ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 50 แยกแยะสิ่งที่รู้สึกหรือจดจ าได้วิญญาณขันธ์หมายถึง กอง วิญญาณ หรือ จิต เป็นการรู้แจ้งถึงสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย และใจ โดยธรรมชาติของมันเป็ นแบบนั้น ความเป็ น มนุษย์มาตรึกตรอง ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ภพภูมิมนุษย์แสดงให้เห็นธรรมะที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้า เป็ น กฎธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งปวง คือ ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดมาจากโลกของเรา เราคิดสิ่งใดตอบสนองมา ก็ ตอบสนองแบบโลก เป็ นปัญญาทางโลก พันธุกรรมกิเลส เป็ น เรื่องให้จิตนี้ มีมุมมอง ถ้ามุมมองว่าทุกข์ยากมา มันก็ฝังใจว่าตัว เราทุกข์ยาก สร้างพลังลบให้กับตัวเราเอง บางคนจิตติดลบ มากๆ เข้าถึงขั้นต่อต้านสังคม ถ้ามุมมองในด้านบวกมันมี ความสุขของจิต จิตก็คิดแต่จะแบ่งปันเจือจานสังคม มีความเห็น อกเห็นใจ เมื่อเราฝึกจิตให้อยู่ปัจจุบันเป็ น เราตามดูรู้จิตศึกษา จิต ตามดูอาการของจิต ถ้าจิตเป็ นอย่างนี้ เราเข้าใจแล้ว ว่ามัน เป็ นอาการของจิตทั้งหมด เช่น โกรธ ก็รู้ว่าโกรธ โลภก็รู้ว่าโลภ หลงก็รู้ว่าหลง สักแต่ดูอาการของมันแล้วก็วาง ถ้าเราไม่ส่งเสริม มันไม่ให้อาหารมัน มันก็ค่อยๆ หายไป ใจเราก็ปกติ เพราะตัว โกรธ ตัวโลภ ตัวหลงเหล่านี้ มันกลัวการถูกรู้ เปรียบเหมือนแมว จะขโมยกินปลาย่างเรา แต่เราเห็นมันก่อนมันก็หยุดฉันใดก็ฉัน นั้น นาคบ าเพ็ญเพียร หรือนาคบ าเพ็ญ จะบ าเพ็ญศีลเพื่อ ต้องการมาเกิดเป็ นมนุษย์ การรักษาอุโบสถกรรมเมื่อถึงวัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 51 อุโบสถ ก็ถืออุโบสถศีล เป็ นกุศลวิธีที่น าพาก็เพื่อพ้นจากอัตภาพ แห่งนาคไปสู่ดินแดนมนุษย์ ถ้าพญานาคไม่รักษาศีลรักษา อุโบสถกรรมแล้ว ก็พ้นจากอัตภาพนี้ ไปไม่ได้ บ าเพ็ญแปลว่า ท า ให้เต็ม ท าให้บริบูรณ์ กระท า ปฏิบัติเพื่อให้บริบูรณ์ เพราะ มนุษย์อยู่ในภูมิที่เหมาะแก่การบ าเพ็ญศีลเพื่อไปสู่ความหลุดพ้น จากวัฎฎะ ภพภูมิมนุษย์เป็ นที่ปล่อยกรรม สร้างกรรม สร้าง บารมีเช่นกัน ธรรมะปฏิบัติแบบนาคบ าเพ็ญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ นั่งฟังพระสวดหลักค าสอนเข้าหู ปล่อยใจน้อมจิต หลับตานั่ง สมาธิ เห็นพระพุทธองค์ปางนาคปรก เห็นอดีตชาติเป็ นฉากๆ ลืมอดีต ละอดีต อยู่กับปัจจุบัน นารีทิพย์เกิดมามีวาระ ไม่ได้ เกิดมาเป็ นภรรยา เกิดมาเพื่อปฏิบัติ ท าหน้าที่ให้เหมาะสม ภารกิจโตขึ้ นก็แต่งงาน มีลูก ลูกโตครบวาระครบภารกิจแล้ว ต่างคนต่างท าหน้าที่ ท่านมีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง นารีทิพย์ต้อง ไปบ าเพ็ญ ถึงวาระก็ต้องไปท าหน้าที่ เคยเป็นคู่ ชูชื่น ระรื่นจิต อยากแนบชิด อิงแอบ สนิทเสน่ห์หา ถามหาคู่ ภิรมย์ สมอุรา นารีทิพย์ นั้นหนา สถิตสถาพร พญาปัตตะนะปาวาฬนะนาคราช ท่านเก่งหลายๆ ศาสตร์ เอกราชปราชญ์บัณทิตที่เหล่าพญานาคให้สมญานาม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 52 ท่าน อุปนิสัยตรงไปตรงมา ดูภายนอกดุมาก แต่แท้จริงท่านมี เมตตามาก นิสัยนิ่งเงียบสุขุม เป็ นผู้มีปัญญามาก แต่มีอารมณ์ ขัน เจ้าบทเจ้ากลอน ชอบแต่งชอบเรียงร้อยถ้อยค าที่ไพเราะ เจ้า บทเจ้ากลอนเวลาอยู่กับเจ้านาง ชอบส่งกลอนให้เจ้านางเสมอ ท่านมีอิทธิฤทธ์ิและอา นาจบารมีมาก วรกายสีแดงอมทอง เศียร และปล้องพระนาภีสีทองอร่ามออกแดง แต่เมื่อกระทบกับแสง จะไสวสว่างสีม่วงเข้มออกม่วงด า ดวงพระเนตรสีแดงเพลิง เหมือนพระวรกายสามารถแผ่เศียรได้มากที่สุด ๙ เศียร กาย ทิพย์นั้นเป็ นบุรุษผิวคล ้า คิ้ วคมเข้ม จมูกโด่งเป็ นสัน สูงใหญ่ ร่างกายก าย า กล้ามแขนเป็ นมัดๆ สูงเกือบ ๑๙๐ เซ็นติเมตร สวมใส่มงกุฏบัลลังก์ประดับด้วยสีแดงทับทิม เครื่องสร้อยสังวาล แห่งพญานาค อันรุ่งเรืองด้วยสีดอกจ าปา ทับทรวงสีทองอร่าม ถือคฑาหัวพญานาค สีบารมีคือสีม่วง ชอบนุ่งโจงกระเบนเป็ นสี บารมี และเป็นสีส้มอิฐ ปู่ ว่า ภพภูมิทิพย์ ด ารงอยู่ในสภาวะอันเป็นทิพย์ รูปทิพย์ กลิ่นทิพย์ พญานาคไม่ได้เสพกามเพื่อราคะจริต แต่เพื่อจะด ารง เผ่าพันธุ์พญานาคราช หรือ การสืบสายพันธุ์นาคกษัตริย์ให้ ด ารงอยู่ได้ ปกครองด้วยสายเลือดมีลูกหลานบริวาร มีสนม บริวารเป็ นจ านวนมาก เวลาแต่งงานก็มีสินสอดของหมั้น การ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 53 แต่งงานระหว่างสองตระกูลท าให้สมบัติงอกเงยขึ้ นมา ท่านหมั้น หมายนารีทิพย์ไว้ตั้งแต่นาคนารีน้อย ท่านจะมาแอบดูตลอด จน โตเป็นสาว ผู้หญิงพอแต่งงานแล้วก็เหมือนตัดขาดจากครอบครัว ลูกสาวจะแต่งออก ลูกชายจะแต่งภรรยาเข้าเรือน สอดสินของ หมั้นก็เก็บไว้ให้ลูก ส าหรับให้ลูกไปหมั้นผู้หญิงต่อไป พอ แต่งงานพ่อแม่ก็ให้สมบัติบริวารติดตามไปด้วย ท่านก็มีสมบัติ มากมาย ได้มาจากบรรณาการจากหัวเมืองต่างๆ “สิงโตกับบริวารมีอาณาเขตของตนเอง” บ้านเมืองท่านปกครองเป็ นอาณาจักร มีหลายหัวเมือง อยู่รายรอบ สมบัติประจ าตัวพญานาค เครื่องทรง เครื่องประดับ ต่างๆ แสดงถึงบุญญาบารมียศถาบรรดาศักด์ิถา้มีชา้ง มา้ววั ควายก็ดอ้ยลง แต่งตัวเน้ือทองผิวสีทอง มีพลังงาน มีอิทธิฤทธ์ิ มาก นารีทิพย์วรกายสีขาวออกมุกเป็ นเงา การจ าแลงแปลงกาย ขึ้ นอยู่กับจิตที่มองเห็น การแต่งองค์ทรงเครื่องครบเป็ นการ แสดงตัวตนให้เกียรติ รักมากอยู่ใกล้ที่สุด เหมือนวงโคจรของ โลก พระจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดคือต าแหน่งมเหสี ท่านแวบ มาหาบ่อยแต่มักจะหลบท่าน ท่านก็คิดว่าน้อยใจท่าน เพราะจิต เจ้าละไปบ าเพ็ญ ปิ ดถ ้าบ าเพ็ญเพียร เมื่อกลับจากภารกิจไม่เจอ เจ้า ท่านรอที่หน้าถ ้า ตัวท่านไฟพุ่งเป็ นไฟสีฟ้าออกเขียวเหมือน น ้ามันไฟแซก ไฟทั้งตัวแต่ท าอะไรไม่ได้ มันร้อนข้างใน ใครเข้า ใกล้ไม่ได้ ต้องออกไปคายพิษแต่จะเป็ นอันตราย ท่านก็มีวิธี รักษาหรือดับไฟ เดินและวิ่งไปรอบถ ้า วิ่งวนอยู่ ๓ วันจนไฟดับ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 54 เอาลมมาดับไฟ พอวิ่งกลับไปเห็นเจ้าเดินออกจากถ ้ามาคุยเป็ น ปกติ ท่านงง ในอารมณ์ เพราะกังวลกลัวเจ้าหาย อีกคนคุมจิต ให้ปกติได้ ปรอทปกติ อีกคนหนึ่งปรอทแตก จริตหึงหวงแบบ ในโลกมนุษย์ไม่มี ไม่ซับซ้อน ท่านไปมาแวบๆ ลูกหลานจะรู้จัก กันเมื่อตอนรวมพล ปกครองด้วยสายเลือด การแต่งงานเป็ น ฐานอ านาจบารมี องค์ปู่ ทุกๆ องค์ปู่ มีภรรยามาก องค์ปู่ เทวะก็ เหมือนกัน ชุดที่นารีทิพย์ใส่ประจ าเป็ น ชุดสีขาว การแต่งกาย ของภพภูมินาคก็เหมือนมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์ การแต่งกายก็ แตกต่างกันไป ส่วนเมืองท่านผู้หญิงใส่ชุดเหมือนชุดสาหรี่ทาง อินเดีย แต่น้อยชิ้ นกว่า ประมาณ ๕ ชิ้ น เพราะอากาศในถ ้าไม่ ร้อนไม่หนาว ผู้หญิงมีผ้าคล้องคอ เป็ นกางเกงพอง ๆ รองเท้า ปลายแหลมงอนขึ้ น เสื้ อผ้า ผู้ชายใส่คล้ายเสื้ อกักเป็ นมีอักขระ ข้างหลังเสื้ อ นิ้ วมือก็มีเครื่องประดับทุกนิ้ ว “ฝันเห็นรองเท้าคู่เก่าสีน ้าเงินคู่ใหญ่มาก วางรออยู่ เดิน ไปในป่ ารกเดินเท้าเปล่าไม่ได้ ต้องมีรองเท้าใส่ สุดท้ายก็สวม รองเท้าคู่เดิม” ท่านบอกว่าคู่จิตทิพย์เลือกแล้ว มีแค่นางเดียวเป็ น คู่บารมี เวลาคู่บารมีจะจุติก็จะรู้เอง ว่าลูกไฟของใคร คู่จะจุติเป็น คู่ของใคร ท่านก็รู้มาแล้วนารีทิพย์จะมาจุติ เพราะผูกจิตกับคู่ตน สาธุธรรมบารมี เป็นศรีแห่งมงคล ยลทั่วหล้า บารมีเกิด
