ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 150 “อิสะรัง การันนิ สรัมมะ อินาตริ ตรัมตินินารีทิพย์เยอ ... นารีทิพย์ท าความดีเป็นนิจ” “เยอจ้านเยอตร้า ดีที่สุด” “ปิ ติอีติย้าเย๊อ ยาเย๊อสะน่ะ ปิ ติดีใจมากมายเหลือเกิน แล้ว” “มนุษย์สะอ้านส่ะ ลีซ่ะประน้านน่ะอิ สะอาดทั้งใจทั้งกาย เรียบร้อยเจ้าระเบียบการตลอด” “สะพรัมมะ ตะเอ่ะน่ะ เมืองทิพย์ส่ะเด่ะอินาลิซ่ะประ น้านน่ะอิ ว่าอยู่เมืองทิพย์ก็เป็ นแบบนี้ เจ้าคนนายคน เจ้า ระเบียบเช่นเคย” “ชื้ นซ่ะเด๊ะ ชื่นชมๆ” จิตสงบ ใจสบาย กายก็ดี หามีที่เปรียบได้ในสังขาร ถ้าจิตเรา มีธรรม น าชื่นใจ หาที่อื่น นั้นมีไม่ ใจมีธรรม จ าไว้เถิด เชื่อไว้เถิด ในธรรมนั้น น้อมปฏิบัติ มั่นในบุญ ไม่ศูนย์กุศล น้อมนบน า ในทั่วจักรวาลดล ขอเยินยลนบในธรรม ตามค าสอนพระศาสดา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 151 ความทุกข์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตมนุษย์ การแก้ไขหรือขจัด ทุกข์ต้องหาสาเหตุแห่งทุกข์ หรือสมุทัยพิจารณาเหตุแห่งทุกข์ บางคนทุกข์เพราะความจน ความเจ็บป่ วย ความไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า ตัณหา เป็ นเหตุเกิดทุกข์ และท าให้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ตัณหาได้ชื่อว่าเป็ นเหตุแห่งทุกข์ ก าหนัด ยินดี ปรารถนา รัก ใคร่ ตัณหา หรือความทะยานอยากนี้ ไม่มีที่สิ้ นสุด ไม่อาจ ตอบสนองให้เต็มอิ่มได้เหมือนมหาสมุทรที่ไม่อิ่มน ้า เติมน ้าลง ไปเท่าไรก็ไม่เต็ม ตัณหาท าให้จิตใจเพลิดเพลินหลงยินดีใน อารมณ์ต่างๆ ลุ่มหลงในรูป ได้ยินเสียง ลิ้ มรส การสูดดม จับ ต้อง ดิ้ นรนแสวงหามาครอบครอง จากสิ่งที่มีแล้วได้แล้ว ไปสู่สิ่ง ที่ยังไม่มีไม่ได้ไม่จบไม่สิ้ น เมื่อเพลิดเพลินลุ่มหลงมากๆ ก็ติดใจ กลายเป็ นความยึดมั่นถือมั่นว่า เราต้องได้ ต้องเป็ นของเรา จะ พรากจากเราไม่ได้ ท าให้เกิดความทุกข์ตามมา พระพุทธองค์ ท่านจึงเปรียบเหมือนดังลูกศรเสียบแทงใจ ไม่สามารถดึงออกได้ ง่ายต้องทนเจ็บ อาการปางตายทุกคน ธรรมะของพระพุทธองค์ สอนให้เข้าใจสัจจะความจริง ท าให้เกิดปัญญาตื่นรู้ในจิตใจ ถอน ตัณหาออกจากจิตใจ พระไตรปิ ฏกเปรียบตัณหาเป็ นดังข่ายปก คลุมสัตว์โลกไม่ให้ล่วงพ้นอบายไป “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงตัณหาเช่นดังข่าย ท่องเที่ยวไป แผ่ซ่านไป เกาะเกี่ยวอยู่ในอารมณ์ต่างๆ เป็ น เครื่องปกคลุมหุ้มห่อสัตว์โลกนี้ เหมือนนุงเหมือนกลุ่มด้ายอันยุ่ง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 152 เหยิง ขอดเป็ นปมเป็ นเหมือนหญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง ไม่ให้ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาตและสงสารไปได้” กามตัณหา คือความกระหาย ดิ้ นรน ทะยานอยาก เพลิดเพลินในกามคุณอยากได้ สัตว์ บุคคล สิ่งของต่างๆ มา สนองความต้องการ ทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย อยากเห็นรูปงาม ๆ อยากได้ยินเสียงเพราะๆ อยากได้กลิ่นหอม อยากลิ้ มรส อร่อย อยากสัมผัสสิ่งอ่อนนุ่ม คืออยากได้สิ่งนั้นมาสนองความ ต้องการของประสาทสัมผัสทั้ง ๕ โดยก าหนดรู้ว่า รูปสวย กลิ่น หอม เสียงไพเราะ เป็นความน่ารักใคร่ น่าพอใจ น่าปรารถนา จิตสงบ ใจสบาย กายก็ดี หามีที่เปรียบได้ ในสังขาร ถ้าจิตเรา มีธรรม น าชื่นใจ หาที่อื่น นั้นมีไม่ ใจมีธรรม จิตมีธรรม น้อมนบน า ท าแต่บุญ ไม่หมกมุ่น ครุ่นคิด ชนิดไหน จิตอิ่มบุญ เกิดปิติ ทุกทีไป บุญ-ทาน นั้นไซส์ น้อมนบน า แต่ท าบุญ “ท่านมาประสิทธ์ิคอยดูแลและช้ีทาง”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 153 พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า นักบวช ฤาษีหรือ ที่ ปฏิบัติได้ฌานในระดับหนึ่งแล้วมรณภาพไป โดยที่ยังไม่หลุดพ้น ฌานนั้นจะติดมาในภพปัจจุบัน “นารีทิพยก์ ็มีเยอะ แต่ไม่เอาอิทธิฤทธ์ิเอาบุญฤทธ์ิ” ปู่ บอกว่าผู้มีจิตบริสุทธ์ิในธรรม ฝันเป็นปริศนาธรรม เวลานอนหลับ จิตจะออกไปท่องเที่ยวตามวาระบุญ หรือบาป ของตน คิดดี พูดดี ท าดี จิตมีแต่พรหมวิหารสี่ตลอดเวลา ไม่ เบียดเบียนผู้ใด จิตไม่ปรุงแต่งตามอุปกิเลสของความชั่ว จิตเกิด เบิกบาน เกิดปิ ติ ส านึกในคุณความดีทุกประการ ก็จักเป็ นแบบ นี้ แหละ แม่ชี พระภิกษุ นั่นคือผู้บ าเพ็ญ และละแล้วแห่งการ ครองเรือน ละโลภ โกรธ หลง ละทางโลก หันเข้าทางธรรม เพื่อ ความหลุดพ้น ฝั นแบบนี้ ดี ไม่ต้องสงสัยเลย ทุกอย่างมี ความหมายหมด ถึงกิเลส ตัวตัณหา นั้นพาทุกข์ จิตวุ่นวก มีแต่ทุกข์ สนุกไฉน ข้ามอุปกิเลส กองทุกข์ ให้พ้นไป หนีให้ไกล อ านาจทุกข์ จะสุขเอย สุขแบบไหน ถึงว่าสุข ข้ามกองทุกข์ หนีให้พ้น ภพทั้งสาม จะรื่นเริง สมดั่งหมาย นั้นคลายตาม สู่แดน พระนิพพาน ตามกาลเอย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 154 บางคนทุกข์เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง ปู่ ให้เริ่มต้นใหม่ เปลี่ยนสถานะใหม่ จากเจ้าของกิจการ เป็นพนักงานหรือเปลี่ยน อาชีพ สามีภรรยาบางคู่ ถ้าไปกันไม่ได้ก็เปลี่ยนสถานะเป็ น เพื่อนเป็ นพี่เป็ นน้อง ทางเดินเก่ามันตันก็เปลี่ยนเส้นทางใหม่ ไม่มีใครตายเพราะโควิคแล้ว ตายตามกันไม่มีแล้ว ฝึกจิตเอาไว้ ให้มีตบะความอดทนต่อทุกข์ เจอบททดสอบ ใหม่ๆ ตลอดเวลา ให้เอาจิตไปคิดบริกรรมพุท-โธ ไปยึดมั่นถือมั่นท าไม บางคน ไม่ถอนหรือไม่ละไม่วางยังไม่พอ ปักไปใหม่อีก ให้ปรับตัว ถ้ามัน เลวร้ายก็ให้บังคับถอน ให้กินแต่พออิ่ม ทุกข์แต่พอดี แต่บางคน กินจนอ้วก หมายถึงทุกข์จนทนไม่ไหว เพราะทุกข์จนเกิดอนุสัย ความเคยชิน บางคนชินกับการพูดโดยไม่คิด ท่านให้บวชจิต แล้วปิ ดวาจา ยิ่งพูดยิ่งก่อวิบาก เอาธรรมะเข้าข่มไฟก็เย็นลง พอ ไฟเย็นก็รู้เหตุรู้ผลแล้ว บางคนจิตมโนสร้างโลกอีกใบ สร้าง ตุ๊กตาขึ้ นมาตัวหนึ่ง มีสามี ภรรยา หรือแฟนให้อยู่กับเรา ให้รู้สึก มีความสุข ท าไมใช้ชีวิตเหมือนตุ๊กตา อยู่แบบสุขปนทุกข์ท าไม แค่หาปมปัญหาให้เจอ แล้วแก้ปมคือให้ปัญหาได้รับการ แก้ปัญหา เจ้าของปัญหาต้องยอมรับสภาพความเป็ นจริง ร้อน เย็นไม่โต้ตอบ บางคนติดอยู่ความสุขชั่วคราว ไม่ฝึกจิต จึงได้รับ ความเดือดร้อน ส่งแต่ใจปล่อยจิตตัวเองไปตามยถากรรม สุดแต่ กิเลสจะจูงไป ไม่เคยได้อดทนต่อทุกขเวทนา ไม่อดกลั้น ปล่อย ใจไป ทุกข์ก็ยิ่งติดตาม ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เพราะหลงสุขเวทนา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 155 ส่งใจไปฟากฟ้าแดนดินใดก็มีทุกข์ติดตามไป ให้เผชิญหน้ากับ ทุกข์ ให้รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ตรงไหนเพ่งมันลงไปจิตรับรู้ “รอยพับบนกระดาษ” การพับกระดาษตามยาว รอยพับก็ยาว พับซ้อนกัน หลายๆ พับเส้นรอยพับมันก็สั้น เส้นรอยพับยาวเปรียบระยะทาง ห่างไกลเป็ นโยชน์ จิตมนุษย์คิดว่าไกล เพราะใช้จิตท างาน คน โบราณไม่ได้วางแผน ใช้เงาสะท้อนพระอาทิตย์บอกเวลา วันนี้ มี แรงก็ท าไป จิตก็จดจ่อปักหมุดอยู่ในสิ่งที่ก าลังท าอยู่ สุดท้ายมัน ก็เสร็จเอง ปัจจุบันแกนโลกมันเอียง คนดีเป็ นคนเลว คนสร้าง ภาพเป็ นคนดี การท าความดีเหมือนรอยพับกระดาษที่เป็ นเส้น ยาวใช้เวลานานเห็นผลช้า แต่คนสมัยนี้ ท าอะไรมักอยากเห็นผล เร็ว โดยไม่เลือกวิธีเหมือนรอยพับหลายพับซ้อนทับกันไปมาเส้น มันก็สั้น รอยพับคือกิเลส ยิ่งซ้อนทับกันมากเข้า รอยพับก็ยิ่งสั้น กิเลสก็ยิ่งเยอะ เพราะเอาความอยากน า สมัยโบราณตัวกรรมตัว ใหญ่มาก คนก็กลัวกรรม ถ้าจิตตกให้นั่งสมาธิ หรือคิดกุศโล บายสอนตัวเองว่า เราเดินอยู่ในวงกลม นั่งบนดอกบัว คิดแค่ รัศมีแสงส่องในครอบแก้ว กระจายเป็ นวงกว้าง ใช้ชีวิตคิด เหมือนจิตครอบแก้ว ถ้าจิตส่งออกมาก พลังงานชีวิตเหนื่อยจิต จะตายดับ จิตครอบแก้ว คือตัวเราอยู่กับวงกลม ถ้ามองไปไกล จิตจะเพ้อเจ้อ มองที่จุดสปอร์ตไลท์ส่องอยู่ แค่เดินให้รู้ เจอ ดอกไม้ก็เก็บดอกไม้ คิดแต่พอดี ไม่คิดเผื่อ กินเผื่อ ขี้ เผื่อ คือคิด ในวงกลมอยู่กับปัจจุบัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 156 ถ้าฝึกจิตให้มีก าลัง จิตจะควบคุมร่างกายกับความคิดน าได้ จิตก็ ส่งออกยาก ให้ฝึกฝนต่อไป ชีวิตต้องด าเนินต่อไปเดินไปข้างหน้า การหลงทางก็เปรียบเหมือนการใช้ชีวิต จิตหลงอยู่กับความไม่รู้ เมื่อใจอ่อนแอ ก็แพ้กิเลส การภาวนาท าให้จิตมีก าลังเข้มแข็ง เพราะมันสงบอยู่นาน คนเราได้พักผ่อนเพียงพอ ร่างกายก็ แข็งแรงท างานอะไรก็ได้ จิตใจของเราก็เช่นกันได้พักก็มีก าลัง เข้มแข็งขึ้ น พอใจเข้มแข็งก็เผชิญหน้ากับกิเลส ความวิบัติ แปรปรวนต่างๆ อย่างมีสติและเข้าใจ ถ้าจิตไม่เข้มแข็งก็ติด ความสุขชั่วคราว ส่งแต่ใจปล่อยจิตตัวเองไปตามยถากรรม สุดแต่กิเลสจะจูงไป ไม่เคยได้อดทนต่อทุกขเวทนา เพราะแต่ติด สุขเวทนา ไม่อดกลั้น ปล่อยใจไป ทุกข์ก็ยิ่งติดตาม ทุกข์ตรงไหน เพ่งมันลงไป จิตรับรู้สัมผัสอารมณ์ในความพอใจ ไม่พอใจ เตือน ตัวเองไม่ให้อ่อนไปตามอารมณ์ ใจกับจิตอันเดียว ใจน้อมจิตก็ ปรุง ตาเห็นรูปเกิดวิตก ก็เกิดขึ้ นในใจ พอจิตเราได้พิจารณา เห็นความไม่เที่ยง จิตก็ไม่ปรุง ให้พิจารณาชีวิตที่มีข้อแม้เยอะ เพราะเอาความคิดน า กิเลสเกาะหนา เพราะไม่ปฏิบัติจิต จิตกับ ความคิดแยกไม่ออก บางคนก็ส าคัญตัวผิด เพราะเอาความคิด น าทาง เอาจิตเอาใจส่งออก เสียใจเกิดจากกิเลสโมหะ โทสะ อยู่ ท่ามกลางไฟสองกอง ความสัมพันธ์เกิดการล ้าเส้น แล้วได้สติ ท าให้ไม่มีตัวตนซะ คือละตัวตน เราก็จะเย็นลงใจสงบลง “ท่านหาช่องจูนกับเราได้ เจอคลื่นความถี่ปรับจูนหา คลื่น”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 157 ท่านบอกว่างานไหว้เทวสถานบวงสรวงพญานาคถึงแล้ว เข้าบ าเพ็ญเพียรแล้ว ถึงล่วงหน้าก่อนภพภูมิมนุษย์ ๗ หรือ ๑๐ วัน ช่วงเวลาเข้าพรรษาถึงเร็วกว่า เทศกาลก าหนดก่อน มนุษย์ ปฏิบัติตามหลัง วันของภพภูมิท่านคลาดเคลื่อนไม่เหมือนภพ ภูมิมนุษย์ จะก าหนดตามดอกบัว ตามพระจันทร์ ปู่ เป็ นคน ก าหนดระบุวัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 158 บทที่ ๑๔ กฐินสามัคคีเป็ นการต่อบุญเป็ นเหมือน สายน้า ไหล จิตสงบ ใจสบาย กายก็ดี หามีที่เปรียบได้ในสังขาร ถ้าจิตเรา มีธรรม น าชื่นใจ หาที่อื่น น้ันมีไม่ ใจมีธรรม จา ไว้เถิด เชื่อไว้เถิด ในธรรมน้ัน น้อมปฏิบัติ มั ่นในบุญ ไม่ศูนย์กุศล น้อมนบน า ในทั ่วจักรวาลดล ขอเยินยลนบในธรรม ตามค าสอนพระศาสดา การฝึกจิตใหเ้ป็นบุญกุศล เพื่อใหเ้ขา้ถึง ความบริสุทธ์ิ แห่งองค์ความรู้ บุญ หมายถึง ความผ่องแผ้วแห่งสิ่งที่เรียกว่า จิต ที่เกิดขึ้ น ตั้งขึ้ นแต่ละดวง ก่อนที่มันจะดับลง หรือความ สะอาด ความสุข กุศลเกิดจากความฉลาดในการท าบุญ บรมครู สอนว่า บุญคือความดี ความสบายใจ บุญเป็ นธาตุวิเศษอย่าง หนึ่งซึ่งเมื่อเกิดขึ้ นเเล้วจะท าให้ใจตัวเองสะอาด บริสุทธ์ิเเละ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 159 ผ่องใส เมื่อใจของเราสะอาด บริสุทธ์ิผ่องใสด้วยอ านาจของบุญ จะมีพลังในการดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา เหมือนเเม่เหล็ก คนที่มีบุญ ก็เช่นกันย่อมมีอานุภาพไปดูดเอาสิ่งดีๆ เข้ามา ถ้าฐานบุญแน่น มีบุญเก่าเยอะ พอมาเกิดก็จะถูกดูดให้ไปอยู่กับพ่อเเม่ที่ดีอยู่ใน ศีลในธรรม เป็นคนดีญาติพี่น้องดี สิ่งเเวดล้อมดี เเละเกิดในยุค สมัยที่ดีแล้วแต่บุญกรรมที่ท ามา บุญกรรม หมายถึง การท าบุญ การกระท าอันเป็ นไปเพื่อความดี บุญนั้นเกิดจากการท าดีสาม อย่างคือ ทาน ศีล ภาวนา บุญจากการทอดกฐิน ถือเป็ นบุญใหญ่ที่มีอานิสงส์มาก เป็ นอย่างยิ่ง เพราะเป็ นบุญที่ท าได้ยากและมีข้อจ ากัดหลาย ประการ การท าบุญทอดกฐินนั้น เป็นการท าบุญตามพุทธ ประสงค์ คือ ท าบุญอย่างผู้รู้ ที่เข้าใจคุณค่า และ ความหมาย ของบุญที่กระท า บุคคลใดตั้งใจทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง การ ท าบุญ จะเป็ นเงินก็ตาม จะเป็ นของก็ตาม ถือว่า ทุกอย่างเป็ น อานิสงส์กฐิน ในฐานะที่เป็ นเจ้าภาพกฐินก็ดี หรือ เป็ นบริวาร กฐินก็ดี แต่ถ้าเป็ นกฐินสามัคคี หมายความว่า ทุกคนจะเป็ น เจ้าภาพเหมือนกันหมด จะท าบุญน้อย จะท าบุญมาก มีอานิสงส์ เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน การท าบุญถวายผ้ากฐินหรือที่เรียกกันติดปากว่า ทอดกฐิน ก็คือการทอดหรือวางผ้าลงไปแล้วกล่าวค าถวายใน ท่ามกลางสงฆ์ และต้องท าในเวลาที่ก าหนด ๑ เดือน ถ้าท าก่อน หรือหลังไม่ถือว่าเป็นกฐิน กฐิน คือชื่อของผ้า ที่ถวายแก่สงฆ์เพื่อ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 160 ท าจีวรตามแบบหรือกรอบไม้ บุญกิริยา และสังฆกรรม การ ท าบุญถวายผ้ากฐินเพื่อให้สงฆ์ท าเป็ นจีวร ซึ่งต้องเป็นพระสงฆ์ผู้ จ าพรรษาอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งครบ ๓ เดือน ทั้งนี้ เพื่อสงเคราะห์ผู้ ประพฤติชอบให้มีผ้านุ่งหรือผ้าใหม่ผลัดเปลี่ยนของเก่าที่จะขาด หรือช ารุด การบอกบุญ เป็ นการต่อบุญเหมือนชาชัก โยมลูกมีน ้ามี แหล่งน ้า มีมือสองมือ ต่อมือไปทอดๆ ปลายทางคืออะไร การ ตื่นรู้และหลุดพ้นวัฏสงสาร น ้าคือองค์ความรู้ ปลายทางทุกคนมี น ้าในมือ ถ่ายทอดและเติมไปเรื่อย ๆ องค์ความรู้ที่หลั่งไหลให้ มนุษย์ไม่มีที่สิ้ นสุด หมุนเวียนไปเรื่อยๆ พระท่านที่หลุดพ้นท่าน ก าหนดจิตนิ่งแล้ว จิตหลุดจากวงโคจรหรือวัฏสงสาร ทุกข์จาก วัฏฏะของเรา เราต้องดับทุกข์ด้วยสติ ตื่นรู้แล้วปล่อยทุกอย่างให้ เป็นอัตโนมัติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ฐานจิตต้องแน่น จริตการ ภาวนาของข้าพเจ้าคือ การสวดมนต์ ปู่ บอกว่าการสวดมนต์นั้น ถือได้ว่าเป็ นการท าสมาธิแบบเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง และสมาธิ จากการสวดมนต์นี้ ก็จะเป็ นพื้ นฐานในการท าสมาธิแบบอื่น ๆ และในขั้นสูงต่อไป จนไปถึงขั้นสูงสุดของการภาวนาคือการ เจริญปัญญา หรือวิปัสสนาภาวนาต่อไป การสวดมนต์ภาวนา ท าสมาธิ พิจารณาธรรม จะท าให้จิตมีพลัง มีสติ มีปัญญาที่ ถูกต้อง รู้เท่าทันต่อปัญหาที่เกิดขึ้ น พร้อมที่จะจัดการดูแลแก้ไข ชีวิตของตนได้อย่างเรียบร้อย อันจะน าไปสู่ความสุข ความ เจริญรุ่งเรืองในชีวิต
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 161 การมักน้อย เพราะต้องการให้กิเลสน้อยบางลง มักน้อย ในปัจจัย เครื่องแต่งองค์ ประหยัด ประมาณการใช้ ให้เหมาะกับ ฐานะ รายได้ จ าเป็ นจึงใช้ มันจะท าให้ตัณหาเบาบาง สันโดษ รู้จักยินดีพอใช้กับสมบัติ ที่แสวงหามาได้ ไม่น้อยเนื้ อต ่าใจมี เท่าไรก็พอใจ ถือสันโดษ มีสันโดษ ความอยากที่เกินขอบเขตจะ เบาบางลง “เกิดภพไหน ชาติไหนเจ้าก็ฉลาดแบบนี้ ” ฉลาดทางจิตยกระดับจิต น้อมน าค าสอนของพระพุทธองค์ เดิน ตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีกุศโลบายในการเดินจิต เดินใจ กระแสจิตเราไปสายไหน กระแสจิตไปทางสายกรรมฐานก็ดึง กระแสธรรมที่เป็ นกระแสเดียวกัน ปู่ บอกว่ากระแสเดียวกัน เชื่อมจิตสอนกันได้ง่าย แต่ต้องมีบุญเก่าของเราด้วย ให้มุ่งมั่น และศรัทธา ศรัทธาท าให้เกิดปาฏิหาริย์ มีตรรกะมากไปในชีวิต ก็ใช้ชีวิตล าบาก พญานาคนอกจากจะสร้างอาณาจักรสร้าง อาณาเขตของตนเอง แล้วยังชอบสร้างบุญบารมี ชอบคนสวด มนต์นั่งสมาธิภาวนาอีกด้วย คนที่รวยจากพญานาคต้องมีบุญ ของตนเองมาก่อนจึงจะเบิกทรัพย์พญานาคได้ สิ่งส าคัญที่สุด ต้องมีสัจจะวาจา การมีบุญของเราต้องมาสร้างบารมีมาสร้าง บุญมาก่อน เหมือนเราเก็บเงินไว้ในธนาคารบุญ งานที่คุณท า ใช้บุญเก่าหรือเปล่า หรือสร้างวิบากกรรมเพิ่มขึ้ นมาใหม่ หรือสิ่ง ที่ท ามาท าลายบุญเก่า ท่านให้มีสัมมาอาชีวะเลี้ ยงชีวิตด้วยการ ไม่เบียดเบียนใคร และเป็ นการท ามาหาเลี้ ยงชีพที่สร้างบุญ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 