The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ๒๔๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pilaiporn Sanchompoo, 2024-04-15 01:41:38

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ

สัญญาใจ พ้นจากวัฎฎะ๒๔๔

สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 51 เจ้าภาพเป็ นใคร บารมีถึงหรือไม่ ท่านก็อยากมาสร้างบารมีร่วมกับ มนุษย์เช่นกัน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 52 บทที่ ๕ บ้านแก้วเมืองทิพย์ยึดมั ่นในธรรม พูดถึงเมือง ของข้า นวนครบาดาล ชวนชื่นบาน ในสภาวะ อันเป็ นทิพย์ รตันะท้งัสาม นามอาจณิ คือแดนดิน ถิ่นมั ่นใน พุทธธรรม นวเก้า รัตนะสาม งามลือลั ่น สุดจะมนั่ ในสญัญา ทวั่หลา้น้ี ท้งัสามโลก คู่โลกา พายินดี นวรตันน้ีคือโลกขา้ ใตบ้าดาล บัวชมภู คือฟ้าในบาดาล พาชื่นบาน สุขฤทัย ไม่จากหนี คือท้องฟ้า หากอยากพบ บันดาลมี สุขเหลือที่ ชมภูฟ้า งามตาเอย ชมภูแก้ว ในเมืองข้า หากจบัตอ้ง แลว้บชูา ปวงขา้น้ี ใฝ่ สิ่งใด สิ่งน้ันมา พายินดี น้อมเคารพ ในที่ แก้วชมภูบูชา เอย... เมืองรัตนะนวบาดาลนครแก้วทิพย์ รัตนะ แปลว่า แก้ว ๓ ประการ นว แปลว่า ๙ หรือใหม่ แก้วทิพย์ คือ ดอกบัว เรียก ดอกบัว ชมภูฟ้าบาดาล ท้องฟ้าเป็ นสีชมพู เพราะว่าดวงแก้วทิพย์ของนารีทิพย์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 53 เป็ นสีชมพู ม่วงชมภูแก้วทิพย์ สีม่วง หมายถึงองค์ท่าน ส่วนชมภูแก้ว ทิพย์ หมายถึงเจ้านางน้อยนารีทิพย์ ชมภูม่วง เคียงคู่ ชื่นชูรัก เป็นปิ่นปัก สุขในใจ เราทั้งสอง เมื่อคราวนั้น สมดั่งใจ ฤทัยปอง เราทั้งสอง ม่วงชมภู เคียงคู่กัน บ้านแก้วเมืองทิพย์มีปราสาทราชวังที่วิจิตตระการตา มีความสุข เหมือนสวรรค์ มีกลิ่นหอมอันเป็ นกลิ่นทิพย์ภพภูมิของพญานาคนั้น สมบูรณ์ด้วยภูมิภาค ไม่มีกรวด มีแต่ทรายที่อ่อนนุ่มมาก รัตนะชาติทั้ง เจ็ดประการ ทอง เงิน และแก้วมณี สว่างโชติช่วงด้วยดวงแก้วมณี ประจ าตัวของพญานาคแต่ละตนวิมานแก้วเมืองทิพย์วิจิตตระการตา เหนือค าพูดเหนือค าบรรยาย กลิ่นทิพย์ นั้นหอมหนักหนา ท่านว่ากลิ่นกายนี้ พี่เคยได้สัมผัส ทั้งรังรัด ฝากเอาไว้ ในใจพี่ กลิ่นตัวน้อง ได้ดมดอม หอมชื่นชีวี กลิ่นกายนี้ พี่ขอมอบ ให้น้องชอบตลอดไป เทวดา บนฟากฟ้า หอบน้อมกลิ่น ฝากอาจิณ สุดใต้หล้า ไม่พาเลือนหาย เหมือนกลิ่นกายน้อง แนบแอบชื่นหทัย สุขภิรมณ์ สุขสมหมาย ดั่งใจปอง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 54 ท่านไม่ให้เรียกว่าเมืองบาดาล ท่านไม่ได้อยู่เมืองบาดาล ท่าน อยู่ที่บ้านแก้วเมืองทิพย์ ส่วนมากมนุษย์ชอบเรียกกันง่ายๆ ว่า เมือง บาดาล เมืองบาดาลคือเมืองที่เต็มไปด้วยน ้า บริเวณอาณาของน ้า แต่ที่ จริงๆ แล้ว บ้านแก้วเมืองทิพย์ก็เป็ นเมืองอีกเมืองหนึ่งที่ซ้อนทับกันอยู่ กับภพภูมิโลกมนุษย์ อยู่กันเหมือนโลกมนุษย์ กายสังขารก็เป็ นเหมือน มนุษย์ทั่วๆ ไป ท่านเรียกว่า “บ้านแก้วเมืองฟ้าหรือบ้านแก้วเมืองทิพย์” ไม่ใช่ เมืองบาดาล ไม่ได้อยู่ฝั่งไทยไม่ได้อยู่ฝั่งลาว บ้านเมืองของท่านเรียกว่า “บ้านแก้วเมืองฟ้า” ไม่มีแสงดาว แสงเดือน แสงตะวัน ไม่มีแสงสุริยา บ้านแก้วเมืองทิพย์ไม่มีวันมืด ไม่มีกลางคืนไม่มีกลางวัน ไม่มีดวง อาทิตย์ จะสว่างตลอดเวลา จะมองเห็นท้องฟ้าจะออกสีน ้าตาล พวก ท่านเนรมิตให้เป็ นแบบนั้น มีท้องฟ้า เหมือนกันแต่ท้องฟ้าเป็ นคนละสี คนละแบบ ไม่ได้มีท้องฟ้าเป็ นสีฟ้า แต่เวลาท่านกลับจะขึ้ นมาเที่ยวชม โลกมนุษย์ ท่านก็จ าแลงแปลงกายเป็ นพญานาค งู เล็ก งูน้อย แต่เวลา กลับไปที่บ้านแก้วเมืองทิพย์ กายสังขารเป็นมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่มนุษย์ มองไม่เห็นบ้านแก้วเมืองทิพย์ของท่านนั่นเอง ม่วงชมภู อยู่ที่ใจ ใช่ที่อื่น ดูสดชื่น ทุกเวลา พาใจฝัน คิดถึงม่วงชมภู ทุกคืนวัน สุขเลิศนั้น น าใจรัก เฝ้าภักดีเอย.. ม่วงกับชมภู ต้องอยู่คู่กัน ตราบเท่าฟ้าดินสลาย


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 55 ปากถ ้าทิพย์ของเจ้ามีดอกบัวแก้วทิพย์ปลูกไว้หน้าถ ้า ดอกบัวใน ศาสนาพุทธแทนความบริสุทธ์ิจิตใจที่ผ่องแผว้สดใสไม่หมองมัว และ ความศรัทธา ทั้งยังหมายถึงการตรัสรู้บรรลุธรรมเมื่อเปรียบกับดอกบัว ที่เคยอยู่ใต้โคลนตมได้โผล่พ้นน ้าออกมา เบ่งบานรับแสงสว่างของดวง อาทิตย์เหมือนดวงจิตที่ตื่นรู้ในทางธรรม พระพุทธองค์นั่งดอกบัวกรรมะ กับดอกบัว และธรรมจักร ทุกสิ่งทุกอย่างในสมัยพุทธกาลจะสื่อสารเป็ น เชิงสัญลักษณ์ พระพุทธรูปก็มีหลายปาง มนุษย์ในปัจจุบันก็น ามา ตีความ ดอกบัวก็เช่นกัน ในพระพุทธศาสนา ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของ ความบริสุทธ์ิของร่างกายและจิตใจ การแบ่งช่วงการเกิดและการเติบโต ทางจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้า องค์ชายสิทธัตถะ ก้าวแรก หรือทุกที่ที่ พระองค์ก้าวเหยียบไป ดอกบัวจะเบ่งบานรองรับพระบาท ดอกบัว ยัง เป็ นชื่อของท่านั่งสมาธิที่ผู้ฝึ กนั่งไขว่ห้างและให้ฝ่ าเท้าหงายขึ้ น พระพุทธเจ้านั่งสมาธิมักปรากฏนั่งบนดอกบัวในระหว่างการท าสมาธิ ภพภูมินาคก็เช่นกันเมื่อถึงวาระพร้อมทางจิตวิญญาณ เบื้องบนท่าน ประทานดอกบัวให้ ดอกบัวจะผุดขึ้ นมาเอง ดวงจิตที่ตื่นรู้ เปรียบเหมือนการเดินบนดอกบัว ก้าวไปบน ดอกบัวทีละก้าว แต่ละก้าวที่ก้าวไปบนดอกบัวเปรียบเป็ นระดับภูมิจิต ภูมิสติปัญญาของแต่ละคน ว่าจะสามารถรู้ลึกรู้ตื้ นในสภาวธรรมทั้งปวง ดอกบัวเปรียบเหมือนสติปัญญาท าให้ถอยจิตเป็ นเลื่อนขึ้ นเลื่อนลงได้ การถอยเกิดขบวนการแก้ปัญหา หากเป็นความรู้ที่ยังมีกิเลสครอบง าอยู่ ก็อาจจะรู้ผิดบ้าง รู้ถูกบ้างเป็ นเรื่องธรรมดา ตื่นรู้เร็วก้าวเร็ว ตื่นรู้ช้าก้าว ช้า ดอกบัวแต่ละดอกเป็ นขั้นเลื่อนขึ้ นไป เลื่อนไปเลื่อนมา เลื่อนออก ห่าง สติการตื่นรู้ไม่เท่าทัน เพราะกิเลส เงื่อนไขมากไป ลังเลสงสัย ชีวิต ไม่วุ่นวายก็ก้าวเร็วเป็ นขั้นบันได ดอกบัวแต่ละดอกให้ก้าวไปข้างหน้า เลื่อนออกไปห่างไปเรื่อยๆ เคลื่อนที่เร็ว จิตฉลาดเร็วต้องกระโดด จิต


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 56 อยากปักมุดและสอดส่ายตา มนุษย์ทุกคนมีดอกบัวข้างหน้า ๗ ดอก คนเรายืนบนดอกบัวทุกคน ดอกบัวก็ใหญ่แต่พอเราโตขึ้ นดูเหมือน ดอกบัวเล็กลง จริงๆ แล้วเท่าเดิม ***** ถ ้าทิพย์ทุกๆ องค์ปู่ มีต้นไม้มงคล บ่งบอกถึงยศหรือต าแหน่ง บางองค์ปู่ มีต้นสน สีส้มสีเหลืองพลิ้ วไหวไปตามน ้า บางต้นเป็ นพุ่มสี เขียว บางถ ้ามีต้นไม้คล้ายใบเฟิร์นต้นใหญ่ ถ ้าทิพย์ท่านมีต้นสนใบเป็ น เส้นๆ สีส้มคล้ายต้นคริสมาสต์กลับหัว ปู่ ขาวมีต้นไม้คล้ายใบตาลมีขอบ สีทอง ส่วนถ ้าทิพย์ของนารีทิพย์มีดอกบัวสีชมพูปลูกอยู่หน้าถ ้า ดอก ใหญ่มาก บริเวณนอกถ ้าทิพย์มีหมอกสีขาวปกคลุม ท่านร่ายมนตรา พลังอาคมแสดงอาณาเขต รักมากจะซ่อนเอาไว้หาไม่เจอ พญานาคมี พลังฤทธ์ิเยอะ กระแสจิตมีพลังมาก ภพภูมิทิพย์อาศัยอยู่แบบสุขนิยม ชอบการร่ายร า ชอบดอกไม้ พวงมาลามาลัย และกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่ไม่ชอบการออกรบจับศึก เพราะมันเป็ นบาป ที่เห็นท่านใส่ชุดขุนพล นักรบ เพราะภาระหน้าที่ แต่ด้วยใจจริง แล้วไม่ชอบ เจริญทางธรรม สุด แสนประเสริฐยิ่งแล้วขนาดเนื้ อยังไม่ฉัน อิ่มทิพย์ ฉันน ้าดอกจิกมุจรินทร์ แทน บ้านเมืองท่านจะมีดอกไม้ ชื่อ ดอกจิกมุจรินทร์สีชมพูจะเอามา ปรุงแต่งเป็นเครื่องทิพย์ฉัน ดอกจิกมุจรินทร์ คล้ายดอกประทุมมา หรือ ดอกกระเจียวป่ าดอกใหญ่ มีก้านสูง สีชมพูอ่อน จะบานเป็ นทุ่งดอก กระเจียว “อดีตของเจ้าพี่กับน้องหญิงจะเป็ นสีชมพูเราชอบสีชมพูและ มเหสีเราเมื่อในอดีตเขาก็ชอบสีชมพู”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 57 ดอกบัวนี้ สีนี่ ที่น้องชอบ พี่ขอมอบ ชอบเถิดนิด พิสมัย อยากมอบรัก จากใจพี่ นี้ ชื่นใจ สุขสดใส ในยาม ตามกาลเวลา ท่านบอกว่านารีทิพย์ชอบดอกบัวมาก ชอบดอกบัวโปรดปราน ดอกบัวมากที่สุด ดอกบัวสีชมพูจะชอบมาก ชอบดอกบัวสีชมพูมากกว่า สีขาว เมื่ออดีตชอบไปเก็บดอกบัวมานั่งพับกลีบ ประดิดประดอยประดับ ใส่แจกัน นั่งท าโน่นท านี่ ท าถวายท่าน ประดิษฐ์ท ากระทง นั่งพับเพียบ เรียบร้อย นั่งท ากับสนมบริวาร ทุกอย่างใครว่ามันเป็ นเรื่องบังเอิญ มัน ไม่ใช่ มันเป็ นเรื่องอดีตทั้งนั้น ที่เคยท า เคยรัก เคยชอบ มันก็เลย ติดตามมาในภพชาตินี้ มันก็เป็ นไปอย่างนี้ แหละ เป็ นความจริง เป็ นสัจ ธรรม เรื่องบังเอิญ ใครว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ มันเป็นเรื่องอดีต มันเป็น อดีต มันเป็นภพรัก ภพเก่ามัน จ ามันไม่เลยลืม เคยเป็นคู่ ชูชื่น ระรื่นจิต อยากแนบชิด อิงแอบ สนิทเสน่ห์หา ถามหาคู่ ภิรมย์ สมอุรา นารีทิพย์ นั้นหนา สถิตสถาพร พระมหาเจดียพ์ระธาตุพนมอันศักด์ิสิทธ์ิของชาวอีสาน เก่าแก่ อายุกว่า ๒๕๐๐ ปีองค์นี้ เป็นที่รวมจิตใจของชาวภาคอีสานและพี่น้องฝั่ง ลาวทั่วประเทศ การขึ้ นมาไหว้พระธาตุทุกๆ ๓ ปีของภพภูมินาค เป็ น การเวียนมาเหมือนการต่อใบขับขี่ ไม่ได้มาทุกคน ไม่จ าเป็ นต้องมากัน ทุกคน เหมือนการไปสักการะสิ่งศักด์ิสิทธ์ิมีวาระว่าอายุเท่านั้นเท่านี้


