ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 100 ใจหยุดใจนิ่งเป็ นประจ า ก็จะท าให้เกิดปัญญา เกิดแสงสว่างขจัด ความมืดในจิตใจ โมหะ ความหลง ความไม่รู้ทั้งหลาย ก็หมดสิ้ น ไป ใจเราจะใสสว่าง มองเห็นหนทางสวรรค์นิพพานได้อย่าง ชัดเจน เชื่อในบุญกุศลและคุณงามความดี บุญ คือ ความสบาย ใจเป็ นพลังงานในด้านบวก สร้างบุญคือการสร้างพลังงานด้าน บวกให้ตัวเราเอง เพราะถ้าท าจิตใจให้เป็ นบุญกุศล ก็เหมือน จิตใจเราอยู่ในคลื่นพลังงานบวกจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา เราสะสมบุญกุศลไปเรื่อยๆ เหมือนกับการสะสมพลังงานด้าน บวก เมื่อบุญถึง เวลาถึง ธรรมะก็จัดสรรให้เราได้ในสิ่งที่เรา ปรารถนา ธรรมะพร้อมจัดสรรสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้ นในชีวิตเราเสมอ ทั้งนี้ ทั้งนั้นมันเป็ นปัจจัตตังที่เกิดขึ้ นกับตัวเอง ปัจจัตตัง เป็ น เรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขณะนั้นจะให้คนอื่น มา รับรองว่าเป็นสติปัฏฐานไม่ได้ต้องเป็ นความรู้ความเข้าใจถูก เป็นปัญญาของตนเอง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 101 บทที่ ๘ อาหารใจคือธรรม จิตที่มีสมาธิมาดี อยู่แล้ว เข้าถึง รับรู้ สัมผัสถึงอารมณ์เหล่าน้ันได้ด้วยความเบื่อ ความหน่ายแหนง อารมณ์น้ันมันรับรูไ้ด้ ถึงอายตนะ ภายนอก ภายในได้ ด้วยความเบื่อหน่าย เบื่อใน รูป รส กลิ่น เสียง โผฐัพพะ เบื่อไป เบื่อมา ปลงอนิจจัง ปลงอนิจจา กลับกลายมาเป็น อนัตตาก็เท่าน้ัน มนุษย์บางพวกมีห้วงกรรม บางคนก็แค่บ่อกรรมเป็ นบ่อ น ้า ดังนั้นการบวชจิตต้องปิ ดปากบ่อ คือให้รักษาใจให้สะอาด เก็บบุญไว้ในใจอย่าให้มันไหลออกทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย รักษาใจให้สะอาด บุญเราจะได้สะอาดไปด้วย เพราะบุญอยู่ในใจ บางบ้านเลี้ ยงลูกไม่แยกแยะ เหมือนรวมมิตร เอาอัตตาสอน เอาอัตตาน า เอาความคิดตนเองเป็ นใหญ่ การกราบไหว้พ่อแม่ คือความเคารพ เป็ นพลังธรรมชาติให้ยอมรับความจริง จุดเริ่มต้นยาก แต่มองเห็นปลายทาง ตั้งสติมองให้ออก เส้นทาง ดีหรือไม่ดี พลังงานจักรวาลคือ คิดดี ท าดี สัจธรรมความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย ปู่ สอนว่าคนที่มีกิเลสปิดหูปิดตามันเป็นห้วงกรรม ของเขา ปู่ ส่ายหน้าเสมอเห็นจริตมนุษย์แบบนี้ บางครอบครัว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 102 สามีภรรยาทะเลาะกันทุกวัน เพราะเขามองไม่ออกว่าเขาท าถูก หรือท าผิด อยู่ที่ตัวเขาไปพัวพันกับกิเลสเอง เขาอดข้าวเราจะ อดข้าวกับเขาไหม ช่วงที่รักกันก็ใช้จิตดึงดูดมา พอดีดออกมันก็ แรง จิตตั้งต้นมีพลังดึงดูด เพราะไปขอคู่ชีวิต ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ ส่งเจ้ากรรมนายเวรมาก่อน ถ้าเป็ นอย่างนี้ โกนหัวไปบวชเลย ไหม ให้สามีเลี้ ยงลูกพึ่งธรรมะก่อน ไปต่ออายุตัวเองไปต่อชะตา สร้างฐานจิตตนเอง ใช้ชีวิตอยู่กับมาร มันเผา มารคือรัก โลภ โกรธ หลง มันเผา เกิดปฏิกิริยาการเผาผลาญ เหมือนอยู่กับตัว ปัญหา สร้างปัญหาให้ปวดหัว มองคนละมุม มุมสวยกับมุมไม่ สวย “ผู้ชายตกลงไปในหน้าผา แต่จับเชือกได้ ก าลังจะปี น ขึ้ นมาโดยใช้เชือกที่เป็นเหมือนขั้นบันไดลิง” ปู่ บอกเป็ นวิบากกรรมของเขาที่ท าให้พ่อแม่เสียใจ ปู่ เรียกว่าคลาสราหู คราส หมายถึงกิน สุริยคราส การกลืนกิน พระอาทิตย์ พอยกออกก็ยังมีเงาอยู่ เลยแสดงอาการฟาดงวง ฟาดงา ดันความร้อนดีดออก คือโทสะที่สะสมไว้ การดีดออก คืออาการโวยวาย ตัวเขามีโทสะจริตเกาะหนาจนแข็งเป็นหินปูน เกาะหนาต้องเอาสิวมากะเทาะออก เพราะมันหนา เปรียบ เหมือนคนมีพิษไข้ ร้อนพิษไข้สลัดไข้ อาการเขาเป็ นแบบนี้ พอ ไข้ลดก็เปรียบเช่นโทสะลด มีอาการเบลอๆ มึนๆ งง ๆ ในชีวิต เหมือนคนเดินตกขี้ โคลน พอเดินออกจากโคลนแล้ว สังสัยว่า ท าไมเท้าฉันเลอะ พอเจอรอยเท้าที่เลอะโคลนของตนเองก็สังสัย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 103 อีกว่ารอยเท้าใคร เจอคนแบบนี้ เราก็แค่มองแล้วก็วาง ไม่ต้อง สงสัย ไม่ต้องอยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรให้กลับมาดูตัวเองพอ ปู่ บอก ว่ามนุษย์มีบันไดลิงให้ปีนขึ้ น เจอปมก็แก้ทีละปม “พระพายเรือหนีผี ผีก็ยืดมือไปจับเรือไว้ ท่านก็พายไป ซ้ายทีขวาที พระยกไม้พายฟาดผีไปหนึ่งที” ท่านบอกว่า ถ้าเราอยากจะไปก็ตัดปัญหา ค าพูดตรงไหน มากระทบเรา เรามีสิทธิว่ากล่าวสั่งสอน แต่อย่าพูดเยอะ พูด สั้นๆ พอเข้าใจ กระทบตรงไหนก็ตัด ดึงไว้ท าไมไม่มีเหตุผลใน การดึง คนที่ดึงเป็ นผี ส่วนเราเป็ นพระ มันไม่มีเหตุผลในการดึง ค าพูดเขาเป็ นปลายเปิ ด ยิ่งพูดยาว ก็เหมือนเขาดึงเรือ ยิ่งดึง เหมือนยิ่งอยากเอาชนะ การหันมาเอาไม้พายฟาด คือ การหัน ไปสั่งสอน แต่อย่าเกิน ๓ พยางค์จบ การพูดอธิบายธรรมะไม่ได้ หรอก โตๆ กันแล้ว มนุษย์บางคนเข้าใจยาก ข้อแม้เยอะ ชอบใช้ ชีวิตเป็ นคนแบกปูน ตอนแรกมีกระสอบใบเดียวเป็ นกระสอบ ว่างเปล่า เดินไปเจออะไรก็เก็บใส่ถุง ทั้งของมีประโยชน์และไม่มี ประโยชน์ ไม่ได้ตรวจดูเลยว่ามันใช้ได้หรือไม่ได้ หันมาดูอีกที เยอะเต็มกระสอบ สุดท้ายแบกไม่ไหวก็ต้องลากไป เพราะความ งก ให้อยู่กับปัจจุบันค่อยๆ ประคองประคับจิตไป ท่านสอนอย่าส่งจิตออกนอก ให้กลับมาดูข้างในของ ตนเอง ให้จิตตั้งอยู่กับ พุท-โธ พุทโธเราตื่นแล้ว สัจธรรมความ เป็ นจริงเป็ นสิ่งที่ไม่ตาย คนบางคนเวลาโกรธ ชอบเอาทิฐิมานะ มาคุย ให้พูดความจริงไป ถ้าเอาทิฐิมานะอารมณ์โมโหไปคุย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 104 เกิดความไม่พอใจเพราะพูดด้วยอัตตา ให้ท่องพุทโธท าให้เราตื่น รู้ ส ารวจตัวเอง พิจารณาตัวเอง บางคนโทสะที่เขาแสดงมัน ออกเป็ นปฏิกิริยาโต้ตอบ จริตเขาเหมือนโดนขังคุก เช่น บางคน เคยรักใครสักคนมาก แล้วท าให้เสียใจ พอหลุดออกมาก็เกลียด ไม่อยากเจออีก ทนไม่ไหวอยากจบ เหตุการณ์เกิดแบบเดิม เกิดขึ้ นบ่อยครั้ง เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับ อารมณ์เหมือนที่เราเห็น ในทีวี ในเวลาที่ต ารวจพาผู้ร้ายไปท าแผน ญาติผู้เสียหายเข้า ระบายอารมณ์กับผู้ร้าย อารมณ์เป็ นอาหารอย่างหนึ่งของจิต จิตที่มีกิเลสตัวโทสะ กิเลสก็มีอารมณ์เป็ นอาหาร โทสะก็ เหมือนกันต้องการอาหาร เมื่อโกรธขึ้ นมาก็พูดออกมา ระบาย ออกมา แสดงอาการโกรธออกมา พอได้ระบายออกมาแสดง ออกมา โกรธก็เบาลง คือ หายหิว โทสะหิวก็คือ พอได้ระบาย ออกมาแสดงออกมา ก็เป็ นอาหารแก้หิวของโทสะยิ่งซ ้าเติมมัน ให้มีพลัง เวลาที่คนเราโกรธ ใจจะพุ่งไปยังคน สิ่งของหรือ เหตุการณ์ที่ท าให้เราโกรธเป็ นการส่งจิตออกนอกไปย ้าคิด ย ้า นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วค าพูดหรือ การกระท าของคนที่ ตอกย ้าซ ้าเติมความโกรธ ก็เหมือนว่าให้อาหารมันส่งเสริมมัน มันก็ยิ่งมีพลังจนบางครั้งเหนือการควบคุม นั่นคือขาดสติ สติ แตก มันก็ระเบิดออกมา เวลาโกรธให้มีสติให้กลับมามองตนเอง เราจะเห็นมัน เพราะมันกลัวก็ถูกรู้ถูกเห็นเราไม่ส่งเสริมมัน ไม่ให้อาหารมันก็หนีไป สุดท้ายไม่มีความโกรธมีแต่สติปัญญา รู้เท่าทัน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 105 เมื่อโลภะเกิดขึ้ นก็เช่นกัน อยากได้เงินอยากได้ทอง ก็ท า ให้อารมณ์อยากในเงินทองนั้นเป็ นอาหารของโลภะ ของจิตที่ มีโลภะ เมื่อได้เงินได้ทองก็รู้สึกว่าอิ่มใจสบายใจ แต่ถ้าความโลภ เกินขอบเขตของศีล บางคนฉลาดในทางโลกแต่จิตมืดบอด ในทางธรรมไปโกงเขา ไปหลอกเอาเงินเอาทองเขามา เกิดวิบาก คือผลกรรมการกระท าของตนเอง ซึ่งกรรมนั้นยุติธรรมเสมอ เขาจะได้รับผลกรรมตามมา เกิดความเดือดร้อนในภายหลัง โมหะ ก็เหมือนกันลุ่มหลงติดรูป รส กลิ่น เสียง เมื่อเห็นรูป สวยงามก็ถูกตาต้องใจ ลิ้ นได้รับรสอร่อยก็ติดในรสชาติ จมูกได้ กลิ่นหอมก็พึงพอใจ หูได้ยินเสียงไพเราะก็เพลิดเพลินสบาย หลง ติดอยู่อย่างนี้ เฝ้าแสวงหามาส่งเสริมมันก็เหมือนส่งเสริมกิเลส ให้มันหนาแน่นมีพลัง ถ้ามากเกินขอบเขตแห่งศีล เห็นผู้หญิง สวยผู้ชายหล่อก็อยากได้มาเป็ นของตนดิ้ นรนไขว่คว้างเอามา โดยไม่สนใจว่าลูกเขาเมียใคร โดนความลุ่มหลงครอบง าก็ เดือดร้อนอีก ธรรมะเป็ นอาหารของจิตโดยตรง เมื่อจิตได้สัมผัสถึง ธรรมคุณที่เป็ นเครื่องเกื้ อกูลจิตใจ ซึ่งบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมได้รับ ก็ย่อมจะรู้สึก ว่าธรรมะเป็ นอาหารของจิตโดยตรง และยังเป็ น ธรรมโอสถ หรือยาธรรมส าหรับที่จะแก้โรคกิเลส แก้โรคโลภ หรือราคะ แก้โรคโกรธหรือโทสะแก้โรคหลงได้ด้วย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 106 “หินหมุนน ้า การหมุนเวียนของน ้า” หินหมุนน ้า เป็ นการหมุนเวียนของน ้าจะน าโชคลาภเข้า มาสู่บ้านหรือส านักงานตามหลักฮวงจุ้ย ให้สายน ้าเรียก โชค ลาภเรียกเงินทอง หินหมุนน าโชค เป็ นน ้าผุดหินหมุนที่ท าจาก หินอ่อน โดยมีปั๊มขนาดเล็ก ส่งแรงดันน ้าขึ้ นไป ตามท่อ ดันลูก หินกลมๆ ด้านบนให้หมุนตลอดเวลา