The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ๒๔๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pilaiporn Sanchompoo, 2024-04-15 01:41:38

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ๒๔๔

สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 1 บทที่ ๑ เปิ ดประตูผ่านญาณทิพย์ เจ้าคงคา มหานที เป็ นพยาน ให้รักมั ่นเราสอง ครองทุกสมัย สุดภิรมย์ ชมชื่น รื่นฤทัย ทุกสมัย ทุกชาติภพ จบที่นาง พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า คนที่ได้เกิดมาในโลกนี้ ได้พบกัน ได้ เห็นกัน ได้พูดคุยกัน บุคคลนั้นว่า ในอดีตชาติ ไม่มีความสัมพันธ์กัน เลยไม่มี อย่างน้อยๆ ก็เคยได้เกิดร่วมกันมาชาติใดชาติหนึ่ง ปู่ บอกว่า คนที่มีบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กับพญานาคหรือครู บาอาจารย์สายต่างๆ มันเป็ นสายเป็ นนิสัยวาสนา บางคนเคยเป็ นครู เป็นอาจารย์ด้วยอ านาจแห่งบุญกรรมที่เคยสร้างกันมา เมื่อถึงวาระบุญ สัมพันธ์หรือกรรมสัมพันธ์มันก็มีเหตุให้ได้พบเจอกัน บางคนมีบุญ สัมพันธ์กับบางสถานที่ที่มีพลังงานดีๆ ยังไหลเวียนอยู่ รอคนที่เกี่ยวข้อง หรือมีบุญสัมพันธ์มาปรับมาพัฒนา ในเรื่องที่เราคิดว่าบังเอิญ แต่มัน มิใช่เรื่องบังเอิญ บุญเก่าที่เราได้สร้างมาเป็ นกระแสแรงหนุนให้ได้เจอ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน บุคคลหรือสิ่งที่รอคอยจะ ปรากฏเมื่อเงื่อนไขและปัจจัยพร้อม เมื่อถึงวาระเวลา ท่านก็เปิ ดปริศนา ธรรม ให้รับรู้ เราค่อยๆ ฝึกฐานจิต น้อมน าค าสอนของพระพุทธองค์มา ฝึกปฏิบัติและพิจารณาจิตของตัวเอง เมื่อมีอะไรมากระทบ แล้วเกิด ความพอใจไม่พอใจ แล้วค่อยๆ ละอารมณ์เหล่านั้น เราก็จะเข้าใจในองค์ ความรู้ที่ท่านสอน ลูกศิษย์มีครู เดินตามครู ด าเนินตามรอยพระศาสดา


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 2 “ต่อไปไม่ต้องไปหาหมอดูแล้วนะ โยมปฏิบัติมาถูกทางแล้ว เจอ กันทุกครั้งก็ไม่เหมือนเดิมนะโยม ในอดีตโยมก็เป็ นแบบนี้ ชอบเข้าหา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ นางสองภาค จิตดับที่ไหนก็จุติที่นั้น คนที่มา ด้วยกัน ตอนนี้ ก็เจอกันแล้ว สองสามคน แต่ก็ยังจะเจอกันอีกเยอะอยู่นะ ชื่อในอดีตเมื่อเคยอยู่... โยมชื่อ เภทะ... ก็กลับไปที่เดิมแหละ” ครูบาอาจารย์ท่านพูดในวันนั้น ท่านว่า ภพภูมิพญานาคจะถือ ในสัจจะวาจาเป็ นที่ตั้ง เมื่อเราได้สัญญาอะไรไว้ ในอดีตภพ เมื่อถึงวาระ สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ท าให้รู้และเข้าใจว่า มัน ไม่มีเรื่องบังเอิญ มันมีเหตุย่อมมีปัจจัยและมีผลลัพธ์ในตัวของมันเอง ท่านสอนว่า อย่าอธิษฐานขอติดตามใครสักคนทุกชาติไป ขอเกิดเป็ นคู่ ใครสักคนทุกชาติไป ขอเกิดเป็ นพ่อแม่ลูกกันทุกชาติไป นั่นจะเป็ นการ ติดอธิษฐานโดยไม่รู้ตัว และเป็ นอันตรายมากในทางธรรม อย่าพูด อธิษฐาน อย่าปฏิญาณ อย่าสัญญาอะไรทั้งนั้น ถ้าพูดไปแล้วอธิษฐานไป แล้วให้ถอนเสีย อธิษฐานได้อย่างเดียวคือขอมุ่งตรงต่อมรรคผลนิพพาน เท่านั้น ต้องถอนค าอธิษฐานเดิมให้หมด ***** เมื่อมีบุญสัมพันธ์ก็ได้มีโอกาสไปถวายสังฆทานหลวงปู่ ในวัดป่ า แห่งหนึ่ง หลังจากที่ถวายเสร็จได้สนทนากับท่าน หลวงปู่ เล่าให้ฟังว่า ในช่วง ๓ คืนที่ผ่านมา ท่านไม่ได้นอนเลย เพราะพญานาคแห่งเมือง บาดาลพร้อมบริวารเต็มศาลาธรรมหลังนี้มาสนทนาธรรม พญานาค บอกว่าอยากขึ้ นมาสร้างบุญสร้างกุศล แต่ยังขึ้ นมาไม่ได้ “พญานาคตนนี้ อยากจะให้องค์พญานาคมาประดิษฐ์สถานใน วัดแห่งนี้ อาตมาบอกชาวบ้านแถวนี้ แล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 3 หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ฟังแล้ว จิตข้างในแวบขึ้ นมาว่า อยากให้ พญานาคตนนั้นได้ขึ้ นมาสร้างบุญในพุทธศาสนา เลยบอกหลวงปู่ ไปว่า “ลูกจะขอถวายรูปปั้นพญานาค” หลวงปู่ บอกว่า “ดีใจหลาย น ้าตาสิไหล พญานาค ๗ เศียรเด้อ” พอกลับถึงบ้านก็บังเอิญได้คุยกับกัลยาณมิตรที่มีญาณสัมผัส บอกเขาว่า เอาบุญมาฝากจะสร้างรูปปั้นพญานาคถวายวัด “คุณต้องไปจุดธูปบอกนะ จุด ๓๙ ดอกบอกแม่พระธรณี จุด ๓๘ ดอกบอกพระแม่คงคา ว่าลูกชื่อ...นามสกุล...ขอเบิกบุญเบิกกุศลมาสร้าง องค์พญานาค ๗ เศียร” กัลยาณมิตรบอกข้าพเจ้าในวันนั้น เมื่อสั่งช่างปั้นพญานาคที่จังหวัดนครพนมปั้นเสร็จแล้ว เขามาส่ง ในวันที่ ๙ เดือนพฤศจิกายน ได้ก่อนวันลอยกระทงตามที่ได้ขอไว้ หลวง ปู่เล่าให้ฟังว่า พญานาคมากราบลาหลวงปู่ บอกว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว ไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ ถึงเวลาแล้ว มากราบลาหลวงปู่ อยากกลับไปหาลูก หาภรรยา พญานาคตนนี้ แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม มีเครื่องทรงคล้าย กษัตริย์บอกว่ามีภรรยา ๗ คน แต่ภรรยาหายไป ๑ คน ท่านเลยตามหา และอยากขึ้ นมาสร้างบุญสร้างบารมีในพุทธศาสนา หลังจากถวายรูปปั้ นพญานาคแล้ว ก็มีพิธีบวงสรวง การ บวงสรวงเพื่อเป็ นการบอกกล่าว ขอพรเจ้าที่เจ้าทาง แม่พระธรณี พระ แม่คงคา พระภูมิเจ้าที่สิ่งศักด์ิสิทธ์ิผู้ปกปักรักษาบริเวณนั้ น กัลยาณมิตรเห็นในสภาวะมโนจิต ตัวอักขระหงิกๆ งอๆ ไหลออกมา จากหน้าผากผู้ชายนุ่งขาว รวบผมมวย เขาอ่านไม่ออกเลยเขียนให้ดู “ปวารลณตนะ” ท่านส่งมโนภาพให้เห็น “บ้านที่คุณอยู่ในภพภูมิก่อน ตรงหน้าบ้านมีวัดป่ าอยู่แห่งหนึ่งมี พระภิกษุชราภาพ ๑ รูปและสามเณรอีก ๑ รูป เวลาที่คุณมาจากภพภูมิ ของคุณ มักจะจ าแลงแปลงกายเป็ นมนุษย์แต่งตัวเหมือนชาวบ้านแถว


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 4 นั้น จะมาตั้งแต่เช้า เอาผลไม้ใส่กระจาดใส่มาจนเต็ม มีข้าวเปลือกด้วย น ามาท าบุญ คุณจะขึ้ นมาทุกๆ วันเพ็ญ มาตอนใกล้รุ่งหรือใกล้สว่าง เพราะจะได้ไม่โดดแสงแดด” งามกว่านาง ใดใด ในใต้หล้า สุขอุรา คราใจ ไม่แปรผัน เจ้านางน้อย นารีทิพย์ ข้าผูกพัน ตลอดกาล ในใจข้า คือนางเอย จิตข้างในอยากรู้ว่าท่านปวารลณตนะ เป็ นใคร เลยถามกาย สังขารญาณทิพย์ “ท่านเป็นโอรสของปู่ ศรีสัตตะนาคราชในดินแดนวังบาดาล เคย มีบุญกรรมสัมพันธ์กันมา ในอดีตเคยมีความสัมพันธ์เป็นพระสวามี เคย ครองคู่กันมา และเคยสัญญาสาบานกัน ว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอด ทุก ภพ ทุกชาติ” เจ้าคงคา มหานที เป็นพยาน ให้รักมั่นเราสอง ครองทุกสมัย สุดภิรมย์ ชมชื่น รื่นฤทัย ทุกสมัย ทุกชาติภพ จบที่นาง ตอนนี้ ค าอธิษฐานมันส่งผลแล้ว ท่านรออยู่ ท่านทรมานมาก น ้าตาท่านไหล ท่านจะกลับลงวังบาดาลแล้ว “นาคานาคราช ราชาเน อิ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 5 มกริ้ มเฮ นะมะเฮ นาฮา” ท่านบอกว่า สวัสดี ก าลังจะกลับแล้ว ท่าน ขอลาก่อน ค่อยเจอกันใหม่นะ ท่านว่า ท่านเป็นนาคราชา นาคกษัตริย์ รักชื่นอก รักชื่นใจ ใยเจ้าทิ้ งพี่ได้ ไม่กลับมา ทั่วไตรหล้า พี่จักตามรักเจ้า ขอให้เจ้า จงมั่นในรัก จักเสน่หา ขอชื่นชม ตามติด ชิดอุรา ทั้งไตรหล้า หามีใคร ได้เทียบเธอ “พี่รักเจ้ามาก พี่ไม่เคยลืมเจ้าเลย ชาตินี้ พี่อยู่ภพล่างหรืออยู่ภพ บน เจ้าอยู่ภพกลางของเมืองมนุษย์ พี่จะขอติดตามรักเจ้าตลอดไป เวลา พลัดพรากของเรานานโข แต่น้องพี่ก็ไม่เคยเปลี่ยน นั่นหล่ะที่ใช่ อิน่ะเด่ะ ไม่เคยเปลี่ยนไม่พอนะ ยังรักเคารพในองค์ของท่าน มั่นคงในรัก และไม่ เปลี่ยนแปลงเลย ยังนึกถึงตลอด สานต่อบุญต่อกุศลให้ท่านเสมอมา และนานหลายปีแล้ว” สุขฤทัย ในยามเช้า กับเราสอง ร้อยรักเรียง เฝ้าเคียงหมอน ในเช้านี้ พี่ไม่มีอะไร ไปต่อกลอน นอกจากอยาก บอกรักเจ้า เท่านิรันดร์ ความจริงภพภูมิทิพย์ไม่มีใครสามารถไปแทรกไปรับรู้ในโลก ทิพย์ได้ หาคนเข้าไปรู้ในภพภูมิทิพย์เขาหายาก อย่างที่เราปฏิบัติธรรม บูชา ที่เรารู้ มันเป็ นปัจจัตตังคือ รู้ด้วยตัวเอง ความรู้จะไปรู้ทุกคนไม่มี


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 6 ท่านที่รู้ก็รู้ด้วยตัวเอง บางเรื่องไม่ต้องไปแสวงหา เมื่อถึงวาระก็เปิ ดให้ รับรู้เอง “ท่านอยากให้มีหุ่นปั้นพญานาคใช้ภพสถิต วิญญะครา นะมามิ อินัง กรายา ทิพย์วิมาลาอรุงกิรติยายัง มังคะละราชานาคราช นะ ปา วาฬนะ อิเถนะชะระตะ นัมมาเนช ชะ” การสร้างกายหยาบของหุ่นปั้นพญานาคราช เพื่อบังกายในภพ ภูมิทิพย์ ซ่อนกายทิพย์ ไว้ด้านในหุ่นเอาไว้สถิตในญาณนั้น ให้คนได้มา สักกะบูชาท่าน จะได้รู้ชื่อท่านพญานาคองค์นี้ราชานะนาคราช ท่านปา วาฬนะนาคราช ท่านก็เป็ นนาคราชาองค์หนึ่งเหมือนกัน เป็นนาคราชา นาคกษัตริย์ แต่มีน้อยคนนักที่รู้จักท่าน อยากให้มนุษย์รู้จักชื่อท่าน ต่อไปนี้ ท่านจะไปประกาศตัวตนว่าท่านปาวาฬนะท่านมีตัวตนจริง อยู่ใน ภพภูมิของนาค องค์ญาณทิพย์โลกทิพย์ น้อมนิรมลมา ด้วยพอพระทัยเสด็จปู่ ศรีสุทโธ เสด็จย่าศรีปทุมมา สร้อยสุดาจันทร์ มาประจบครบองค์เอกอนันต์เบื้ องบนฟากฟ้า สายนาราชนนที เกลื่อนทุกถิ่นแคว้นแดนไกล ฟากฟ้าสุราลัย มิได้ขัดข้องประสงค์ บรรจง มาแอบแนบชิด ครวญใคร่พรรณนา ท่านเป็ นนาคราชา ที่เก่งหลายๆ ด้าน นักรบ กวี ครูเป็ น นักปราชญ์เก่งท้ังดา้นอิทธิฤทธ์ินานาประการ ทั้งที่อยู่กันคนละทาง ทางโลกมนุษย์กับโลกทิพย์ก็สื่อจิตญาณให้ได้รับรู้


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 7 ไม่ต้อง งง สงสัย ในตัวพี่ ยอดยาหยี เป็นที่รัก สมัครใคร่ ในดวงจิต ดวงนี้ มีที่ไป ตามหาน้อง อนงค์นาถขัตติยา นารีทิพย์ หลังจากถวายรูปปั้นพญานาค ก็ได้มีพิธีบวงสรวง คืนก่อนวัน บวงสรวงฝันว่ายืนมองสายน ้ากว้างใหญ่ เห็นช้างสองเชือกตัวใหญ่มาก ลอยอยู่ใต้สายน ้า หลังของช้างลอยพ้นน ้าปริมๆ มีคนที่นั่งบนหลังช้าง ตัวของคนเท่านิ้ วก้อย ในจิตก็แวบขึ้ นมา ท าไมช้างอยู่ใต้น ้า ภาพใน ฝันแจ่มชัดมาก พอเช้าวันบวงสรวงเลยกราบถามหลวงปู่ ท่านบอกเป็ น เทพนิมิตรเพราะฝันตอนเช้าย ่ารุ่ง ให้สวดมนต์บทจุลลไชยยปกรณ์เหล่า พญานาคเทพเทวาชอบฟังบทสวดนี้ การบวงสรวง เป็ นการบูชาสิ่งศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลาย เพื่อใหเ้กิดสิริ มงคลกับตัวเอง กิจการงานต่างๆ หรือเป็ นการขออนุญาต ก่อนจะ เริ่มท าสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งอาจเป็นการบุกรุก รบกวนต่อสิ่งศักด์ิสิทธ์ิเป็ น การแสดงตนว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่จากการกระท านั้นๆ การ บวงสรวงเป็ นพิธีการทางพุทธศาสนา ที่มีมาแต่โบราณ เหล่าคณาจารย์ ได้กระท าและปฏิบัติมา เพื่อเป็ นการยอมรับนับถือท่านผู้มีพระคุณ ยิ่งใหญ่ในชีวิต มีพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระ ปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระอริยสงฆ์สาวก เทพไท้เทวา คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ทุกๆ พระองค์ ทุกๆ ชาติ รวมทั้งพระภูมิเจ้าที่ ท่านท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ท่านพญายมราช เคารพท่านผู้เป็ นใหญ่ใน ทั้ง ๓ โลก ในการบวงสรวงที่พญานาคชอบมากที่สุด คือ การรักษาศีล ใหบ้ริสุทธ์ิหมัน่สวดมนต์เจริญกรรมฐาน แผ่เมตตาอุทิศให้แก่เหล่า


