมาช่วยเสมอ โดยใน
ปถุ ชุ นควรพยายามเขา้ ใจ และฝึกฝนใหอ้ ยใู่ นแนวทางแห่ง เร่อื งจะใหเ้ หง้ เจีย (ปัญญา - การหย่ังรู้เหตุและผลของ
สมั มาทฐิ ินี้ ยอ่ มทาใหส้ งั คมเกิดสนั ติสขุ สาหรบั รูปลกั ษณข์ อง ความดคี วามช่ัว) ต่อสกู้ บั กิเลสก่อนจนกวา่ หมดแรงและเขา้ ท่ี
พระโพธิสตั วก์ วนอมิ – อวโลกิเตศวรนนั้ ของ ธิเบต ศลิ ปินได้ คบั ขนั พระโพธิสตั วจ์ งึ จะออกมาแนะวธิ ี ชีใ้ หเ้ ห็นเหตุ หากยงั
เขียนเป็นรูปก่ึงหญิงก่ึงชาย ซง่ึ ความจรงิ นนั้ เป็นชาย บา้ งเป็นรูป เกินกาลงั จะแนะบอกใหเ้ หง้ เจียไปเขา้ เฝา้ พระยไู ล ดงั นน้ั
รอ้ ยหนา้ พนั มือ สว่ นในประเทศจีนนน้ั เรยี กว่ากวนอมิ เน่ียเนีย้ เหง้ เจียจงึ มีโอกาสไดเ้ ขา้ เฝา้ พระยไู ลหลายครงั้ จนชานาญทาง
กาหนดเป็นเพศหญิงโดยเหตผุ ลวา่ ความเมตตากรุณาอนั ใหญ่
หลวงนน้ั พงึ เทียบเทา่ มารดารกั บตุ ร เรอ่ื งราวไซอ๋วิ จงึ เป็นเรอ่ื งท่ี ลงิ หมู เงือก รวม ๓ พ่ี
นอ้ ง แปลงกายได้ ๑๐๘ อย่าง หรอื จติ รูเ้ ท่าทนั กิเลส ตณั หา
ในเร่อื ง การเดินทางไปไซที (นิพพาน - การดับ ๑๐๘ น่นั เอง รว่ มกนั เดนิ ทางไปอญั เชญิ พระไตรปิฎก ในอีกนยั
กเิ ลสจนสนิ้ ) เป็นการเสนอเร่อื ง การเดินทางของคณะพระถงั หนง่ึ คือ จติ ท่ีม่งุ แสวงหานิพพาน จาเป็นตอ้ งใช้ ปัญญา ศีล
ซมั จ๋งั เพ่ือไปพบพระยไู ล และขออาราธนานาพระไตรปิฎก สมาธิ รว่ มกนั เป็นหน่งึ เดียว (เอกคั ตาจติ - จติ รวมเป็ น
กลบั มาถวายแดพ่ ระเจา้ ถงั ไทจง ถงึ แมก้ ารเดินทางครงั้ นีจ้ ะตอ้ ง หน่ึง) ม่งุ หนา้ สนู่ ิพพาน และระหวา่ งทางไดพ้ บกบั กิเลส จงึ ใน
เผชิญและตอ่ สกู้ บั ปีศาจตา่ งๆ (กเิ ลส – ความช่ัวทแี่ ฝงอยูใ่ น บางครง้ั ตอ้ งใชป้ ัญญาเขา้ แกไ้ ข แตใ่ นบางครงั้ ตอ้ งใชศ้ ีลเขา้ มา
24
ชว่ ย หรอื บางครง้ั ใชส้ มาธิมาชว่ ยในวิธีต่างๆกนั อนั ไดแ้ ก่ ฆา่ สตั ว๑์ เวน้ จากการลกั ทรพั ย๑์ เวน้ จากการประพฤติผดิ ใน
อรยิ มรรค (มรรค ๘) ซง่ึ พอจะจดั เป็นหมวดหม่ขู องมรรค ๘ กาม๑
เป็น ๓ กล่มุ ไดด้ งั นี้ สัมมาอาชีโว เลีย้ งชพี ชอบ คือ เวน้ จากการประกอบใน
มิจฉาชีพ เพยี รประกอบสมั มาชีพ และ
กลุ่ม ปัญญา – การหย่ังรู้เหตุและผลของความดแี ละ
กลุ่ม สมาธิ – จติ ทตี่ งั้ ม่ัน สงบแน่วแน่ มีมรรค ๓ ประการ
ความช่ัว มีมรรค ๒ ประการ ไดแ้ ก่
สัมมาทฐิ ิ ความเหน็ ชอบ คือ การกาหนดรูใ้ นไตรลกั ษณ์ ไดแ้ ก่
ไดแ้ ก่ อนิจจงั ๑ ทกุ ขงั ๑ อนตั ตา๑ กาหนดรูใ้ นอรยิ สจั จ์ ๔ ไดแ้ ก่ สัมมาวายาโม พยายามชอบ คือ ความเพียร ๔ อย่าง เพยี ร
ทกุ ข๑์ สมหุ ทยั ๑ นิโรจน๑์ มรรค๑ ย่อมกาหนดรูใ้ นความเป็น ระวงั ไมใ่ หบ้ าปอกศุ ลเกิดขนึ้ ๑ เพียรละบาปอกศุ ลท่ีเกิดขนึ้ แลว้ ๑
กศุ ล อกศุ ล เพียรทากศุ ลท่ียงั ไม่เกิดใหเ้ กิดขนึ้ ๑ เพียรรกั ษาธรรมท่ีเกิดขนึ้
สัมมาสังกปั โป ดาริชอบ ในกศุ ลวติ ก ๓ ไดแ้ ก่ ดารใิ นการ แลว้ ไม่ใหเ้ ส่ือมไป๑
ออกจากกาม๑ ดารใิ นการไม่พยาบาท๑ ดารใิ นการไม่ สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ สติปัฏฐาน ๔ ไดแ้ ก่ มีสตริ ูเ้ ท่าทนั
เบียดเบียน๑ เรอ่ื งกาย๑ มีสติรูเ้ ทา่ ทนั ในเวทนา๑ มีสติรูเ้ ทา่ ทนั สภาพและ
อาการของจติ ๑ มีสตริ ูเ้ ท่าทนั ธรรม๑
กลุ่ม ศลี – ความประพฤตทิ ดี่ งี ามทงั้ กายและวาจา มี และ สัมมาสมาธิ ตัง้ จติ มั่นชอบ ฌาน ๔ ไดแ้ ก่ ปฐมฌาน ๑
ทตุ ิยฌาน๑ ตติยฌาน๑ จตตุ ฌาน๑
มรรค ๓ ประการ ไดแ้ ก่
สัมมาวาจา เจรจาชอบ ในวจีสจุ รติ ๔ คือ เวน้ จากการพดู ในระหวา่ งเดนิ ทางในชว่ งแรก (โลกยี ะ – ความสุขท่ี
เท็จ๑ เวน้ จากการพดู สอ่ เสียด๑ เวน้ จากการพดู หยาบคาย๑ เป็ นวิสัยในทางโลก ทป่ี ระกอบด้วยอาสวะ) ดังนั้น เหง้ เจยี
เวน้ จากการพดู เพอ้ เจอ้ ๑ (ปัญญา) จงึ ยงั ลกุ ลีล้ กุ ลนและเถ่ือนอยู่ สว่ นตอื โป้ยกา่ ย(ศีล)
สัมมากัมมันโต กระทาชอบ ในกายสจุ รติ ๓ คือ เวน้ จากการ
25
ยงั เต็มไปดว้ ยความอยากในการบรโิ ภค มกั จะเผลอท่ีจะกระทา กายเป็นเหง้ เจียตวั ปลอม ตือโปย้ ก่ายตวั ปลอม ซวั เจง๋ ตวั ปลอม
ทศุ ีล หรอื คอยจะหยดุ เพ่อื จะไดบ้ รโิ ภค ดจุ ดงั ความตะกละของ เป็นปีศาจท่ีมีอิทธิฤทธิ์เท่าเทียมกนั กบั ตวั จรงิ จนยากท่ีจะ
หมทู ่ีกินไม่เลือก จงึ มกั ไปตดิ กบั ของปีศาจ(กเิ ลส)อยเู่ สมอ ใน เอาชนะได้ ตอ้ งอาศยั พระโพธิสตั วก์ วนอมิ มาช่วย เพราะว่า
ระยะตน้ ๆ จงึ มีเรอ่ื งขดั แยง้ และทะเลาะกนั กบั เหง้ เจียตลอดเวลา กิเลส หรอื ตณั หา นนั้ บางครง้ั มิสามารถเอาชนะไดด้ ว้ ย ศีล
จนกระท่งั เร่มิ เขา้ เขตโซจ๋อก(โลกุตระ - พน้ วิสัยของความสุข สมาธิ ปัญญาแต่เพียงอย่างเดียว แต่บางครงั้ ตอ้ งอาศยั ความ
ทางโลก) เหง้ เจียกลายเปล่ียนเป็นเรยี บรอ้ ยขนึ้ สว่ นโปย้ ก่าย เมตตา(กวนอิม)เขา้ ช่วยเหลือ จนในท่ีสดุ ทง้ั เหง้ เจีย(ปัญญา -
ค่อยระงบั ความอยากไดแ้ ละใชป้ ัญญามากขนึ้ ซวั เจง๋ (สมาธ)ิ การหย่ังรู้เหตแุ ละผลของความดคี วามช่ัว) ตอื โปย้ ก่าย(ศีล
คอ่ ยๆซมึ ซบั ปัญญาจากเหง้ เจีย ดงั นนั้ เม่ือเขา้ เขตโซจอ๋ ก – การประพฤตดิ งี ามทงั้ กาย และ วาจา) และซวั เจง๋
(โลกตุ ระ - พ้นวิสัยความสุขทางโลก) เจา้ สามเกลอเรม่ิ มี (สมาธิ – จติ ตัง้ ม่ัน สงบแน่วแน่) สามารถเอาชนะตวั ปลอม
ความเป็นหน่งึ เดียว(เอกัคตาจติ ) จงึ เป็นเหตทุ ่ีว่า ศลี อันใด ของตนเองได้ ณ จดุ นีจ้ งึ เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีทาใหก้ าร
สมาธิอันนั้น สมาธิอันใดปัญญาอันนั้น เอาชนะปีศาจทาไดง้ ่ายขนึ้ เพราะว่า มิจฉาปัญญา ไดก้ ลาย
เปล่ียนเป็น สัมมาปัญญา มิจฉาศลี ไดก้ ลายเปล่ียนเป็น
การเดนิ ทางมีการเผชญิ กบั ปีศาจมากมาย หลากหลาย สัมมาศลี มจิ ฉาสมาธิ ไดก้ ลายเปล่ียนเป็น สัมมาสมาธิ และ
รูปแบบ ปีศาจจะมีฤทธิ์เดชท่ีมากขนึ้ เร่อื ยๆ น่นั คือ กิเลส ตณั หา รวมกนั เป็นหน่งึ ไมม่ ีความขดั แยง้ กนั สามคั คชี ่วยเหลือซง่ึ กนั
ท่ีมีความละเอียดออ่ นมากย่งิ ขนึ้ ท่ีฝังแนน่ อยใู่ นจิต หากไม่ และกนั
กาหนดจดจอ่ เพ่อื รูเ้ ท่าทนั แลว้ บางครงั้ แยกไม่ออกเอาเลยว่า
เป็นกิเลสหรอื ไม่ จะทาใหห้ ลงตดิ อยไู่ ม่สามารถเดินทางส่คู วาม นอกเหนือจากนี้ ยงั มีปีศาจท่ีมีฤทธิ์เดชมากถงึ กบั
หลดุ พน้ ต่อไปได้ และย่งิ เม่ือเขา้ ใกลเ้ ขตโซจ๋อก(โลกุตระ-พน้ แปลงกายเป็นพระยไู ลปลอม ปีศาจท่ีวา่ นีเ้ ป็นกิเลสท่ีเรยี กว่า
วสิ ัยความสุขทางโลก) ปีศาจจะมีฤทธิ์มากจนสามารถแปลง วิปัสสนปู กิเลส (วปิ ัสสนา+อุปกเิ ลส) เป็น อปุ กิเลสท่ีเกิดขนึ้
26
ในระหวา่ งวิปัสสนา เป็นความเพลดิ เพลนิ ไปกบั ความสขุ ความ เริ่มต้นเดนิ ทาง
อ่มิ เอมใจท่ีเกิดขนึ้ จนยดึ ม่นั สาคญั ผิดไปวา่ ตนไดบ้ รรลุ ตอน “กเิ ลสมลู ดจุ ๓ ปี ศาจ
อรหตั ผลแลว้ ในเร่อื งเม่ือพระถงั ซมั จ๋งั ไดพ้ บกบั พระยไู ลปลอม เสอื หมี ควายดา”
ทาใหพ้ ระถงั ซมั จ๋งั (ขันติ - ความอดทนเพอ่ื บรรลุสิ่งทด่ี ี พระถงั ซมั จ๋งั ข่ีมา้
งาม) เขา้ ใจผิดวา่ บรรลถุ ึงจดุ หมายปลายทางแลว้ ไม่คดิ จะ พระราชทาน เรม่ิ ออกเดนิ ทาง
เดินทางต่อ แต่เหง้ เจยี (ปัญญา) รูเ้ ทา่ ทนั เพราะวา่ เหง้ เจียตี แต่เชา้ ตรูม่ งุ่ หนา้ เขา้ สปู่ ่าใหญ่
ลงั กาไปไซทีนบั ครง้ั ไมถ่ ว้ นยอ่ มรูว้ า่ พระยูไล (พทุ ธภาวะ - ในเชา้ วนั นีม้ ีหมอกลงจดั มาก
สัมมาทฏิ ฐิ) นนั้ เป็นอย่างไรจงึ สามารถปราบปีศาจและหลดุ พน้
ออกมาได้ ตลอดสองขา้ งทาง ทาใหพ้ ระถงั ซัมจ๋ัง(ขันต+ิ ศรัทธา) ตอ้ ง
วนเวียนหลงทางไปจนพบภเู ขา ซงั ขีซ้ วั (ทางสองแพร่ง)
เม่ือรูต้ วั ละครแสดงนาในเรอ่ื งนีก้ นั แลว้ คราวนีเ้ รามารว่ ม ขณะท่ียงั ไมร่ ูว้ ่าจะไปทางไหนดี ทนั ใดนน้ั พลนั แผ่นดินยบุ ฮวบ
เดนิ ทางไปดว้ ยกนั กบั คณะของพระถงั ซมั จ๋งั เพ่ือดวู ่าพระถงั ซมั ลง พระถงั ซมั จ๋งั หลน่ ลงไปเผชญิ ปีศาจ ๓ ตนคือ ปี ศาจเสอื
จ๋งั จะไปพบอะไรบา้ ง เม่ือพรอ้ มแลว้ ขอใหท้ ่านจงตามผเู้ ขียน