162 บารมีก็สามารถพลิกฟ้าพลิกดินได้ บางคนที่บุญเก่าก็ไม่มี บุญ ใหม่ก็ไม่เติม บุญตนเองไม่พอเบิกของเก่ามาใช้จนเกลี้ ยง ขอได้ แต่ต้องชดใช้หนี้ กรรม ได้เงินมาเป็ นปัญหา พญานาคสายสีขาว สายโพธิสัตว์ ขอแล้วได้ท่านช่วยทุกคนแต่ไม่ล่วงกรรม สีทอง เตรียมปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นสร้างบารมีทนุบ ารุงศาสนา สายสี ด าสายถ ้าเฝ้าสมบัติ ขอแล้วให้ง่าย สายสีเขียวแสดงถึงความ อุดมสมบูรณ์ พญานาคใช้เวลาบ าเพ็ญเพียรนานกว่าจะสร้าง บารมีให้เต็ม แต่คนเอาไปท าชั่ว ไม่ท าตามสัจจะวาจา จะส่งผล สะท้อนกลับต่อผู้นั้นเองเพราะกรรมคือการกระท า การสร้างบุญสร้างกุศลทะนุบ ารุงพุทธศาสนา สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างวิหารต่างๆ สร้างไปเลย สร้างแล้วปล่อย อย่า ไปยึด ความดีเรามีอยู่จิต สร้างความดีอะไรก็ไหลเข้าสู่จิต เรามา สร้างบารมี เงินก็วิ่งตามเราเอง การยึดมั่นถือมั่นก่อให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ ไม่ยึดไม่มีเชื้ อ ถ้าจิตไม่มีเชื้ อเหล่านี้ จิตก็ว่าง เพ่ง เพื่อความหลุดพ้น ปล่อยวาง ภูมิจิตภูมิธรรมพ่อแม่ครูบา อาจารย์ท่านสูงมาก ปริศนาธรรมที่ท่านสอนลึกซึ้ งเกิน สติปัญญาของปุถุชนที่ยังมีกิเลสหนาอยู่จะเข้าใจ “พัดลมถูกไฟไหม้ครึ่งหนึ่ง โชคดีมากที่ถอดปลั๊กออกทัน ไม่ให้มันลามไปไหม้ถึงพื้ นข้างล่าง” วัดเปรียบเหมือนพัดลม ไฟ คือกิเลสมนุษย์ที่รุ่มร้อน พัด ให้เย็นลง เมื่อเราได้มาอยู่ในวัด เรารู้สึกเย็นกายเย็นใจ แต่กิเลส ของคนก็ลามมาถึงวัดวาอารามไม่กลัวบาปกลัวกรรม ปู่ ท่าน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 163 สอนเป็ นปริศนาธรรม พัดลมเอาลมมาพัดความร้อนให้เย็นลง ท่านให้มองกิเลสมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พัดลมหมุนไปด้าน เดียวเหมือนวัฏจักร ห้ามไม่ได้ฝืนไม่ได้ ต้องถอดปลั๊กทิ้ งเท่านั้น จึงจะหยุดมันได้ ตัดเชื้ อไฟ ดับเชื้ อไฟราคะ โทสะ โมหะ ไฟไหม้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกินก าลัง เกินธรรมชาติ เกินการ ควบคุม โครงสร้างมันเพี้ ยน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีคนมาท าลาย ถอดปลั๊กหยุดสร้างความฟุ่ มเฟือย ถ้าปล่อยไว้ไหม้หมด กฐินใน ปัจจุบันท าตามประเพณี เป็ นวงโคจร ได้กฐินมาก็บ ารุงวัดวา อาราม บ ารุงศาสนา เหนือธรรมชาติมีการสมโภชมีมหรสพ ต่างๆ เผาสถานที่คือการท าลายความสงบของวัด ไฟลามคือ ความผิดธรรมชาติ เขตวัดเป็ นเขตอภัยทาน หรือเป็ นที่สงวนไว้ เข้ามาท าอะไร เอากิเลสเผาได้ครั้งเดียว เห็นแล้วผิดปกติ ถอด ปลั๊กคือ หยุด ต้นกฐิน คือต้นบุญที่งอกเงยออกมา สมัยก่อนเอาผ้ายาว ไปผูกไว้ที่ต้นไม้ เป็ นผ้ายาวๆ ต้นกฐินคือต้นไม้ที่มีผ้าผืนยาว เมื่อเราเอามือไปจับ ได้พลังบุญจากต้นถ่ายทอดมาถึงเรา ต้นไม้ ที่แห้งแล้ง เราเอาผ้าไปผูกพยุงต้นให้งอกงาม ต้นไม้ที่แห้งแล้ง เปรียบวัดที่ขาดแคลนไม่ค่อยมีปัจจัยทางโลก พอเราเอาผ้าไปผูก ส่งต่อพลังก็ได้ปัจจัยมาบ ารุงวัด บ ารุงศาสนาพยุงให้ต้นไม้นั้น เจริญขึ้ นมาอีกครั้ง การสานต่อบุญกุศลเป็ นสิ่งที่ดี บางครั้ง มนุษย์เราสร้างโบสถ์วิหารท าคนเดียวไม่ได้จึงต้องสานบุญต่อๆ กันไป แต่ถ้าบุคคลผู้นั้นมีบุญเก่าติดตามมามาก มีความพร้อม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 164 เกิดมามีชาติตระกูลดี ฐานะดี สติปัญญาดี รูปร่างหน้าตาดีมี โอกาสท าความดีได้ง่ายกว่าคนอื่น อีกทั้งได้ท าความดีเพิ่มอีกใน ภพชาติปัจจุบันเป็ นการต่อแต้มบุญ แต่คนที่ได้เกิดมาเป็ น มนุษย์มีบุญเก่าไม่เท่ากัน เราก็บอกบุญให้พวกเขาได้มีโอกาส สานบุญไปด้วยกัน การสานบุญก็เหมือนการจุดเทียนให้ความ สว่าง เรามีเทียนอยู่เล่มหนึ่ง คนอื่นมาจุดเทียนต่อจากเทียนเรา เทียนหลายๆ เล่ม ท าให้ก็ความสว่างมากขึ้ น “ฝอยขัดหม้อสีเขียว ตกลงไปในหม้อแกง” ฝอยขัดหม้อเป็ นอุปกรณ์ส าคัญอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการ ขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนภาชนะถ้วยชาม อุปกรณ์ เครื่องครัวต่าง ๆ ให้สามารถขจัดคราบเปื้ อนนั้นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากคราบสกปรกบางอย่างไม่สามารถล้างได้ด้วยมือ เปล่าๆ กิเลสของมนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน ต้องขัดถูและล้างทุกๆ วัน เพราะถ้ากิเลสเกาะหนาเป็ นหินจะล้างออกยาก ต้องอาศัย ความเพียรพยายามอย่างมาก ต้องขัดต้องเกลา “ฝอยขัดหม้อสี เขียว ตกลงไปในแกง” ปู่ สอนว่าจิตศรัทธามีอุปสรรค สติปัญญา เรากรองได้ว่า กินได้หรือ กินไม่ได้ เจตนาตั้งต้นดีเป็ นบุญเป็ น กุศล เจตนาตั้งต้นไม่ดี ของไม่มีประโยชน์ ดูภายนอกเราไม่รู้ หรอกว่าข้างในจิตผ่องแผ้วแค่ไหน ในย่ามหรือกระเป๋ ามีอะไรอยู่ เราไม่รู้ เปรียบเหมือน กองตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตรวจคน เข้าเมือง คนที่ผ่านเข้ามาในประเทศแต่งตัวดี ดูดีก็ให้ผ่านเข้าไป ทุกอย่างมีขั้นมีตอน ตรวจสอบแยกแยะ ความละเอียดความ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 165 หยาบ คนเดียวที่รู้คือตัวเราเอง พิสูจน์ได้ที่จิต ผลผลิต คือแกง จิตคือตัวรู้ เป็ นการชิมรสชาติ ถ้าเจอคนจริตหยาบ ไม่ต้องไป อธิบาย เราไม่มีหน้าที่เดินไปสอนเขา ถ้าคนที่จริตตรงกันกับเรา เขาจะเดินเข้ามาหาเราเอง แกงหนึ่งหม้อ คือ กฐิน เม็ดเงินหรือปัจจัยทางโลกก็มา จากศรัทธาของแต่ละคนที่ร่วมบุญ แต่ละคนมีศรัทธาและเจตนา ไม่เท่ากัน ถ้าการกระท าหรือค าพูดของเขา ที่เขาไม่ได้เจตนา เราก็หยิบออกไม่ต้องเอาไปคิด ไม่ต้องใส่ใจ พื้ นฐานธรรมะของ พระพุทธองค์ คือ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท าบุญแล้ว ทุกข์อย่าท า โยมลูกขยันขัดแต่ต้องดูหม้อด้วย ดูที่เจตนา เจตนา ดี คือ กฐินที่เราตั้งใจท าแกงถวายพระ พระท่านฉันได้ หม้อที่มี แกง แล้วบังเอิญฝอยขัดหม้อตกลงไป คนนี้ จิตตั้งต้นไม่ผ่านจริต หยาบ คนแบบนี้ยิ่งกว่าบัวใต้ตม ไม่ได้ควักอะไรเลยแต่อยากได้ ท่านให้เลือกท า เต็มใจท า เราไม่เดือดร้อน ปกติขัดหม้อไม่มี แกงเป็ นหม้อเปล่าหม้อด าๆ ผิดตรงที่มีแกงอยู่ในหม้อ ขัดไม่ได้ ขัดให้ตายก็ขัดไม่ออก ถ้าขัดแล้วมันเลอะก็วาง ทุกอย่างอยู่ที่ เจตนา บางคนเจตนาดี แต่พฤติกรรมการแสดงออกไม่ดี ก็ให้ อภัย แต่ถ้าเราได้ตั้งใจพร้อมการปฏิบัติไปด้วย เราขัดหม้อ สะอาดแล้วก็จบ ยุคนี้ เป็ นยุคกรองคนเทกระจาด คัดกรองคน ทราย ละเอียดทรายหยาบ ทรายละเอียดไม่คิดมาก รอด ตกตะกอน ทางจิตแยกดีแยกชั่วได้ เราอยู่กับโลกที่วุ่นวายต้องได้เจอทุกข์
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 166 บ้างเป็ นธรรมดา แต่ถ้าผู้มีธรรมในใจย่อมไม่บอบช ้ามาก บุญ บาปอยู่ที่จิต ทรายหยาบก็ถูกคัดออกไปเททิ้ ง เราไม่ขัดเกลาให้ คนอื่น ใครจะเดินกับเราก็ยืนมือมาแตะ พิสูจน์ศรัทธาอยู่ที่ ปาฏิหาริย์ ท่านให้จิตมุ่งมั่น เดินทางสายธรรม “แม่ลูกนั่งข้างๆ กองฟืนที่สุมไฟร้อน” ไฟคือกิเลส โลภะ โมหะ โทสะ เขาก็ยังย่างใจตัวเองอยู่อย่างนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันร้อน แต่ก็ไม่ลุกไปไหน อยู่กับทุกข์จนชิน ปู่ บอกว่า ทางที่มันตันให้เปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ บางครั้งเราไปในทางที่ มันไม่คุ้ยเคยบ้าง หินมันกระเด็นมาใส่ เราก็ให้จดจ าไว้ เพราะ ถ้าเดินบนเส้นทางเดิมนานๆ เป็ นสิบๆ ปี ศัตรูรู้ทันมันก็ดักท า ร้าย หรือเจ้ากรรมนายเวรตามเจอ เขาเดินเส้นทางเดิมมานาน โดนลอบยิงก็หลบไม่ทันต้องบาดเจ็บ คนเรามีเส้นทางให้เลือก เดินหลายทาง ต้องปรับเวลา ปรับสภาพ ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ปากยงัสามารถทา ความดีไดอ้ยู่สิ่งศกัด์ิท่านไม่ปล่อยใหต้ายง่าย หรอก ท่านผ่านปากให้ไปสอนคนอื่น ตอนนี้ กัลยาณมิตรบอกว่า ได้กลิ่นหอม รู้สึกเบาสบาย คนที่จริตจิตมันล็อค จิตข้างในมันขึ้ นสนิม เหมือนมีหีบ หนึ่งใบเอากุญแจมาไข เอาอะไรมาแงะออก ฟันมันยังไงก็ไม่ ออก มันเปิ ดไม่ได้ ท่านให้ยกหีบออกไปเลย อย่ามัวแต่ไปยึดติด เก็บหีบเก่าเอาไว้จนด า จนมันขึ้ นสนิม ข้างในหีบใส่อะไรลงไป บ้างก็ไม่รู้มันหนัก แบกไว้ไม่ไหว อยากไปหาคนมาช่วยเปิ ด ท าไม ยกมันออกไปมันก็ง่าย เหมือนช้างตัวเล็กๆ มีโซ่ล่ามไว้ก็