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 8 พญานาค การท าบุญในสายพญานาค ต้องมีความจริงใจมีสัจจะวาจา ทา ดว้ยจิตที่บริสุทธ์ิจะเป็นที่รกัและเมตตาในเหล่าพญานาคทุกตระกูล “มีเพชรพญานาคมาเอง จู่ๆ ก็มีในกระเป๋ าผ้าขาวที่สะพายใน งานพิธีบวงสรวง แล้วเพิ่งเจอในตอนเช้าวันนี้ เม็ดสีขาวใส แต่จ าได้ว่า มี แล้วเม็ดหนึ่งสีขาวใสเหมือนกัน แต่ตอนนี้ ท าไมมี ๒ เม็ด แต่เม็ดนี้ ใหญ่ กว่านิดหน่อย” ท่านประทานให้ เมื่อถึงวาระ พญานาคหรือคนที่ครอบครองอยู่ จะน ามามอบให้เองโดยไม่ต้องแสวงหา เขาจะมาด้วยเหตุอัศจรรย์ต่างๆ นานา เช่น ผุดขึ้ นจากดิน ลอยมา หรือเขาน ามาให้เอง พญานาคองค์ที่มี จุติญาณในแหวน แหวนเก่าโบราณที่ได้มาเพราะบุญสัมพันธ์ ท่านให้ รักษาเอาไว้มันเป็ นของในอดีต แหวนพญานาคราชโลหะสัมฤทธ์ิ โบราณ มาพร้อมกับเพชรพญานาคสีขาวใส เรียกท่านว่า องค์ปู่ เทวะ นาคพรหมญาณ จุติญาณท่านอยู่ในแหวน เพชรพญานาคสีขาว พญานาคที่เป็ นเจ้าของมีจริตบารมีบ าเพ็ญเพียรสายโพธิสัตว์ ปฏิบัติลด ละกิเลสตัณหาอุปทาน วางจิตให้เป็ นกลาง มีสติรู้เท่าทันในสภาวะ ปัจจุบนัจึงเกิดความใสสะอาดบริสุทธ์ิมีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมนั่คง เพชรพญานาคจึงมีสีขาวใส หลังจากนั้นมาข้าพเจ้าก็มักจะได้มณีใต้น ้าหรือเพชรพญานาคมา เรื่อยๆ มีทุกสีที่ดูพิเศษมากคือสีม่วง จะม่วงเข้มออกสีด า มักมีคนน ามา ให้เสมอ ปู่ บอกว่าไม่ต้องแสวงหา อะไรที่เคยเป็ นของเราเมื่อถึงวาระสิ่ง นั้นจะตามหาเจ้าของเอง สีม่วง แบบนี้ ที่พี่ให้ ด้วยดวงใจ คิดใฝ่ หา ให้ด้วยรูป รอยรัก จิตรักพา


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 9 มอบเสน่หา มาถึงน้อง ยอดดวงใจ ม่วงชมภู อยู่ที่ใจ ใช่ที่อื่น ดูสดชื่น ทุกเวลา พาใจฝัน คิดถึงม่วงชมภู ทุกคืนวัน สุขเลิศนั้น น าใจรัก เฝ้าภักดีเอย.. ม่วงกับชมภู ต้องอยู่คู่กัน ตราบเท่าฟ้าดินสลาย หลังจากได้ถวายรูปปั้นหุ่นพญานาค ๗ เศียร ต่อมาได้ถวาย สมเด็จพระพุฒาจารย์ หลวงปู่ โต พรหมรังสี รูปเท่าองค์จริงเป็ นหิน แกะสลัก ในวัดป่ าแห่งนี้ พญานาคเป็ นสะพานบุญ น้อมน าบูชาบุญ บารมีครูบาอาจารย์จึงได้สานต่อบุญอีกครั้ง อีก ๕ ปีต่อมา เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ ได้เป็ นเจ้าภาพถวายกฐินที่วัดป่ าแห่งนี้ ปัจจัยที่ กัลยาณมิตรและชาวบ้านร่วมกันสานต่อบุญกุศล ๑๗๒,๓๙๙.๕๐ บาท ซึ่งเป็ นกฐินครั้งแรกของวัดในรอบ ๑๐๐ ปี ขอขอบพระคุณทุกสายบุญ สายกุศลที่หลั่งไหลมาช่วยกันบูรณะวัดป่ าแห่งนี้ เทพนาคราช ดลบันดาล สายธารบุญ ช่วยเกื้ อหนุน จุนเจือ ให้ไหลมา ของเมืองฟ้า นั้นมีมาก หลากหลายมี สมบัติพี่ นี้ ดลจิตใจ ใครหลายคน น้อมกุศล น้องพึ่งพา สร้างบารมี รวมเป็นหนึ่ง พี่ซาบซึ้ ง อึ้ งนารีทิพย์ ยอดยาหยี ขวัญใจพี่ นี้ ให้มา


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 10 ปู่ สอนว่า ท าไปบารมีใครมัน ชีวิตมนุษย์มันสั้นนัก ตายไปก็มีแต่ บุญกับบาป ใครบุญเยอะกว่าบาปก็ดีไป ทางเลือกเส้นทางแห่งคุณงาม ความดีของมนุษย์มีเท่ากัน อยู่ที่ว่าใครจะเลือกคุณงามความดีแล้วแต่ บุคคลผู้นั้นเอง มนุษย์ทุกคนมีบุญวาสนา ถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์ คือเทวดาประเภทหนึ่ง มนุษย์ไม่ใช่คนธรรมดา มนุษย์ก็ไม่ใช่ภูตผี แต่ มนุษย์เป็ นถึงเทพและเทวดามาเกิด แยกออกเป็ นสองจ าพวก มนุษย์ที่มี สัมมาทิฐิในแบบความคิดสติปัญญาดี ชอบแต่การท าความดี นั่นคือ พวกเทพลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อมาสร้างบุญต่อ ในภพชาติต่อไป ส่วนจ าพวกที่สองนี้ จัดอยู่ในพวกเทพหรือเทวดาชั้นต ่า ที่อยู่ใน ฝ่ ายมิจฉาทิฐิ ชอบมีความคิดที่ชั่วๆ คิดไม่ได้ คิดไม่ออก ว่าจะต้องท า ความดีแบบไหน ถึงจะเรียกว่าดี มีความคิดที่ชั่วๆ อยู่เสมอๆ ความคิด ชั่ว พูดชั่ว ท าชั่ว นี่แหละคือพวกเทวดาชั้นต ่าสุดมาเกิดเป็นมนุษย์ การที่ พวกเขาได้เกิดมาเป็ นมนุษย์ได้นั้น นั่นคือเศษบุญในอดีตของพวกเขา ยังคงพอมีเหลือบ้าง “น้อมกราบ องค์คุรุค่ะ” “ท าดีย่อมได้ดี ท าบุญก็ย่อมได้บุญ” “พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาด้วยค่ะ” “ท่านเมตตาเรา เราก็เมตตากลับ ย่อมมีแต่ได้ถ่ายเดียว” “สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ” “จงมุ่งหน้าเดินต่อไปให้ถึงแดนพระนิพพานนะ อย่าหยุด ถ้า อยากหยุด ให้หยุดที่แดนอัมฤกษ์ตาลัย อย่ากลับมา เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป นั่นคือที่อยู่ของเจ้านางตลอดกาล ปรารถนาอยากไป ต้องได้ ไปนะ ข้ามนิวรณ์ย่างไปให้ถึงเถิด ปลด ปล่อย ปลง วางทุกอย่างเสียได้ ในสิ่งที่เป็นสมมติ นี่แหละคือ นิพพาน”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 11 “ได้ท าบุญที่ผ่านมา นึกถึงทีไร แล้วมีความสุข เหมือนที่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์สอน บุญคือ ความสุข เบาใจ เบากายนึกถึงทีไรก็สุขใจ” “นั่นแหละคือบุญบารมีของตนเอง ที่มีความตั้งจิตตั้งใจท าด้วย ความบริสุทธ์ินี่เลยคือสิ่งที่คงทนถาวร สา หรบัมนุษยผ์ูส้รา้งเอง สมมติ ทั้งหลายในสามแดนโลกซึ่งไม่ใช่” หลังจากถวายองค์กฐินแล้ว วันต่อมาได้ไปถวายพระบรมสารีก ธาตุ พระธาตุกับพระครูบารูปหนึ่ง เพื่อท่านจะได้บรรจุบนพระเศียรพระ พุทธเมตตาศิลามุณี ที่วัดถ ้ามะเฟื อง ที่ร่วมบุญสร้างกับชาวบ้าน ถวาย เสร็จก็เดินทางไปกราบหลวงตาไพรัตน์ ที่วัดป่ าหวังมนตรี อ าเภอนามน “คิดว่าไปบ าเพ็ญเพียรที่ไหนมา” หลวงตาท่านพูดยิ้ มๆ ในระหว่างนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้มา ถวายสังฆทานหลวงตา ทราบภายหลังว่า เขาเป็นปลัด มากราบลาหลวง ตาเพื่อจะย้ายไปท างานที่ภาคใต้ เขาบอกหลวงตาว่า เมื่อวานนี้ เขาไปถ ้า นาคามา ได้หินมาหนึ่งก้อน เลยเอาออกมาให้หลวงตาดู หลวงตาท่าน พลิกหินดู ท่านพลิกไปพลิกมา แล้วบอกปลัดคนนั้นว่า หินก้อนนี้ หลวง ตาขอนะ เขาก็ถวายให้หลวงตา หลวงตาบอกว่า ท่านปลัดชอบนั่งสมาธิ ถ้าติดขัดในการปฏิบัติจะมาหาหลวงตาขอค าแนะน า ข้าพเจ้าถามว่า “ถ ้านาคา ปู่ อือลือใช่ไหม” “ใช่ครับ” ท่านปลัดกราบลาหลวงตา วันนั้นหลวงตาสอนให้สวดบทสวด มนต์ มงกุฎพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าปีก่อนหลวงปู่ อีกรูปแนะน าบทสวด บทนี้ ข้าพเจ้าถวายสังฑทานและกราบลาท่าน เพื่อหลวงตาจะได้พักผ่อน เพราะท่านชราภาพมาก หลวงตาหยิบหินจากถ ้านาคาให้ “อันนี้ หลวงตาให้”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 12 ตอนแรกที่หลวงตาขอหินจากถ ้านาคา รู้สึกแปลกใจมาก เพราะ หลวงตาท่านเคร่งปฏิบัติมาก ท่านจะเอาหินไปท าไม ตอนนี้จึงเข้าใจว่า เรื่องบังเอิญไม่มีในโลก สิ่งไหนที่จะเป็ นของเราก็จะเป็ นของเรา บุคคล หรือสิ่งที่รอคอยจะปรากฏเมื่อเงื่อนไขและปัจจัยพร้อม เหมือนหินที่ ได้รับจากหลวงตา คล้ายชิ้ นส่วนเกล็ดพญานาคส่วนหางที่กลายเป็ นหิน แลว้เกล็ดหินศกัด์ิสิทธ์ิ “ส่งบุญถึงท่าน ท่านเลยมาอนุโมทนาบุญ ให้ของขวัญพิเศษไว้ เป็นก าลังใจ” “ไม่ต้องไปถึงถ ้านาคา ปู่ ก็ส่งมาให้ถึงมือเลย สาธุ สาธุ สาธุ” “นาคทุกตระกูลเป็ นเครือญาติกัน องค์ปู่ ทุกๆ องค์ปู่ ท่านจะ เคารพซึ่งกันและกันมาก” “เวลาท าบุญ หรือหลังจากสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จจะอุทิศให้ปู่ ย่า พญานาคทุกๆ ตระกูลเสมอ” “บุญส่งถึงท่าน ท่านรับรู้” พ่อแม่ครูบาอาจารย์ว่า พญานาคเป็ นเทพเทวดาประเภทหนึ่ง แต่พญานาคถึงแม้จะเป็ นภูมิเทวดา เขาก็มาจากมนุษย์เรา มีกิเลส มี โลภ โกรธหลง เหมือนมนุษย์เรา ถ้าไม่พอใจกันขึ้ นมาก็โกรธเกรี้ ยว กราด ท าร้ายกันเหมือนกับมนุษย์เรา ต่างแต่พวกพญานาคเทพเทวดา เขาจะสูก้ันพอรูฤ้ทธ์ิแลว้ก็เลิกรากันไป การใหอ้ภัยกันของภพภูมิเทพ เทวดา เขาจะให้อภัยกันง่ายกว่ามนุษย์เรา เพราะพวกเขามีเทวะธรรม หิริโอตัปปะ ความละอายแก่ใจ ความเกรงกลัวต่อบาป ของเทพเทวดา เขาจะมีมากกว่ามนุษย์ ถ้าจิตใจไม่มีเทวะธรรมสองอย่างนี้ เป็ นเครื่อง ครองใจแล้ว บุคคลนั้นจะเกิดเป็ นเทวดาไม่ได้เลย แม้แต่เกิดเป็ นมนุษย์ ก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ที่มีความบกพร่องในสติปัญญาและร่างกาย


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 13 บุญกรรม ท าร่วมมา ถึงเวลา คราจากจร ผลเวลา ห่วงหา พาอาวรณ์ พึงสังวรไว้ ในความดี นี่คือบุญ ทุกคุณงาม ความดี ที่เจ้านางมอบให้ มิอาจคลาย รักห่วงเสน่หา ทุกคืนวัน อยากใกล้ชิด ทุกเวลา แม้นน้องนาง แอบหนีหน้า พาจากไป สาธุเซรัม มะเนเยซ่ะเย่


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 14 บทที่ ๒ แสงธรรมส่องใจ ใจสว่างก็คลายปม หนึ่งดวงจติต้งัมนั่ศรทัธากลา้ ปณิธาน เปล่งวาจา หน้าที่หมาย ศึกภยัล้า มิยอม ใหก้ล้า กราย ใครมาหมาย ฆ่าฟัน มิหวั ่นกลัว หน้าที่ปก ป้องภัย พุทธศาสตร์ ใหแ้คลว้คราด ภยัมาร ใหผ้ลาญส้ิน แม้ต้องยอม เสียเลือด จนท่วมดิน ไม่เสียส้ิน ศรทัธา จวบจน ชีวาวาย ทุกย่างก้าวแห่งพุทธะ จะมีบัวทิพย์เสมอ จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง จิตที่ฝึกดีแล้ว น าความสุขมาให้จิตตัง ภาวิตัง มะหะโต สังวัตตะติจิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีประโยชน์มาก จิตที่ฝึก มาดีแล้วเห็นตามความเป็ นจริงว่าทุกอย่างในโลกมันไม่เที่ยง การฝึกจิต ภาวนาท าให้จิตใจเราเข้มแข็ง ยกจิตให้สูงขึ้ น เจอวิบากกรรมมันก็ไม่ท้อ หรือเป็ นทุกข์ เอาทุกข์เป็ นอารมณ์ พิจารณาหาเหตุแห่งทุกข์ พิจารณา ให้เห็น คนที่กลัวทุกข์ไม่กล้าเผชิญทุกข์ ก็ยิ่งทุกข์ เมื่อรู้เท่าทันทุกข์ เข้าใจเหตุ ความทุกข์ก็เบาบาง จิตคนเราเหมือนห้องสมุดที่เก็บข้อมูลไว้ทั้งๆ ที่เราเวียนว่าย ตาย เกิดในโลก แต่ดวงจิตก็ยังอยู่ จิต คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ หรือ ธรรมชาติที่ท าหน้าที่ เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สึกต่อการสัมผัสถูกต้อง ทางกาย และรู้สึกนึกคิดทางใจ เป็นธรรมชาติที่ถูกจิตรู้ ถ้าจิตรู้สิ่งใด สิ่ง นั้นคืออารมณ์จิต เป็ นผู้รู้ อารมณ์เป็ นสิ่งที่ถูกรู้จิตจะว่างจากอารมณ์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 15 ไม่ได้เมื่อจิตเกิดขึ้ นทุกครั้ง จะต้องมีอารมณ์ให้รู้เสมอ จิตคือตัวรู้ อารมณ์คือตัวถูกรู้ ถ้าไม่มีตัวถูกรู้ตัวรู้ก็ย่อมไม่เกิดขึ้ น “ด ารงจิตอยู่ ภายในสมุทัยก็ไม่เกิด” ปู่ ท่านเปรียบจิตมนุษย์เป็ นหิน มันก็ตั้งอยู่อย่างนั้น ต้องมีอะไร มากระทบก่อนจึงถูกรู้ เช่น มีคนชมสรรเสริญ เราก็จะมีอารมณ์ยินดี พอใจ ใจก็ปรุงแล้วพองฟูขึ้ นมา แต่ถ้ามีคนด่าว่าวิจารณ์มากระทบจิตก็ เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ก็จะเกิดโทสะ ถ้าสติไม่หนักแน่นก็ตอบโต้ทันทีถ้า มีสติยับยั้งไว้ก็ไม่มีโทษภัยใดๆ แต่เมื่อใดที่ขาดสติก็จะเกิดการตอบโต้ ทางกาย ไปชกหน้าผู้ที่ก าลังด่าเรา หรือทางวาจา ด่าตอบไปทันที ซึ่ง เป็ นการสร้างกรรมใหม่ที่จะต้องได้รับผลของกรรม คือ วิบาก เป็ นผล ของกรรมหรือการกระท าของเราเอง ในอนาคตต่อไป กรรมที่ท าด้วย เจตนาดีมีจิตสะอาดผ่องใส ผลลัพธ์จะออกมาเป็ นความสุขท่านเรียกว่า บุญ ส่วนกรรมที่ท าด้วยเจตนาไม่ดี มีจิตเศร้าหมอง และจะส่งผลออกมา เป็ นความทุกข์ ท่านเรียกว่า บาป กรรมที่กระท าไว้แล้ว ไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมไม่สูญหายไปไหน เพราะกรรมสามารถติดตามไปให้ผลได้ทั้งใน ชาตินี้ และชาติหน้า จิตเป็ นตัวบันทึก จิตมีอ านาจวิเศษอย่างหนึ่งในการ สั่งสมบุญและบาป หรือบันทึกเอาไว้ทันทีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี เมื่อเราได้กระท ากรรมใด ๆ ลงไปไม่ว่าจะดีหรือชั่ว แม้จะนาน สักเพียงใดก็ตาม จะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ผู้กระท าย่อมจะต้องได้รับผลของ บุญ และบาป เมื่อกรรมมีโอกาสส่งผล ถึงแม้จิตจะเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ก็ตาม แต่ผลกรรมที่ได้กระท าไว้ ไม่ว่าจะเป็ นบุญ หรือเป็ นบาป ก็จะไม่ สูญหายไป มันก็จะติดอยู่ในใจ เหมือนคนโบราณท่านกล่าวไว้ว่า สวรรค์ อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ มีตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าสุขหรือทุกข์บุญกับบาปไป พร้อมกับการดับของจิตแต่ละดวง ถ้าจิตยังไม่หลุดจากวัฏสงสาร การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้ามีบุญอยู่ก็กลับมาเกิดเป็ นมนุษย์ใหม่ จิตดวงใหม่