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 58 ถึงมากราบพระธาตุได้ ตอนที่แต่งงานผูกข้อไม้ข้อมือ ก็เฉลิมฉลองกัน ๗ วัน ๗ คืน การขึ้ นมาไหว้พระธาตุพนมไม่ได้อยู่ในภารกิจ ไปเป็ นการ ส่วนตัวกับเจ้า มาไหว้มาบอกกล่าว อฐิษฐานขอพรเราอยู่กันแค่ข้างนอก วันนั้นบังเอิญโผล่ขึ้ นก็เจอพระธาตุพนม เมืองล่างก็มีพระธาตุมีสถูป รูป หล่อ พระพุทธรูป และเจดีย์สีเหมือนทราย มีผ้าเหลืองพันรอบองค์ เจดีย์ไว้ องค์พระธาตุพนมมีพญานาคเฝ้าอยู่ ๗ ตน ตัวใหญ่มาก ท่าน พระนามว่า พญาสัทโทนาคราชเจ้า พญาศีลวุฒินาโค พญาหิริวุฒินาโค พญาโอตตัปปะวุฒินาโค พญาพาหุสัจจะวุฒินาโค พญาจาคะวุฒินาโค และพญาปัญญาเตชะวุฒินาโค พญานาคเหล่านี้ เป็ นต้นตระกูลกษัตริย์ เคยเป็นกษัตริย์มาก่อน รับใช้พระพุทธองค์ที่ใหญ่มาก เมืองที่ท่าน เหล่านั้นอยู่ ท่านว่ามี ๗ ฤดู หนาวมาก ท่านตัวใหญ่ดุมาก พ่นไฟ เหมือนมังกรพ่นไฟ ท่านบอกโดนสาบ โดนสาปแบบเต็มใจ เรียกว่าพุทธ บัญชา ให้เฝ้าตรงนี้ ไปไหนไม่ได้ อยากบวชคู่กับมนุษย์ใครท าไม่ดีเจอดี แน่ “พระพุทธศาสนาคือหัวใจข้าพเจ้าไม่ให้คนบาปเข้าใกล้มีพระธาตุ ศักด์ิสิทธ์ิหัวใจพระพุทธองค์” องค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุรังคธาตุ(กระดูกส่วนหน้าอก) พญานาคเวลาขึ้ นมาในเมืองมนุษย์ถ้าไม่มีกิจธุระจะไม่ขึ้ นมา เพราะจะมีกลิ่นตัวแปลกๆ กลับภพภูมินาค นาคส่วนมากจะจ าแลง แปลงกายเป็ นงู ถ้าจ าแลงแปลงกายเป็ นมนุษย์กลิ่นมนุษย์จะติดลงไป ต้องอาบแสงจันทร์ อาบน ้าทิพย์ เพื่อล้างกลิ่นมนุษย์ คุณคนดี ที่ฉันรัก ผูกสมัคร รักแบบนี้ ตลอดปีไหม เป็นของขวัญ อเนกอนันต์ ทุกชาติไป


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 59 ผูกสมัคร รักใคร่ ในเจ้านาง “การบวงสรวง นารีทิพย์ก็เคยท าพิธีแบบนี้ ที่เมืองล่างบ่อย” ให้ดูที่เครื่องบวงสรวง เมืองล่างไหว้ทุกๆ ๗ ราตรี ชั้นบายศรีที่ ไหว้ เมืองล่าง ไม่มีดอกเรือง ใช้ดอกบัวไหว้ ปลูกที่หน้าถ ้าเต็มไปหมด ดอกบัวเมืองล่างมี ๗ สี ดอกใหญ่มาก แต่ละดอกใหญ่กว่าก าปั้นของ มนุษย์ เวลาบานดอกจะเท่าฝ่ ามือ แก้ว แหวน เงินทอง ประกอบการ ไหว้ด้วย ผลไม้ก็มี ๗ สี เทียนก็มี ๗ สี “ปู่ ท่านมาสื่อญาณ ท่านจะพูดช้าๆ เสียงเย็น ทุ่มเย็น ผมยาวสี ขาว ท่านยิ้ ม แต่เล็บท่านยาวมาก กายสังขารนาคปู่ ตัวใหญ่มากสีเทา ขาว” การบวงสรวงถวาย ปู่เป็ นหินที่ปากถ ้าทิพย์ เพราะละสังขารนาค แล้ว นารีทิพย์จะน าบริวารบวงสรวง ชุดที่ใส่ในพิธีเป็ นชุดขาวเปิ ดพุง หน้าสด หน้าผากเต็ม หน้ายิ้ ม คิ้ วเข้ม จมูกโด่ง ผิวขาว หน้าตาละหม้าย คล้ายภพปัจจุบันนี้ แต่ตาโต จมูกโด่ง ปากสีแดงธรรมชาติ ในพิธี บวงสรวงมีนางร า โปรยดอกไม้เวลาบวงสรวงเดินเท้าเปล่า ทรายเป็ นสี ทอง นุ่มมาก เหมือนปุยนุ่น มีบริวารสาว ๆ สวยๆ อยู่รอบๆ ซ้ายและ ขวามีเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย นั่งพนมไหว้ มี อายุสัก ๒ และ ๓ ขวบ เด็กผู้ชายจะซนมาก นารีทิพย์อุ้มเด็กทีละคนร่วมพิธีมีนางร า เวลาร า ถวายปู่ นางร าแต่งตัวเหมือนนางร าฉุยฉายพราหมณ์ “เจ้าจะใส่ชุดขาวแบบนี้ เป็ นประจ า ใส่เครื่องประดับน้อยชิ้ น ภาพที่เห็นเหมือนการระลึกชาติ ในแต่ละภพจะเดินทางเป็ นเส้นขนาน กัน แต่มีบางช่วงที่จูนคลื่นถึงกันได้” จิตของภพภูมิทิพย์ จิตจะเป็ นทิพย์ เหมือนเป็ นคลื่นส่งเรดาร์ จะ ไม่เปิดปากคุยกัน แต่ส่งจิตคุยกัน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 60 “ถ้าเปิ ดปากพูดจะเป็ นไฟพ่นออกมา จะพูดก็ต่อเมื่อถึงวันออก พรรษามีปั้งไฟพญานาค ภพภูมิทิพย์จะควบคุมจิตด้วยพลังจิต นิมิตทุก อย่างได้ด้วยจิตอันเป็นทิพย์” รักเอย รักเกย เคยกก รักสะทก สะท้าน พี่ทานไม่ไหว ชิดแนบ เสน่หา พาชื่นหฤทัย สุข สดใส สว่างไสว ไตรตรึงตรา ท่านบอกว่า สายเจ้าเป็ นนาคสายบ าเพ็ญเพียร ตอนที่เป็ นนาค นารีน้อย พออายุได้สัก ๗ หรือ ๘ ขวบจะแยกถ ้า ออกมาอยู่กับพระพี่ เลี้ ยง นอกถ ้าจะมีนาคสีด าแต่มีหงอน อยู่รอบๆ ถ ้าเต็มไปหมด ดุมาก มี พิษมาก จับไม่ได้ล าตัวก็มีพิษ แต่พอกลับเข้าถ ้า กายสังขารก็กลายเป็ น มนุษย์ธรรมดาทั่วไป ผู้หญิงจะสวยมาก แต่หน้ายังมีเป็ นเกล็ดๆ ให้เห็น อยู่ลางๆ เพราะยังบ าเพ็ญบารมีไม่เต็ม ในถ ้าที่เห็นเหมือนก าแพงใส เป็ นแก้ว มีกลิ่นหอมยวนใจ อยู่ในถ ้าจะแต่งกายน้อยชิ้ น เพราะอุณหภูมิ อุ่นสบาย แต่ภายนอกถ ้าอุณหภูมิจะเย็นยะเยือก องค์ปู่เทวะนาคพรหม ญาณกับนางพญานาคิณีศรีโคตระก็จะเก็บตัวบ าเพ็ญเพียรเช่นกัน ท่าน แต่งตัวเครื่องทรงกษัตริย์ใส่ชุดเต็มองค์ ทรงชุดสีเขียวหน้าเหมือนองค์ อินทร์มีหนวดนิดๆ ตัวสูงใหญ่หนาบึกบึน พูดเสียงดัง แต่เปี่ยมด้วย เมตตาบารมีส่วนนางพญาณาคินีศรีโคตระทรงชุดสีแดง “เหมือนห้องสมุดมีหลายห้องมาก มีบันไดวน มีหนังสือบันทึก ของคุณถูกลมพัด แอบไปเห็น แล้วเปิดให้อ่าน จริงๆ แล้วหนังสือบันทึก เล่มนี้ คุณปิดตายไปนานแล้วบังเอิญจิตไปแอบเปิดดู”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 61 ท่านว่านารีทิพย์ละสังขารนาค จิตสุดท้ายอยากออกบวช เพราะ เคยจ าแลงแปลงกายเป็ นมนุษย์ขึ้ นมาท าบุญ และมากวาดลานวัดบ่อย จะมาคนเดียว มาตั้งแต่ฟ้าสาง จ าแลงแปลงกายและแต่งกายคล้าย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้น เอาผลไม้ เอาข้าวใส่เต็มกระจาด น ามาถวาย พระ และมานั่งฟังพระเทศน์บ่อย หลังจากนั้นก็กลับลงไปวังบาดาลที่อยู่ ใกล้ที่วัดแห่งนั้น ที่วัดป่ าแห่งนั้นมีพระภิกษุชรา ๑ รูปและสามเณรอีก ๑ รูป อีกภาพที่หนีท่านมาบวชชี ปฏิบัติธรรม และนั่งสมาธิในกระท่อม ถ้าเดินไปเรื่อยๆ ข้างหน้าเป็นบ่อน ้า น ้าใสฉ ่าเย็น “จิตข้างในตอนนั้นจิตสงบไม่อยากได้ใคร่ดีอะไร มีแต่ความสุข ความสงบ ทรัพย์สินเป็ นของคู่ขนานมานานแล้ว อยากร ่าอยากรวย อยากไปท าไม มันหนัก พอวันหนึ่งเราข้ามน ้าข้ามทะเลต้องเอาออก ต้องไปตัวเปล่าข้างทางมีของกินอยู่ทั่วไป เดินไปเก็บกินไป” กัลยณมิตรบอกว่า “ค าพูดเวลาที่คุยกับคุณมันไหลออกมาจากปาก กลับมาถามอีก ก็จ าไม่ได้เพราะไม่ได้ผ่านสมองเหมือนต่อตรง ค าที่พูดสื่อออกมา ไม่มี หรอกที่จะมานั่งประดิดประดอยค าสวยๆ แบบที่บอกคุณไป” พวกนาคาจะจีบหญิงเก่งพูดภาษาดอกไม้พูดเพราะ เมืองล่างจะ เป็ นแบบนี้ ที่ท่านสื่อความลับ + ความรักที่มีต่อเจ้า อยากช่วยเหลือ เกื้ อกูล ได้ร่วมสร้างบุญไปด้วยกัน ไม่อยากไปเป็ นเทวดา อยากมาเกิด เป็นมนุษย์ จะได้มาเจอกัน จะคู่กันหรือไม่ก็แล้วแต่บุญวาสนา อยากร่วม บุญกับเจ้า ท่านมีข้าทาสบริวารมากมาย แต่มาอยู่ในเมืองมนุษย์เหมือน หัวเดียวกระเทียมลีบ มณีใต้น ้าหรือเพชรพญานาคที่ท่านให้เป็ นสีม่วง เข้ม เป็นสีบารมีท่าน เพชรพญานาคก็ขึ้ นอยู่กับจริต บารมีของพญานาค แต่ละตน และได้มาจากส่วนไหนของร่างกายพญานาค บางเม็ด พญานาคหวงเลือกให้เฉพาะคนที่มีบุญสัมพันธ์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 62 “สีม่วง ศักด์ิสิทธ์ิประสิทธ์ิสีแห่งมหาบารมี อ านาจ วาสนาของ เทพผู้ดูแล และคุ้มครอง สีม่วง เจ้าแห่งพลังอันยิ่งใหญ่ เป็ นที่น่าเกรง ขามและเกรงใจของฝ่ ายตรงข้ามและเทพทั้งหลาย มีพลังแห่งเจ้าเทพ สถิตย์ ครอบพลังจักรวาล สีม่วงน่าเกรงขามและป้องกันพวกคุณไสย มนต์ด า เดรัจฉานวิชา สีม่วงนี้ท่านชอบนัก สีโปรดของเจ้า และสีคู่บารมี ของเจ้า สีบารมีของเจ้าคือสีชมภู นาคเพศเมีย เจ้านาคีแห่งใต้เหล้า ม่วง แลว้เลิศฤทธ์ิลว้นนานาพี่เชิญมา มอบใหน้ ้อง ของพี่เอง” สีม่วง แบบนี้ ที่พี่ให้ ด้วยดวงใจ คิดใฝ่ หา ให้ด้วยรูป รอยรัก จิตรักพา มอบเสน่หา มาถึงน้อง ยอดดวงใจ ม่วงประกาย สายใยแห่งรัก แสนชมภู ชอบนัก ขอยึด รักตลอดไป รักอมตะ รักไม่โรยรา รักไม่รู้เสื่อมคลาย รักเป็นนิจนิรันดร นคราปาวาฬนะนาคราช


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 63 บทที่ ๖ น้อมกราบบรมครู ครูบาอาจารย์ที่เปิ ดทางให้ได้เจอ เวลามีเพียงเล็กน้อย เท่าเมล็ดงา เมื่อหายใจออกมา มีอุปสรรคสุดๆ มาขบถโดยเร็วด่วนๆ หายใจเข้าไม่ได้แน่นหน้าอก หรือ ลมตีข้ึนเบ้ืองสงูแรงกลา้ เหลือวิสัยได้จ าใจมรณา เมตตา กรุณา ถ้าขาดอุเบกขาก็เป็ นทุกข์ ภพภูมินาค มีชื่อที่ครูบาอาจารย์ตั้งให้ นับถือใคร สายใคร สีใคร หลานปู่ หลานย่าองค์ไหน เมืองพญานาคมีกฎระเบียบ มียศมีต าแหน่งมี สนมบริวาร เมื่อหมดวาระกรรมหรือละสังขารก็กลายเป็ นหิน ท่านตาม หานารีทิพย์เจอแล้ว ที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไป ท่านชอบวัดวาอาราม ท่าน จะเดินตามมนุษย์ท าไม ไม่ใช่ญาติ ตอนนี้ ท่านอยู่บนเขา จิตผูกติดอยู่กับ คู่ของตน สื่อจิตญาณผ่านญาณทิพย์กัลยาณมิตรคุยกับนารีทิพย์ จูงจิต ไปให้เห็นภาพ “เจ้าฉลาดในทางธรรมใฝ่ ในทางสงบ ทุกภพทุกชาติก็เป็ นแบบ นี้ ” ท่านอยากได้องค์ (อิมซะม่ะ อิมมานะ นะอินะ ปาวาฬนะ อิเม ซัมซ่ะปะนะอ่ะ) ท าเป็ นหุ่นท่านปาวาฬนะ (คะอิงชะ ม่ะด่ะ) ท่านมี หลายภาค ท่านสามารถจ าแลงแปลงกายเป็ นแบบหล่อ ๆ ได้หมด ท่าน ดูองอาจทรนงมาก ดูน่าเกรงขามมาก และมากด้วยอ านาจบารมี “อุตตะระ อุงนะปิ ยัมภะระยัมปราวานะ แต่ต้องถือศาสตราวุธ ด้วย และอีกมือหนึ่งถือลูกแก้ว ศาสตราวุธ คือ คฑาหัวพญานาค ต้อง ทรงเครื่องผ้านุ่งสีม่วงเท่านั้น”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 64 อยากได้หุ่นพญานาคเพื่อมาประดิษฐ์สถาน เพื่อมนุษย์ในโลกจะ ได้รู้จัก และจะกล่าวขานพระนามท่านไปตลอด นั้นคือหนทางเดียวที่ ท่านจะร่วมสร้างอานิสงส์เคียงคู่กับนารีทิพย์ การสร้างทัสสะบารมีใดๆ ท่านก็อยากได้เช่นนั้น เคียงคู่บารมีสร้าง เป็ นหนทางเดียวที่จะเคียงคู่ กับนารีทิพย์ไปตลอด จะจรรโลงสืบสานและปกป้องพระพุทธศาสนา จนกว่าจะถึงยุคแห่งดอกบัวบานของพระศรีอาริยเมตไตรย ตอนอยู่ในถ ้า ทิพย์ก็ไม่ได้คุยกัน การเอาศีรษะซบกันเป็ นการแสดงความรัก มีเวลาอยู่ ด้วยกันน้อยด้วยภาระหน้าที่ อยู่ด้วยกัน ๗ วัน ๗ คืน แล้วก็หายไปเป็ น เดือน นารีทิพย์ชอบบ าเพ็ญเพียรอยู่คนเดียว ชอบปลีกวิเวก สุขเฉพาะที่ ท่านอยู่ จึงเลือกไปปฏิบัติบ าเพ็ญ มีความสุขที่ถาวรกว่าที่จะมานั่งรอ คอย จิตทิพย์จึงละไปในทางสงบคือทางธรรม ลูกก็อยู่กับพ่อแม่และพี่ เลี้ ยง การแต่งงานเพราะพ่อแม่สัญญากันไว้ตั้งแต่เกิด แต่งงานเพราะ หน้าที่ ท่านรักจริง ทั้งรักและภักดี แต่อย่าถามถึงความซื่อสัตย์ท่านให้ ไม่ได้เพราะมันเป็นภาระหน้าที่ เครื่องบรรณาการ สนมบริวารส่งมาต้อง รับ ถ้าไม่รับเหมือนเราไม่ให้เกียรติเขา อันว่าพระยา จะมีสาวงามแค่นางเดียวหาไม่ จะปฏิเสธแล้วไซร์ มิเกิดผล ต้องยอมรับ เพราะหน้าที่ในบันดล แต่ดวงใจ นั้นไซร์ได้ยก ให้เพียงแต่นางเดียว ตอนนี้ ยกเลิกระบบแบบนี้ แล้ว ตั้งแต่เจ้าจากมา ท่านจ าแลงเป็ น มานพน้อยมาขอค าสัตย์จากปากท่านท าผิดที่ดูแลไม่ได้ท่านไม่รู้หรอกว่า โลกมนุษย์เปลี่ยนแปลงอย่างไร อยู่ใต้บาดาลตลอด นานๆ ออกมาที ขึ้ นมาเมืองมนุษย์ก็เพื่อตามหาดวงจิตเจ้า ท่านสายสีแดงสายนักรบ สาย