มารว่ มเดินทาง เขา้ ไปในจติ ใจของเรากนั ณ บดั นี้ (อ๊มิ เจยี งกนุ ทว่ นหม้ออ๋อง) ปี ศาจหมี (ซวั กนุ ออ๋ ง) และ
ปี ศาจควายดา (เตก็ ชู้สอื อ๋อง) ปีศาจทง้ั ๓ ดีใจนกั ท่ีจะได้
กินเนือ้ พระถงั ซมั จ๋งั จงึ จบั พระถงั ซมั จ๋งั ขงั ไว้ ระหว่างนน้ั เองเทพ
27
เจา้ ประจาดวงดาวช่ือ ไทเป็กแชกนุ (กศุ ลเจตสกิ ) ไดป้ รากฏ ลังเลในการละซงึ่ โลภ โกรธ หลง เสมือนหนึ่งพบทางสอง
แพร่งใหเ้ ลอื ก แตเ่ มื่อเกดิ สานึกในใจในการทาความดที ม่ี ี
กายขนึ้ ในรา่ งของชายชราเขา้ ช่วยเหลือพระถงั ซมั จ๋งั รอดพน้ มา อยู่กับตวั คอื กุศลเจตสิก – ไทเป็ กแชกนุ เทพเจ้าประจา
ดวงดาว เตอื นใหใ้ ช้ขันตทิ นต่อการบบี คั้นของกเิ ลส ไม่
ได้ พรอ้ มกาชบั วา่ “การเดนิ ทางไปไซทนี ั้นต้องไม่ปรปิ าก ยอมตกอยูใ่ นอานาจของกเิ ลส จงึ สามารถรอดพน้ จาก
หล่มของความโลภ ความโกรธ ความหลงได้]
บน่ ถงึ ความทกุ ขย์ าก ตอ้ งมีความอดทนไม่ย่นย่อตอ่
อุปสรรค แล้วทา่ นจะไดส้ านุศิษยท์ มี่ ฤี ทธิม์ าช่วยนาทาง ตอน “พรานป่ าช่วยพาใหพ้ บศิษยเ์ อก”
พระถงั ซมั จ๋งั ออกเดนิ ทางตอ่ ในป่าใหญ่ท่ีเต็มไปดว้ ย
ใหแ้ ก่ทา่ น” ปีศาจและสตั วร์ า้ ย ดงั นน้ั ไมน่ าน ถกู เสือ และ งรู า้ ยลอ้ มหนา้
ลอ้ มหลงั เดนิ ทางต่อไปไม่ได้ กาลงั คดิ วา่ เราคงจะไมร่ อดแน่
[ความตอนนีห้ มายความว่า พระถงั ซัมจ๋งั มองไม่เหน็ คราวนี้ พลนั มีพรานป่า ว่งิ ออกมาจากชายป่าตรงเขา้ ชว่ ยไวร้ อด
หนทางดว้ ยหมอกลงจัด เปรยี บดจุ ชีวติ กอ่ นจติ เดนิ ทาง พน้ ไดอ้ ยา่ งหวดุ หวดิ พรานป่าผนู้ ีม้ ีช่ือ เล่าเป็กกิม เป็นผกู้ ตญั ญู
เพอ่ื บรรลุถงึ พุทธภาวะนั้น จติ ยงั วนเวียนอยู่ในกเิ ลส ต่อมารดาเป็นอยา่ งย่ิง ขนั อาสาวา่ จะพาไปส่งยงั ภเู ขาโง้วเหง้
ตัณหา ทาใหต้ ามดื มัวไม่เหน็ ทาง เมอื่ พยายามใหห้ ลุดพ้น ซัว (ขันธ์ ๕ - ภูเขาทพ่ี ระเซก็ เกยี มองนี่ฮุดโจ๊วเอานิว้ ทงั้ ๕
จากความมดื มัว อาจทาใหเ้ กดิ ความลังเลขึน้ เพราะการท่ี ครอบเห้งเจียไว้ และ ตอ้ งคาสาปไว้ว่า ใหอ้ ยู่เช่นนีไ้ ปจนกว่า
พระถังซมั จ๋ังมาปลดปล่อยและนาไปเป็ นสานุศิษย์ เพอ่ื
จะบรรลุถงึ ความหลุดพน้ ร่วมเดนิ ทางไปอัญเชญิ พระไตรปิ ฎก)
ประการแรกต้องพจิ ารณา
ละทงิ้ ตดั ขาดซงึ่ กเิ ลสมูล
อันได้แก่โลภ โกรธ หลง
คอื หลม่ ของปี ศาจทงั้ ๓
นั้นไดแ้ ก่ ปี ศาจเสือ –
โลภะมลู , ปี ศาจหมี - โทสะมูล และ ปี ศาจควาย – โมหะ
มูล เมอื่ ยงั ตดิ อยู่ในรสของโลภ โกรธ หลง ทาใหม้ คี วาม
28
ขณะน้นั เองเม่ือมาถึงยงั ภูเขาโงว้ เหง้ ซวั (ขันธ์ ๕ – รูป จากยอดเขา พระถงั ซมั จ๋งั จงึ ขนึ้ ไปปลดยนั ตร์ ท่ีมีอกั ขระวา่
เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ) ทง้ั สองไดย้ นิ เสียงรอ้ งทกั “โอม มณี ปัททเม ฮมู ” (ขอใหม้ ณีเกดิ ขนึ้ ในจติ ใจเรา)
ดงั ไปท่วั ทง้ั หบุ เขาของซเี ทียนไตเ้ ซยี (มิจฉาปัญญา) ขนึ้ ออก ทนั ใดนนั้ ซเี ทียนไตเ้ ซยี ก็แผลงฤทธิ์เสียงดงั สน่นั ราวปฐพี
“อาจารย์ ...! ทาไมมาชา้ นกั เลา่ ? ขา้ รอมาทา่ นมาหลายรอ้ ยปี ไหว ดีดตวั สลดั หลดุ ออกมาจากภเู ขา แลว้ ตีลงั กามาหมอบไหว้
แลว้ นะ” พระถงั ซมั จ๋งั พลนั เหง้ เจียเห็นเสือตวั หน่งึ ดงึ ตะบอง ยอู่ ี ท่ีเสียบ
ครน้ั ไดย้ นิ ดงั นนั้ เล่าเป็กกิม (กตญั ญูกตเวทติ า ได้แก่ ไวใ้ นรูหอู อกมาทบุ เสือตาย แลว้ ถลกหนงั เสือออกมานงุ่ หม่ ถือ
กตัญญู – การรู้คุณทา่ น กตเวทติ า - การตอบแทน เป็นการบวชครง้ั แรกของซเี ทียนไตเ้ ซยี พระถงั ซมั จ๋งั จงึ ตงั้ ช่ือให้
คุณทา่ น) เดนิ ตามหาเสียง จนพบซเี ทียนไตเ้ ซีย (มิจฉา ใหมว่ า่ “ซงึ เหง้ เจยี ” จากนนั้ เลา่ เป็กกิม พรานกตญั ญบู อกวา่
ปัญญา) ถกู ภเู ขาทบั อยู่ จงึ เขา้ ไปใกลๆ้ แลว้ ถามวา่
“เหตใุ ดเลา่ เจา้ จงึ มาอย่เู ช่นนีไ้ ด”้ หากพน้ เขตภเู ขาโงว้ เหง้ ซวั
ซเี ทียนไตเ้ ซยี (มจิ ฉาปัญญา – การหย่งั รู้ความดี ความช่ัวท่ี บรรดาสิงหส์ าราสตั วจ์ ะไม่ไดอ้ ยู่
ยงั เป็ นมิจฉาทฏิ ฐิอย)ู่ ฟังไมร่ ูค้ วาม เล่าเป็กกิม (กตญั ญู - ในอานาจของตนแลว้ ดงั นนั้ ขอ
รู้คุณทา่ น) จงึ ช่วยเอานวิ้ แคะตะใครน่ า้ ท่ีขนึ้ ในหขู องซีเทียน ลากลบั ไปดแู ลมารดา แลว้ ลา
ไตเ้ ซยี ออก เน่ืองจากถกู ภเู ขาทบั มานานนบั รอ้ ยปี ในท่ีสดุ จงึ จากไป
พดู คยุ กนั รูเ้ รอ่ื ง และ ซีเทียนไตเ้ ซีย (มจิ ฉาปัญญา) ขอใหพ้ ระ
ถงั ซมั จ๋งั (ขันติ - ความอดทนเพอื่ บรรลุสง่ิ ทด่ี งี าม) ชว่ ย ศิษยเ์ อกซงึ เหง้ เจียจงู มา้ ใหอ้ าจารยน์ ่งั บา่ ยหนา้ ไปในป่าใหญ่ม่งุ
หนา้ สทู่ ศิ ปราจีน
ปลดปลอ่ ยโดยขนึ้ ไปปลดแผน่ ยนั ตรท์ ่ีมีอกั ขระ ๖ พยางค์ ออก [ความตอนนี้ หมายความว่า กตญั ญูกตเวทติ าเป็ นเครอื่ ง
สนับสนุนใหไ้ ด้โพธิปัญญา ดจุ เล่าเป็ กกมิ (กตญั ญู
29
กตเวทติ า – การรู้บุญคุณทา่ นและตอบแทนบณุ คุณทา่ น) (เวทนา) แล้วปรุงแต่งใหก้ ับจติ ไปในทศิ ทางแหง่ กศุ ล
แคะหใู หซ้ เี ทยี นไต้เซยี (มจิ ฉาปัญญา) จนพดู คุยกันรู้เรอื่ ง อกุศล หรือ อัพยากฤต
นั้น เป็ นการเร่ิมต้นทใี่ หค้ วามกตญั ญูมสี ่วนแรกเริม่ ในการ วญิ ญาณขันธ์ – การรู้แจง้ ในอารมณ์ จากทไี่ ดร้ ับรู้มาจาก
น้อมนาใหป้ ัญญาเข้าสแู่ นวทางแหง่ สัมมาทฏิ ฐิ และ ครัน้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร เกดิ วิญญาณขันธ]์
ไดแ้ กะอักขระ ๖ พยางค์ โอม มณี ปัททเม ฮูม แปลว่า ตอน “อนิ ทรยี ์ ๖ ดจุ โจรหกคน”
อาจารยแ์ ละศษิ ยร์ อนแรมกนั มา จนเรม่ิ ยา่ งเขา้ ฤดู
“ขอน้อมแด่ดวงมณีมขี นึ้ ในจติ ใจเรา” เป็ นความหมาย
การตงั้ จติ อธิษฐาน “ขอใหเ้ กดิ แสงสวา่ งขนึ้ ในจติ ใจ” น่ัน หนาว พลนั โจร ๖ คนก็จ่โู จมเขา้ ขวางหนา้ ตวาดว่าตอ้ งการ
กค็ อื เป็ นการเร่ิมตน้ สู่เส้นทางแหง่ มรรคผลของเหง้ เจยี
(ปัญญา) คือการหลุดพน้ จากเขา ๕ ลูกทที่ บั ไว้ น่ันคือการ ทรพั ยแ์ ละชีวิต เหง้ เจียกรากเขา้ ประจนั หนา้ แลว้ รอ้ งถามช่ือแซ่
ไม่ยดึ ตดิ ในขันธ์ ๕ และ ตัง้ ใจม่ันทจ่ี ะเดนิ สู่มรรคาแหง่
สัมมาทฏิ ฐิ และในโอกาสนีไ้ ด้เข้าสู่การบวชดว้ ยการหม่ โจรทง้ั ๖ ก็รอ้ งตอบบอกช่ือดงั นี้
หนังเสือ
ขันธ์ ๕ ไดแ้ ก่ โจรคนท่ี ๑ ช่ือ งน้ั ขนั ชี้ ตา เห็นรูป ใจเร้า
โจรคนท่ี ๒ ช่ือ ย่ีเทียลอ้ หู ยนิ เสียง ใจสยวิ
รูปขันธ์ – รูป ร่างกาย หรอื ส่ิงทผ่ี ัสสะ๖ รับรู้ได้ โจรคนท่ี ๓ ช่ือ ภชิ ืออา้ ย จมูกไดก้ ล่ิน ใจแพ้
เวทนาขันธ์ – การรับรู้ ความรู้สกึ การเสวยรสในอารมณ์ โจรคนท่ี ๔ ช่ือ จิสองซอื้ ปาก ลมิ้ รสแลว้ ใจดนิ้
ของสุข ทกุ ข์ หรอื เฉยๆ โจรคนท่ี ๕ ช่ือ ซนิ้ ป๊ มุ อ๋วิ สมั ผสั ผิว ทาให้ ใจบ้า
สัญญาขันธ์ – ส่วนกาหนดรู้และจดจาอารมณน์ ั้นๆ โจรคนท่ี ๖ ช่ือ อ่ีเกีย้ นออก ใจ รูค้ ิดให้ ใจพะวา้
สังขารขันธ์ – การปรุงแต่งใหก้ บั อารมณท์ ไี่ ด้รับรู้ เหง้ เจียไดย้ ินช่ือแลว้ หวั รอ่ ก๊ากใหญ่ ตอบออกไปวา่
“อา้ ยพวกลกู หลานขา้ เจา้ พวกขนหนา้ แขง้ ของป่ ู เจา้ ทงั้ หกเม่ือ
30
ปลน้ อะไรมาได้ แบง่ ใหป้ ่แู ลว้ จะไวช้ ีวิตเจา้ ” อุปสรรคสาคัญยง่ิ ในการเดนิ ทางไปไซทใี นครัง้ นี้ ดังนั้นจงึ
ทงั้ หกไดฟ้ ังดงั นน้ั ก็โกรธ เขา้ รุมทารา้ ยเหง้ เจีย จงึ โดนเหง้ เจียตี ต้องตใี หต้ าย เพราะขณะนีจ้ ติ ไดล้ ะขันธ์ ๕ ไดแ้ ล้ว จงึ เขา้
ตายหมด พระถงั ซมั จ๋งั เห็นศิษยโ์ หดรา้ ย ตาหนิว่ากลา่ ว เหง้ เจีย ใจความเป็ นมาเป็ นไปในวญิ ญาณขันธเ์ ป็ นอย่างดี ทาให้
ไม่ยดึ ตดิ ในอารมณท์ งั้ ๖ น่ันกค็ ือการเดนิ ทางเข้าสู่พทุ ธ
กลบั เถียงวา่ ถา้ ไมต่ ีมนั มนั ก็ตีอาจารยต์ ายแลว้ ยงั มาตาหนิขา้ ภาวะไดจ้ ะต้องกาหนดรู้ในอายตนะทงั้ หกใหไ้ ดก้ อ่ น]
อีก ศิษยอ์ าจารยโ์ ตเ้ ถียงดา่ ทอกนั รุนแรง พระถงั ซมั จ๋งั เดือดดาล
จงึ ขบั ไลไ่ มใ่ หร้ ว่ มทางไปไซที เหง้ เจียนอ้ ยใจ เหาะล่ิวไปซดนา้ ชา ตอน ไตรลักษณ์ คอื การ บวชแท้
กบั พญาเลง่ อ๋องท่ีใตบ้ าดาล
เม่ือเหง้ เจียจากไป พระถงั ซมั จ๋งั จาตอ้ งเดินจงู มา้ ลาพงั แต่องค์