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 16 ในกายสังขารใหม่ มีบุญกรรมตกแต่งให้สวยงาม หรือน่าเกลียด ย่อมมี เหตุปัจจัยมาจากจิตดวงเดิม และจิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้ นมานั้น ก็เป็ นเหตุ เป็นปัจจัยให้แก่จิตดวงต่อไป ***** การสวดมนต์ นั่งสมาธิ และประคองจิตให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อ จิตเป็ นสมาธิสามารถจูนคลื่นกับพลังงานที่มีความละเอียดในระดับ เดียวกันได้หลวงปู่ บอกว่ามันเป็ นสายใยที่เชื่อมต่อคลื่นพลังต่างๆ ที่มี ระดับความละเอียดตรงกันสามารถสื่อพลังงานหรือจูนคลื่นถึงกันได้ “อะไรที่พูดไป ถ้าคุณกลับมาถามอีกครั้ง ก็จ าไม่ได้นะ เพราะ ไม่ใช่ตัวของตัวเองที่สื่อบอกคุณ” จิตเปิ ดรับคลื่นจากสื่อญาณ กัลยาณมิตรเป็ นเสาสัญญาณรับ สัญญาณ ตัวเราเป็ นพลังงานเชื่อมต่อ เสาสัญญาณบางท่านรับสื่อเป็ น สัญญาณภาพ บางท่านรับสื่อเป็ นสัญญาณความรู้สึก หรือเป็ น สัญญาณเสียง “ท่านส่งมาสื่อเป็ นจิตญาณ แต่ถ้าเทพองค์ไหนประทับทรง มนุษย์ปกติเป็นการประทับบาป เพราะเป็ นการก้าวล่วงดวงจิต เป็นบาป แต่ในกรณีที่ท่านส่งจิตญาณมา แล้วมาส าทับอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง จะให้เห็นเป็นภาพในมโนจิต” ปู่ บอกว่า ตัวรู้หรือเสียงจากข้างในสื่อถึงกัน น าสื่อญาณให้เจอ กันเพื่อสานบุญ แต่อย่าติดในอุปทาน ให้มีปัญญาน าพินิจพิเคราะห์จิต ที่ได้รับการฝึกมาดีเป็ นจิตที่แข็ง ฐานจิตแน่นจะพิจารณาแยกแยะได้ กาย จิต วิญญา เดินไปพร้อมกัน เดินทางตามครูบาอาจารย์น าพาไป นารีทิพย์ จิตเลื่อนขั้นแล้ว จึงละมาบวช อย่าให้จิตตก บุญบารมีที่สร้าง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 17 เป็ นก าลังใจ น้อมเอาบุญเอาคุณ เป็ นก าลังใจก าจัดกิเลส ไม่ใช่ท าบุญ เพื่อต่อชีวิต ต่อเพื่ออยู่ท าความดี พอตายไปก็หมดบุญ ทาน ขจัดความ โลภ ศีล ละความโกรธ ภาวนาดับความหลงในตัว การรักษาศีลต้องอยู่ บนพื้ นฐานของสมาธิ ศีลส ารวม ก าลังฐานที่ตัวสมาธิ กายสังขารญาณ ทิพย์บางคนที่ยังมีกิเลสหนาพอกอยู่ ปู่ บอกเหมือนนารีลุยไฟ ไฟก็เกิด จากกิเลสของตัวเอง เผาตัวเองอยู่ทุกวัน ส่วนคนที่ปฏิบัติจิตมาดีอยู่ใน ดงดอกไม้ พื้ นฐานจิตแน่น บางคนพื้ นฐานจิตไม่แน่น พอได้คุยเรื่อง ธรรมะกัน เกิดจุดปะทะเหมือนไข่กระทบหิน คนที่ฐานจิตแน่นเป็ นหิน อีกคนเป็ นไข่ แตกง่าย เพราะหลงในจิตคนอื่น การหลงในจิตมนุษย์ดึง ออกมาล าบาก ปู่ สื่อญาณผ่านแค่ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็ นจิตของ เขาเอง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ กิเลสเกาะก็เป็ นกิเลสของคนอื่น เพราะเอาจิต ส่งออกไปจับ ปู่บอกไม่เป็นไร ค่อยๆ เกลา เขามีข้ออ้างเยอะ ไม่พร้อมใน สถานการณ์หลายๆ อย่าง จิตเขาเหมือนอยู่ในโหลกักวิญญาน มนุษย์เรามีความเคยชินทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ซึ่งมันเป็ นอนุสัย คือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน เหมือนตะกอนนอนอยู่ที่ก้นภาชนะ เวลามีอะไรไปกระทบหรือกวนภาชนะ ตะกอนจะฟุ้งขึ้ นมาท าน ้าให้ขุ่น อนุสัยกิเลสก็เช่นเดียวกัน ต่อเมื่อมีอารมณ์ภายนอกมากระทบจะฟุ้ง ขึ้ นมา ท าจิตให้ขุ่นมัว บางคนเคยชินกับความมีทิฏฐิมานะ หัวดื้ อหัวรั้น ความอยากได้โน่นได้นี่ ที่หมักดองอยู่ในจิต ซึ่งมันท าให้จิตเศร้าหมอง ขุ่นมัว พอมีอะไรมากระทบจิตจิตก็จะฟุ้งขึ้ นมา ท าจิตให้ขุ่นมัว พอมัน มากเข้าจนล้นทะลัก เป็ นอาสวะ อารมณ์ที่ข้องอยู่ หรือกิเลสที่หมักดอง อยู่ในจิตหลั่งไหลออกมา เพราะมีสิ่งไปกระทบจิตหรือมีอารมณ์ภายนอก มากระทบตัวทิฏฐิมานะ หัวดื้ อหัวรั้นของตน มันก็เลยพรั่งพรูออกมาไม่ หยุด เหมือนเทน ้าออกมาจากขวดจนล้นแก้ว นั่นเป็ นความเคยชินที่ สะสมจนเป็ นอนุสัย อนุสัยคือกิเลสที่สงบนิ่งอยู่ในสันดาน พอมันมาก


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 18 เข้าก็กลายเป็ นอาสวะที่ไหลทะลักออกมา เขาเลยคิดว่าตนเองยังไม่ได้ กินน ้าที่เทออกมาเลย หรือไม่มีเวลาหายใจหายคอ ปัญหาสะสมจนล้น เขาขอให้เขาได้มีเวลากินน ้าบ้าง ปัญหาใหม่ก็มาอีกแล้ว คนที่สร้าง ปัญหาก็คิดเรื่องใหม่มาเรื่อยๆ ก็เหมือนการเทมาอย่างเดียว อยากท า โน่นท านี้ นั่นคือการเทน ้า ใส่แก้ว คุณไม่ดูว่าแก้วมันจะรองรับน ้าได้ไหม คุณเทจนหมดขวด ปู่ สอนว่าบ้านบางหลัง หรือบางครอบครัวมีแก้วใบเดียวที่รองรับ ปัญหา คือสติปัญญาไม่เท่ากัน ส่งน ้ามาแค่ไหน คุณมีแก้วรองรับกี่ใบ คุณสนใจน ้า ดึงแก้วออก หรือหาแก้วใบใหม่มารองรับ แต่คุณแยกแยะ ไม่เป็น สนใจแต่ความสกปรกของพื้ น ไม่ไปตามหาต้นตอของเหตุแห่ง ปัญหา คุณยกแก้วออกหรือ หรือหาแก้วน ้ามาเสริม แต่คุณเลือกตามไป เช็ดพื้ น มัวแต่ไปเช็ดน ้าบนพื้ น นั่นเป็ นจริตผิดวิธี ทางออกอื่นมันมี มัน ไม่ตันหรอก แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ปมคือ กิเลส แต่คุณหาปมตัวเองไม่เจอ เพราะไม่ได้ถูกหล่อหลอมมา ตอนเด็กพอเจอปัญหาก็ดีดออก เพราะถูก สอนว่า เห็นเป็ นขี้ แล้วอย่าเอามือไปจิ้ ม คือเจอปัญหาแล้วหลีกเลี่ยง ปัญหา การดีดออกคือหลีกหนีปัญหา ไม่ได้ถูกสอนให้เรียนรู้ปัญหา นิสัยยึดมั่นถือมั่นมาก ปากบอกว่าไม่ แต่ใจมันยึด เหมือนคนไม่ได้ เตรียมพร้อม ไม่มีการยืดหยุ่น ตึงอยู่กับปั ญหาตลอด ให้ปั ญหา แก้ปัญหา เมื่อถึงพร้อม ปมปัญหาก็สะสมไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็ไหล ทะลักออกมาพร้อมกัน “เวลาจิตตก ต้องประคับประคองจิต เหมือนคนอุ้มเด็ก” จิตของคนเราเหมือนเด็ก ต้องประคับประคอง ค่อยๆ สอนจิต ของตนเองอยู่เสมอ เราจะได้ไม่หลงในจิตของตัวเอง ปัญหาระหว่างคน สองคนที่หันหลังคุยกัน คนหันหลังพูดเขาไม่กลับมาดูคนฟัง พูดไปเรื่อย เปื่อย ไม่สนใจว่าท าหรือไม่ท า เขาผูกปมไว้เยอะ ให้ค่อยๆ คลาย ปมมัน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 19 แน่น เขายึดเรา เราก็ยึดเขา ปู่ บอกเขาเดินน าหน้าไปแล้ว เราเดินตาม เขา เขาเดินข้ามสะพานคนเดียว เขาจูงใครก็เรื่องของเขา ถ้าเขาศีลเสมอ กัน เราตีกรอบยึดมั่นถือมั่นเอง ท าให้เราเปไปเปมา ชีวิตคู่ก็เป็ นแบบนี้ เหมือนกับการอ่านหนังสือ อ่านจบแล้ว เล่มนี้ น่าเบื่อ บางเล่มเราอ่าน จบแล้ว เราก็เก็บในตู้หนังสือ เก็บไว้ไปความทรงจ าดีๆ นึกถึงก็กลับมา อ่านต่อ บางเล่มเราเปิ ดอ่านจบแล้วไม่มีประโยชน์ อ่านแล้วเสีย สุขภาพจิตเราก็เลือกเอาไปทิ้ งหรือเผาทิ้ ง หนังสือบางเล่มก็น่าสนใจอ่าน ได้เรื่อยๆ อ่านแล้วประเทืองปัญญา ทั้งนี้ ทั้งนั้นขึ้ นอยู่กับตัวเรา ส่วนบาง คนหนังสือที่เขาอ่านจบแล้ว ที่เหลือเขาเป็ นคนเขียนต่อเอง ว่าอยากได้ แบบไหน การยึดหวงแหนไม่อยากให้ไป เป็ นการผูกกรรมผูกปมไปเรื่อย ต้องอโหสิกรรมกันไปไม่ถือสาหาความ กรรมก็ระงับลง ลดทิฐิมานะลง ขอโทษที่ได้ล่วงเกิน มันก็ค่อยๆ คลายปมในใจซึ่งกันและกัน อะไรที่ผ่านเข้ามาแล้ว เราพลาดไปแล้ว ให้เริ่มต้นใหม่ อย่าหมด จิต ท าให้เกิดนิวรณ์นิวรณ์เป็ นกิเลสแบบกลางๆ มี ๕ อย่าง คือ กาม ฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง ดุจคนหลับ อยู่ พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะ สมบัติทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่ ถีนมิทธะ ความขี้ เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้ก าลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิมโหยหา นิวรณ์จึงเป็ น เครื่องกั้นหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิ ดโอกาสให้ท าความดี เป็ นเครื่องกั้นความดีไว้ ไม่ให้เข้าถึงจิต นิวรณ์ที่เกิดขึ้ น คือความไม่ พอใจ จากความไม่ได้สมปรารถนา ท าให้อาการของจิตที่เกิดนิวรณ์ถีน มิทธะ ความขี้ เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้ก าลังทั้งกายใจ มัน เป็นจิตที่ติดลบ เพราะมันจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ เปรียบเหมือนเงินใหม่ ที่ก าลังจะเข้ามา มันก็เข้ามาไม่ได้ มีอะไรขวางอยู่มันเลยเข้ามาไม่ได้ สวรรค์ไม่ช่วยหรอก ถ้าไม่เอาของเก่าออกไป ล้างของเก่าออกให้หมด


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 20 เมื่อสมองเราว่าง จิตเราว่าง ใจเราก็เบา สติปัญญาในการแก้ปัญหาก็ เกิด เหมือนน ้าใส มองอะไรก็เห็น ถ้าจิตขุ่นมัวเหมือนน ้าขุ่นมองอะไรก็ ไม่เห็น การฝึกจิตภาวนาก็เหมือนการปลูกบ้าน ต้องท าฐานให้แน่น สามารถรับของหนักได้ ถ้าฐานไม่แน่นทรุดเอียง พื้ นฐานสมาธิดีจิตจะ หนักแน่นผ่องใส ไม่วอกแวก ดวงจิตสะอาด ละบาปได้รักษาจิตให้หนัก แน่น ความหนักแน่น คือบุญบารมี เป็นจริตนิสัยที่สะสมมาแล้วไม่รู้กี่ภพ กี่ชาติ อยากให้ฐานแน่นอย่าไปมองที่ปลายฟ้า ที่ยังมาไม่ถึง ท่านธุดงค์ รูปเดียว เดินวนหลงป่ า แต่ให้ใจมุ่งมั่นท ามาก ๆ แปบเดียวก็พ้นป่ า ตอนแรกอาจจะใช้เวลานาน แต่ท าบ่อยท าไปเรื่อยๆ แค่ชั่วหมากจืด มัน ก็ถึงที่หมายเอง “การสอนลูกก็ให้ศึกษาพฤติกรรมการเลี้ ยงลูกของนกอินทรี” นกอินทรีเป็ นนกที่แข็งแกร่งและสง่างาม มักท ารังบนหน้าผาสูง ชันหรือต้นไม้สูง พ่อนกแม่นกสอนลูกนกให้เคยชินกับความยากล าบาก ลูกนกอินทรีแต่ละตัวจะถูกสอนให้พึ่งพาตนเอง อดทน ช่วยเหลือตัวเอง ได้ ทนต่อความเจ็บปวด ความร้อนหนาว เมื่อผ่านการฝึกอย่างหนัก จน แข็งแรงแล้ว ปล่อยให้ลูกนกบินไปได้ตามล าพัง นั้นเป็ นการอบรมสั่ง สอนลูก ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดของสัตว์มนุษย์เราก็เช่นกันต้องสอนให้ ลูกรู้จักพึ่งพาตัวเอง ฝึกลูกให้รู้จักความล าบาก อดทนรอได้ เป็ นการ สร้างภูมิคุ้มกันทางร่างกายและจิตใจให้ลูก เป็ นการสร้างฐานจิตให้ มั่นคงมีอะไรมากระทบไม่หวั่นไหว ท าให้เขาสามารถเผชิญโลกกว้าง เพียงล าพังได้ซึ่งเป็ นการสอนแบบกายกรรม ท าให้ลูกเห็น ถ้าฐานจิต ของเด็กแน่นความเห็นอกเห็นใจต่างๆ เด็กจะสัมผัสได้เอง เด็กเห็น ความยากล าบากของพ่อแม่ เขาจะตั้งใจพัฒนาตนเอง ไม่อยากท าให้พ่อ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 21 แม่เสียใจ พอเขาประสบความส าเร็จเขากลับมาตอบแทนคุณพ่อแม่โดย พ่อแม่ไม่ต้องร้องขอ การด าเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันก็เหมือนกัน ให้ใช้หลักพุทธ ศาสตร์บวกกับความพอเพียง เราสามารถด ารงชีวิตอย่างพออยู่ พอกิน พอใช้ พยายามพึ่งตนเองช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด มีความสุขบนทาง สายกลาง พอใจในสิ่งที่ได้รับมาโดยชอบธรรม พ่อแม่ปู่ ย่าตายายก็อยู่ กันอย่างพอเพียง ทุกวันศีลพระวันเข้าวัดท าบุญฟังธรรมไปปรับพลังธาตุ รับพลังบุญกระแสบุญอยู่ในคลื่นพลังงานบวก พอถึงฤดูท าไร่ท านา ฝน แรกมาก็จะเพาะกล้าต้นพริก ไปปลูกที่คูสระน ้า พริกที่ปลูกก็ได้เก็บกิน ตลอดฤดูกาลท านา ถ้าเยอะก็ตากแห้งไว้กินในหน้าแล้ง ต้นกล้วยจะ ปลูกในสวนเสมอ เพราะว่ามันจ าเป็นในชีวิตประจ าวัน ใช้ห่ออาหาร ห่อ ขนม ท าอาหารสารพัดประโยชน์ คนสมัยก่อนกินง่าย อยู่ง่าย เรียนรู้ ชีวิตกับธรรมชาติ การใช้ชีวิตและความเป็ นอยู่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จน เกิดภูมิปัญญาจากประสบการณ์ตรงที่พวกท่านได้เรียนรู้ แล้วสอนหรือ ท าให้ลูกหลานดู ปู่ บอกว่าเป็ นการสอนแบบกายกรรม คือท าให้ดู ส่งผลให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวหยั่งรากลึกแน่นหนามั่นคง เด็กที่ เติบโตมาจากสังคมแบบนี้ จึงมีความมั่นคงทางจิตใจ เหมือนมีรากแก้ว ทางจิตใจ ขยันและอดทนเพราะถูกหล่อหลอมมาจากการอบรมเลี้ ยงดู แบบธรรมชาติเลยเกิดภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ โลกปัจจุบันก็เหมือนโลกวิกลจริต ที่ว่าโลกวิกลจริตคือโลกที่คาด เดาอะไรไม่ได้บางทีคิดว่าฝนไม่ตก กลับตก บางวันรถไม่น่าจะติดกลับ รถติด สมัยนี้อะไรที่คิดว่ายาก กลับง่าย สมัยก่อนท าง่ายแต่กลับยาก ยิ่ง โลกเจริญทางวัตถุมากเท่าไร ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ก็มากขึ้ นเท่านั้น คุณธรรมในใจก็ลดลง เมื่อคุณธรรมลดน้อยถอยลง การเบียดเบียนกันก็ มากขึ้ น ความทุกข์ก็ตามมา คนในสังคมปัจจุบันจึงมักเกิดทุกข์จาก