แทนความหมาย ทรัพย์สินไหลเวียนเข้ามามิได้ขาด การดูแลรักษาหินหมุนน า โชค ก็คือ ดูแลให้น ้าเต็มตลอดเวลา และน ้าต้องใสสะอาดเสมอ ต้องกระตุ้นให้น ้าเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะการปล่อยให้น ้า นิ่ง เท่ากับโชคลาภก็จะนิ่งไปด้วย ให้สายน ้าน าพาโชคลาภ ให้ ไหลมาสู่บ้านอย่างต่อเนื่อง จิตมนุษย์ก็เช่นเดียวกันเหมือนกับ น ้าที่ดันลูกหินให้หมุนอยู่ตลอดเวลา คนที่มีสติก ากับอยู่เสมอ จะเป็ นคนนิ่งสงบเหมือนหินจิตใจหนักแน่น บางครั้งท าให้อีก ฝ่ ายที่คิดอกุศลกลัว เพราะมีพลังงานคุณความดีคุ้มครอง พลัง ความดีจะดีดสิ่งที่ไม่ดีออกมาเอง หินมีน ้าหล่อเลี้ ยงตลอดเวลา ฝุ่ นผงก็เกาะไม่ได้ เพราะน ้าดีดออกไป เหมือนเราสร้างบุญกุศล มาตลอด เพื่อก าจัดกิเลสออกจากใจ สร้างบุญจนเกิดวาสนา จน กลายเป็ นบารมีแล้วอยากได้อะไรก็ได้มาโดยง่ายโดยไม่ต้องร้อง ขอ แต่ความอยากมันเป็ นกิเลสอย่างหนึ่ง ถ้ากิเลสตัณหาฝ่ ายดี เช่น อยากท าบุญ อยากบริจาคทานมันเป็ นสิ่งที่ดี เกิดบุญกุศล ขึ้ นมาในใจ ใจก็สุข บุญคือก าลังใจ สร้างบุญเป็ นการท าให้ ก าลังใจเกิดขึ้ นกับตัวเอง บุญมากท าให้เห็นทุกข์สู้กิเลสตนได้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 107 บุญน้อยจิตสู่อ านาจทางต ่า เพราะบุญเป็ นก าลังใจชี้ ให้เห็นโทษ กิเลส สติเป็ นนิสัยปัจจัย ก็คิดได้ ถ้ามีบุญหนุนยังอ านวยให้มี บ้าน มีรถ สุขสบายแต่สังขารไม่ให้ หมดบุญเก่าเสวยสุขก็หมด ไป ดับไป การท าบุญมีสองแบบคือ การท าบุญแบบกระจาย กับ แบบโฟกัส ท าบุญแบบกระจายดูที่จิตตั้งต้น เหมาะกับคนที่ไม่มี เป้าหมายในการท าบุญ กระจายแต่สุดท้ายก็มารวมปมที่ปลาย หรือ มัดรวมที่ปลาย การท าบุญอยู่ที่จิตตั้งต้น ปู่ เปรียบเหมือน การกระจายจุดเทียนพร้อมกันมันก็สว่าง มองลงมาจาก เครื่องบินก็เห็นแสงสว่างได้ ใช้เงินพร้อมกับความสว่าง ดูที่จิต ตั้งต้นกับจิตสุดท้าย หัวกับปลายคือเรื่องเดียวกัน มัดรวมกัน เป็นก้อน เป้าหมายการท าบุญด้วยเงิน คือการบ ารุงพุทธศาสนา ความสว่างคือจิตเราเบิกบานสุขในบุญที่ท า คนบางคนสร้างวัด สร้างโบสถ์ท าคนเดียวได้ก็เป็ นมหาทานบารมี แต่มีเพียงไม่กี่คน ที่ท าได้ในโลก แต่ถ้าชวนให้คนอื่นมาร่วมท า จิตตั้งต้นใครอยาก ท ามาร่วมได้ เปิ ดโอกาสได้มาร่วมบุญ ท าให้มีพลังงาน พลังบุญ มากขึ้ น คนอื่นมี ๑๐ ล้านไหม ถ้ามีแล้วได้ให้ด้วยไทยทาน ทาน ที่บริสุทธ์ิก็เป็นมหาทานบารมีการที่เราแสวงหาที่ท าบุญก็เป็ น การเติมบารมีครูบาอาจารย์ทุกๆ พระองค์ ท าบุญเป็นตามก าลัง ศรัทธาค่อยๆ เก็บเกี่ยวพลังงานอย่าไปโฟกัส การท าบุญแบบเทกระจาด ท่านบอกว่าการท าบุญแบบ เทกระจาด คุณไม่รู้ผลลัพธ์ไปไหว้ทุกที่ ขอทุกที่ แสวงหาไปทั่ว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 108 เทกระจาดไปทั่ว จนกระจายไปทั่ว พอมีปัญหาเกิดขึ้ น ไม่ได้ อย่างที่ขอ หรือหวัง โดนลงโทษหรือโดนบททดสอบ ก็เกิดวิกฤติ ศรัทธา อย่าเอาธรรมะเอาครูบาอาจารย์มาเล่น เราได้พยายาม หรือยัง บางคนที่พยายามก็ว่ายน ้าพ้นแล้ว บางคนครูบา อาจารย์ได้ดึงจิตขึ้ นมาแล้วก็ยังด าลงไปใหม่คือมึน ดูจิตตัวเอง พร้อมไหม สุดท้ายของดีมีอยู่ที่บ้าน ให้กลับมาดูจิตมองพิจารณา ข้างในจิตของตนเอง ทรัพย์ของเราคือทรัพย์ภายใน ทรัพย์ที่เรามาหากันมา เป็ นทรัพย์ภายนอก นี้ เอาไว้เลี้ ยงชีพ ด ารงชีวิตเรามาทุกข์มา ยากกันก็เพื่อหาทรัพย์อันนี้ ส่วนทรัพย์ภายในท าให้ใจอบอุ่น ท า ให้ใจมั่นคง ท าให้ไม่หวั่นไหว ท าให้ไม่ตื่นเต้นกับโลก ท าให้ชีวิต นี้ จะตายเมื่อไหร่ก็สบาย เพราะทรัพย์ภายในรองรับเป็ นเสบียง บุญในการเดินในวัฏสงสาร พระพุทธองค์สอนว่า สันทิฏฐิโก ปัจจัตตัง รู้จ าเพาะตน หัวใจมีค่าที่สุด มรรค ผล นิพพาน ผล ของบุญ ผลของกุศล สร้างสมขึ้ นมาเพื่อปฏิบัติ เพื่อถึงที่สุดแห่ง ทุกข์ เพื่อประโยชน์กับเรา เพื่อเห็นสมบัติแท้ ไม่ใช่เห็นสมบัติ ภายนอก ภายนอกเราก็หาอยู่หากิน แล้วถ้าถึงที่สุดแล้วจิตใจมัน พ้นจากทุกข์ไป มันจะเข้าถึงสัจธรรม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 109 บทที่ ๙ พลังแห่งบุญกับไฟแห่งการตื่นรู้ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน ปัญญาของตนจะรักษาตน ปัญญาของตนจะรักษาสิ่งต่างๆ แล้วย้อนกลับมาดูตน แลว้รักษาตนที่ตนน้ัน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ปัญญาของตนเองนั่นแหละ ที่จะเป็น ที่พึ่ง ไม่ใช่ปัญญาของผู้อื่น ปู่ บอกกัลยาณมิตรปฏิบัติได้มากขึ้ น จึงเชื่อมจิตกับปู่ ได้เยอะเกิดพลังพิเศษ ปู่ บอกว่าคนที่ฝึกจิตจนได้ ญาณสมาธิมีพลังเชื่อมเจโตปริยญาณ ได้ญาณสมาธิมีพลังงาน เหนือมนุษย์ ระบบการเชื่อม รู้จริง พิสูจน์ได้จริงดูด้วยญาณ เดินฝ่ ากระสุนได้โดยไม่เป็ นอะไร ปู่ บอกว่าสมัยก่อนผีเยอะ คน ตายด้วยโรคระบาดเยอะ ผีดุ ผีไม่มีญาติ ท่านจึงมีเครื่องรางของ ขลังไว้แจกชาวบ้าน พวกตะกรุด ผ้ายันต์ ท่านชอบเขียนอักขระ ลงในใบลาน ใบมีด ไม้ไผ่ เวลาปู่ ท่านธุดงค์ในป่ าดงพงไพรก็ ก าหนดจิตหลับตาเดิน พอรู้สึกตัวก็ผ่านไปแล้ว ปู่ ฉันมื้ อเดียว ถ้าจ าพรรษาที่วัดก็พายเรือบิณบาตร ได้อะไรมาก็ฉันอย่างนั้น ได้กล้วยก็ฉันกล้วย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 110 เมื่อหลายปี ก่อนกัลยาณมิตรดูดวงด้วยการใช้จิตเพ่ง เพราะบารมีตัวเองไม่ถึง ท าให้เหนื่อยเพราะเอาจิตไปจับจิตคน อื่น ตอนนี้ ปฏิบัติจิตได้มากขึ้ น ฐานจิตแน่นขึ้ นได้เปิ ดญาณผ่าน จิตนารีทิพย์ บารมีบุญมากกว่า ท่านพาไปจูงมือไปดูเลย เปิ ด ญาณเชื่อมบารมีเชื่อมจิตไป เมื่อก่อนใช้จิต กด ข่ม เพ่งทรมาน กว่าจะได้เห็น ครูบาอาจารย์ที่สื่อญาณให้องค์ความรู้ องค์ปู่ เหมือนระเบิดพลังงานล้างหมด ไม่ได้ล่วงกรรม เขาบอกว่าเวลา ปู่ สื่อญาณมาร้อนจริง วิ่งไปทั้งตัวทั้งร่าง ลูกไฟเผาความร้อนใน ตัว แต่หัวใจไม่ร้อน แยกจิตออกจากกาย พลังงานเป็ นคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ครูบาอาจารย์ธุดงค์ไปเรื่อยๆ ย้ายพลังงานย้ายจุดหนึ่ง ไปจุดหนึ่ง การใช้ชีวิตก็เหมือนกันเพราะการเปลี่ยนกลุ่ม พลังงาน ท าให้เกิดการเรียนรู้เตรียมความพร้อมการเคลื่อนย้าย ย้ายพลังงาน บางคนเกิดความกลัวท าให้ชีวิตไม่มีการ เปลี่ยนแปลง ท่านสอนว่าอย่าจมอยู่กับปัญหา ย้ายออกจากกลุ่ม พลังงานเดิมบ้างออกจากปัญหาคือการเปลี่ยนพลังงานให้อยู่แต่ ในคลื่นพลังงานบวกเพื่อให้วิญญาณมีประสบการณ์ชีวิต การ เปลี่ยนแปลง ย้ายพลังงาน ท าให้เกิดการหมุนเวียนพลังงาน แก่ ชีวิต อย่าจมในสิ่งเดิม อย่าอดทนกับสิ่งที่ท าให้เราเกิดปัญญา เสียเวลาในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 111 บางครอบครัวชอบเอาไฟนอกเข้าเรือนตน ปู่ บอกไฟใน เรือนตนให้ล้างให้ละ บางคนมีปัญหารุมเร้าในครอบครัว ต่าง คนต่างเผาตัวเองด้วยไฟกิเลสมันก็ร้อน ปู่ บอกว่าร้อนไปก็เบาซะ ไม่ต้องกลบเกลือน ร้อนไปไม่มีประโยชน์ ให้แก้ปัญหาทีละ เปลาะ อย่าเกี่ยงว่าใครสร้างปัญหา จงท าตามเจตนาตั้งต้นให้ คลายปม ปมปัญหามีหลายเส้น คลายปมทีละเส้น ค่อยๆ แก้ไป เราก็ท าได้ อย่าหาคนมาแก้ เราแก้มันเองได้ สามีภรรยาบางคู่ ถ้ามันขาดกันไม่ได้ก็เดินไปพร้อมกัน บางคนพอมีปัญหาก็หาคน มาช่วยแก้ ให้คนอื่นช่วยแก้ ก็เหมือนเอาปัญหาเข้าไปในบ้าน ตัวเอง ท าแบบนี้ จนเป็ นอนุสัยซึมเข้าสู่ตัว พอมีปัญหาเกิดขึ้ นก็ โทษดวง ปู่ สอนว่าอย่าไปโทษดวง ครูบาอาจารย์ให้พลัง เตรียมพร้อม อย่าไปโทษใคร เป็นกฎกติกามารยาท กฎระเบียบ ของสังคม คนเราปวดอุจจาระก็ต้องเข้าห้องน ้า หิวก็กิน ทางเดิน เรียบท าไมไม่เดิน ทางเดินสว่างไม่เดิน เขาไม่ให้เดินก็จะเดิน กุศโลบายคือเดินตรงไปข้างหน้า แต่บางคนเดินมันเป็ นวงกลม วนเวียนอยู่กับกิเลสความอยาก ให้เดินทางสายกลางหรือ มัชฌิมาปฏิปทา ถอยให้เป็ นรุกให้ได้ ท่านให้สู้กับพญามารคือ กิเลสของตน ดึงจิตมารักตัวเอง เริ่มจะมีความสุขกับเขาบ้าง บาง ครอบครัวสามีขาดภรรยาไม่ได้ หรือภรรยาขาดสามีไม่ได้ นั่น คือข้อบกพร่องของเขา เพราะกลัวไม่มีคนดูแล ความกลัวก็เป็ น นิวรณ์ ปู่ ว่าจะไปกลัวอะไรตายก็ท าศพ ป่ วยก็รักษา อยู่กับ ปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาเสมอ ดวงดีหรือไม่ดีขึ้ นอยู่กับ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 112 บุญเก่า ให้ประกอบกรรมดี คนขยัน คนซื่อสัตย์ผลลัพธ์มันก็ดี เอง พระพุทธองค์ท่านสอนไฟที่ไม่ควรบูชานั้นก็มี ๓ กอง ไฟ ราคะ คือ ความใคร่ ความอยาก ความติดยึดเพลิดเพลินในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบเรา ไฟโทสะ คือ ความโกรธ แค้น อาฆาต พยาบาทที่สุมมาสู่ตัวเราให้ร้อนรน อยากท าลายล้าง ไฟโมหะ คือ ความลังเลสงสัย ความฟุ้งซ่าน ร าคาญใจต่าง ๆ ที่เกิดจากความไม่รู้ “ไฟที่ออกจากตัวเป็นไฟสีน ้าเงินอมเขียว” ตอนนั้นท่านดีใจได้กลับมาจากภารกิจ เจ้าปิ ดถ ้าบ าเพ็ญ เพียรท่านเรียกแล้วไม่ได้ยิน ท่านเข้าไปหาไม่ได้ เพราะได้มี ข้อตกลงกันไว้แล้ว