[ความตอนนี้ โจรทงั้ หก คอื ผสั สะ ๖ ตาเหน็ รูป จกั ษุ เดียว ใหร้ ูส้ กึ เงียบเหงา แสนหวา้ เหว่ รูส้ กึ เหน่ือยลา้ น่งั ลงคอ
วิญญาณเกดิ หไู ด้ยนิ โสตวิญญานเกดิ จมูกรบั กล่ิน ฆาน ตก ครูห่ นง่ึ มีแมเ่ ฒา่ ผหู้ น่ึงปรากฏกายขนึ้ (พระโพธิสตั วก์ วนอมิ
วิญญานเกดิ ปากลมิ้ รส ชิวหาวญิ ญานเกดิ ผวิ รู้สกึ ใน แปลงกายมา) เขา้ มาสนทนาดว้ ย สอบถามไดค้ วามแลว้ จงึ
สัมผัส กายวิญญานเกดิ ใจ นึกคิด มโนวิญญานเกดิ กล่าววา่ “การท่ีจะไปไซที โดยไม่มีเหง้ เจียนน้ั ยอ่ มไปไม่ถงึ โดย
วญิ ญาณทงั้ ๖ ทเ่ี กดิ ขนึ้ จากอายตนะ ๖ กบั อารมณ์ ๖ นั้น แนน่ อน” แม่เฒ่าจงึ รบั ปากวา่ จะชว่ ยไปตามเหง้ เจียให้ พรอ้ ม
คือ ธาตรุ ู้ – วญิ ญาณธาตุ เหง้ เจยี จงึ เปรียบว่าเหมอื น กนั นนั้ ไดม้ อบ เสือ้ และ หว่ งมงคลสามหว่ ง ไวส้ าหรบั สรวมหวั
ศีรษะ พรอ้ มใหม้ นตค์ าถาสะกดหวั ใจ สาหรบั ปราบเหง้ เจียเม่ือ
เป็ นขนหน้าแข้งของตนเอง (โพธิจติ ) เพราะเหง้ เจยี เข้าใจ เกิดดือ้ รน้ั หรอื ดรุ า้ ย พระโพธิสตั วก์ วนอมิ (เมตตาบารมี)ไม่
ในมูลธาตุ ๑๘ เป็ นอยา่ งด(ี คอื อาวุธเหลก็ ๑๘ อย่างซง่ึ เคย ตอ้ งการปรากฏกายใหเ้ หง้ เจียเห็น จงึ ใหพ้ ญาเลง่ อ๋องชว่ ยกลอ่ ม
เป็ นอาวุธเดมิ ของเหง้ เจยี ) เมื่อเหน็ เข้าจงึ ตรงเข้าตจี นโจร เหง้ เจีย โดยเตือนสติใหค้ ดิ ถึงมรรคผล ในท่ีสดุ เหง้ เจียไดส้ ติจงึ
ทงั้ ๖ ตาย เพราะรู้ว่าโจรทงั้ หกได้แก่ รูป รส กล่ิน เสียง
สัมผัส และ อารมณ์ ซงึ่ ถอื ว่าเป็ นอวชิ ชาผัสสะ เป็ น
31
เหาะยอ้ นกลบั มาหาพระถงั ซมั จ๋งั พระถงั ซมั จ๋งั ดีใจและบอกว่า การสรวมหว่ งมงคล ๓ หว่ ง คือ ไตรลักษณ์ เป็ นการกากับ
หากเจา้ มีความตงั้ ใจบรรลมุ รรคผลเช่นนี้ ขา้ จะใหเ้ จา้ เป็นศิษย์ ปัญญาใหค้ อยกาหนดรู้ถงึ ไตรลักษณ์ อยู่ตลอดเวลา อัน
ขา้ และขา้ จะบวชใหเ้ จา้ ดีหรอื ไม่ เหง้ เจียใหด้ ีใจตอบตกลง พระ ได้แก่
ถงั ซมั จ๋งั ขอใหเ้ หง้ เจียสรวมเสือ้ และห่วงมงคลสามห่วง โดยบอก อนิจจฺ – ความไม่เทยี่ ง
ทกุ ข – สภาวะทไ่ี ม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดมิ ได้
วา่ เป็น หว่ งมงคลวิเศษ (ไตรลักษณ์ – อนิจจ ทกุ ข อนตฺ อนตตฺ า - ความไม่มตี วั ตน
การสรวมมงคลไว้บนหวั เหง้ เจยี (ปัญญา) เพอ่ื ควบคุม
ตา) สวมศีรษะไวจ้ ะทาใหเ้ จา้ ฉลาดรอบรู้ สว่ น เสอื้ (โยนิโส เหง้ เจยี ไม่ใหด้ อื้ รัน้ คราใดทเ่ี หง้ เจยี เกดิ ดอื้ รั้นออกนอกลู่
นอกทางเมื่อใด เมอื่ นั้นหว่ งมงคลจะบบี ศรี ษะใหเ้ จบ็ ปวด
มนฺสิการ - การเฝ้าดจู ติ )นนั้ ทาใหร้ ูจ้ กั ขนบธรรมเนียม และยนิ ยอมทจ่ี ะเช่อื ฟัง น่ันคอื การกาหนดกัมมัฏฐานทม่ี ี
ประเพณีโดยไม่ตอ้ งเรยี นตอ้ งฝึก เหง้ เจียหลงเช่ือยอมสวมใสแ่ ต่ ไตรลักษณเ์ ป็ นอารมณ์ โพธิจติ หรอื ปัญญา จงึ เริ่มถูก
โดยดี ครน้ั แลว้ พระถงั ซมั จ๋งั ลองรา่ ยมนตรส์ ะกด เหง้ เจียรูส้ กึ กากับใหอ้ ยู่ในเส้นทางแหง่ สัมมาทฏิ ฐิของมรรคผล คอื
ปวดขมบั ลม้ กลิง้ ไปมา กลายเป็นลงิ ว่างา่ ยอยใู่ นกามือของพระ อนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา การเดนิ ทางของจติ สพู่ ุทธภาวะเร่ิม
ถงั ซมั จ๋งั กาหนดใหต้ ัง้ ม่ันอยู่ในเส้นทางอันถูกต้องอันสมควรแล้ว]
[ความตอนนีห้ มายความว่า โพธิจติ ทย่ี ังเถอื่ นอยตู่ อ้ งอาศัย อุบายวธิ ีกาหนดกัมมัฏฐาน
การหลอกล่อ ด้วยการหลอกล่อใหเ้ ป็ นการบวชและรับ
ของกานัล โดยหลอกว่าเม่ือใส่เสือ้ และหว่ งมงคลสามหว่ ง
แล้วจะรู้เรอื่ งปรยิ ัตไิ ด้โดยสิน้ เชงิ ความจรงิ แลว้
การใส่เสือ้ คือ โยนิโส มนฺสกิ าร เป็ น การเฝ้าดูจติ ใหอ้ ย่ใู น
ตาแหน่งทถ่ี กู ต้องทางธรรมและวินัย ไม่ออกนอกลู่นอก
ทาง
32
อาจารยแ์ ละศิษย์ เดนิ ทางในป่าลกึ จนถึงท่ีโล่ง บรรลุ หนา้ ออกมากล่าวตอ้ นรบั เม่ือไดส้ นทนากนั จนเป็นท่ีคนุ้ เคยแลว้
ถึงบงึ ใหญ่ช่ือ เองเสา้ เขตภเู ขาจ่วั บ่วั ซวั ทนั ใดนน้ั มงั กรรา้ ย เงก็
เล้งซมั ไทจอิ้ (วิรยิ ะ - ความเพยี ร) ผตู้ อ้ งโทษจากสวรรค์ ได้ ตาเฒ่าจาแลงไดถ้ วาย เครื่องอานม้า(อนุสติ - ความระลกึ
โผลข่ นึ้ มา อา้ ปากกลืนมา้ หลวงพระราชทานลงไปในทอ้ ง
เหง้ เจียกระชากกระบองย่อู ่ีเขา้ ต่อสกู้ นั โกลาหล เง็กเลง้ เหน็ ทา่ จะ ถงึ ) พรอ้ มทงั้ ไม้เรียวถักด้วยเอน็ เสอื (นิคหะ - การข่ม)
สไู้ ม่ไดเ้ ลยดาลงไปกบดานท่ีกน้ บงึ เหง้ เจียไม่รูจ้ ะทาประการใด
เพราะตนไม่มีความสามารถในนา้ เทียบเท่าบนบก จงึ เหาะไป สาหรบั เฆ่ียนบงั คบั มา้ กบั ธูปหอม(ปัคหะ - การยกย่อง)
นมิ นตพ์ ระกวนอิมโพธิสตั วม์ าช่วย เม่ือพระโพธิสตั วก์ วนอิม
มาถงึ รอ้ งบอกลงไปใหเ้ งก็ เลง้ ฟังวา่ บคุ คลท่ีเง็กเลง้ รอนนั้ บดั นี้ อย่างดีแก่พระถงั ซมั จ๋งั เหง้ เจียเหน็ เขา้ ก็หวั เราะเยาะของขวญั
ไดม้ าถงึ แลว้ คือ พระถงั ซมั จ๋งั และเจา้ ไดก้ ลืนมา้ หลวงซง่ึ เป็น
พาหนะของพระถงั ซมั จ๋งั ลงไปในทอ้ ง เงก็ เลง้ ไดฟ้ ังดงั นนั้ รบี ของตาเฒา่ (สงิ หพ์ าหนะของพระโพธิสตั วก์ วนอมิ จาแลงมา)
ขนึ้ มาจากกน้ บงึ แลว้ ทาความเคารพพระถงั ซมั จ๋งั และไหว้
เหง้ เจีย พระโพธิสตั วก์ วนอมิ จงึ รา่ ยมนตแ์ ปลงรา่ งของเง็กเลง้ ให้ หลงั จากมอบของวเิ ศษตามคาส่งั ของเจา้ แมก่ วนอิมแลว้ ตาเฒา่
กลบั เป็นมา้ ขาว (วริ ิยะบารมี) เพ่อื แทนมา้ หลวงท่ีถกู กลืนกิน
ลงไป จากนนั้ พระโพธิสตั วก์ วนอมิ และปวงเทพยดาต่างกลบั ไป อนั ตรธานหายไป
ยงั สานกั ของตน เหง้ เจียจงู มา้ ขาวนาหนา้ พระถงั ซมั จ๋งั ขา้ มบงึ
เองเสา้ ดว้ ยเรอื ของตาเฒ่าผหู้ นง่ึ เม่ือถึงฝ่ังแลไปขา้ งหนา้ เหน็ [เม่อื จติ ไดเ้ ริ่มต้นเดนิ ทางใหอ้ ยู่ ในเส้นทางทถ่ี ูกต้องแล้ว
ศาลเจา้ ประหลาดขวางทางอยู่ และมีตาเฒ่าผมขาวโพลนโผล่ นั้น การเดนิ ทางจากนีไ้ ปของพระถงั ซมั จ๋ัง (ขันตอิ ันมี
ศรัทธาเกอื้ หนุนอยู่) และ เหง้ เจยี (ปัญญา) คอื การ
แสวงหาธรรมะเพอ่ื เจรญิ ปัญญา เพราะการเดนิ ทางเข้าไป
ในจติ ดว้ ยการกระทาวิปัสสนากัมมัฏฐานนั้น จักต้องเผชญิ
อุปสรรคของกเิ ลส ตณั หาทงั้ ปวงอีกมากมาย ทที่ าใหอ้ ยาก
เลิกกลางคัน จงึ จาเป็ นต้องมีความเพยี รในการละกเิ ลส
อยา่ งยง่ิ (วริ ยิ ะ) และยังต้องมีเคร่ืองช่วยประคับประคอง
เพอื่ ใหบ้ รรลุถงึ มรรคผล ได้แก่
ม้าขาว (ความเพยี ร) ก้าวยา่ งอย่างม่ันคงเดนิ ไปอย่างไม่
33
ทลุ ักทเุ ล ตอ้ งมเี คร่ืองชว่ ยได้แก่ สองอยา่ งนีจ้ ะใหม้ ้าขาว (วิริยะ – ความเพยี ร) เดนิ ต่อไป
เครื่องอานม้า (อนุสต)ิ ทาใหข้ ีม่ ้าสะดวกขนึ้ ไดด้ ้วยดมี ่ันคง ไม่หลงออกนอกเส้นทาง]
ไม้เรยี วถกั เอ็นเสือ (นิคหะ) เพอ่ื บงั คับใหอ้ ยูใ่ นเส้นทาง
ธูปหอม (ปัคหะ) เพอ่ื กระตนุ้ ใหก้ ระชุ่มกระชวยขนึ้ การบวชกาย กับ การบวชใจ
หมายถงึ ศรัทธาตงั้ ม่ันทร่ี ะลึกถงึ ในการบรรลุธรรม ขนึ้ เดือนสามย่างเขา้ สฤู่ ดใู บไมผ้ ลิ ศษิ ยจ์ งู มา้ พา
อาจารยเ์ ดนิ ชมป่ากนั อยา่ งเพลดิ เพลนิ รน่ื เรงิ บนั เทิงใจ เดนิ กนั
(อนุสต)ิ แตห่ นทางนั้นยากลาบาก ยังต้องอาศยั มาเรอ่ื ยๆจนบรรลถุ งึ วดั กวนอมิ เซียนย่ี สมภารวดั ก็ใหก้ ารรบั รอง
เครื่องช่วย ทจี่ ะทาใหม้ คี วามเพยี ร ความตัง้ ใจ ทจ่ี ะ ดว้ ยการเชิญด่ืมนา้ ชา ในระหว่างด่ืมนา้ ชากนั อย่นู นั้ มีอย่ตู อน
พยายามเดนิ ทางต่อไปอยา่ งม่ันคง แม้จะมอี ุปสรรคมา หน่งึ หลวงจีนเฒา่ ซง่ึ เป็นสมภารวดั โออ้ วดวา่ วดั ของตนนน้ั เป็นวดั
ท่ีพระโพธิสตั วก์ วนอมิ เคยมาพานกั นอกจากนีส้ มภารยงั
ขัดขวาง (กเิ ลส) โดยมเี ครอ่ื งช่วยอกี ๒ อย่าง - อุบาย ๒ อวดอา้ งวา่ ตนมีผา้ กาสาวพสั ตรท์ ่ีสวยงามมากมายนบั เป็นรอ้ ย
อยา่ ง คือ ผืน เหง้ เจียนกึ ถงึ ผา้ กาสาวพสั ตรว์ ิเศษท่ีพระโพธิสตั วก์ วนอมิ
ประทานใหจ้ งึ เอาออกมาอวดบา้ ง หลวงจีนเฒา่ เห็นเขา้ เกิด
๑. นิคหะ(ไม้เรยี วถักด้วยเอน็ เสอื ) การข่ม - ข่มบังคับ ละโมบอยากได้ จงึ เชิญคณะอาจารยแ์ ละศิษยพ์ านกั ท่ีวดั คดิ
เมื่อฟ้งุ และ วางแผนท่ีจะเอาไฟครอกทงั้ ศษิ ยแ์ ละอาจารย์ หวงั ท่ีจะไดผ้ า้ กา