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 167 กลัวโซ่ ไม่กล้าไปไหน แต่พอช้างตัวโตมีก าลังเยอะ แค่กระชาก โซ่ทิ้ งก็เป็นอิสระได้ เหมือนจิตที่มีพลังก้าวออกมาจากความกลัว ได้ การเดินทางธรรมชาติ คนที่เดินไปในทางเดิมๆ เจ้ากรรม นายเวรก็ตามมาเจอ ให้เดินเส้นทางใหม่บ้าง เหมือนภูมิเจ้าที่ อยู่บ้านหลังนี้ เป็นสิบๆ ปี ได้กินแต่ซาลาเปาก็เบื่อซาลาเปา ย้าย ที่อยู่ไปหาที่อยู่ใหม่ ฉันใดก็ฉันนั้น วันนี้ เรามีฝุ่ นผง เราก็ปัดก็ถู ขัดถูปัดกวาดทุกวันมันก็สะอาดเอง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 168 บทที่ ๑๕ จิตร่มเย็นเมื่อมีวิหารจิตวิหารใจ อันโรคภัยท้ังไทย นานาชาติ จักอุบาทเกิดเปลี่ยนเวียนในคน ให้ทุกผู้ทุกนามสร้างกุศล เกิดมงคลจักอยู่รอดและปลอดภัย มนุษย์ที่เกิดมามีชีวิตในโลกย่อมบาดเจ็บล้มตาย มันก็ ย่อมเป็ นไปในทางโลก ในช่วงนี้ เหมือนโลกมนุษย์ถูกลูกอุกา บาตชน หรือเหมือนถูกขวานจาม ย่อมมีคนรอดหรือไม่รอด รอดคือรอดจากอุปสรรคปัญหาในปัจจุบัน หรือถ้าไม่รอดก็ แล้วแต่ว่าคนจะมอง บางคนก็ปรับตัวได้ การบาดเจ็บย่อมมีกัน ทุกคน ขึ้ นอยู่ว่าบาดเจ็บมากหรือบาดเจ็บน้อย บางคนก็เดิน ต่อไปได้เพราะบาดแผลหายไว บางคนก็เดินต่อไปไม่ไหว เพราะ พลังเยียวยาหมดไป คือหมดใจที่จะไปต่อ ช่วงโรคระบาดมนุษย์เหมือนถูกคลื่นสึนามิพัด ธุรกิจ ต่างๆ ก็เหมือนกัน เปรียบเหมือนเราขึ้ นเรือส าเภา ไปในกลาง ทะเล ธุรกิจใหม่ที่ก าลังท าอยู่เหมือนเรือกระดาษ มันยังไม่ มั่นคง ให้ล้างใจ หยุดคิดถึงอดีต ปล่อยวางอนาคต อยู่กับ ปัจจุบันอย่างมีสติ พอเรามีสติจะเห็นปัญหา และจะเห็นทางออก
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 169 ใช้สติปัญญาแก้ปัญหา ขอให้เชื่อมั่นศรัทธาในตัวเอง ท าให้เต็มที่ แบบไม่คาดหวัง เพราะถ้าเราคาดหวังแล้วไม่ได้อย่างที่หวังก็ เป็ นทุกข์ท าให้หมดใจ คิดว่าตนเองเจอทางตัน แต่ถ้าเราท า เต็มที่โดยไม่คาดหวัง ท าจนสุดใจแล้ว ผลที่ได้จะเป็ นยังไงก็ช่าง เพราะเราท าสุดๆ แล้ว ใจเราก็โล่ง โปร่ง เบาสบาย ใจใส ก็ เหมือนน ้าใสสามารถมองเห็นอะไรที่อยู่ใต้น ้า พอใจเราเบา สบาย เราก็มองเห็นปัญหา และแก้ไขได้ตรงจุด เพราะพลัง ศรัทธาบ าเพ็ญเพียรหรือความอดทนแบบไม่มีเงื่อนไข ก็จะได้รับ สิ่งตอบแทนแบบไม่มีเงื่อนไขเช่นเดียวกัน ต้องเข้าใจสัจธรรม ของโลก เพราะทุกอย่างล้วนเกิดขึ้ น ตั้งอยู่แล้วดับไป มีฟ้ามืดฉัน ใด ย่อมมีฟ้ าสว่างฉันนั้ น การเกิดขึ้ นไม่ยากแต่การ ประคับประคองไม่ให้ตายนั้นยาก “คนตกหลุมขี้ โคลน เห็นแต่ลูกกะตา” การตกในหลุมแห่งความทุกข์ ปล่อยให้กิเลสห่อหุ้ม บุญน้อย ใจ ไม่ดีไม่หนักแน่น ลอยไปตามกระแสโลกที่มากระทบ เพราะจิต ไม่หนักแน่น จึงไหลไปตามกิเลส ฝึกจิตให้เข้มแข็ง ตั้งมั่น เอา ปัญญาน า เห็นก็สักแต่เห็น ดีไม่ยึด ไม่ยึดถือดีทางโลก เกิดแล้ว ยึดถือไว้ให้เป็ นทุกข์ท าไม กดทับความทุกข์เอาไว้ ต้องระเบิด ออกมา เพราะถ้าจิตตก ก็เปไปเปมาไม่มีสติปัญญาแยกแยะ บางคนทุกข์แล้วบวช ผ้าเหลืองบังหมด เขาได้บุญในรูปลักษณ์ เป็ นพระ สวดมนต์ก็อัญเชิญพระมาสวด ตัวเองแค่ห่มผ้าเหลือง การบวชพระนั้นเวลาบวชมีชื่อใหม่ ในการบวชเหมือนได้เป็ นคน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 170 ใหม่ ได้เกิดใหม่ในร่มกาสาวพัสตร์ แต่จิตมีอัตตาหรืออีโก้เหนือ มนุษย์ แกะออกไม่ได้ แถมยังควบแน่นเข้าไปอีก บางคนเคยเก่ง อยู่ในจุดสูงสุดมาก่อน เอากิเลสน าทางกระตือรือร้นเกินไป ห่ม ผ้าเหลืองแต่กิเลสยังไม่ลด กิเลสแรงนิวรณ์มีกี่อย่างเหมาหมด ปฏิบัติแล้วต้องเบา แบบนี้ บวชก็ช่วยไม่ได้ต้องไปหาจิตแพทย์ เล่าให้ฟังคือการถ่ายออก คนที่มีทุกข์แล้วกระจายทุกข์ เจ็บปวดก็ประกาศให้คนอื่น รู้ ความเจ็บปวด ตีโพยตีพายในสิ่งที่คุณเป็ นท าให้คนอื่นเห็น ถ้า เรานิ่งอยู่คนเดียวคนอื่นไม่รู้ ท าให้คนอื่นทุกข์ตามเรา เหมือน คนลงเรือล าเดียวกัน เวลาทุกข์ก็ต้องทุกข์ด้วยกันเวลาสุขก็สุข ด้วยกัน การส่งออกความทุกข์แต่ไม่หายทุกข์กลับท าให้อีกคน ทุกข์ด้วย การเล่าให้คนอื่นฟังเป็ นการโยนทุกข์ เช่น เรากินอะไร อร่อยติดปาก ตักให้คนอื่นกินด้วย คนอื่นก็อร่อยด้วย เพราะเรา จ ารสชาติได้ติดปาก ทุกข์สามต่อให้สามคนทุกข์ เช่น เรามีทุกข์ แล้วดีดออกไปให้เพื่อน แต่เพื่อนดีดกลับ เราดีดไปมือขวาเขาดีด กลับมามือซ้าย ก็เหมือนการย ้าทุกข์ก็ทุกข์เพิ่มอีกสองเท่า กระจายทุกข์ได้แต่อย่าดราม่าหรือมากเกินงาม การโมโห ถึงขีดสุด ก็กระจายทุกข์โมโหคนที่ท าให้เราไม่พอใจ ก็หาเพื่อน มาร่วมเป็ นพรรคเป็ นพวก หรือแนวร่วม แต่ไม่มองความเป็ น จริง มีทุกข์ก็ต่อทุกข์ พอถูกดีดกลับมาทุกข์หนักกว่าเดิม การ ไม่ดราม่าคือ เจอน ้าท่วมใช้ชีวิตล าบาก ต้องการกระจายทุกข์ให้ ออกมาให้ชาวโลกรับรู้ ถ้าเก็บเอาไว้คนเดียวก็เป็ นโรคซึมเศร้า
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 171 ระบายได้แต่อย่าดราม่าเพราะเป็ นทุกข์สองกอง หนักแล้วยังย ้า ทุกข์เข้าไปอีก จิตมนุษย์ชอบย ้าคิดย ้าท า พูดไปหนึ่งครั้งก็วงกลม ไว้ พูดอีกก็วงกลมอีก พูดอีกก็วงกลมอีก จนวงกลมขยายใหญ่ เท่าลูกปิงปองแล้วใครเป็ นคนแบก ก็เรานั่นแหละเป็ นคนแบก เหมือนการกระจายบุญก็คล้ายกันแต่มันเบาสบาย เราอาศัยโลก ได้ แต่ต้องไม่ติดในโลก “คนเดินคอตก” ช่วงวิกฤติโรคระบาดธุรกิจต่างๆ เปรียบเหมือนเรือส าเภาลอย ไปในทะเล เจอคลื่นความแปรปรวน ธุรกิจขนาดใหญ่เหมือนเรือ ล าใหญ่ ไม่มีโอกาสล่ม แต่ธุรกิจขนาดเล็กเหมือนเรือล าเล็ก ต้องช่วยกันประคับประคอง มันก็ผ่านไปได้ หลายธุรกิจต้อง ประคองตัวให้ธุรกิจอยู่รอด มีการปลดพนักงานออก แต่ก็ยังให้ เงินชดเชยแก่พนักงาน นั่นเป็ นเสมือนห่วงยางที่ช่วยพยุง พนักงานเหล่านั้นประคองตน และครอบครัวของพวกเขาให้รอด กลางทะเล แต่บางธุรกิจให้คนออกโดยไม่บอกล่วงหน้าแถมยัง ไม่ให้เงินชดเชย พอมาสถานการณ์ที่ค่อยๆ ดีขึ้ น หลายๆ ธุรกิจ กลับฟื้ นตัวขึ้ นมาใหม่ ก็เรียกพนักงานกลับมาท างานเหมือนเดิม ต่างคนต่างตอบแทนต่างช่วยเหลือกัน เราช่วยเขา พอถึงเวลา เราล าบากเขาก็กลับมาช่วยเรา แต่คนบางพวกที่จิตตก ขาดสติ ตื่นตระหนกท าอะไรโดยขาดสติ คิดอะไรง่ายๆ ไม่มองการณ์ ไกล ตอนนี้ พวกเขาทั้งหลายได้รับผลแห่งการกระท านั้น ท่านจะ เปิ ดให้เห็นทุกอย่าง ผลการกระท าคือสอบตก เพราะไม่อ่าน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 172 หนังสือสอบ ต้องแก้ปัญหากันเอง ปล่อยเขา เราอยู่ได้สบาย การรู้สึกความละอายใจและเกรงกลัวบาป เพราะเกิด หิริโอตตัปปะ เขาจะมีกรอบมากขึ้ นคือได้สติ พวกเขาเดินก้ม หน้าดูแต่ทางเดิน เดินคอตก แถมคิดถึงอนาคตไม่ออก พะวงแต่ กับตัวเลข คิดแต่จะลดค่าใช้จ่าย องค์กรอยู่ได้เพราะพนักงาน พนักงานที่ภักดีต่อองค์กรเป็ นตะปูยึด ตะปูอันเดียวแต่สามารถ แขวนภาพไว้ไม่ให้หล่นลงได้ แม้มันจะแกว่งไปบ้าง แต่คนที่เอา อารมณ์น า กิเลสหนา จะมองว่าต้องตอกตะปูไว้สี่มุม เพราะเขา มองต ่า แต่โยมลูกมองสูง ตะปูอันใหญ่แค่อันเดียวก็พอแล้ว ถ้ามี ลูกค้าหลักลูกค้ารายใหญ่ การคิดถึงแต่ก าไรเหมือนตอกตะปูสี่ มุม ถอยคนละก้าว ภาพเดียวมีตะปูอันเดียวแขวนไว้ แม้มันจะ แกว่งไปบ้าง แต่มันยังไม่ล้ม คนท าบัญชี นักลงทุนจะมองแต่ ตัวเลข โฟกัสแต่ค่าใช้จ่ายเป็นหลัก บางคนสงสัยว่าพญานาคมีจริงหรือไม่มีจริง” ปู่ สอนว่าบางเรื่องแค่จิตรับรู้ก็พอ มิจ าเป็ นต้องบอกด้วย ค าพูดก็ได้ หากบุญสัมพันธ์กันก็จะได้พบเจออะไรอีกหลายอย่าง เรื่องบางเรื่องไม่จ าเป็ นต้องค้นหา เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง เหล่า พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่แก่กล้าในฌานสมาบัติ ส าเร็จอภิญญา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 173 สามารถสัมผัสกับสิ่งลี้ ลับได้ด้วยจิตที่ละเอียดอย่างหลวงปู่ ชอบ ฐานสโม ท่านเป็นผูท้รงศีลบริสุทธ์ิและบา เพ็ญธรรมจนไดญ้าน วิสุทธ์ิแต่บุคคลที่สัมผัสกับพญานาคหรือสามารถมองเห็น พญานาคได้ในลักษณะที่เป็ นคนธรรมดาไม่มีฌาณสมาบัติ มา จากพญานาคตนนั้น ตั้งใจเนรมิตให้เห็น หรือเพราะมีความ เกี่ยวข้องกันในด้านบุญสัมพันธ์ หรือกรรมสัมพันธ์กันใ น อดีตชาติ เรื่องโลกทิพย์เป็ นโลกที่ไปรู้เป็นเห็นได้เฉพาะตน เป็ น เรื่องเฉพาะบุคคล ให้ตั้งใจปฏิบัติตามค าสอนของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติศีล ภาวนา นั่งสมาธิ ให้ท าอย่างจริงจัง แล้วความเป็ น ทิพย์จะเกิดแก่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอง พญานาค ปาฏิหาริย์ ต่างๆ จะเกิดขึ้ นให้เห็นเองเหนือสิ่งอื่นใด เราประพฤติและ ปฏิบัติให้เข้าถึงหลักธรรม ตามค าสอนของพระพุทธองค์ “หน้าปกต้องมีบทขอขมาพระรัตนตรัย และบทคาถา พญานาค” ปู่ บอกว่าเราต้องอัญเชิญ องค์ความรู้ที่ครูบาอาจารย์ท่าน มาประสิทธ์ิไม่ใช่เรื่องที่เราแต่งข้ึนเอง ท่านมาโปรดมาไหวว้าน ให้ท า ความดี ค าพูดล่วงกรรมของเราต่อคนอื่น เราเจตนา เพื่อให้เขาพ้นทุกข์ เราได้เห็น ในสิ่งที่ท่านให้เห็นมีรูปท่านศรีนค ราปาวาฬนะนาคราช เหมือนเข้าตามตรอกออกทางประตู เชื่อม จิตเพื่อด าดิ่งลงไป ข้างล่าง พูดด้วยตาเนื้ อมโนจิตต้องแข็งแรง มาก บรรยากาศเปิดให้เห็น อัญเชิญบรมครูทุกๆ พระองค์ มีบท สวดก ากับอัญเชิญครูบาอาจารย์มาสถิตในหน้าปก ท่านสอนใน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 174 โลกธรรมที่เห็นชัดที่เกิดขึ้ น ตั้งอยู่แล้วดับไป มันเป็ นสิ่งไม่เที่ยง เจอแบบทดสอบ เจอปัญหาต้องตีโจทย์ เราค้นพบมีเหตุให้ดับ ทุกข์ ธรรมะเหมือนฝนมาโปรยเป็ นน ้าทิพย์ให้เรา ธรรมทาน สอดแทรก มีทุกข์มาก อ่านแล้วหายเลย จิตติดลบจมแบบคนที่ ทุกข์หนัก อ่านแล้วค่อยๆ คิดตาม เป็ นความหวังเล็กๆ ให้เขา พ้นทุกข์ ดีกว่านั่งจมปรักไม่ท าอะไรเลย พลังงานเหนือมนุษย์ ส่งพลังงานมา เหมือนเราได้ช่วยคนที่เขาทุกข์ใจ เจอสิ่งไม่ดีเป็น พิษเป็ นภัยต่อจิตใจ เหมือนได้ช่วยคนติดยาให้เลิกยาได้ ท าดี แล้วไม่คาดหวัง ทุกอย่างที่เราท าด้วยใจ ปู่ สอนให้มาดูตัวเอง ปรับโลกให้สดใส อะไรที่มันเป็นพิษ ไม่ว่าบรรยากาศ หรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ เรารู้สึกเจ็บปวด เมื่อ จิตพิจารณา จิตเขาไม่ได้ปวดกับเราพิจารณาทุกอย่างให้เป็ น ธรรม “ลูกเมิ่นพ่อเมิ่นแม่ มีแต่นารีทิพย์คนเดียวที่แตกเหล่า แตกกอ กว่าเขา (ต่างจากคนอื่นเขา)” บารมีคน แต่ละคนบารมีสร้างมาไม่เหมือนกัน เราเกิด มาภพไหนชาติไหนเราก็ชอบสร้างบุญสร้างกุศล มันก็เป็ น อ านาจวาสนา พอเป็ นอ านาจวาสนา มันก็กลายเป็ นบารมี แล้ว ก็จะก้าวพ้นภพทั้งสาม อย่างเจ้านางก็เหมือนกันเป็ นคนที่ชอบ สะสมบุญ บารมีมิใช่ว่าจะสร้างกันง่ายๆ การที่คน คนหนึ่งที่มี บารมีก็ต้องผ่านการ สร้างทาน ศีล สมาธิ ภาวนา คนมีบารมี จะเป็ นบุคคลที่มีเมตตาธรรมสูง ความมีเมตตาจะท าให้เรา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 175 เข้าใจผู้คนมากขึ้ น เพราะเรามีพรหมวิหารสี่ เขาพูดไม่ถูกหู เรา ก็เข้าใจ เขาท าไม่ถูกใจเรา เขามีความคิดแตกต่างจากเรา เราก็ เข้าใจ เพราะเขาก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีทั้งความผิด ถูก ฉลาด โง่ ตัวเราเป็นคนที่เข้าใจเมตตาพรมหวิหาร “เจ้านางก็เป็ นเช่นนั้น เมตตาตัวเองจะได้อานิสงส์มาก เมตตาคนอื่นก็เช่นเดียวกัน ค าว่า เมตตาท าให้เราละตัวตนได้ เห็นใจผู้อื่นมากขึ้ น มอบความเมตตานี้ ให้กับผู้กับคนและให้กับ ตัวเองด้วย” เรายึดหลักธรรมค าสั่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ท่านไม่มีอัตตาและตัวตน ท่านละไป การท าบุญท าทาน ความมีเมตตาของเรา เราเท่านั้นที่จะให้เราข้ามพ้น ภพทั้งสาม ให้ละให้วางให้อภัย เรื่องของเขา อย่าให้มันรกใจเรา ไม่ต้องไป แช่งใครให้ปาบปากเราเป็นการก่อวจีกรรม ต้นเหตุเกิดจากอะไร แก้ให้ถูก กรรมถ่ายทอดได้ ความเชื่อความศรัทธาไม่เท่ากัน บางคนเขาไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาในทางสิ่งที่ควร กุศลคือความ ดีงามท าแล้วสบายใจ โล่ง โปร่งสบาย การท าบุญแบบหว่านแห่ ใครบอกอะไรก็ท า ท าบุญแบบโฟกัสตั้งใจเจาะจง พอเราก็ได้ ท าบุญแล้วแผ่ออกไป เราแผ่เมตตาปรารถนาให้มีความสุขทุกๆ ดวงจิต แผ่ความสุขความสว่างออกไปนอกตัว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 176 พญานาคจะนอนเยอะ การนอนคือการจ าศีลหรือบ าเพ็ญ เพียร บางตนนอนหลับเป็ นไปปี องค์ปู่ บางตนหลับยาว พอตื่น มาอีกที่ก็ร้อยปีแล้ว นารีทิพย์นั่งบ าเพ็ญเพียรให้ครบองค์สาม อดีต ปัจจุบัน มโนจิต นารีทิพย์จะช่วยกายสังขาร พลังบารมีเขา เยอะ เพราะเกิดมาก็ปฏิบัติ ในโลกธรรม ๘ มีแต่ความไม่เที่ยง จิตยุ่งทางโลกมากไปก็ทุกข์ ปล่อยจิตให้อยู่กับสมาธิ ให้จิตมี วิหารมีที่อยู่ คู่ธาตุจะได้เกิด ตามไปปฏิบัติทุกที่ ด ารงตนมี สัมมาทิฐิเราแค่ไม่อยากได้ของคนอื่น มนุษย์ต้องใช้ปัจจัยใน การครองชีพ ย่อมอยากได้เงินเป็ นธรรมดา ท างานต้องได้เงิน เป็ นค่าตอบแทน อย่าคิดผิดจุด คนที่ชอบเอากิเลสเอาอารมณ์ น าทาง ธาตุไฟเข้าแทรกเพราะเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งมันก็ร้อน ยึด ติดกับวัตถุ ไม่อยากเสียแต่อยากได้ ไม่อยากลงทุนแต่อยากได้ ก าไร ทั้งยังท าให้คนอื่นเขาล าบากเดือดร้อน การคิดแต่สิ่งลบ ก่อน อะไรดีๆ มันก็ไม่มา กายสังขารญาณทิพย์บางคนสื่อสารภาษาแปลกๆ ที่เรา ไม่เข้าใจ ปู่ ให้เราใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์ เขาพูดภาษาอะไรเรา ไม่เข้าใจ มันพิสูจน์ไม่ได้ ถ้าท าเสร็จแล้ว เราได้ เราสบายใจ บารมีเทพทุกพระองค์มาช่วย แล้วแต่พลังญาณบารมี ญาณกับ ฌาน ญาณคือกระแสจิตที่ท่านส่งมา ฌานคือเราบ าเพ็ญกับ ท่าน แผ่เมตตาออกไป พญานาคชอบท าบุญกับพระอริยสงฆ์ และอยากบวชในพุทธศาสนา สมัยในพุทธกาลมีนาคที่เลื่อมใส ในพระพุทธศาสนามากได้แปลงกายแล้วมาบวช พอเวลานอน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 177 หลับได้กลายร่างเป็นนาค เมื่อเพื่อนพระภิกษุเห็นจึงเกิดความ กลัว จึงได้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าได้เรียกมา สอบถามพอรู้ว่าเป็นพญานาค ก็ขอให้สึกไปก่อน เพราะว่านาค นั้นบรรลุธรรมไม่ได้ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงเทศนาว่า กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง กิจจัง สัทธัมมัสสวนัง กิจโฉ พุทธานมุปปาโท ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็ นอยู่ยาก การฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก การอุบัติขึ้ นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก พุทธภาษิตน้อมไปคิด ท าบุญท ากุศล น าสุขมาให้ วิธี สะสมบุญกุศล ทานจะมีผลมาก ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ ให้ ทานมีศีลบริสุทธ์ิมาก่อน ไทยทาน แสวงหาไทยทานบริสุทธ์ิไม่ หลอกลวงใครมา หาของไม่มีโทษ ผู้รับทานบริสุทธ์ิด้วยศีล คุณธรรมอันสูงชาวพุทธ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็ นเนื้ อ นาบุญ ท าบุญให้ยกไทยทานจบที่ศีรษะ น้อมอุทิศพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วอธิษฐานบูชาโลกุตระ พระอริยสงฆ์ ธรรมในใจ พระคุณในใจ บางคนจริตการท าบุญด้วยเจตนาที่ไม่ บริสุทธ์ินัน่ก็เป็นกรรมของเขา บางคนต้ังกองทุนธูปเทียน