เป็นที่ส่วนตัวส าหรับนั่งบ าเพ็ญเพียร ตัวท่าน เกิดไฟพุ่งท่วมตัวไฟกิเลส บริวารเข้าใกล้ไม่ได้ มันร้อนดีด ออกมาหมด ตอนแรกไฟสีส้ม ไฟกรรมะ ต้นก าเนิดไฟ ไฟโลกี แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็ นสีน ้าเงิน ไฟตื่นรู้คือไฟสีน ้าเงิน จากไฟ กิเลสสีส้มแดง ค่อยๆ จางไปเป็ น ๒ สี สีน ้าเงินฟ้า คือตื่นรู้ แสง แห่งความรู้ การรอดพ้น เปรียบเหมือนเห็นแสงเทียน จากปลาย ไฟแซกหรือปลายอุโมงค์ รู้แล้ว ตื่นรู้แล้ว เหตุผลที่เหลือ คือกรร มะ จะดับไป กรรมะค่อยๆ เปลี่ยนสี รู้เหตุผล โกรธ ทุกข์ ก า ใบไม้ ดับไป ท่านไม่ดับแต่เปลี่ยนสีไม่ร้อน สีของไฟคือหมุนกลับ หรือกลืนกลับไปไม่ได้เป็ นไฟแล้ว ไฟในตัวพ่นออกไปแล้ว ดูด กลับไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนสีเป็ นไฟเย็น ท่านดับไฟในตนเองด้วย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 113 การวิ่งรอบถ ้าทิพย์ มีตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน จะไม่ใช่อาศัยปัญญา ของผู้อื่นเพื่อที่จะดับกิเลส แต่จะต้องเป็ นปัญญาของตนเอง เท่านั้น ที่จะเป็ นที่พึ่งแห่งตนได้ และ สามารถดับกิเลสของ ตนเองได้ ปู่ ย่ามาพร้อมบริวารนาคเด็กๆ หัวเราะกันคิกคัก ท่านว่า เมื่อก่อนนารีทิพย์กับท่านชอบเลี้ ยงนาคเด็กเต็มไปหมด นาค เด็กจะอายุสั้น เขาจะกินแมลงหรือมดที่อยู่ในเกล็ดนาค เพราะ เกล็ดนาคจะหอมหวาน อีกอย่างนาคเด็กจะกัดผมเวลามวยผม ขึ้ นจะกัดไว้ไม่ให้ผมร่วงลงมา หรือเกาะเกี่ยวกะหวัดบนแขน ปู่ ที่มาหาแต่งชุดเหมือนรุกขเทวา ท่านว่าวันนี้ มีการบวงสรวงที่วัง พญานาค ปู่ ท่านมีหนวดเล็กน้อย ชอบหัวเราะ ย่าสวมชุดขาว ห่มขาวทัดดอกไม้ขาว มีลูกไฟสีฟ้าอมเขียวอยู่กลางน ้า ทุกคน เอามือไปอังลูกไฟ ท่านบอกว่าเป็ นการล้างกิเลส ผ่านไฟ ไฟสี ฟ้าเขียว ไฟแห่งการตื่นรู้ “ท่านไม่วางใจให้คนอื่นเขียน ตอนนี้ อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะคนละภพละภูมิ แต่อยากช่วยเหลือในการปฏิบัติ อยาก ดูแลปกป้อง” ตอนที่เป็ นนาค เจ้ามีมีสมบัติทิพย์มากมาย แต่เหมือน ความว่างเปล่า อยู่แบบสุขนิยมที่ไม่เที่ยง พ่อแม่มีข้าทาสบริวาร มากมาย มีพี่เลี้ ยง แต่ชอบแยกตัวอยู่บ าเพ็ญคนเดียว พอ แต่งงานได้ออกมาอยู่ข้างนอก เป็นคนของสามี ท าอะไรก็เกรงใจ ท่าน แต่ขอมีถ ้าบ าเพ็ญเพียร ข้าทาสบริวารก็มากขึ้ นไปอีก จิต
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 114 ข้างในอยากปฏิบัติ ภพที่กายสังขารแม่ชี บวชเป็ นชีที่พักใกล้ล า ธาร ซักผ้าใช้ไม้ตีผ้า หุงข้าวเก็บผลไม้เอง มีพระพุทธรูปองค์สีด า ประดิษฐานไว้ในอยู่ลานกลางแจ้ง จิตข้างในอยากให้ร่างปฏิบัติ ไวๆ เป็ นแม่ชีล าบาก ไปตักน ้า ผ่าฟืน ล าบากกายแต่ใจข้างในมี ความสุข เป็ นพญานาคอายุยืนจนอิ่มตัว แต่พอเป็ นมนุษย์อายุ สั้น กายทิพย์แม่ชี นารีทิพย์ ลืมหมด จ าว่าต้องบวชเดินตามรอย พระพุทธองค์ สุดท้ายอยากปฏิบัติ ปฏิบัติบ าเพ็ญเพียรอยู่แต่ใน ถ ้า พอจิตหลุดออกจากวงจรนาค ไม่ขอกลับคืนสู่หนหลังไม่ กลับไปเป็นนาค นอนแผ่หลาอยู่ริมท่าน ้า เมื่อหิวก็ต้องกิน อยาก หนีให้พ้นจากวัฏสงสารก็ต้องหนีให้สุด จิตสุดท้ายอยากบวช ภพ ที่เป็ นแม่ชีก็ปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็กเจอครูบาอาจารย์ก็บวชจน ตาย แม่ชีบุญเก่าไม่เยอะโดนโรครุมเร้า อายุสั้นเพราะหมดบุญ การปฏิบัติธรรมสมัยก่อนเรียนรู้ด้วยตนเอง จริตกิเลสยังหนาอยู่ ติดอยู่ใน วิจิกิจฉา คือ ลังเลสังสัย จิตคิดแวบๆ ว่าโสดาบันมัน เป็นยังไง สงสัยไปหมด พระพุทธองค์ท่านสอนว่าเป็ นอนุสัยที่ไม่ ดี เพราะเอาความอยากน า มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ตามพุทธประวัติสมัยก่อนพระพุทธองค์ไม่ได้สอน โดยตรง ธรรมะจากพุทธโอวาท พระสงฆ์มาประชุมรับฟังธรรมะ จากพระโอษฐ์ของพระองค์ท่าน หลังจากนั้นเหล่าพระสงฆ์ขน ขวายฝึ กฝนด้วยตนเอง สมัยต่อมาเหล่าพระสงฆ์ท่านท า ฐานข้อมูล คัดลอกออกไปเผยแพร่ ปู่ ว่าส่วนมากพวกที่มาบวช จะเป็ นโจรกลับใจ เข้าใจหลักค าสอนยาก แต่พอเข้าใจแล้วหลุด
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 115 พ้นไปเลย เปรียบเหมือนการเดินขึ้ นไปบนยอดเขามันล าบาก แต่ขาลงใช้เวลาแปบเดียว การศึกษาพระพุทธศาสนาก็ เช่นเดียวกัน ต้องศึกษาทีละขั้นทีละก้าว คนยุคใหม่แบก ความหวัง ตั้งแต่ขั้นแรก เก็บความรู้สึกเป็ นบวก ตั้งเป้าหมาย มนุษย์ปกติตั้งเป้าหมาย อย่าใช้ค าว่า อฐิษฐานจิต เพราะมัน เป็ นบุพกรรม เป็ นเงาตามตัว บริกรรมตั้งเป้าหมายขนคนไป เป็ นสะพานบุญ เราได้บารมีธรรม ขึ้ นไปถึงยอดเขา ขอแล้วได้ เลย บางคนเป้าหมายจะขึ้ นไปแล้วรวย ถ้าไม่ขึ้ นไป ไม่มีโอกาส ขอ ท่านแนะเป็นกุศโลบายทางธรรม หลักการประพฤติปฏิบัติของพุทธบริษัทเริ่มจากศีล ๕ บางคนอาจศีลพร่องไปบ้างไม่ครบทุกข้อ ศีล คือความส ารวม ระวัง ปิ ดกั้นความชั่ว หรือการไม่ล่วงละเมิดข้อห้าม ท่านให้ เขียนธรรมะแบบให้คนที่ไม่รู้เรื่องธรรมะเลย อ่านแล้วเข้าใจ ธรรมะเบื้ องต้น ทุกข์ใจก็เบาบาง ในโลกียนิสัยบางคนชอบใข้ อารมณ์น าพา เหมือนเราปวดหัวก็กินยา มีไข้ก็กินยาลดไข้ ใน โลกนี้ ไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างต้องพยายาม ป่ วยก็ต้องกินยา ไม่ใช่รอจะตายอย่างเดียว โยมลูกเหมือนเป็ นนักบ าบัดเพื่อนๆ บางคนจบมาทางโลกเยอะ จบมาจากต่างประเทศ แต่จริตนิสัย เหมือนเด็กถูกกิเลสทางโลกครอบง า ก่อนจะช่วยใครต้องบ าบัด เขาไปก่อน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 116 ปัญญาย่อมเป็นนายหน้า ของธรรมทุกประเภท ทั้งที่เป็นโลกียะและโลกุตระ ทางโลกีย์หยาบๆ ที่เป็นนายหมวด นายพรรค นายพวก นายพัน นายพลเป็นต้น ต้องเอาผู้ฉลาดเป็นหัวหน้าทางพุทธศาสนา ว่าบัณฑิตา ปัณฑิตา ปรินายกบัณฑิตาเท่านั้น จึงควรเป็นหัวหน้า ของกาย วาจา คือ ใจที่ประกอบ ด้วยปัญญานัตถิพาลา ปรินายกา คนพาล มิควรเป็นหัวหน้า ใจที่เป็นพาล ไม่ควรเป็นหัวหน้าของ กาย วาจา นี้ น้อมเข้ามา ในฝ่ ายปฏิบัติทางธรรมปรมัตถ์ เพื่อให้รู้ชัด ปฏิบัติสะดวก เป็นโอปนยิโก ไม่ส่งส่ายหนีหลักเดิม พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสไว้ ธรรมทั้งหลายมีใจเป็ น ใหญ่ ส าเร็จได้ด้วยใจ ทุกอย่างเกิดขึ้ นที่ใจ ใจคิดดี กาย วาจาก็ ท าดี พูดดี ใจเบิกบานบุญก็เกิดในใจ บางคนมีบุญเก่ามาก เกิด มาชาติภพปัจจุบันเกิดมาสบาย แต่สร้างกรรมในปัจจุบันให้กับ ตนเสมอทั้ง กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม เลยเกิดวิบากกรรม เป็ นปัญหาไม่มีที่สิ้ นสุด เอากิเลสน าหน้า จิตมองต ่าชอบจับผิด ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จริตก็ติดลบเหมือนคนตาบอด คิดพิเคราะห์ อะไรไม่ได้ ท าอะไรก็มีคนกรองให้ก่อน แยกแยะเองไม่ได้ นิสัยลุ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 117 แก่อ านาจ มีวาสนาแต่ไม่บารมี คนแบบนี้ ใช้ตาดูอย่างเดียวไม่ ใช้สติปัญญาพินิจพิเคราะห์ ปู่ บอกคนดีเป็นเกลือละลายแล้วเห็น เป็ นน ้าใส มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เปรียบเหมือนความดี ท า ความดีจนเป็ นนิสัย ดีจนกลายเป็ นนิสัยปกติ เหมือนเกลือผสม น ้าใส มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเกลือ การท าดีกลมกลืนเป็นน ้าใส คนไม่รู้ ต้องชิมถึงจะรู้รส การพิสูจน์คือชิม มาสัมผัส หรือน ้า แห้งไปหมดสุดท้ายเป็ นผงเกลือ เขาจะมองความดีของเรา ส่วนตัวเราเองก็ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเห็นหรือไม่เห็น ใจเราเป็น สุขพอ มนษย์อยากเห็นการตกตะกอน ต้องมีคนน าเสนอให้ การ ตกตะกอนให้เห็นคือการท าตัวโดดเด่น เสแสร้งมองด้วยตาเปล่า เห็น คนที่ชอบเห็นการตกตะกอน แยกแยะเรียบร้อยแล้ว คน แบบนี้ ใจเร็วไม่ชอบการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลานาน ใช้ตามองอย่าง เดียว เห็นน ้าที่ตกตะกอนก็ไม่กล้าชิมเพราะยังเห็นตะกอนอยู่ คนแบบนี้ จิตส่งออกใช้จินตนาการ มโนจิตคิดปรุงแต่งไปตาม กิเลสของตน คิดระแวงไปก่อน เกลือที่ละลายไปแล้วต้องชิม อย่างเดียว คนที่เป็ นน ้าเกลือใส อ่านใจไม่ออก จินตนาการเอา เองไม่ได้ อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นใช้มโนจิต และทดสอบ ใช้ใจ สัมผัสจิตสัมผัส น ้าที่ตกตะกอนพิเคราะห์แยกแยะให้แล้ว คน มักจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น มองด้วยตาเปล่าแล้วเชื่อ ไม่ใช้สมอง พินิจพิเคราะห์ การบ าบัดก็หมั่นเติมเกลือ คือเติมความดีเข้าไปในจิตใน ใจ การเติมน ้าเติมเกลือ ให้รีบคนให้กลมกลืน ตั้งรับพินิจ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 118 พิเคราะห์แยกแยะ ให้รีบละลายกิเลส ละนิวรณ์ เกลือมีน ้าผสม นิวรณ์คือน้ า มองดว้ยตาเปล่าไม่เห็น จิตบริสุทธ์ิเป็นน้ าเกลือ ตกตะกอนละลายได้ไม่ดี จิตตั้งต้นไม่ดี สารละลายมาจากจิต แอบแฝงรวม เขาไม่กล้าดื่มน ้าเพราะมองเห็นตะกอน เขาจะ ค่อยๆ ห่างไปเอง