สาวพสั ตรว์ เิ ศษ เหง้ เจียรูเ้ ท่าทนั จงึ ซอ้ นกลเอาไฟเผาวดั เสียสิน้
๒.ปัคหะ (ธูปหอม) การยกย่อง – ล่อเมอ่ื หอ่ เหย่ี ว หลวงจีนจงึ ตอ้ งชลุ มนุ ดบั ไฟกนั เหง้ เจียชอบใจย่ิงนกั พลนั เฮ๊
กฮองใตอ้ ๋อง รา่ งแปลงของปีศาจหมีดา(อทนิ นาทาน - การ
หากมคี วามฟ้งุ ซา่ น ใหเ้ พง่ จติ กาหนดรู้ (นิคหะ) ว่าจติ ไม่
นิ่ง พงึ ควบคุมไว้ แล
ยามใดรู้สกึ ทอ้ แทห้ อ่
เหยี่ วพงึ กาหนดรู้ว่า
เส้นทางทเี่ ดนิ มานั้น
ถูกต้องแล้ว (ปัคหะ) ทงั้
34
ลักขโมย) ผคู้ นุ้ เคยไปมาหาสกู่ บั สมภารวดั เหน็ วา่ ทกุ คนยงั มงคลสรวมหวั พาไปเป็นคนเฝา้ ประตดู า้ นหลงั สานกั เขาน่าไฮท้ ่ี
วนุ่ วายกบั การดบั ไฟ จงึ ไดแ้ อบขโมยในผา้ กาสาวพสั ตรไ์ ปซอ่ นไว้
ในถา้ เฮ๊กฮองตอ๋ ง ณ ภเู ขาเฮ๊กฮองซวั เหง้ เจียเหาะตามไปพบ ประทบั
เขา้ ต่อสกู้ นั ปรากฏว่าไม่มีผใู้ ดแพ้ ชนะแก่กนั เหง้ เจียเห็นดงั นน้ั
จงึ เหาะหนีไปนมิ นตพ์ ระโพธิสตั วก์ วนอมิ เม่ือพระโพธิสตั ว์ [ความตอนนี้ ด้วยเหง้ เจยี
กวนอิมเสด็จมาชว่ ยเหลือ ทาใหเ้ หง้ เจียสามารถฆา่ ปีศาจเตา้
หยนิ ๒ ตนท่ีเป็นเพ่ือนของเฮ๊กฮองใตอ้ อ๋ ง คือ ปีศาจชะมด – การหย่งั รู้เหตผุ ลของ
(ปาณา - การฆ่าสัตวต์ ดั ชวี ิต) และ ปีศาจงขู าว (กาเม -
การประพฤตผิ ิดตอ่ ลูกเมียผู้อ่นื ) จากนน้ั ออกอบุ ายโดยให้ ความดี ความช่ัว เผลอตัว
เหง้ เจียแปลงกายเป็นเม็ดยา สว่ นพระโพธิสตั วก์ วนอิมก็แปลง
เป็นเตา้ หยนิ ผเู้ ป็นสหายของเฮ๊กฮองใตอ้ ๋อง (อทนิ นาทาน - อวดตนว่าเป็ นผู้รู้ คือ
การลักขโมย) ถือถาดเมด็ ยาอายวุ ฒั นะ แลว้ ออกอบุ ายให้
เฮ๊กฮองใตอ้ อ๋ งกินเม็ดยาอายวุ ฒั นะ(เหง้ เจยี แปลงกาย) เอก็ ปัญญาทชี่ อบอวดศีล ดจุ
ฮองใตอ้ อ๋ ง หลงกลกินยาเขา้ ไป เม่ือเม็ดยาตกลงถึงทอ้ งเหง้ เจีย
แปลงกายกลบั คืนรา่ งเดมิ แลว้ ใชก้ ระบองย่อู ่ี ตีพงุ กระทงุ้ ใจ จน นักบวชทแี่ สดงตนเป็ น
เฮ๊กฮองใตอ้ อ๋ ง(อทนิ นาทาน - การลักขโมย) ยอมแพ้
เหง้ เจียคดิ จะฆ่าแตพ่ ระโพธิสตั วก์ วนอมิ ขอชีวิตมนั ไว้ แลว้ เอา สมณะทน่ี ุ่งหม่ ดว้ ยผ้ากาสาว
พัสตร์ ปรากฏกายไปในท่ี
ต่างๆแต่หาได้ปฏบิ ตั ติ นเช่น
สมณะไม่ เฉกเช่นผ้ากาสาวพสั ตรท์ ถี่ กู ขโมยไป
ความหมาย คอื การอวดตนเป็ นผู้ทรงศลี ต่อหน้าผู้อนื่ แต่
ลับหลังหาได้เป็ นไม่ ย่อมทาใหค้ วามเป็ นพระต้องขาด
หายไป เป็ นการอวดอ้างว่าตนเป็ นพระแต่หาได้ประพฤติ
ปฏบิ ตั เิ ช่นพระไม่ ดจุ เช่น การขโมยผ้าเหลืองมาหม่
ส่วน อทนิ นาทาน - การลักขโมย (เฮ๊กฮองใตอ้ ๋อง)
ทค่ี บหากับ ปาณา - การฆา่ สัตวต์ ดั ชีวิต(ปี ศาจชะมด)
และ กาเม - การประพฤตผิ ิดตอ่ ลูกเมยี ผู้อ่ืน (ปี ศาจงขู าว)
35
รวมปี ศาจทงั้ สาม คอื มิจฉากมั มันโต เป็ นข้อปฏบิ ัตทิ าง
กายและวาจาทพ่ี งึ ละเวน้ การทเ่ี หง้ เจียฆา่ ปี ศาจชะมด ศีลทเ่ี กดิ จากปัญญา
แลว้ มาวนั หน่งึ ท่ีจวนจะใกลค้ ่าแลว้ เหง้ เจียจงู มา้ พระ
และ ปี ศาจงขู าว ทงั้ สองตาย คอื การใช้ปัญญาในการ ถงั ซมั จ๋งั น่งั อย่บู นหลงั มา้ ก็คดิ ว่าตอ้ งหาท่ีพกั สาหรบั คืนนี้ ก็
เหน็ หม่บู า้ นเกาเลา้ จงึ ท่ีมีเจา้ ของบา้ นเกาทา้ ยกงมีลกู สาว ๓
พจิ ารณาไตร่ตรองเพอ่ื ทจ่ี ะละ ในการฆ่าสัตว์ และ ล่วง คน คนโตช่ือ กลว้ ยไมก้ ล่ินหอม(จุลศีล) คนกลางช่ือ กลว้ ยไม้
หยก (มัชฌิมศลี ) คนสดุ ทอ้ งช่ือ กลว้ ยไมเ้ งนิ (มหาศีล) ใน
ละเมดิ ของรักของผู้อืน่ คือ การฆา่ ปี ศาจใหต้ าย เวลานนั้ ทงั้ บา้ นไดร้ บั ความทกุ ขโ์ ศก ดว้ ยปีศาจหมตู นหน่งึ เขา้
ขม่ ขืนชาเรากลว้ ยไมเ้ งิน จะใชห้ มอผีใดมาขบั ไลก่ ็ไมส่ ามารถไล่
แต่กรณีทพี่ ระโพธิสัตวก์ วนอิม ขอชีวติ ปี ศาจหมีดา ไปไดเ้ พราะปีศาจมีฤทธิ์มาก ปีศาจหมตู นนี้ ซ่อื ตือหงอเหนง
(ทศุ ีล) เป็นปีศาจท่ีมีอทิ ธิฤทธิ์มาก มีอาวธุ วิเศษคือ คราดเกา้ ซ่ี
เฮก๊ ฮองใต้อ๋อง (อทนิ นาทาน - การลักขโมย) และสรวม (สังฆคุณ ๙) เม่ือทราบเร่อื งเหง้ เจียก็ขนั อาสาท่ีจะปราบปีศาจ
มงคล และนาไปเป็ นคนเฝ้าประตูหลังสานัก นั้น เพราะ ตนนีใ้ ห้ โดยปลอมกายเป็นนางจยุ๋ ลนั้ (กล้วยไม้เงนิ ) เม่ือ
ปีศาจหมมู าถึงหอ้ งนอนตรงเขา้ ปลกุ ปลา้ ทนั ที นางจยุ้ ลนั้
เหน็ ว่าการลักขโมยยังสามารถทดใช้มาทางบญุ ได้อยู่ ด้วย (เหง้ เจยี แปลงกาย) ทาทีเป็นดนิ้ รนพกั หนง่ึ แลว้ แปลงกายกลบั
เป็นเหง้ เจีย สรู้ บกนั เป็นสามารถตา่ งแปลงกายในรูปรา่ งต่างๆ
การบาเพญ็ ประโยชนใ์ หแ้ กผ่ ู้อืน่ ดว้ ยเมตตา เป็ นการละ เหง้ เจียเหน็ ว่าปีศาจตนนีม้ ีความสามารถมาก จงึ สกู้ นั ไปตา่ ง
พดู จาไถ่ถามกนั ไป ตือหงอเหนงจงึ รูว้ ่าพระถงั ซมั จ๋งั คือผทู้ ่ีจะไป
มจิ ฉากมั มันโต ดว้ ยการปิ ดทองหลังพระ การทาเช่นนีเ้ ข้า
ลักษณะของ การบวชใจ
คือ เปล่ยี นจากการแอบอ้าง หลอกลวง ลักขโมย มาเป็ น
การช่วยเหลอื ผู้อ่ืนดว้ ยความเมตตา โดยมหิ วัง
ผลตอบแทนใดๆ
ส่วนการหม่ ผ้าเหลืองเป็ นเพยี งการบวชกายเทา่
นั้นเอง]
36
อาราธนาพระไตรปิฎกท่ีไซที จงึ เขา้ ถวายคานบั และ นบั ถือ ๗. ทกขฺ ิเณยโฺ ย เป็ นผู้ควรแก่ทกั ษณิ าทาน คือ ควรแก่
เหง้ เจียเป็นพ่ี พรอ้ มขอติดตามไปไซทีดว้ ย พระถงั ซมั จ๋งั จงึ ตง้ั ช่ือ การทาบุญ
ใหใ้ หม่ว่า ตือโปย้ ก่าย (มจิ ฉาศีล) ทง้ั คณะตา่ งเปล่ียนรองเทา้ ๘. อญฺชลีกรณีโย เป็ นผู้ควรแกก่ ราบไหว้
ใหม่ แลว้ อาลาเกาทา้ ยกงออกเดนิ ทางจากหม่บู า้ นเกาเลา้ จงึ ๙. อนุตตร ปญุ ญักเขตต โลกสฺสะ เป็ นเนือ้ นาบญุ ของ
บา่ ยหนา้ ส่ไู ซที โลก แหล่งเพาะปลูกและเผยแพร่ความดขี องโลก)
(ในระยะแรกศลี ยังเป็ นมิจฉาศีล ยงั ไม่มปี ัญญากากบั ให้อยู่ใน มหาปรัชญาปารมติ าหฤทยั สูตร
สัมมาศีล จงึ ยงั เป็ นทศุ ีล และมคี วามปรารถนาในศีลชั้นเลศิ
คอื มหาศลี เปรียบเช่นการเข้าข่มขืนนางจยุ๋ ลั้น-กล้วยไม้ พระถงั ซมั จ๋งั , เหง้ เจีย, โปย้ ก่าย, และ มา้ ขาว รอน
เงนิ คือ การเสแสร้งแสดงตนว่าเป็ นผู้ถอื ศีลชัน้ เลศิ แรมเร่อื ยมาจนถึงภเู ขาภโู่ ท่ซวั อนั เป็นสานกั ของพระโอเซา้
คราด ๙ ซที่ ตี่ อื โป้ยก่ายใช้เป็ นอาวุธนั้น ไดแ้ ก่สังฆคุณ ๙ - (พุทธศาสนาในนิกายเซน็ ไม่ยดึ ม่ันในศีล) อาจารเซน็ ผู้
คุณธรรมของพระสงฆ์ คือ อาศยั อย่ใู นรงั กาท่ีทาดว้ ยหญา้ และก่ิงไม้ พระโอเซา้ รอ้ งทกั โปย้
ก่าย เพราะคนุ้ เคยกนั แต่ไม่รูจ้ กั เหง้ เจีย พระถงั ซมั จ๋งั รอ้ งถามว่า
๑. สุปฏปิ นฺโน เป็ นผู้ปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ัตชิ อบ ทางไปไซทียงั ใกลห้ รอื ไกล พระโอเซา้ ก็ตอบวา่ “ยงั ไกลอกี มาก
๒. อุชุปฏปิ นฺโน เป็ นผู้ปฏบิ ัตติ รง นัก จงพยายามเถดิ หนทางไปนั้นไม่สู้ยากหรอก แต่มี
๓. ญายปฏปิ นฺโน เป็ นผู้ปฏบิ ัตถิ กู ทาง อุปสรรคมากมาย แตเ่ ม่อื พบสานุศษิ ยค์ นสุดทา้ ยแล้ว การ
๔. สามจี ปิ ฏปิ นฺโน เป็ นผู้ปฏบิ ตั สิ มควร พอเหมาะ เดนิ ทางกส็ ามารถไปถงึ ไซทแี น่นอน” ซา้ ยงั ไดบ้ อกมนต์
พอควร พเิ ศษสาหรบั ภาวนา เม่ือมีอปุ สรรคอนั ตราย คือขอ้ ความใน
๕. อาหเุ นยโฺ ย เป็ นผู้ควรแกข่ องคานับ
๖. ปาหเุ นยโฺ ย เป็ นผู้ควรแกก่ ารตอ้ นรับ
37
“มหาปรชั ญาปารมิตาหฤทยั สตู ร” มี ๕๔ วรรค ๓๗๐ ตะวันออกเถดิ แล้วจะถงึ ” เหง้ เจีย หาเช่ือไม่ และยืนยนั ท่ีม่งุ
ตวั อกั ษร ซง่ึ มีใจความย่อดงั นี้ หนา้ ส่ทู ศิ ตะวนั ตก สว่ นโปย้ ก่ายแสดงอาการ ปากย่ืน ผ่งึ หู อวด
ขันธ์ ๕ คอื ความว่าง ความวา่ งคอื ขันธ์ ๕ ส่ิงทงั้
วิจารณผ์ เู้ ฒา่ อว้ งจนพระถงั ซมั จ๋งั ราคาญ เหง้ เจียจงึ แนะนาให้
ปวง ไม่เกดิ ไม่ดบั ไม่สกปรก ไม่สะอาด ไม่พร่อง ไม่
เตม็ ไม่มอี วิชชา ไม่ปราศจากอวชิ ชา ไมม่ ีชรามรณะ ไม่ ซอ่ นปากไวใ้ นคอ และ เอาใบหรู ดั รวบไวท้ ่ีทา้ ยทอย ศิษยแ์ ละ
ปราศจากชรามรณะ ไม่มีการรู้ ไม่มีการไม่รู้ ไม่มกี าร
บรรลุ ไม่มกี ารไม่บรรลุ อาศัยปัญญาอนั ยอดเยยี่ มนี้ อาจารยไ์ ดร้ บั การเลีย้ งดเู ป็นอย่างดี แลว้ จงึ อาลาตาเฒ่าเดินทาง
พระพทุ ธเจ้าในอดตี ทงั้ สิน้ ได้แจม่ แจ้งเป็ นพระสัมมาสัม