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 65 ศรีสัตตะนาคราชตระกูลสีแดงเป็นญาติกันหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเกิด เป็นมนุษย์ ทุกภพทุกชาติก็เกิดเป็นพญานาค เกิดเป็นกษัตริย์ถ้าหายไป ใครจะเป็ นกษัตริย์ดูแลบ้านเมือง ท่านรักและภักดีมากไม่งั้นไม่ตามหา หลายภพหลายชาติ “ตามกันมาทุกภพทุกชาติเจ้าใฝ่ ดีใฝ่ ทางสงบ ท่านมีหน้าที่ดูแล บ้านเมือง” น้อมกราบหลวงปู่ ที่เป็ นสะพานบุญให้ได้ตามหากันเจอ ท่าน จ าแลงแปลงกายมาอยู่ที่วัด แห่งที่เจ้าไปสร้างพญานาค เพราะพี่เลี้ ยง บอกว่าเจ้านางชอบมาที่นี่ มานั่งที่ท่าน ้านี้ ขึ้ นมาที่นี่ก่อนแล้วหายไป น ้า ก็แห้งขอด มันมีสัญญาณบอกก่อนที่จะหายไป เจ้าจะมีอาการร้อนรุ่มใน ใจ ท่านเข้าใกล้ไม่ได้ เจ้าร้องไห้กอดลูกทุกวัน ร้องไห้แต่ไม่พูดอะไร ท่านก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ท าไม หลังจากนั้นก็หายไปในถ ้า พอท่านไปเจออีก ครั้งก็กลายเป็ นหินแล้ว ท่านเสียใจมาก ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน ตอนนี้ ลูกๆ ก็โตเป็ นหนุ่มเป็ นสาวแล้ว ผู้หญิงสายสีแดงฝึกการต่อสู้ กายทิพย์ หน้าตาคล้ายนารีทิพย์ จมูกโด่ง สวยคม นิสัยไม่ค่อยพูด ดูไว้ตัว ชอบ การต่อสู้ รบเก่ง ลูกชายอยู่กับปู่ ย่า กายทิพย์เป็ นบุรุษผิวคล ้า หน้าตา หล่อคมเข้ม กายสังขารพญานาคสีแดงปนเขียวมีนิสัยอ่อนโยนเหมือน นารีทิพย์ดูภูมิฐาน ใจดีสุภาพเรียบร้อย ผู้ชายโตกว่าผู้หญิง ท่านบอกว่า ไม่ต้องห่วงทั้งคู่อยู่ในผ้าเหลืองคือ มีครูบาอาจารย์ที่อยู่ใต้ร่มผ้ากา สาวพัตส์ดูแล ท่านให้พวกเขาเลือกเอง แล้วแต่พวกเขา เพราะก่อนละ สังขารท่านก็ได้สั่งเสียแล้วพูดคุยกันแล้ว ก่อนที่จะละสังขารนาคตาม รอยสายภูริทัต ตอนที่เจ้าบวชอยู่คนเดียวในป่ า อยู่ในถ ้าและมาปักกรดที่ภูเขา ทุกคนที่เกี่ยวข้องกันในภพปัจจุบันของเจ้า เคยเอาอาหารมาถวาย ตอนนี้ถึงเวลาเราต้องดูแลเขา เขาเป็ นผู้หญิงแก่ เอาข้าวสาร เอากล้วย


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 66 เขาแบกกล้วยเป็นเครือขึ้ นมาให้เจ้า เขามาดูแลยามเจ็บยามไข้ มีมิตรจิต มิตรใจต่อกัน ก่อนสิ้ นก็อยากตอบแทนกลุ่มญาติโยม ใจของเขาก็อยาก ปฏิบัติ แต่เขามีวิบากกรรม วิบากกรรมของเขาคือ ความอยากมี อยาก ได้ ต้องเลี้ ยงดูลูกหลาน ปัจจุบันปู่ มาช่วยคนแก้กรรม เคยสัญญามีเหตุ ต้องท า ก่อนที่เจ้าจะละสังขารได้ก าหนดจิต ใครที่เคยช่วยแผ่เมตตาจิต ให้เขา “อธิษฐานจิตใครที่ผลักดันข้าพเจ้าข้ามไป จากการเวียนว่ายตาย เกิด ถ้าต้องมาเวียนว่ายตายเกิด จะมาตอบแทน” ภพชาติเป็ นแม่ชี เจ้าบวชตั้งแต่เล็กใส่ชุดขาวนั่งสมาธิ เพราะละ จากภพภูมินาคจิตสุดท้ายอยากบวช กายทิพย์นารีทิพย์ผมยาวใส่ชุดขาว กายทิพย์แม่ชีตัวเล็ก ท่านรอให้เราครบองค์ ๓ ปัญญาเกิดได้ตระหนักรู้ หมดวาระก็ต้องไป ให้อยู่กับปัจจุบัน ***** ช่างที่วาดภาพบอกว่า พลังแรงมาก เลยต้องรีบขึ้ นครูก่อนที่จะ วาด ภาพมีบารมีมาก แต่ก็เศร้ามาก ภาพจะวางตามต าแหน่งพลังดีต่อ ภาพ ภาพบารมีสูงมาก ท่านองค์คู่อยากให้วาดคู่ ท่านจะได้ลงญาณให้ เต็มในพระรูปลักษณ์ท่าน ท่านสื่อชัดมาก ว่าต้องวาด “พี่มีคุณธรรม พี่จะใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งที่เหมาะสม รู้คุณค่า ของค่าครูเพราะโชควาสนาใหญ่รอพี่อยู่ พี่จึงต้องเปิ ดบารมี พี่มีจิตใจที่ มนั่คง และบริสุทธ์ิยอ่มสมปรารถนาทุกประการ พี่อย่าละปฏิบตัิปฏิบตัิ ให้มากๆ สมาธิพี่เน้นไปทางเมตตา พี่ท าบุญและสวดมนต์เก่ง แต่ท่าน ของพี่สูงกว่านั้น ท่านอยากให้พี่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ค่อยๆ สะสม ท่านฝากกลอนมาให้”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 67 พระนางงาม ตามแล ไม่ห่างเว้น อย่างที่เป็น ตอนชิดพิสมัย ปัจจุบันภพ หลบเร้นให้ห่างไกล จากกันไปแสนนานยังคงรอ.. ท่านว่าภพภูมิทิพย์พูดเพราะ พูดภาษาดอกไม้ ค าพูดก็เหมือน บทกลอน นิมิตวาด ภาพน้อง และภาพพี่ ดูสวยงาม แลดี หาที่ไหน เราทั้งสอง ประคองรัก ภพชาติใด ภพไหนๆ มีแต่เรา เฝ้าตามเอย บทท้ายความ ของพี่ ต่อแต่นี้ จะจงรกัภกัด์ิดีมิแปรผนั งามอนงค์ นวยนาถ ในวาดนั้น ขอจอมขวัญ จงไว้ใจ ดวงฤทัยพี่เอย น้อมบูชาในความรักของเหล่าพญานาคราชทั้งหลาย ที่มีต่อคู่ ของตน ไม่ว่าจะอยู่คนละภพละภูมิก็ยังตามหากันจนเจอ เมื่อได้เจอกัน แล้วก็สานต่อบุญกุศลไปด้วยกัน จนกว่าสังขารจะละไป และหลุดพ้นไป จากวัฏสงสารไปด้วยกัน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า การหลุดพ้น ไม่ได้ท าให้ความรักหายไป หากมีคู่แท้จะยิ่งรักมากขึ้ นเป็ นความรัก ความเมตตาต่อกัน เป็ นความรักที่ไม่มีเสน่หาราคะเจือปน ซึ่งความรู้สึก เสน่หาแบบโลกจะคลายตัวไปเรื่อยๆ จิตมีแต่ความรัก ความเมตตา


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 68 อยากให้ผู้ที่รัก พ้นทุกข์ จากคู่เสน่หากลายเป็ นคู่บุญ ความรักไม่ใช่ ความผิด แต่การมีความอาลัยรัก มันเป็ นเครื่องผูกมัดจิตไว้ กับ วัฏสงสาร รักของโลกียะล้วนเป็นความรักที่เต็มไปด้วยเสน่หา ราคะ คร ่า ครวญ โหยหา สุดท้ายจบด้วยการพลัดพรากจากกันไม่ว่าจากเป็ นหรือ จากตาย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพิ่มความทุกข์อย่างไม่มีวันสิ้ นสุด คนทั้งโลก ถูกมัดไว้ด้วยอารมณ์รัก ไม่ว่าจะเป็ นรักพ่อรักแม่รักลูกซึ่งมีพลังยึด เหนี่ยวสูงมาก ดังที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา ปู่ ย่าตายายรักลูกรักหลานเอา จิตไปยึดเอาไว้ พอตายไปก็มาเกิดใกล้ตระกูลวนเวียนอยู่แบบนี้ เวียน เกิดเวียนตายในโลก ไม่ว่าในอดีตภพหรือปัจจุบันภพ การพบเจอกันนั้น ก็เป็ นเรื่องของบุญกรรม สายใยกรรมที่ท าร่วมกันมา เมื่อได้เกิดมาแล้ว เราควรน้อมหลักค าสอนของพระพุทธองค์เป็นธรรมน าใจน าทางชีวิต ใน การด าเนินชีวิต ขัดเกลากิเลสของตน เพื่อเราจะได้เจริญทั้งทางโลกและ ทางธรรม รู้โลกแต่ไม่รู้ธรรมก็วนกลับมาที่เดิมหรือก้าวถอยหลังเพราะรู้ โลกศึกษาเพียงด้านเดียวท าให้เกิดอัตตาสูง ฉะนั้นเราต้องศึกษาทั้งสอง ด้านให้สมดุลทั้งทางโลกและทางธรรมมาปรับใช้ในการด าเนินชีวิต หลวงปู่ สอนว่าเหตุที่คนเราได้มาพบกันในปัจจุบัน ในอดีตที่ไม่ เคย เนื่องถึงกันมานั้นไม่มี อย่างน้อยๆ ต้องมีฐานะใด ฐานะหนึ่ง ที่สืบ เนืองถึงกัน อาจจะเป็ นคนในครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่ลูกภรรยา หรือไม่ก็ครูบาอาจารย์ ศิษย์หรือเพื่อนฝูงมิตรสหาย จะต้องมีลักษณะ ใดลักษณะหนึ่ง เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสได้เจอกัน เหมือนสายบุญ สายเทพ สายปู่ ฤาษี และสายญาณพญานาค ทุกองค์พญานาคหรือทุกสายญาณ ที่มาเพื่อสร้างบุญสร้างบารมีในภพภูมิมนุษย์ ถือเป็ นสร้างบุญ สร้างศีล สร้างธรรมและปกป้องพุทธศาสนา กัลยาณมิตรที่มาร่วมบุญกันในแต่ ละครั้ง พวกเราอาจจะได้เจอกันมาแล้วในอดีตภพ เมื่อมาเจอกันอีกครั้ง ก็เป็ นสะพานสานต่อบุญกุศลกันไป บุญเป็ นเครื่องกรองกิเลส ที่เต็มอยู่


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 69 ในจิตใจออกไปเพื่อให้ใจสะอาด ปราศจากความรัก โลภ โกรธ หลง บุญ เป็ นสิ่งที่ดี ท าลงไป แล้วใจสะอาดจิตใจผ่องใส และเบิกบาน พ่อแม่ครู บาอาจารย์ให้สังเกตอย่างนี้ อย่าเอาใจตนเป็ นเครื่องวัด เอาค าสอนของ พระพุทธเจ้าเป็ นเครื่องวัด สิ่งใดที่ท าด้วยกายหรือวาจา หรือนึกคิดด้วย ใจ ถ้าหากไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น อันนั้นแหละเรียกว่า บุญ หัวใจ ส าคัญของบุญจึงอยู่ที่การลด ละ เลิก กิเลส ตัณหาในใจ ให้ได้ ด้วย ปัญญาพินิจพิเคราะห์เพื่อยังประโยชน์ให้เกิดทั้งใน ใจตนและผู้อื่น หลวงปู่ สอนบุญคือความสุข ท าแล้วทุกข์อย่าท า ***** ณ สถานการณ์ปัจจุบัน เกิดโรคระบาดไปทั่วโลก ทุกคนเผชิญ กับปัญหาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตกันทุกคน แต่ให้พวกเรามีสติรู้ใน ปัจจุบัน อะไรที่มันเกิดขึ้ นเหนือการควบคุม เราต้องปรับตัวและเรียนรู้ กับวิกฤติปัญหา ท่านให้เราอยู่ในกรอบแห่งศีล แห่งธรรม สมาธิ และ ปัญญา ซึ่งกรอบเหล่านี้ จะช่วยเป็ นเกราะป้องกันจิตไว้ฝึกฝนจิตไว้ท า ความดีเข้าไว้มีอะไรที่เราพอช่วยได้ เราก็ช่วยเหลือกันไป การฝึกจิตให้ จิตเข้มแข็งท าให้มีภูมิต้านทานทางจิตใจ เหมือนมีก าแพงกั้น เจอแรง กระแทกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังคงมั่นคงแข็งแรง ถ้าจิตใจอ่อนแอคือจิตที่ไม่ เข้มแข็ง จิตก็ไม่มีพลังเจอแรงกระแทกจิตนิดหน่อยก็เซก็ส่าย หลวงปู่ มั่น ท่านให้โอวาทธรรมว่า ศีล คือ ยาปราบโรค ศีล คือรั้วกั้นความ เบียดเบียน สมบัติร่างกายจิตใจของกันและกัน ศีลคือพืชพรรณแห่ง ความดี อันยอดเยี่ยมที่เราควรมีประจ าชาติมนุษย์ ไม่ปล่อยให้สูญ หายไป ศีลจึงเปรียบเสมือนยาปราบโรค ทั้งโรคระบาดและเรื้ อรัง ศีลคือ เจตนา คือข้อปฏิบัติตนขั้นพื้ นฐาน ในทางพุทธศาสนา เพื่อควบคุม