น ้าเกลือใสได้จริง น ้าเกลือจริงมีประสิทธิภาพ ล้วนมาจากปัจจัยทางธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา กาย วาจา ใจ เจตนาตั้งต้นสะดุดเกลือเยอะน ้าไม่พอ พินิจพิเคราะห์เยอะไป การท างานต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เรามีหน้าที่อะไรก็ท าไปท าด้วย ความตั้งใจ ผลมันออกมาเอง เรามีหน้าที่คน ถ้าเราคน ๑ ครั้ง ๒ ครั้ง แล้วตกตะกอนก็กรรมของเขาเราช่วยไม่ได้ รวมเนื้ อ เดียวกับธรรมชาติหรือไม่รวมเป็ นเนื้ อเดียว การแก้ปัญหาต้อง คัดแยก กงกรรมกงเกวียน พระพุทธองค์ให้โอกาสทุกคน การ เอาผ้ามาปั่นรวมกันหมด ผ้าขาวเลอะสีแดง เพราะเป็ นผ้าย้อมสี การหมุนย้อนแยกแดงออกขาว เป็ นการทวนกระแสโลกกลับ ย้อนมาศึกษาภายในตนเอง คนที่ฝึกจิตมาดี จิตต่อตรงครูบาอาจารย์ ตามหลักพระ พุทธองค์ การเชื่อมแบบมีสติ กายหยาบส่งต่ออารมณ์มาจาก หัวใจสัมผัสได้ จับสัมผัสได้ไม่อคติมีสติปัญญาก ากับ ใช้จิตสัมผัส เปรียบเหมือนทุเรียนหนามรอบแต่ข้างในอร่อย คือคนที่หน้าอีก แบบจิตอีกแบบ จิต สมอง ลูกกะตาไม่ต้องไปพร้อมกันก็ได้ การ สวดมนต์เสริมรากแก้วคือฐานของจิต รากแก้วมีน้อยแต่ยึดได้ แน่นพลังยึดมั่นในคุณงามความดี ใจสงบ ตาก็สว่างเกิดสภาวะ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 119 อะไรใจก็ไม่ฝ่ อ ความกลัว ความมืด มนุษย์เลือกฟังในสิ่งที่อยาก ฟัง มาจากกิเลสความกลัว ความเหงา ความลังเลสงสัยเป็ นราก ฝอยแตกกระจาย จิตส่งออกจนจิตกระจายไม่หนักแน่น คนที่เป็ นลูกโป่ งอัดแน่น ชอบฟังค าชม ค าสรรเสริญ เยินยอ คิดบวกมากไป บวกมากไปเติมไม่ได้อีก เวลาแฟบจิตก็ ตกจนพยุงตัวเองไม่ขึ้ นเพราะติดอยู่กับค าชม เมื่อถึงเวลาต้อง เปิ ดช่อง ติดค าด่าไหม ติดค าชมไหม ท่านที่จิตปกติไม่กระทบ ไม่สามารถท าให้จิตผิดปกติสุข จิตเข้าถึงสัจธรรมอันเป็ นความ จริงของธรรมชาติ จิตเหนือความว่าง ท าหน้าที่ของมนุษย์ ภาษา ทิพย์มโนจิตเปิ ด ความเข้าใจพอคุ้นเคยเปิ ดประตู กัลยาณมิตร เป็นประตู เรามีกุญแจไขเชื่อมบุญบารมีเก่า
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 120 บทที่ ๑๐ กิเลสครอบจิต เจ้าบอกว่า จะสร้าง องค์เหมือนข้า แต่เพลาน้ีเจา้กลับห่างเหิน เดินเคียงบ่า กับข้า กลับท าเมิน มนุษย์เยิน ยลโฉมข้า พาข้ามไป อนิจจาองค์ข้าน้ีที่รอสรา้ง สุดอ้างว้าง ในยามน้ีนี่ไฉน ใจเจ้าบอกรักข้า พาฝันไป ไม่มีเยื่อ แถมขาดใย ใจนางเอย.. ในกาลรู้ ว่าองค์พี่ ที่รอนั ่ง แท่นบัลลังก์ ของพี่ อยู่ที่ไหน พี่เฝ้ารอ รอวันน้ัน แทบส้ินใจ เจา้น้องใย ปล่อยให้พี่น้ีเฝ้าคอย เทพเทวดา เทพนาคาก็ยังมีกิเลสอยู่ มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลงเหมือนมนุษย์เรา พอเข้าใจโลกก็เข้าใจธรรม กรรมของ มนุษย์มีมาด้วยกันทุกคน กรรมดี กรรมชั่ว เราปฏิบัติอยู่ต้องรู้ และเข้าใจในสภาวะจิตของมนุษย์ นานาจิตตังอยู่แล้ว ถ้าไม่ เข้าใจจิตของมนุษย์ทุกทั่วตัวคน คงจะต้องวุ่นวายเกิดการผิดใจ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 121 กันทะเลาะกันแน่ๆ รู้แล้ว เห็นแล้ว วางเฉย ไม่ถือ ไม่แบก มัน หนัก ปู่ ย่าอวยพรให้มีสุขทั้งกายใจ ดวงจิตมาเมื่อน้อมระลึกถึง เส้นทางนึกสร้างบารมี ท่านบอกต้องอดทนนะลูกหลาน หัวใจ เจ้าต้องเข้มแข็ง ต้องผ่านทุกบททดสอบ ยิ่งหนักเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่ง แกร่ง ปู่ ย่าจะดูแลคุ้มครอง บุญบารมีให้เจ้าสร้าง อย่าทิ้ งห่าง ความดี หนี้ กรรมก็ชดใช้ไป อย่าท้อแท้ในการสร้างคุณความดี หลานปู่ หลานย่าอย่าอ่อนแอ เจ้าจงศรัทธา ในความดี เพียรท า ต่ออย่าได้ขาด ทุกอย่างมีเวลา เชื่อศรัทธา ปู่ ย่าจะคุ้มครอง ในวันชื่น คืนที่เศร้า พี่เฝ้าหา บนนภา มาศหมาย คลายทุกข์บ้าง ผูกจิตพี่ ใจพี่ ที่น้องนาง ใจสว่าง คลายทุกข์ เป็นสุขเอย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวเกี่ยวกับภพภูมินาคว่า เวลาคู่บุญบารมีจะจุติ พญานาคแต่ละตนก็จะรู้เอง ว่าลูกไฟของ ใคร คู่จะจุติเป็นคู่ของใคร ท่านก็รู้แล้วว่าคู่จะมาจุติ เพราะผูกจิต กับคู่ตน ภพภูมินาคจะไม่มีค าว่าตรงกลาง ถ้ารักก็จะรักมาก เมื่อรักใครแล้วยากที่จะถอดถอน จึงมีการสัญญาสาบาน ผูกจิต กับคู่ของตนไว้ หากเมื่อจ าพรากจากกันหรือละสังขารไป ร่างกายแตกสลายไป ไม่ได้ถอนถอดค าสัญญาสาบานนั้น แรง อธิษฐานสัญญารักที่กระท าด้วยจิตที่มีพลังของภพภูมิพญานาค
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 122 ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีพลงัฤทธ์ิมาก ก็ยิ่งมีพลงัรกัที่รุนแรง ติดจิตขา้ม ภพชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านบอกว่าดวงจิตแยกจากกันแต่ กายสังขารนาคยังคงอยู่คู่กันที่ปากถ ้าทิพย์ ปู่ บอกว่า มนุษย์ระลึกชาติได้ทุกคน แยกแยะความคิด พออายุมากขึ้ นความจ าเป็ นในชีวิตลดลง การดื่มน ้าลืมชาติ ให้ จ าและระลึกว่า เราเป็ นคนใหม่ แต่ว่าดวงจิตเดิม ถ้าจิตเดิมมี พลัง จิตดีก าหนดเอาเอง มโนจิตตรงกันจิตก็จูนกับท่าน เราต้อง เข้าใจสัจธรรมของโลก ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้ น ตั้งอยู่แล้วดับไป มี ฟ้ามืดฉันใด ย่อมมีฟ้าสว่างฉันนั้น การเกิดขึ้ นไม่ยากแต่การ ประคับประคองไม่ให้ตายนั้นยาก บางคนด าเนินชีวิตเป็ นปกติ คือการเดินสองขา แต่บางคนใช้ชีวิตไม่ปกติชอบเดินลากขา ตัวเอง หรือเดินขาเดี้ ยงไปท าไม พอมีปัญหาแล้วมาโวยวาย คน กล้าขอก็ต้องกล้ารับ แล้วต้องกล้าประคับประคองไปให้ได้ เวลา ขออะไรต้องคิดด้วย ให้ท าตัวเหมือนก าแพงหิน ถูกระแทกเท่าไร ก็ไม่ล้ม ทุกอย่างถูกก าหนดไว้แล้ว แต่มนุษย์ชอบฝืนชะตา อย่า อวดรู้อย่าอวดเก่ง ท าตัวเหมือนเด็กขายของ เบื่อแล้วก็ทิ้ ง ขาด ความมุ่งมั่นและตั้งใจ ตอนนี้ ธุรกิจเปรียบเหมือนเรือส าเภาใน ทะเล เจอคลื่นความแปรปรวน ธุรกิจใหญ่ก็เหมือนเรือล าใหญ่ ไม่มีโอกาสล่ม แต่เรือล าเล็กก็ต้องช่วยกันประคับประคองมันก็ ผ่านไปได้ “เมื่อก่อนจริตเจ้าอยู่ไกล เดินเร็ว ท่านเข้าใกล้ไม่ได้ ธรรมะยังไม่ทัน ตอนนี้ ท่านอยู่ห่างแค่ ๒๐ ก้าว”
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 123 ท่านชอบสอนเป็ นกุศโลบายว่านารีทิพย์จิตตื่นรู้ เดินเร็ว กว่า เมื่อก่อนท่านตามไม่ทัน แต่ตอนนี้ อยู่ห่างจากท่านอยู่ก้าว ๒๐ ก้าว แต่นั่นเป็ นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จิตตื่นรู้ วาระ ส าหรับเจ้าถึงนานแล้ว ทางธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว มาพร้อม ตั้งแต่เกิด แต่ต้องชดใช้ทางโลก มนุษย์มีวิบาก โลกมนุษย์ โลก เทวดาหมุนไปพร้อมกัน เคราะห์รัก เคราะห์กรรม เคราะห์โรค เวลาทางโลกมาเบียดเบียนทางธรรม ตอนตายจิตก็เป็นแม่ชี จิต ก่อนละสังขารนาคก็อยากบวช การเอาชนะตัณหาเหมือนเอาชนะตัวตน ไฟตัณหา เกิดขึ้ นก็ร้อน การมองข้ามตน ไปเรียนรู้แต่สิ่งอื่น การได้รับการ ยอมรับในสัตว์โลก อะไรคือการยอมรับ สิ่งใดร้อน ทิ้ งไว้ก็เย็น ร้อนด้วยความอยาก อยากด้วยสติปัญญาคืออยากในทางที่ ถูกต้อง ท่านอยากให้เจ้านางรู้จักเดินจงกรม เดินนับก้าว ท่าน ให้เห็นภาพปางพระสีวลีบิดตัว เป็ นนักเดินทาง ความเหี่ยวแห้ง ในสังขารเราเป็ นเรื่องธรรมดา ท่านเมตตาเจ้านางเหมือนเป็ น แสงสว่างต่อตรงถึงครูบาอาจารย์ จิตเจ้าเหมือนลูกแตงโม แค่มี คนเอาหลอดไปจ่อดูดเนื้ อแตงโมออกมากิน ความรู้ทั้งหมดอยู่ ในหัวแล้ว จะตอบในจิตของเจ้าเอง ท่านส่งคลื่นความถี่ เปิดปาก กัลยาณมิตรให้พูดแต่ไม่ผ่านสมอง เรียกว่าเปิ ดโอษฐ์ให้พูด จิต เจ้าสื่อถึงท่านแบบต่อตรง เหมือนการส่งคลื่นพลังงานการต่อ ตรง เจ้าจะไม่รู้ความหมาย เหมือนคลื่นโทรศัพท์ที่ท่านส่งผ่าน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 124 มโนจิตให้เห็น เรียกว่าผ่านปาก ออกจากปากแต่ไม่ผ่านสมอง ภาษาท่านเพราะมากท่านบอกว่า “ประทับรับฟังหรือสดับรับฟังเข้าโสตประสาทเรา แล้ว ประสาทก็รับรู้และจิตก็รับฟัง ถ้าคนที่มีมารเยอะครูบาอาจารย์ ท่านสอนหูก็ดับ กรรมมาบัง ถ้าคนที่กรรมเบารับฟังมาแล้วให้ ก าหนดจิตตาม จิตเราอยู่ในสถานการณ์นั้นเราจะเข้าใจ” ท่านส่งมาสื่อเป็ นจิตญาณ แต่ถ้าเทพองค์ไหนประทับ ทรงมนุษย์ปกติเป็ นการประทับบาปเพราะเป็ นการก้าวล่วงดวง จิต เป็ นบาป แต่ในกรณีที่ท่านส่งจิตญาณมา แล้วมาส าทับอีก ครั้งเพื่อความกระจ่าง จะให้เห็นเป็นภาพในมโนจิต “ภาษามนุษย์มันยากแท้หยั่งถึง อย่างค าว่า ดีจัง รัวๆๆ ปังๆๆ เฮงๆๆ มันเป็ นภาษาแสดงอารมณ์ จะไม่มีในภาษาเทพ หรือภาษาของท่าน ถ้าบอกว่าเป็ นคนดี เป็ นคนดีมาก หรือเป็ น คนดีน้อย ภาษาท่านมีแค่นี้ เวลามนุษย์ขอพร ขอให้รวยปังๆๆ รวยสุดๆ เทพท่านไม่รู้ว่า ปังๆๆ สุดๆๆ คืออะไร เวลาขอพร ต้องใช้ค าพูดให้ชัดถ้อยชัดค า ต้องมีอักษระที่ไพเราะชัดเจน มี ส านวนโวหาร ให้อ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อให้ท่านเมตตา” พระพุทธองค์ฉันเนื้ อสุกรมัทวะ สุดท้ายก็อาเจียนออกมา มีมากไป รู้รสแล้วก็จ า