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 22 ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็ นปัญหาครอบครัว สังคม การ งาน หรือการใช้ชีวิตประจ าวัน ปู่ ท่านสอนว่าให้มองบน เวลามีปัญหามา กระทบจิต ให้ปล่อยจิตให้ลอยบน คือลอยเหนือปัญหา เห็นปัญหาไม่ใช่ ปัญหา ท าจิตให้เหมือนหญ้าคาให้ลู่ไปตามลม ปัญหาต่างๆ ก็เหมือนกัน กับการมองของจิต หมายถึงการท าจิต มี ๓ ระดับ คือ มองต ่า มองกลาง มองบนหรือมองสูง มนุษย์ที่จิตตก เป็ นจิตที่หนัก ตาจะมองต ่า เห็นทุก อย่างเป็ นไปปัญหา จิตจะคอยระแวดระวังตลอดเวลา จิตแบบนี้ ส่ง อารมณ์ไปก่อน กลัวจะมีรถมาชน กลัวจะถูกหมากัดทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ก้าว เดินออกไปเลย กลัวไปทุกๆ อย่าง จิตมองกลาง ความกลัวก็จะไม่มาก ไม่วิตกกังวลมากเกินไปอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง เข้าใจตนเอง เข้าใจ ธรรมชาติมากขึ้ น จิตมองบน เราจะไม่เห็นอะไร ปล่อยจิตให้ว่าง เบา สบาย อย่างที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนเสมอว่า “อย่าส่งจิตออกนอก” ส่งจิตไปรับปัญหา ให้มองเหนือปัญหาจะไม่เห็นปัญหา เพราะว่าเราคิด ว่าปัญหาไม่เป็นปัญหา เอาสติปัญญาน าทางในการแก้ปัญหา โลกใบนี้ ก าลังให้บทเรียนแก่เรา บางทีสนุกสนานบางทีเศร้าโศก บางทีดีใจ บางทีผิดหวัง สุข ทุกข์เป็นอยู่อย่างนี้ เพราะธรรมชาติของโลก คือความไม่เที่ยง ไม่แน่นอน มันเป็ นกฎธรรมชาติ มีฝนตก แดดออก ร้อน หนาว มันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้ เราก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันแบบ ไม่ทุกข์ปัญหา หรือวิกฤติต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต มันเป็ นความท้าทาย เรา หรือเป็ นแบบทดสอบทางจิตใจของเรา ทุกข์เป็ นบททดสอบที่เรา ต้องสอบให้ผ่าน ครูบาอาจารย์จะสอนเสมอว่า “เห็นทุกข์ เห็นธรรม” ทุกอย่างมี เหตุ มีปัจจัยให้เกิด มันท าให้เราตื่นรู้ ทุกอย่างอยู่ที่จิตเราเป็ นต้นเหตุ เราเอาจิตไปยึดมันไว้จิตเราก็กระเพื่อมจับสัญญาณ จูนจิตกับสัญญาณ ที่เป็ นต้นเหตุจิตก็แกว่งไปแกว่งมาไม่นิ่ง เมื่อมีอะไรมากระทบใจในทาง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 23 ที่ดีจิตก็ปรุงท าให้ยินดีพอใจ ใจก็ฟู พอมีอะไรมากระทบใจในทางที่ไม่ดี ก็ไม่พอใจยินดีใจก็แฟบ ใจขึ้ นลงแบบนี้ เราก็ไม่สงบสบาย เราต้องให้ใจ ของเราอยู่เหนือปัญหา เมื่อใจเราก็นิ่ง มีเวลาไตร่ตรองด้วยปัญญาเราก็ เห็นหนทางแก้ปัญหา กังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงท าไม อดีตมันก็ผ่าน ไปแล้ว ให้อยู่กับปัจจุบันให้ปักหมุด อยู่ตรงนั้น อย่ามีเงื่อนไขในชีวิตมาก ให้มีความศรัทธาในตัวเอง ศรัทธาคือความรัก ศรัทธาตัวเองคือรัก ตัวเองหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้ น หาต้นเหตุแห่งปัญหาว่าอยู่ที่ไหน ให้แก้ ที่นั่น มีแผลอยู่ตรงไหนให้รักษาตรงนั่น เหตุแห่งทุกข์ไม่ต้องไปคิดถึงมัน ให้นั่งนิ่งๆ ก าหนดลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ เพียงมีสมาธิไตร่ตรองค่อยๆ พิจารณาแก้ปัญหาไป สติเกิดก็หาหนทาง แก้ปัญหาได้ทุกข์ใจมันจะค่อยๆ คลาย “นารีทิพย์ละสังขารตอนเป็นนาค ไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติอะไรมา ด้วย จนมาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์ก็เหมือนกัน ตายไปแล้วเอาอะไรติดตัว ไม่ได้ นอกจากบุญกับบาป” การท าบุญต้องครบองค์ ๓ กายบริสุทธ์ิต้องต้ังมัน่อยู่ในศีล ศรัทธาบริสุทธ์ิไทยทานของที่เราถวายบริสุทธ์ิคือไดม้าในทางที่ชอบ และผูร้ับบริสุทธ์ิดว้ยศีลที่บริบูรณ์ผลบุญก็จะเกิดเร็ว บางคนที่มีความ ทุกข์ไปวัดเพื่อไปท าบุญ เหมือนแบกทุกข์ไปวัด ท าให้เป็นจิตที่หนัก พลัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พลังดีๆ ในวัดเข้ามาในจิตเราไม่ได้ เราต้อง ล้างจิตให้มันว่าง ให้มันมีพลังเบาสบายเสียก่อน พลังงานดีๆ จึงเข้ามา ได้ง่าย ส่วนจิตที่มีแต่ความสุขไปวัดเป็ นจิตที่มีพลังบวก พลังความดี ต่างๆ จะเข้ามาได้ง่าย ไปไหว้ เวลาขออะไรก็ได้ง่าย ถึงเราจะทุกข์แค่ ไหนก็ไม่ควรจะโกยทุกข์ไปวัด เพราะก่อนที่เราจะได้รับพลังดีๆ จากวัด วัดก็ช่วยเอาทุกข์ออกจากตัวเราก่อน ช่วยให้เราสุขก่อน พลังงานดีๆ เข้า มาก็ช้า ไม่เกิดผลทันที คนที่แยกอะไรได้ง่าย แยกดี แยกชั่ว แยกขาว


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 24 แยกด าได้ จิตจะเบาเพราะไม่แบกทุกข์ การใช้ชีวิตถ้ามีเงื่อนไขมากไป มันก็ทุกข์ชีวิตไม่ควรจะมีเงื่อนไข พระท่านยังเดินไปบิณฑบาต ห้าม เลือกฉันว่า รสหวาน รสเปรี้ ยว รสเค็ม ห้ามเพราะติดจริตความอยาก พระพุทธเจ้าท่านฝึกให้อดทน เพราะท าตามใจตนเองแล้วเกิดกิเลส ฝึก ให้ตัดกิเลส อยากกินคือ ความอยากมันเป็นกิเลสทั้งด้านดีและด้านไม่ดี การสะสมบุญหรือท าบุญ ก็เหมือนเราเอาเงินหยอดลงในกระปุก ออมสิน เพื่อเป็ นเสบียงบุญในภพชาติต่อไป เปรียบเหมือนว่าเรามีเงิน จะเดินทางไปไหนก็ได้มีพาหนะรองรับ คือบุญที่เราสะสมไว้สิ่งที่มีใน ปัจจุบันก็คือกรรมดีที่ได้สร้างมาในภพชาติปัจจุบันล้วนๆ บางคนท าบุญ ไป ๒๐ บาท ก็ร าพึงกับตัวเองว่า ท าไมเราไม่รวย จะได้มีเงินถวายพระ ได้มากกว่านี้ บรมครูท่านสอนว่า เงินมากหรือเงินน้อยก็เป็ นบุญแล้ว บุญมันอยู่ที่ใจ เงินนั้นถ้ามาจากคนที่ท าด้วยใจ จะเอามาต่อเติมอะไร มันก็เจริญงอกงาม ในการใช้ชีวิตในทางโลก ให้ด าเนินชีวิตอยู่ได้และมี ความเจริญในทางโลกและทางธรรม คนเราต่างมีกรรมเป็ นของตนเอง มีกรรมเป็ นผู้ให้ผล มีกรรมเป็ นแดนเกิด มีกรรมเป็ นผู้ติดตาม มีกรรม เป็นที่พึ่งอาศัย เราท ากรรมอันใดไว้ ไม่ว่าเป็นบุญหรือเป็นบาป เมื่อยังมี ชีวิตอยู่ กรรมนั้นจะเป็นทายาทให้เรา ได้รับผลกรรมนั้นต่อๆ ไป กรรม ต่างจ าแนกสัตว์ให้เป็นไปต่างๆ นานา ให้เลว ให้ดี ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 25 บทที่ ๓ เน้ือนาบุญ หนึ่งเม็ดฝน หยดลง นทีธาร หยดผันผ่าน กาลเวลา มหาสมุทร หยดเม็ดบุญ ต้งัจติจากมนุษย์ หยดบุญน้ีสูงสุด จติโมทนา แมน้ผลบุญ นอ้ยนิด จติต้งัมนั่ จะสะสม ทุกคืนวัน ไม่หวั ่นไหว จิตอุทิศ สร้างบารมี ให้พ้นภัย พ้นทุกข์ไซร์ พบมรรคผล พระนิพพาน หลวงปู่ ท่านสอนว่า นาคอยู่ในโลกทิพย์ ก็ต้องใช้ตาทิพย์ดู ไม่มี ตาทิพย์ก็มองไม่เห็นสิ่งที่เป็ นทิพย์ ไม่มีหูทิพย์ก็ไม่ได้ยินเสียงทิพย์ ไม่มี กายทิพย์ก็ไปโลกทิพย์ไม่ได้ ให้หมั่นสวดมนต์เพราะการสวดมนต์เจริญ จิตภาวนาเราก็ได้พลังจิต ความเป็ นทิพย์ก็จะเกิดขึ้ นเอง ปู่ ท่านเตือนสติ ว่า เทพเทวาท่านมีอาหารทิพย์สะดวกสบายแล้ว ท่านจะมากินอาหาร หยาบท าไม การท าบุญก็เช่นกันให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ให้เราท าตามที่ เรามีทา ดว้ยความศรทัธาที่บริสุทธ์ิเปรียบเหมือนเม็ดฝนที่ตกลงในโอ่ง ทีละเม็ด มันก็เต็มโอ่งได้ ท าบุญน้อยหรือท าบุญมากก็ไหลเข้าสู่จิตทุก คน คือความเย็นกายเย็นใจ นึกถึงบุญที่ท าก็มีความสุข บุญส าเร็จตั้งแต่ เริ่มจิตเจตนา บุญนั้นผู้ถวายได้ถวายแล้วส าเร็จแล้ว ตั้งแต่เจตนาในครั้ง แรก ตลอดจนน ามาถวายส าเร็จ ไม่จ าเป็ นต้องกล่าวอะไรอีก เพียงแต่ตั้ง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 26 เจตนาดีเป็ นกุศล หวังผลคือความสุข การพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเท่านี้ ก็ พอแล้ว “นึ่งข้าวเหนียวเต็มหวด มีทั้งข้าวเก่าและมีข้าวใหม่ กลิ่นหอม ฉุย” บรมครูท่านสอนว่า นั่นมีความหมายสองทาง มองในทางโลก หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของชีวิต ถ้ามองในทางธรรม บารมีที่เรา อุตส่าห์หว่านเมล็ดพันธุ์สร้างบารมีเอาไว้เพื่อเตือนว่า ชาตินี้ อย่าลืมท า อีก เพราะหากไม่ท า เมื่อใช้หมดก็คือหมด ข้าว หมายถึง ปริมาณ จ านวนการสร้างบารมีบารมีแปลว่า ความดี การสร้างบารมีเป็นการท า ความดีเข้าสู่ตัว จากหว่านเมล็ดพันธุ์จนกลายเป็ นข้าวของที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน การท าบุญให้ทานและวัตถุก็เช่นเดียวกัน ถ้าให้ทานแก่เนื้ อนา บุญที่ต่างกัน อานิสงส์ของทานนั้น ย่อมแตกต่างกันด้วย พระพุทธเจ้า ทรงเปรียบเทียบเนื้ อนาบุญว่า เป็นนาข้าว ถ้าเป็ นนาดี ย่อมให้ผลดี แต่ ถ้านานั้น มีหญ้ารก นานั้นย่อมให้ผลไม่ดี ถ้าดินดี นานั้นปลูกข้าวงาม แน่นอน “ภาพในนิมิตฝัน เห็นคนที่ไปปรามาสพระอริยสงฆ์ที่วัตรปฏิบัติ ท่านงดงาม ไม่มีด่างพร้อยเลย เห็นพวกเขาเหล่านั้น เหมือนโดนระเบิด กระเด็นออกมา ล้มกันระเนระนาด” พระอริยสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรม วินัย สายพ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่น ท่านรู้ภูมิจิตภูมิธรรมซึ่งกันและกัน ท่านปฏิบัติจนจิตท่านใสเป็นแก้ว เหมือนเป็ นกระจกสะท้อนกลับ จิตตา นุภาพ คือ อานุภาพของจิตที่ใสจะหมุนแรงและเร็ว ถ้าเราได้สร้างบุญ หรือปลูกบุญ ก็ส่งผลเร็ว สร้างกรรมหรือปลูกกรรมก็เกิดผลทันตาเห็น ครูบาจารย์ท่านถึงสอนให้ส ารวมกาย วาจา ใจ เวลาเข้าหาพ่อแม่ครูบา อาจารย์ จิตท่านมีเมตตาไม่มีประมาณอยู่แล้ว คนที่ปฏิบัติจิตสงบเพียง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 27 น้อยนิด เวลาได้กราบพระอริยสงฆ์ที่ท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เกิดปิ ติจนน ้าตาไหล จิตรับรู้ถึงกระแสบุญบารมีของท่าน แต่บุคคลที่ถูก กิเลสพอกพูนหนาจนแข็งเป็ นหินนั้นย่อมไม่รับรู้ถึงกระแสบุญ เหมือน กักตัวเองอยู่ในโหลกักวิญญานกระแสบุญเข้าไม่ถึง ปู่ ท่านบอกว่าเป็ นหลุมพรางของเทวดา เจอบททดสอบสวรรค์ พระกับมาร ตรงกลางคืออะไร ต้องร่อนกระชอนให้เห็นทราย ทราย หยาบ ทรายละเอียด พระที่บวชแล้วเห็นจริตสภาวะจิต หลวงปู่ ท่านเจอ แบบทดสอบมาก่อน ท่านไปบิณฑบาต โยมที่ใส่บาตรเป็ นผู้หญิง แต่ บังเอิญท าทัพพีกระทบบาตร คนจริตหยาบจิตคิดอกุศลว่าจีบกัน ท่านจึง ไม่รับต าแหน่งใดๆ เพราะท่านไม่ยึดติดและย้ายวัดไปธุดงค์ ต าแหน่ง ต่างๆ จริตมนุษย์ยัดเยียดให้ทั้งนั้น ศรัทธาที่หนักแน่นเหมือนระฆัง ทองเหลือง พวกเขาเหล่านั้นที่เกิดวิกฤติศรัทธา แค่เอามือไปตีระฆังแล้ว มีเสียงดังขึ้ น ให้คนรู้มือไม่มีพลัง เสียงมันก็เบาแล้วหายไป เราก็แค่หัน ไปมอง การกระท าเหล่านั้นมันสั่นคลอนศรัทธาไม่ได้หรอก การรักษาใจบนพื้ นฐานของศีล สมาธิ ปัญญา เพราะศีลท าให้ เราส ารวมก าลังอยู่ที่ฐานสมาธิ พอสมาธิตั้งมั่นมีสติใช้ปัญญาพิจารณา พินิจพิเคราะห์ ฐานจิตเราแน่น ใจก็ไม่วอกแวก พอเรารักษาจิตให้หนัก แน่น เราก็ระวังอารมณ์ได้ ระงับใจที่เกิดความพอใจ ไม่พอใจได้ ไม่ยินดี ยินร้าย ความหนักแน่น คือ บุญบารมี การท าบุญเป็ นการท าความดี น้อมเอาบุญคือความดีที่ได้สร้างไว้เป็ นบุญบารมีที่สร้าง มันเป็ นก าลังใจ ก าลังใจในการไล่กิเลส ให้เจริญ ทาน ศีล และภาวนา การให้ทานเป็ น ขจัดความโลภ การเจริญศีลเป็ นการละความโกรธ และการเจริญภาวนา ท าให้ละความหลง เพราะการภาวนาคือการเหนี่ยวรั้งจิตไม่ให้โอนเอน ไปตามอ านาจกิเลส