พทุ ธเจา้ อาศัยปัญญานีจ้ ติ จะปราศจากความลังเล และไม่ ม่งุ สปู่ ่าใหญ่
มีอะไรเป็ นอุปสรรค จงึ ไม่หว่ันไหว ทกุ ขท์ งั้ ปวงจะดับหมด
และน่ีมิใช่ความสูญเปล่าเลย [พระโอเซ้าทกั ทายโป้ยก่าย เพราะคุ้นเคยกนั นั้น เน่ือง
พระถงั ซมั จ๋งั ท่องมนตว์ เิ ศษนีจ้ นขนึ้ ใจ แลว้ นมสั การลาพระ ด้วยพระในนิกายเซน็ – พทุ ธนิกายทย่ี ดึ ถอื การบรรลุ
ธรรมอยา่ งฉับพลันเป็ นสาคัญ จะไม่เคร่งครดั ในเร่ืองศีล
โอเซา้ เซยี นซือ เหง้ เจียส่ายหนา้ อยา่ งไม่สนใจ และรูส้ กึ ไมช่ อบ แตจ่ ะใหค้ วามสาคัญในเรื่องปัญญา จงึ ย่อมรู้และเข้าใจ
เรือ่ งศลี เช่นกนั แตไ่ ม่ใหค้ วามสาคัญในเรอ่ื งศลี มากเทา่ กับ
ขีห้ นา้ พระโอเซา้ ขยบั ตะบองหมายตีหวั พระโอเซา้ จงึ กระโดด การบรรลุถงึ พทุ ธธรรมดว้ ยปัญญา
ขนึ้ รงั กาแลว้ หายไปในหมอก มนตว์ ิเศษทพ่ี ระโอเซา้ มอบใหแ้ กพ่ ระถังซัมจ๋ังทอ่ ง
ใหข้ ึน้ ใจคือ วา่ งๆๆ ไม่มีๆๆ เหง้ เจยี จะส่ายหน้าอย่างไม่
ครนั้ เดนิ ทางไมน่ าน ถึงบา้ นผเู้ ฒา่ แซ่อว้ ง ตาเฒา่ สนใจ เพราะเหง้ เจยี ในขณะนีย้ งั เป็ น มจิ ฉาปัญญาทย่ี ังไม่
เข้าสู่เขตแดนโลกตุ ระ จะรู้สกึ ไม่ชอบคาว่าว่างๆๆ ไม่มๆี ๆ
ซกั ถามว่าท่านจะไปท่ีใด พระถงั ซมั จ๋งั บอกว่าจะไปไซที ตาเฒา่ “สุญญตา” จงึ ไมส่ นใจกับมนตว์ ิเศษทอี่ าจารยโ์ อเซ้าใหไ้ ว้
จงึ แนะนาว่า “หากจะไปทศิ ตะวันตก จงออกเดนิ ไปทางทศิ และการทท่ี า่ นโอเซ้าบอกว่า ยงั อกี ไกลนักให้
พยายามเถดิ หนทางไปนั้นไม่สู้ยาก แตม่ อี ุปสรรคมากมาย
38
มคี วามหมายว่า เพยี งการเข้าถงึ ว่างๆๆ ไมม่ ๆี ๆๆ หรือ ทดใช้มจิ ฉาวาจาสู่ทางกุศล (บวชวาจา)
“สุญญตา” แต่เพยี งอย่างเดยี วนับว่ายังไกลกับนิพพาน เดินทางมาครง่ึ คอ่ นวนั บรรลถุ งึ ภเู ขาท่ีมียอดเขาสงู เทียมเมฆ
นัก เพราะการเข้าถงึ สุญญตาเป็ นเพยี งพริบตาเดยี ว ไม่
ย่งั ยนื ถาวร ยงั จาต้องใหป้ ัญญาเผชญิ เพอื่ เรยี นรู้กับกเิ ลส ทนั ใดนน้ั ดนิ ฟา้ อากาศกลบั แปรปรวน พลนั เสือรา้ ยตวั หน่งึ
ต่างๆอีกมาก อันจะทาใหป้ ัญญาได้ซมึ ซาบอยกู่ บั สุญญตา
ทกุ ลมหายใจเข้าออก น่ันกค็ ือ การเกดิ พทุ ธภาวะในใจ กระโจนเขา้ ใสท่ นั ที เหง้ เจีย และโปย้ ก่ายไหวทนั เขา้ รุมต่อสกู้ บั
(นิพพาน) ไม่ใช่เกดิ ขนึ้ เพยี งช่ัววูบ ช่ัวขณะเทา่ นั้น เสือ เสือสไู้ มไ่ ดจ้ งึ ถอดคราบเสือทงิ้ แลว้ กลายรา่ งเป็นคน
ส่วนคาแนะนาของตาเฒา่ แซ่อ้วง ทว่ี ่า “หากไปทศิ กระชากมีดสนั้ ขนึ้ มา ๒ เล่ม(วิตก – การปักจติ ลงสู่อารมณ์
ตะวันตก จงเดนิ ไปทางทศิ ตะวันออก”นั้น เป็ นคาเตอื น วจิ าร - การพจิ ารณาอารมณ)์ เป็นอาวธุ เขา้ ฟาดฟันใส่
เพอ่ื บอกใหร้ ู้ว่า ยง่ิ อยากไปถงึ นิพพานเทา่ ใด ยงิ่ ไปไม่ถงึ
นิพพานเทา่ นั้น เพราะพระอรหนั ตท์ า่ นหมดความอยาก เหง้ เจีย และ โปย้ ก่าย เซียนฮองทหารเอกองึ้ ฮองใตอ้ อ๋ งออกมา
หากยังมีความอยากมากเทา่ ใด ยงิ่ หา่ งไกลนิพพานมาก
ยง่ิ ขึน้ เทา่ นั้น ลักษณะอาการทโี่ ป้ยก่ายแสดงอาการปาก หลอกล่อใหเ้ หง้ เจียและโปย้ ก่ายเผลอ ไดโ้ อกาสบนั ดาลใหล้ ม
ยน่ื ผ่งึ หู เป็ นลักษณะอาการของทุศีล ทจี่ ะคอยพดู จา
ส่อเสยี ด สอดรู้สอดเหน็ ฉะนั้นยามใด เมื่อใหห้ บุ ปาก เกบ็ พดั หอบเอาพระถงั ซมั จ๋งั และมา้ ขาว ไปใหป้ ีศาจหนขู นเหลือง
หู ศีลกด็ เู รียบร้อย สมาธิกจ็ ะมา] องึ้ ฮองใตอ้ อ๋ งปากพน่ ลมพษิ (มจิ ฉาวาจา - การพดู ปด
มดเทจ็ ) นอ้ งชายปีศาจเอก็ ฮองใตอ้ ๋อง(อทนิ นาทาน - การ
ลักขโมย) (พระโพธิสตั วก์ วนอมิ ไดน้ าไปเฝา้ ประตหู ลงั
สานกั น่าไฮ)้ แลว้ เซยี นฮองทหารเอกของปีศาจออกมาสรู้ บกบั
เหง้ เจียและโปย้ ก่าย ในท่ีสดุ โปย้ ก่ายสามารถฆ่าเซียนฮองตาย
ดว้ ยคราดวเิ ศษ ส่วนเหง้ เจียถอนขนออกมาแลว้ เป่าเนรมติ เป็น
39
ลงิ บรวิ ารเขา้ รุมลอ้ มองึ้ ฮองใตอ้ ๋อง (มิจฉาวาจา - การพดู ปด ตา่ งชว่ ยกนั พงั ทลายถา้ และฆ่าสมนุ ปีศาจตายสิน้ จากนน้ั
มดเทจ็ ) ทนั ใดนน้ั ปีศาจหนขู นเหลืองเป่าปากพน่ ลมพษิ
เหง้ เจียเสียทีโดนลมปากของปีศาจปลวิ ไปตามลม โดนลมพษิ ชว่ ยเหลือพระถงั ซมั จ๋งั ออกมา แลว้ เดนิ ทางต่อไป
เขา้ ตาทง้ั สองเจ็บปวดทรมานจวนเจียนแทบตาบอด ดีท่ีเหง้ เจีย
คือซเี ทียนไตเ้ ซยี ผมู้ ีฤทธิ์มากจงึ ตาไมบ่ อด ตอ้ งเท่ียวหาหมอ [ปี ศาจหนูขนเหลืองปากพน่ ลมพษิ คือ ผู้บวชทน่ี ุ่งหม่
รกั ษาตาแตห่ าไมพ่ บ เทพารกั ษป์ ระจาตวั ตามคมุ้ ครองอย่ไู ด้ เหลอื งแล้วปากพน่ ลมพษิ คือ มิจฉาวาจา พดู พล่าม อวด
หยอดยาใสต่ าให้ เมอื่ หาย ตากลับสว่างกว่าเดมิ เป็ นร้อย วิจารณด์ ี ช่ัว ปราศจากการวิตก วิจาร ทาใหผ้ ู้ฟังมปี ัญญา
เป็ นพันเทา่ และยงั บอกเคลด็ ลบั ในการปราบปีศาจหนขู น มืดบอด เฉกเช่นปี ศาจหนูขนเหลืองพ่นลมพษิ เข้าตา
เหลืองปากพน่ ลมพษิ เหง้ เจียจงึ เหาะไปนิมนตเ์ ลง่ เกี๊ยดโพธิสตั ว์ เหง้ เจยี ทาใหต้ าแทบบอด แต่เหง้ เจยี มีอานาจทพิ ย์
(วจสี ังขาร - การปรุงแต่งวาจา) ผชู้ อบเทศนาย่งิ นกั ทงั้ สอง ประจาตัวรักษาตวั เองได้ กค็ อื สามารถรู้ความจริงของวจี
เหาะกลบั มาท่ีถา้ ปีศาจ แลว้ เหง้ เจียรอ้ งทา้ ใหป้ ีศาจออกจากถา้ สังขารด้วยตนเองได้ เพราะปัญญา นั้นคือ การหย่ังรู้
มาสกู้ นั รบล่อหลอกมาหาเลง่ เกี๊ยดโพธิสตั วๆ์ มี ยาบาบัดลม เหตผุ ลในความดี ความช่ัว ด้วยตนเองได้ ความมดื บอดจงึ
เม็ดหน่ึงกับไม้กระบองมังกรทอง จงึ ขวา้ งไมก้ ระบองไปเป็น เป็ นเพยี งช่ัวขณะ เมอ่ื หย่ังรู้ได้ ตาจงึ สว่างขึน้ หลายพันเทา่
มงั กรทอง ๘ เลบ็ (อรยิ ะมรรคองค์ ๘) ตรงเขา้ รดั ขยมุ้ ปีศาจ
ไวใ้ นองุ้ เลบ็ ทงั้ ๘ เหง้ เจียเงือ้ ตะบองจะฆา่ เสีย เลง้ เกีย๊ ดโพธิสตั ว์ ส่วนตอนทเี่ ล่งเก๊ยี ดโพธิสัตว์ – วจสี งั ขาร ผู้ชอบ
รอ้ งหา้ มขอชีวติ ปีศาจไว้ แตจ่ ะจบั ไปถวายพระเซก็ เกยี มองนี
เทศนาธรรม ได้ขว้างกระบองทองเป็ นมังกรทอง ๘ เล็บ –
ฮดุ โจว๊ (พระพทุ ธเจ้า) มรรค ๘ อริยะมรรคองค์ ๘ คือการทดใชม้ จิ ฉาวาจาให้
เล่งเกี๊ยดโพธิสตั วพ์ าปีศาจไปแลว้ เหง้ เจียกบั โปย้ ก่าย เป็ นไปในทางกศุ ล จะเกดิ การสารวมตงั้ สตริ ะงบั ความพลุ่ง
พล่าน ให้ พูดแตธ่ รรมะ ในทศิ ทางของอริยะมรรคองค์ ๘
จะน้อมนาใหไ้ ปรับใช้พระพทุ ธเจ้าในการเผยแผ่ธรรมะ
ของพระองค์ ถอื เป็ นการบวชกาย และ การบวชวาจา
บวชกาย การบาเพญ็ ประโยชนท์ างกายใหผ้ ู้อื่นด้วย
40
เมตตาชนิดไม่หวังผลตอบแทน กระบอง ปีศาจจงึ กลบั มดุ ลงไปกบดานอยใู่ ตน้ า้ เหง้ เจียจน
บวชวาจา การบาเพญ็ ประโยชนผ์ ู้อ่นื ดว้ ยวาจา ด้วย ปัญญา คดิ วา่ หากไม่สามารถปราบปีศาจตนนีไ้ ด้ คงไม่สามารถ
ขา้ มแมน่ า้ หลวิ ซวั ฮอ้ ได้ จงึ ตีลงั กาไปถงึ สานกั เขาน่าไฮ้ เลา่
การพดู ถงึ ธรรมะ หนทางหลุดพน้ อันประเสริฐ ดว้ ยเมตตา ความใหพ้ ระโพธิสตั วก์ วนอิมฟัง กวนอมิ โพธิสตั ว(์ เมตตา -
ใหผ้ ู้อื่นได้เหน็ แจง้ ในธรรมะ ] ความปรารถนาใหผ้ ู้อ่นื มคี วามสุข) จงึ มอบนา้ เตา้ ใหแ้ ก่ฮยุ
ไง(้ ทาน - การให)้ ศษิ ยเ์ อก แลว้ เดนิ ทางไปกบั เหง้ เจีย เม่ือ
อนันตรกิ ะสมาธิทเ่ี กดิ จากปัญญา มาถึงลานา้ หลวิ ซวั ฮอ้ จงึ รอ้ งเรยี กวา่ “ซวั หงอเจ๋งผทู้ ่ีจะเดนิ ทาง
ไปยงั ไซทีเพ่อื ไปอาราธนา
ขนึ้ ฤดวู สนั ตเ์ วลาจวนค่า อาจารยแ์ ละศษิ ยท์ งั้ สอง พระไตรปิฎก มาถงึ แลว้
บรรลถุ ึงฝ่ังแมน่ า้ หลิวซวั ฮอ้ ซง่ึ เหน็ ฝ่ังตรงขา้ มไกลสดุ สายตาของ เจา้ จงขึน้ มาเถิด” พลนั สนิ้
พระถงั ซมั จ๋งั และ ตือโปย้ ก่าย แต่ไม่เกินทศั นวิสยั ของเหง้ เจีย เสียง ปีศาจซวั หงอเจ๋งก็
ขณะท่ีกาลงั รรี อวา่ จะขา้ มแมน่ า้ อย่างไร ปีศาจมงั กร (ซวั หงอ ขนึ้ มาคานบั พระถงั ซมั จ๋งั
เจง๋ - สมาธิ) ก็โผลพ่ รวดขนึ้ มา จะจบั พระถงั ซมั จ๋งั (ขันติ - แลว้ เหง้ เจียทาการโกนผมใหซ้ วั หงอเจ๋ง เป็นการสมาทานศีล
ความอดทนเพอื่ บรรลุสงิ่ ทด่ี งี าม) กินเป็นอาหาร เหง้ เจีย บวชเป็นพระสงฆ์
(ปัญญา - การหย่ังรู้เหตุผลในความดแี ละความช่ัว) และ