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 55 พร้อมสุข ทุกข์ไม่มีมา สมดั่งข้าอยากได้ หมายใจปอง จิตน้องละเอียดอ่อน ผิวผ่องดั่งอัญมณี ทางนิ พพานเป็ นทางแคบที่ เดิ นคนเดี ยว แต่มี กัลยาณมิตรเดินตามติดๆ กันได้ ไม่ใช่ข้อบังคับ จูงใครไปก็ได้ เจตนาตรงกันพอแล้ว ไปเป็ นคู่ก็ได้ รองเท้าคู่ ส าหรับคนมีคู่ เกื้ อหนุนกันมาหลายภพหลายชาติ บางดวงจิตเดินไปด้วยกัน อย่างเบาสบาย ไว้ใจ ซื่อสัตย์ภักดี มั่นคง ปลอดภัย ไม่ทิ้ งกัน ไม่ เดินถอยหลัง มีพักบ้าง ใครน า อีกคนตาม ปรับกันไป เหมือน คลื่น ๒ คลื่นที่วิ่งไปด้วยกัน รวมตัวกันเป็ นเส้นตรง แล้วแตก ขยายวงกว้าง รวมตัวกับความว่าง เหมือนดวงจิต ๒ ดวงที่มี ภาระกิจ เคลื่อนที่ไปด้วยกัน เหมือน หยิน หยาง ปรับพลังงาน เป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญา เสมอกัน บนเส้นทางเพื่อการหลุดพ้นจากวัฎฎะ ถ้าได้มีคู่ตาม สนับสนุนเราให้มีความสุขความเจริญช่วยดึงกันไปในทางสว่าง รองเท้าใส่ข้างเดียวได้ไหม เรามีช้อนอย่างเดียว ไม่มีส้อม ตัก อาหารสะดวกไหม เวลาข้ามฝั่งท่านจะไปรอรับอีกฟากหนึ่ง คือ ไปพร้อมกันหมายถึง ท่านรออยู่ ให้ข้ามแม่น ้าของโมหะ และ โทสะที่มีต่อท่านไปพบท่าน ให้อภัยซึ่งกันและกัน หนี้ รัก ดอกเบี้ ย คือความรักความเมตตา แล้วข้ามวัฏสงสารไปด้วยกัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 56 เมื่อเราตกอยู่ในทะเลชีวิต มีกิเลส รัก โลภ หลง เราต้อง ข้ามกิเลสเหล่านี้ ไปให้ถึงฝั่ง โดยผ่านแบบทดสอบของคลื่นชีวิต คลื่นเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าในเขตน ้าลึก คลื่นพอใกล้ถึงฝั่ง คลื่นจะ เคลื่อนที่ช้าในน ้าตื้ น บางคนเจอคลื่นสึนามิขนาดใหญ่และ รุนแรง ที่กินเวลาเป็ นนาที และระยะทางของคลื่นยาวเป็ น กิโลเมตร คลื่นอาจพาเราไปได้ไกลเป็ นสิบๆ เมตรได้ และเรา อาจไปติดค้างอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างทางได้ เปรียบเหมือนเรา ติดค้างในภพภูมิต่างๆ ถ้าเรามีบุญกุศลเก่าหนุนน าคอยอุ้มชูให้ หาจุดยึดได้ ให้ยึดเกาะไว้พยุงตัวเองให้ไปถึงฝั่ง เปรียบเหมือน ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ หลวงปู่ เคยบอกนานแล้วว่า จิตดับที่ไหนจุติที่นั่น ท่าน เคยจ าแลงแปลงกายเป็ นผู้ชายมาเคาะประตูของหลวงปู่ แต่ หลวงปู่ ไม่เปิ ดประตู เลยจ าแลงแปลงกายมาในนิมิต ตอนแรก ส่งบริวารงูเขียวมา เขาพูดไม่เป็ น กลัวคน หลวงปู่ ถามก็ไม่พูด เพราะภพภูมิทิพย์ ส่งจิตคุยกันไม่เปิดปากคุย หลวงปู่ ท่านเลยงง ว่าเป็ นคนหรือเป็ นผี ท่านเลยขึ้ นมาเอง ในภพท่านเรียก องค์ ขัตติยะแปล ว่า วีรบุรุษ งูดินคือทหารราบ ประชากรไม่เยอะ มี หลายเผ่าพันธุ์ พญานาคมีหลายปาง หายตัวได้ แบ่งภาคได้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 57 เวลาสู้กัน องค์ปู่ ลงมานั่งสมาธิใช้ตบะสู้กัน หรือปริศนาธรรมสู้ กัน ภพภูมินาคเรียนมนตรา คาถา ภาษาพุทธศาสตร์ เรียน ภาษาบาลี สันสกฤต อักขระมนตรา ควบคุมไฟ เพลิง มีมนตรา พื้ นฐาน เรียกว่ามนตราพญานาค เรียกลม เรียกฝน ควบคุมไฟ ศึกษาสมุนไพร การแปะยารักษา หญ้าหนวดพญานาค มี สรรพคุณครอบจักวาล อยู่ในถ ้ารักษาตัว เกล็ดก็ถอดให้กันเป็ น การรักษาโรค เพชรพญานาคก็ใช้รักษาโรคได้ มีครูอาจารย์ คือ พ่อแม่ และองค์ปู่ ผู้หญิงสาวหรือนาคี ก็ท าเครื่องประดับต่างหูก็ ท าเอง เย็บปักถักร้อย ก็คล้ายกับภพภูมิมนุษย์ สมัยท่านเป็ น นาคหนุ่ม หรือนาคนาคาเรียนหนังสือศึกษาต ารับต ารา และ ชอบผจญภัยกับเพื่อนฝึกคาถา ขโมยของกันกินก็มี พญานาครุ่นแรกๆ ตัวใหญ่ รุ่นต่อมาค่อยๆ เล็กลง พญานาคที่ชื่อตามด้วยนาโค คือพญานาคที่แก่แล้ว มีหนวดมี ผมหงอก ปางแก่ ผู้ที่เห็นจะต้องมีบารมีเยอะ ปู่ อือลือสายถ ้า ปู่ ขุนน ้านางนอนก็สายถ ้าจะดุมาก อยู่โซนพม่าดูแลไทยพม่า รู ลอดถ ้าก็มาจากตัวพญานาค ท่านบอกว่านาคอยู่ในน ้าใหญ่มาก ไม่ได้เล็กกว่าสายถ้า แต่มีอิทธิฤทธ์ิมากเช่นกนัพญานาคลา น้ า โขงดูแลไทยลาว สายเขมรไม่ใหญ่ มีกายและเกล็ดสีแดงออกสี ทรายออกส้ม พูดคนละภาษา แถบฝรั่งก็มีพญานาคสายสีขาว อากาศหนาวจะกินน้อยบ าเพ็ญมาก อากาศหนาวกิเลสน้อย ประชากรน้อยมาก ส่วนมากเป็ นนาคเพศเมียปฏิบัติเข้า
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 58 กรรมฐานเพราะมันหนาว อากาศร้อนเป็ นนาคธรรมดาทั่วไป พญานาคจะไม่ข้ามเขตแดนซึ่งกันและกัน พญานาคนั้นเมื่อสิ้ นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขด ตัวเป็ นบัลลังก์ เรียกว่า นาคบัลลังก์ จากนั้นสภาพร่างกายก็จะ กลับกลายเป็ นหิน การละสังขารของนาคก็แล้วแต่นาคแต่ละตน บางตนได้เห็นทางสว่างเห็นสิ่งที่ดีกว่า จิตก็ใสเป็ นแก้ว นาคบาง ตนหมดอายุโดยธรรมชาติ บางตนก็ถอดจิตไม่กลับร่าง ร่างก็ กลายเป็ นหิน ถอดจิตนานไม่กลับเข้าร่างก็กลายเป็ นหิน หรือ แตกสลายไปก็มี นาคที่บ าเพ็ญเพียรจนบารมีเต็มนั่งสมาธิดูรู้ แล้วว่าไปที่ไหน ก็ละสังขารไปสู่ภพภูมิที่ปรารถนา ท่านละ สังขารก็จุติด้วยแรงบุญที่ท่านบ าเพ็ญญาณบารมีมายาวนาน ก าเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดา ท่านปา วาฬณะท่านละสังขารนาคแล้ว จุติเป็ นเทพนาคราช “ศรีนครา ปาวาฬณะนาคราช” ท่านบอกว่า “นครา” คล้ายกับเป็ น ยศ หรือต าแหน่ง ท่านถวายงานท่านท้าวมหาราชวิรูปักโข อยู่ที่เท วโลก ชั้นจาตุมหาราชิกา มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็ นทิพย์ วิมาน นารีทิพย์ก็เช่นเดียวกันละสังขารจากภพภูมินาค มีรอย ไหม้ที่เลื้ อยเป็ นวง มีควันสีขาวลอยจางๆ และมีดวงแก้วทิพย์ ๓ ลูก วางอยู่ข้างกายสังขารนาคที่เป็นหิน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 59 จิตของเจ้า ใจของเจ้า ใครไม่รู้ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พี่รู้หนา จงอภัย ด้วยเถิด เรื่องเกิดมา ชะตาฟ้า ก าหนด รันทดจริง ขอเจ้านางของพี่ จงหยุดโกรธ ว่าทางโลก ทางธรรม น าสุขยิ่ง เป็นเพราะกรรม น าพามาจริงๆ ขอน้องหญิง เจ้านางน้อย โปรดอภัย รูปปั้นพญานาคสีทองที่บ้านสวนแตก จู่ๆ หมา ๒ ตัวก็ มากัดกันตรงบริเวณนั้น เลยชนและตกแตก “บุรุษร่างกายสูงใหญ่ ผมยาวสีขาว นุ่งห่มสีขาวถือไม้เท้า ภายใต้แสงสว่าง มีหมอกสีขาวจางๆ ” หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะตกแตก ท่านมาบอกล่วงหน้า เพราะข้าพเจ้าฝัน ภาพในฝันก าลังนั่งท างานที่โต๊ะ จู่ๆ ก็มีแสง สว่างสีขาวนวล และมีภาพผู้ชายในชุดนักบวชนุ่งผ้าขาวห่มขาว เชิงผ้านุ่งด้านล่างเห็นแวบๆๆ เป็ นลายเสือ แต่นิดหน่อย ถือไม้ เท้า ท่านผมยาวรวบผมไปข้างหลังครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งปล่อยยาว ผมสีดอกเลา หน้าตาท่านอิ่มเอิบ หน้าอมชมพู มีเคราที่โกนแล้ว ท่านยิ้ ม จิตตอนนั้น ให้เรียกว่าท่านฤาษี “มีอะไรจะถามเราไหม” (เหมือนใช้จิตสื่อ)
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 60 ท่านบอกว่าพ่อฝากมาบอกว่า บุญกุศลที่ท าให้ท่านได้รับ หมด รูปปั้นพญานาคที่แตก ไม่ต้องสร้างขึ้ นใหม่ ไม่เป็นไร หมด วาระของท่าน จะมีคนมาแทน แต่ท่านว่าไม่ใช่มาแทน ท่านว่า “นาคียะสมพล” ภาษาท่านพูดแบบนี้ ภาษาท่านเหมือนกลอน ในใบเซียมซี ท่านคือปู่ สุกินาโค นาคสีทองที่บ้านสวน ปู่ บอกว่า ที่บ้านสวน อยู่แล้วมีความอบอุ่น เมตตาวาสนาเพิ่มพูน บริวาร สังขารร่มเย็น แต่ลมแรงและแดดแรง แต่ท่านว่าไม่เป็ นไร ดินแดนแห่งพระพุทธองค์แสวงบุญย่อมร้อนเป็ นธรรมดา ท่าน ต้องเดินทางไกลในวัฏสงสาร รูปปั้นนาคที่หักก็ให้เอาไปไว้ที่วัด ก็ได้ นาฏยะสมบัติ คือเกล็ดกาย เนื้ อตัว แสงเงา เกิดจากการ บ าเพ็ญบุญบารมีเวลาหมดวาระ รูปปั้นนาคก็จะแตก แสดงว่า ท่านไม่อยู่แล้ว ไม่อยากให้สัภเวสีมาอยู่แทน มาสวมรอย เพราะ ถ้าไม่แตกสิ่งที่กราบไหว้อยู่นั้นไม่ใช่ ถ้าหมดวาระ ถ้าไม่แตกก็ หายไปเลย เพราะมนุษย์จะสร้างอะไรก็มีพิธีกรรมการไหว้ แต่ การจากไปไม่มีพิธีกรรมถอดถอน ถ้าเปลี่ยนคนมาใหม่ก็เริ่มต้น จาก ศูนย์ เปลี่ยนรูปลักษณ์เปลี่ยนหน้าตา ทุกอย่างมันมีวาระ ของมัน อย่าไปยึด มันเป็ นวัตถุให้คนเห็นในเชิงสัญลักษณ์ ไม่ มีดวงจิตอยู่แล้วตั้งแต่ต้น “ท่านเปิ ดให้ทุกอย่าง ให้ปล่อยวางอดีต วางอนาคต ให้ อยู่กับปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ท่านน าทางชีวิตเรามาตลอด เจ้ามี บ่อเงินบ่อทองให้ชุบตัวหลายบ่อ ให้รู้เพียงว่าสวรรค์ท่านเมตตา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 61 เสมอ ท าอะไรให้อดทนและมีสติอยู่กับตัว พิจารณาทุกอย่างให้ เป็นธรรมะ ท าให้เกิดเวทนา