รู้รสพอแล้ว ท่านสอนให้พอเพียง บาง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 125 ครอบครัวเดินเหยียบขี้ โคลนแต่ไม่ล้างเท้า คือรู้ปัญหาแต่ไม่ยอม ช่วยตัวเอง เห็นก็เห็นอยู่ว่ามันสกปรก แต่ไม่ยอมล้าง ปล่อยให้ มันเคยชิน จนกลายเป็ นอนุสัย มันพอกพูนขึ้ นมาเรื่อยๆ บ่อ โคลนบ่อดินก็ย ่าอยู่อย่างนั้นแหละ คือความหลง แค่เดินออกไป จากความเคยชิน สถานการณ์ปัจจุบันของโลกมนุษย์ เหมือน มนุษย์อยู่บนเรือเจอคลื่นในทะเล บุคลากรในเรือครบ คลื่นสูง แต่ละคนก็เปี ยกปอน ต้องหันไปมองฝั่ง ซื้ อเวลาไปเรื่อยๆ ทุก คนเจอคลื่นชีวิต คนที่ยืนต้องประคองตนเอง คนไหนขาไม่ แข็งแรง ทรงตัวไม่อยู่ ก็เซไปบ้างเอียงซ้ายทีเอียงขวาที ทั่วโลก เจอปัญหาเหมือนกัน เด็กจบใหม่บางคนภูมิคุ้มกันน้อย เปรียบ เหมือนไม่มีวัคซีน จิตเบามาก แค่แตะก็ปลิวไปเลย โยมลูกชอบ คิดเป็ นธรรมะ แต่บางครั้งการคิดเป็ นธรรมะก็จริง แต่ให้นึกถึง ความเป็นจริง อีกฝ่ ายกระแทก อีกฝ่ ายหลบ กฎหมายเป็นกรอบ กรอง คนแบบนี้ ซับซ้อนภายใน เรามีครูบาอาจารย์แนะน า ทางการปฏิบัติเป็นนายท้าย บางคนก็เครียดแล้วเครียดอีก ย ้าคิดในจุดเดียวเหมือน หมึกซึมในกระดาษ จุดแช่ไว้แค่จุดเดียวจนมันหนาซึมกระจาย ผูกปมก้อนทุกข์ดีดออก การดีดทุกข์จะมีสองแบบ คือดีดเป็ น ก้อนกลมโยนออกไป อันที่สอง ออกเป็ นรังสีออกเป็ นคลื่น มนุษย์ปกติออกเป็ นก้อน ผูกปมเป็ นก้อน บี้ อยู่เรื่องเดียว ทุกข์ อยู่เรื่องเดียว เช่นสามีไปมีเมียน้อยฟาดฟันอยู่เรื่องเดียว เรื่อง อื่นไม่เข้ามา ไม่เครียดหลายเรื่องในเวลาเดียว ผูกเป็ นก้อน พัน ปมรวมกันไว้ในหัว พยายามให้ศีลเสมอ ถ้าศีลไม่เสมอ ก็ถอย
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 126 ออกมา ๑ ก้าว คนปกติตัดบทดีดออก ถ้าแผ่ออกมาเป็ นรังสี แสดงว่าเก็บขยะไว้เยอะ พวกนี้ เคยปฏิบัติมาก่อน เครียดจนพูด ไม่ออก อยากระบายแต่ไม่ออกจากตัว ดีดออกไม่หมดกระจาย ไปทั่วตัว มันบดบังพลังงานบวกของตน เก็บทุกข์ผสมเล็กผสม น้อย กระจายไปทั่วร่าง จนฉันทนอะไรไม่ได้แล้ว เหมือนมะเร็ง ในกระแสเลือด กระจายแผ่ซ่านออกไป โยมลูกมาฟังจริตกิเลส ความทุกข์เขา เขามีกิเลสหนาพอกพูน จนเป็ นหินปูนเกาะ จม อยู่กับทุกข์ แล้วปกปิ ด กดฝังดิน กดปม เคาะประตูเขาไม่เปิ ด ถ้าโยนก้อนทุกข์ไม่เครียดขนาดนี้ เขากดดันตัวเองจนก้อนทุกข์ แตกทิ้ งเชื้ อไว้ในตัว ซึมเข้าไปในความคิด โลกเป็ นสีเทาพลังงาน สีเทาเปรียบเหมือนคนโดนสะเก็ดระเบิด พอตื่นออกจากทุกข์ ก็ พยายามดีดทุกข์ออก แต่เหมือนดีดก้อนหิน ปู่ บอกเขาเอาปมมา ร้อยเป็ นพวงมาลัย ผิดผีปู่ ย่า คิดเป็ นปมทุกวัน ปมเยอะผูกปม จนลืม พอจะย้อนกลับมาคลายหาปมไม่เจอ ปู่ ว่าโยมลูกไม่รู้วิธี รับทุกข์จากเขาเลยปวดหัว เหมือนโดนเขาปาหินใส่ไม่ได้ตั้งรับ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสอนคนอื่น เราเกิดมาเพื่อปฏิบัติเป็ น แบบอย่างให้คนท าตาม ใครจับจิตได้เดินตาม คนอยากท าบุญ อยากปฏิบัติก็ท าตาม ปมปัญหาเปรียบเหมือนเชื้ อโรค บางคนสะสมทุกข์ เหมือนหยอดเหรียญลงในกระปุกออมสิน เครียดค าพูดคนนั้น เครียดเรื่องเงิน เครียดเรื่องยอดขาย ก็หยอดมันลงไปในกระปุก เหรียญก็คือปมในใจ ถ้ามีปมถึง ๕ ข้อ ก็เดินต่อไปไม่ได้ ไปวัดก็ จริงแต่ไม่มีวิธีปลดล็อด เก็บไว้จนกลัว กลัวไม่มีจะกิน ส่วนคน ธรรมดาจะสะสมความสุข สะสมความดี แต่คนบางคนสะสม
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 127 ทุกข์ จนฉีดเข้าเส้นตนเอง ปู่ บอกว่าจมทุกข์ เหมือนระเบิด นิวเคลียร์ เหมือนภูเขาไฟระเบิด ลาวาไหล ทุกคนดูลาวาไหลก็ รู้สึกไม่ร้อน ส่วนตัวเขาร้อนผิวพุพองไปทั่วตัว เพราะกิเลสมัน เผาตัวเอง พุ่งมาจากหัวสมอง ระเบิดจิตออก ฉีดยาเข้าเส้น ตัวเองมา ๑๘ ปี ทุกข์กับปัญหาตามแก้มาตลอด เหมือนโรค หลอกตัวเอง อดีต ปัจจุบัน อนาคตเอามาปนกันหมด มาใหม่ เรื่อยๆ ความรู้สึกเสียศูนย์เพราะจิตใจบอบช ้ามาก ให้ล้างจิตเอา ความเครียดออกไป ที่จริงมันมีที่ปล่อย ท่านให้ปฏิบัติจิตสร้าง ฐานจิตให้แน่น ถ้าสติมาปัญญาเกิด ตีโจทย์อะไรก็ได้ บางคนเหมือนมีพลังงานนิวเคลียร์รอบตัว ความลังเล สังสัย เป็ นกรรมสะสม ความเครียดเหมือนสัญญาณเปรตส่ง สารพิษมาให้ อย่าสะสมขยะ ให้ตัวเราเปลี่ยนแปลงมวลสาร เป็นเหมือนเครื่องกรองกาก เราปั่นผลไม้ แยกออกว่าอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ เอาออกจากชีวิตกรองแล้วถ่ายออก บางคนไม่ กรองรวมไว้ทั้งก้อน กระจายจิตไปรับเอาเข้ามาอีก เลยท าให้จิต หนัก ให้ปิ ดคลื่นพลังงานลบอะไรไม่ดีมันเป็ นพิษ อย่าไปดู อย่า ไปฟัง ให้สวดมนต์นั่งสมาธิ รักษาสมดุลพลังงานของตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับภาระความรู้สึกของคนอื่นมากจนเกินไป ปรับจิตให้จิตได้มีที่อยู่จิตจะไม่ได้ส่งออก จิตจะไม่กระจาย นั่ง สมาธิจิตสงบจิตก็จะมีพลังสติมาปัญญาเกิด อะไรก็ตามที่เราหนี ไม่พ้นเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ เราจะได้ไม่ทุกข์ ปู่ บอกโยมลูกมีตัวกรองพลังงานกันการโกหก คนที่โกหก เก่งเหมือนเขาเป็นจิตกรชอบวาดรูป ไปด้วย เป็นนักตกแต่งเรื่อง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 128 คนฟังอยากดูรูปอะไร ก็วาดไป อยากเห็นอะไรก็วาดให้ดู แต่งสี ให้ฉูดฉาด การแต่งสีก็เหมือนการใส่อารมณ์เข้าไป ส่วนคนที่ไม่ มีจริตแบบนี้ ให้วาดรูปก็วาดไม่เป็ น วาดไม่ได้ กระดาษเปล่าไม่ มีเรื่องให้แต่งเติม จิตเราขาวไปแล้ว แต่งอะไร พูดกี่รอบก็ เหมือนเดิม ความจริงก็คือความจริง ภาพวาดตามใจคนดู คน ฟังตอบโจทย์กิเลสตัวเอง ตอบโจทย์ซึ่งกันและกัน พวกเขาตอบ โจทย์กิเลสซึ่งกันและกัน เราสีขาวเราไม่มีอะไรจะเขียน คิด อย่างไรก็เป็ นอย่างนั้น กระจกสะท้อนจิตข้างใน จิตเขาเหมือน ปลาดุกถูกทุบหัว ดิ้ นพล่านๆ กิเลสนิวรณ์หนามาก การท าความดีต้องเป็ นเกลือรักษาความเค็มไม่มีน ้าตาล ปน เพราะถ้ามีน ้าตาลปนรสมันจะปะแล่มๆ เหมือนพริกกับ เกลือ ต้องใส่เกลือลงไปเท่าไหร่จึงจะเค็ม ท าดีเป็นเกลือ คนที่จิต ตกต ่ามักจ้องจับผิด เห็นจุดผิดนิดเดียวจ้องจะถล่มให้จมดิน ขุด มาว่า พวกนี้ เป็ นหมาเห่าใบตองแห้ง กระจกมันแตก มันมองไม่ เห็นเงาตัวเอง เขาวิเคราะห์คนอื่นได้หมด แต่ไม่กล้าวิเคราะห์ ตัวเอง คนแบบนี้ จะขี้ จะอ้วกไม่เลือกสถานที่ เขาจะพูดจาก จินตนาการของตัวเองไม่ได้พูดจากภูมิความรู้ เหมือนหมาวิ่ง กัดหางตัวเองสุดท้ายนั่งอกแตกตาย เราก็ให้นั่งกินไอศกรีม ดู หมาไล่กัดหางตัวเอง
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 129 บทที่ ๑๑ ส่งแม่ไปสวรรค์ ค าอธิษฐาน เวลาท าบุญที่ถูกต้อง ให้เกิดกับพ่อแม่ที่มีสัมมาทิฐิ ท าบุญรักษาศีล เจริญภาวนา ถ้าเกิดมาแล้ว จะได้จูงเราไปในทางที่ดี ถ้าเกิดในชาติภพใด ขอให้ได้พบ พระพุทธศาสนา อย่าได้พบลัทธิศาสนามิจฉาทิฏฐิ ปรารถนาสูงสุดให้พ้นทุกข์ เข้าสู่นิพพาน ตัวน้ีดีที่สุด โอวาทธรรมหลวงปู่ เปลี่ยน ปญฺ ญาปทีโป สวดบทสวดมนต์จุลลไชยปกรณ์ ให้แม่พิงหลัง แล้วจับมือ แม่พนมมือไหว้สวดมนต์ให้แม่ฟัง ท าแบบนี้ ทุกคืน ข้าพเจ้า กราบเท้าขอขมากรรม เอาเท้าแม่วางพาดบนศีรษะ น้อมกราบ พระคุณแม่ ผู้หญิงคนนี้ ที่เลี้ ยงลูกมาอย่างยากล าบาก แม่เป็ น ผู้หญิงที่แกร่งมาก บุญกุศลใดๆ ที่ลูกคนนี้ ได้ท าในอดีตชาติหรือ ปัจจุบันชาติ ขอให้บุญที่ลูกได้ท ามาเป็ นทางสายบุญ เป็ นแสง สว่างน าทางให้แม่ ไปสู่ภพภูมิที่ดี ข้าพเจ้าเฝ้าดูแม่หายใจ ตลอดเวลา จนแม่สิ้ นลมไปอย่างสงบ มนุษย์เราก็เป็ นแบบนี้ มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก่อนแม่สิ้ นใจ พิจารณาลมหายใจแม่แผ่วเบา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 130 มาก และสะดุดนิดหน่อย มีเสียงก็อก แล้วลมหายใจก็หมดไป เหมือนคนนอนหลับ แต่เป็ นการนอนหลับที่เป็ นการหลับไป ตลอดกาล เหลือไว้แต่คุณความดีที่ลูกหลานน้อมระลึกถึงเสมอ “ส่งแม่ไปสวรรค์” ค าที่กัลยาณมิตรที่เขาเห็นในมโนจิตของเขา เขาบอกไว้ ตั้งแต่ ๒ ปี ก่อน เขาเห็นนาคสีเงินยวงมารับและไปส่งแม่ กัลยาณมิตรเพิ่งมาบอกหลังจากงานศพของแม่แล้ว เขาบอกว่า ก่อนที่ข้าพเจ้าจะกลับบ้าน เขาเห็นข้าพเจ้าใส่ชุดสีขาวสวย เดิน น าขบวน แล้วมีคนใส่ชุดด าเดินตามหลัง วันที่แม่เสียตรงกับวัน อาทิตย์ที่ ๖ ย่างเข้าวันจันทร์ที่ ๗ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เวลาตี ๐๓ : ๓๓ นาฬิกา กัลยาณมิตรว่าแม่ไปสบายแล้ว มีกลิ่นหอม มีดอกบัวสี ชมพู เต็มไปหมด แม่บอกว่ากลับบ้านไม่ถูกแล้วนะ นางฟ้าพา ไปเที่ยว แม่คุณท่านพูดตลกว่า ถ้ารู้ว่าตายแล้วสบายอย่างนี้ ตายไปนานแล้ว ท่านบอกว่าไม่ให้พากันร้องไห้ ร้องท าไม และ ไม่ต้องอธิษฐานขอเกิดเป็ นแม่ลูกกันนะ ท่านบอกว่า ท่าน เหนื่อยมากแล้ว และแม่ขอบคุณ คุณที่กระซิบข้างหูท่าน ตลอดเวลา ข้าพเจ้าว่าไม่ได้กระซิบ แต่สวดมนต์ให้แม่ฟังทุกคืน กัลยาณมิตรบอกว่า แม่คุณท่านสอนว่า