โปย้ ก่าย(ศีล - การประพฤตดิ งี ามทงั้ กายและวาจา) เขา้ รุม จากนนั้ ซวั หงอเจง๋ เอาหวั กะโหลก ๙ หวั (พทุ ธคุณ
ปีศาจตกใจกระโดดลงนา้ โปย้ ก่ายตามลงไปรบแลว้ ล่อขนึ้ มาบน ๙ - คุณของพระพุทธเจา้ ) ของบรรดาผคู้ ดิ จะไปไซทีแลว้ ถกู
บก ยงั ไมท่ นั ขนึ้ มาเหนือนา้ เหง้ เจียใจรอ้ น กระโดดเขา้ ตีดว้ ย ตนจบั กิน นามารอ้ ยกะโหลกเป็นมาลยั คลอ้ งคอ แลว้ นามารอ้ ย
41
ตดิ กบั หวายลอ้ มนา้ เตา้ ท่ีกวนอิมมอบใหฮ้ ยุ ไง้ เอาวางไวต้ รง ๓ สมาธิ - ซวั เจ๋ง
กลาง (สุญญตา – ความว่าง) จากนนั้ นิมนตค์ ณะท่ีจะไปไซที ๔ วิรยิ ะ - มา้ ขาว
ลงข่ีนา้ เตา้ เสมือนหนง่ึ เรอื ขา้ มฟาก พระถงั ซมั จ๋งั (ขันติ - ความ ๕ ทาน - ฮยุ ไง้ และ
อดทนเพอื่ บรรลุส่ิงทดี่ งี าม) ยืนตรงกลาง โปย้ ก่าย(ศลี - ๖ ขันติ - พระถงั ซมั จ๋ัง เดนิ ทางข้ามฟากด้วยพาหนะ
ความประพฤตทิ ดี่ งี ามทงั้ กายวาจา) ยืนซา้ ย ซวั เจ๋ง(สมาธิ - นา้ เตา้ กลวง - สุญญตา, หวั กระโหลกทงั้ ๙ – พุทธคณุ ๙
จติ สงบแน่วแน่) ยืนขา้ งขวา ส่วนเหง้ เจีย(ปัญญา - การหย่งั เมื่อเป็ นเช่นนี้ ชวี ิตเร่ิมมีความพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
รู้เหตแุ ละผลของความดคี วามช่ัว) จงู มา้ ขาว(วิรยิ ะ - ความ และน้อมเอียงไปสู่นิโรธ ชีวติ จงึ มคี วามสงบสุขในระดบั
เพยี รทจ่ี ะละความช่ัว) ยืนอย่ขู า้ งหลงั ฮยุ ไง(้ ทาน - การให)้ หน่ึง จงึ ทาใหส้ องข้างทางเดนิ มไี ม้ดอกไม้ผล ออกช่อน่า
ศิษยเ์ อกของพระโพธิสตั วก์ วนอิมเหาะลอยตามคมุ้ ครองอยเู่ บือ้ ง ชมยง่ิ นัก]
บน คล่ืนลมสงบราบเรยี บ เรอื นา้ เตา้ ลอยล่ิวถึงฝ่ังตรงขา้ มอยา่ ง
ปลอดภยั ฮยุ ไงเ้ ก็บลกู นา้ เตา้ คืน หวั กะโหลกทงั้ ๙ ก็หายไป บารมี ๓๐ ทแี่ ทค้ อื ปัญญา กบั เมตตา
เม่ือขา้ มแมน่ า้ หลวิ ซวั ฮอ้ แลว้ ชา่ งรูส้ กึ บนั เทิงใจดีย่ิง เพราะฝ่ัง
ดา้ นนีอ้ ดุ มไปดว้ ยผลไมด้ อกไมเ้ ป็นท่ีร่นื รมย์ ศิษยแ์ ละอาจารย์ เหง้ เจียถือกระบองย่อู ่ีเดนิ นาหนา้ คณะ ซวั เจง๋ หาบห่อ
มงุ่ หนา้ สทู่ ิศปราจีนอย่างเบาใจ จีวรวิเศษจงู มา้ ขาวท่ีพระถงั ซมั จ๋งั น่งั บนหลงั โปย้ ก่ายแบกคราด
[ณ แม่นา้ หลวิ ซวั ฮ้อ การข้ามฟากด้วยการขีน่ า้ เต้าครัง้ นี้ เกา้ ซ่ไี วบ้ นบ่าคอยระวงั พระถงั ซมั จ๋งั อยดู่ า้ นหลงั บ่ายหนา้ สทู่ ิศ
ไดบ้ ังเกดิ ความพร้อมดว้ ยบารมี ๖ อันประกอบดว้ ย ปราจีน
๑ ปัญญา - เหง้ เจยี
๒ ศีล - โป้ยก่าย พน้ ออกจากป่าก็พบทางใหญ่ มองไปขา้ งหนา้ เห็นสานกั
ผวู้ ิเศษ ตงั้ อย่ใู นภมู ปิ ระเทศท่ีสวยงามย่ิงนกั พระถงั ซมั จ๋งั แสดง
42
อาการดีใจเขา้ ใจว่า ถงึ วดั ลยุ อิมย่ี แห่งเขาเล่งซวั อนั เป็นท่ี รอเจา้ สานกั ศษิ ยจ์ งึ เก็บผลไมถ้ วายพระถงั ซมั จ๋งั ตามท่ีต๋ิหง
ประทบั ของพระยไู ล(พระพุทธเจา้ - พุทธภาวะ)แลว้ เรง่ รบี วนจือ้ ไดส้ ่งั ไว้ พระถงั ซมั จ๋งั ไดร้ บั ถวายแตไ่ มก่ ลา้ กิน เพราะดว้ ย
เดินเขา้ ไปหา เหง้ เจียจงึ รอ้ งหา้ มขนึ้ ว่า เขาเล่งซวั ท่ีเป็นจดุ หมาย ผลไมช้ นิดนีม้ ีรูปรา่ งเหมือนเดก็ แดง - ทารกเพ่งิ คลอด (ความ
นนั้ ยงั อีกไกลนกั พระถงั ซมั จ๋งั ไดฟ้ ังใหร้ ูส้ กึ ทอ้ แทใ้ จเป็นย่งิ นกั ไร้เดยี งสา) ระหว่างนนั้ เหง้ เจีย(มิจฉาปัญญา) แอบเขา้ ไปใน
เน่ืองจากเดนิ ทางมาเป็นเวลาหลายเดือนแลว้ ยงั ไม่ถึงจดุ หมาย สวนเพ่อื ขโมยผลไมว้ ิเศษ ดว้ ยไม่รูว้ ิธีสอยท่ีถกู ตอ้ ง (ไม่ศรัทธา
อีก เหง้ เจียจงึ ปลอบใจวา่ “มลู สันดานของอาจารยผ์ ่องใส
บรสิ ุทธิอยูแ่ ล้ว หากเพยี งหยดุ ความอยากเสียเทา่ นั้น เขา ในบารมขี องความไร้
เล่งซวั กจ็ ะอยู่ ณ เบอื้ งหน้า แลพระยูไลจะอยู่ ณ ตรงนั้น” เดยี งสา) ทาใหผ้ ลไม้
ศิษยก์ บั อาจารย์ เดินเขา้ สานกั มีปา้ ยเขียนว่า ต๋ินหงวนจือ้ หลน่ ลงดนิ ละลายหายไป
(อุเบกขา) เป็นเจา้ สานกั แต่ในขณะนน้ั เจา้ สานกั ไมอ่ ยู่ ท่ี ในดนิ หมด แต่ยงั สามารถ
สานกั แหง่ นีม้ ีตน้ ไมก้ ายสิทธิ์อนั เป็นของวิเศษอย่ตู น้ หนง่ึ เป็น เก็บได้ ๓ ผล แบ่งกนั กนิ
ตน้ ไมท้ ่ีเกิดขนึ้ ก่อนท่ี ฟา้ และ ดนิ แยกออกจากกนั คือ ตน้ ย่นิ กบั โปย้ ก่าย (มจิ ฉาศลี )
เซียมก๊วย (นารผี ล - ผลไม้ใหพ้ ลัง) สามพนั ปีออกดอกครง้ั และ ซวั เจง๋ (มจิ ฉาสมาธิ)คนละผล สาวกของต๋นิ หงวนมาเห็น
หนง่ึ แลว้ อีกสามพนั ปีจงึ ตง้ั เป็นผล จากนน้ั อีกสามพนั ปีผลจงึ จะ เขา้ จงึ เกิดการสรู้ บกนั โกลาหล เหง้ เจียสาแดงฤทธิ์ โคน่ ถอนราก
สกุ เม่ือครบหม่ืนปีจงึ จะกินเป็นยาวเิ ศษได้ และในรอบหม่ืนปีจะ ตน้ ย่นิ เซียมก๊วย (ความไร้เดยี งสา) ออกมาคดิ ทาลายใหส้ นิ้
ออกผลเพียง ๓๐ ผล (บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถ์ ซาก ต๋ินหงวนจือ้ (อุเบกขา)กลบั มาพบเร่อื งราวตรงเขา้ สรู้ บกบั
บารมี ๑๐) เท่านนั้ ต๋ินหงวนจือ้ ไดส้ ่งั สาวกไวว้ า่ หากพระถงั ซมั เหง้ เจีย เหง้ เจียสไู้ ม่ไดแ้ ละถกู จบั ขงั ทงั้ คณะ เจา้ สานกั โกรธจดั
จ๋งั ผา่ นมาใหเ้ ก็บผลไมย้ ่นิ เซียมก๊วยถวายสกั ๒ ผล ในระหว่าง คาดโทษวา่ หากไม่สามารถทาใหต้ น้ ย่นิ เซยี มก๊วย(ความไร้
เดยี งสา) วเิ ศษฟื้นได้ จะไม่ใหค้ ณะไปไซที เหง้ เจียหายอมไม่
43
พยายามพาคณะแหกคกุ หลายครง้ั แต่ถกู ต๋ินหงวนจือ้ อุตสาหะเป็ นอยา่ งยงิ่ ย่อมทาใหเ้ กดิ ความบริสุทธิส์ งบเช่น
เดก็ ไร้เดยี งสา เป็ นบารมีส่งผลใหบ้ รรลุมรรคผลได้ง่ายขึน้
(อุเบกขา) แตถ่ กู รวบจบั ดว้ ยถงุ วิเศษ(อาสวะ – กเิ ลสท่ี
เปรียบเหมือนผลไม้เดก็ แดง - ผลยน่ิ เซยี มก๊วย แตพ่ ระถงั
หมักหมม ดองอยใู่ นสนั ดาน) ไดท้ กุ ครง้ั เหง้ เจียจงึ แปลงกาย ซมั จ๋งั ถอื ว่าตนเป็ นผู้รู้แตกฉานในไตรปิ ฎก จงึ ไม่กล้ากนิ
ผลยนิ่ เซยี มก๊วย เพราะเหน็ ว่าความไร้เดยี งสาไม่น่าจะเป็ น
แอบหนีออกมาเพียงคนเดียว เหาะไปพบพระโพธิสตั วก์ วนอมิ ขอ ทศี่ รัทธา หรือ เป็ นหนทางสู่มรรคผลได้ โดยเฉพาะอยา่ ง
ความชว่ ยเหลือ พระโพธิสตั วก์ วนอิม (เมตตา - ความ ยงิ่ เหง้ เจยี – ปัญญา ยง่ิ แล้วใหญ่ ไม่มีความศรัทธาเชอ่ื ถอื
เลยว่า ยอดแหง่ บารมี คือ ความไร้เดยี งสา ความไม่ยดึ ม่ัน
ปรารถนาใหผ้ ู้อ่ืนมีสุข) เสด็จมาถึงสวน เขียนยนั ตร์ ลงบนฝ่า ถอื ม่ัน จะเป็ นหนทางสู่มรรคผล จงึ ทาใหส้ อยผลยน๋ิ
เซยี มก๊วยไม่ได้ หล่นลงหายไปกับพนื้ ดนิ หมด แถมยงั ตดิ
มือเหง้ เจีย แลว้ บอกให้ เหง้ เจีย โปย้ ก่าย ซวั เจ๋ง รว่ มแรงกนั พยงุ กับอยใู่ นกเิ ลสทวี่ ่าตนมีปัญญาสูงส่ง จงึ เป็ นเหตใุ หไ้ ม่
ประคองตน้ ไมว้ เิ ศษตง้ั ขนึ้ แลว้ ทรงพรมนา้ มนต์ ต๋ินหงวนจือ้ ใช้ สามารถหนีพน้ ถุงวเิ ศษ (อาสวะ – กเิ ลสทห่ี มักหมม ดอง
ถว้ ยหยกมาตกั นา้ รดตลอดลาตน้ ตน้ ไมว้ ิเศษกลบั ฟื้นเขียวสด อย่ใู นสันดาน) ในทสี่ ุด ต้องอาศัย เมตตา ร่วมกับ ปัญญา
ศลี สมาธิ ร่วมมือกันประคับประคอง เป็ นพลังแหง่ ชีวิตที่
ตามเดมิ ต๋ินหงวนส่งั ใหเ้ ก็บผลมา ๑๐ ผล แจกกนั กิน เม่ือได้ ฟื้ นคนื ขึน้ มา ออกผลเป็ นบารมี ๓๐ ประการ บารมี ๑๐ อุป
บารมี ๑๐ และ ปรมัตถบารมี ๑๐
กินผลทง้ั ๑๐ ผลแลว้ ทาใหท้ ง้ั คณะเกิดพละกาลงั ย่งิ นกั พระถงั บารมีคือความดี หรอื คุณธรรมทบี่ าเพญ็ หรอื ปฏบิ ตั ิ
อย่างยง่ิ ยวด ซงึ่ เป็ นบารมที ส่ี ูงส่ง สนับสนุนสู่พุทธภาวะ
ซมั จ๋งั ลาต๋นิ หงวนจือ้ ม่งุ หนา้ ทิศปราจีนตอ่ ไป หรือ ความเป็ นพระพทุ ธเจ้า ซงึ่ องคพ์ ระสัมมาสัมพุทธเจา้
[บารมี คอื คุณความดที บี่ าเพญ็ อยา่ งยงิ่ ยวดเพอื่ บรรลุ
จดุ หมายอันสูงยง่ิ ๑๐ ประการ ไดแ้ ก่ ทาน ศลี เนกขัมมะ
ปัญญา วริ ิยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ซงึ่
ผลของบารมกี ่อใหเ้ กดิ ความสะอาด สว่าง สงบ บรสิ ุทธิ์
ราวเดก็ ไร้เดยี งสา ไมย่ ดึ ม่ันถอื ม่ัน ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
เพอื่ บรรลุถงึ ความดคี วามงามทงั้ ๑๐ ประการดว้ ยความ
44
สทิ ธัตถะได้บาเพญ็ บารมี ๑๐มาในทศชาติ ดังนี้ ส่วนอุปบารมี ๑๐ เป็ นบารมีทส่ี ูงกว่าบารมี เพราะบารมี ยงั