พูด ไม่จริง ท าไม่ครบ ลดสเปกในการท าบุญ ปู่ ให้คิดเสียว่า ถ้าเรา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 178 เป็ นหมาก็เหมือนมีเห็บ หมัดมาเกาะ เราก็สลัดออกจากตัวก็จบ คิดว่าเขาเป็นบันไดให้เราเดินในทางสร้างบุญบารมี “ท่านมีนิสัยเงียบ ไม่ค่อยพูด แต่ที่สื่อให้รู้เพราะอยาก สื่อสารกับนารีทิพย์ ตอนนี้มีการบ าเพ็ญเพียรเหมือนจะมี เหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้ น เพราะมีการตรึงก าลังบรมครูทุกสาย สวดมนต์ แม่ใส่ชุดขาว สวยมาก มีความสุขมากนั่งพับดอกบัว ถวายพระ พ่อก็ใส่ชุดขาวนั่งพับเพียบเย็บชุดเสื้ อผ้าปักเป็ นริ้ วๆ นั่งบนก้อนเมฆทั้งคู่” ท่านให้เห็นภาพเหมือนการฉายเป็นภาพโดยไม่ต้องผ่าน แกนสมอง ท าให้เอาไปตีโจทย์ให้แตก มนุษย์แบกบาปมาเกิด อนาคตข้างหน้ามนุษย์จะตัวเล็กลงเพราะสร้างบาปมากขึ้ น เมื่ออยู่ใต้กรรม และผลของกรรมแล้ว ผู้ที่เชื่อกรรม และผลของกรรม ลงได้สนิทแล้ว เรียกว่าได้ทรัพย์ขุมต้น คือ ขุมศรัทธา เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เชื่อว่า ท าดีได้ดี ท าชั่วได้ชั่ว และก็ จะรู้จักเลือกเฟ้น สิ่งที่ควรหรือไม่ควร เพราะได้ดวงตา ดวงปัญญาดวงธรรมแล้ว ขุมทรัพย์ภายในอื่นๆ ก็เปิดประตูรับไปในตัว “ถวายผลไม้” ท่านว่าถวายอะไรก็ได้ พืชผักผลไม้ทุกชนิด อะไรที่กินได้ ปลูกเองได้ไหว้ได้หมด คนโบราณยังเอาถั่วฝักยาวมาไหว้ ดอก
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 179 แค มะเขือผักต่างๆ พริก มะขามเทศ ส้มโอ คนโบราณมีฟักห้อย อยู่เป็ นเรื่องปกติ อีกอย่างการท าความสะอาดบ้าน ขัดเตา ขัด ห้องน ้า ก็เป็นการฝึกสมาธิ ขัดเกลากิเลสจิตเราจะว่าง จิตมนุษย์ อยู่กับการด าเนินชีวิต เปิดจิตได้ด้วยตาเนื้ อ ท าให้ผ่อนคลาย “การเลี้ ยงลูกของแม่ไก่” เลี้ ยงลูกของคนสมัยนี้ มีคนบางคนเลี้ ยงลูกแบบไม่ฉลาด แม่สอนให้ท าตัวเป็ นแม่ไก่โอบอุ้มลูกไก่ ให้เลี้ ยงดูอยู่ตาม ธรรมชาติ ติดดิน กินง่าย อยู่ง่าย อยากให้เลี้ ยงดูแลลูกเอง ลูกเต้าจะได้รู้ว่าแม่เป็ นอยู่อย่างนี้ สอนธรรมะแบบกายกรรมท า ให้ลูกเห็น เด็กที่เห็นพ่อแม่ล าบาก เด็กเขาจะรู้สึกสัมผัสได้เอง เขาจะตั้งใจพัฒนาตัวเองหวังให้พ่อแม่มีความสุขความสบายขึ้ น ช่วยงานพ่อแม่ทุกอย่างเท่าที่เขาท าได้ พอพวกเขาโตขึ้ นจะกลับ มาตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ คนที่เป็ นพ่อแม่จะตายไปวันไหนยัง ไม่รู้เลย พ่อแม่ต้องเป็ นหลักให้ลูก คนอื่นที่เขาเลี้ยงแทนหรือ ช่วยเลี้ ยงก็เป็ นเหมือนพระ เขาเลี้ ยงเขาก็สร้างบุญไป เป็ นบุญ กุศลของเขา แต่ลูกเป็ นลูกตัวเองจะทุกข์ยากล าบากแค่ไหนลูกก็ อยู่กับพ่อแม่ มิฉะนั้นจะล าบากเพราะสายใยไม่มี ความคิดของตนหม่นหมองวุ่นวาย ไม่วก ไม่วน แสนสุดสุขใจ เราเขานิ่งไว้ จะกลับกลายเป็นดี แสนสุดโศกเศร้า ตัวเราตัวเขา มัวหม่น หมองศรี ชักชั่ว อัปรีย์กาลีใจตน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 180 การคิดแต่เรื่องทุกข์ ความยึดมั่นถือมั่น โมหะ โทสะท า ให้จิตหนัก จริตแบบนี้ ท าให้จิตหนัก พอหนักมากมันก็ดิ่ง ให้ เข้าใจกฎอนิจจัง คือความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน เมื่อเข้าใจ เราก็เย็น ความสงบเกิดขึ้ นในใจ คนที่คิดถึงอดีต อนาคต คิดเยอะ คิดไกล จะระแวงไปหมด จนไม่กล้าท าอะไร ปู่ ให้คิดว่าท าดีได้ดี ท าชั่วได้ชั่ว มันดีดออกเป็ นแรงกระตุ้น กรอบ ความดีเป็ นก าแพงดีดกลับไป เป็ นเหตุจับได้แล้ว เราดักทางได้ ปัจจัยอยู่กับปัจจุบัน ให้เรามีหน้าที่กวาดบ้าน ปิ ดจิตไป เราตื่นรู้ แล้ว จุดเดินหรือจุดดับ ถ้าเดินต่อไปครูบาอาจารย์ก็จะช่วยน า ทาง หาทางเลือกให้ตนเองหลายๆ ทาง อย่าจมอยู่กับปัญหา การหาเพื่อนร่วมแก้ มันจะยิ่งเป็ นตัวปัญหา ท าปัญหาใหม่เพิ่ม ความเชื่อที่ขาดปัญญาน าจะท าให้งมงาย เพราะหลงในจิตที่เอา กิเลสน าหน้า เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น จะยึดมั่นอะไร ยึดมั่นท าไม ถ้า มันเป็ นของ ของเรายังไงมันก็เป็ นของเรา ท่านสอนให้ดูตัวเอง ไม่ให้เล่นเกมจิต ทุกวันนี้ คนบอบช ้า หากินหนีตายกันทุกคน ให้ เข้าใจกมลสันดานในจิตตนเองได้ชัด บางคนใช้ชีวิตทางโลก เรียนรู้ทุกข์ และเรื่องโลกจนเบื่อ เจอวิบากกรรม สัมผัสวิบาก กรรม ถ้าจิตยังไม่เข็ดเรื่องทุกข์ กับสมุทัยก็กลับมาเวียนว่าย ตายเกิดอีก คนดีเบียดเบียนตนเอง ท าให้ตนเองทุกข์ การท าให้ใจ ตนเองทุกข์ เหตุเพราะเรายึดไปว่าเป็ นฉันคนดี เสียสละ ยอม เอาตัวเองเหน็ดเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ได้รับยุติธรรม ท าทุกอย่าง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 181 ด้วยใจเป็ นทุกข์ คิดว่าท าดีไม่ได้ดี ท าไปเพราะความหวัง จะ เป็ นทุกข์ตลอดเวลา เก็บกดเอาไว้ในใจ ภายนอกดูมีความสุข แต่ข้างในใจอมทุกข์ มันกัดกร่อนใจตนเอง อดทนไม่กล้าที่จะ แสดงออกมา หรือระบายออก เก็บกดเอาไว้ บังคับใจข่มไม่มี ทางออกมันก็บวม พอมากเข้ามันก็ระเบิดออกมาเป็ นบ้าไปก็มี ปู่ ท่านให้ระบายทุกข์ออกมาให้คนรอบข้างได้รับรู้ มันจะได้เบา เรื่องของใจต้องจัดการด้วยตัวเอง การเบียดเบียนตนเองแก้ยาก ตนเองผูกปมปัญหา แล้วหาปมไม่เจอ เบียดเบียนตนเอง ท าร้าย ใจตนเอง ต้นเหตุของทุกข์ คือ ราคะ โทสะ โมหะ เก็บในใจยึด มั่นในตัว ยึดมั่นในอัตตาตัวตนว่ามีฉัน ถ้าเราละตัวตนไม่มีฉัน เราก็วาง การอุปทานยึดมั่น คอยดู คอยหวัง คอยดูว่ามีอะไร ตอบแทน จิตก็ระทมทุกข์ คาดหวังหนึ่งอย่างถ้าไม่วางก็เหมือน ปักเข็มทิ่มแทงใจตัวเองเข้าทุกวัน ท่านให้หยุด ปล่อยว่าง ท าทุก อย่างให้ดี ท าเต็มที่เต็มความสามารถ เรื่องเหตุปัจจัย ท าเหตุ ถูกต้อง ปัจจัยถูกต้อง ชี้ วัดผลลัพธ์ถูกต้อง คนเราท าอะไรด้วย ความอยาก ถ้าอยากด้วยสติปัญญาคืออยากในทางที่ถูกต้อง ตัวเองก็ไม่ทุกข์เพราะไม่ต้องคาดหวัง เราท าเต็มที่ เราก็สบายใจ ผลจะออกมาเป็นยังไงช่างมัน ในการด าเนิ นชีวิตและการท างาน ให้ใช้จาคะ กับ หลักธรรมอิทธิบาทสี่น าทาง คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ถ้า เรามีจาคะอยู่ในใจ จาคะ ให้ทานล้างสิ่งสกปรก กวาดขยะออก ด้วย ถ้าขยะพลาสติกเป็ นกิเลสที่พอกหนามากก็สิ้ นหวังเพราะ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 182 มันก าจัดยาก เราก็ใช้ความวิริยะพากเพียร ว่าเราได้ท าเต็มที่ หรือยัง จิตตะก็ปักหมุดมุ่งมั่นในสิ่งที่ท า หลังจากนั้นก็มีวิมังสา โดยการใคร่ครวญ หาเหตุ ฉันทะฝึกจิตท าให้ดียิ่งๆ ขึ้ นไป สิ่ง เหล่านี้ จะเป็ นฐานหรือหนทางสู่ความสุขความส าเร็จในชีวิตทั้ง ทางโลกและทางธรรม ถ้าเราสะสมโกรธ ละไม่ได้ก็ติดตามมาชาตินี้ บุญน ามา เกิด กิเลสตามมาก็มีนิสัยขี้ โกรธ ให้ฝึกละความโกรธ ฝึกกาย วาจาใจ ให้อยู่ในศีล บังคับใจ สงบในสมาธิ เอาชนะกิเลสที่ สะสมมา เจริญปัญญาให้เกิด หาอุบายสอนจิต เห็นโทษของ การเกิดโทสะ ที่ก่อให้เกิดทุกข์ เบื่อหน่ายความโกรธ มันร้อน ไม่มีสาระมีแต่โทษ คลายความยึดมั่นถือมั่น ความโกรธก็เบา บางลง แผ่วลง แก้ปมไป เอาชนะตัณหาเอาชนะตัวตน ตัณหา เกิดขึ้ นร้อนด้วยไฟตัณหา สิ่งใดร้อน ทิ้ งไว้ก็เย็น ถ้าร้อนให้ มองข้ามตัวตนละอัตตา “ปริศนาจะถูกเปิ ด และจะดังอย่างยิ่งใหญ่ ในเวลา อันใกล้นี้ หลายฝ่ าย หลายคนรวมเป็ นหนึ่ง ด้วยความเคารพ และศรัทธาด้วยใจ จักส าเร็จไปเอง พลังเทพ พลังธรรมคอย เกื้ อกูลอยู่” ครูบาอาจารย์ท่านสอนเสมอ เรื่องจิต ก็เอาจิตไป เกี่ยวข้องกับทางโลกมากเกินไป ในบางครั้งก็ลืมตัวไป โดยความ ประมาทและขาดสติ หละหลวม ควรประคองตัวประคองจิตให้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 183 อยู่ในคลื่นกรรมฐาน คลื่นพุทธมนต์ช่วยให้เราห่างจากโลก เรา จะได้อยู่ในทางโลกและทางธรรมอย่างสมดุล “นุ่งขาวห่มขาวถือดอกบัวเดินตามกันไปเป็นแถว” ปู่ บอกให้ปฏิบัติจริยวัตรทางธรรม ท าให้เกิดอานิสงค์ ทางพุทธศาสนา สืบสานท านุบ ารุงพุทธศาสนา ที่เราเคย รับปากไว้ จริยวัตร คือ ความประพฤติ ท่วงทีวาจา และ กิริยามารยาท จริยวัตรทางธรรม การแสดงตนอย่างเหมาะสม ตามแบบอย่างพระจริยวัตรของสาวก การบ าเพ็ญประโยชน์ ต่อศาสนสถานจัดพิธีกรรม และปฏิบัติตนในศาสนพิธีต่าง ๆ ตามหลักศาสนาได้ถูกต้อง ต้องเขียนให้เห็นบาปบุญคุณโทษ นารีทิพย์ปฏิบัติจนหลุดจากภพภูมินาค มาสืบสาน สืบค้น พินิจ พิเคราะห์ปราศจากเงื่อนไข มนุษย์มีแกนสมองอย่างหนึ่งที่เอาไว้ แยกแยะ แยกด าแยกขาว หรืออะไรดีอะไรชั่ว รู้ว่าชีวิตจะเดินไป ยังไง รับรู้แล้วถ่ายทอดส่งต่อ ธรรมะอยู่รอบๆ ตัวเราเสมอ ให้ เราได้ศึกษาไม่ว่าจะเป็ นบุคคลสิ่งของ ธรรมะของพระพุทธองค์ เป็ นกาลิโก พระธรรมค าสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นให้ผลแก่ผู้ ปฏิบัติโดยไม่จ ากัดกาลเวลา ไม่ขึ้นกับกาลเวลา ให้ผลทุกเมื่อทุก โอกาส ให้ผลตามล าดับแห่งการปฏิบัติ คือได้บรรลุเมื่อใดก็ ได้รับผลเมื่อนั้น ได้บรรลุถึงระดับไหนก็ให้ผลในระดับเมื่อนั้น ทั้งความจริงความแท้แห่งพระธรรมนี้ ไม่มีก าหนดอายุกาล จริง แท้อยู่ตลอดกาล