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 28 “ท่านสื่อภาพดอกเข็ม หญ้าแพรก ถ้าดอกเข็มกับหญ้าแพรก เป็นครูบาอาจารย์ แต่เหมือนท่านบอกว่าเป็น ราชวงศ์เดียวกัน หรือเป็ น ต้นตระกูลของคุณ ปู่ ที่มาหาคุณบ่อยๆ สะพายย่าม ขี่ไม้เท้าหัวพญานาค เหมือนมังกร ท่านบอกท่านชื่อ ภุชงค์ ท่านบอกแค่นี้ ท่านชอบต้นไม้ ชอบหัวเราะและเอามือจับหนวด เวลาปู่ มาชอบท ามือ เหมือน โอเค” การยกมือขึ้ นมาแบบนี้ เป็ นการสวัสดีหรือการให้พร ให้รัก ประทานพร หรือส่งความรัก เหมือนพระพุทธรูปปางลีลา ท่านมาโปรด หงายมือคือธรรมทานให้เราท าทาน ยกมือห้าม หมายถึง ให้ตั้งสติ อย่า ท าเกินขอบเขต มือเทพทุกๆ พระองค์ก็เช่นเดียวกัน ท่านให้พร เก็บมือ ให้ยาก ยกมือให้ง่ายเป็ นกุศโลบายในทางธรรม ปางพระสีวลีบิดตัวให้ ง่ายมาก ปางก้าวเดินอุดมสมบูรณ์พร้อม มือท่านโผล่มาด้วย ปางสมาธิ อุ้มบาตรทั้งนี้ ทั้งนั้นท่านสอนมันเป็นกุศโลบายในทางธรรม “เกิดเป็นมนุษย์นั่นประเสริฐ ได้มีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศล และ บรรลุนิพพานได้ พญานาคยังติดอยู่กับความหลง ความเป็ นทิพย์ท าให้ ไม่เห็นอนิจจัง เกิดกี่ชาติกี่ชาติก็เป็ นนาค นอกจะเห็นแสงแห่งธรรมจึง ตื่นรู้ แล้วค่อยบ าเพ็ญเพียรละความหลง” ปู่ บอกว่ามันถึงวาระแล้วที่ต้องรับรู้ อดีตเจ้าเป็ นนาคบ าเพ็ญ ที่ ชอบท าบุญและการท าทานมาก นาคนาคีตนนี้ ขี้ สงสาร เปี่ ยมไปด้วย ความเมตตามาก และขี้ ใจอ่อนเสมอๆ ในการท าความดี ส่วนความชั่วนี่ หญิงจะไม่เอากะใครเลย นาคชอบวัดวาอาราม ชอบความเป็ นส่วนตัว และชอบอารามสถานภูมิที่วิเวก ชอบสังเกตด้วยเหตุด้วยผลในข้ออรรถ ข้อธรรมอยู่เสมอ ชอบปลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชอบระลึกถึงความ ตายเป็ นนิจ “นึกถึงตรงนี้ ทีไรมันท าให้หญิงเบื่อเป็ นอย่างที่สุดหนอ หญิงอยากตัด การเกิดอยู่ทุกภพ ทุกชาติ ชาติอุบัติเกิดขององค์พระศรี อริยเมตไตรย”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 29 “อดีตภพเป็นนาค ชื่อว่าอะไรคะ หลวงตาท่านบอกว่าชื่อ เภทะ ..” อันมนุษย์เรานั้น มีเกิด แก่ เจ็บ ตายในหลายภพ หลายชาตินัก มีการตั้งชื่อเรียกขานกัน ก็หลายภพหลายชาติเป็ นยิ่งนัก ชื่อเจ้า ชื่อ เต็มๆ มันเพราะและยาวกว่านั้น นาคะมะนะอัญมณีนาคนาคีนารีทิพย์ ความหมายของชื่อ นาคะมะนะอัญมณี คือนาคผู้เปรียบเสมือนอัญมณี อันบริสุทธ์ินาคผูบ้ าเพ็ญบารมีได้บ าเพ็ญญาณได้ เป็ นนาคผู้มีความ บริสุทธ์ิในศีล ในการกระท าดว้ยกาย วาจา ใจ ท่านจึงสื่อจิตญาณมาให้ ได้รับรู้ เพราะมันมีเหตุมีปัจจัย สื่อจิตญาณที่เป็ นสายสัมพันธ์ทางเครือ ญาติ กายเนื้ อสร้างบุญ ท าความดี กระทบถึงจิตญาณสายโลหิต ถ้าเรามีเหตุให้ต้องรู้อดีตชาติ การปฏิบัติธรรมของเราจะท าให้ เรารับรู้ได้ว่า ท าไมจริตเราเป็ นแบบนี้ สมถะ มักน้อย คือ การพยายาม ท าทุกอย่างด้วยตนเอง ชอบสันโดษ ตอนนี้ ก็เริ่มเข้าใจเหตุและปัจจัยที่ เกิดขึ้ น ณ ที่จุดสัญญาเก่าแต่ผ่านไปตามกาลเวลา แม้จะผ่านไปนานแค่ ไหน พลังงานดีๆ ที่มีอยู่สักที่ ที่ไม่เคยหายไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ใน โลกมนุษย์ พลังงานที่ดี คือพลังงานที่สัมผัสแล้วอบอุ่นใจ มีความสุข สบายใจ รอผู้มาเปิ ดประตูการเชื่อมต่อนั้น ขอแค่มีประตูที่สามารถ น าไปสู่จุดแห่งการเชื่อมต่อ เมื่อถึงวาระเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็ แสวงหาสิ่งที่เป็ นสัญญาทางจิตแห่งตนให้เจอ แม้ส่วนลึกยังไม่ทราบ เพราะจ าไม่ได้ พอถึงเวลาและวาระโอกาส ได้เจอผู้ที่ชี้ แนะแนวทางให้ ท าให้เชื่อมต่อสัญญาเก่าแห่งตน กายสังขารญาณทิพย์เป็นประตูเปิดบุญ กุศลมูลเดิมนารีทิพย์เชื่อมต่อกระแสบุญบารมีครูบาอาจารย์เปิ ดทาง น าทาง พ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนว่า จิต คือตัวบันทึก บันทึกทั้งสิ่งดีและ สิ่งไม่ดี ความจ าเก่าๆ นี้ มีสะสมมานานตั้งแต่อดีตชาตินับชาติไม่ถ้วน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 30 แม้ว่ากายสังขารที่เปลี่ยนไปตามภพชาติ แต่จิตก็คือ จิตดวงเดิม กาย สังขารก็เปรียบเสมือนบ้าน เมื่อบ้านหลังเก่าทรุดโทรมจากกาลเวลา ดวงจิตก็หาบ้านใหม่ ดวงจิตของมนุษย์ก็เหมือนพวงองุ่นที่ต่อภพต่อชาติ ไม่มีที่สิ้ นสุดในวัฏสงสาร สัญญาเก่า คือ ความจ าเก่า บางครั้งอาจจะนึก และจดจ าได้ บางครั้งอาจจะลืม สัญญาเก่าเป็ นอาการของจิตอย่างหนึ่ง เรียกว่าสัญญาเจตสิก มีประจ าจิตทุกๆ ประเภท ท าหน้าที่จ าเก็บข้อมูล ที่จิตที่รับรู้สัมผัส สัญญาเก่าบุญบารมีเก่าชักจูงมาให้เจอ บางคนมาให้ เราตื่นรู้และเดินต่อไปข้างหน้าในทางสายบุญ สร้างบุญบารมีร่วมกัน เมื่อถึงวาระเวลา ก็มีผู้มาเปิดพลังเชื่อมต่อให้ได้รับรู้ เกิดจากบุญสัมพันธ์ ธรรมะจัดสรรสื่อญาณเปิดให้ได้รับรู้ “สายสัมพันธ์ทางเครือญาติมันเป็นโมเลกุลสายรุ้ง” โมเลกุลคือ อนุภาคหน่วยเล็กของสสารที่สามารถด ารงอยู่ได้โดย อิสระในธรรมชาติ ซึ่งอาจประกอบจากอะตอมตั้งแต่หนึ่งขึ้ นไป สายรุ้งมี เจ็ดสี เป็นภาษาคน ภาษาธรรมเป็นภาษาใจ ภาษาธรรมชาติที่มีอยู่จริง ปู่ สอนว่า โมเลกุลสายรุ้งในภาษาธรรม เป็นโยงใยเครือข่ายสื่อจิตญาณที่ เป็ นสายสัมพันธ์ทางเครือญาติ กายเนื้ อสร้างบุญ ท าความดี กระทบถึง จิตญาณสายโลหิต อาศัยกายเนื้ อเป็ นแกนกลาง สื่อญาณด้วยพลังคลื่น ความถี่เหมือนคลื่นโทรศัพท์ เสาสัญญารับภาพ และเสียง ตัวรับสื่อ ญาณคือกายสังขารญาณทิพย์ การแปลสัญญาณได้ครบต้องอยู่ที่ฐานจิต และการครองอยู่ในศีลในธรรม สื่อญาณเพื่อให้สานต่อบุญกุศลบารมี โยงใยไปทั้งสามแดนโลกธาตุ รับบุญ แสงธรรม พลังแห่งญาณก็เพิ่มขึ้ น ตามล าดับความศรัทธา โยงใยสายสัมพันธ์ในข่าย ๗-๙ ชั้น เหมือน สายรุ้งเห็นเป็นหลายสีแล้วแต่คนมอง แต่คนท าและคนรับเห็น ลูกหลาน ท าบุญแล้วอุทิศให้บรรพบุรุษผู้ให้อิ่มใจในบุญกุศลที่ท า ผู้รับก็อิ่มในบุญ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 31 กุศลที่ได้รับอิ่มเอิบในจิตวิญญาณัง พอได้รับมากเข้าก็ได้ปรับภพปรับภูมิ ขึ้นไป เทวดาได้รับกระแสบุญ แสงทิพย์ก็สว่างขึ้ น “ปู่ ย่าพญานาค ในมือถือดอกบัว หรือนั่งบนดอกบัว” องค์ปู่ ย่าพญานาคถือดอกบัวนั้น พวกท่านเอาปัญญาและศรัทธา น าทาง ศรัทธาเป็นฐานของดอกบัว ศรัทธามั่นคงฐานบัวจะแน่น ภพภูมิ นาคศรัทธามั่นคงในพุทธศาสนาเป็ นฐานบัวอันแข็งแกร่งมั่นคง เหมือน บัลลังก์ค ้าจุนพุทธศาสนา เชื่อให้สุดศรัทธาน าด้วยปัญญาจะไม่ลังเล สงสัยอะไร ให้เราหยุดมองรอบๆ ข้างแล้วหันกลับมาดูตัวเอง “เมื่อถึงวาระก็มีบุญสัมพันธ์กัน ได้เจอกันได้ร่วมสานบุญไป ด้วยกัน เมื่อยังไม่ถึงวาระก็เดินสวนกันไปกันมา” เรื่องบุญสัมพันธ์ของคนเราต่างกัน พระอริยะสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามแนวค าสอนของพระพุทธองค์ แต่บางครั้งเราฟังหลวงปู่ บางรูปสอนไม่เข้าใจ เพราะไม่มีบุญสัมพันธ์ทั้งที่ธรรมะก็ดีเหมือนกัน บางทีไปฟังหลวงตาอีกรูปเรารู้สึกว่าดีและเข้าใจทั้งๆ ที่สอนเรื่อง เดียวกัน บางคนชอบไปกราบหลวงปู่ รูปนี้ แม่ชีรูปนี้ หรือวัดบางแห่งเรา ไปปฏิบัติธรรมแล้วถูกจริตเรารู้สึกชอบ สุข สงบ แสดงว่าเรามีบุญ สัมพันธ์กันสถานที่แห่งนี้ นิสัยวาสนาในทางธรรมก็เหมือนกัน คนที่ ชอบเข้าวัด ท าบุญ ไม่ได้มีใครบังคับให้ท า แต่นิสัยของเราเป็ นอย่างนั้น นั่นเอง เรามีความพอใจ เรามีความสุขใจ ที่จะท าบุญ เราเคยท ามาแล้ว ในอดีต นับไม่ถ้วนมันเกิดเป็ นนิสัยมา พอเวลาใดที่เรามีเวลาว่าง เราก็ คิดถึงการท าบุญ คิดถึงการรักษาศีล ภาวนา จริตในการท าบุญของ ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน มักได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่ าสายพ่อแม่ครูบา อาจารย์มั่นเสมอ ได้มีโอกาสไปกราบกุฏิปฏิบัติธรรมหลวงปู่ มั่นที่วัดป่ า นาคนิมิตต์ที่สกลนคร ได้รับกระแสพลังบารมีของครูบาอาจารย์ท าให้ รู้สึกสงบ เย็นกาย เย็นใจ เกิดปิติทุกครั้งเมื่อได้มาที่นี่