ชาตทิ ่ี ๑ พระเตมีย์ บาเพญ็ เนกขัมมะบารมี - การออกบวช เป็ นสมบัตนิ อกกาย แต่อุปบารมี ไดแ้ ก่การเสยี สละอวัยวะ
เป็ นทาน
การปลกี กาย ใจ ออกจากกาม ปรมัตถบารมี ๑๐ เป็ นบารมีระดับสูงสุด ไดแ้ ก่การเสียสละ
ชาตทิ ี่ ๒ พระมหาชนก บาเพญ็ วิรยิ ะบารมี - ความเพยี ร
ชาตทิ ่ี ๓ พระสุวรรณสาม บาเพญ็ เมตตาบารมี – ความ ชีวิตเพอ่ื ประโยชนแ์ ก่ผู้อนื่ ]
ปรารถนาใหผ้ ู้อนื่ มีสุข
ชาตทิ ่ี ๔ พระเนมริ าช บาเพญ็ อธิษฐานบารมี – ความตัง้ ใจ ล่วงหนา้ ไปก่อน เมื่อศีลออกนาหน้าปัญญา
ม่ัน
ชาตทิ ี่ ๕ พระมโหสถ บาเพญ็ ปัญญาบารมี – การหย่งั รู้ เหง้ เจียนาหนา้ ขบวน
เรอ่ื ยมา และเดนิ ทางขนึ้ เขา
เหตผุ ล และรู้จักแก้ไขปัญหา สงู ขนึ้ ไปเรอ่ื ยๆ พระถงั ซมั จ๋งั เรม่ิ
ชาตทิ ี่ ๖ พระภรู ทิ ตั ต์ บาเพญ็ ศีลบารมี – การรักษากาย หวิ
วาจาใหอ้ ยู่ในหลักความประพฤตทิ ดี่ งี าม จงึ บอกใหเ้ หง้ เจียไปบิณฑบาต
ชาตทิ ่ี ๗ พระจนั ทกมุ าร บาเพญ็ ขันตบิ ารมี – ความอดทน หาอาหาร เหง้ เจียจงึ มอบใหโ้ ปย้
เพอ่ื บรรลุสง่ิ ทดี่ งี าม ก่ายทาหนา้ ท่ีนาขบวนเดิน
ชาตทิ ี่ ๘ พระนารทะ บาเพญ็ อุเบกขาบารมี – ความวางใจ แลว้ ตนเองหกคะเมนตีลงั กาไปทศิ อาคเนย์
เป็ นกลาง
ชาตทิ ี่ ๙ พระวิธุระ บาเพญ็ สัจจะบารมี – พดู จรงิ ทาจรงิ
ด้วยความจริงใจ
ชาตทิ ี่ ๑๐ พระเวสสันดร บาเพญ็ ทานบารมี – การให้ การ
เสยี สละ
45
โปย้ ก่ายนาขบวนไดพ้ กั หน่งึ พบหญิงสาวบา้ นป่า (ปี ศาจแป๊ ะ หญิงเฒ่ามารดาของหญิงสาวท่ีถกู เหง้ เจียตีตาย แสรง้ เป็นเดนิ
รอ้ งไหต้ ามหาลกู สาว เดินสวนมา เหง้ เจียรูไ้ ดท้ นั ทีวา่ เป็นปีศาจ
กดุ ฮู้หยิน - ราคะ) ดว้ ยสนั ดานเดิมในความเจา้ ชขู้ องโปย้ ก่าย ตรงร่เี ขา้ ไปตีโครมไปท่ีรา่ งหญิงเฒา่ ปีศาจถอดรา่ งหนีไดท้ นั ทงิ้
เม่ือเห็นหญิงสาวเขา้ บรรจงสง่ สายตากรุม้ กรม่ิ ยนิ ยอมใหห้ ญิง ไวซ้ ากหญิงแก่นอนจมกองเลือด โปย้ ก่าย(ศลี ) ยยุ งซา้ เตมิ วา่
สาวบา้ นป่า ถืออาหารเขา้ มาใกลพ้ ระถงั ซมั จ๋งั เพ่ือถวายอาหาร เหง้ เจียจติ ใจเหีย้ มโหดเช่นนีจ้ ะไปไซทีไดอ้ ยา่ งไร พระถงั ซมั จ๋งั ให้
ในขณะท่ีโปย้ ก่ายกาลงั หลงใหลในความงามของหญิงสาวบา้ น เดือดดาลเป็นย่งิ นกั รา่ ยคาถาบีบขมบั เหง้ เจียลม้ กลิง้ ไปกลิง้ มา
ป่า ปีศาจไดโ้ อกาสจอ้ งจะจบั พระถงั ซมั จ๋งั อย่นู น้ั เหง้ เจียกลบั มา น่าเวทนานกั รอ้ งว่าจะไม่ทาอีกแลว้
พอดีมองเห็นรูไ้ ดท้ นั ทีว่าเป็นปีศาจแปลงกายมา ชกั ตะบองตรง
เขา้ ตีปีศาจในรา่ งหญิงสาว ปีศาจรบี หนีออกจากรา่ ง ทงิ้ ซาก ศิษย์ กบั อาจารยเ์ ดนิ ทางต่อ ไม่นาน พบปีศาจแป๊ ะ
รา่ งกายใหเ้ ห็นว่าหญิงสาวถกู ตีตาย แลว้ ซา้ ยงั เสกใหอ้ าหาร กดุ ฮหู้ ยนิ (ราคะ)แปลงรา่ งเป็นตาเฒ่าพอ่ ของหญิงสาว เดิน
กลายเป็นหนอนและไสเ้ ดือนไป ภาวนาพทุ ธคณุ เดินสวนมาแสรง้ ถามวา่ เหน็ ภรรยา และ ลกู
สาวของตนหรอื ไม่ เหง้ เจียแกลง้ ทาเป็นไม่รูว้ า่ เป็นปีศาจ เม่ือ
โปย้ ก่าย (ศลี ทยี่ ังเป็ นมจิ ฉาทฏิ ฐิ) มีราคะกาหนดั เห็นปีศาจเผลอ ก็หวดดว้ ยตะบองโครมใหญ่ปีศาจถอดรา่ งไม่
ในหญิงสาว และตะกละในอาหาร โกรธแคน้ เหง้ เจียเลยยยุ งพระ ทนั ขาดใจตายอย่ตู รงนน้ั เหลือเป็นซากกองกระดกู ขาวกรอ่ นๆ
ถงั ซมั จ๋งั วา่ เหง้ เจียอจิ ฉาเพราะนาอาหารกลบั มาชา้ แสรง้ เป่า เหง้ เจียชีใ้ หด้ วู า่ น่ีไงเลา่ เจา้ ปีศาจ โปย้ ก่ายยพุ ระถงั ซมั จ๋งั อีกวา่
มนตใ์ หอ้ าหารของหญิงสาวกลายเป็นหนอน ไสเ้ ดือน แลว้ ยงั เหง้ เจียน่ีกกั ขฬะย่ิงนกั ฆา่ ผศู้ รทั ธาในพระพทุ ธศาสนา พระถงั ซมั
โหดรา้ ยฆา่ ทายกิ าอีกดว้ ย พระถงั ซมั จ๋งั หลงเช่ือจึงรา่ ยคาถาบีบ จ๋งั โกรธจดั รา่ ยคาถาบีบขมบั แลว้ ขบั ไลไ่ มใ่ หร้ ว่ มทางไปไซที
ขมบั เหง้ เจียเจ็บปวดเป็นย่งิ นกั รอ้ งขอความกรุณา พระถงั ซมั เหง้ เจียใหน้ อ้ ยใจเป็นย่งิ นกั หกคะเมนตีลงั กาครงั้ เดียวถึงถา้ จยุ้
จ๋งั ขอสญั ญาวา่ จะไม่โหดเหีย้ มอีก เล่ียมต๋อง สานกั เดมิ ของตน แลว้ สอ้ งสมุ สมนุ ลิงประพฤตเิ ป็น
เดนิ มาครูห่ นง่ึ แป๊ ะกดุ ฮหู้ ยนิ (ราคะ) แปลงกายเป็น
46
อนั ธพาลใหญ่ ไมค่ ิดสนใจท่ีจะเดนิ ทางไปไซทีอีกต่อไป ยกธงขนึ้ จากการรักษาศีล ๓. บุญหรือสุขเกดิ จากการภาวนา)
หนา้ ถา้ ประกาศศกั ดาอาละวาดไปท่วั ตามแตอ่ ารมณจ์ ะพาไป ปีศาจองึ้ เพา้ ไดน้ างเงก็ นงึ้ ฮวยเซยี ว (ภาวนาสุข) พระราชธิดา
องคส์ ดุ ทอ้ งมาเป็นเมียได้ ๑๓ ปี จนมีลกู ชายหนง่ึ ลกู สาวหน่งึ
ฝ่ายพระถงั ซมั จ๋งั ซง่ึ นาหนา้ โดยโปย้ ก่าย ส่งั ใหโ้ ปย้ ก่าย
ไปบิณฑบาต แต่โปย้ ก่ายไปไดส้ กั พกั ก็แอบนอนหลบั ซวั เจง๋ จงึ โปย้ ก่าย ซวั เจง๋ ตามหาพระถงั ซมั จ๋งั มาจนถงึ ถา้ ของ
ตอ้ งทงิ้ พระถงั ซมั จ๋งั ไวเ้ พียงลาพงั เพ่อื ออกติดตามโปย้ ก่าย พระ ปีศาจ เขา้ สรู้ บกบั ปีศาจ ในชว่ งสรู้ บชลุ มนุ นนั้ เองนางเงก็ นงึ้ ฮวย
ถงั ซมั จ๋งั เฝา้ รออยนู่ านใหร้ าคาญ จงึ ออกเดินเล่นจนหลงทางเขา้ เซียว(ภาวนาสุข)ไดแ้ อบปลอ่ ยพระถงั ซมั จ๋งั พรอ้ มทง้ั ฝาก
ป่าใหญ่ไปเรอ่ื ยๆ ซมซานไปซา้ ย ไปขวา จนแลไปเหน็ ยอดเจดีย์ จดหมาย และเซน็ สลกั หลงั ไวว้ ่า “ภาวนาสขุ ” ไปยงั พระเจา้
ดีใจย่งิ นกั คิดว่าเป็นอารามวดั รบี เดนิ ตรงเขา้ ไปอาราม หารูไ้ ม่ เชียงโป๊ ก๊ก โปย้ ก่าย ซวั เจง๋ ไดท้ ีพาพระถงั ซมั จ๋งั หลบหนีออกมา
วา่ เป็นถา้ ของปีศาจองึ้ เพา้ ใตอ้ อ๋ ง(กามสุข) ท่ีกาลงั หลบั อยู่ และเดินทางไปยงั เมืองเชียงโป๊ ก๊ก ทลู ถวายหนงั สือและขอให้
พระราชาประทบั ตราแผ่นดิน เพ่อื ขอผ่านเมือง พระราชาได้
พลนั ปีศาจลืมตาขนึ้ ขอรอ้ งวา่ ก่อนการเดินทางจากไปขอใหช้ ่วยปราบองึ้ เพา้ ใตอ้ ๋อง
สามารถไลจ่ บั พระถงั ซมั จ๋งั (กามสุข) ดว้ ยเพ่อื ปลดปลอ่ ยพระราชธิดาออกมาดว้ ย โปย้
ไวไ้ ด้ ก่าย (มจิ ฉาศลี ) ซวั เจ๋ง (มจิ ฉาสมาธิ) จงึ เหาะกลบั ไปสรู้ บ
กบั องึ้ เพา้ โปย้ ก่ายเอาเปรยี บใหซ้ วั เจ๋งล่วงหนา้ ไปก่อน ส่วนตน
ขอยอ้ นเล่าไปถึง แอบไปนอนหลบั จนทาใหซ้ วั เจง๋ (มิจฉาสมาธิ) เสียทีโดน
เม่ือ ๑๓ ปีท่ีแลว้ ปีศาจองึ้ ปีศาจจบั ตวั ไปขงั ไว้
เพา้ ใตอ้ ๋อง(กามสุข) ได้
บนั ดาลลมหอบเอาพระราชธิดาองคส์ ดุ ทอ้ งของพระราชาเมือง จากนน้ั องึ้ เพา้ ใตอ้ ๋อง แปลงกายเป็นพระราชบตุ รรูปงาม
เชียงโป๊ ก๊ก (บุญหรอื สุข) ซง่ึ มีพระราชธิดาดว้ ยกนั ๓ องค์ เขา้ ไปในเมืองเชียงโป๊ ก๊ก แลว้ รา่ ยเวทยแ์ ปลงรา่ งพระถงั ซมั จ๋งั ให้
(๑. บญุ หรอื สุขเกดิ จากการใหท้ าน ๒. บญุ หรือสุขเกดิ
47
เป็นเสือแก่ตวั หนง่ึ แลว้ บอกกบั พระราชาวา่ ท่ีแทพ้ ระถงั ซมั จ๋งั แปลงกายมาเป็นปีศาจองึ้ เพา้ (กามสุข) บนั ดาลลมพดั ใหพ้ ระ
เป็นปีศาจเสือแปลงมาน่นั เอง ตนมาทนั เวลาพอดีมิฉนน้ั แลว้
พระราชา อาจเสียทีถกู ปีศาจจบั กินเป็นแน่แท้ พระราชารูส้ กึ ราชธิดาไปสมส่ใู นถา้ ซง่ึ เป็นการผิดกฎสวรรค์ จงึ นาความกราบ
ซาบซงึ้ เห็นวา่ พระราชบตุ รเขยนน้ั หาเลวด่งั คิดไม่ จงึ จดั งาน
เลีย้ งดู อย่างเอกิ เกรกิ องึ้ เพา้ ใตอ้ อ๋ ง(กามสุข) เผลอเมาสรุ า ทลู พรหมทา้ ยเสียงเล่ากนุ (อุเบกขา) ใหท้ ราบ พรหมทา้ ยเสียง
กลบั กลายเป็นปีศาจดงั เดมิ มา้ ขาวเห็นเขา้ จงึ เขา้ สรู้ บ มา้ ขาวสู้
ไมไ่ ดห้ นีไปพบโปย้ ก่าย โปย้ ก่ายเหน็ มา้ ขาวสะบกั สะบอมมา เลา่ กนุ ทราบเรอ่ื งจงึ เหาะลงมา แลว้ จบั องึ้ เพา้ นาไปลงโทษให้
เห็นว่าแมต้ นก็คงจะสอู้ งึ้ เพา้ (กามสขุ )ไม่ได้ ใหน้ กึ ถงึ เหง้ เจีย
ขนึ้ มาได้ จงึ เหาะขนึ้ เวหาไปยงั ถา้ จยุ้ เล่ียมต๋อง ออ้ นวอนขอรอ้ ง เป็นพนกั งานสมุ ไฟใหแ้ ก่พรหมทา้ ยเสียงเล่ากนุ (สุขใน
ใหเ้ หง้ เจียช่วย เล่าใหฟ้ ังวา่ พระถงั ซมั จ๋งั มีความทกุ ขย์ ากเป็น
อย่างมาก และจะถกู ปีศาจจบั กินอยา่ งแน่นอน เหง้ เจียคิดไดต้ ี อุเบกขา)
ลงั กาไปถึงถา้ ขององึ้ เพา้ ใตอ้ อ๋ ง(กามสุข) พบลกู ชาย ลกู สาว
จงึ จบั ตวั ทงั้ สองลากตวั ลอยพาไปยงั เมืองเชียงโป๊ ก๊ก จดั การฟาด เม่ือจดั การปีศาจเรยี บรอ้ ยแลว้ ก็ไปรบั พระราชธิดา