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 131 มนุษย์ก็เหมือนต้นไม้ เมื่อเติบโตขึ้ น ก็ให้ดอก ให้ผล ประโยชน์ของต้นไม้ คือผล หลังจากนั้นก็เหี่ยวเฉาตาย บางต้นก็ยืนต้นตาย หมดสภาพความเป็นต้นไม้ มนุษย์ก็เหมือนกัน พอแก่แล้วก็ตาย หมดสภาพความเป็นมนุษย์ ช่วงนี้ ยังรู้สึกเศร้าอยู่ เพราะทุกเย็นๆ จะโทรคุยกับแม่ ตลอด แต่วันนี้ กิจวัตรนี้ ขาดหายไป ท าไม่ได้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ แล้วว่า มนุษย์เรา มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราเกิดมาแล้ว ก็มาตัว เปล่า เวลาตายไปก็ไปตัวเปล่า ไม่มีสมบัติเงินทอง อะไรๆ ติด ตัวไป นอกจากบุญกับบาป แต่พอถึงวันนี้ จริงๆ ก็ต้องใช้เวลาที่ จะยอมรับได้ ปู่ สอนว่าการพลัดพรากด้วยการตายจาก เหมือน เราถูกตัดมันใช้เวลารักษาสภาพจิตใจไม่นาน แต่ถ้าเราเป็นฝ่ าย ตัดมันจะทุกข์ทรมานมากกว่า ข้าดูอยู่ จะสู้อยู่เคียงข้าง อยู่อย่างไร ใจข้านั้น ไม่จืดจาง อย่าอ้างว้าง เลยหนา ข้าเศร้าใจ จิตและใจ ของเจ้า ใครเขารู้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 132 ข้าดูอยู่ ทุกเวลา หาใครไม่ เจ้าคงเป็น สุดที่รัก ทุกชาติไป อยากบอกให้ เจ้ารับรู้ ทุกเวลา หลังจากที่แม่เสียไปไม่นาน ฝันตอนตี ๕ ข้าพเจ้าฝันว่า ได้นั่งไปในเรือล าใหญ่ ซีกหนึ่งมีหลังคา อีกซีกหนึ่งเปิ ดโล่งไม่มี หลังคา นั่งเรือไป ฝันนั้นเป็ นช่วงเช้ามืด บรรยากาศยังมืดสลัว ในฝันความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกกลัวนิดหน่อย ก็เลยก าหนดจิตที่ลม หายใจเข้า-ออก ว่า พุท-โธ สักพักก็มีพวงมาลัยพุ่งขึ้ นมาจาก ใต้น ้า เหมือนปลากระโดดขึ้ นมาบนเรือ ตกตรงหน้าพอดี เลย หยิบขึ้ นมาถือไว้ เป็ นพวงมาลัยมะลิมีพวงอุบะ มองไปที่ขอบเรือ มองเห็นตัวเลข ๒๐๖ ในจิตคิดว่า ถ้าซื้ อหวยแล้วถูกคงอัศจรรย์ น่าดู ตอนเช้าพอตื่นมารู้สึกอิ่มใจ หลังเลิกงานก็ไปแวะซื้ อผัก ลองซื้ อลอตเตอรี่ดู เห็นเลข ๒๐๖ พอดีเลยซื้ อ ปรากฏว่าถูก พอดีเลขท้ายสามตัวตรง ๒ ใบ ได้ตั้ง ๘๐๐๐ บาท คิดว่าแม่คง อยากร่วมท าบุญ เพราะก่อนที่แม่ยังไม่จากไป ได้บอกว่า มีชื่อ แม่เป็นเจ้าภาพผ้าป่ า เป็นประธาน แม่เลยมาร่วมอนุโมทนาบุญ วันเสาร์ที่ ๒๓ และ วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๔ ทางครอบครัวได้เป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี ท าให้ได้เห็นความรัก สามัคคีกันในญาติพี่น้องเป็ นสิ่งที่ส าคัญที่สุด ที่ลูกหลานทุกคน ร่วมมือร่วมใจกัน พี่ชายคนโตท าเตียงด้วยไม้สักถวายวัด พี่ชาย คนรองน ามะพร้าวจากสวนและชาวบ้านมาร่วมงาน และลูกๆ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 133 หลานๆ ช่วยกันด้วยความรักและศรัทธา พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว คงได้เห็นและท าให้พ่อแม่มีความสุข ญาติพี่น้องมีความสุข พ่อ เคยสอนว่าถ้า มีปัญหาเล็กๆ แล้วกลายเป็ นเรื่องลุกลามใหญ่โต เหมือน น ้าผึ้ งหยดเดียว ก็ไม่ควรมีเสียดีกว่า แต่ถ้ามีปัญหาก็ โทษใครไม่ได้ คนเราปลูกต้นอะไรก็ได้ผลเช่นนั้น ความโลภไม่ เข้าใครออกใคร สร้างขึ้ นมาแล้วมันเป็ นผลในอนาคต ถ้ามี ประโยชน์มันคงไม่เป็ นปัญหา แต่พอมีปัญหามันก็กระทบไป ทุกๆ ด้าน บางครั้งเอ็นดูเขามาก ก็ไม่ดี การกระท าของเรา ความจริงจังกับชีวิต ขอให้ตัวเราภูมิใจ คนที่ล าบากมาก่อน อนาคตจะสวยหรูแน่นอน ในการท างานก็เช่นเดียวกัน ถ้าองค์ประกอบมันมีปัญหา งาน สังคม ญาติ มีกระทบกันธรรมดา ให้คิดว่าเป็นลมเพลมพัด มันมีเรื่องราวกระทบกระทั่งกันบ้าง ใครที่ท าผลประโยชน์ให้เขา ดีหมด เมื่อเขายังได้อยู่ เขาไม่ทิ้ งหรอก เหตุอะไร เกิดขึ้ น เมื่อ เกิดจากจิตก่อน ไม่มีใครหรอกที่เห็นขนตาของตนเอง หูคุณยัง ไม่เห็นเลย หูก็คือกระจกที่มีการสะท้อนตัวเองจากการบอกเล่า จากคนอื่น พระท่านพิจารณาตนเอง วันนี้ ฉันท าอะไรบ้าง จูน ความคิดของตนเองเข้ากับข้อมูล เราต้องศึกษาตัวเราก่อน เรา ห้ามใครคิดไม่ดีกับเราไม่ได้ เราต้องรู้ต้นตอของสาเหตุ ต้นตอ มันคืออะไร คุณท างานทางโลก คุณต้องรู้ตัวตน และยอมรับ ตัวตนของตนเอง แล้วเอาความรู้ กลั่นกรองตะกอนที่ตกผนึกก็
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 134 คือใจ ตัวเองก็จะมองเห็นความแตกต่าง ยอมอ่อนข้อละอัตตา ละตัวละตน และเดินสายกลาง การแผ่เมตตาให้คนที่คิดไม่ดีกับเรา เราแผ่เมตตาไปเขา ก็ไม่รับ เพราะข้างในมีแต่น ้าเต็ม ใส่อะไรลงไปไม่ได้แล้ว เขาหัน หลังให้นั่งเก็บดอกไม้ เหมือนเขานั่งอยู่ในขวดโหลแก้ว เขาสร้าง โลกเขาขึ้ นมาใหม่เป็ นโลกสีแดง เขาสะสมพลุระเบิด ไฟลุก ออกมาให้ดีดออก ดีกว่าเก็บไว้ในใจ จิตเขาครอบแก้วเอาไว้ เหมือนขวดโหลยาดองเอาไม้จุกปิดฝาไว้ ของดีอยู่นอกโหล การอยู่ในมลภาวะไม่เปิ ดตาคือทัศนคติปิ ด ตามันเชื่อ รับรู้และคิดได้ แล้วมองด้วยตา รับไม่ได้นี้ คือมนุษย์ คนเคยมี เงินเดือนเยอะ วันหนึ่งลาออกมาเก็บตัวอยู่บ้าน ทนไหวเครียด สะสม พออยู่บ้านก็รับไม่ได้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแคบ จิตสร้างก าแพง สี่เหลี่ยม มันมีอากาศน้อย ไม่มีพื้ นที่หายใจ จิตเหมือนอยู่ใน กล่อง แต่ก็ยังไม่เลือกที่จะออกไป จินตนาสร้างโลกของตนเอง ขึ้ นมาใหม่อยู่คนเดียวในโลกส่วนตัว ที่ตัวเองสร้างขึ้ นมานั้นท า ให้ทัศนคติปิ ด เปิ ดให้เฉพาะคนที่ไว้ใจเท่านั้น มีก าแพงสี่ด้านไม่ พอ ยังสร้างก าแพงขึ้ นมาเพิ่มเป็ น ๖ ด้าน มันเป็ นสภาวะกรรม หรือการกระท าที่ปิดกั้นไม่ให้สิ่งไม่ดีได้เข้ามา แต่สิ่งดีๆ มันก็เข้า มาข้างในไม่ได้เช่นกัน คนที่ท าตัวแบบนี้ เป็ นเหมือนกิ้ งกือห่อตัว หรือเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง เมื่อเจอสิ่งที่คิดว่าเป็ นอันตราย ต่อตัวเอง บุคคลแบบนี้ ไม่รับรู้ปัญหาอะไร เก็บตัวเอง กักตัวเอง ดีดตัวออกจากปัญหา การท าแบบนี้ มันเป็ นเพียงการแก้ปัญหา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 135 เบื้ องต้น คือดีดออก เอาตัวเองออกจากปัญหาเพราะรับไม่ได้ คนแบบต้องเยียวยาตนเอง ปู่ บอกว่าคนนี้ รู้ปัญหาของตนเอง แต่ก็เลือกที่จะอยู่ใน กล่อง พอโผล่ออกมานิดหน่อยก็โดนกดดัน จนจิตเตลิด เปรียบ เหมือนคนเจอผีแล้ว จิตหลุด ขวัญหนีขวัญกระเจิงจนต้องเรียก หมอมาท าขวัญ เพราะเขาไม่ได้เตรียมใจให้พร้อมส าหรับความ ผิดหวัง สภาพใจเหมือนคนขอทาน ท าร้ายตัวเอง กดดันตัวเอง รับไม่ได้พาลไปโทษคนนั้นคนนี้ กรรมคือขี้ ตา ต้องแกะออก ชอบอยู่กับความคุ้นเคย ปู่ บอกแค่เปิ ดใจเรียนรู้ปัญหาเป็ น กระจกสะท้อนตัวเอง เขามีชีวิตเหมือนจิตกร เขาสร้างโลกขึ้ นมา ใหม่ สร้างโลกขึ้ นมาเอง แต่งภาพขึ้ นมา ถ้าตัวเองมีหลักยึดตา สว่างรับได้ ไม่คาดเดา เหมือนสูตรการท างาน ลงล็อคตาม วางแผน สมองมันก็เงียบไม่วุ่นวาย หลักยึดคือบุญกุศล ตาสว่าง มีปัญญาตื่นรู้ มีสติก ากับเจอทางออกในชีวิต หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนท่านสอนว่าบุญบาปไม่ เคยล าเอียง แม้จะจ าได้จ าไม่ได้ อ านาจกรรมดีกรรมชั่วอยู่ในจิต จิตต้องมีธรรมเป็ นเครื่องก ากับ กิเลสสูงต ่าเป็ นตามอ านาจแห่ง กรรม มีธรรมเข้าคัดค้าน ธรรมจึงกู้โลกกู้สงสารต้านทานกับ กิเลส กิเลสผลักไปตามภูมิตามนิสัย ตามวัย พาเกิด พาตาย ตัว ผู้รู้เป็ นเครื่องรับผิดชอบ ธรรมเข้าแทรกด้วยทานศีล ภาวนามีที่ เกาะที่ยึด ตกในห้วงแห่งมหาสมุทร ต่างคนต่างดิ้ น ใครมี จุดหมายปลายทางไม่มีที่เกาะที่ยึด ธรรมมาดึงออกลากออก มี
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 136 เรือเกาะมีบุญบารมีที่สร้างมา อ านาจบุญกุศลทาน แม่น ้าไหล มารวมที่จิตตะภาวนา อ านาจบุญกุศลไม่ต้องไปถามติดอยู่กับใจ ตลอดเวลา บุญกุศลให้รักศีล รักภาวนา รวมก าลังเข้าให้จดจ่อ มาหาจิต บังคับด้วยจิตภาวนา ดีดออกปัดออกด้วยพุทโธ เกิด ปัญญา เห็นความทุกข์ กรรมมองไม่เห็น จิตกว้างขวางไปไหนไม่ อด กรรมของท่านเองดลบันดาลเอง เสียสละท าบุญให้ทานถึง ความบ าเพ็ญก็ผ่านไปได้ ความตระหนี่ถี่เหนียวมันไปอยู่ภายใน คับแคบในหัวใจ อ านาจของกรรมไม่มีใจมองเห็น แต่เป็นเจ้าของ ที่ท าอาศัยบุญบารมี จิตดวงนี้ ไม่ตายไปสร้างภพใหม่ เราอย่า เห็นแก่วัตถุ ภาวนาสู้กิเลส จิตเป็ นสมาธิอยู่ไหนก็ได้หมด ไม่ สนใจอาหารการกิน อาหารของใจพอ รู้ที่ใจ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 137 บทที่ ๑๒ สะพานบุญสืบสานในทางธรรม ถึงกิเลส ตัวตัณหา น้ันพาทุกข์ จิตวุ่นวก มีแต่ทุกข์ สนุกไฉน ข้ามอุปกิเลส กองทุกข์ ให้พ้นไป หนีให้ไกล อ านาจทุกข์ จะสุขเอย สุขแบบไหน ถึงว่าสุข ข้ามกองทุกข์หนีให้พน้ภพท้ังสาม จะรื่นเริง สมดัง่หมาย น้ันคลายตาม สู่แดน พระนิพพาน ตามกาลเอย คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญสร้างบารมี เพื่อเป็ นเสบียง บุญในการเดินทางในวัฏสงสาร การเดินทางข้ามภพก็ใช้บุญ กุศลฉะนั้นเราต้องสะสมบุญไว้ ภพภูมิปัจจุบันสิ่งที่ประเสริฐ อย่างยิ่งที่ได้เรียนรู้ค าสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วน