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 32 ปู่ สอนว่าสิ่งที่ควรตั้งใจประพฤติปฏิบัติคือ อยู่ในกรอบ ของศีล สมาธิและปัญญา เป็นกรอบความดีเพื่อขัดเกลากิเลสตัณหาให้เบาบาง พ่อแม่ครูบาอาจารย์เดินน าทางให้เรา ท่านยึดพระธรรมค าสอนของพระ พุทธองค์ ถ้าดินดี นานั้นปลูกข้าวงามแน่นอน พระดีอยู่ที่ศีล ข้อที่วัตร ปฏิบัติเราจะหานาดี เราต้องเอาดินเป็ นเกณฑ์เราจะดูวัด ดูพระ เราก็ ดูข้อวัตรปฏิบัติเป็นเกณฑ์เมื่อเรามีหลักเกณฑ์แล้ว เราไปหานา เราก็หา นาไม่ผิด เราไปหาวัด เราก็หาวัดไม่ผิด ครั้งแรกที่ได้กราบหลวงตา น ้าตาไหลไม่รู้เป็ นอะไร ไหลออกมาเอง แปลกใจตัวเองท าไมน ้าตาไหล ทุกครั้งที่ได้กราบท่าน อาจเป็นน ้าตาแห่งความปิติที่ได้เจอครูบาอาจารย์ วัตรปฏิบัติท่านงดงามยิ่งนัก สงบ สมถะตามแบบพระสายวัดป่ า สายพ่อ แม่ครูบาอาจารย์มั่น หลวงตาท่านเย็บจีจรถวายพ่อแม่ครูบาสาย กรรมฐาน ข้าพเจ้าเลยได้ร่วมท าบุญถวายจีวรพระสงฆ์สายวัดป่ าเสมอ มา ครอบครัวและกัลยาณมิตรร่วมถวายปัจจัยสร้างศาลากลางน ้า ที่วัด ป่ าหวังมนตรี ตอนที่ได้ไปกราบท่านครั้งแรกมองเห็นเสาไม้ ตั้งอยู่ในน ้า ประมาณ เจ็ดหรือแปดต้น ไปทุกครั้งก็จะเห็นแบบนี้ เลยกราบถามท่าน ท่านบอกว่าจะสร้างเป็ นศาลากลางน ้า กราบท่านขอร่วมสร้างเป็ นต้น บุญ จ านวน ๒๐, ๘๐๐ บาท หลวงตาท่านสอนว่า “การท าบุญอย่าให้ตนเองเดือดร้อนนะโยม หลวงตานะพอแล้ว วัดป่ าไม่ต้องสร้างอะไรเยอะ โยมปฏิบัติมาถูกทางแล้ว ในอดีตโยมก็เป็ น แบบนี้ ชอบเข้าหาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ นางสองภาค จิตดับที่ไหนก็จุติที่ นั้น คนที่มาด้วยกัน ตอนนี้ ก็เจอกันแล้ว สองสามคน แต่ก็ยังจะเจอกัน อีกเยอะอยู่นะ ต่อไปท าบุญอย่าท าคนเดียวให้บอกบุญนะ” การบอกบุญเป็ นการเปิ ดโอกาสให้คนได้ร่วมท าบุญ เสมือนผู้ ส่องทางสว่างให้แก่ตนเองและแก่ผู้อื่น เป็ นการต่อบุญเหมือนสายน ้า ไหล ยิ่งคนมาร่วมเยอะยิ่งมีพลัง บุญก็ไหลแรงไม่มีขาดสาย สายเดียวกัน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 33 พลังงานเดียวก็ช่วยกันดึงกันไปในทางสว่าง เพราะการท าบุญให้ทาน หรือการแบ่งปัน เป็ นเครื่องแสดงน ้าใจมนุษย์ผู้ที่มีจิตใจสูง ด้วยการให้ การเสียสละ แบ่งปันมากน้อยตามก าลังที่เรามี ทานช่วยขจัดความ ตระหนี่ถี่เหนียวในใจขยายกว้างขวางออกไป การท าบุญต้องใจกว้าง ไม่ใช่ใจแคบ เพราะบุญเป็ นเครื่องกรองกิเลส กรองจนใจใส เมื่อใจของ เราใสใจสว่าง บุญย่อมส่งผล บุญแมจ้ะมองไม่เห็นแต่มีพลังฤทธ์ิบุญ ย่อมท าหน้าที่เมื่อจวนเจียนล าบากบุญก็มาค่อยอุ้มชูการท าบุญแบบ กระจายคือ ไม่เฉพาะเจาะจง แต่ให้รู้จักเขตหรือเนื้ อนาบุญที่อุดมแก่การ สร้างบุญสร้างกุศล ดั่งพันธุ์พืชที่ดี บรรยากาศที่ดี มีการดูแล ประคบ ประหงมที่ดี ทั้งทาน ศีล ภาวนา สุดท้ายก็รวมปมอยู่ที่ปลาย ผลของบุญ กุศลในปัจจุบันคือ การอบรมจิตของเรา มีแต่ความสุขความเจริญในชีวิต


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 34 บทที่ ๔ เปิ ดประตูเชื่อมสัญญาเก่า แม้เจ้า จ าความเราไม่ได้ เราได้แต่เฝ้าดูแล มาทุกภพชาติ แค่น้ีเราก็สุขใจ ในยามที่เจา้สุข ในยามทุกข์ให้รู้ เราอยู่ข้างเจ้า เมื่อเรียกหา นคราปาวาฬนะ ขอบใจในจิตที่ท าให้เรา ปู่ สอนว่าอย่าหลงในจิต เราใส่เสื้ อผ้าสวย แล้วส่องกระจก เรา เห็นตัวตนของเราว่าเป็ นอย่างไร แต่คนอื่นไม่เข้าใจเนื้ อตัวข้างในหรอก ถ้าเราไม่ได้อาบน ้า ก็เหม็นกลิ่นกายเนื้ อตัวเหงื่อไคล ตัวตนไม่ใช่เสื้ อผ้า มีแต่เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้บางคนแต่งตัวด้วยเสื้ อผ้าสวยงาม แต่ใจข้าง ในมันอมทุกข์บางครั้งคนเราชอบมองภายนอกมากกว่ามองภายใน บาง คนภายนอกเขาอาจจะดูสกปรกแต่ภายในเขาใส สะอาด เป็ นคนมีจิตใจ ดีฉะนั้นเราอย่าตัดสินคนแค่ภายนอก มองให้ลึกเข้าไปข้างในตัวตนที่ แท้จริงของเขา บางคนที่ทุกข์ใจแล้วไปอยู่วัด อยู่วัดแล้วก็ยังทุกข์ไม่สบายใจ เพราะแบกทุกข์เข้าวัด สุดท้ายของดีอยู่ที่บ้านของเราเอง กลับมาหา ของเดิม คือกลับไปดูข้างในตน กลับไปดูจิตของตน ทวนกระแสโลกเข้า ไปดูจิตข้างใน การวนเวียน วิ่งไล่จับกิเลสมันเหนื่อย ท่านให้เดินสาย กลาง หลงพระ หลงวัดก็วิ่งไล่ตาม บางวัดมีพลังปิ ด บางวัดเป็นพลังเปิ ด บางวัดมีทั้งพลังปิดและพลังเปิด สถานปฏิบัติธรรมก็เป็นพลังปิด คนที่มี จิตศรัทธาเท่านั้นจึงเข้าไปหาเข้าไปกราบ สถานปฏิบัติธรรมสอนทุกคน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 35 ให้มาเปิ ดจิต คนที่เปิ ดจิตแล้วก็จิตลอย เบาสบาย พอจิตเบาจะเข้าใจ ธรรมะง่าย เข้าใจธรรมชาติเห็นนิสัยสันดานเดิมของตนเองที่มันนอน เนื่ องมานาน สะสมเป็ นขยะอยู่ในจิตใต้ส านึ ก ลดอีโก้ ลดอัตตา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ก็ใช้ชีวิตง่ายขึ้ น เพราะลดอัตตาตัวตนลง แต่บางคนมาแบบคนจิตตก หนักเกินกว่าที่ จะยกจิตให้สูงขึ้ น บางคนจิตหนักมาก อัตตาตัวตนมากจนพยุงไม่ไหว ก็ ปล่อยไปตามกรรม บางคนจิตเปิดช่วยคนอื่นพลังงานไหล เปิดจิต อยาก พูด อยากช่วยเห็นอะไรก็พูดทั้งหมด ไม่มีการกลั่นกรองด้วยตัวปัญญาว่า อะไรพูดได้ อะไรพูดไปแล้วล่วงกรรมคนอื่น เพราะฐานของจิต ฐาน สมาธิภาวนาไม่แน่นก็ถูกจูงไปตามกิเลส หลงในอัตตาตัวตนมากเกินไป หลงเดินทางผิด เห็นภาพจริงแต่ตีความหมายภาพที่เห็นผิด เพราะเอา กิเลสน าทาง ปรุงแต่งมโนภาพตามกิเลส จิตไม่ฉลาดก็หวังสิ่ง แลกเปลี่ยน ลาภสักการะ การยกย่อง มีชื่อเสียงเงินทอง นั่นมันเป็นอัคติ ผล ให้เจริญสมาธิภาวนา ตาเราเห็นสิ่งใด หรือหูได้ฟังสิ่งใดให้ใช้ปัญญา พิจารณาเป็ นอรรถเป็ นธรรม พินิจ พิเคราะห์ในสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นและได้ ยิน ให้รู้จริตนิสัยของตนเอง คิดมากฟุ้งซ่าน เจ้าความคิด วิตกวิจารณ์ ให้ดึงสติอานาปานสติก าหนดรู้ลมหายใจ มีสติประคองจิต ความคิดก็ อ่อนก าลังลงเพราะจิตไม่ส่งเสริมอารมณ์ภายนอก ค่อยๆ สงบลง ***** ธรรมะจัดสรรเปิดให้ได้รับรู้ ท่านเมตตาสื่อญาณเปิดให้รู้ถึงอดีต ภพ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 36 “องค์ปู่ เทวะนาคพรหมญาณท่านเป็ นพระบิดา และนางพญา นาคิณีศรีโคตระ ท่านเป็นพระมารดา ท่านเป็นอัครมเหสีขององค์ปู่ เทวะ นาคราช ซึ่งท่านทั้งสอง ท่านเป็ นนาคบ าเพ็ญ ที่เปี่ ยมไปด้วยบุญบารมี ท่านเคยสั่งสอนให้หนูประพฤติปฏิบัติตั้งแต่หนูเป็ นนาคนารีน้อย ซึ่ง ปัจจุบันก็คือหนูที่มาบ าเพ็ญพรต บ าเพ็ญบุญบารมี มาสร้างทาน บารมี ของตนเอง ตอนนี้ปู่เปิ ดให้แล้ว ถ้าปู่ไม่เปิ ดวันนี้ ยังไงนารีน้อยก็รู้ด้วย ตัวเองอยู่ดี แต่ตอนนี้ปู่เปิ ดให้แล้ว ไม่ต้องสงสัยอะไร ในเมื่อมันมีอดีต ปัจจุบันมันก็พึงมี” ท่านเป็ นโอรสของพญาศรีสัตตะนาคราช กับอัครมเหสีนางพญา นาคิณีศรีสัตตะศราวลัยเกตุ มีพระโอรสพระนามว่า ปัตตะนะวาฬนะ นาคราชอัครบุตร พญานาคสายศรีสัตตะสายสีแดง เป็ นสายกษัตริย์ นักรบ องค์ปู่ เทวะนาคพรหมญาณเป็ นสายเทวะสายบ าเพ็ญเพียร สาย บุตรจากสวรรค์ องค์ปู่ เทวะนาคพรหมญาณกับอัครมเหสีนางพญา นาคิณีศรีโคตระ มีพระธิดาองค์เดียวพระนามว่า นะคะมะนะอัญมณี นาคนาคีนารีทิพย์ ท่านเรียก เจ้านางน้อย หรือ หญิงน้อย หรือ หญิง ทิพย์ เกิดมาพร้อมดอกบัวทิพย์ประจ าตัว เลยมีชื่อท้ายว่า นารีทิพย์นา คะมะนะอัญมณี คือ นาคผู้เปรียบเสมือนอัญมณีอันบริสุทธ์ินาคผู้ บ าเพ็ญบารมีได้ บ าเพ็ญญาณได้เป็นนาคผูม้ ีความบริสุทธ์ิในศีล ในการ กระท าด้วยกาย วาจา ใจ พระนางงาม ตามแล ไม่ห่างเว้น อย่างที่เป็น ตอนชิดพิสมัย ปัจจุบันภพ หลบเร้นให้ห่างไกล จากกันไปแสนนานยังคงรอ..


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 37 ท่านปาวาฬนะเป็นกษัตริย์เมืองรัตนะนวบาดาลนครแก้วทิพย์ มี พระโอรสธิดา ๒ องค์ พระโอรสนาม ปัตตะภควัตภุชงค์นาคราช ท่าน เรียกชื่อเล่นว่า ภุชงค์ แปลว่า หนุ่ม หรือ เก่งกล้า (ท่านว่าชื่อลูกชายจะ มีชื่อบิดาขึ้ นต้น ลูกสาวมีชื่อมารดาชึ้ นต้น) ส่วนพระธิดานามว่า อัญญ สิรินารีจันทร์ เรียก หญิงจันทร์ ตอนเกิดวางไว้ในกระด้งจะมีกลิ่นหอม เหมือนกลิ่นไม้จันทร์ นิสัยคล้ายท่านชอบฝึกฝนการต่อสู้ พระทัยร้อน ชอบอ่านหนังสือศึกษาต ารับต าราเหมือนเจ้านางน้อยนารีทิพย์ ชมภูม่วง เคียงคู่ ชื่นชูรัก เป็นปิ่นปัก สุขในใจ เราทั้งสอง เมื่อคราวนั้น สมดั่งใจ ฤทัยปอง เราทั้งสอง ม่วงชมภู เคียงคู่กัน เจ้านางน้อยนารีทิพย์พระอัครมเหสีของพญาปัตตะนะปาวาฬ นะนาคราช เกิดมาพร้อมดอกบัวทิพย์ ท่านว่าของเก่าหรือบุญบารมี เก่า กายทิพย์เป็ นหญิงรูปโฉมงาม ชอบมวยผม ดวงตาโต จมูกโด่ง ผิว ขาวนวล สวมใส่ชุดผ้าพันอก มีผ้าคล้องคอ หรือผ้าคลุมสีเดียวกันหมด มักสวมใส่ สีขาว สีชมพูออกมุก และสีโอรส มีแหวนสร้อยคอก าไล กระ บังหน้าชุดไทย เป็ นทองค า หรือทองออกชมพูคล้ายสมัยทวารวดีแต่จะ สวมในงานพิธีส าคัญเท่านั้น จิตใจมีความเมตตาสูง มักชอบให้เพชรนิล จินดาแก่สนมบริวารเสมอ นิสัยเงียบไม่ค่อยพูด รักความสงบสันโดษ ชอบปลีกวิเวก มักปิ ดถ ้าเก็บตัวบ าเพ็ญเพียร ผิดแผกจากนาคตนอื่น ชอบอ่านต าราหาความรู้สงสัยในอรรถในธรรม ชอบปฏิบัติธรรมและ สวดมนต์เก่ง เนื่องจากเป็ นสายปฏิบัติสายบ าเพ็ญเพียร บ าเพ็ญเพียร บารมีได้ลูกแก้วมณีนาคา ๓ สี มีสีขาวไข่มุก สีชมพู และสีเขียว ชอบ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 38 ขึ้ นมาเมืองมนุษย์ ขึ้ นมาฟังพระเทศน์มีวรกาย เศียร และปล้องพระ นาภีสีเงินยวง เมื่อกระทบกับแสงจะไสวสว่างสีขาวอมชมพู แปลงเศียร ได้ ๕ เศียร ม่วงเอย เคยชอบชมภูหวาน ล้วนนานา ประโยชน์ล ้า น าค่า มากล้น คูณทวี แสนรัก แสนดี แสนงาม แสนล้าน แสนชมภู ทุกอย่างมีความหมายมาตั้งแต่อดีตทั้งสิ้ นหนา หลายแสนเท่ากับล้าน กลายมาเป็นแสนชมภู ล้านชมภู นาคทุกตนบ าเพ็ญเพียรเพื่อได้เกิดในภพภูมิที่ประเสริฐ คือ ภพ ภูมิมนุษย์ ในภพของมนุษย์มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ คือความคิด รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งสามารถแยกออกเป็น ๑ รูป และ ๔ นาม รูปขันธ์หมายถึง กองรูป ส่วนที่เป็ นร่างกาย พฤติกรรม คุณสมบัติต่างๆ ของร่างกาย และส่วนประกอบที่เป็ นรูปธรรมทั้งหมด เวทนาขันธ์หมายถึง กองเวทนา ส่วนที่เป็ นความรู้สึกทุกข์ สุข ดีใจ พอใจ สัญญาขันธ์ หมายถึง กองสัญญา ส่วนที่เป็ นการจ าสิ่งที่ได้รับ สังขารขันธ์หมายถึง กองสังขาร ส่วนที่เป็นการคิดปรุงแต่ง โดยสามารถ แยกแยะสิ่งที่รู้สึกหรือจดจ าได้วิญญาณขันธ์หมายถึง กองวิญญาณ หรือ จิต เป็ นการรู้แจ้งถึงสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย และใจ โดย ธรรมชาติของมันเป็ นแบบนั้น ความเป็ นมนุษย์มาตรึกตรอง ในธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภพภูมิมนุษย์แสดงให้เห็นธรรมะ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 39 ที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้า เป็ นกฎธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งปวง คือ ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดมาจากโลกของเรา เราคิดสิ่งใดตอบสนองมา ก็ตอบสนองแบบโลก เป็ นปัญญาทางโลก พันธุกรรมกิเลส เป็นเรื่องให้ จิตนี้ มีมุมมอง ถ้ามุมมองว่าทุกข์ยากมา มันก็ฝังใจว่าตัวเราทุกข์ยาก สร้างพลังลบให้กับตัวเราเอง บางคนจิตติดลบมากๆ เข้าถึงขั้นต่อต้าน สังคม ถ้ามุมมองในด้านบวกมันมีความสุขของจิต จิตก็คิดแต่จะแบ่งปัน เจือจานสังคม มีความเห็นอกเห็นใจ เมื่อเราฝึกจิตให้อยู่ปัจจุบันเป็น เรา ตามดูรู้จิตศึกษาจิต ตามดูอาการของจิต ถ้าจิตเป็นอย่างนี้ เราเข้าใจแล้ว ว่ามันเป็ นอาการของจิตทั้งหมด เช่น โกรธ ก็รู้ว่าโกรธ โลภก็รู้ว่าโลภ หลงก็รู้ว่าหลง สักแต่ดูอาการของมันแล้วก็วาง ถ้าเราไม่ส่งเสริมมัน ไม่ให้อาหารมัน มันก็ค่อยๆ หายไป ใจเราก็ปกติ เพราะตัวโกรธ ตัวโลภ ตัวหลงเหล่านี้ มันกลัวการถูกรู้ เปรียบเหมือนแมวจะขโมยกินปลาย่าง เรา แต่เราเห็นมันก่อนมันก็หยุดฉันใดก็ฉันนั้น นาคบ าเพ็ญเพียร หรือนาคบ าเพ็ญ จะบ าเพ็ญศีลเพื่อต้องการมา เกิดเป็ นมนุษย์ การรักษาอุโบสถกรรมเมื่อถึงวันอุโบสถ ก็ถืออุโบสถศีล เป็นกุศลวิธีที่น าพาก็เพื่อพ้นจากอัตภาพแห่งนาคไปสู่ดินแดนมนุษย์ถ้า พญานาคไม่รักษาศีลรักษาอุโบสถกรรมแล้ว ก็พ้นจากอัตภาพนี้ไปไม่ได้ บ าเพ็ญแปลว่า ท าให้เต็ม ท าให้บริบูรณ์ กระท า ปฏิบัติเพื่อให้บริบูรณ์ เพราะมนุษย์อยู่ในภูมิที่เหมาะแก่การบ าเพ็ญศีลเพื่อไปสู่ความหลุดพ้น จากวัฎฎะ ภพภูมิมนุษย์เป็ นที่ปล่อยกรรม สร้างกรรม สร้างบารมี เช่นกัน ธรรมะปฏิบัติแบบนาคบ าเพ็ญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ นั่งฟังพระ สวดหลักค าสอนเข้าหู ปล่อยใจน้อมจิต หลับตานั่งสมาธิ เห็นพระพุทธ องค์ปางนาคปรก เห็นอดีตชาติเป็ นฉากๆ ลืมอดีต ละอดีต อยู่กับ ปัจจุบัน นารีทิพย์เกิดมามีวาระ ไม่ได้เกิดมาเป็ นภรรยา เกิดมาเพื่อ ปฏิบัติ ท าหน้าที่ให้เหมาะสม ภารกิจโตขึ้ นก็แต่งงาน มีลูก ลูกโตครบ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 40 วาระครบภารกิจแล้ว ต่างคนต่างท าหน้าที่ ท่านมีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง นารีทิพย์ต้องไปบ าเพ็ญ ถึงวาระก็ต้องไปท าหน้าที่ เคยเป็นคู่ ชูชื่น ระรื่นจิต อยากแนบชิด อิงแอบ สนิทเสน่ห์หา ถามหาคู่ ภิรมย์ สมอุรา นารีทิพย์ นั้นหนา สถิตสถาพร พญาปัตตะนะปาวาฬนะนาคราช ท่านเก่งหลายๆ ศาสตร์ เอก ราชปราชญ์บัณทิตที่เหล่าพญานาคให้สมญานามท่าน อุปนิ สัย ตรงไปตรงมา ดูภายนอกดุมาก แต่แท้จริงท่านมีเมตตามาก นิสัยนิ่ง เงียบสุขุม เป็ นผู้มีปัญญามาก แต่มีอารมณ์ขัน เจ้าบทเจ้ากลอน ชอบ แต่งชอบเรียงร้อยถ้อยค าที่ไพเราะ เจ้าบทเจ้ากลอนเวลาอยู่กับเจ้านาง ชอบส่งกลอนให้เจ้านางเสมอ ท่านมีอิทธิฤทธ์ิและอ านาจบารมีมาก วรกายสีแดงอมทอง เศียรและปล้องพระนาภีสีทองอร่ามออกแดง แต่ เมื่อกระทบกับแสงจะไสวสว่างสีม่วงเข้มออกม่วงด า ดวงพระเนตรสีแดง เพลิงเหมือนพระวรกายสามารถแผ่เศียรได้มากที่สุด ๙ เศียร กายทิพย์ นั้นเป็ นบุรุษผิวคล ้า คิ้ วคมเข้ม จมูกโด่งเป็ นสัน สูงใหญ่ร่างกายก าย า กล้ามแขนเป็ นมัดๆ สูงเกือบ ๑๙๐ เซ็นติเมตร สวมใส่มงกุฏบัลลังก์ ประดับด้วยสีแดงทับทิม เครื่องสร้อยสังวาลแห่งพญานาค อันรุ่งเรือง ด้วยสีดอกจ าปา ทับทรวงสีทองอร่าม ถือคฑาหัวพญานาค สีบารมีคือสี ม่วง ชอบนุ่งโจงกระเบนเป็นสีบารมี และเป็นสีส้มอิฐ *****