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 70 ความประพฤติทางกาย และวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงาม ไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน ในเมื่อศีลคือ เจตนาดี เพราะฉะนั้นคนเราก็ควรที่จะรักษา ศีล โดยเริ่มง่ายๆ ที่ศีล ๕ เมื่อจิตเราครองในในศีลเราก็ไม่เบียดเบียน กันและกัน ตอนนี้ เชื้ อโรคก็เหมือนคลื่นสึนามิ ที่ก าลังม้วนตัว มวลมนุษย์อยู่ ใจกลางคลื่น หมุนไปตามแรงคลื่นพัด พัดมาเกยฝั่ง คนที่อยู่พื้ นที่สูงก็ ปลอดภัย โรคชนิดมันมากับลม ให้อยู่ในที่ที่คนไม่หนาแน่น มีอากาศ ถ่ายเท จุดที่ลมเข้าไม่ถึงมันก็เกิดการเพาะเชื้ อ เราอย่าไปโทษใคร โรค มันหมุนไปตามลม ปู่ ให้ท าตัวให้เป็นเกลือหนัก หรือเกลือเม็ดใหญ่ อย่า เป็ นเกลือเบาหรือเกลือเม็ดเล็กที่อยู่ในขวด เพราะเวลาเขาเขย่าขวด เกลือเม็ดเล็กก็กระเด็นออกมานอกขวด คือพวกที่ตื่นตระหนกจนขาดสติ การเกิดภัยพิบัติโรคโควิคระบาด ท าให้เราเห็นขาวกับด าชัดเจน จะไม่มี เทาอยู่ระหว่างกลาง เห็นจิตยักษ์จิตพญามาร คือ จิตของคนที่หา ผลประโยชน์บนความยากล าบากของคนอื่น กักตุนหน้ากาก กักตุน สินค้าข้าวของอุปโภคบริโภค ไข่ไก่มีราคาแพงอย่างน่าตกใจ กิจการ เล็กๆ เหมือนต้นกล้าจะค่อยๆ ปิ ดตัวลง รากแก้วของต้นไม้ใหญ่ ฐาน มั่นคงเปรียบเหมือนธุรกิจที่มีสายป่านยาวไกล การท ามาหากินก็มั่นคง ได้รับผลกระทบไม่มาก มนุษย์ถ้าจิตตกเป็ นจิตที่ไม่มีก าลัง ให้ถ่ายเทกระจายทุกข์ พูด หรือระบายออกมา อย่าคิดเผื่ออนาคตมากไปให้อยู่กับปัจจุบัน พระสาย ปฏิบัติท่านคิดไม่เยอะ เมื่อจิตรวมเป็ นหนึ่งแล้ว ส่วนมากก าหนดจิตคุย กัน แต่มนุษย์มักจะมีเงื่อนไขเสมอ ไม่เข้าใจการใช้ชีวิต ไม่ฝึกจิต จิตเลย ไม่มีพลัง เจอแรงกระทบจิตนิดหน่อยก็เซก็ส่าย ก็เหมือนปัญหาที่เกิดขึ้ น บางทีเหมือนเส้นผมบังภูเขา ถ้าจิตมีก าลังมีสติก ากับเกิดปัญญาตื่นรู้ ก็ สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้ นได้ ท าจิตให้เป็นไข่เต็มลูก ไม่ใช่โดนัทที่กลวง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 71 อยู่ด้านในเป็ นลักษณะของจิตตก มันไม่เต็ม ให้นั่งสมาธิเติมเต็มไส้ใน เติมฐานจิตให้แน่น ให้มีพลังศรัทธา เมตตาจิต ให้เป็ นไข่ที่เต็มแล้ว ไม่ ว่าเป็ นไข่นกระทา ไข่ไก่ ไข่เป็ ด ไข่ห่าน จิตเติมเต็มจิตมีพลัง การเงินก็ เติมเต็ม ครูบาอาจารย์ท่านสอนเสมอ เรื่องจิต ถ้าเอาจิตไปเกี่ยวข้องกับ ทางโลกมากเกินไป ในบางครั้งก็ลืมตัวไป มีความประมาทและขาดสติ หละหลวมกับการประคองจิตให้อยู่ในทางธรรม ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปเกิน กรรม การฝึกจิตฝึกใจให้อยู่ในครรลองครองธรรม และปฏิบัติเข้าถึงตัว ถึงตนที่แท้จริงนั่นคือ จิตเราใจของเรานั่นแหละ ไม่ต้องไปฝึกตามใคร ท าตามใครหรอก ฟังได้แต่ต้องฟังแบบมีองค์สติ องค์รอบรู้ แต่การ ฝึกฝนที่แท้จริง ต้องน้อมน าเอาค าสอนจากพุทธโอวาทมาน้อมน า ใน การลงมือท าเอง ปฏิบัติเองเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่า เราเชื่อและมีพลัง ศรัทธาในหลักธรรมค าสั่งสอน ของพระพุทธองค์ ปู่ สอนว่าอย่าหลงในจิตตน จิตมนุษย์มี ๓ ระดับ จิตจากกาย หยาบ จิตจากจิตอันเป็นทิพย์ และจิตมโน วิบากกรรมให้อ านาจเหนือจิต มนุษย์ คือคนที่แยกความผิดชอบ ชั่วดีไม่ได้ เหมือนขนมชั้น มี ๓ ชั้น กายจิตสะสมมาจากความคิด พลังจากจิต จิตกายหยาบ จิตเป็ นทิพย์มี พลังจิตเป็ นแสง เป็ นจิตดี อธิษฐานจิตต่อตรงครูบาอาจารย์ จิตบอก ความฝัน จิตซ้อนจิต จิตใต้ส านึกที่เราฝัน จิตขาว เทา ด า จิตหยาบมา จากกิเลสพอกจนหนา ต้องขัดเกลา จิตดีสวรรค์ผ่านง่าย มโนจิตก็คืออี โก้ แยกจิตเป็ น ๓ ชั้น จิตที่เกิดการเลี้ ยงดูจากธรรมชาติ กายเนื้ อ ปัจจุบันของเรา อย่างเราอยู่วัดไหนไม่สบาย สุดท้ายของดีก็อยู่ที่บ้าน กลับมาหาของเดิมคือกลับมาดูจิตมาข้างในจิตตน เพราะที่ผ่านมา วนเวียนวิ่งไล่จับกิเลส ต้องเดินทางสายกลาง บางคนหลงพระ หลงบุญ เนื้ อหอม วิ่งตามเจริญในบุญ บางคนก็ไม่เติมบุญกลับเบิกบุญเก่ามาใช้


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 72 จนเกลี้ ยง ธาตุไฟเข้าแทรกจิตก็ตก เหมือนคนนั่งอยู่ในเรือ แล้ววิดน ้า ออก จนน ้าแห้ง จนกระทั่งเราเหนื่อยและหิวน ้า แล้วจะหาน ้าที่ไหนมา ดื่มกิน เททิ้ งจนหมดเหลือหยดสุดท้าย มองซ้าย มองขวา มองหาน ้าบ่อ หน้า เหลือน ้าปริมอก แต่วิดทิ้ งจนเกลี้ ยง เบิกบุญเก่ามาใช้หมด บุญ ใหม่ก็ไม่สร้าง ถ้าเราอยู่ในอุโมงค์แล้วจะเอาน ้าที่ไหนดื่มกิน คนเราท า อะไร ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดต้องเติมบุญไปเรื่อยๆ เพื่อเป็ นเสบียงบุญใน การเดินทางอันยาวไกลในวัฏสงสาร มนุษย์ให้รู้จักกรรม กรรมคือการกระท า รู้ผิด รู้ชอบ ด้วยตัวเอง เป็ นมนุษย์ต้องสร้างปัจจัย ๔ ด้วยตนเอง ให้หัดเปรียบเทียบในทาง ธรรม เช่นในเรื่องทัศนคติ พระบางรูปอยู่วัดเดียวกัน ทัศนคติไม่ เหมือนกันก็มี มนุษย์ที่ยังมีกิเลสก็เหมือนกัน ย่อมมีความคิดเห็นที่ไม่ ตรงกัน ให้กลับมาดูจิตของตนเอง ให้ละความเป็ นตัวเราของเรา ละสิ่ง สมมุติต่างๆ แล้วเราจะไม่ทุกข์ โลกมนุษย์มีทุนชีวิตมาจากอดีตที่เคยท า เอาไว้คือบุญกุศลที่เคยท าเอาไว้ ที่ตามติดเราไปทุกภพทุกชาติ ชาติภพ ไม่เกี่ยวเพราะกรรมจ าแนกสัตว์ให้แตกต่างกัน ปัจจุบันให้เริ่มต้นใหม่ อดีตมันผ่านไปแล้ว มันจะเกิดอะไรใน ปัจจุบัน ก็ก าหนดจิตให้รู้เท่าทัน วิบากกรรมต่างๆ ไม่เอาจิตไปจับ วาง จิต เดินตามทางจิต จิตข้างใน คือ ตาที่สาม ตาที่ตื่นรู้ ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบจักระทั้ง ๗ เปิ ดหมด จักระคือการเชื่อมต่อบุคคลกับพลังงาน จักรวาล ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติมาก จิตเปิดหมด อย่างมนุษย์เราไม่ เปิ ดก็บวม เพราะหมักหมมไปด้วย โมหะจริตที่ไม่ได้ระบายออก การ ระบายออก คือ การแผ่เมตตา พูดออกมาแต่ต้องกลั่นกรองในค าพูด พระปฏิบัติท่านปิ ดวาจาไม่พูด เพราะท่านหวังมรรคผล นิโรช ได้สร้าง บุญ อย่ามีค าถามกับชีวิตมาก รู้แจ้ง รู้ผิด รู้ชอบ มนุษย์อยู่เหนือวงโคจร อยู่ภายใต้เวลา กฎแรงดึงดูด ศูนย์กลางจักรวาล พลังมิติ แต่ละคนมี