ลกู ชาย ลกู สาวทง้ั สองกบั พนื้ รา่ งกายแหลกเหลว แลว้ สรู้ บกบั องึ้
เพา้ แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ กลบั เมืองเชียงโป๊ ก๊กแลว้ คลายเวทยม์ นตป์ ีศาจ ใหเ้ สือเฒ่ากลบั
เหง้ เจียจงึ ตีลงั กาขนึ้ สวรรคไ์ ปสืบคน้ ท่ีมาของปีศาจ กายเป็นพระถงั ซมั จ๋งั ตามเดิม ศษิ ยแ์ ละอาจารยต์ ่างเขา้ ใจแก่กนั
ตนนี้ จงึ พบว่าองึ้ เพา้ (กามสุข) เป็นดาวดวงหน่งึ ท่ีหลงรกั พระ
ราชธิดาองคท์ ่ีสาม (ภาวนาสุข) ของพระเจา้ เชียงโป๊ ก๊ก แลว้ แลว้ ทลู ลาพระราชามงุ่ หนา้ สไู่ ซที
[เมอ่ื ใช้ศลี (โป้ยก่าย) นาหน้าเพอ่ื เข้าสู่นิพพานโดยไม่ใช้
ปัญญา (เหง้ เจยี ) เป็ นเหตใุ ห้ ศรัทธา และ ขันติ (พระถัง
ซมั จ๋ัง) หลงทางเดนิ ทางเข้าถา้ ปี ศาจ ไปตดิ กบั ในภาวะ
กามสุข (องึ้ เพา้ ใตอ้ ๋อง) กามสุขในชั้นภาวนาสุข
(พระธิดาองคท์ สี่ าม) ต้องใช้ปัญญาละกามสุขแล้วจะได้
พบภาวนาสุข – เหง้ เจยี ปราบปี ศาจอึง้ เพา้ แล้วพระราช
ธิดาเป็ นอสิ ระ)
การเดนิ ทางของจติ เข้าสู่นิพพาน โดยยดึ ถอื เพยี ง
48
การรักษาศีลถา่ ยเดยี วโดยไม่ใช้ปัญญา จะไม่สามารถ งนึ้ ก๊กั มีนา้ เตา้ วิเศษ (สุข) กบั ดาบวเิ ศษ (วติ ก) สว่ นเชือก
บรรลุสู่พุทธภาวะได้ เพราะว่าปัญญานั้นจะรู้เทา่ ทนั กเิ ลส วิเศษ (เอกัคตา) นนั้ ฝากไวก้ บั มารดาท่ีเขาเท่ียมเล่งซวั ถา้
และตณั หา ในแตล่ ะขัน้ ส่วนศีลมักจะหลงไปตดิ กับกาม เอ่ียมเลง่ ต๋อง
สุข หากปราศจากปัญญาจะไม่สามารถ พัฒนาจติ ใจ
เดนิ ทางต่อเพอ่ื บรรลุนิพพานได้ ปีศาจกิมก๊กั (กามฉันทะ - ความพอใจในกามคุณ)
งนึ้ ก๊ก(พยาบาท - เคียดแค้นคดิ ร้ายตอ่ ผู้อ่ืน) ทราบกิตศิ พั ท์
การลงโทษอึง้ เพา้ ใหไ้ ปเป็ นพนักงานสุมไฟ ของ ถึงพระถงั ซมั จ๋งั (ขันต)ิ ผบู้ รสิ ทุ ธิ์เดนิ ทางไปไซทีเพ่ืออาราธนา
พรหมทา้ ยเสียงเล่ากุน คอื การทดใช้กามสุขไปในทศิ ทาง พระไตรปิฎก หมายจะจบั กินเนือ้ ใหไ้ ด้ คดิ ดงั นนั้ งนึ้ ก๊กั จดั การ
อุเบกขา] แปลงกาย เป็นตาเฒา่ ขาพกิ ารขอข่ีคอเหง้ เจีย(มจิ ฉาปัญญา)
เหง้ เจียก็ใหข้ ่ีทง้ั ท่ีรูว้ ่าเป็นปีศาจ ปีศาจงนึ้ ก๊กั (พยาบาท)ท่ีข่ี
นิวรณ์ ๕ ฌานังคะ ๕ เหง้ เจีย(ปัญญา)อยกู่ ็รูว้ ่าเหง้ เจียรู้ จงึ บนั ดาลใหภ้ เู ขาสามลกู มา
อุปสรรค ๕ ขจดั ด้วย องคแ์ หง่ ฌาน ๕ ครอบทบั เหง้ เจียไว้ ส่วนปีศาจกิมก๊กั จบั โปย้ ก่ายไปขงั ไวแ้ ลว้
บนั ดาลใหล้ มหอบพระถงั ซมั จ๋งั กบั ซวั เจ๋ง เขา้ ไปขงั ไวใ้ นถา้
ศษิ ยแ์ ละอาจารยอ์ อกจากเมืองเชียงโป๊ ก๊กดว้ ยความรา่ เรงิ ใจ เตรยี มการเพ่อื จะตม้ กินเนือ้
เพราะต่างเขา้ ใจกนั และกนั มากขนึ้ มงุ่ หนา้ เดินต่อไปในทศิ
ปัจฉิม พกั หนง่ึ บรรลถุ ึงภเู ขาเพง่ เต๊งซวั ณ ภเู ขาแห่งนีม้ ีสานกั ช่ือ เหง้ เจียหลดุ รอดจากภเู ขาสามลกู ออกมาได้ เพราะเจา้ ท่ี
เนย่ ฮวยต๋อง (ถา้ ดอกบวั ) เป็นนวิ าสสถานของปีศาจสองพ่ี เจา้ เขาช่วยไว้ ยงั ไม่ทนั ไดต้ ามไปช่วยพระถงั ซมั จ๋งั ปีศาจทงั้ สอง
นอ้ ง คือ กิมก๊กั ใตอ้ ๋อง (กามฉันทะ) กบั งนึ้ ก๊กั ใตอ้ อ๋ ง มอบขวดนา้ มนตห์ ยก (ปิ ต)ิ และ นา้ เตา้ (สุข) ใหส้ มนุ ใหญ่
(พยาบาท) สองปีศาจมีอาวธุ วิเศษ ๕ อยา่ ง กิมก๊กั ผพู้ ่มี ีขวด ๒ ตน คือ ปีศาจเจ่งเสย (ถนี ะ – งว่ ง ซมึ เซอ่ ) และปีศาจ
นา้ มนตห์ ยก (ปิ ต)ิ สอ่ งสวา่ งไปทงั้ ถา้ กบั พดั ไฟวิเศษ (วจิ าร)
49
เลง่ หลี (มิทธะ - ทอ้ ถอย) เพ่อื นาไปเรยี กเหง้ เจียเขา้ ไปใน ออกมาสรู้ บกบั เหง้ เจีย แลว้ เผลองว่ งหลบั ฟบุ ลงไป เหง้ เจียแอบ
ขวด เหง้ เจียหลอกตม้ เอาอาวธุ ทง้ั สองมาไดแ้ ลว้ จดั การฆ่าปีศาจ เขา้ ไปลกั ดาบและพดั วเิ ศษเอาไปได้ ปีศาจกิมก๊กั เหน็ ทีจะพา่ ย
ทง้ั ๒ เสียไป กมิ ก๊ัก (กามฉันทะ) งนึ้ ก๊กั (งนึ้ ก๊ัก) ทราบเชน่ นน้ั แพจ้ งึ เหาะหนีไปขอความชว่ ยเหลือจากปีศาจอาชดิ ใตอ้ ๋องนา้
ก็เดือดดาลใชใ้ หป้ ีศาจนอ้ ยปาซัวเฮ้า (อุทธัจจะ - ฟ้งุ ซา่ น) ชาย (เสอื ปลาเจด็ หาง – เมถนุ สังโยค ๗) ปีศาจอาชิดมา
กบั กฮ่ี ัย้ เล้ง (กุกกจุ จะ – หงดุ หงดิ ราคาญ) ใหไ้ ปเชญิ พรอ้ มกบั ไพรพ่ ลปีศาจชายหญิง เหง้ เจียใหซ้ วั เจ๋งระวงั พระถงั ซมั
มารดาของตนมากินเลีย้ งเนือ้ พระถงั ซมั จ๋งั พรอ้ มทงั้ ใหน้ าเชือก จ๋งั ไว้ ตนเองกบั โปย้ ก่ายตา่ งเขา้ รุมกนั รบกบั อาชิดใตอ้ ๋อง รบกนั
วเิ ศษ (เอกัคตา) มาดว้ ย เหง้ เจียรูท้ นั ตามไปฆ่าปีศาจนอ้ ยทงั้ พกั ใหญ่ ซวั เจ๋งเขา้ ช่วยสรู้ บดว้ ยอีกแรง โปย้ ก่ายไดท้ ีเอาคราด
สอง รวมทงั้ มารดาของกิมก๊กั (กามฉันทะ) งนึ้ ก๊กั (พยาบาท) วิเศษ (สังฆคุณ ๙) สบั รา่ งอาชดิ ตาย รา่ งก็กลายเป็นเสือปลา
ดว้ ย นางกลบั กลายเป็นเสือปลาเกา้ หาง (วจิ กิ จิ ฉา – ความ ๗ หาง (เมถุนสังโยค ๗)
ลังเล เคลอื บแคลงสงสยั ) ฝ่ายกิมก๊กั เหน็ เช่นนน้ั ใหโ้ กรธย่งิ นกั เขา้ สไู้ ม่คิดหนี
เหง้ เจียจงึ ปลอมเป็นมารดาของปีศาจทงั้ สองเขา้ ไปใน เหง้ เจียไดโ้ อกาสเรยี กช่ือกิมก๊กั ๆ เผลอขานรบั เลยถกู ดดู เขา้ ไป
อย่ใู นขวดนา้ มนตว์ เิ ศษ เป็นอนั ว่า ปีศาจถกู รบิ อาวธุ วิเศษทงั้ ๕
ถา้ ปีศาจจบั ไดเ้ กิดการสรู้ บกนั โกลาหล เหง้ เจียไม่รูว้ ธิ ีใชเ้ ชือก เสียสิน้ เหง้ เจียนิมนตพ์ ระถงั ซมั จ๋งั ขนึ้ หลงั มา้ ออกเดนิ ทางต่อไป
เชือกกลับมัดเอาตัวเองล้มกลงิ้ ปีศาจทงั้ สองจบั ได้ แต่ พกั หน่งึ พรหมทา้ ยเสียงเล่ากนุ (อุเบกขา) มาดกั หนา้ ทวงอาวธุ
เหง้ เจียดิน้ หลดุ ควา้ นา้ เตา้ วเิ ศษ(สุข)ของปีศาจได้ แลว้ รอ้ ง วิเศษของปีศาจ เพราะท่ีแท้ กิมก๊กั งนึ้ ก๊กั คือ กิมกงจือ้ ผรู้ กั ษา
เรยี กช่ืองนึ้ ก๊กั ๆ(พยาบาท) ขานรบั จงึ ถกู ดดู เขา้ ไปอย่ใู นนา้ เตา้ เบา้ ทอง กบั งนึ้ กงจือ้ ผรู้ กั ษาเบา้ เงนิ ของพรหมทา้ ยเสียงเลา่ กนุ
ซง่ึ แอบลกั เอาอาวธุ วิเศษมา แลว้ แปลงกายมาเป็นปีศาจใน
ฝ่ายกิมก๊กั (กามฉันทะ) เหน็ ปีศาจนอ้ งพา่ ยแพแ้ ก่ มนษุ ยโ์ ลก เหง้ เจียทาเป็นไก๋ว่าไม่ไดร้ บิ อาวธุ มา ทา้ ยเสียงเลา่
เหง้ เจีย จงึ หยบิ ดาบ (วิตก) และพดั วิเศษ (วจิ าร) เตรยี มท่ีจะ
50
กนุ ขตู่ ะคอก เหง้ เจียจงึ ยอมคืนให้ พรหมทา้ ยเสียงเลา่ กนุ จงึ ๑. ดาบวิเศษ –วติ ก ความคดิ เพง่ จติ ตอ่ อารมณท์ เ่ี กดิ
กล่าวขนึ้ ว่า “แม้นคณะไปไซทไี ม่ผ่านการปราบปรามปี ศาจ ๒. พัดไฟ–วจิ าร การตรอง พจิ ารณาการกระพอื ของ
อารมณ์
นีแ้ ล้ว ไหนจะบรรลุมรรคผลไดเ้ ล่า” ศิษยแ์ ละอาจารยไ์ ดฟ้ ัง
ใหม้ ีความบนั เทงิ ใจรบี เรง่ เดินส่ปู ่าใหญ่ หมายทศิ ปัจฉิมเป็น ๓. ขวดหยกมีนา้ มนต–์ ปิ ติ ความอม่ิ ใจ ซาบซ่าน ซซู่ า่
สาคญั เยน็ ๆ
[ปี ศาจทงั้ หมด คอื นิวรณ์ ๕ - ส่งิ ทเ่ี ป็ นอุปสรรคขัดขวาง ๔. นา้ เต้า–สุข ความสาราญใจ แผ่ซ่านลงสู่ความสงบสุข
จติ ไม่ใหบ้ รรลุความดงี าม ไดแ้ ก่
๑. กามฉันทะ – พอใจในกามคุณ กระสับกระส่ายเพราะ ๕. เชอื กวเิ ศษ–เอกคั ตาจติ จติ แน่วแน่เป็ นหน่ึงเดยี ว
ตดิ รสแหง่ กาม เสอื ปลา ๗หาง คอื เมถนุ สังโยค ๗ ความประพฤตทิ ่ี
๒. พยาบาท – ครุ่นคดิ เคยี ดแค้นชงิ ชังขัดใจ คดิ ร้ายตอ่ พวั พันกบั เมถนุ
ผู้อ่ืน
๓. ถนี มิทธะ - ถนี ะ - ง่วง ซมึ เซอ่ , มทิ ธะ - ท้อถอย หางท่ี ๑ ยินดตี อ่ การลูบไล้ การนวดแหง่ มาตุคาม(หญงิ )
ระโหย ละเหย่ี ปลืม้ ใจจากการบาเรอ
๔. อุทธัจจะกุกกจุ จะ อุทธัจจะ – ฟ้งุ ซ่านเวียนว่อน กกุ กจุ หางที่ ๒ ไม่ยนิ ดตี อ่ การลูบไล้ แต่ชอบซกิ ซเี้ ล่นหวั กับ
จะ – หงดุ หงดิ ราคาญ มาตคุ าม
๕. วิจกิ จิ ฉา –อยู่ในความลังเล เคลอื บแคลงสงสัย หางที่ ๓ ไม่ชอบซกิ ซี้ แต่ปลืม้ ใจทไ่ี ดส้ บตากับมาตคุ าม
อาวุธวเิ ศษทงั้ ๕ คอื ฌานังคะ – องคแ์ หง่ ฌานทงั้ ๕ ใน หางที่ ๔ ไม่ชอบสบตา แตช่ อบฟังเสียง ปลืม้ ใจเม่อื ได้ยนิ
การละนิวรณ์ ๕ ไดแ้ ก่ เสยี งของมาตคุ าม
หางที่ ๕ ไม่ชอบใจในเสยี ง แต่ยังตามราลกึ ถงึ เรื่องเก่าๆท่ี
เคยพดู เล่นกบั มาตคุ าม
หางท่ี ๖ ไม่ชอบตามราลกึ ถงึ เรื่องเก่า แต่ยงั ชอบเหน็ เหล่า