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 41 ปู่ ว่า ภพภูมิทิพย์ ด ารงอยู่ในสภาวะอันเป็ นทิพย์ รูปทิพย์ กลิ่น ทิพย์ พญานาคไม่ได้เสพกามเพื่อราคะจริต แต่เพื่อจะด ารงเผ่าพันธุ์ พญานาคราช หรือ การสืบสายพันธุ์นาคกษัตริย์ให้ด ารงอยู่ได้ ปกครอง ด้วยสายเลือดมีลูกหลานบริวาร มีสนมบริวารเป็ นจ านวนมาก เวลา แต่งงานก็มีสินสอดของหมั้น การแต่งงานระหว่างสองตระกูลท าให้ สมบัติงอกเงยขึ้ นมา ท่านหมั้นหมายนารีทิพย์ไว้ตั้งแต่นาคนารีน้อย ท่านจะมาแอบดูตลอด จนโตเป็นสาว ผู้หญิงพอแต่งงานแล้วก็เหมือนตัด ขาดจากครอบครัว ลูกสาวจะแต่งออก ลูกชายจะแต่งภรรยาเข้าเรือน สอดสินของหมั้นก็เก็บไว้ให้ลูก ส าหรับให้ลูกไปหมั้นผู้หญิงต่อไป พอ แต่งงานพ่อแม่ก็ให้สมบัติบริวารติดตามไปด้วย ท่านก็มีสมบัติมากมาย ได้มาจากบรรณาการจากหัวเมืองต่างๆ “สิงโตกับบริวารมีอาณาเขตของตนเอง” บ้านเมืองท่านปกครองเป็ นอาณาจักร มีหลายหัวเมืองอยู่ราย รอบ สมบัติประจ าตัวพญานาค เครื่องทรง เครื่องประดับต่างๆ แสดงถึง บุญญาบารมียศถาบรรดาศักด์ิถา้มีชา้ง มา้ววัควายก็ดอ้ยลง แต่งตัว เน้ือทองผิวสีทอง มีพลงังาน มีอิทธิฤทธ์ิมาก นารีทิพย์วรกายสีขาวออก มุกเป็ นเงา การจ าแลงแปลงกายขึ้ นอยู่กับจิตที่มองเห็น การแต่งองค์ ทรงเครื่องครบเป็ นการแสดงตัวตนให้เกียรติ รักมากอยู่ใกล้ที่สุด เหมือนวงโคจรของโลก พระจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดคือต าแหน่งมเหสี ท่านแวบมาหาบ่อยแต่มักจะหลบท่าน ท่านก็คิดว่าน้อยใจท่าน เพราะ จิตเจ้าละไปบ าเพ็ญ ปิ ดถ ้าบ าเพ็ญเพียร เมื่อกลับจากภารกิจไม่เจอเจ้า ท่านรอที่หน้าถ ้า ตัวท่านไฟพุ่งเป็ นไฟสีฟ้าออกเขียวเหมือนน ้ามันไฟ แซก ไฟทั้งตัวแต่ท าอะไรไม่ได้ มันร้อนข้างใน ใครเข้าใกล้ไม่ได้ต้อง ออกไปคายพิษแต่จะเป็ นอันตราย ท่านก็มีวิธีรักษาหรือดับไฟ เดินและ วิ่งไปรอบถ ้า วิ่งวนอยู่ ๓ วันจนไฟดับ เอาลมมาดับไฟ พอวิ่งกลับไปเห็น


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 42 เจ้าเดินออกจากถ ้ามาคุยเป็ นปกติ ท่านงง ในอารมณ์ เพราะกังวลกลัว เจ้าหาย อีกคนคุมจิตให้ปกติได้ ปรอทปกติ อีกคนหนึ่งปรอทแตก จริต หึงหวงแบบในโลกมนุษย์ไม่มี ไม่ซับซ้อน ท่านไปมาแวบๆ ลูกหลานจะ รู้จักกันเมื่อตอนรวมพล ปกครองด้วยสายเลือด การแต่งงานเป็ นฐาน อ านาจบารมี องค์ปู่ทุกๆ องค์ปู่ มีภรรยามาก องค์ปู่ เทวะก็เหมือนกัน ชุด ที่นารีทิพย์ใส่ประจ าเป็ น ชุดสีขาว การแต่งกายของภพภูมินาคก็เหมือน มนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์การแต่งกายก็แตกต่างกันไป ส่วนเมืองท่าน ผู้หญิงใส่ชุดเหมือนชุดสาหรี่ทางอินเดีย แต่น้อยชิ้ นกว่า ประมาณ ๕ ชิ้ น เพราะอากาศในถ ้าไม่ร้อนไม่หนาว ผู้หญิงมีผ้าคล้องคอ เป็นกางเกงพอง ๆ รองเท้าปลายแหลมงอนขึ้ น เสื้ อผ้า ผู้ชายใส่คล้ายเสื้ อกักเป็ นมีอักขระ ข้างหลังเสื้ อ นิ้วมือก็มีเครื่องประดับทุกนิ้ ว “ฝันเห็นรองเท้าคู่เก่าสีน ้าเงินคู่ใหญ่มาก วางรออยู่ เดินไปในป่ า รกเดินเท้าเปล่าไม่ได้ ต้องมีรองเท้าใส่ สุดท้ายก็สวมรองเท้าคู่เดิม” ท่านบอกว่าคู่จิตทิพย์เลือกแล้ว มีแค่นางเดียวเป็ นคู่บารมี เวลา คู่บารมีจะจุติก็จะรู้เอง ว่าลูกไฟของใคร คู่จะจุติเป็ นคู่ของใคร ท่านก็รู้ มาแล้วนารีทิพย์จะมาจุติ เพราะผูกจิตกับคู่ตน สาธุธรรมบารมี เป็นศรีแห่งมงคล ยลทั่วหล้า บารมีเกิด พร้อมสุข ทุกข์ไม่มีมา สมดั่งข้าอยากได้ หมายใจปอง จิตน้องละเอียดอ่อน ผิวผ่องดั่งอัญมณี