ให้รู้จักเวทนา ให้รู้จักวัฏสงสาร” เวทนาที่อยู่ในขันธ์ ๕ เวทนา คือหนึ่งในขันธ์๕ มีความ เป็นอนัตตาควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้ตามต้องการถ้ารู้ความจริง ของรูป ของนาม ว่ามีความเป็ นไตรลักษณ์ไม่หลงไปตามสิ่งเร้า ที่จะก่อให้เกิดกิเลสตามมาอย่างต่อเนื่อง กิเลสก็ไม่เกิด เวทนา คือ ความรู้สึกสุข หรือ ทุกข์ หรือ เฉย ซึ่งมีความส าคัญ ที่ท าให้ เกิดความยินดียินร้ายของคนที่ยังมีกิเลส สะสมอยู่ในจิต ครูบา อาจารย์ท่านเมตตาลูกหลานเสมอ ปู่ สอนว่า อย่าโลภ ให้ปล่อย วาง มาก็มาไปก็ไป ภาพที่เห็นในสภาวะจิตนั้น ท่านเป็ นพระ สายปฏิบัติใส่จีวรสีกรัก มีกระติกน ้าชา และกาน ้าร้อนวางอยู่ ข้างๆ พัดใบลาน ภาพเป็ นภาพพระเกจิ มียันต์พญานาคอยู่ข้าง หลังท่าน “โยมลูกเป็ นลูกหลานท่าน แต่เป็ นลูกหลานปลายแถว ของท่าน คนเราเหมือนโมเลกุลสายรุ้ง เกี่ยวข้องสายสัมพันธ์กับ ท่านในอดีตกับสายเลือด โยมลูกอยู่ตระกูลปลายแถว ท่านเป็ น ต้นตระกูล มาภพชาติปัจจุบันชะตาต้องกัน” ตัวข้าพเจ้ากับกัลยาณมิตรท่านว่า ในอดีตภพ ก็เคยตัก บาตรร่วมขันท าบุญร่วมกันมา ถึงได้มาได้เจอะเจอ และได้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทั้งทางโลกและทางธรรม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 62 “ท่านหลวงตา ท่านเมตตาเจ้า เพราะเจ้าเคยเป็ นนาคที่ บ าเพ็ญบุญบารมีมายาวนาน แต่ไม่มีโอกาสบวช มันเป็นแต้มต่อ ที่ให้ก้าวเดินไปเพื่อการหลุดพ้น” เมตตา มีระยะ ๓ ครั้ง ศรัทธา ปาฏิหาริย์น้อมน าพระ ธรรมค าสอน ปฏิบัติจิตให้ตื่นรู้เราต้องท าเป็ นต้นแบบ เหมือน เราปลูกข้าว เห็นนา เป็ นข้าวเปลือก ค านวณได้ว่ากี่วันจะได้เก็บ เกี่ยว เรารู้อยู่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมเป็ นเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างมี ระยะเวลาเกี่ยวข้อง มีสติ สมอง ปัญญา สติมีไว้แก้ไข สมองมีไว้ ไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร มีปัญญาก ากับพินิจพิเคราะห์อะไร เป็ นของเสียก็ท าให้เป็ นประโยชน์ ถอยเพื่อว่าก้าวไปอย่างมั่นคง การขนคนต้องดิ้ นรนพยายาม ให้เราเป็ นฟันเฟื องเปิ ดเตรียม พลังงาน คนที่สร้างภาพ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน จะตาย โลกจะ กลับไปสู่กลียุคคือยุคข้าวยากหมากแพง ของแพงเกินจริง ปู่ ท่าน บอกไว้ ไม่มีค าว่าบังเอิญ อยู่ที่บุญวาสนาที่ร่วมท ากันมา เมื่อมี วาสนา ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ เมื่อสิ้ นวาสนา ไม่อยากจาก ก็ต้อง จาก การพลัดพรากมันเจ็บปวด หากวันนี้ ยังมีกันอยู่ ขอให้ดูแล กันและกันให้ดีที่สุด เพราะเมื่อต้องจาก ต่อให้ยอมสละทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีวันหวนกลับมา เมื่อได้มาเจอกันอีกครั้ง ก็สานต่อบุญ กุศลไปด้วยกัน ทุกชีวิตมีเวลาจ ากัดให้อยู่เพียรสร้างบุญกุศล ถึง เวลาก็ต้องละร่างนี้ สังขารนี้ ไปจากโลก
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 63 คนมีญาณทิพย์หรือมีองค์ นั้น หมายถึง คนที่มีครูบา อาจารย์ ที่เป็ นองค์เทพ องค์พรหม ที่อยู่บนสวรรค์ บนพรหม โลกมาดูแล ค าว่าองค์ คือ ครู คุรุ ของหนัก ท่านไม่ได้มาสิงกาย มนุษย์ เพราะมนุษย์กลิ่นกายเหม็น ท่านส่งสื่อญาณมายังบุคคล ที่เป็ นลูกหลาน ที่เป็ นศิษย์ ที่เคยมีบุญสัมพันธ์กันแต่เก่าก่อน ซึ่งค าว่า ญาณ แปลว่า ความรู้ คือปรีชาหยั่งรู้ ปรีชาก าหนดรู้ หรือการก าหนดรู้ได้ด้วยอ านาจการท าสมาธิและวิปัสสนา เรียกว่า วิชชา ท่านส่งญาณ มาคอยดูแล ชักจูงให้อยู่ในกรอบใน ศีล ในร่องในรอย หรือตามสัญญาที่เคยสัญญาไว้ก่อนมาเกิด กายสังขารบางคนมีองค์บารมี หรือองค์ใน มีจุติญาณ เทพ องค์พรหม ครูบาอาจารย์ที่เป็ นพระภิกษุสงฆ์ ที่ละสังขาร ไปแล้ว พระโพธิสัตว์ ปู่ ฤาษี คนที่จะมีองค์ได้ ต้องมีสัญญา ต่อ ท่านมาแล้ว หลายภพหลายชาติ เพราะสิ่งที่ท าไว้แล้ว มีเหตุ ย่อมมีผลเกิด เราท าเหตุไว้อย่างไร ผลย่อมเป็ นไปตามนั้น เมื่อ ถึงเวลาเขาจะแสวงหาสิ่งที่เป็ นสัญญาทางจิตแห่งตนให้เจอ มี ชาวต่างชาติหลายคนที่ข้าพเจ้าได้รู้จักผ่านสายงานที่ท า บาง ท่านเป็ นทูต บางท่านเป็ นนักกฎหมาย บางท่านเป็ นผู้บริหาร ระดับสูงในองค์กรใหญ่ๆ ในเมืองไทย ที่สนใจศึกษาธรรมะ ของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บางท่านจิต ได้รับการฝึกมาอย่างดี ปู่ บอกฐานจิตแน่น จิตกลมเป็นไข่เต็มไม่ กลวงเป็ นโดนัท จะใช้ชีวิตสมถะมาก แต่ด้วยหน้าที่การงานและ ฐานะทางสังคม ก็ต้องอยู่ทางโลกให้กลมกลืน จะท าให้คนอื่นไม่
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 64 รู้สึกแปลกแยก พวกเขาเหล่านั้นก็อยู่ในทางโลกทางธรรมได้ อย่างสมดุลและเหมาะสม ไม่มากไป ไม่น้อยไป จึงไม่แปลกที่ เห็นคนต่างชาติ ต่างศาสนา เข้ามายังประเทศไทย มากราบไหว้ พระพุทธองค์ เพราะเขามีสัญญาต่อพระพุทธองค์แม้ส่วนลึกเขา ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีคนชี้ แนะแนวทางให้ หรือจิตที่ขุ่นมัว ยังไม่ใส ยังไม่กระจ่าง จึงเชื่อมต่อสัญญาเก่าของตนเองยังไม่เจอ คนที่มีองค์บารมีเป็ นพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ บ าเพ็ญภาวนาเพื่อ พุทธะเพียงอย่างเดียว คอยปกป้องคุ้มครอง หรือสอนธรรม อย่างที่ข้าพเจ้าได้ประสบมาได้รับการสอนผ่านการเห็นนิมิต หรือมโนจิตผ่านกัลยาณมิตรที่แฝงปริศนาธรรม หรือบางครั้ง เป็ นการสอนธรรมะที่แยบยล บรมครูทุกๆ พระองค์ก็เมตตา แปลให้ บางเรื่องที่ท่านสอนแบบเปรียบเทียบเปรียบเปรยให้ เข้าใจถึงคติธรรมของท่าน ท่านบอกสมณะพูดตรงๆ ไม่ได้ ถ้า คนที่มีองค์บารมีข้างในแบบสมถะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ภาษาทั่ว คือภาษาเดียวกันคุยกันรู้เรื่อง อย่างกัลยาณมิตรหลายๆ คนที่ชอบเข้าวัดท าบุญ มีรุ่นพี่ที่รู้จัก เป็นอาจารย์พยาบาล คุยกันง่าย พอคุยกันไปเรื่อยๆ จึงได้ทราบ ว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่นับถือเหมือนกัน พระที่ห้อยคอ คือ หลวงปู่ ทวด หลวงปู่ โตพรหมรังสี และพ่อแม่ครูบาอาจารย์สาย หลวงปู่ มั่น คนที่มีองค์เป็ นร่างทรง หรือกายสังขารญาณทิพย์ บาง คนมีอัตตาสูงก็จะบอกว่า องค์ของคนอื่นไม่แท้ ของตนแท้ ปู่
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 65 บอกว่า ถ้าองค์ท่านมาอยู่กับเรายังไง ในเมื่อมีการทรงตั้งหลาย ที่ อีกอย่างไม่มีเทพองค์ไหนที่อยากอยู่ใกล้มนุษย์ ร่างทรงจะ ประกอบพิธีกรรมสื่อสารกับท่าน ส่งสัญญาณไปให้ท่าน สื่อหรือ สื่อข้อมูลไปถึงท่าน ท่านก็รับสิ่งที่เราถาม ท่านก็จะสื่อสารให้ ทราบ นั่นก็คือ สื่อญาณธรรม ก็จะบอกข้อมูลต่างๆ มายังร่าง ทรง ร่างทรงก็จะไปบอกลูกศิษย์ ร่างทรงเป็ นเครื่องรับสัญญาณ ไม่ใช่ว่าท่านมาอยู่กับเรา บางคนคิดว่าท่านมาอยู่กับเรา ยังมา ถือสิทธ์ิด้วยว่า อยู่กับเราเป็นของเรา ท าพิธีใหเ้รา พอใครมี เหมือนกับเราก็ถือว่าเป็ นของปลอม ปู่ บอกมนุษย์ชอบใช้ ความคุ้นเคย แต่ก็มีร่างทรง หรือกายสังขารญาณทิพย์ที่ครองตัว อยู่ในศีลในธรรม เมื่อมีการท าพิธีที่เป็ นพิธีพุทธาภิเษก ที่มีรูป ธรรมจักร หรือกงล้อแห่งธรรม ท่านจะมาร่วมพิธีแต่จะมาแวบๆ ไม่ถึงห้านาที หรือพิธีบวงสรวงท่านต้องดูว่า เจ้าภาพเป็ นใคร บารมีถึงหรือไม่ ท่านก็อยากมาสร้างบารมีร่วมกับมนุษย์เช่นกัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 66 บทที่ ๕ บ้านแก้วเมืองทิพย์ยึดมั ่นในธรรม พูดถึงเมือง ของข้า นวนครบาดาล ชวนชื่นบาน ในสภาวะ อันเป็ นทิพย์ รัตนะท้ังสาม นามอาจิณ คือแดนดิน ถิ่นมั ่นใน พุทธธรรม นวเก้า รัตนะสาม งามลือลั ่น สุดจะมัน่ ในสัญญา ทัว่หลา้น้ี ท้ังสามโลก คู่โลกา พายินดี นวรัตนน้ีคือโลกข้า ใตบ้าดาล บัวชมภู คือฟ้าในบาดาล พาชื่นบาน สุขฤทัย ไม่จากหนี คือท้องฟ้า หากอยากพบ บันดาลมี สุขเหลือที่ ชมภูฟ้า งามตาเอย ชมภูแก้ว ในเมืองข้า หากจับตอ้ง แลว้บูชา ปวงข้าน้ี ใฝ่สิ่งใด สิ่งน้ันมา พายินดี น้อมเคารพ ในที่ แก้วชมภูบูชา เอย...