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 73 พลังจักรวาลไม่เท่ากัน อยู่ที่ฐานบุญ การกระท า ที่มองเห็นและมองไม่ เห็น วาสนาบารมีไม่เท่ากัน จึงมองเห็นไม่เหมือนกัน ศาสนาพุทธมีค า สอนเป็ นสากล นอกกรอบของศาสนาคือ ผลการกระท า โลกคือคนหมู่ มากที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ให้เราเน้นไปสร้างพลังงานด้านบวก คือบุญกุศล ความดีใช้จิตคิดแต่สิ่งดีๆ ไม่เอาความทุกข์เข้ามา มีทัศนคติที่ดีต่อการ กระท าต่างๆ ท าอะไร ถ้าตั้งใจไว้แล้ว คิดดีแล้ว ท าแล้วตนเองไม่ เดือดร้อน คนอื่นไม่เดือนร้อนให้ท าไปเลย ท าไปปราศจากเงื่อนไขหรือ ข้อจ ากัด เหมือนเราจะนั่งสมาธิปักหลักนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น แต่บาง คนเงื่อนไขเยอะ ติโน่นตินี้ เงื่อนไขเยอะไปจนเกิดความกลัวเลยไม่ได้เริ่ม อะไรสักที บุญเป็ นพลังงานบวก พลังงานดีพลังงานที่บริสุทธ์ิคือพลัง ธรรมะ พลังจิตวิญญาณเริ่มแข็งแสดงว่าเดินมาถูกทางแล้ว อะไรที่หนัก แบกไว้ก็ทุกข์ วางลงก็เบา บางคนเข้าใจ รู้วิธีปฏิบัติแบบไหน ปฏิบัติเป็ น เข้าในศาสตร์แห่งความอุดมจิตวิญญาณการเงินการทอง หลุดพ้นจาก ทุกข์ ตอบแทนในการเงินการทอง จิตวิญญาณที่ฝึกมาดีสิ่งดี ๆ ที่เรา สื่อสารออกไป ศรัทธาด้วยความเต็มใจ จะให้คุณ พลังงานจะพัฒนาขึ้ น เป็ นก าลังสร้างความอุดมสมบูรณ์ จะดึงดูดพร ต่างๆ ไม่รู้จบ ด้วย พลังงานแห่งความดี ให้พูดดี คิดดีท าดีเกิดรังสีบวก พลังงานบวก เพราะคนที่มีพลังบวกมากจะมีแต่ความเย็นที่แผ่ออกมา คนอยู่ใกล้ก็เย็น อกเย็นใจ ไปที่ไหนมีแต่สิ่งดีๆ รองรับ ถ้าเขาไม่สามารถติดต่อหาคนช่วย ได้ก็มีสิ่งที่เกิดขึ้ นอย่างอัศจรรย์ที่เรียกว่าธรรมะจัดสรร แต่ถ้าคิดลบ พูด ลบ รังสีก็ติดลบ พลังลบเกิดแรงผลักดันไม่ให้เป็ นจริง ความคิดคือสิ่งที่ มองไม่เห็น แต่การกระท าเราสามารถมองเห็นได้จึงต้องมีสติก ากับ การที่จะท าอะไรที่เป็ นสิ่งถูกต้องก็ท าให้เต็มที่ จะเป็ นวิธีแก้จิตข้างใน ยอมรับแบบยิ้ มสู้อย่าฝืน หรือไม่ได้ยิ้ มสู้แต่น้อมรับ พลังด้านมืด พลัง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 74 ติดลบ เพราะมนุษย์ที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมมีพลังติดลบ แต่ค่อยๆ ฝึกจิตขัด เกลา บาปความไม่ดีเป็ นพลังลบให้เบาบาง คนที่ยึดติดอะไรมากๆ จะ แก่เร็ว ไม่มีคนช่วย แต่คนที่บรรลุ แล้วปล่อยวาง วางทุกอย่าง วางวัย คนที่ปฏิบัติสงบภายใน ดูใบหน้าอ่อนวัย เพราะมีความสุขภายในมัน ส่งผลร่างกายภายนอก ช่วงที่เกิดภัยวิกฤติปัญหาต่างๆ ท่านให้ถือโอกาสนี้ เป็ นช่วงฝึก จิต ถ้าไปไหนไม่ได้ก็ท าบ้านให้เป็ นวัด บวชจิตอยู่ที่บ้าน เพราะทุกคน ได้รับผลกระทบเหมือน ก็ให้คิดว่า เรามีอาชีพขุดเผือก ขุดมันกิน ได้เก็บ กินในระหว่างทาง มันงอกเงยขึ้ นมาทีหัวสองหัว ก็อยู่เลี้ ยงชีพไปได้ เรา ไม่ใช่พวกที่มีต้นส้มที่ปลูกไว้เป็ นสวน ที่พอมันออกลูกก็ได้เก็บกิน ผลผลิต แต่พอเกิดโรคในสวน หรือว่าน ้าท่วม ต้นส้มตายหมด กว่าฟื้ นฟู เริ่มต้นปลูกต้นมาใหม่ก็ใช้เวลานาน สวนส้มเปรียบเหมือนอาชีพธุรกิจที่ มีกิจการใหญ่ๆ ที่มีลูกจ้างเป็นจ านวนมากอาชีพแบบนี้ จะฟื้ นยาก กว่าจะ ฟื้ นได้ก็ต้องลงทุนใหม่อีกครั้ง ก็ใช้เวลานาน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 75 บทที่ ๗ เมื่อบุญสัมพันธ์ธรรมะจัดสรร สาธุจงจดจ า ค าพี่ไว้ เจ้าจะอยู่ภพใด ให้นึกถึง พระน้องนาง กัลยาแก้ว โปรดค านึง ให้ระลึกถึงพี่ จักดีใจ หากแม้นว่า ฟ้าล่มสลาย ไม่คลายรัก จักถนอม เฝ้าฟอมฟัก ไม่จากหาย จักคอยเฝ้า ติดตาม หาทรามวัย จะไม่ให้ ร้างไกลใจ ไปนิรันดร์ ธรรมะจากภพภูมิทิพย์ ขอน้อมน าค าสอน พระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ที่ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ เปิ ดเผยไว้แล้ว อนึ่ง อันว่า ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นต้น เหล่านี้ ไม่ใช่เป็ นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย เรื่องทุกข์ จิต ทุกข์ใจ นานา อเนกเพิ่มเข้าอีกเล่า ก็ยิ่งเป็ นเรื่องใหญ่โตขึ้ นอีก หา ประมาณไม่ได้เมื่อยังไม่มีญาณ อันถ่องแท้ว่า พ้นทุกข์ในสงสาร จะ ส าคัญตัวว่า เป็นสุขสักเพียงใดก็ตาม ก็เป็นเรื่องโกหกพกลม ท่านอยากเดินตามรอยเท้า องค์พระสัมมา อยากอยู่อีกโลก การ เวียนว่ายคือความไม่จริง เจอแต่กิเลส ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเยอะ พอแล้ว อยากสงบ หากันเจอแล้วไม่ต้องเดินต่อ ที่ผ่านมาตามหาอยู่สองคนให้ เป็นสะพานบุญ เพื่อสื่อสารกับท่านได้ ตอนนี้ ได้เจอแล้ว เข้าใจกุศโลบาย ที่ให้น ารูปปั้นเทพนาคาไว้ที่สูงบนเขา พอมองโลกแล้วล้วนเป็ นโลก สมมุติท่านอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า ดวงตาเห็นธรรมแล้ว อยากบ าเพ็ญ รัก ผูกพันมากแค่ไหน สุดท้ายก็อยู่โดดเดี่ยว เกิดมาคนเดียวพอตายก็ไปคน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 76 เดียวไม่มีใครตามไปด้วยได้ เดินเข้าถ ้าขอบ าเพ็ญเพียรเห็นแสงธรรม แล้ว เพราะวุ่นวาย ไม่ท าก็ไม่หลุด พอเห็นแสงพระธรรมขององค์พระ สัมมาก็ละสังขารนาค ภพภูมิพญานาคก็เป็ นโลกียสัตว์ ที่ยังติดอยู่ในกิเลสของความ หลง ติดอยู่ในสุขนิยม เลยถูกความหลงครอบครองจิตใจ ได้เห็นแสง ธรรมของพระพุทธองค์เกิดปัญญาแห่งการตื่นรู้เลยต้องหาทางดับความ หลง ค่อยๆ ดับความหลง ไล่ความมืดมัวออกไป เพิ่มความสว่างให้มาก ขึ้ น ความมืดสลัวก็หายไปเอง เพราะฉะนั้นจึงจ าเป็ นต้องรู้ธรรมชาติ รู้ นิสัย รู้อุบายของตัวหลง แต่ถ้าเราไม่รู้ธรรมชาติ ไม่รู้นิสัย ไม่รู้อุบาย เรา ก็อาจ จะโดนตัวหลงเล่นงาน ส่วนตัวรู้ที่เป็ นของเก่าก็หดหายไป เพราะ ถูกตัวหลงเข้ามาครอบง า มันคอยชักน าอกุศลธรรมให้มาครอบง าใจเรา เกิดความโกรธ ความเศร้า มันครอบง าใจ นาคจึงเข้าบ าเพ็ญตบะ เพียร ละความหลงเพื่อที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ “พญานาคมีอิทธิฤทธ์ิมาก” พญานาคมีฤทธ์ิมากก็จริง แต่บวชไม่ได้พน้ทุกขไ์ม่ได้ไม่เหมือน มนุษย์ มนุษย์สร้างบุญใหญ่ก็ได้ไปสวรรค์ชั้นสูง ไปแดนนิพพานได้ แสน ประเสริฐยิ่งนัก การได้เกิดเป็ นมนุษย์นั่นโชคดีที่สุดแล้ว แต่ก็มีมนุษย์ มากมายหลายท่านที่ไม่รู้ว่าตนนั้นโชคดี ปู่ บอกว่าการบ าเพ็ญเพียรใน นาคพิภพ ถือประทีปโคมไฟเดินจงกรม ก่อนที่เข้าฌานสมาธิ เวลา หลับตาต้องส ารวมจิตไว้ในลูกแก้วทิพย์ประจ าตัว เดินจงกรมมีโคม ประทีปน าทาง น้อมจิตถึงพระพุทธองค์เป็นการต่อประทีป ระยะเวลาใน การบ าเพ็ญเพียร แล้วแต่จะก าหนดจิต คนที่บ าเพ็ญจะรู้สึกไม่นาน แต่ คนที่รอจะรู้สึกนานมาก สายนารีทิพย์ไม่เดินแต่จะนั่งบ าเพ็ญเพียร จิต มุ่งมั่นตั้งแต่ต้นเพื่อบ าเพ็ญญาณสมาบัติ นาคบางตนเข้าบ าเพ็ญญาณ เพื่อรักษาโรค รักษาความเจ็บปวด นาคบางเหล่าก็รักษาญาณสมาบัติ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 77 เพื่อแก้กรรมถ้านิมิตเห็นกรรม เหล่านาคจะบ าเพ็ญเพียรในคืนวันเพ็ญ หรือวันพระในเมืองมนุษย์ ภพภูมิท่านก าหนดตามดอกบัว ตาม พระจันทร์ ปู่ เป็ นคนก าหนดระบุวัน ว่าจะท าอะไรกี่โมงกี่ยาม พิธีกรรม กรรมฐาน ภพภูมิทิพย์มีพลังจิตสูง มีจิตอันเป็นทิพย์ ส่งกระแสจิตถึงกัน เหมือนคลื่นกระแสพลังงานเดียว ถ้าอีกสามวันถึงเวลาทุกคนก็แต่งตัวนุ่ง ขาวไปรอ “ภพภูมินาคก็เหมือนภพภูมิมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์” นาคบางเผ่าก็กินเนื้ อ เข้าฌาณบ าเพ็ญเพื่อสะกดความอยาก นาคก็เป็ นสัตว์โลกธรรม ที่ยังมีรัก โกรธ หลงอยู่ งานหลักคือ การ บ าเพ็ญเพียร แล้วแต่บ้านที่บ าเพ็ญ เขาจะรู้ด้วยวาระกรรม พญานาคมี กิเลสจะดับได้ง่ายกว่ามนุษย์ นาคแต่ละตนมีฌานสมาธิไม่เท่ากัน ขึ้ นอยู่ กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ชอบแสวงหาความสงบด้วยตัวเอง เพราะถือว่า ตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน ถ้านาคตนไหนท าผิดก็ร้อนถึงครูบาอาจารย์ปู่ จะมา สอนเอง แต่ไม่ได้จับมือสอนแบบมนุษย์ นาคทุกตนรู้ได้เอง ส านึกได้เอง มนุษย์เมื่อถึงอายุครบเกณฑ์ก็เข้าโรงเรียน ภพภูมินาคก็เช่นกัน นาคเมื่อถึงอายุครบก าหนดก็จะเข้าบ าเพ็ญ พออายุเจ็ดปี ตามภพมนุษย์ แต่อายุนาคต่างกัน ปู่ ก็จะมาแนะแนวทาง มีครูบาอาจารย์ช่วยเหลือ เพราะตอนที่เกิดองค์ปู่ ที่เป็ นต้นสายหรือต้นตระกูลจะลงรับเด็กคนนี้ เป็ นลูกศิษย์ ท่านรับเป็ นพระอาจารย์ หรือเวลามีลูก ครูบาอาจารย์ก็ องค์เดียวกับพ่อแม่ มาสั่งสอน มาดูแล เป็ นสายสัมพันธ์ท่านจะตามไป ดู เวลาคลอดลูกปู่ จะมาหาบริวารที่เกิดใหม่ มาเยี่ยมเยียนมาดูแลว่าให้ ท าอะไร เป็ นการเชื่อมจิตสู่จิตกับปู่ นาคอายุน้อยตบะอ่อนต้องส่งไป โรงเรียน “ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ความอดทน คือ ความทนทาน เป็ น ตบะอย่างยิ่ง”


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 78 ขันตะคือความอดทน พอเราได้ฝึกฝนบ่อยๆ เข้า เกิดเป็ นตบะ การบ าเพ็ญตบะการท าความเพียรเผาผลาญกิเลสก าจัดเผาผลาญอกุศล วิตก ทุกชนิดให้ร้อน ทนเกาะอยู่ไม่ได้คนที่จะฝึกได้ดีได้ประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งเพิ่มตบะให้มากขึ้ น เพราะใช้ปัญญาความตรึกที่ เป็ นบาปอกุศลเป็ นหลัก ต้องใช้ ความเพียร ขันติความอดทน ศีลเพื่อ การรักษากาย วาจา อุโบสถกรรม เป็ นการรักษาอุโบสถศีลเป็ นการ ประพฤติปฏิบัติธรรมตบะ ตบะธรรมชนะกิเลสรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ ล้วนเป็ นเหยื่อล่ออันร้ายกาจ สัตว์โลกต่างก็หมกมุ่นอยู่ ในอารมณ์เหล่านี้ การที่เราจะด ารงชีวิตอยู่ด้วยความดีได้อย่างมั่นคง โดยไม่เผลอไปท าความชั่วนั้น จ าเป็ นต้องมีตบะธรรม เพราะตบะ คือ คุณธรรมเผาผลาญกิเลสที่เร่าร้อน จนกระทั่งหลุดร่อนออกจากใจ พระศาสดาแสดงไว้ดีแล้ว ว่าสิ่งที่มีเกิด ก็ต้องมีดับ การไปยึดกับ สิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน สั่งไม่ได้ ก็ย่อมให้ผลเป็ นทุกข์ เพราะไม่มี ตัวตนให้ยึดไว้จึงเรียกอีกอย่างว่า หลงเข้าไปยึดหรือ ยึดไว้เพราะความ หลง การละความหลง กระท าได้โดยการอบรม จิตด้วยความรู้ตัว เริ่มที่ การท าความรู้จักกับจิต ค้นหาจิตผู้รู้ให้เจอ โดยการพิจารณาการรับรู้ทั้ง ทางกาย การรับรู้ความคิด การรับรู้เวทนา ทั้งหมดไปสิ้ นสุดที่ไหน เมื่อ จับเอาจิตผู้รู้ได้แล้ว ก็เพียงเฝ้ารู้ตัวจิตผู้รู้นี้ ไปเรื่อยๆ ความเห็น ความรู้ เกี่ยวกับจิตก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้ นไปตามล าดับพร้อมๆ กับความหลงที่ค่อยๆ ลดลง เข้าใจได้ว่าความหลงเกิดอย่างไร น าไปสู่ทุกข์ได้อย่างไร ความรู้ ดับความหลงได้อย่างไร ดับความทุกข์ได้อย่างไร การให้ทานเป็ นประจ า เป็ นการเผาผลาญความโลภให้หมดไป ท าให้ใจเราขยายกว้างขวาง เป็ นอิสระจากความตระหนี่ หรือเมื่อเราแผ่ เมตตาเป็นปกตินิสัย ก็จะมีเดชเผาผลาญความพยาบาทออกไป ท าให้ใจ เราเย็นสบาย หรือการปฏิบัติธรรม ท าใจหยุดใจนิ่งเป็ นประจ า ก็จะท า


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 79 ให้เกิดปัญญา เกิดแสงสว่างขจัดความมืดในจิตใจ โมหะ ความหลง ความไม่รู้ทั้งหลาย ก็หมดสิ้ นไป ใจเราจะใสสว่าง มองเห็นหนทาง สวรรค์นิพพานได้อย่างชัดเจน เชื่อในบุญกุศลและคุณงามความดี บุญ คือ ความสบายใจเป็ น พลังงานในด้านบวก สร้างบุญคือการสร้างพลังงานด้านบวกให้ตัวเรา เอง เพราะถ้าท าจิตใจให้เป็ นบุญกุศล ก็เหมือนจิตใจเราอยู่ในคลื่น พลังงานบวกจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา เราสะสมบุญกุศลไปเรื่อยๆ เหมือนกับการสะสมพลังงานด้านบวก เมื่อบุญถึง เวลาถึง ธรรมะก็ จัดสรรให้เราได้ในสิ่งที่เราปรารถนา ธรรมะพร้อมจัดสรรสิ่งดีๆ ให้ เกิดขึ้ นในชีวิตเราเสมอ ทั้งนี้ ทั้งนั้นมันเป็ นปัจจัตตังที่เกิดขึ้ นกับตัวเอง ปัจจัตตัง เป็ นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขณะนั้นจะให้ คนอื่นมา รับรองว่าเป็ นสติปัฏฐานไม่ได้ต้องเป็ นความรู้ความเข้าใจถูก เป็นปัญญาของตนเอง