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 43 ทางนิพพานเป็ นทางแคบที่เดินคนเดียว แต่มีกัลยาณมิตรเดิน ตามติดๆ กันได้ ไม่ใช่ข้อบังคับ จูงใครไปก็ได้เจตนาตรงกันพอแล้ว ไป เป็ นคู่ก็ได้ รองเท้าคู่ ส าหรับคนมีคู่เกื้ อหนุนกันมาหลายภพหลายชาติ บางดวงจิตเดินไปด้วยกันอย่างเบาสบาย ไว้ใจ ซื่อสัตย์ภักดี มั่นคง ปลอดภัย ไม่ทิ้ งกัน ไม่เดินถอยหลัง มีพักบ้าง ใครน า อีกคนตาม ปรับ กันไป เหมือนคลื่น ๒ คลื่นที่วิ่งไปด้วยกัน รวมตัวกันเป็ นเส้นตรง แล้ว แตกขยายวงกว้าง รวมตัวกับความว่าง เหมือนดวงจิต ๒ ดวงที่มี ภาระกิจ เคลื่อนที่ไปด้วยกัน เหมือน หยิน หยาง ปรับพลังงานเป็ นผู้มี ศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน บน เส้นทางเพื่อการหลุดพ้นจากวัฎฎะ ถ้าได้มีคู่ตามสนับสนุนเราให้มี ความสุขความเจริญช่วยดึงกันไปในทางสว่าง รองเท้าใส่ข้างเดียวได้ไหม เรามีช้อนอย่างเดียว ไม่มีส้อม ตักอาหารสะดวกไหม เวลาข้ามฝั่งท่าน จะไปรอรับอีกฟากหนึ่ง คือไปพร้อมกันหมายถึง ท่านรออยู่ ให้ข้าม แม่น ้าของโมหะ และโทสะที่มีต่อท่านไปพบท่าน ให้อภัยซึ่งกันและกัน หนี้ รัก ดอกเบี้ ย คือความรักความเมตตา แล้วข้ามวัฏสงสารไปด้วยกัน เมื่อเราตกอยู่ในทะเลชีวิต มีกิเลส รัก โลภ หลง เราต้องข้าม กิเลสเหล่านี้ ไปให้ถึงฝั่ง โดยผ่านแบบทดสอบของคลื่นชีวิต คลื่น เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าในเขตน ้าลึก คลื่นพอใกล้ถึงฝั่ง คลื่นจะเคลื่อนที่ช้าใน น ้าตื้ น บางคนเจอคลื่นสึนามิขนาดใหญ่และรุนแรง ที่กินเวลาเป็นนาที และระยะทางของคลื่นยาวเป็ นกิโลเมตร คลื่นอาจพาเราไปได้ไกลเป็ น สิบๆ เมตรได้ และเราอาจไปติดค้างอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างทาง ได้เปรียบเหมือนเราติดค้างในภพภูมิต่างๆ ถ้าเรามีบุญกุศลเก่าหนุนน า คอยอุ้มชูให้หาจุดยึดได้ ให้ยึดเกาะไว้พยุงตัวเองให้ไปถึงฝั่ง เปรียบ เหมือนธรรมะของพระพุทธองค์เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 44 ***** หลวงปู่ เคยบอกนานแล้วว่า จิตดับที่ไหนจุติที่นั่น ท่านเคย จ าแลงแปลงกายเป็ นผู้ชายมาเคาะประตูของหลวงปู่ แต่หลวงปู่ไม่เปิ ด ประตู เลยจ าแลงแปลงกายมาในนิมิต ตอนแรกส่งบริวารงูเขียวมา เขา พูดไม่เป็ น กลัวคน หลวงปู่ถามก็ไม่พูด เพราะภพภูมิทิพย์ ส่งจิตคุยกัน ไม่เปิ ดปากคุย หลวงปู่ ท่านเลยงง ว่าเป็ นคนหรือเป็ นผี ท่านเลยขึ้ นมา เอง ในภพท่านเรียก องค์ขัตติยะแปล ว่า วีรบุรุษ งูดินคือทหารราบ ประชากรไม่เยอะ มีหลายเผ่าพันธุ์ พญานาคมีหลายปาง หายตัวได้ แบ่งภาคได้ เวลาสู้กัน องค์ปู่ ลงมานั่งสมาธิใช้ตบะสู้กัน หรือปริศนา ธรรมสู้กัน ภพภูมินาคเรียนมนตรา คาถา ภาษาพุทธศาสตร์ เรียนภาษา บาลี สันสกฤต อักขระมนตรา ควบคุมไฟ เพลิง มีมนตราพื้ นฐาน เรียกว่ามนตราพญานาค เรียกลม เรียกฝน ควบคุมไฟ ศึกษาสมุนไพร การแปะยารักษา หญ้าหนวดพญานาค มีสรรพคุณครอบจักวาล อยู่ใน ถ ้ารักษาตัว เกล็ดก็ถอดให้กันเป็ นการรักษาโรค เพชรพญานาคก็ใช้ รักษาโรคได้มีครูอาจารย์ คือพ่อแม่ และองค์ปู่ ผู้หญิงสาวหรือนาคีก็ ท าเครื่องประดับต่างหูก็ท าเอง เย็บปักถักร้อย ก็คล้ายกับภพภูมิมนุษย์ สมัยท่านเป็ นนาคหนุ่ม หรือนาคนาคาเรียนหนังสือศึกษาต ารับต ารา และชอบผจญภัยกับเพื่อนฝึกคาถา ขโมยของกันกินก็มี พญานาครุ่นแรกๆ ตัวใหญ่ รุ่นต่อมาค่อยๆ เล็กลง พญานาคที่ ชื่อตามด้วยนาโค คือพญานาคที่แก่แล้ว มีหนวดมีผมหงอก ปางแก่ ผู้ที่ เห็นจะต้องมีบารมีเยอะ ปู่ อือลือสายถ ้า ปู่ ขุนน ้านางนอนก็สายถ ้าจะดุ มาก อยู่โซนพม่าดูแลไทยพม่า รูลอดถ ้าก็มาจากตัวพญานาค ท่านบอก ว่านาคอยู่ในน ้าใหญ่มากไม่ได้ เล็กกว่าสายถ ้าแต่มีอิทธิฤทธ์ิมากเช่นกัน พญานาคล าน ้าโขงดูแลไทยลาว สายเขมรไม่ใหญ่ มีกายและเกล็ดสีแดง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 45 ออกสีทรายออกส้ม พูดคนละภาษา แถบฝรั่งก็มีพญานาคสายสีขาว อากาศหนาวจะกินน้อยบ าเพ็ญมาก อากาศหนาวกิเลสน้อย ประชากร น้อยมาก ส่วนมากเป็นนาคเพศเมียปฏิบัติเข้ากรรมฐานเพราะมันหนาว อากาศร้อนเป็ นนาคธรรมดาทั่วไป พญานาคจะไม่ข้ามเขตแดนซึ่งกัน และกัน พญานาคนั้นเมื่อสิ้ นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขดตัวเป็ น บัลลังก์ เรียกว่า นาคบัลลังก์ จากนั้นสภาพร่างกายก็จะกลับกลายเป็ น หิน การละสังขารของนาคก็แล้วแต่นาคแต่ละตน บางตนได้เห็นทาง สว่างเห็นสิ่งที่ดีกว่า จิตก็ใสเป็นแก้ว นาคบางตนหมดอายุโดยธรรมชาติ บางตนก็ถอดจิตไม่กลับร่าง ร่างก็กลายเป็ นหิน ถอดจิตนานไม่กลับเข้า ร่างก็กลายเป็ นหิน หรือแตกสลายไปก็มี นาคที่บ าเพ็ญเพียรจนบารมี เต็มนั่งสมาธิดูรู้แล้วว่าไปที่ไหน ก็ละสังขารไปสู่ภพภูมิที่ปรารถนา ท่าน ละสังขารก็จุติด้วยแรงบุญที่ท่านบ าเพ็ญญาณบารมีมายาวนาน ก าเนิด แบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดา ท่านปาวาฬณะท่านละ สังขารนาคแล้ว จุติเป็ นเทพนาคราช “ศรีนคราปาวาฬณะนาคราช” ท่านบอกว่า “นครา” คล้ายกับเป็น ยศหรือต าแหน่ง ท่านถวายงานท่าน ท้าวมหาราชวิรูปักโข อยู่ที่เทวโลก ชั้นจาตุมหาราชิกา มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็ นทิพย์วิมาน นารีทิพย์ก็เช่นเดียวกันละสังขารจากภพภูมิ นาค มีรอยไหม้ที่เลื้ อยเป็ นวง มีควันสีขาวลอยจางๆ และมีดวงแก้วทิพย์ ๓ ลูก วางอยู่ข้างกายสังขารนาคที่เป็นหิน จิตของเจ้า ใจของเจ้า ใครไม่รู้ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พี่รู้หนา จงอภัย ด้วยเถิด เรื่องเกิดมา ชะตาฟ้า ก าหนด รันทดจริง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 46 ขอเจ้านางของพี่ จงหยุดโกรธ ว่าทางโลก ทางธรรม น าสุขยิ่ง เป็นเพราะกรรม น าพามาจริงๆ ขอน้องหญิง เจ้านางน้อย โปรดอภัย รูปปั้นพญานาคสีทองที่บ้านสวนแตก จู่ๆ หมา ๒ ตัวก็มากัดกัน ตรงบริเวณนั้น เลยชนและตกแตก “บุรุษร่างกายสูงใหญ่ ผมยาวสีขาว นุ่งห่มสีขาวถือไม้เท้า ภายใต้ แสงสว่าง มีหมอกสีขาวจางๆ ” หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะตกแตก ท่านมาบอกล่วงหน้า เพราะ ข้าพเจ้าฝัน ภาพในฝันก าลังนั่งท างานที่โต๊ะ จู่ๆ ก็มีแสงสว่างสีขาวนวล และมีภาพผู้ชายในชุดนักบวชนุ่งผ้าขาวห่มขาว เชิงผ้านุ่งด้านล่างเห็น แวบๆๆ เป็ นลายเสือ แต่นิดหน่อย ถือไม้เท้า ท่านผมยาวรวบผมไปข้าง หลังครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งปล่อยยาว ผมสีดอกเลา หน้าตาท่านอิ่มเอิบ หน้า อมชมพู มีเคราที่โกนแล้ว ท่านยิ้ ม จิตตอนนั้น ให้เรียกว่าท่านฤาษี “มีอะไรจะถามเราไหม” (เหมือนใช้จิตสื่อ) ท่านบอกว่าพ่อฝากมาบอกว่า บุญกุศลที่ท าให้ท่านได้รับหมด รูปปั้นพญานาคที่แตก ไม่ต้องสร้างขึ้ นใหม่ ไม่เป็นไร หมดวาระของท่าน จะมีคนมาแทน แต่ท่านว่าไม่ใช่มาแทน ท่านว่า “นาคียะสมพล” ภาษา ท่านพูดแบบนี้ ภาษาท่านเหมือนกลอนในใบเซียมซี ท่านคือปู่ สุกินาโค นาคสีทองที่บ้านสวน ปู่ บอกว่าที่บ้านสวน อยู่แล้วมีความอบอุ่น เมตตา วาสนาเพิ่มพูน บริวาร สังขารร่มเย็น แต่ลมแรงและแดดแรง แต่ท่านว่า ไม่เป็นไร ดินแดนแห่งพระพุทธองค์แสวงบุญย่อมร้อนเป็นธรรมดา ท่าน ต้องเดินทางไกลในวัฏสงสาร รูปปั้นนาคที่หักก็ให้เอาไปไว้ที่วัดก็ได้ นาฏยะสมบัติ คือเกล็ดกาย เนื้ อตัว แสงเงา เกิดจากการบ าเพ็ญบุญ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 47 บารมีเวลาหมดวาระ รูปปั้นนาคก็จะแตก แสดงว่าท่านไม่อยู่แล้ว ไม่ อยากให้สัภเวสีมาอยู่แทน มาสวมรอย เพราะถ้าไม่แตกสิ่งที่กราบไหว้ อยู่นั้นไม่ใช่ ถ้าหมดวาระ ถ้าไม่แตกก็หายไปเลย เพราะมนุษย์จะสร้าง อะไรก็มีพิธีกรรมการไหว้ แต่การจากไปไม่มีพิธีกรรมถอดถอน ถ้า เปลี่ยนคนมาใหม่ก็เริ่มต้นจาก ศูนย์ เปลี่ยนรูปลักษณ์เปลี่ยนหน้าตา ทุกอย่างมันมีวาระของมัน อย่าไปยึด มันเป็ นวัตถุให้คนเห็นในเชิง สัญลักษณ์ ไม่มีดวงจิตอยู่แล้วตั้งแต่ต้น “ท่านเปิ ดให้ทุกอย่าง ให้ปล่อยวางอดีต วางอนาคต ให้อยู่กับ ปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ท่านน าทางชีวิตเรามาตลอด เจ้ามีบ่อเงินบ่อทอง ให้ชุบตัวหลายบ่อ ให้รู้เพียงว่าสวรรค์ท่านเมตตาเสมอ ท าอะไรให้อดทน และมีสติอยู่กับตัว พิจารณาทุกอย่างให้เป็นธรรมะ ท าให้เกิดเวทนา ให้ รู้จักเวทนา ให้รู้จักวัฏสงสาร” เวทนาที่อยู่ในขันธ์ ๕ เวทนา คือหนึ่งในขันธ์๕ มีความเป็ น อนัตตาควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้ตามต้องการถ้ารู้ความจริงของรูป ของ นาม ว่ามีความเป็ นไตรลักษณ์ ไม่หลงไปตามสิ่งเร้าที่จะก่อให้เกิดกิเลส ตามมาอย่างต่อเนื่อง กิเลสก็ไม่เกิด เวทนา คือ ความรู้สึกสุข หรือ ทุกข์ หรือ เฉย ซึ่งมีความส าคัญ ที่ท าให้เกิดความยินดียินร้ายของคนที่ยังมี กิเลส สะสมอยู่ในจิต ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาลูกหลานเสมอ ปู่ สอนว่า อย่าโลภ ให้ปล่อยวาง มาก็มาไปก็ไป ภาพที่เห็นในสภาวะจิตนั้น ท่าน เป็ นพระสายปฏิบัติใส่จีวรสีกรัก มีกระติกน ้าชา และกาน ้าร้อนวางอยู่ ข้างๆ พัดใบลาน ภาพเป็นภาพพระเกจิ มียันต์พญานาคอยู่ข้างหลังท่าน “โยมลูกเป็ นลูกหลานท่าน แต่เป็ นลูกหลานปลายแถวของท่าน คนเราเหมือนโมเลกุลสายรุ้ง เกี่ยวข้องสายสัมพันธ์กับท่านในอดีตกับ สายเลือด โยมลูกอยู่ตระกูลปลายแถว ท่านเป็ นต้นตระกูล มาภพชาติ ปัจจุบันชะตาต้องกัน”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 48 ตัวข้าพเจ้ากับกัลยาณมิตรท่านว่า ในอดีตภพ ก็เคยตักบาตร ร่วมขันท าบุญร่วมกันมา ถึงได้มาได้เจอะเจอ และได้ช่วยเหลือเกื้ อกูลกัน ในทั้งทางโลกและทางธรรม “ท่านหลวงตา ท่านเมตตาเจ้า เพราะเจ้าเคยเป็ นนาคที่บ าเพ็ญ บุญบารมีมายาวนาน แต่ไม่มีโอกาสบวช มันเป็ นแต้มต่อที่ให้ก้าวเดินไป เพื่อการหลุดพ้น” เมตตา มีระยะ ๓ ครั้ง ศรัทธา ปาฏิหาริย์น้อมน าพระธรรมค า สอน ปฏิบัติจิตให้ตื่นรู้เราต้องท าเป็ นต้นแบบ เหมือนเราปลูกข้าว เห็น นา เป็ นข้าวเปลือก ค านวณได้ว่ากี่วันจะได้เก็บเกี่ยว เรารู้อยู่แล้ว ต้อง เตรียมพร้อมเป็ นเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างมีระยะเวลาเกี่ยวข้อง มีสติ สมอง ปัญญา สติมีไว้แก้ไข สมองมีไว้ไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร มีปัญญา ก ากับพินิจพิเคราะห์อะไรเป็ นของเสียก็ท าให้เป็ นประโยชน์ ถอยเพื่อว่า ก้าวไปอย่างมั่นคง การขนคนต้องดิ้ นรนพยายาม ให้เราเป็ นฟันเฟื อง เปิดเตรียมพลังงาน คนที่สร้างภาพ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน จะตาย โลก จะกลับไปสู่กลียุคคือยุคข้าวยากหมากแพง ของแพงเกินจริง ปู่ ท่านบอก ไว้ไม่มีค าว่าบังเอิญ อยู่ที่บุญวาสนาที่ร่วมท ากันมา เมื่อมีวาสนา ไม่ อยากเจอก็ต้องเจอ เมื่อสิ้นวาสนา ไม่อยากจาก ก็ต้องจาก การพลัด พรากมันเจ็บปวด หากวันนี้ ยังมีกันอยู่ ขอให้ดูแลกันและกันให้ดีที่สุด เพราะเมื่อต้องจาก ต่อให้ยอมสละทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีวันหวนกลับมา เมื่อได้มาเจอกันอีกครั้ง ก็สานต่อบุญกุศลไปด้วยกัน ทุกชีวิตมีเวลา จ ากัดให้อยู่เพียรสร้างบุญกุศล ถึงเวลาก็ต้องละร่างนี้ สังขารนี้ ไปจากโลก *****


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 49 คนมีญาณทิพย์หรือมีองค์ นั้น หมายถึง คนที่มีครูบาอาจารย์ ที่ เป็นองค์เทพ องค์พรหม ที่อยู่บนสวรรค์ บนพรหมโลกมาดูแล ค าว่าองค์ คือ ครู คุรุ ของหนัก ท่านไม่ได้มาสิงกายมนุษย์ เพราะมนุษย์กลิ่นกาย เหม็น ท่านส่งสื่อญาณมายังบุคคลที่เป็ นลูกหลาน ที่เป็ นศิษย์ ที่เคยมี บุญสัมพันธ์กันแต่เก่าก่อน ซึ่งค าว่า ญาณ แปลว่า ความรู้ คือปรีชาหยั่ง รู้ ปรีชาก าหนดรู้ หรือการก าหนดรู้ได้ด้วยอ านาจการท าสมาธิและ วิปัสสนาเรียกว่า วิชชา ท่านส่งญาณ มาคอยดูแล ชักจูงให้อยู่ในกรอบ ในศีล ในร่องในรอย หรือตามสัญญาที่เคยสัญญาไว้ก่อนมาเกิด กายสังขารบางคนมีองค์บารมี หรือองค์ใน มีจุติญาณ เทพ องค์ พรหม ครูบาอาจารย์ที่เป็ นพระภิกษุสงฆ์ ที่ละสังขารไปแล้ว พระ โพธิสัตว์ ปู่ ฤาษีคนที่จะมีองค์ได้ ต้องมีสัญญา ต่อท่านมาแล้ว หลายภพ หลายชาติ เพราะสิ่งที่ท าไว้แล้ว มีเหตุย่อมมีผลเกิด เราท าเหตุไว้อย่างไร ผลย่อมเป็นไปตามนั้น เมื่อถึงเวลาเขาจะแสวงหาสิ่งที่เป็ นสัญญาทางจิต แห่งตนให้เจอ มีชาวต่างชาติหลายคนที่ข้าพเจ้าได้รู้จักผ่านสายงานที่ท า บางท่านเป็ นทูต บางท่านเป็ นนักกฎหมาย บางท่านเป็ นผู้บริหาร ระดับสูงในองค์กรใหญ่ๆ ในเมืองไทย ที่สนใจศึกษาธรรมะ ขององค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บางท่านจิตได้รับการฝึกมา อย่างดีปู่ บอกฐานจิตแน่น จิตกลมเป็ นไข่เต็มไม่กลวงเป็ นโดนัท จะใช้ ชีวิตสมถะมาก แต่ด้วยหน้าที่การงานและฐานะทางสังคม ก็ต้องอยู่ทาง โลกให้กลมกลืน จะท าให้คนอื่นไม่รู้สึกแปลกแยก พวกเขาเหล่านั้นก็อยู่ ในทางโลกทางธรรมได้อย่างสมดุลและเหมาะสม ไม่มากไป ไม่น้อยไป จึงไม่แปลกที่เห็นคนต่างชาติ ต่างศาสนา เข้ามายังประเทศไทย มา กราบไหว้พระพุทธองค์ เพราะเขามีสัญญาต่อพระพุทธองค์ แม้ส่วนลึก เขายังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีคนชี้ แนะแนวทางให้ หรือจิตที่ขุ่นมัว ยังไม่ ใส ยังไม่กระจ่าง จึงเชื่อมต่อสัญญาเก่าของตนเองยังไม่เจอ คนที่มีองค์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 50 บารมีเป็ นพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ บ าเพ็ญภาวนาเพื่อพุทธะเพียงอย่าง เดียว คอยปกป้องคุ้มครอง หรือสอนธรรม อย่างที่ข้าพเจ้าได้ประสบมา ได้รับการสอนผ่านการเห็นนิมิตหรือมโนจิตผ่านกัลยาณมิตรที่แฝง ปริศนาธรรม หรือบางครั้งเป็ นการสอนธรรมะที่แยบยล บรมครูทุกๆ พระองค์ก็เมตตาแปลให้ บางเรื่องที่ท่านสอนแบบเปรียบเทียบเปรียบ เปรยให้เข้าใจถึงคติธรรมของท่าน ท่านบอกสมณะพูดตรงๆ ไม่ได้ ถ้า คนที่มีองค์บารมีข้างในแบบสมถะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกัน ง่าย เข้าใจกันง่าย ภาษาทั่ว คือภาษาเดียวกันคุยกันรู้เรื่อง อย่าง กัลยาณมิตรหลายๆ คนที่ชอบเข้าวัดท าบุญ มีรุ่นพี่ที่รู้จักเป็ นอาจารย์ พยาบาล คุยกันง่าย พอคุยกันไปเรื่อยๆ จึงได้ทราบว่า พ่อแม่ครูบา อาจารย์ที่นับถือเหมือนกัน พระที่ห้อยคอ คือหลวงปู่ ทวด หลวงปู่ โต พรหมรังสี และพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่ มั่น คนที่มีองค์เป็ นร่างทรง หรือกายสังขารญาณทิพย์บางคนมี อัตตาสูงก็จะบอกว่า องค์ของคนอื่นไม่แท้ ของตนแท้ ปู่ บอกว่า ถ้าองค์ ท่านมาอยู่กับเรายังไง ในเมื่อมีการทรงตั้งหลายที่ อีกอย่างไม่มีเทพองค์ ไหนที่อยากอยู่ใกล้มนุษย์ ร่างทรงจะประกอบพิธีกรรมสื่อสารกับท่าน ส่งสัญญาณไปให้ท่าน สื่อหรือสื่อข้อมูลไปถึงท่าน ท่านก็รับสิ่งที่เราถาม ท่านก็จะสื่อสารให้ทราบ นั่นก็คือ สื่อญาณธรรม ก็จะบอกข้อมูลต่างๆ มายังร่างทรง ร่างทรงก็จะไปบอกลูกศิษย์ ร่างทรงเป็ นเครื่องรับ สัญญาณ ไม่ใช่ว่าท่านมาอยู่กับเรา บางคนคิดว่าท่านมาอยู่กับเรา ยังมา ถือสิทธ์ิดว้ยว่า อยู่กบัเราเป็นของเรา ท าพิธีให้เรา พอใครมีเหมือนกับ เราก็ถือว่าเป็ นของปลอม ปู่ บอกมนุษย์ชอบใช้ความคุ้นเคย แต่ก็มีร่าง ทรง หรือกายสังขารญาณทิพย์ที่ครองตัวอยู่ในศีลในธรรม เมื่อมีการท า พิธีที่เป็ นพิธีพุทธาภิเษก ที่มีรูปธรรมจักร หรือกงล้อแห่งธรรม ท่านจะ มาร่วมพิธีแต่จะมาแวบๆ ไม่ถึงห้านาที หรือพิธีบวงสรวงท่านต้องดูว่า


Click to View FlipBook Version