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 67 เมืองรัตนะนวบาดาลนครแก้วทิพย์ รัตนะ แปลว่า แก้ว ๓ ประการ นว แปลว่า ๙ หรือใหม่ แก้วทิพย์ คือ ดอกบัว เรียก ดอกบัวชมภูฟ้าบาดาล ท้องฟ้าเป็นสีชมพู เพราะว่าดวงแก้วทิพย์ ของนารีทิพย์เป็ นสีชมพู ม่วงชมภูแก้วทิพย์ สีม่วง หมายถึงองค์ ท่าน ส่วนชมภูแก้วทิพย์ หมายถึงเจ้านางน้อยนารีทิพย์ ชมภูม่วง เคียงคู่ ชื่นชูรัก เป็นปิ่นปัก สุขในใจ เราทั้งสอง เมื่อคราวนั้น สมดั่งใจ ฤทัยปอง เราทั้งสอง ม่วงชมภู เคียงคู่กัน บ้านแก้วเมืองทิพย์มีปราสาทราชวังที่วิจิตตระการตา มี ความสุขเหมือนสวรรค์ มีกลิ่นหอมอันเป็ นกลิ่นทิพย์ภพภูมิของ พญานาคนั้นสมบูรณ์ด้วยภูมิภาค ไม่มีกรวด มีแต่ทรายที่อ่อน นุ่มมาก รัตนะชาติทั้งเจ็ดประการ ทอง เงิน และแก้วมณี สว่าง โชติช่วงด้วยดวงแก้วมณีประจ าตัวของพญานาคแต่ละตนวิมาน แก้วเมืองทิพย์วิจิตตระการตาเหนือค าพูดเหนือค าบรรยาย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 68 กลิ่นทิพย์ นั้นหอมหนักหนา ท่านว่ากลิ่นกายนี้ พี่เคยได้สัมผัส ทั้งรังรัด ฝากเอาไว้ ในใจพี่ กลิ่นตัวน้อง ได้ดมดอม หอมชื่นชีวี กลิ่นกายนี้ พี่ขอมอบ ให้น้องชอบตลอดไป เทวดา บนฟากฟ้า หอบน้อมกลิ่น ฝากอาจิณ สุดใต้หล้า ไม่พาเลือนหาย เหมือนกลิ่นกายน้อง แนบแอบชื่นหทัย สุขภิรมณ์ สุขสมหมาย ดั่งใจปอง ท่านไม่ให้เรียกว่าเมืองบาดาล ท่านไม่ได้อยู่เมืองบาดาล ท่านอยู่ที่บ้านแก้วเมืองทิพย์ ส่วนมากมนุษย์ชอบเรียกกันง่ายๆ ว่า เมืองบาดาล เมืองบาดาลคือเมืองที่เต็มไปด้วยน ้า บริเวณ อาณาของน ้า แต่ที่จริงๆ แล้ว บ้านแก้วเมืองทิพย์ก็เป็ นเมืองอีก เมืองหนึ่งที่ซ้อนทับกันอยู่กับภพภูมิโลกมนุษย์ อยู่กันเหมือน โลกมนุษย์ กายสังขารก็เป็นเหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไป ท่านเรียกว่า “บ้านแก้วเมืองฟ้าหรือบ้านแก้วเมืองทิพย์” ไม่ใช่เมืองบาดาล ไม่ได้อยู่ฝั่งไทยไม่ได้อยู่ฝั่งลาว บ้านเมืองของ ท่านเรียกว่า “บ้านแก้วเมืองฟ้า” ไม่มีแสงดาว แสงเดือน แสง ตะวัน ไม่มีแสงสุริยา บ้านแก้วเมืองทิพย์ไม่มีวันมืด ไม่มี กลางคืนไม่มีกลางวัน ไม่มีดวงอาทิตย์ จะสว่างตลอดเวลา จะ มองเห็นท้องฟ้าจะออกสีน ้าตาล พวกท่านเนรมิตให้เป็นแบบนั้น
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 69 มีท้องฟ้า เหมือนกันแต่ท้องฟ้าเป็ นคนละสี คนละแบบ ไม่ได้มี ท้องฟ้าเป็ นสีฟ้า แต่เวลาท่านกลับจะขึ้ นมาเที่ยวชมโลกมนุษย์ ท่านก็จ าแลงแปลงกายเป็ นพญานาค งู เล็ก งูน้อย แต่เวลา กลับไปที่บ้านแก้วเมืองทิพย์ กายสังขารเป็ นมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่มนุษย์มองไม่เห็นบ้านแก้วเมืองทิพย์ของท่านนั่นเอง ม่วงชมภู อยู่ที่ใจ ใช่ที่อื่น ดูสดชื่น ทุกเวลา พาใจฝัน คิดถึงม่วงชมภู ทุกคืนวัน สุขเลิศนั้น น าใจรัก เฝ้าภักดีเอย.. ม่วงกับชมภู ต้องอยู่คู่กัน ตราบเท่าฟ้าดินสลาย ปากถ ้าทิพย์ของเจ้ามีดอกบัวแก้วทิพย์ปลูกไว้หน้าถ ้า ดอกบัวในศาสนาพุทธแทนความบริสุทธ์ิจิตใจที่ผ่องแผว้สดใส ไม่หมองมัว และความศรัทธา ทั้งยังหมายถึงการตรัสรู้บรรลุ ธรรมเมื่อเปรียบกับดอกบัวที่เคยอยู่ใต้โคลนตมได้โผล่พ้นน ้า ออกมา เบ่งบานรับแสงสว่างของดวงอาทิตย์เหมือนดวงจิตที่ตื่น รู้ในทางธรรม พระพุทธองค์นั่งดอกบัวกรรมะ กับดอกบัว และ ธรรมจักร ทุกสิ่งทุกอย่างในสมัยพุทธกาลจะสื่อสารเป็ นเชิง สัญลักษณ์ พระพุทธรูปก็มีหลายปาง มนุษย์ในปัจจุบันก็น ามา ตีความ ดอกบัวก็เช่นกัน ในพระพุทธศาสนา ดอกบัวเป็ น
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 70 สัญลักษณ์ของความบริสุทธ์ิของร่างกายและจิตใจ การแบ่งช่วง การเกิดและการเติบโตทางจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้า องค์ชาย สิทธัตถะ ก้าวแรก หรือทุกที่ที่พระองค์ก้าวเหยียบไป ดอกบัวจะ เบ่งบานรองรับพระบาท ดอกบัว ยังเป็ นชื่อของท่านั่งสมาธิที่ผู้ ฝึกนั่งไขว่ห้างและให้ฝ่ าเท้าหงายขึ้ น พระพุทธเจ้านั่งสมาธิมัก ปรากฏนั่งบนดอกบัวในระหว่างการท าสมาธิภพภูมินาคก็ เช่นกันเมื่อถึงวาระพร้อมทางจิตวิญญาณ เบื้ องบนท่านประทาน ดอกบัวให้ ดอกบัวจะผุดขึ้ นมาเอง ดวงจิตที่ตื่นรู้ เปรียบเหมือนการเดินบนดอกบัว ก้าวไป บนดอกบัวทีละก้าว แต่ละก้าวที่ก้าวไปบนดอกบัวเปรียบเป็ น ระดับภูมิจิตภูมิสติปัญญาของแต่ละคน ว่าจะสามารถรู้ลึกรู้ตื้ น ในสภาวธรรมทั้งปวง ดอกบัวเปรียบเหมือนสติปัญญาท าให้ถอย จิตเป็ นเลื่อนขึ้ นเลื่อนลงได้ การถอยเกิดขบวนการแก้ปัญหา หากเป็ นความรู้ที่ยังมีกิเลสครอบง าอยู่ ก็อาจจะรู้ผิดบ้าง รู้ถูก บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ตื่นรู้เร็วก้าวเร็ว ตื่นรู้ช้าก้าวช้า ดอกบัวแต่ ละดอกเป็ นขั้นเลื่อนขึ้ นไป เลื่อนไปเลื่อนมา เลื่อนออกห่าง สติ การตื่นรู้ไม่เท่าทัน เพราะกิเลส เงื่อนไขมากไป ลังเลสงสัย ชีวิต ไม่วุ่นวายก็ก้าวเร็วเป็ นขั้นบันได ดอกบัวแต่ละดอกให้ก้าวไป ข้างหน้า เลื่อนออกไปห่างไปเรื่อยๆ เคลื่อนที่เร็ว จิตฉลาดเร็ว ต้องกระโดด จิตอยากปักมุดและสอดส่ายตา มนุษย์ทุกคนมี ดอกบัวข้างหน้า ๗ ดอก คนเรายืนบนดอกบัวทุกคน ดอกบัวก็ ใหญ่แต่พอเราโตขึ้ นดูเหมือนดอกบัวเล็กลง จริงๆ แล้วเท่าเดิม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 71 ถ ้าทิพย์ทุกๆ องค์ปู่ มีต้นไม้มงคล บ่งบอกถึงยศหรือ ต าแหน่ง บางองค์ปู่ มีต้นสน สีส้มสีเหลืองพลิ้ วไหวไปตามน ้า บางต้นเป็ นพุ่มสีเขียว บางถ ้ามีต้นไม้คล้ายใบเฟิร์นต้นใหญ่ ถ ้า ทิพย์ท่านมีต้นสนใบเป็ นเส้นๆ สีส้มคล้ายต้นคริสมาสต์กลับหัว ปู่ ขาวมีต้นไม้คล้ายใบตาลมีขอบสีทอง ส่วนถ ้าทิพย์ของนารีทิพย์ มีดอกบัวสีชมพูปลูกอยู่หน้าถ ้า ดอกใหญ่มาก บริเวณนอกถ ้า ทิพย์มีหมอกสีขาวปกคลุม ท่านร่ายมนตราพลังอาคมแสดง อาณาเขต รักมากจะซ่อนเอาไวห้าไม่เจอ พญานาคมีพลังฤทธ์ิ เยอะ กระแสจิตมีพลังมาก ภพภูมิทิพย์อาศัยอยู่แบบสุขนิยม ชอบการร่ายร า ชอบดอกไม้ พวงมาลามาลัย และกลิ่นหอมของ ดอกไม้ แต่ไม่ชอบการออกรบจับศึก เพราะมันเป็ นบาป ที่เห็น ท่านใส่ชุดขุนพลนักรบ เพราะภาระหน้าที่ แต่ด้วยใจจริง แล้วไม่ ชอบ เจริญทางธรรม สุดแสนประเสริฐยิ่งแล้วขนาดเนื้ อยังไม่ฉัน อิ่มทิพย์ ฉันน ้าดอกจิกมุจรินทร์แทน บ้านเมืองท่านจะมีดอกไม้ ชื่อ ดอกจิกมุจรินทร์สีชมพู จะเอามาปรุงแต่งเป็นเครื่องทิพย์ฉัน ดอกจิกมุจรินทร์ คล้ายดอกประทุมมา หรือดอกกระเจียวป่ า ดอกใหญ่ มีก้านสูง สีชมพูอ่อน จะบานเป็นทุ่งดอกกระเจียว “อดีตของเจ้าพี่กับน้องหญิงจะเป็ นสีชมพู เราชอบสีชมพู และมเหสีเราเมื่อในอดีตเขาก็ชอบสีชมพู”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 72 ดอกบัวนี้ สีนี่ ที่น้องชอบ พี่ขอมอบ ชอบเถิดนิด พิสมัย อยากมอบรัก จากใจพี่ นี้ ชื่นใจ สุขสดใส ในยาม ตามกาลเวลา ท่านบอกว่านารีทิพย์ชอบดอกบัวมาก ชอบดอกบัวโปรด ปรานดอกบัวมากที่สุด ดอกบัวสีชมพูจะชอบมาก ชอบดอกบัวสี ชมพูมากกว่าสีขาว เมื่ออดีตชอบไปเก็บดอกบัวมานั่งพับกลีบ ประดิดประดอยประดับใส่แจกัน นั่งท าโน่นท านี่ ท าถวายท่าน ประดิษฐ์ท ากระทง นั่งพับเพียบเรียบร้อย นั่งท ากับสนมบริวาร ทุกอย่างใครว่ามันเป็ นเรื่องบังเอิญ มันไม่ใช่ มันเป็ นเรื่องอดีต ทั้งนั้น ที่เคยท า เคยรัก เคยชอบ มันก็เลยติดตามมาในภพชาติ นี้ มันก็เป็ นไปอย่างนี้ แหละ เป็ นความจริง เป็ นสัจธรรม เรื่อง บังเอิญ ใครว่ามันเป็ นเรื่องบังเอิญ มันเป็ นเรื่องอดีต มันเป็ น อดีต มันเป็นภพรัก ภพเก่ามัน จ ามันไม่เลยลืม เคยเป็นคู่ ชูชื่น ระรื่นจิต อยากแนบชิด อิงแอบ สนิทเสน่ห์หา ถามหาคู่ ภิรมย์ สมอุรา นารีทิพย์ นั้นหนา สถิตสถาพร
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 73 พระมหาเจดียพ์ระธาตุพนมอันศักด์ิสิทธ์ิของชาวอีสาน เก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐๐ ปีองค์นี้ เป็ นที่รวมจิตใจของชาวภาค อีสานและพี่น้องฝั่งลาวทั่วประเทศ การขึ้ นมาไหว้พระธาตุทุกๆ ๓ ปี ของภพภูมินาค เป็ นการเวียนมาเหมือนการต่อใบขับขี่ ไม่ ได้มาทุกคน ไม่จ าเป็ นต้องมากันทุกคน เหมือนการไปสักการะ สิ่งศักด์ิสิทธ์ิมีวาระว่าอายุเท่าน้ันเท่าน้ีถึงมากราบพระธาตุได้ ตอนที่แต่งงานผูกข้อไม้ข้อมือ ก็เฉลิมฉลองกัน ๗ วัน ๗ คืน การ ขึ้ นมาไหว้พระธาตุพนมไม่ได้อยู่ในภารกิจ ไปเป็นการส่วนตัวกับ เจ้า มาไหว้มาบอกกล่าว อฐิษฐานขอพรเราอยู่กันแค่ข้างนอก วันนั้นบังเอิญโผล่ขึ้ นก็เจอพระธาตุพนม เมืองล่างก็มีพระธาตุมี สถูป รูปหล่อ พระพุทธรูป และเจดีย์สีเหมือนทราย มีผ้าเหลือง พันรอบองค์เจดีย์ไว้ องค์พระธาตุพนมมีพญานาคเฝ้าอยู่ ๗ ตน ตัวใหญ่มาก ท่านพระนามว่า พญาสัทโทนาคราชเจ้า พญาศีลวุฒินาโค พญา หิริวุฒินาโค พญาโอตตัปปะวุฒินาโค พญาพาหุสัจจะวุฒินาโค พญาจาคะวุฒินาโค และพญาปัญญาเตชะวุฒินาโค พญานาค เหล่านี้ เป็ นต้นตระกูลกษัตริย์เคยเป็ นกษัตริย์มาก่อน รับใช้พระ พุทธองค์ที่ใหญ่มาก เมืองที่ท่านเหล่านั้นอยู่ ท่านว่ามี ๗ ฤดู หนาวมาก ท่านตัวใหญ่ดุมาก พ่นไฟเหมือนมังกรพ่นไฟ ท่าน บอกโดนสาบ โดนสาปแบบเต็มใจ เรียกว่าพุทธบัญชา ให้เฝ้า ตรงนี้ ไปไหนไม่ได้ อยากบวชคู่กับมนุษย์ใครท าไม่ดีเจอดีแน่ “พระพุทธศาสนาคือหัวใจข้าพเจ้าไม่ให้คนบาปเข้าใกล้ มีพระ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 74 ธาตุศักด์ิสิทธ์ิหวัใจพระพุทธองค”์องคพ์ระธาตุบรรจุพระบรม สารีริกธาตุพระอุรังคธาตุ(กระดูกส่วนหน้าอก) พญานาคเวลาขึ้ นมาในเมืองมนุษย์ ถ้าไม่มีกิจธุระจะไม่ ขึ้ นมา เพราะจะมีกลิ่นตัวแปลกๆ กลับภพภูมินาค นาคส่วนมาก จะจ าแลงแปลงกายเป็ นงู ถ้าจ าแลงแปลงกายเป็ นมนุษย์ กลิ่น มนุษย์จะติดลงไป ต้องอาบแสงจันทร์ อาบน ้าทิพย์ เพื่อล้างกลิ่น มนุษย์ คุณคนดี ที่ฉันรัก ผูกสมัคร รักแบบนี้ ตลอดปีไหม เป็นของขวัญ อเนกอนันต์ ทุกชาติไป ผูกสมัคร รักใคร่ ในเจ้านาง “การบวงสรวง นารีทิพย์ก็เคยท าพิธีแบบนี้ ที่เมืองล่าง บ่อย” ให้ดูที่เครื่องบวงสรวง เมืองล่างไหว้ทุกๆ ๗ ราตรี ชั้น บายศรีที่ไหว้ เมืองล่าง ไม่มีดอกเรือง ใช้ดอกบัวไหว้ ปลูกที่หน้า ถ ้าเต็มไปหมด ดอกบัวเมืองล่างมี ๗ สี ดอกใหญ่มาก แต่ละดอก ใหญ่กว่าก าปั้นของมนุษย์ เวลาบานดอกจะเท่าฝ่ ามือ แก้ว แหวน เงินทอง ประกอบการไหว้ด้วย ผลไม้ก็มี ๗ สี เทียนก็มี ๗ สี