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 80 บทที่ ๘ อาหารใจคือธรรม จิตที่มีสมาธิมาดี อยู่แล้ว เข้าถึง รับรู้ สมัผสัถึงอารมณเ์หล่าน้นัได้ด้วยความเบื่อ ความหน่ายแหนง อารมณน์้ันมนัรบัรูไ้ด้ ถึงอายตนะ ภายนอก ภายในได้ ด้วยความเบื่อหน่าย เบื่อใน รูป รส กลิ่น เสียง โผฐัพพะ เบื่อไป เบื่อมา ปลงอนิจจัง ปลงอนิจจา กลบักลายมาเป็น อนัตตาก็เท่าน้ัน มนุษย์บางพวกมีห้วงกรรม บางคนก็แค่บ่อกรรมเป็ นบ่อน ้า ดังนั้นการบวชจิตต้องปิ ดปากบ่อ คือให้รักษาใจให้สะอาด เก็บบุญไว้ใน ใจอย่าให้มันไหลออกทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย รักษาใจให้สะอาด บุญเรา จะได้สะอาดไปด้วย เพราะบุญอยู่ในใจ บางบ้านเลี้ ยงลูกไม่แยกแยะ เหมือนรวมมิตร เอาอัตตาสอน เอาอัตตาน า เอาความคิดตนเองเป็ น ใหญ่ การกราบไหว้พ่อแม่คือความเคารพ เป็ นพลังธรรมชาติให้ยอมรับ ความจริง จุดเริ่มต้นยาก แต่มองเห็นปลายทาง ตั้งสติมองให้ออก เส้นทางดีหรือไม่ดี พลังงานจักรวาลคือ คิดดี ท าดี สัจธรรมความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย ปู่ สอนว่าคนที่มีกิเลสปิดหูปิ ดตามันเป็ นห้วงกรรมของเขา ปู่ ส่ายหน้าเสมอเห็นจริตมนุษย์แบบนี้ บางครอบครัวสามีภรรยาทะเลาะ กันทุกวัน เพราะเขามองไม่ออกว่าเขาท าถูกหรือท าผิด อยู่ที่ตัวเขาไป พัวพันกับกิเลสเอง เขาอดข้าวเราจะอดข้าวกับเขาไหม ช่วงที่รักกันก็ใช้ จิตดึงดูดมา พอดีดออกมันก็แรง จิตตั้งต้นมีพลังดึงดูด เพราะไปขอ คู่ชีวิต ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ส่งเจ้ากรรมนายเวรมาก่อน ถ้าเป็ นอย่างนี้ โกน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 81 หัวไปบวชเลยไหม ให้สามีเลี้ ยงลูกพึ่งธรรมะก่อน ไปต่ออายุตัวเองไปต่อ ชะตา สร้างฐานจิตตนเอง ใช้ชีวิตอยู่กับมาร มันเผา มารคือรัก โลภ โกรธ หลง มันเผา เกิดปฏิกิริยาการเผาผลาญ เหมือนอยู่กับตัวปัญหา สร้างปัญหาให้ปวดหัว มองคนละมุม มุมสวยกับมุมไม่สวย “ผู้ชายตกลงไปในหน้าผา แต่จับเชือกได้ก าลังจะปี นขึ้ นมาโดย ใช้เชือกที่เป็นเหมือนขั้นบันไดลิง” ปู่ บอกเป็ นวิบากกรรมของเขาที่ท าให้พ่อแม่เสียใจ ปู่ เรียกว่า คลาสราหู คราส หมายถึงกิน สุริยคราส การกลืนกินพระอาทิตย์พอยก ออกก็ยังมีเงาอยู่ เลยแสดงอาการฟาดงวงฟาดงา ดันความร้อนดีดออก คือโทสะที่สะสมไว้ การดีดออก คืออาการโวยวาย ตัวเขามีโทสะจริต เกาะหนาจนแข็งเป็ นหินปูน เกาะหนาต้องเอาสิวมากะเทาะออก เพราะ มันหนา เปรียบเหมือนคนมีพิษไข้ ร้อนพิษไข้สลัดไข้ อาการเขาเป็นแบบ นี้ พอไข้ลดก็เปรียบเช่นโทสะลด มีอาการเบลอๆ มึนๆ งง ๆ ในชีวิต เหมือนคนเดินตกขี้ โคลน พอเดินออกจากโคลนแล้ว สังสัยว่าท าไมเท้า ฉันเลอะ พอเจอรอยเท้าที่เลอะโคลนของตนเองก็สังสัยอีกว่ารอยเท้าใคร เจอคนแบบนี้ เราก็แค่มองแล้วก็วาง ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องอยากรู้ว่าเขา เป็นอะไรให้กลับมาดูตัวเองพอ ปู่ บอกว่ามนุษย์มีบันไดลิงให้ปีนขึ้ น เจอ ปมก็แก้ทีละปม “พระพายเรือหนีผี ผีก็ยืดมือไปจับเรือไว้ ท่านก็พายไปซ้ายทีขวา ที พระยกไม้พายฟาดผีไปหนึ่งที” ท่านบอกว่า ถ้าเราอยากจะไปก็ตัดปัญหา ค าพูดตรงไหนมา กระทบเรา เรามีสิทธิว่ากล่าวสั่งสอน แต่อย่าพูดเยอะ พูดสั้นๆ พอเข้าใจ กระทบตรงไหนก็ตัด ดึงไว้ท าไมไม่มีเหตุผลในการดึง คนที่ดึงเป็ นผี ส่วนเราเป็ นพระ มันไม่มีเหตุผลในการดึง ค าพูดเขาเป็ นปลายเปิ ด ยิ่ง พูดยาว ก็เหมือนเขาดึงเรือ ยิ่งดึงเหมือนยิ่งอยากเอาชนะ การหันมาเอา


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 82 ไม้พายฟาด คือ การหันไปสั่งสอน แต่อย่าเกิน ๓ พยางค์จบ การพูด อธิบายธรรมะไม่ได้หรอก โตๆ กันแล้ว มนุษย์บางคนเข้าใจยาก ข้อแม้ เยอะ ชอบใช้ชีวิตเป็ นคนแบกปูน ตอนแรกมีกระสอบใบเดียวเป็ น กระสอบว่างเปล่า เดินไปเจออะไรก็เก็บใส่ถุง ทั้งของมีประโยชน์และไม่ มีประโยชน์ ไม่ได้ตรวจดูเลยว่ามันใช้ได้หรือไม่ได้ หันมาดูอีกทีเยอะเต็ม กระสอบ สุดท้ายแบกไม่ไหวก็ต้องลากไป เพราะความงก ให้อยู่กับ ปัจจุบันค่อยๆ ประคองประคับจิตไป ท่านสอนอย่าส่งจิตออกนอก ให้กลับมาดูข้างในของตนเอง ให้ จิตตั้งอยู่กับ พุท-โธ พุทโธเราตื่นแล้ว สัจธรรมความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ไม่ ตาย คนบางคนเวลาโกรธ ชอบเอาทิฐิมานะมาคุย ให้พูดความจริงไป ถ้าเอาทิฐิมานะอารมณ์โมโหไปคุย เกิดความไม่พอใจเพราะพูดด้วย อัตตา ให้ท่องพุทโธท าให้เราตื่นรู้ ส ารวจตัวเอง พิจารณาตัวเอง บางคน โทสะที่เขาแสดงมันออกเป็ นปฏิกิริยาโต้ตอบ จริตเขาเหมือนโดนขังคุก เช่น บางคนเคยรักใครสักคนมาก แล้วท าให้เสียใจ พอหลุดออกมาก็ เกลียด ไม่อยากเจออีก ทนไม่ไหวอยากจบ เหตุการณ์เกิดแบบเดิม เกิดขึ้ นบ่อยครั้ง เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับ อารมณ์เหมือนที่เราเห็นในทีวี ในเวลาที่ต ารวจพาผู้ร้ายไปท าแผน ญาติผู้เสียหายเข้าระบายอารมณ์กับ ผู้ร้าย อารมณ์เป็ นอาหารอย่างหนึ่งของจิต จิตที่มีกิเลสตัวโทสะ กิเลสก็ มีอารมณ์เป็นอาหาร โทสะก็เหมือนกันต้องการอาหาร เมื่อโกรธขึ้ นมาก็ พูดออกมา ระบายออกมา แสดงอาการโกรธออกมา พอได้ระบาย ออกมาแสดงออกมา โกรธก็เบาลง คือ หายหิว โทสะหิวก็คือ พอได้ ระบายออกมาแสดงออกมา ก็เป็นอาหารแก้หิวของโทสะยิ่งซ ้าเติมมันให้ มีพลัง เวลาที่คนเราโกรธ ใจจะพุ่งไปยังคน สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่ท าให้ เราโกรธเป็ นการส่งจิตออกนอกไปย ้าคิด ย ้านึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไป แล้วค าพูดหรือ การกระท าของคนที่ตอกย ้าซ ้าเติมความโกรธ ก็


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 83 เหมือนว่าให้อาหารมันส่งเสริมมัน มันก็ยิ่งมีพลังจนบางครั้งเหนือการ ควบคุม นั่นคือขาดสติ สติแตก มันก็ระเบิดออกมา เวลาโกรธให้มีสติให้ กลับมามองตนเอง เราจะเห็นมัน เพราะมันกลัวก็ถูกรู้ถูกเห็นเราไม่ ส่งเสริมมัน ไม่ให้อาหารมันก็หนีไป สุดท้ายไม่มีความโกรธมีแต่ สติปัญญารู้เท่าทัน เมื่อโลภะเกิดขึ้ นก็เช่นกัน อยากได้เงินอยากได้ทอง ก็ท าให้ อารมณ์อยากในเงินทองนั้นเป็นอาหารของโลภะ ของจิตที่มีโลภะ เมื่อได้ เงินได้ทองก็รู้สึกว่าอิ่มใจสบายใจ แต่ถ้าความโลภเกินขอบเขตของศีล บางคนฉลาดในทางโลกแต่จิตมืดบอดในทางธรรมไปโกงเขา ไปหลอก เอาเงินเอาทองเขามา เกิดวิบากคือผลกรรมการกระท าของตนเอง ซึ่ง กรรมนั้ นยุติธรรมเสมอ เขาจะได้รับผลกรรมตามมา เกิดความ เดือดร้อนในภายหลัง โมหะ ก็เหมือนกันลุ่มหลงติดรูป รส กลิ่น เสียง เมื่อเห็นรูปสวยงามก็ถูกตาต้องใจ ลิ้นได้รับรสอร่อยก็ติดในรสชาติ จมูก ได้กลิ่นหอมก็พึงพอใจ หูได้ยินเสียงไพเราะก็เพลิดเพลินสบาย หลงติด อยู่อย่างนี้ เฝ้าแสวงหามาส่งเสริมมันก็เหมือนส่งเสริมกิเลสให้มัน หนาแน่นมีพลัง ถ้ามากเกินขอบเขตแห่งศีล เห็นผู้หญิงสวยผู้ชายหล่อก็ อยากได้มาเป็ นของตนดิ้ นรนไขว่คว้างเอามา โดยไม่สนใจว่าลูกเขาเมีย ใคร โดนความลุ่มหลงครอบง าก็เดือดร้อนอีก ธรรมะเป็ นอาหารของจิตโดยตรง เมื่อจิตได้สัมผัสถึงธรรมคุณที่ เป็ นเครื่องเกื้ อกูลจิตใจ ซึ่งบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมได้รับก็ย่อมจะรู้สึก ว่า ธรรมะเป็ นอาหารของจิตโดยตรง และยังเป็ นธรรมโอสถ หรือยาธรรม ส าหรับที่จะแก้โรคกิเลส แก้โรคโลภหรือราคะ แก้โรคโกรธหรือโทสะแก้ โรคหลงได้ด้วย *****


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 84 “หินหมุนน ้า การหมุนเวียนของน ้า” หินหมุนน ้า เป็นการหมุนเวียนของน ้าจะน าโชคลาภเข้ามาสู่บ้าน หรือส านักงานตามหลักฮวงจุ้ย ให้สายน ้าเรียก โชคลาภเรียกเงินทอง หินหมุนน าโชค เป็ นน ้าผุดหินหมุนที่ท าจากหินอ่อน โดยมีปั๊มขนาดเล็ก ส่งแรงดันน ้าขึ้ นไป ตามท่อ ดันลูกหินกลมๆ ด้านบนให้หมุนตลอดเวลา แทนความหมาย ทรัพย์สินไหลเวียนเข้ามามิได้ขาด การดูแลรักษาหิน หมุนน าโชค ก็คือ ดูแลให้น ้าเต็มตลอดเวลา และน ้าต้องใสสะอาดเสมอ ต้องกระตุ้นให้น ้าเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะการปล่อยให้น ้านิ่ง เท่ากับโชคลาภก็จะนิ่งไปด้วย ให้สายน ้าน าพาโชคลาภ ให้ไหลมาสู่บ้าน อย่างต่อเนื่อง จิตมนุษย์ก็เช่นเดียวกันเหมือนกับน ้าที่ดันลูกหินให้หมุน อยู่ตลอดเวลา คนที่มีสติก ากับอยู่เสมอ จะเป็ นคนนิ่งสงบเหมือนหิน จิตใจหนักแน่น บางครั้งท าให้อีกฝ่ ายที่คิดอกุศลกลัว เพราะมีพลังงาน คุณความดีคุ้มครอง พลังความดีจะดีดสิ่งที่ไม่ดีออกมาเอง หินมีน ้าหล่อ เลี้ ยงตลอดเวลาฝุ่ นผงก็เกาะไม่ได้เพราะน ้าดีดออกไป เหมือนเราสร้าง บุญกุศลมาตลอด เพื่อก าจัดกิเลสออกจากใจ สร้างบุญจนเกิดวาสนา จน กลายเป็ นบารมีแล้วอยากได้อะไรก็ได้มาโดยง่ายโดยไม่ต้องร้องขอ แต่ ความอยากมันเป็ นกิเลสอย่างหนึ่ง ถ้ากิเลสตัณหาฝ่ ายดีเช่น อยาก ท าบุญ อยากบริจาคทานมันเป็ นสิ่งที่ดีเกิดบุญกุศลขึ้ นมาในใจ ใจก็สุข บุญคือก าลังใจ สร้างบุญเป็นการท าให้ก าลังใจเกิดขึ้ นกับตัวเอง บุญมาก ท าให้เห็นทุกข์สู้กิเลสตนได้ บุญน้อยจิตสู่อ านาจทางต ่า เพราะบุญเป็ น ก าลังใจชี้ ให้เห็นโทษกิเลส สติเป็ นนิสัยปัจจัย ก็คิดได้ถ้ามีบุญหนุนยัง อ านวยให้มีบ้าน มีรถ สุขสบายแต่สังขารไม่ให้ หมดบุญเก่าเสวยสุขก็ หมดไป ดับไป


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 85 การท าบุญมีสองแบบคือ การท าบุญแบบกระจาย กับแบบโฟกัส ท าบุญแบบกระจายดูที่จิตตั้งต้น เหมาะกับคนที่ไม่มีเป้าหมายในการ ท าบุญ กระจายแต่สุดท้ายก็มารวมปมที่ปลายหรือ มัดรวมที่ปลาย การ ท าบุญอยู่ที่จิตตั้งต้น ปู่ เปรียบเหมือน การกระจายจุดเทียนพร้อมกันมัน ก็สว่าง มองลงมาจากเครื่องบินก็เห็นแสงสว่างได้ ใช้เงินพร้อมกับความ สว่าง ดูที่จิตตั้งต้นกับจิตสุดท้าย หัวกับปลายคือเรื่องเดียวกัน มัด รวมกันเป็ นก้อน เป้าหมายการท าบุญด้วยเงิน คือการบ ารุงพุทธศาสนา ความสว่างคือจิตเราเบิกบานสุขในบุญที่ท า คนบางคนสร้างวัดสร้าง โบสถ์ท าคนเดียวได้ก็เป็ นมหาทานบารมี แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ท าได้ใน โลก แต่ถ้าชวนให้คนอื่นมาร่วมท า จิตตั้งต้นใครอยากท ามาร่วมได้เปิ ด โอกาสได้มาร่วมบุญ ท าให้มีพลังงาน พลังบุญมากขึ้ น คนอื่นมี ๑๐ ล้าน ไหม ถ้ามีแล้วได้ให้ด้วยไทยทาน ทานที่บริสุทธ์ิก็เป็นมหาทานบารมี การที่เราแสวงหาที่ท าบุญก็เป็ นการเติมบารมีครูบาอาจารย์ทุกๆ พระองค์ ท าบุญเป็ นตามก าลังศรัทธาค่อยๆ เก็บเกี่ยวพลังงานอย่าไป โฟกัส การท าบุญแบบเทกระจาด ท่านบอกว่าการท าบุญแบบเท กระจาด คุณไม่รู้ผลลัพธ์ไปไหว้ทุกที่ ขอทุกที่ แสวงหาไปทั่ว เทกระจาด ไปทั่ว จนกระจายไปทั่ว พอมีปัญหาเกิดขึ้ น ไม่ได้อย่างที่ขอ หรือหวัง โดนลงโทษหรือโดนบททดสอบ ก็เกิดวิกฤติศรัทธา อย่าเอาธรรมะเอา ครูบาอาจารย์มาเล่น เราได้พยายามหรือยัง บางคนที่พยายามก็ว่ายน ้า พ้นแล้ว บางคนครูบาอาจารย์ได้ดึงจิตขึ้ นมาแล้วก็ยังด าลงไปใหม่คือมึน ดูจิตตัวเองพร้อมไหม สุดท้ายของดีมีอยู่ที่บ้าน ให้กลับมาดูจิตมอง พิจารณาข้างในจิตของตนเอง ทรัพย์ของเราคือทรัพย์ภายใน ทรัพย์ที่เรามาหากันมาเป็นทรัพย์ ภายนอก นี้ เอาไว้เลี้ ยงชีพ ด ารงชีวิตเรามาทุกข์มายากกันก็เพื่อหาทรัพย์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 86 อันนี้ ส่วนทรัพย์ภายในท าให้ใจอบอุ่น ท าให้ใจมั่นคง ท าให้ไม่หวั่นไหว ท าให้ไม่ตื่นเต้นกับโลก ท าให้ชีวิตนี้ จะตายเมื่อไหร่ก็สบาย เพราะทรัพย์ ภายในรองรับเป็ นเสบียงบุญในการเดินในวัฏสงสาร พระพุทธองค์สอน ว่า สันทิฏฐิโก ปัจจัตตัง รู้จ าเพาะตน หัวใจมีค่าที่สุด มรรค ผล นิพพาน ผลของบุญ ผลของกุศล สร้างสมขึ้ นมาเพื่อปฏิบัติ เพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อประโยชน์กับเรา เพื่อเห็นสมบัติแท้ ไม่ใช่เห็นสมบัติภายนอก ภายนอกเราก็หาอยู่หากิน แล้วถ้าถึงที่สุดแล้วจิตใจมันพ้นจากทุกข์ไป มันจะเข้าถึงสัจธรรม