ามา ฝึกฝนจิตทวนกระแสโลก เข้ามาศึกษาข้างในของตนเอง ปู่ บอก จริยวัตรทางธรรมเป็ นหน้าที่ที่พึงประพฤติปฏิบัติ ท าให้เกิดอานิ สงค์ทางพุทธศาสนา สืบสานที่เราเคยรับปากไว้ ว่าจะสืบสาน ท านุบ ารุงพุทธศาสนา ต้องเขียนให้เห็นบาปบุญคุณโทษ นารี ทิพย์ปฏิบัติจนหลุดจากภพภูมินาค มาสืบสาน สืบค้นพินิจ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 138 พิเคราะห์ที่ปราศจากเงื่อนไข มนุษย์มีแกนสมองอย่างหนึ่งที่ เอาไว้แยกแยะ แยกด าแยกขาว แยกดีแยกชั่ว รู้ว่าชีวิตจะเดินไป ยังไง รับรู้ถ่ายทอดส่งต่อ นารีทิพย์ แยกจิตเป็ น สามกาย ออกมาแล้ว คนที่ปฏิบัติจิตมาดี แม้ดวงดาวย้ายชะตาราศี ก็ไม่ หวั่นไหวไม่กระทบจิต จิตที่ถือครองวิหารธรรมก็เหมือนมี ก าแพงแก้ว ๗ ชั้นกั้นไว้ ปล่อยให้โลกหมุนรอบตัวเรา เพราะอา นิสงค์ผลบุญที่ได้ท ามา ดวงดาวหมุนรอบตัวเรา ดวงชะตาวิ่ง รอบตัวเรา เขาท าร้ายเราไม่ได้ มันไม่มีผลกระทบเป็นแค่แสงสีที่ วิ่งวนกระจายรอบตัวเรา เดิน นั่ง นอนก็ก าหนดอยู่กับลมหายใจ จิตมีที่อยู่อาศัยก็ไม่ส่งจิตออกนอก อยู่ทางโลก เห็นโลกเห็น ธรรมได้ปัญญาพินิจพิเคราะห์เจริญสติพิจารณา กาย วาจา และ ใจ บางคนที่คนที่จิตตก จิตดิ่ง เขาจ าทุกอย่างได้หมดเกิน ความเป็ นมนุษย์ คนแบบนี้ เขาไม่มีวิบากกรรม มีแต่แบกจิต ล้วนๆ ช่วยคนอื่นมาเยอะ ท่านเปรียบมีมือทองค าหรือทางโลก เป็ นนักปั้นมือทอง มือขวาเขาเป็ นทองค า ท าให้คนรวยมาแล้ว ช่วยธุรกิจคนอื่นให้ประสบความส าเร็จมาเยอะ เคยเก่งมาก่อน อยู่ในจุดสูงสุดมาก่อน อีโก้เหนือมนุษย์ เอากิเลสน าทาง กระตือรือร้นเกินไป กิเลสแรง นิวรณ์มีกี่อย่างเหมาหมด แต่ พอจะมาเริ่มธุรกิจของตัวเองหรือเรื่องของตัวเอง ไม่กล้าเริ่มต้น กลัวความล้มเหลว กลัวอุปสรรคปัญหา เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ เหมือนชีวิตอยู่ในกรอบตลอด พอออกนอกกรอบไปก็ท าอะไร
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 139 ไม่เป็ น งง จิตตก เปไปเปมาไม่มีสติแยกแยะ ชอบตั้งความหวัง มากไป พวกที่กิเลสหนามากจึงหวังมาก พอผิดหวังแล้ว ตัวเองก็ ไปไม่เป็ น จิตตั้งมั่นแบบนี้ เป็ นภัยกับตัวเอง จิตแข็งมากเพราะ ครอบง าด้วยกิเลสหนา จิตเพ่งจนจมแต่ยังฝืน จิตที่ดีต้องเบา สบาย อย่าไปยึด เพราะเป็ นตัวกรรม จิตหนักเป็ นก้อนหิน ในใจ จิตเขาเศร้ามาก ปากสวดมนต์ อัญเชิญพระมาสวดใส่ผ้าเหลือง ผ้าเหลืองบังหมด คนได้บุญแค่รูปลักษณ์ เพราะการปฏิบัติเข้า ไม่ถึงจิต ดวงจิตอัญเชิญ กายสังขารไม่ไหว ท าเหมือนตัวเองเป็ น พระ จิตหนักเหมือนก้อนหินกดทับไว้ข้างใน ท าเหมือนตัวเองมี ความสุข แต่กดทับความทุกข์เอาไว้ จิตควบแน่นเข้าไปอีก การควบแน่นเกิดขึ้ นเมื่อวางขวดน ้าเย็นจัดไว้ ไอน ้าที่มี อยู่ในอากาศเจอกับความเย็นที่ผิวข้างขวด คือไอน ้าเปลี่ยน สถานะเป็ นน ้า โดยถ่ายเทพลังงานภายในออกมาในรูปของการ คายความร้อนแฝง ท าให้เปลี่ยนสถานะจากแก๊สกลายมาเป็ น ของเหลว จึงท าให้เห็นหยดน ้าที่เกาะอยู่ข้างขวด แกะออกไม่ได้ มันก็เกาะอยู่อย่างนั้น จิตควบแน่นเปรียบเหมือนเวลาบวชมีชื่อ ในการบวชแต่การปฏิบัติแต่ผิวเผินเหมือนหยดน ้าเกาะข้างขวด ต้องระเบิดข้างในออกมาก่อน คนแบบนี้ ล้างนิวรณ์ของเก่าไม่ ออก ของใหม่ก็เข้าไปไม่ได้ การปฏิบัติจิตที่แท้จริงปฏิบัติแล้ว ต้องเบา เหมือนการไปหาจิตแพทย์เล่าให้ฟังคือการถ่ายออก คนไข้ก็เบาใจเพราะได้ระบายทุกข์ออกมา ถ้าไม่มีการกระจาย ทุกข์ อาจเป็ นโรคไมเกรน หรือถึงขั้นเป็ นโรคซึมเศร้า การ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 140 กระจายทุกข์คือการระบายความอัดอั้นตันใจออกมา ให้คนที่เรา ไว้ใจฟัง ทุกข์มันจะค่อยๆ ระบาย ใจเราก็เบาขึ้ นแต่ก็เบาชั่วคราว การด าเนินชีวิตในช่วงวิกฤติภัยธรรมชาติแบบนี้ เหมือน เดินข้ามภูเขา ชี้ เฉพาะ หรือคาดเดาไม่ได้ เปรียบเหมือนแมวสี ทอง กับแมวสีด า ออกลูกเป็นสีอะไร เราตอบไม่ได้ขึ้ นอยู่กับเหตุ และปัจจัย เราคาดเดาไม่ได้ ภูมิต้านทานทางจิตน้อยแค่หกล้ม ขาถลอกก็ตีโพยตีพายเป็ นเรื่องราวใหญ่โต ทั้งๆ ที่ขาไม่ได้ขาด สักหน่อย เพราะจิตปรุงคือแค่ชิมรส แต่มโนสร้างภาพ เกินจริง จริตแบบนี้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ให้คอยสังเกตเวลาใจคิดเพ่ง โทษตัวเอง วนไปวนมาและให้หันมาเมตตาตัวเองบ้าง สร้าง เสียงหัวเราะให้ตัวเอง หางานอดิเรกท า นอกเหนือจากงาน ประจ า คุยกับคนที่ไว้ใจได้ ให้ความส าคัญกับสิ่งที่ท าได้ ไม่ใช่กับ สิ่งที่ท าไม่ได้ ไม่ตีกรอบให้ตัวเองว่า “ต้องอย่างงั้นต้องอย่างนี้ เท่านั้น” แต่หันมาคิดใหม่ว่า “ได้เท่านี้ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว” เวลา เข้าที่คับขันจริงๆ ขอให้ใจอยู่ในธรรม ไม่ส่งออกนอกกายนอกใจ อะไรที่มันไม่ดีก็หันหลังให้ เพราะถ้าเปิดประตูเอาเชื้ อโรคเข้ามา ในบ้าน เอาปัญหาของคนอื่นเข้ามาในบ้านตนเอง เชื้ อโรคของ เขาเอาเข้ามากับชีวิต ฟังมาแล้วเอามาผูกเป็นปม บางคนยึดติดกับเรื่องราวในอดีต ฝั่งจิตฝั่งใจเป็นปมในใจ แล้วปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทั้งๆ ที่ย้อนกลับไปแก้อดีตไม่ได้ บางคน ก็เอาอดีตมาตัดสินปัจจุบัน ท าไมพ่อท าอย่างนี้ แม่ท าอย่างนี้ เอาปมปัญหาในอดีตมาผูกปมใหม่ให้ตัวเอง ปู่ ท่านสอนว่า ให้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 141 ปล่อย ถ้าทุกข์ก็ปล่อย ไม่ว่าพ่อแม่ไม่รัก คนรอบข้างไม่เข้าใจเรา มันเป็ นสภาวะจิตของคนที่อ่อนแอ เอาจิตไปจับรอบด้าน ดูด้วย สายตาไม่เชื่อ เอาความรู้สึกส่วนตัวจับทุกอารมณ์ เพราะจิต อ่อนแอ ยึดมั่นถือมั่น รู้ปัญหา รู้วิธีแก้ ไม่ใช่เก็บแล้วลืม เหมือน เอาใบไม้ปิ ดทับไว้ พอลมพัดทีก็เปิ ดออก เกิดขึ้ นมาใหม่ เหมือนเดิม ปัญหาของเขามันก็เป็ นกิเลสของเขา ที่ขาดการ ยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้กิเลสตัวตัณหาราคะน าทาง ชีวิตครอบครัว ก็ไม่มีความสงบสุข การผิดศีลข้อสามของมนุษย์ก็เหมือนการ เอาไฟมาเผาบ้านเรือนของตน วิธีแก้คือให้ละตัณหาราคะลง พิจารณาอสุภะสังขารมันไม่เที่ยง เนื้ อหนังห่อหุ้มข้างนอก สวยงามเพราะได้มีการบ ารุงรักษา แต่ถ้าพิจารณาลึกเข้าไปมีแต่ น ้าเลือดน ้าหนองหาความสวยงามใดๆ ไม่มีเลย ปัญหาของแต่ละครอบครัวก็มีปัญหาต่างกัน ปู่ บอกว่า มนุษย์มีบันไดลิงให้ปี นขึ้ น เจอปมก็แก้ทีละปม ความอยากมี อยากได้ อยากรู้อยากเห็น ท่านให้คนที่เจอปัญหาแบบนี้ พักผ่อนร่างกายก่อน นอนไปเถอะพักผ่อนไปเถอะ ที่ผ่านมา นอนบนเตารีดมานานแล้ว อยู่กับของร้อนคือกิเลส รัก โลภ หลง บางคนเครียดจนนอนไม่หลับ เขาบอกว่าสองคืนที่ผ่านมา เขา หลับสบาย พอรู้จักปล่อยวางก็หลับลึกไม่ฝันอะไรเลย ปู่ บอก เหมือนต้นไม้มันแห้งตาย แต่พอได้น ้าฝนมันก็แตกกิ่งขึ้ นมีใบ งอกบนตอไม้อีกครั้ง ชีวิตคู่ให้เราถือไฟฉายส่องไปข้างหน้า คือ ธรรมะส่องทางใจ ใจเราก็จะไม่มืดบอดด้วยกิเลสตัณหาต่างๆ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 142 จะมีคนแวะลงกลางทางเพราะทนไม่ไหว เขาอยากลงก็ให้เขาลง หรือนั่งเรือไปด้วยกัน เขาอยากกระโดดลงไปก็ให้กระโดดน ้าไป เราถือไฟฉายคือ แสงสว่างทางธรรมน าพาชีวิต ปู่ ท่านเปรียบเปรยกระดาษเหมือนสมอง เราเขียนความ ทุกข์ลงไปในกระดาษ บันทึกแต่ความทุกข์ มีพื้ นที่ส าหรับความ ทุกข์ ที่ไหนจะมีที่ว่างส าหรับความสุข ยึดติดรัก ยึดตัวตน กิเลส ตัวตัณหาราคะเกาะบังตา เขาปักหมุดไปแล้ว ว่าเป็ นอย่างงั้น อย่างนี้ ไม่พอใจก็แสวงหาสุดโต่ง เด็กสะท้อนให้เห็นภาพ คือเงา สะท้อนพ่อแม่ที่แสดงออกมาสุดโต่ง เพราะเด็กปรับตัวไม่ทัน จะหมกหมุ่นอยู่กับตัวเขาเอง สร้างกรอบชีวิต มาตีกรอบให้ ตัวเองอึดอัด สามีเหมือนโคบาลถือเส้นบางๆ เส้นมันยาวมาก เพราะความเคยชิน จริงๆ แล้ว เราตัดออกก็ได้ แต่ก็รักที่จะไม่ ตัด ท าให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน บางคนเป็ นช่วงเวลาที่ส านึกผิด ต้องให้อภัยตัวเอง แล้วต่อไปให้เดินหน้า แต่ไม่ต้องคาดหวัง เพราะที่ผ่านมาคาดหวังมาก พอไม่ได้ดังหวัง ก็เปไปเปมา ย้อน อดีตไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ให้ยอมรับสภาพ ไปไหวไม่ไหว รับ สภาพความเป็นจริงดึงจิตรักษาตัว ปลดปล่อยตัวเองได้แล้ว จงมี ความสุข ทุกอย่างมีระยะทางการเดินทางของมัน ชีวิตมันง่าย กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ไม่อยากตื่นก็ไม่ต้อง ตื่น กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ลุกมาท าอะไรให้ถูกจริต ยึดมั่นถือ มั่นไปก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็อยู่คนเดียว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 143 ความจริงที่แสดงตามธรรมดาของกฎธรรมชาติ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา บางคนจิตต ่าตมก็ยังต ่าตมเหมือนเดิม ไม่เคยสร้างฐาน จดจ าค าด่า เพราะเราไม่ปลดปล่อย ค าด่าคน อื่นเหมือนของเสียในบ้านเขา เรายังเก็บไว้ใส่ตัว