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 75 “ปู่ ท่านมาสื่อญาณ ท่านจะพูดช้าๆ เสียงเย็น ทุ่มเย็น ผม ยาวสีขาว ท่านยิ้ ม แต่เล็บท่านยาวมาก กายสังขารนาคปู่ ตัว ใหญ่มากสีเทาขาว” การบวงสรวงถวาย ปู่ เป็ นหินที่ปากถ ้าทิพย์ เพราะละ สังขารนาคแล้ว นารีทิพย์จะน าบริวารบวงสรวง ชุดที่ใส่ในพิธี เป็ นชุดขาวเปิ ดพุง หน้าสด หน้าผากเต็ม หน้ายิ้ ม คิ้ วเข้ม จมูก โด่ง ผิวขาว หน้าตาละหม้ายคล้ายภพปัจจุบันนี้ แต่ตาโต จมูก โด่ง ปากสีแดงธรรมชาติ ในพิธีบวงสรวงมีนางร า โปรยดอกไม้ เวลาบวงสรวงเดินเท้าเปล่า ทรายเป็นสีทอง นุ่มมาก เหมือนปุย นุ่น มีบริวารสาว ๆ สวยๆ อยู่รอบๆ ซ้ายและขวามีเด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชาย นั่งพนมไหว้ มี อายุสัก ๒ และ ๓ ขวบ เด็กผู้ชาย จะซนมาก นารีทิพย์อุ้มเด็กทีละคนร่วมพิธี มีนางร า เวลาร า ถวายปู่ นางร าแต่งตัวเหมือนนางร าฉุยฉายพราหมณ์ “เจ้าจะใส่ชุดขาวแบบนี้ เป็ นประจ า ใส่เครื่องประดับน้อย ชิ้ น ภาพที่เห็นเหมือนการระลึกชาติ ในแต่ละภพจะเดินทางเป็ น เส้นขนานกัน แต่มีบางช่วงที่จูนคลื่นถึงกันได้” จิตของภพภูมิทิพย์ จิตจะเป็ นทิพย์ เหมือนเป็ นคลื่นส่ง เรดาร์ จะไม่เปิดปากคุยกัน แต่ส่งจิตคุยกัน “ถ้าเปิ ดปากพูดจะเป็ นไฟพ่นออกมา จะพูดก็ต่อเมื่อถึง วันออกพรรษามีปั้งไฟพญานาค ภพภูมิทิพย์จะควบคุมจิตด้วย พลังจิต นิมิตทุกอย่างได้ด้วยจิตอันเป็นทิพย์”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 76 รักเอย รักเกย เคยกก รักสะทก สะท้าน พี่ทานไม่ไหว ชิดแนบ เสน่หา พาชื่นหฤทัย สุข สดใส สว่างไสว ไตรตรึงตรา ท่านบอกว่า สายเจ้าเป็ นนาคสายบ าเพ็ญเพียร ตอนที่ เป็ นนาคนารี น้อย พออายุได้สัก ๗ หรือ ๘ ขวบจะแยกถ ้า ออกมาอยู่กับพระพี่เลี้ ยง นอกถ ้าจะมีนาคสีด าแต่มีหงอน อยู่ รอบๆ ถ ้าเต็มไปหมด ดุมาก มีพิษมาก จับไม่ได้ล าตัวก็มีพิษ แต่ พอกลับเข้าถ ้า กายสังขารก็กลายเป็ นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ผู้หญิงจะสวยมาก แต่หน้ายังมีเป็ นเกล็ดๆ ให้เห็นอยู่ลางๆ เพราะยังบ าเพ็ญบารมีไม่เต็ม ในถ ้าที่เห็นเหมือนก าแพงใสเป็ น แก้ว มีกลิ่นหอมยวนใจ อยู่ในถ ้าจะแต่งกายน้อยชิ้ น เพราะ อุณหภูมิอุ่นสบาย แต่ภายนอกถ ้าอุณหภูมิจะเย็นยะเยือก องค์ปู่ เทวะนาคพรหมญาณกับนางพญานาคิณีศรีโคตระก็จะเก็บตัว บ าเพ็ญเพียรเช่นกัน ท่านแต่งตัวเครื่องทรงกษัตริย์ใส่ชุดเต็ม องค์ ทรงชุดสีเขียวหน้าเหมือนองค์อินทร์มีหนวดนิดๆ ตัวสูง ใหญ่หนาบึกบึน พูดเสียงดัง แต่เปี่ ยมด้วยเมตตาบารมี ส่วน นางพญาณาคินีศรีโคตระทรงชุดสีแดง “เหมือนห้องสมุดมีหลายห้องมาก มีบันไดวน มีหนังสือ บันทึกของคุณถูกลมพัด แอบไปเห็น แล้วเปิดให้อ่าน จริงๆ แล้ว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 77 หนังสือบันทึกเล่มนี้ คุณปิ ดตายไปนานแล้วบังเอิญจิตไปแอบ เปิดดู” ท่านว่านารีทิพย์ละสังขารนาค จิตสุดท้ายอยากออกบวช เพราะเคยจ าแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้ นมาท าบุญ และมากวาด ลานวัดบ่อย จะมาคนเดียว มาตั้งแต่ฟ้าสาง จ าแลงแปลงกาย และแต่งกายคล้ายชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้น เอาผลไม้ เอาข้าว ใส่เต็มกระจาด น ามาถวายพระ และมานั่งฟังพระเทศน์บ่อย หลังจากนั้นก็กลับลงไปวังบาดาลที่อยู่ใกล้ที่วัดแห่งนั้น ที่วัดป่ า แห่งนั้นมีพระภิกษุชรา ๑ รูปและสามเณรอีก ๑ รูป อีกภาพที่ หนีท่านมาบวชชี ปฏิบัติธรรม และนั่งสมาธิในกระท่อม ถ้าเดิน ไปเรื่อยๆ ข้างหน้าเป็นบ่อน ้า น ้าใสฉ ่าเย็น “จิตข้างในตอนนั้นจิตสงบไม่อยากได้ใคร่ดีอะไร มีแต่ ความสุขความสงบ ทรัพย์สินเป็ นของคู่ขนานมานานแล้ว อยาก ร ่าอยากรวย อยากไปท าไม มันหนัก พอวันหนึ่งเราข้ามน ้าข้าม ทะเลต้องเอาออก ต้องไปตัวเปล่าข้างทางมีของกินอยู่ทั่วไป เดิน ไปเก็บกินไป” กัลยณมิตรบอกว่า “ค าพูดเวลาที่คุยกับคุณมันไหล ออกมาจากปาก กลับมาถามอีกก็จ าไม่ได้ เพราะไม่ได้ผ่านสมอง เหมือนต่อตรง ค าที่พูดสื่อออกมา ไม่มีหรอกที่จะมานั่ง ประดิดประดอยค าสวยๆ แบบที่บอกคุณไป” พวกนาคาจะจีบหญิงเก่งพูดภาษาดอกไม้ พูดเพราะ เมืองล่างจะเป็ นแบบนี้ ที่ท่านสื่อความลับ + ความรักที่มีต่อเจ้า
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 78 อยากช่วยเหลือเกื้ อกูล ได้ร่วมสร้างบุญไปด้วยกัน ไม่อยากไป เป็ นเทวดา อยากมาเกิดเป็ นมนุษย์ จะได้มาเจอกัน จะคู่กัน หรือไม่ก็แล้วแต่บุญวาสนา อยากร่วมบุญกับเจ้า ท่านมีข้าทาส บริวารมากมาย แต่มาอยู่ในเมืองมนุ ษย์เหมือนหัวเดียว กระเทียมลีบ มณีใต้น ้าหรือเพชรพญานาคที่ท่านให้เป็ นสีม่วง เข้ม เป็ นสีบารมีท่าน เพชรพญานาคก็ขึ้ นอยู่กับจริต บารมีของ พญานาคแต่ละตน และได้มาจากส่วนไหนของร่างกายพญานาค บางเม็ดพญานาคหวงเลือกให้เฉพาะคนที่มีบุญสัมพันธ์ “สีม่วง ศักด์ิสิทธ์ิประสิทธ์ิสีแห่งมหาบารมีอ านาจ วาสนาของเทพผู้ดูแล และคุ้มครอง สีม่วง เจ้าแห่งพลังอัน ยิ่งใหญ่ เป็ นที่น่าเกรงขามและเกรงใจของฝ่ ายตรงข้ามและเทพ ทั้งหลาย มีพลังแห่งเจ้าเทพสถิตย์ ครอบพลังจักรวาล สีม่วงน่า เกรงขามและป้องกันพวกคุณไสย มนต์ด า เดรัจฉานวิชา สีม่วงนี้ ท่านชอบนัก สีโปรดของเจ้า และสีคู่บารมีของเจ้า สีบารมีของ เจ้าคือสีชมภู นาคเพศเมีย เจ้านาคีแห่งใต้เหล้า ม่วงแล้ว เลิศ ฤทธ์ิลว้นนานาพี่เชิญมา มอบใหน้ ้อง ของพี่เอง”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 79 สีม่วง แบบนี้ ที่พี่ให้ ด้วยดวงใจ คิดใฝ่ หา ให้ด้วยรูป รอยรัก จิตรักพา มอบเสน่หา มาถึงน้อง ยอดดวงใจ ม่วงประกาย สายใยแห่งรัก แสนชมภู ชอบนัก ขอยึด รักตลอดไป รักอมตะ รักไม่โรยรา รักไม่รู้เสื่อมคลาย รักเป็นนิจนิรันดร นคราปาวาฬนะนาคราช
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 80 บทที่ ๖ น้อมกราบบรมครู ครูบาอาจารย์ที่เปิ ดทาง ให้ได้เจอ เวลามีเพียงเล็กน้อย เท่าเมล็ดงา เมื่อหายใจออกมา มีอุปสรรคสุดๆ มาขบถโดยเร็วด่วนๆ หายใจเข้าไม่ได้แน่นหน้าอก หรือ ลมตีข้ึนเบ้ืองสูงแรงกลา้ เหลือวิสัยได้จ าใจมรณา เมตตา กรุณา ถ้าขาดอุเบกขาก็เป็ นทุกข์ ภพภูมินาค มีชื่อที่ครูบาอาจารย์ตั้งให้ นับถือใคร สาย ใคร สีใครหลานปู่ หลานย่าองค์ไหน เมืองพญานาคมีกฎระเบียบ มียศมีต าแหน่งมีสนมบริวาร เมื่อหมดวาระกรรมหรือละสังขาร ก็กลายเป็ นหิน ท่านตามหานารีทิพย์เจอแล้ว ที่แล้วมาก็ให้มัน แล้วไป ท่านชอบวัดวาอาราม ท่านจะเดินตามมนุษย์ท าไม ไม่ใช่ ญาติ ตอนนี้ ท่านอยู่บนเขา จิตผูกติดอยู่กับคู่ของตน สื่อจิตญาณ ผ่านญาณทิพย์กัลยาณมิตรคุยกับนารีทิพย์ จูงจิตไปให้เห็นภาพ “เจ้าฉลาดในทางธรรมใฝ่ ในทางสงบ ทุกภพทุกชาติก็ เป็นแบบนี้ ”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 81 ท่านอยากได้องค์ (อิมซะม่ะ อิมมานะ นะอินะ ปาวาฬ นะ อิเม ซัมซ่ะปะนะอ่ะ) ท าเป็ นหุ่นท่านปาวาฬนะ (คะอิงชะ ม่ะด่ะ) ท่านมีหลายภาค ท่านสามารถจ าแลงแปลงกายเป็นแบบ หล่อ ๆ ได้หมด ท่านดูองอาจทรนงมาก ดูน่าเกรงขามมาก และ มากด้วยอ านาจบารมี “อุตตะระ อุงนะปิ ยัมภะระยัมปราวานะ แต่ต้องถือ ศาสตราวุธด้วย และอีกมือหนึ่งถือลูกแก้ว ศาสตราวุธ คือ คฑา หัวพญานาค ต้องทรงเครื่องผ้านุ่งสีม่วงเท่านั้น” อยากได้หุ่นพญานาคเพื่อมาประดิษฐ์สถาน เพื่อมนุษย์ ในโลกจะได้รู้จัก และจะกล่าวขานพระนามท่านไปตลอด นั้นคือ หนทางเดียวที่ท่านจะร่วมสร้างอานิสงส์เคียงคู่กับนารีทิพย์ การ สร้างทัสสะบารมีใดๆ ท่านก็อยากได้เช่นนั้น เคียงคู่บารมีสร้าง เป็ นหนทางเดียวที่จะเคียงคู่กับนารีทิพย์ไปตลอด จะจรรโลงสืบ สานและปกป้องพระพุทธศาสนา จนกว่าจะถึงยุคแห่งดอกบัว บานของพระศรีอาริยเมตไตรย ตอนอยู่ในถ ้าทิพย์ก็ไม่ได้คุยกัน การเอาศีรษะซบกันเป็ นการแสดงความรัก มีเวลาอยู่ด้วยกัน น้อยด้วยภาระหน้าที่ อยู่ด้วยกัน ๗ วัน ๗ คืน แล้วก็หายไปเป็ น เดือน นารีทิพย์ชอบบ าเพ็ญเพียรอยู่คนเดียว ชอบปลีกวิเวก สุข เฉพาะที่ท่านอยู่ จึงเลือกไปปฏิบัติบ าเพ็ญ มีความสุขที่ถาวรกว่า ที่จะมานั่งรอคอย จิตทิพย์จึงละไปในทางสงบคือทางธรรม ลูกก็ อยู่กับพ่อแม่และพี่เลี้ ยง การแต่งงานเพราะพ่อแม่สัญญากันไว้ ตั้งแต่เกิด แต่งงานเพราะหน้าที่ ท่านรักจริง ทั้งรักและภักดี แต่