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 184 ม่วงประกาย สายใยแห่งรัก แสนชมภู ชอบนัก ขอยึด รักตลอดไป รักอมตะ รักไม่โรยรา รักไม่รู้เสื่อมคลาย รักเป็นนิจนิรันดร นคราปาวาฬนะนาคราช พบกับธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม และปาฏิหาริย์ แห่งธรรมในเล่มที่ ๒ ธรรมะจากภพทิพย์ปาฏิหาริย์ของ ธรรมะ การเข้าใจธรรมะ ธรรมชาติ ช่วยดึงเราออกมาจาก ความลุ่มหลงเนื่องด้วยกิเลส การฝึ กจิตสมาธิภาวนาเพื่อ รักษาใจของตนเองให้เป็ นปกติกลับมาดูตัวเองเห็นนิสัย สันดานเดิมแลว้ละอัตตา ละตัวตน การใชช้ีวิตก็ง่ายข้ึน มี อะไรมากระทบก็ไม่แส่ไม่ส่าย เปลี่ยนแปลงชีวิตจากคนที่มี ทุกข์ให้เป็ นคนมีสุข ธรรมาปาฏิหาริย์ช่วยน าผู้คนเข้าถึง หลักธรรมค าสอนถอยออกจากทุกข์ เมื่อคุณเข้าถึง สภาวธรรมดุจมีปาฏิหาริย์ที่ดับทุกข์
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 185 บทสวดจุลลไชยยปกรณ์ สุโข พุทธานัง อุปปาโท สุขา สัทธัมมะ เทสะนา สุขา สังฆัสสะ สามัคคี สามัคคานัง ตะโป สุโข ทิวา ตะปะติ อาทิจโจรัตติง อาภาติ จันทิมา สันนัทโธขัตติโย ตะปะติฌายี ตะปะติพ๎ราห๎มะโณ อะถะ สัพพะมะโหรัตติง พุทโธตะปะติ เตชะสา หิริโอตตัปปะ สัมปันนา สุกกา ธัมมา สะมาหิตา สันโต สัปปุริสา โลเก เทวาธัมมาติ วุจจะเร สันติปักขา อะปัตตะนา สันติปาทา อะวัญจะนา มาตาปิตา จะ นิกขันตา ชาตะ เวทะ ปะติกกะมะ สุวัณณะภูมิง คันต๎วานะ โสนุตตะรา มะหิทธิกา ปิสาเจ นิททะมิต๎วานะ พ๎รัห๎มะชาลัง อาเทเสยยุง เอเต สัพเพ ยักขา ปะลายันตุ, อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เ ทวะนาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ, จิรัง รักขันตุ สาสะนัง อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวะนาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ, จิรัง รักขันตุ ปาณิโน อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวะนาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ, จิรัง รักขันตุ โนสะทา อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวะนาคา มะหิทธิกา ปุญญัง โน อะนุโมทันตุ , โสตถิง คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ พระคาถา นะ โม เม นะโม เม พุทธะเตชะสา ระตะนัตตะยะธัมมิกา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 186 เตชะปะสิทธิปะสีเทวา นารายะ ปะระเมศะวะรา สิทธิพ๎รห๎มา จะ อินทา จะ จะตุโลกาภิรักขะกา สะมุททา ภูตะคังคา จะ สัพพะชัยยะปะสิทธิ ภะวันตุ เต, ชัยยะ ชัยยะ ธอระณิ ธอระณี อุทะธิ อุทะธี นะทิ นะที, ชัยยะ ชัยยะ คัคคะนะตะละนิสะยะ นิละยะ เสยยะเสละ สุเมรุราชะ พะนะระชี, ชัยยะ ชัยยะ คัมภีระโสพภี นาเคนทะนาคี ปีสา จะ ภูตะกาลี, ชัยยะ ชัยยะ ทุนนิมิตตะโรคี, ชัยยะ ชัยยะ สิงคีสุตทา ฆานะมุขะชา, ชัยยะ ชัยยะ รุณณะมุขะสาตรา, ชัยยะ ชัยยะ จัมปาทินาคะ กุระคัณฐะกัง, ชัยยะ ชัยยะ คะชะคะณะตุรังคะณะ สุกะระภูชังคะ สีหะพะยัคฆะทีปา, ชัยยะ ชัยยะ รุณณะมุขะยาต๎รา ชินะ เสนาริปู ปุณะสุตทิระตี, ชัยยะ ชัยยะ สุขา สุขา ชีวี, ชัยยะ ชัยยะ ธอระณีตะเล สะทา สุชัยยะ, ชัยยะ ชัยยะ ธอระณี สานะติ สะทา, ชัยยะ ชัยยะ มังกะระละยา ภะวัคเค, ชัยยะ ชัยยะ วะรุณะ ยักเข, ชัยยะ ชัยยะ รักขะเสสุ ระภูชะเตชา, ชัยยะ ชัยยะ พ๎รห๎มเมนทะคะณา, ชัยยะ ชัยยะ ราชาธิราชะ ชะยัง, ชัยยะ ชัยยะ ปะฐะวิง สัพพัง, ชัยยะ ชัยยะ อะระหันตัง ปัจเจกะพุทธะสาวะกัง, ชัยยะ ชัยยะ มะเหสุรังคะ หะโรหะรินทะเทวา,
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 187 ชัยยะ ชัยยะ พ๎รห๎มาสุรักโข, ชัยยะ ชัยยะ นาโค วิรุฬหะโก วิรูปักโข จันทิมา ระวิอินโท จะ เวนัตตัยโย จะ กุเวโร วะรุโณปิ จะ อัคคีวาโย จะ ปาชุณ๎โห กุมาโรธะตะรัฏฐะโก อัฏฐาระสะ มะหาเทวา สิทธิตาปะสะ อาทะโย เอสิโน สาวะกา สัพเพ ชัยยะ ราโม ภะวันตุ โน ชัยยะ ธัมโม จะ สังโฆ จะ ทะสะปาโล จะ ชัยยะกัง เอเตนะ ชัยยะ เตเชนะ โสตถี ภะวันตุ โน เอเตนะ พุทธะเตเชนะ โหนตุ โน ชัยยะ มังคะลัง, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุงโฆ ไสยยุง โพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา พ๎รัห๎มะคะณา มะเหสิโน, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุงโฆ ไสย ยุง โพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา อินทะคะณา มะเหสิโน, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุงโฆ ไสยยุง โพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา เทวะคะณา มะเหสิโน, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย, อุงโฆ ไสยยุง โพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 188 สุปันนะคะณา มะเหสิโน, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุงโฆ ไสยยุง โพธิมัณเฑ ปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา นาคะคะณา มะเหสิโน, ชะโยปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย อุงโฆ ไสยยุง โพธิ มัณเฑปะโมทิตา ชัยยะ ตะทา สัพพะคะณา มะเหสิโน, สุณันตุ โภนโต เย เทวา อัส๎มิงฐาเนอะธิคะตา ทีฆายุกา สะทา โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพพะทา รักขันตุ สัพพะสัตตานัง รักขันตุ ชินะสาสะนัง ยา กาจิ ปัตถะนา เตสัง สัพเพ ปูเรนตุ มะโนระถา ยุตตะกาเล ปะวัสสันตุ วัสสัง วัสสา วะลาหะกา โรคา จุปัททะวา เตสัง นิวาเรนตุ จะ สัพพะทา กายะสุขัง จิตตะสุขัง อาหะรันตุ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 189 ค าแปล บทสวดจุลลไชยยปกรณ์ อันว่ากิริยาอ่อนน้อม สักการะแห่งข้าพเจ้า ก็จงมีแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งบริบูรณ์ด้วย พระตบะแลเดชะ อันว่า ชุมนุมมาด้วยแก้วมณีอันประเสริฐ สามประการ อันประกอบชอบธรรมแล้ว อันว่าเทพยดาทั้งหลายก็ดี อันว่าพระนารายณ์ แลพระปรเมศวรก็ดี ผู้รุ่งเรืองด้วยประสิทธิ ทั้งศาสตร์และศิลป์ ก็ดี อันว่าท้าวมหาพรหม และพระอินทร์ ทั้งหลายก็ดี อันว่าเทพยดาทั้งหลาย ผู้คุ้มครองรักษาคุ้มครองยังโลกทั้งสี่ คือว่า พรหมโลก เทวโลก มนุษโลก และ นาคโลก ก็ดี ก็จงเป็นอ านาจส าเร็จค ้าจุน มั่งคง แก่ท่านเทอญ อันว่าแม่น ้าคงคามหานที อีกทั้งแม่น ้าที่ไหล มาจากมหาสมุทรก็ดี ก็ขออ านาจแห่งความประสิทธิทั้งหลาย ทั้งปวงนั้นจงมีแก่ท่านเทอญ อันว่าแผ่นดินน้อยใหญ่ ก็ดี อันว่า บึงน้อยใหญ่ทั้งหลายก็ดี อันว่าแม่น ้าน้อยใหญ่ก็ดี อันมีตบะเดชะอานุภาพดัง อุปมามากมายฉันใด ก็ขอจงมีชัยชนะเดชะอานุภาพ ดังอุปมัย นั้นเทอญ อันว่าพื้ นประตู อากาศ กลางหาวและเขาพระสุเมรุ ราช และพญาภูดอย อีกทั้งป่ าเขาทั้งหลาย