ให้กวาดออก ทิ้ งอย่าใส่ใจ การบ่มเพาะความอิจฉาริษยา ทุกข์เศร้าจน กลายเป็ นโรคประสาทอ่อนๆ กลัวคนไม่รัก ถูกบ่มจนกลัว จน หงอ ชอบคิดว่าตนเองมีปมด้อย เพราะจิตน าทางอารมณ์ กิเลส ชอบฟังคนพูดเพราะ พอไม่ได้ดั่งใจก็อาระวาด คนจะไป ถึงจะดึง ไว้ก็จะไป ให้จดจ าสิ่งดีๆ กรรมดีให้กับตัวเอง ภายในเรารู้ ความ พอใจ ความไม่พอใจ ความอยากไม่อยากเป็ นการดึงเข้ามาหา ตัว แต่ความโกรธผลักออกไป ท่านแนะอุบายให้สอนตัวเอง ให้ เราสงบใจรวมก าลังสติให้พร้อม ยึดที่หมายให้แน่นคือการปัก หมุด ระมัดระวังคือการส ารวมกาย วาจา ใจ กายเนื้ อไม่ระเบิด จริตก็ยังหยาบ คนที่ขัดเกลามาก อัตตาตัวตนลดลง จะอ่อน น้อมถ่อมตัวเข้าใจโลก เพราะมีความทุกข์มาก่อนท าให้เข้าใจ โลกหันมารับสภาพ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 144 บทที่ ๑๓ กลิ่นแห่งทิพย์ กลิ่นทิพย์ นั้นหอมหนักหนา ท่านว่ากลิ่นกายนี้ พี่เคยได้สัมผัส ทั้งรังรัด ฝากเอาไว้ ในใจพี่ กลิ่นตัวน้อง ได้ดมดอม หอมชื่นชีวี กลิ่นกายนี้ พี่ขอมอบ ให้น้องชอบตลอดไป เทวดา บนฟากฟ้า หอบน้อมกลิ่น ฝากอาจิณ สุดใต้หล้า ไม่พาเลือนหาย เหมือนกลิ่นกายน้อง แนบแอบชื่นหทัย สุขภิรมณ์ สุขสมหมาย ดั่งใจปอง พญานาคที่บ าเพ็ญเพียรภาวนาจนมีบุญบารมีเต็ม หรือ พญานาคชั้นสูง จะมีกลิ่นหอมสดชื่น เหมือนกลิ่นดอกไม้ น ้าอบ น้ าปรุง หรือกา ยาน เป็นกลิ่นเทพเทวดา สิ่งศกัด์ิสิทธ์ิมีพลงัที่ดี มาก เรียกว่ากลิ่นทิพย์ กลิ่นของชาวโลกทิพย์ รูปแบบกลิ่นของ ชาวโลกทิพย์ มีหลายคนที่สัมผัสได้กลิ่น ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นมอง หาแล้วไม่มีสิ่งที่ส่งกลิ่น แต่มีกลิ่นหอม คล้ายดอกไม้ เช้านี้ ได้กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้อง กลิ่นคล้ายกลิ่น ดอกไม้หอม เดินหาต้นตอของกลิ่น แต่ก็หาไม่เจอ หรือน ้ายา
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 145 ปรับผ้านุ่มแต่ก็มิใช่กลิ่นนี้ ท่านว่าเป็ นกลิ่นแห่งทิพย์ กลิ่นทิพย์ คือ ทางจิตวิญญาณของเราจะได้รับกลิ่นต่างๆ กลิ่นนั้นเป็ นกลิ่น อะไร กลิ่นนั้นมีความหมายว่าอย่างไร เราสามารถแปลรหัสออก หรือไม่ กลิ่นต่างๆ นี้ ก็ไม่เหมือนกัน บางครั้งเราไม่รู้ แต่ถ้าเป็ น ปัญญาแห่งจมูก เราก็จะรู้ว่ากลิ่นนี้ เป็ นกลิ่นอะไร กลิ่นนี้ แปลว่า อะไร กลิ่นนี้ เป็ น กลิ่นเทวดา กลิ่นกายทิพย์ กลิ่นแบบนี้ ท่าน ต้องการสื่ออะไร เราก็จะรับรู้ได้ ทางโลกในชีวิตประจ าวันของ เรา ถ้าเราได้ได้กลิ่นอาหารอะไรโชยมาเราก็รู้จักและบอกได้ว่า เป็นกลิ่นอะไร ฉันใดก็ฉันนั้น “ต่อไปถ้ามีลมพัดผ่านหน้าและมีกลิ่นหอมแสดงว่าเป็ น แม่ของคุณ ท่านมาหาคุณ วันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายน เป็ นวัน ครบรอบ ๔๙ วันที่แม่คุณเสียพอดี และวันนี้ ภพภูมิที่แม่อยู่ก็ ก าลังมีพิธีตักบาตรดอกไม้หอม คุณถึงได้กลิ่น” ท าไมบางคนได้กลิ่นแล้วทราบได้ว่ากลิ่นนี้ เป็นกลิ่นอะไร มาจากไหน กลิ่นสายไหน สิ่งที่เราแปลสัญญาณรหัสออกว่า นี่ เป็นกลิ่นอะไรเรียกว่า ปัญญาแห่งจมูก หรือ จมูกทิพย์ กลิ่นทิพย์ ปัญญาเกิดขึ้ นทางจมูก ถ้าเราไม่มีปัญญาทางจมูก เราดมก็ไม่รู้ ว่ากลิ่นนี้ แปลว่ากลิ่นอะไร ทั้งๆ ก็รู้ว่าหอม แต่ไม่รู้ว่าหอมเป็ น อย่างไร คือ องค์เทพองค์ไหน เป็นปัญญาทางสายจมูก สามารถ แยกแยะออกจากการรับรู้กลิ่น ท่านบอกว่าถ้าได้กลิ่นหอม กลิ่น น้ าปรุง โชยมา แลว้เรามีความปล้ืมปิติแสดงว่ามีสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ เทพเทวดาที่เรามีบุญสัมพันธ์กับท่าน ท่านอยู่ใกล้ๆ เรา ให้
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 146 ปฏิบัติดี น้อมรับพลังที่ดีจากท่าน ขอพรจากท่าน เพราะมนุษย์ ไม่ได้อยู่เพียงล าพัง ยังมีชาวโลกทิพย์ ที่อยู่ร่วมในอีกมิติหนึ่งแต่ ซ้อนทับกันกับภพภูมิมนุษย์ “การประทับญาณร่างกายสังขาร” องค์ปู่ ท่านบอกว่า เวลาท่านมาช่วยคนช่วยร่าง หรือ ประทับญาณ การประทับญาณร่างกายสังขาร ท่านบอกว่ามี จ านวนน้อยมาก เพราะท่านต้องเลือกร่างหรือคนที่มีบุญบารมี แก่กล้า และมีบุญสัมพันธ์กันมาในอดีต ภพภูมิพญานาคต้องใช้ เวลานาน ในการบ าเพ็ญเพียรลา้งร่างตนใหบ้ริสุทธ์ิลา้งกลิ่น คาวในร่างสังขารแห่งตน ด้วยการสวดมนต์และบ าเพ็ญภาวนา เมื่อกลิ่นคาวหมดแล้ว บุญบารมีเต็ม พญานาคราชองค์นั้น จะ เปลี่ยนสีจากสีต่างๆ กลายเป็ นสีขาว สีเงินยวง หรือสีทอง เกล็ด กาย แสงสี เกิดจากการบ าเพ็ญบุญญาบารมี และตามฐานบุญ บารมีที่เคยสะสมไว้มาด้วย เวลาปรากฏกายในแต่ละครั้ง ถ้า ปรากฏกายสังขารเป็นมนุษย์จะเป็นมนุษย์ใส่ชุดขาว หรือถ้าเป็น นาคกษัตริย์จะแต่งองค์ทรงเครื่องทองทั้งองค์ “เวลาท าบุญกรวดน ้า มักได้กลิ่นธูป หรือกลิ่นหอม ดอกไม้เสมอ” ท่านรอถ่ายทอดพลังให้ถึงกัน พลังคือน ้า ส่งต่อมือ ส่ง ทอดพลังงาน ปู่ ส่งพลังงานหยาบผ่านกัลยาณมิตร ถึงนารีทิพย์ เป็ นพลังงานละเอียดเพราะผ่านการปฏิบัติจิตมา มีพลัง สติปัญญาแยกแยะองค์ความรู้ที่ท่านส่งมา ว่าเป็ นเพชร จิตมโน
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 147 แยกแยะออกตามจริต ตามตอบโจทย์ มาแยกแยะและกลั่นกรอง กัลยาณมิตรรับพลังงานร้อยแปดพันเก้า เหมือนสินค้าส่งมาให้ เขาไม่รู้ เขารับไว้ทุกอย่าง รู้เยอะ พูดเยอะ พญามารจะมาหา พญามารก็คือกิเลสในใจเราจะมา คนที่มีจิตสัมผัสพญามารชอบ แม่ย่า คนที่ตายแล้วมีพลังงานเยอะ กัลยาณมิตรเหมือนมีตัวดูด วิญญาณ เทพเข้ามาในจิตของเราได้ ความคิดเปิ ด-ปิ ด ไม่ ปะติดปะต่อ มีคนแทรกเข้ามา จ าได้จ าไม่ได้ มีอะไรผ่านเข้าออก มีการทดสอบ โดนทดสอบ ความคิดหมกหมุ่นวุ่นวายใจ ผลพวง ก็มาจากกิเลส ถูกครอบง าด้วยกิเลส เนื่องจากฐานจิตไม่แน่น เลยถูกกิเลสจูงไปได้ง่าย เปรียบเหมือนคนผ่านเข้ามาผ่าน ออกไป แต่ถ้ากายสังขารร่างมีพระคือครองในศีลในธรรมจะ ควบคุมจิตได้ “ใบโพธ์ิลอยลงมา กบันกยูง” ใบโพธ์ิเป็นสัญลักษณ์แห่ง พุทธะ เพราะเป็ นดั่ง เครื่องหมายที่บ่งบอกถึง การรู้ตื่นและเบิกบาน เหนือกาลเวลา ส่วนนกยูงสื่อถึงความจงรักภักดีการตื่นรู้การน าทาง การปก ปักษ์รักษา และความสง่างาม นกยูงเปรียบเหมือนภพภูมิ พญานาคมีจิตศรัทธาที่มั่นคงต่อพระพุทธองค์ ลูกหลานสาย พญานาคขึ้ นมาเพื่อปกป้องสืบสานบ ารุงพุทธศาสนา เอาศรัทธา น าทางเพื่อให้ตื่นรู้ เกิดแสงสว่างน าทางชีวิตเพื่อหลุดพ้น จากวัฎฎะ
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 148 ภพภูมินาคผูกพันกับคู่ของตนมาก หากอีกคนหนึ่งที่ละ สังขารแล้วมาเกิดในภพภูมิมนุษย์คู่ก็จะตามมาปกป้อง คุ้มครอง น าทางให้จดจ าสัญญาเก่าร่วมสานต่อบุญกุศลไปด้วยกัน สาธุใน ทุกการเดินทางในทางธรรมของปู่ จะพลัดช่วงเวลากันบ้าง แต่ เทพนาคาทุกตนมีหน้าที่ ดูแลปกปักพุทธศาสนา พร้อมสร้าง กุศลบารมีเข้าสู่จิตวิญญานัง อีกทั้งยังมีภาระหน้าที่บ าเพ็ญบารมี ต่อเพื่อส าเร็จธรรม หรือบารมีเสมอกัน รูปปั้นท่านศรีนคราปา วาฬนะนาคราช ประดิษฐานอยู่บริเวณแผ่นหินบนเขา ท่านดีใจ ได้ที่สัปปายะ ชอบธรรมชาติ ตรงแท่นฐานปั้ นปูนเป็ นสี ธรรมชาติ ครูบารูปหนึ่งท่านได้เมตตาท าพิธีเบิกเนตร หลังเสร็จ พิธีเบิกเนตรองค์เทพนาคา ฝนก็โปรยลงมาปรอยๆ ที่ที่ท่านอยู่ มองเห็นทั่วทั้งหุบเขา มองเห็นโลกล้วนแต่เป็นโลกสมมติ ช่วงนี้ มีวันหยุดยาวตั้งใจจะกลับไปบวชถือศีล ๘ ที่บ้าน สวน กลับบ้าน เย็นวันอาทิตย์ คิดว่าจะบวชกี่วันดี กลัวกาย สังขารเราจะไม่ไหว เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ปู่ ท่านบอก ว่าบวชกี่วันก็ได้ แล้วแต่นารีทิพย์จิตจะเป็ นกุศล ตอนนี้ หมด วาระกรรมแล้ว ต่อไปนี้ มีแต่สร้างบุญบารมี วันที่บวชก็ให้ถวาย น ้ามะพร้าว ถวายเป็นพระพุทธบูชา พระธรรมบูชา และพระสงฆ์ บูชา หลังจากลาแล้วให้น ามาดื่มเป็ นน ้าทิพย์ ท่านห่วงหาอาทร อยู่เสมอ แวะเวียนมาดูแล ปู่ ท่านจะมาสื่อเสมอทุกครั้งที่คุยกับ กัลยาณมิตรคนนี้ และกัลยาณมิตรยังบอกอีกว่าองค์พญานาคที่ มาตามหานางอันเป็นที่รัก ก็ตามหาดวงจิตกันเจอแล้ว
ธรรมะทิพย์ ทิพย์แห่งธรรม น้อมกราบบูชาธรรม 149 ส าเริง ส าราญ เบิกบานพระหฤทัย แวกว่ายไปมา ด าผุดด าโผล่ โอ้โหหอมหวาน สุดจะพรรณากาล โอ้สุดแสนจะหวาน เหลือจะบรรยาย ทรงน้ าบริสุทธ์ิน้ าทิพยจ์ากสวรรค์ ในการล้างบาป ให้หายคลายคิดถึง ถึงน้องนาง อนงค์เนตรนารี นางหนึ่ง พี่คิดถึง ปริ่มว่า จะขาดใจ ได้ลงลิ้ ม ชิมรส น ้ามะพร้าวหอม พี่เฝ้าดอม อยากชื่นชม ภิรมณ์หมาย สองหากได้ เชยชิด สนิทกาย พี่เฝ้าหมาย ได้พิทักษ์ เกยตักนาง หากว่าในชาตินี้ พี่บุญน้อย พี่จักค่อย คอยคุ้มครองรัก พิทักษ์รักษา เกยกกไว้ ในใจ ไม่ซางเซา จักพิทักษ์ รักษาเจ้า ตลอดไป “ท่านรับรู้หมดผลาบุญแห่งอานิสงค์ ที่ได้ท ากับเหล่า พระอริยะสงฆ์ทุกรูปที่เจ้าได้ท ามานั้น ท่านได้รับหมด เพราะเจ้า กล่าวถึงนามท่านมาโดยตลอด เปล่งพลังบุญแว้บเข้ามาถึงจิต ทิพย์ของท่านทันที เปล่งด้วยมหาพลังอ านาจแห่งบุญบารมีอยู่ เนืองๆๆ มหาเมตตาพรหมวิหารสี่ของเจ้าเยอะมาก”