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 87 บทที่ ๙ พลังแห่งบุญกับไฟแห่งการตื่นรู้ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน ปัญญาของตนจะรักษาตน ปัญญาของตนจะรักษาสิ่งต่างๆ แล้วย้อนกลับมาดูตน แลว้รกัษาตนที่ตนน้ัน ตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน ปัญญาของตนเองนั่นแหละ ที่จะเป็ นที่พึ่ง ไม่ใช่ปัญญาของผู้อื่น ปู่ บอกกัลยาณมิตรปฏิบัติได้มากขึ้ น จึงเชื่อมจิตกับ ปู่ ได้เยอะเกิดพลังพิเศษ ปู่ บอกว่าคนที่ฝึกจิตจนได้ญาณสมาธิมีพลัง เชื่อมเจโตปริยญาณ ได้ญาณสมาธิมีพลังงานเหนือมนุษย์ ระบบการ เชื่อม รู้จริง พิสูจน์ได้จริงดูด้วยญาณ เดินฝ่ ากระสุนได้โดยไม่เป็นอะไร ปู่ บอกว่าสมัยก่อนผีเยอะ คนตายด้วยโรคระบาดเยอะ ผีดุ ผีไม่มีญาติ ท่านจึงมีเครื่องรางของขลังไว้แจกชาวบ้าน พวกตะกรุด ผ้ายันต์ท่าน ชอบเขียนอักขระลงในใบลาน ใบมีด ไม้ไผ่ เวลาปู่ ท่านธุดงค์ในป่ าดงพง ไพรก็ก าหนดจิตหลับตาเดิน พอรู้สึกตัวก็ผ่านไปแล้ว ปู่ฉันมื้ อเดียว ถ้า จ าพรรษาที่วัดก็พายเรือบิณบาตร ได้อะไรมาก็ฉันอย่างนั้น ได้กล้วยก็ ฉันกล้วย เมื่อหลายปี ก่อนกัลยาณมิตรดูดวงด้วยการใช้จิตเพ่ง เพราะ บารมีตัวเองไม่ถึง ท าให้เหนื่อยเพราะเอาจิตไปจับจิตคนอื่น ตอนนี้ ปฏิบัติจิตได้มากขึ้ น ฐานจิตแน่นขึ้ นได้เปิ ดญาณผ่านจิตนารีทิพย์ บารมี บุญมากกว่า ท่านพาไปจูงมือไปดูเลย เปิ ดญาณเชื่อมบารมีเชื่อมจิตไป เมื่อก่อนใช้จิต กด ข่ม เพ่งทรมานกว่าจะได้เห็น ครูบาอาจารย์ที่สื่อ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 88 ญาณให้องค์ความรู้องค์ปู่เหมือนระเบิดพลังงานล้างหมด ไม่ได้ล่วง กรรม เขาบอกว่าเวลาปู่สื่อญาณมาร้อนจริง วิ่งไปทั้งตัวทั้งร่าง ลูกไฟเผา ความร้อนในตัว แต่หัวใจไม่ร้อน แยกจิตออกจากกาย พลังงานเป็นคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ครูบาอาจารย์ธุดงค์ไปเรื่อยๆ ย้ายพลังงานย้ายจุดหนึ่งไปจุด หนึ่ง การใช้ชีวิตก็เหมือนกันเพราะการเปลี่ยนกลุ่มพลังงาน ท าให้เกิด การเรียนรู้เตรียมความพร้อมการเคลื่อนย้าย ย้ายพลังงาน บางคนเกิด ความกลัวท าให้ชีวิตไม่มีการเปลี่ยน ท่านสอนว่าอย่าจมอยู่กับปัญหา ย้ายออกจากกลุ่มพลังงานเดิมบ้างออกจากปัญหาคือการเปลี่ยน พลังงานให้อยู่แต่ในคลื่นพลังงานบวกเพื่อให้วิญญาณมีประสบการณ์ ชีวิต การเปลี่ยนแปลง ย้ายพลังงาน ท าให้เกิดการหมุนเวียนพลังงาน แก่นชีวิต ให้เปลี่ยนพลังงาน อย่าจมในสิ่งเดิม อย่าอดทนกับสิ่งที่ท าให้ เราเกิดปัญญา เสียเวลาในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ บางครอบครัวชอบเอาไฟนอกเข้าเรือนตน ปู่ บอกไฟในเรือนตน ให้ล้างให้ละ บางคนมีปัญหารุมเร้าในครอบครัว ต่างคนต่างเผาตัวเอง ด้วยไฟกิเลสมันก็ร้อน ปู่ บอกว่าร้อนไปก็เบาซะ ไม่ต้องกลบเกลือน ร้อน ไปไม่มีประโยชน์ ให้แก้ปัญหาทีละเปลาะ อย่าเกี่ยงว่าใครสร้างปัญหา จงท าตามเจตนาตั้งต้นให้คลายปม ปมปัญหามีหลายเส้น คลายปมทีละ เส้น ค่อยๆ แก้ไป เราก็ท าได้ อย่าหาคนมาแก้เราแก้มันเองได้สามี ภรรยาบางคู่ถ้ามันขาดกันไม่ได้ก็เดินไปพร้อมกัน บางคนพอมีปัญหาก็ หาคนมาช่วยแก้ ให้คนอื่นช่วยแก้ ก็เหมือนเอาปัญหาเข้าไปในบ้าน ตัวเอง ท าแบบนี้ จนเป็ นอนุสัยซึมเข้าสู่ตัว พอมีปัญหาเกิดขึ้ นก็โทษดวง ปู่ สอนว่าอย่าไปโทษดวง ครูบาอาจารย์ให้พลังเตรียมพร้อม อย่าไปโทษ ใคร เป็ นกฎกติกามารยาท กฎระเบียบของสังคม คนเราปวดอุจจาระก็ ต้องเข้าห้องน ้า หิวก็กิน ทางเดินเรียบท าไมไม่เดิน ทางเดินสว่างไม่เดิน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 89 เขาไม่ให้เดินก็จะเดิน กุศโลบายคือเดินตรงไปข้างหน้า แต่บางคนเดิน มันเป็นวงกลมวนเวียนอยู่กับกิเลสความอยาก ให้เดินทางสายกลางหรือ มัชฌิมาปฏิปทา ถอยให้เป็ นรุกให้ได้ ท่านให้สู้กับพญามารคือกิเลสของ ตน ดึงจิตมารักตัวเอง เริ่มจะมีความสุขกับเขาบ้าง บางครอบครัวสามี ขาดภรรยาไม่ได้ หรือภรรยาขาดสามีไม่ได้ นั่นคือข้อบกพร่องของเขา เพราะกลัวไม่มีคนดูแล ความกลัวก็เป็นนิวรณ์ ปู่ว่าจะไปกลัวอะไรตายก็ ท าศพ ป่ วยก็รักษา อยู่กับปัจจุบัน ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาเสมอ ดวงดี หรือไม่ดีขึ้ นอยู่กับบุญเก่า ให้ประกอบกรรมดี คนขยัน คนซื่อสัตย์ ผลลัพธ์มันก็ดีเอง ***** พระพุทธองค์ท่านสอนไฟที่ไม่ควรบูชานั้นก็มี ๓ กอง ไฟราคะ คือ ความใคร่ ความอยาก ความติดยึดเพลิดเพลินในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบเรา ไฟโทสะ คือ ความโกรธ แค้น อาฆาต พยาบาทที่สุมมาสู่ตัวเราให้ร้อนรนอยากท าลายล้าง ไฟโมหะ คือ ความ ลังเลสงสัย ความฟุ้งซ่านร าคาญใจต่าง ๆ ที่เกิดจากความไม่รู้ “ไฟที่ออกจากตัวเป็นไฟสีน ้าเงินอมเขียว” ตอนนั้นท่านดีใจได้กลับมาจากภารกิจ เจ้าปิ ดถ ้าบ าเพ็ญเพียร ท่านเรียกแล้วไม่ได้ยิน ท่านเข้าไปหาไม่ได้ เพราะได้มีข้อตกลงกันไว้แล้ว เป็ นที่ส่วนตัวส าหรับนั่งบ าเพ็ญเพียร ตัวท่านเกิดไฟพุ่งท่วมตัวไฟกิเลส บริวารเข้าใกล้ไม่ได้ มันร้อนดีดออกมาหมด ตอนแรกไฟสีส้ม ไฟกรรมะ ต้นก าเนิดไฟ ไฟโลกี แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็ นสีน ้าเงิน ไฟตื่นรู้คือไฟสีน ้า เงิน จากไฟกิเลสสีส้มแดง ค่อยๆ จางไปเป็ น ๒ สีสีน ้าเงินฟ้า คือตื่นรู้ แสงแห่งความรู้ การรอดพ้น เปรียบเหมือนเห็นแสงเทียน จากปลายไฟ แซกหรือปลายอุโมงค์ รู้แล้ว ตื่นรู้แล้ว เหตุผลที่เหลือ คือกรรมะ จะดับ


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 90 ไป กรรมะค่อยๆ เปลี่ยนสี รู้เหตุผล โกรธ ทุกข์ ก าใบไม้ ดับไป ท่านไม่ ดับแต่เปลี่ยนสีไม่ร้อน สีของไฟคือหมุนกลับหรือกลืนกลับไปไม่ได้เป็ น ไฟแล้ว ไฟในตัวพ่นออกไปแล้ว ดูดกลับไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนสีเป็ นไฟ เย็น ท่านดับไฟในตนเองด้วยการวิ่งรอบถ ้าทิพย์ มีตนเป็ นที่พึ่งแห่งตน จะไม่ใช่อาศัยปัญญาของผู้อื่นเพื่อที่จะดับกิเลส แต่จะต้องเป็นปัญญาของ ตนเองเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ และ สามารถดับกิเลสของตนเอง ได้ ปู่ ย่ามาพร้อมบริวารนาคเด็กๆ หัวเราะกันคิกคัก ท่านว่า เมื่อก่อนนารีทิพย์กับท่านชอบเลี้ ยงนาคเด็กเต็มไปหมด นาคเด็กจะอายุ สั้น เขาจะกินแมลงหรือมดที่อยู่ในเกล็ดนาค เพราะเกล็ดนาคจะหอม หวาน อีกอย่างนาคเด็กจะกัดผมเวลามวยผมขึ้ นจะกัดไว้ไม่ให้ผมร่วงลง มา หรือเกาะเกี่ยวกะหวัดบนแขน ปู่ ที่มาหาแต่งชุดเหมือนรุกขเทวา ท่านว่าวันนี้ มีการบวงสรวงที่วังพญานาค ปู่ ท่านมีหนวดเล็กน้อย ชอบ หัวเราะ ย่าสวมชุดขาวห่มขาวทัดดอกไม้ขาว มีลูกไฟสีฟ้าอมเขียวอยู่ กลางน ้า ทุกคนเอามือไปอังลูกไฟ ท่านบอกว่าเป็ นการล้างกิเลส ผ่าน ไฟ ไฟสีฟ้าเขียว ไฟแห่งการตื่นรู้ “ท่านไม่วางใจให้คนอื่นเขียน ตอนนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะคน ละภพละภูมิแต่อยากช่วยเหลือในการปฏิบัติ อยากดูแลปกป้อง” ตอนที่เป็ นนาค เจ้ามีมีสมบัติทิพย์มากมาย แต่เหมือนความว่าง เปล่า อยู่แบบสุขนิยมที่ไม่เที่ยง พ่อแม่มีข้าทาสบริวารมากมาย มีพี่เลี้ ยง แต่ชอบแยกตัวอยู่บ าเพ็ญคนเดียว พอแต่งงานได้ออกมาอยู่ข้างนอก เป็ นคนของสามี ท าอะไรก็เกรงใจท่าน แต่ขอมีถ ้าบ าเพ็ญเพียร ข้าทาส บริวารก็มากขึ้ นไปอีก จิตข้างในอยากปฏิบัติ ภพที่กายสังขารแม่ชี บวช เป็ นชีที่พักใกล้ล าธาร ซักผ้าใช้ไม้ตีผ้า หุงข้าวเก็บผลไม้เอง มี พระพุทธรูปองค์สีด าประดิษฐานไว้ในอยู่ลานกลางแจ้ง จิตข้างในอยาก


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 91 ให้ร่างปฏิบัติไวๆ เป็นแม่ชีล าบาก ไปตักน ้า ผ่าฟืน ล าบากกายแต่ใจข้าง ในมีความสุข เป็ นพญานาคอายุยืนจนอิ่มตัว แต่พอเป็ นมนุษย์อายุสั้น กายทิพย์แม่ชี นารีทิพย์ ลืมหมด จ าว่าต้องบวชเดินตามรอยพระพุทธ องค์ สุดท้ายอยากปฏิบัติ ปฏิบัติบ าเพ็ญเพียรอยู่แต่ในถ ้า พอจิตหลุด ออกจากวงจรนาค ไม่ขอกลับคืนสู่หนหลังไม่กลับไปเป็นนาค นอน แผ่หลาอยู่ริมท่าน ้า เมื่อหิวก็ต้องกิน อยากหนีให้พ้นจากวัฏสงสารก็ต้อง หนีให้สุด จิตสุดท้ายอยากบวช ภพที่เป็ นแม่ชีก็ปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก เจอครูบาอาจารย์ก็บวชจนตาย แม่ชีบุญเก่าไม่เยอะโดนโรครุมเร้า อายุ สั้นเพราะหมดบุญ การปฏิบัติธรรมสมัยก่อนเรียนรู้ด้วยตนเอง จริต กิเลสยังหนาอยู่ ติดอยู่ใน วิจิกิจฉา คือ ลังเลสังสัย จิตคิดแวบๆ ว่า โสดาบันมันเป็ นยังไง สงสัยไปหมด พระพุทธองค์ท่านสอนว่าเป็นอนุสัย ที่ไม่ดี เพราะเอาความอยากน า มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ตามพุทธประวัติสมัยก่อนพระพุทธองค์ไม่ได้สอนโดยตรง ธรรมะจากพุทธโอวาท พระสงฆ์มาประชุมรับฟังธรรมะจากพระโอษฐ์ ของพระองค์ท่าน หลังจากนั้นเหล่าพระสงฆ์ขนขวายฝึกฝนด้วยตนเอง สมัยต่อมาเหล่าพระสงฆ์ท่านท าฐานข้อมูล คัดลอกออกไปเผยแพร่ ปู่ ว่า ส่วนมากพวกที่มาบวชจะเป็ นโจรกลับใจ เข้าใจหลักค าสอนยาก แต่พอ เข้าใจแล้วหลุดพ้นไปเลย เปรียบเหมือนการเดินขึ้ นไปบนยอดเขามัน ล าบาก แต่ขาลงใช้เวลาแปบเดียว การศึกษาพระพุทธศาสนาก็ เช่นเดียวกัน ต้องศึกษาทีละขั้นทีละก้าว คนยุคใหม่แบกความหวัง ตั้งแต่ ขั้นแรก เก็บความรู้สึกเป็ นบวก ตั้งเป้าหมาย มนุษย์ปกติตั้งเป้าหมาย อย่าใช้ค าว่า อฐิษฐานจิต เพราะมันเป็ นบุพกรรม เป็ นเงาตามตัว บริกรรมตั้งเป้าหมายขนคนไป เป็ นสะพานบุญ เราได้บารมีธรรม ขึ้ นไป ถึงยอดเขา ขอแล้วได้เลย บางคนเป้าหมายจะขึ้ นไปแล้วรวย ถ้าไม่ขึ้ นไป ไม่มีโอกาสขอ ท่านแนะเป็นกุศโลบายทางธรรม