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 82 อย่าถามถึงความซื่อสัตย์ ท่านให้ไม่ได้เพราะมันเป็ นภาระหน้าที่ เครื่องบรรณาการ สนมบริวารส่งมาต้องรับ ถ้าไม่รับเหมือนเรา ไม่ให้เกียรติเขา อันว่าพระยา จะมีสาวงามแค่นางเดียวหาไม่ จะปฏิเสธแล้วไซร์ มิเกิดผล ต้องยอมรับ เพราะหน้าที่ในบันดล แต่ดวงใจ นั้นไซร์ได้ยก ให้เพียงแต่นางเดียว ตอนนี้ ยกเลิกระบบแบบนี้ แล้ว ตั้งแต่เจ้าจากมา ท่าน จ าแลงเป็ นมานพน้อยมาขอค าสัตย์จากปากท่านท าผิดที่ดูแล ไม่ได้ท่านไม่รู้หรอกว่าโลกมนุษย์เปลี่ยนแปลงอย่างไร อยู่ใต้ บาดาลตลอด นานๆ ออกมาที ขึ้ นมาเมืองมนุษย์ก็เพื่อตามหา ดวงจิตเจ้า ท่านสายสีแดงสายนักรบ สายศรีสัตตะนาคราช ตระกูลสีแดงเป็ นญาติกันหมด เป็ นไปไม่ได้ที่จะมาเกิดเป็ น มนุษย์ ทุกภพทุกชาติก็เกิดเป็ นพญานาค เกิดเป็ นกษัตริย์ถ้า หายไปใครจะเป็นกษัตริย์ดูแลบ้านเมือง ท่านรักและภักดีมากไม่ งั้นไม่ตามหาหลายภพหลายชาติ “ตามกันมาทุกภพทุกชาติ เจ้าใฝ่ ดีใฝ่ ทางสงบ ท่านมี หน้าที่ดูแลบ้านเมือง”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 83 น้อมกราบหลวงปู่ ที่เป็ นสะพานบุญให้ได้ตามหากันเจอ ท่านจ าแลงแปลงกายมาอยู่ที่วัด แห่งที่เจ้าไปสร้างพญานาค เพราะพี่เลี้ ยงบอกว่าเจ้านางชอบมาที่นี่ มานั่งที่ท่าน ้านี้ ขึ้ นมา ที่นี่ก่อนแล้วหายไป น ้าก็แห้งขอด มันมีสัญญาณบอกก่อนที่จะ หายไป เจ้าจะมีอาการร้อนรุ่มในใจ ท่านเข้าใกล้ไม่ได้ เจ้าร้องไห้ กอดลูกทุกวัน ร้องไห้แต่ไม่พูดอะไร ท่านก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ท าไม หลังจากนั้นก็หายไปในถ ้า พอท่านไปเจออีกครั้งก็กลายเป็ นหิน แล้ว ท่านเสียใจมาก ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน ตอนนี้ ลูกๆ ก็โต เป็ นหนุ่มเป็ นสาวแล้ว ผู้หญิงสายสีแดงฝึกการต่อสู้ กายทิพย์ หน้าตาคล้ายนารีทิพย์ จมูกโด่ง สวยคม นิสัยไม่ค่อยพูด ดูไว้ตัว ชอบการต่อสู้ รบเก่ง ลูกชายอยู่กับปู่ ย่า กายทิพย์เป็ นบุรุษผิว คล ้า หน้าตาหล่อคมเข้ม กายสังขารพญานาคสีแดงปนเขียวมี นิสัยอ่อนโยนเหมือนนารีทิพย์ ดูภูมิฐาน ใจดีสุภาพเรียบร้อย ผู้ชายโตกว่าผู้หญิง ท่านบอกว่าไม่ต้องห่วงทั้งคู่อยู่ในผ้าเหลือง คือ มีครูบาอาจารย์ที่อยู่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัตส์ดูแล ท่านให้พวก เขาเลือกเอง แล้วแต่พวกเขา เพราะก่อนละสังขารท่านก็ได้สั่ง เสียแล้วพูดคุยกันแล้ว ก่อนที่จะละสังขารนาคตามรอยสาย ภูริทัต ตอนที่เจ้าบวชอยู่คนเดียวในป่ า อยู่ในถ ้าและมาปักกรด ที่ภูเขา ทุกคนที่เกี่ยวข้องกันในภพปัจจุบันของเจ้า เคยเอา อาหารมาถวาย ตอนนี้ ถึงเวลาเราต้องดูแลเขา เขาเป็นผู้หญิงแก่ เอาข้าวสาร เอากล้วย เขาแบกกล้วยเป็ นเครือขึ้ นมาให้เจ้า เขา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 84 มาดูแลยามเจ็บยามไข้ มีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน ก่อนสิ้ นก็อยาก ตอบแทนกลุ่มญาติโยม ใจของเขาก็อยากปฏิบัติ แต่เขามีวิบาก กรรม วิบากกรรมของเขาคือ ความอยากมี อยากได้ ต้องเลี้ ยงดู ลูกหลาน ปัจจุบันปู่ มาช่วยคนแก้กรรม เคยสัญญามีเหตุต้องท า ก่อนที่เจ้าจะละสังขารได้ก าหนดจิต ใครที่เคยช่วยแผ่เมตตาจิต ให้เขา “อธิษฐานจิตใครที่ผลักดันข้าพเจ้าข้ามไป จากการเวียน ว่ายตายเกิด ถ้าต้องมาเวียนว่ายตายเกิด จะมาตอบแทน” ภพชาติเป็ นแม่ชี เจ้าบวชตั้งแต่เล็กใส่ชุดขาวนั่งสมาธิ เพราะละจากภพภูมินาคจิตสุดท้ายอยากบวช กายทิพย์นารี ทิพย์ผมยาวใส่ชุดขาว กายทิพย์แม่ชีตัวเล็ก ท่านรอให้เราครบ องค์ ๓ ปัญญาเกิดได้ตระหนักรู้ หมดวาระก็ต้องไป ให้อยู่กับ ปัจจุบัน ช่างที่วาดภาพบอกว่า พลังแรงมาก เลยต้องรีบขึ้ นครู ก่อนที่จะวาด ภาพมีบารมีมาก แต่ก็เศร้ามาก ภาพจะวางตาม ต าแหน่งพลังดีต่อภาพ ภาพบารมีสูงมาก ท่านองค์คู่อยากให้ วาดคู่ ท่านจะได้ลงญาณให้เต็มในพระรูปลักษณ์ท่าน ท่านสื่อ ชัดมาก ว่าต้องวาด
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 85 “พี่มีคุณธรรม พี่จะใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งที่เหมาะสม รู้ คุณค่าของค่าครู เพราะโชควาสนาใหญ่รอพี่อยู่ พี่จึงต้องเปิ ด บารมีพี่มีจิตใจที่มัน่คง และบริสุทธ์ิย่อมสมปรารถนาทุก ประการ พี่อย่าละปฏิบัติ ปฏิบัติให้มากๆ สมาธิพี่เน้นไปทาง เมตตา พี่ท าบุญและสวดมนต์เก่ง แต่ท่านของพี่สูงกว่านั้น ท่าน อยากให้พี่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ค่อยๆ สะสม ท่านฝาก กลอนมาให้” พระนางงาม ตามแล ไม่ห่างเว้น อย่างที่เป็น ตอนชิดพิสมัย ปัจจุบันภพ หลบเร้นให้ห่างไกล จากกันไปแสนนานยังคงรอ.. ท่านว่าภพภูมิทิพย์พูดเพราะ พูดภาษาดอกไม้ ค าพูดก็ เหมือนบทกลอน นิมิตวาด ภาพน้อง และภาพพี่ ดูสวยงาม แลดี หาที่ไหน เราทั้งสอง ประคองรัก ภพชาติใด ภพไหนๆ มีแต่เรา เฝ้าตามเอย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 86 บทท้ายความ ของพี่ ต่อแต่นี้ จะจงรกัภกัด์ิดีมิแปรผนั งามอนงค์ นวยนาถ ในวาดนั้น ขอจอมขวัญ จงไว้ใจ ดวงฤทัยพี่เอย น้อมบูชาในความรักของเหล่าพญานาคราชทั้งหลาย ที่มี ต่อคู่ของตน ไม่ว่าจะอยู่คนละภพละภูมิก็ยังตามหากันจนเจอ เมื่อได้เจอกันแล้วก็สานต่อบุญกุศลไปด้วยกัน จนกว่าสังขารจะ ละไป และหลุดพ้นไปจากวัฏสงสารไปด้วยกัน พ่อแม่ครูบา อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า การหลุดพ้น ไม่ได้ท าให้ความรักหายไป หากมีคู่แท้จะยิ่งรักมากขึ้ นเป็ นความรักความเมตตาต่อกัน เป็ น ความรักที่ไม่มีเสน่หาราคะเจือปน ซึ่งความรู้สึกเสน่หาแบบโลก จะคลายตัวไปเรื่อยๆ จิตมีแต่ความรัก ความเมตตาอยากให้ผู้ที่ รัก พ้นทุกข์ จากคู่เสน่หากลายเป็ นคู่บุญ ความรักไม่ใช่ ความผิด แต่การมีความอาลัยรัก มันเป็ นเครื่องผูกมัดจิตไว้ กับ วัฏสงสาร รักของโลกียะล้วนเป็ นความรักที่เต็มไปด้วยเสน่หา ราคะ คร ่าครวญ โหยหา สุดท้ายจบด้วยการพลัดพรากจากกัน ไม่ว่าจากเป็ นหรือจากตาย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพิ่มความทุกข์ อย่างไม่มีวันสิ้ นสุด คนทั้งโลกถูกมัดไว้ด้วยอารมณ์รัก ไม่ว่าจะ เป็ นรักพ่อรักแม่รักลูกซึ่งมีพลังยึดเหนี่ยวสูงมาก ดังที่เราเคยได้ ยินได้ฟังมา ปู่ ย่าตายายรักลูกรักหลานเอาจิตไปยึดเอาไว้ พอ ตายไปก็มาเกิดใกล้ตระกูลวนเวียนอยู่แบบนี้ เวียนเกิดเวียนตาย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 87 ในโลก ไม่ว่าในอดีตภพหรือปัจจุบันภพ การพบเจอกันนั้น ก็เป็น เรื่องของบุญกรรม สายใยกรรมที่ท าร่วมกันมา เมื่อได้เกิด มาแล้ว เราควรน้อมหลักค าสอนของพระพุทธองค์เป็ นธรรมน า ใจน าทางชีวิต ในการด าเนินชีวิต ขัดเกลากิเลสของตน เพื่อเรา จะได้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม รู้โลกแต่ไม่รู้ธรรมก็วน กลับมาที่เดิมหรือก้าวถอยหลังเพราะรู้โลกศึกษาเพียงด้านเดียว ท าให้เกิดอัตตาสูง ฉะนั้นเราต้องศึกษาทั้งสองด้านให้สมดุลทั้ง ทางโลกและทางธรรมมาปรับใช้ในการด าเนินชีวิต หลวงปู่ สอนว่าเหตุที่คนเราได้มาพบกันในปัจจุบัน ใน อดีตที่ไม่เคย เนื่องถึงกันมานั้นไม่มี อย่างน้อยๆ ต้องมีฐานะใด ฐานะหนึ่ง ที่สืบเนืองถึงกัน อาจจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่ลูกภรรยา หรือไม่ก็ครูบาอาจารย์ ศิษย์หรือเพื่อนฝูงมิตร สหาย จะต้องมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสได้ เจอกัน เหมือนสายบุญ สายเทพ สายปู่ ฤาษี และสายญาณ พญานาค ทุกองค์พญานาคหรือทุกสายญาณ ที่มาเพื่อสร้างบุญ สร้างบารมีในภพภูมิมนุษย์ ถือเป็ นสร้างบุญ สร้างศีล สร้าง ธรรมและปกป้องพุทธศาสนา กัลยาณมิตรที่มาร่วมบุญกันใน แต่ละครั้ง พวกเราอาจจะได้เจอกันมาแล้วในอดีตภพ เมื่อมาเจอ กันอีกครั้งก็เป็ นสะพานสานต่อบุญกุศลกันไป บุญเป็ นเครื่อง กรองกิเลส ที่เต็มอยู่ในจิตใจออกไปเพื่อให้ใจสะอาด ปราศจาก ความรัก โลภ โกรธ หลง บุญเป็ นสิ่งที่ดี ท าลงไป แล้วใจสะอาด จิตใจผ่องใส และเบิกบาน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้สังเกตอย่างนี้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 88 อย่าเอาใจตนเป็ นเครื่องวัด เอาค าสอนของพระพุทธเจ้าเป็ น เครื่องวัด สิ่งใดที่ท าด้วยกายหรือวาจา หรือนึกคิดด้วยใจ ถ้า หากไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น อันนั้นแหละเรียกว่า บุญ หัวใจ ส าคัญของบุญจึงอยู่ที่การลด ละ เลิก กิเลส ตัณหาในใจ ให้ได้ ด้วยปัญญาพินิจพิเคราะห์ เพื่อยังประโยชน์ให้เกิดทั้งใน ใจตน และผู้อื่น หลวงปู่ สอนบุญคือความสุข ท าแล้วทุกข์อย่าท า ณ สถานการณ์ปัจจุบัน เกิดโรคระบาดไปทั่วโลก ทุกคน เผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตกันทุกคน แต่ให้ พวกเรามีสติรู้ในปัจจุบัน อะไรที่มันเกิดขึ้ นเหนือการควบคุม เรา ต้องปรับตัวและเรียนรู้กับวิกฤติปัญหา