อันเป็นที่อยู่อาศัย หลับนอนแห่งสรรพสัตว์ ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะเดชะอานุภาพอันมากแก่ท่าน เทอญ อันว่าพญานาคและนางนาคทั้งหลายอันอยู่ในห้วย ในบ่อ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 190 ในบึง ในถ ้า และในหุบเหวอันลึกก็ดี อันว่าผีร้าย ผีเสื้ อน ้าและ ผีเสื้ อบก ทั้งหลายก็ดี ก็จงกลับกลายมาเป็นชัยชนะแก่ท่านแล ให้ข้าศึกศัตรูทั้งปวงพ่ายแพ้ อันว่านิมิตอันชั่วร้าย และพยาธิโภยภัย โรคา ทั้งหลายก็จงกลับกลายมาเป็นชัยชนะ แก่ท่านเทอญ ขอชัยชนะนั้นจงมีแก่ท่านทั้งหลาย เหนือบรรดานิมิตอันชั่วร้ายและโรคาทั้งหลายทั้งมวลนั้นเทอญ อันว่านอแรดและเขากวางหดอันเกิดจากหัวและจมูกก็ดี อันว่าเขี้ ยวหมูตัน จันทคราส อีกทั้งเขี้ ยวและงาอันเกิดมาจาก ปากก็ดีก็จงมาเป็นชัยชนะให้ข้าศึกศัตรู พ่ายแพ้พร้อมยังเป็น วัตถุมงคล ให้แก่ท่านเทอญ อันว่าเหล่าศาสตราวุธซึ่งเป็นของ กล้าแกร่ง ยังก าจัดไปซึ่งสรรพโภยภัยและ เสนียดจัญไรที่ บังเกิดจากความโศกเศร้า เสน่หา แลความประหวั่นพรั่นพรึง ก็ จงมาเป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าเครื่องสังวาลแห่งพญานาค อันรุ่งเรืองด้วยสีดอกจ าปา เป็นต้น ก็จงมาเป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าช้าง ม้า แรด นาค เงือก งู ราชสีห์ และ เสือโคร่ง แลเสือ เหลือง อันมีเดชะอานุภาพอันมาก แลนี้ ด้วยประการฉันใดก็จง มาเป็นชัยชนะ อานุภาพปราบไปซึ่งข้าศึกศัตรูในสากล ชมพู ทวีปทั้งมวลนั้นเทอญ อันว่าสภาวะอันระงับดับเสียซึ่งความเศร้า โศกก็ดี อันว่าความผจญ พ่ายแพ้ยังก าลังท้าวพญา และเสนา ข้าศึกศัตรูแล้วมีความชมชื่น ยินดีเมื่อภายหลังก็ดี ก็จงมาเป็น ชัยชนะอันลือชาปรากฏ แก่ท่านเทอญ อันว่าความเลี้ ยงชีพอัน ง่ายสะดวกสบาย ความเป็นอยู่สุขสบายก็ดี
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 191 อันว่าการประกอบสัมมาชีพด้วยดีเหนือผืนแผ่นดินในกาลทุก ยามก็ดี อันว่าผืนปฐพีอันเนืองแน่นไปด้วยหมู่บ้านและนิคม คามนิคมก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะอันลือชาปรากฏแก่ท่านเทอญ อันว่าอาลัยแห่งมังกร คือว่ารัศมีอันแผ่ไปไกลได้ร้อยและพัน อันมีแสงสว่างเจิดจรัสของมังกรทั้งหลาย ถึงเหนืออากาศกลาง หาว ก็จงมาเป็นชัยมงคลอันประเสริฐแก่ท่านเทอญ อันว่าเด ชานุภาพ แห่งวรุณยักษ์ก็ดี อันว่าเดชานุภาพแห่งเทพบุตร เทพธิดา และพระอิศวร แลพญานาคก็ดี อันว่าอ านาจแห่งเหล่า ท้าวมหาพรหม และพระอินทร์ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะ มงคลสวัสดี แก่ท่านทั้งหมดนั้นเทอญ อันว่าความผจญต่อเดชะบารมีแห่งท้าวพญาทั้งปวง ตน ประเสริฐ ก็จงมาเป็นชัยชนะอันมั่นคงแก่ท่านเทอญ อันว่าขอให้ ท่านจงมีชัยชนะ เหนือหมู่สรรพสัตว์ ท้าวพญา ข้าศึกศัตรูแลหมู่ ปัจจามิตร ทั้งหลายทั้งปวง เหนือพื้ นปฐพีนี้ เทอญ อันว่าพระอรหันต์ทั้งหลายพระปัจเจก พุทธเจ้า และพระสาวกแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็จงมาเป็น มหาชัยมงคลแก่ท่านเทอญ อันว่าพระอิศวร ผู้มเหศวรและพญา อังคหละแลพญาหรินทเทพเจ้าทั้งหลายก็ดี อันว่าท้าว มหาพรหมผูม้เหศกัด์ิก็ดี ก็จงมาเป็นชัยชนะแก่ท่านเทอญ อันว่าพญานาคก็ดี อันว่าท้าววิรุฬหกก็ดี อันว่าท้าววิรูปักษ์ก็ดี อันว่าพระจันทร์ก็ดี อันว่าพระอาทิตย์ก็ดี อันว่าพระอินทร์ก็ดี อันว่าพญาเวนไตยก็ดี อันว่าท้าวกุเวรก็ดี อันว่าพญาวรุโณก็ดี อันว่าพญาอัคคีและพญาวาโยก็ดี อันว่าพญาชุณหะ อันว่าพญากุมาโรก็ดี อันว่าท้าวฐตรถก็ดี อันว่าเทพยดาทั้งหลาย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 192 ผู้เป็นใหญ่ทั้งสิบแปดตน ที่กล่าวมานั้นก็ล้วนมีตบะแล เดชะอานุภาพอันมาก ขออานุภาพแห่งเทพยดาเหล่านั้น จงบันดาลให้ท่านมีชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรูปัจจามิตรทั้งหลาย เทอญ อนัวา่นักบวชท้งัหลายท้งัที่มีฤทธ์ิสิทธิการ มีฤาษีและ ดาบสเป็นอาทิ อันว่านักบวชเจ้าทั้งหลายผู้ปรารถนามรรคผล แสวงหาพระนิพพาน อันเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธเจ้าทั้งมวล อันว่าเป็นชัยชนะ อันน ามาซึ่งความชื่นชมยินดีก็จงให้บังเกิดมี แก่ท่านเทอญ อันว่าพระนวโลกุตรธรรมเจ้า เก้าประการ ก็ดี อัน ว่าพระอริยสังฆเจ้า ทั้งหลายก็ดี ก็จงมาเป็นชัยมงคลแก่ท่าน เทอญ อันว่าเทพเจ้าผู้เฝ้ารักษายังทิศทั้งสิบก็ดีอันว่าความ สวัสดีและโชคโภคทรัพย์ทั้งหลายก็ดีก็จงมีแก่ท่านทั้งปวงเทอญ ด้วยเดชะอานุภาพแห่งไชยปกรณสูตรบทนี้ อันว่าชัยชนะศิริ แลสวัสดี ก็จงมีแก่ท่านเทอญ ด้วยเดชะอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น อันว่าชัยมงคลอันประเสริฐ ขอจงให้บังเกิดมีแก่พวกเราทั้งหลาย เทอญ อันว่าคณะแห่งพรหมทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึง อุโฆษ ประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธเจ้า องค์ซึ่ง แสวงหาคุณอนัยิ่งใหญ่อนัมีชยัใตต้น้พระศรีมหาโพธ์ิ ชัยชนะนี้ แลเป็น ชัยชนะของพระพุทธเจ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพระอินทร์ทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อนัมีชยัใตต้น้พระศรีมหาโพธ์ิชยัชนะน้ีแลเป็น
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 193 ชัยชนะของพระพุทธเจ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งเทวดาทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อนัมีชยัใตต้น้พระศรีมหาโพธ์ิชยัชนะน้ีแลเป็น ชัยชนะของพระพุทธเจ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพญาครุฑทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อนัมีชยัใตต้น้พระศรีมหาโพธ์ิชยัชนะน้ีแลเป็น ชัยชนะของพระพุทธเจ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งพญานาคทั้งหลายอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แห่งพระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมีชัยใต้ต้น พระศรีมหาโพธ์ิชยัชนะน้ีแลเป็น ชยัชนะของพระพุทธเจา้ผูรู้้ผู้ ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป อันว่าคณะแห่งเทพยดาทั้งหลายที่กล่าวมาอันมีใจชื่นชมยินดี แล้วพึงอุโฆษประกาศเตือนให้รู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่แห่ง พระพุทธเจ้าองค์ซึ่ง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ อันมีชัยใต้ต้นพระ ศรีมหาโพธ์ิชยัชนะน้ีแลเป็น ชยัชนะของพระพุทธเจา้ผูรู้้ผูต้ื่น ผู้เบิกบาน ผู้มีสิริ ส่วนความพ่ายแพ้เป็นของมาร ผู้มีบาป
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 194 คาถาหัวใจพญานาค พุทโธ เมนาโถ ธัมโม เมนาโถ สังโฆ เมนาโถ พุทโธ นะโม พุทธายะ นะชาลีติ อะริยะธะนัง นาคัง ปูเชมิ พุทโธ เมนาโถ พระพุทธเจ้าคือที่พึ่งของเรา ธัมโม เมนาโถ พระธรรมคือที่พึ่งของเรา สังโฆ เมนาโถ พระสงฆ์คือที่พึ่งของเรา พุทโธ นะโมพุทธายะ พระพุทธเจ้า ทั้ง ๕ พระองค์ อริยะทะนัง ผู้เจริญด้วยการท าทาน นาคัง ปูเชมิข้าพเจ้าขอบูชาพญานาค จะคิดถึงตัวเราไย จะต้องตายทุกคนไป ศรีนคราปาวาฬนะนาคราช นะ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ผ่านมาแล้ว ๙ ล้านล้านล้านปี โม คือ พระพุทธเจ้าโกนาคม ผ่านมาแล้ว ๖ ล้านล้านล้านปี พุท คือพระพุทธเจ้ากัสสะโป ผ่านมาแล้ว ๓ ล้านล้านล้านปี ธา คือ พระพุทธเจ้าสมณโคดม ผ่านมาแล้ว ๒๕๔๙ ปี ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย รออีก ๓ ล้านล้านล้านปี อุบัติมา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 195 ในโลกมนุษย์ตามพุทธพยากรณ์ นะชาลีติพระคาถาหัวใจพระสีวลี พระอรหันตสาวกซึ่งพระพุทธ องค์ทรงยกให้เป็นผู้ที่เลิศในทางลาภมาก รองจากพระพุทธองค์ นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด นะคะมะนะอัญมณีนาคนาคีนารีทิพย์