ท่านให้เราอยู่ในกรอบ แห่งศีล แห่งธรรม สมาธิ และปัญญา ซึ่งกรอบเหล่านี้ จะช่วยเป็น เกราะป้องกันจิตไว้ฝึกฝนจิตไว้ท าความดีเข้าไว้มีอะไรที่เราพอ ช่วยได้ เราก็ช่วยเหลือกันไป การฝึกจิตให้จิตเข้มแข็งท าให้มีภูมิ ต้านทานทางจิตใจ เหมือนมีก าแพงกั้น เจอแรงกระแทกกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้งก็ยังคงมั่นคงแข็งแรง ถ้าจิตใจอ่อนแอคือจิตที่ไม่เข้มแข็ง จิตก็ไม่มีพลังเจอแรงกระแทกจิตนิดหน่อยก็เซก็ส่าย หลวงปู่ มั่น ท่านให้โอวาทธรรมว่า ศีล คือ ยาปราบโรค ศีล คือรั้วกั้นความ เบียดเบียน สมบัติร่างกายจิตใจของกันและกัน ศีลคือพืชพรรณ แห่งความดี อันยอดเยี่ยมที่เราควรมีประจ าชาติมนุษย์ ไม่ปล่อย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 89 ให้สูญหายไป ศีลจึงเปรียบเสมือนยาปราบโรค ทั้งโรคระบาด และเรื้ อรัง ศีลคือ เจตนา คือข้อปฏิบัติตนขั้นพื้ นฐาน ในทาง พุทธศาสนา เพื่อควบคุมความประพฤติทางกาย และวาจาให้ ตั้งอยู่ในความดีงาม ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ในเมื่อศีลคือ เจตนาดี เพราะฉะนั้นคนเราก็ควรที่จะรักษาศีล โดยเริ่มง่ายๆ ที่ ศีล ๕ เมื่อจิตเราครองในในศีลเราก็ไม่เบียดเบียนกันและกัน ตอนนี้ เชื้ อโรคก็เหมือนคลื่นสึนามิ ที่ก าลังม้วนตัว มวล มนุษย์อยู่ใจกลางคลื่น หมุนไปตามแรงคลื่นพัด พัดมาเกยฝั่ง คนที่อยู่พื้ นที่สูงก็ปลอดภัย โรคชนิดมันมากับลม ให้อยู่ในที่ที่ คนไม่หนาแน่น มีอากาศถ่ายเท จุดที่ลมเข้าไม่ถึงมันก็เกิดการ เพาะเชื้ อ เราอย่าไปโทษใคร โรคมันหมุนไปตามลม ปู่ ให้ท าตัว ให้เป็ นเกลือหนัก หรือเกลือเม็ดใหญ่ อย่าเป็ นเกลือเบาหรือ เกลือเม็ดเล็กที่อยู่ในขวด เพราะเวลาเขาเขย่าขวด เกลือเม็ดเล็ก ก็กระเด็นออกมานอกขวด คือพวกที่ตื่นตระหนกจนขาดสติ การ เกิดภัยพิบัติโรคโควิคระบาด ท าให้เราเห็นขาวกับด าชัดเจน จะ ไม่มีเทาอยู่ระหว่างกลาง เห็นจิตยักษ์จิตพญามาร คือ จิตของ คนที่หาผลประโยชน์บนความยากล าบากของคนอื่น กักตุน หน้ากาก กักตุนสินค้าข้าวของอุปโภคบริโภค ไข่ไก่มีราคาแพง อย่างน่าตกใจ กิจการเล็กๆ เหมือนต้นกล้าจะค่อยๆ ปิ ดตัวลง รากแก้วของต้นไม้ใหญ่ ฐานมั่นคงเปรียบเหมือนธุรกิจที่มีสาย ป่ านยาวไกล การท ามาหากินก็มั่นคงได้รับผลกระทบไม่มาก
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 90 มนุษย์ถ้าจิตตกเป็ นจิตที่ไม่มีก าลัง ให้ถ่ายเทกระจาย ทุกข์ พูดหรือระบายออกมา อย่าคิดเผื่ออนาคตมากไปให้อยู่กับ ปัจจุบัน พระสายปฏิบัติท่านคิดไม่เยอะ เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว ส่วนมากก าหนดจิตคุยกัน แต่มนุษย์มักจะมีเงื่อนไขเสมอ ไม่ เข้าใจการใช้ชีวิต ไม่ฝึกจิต จิตเลยไม่มีพลัง เจอแรงกระทบจิต นิดหน่อยก็เซก็ส่าย ก็เหมือนปัญหาที่เกิดขึ้ น บางทีเหมือนเส้น ผมบังภูเขา ถ้าจิตมีก าลังมีสติก ากับเกิดปัญญาตื่นรู้ ก็สามารถ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้ นได้ ท าจิตให้เป็ นไข่เต็มลูก ไม่ใช่โดนัทที่กลวง อยู่ด้านในเป็นลักษณะของจิตตก มันไม่เต็ม ให้นั่งสมาธิเติมเต็ม ไส้ใน เติมฐานจิตให้แน่น ให้มีพลังศรัทธา เมตตาจิต ให้เป็ นไข่ ที่เต็มแล้ว ไม่ว่าเป็ นไข่นกระทา ไข่ไก่ ไข่เป็ ด ไข่ห่าน จิตเติม เต็มจิตมีพลัง การเงินก็เติมเต็ม ครูบาอาจารย์ท่านสอนเสมอ เรื่องจิต ถ้าเอาจิตไป เกี่ยวข้องกับทางโลกมากเกินไป ในบางครั้งก็ลืมตัวไป มีความ ประมาทและขาดสติ หละหลวมกับการประคองจิตให้อยู่ในทาง ธรรม ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปเกินกรรม การฝึกจิตฝึกใจให้อยู่ใน ครรลองครองธรรม และปฏิบัติเข้าถึงตัวถึงตนที่แท้จริงนั่นคือ จิตเราใจของเรานั่นแหละ ไม่ต้องไปฝึกตามใคร ท าตามใคร หรอก ฟังได้แต่ต้องฟังแบบมีองค์สติ องค์รอบรู้ แต่การฝึกฝนที่ แท้จริง ต้องน้อมน าเอาค าสอนจากพุทธโอวาทมาน้อมน า ใน การลงมือท าเอง ปฏิบัติเองเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่า เราเชื่อและ มีพลังศรัทธาในหลักธรรมค าสั่งสอน ของพระพุทธองค์
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 91 ปู่ สอนว่าอย่าหลงในจิตตน จิตมนุษย์มี ๓ ระดับ จิตจาก กายหยาบ จิตจากจิตอันเป็ นทิพย์ และจิตมโน วิบากกรรมให้ อ านาจเหนือจิตมนุษย์ คือคนที่แยกความผิดชอบ ชั่วดีไม่ได้ เหมือนขนมชั้น มี ๓ ชั้น กายจิตสะสมมาจากความคิด พลังจาก จิต จิตกายหยาบ จิตเป็ นทิพย์มีพลังจิตเป็ นแสง เป็ นจิตดี อธิษฐานจิตต่อตรงครูบาอาจารย์ จิตบอกความฝัน จิตซ้อนจิต จิตใต้ส านึกที่เราฝัน จิตขาว เทา ด า จิตหยาบมาจากกิเลสพอก จนหนา ต้องขัดเกลา จิตดีสวรรค์ผ่านง่าย มโนจิตก็คืออีโก้ แยก จิตเป็ น ๓ ชั้น จิตที่เกิดการเลี้ ยงดูจากธรรมชาติ กายเนื้ อ ปัจจุบันของเรา อย่างเราอยู่วัดไหนไม่สบาย สุดท้ายของดีก็อยู่ที่ บ้าน กลับมาหาของเดิมคือกลับมาดูจิตมาข้างในจิตตน เพราะ ที่ผ่านมา วนเวียนวิ่งไล่จับกิเลส ต้องเดินทางสายกลาง บางคน หลงพระ หลงบุญเนื้ อหอม วิ่งตามเจริญในบุญ บางคนก็ไม่เติม บุญกลับเบิกบุญเก่ามาใช้จนเกลี้ ยง ธาตุไฟเข้าแทรกถูกกิเลส ลากจูงไปจิตก็ตก เหมือนคนนั่งอยู่ในเรือ แล้ววิดน ้าออก จนน ้า แห้ง จนกระทั่งเราเหนื่อยและหิวน ้า แล้วจะหาน ้าที่ไหนมาดื่ม กิน เททิ้ งจนหมดเหลือหยดสุดท้าย มองซ้าย มองขวา มองหา น ้าบ่อหน้า เหลือน ้าปริมอก แต่วิดทิ้ งจนเกลี้ ยง เบิกบุญเก่ามา ใช้หมด บุญใหม่ก็ไม่สร้าง ถ้าเราอยู่ในอุโมงค์แล้วจะเอาน ้าที่ ไหนดื่มกิน คนเราท าอะไร ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดต้องเติมบุญ ไปเรื่อยๆ เพื่อเป็ นเสบียงบุญในการเดินทางอันยาวไกลใน วัฏสงสาร
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 92 มนุษย์ให้รู้จักกรรม กรรมคือการกระท า รู้ผิด รู้ชอบ ด้วย ตัวเอง เป็ นมนุ ษย์ต้องสร้างปัจจัย ๔ ด้วยตนเอง ให้หัด เปรียบเทียบในทางธรรม เช่นในเรื่องทัศนคติ พระบางรูปอยู่วัด เดียวกัน ทัศนคติไม่เหมือนกันก็มี มนุ ษย์ที่ยังมีกิเลสก็ เหมือนกัน ย่อมมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ให้กลับมาดูจิตของ ตนเอง ให้ละความเป็นตัวเราของเรา ละสิ่งสมมุติต่างๆ แล้วเรา จะไม่ทุกข์ โลกมนุษย์มีทุนชีวิตมาจากอดีตที่เคยท าเอาไว้ คือ บุญกุศลที่เคยท าเอาไว้ ที่ตามติดเราไปทุกภพทุกชาติ ชาติภพ ไม่เกี่ยวเพราะกรรมจ าแนกสัตว์ให้แตกต่างกัน ปัจจุบันให้เริ่มต้นใหม่ อดีตมันผ่านไปแล้ว มันจะเกิด อะไรในปัจจุบัน ก็ก าหนดจิตให้รู้เท่าทัน วิบากกรรมต่างๆ ไม่ เอาจิตไปจับ วางจิต เดินตามทางจิต จิตข้างใน คือ ตาที่สาม ตา ที่ตื่นรู้ ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจักระทั้ง ๗ เปิ ดหมด จักระคือการ เชื่อมต่อบุคคลกับพลังงานจักรวาล ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติ มาก จิตเปิ ดหมด อย่างมนุษย์เราไม่เปิดก็บวม เพราะหมักหมม ไปด้วย โมหะจริตที่ไม่ได้ระบายออก การระบายออก คือ การแผ่ เมตตา พูดออกมาแต่ต้องกลั่นกรองในค าพูด พระปฏิบัติท่าน ปิดวาจาไม่พูด เพราะท่านหวังมรรคผล นิโรช ได้สร้างบุญ อย่า มีค าถามกับชีวิตมาก รู้แจ้ง รู้ผิด รู้ชอบ มนุษย์อยู่เหนือวงโคจร อยู่ภายใต้เวลา กฎแรงดึงดูด ศูนย์กลางจักรวาล พลังมิติ แต่ละ คนมีพลังจักรวาลไม่เท่ากัน อยู่ที่ฐานบุญ การกระท า ที่มองเห็น และมองไม่เห็น วาสนาบารมีไม่เท่ากัน จึงมองเห็นไม่เหมือนกัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 93 ศาสนาพุทธมีค าสอนเป็ นสากล นอกกรอบของศาสนาคือ ผล การกระท า โลกคือคนหมู่มากที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ให้เราเน้นไป สร้างพลังงานด้านบวก คือบุญกุศลความดี ใช้จิตคิดแต่สิ่งดีๆ ไม่เอาความทุกข์เข้ามา มีทัศนคติที่ดีต่อการกระท าต่างๆ ท า อะไร ถ้าตั้งใจไว้แล้ว คิดดีแล้ว ท าแล้วตนเองไม่เดือดร้อน คน อื่นไม่เดือนร้อนให้ท าไปเลย ท าไปปราศจากเงื่อนไขหรือ ข้อจ ากัด เหมือนเราจะนั่งสมาธิปักหลักนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น แต่บางคนเงื่อนไขเยอะ ติโน่นตินี้ เงื่อนไขเยอะไปจนเกิดความ กลัวเลยไม่ได้เริ่มอะไรสักที บุญเป็นพลังงานบวก พลังงานดีพลังงานที่บริสุทธ์ิคือ พลังธรรมะ พลังจิตวิญญาณเริ่มแข็งแสดงว่าเดินมาถูกทางแล้ว อะไรที่หนักแบกไว้ก็ทุกข์ วางลงก็เบา บางคนเข้าใจ รู้วิธีปฏิบัติ แบบไหน ปฏิบัติเป็ นเข้าในศาสตร์แห่งความอุดมจิตวิญญาณ การเงินการทอง หลุดพ้นจากทุกข์ ตอบแทนในการเงินการทอง จิตวิญญาณที่ฝึกมาดีสิ่งดี ๆ ที่เราสื่อสารออกไป ศรัทธาด้วย ความเต็มใจ จะให้คุณ พลังงานจะพัฒนาขึ้ น เป็ นก าลังสร้าง ความอุดมสมบูรณ์ จะดึงดูดพร ต่างๆ ไม่รู้จบ ด้วยพลังงานแห่ง ความดี ให้พูดดี คิดดี ท าดี เกิดรังสีบวก พลังงานบวก เพราะคน ที่มีพลังบวกมากจะมีแต่ความเย็นที่แผ่ออกมา คนอยู่ใกล้ก็เย็น อกเย็นใจ ไปที่ไหนมีแต่สิ่งดีๆ รองรับ ถ้าเขาไม่สามารถติดต่อ หาคนช่วยได้ ก็มีสิ่งที่เกิดขึ้ นอย่างอัศจรรย์ที่เรียกว่าธรรมะ จัดสรร แต่ถ้าคิดลบ พูดลบ รังสีก็ติดลบ พลังลบเกิดแรงผลักดัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 94 ไม่ให้เป็ นจริง ความคิดคือสิ่งที่มองไม่เห็น แต่การกระท าเรา สามารถมองเห็นได้ จึงต้องมีสติก ากับ การที่จะท าอะไรที่เป็ นสิ่ง ถูกต้องก็ท าให้เต็มที่ จะเป็ นวิธีแก้จิตข้างใน ยอมรับแบบยิ้ มสู้ อย่าฝืน หรือไม่ได้ยิ้ มสู้แต่น้อมรับ พลังด้านมืด พลังติดลบ เพราะมนุษย์ที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมมีพลังติดลบ แต่ค่อยๆ ฝึกจิต ขัดเกลา บาปความไม่ดีเป็ นพลังลบให้เบาบาง คนที่ยึดติดอะไร มากๆ จะแก่เร็ว ไม่มีคนช่วย แต่คนที่บรรลุ แล้วปล่อยวาง วาง ทุกอย่าง วางวัย คนที่ปฏิบัติสงบภายใน ดูใบหน้าอ่อนวัย เพราะ มีความสุขภายในมันส่งผลร่างกายภายนอก ช่วงที่เกิดภัยวิกฤติปัญหาต่างๆ ท่านให้ถือโอกาสนี้ เป็ น ช่วงฝึกจิต ถ้าไปไหนไม่ได้ก็ท าบ้านให้เป็ นวัด บวชจิตอยู่ที่บ้าน เพราะทุกคนได้รับผลกระทบเหมือน ก็ให้คิดว่า เรามีอาชีพขุด เผือก ขุดมันกิน ได้เก็บกินในระหว่างทาง มันงอกเงยขึ้นมาทีหัว สองหัว ก็อยู่เลี้ ยงชีพไปได้ เราไม่ใช่พวกที่มีต้นส้มที่ปลูกไว้เป็ น สวน ที่พอมันออกลูกก็ได้เก็บกินผลผลิต แต่พอเกิดโรคในสวน หรือว่าน ้าท่วม ต้นส้มตายหมด กว่าฟื้ นฟูเริ่มต้นปลูกต้นมาใหม่ ก็ใช้เวลานาน สวนส้มเปรียบเหมือนอาชีพธุรกิจที่มีกิจการ ใหญ่ๆ ที่มีลูกจ้างเป็นจ านวนมากอาชีพแบบนี้ จะฟื้ นยาก กว่าจะ ฟื้ นได้ก็ต้องลงทุนใหม่อีกครั้ง ก็ใช้เวลานาน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 95 บทที่ ๗ เมื่อบุญสัมพันธ์ธรรมะจัดสรร สาธุจงจดจ า ค าพี่ไว้ เจ้าจะอยู่ภพใด ให้นึกถึง พระน้องนาง กัลยาแก้ว โปรดค านึง ให้ระลึกถึงพี่ จักดีใจ หากแม้นว่า ฟ้าล่มสลาย ไม่คลายรัก จักถนอม เฝ้าฟอมฟัก ไม่จากหาย จักคอยเฝ้า ติดตาม หาทรามวัย จะไม่ให้ ร้างไกลใจ ไปนิรันดร์ ธรรมะจากภพภูมิทิพย์ ขอน้อมน าค าสอน พระสัมมาสัม พุทธเจ้า ที่ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ เปิ ดเผยไว้แล้ว อนึ่ง อัน ว่า ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็ นต้น เหล่านี้ไม่ใช่เป็ นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย เรื่องทุกข์จิต ทุกข์ใจ นานา อเนกเพิ่มเข้าอีกเล่า ก็ ยิ่งเป็ นเรื่องใหญ่โตขึ้ นอีก หาประมาณไม่ได้เมื่อยังไม่มีญาณ อัน ถ่องแท้ว่า พ้นทุกข์ในสงสาร จะส าคัญตัวว่า เป็ นสุขสักเพียงใดก็ ตาม ก็เป็นเรื่องโกหกพกลม ท่านอยากเดินตามรอยเท้า องค์พระสัมมา อยากอยู่อีก โลก การเวียนว่ายคือความไม่จริง เจอแต่กิเลส ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มาเยอะ พอแล้ว อยากสงบ หากันเจอแล้วไม่ต้องเดินต่อ ที่ผ่าน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 96 มาตามหาอยู่สองคนให้เป็ นสะพานบุญ เพื่อสื่อสารกับท่านได้ ตอนนี้ ได้เจอแล้ว เข้าใจกุศโลบายที่ให้น ารูปปั้นเทพนาคาไว้ที่สูง บนเขา พอมองโลกแล้วล้วนเป็ นโลกสมมุติ ท่านอยู่ใกล้ พระพุทธเจ้า ดวงตาเห็นธรรมแล้ว อยากบ าเพ็ญ รักผูกพันมาก แค่ไหน สุดท้ายก็อยู่โดดเดี่ยว เกิดมาคนเดียวพอตายก็ไปคน เดียวไม่มีใครตามไปด้วยได้ เดินเข้าถ ้าขอบ าเพ็ญเพียรเห็นแสง ธรรมแล้ว เพราะวุ่นวาย ไม่ท าก็ไม่หลุด พอเห็นแสงพระธรรม ขององค์พระสัมมาก็ละสังขารนาค ภพภูมิพญานาคก็เป็ นโลกียสัตว์ ที่ยังติดอยู่ในกิเลสของ ความหลง ติดอยู่ในสุขนิยม เลยถูกความหลงครอบครองจิตใจ ได้เห็นแสงธรรมของพระพุทธองค์เกิดปัญญาแห่งการตื่นรู้ เลย ต้องหาทางดับความหลง ค่อยๆ ดับความหลง ไล่ความมืดมัว ออกไป เพิ่มความสว่างให้มากขึ้ น ความมืดสลัวก็หายไปเอง เพราะฉะนั้นจึงจ าเป็ นต้องรู้ธรรมชาติ รู้นิสัย รู้อุบายของตัวหลง แต่ถ้าเราไม่รู้ธรรมชาติ ไม่รู้นิสัย ไม่รู้อุบาย เราก็อาจ จะโดนตัว หลงเล่นงาน ส่วนตัวรู้ที่เป็ นของเก่าก็หดหายไป เพราะถูกตัว หลงเข้ามาครอบง า มันคอยชักน าอกุศลธรรมให้มาครอบง าใจ เรา เกิดความโกรธ ความเศร้า มันครอบง าใจ นาคจึงเข้า บ าเพ็ญตบะ เพียรละความหลงเพื่อที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ “พญานาคมีอิทธิฤทธ์ิมาก” พญานาคมีฤทธ์ิมากก็จริง แต่บวชไม่ได้พน้ทุกขไ์ม่ได้ไม่ เหมือนมนุษย์ มนุษย์สร้างบุญใหญ่ก็ได้ไปสวรรค์ชั้นสูง ไปแดน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 97 นิพพานได้ แสนประเสริฐยิ่งนัก การได้เกิดเป็ นมนุษย์นั่นโชคดี ที่สุดแล้ว แต่ก็มีมนุษย์มากมายหลายท่านที่ไม่รู้ว่าตนนั้นโชค ดี ปู่ บอกว่าการบ าเพ็ญเพียรในนาคพิภพ ถือประทีปโคมไฟเดิน จงกรม ก่อนที่เข้าฌานสมาธิ เวลาหลับตาต้องส ารวมจิตไว้ใน ลูกแก้วทิพย์ประจ าตัว เดินจงกรมมีโคมประทีปน าทาง น้อมจิต ถึงพระพุทธองค์เป็ นการต่อประทีป ระยะเวลาในการบ าเพ็ญ เพียร แล้วแต่จะก าหนดจิต คนที่บ าเพ็ญจะรู้สึกไม่นาน แต่คนที่ รอจะรู้สึกนานมาก สายนารีทิพย์ไม่เดินแต่จะนั่งบ าเพ็ญเพียร จิตมุ่งมั่นตั้งแต่ต้นเพื่อบ าเพ็ญญาณสมาบัติ นาคบางตนเข้า บ าเพ็ญญาณเพื่อรักษาโรค รักษาความเจ็บปวด นาคบางเหล่าก็ รักษาญาณสมาบัติเพื่อแก้กรรมถ้านิมิตเห็นกรรม เหล่านาคจะ บ าเพ็ญเพียรในคืนวันเพ็ญ หรือวันพระในเมืองมนุษย์ ภพภูมิ ท่านก าหนดตามดอกบัว ตามพระจันทร์ ปู่ เป็ นคนก าหนดระบุ วัน ว่าจะท าอะไรกี่โมงกี่ยาม พิธีกรรม กรรมฐาน ภพภูมิทิพย์มี พลังจิตสูง มีจิตอันเป็ นทิพย์ ส่งกระแสจิตถึงกันเหมือนคลื่น กระแสพลังงานเดียว ถ้าอีกสามวันถึงเวลาทุกคนก็แต่งตัวนุ่งขาว ไปรอ “ภพภูมินาคก็เหมือนภพภูมิมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์” นาคบางเผ่าก็กินเนื้ อ เข้าฌาณบ าเพ็ญเพื่อสะกดความ อยาก นาคก็เป็ นสัตว์โลกธรรม ที่ยังมีรัก โกรธ หลงอยู่ งาน หลักคือ การบ าเพ็ญเพียร แล้วแต่บ้านที่บ าเพ็ญ เขาจะรู้ด้วย วาระกรรม พญานาคมีกิเลสจะดับได้ง่ายกว่ามนุษย์ นาคแต่ละ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 98 ตนมีฌานสมาธิไม่เท่ากัน ขึ้ นอยู่กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ชอบ แสวงหาความสงบด้วยตัวเอง เพราะถือว่า ตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน ถ้านาคตนไหนท าผิดก็ร้อนถึงครูบาอาจารย์ปู่ จะมาสอนเอง แต่ ไม่ได้จับมือสอนแบบมนุษย์ นาคทุกตนรู้ได้เอง ส านึกได้เอง มนุษย์เมื่อถึงอายุครบเกณฑ์ก็เข้าโรงเรียน ภพภูมินาคก็ เช่นกัน นาคเมื่อถึงอายุครบก าหนดก็จะเข้าบ าเพ็ญ พออายุเจ็ด ปี ตามภพมนุษย์แต่อายุนาคต่างกัน ปู่ ก็จะมาแนะแนวทาง มีครู บาอาจารย์ช่วยเหลือ เพราะตอนที่เกิดองค์ปู่ ที่เป็ นต้นสายหรือ ต้นตระกูลจะลงรับเด็กคนนี้ เป็ นลูกศิษย์ ท่านรับเป็ นพระ อาจารย์ หรือเวลามีลูก ครูบาอาจารย์ก็องค์เดียวกับพ่อแม่ มา สั่งสอน มาดูแล เป็ นสายสัมพันธ์ ท่านจะตามไปดู เวลาคลอด ลูกปู่ จะมาหาบริวารที่เกิดใหม่ มาเยี่ยมเยียนมาดูแลว่าให้ท า อะไร เป็ นการเชื่อมจิตสู่จิตกับปู่ นาคอายุน้อยตบะอ่อนต้อง ส่งไปโรงเรียน “ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ความอดทน คือ ความทนทาน เป็นตบะอย่างยิ่ง” ขันตะคือความอดทน พอเราได้ฝึกฝนบ่อยๆ เข้า เกิด เป็ นตบะ การบ าเพ็ญตบะการท าความเพียรเผาผลาญกิเลส ก าจัดเผาผลาญอกุศลวิตก ทุกชนิดให้ร้อน ทนเกาะอยู่ไม่ได้ คน ที่จะฝึกได้ดีได้ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งเพิ่มตบะให้ มากขึ้ น เพราะใช้ปัญญาความตรึกที่เป็ นบาปอกุศลเป็ นหลัก ต้องใช้ ความเพียร ขันติความอดทน ศีลเพื่อการรักษากาย วาจา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 99 อุโบสถกรรม เป็ นการรักษาอุโบสถศีลเป็ นการประพฤติปฏิบัติ ธรรมตบะ ตบะธรรมชนะกิเลสรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และ ธรรมารมณ์ ล้วนเป็นเหยื่อล่ออันร้ายกาจ สัตว์โลกต่างก็หมกมุ่น อยู่ในอารมณ์เหล่านี้ การที่เราจะด ารงชีวิตอยู่ด้วยความดีได้ อย่างมั่นคง โดยไม่เผลอไปท าความชั่วนั้น จ าเป็ นต้องมีตบะ ธรรม เพราะตบะ คือ คุณธรรมเผาผลาญกิเลสที่เร่าร้อน จนกระทั่งหลุดร่อนออกจากใจ พระศาสดาแสดงไว้ดีแล้ว ว่าสิ่งที่มีเกิด ก็ต้องมีดับ การ ไปยึดกับสิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน สั่งไม่ได้ ก็ย่อมให้ผลเป็ น ทุกข์ เพราะไม่มีตัวตนให้ยึดไว้จึงเรียกอีกอย่างว่า หลงเข้าไปยึด หรือ ยึดไว้เพราะความหลง การละความหลง กระท าได้โดยการ อบรม จิตด้วยความรู้ตัว เริ่มที่การท าความรู้จักกับจิต ค้นหาจิต ผู้รู้ให้เจอ โดยการพิจารณาการรับรู้ทั้งทางกาย การรับรู้ ความคิด การรับรู้เวทนา ทั้งหมดไปสิ้ นสุดที่ไหน เมื่อจับเอาจิต ผู้รู้ได้แล้ว ก็เพียงเฝ้ารู้ตัวจิตผู้รู้นี้ ไปเรื่อยๆ ความเห็น ความรู้ เกี่ยวกับจิตก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้ นไปตามล าดับพร้อมๆ กับความหลง ที่ค่อยๆ ลดลง เข้าใจได้ว่าความหลงเกิดอย่างไร น าไปสู่ทุกข์ได้ อย่างไร ความรู้ดับความหลงได้อย่างไร ดับความทุกข์ได้อย่างไร การให้ทานเป็ นประจ า เป็ นการเผาผลาญความโลภให้หมดไป ท าให้ใจเราขยายกว้างขวาง เป็ นอิสระจากความตระหนี่ หรือ เมื่อเราแผ่เมตตาเป็ นปกตินิสัย ก็จะมีเดชเผาผลาญความ พยาบาทออกไป ท าให้ใจเราเย็นสบาย หรือการปฏิบัติธรรม ท า