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 92 หลักการประพฤติปฏิบัติของพุทธบริษัทเริ่มจากศีล ๕ บางคน อาจศีลพร่องไปบ้างไม่ครบทุกข้อ ศีล คือความส ารวมระวัง ปิดกั้นความ ชั่ว หรือการไม่ล่วงละเมิดข้อห้าม ท่านให้เขียนธรรมะแบบให้คนที่ไม่รู้ เรื่องธรรมะเลย อ่านแล้วเข้าใจธรรมะเบื้ องต้น ทุกข์ใจก็เบาบาง ใน โลกียนิสัยบางคนชอบใข้อารมณ์น าพา เหมือนเราปวดหัวก็กินยา มีไข้ก็ กินยาลดไข้ ในโลกนี้ ไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างต้องพยายาม ป่ วยก็ต้อง กินยา ไม่ใช่รอจะตายอย่างเดียว โยมลูกเหมือนเป็ นนักบ าบัดเพื่อนๆ บางคนจบมาทางโลกเยอะ จบมาจากต่างประเทศ แต่จริตนิสัยเหมือน เด็กถูกกิเลสทางโลกครอบง า ก่อนจะช่วยใครต้องบ าบัดเขาไปก่อน ปัญญาย่อมเป็นนายหน้า ของธรรมทุกประเภท ทั้งที่เป็นโลกียะและโลกุตระ ทางโลกีย์หยาบๆ ที่เป็นนายหมวด นายพรรค นายพวก นายพัน นายพลเป็นต้น ต้องเอาผู้ฉลาดเป็นหัวหน้าทางพุทธศาสนา ว่าบัณฑิตา ปัณฑิตา ปรินายกบัณฑิตาเท่านั้น จึงควรเป็นหัวหน้า ของกาย วาจา คือ ใจที่ประกอบ ด้วยปัญญานัตถิพาลา ปรินายกา คนพาล มิควรเป็นหัวหน้า ใจที่เป็นพาล ไม่ควรเป็นหัวหน้าของ กาย วาจา นี้ น้อมเข้ามา ในฝ่ ายปฏิบัติทางธรรมปรมัตถ์ เพื่อให้รู้ชัด ปฏิบัติสะดวก เป็นโอปนยิโก ไม่ส่งส่ายหนีหลักเดิม


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 93 พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสไว้ ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ ส าเร็จ ได้ด้วยใจ ทุกอย่างเกิดขึ้ นที่ใจ ใจคิดดี กาย วาจาก็ท าดี พูดดี ใจเบิก บานบุญก็เกิดในใจ บางคนมีบุญเก่ามาก เกิดมาชาติภพปัจจุบันเกิดมา สบาย แต่สร้างกรรมในปัจจุบันให้กับตนเสมอทั้ง กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม เลยเกิดวิบากกรรมเป็ นปัญหาไม่มีที่สิ้ นสุด เอากิเลสน าหน้า จิตมองต ่าชอบจับผิดในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จริตก็ติดลบเหมือนคนตาบอด คิดพิเคราะห์อะไรไม่ได้ ท าอะไรก็มีคนกรองให้ก่อน แยกแยะเองไม่ได้ นิสัยลุแก่อ านาจ มีวาสนาแต่ไม่บารมี คนแบบนี้ ใช้ตาดูอย่างเดียวไม่ใช้ สติปัญญาพินิจพิเคราะห์ ปู่ บอกคนดีเป็ นเกลือละลายแล้วเห็นเป็ นน ้าใส มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เปรียบเหมือนความดีท าความดีจนเป็ นนิสัย ดี จนกลายเป็ นนิสัยปกติ เหมือนเกลือผสมน ้าใส มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เกลือ การท าดีกลมกลืนเป็นน ้าใส คนไม่รู้ต้องชิมถึงจะรู้รส การพิสูจน์ คือชิม มาสัมผัส หรือน ้าแห้งไปหมดสุดท้ายเป็ นผงเกลือ เขาจะมอง ความดีของเรา ส่วนตัวเราเองก็ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเห็นหรือไม่เห็น ใจ เราเป็นสุขพอ มนษย์อยากเห็นการตกตะกอน ต้องมีคนน าเสนอให้ การ ตกตะกอนให้เห็นคือการท าตัวโดดเด่น เสแสร้งมองด้วยตาเปล่าเห็น คนที่ชอบเห็นการตกตะกอน แยกแยะเรียบร้อยแล้ว คนแบบนี้ ใจเร็วไม่ ชอบการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลานาน ใช้ตามองอย่างเดียว เห็นน ้าที่ ตกตะกอนก็ไม่กล้าชิมเพราะยังเห็นตะกอนอยู่ คนแบบนี้จิตส่งออกใช้ จินตนาการ มโนจิตคิดปรุงแต่งไปตามกิเลสของตน คิดระแวงไปก่อน เกลือที่ละลายไปแล้วต้องชิมอย่างเดียว คนที่เป็ นน ้าเกลือใส อ่านใจไม่ ออก จินตนาการเอาเองไม่ได้ อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นใช้มโนจิต และ ทดสอบ ใช้ใจสัมผัสจิตสัมผัส น ้าที่ตกตะกอนพิเคราะห์แยกแยะให้แล้ว คนมักจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น มองด้วยตาเปล่าแล้วเชื่อ ไม่ใช้สมองพินิจ พิเคราะห์


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 94 การบ าบัดก็หมั่นเติมเกลือ คือเติมความดีเข้าไปในจิตในใจ การ เติมน ้าเติมเกลือ ให้รีบคนให้กลมกลืน ตั้งรับพินิจพิเคราะห์แยกแยะ ให้ รีบละลายกิเลส ละนิวรณ์ เกลือมีน ้าผสม นิวรณ์คือน ้า มองด้วยตาเปล่า ไม่เห็น จิตบริสุทธ์ิเป็นน้ าเกลือ ตกตะกอนละลายไดไ้ม่ดีจิตต้ังตน้ ไม่ดี สารละลายมาจากจิตแอบแฝงรวม เขาไม่กล้าดื่มน ้าเพราะมองเห็น ตะกอน เขาจะค่อยๆ ห่างไปเอง น ้าเกลือใสได้จริง น ้าเกลือจริงมี ประสิทธิภาพล้วนมาจากปัจจัยทางธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา กาย วาจา ใจ เจตนาตั้งต้นสะดุดเกลือเยอะน ้าไม่พอ พินิจพิเคราะห์เยอะไป การ ท างานต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน เรามีหน้าที่อะไรก็ท าไปท าด้วยความตั้งใจ ผลมันออกมาเอง เรามีหน้าที่คน ถ้าเราคน ๑ ครั้ง ๒ ครั้ง แล้ว ตกตะกอนก็กรรมของเขาเราช่วยไม่ได้ รวมเนื้ อเดียวกับธรรมชาติ หรือไม่รวมเป็ นเนื้ อเดียว การแก้ปัญหาต้องคัดแยก กงกรรมกงเกวียน พระพุทธองค์ให้โอกาสทุกคน การเอาผ้ามาปั่นรวมกันหมด ผ้าขาวเลอะ สีแดง เพราะเป็ นผ้าย้อมสี การหมุนย้อนแยกแดงออกขาว เป็ นการทวน กระแสโลกกลับย้อนมาศึกษาภายในตนเอง คนที่ฝึกจิตมาดีจิตต่อตรงครูบาอาจารย์ตามหลักพระพุทธองค์ การเชื่อมแบบมีสติ กายหยาบส่งต่ออารมณ์มาจากหัวใจสัมผัสได้ จับ สัมผัสได้ไม่อคติมีสติปัญญาก ากับ ใช้จิตสัมผัส เปรียบเหมือนทุเรียน หนามรอบแต่ข้างในอร่อย คือคนที่หน้าอีกแบบจิตอีกแบบ จิต สมอง ลูก กะตาไม่ต้องไปพร้อมกันก็ได้ การสวดมนต์เสริมรากแก้วคือฐานของจิต รากแก้วมีน้อยแต่ยึดได้แน่นพลังยึดมั่นในคุณงามความดี ใจสงบ ตาก็ สว่างเกิดสภาวะอะไรใจก็ไม่ฝ่ อ ความกลัว ความมืด มนุษย์เลือกฟังใน สิ่งที่อยากฟัง มาจากกิเลสความกลัว ความเหงา ความลังเลสงสัยเป็ น รากฝอยแตกกระจาย จิตส่งออกจนจิตกระจายไม่หนักแน่น


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 95 คนที่เป็ นลูกโป่ งอัดแน่น ชอบฟังค าชม ค าสรรเสริญเยินยอ คิด บวกมากไป บวกมากไปเติมไม่ได้อีก เวลาแฟบจิตก็ตกจนพยุงตัวเองไม่ ขึ้ นเพราะติดอยู่กับค าชม เมื่อถึงเวลาต้องเปิ ดช่อง ติดค าด่าไหม ติดค า ชมไหม ท่านที่จิตปกติไม่กระทบ ไม่สามารถท าให้จิตผิดปกติสุข จิต เข้าถึงสัจธรรมอันเป็ นความจริงของธรรมชาติ จิตเหนือความว่าง ท า หน้าที่ของมนุษย์ ภาษาทิพย์มโนจิตเปิ ด ความเข้าใจพอคุ้นเคยเปิ ด ประตู กัลยาณมิตรเป็นประตู เรามีกุญแจไขเชื่อมบุญบารมีเก่า


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 96 บทที่ ๑๐ กิเลสครอบจิต เจ้าบอกว่า จะสร้าง องค์เหมือนข้า แตเ่พลาน้ีเจา้กลบัห่างเหิน เดินเคียงบ่า กับข้า กลับท าเมิน มนุษย์เยิน ยลโฉมข้า พาข้ามไป อนิจจาองคข์า้น้ีที่รอสรา้ง สุดอา้งวา้ง ในยามน้ีนี่ไฉน ใจเจ้าบอกรักข้า พาฝันไป ไม่มีเยื่อ แถมขาดใย ใจนางเอย.. ในกาลรู้ ว่าองค์พี่ ที่รอนั ่ง แท่นบัลลังก์ ของพี่ อยู่ที่ไหน พี่เฝ้ารอ รอวนัน้ัน แทบส้นิใจ เจ้าน้องใย ปล่อยใหพ้ ี่น้ีเฝ้าคอย เทพเทวดา เทพนาคาก็ยังมีกิเลสอยู่ มีรัก มีโลภ มีโกรธมีหลง เหมือนมนุษย์เรา พอเข้าใจโลกก็เข้าใจธรรม กรรมของมนุษย์มีมา ด้วยกันทุกคน กรรมดี กรรมชั่ว เราปฏิบัติอยู่ต้องรู้และเข้าใจในสภาวะ จิตของมนุษย์ นานาจิตตังอยู่แล้ว ถ้าไม่เข้าใจจิตของมนุษย์ทุกทั่วตัวคน คงจะต้องวุ่นวายเกิดการผิดใจกันทะเลาะกันแน่ๆ รู้แล้ว เห็นแล้ว วาง เฉย ไม่ถือ ไม่แบก มันหนัก ปู่ ย่าอวยพรให้มีสุขทั้งกายใจ ดวงจิตมาเมื่อ น้อมระลึกถึง เส้นทางนึกสร้างบารมี ท่านบอกต้องอดทนนะลูกหลาน หัวใจเจ้าต้องเข้มแข็ง ต้องผ่านทุกบททดสอบ ยิ่งหนักเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่ง แกร่ง ปู่ ย่าจะดูแลคุ้มครอง บุญบารมีให้เจ้าสร้าง อย่าทิ้ งห่างความดี


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 97 หนี้ กรรมก็ชดใช้ไป อย่าท้อแท้ในการสร้างคุณความดี หลานปู่ หลานย่า อย่าอ่อนแอ เจ้าจงศรัทธา ในความดี เพียรท าต่ออย่าได้ขาด ทุกอย่างมี เวลา เชื่อศรัทธา ปู่ ย่าจะคุ้มครอง ในวันชื่น คืนที่เศร้า พี่เฝ้าหา บนนภา มาศหมาย คลายทุกข์บ้าง ผูกจิตพี่ ใจพี่ ที่น้องนาง ใจสว่าง คลายทุกข์ เป็นสุขเอย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวเกี่ยวกับภพภูมินาคว่า เวลาคู่บุญ บารมีจะจุติ พญานาคแต่ละตนก็จะรู้เอง ว่าลูกไฟของใคร คู่จะจุติเป็ นคู่ ของใคร ท่านก็รู้แล้วว่าคู่จะมาจุติ เพราะผูกจิตกับคู่ตน ภพภูมินาคจะไม่ มีค าว่าตรงกลาง ถ้ารักก็จะรักมาก เมื่อรักใครแล้วยากที่จะถอดถอน จึง มีการสัญญาสาบาน ผูกจิตกับคู่ของตนไว้ หากเมื่อจ าพรากจากกันหรือ ละสังขารไป ร่างกายแตกสลายไป ไม่ได้ถอนถอดค าสัญญาสาบานนั้น แรงอธิษฐานสัญญารักที่กระท าด้วยจิตที่มีพลังของภพภูมิพญานาค ซึ่ง เป็นภพภูมิที่มีพลังฤทธ์ิมาก ก็ยิ่งมีพลังรักที่รุนแรง ติดจิตขา้มภพชาติ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านบอกว่าดวงจิตแยกจากกันแต่กายสังขารนาค ยังคงอยู่คู่กันที่ปากถ ้าทิพย์ ปู่บอกว่า มนุษย์ระลึกชาติได้ทุกคน แยกแยะความคิด พออายุ มากขึ้ นความจ าเป็ นในชีวิตลดลง การดื่มน ้าลืมชาติ ให้จ าและระลึกว่า เราเป็ นคนใหม่ แต่ว่าดวงจิตเดิม ถ้าจิตเดิมมีพลัง จิตดีก าหนดเอาเอง มโนจิตตรงกันจิตก็จูนกับท่าน เราต้องเข้าใจสัจธรรมของโลก ทุกอย่าง ล้วนเกิดขึ้ น ตั้งอยู่แล้วดับไป มีฟ้ามืดฉันใด ย่อมมีฟ้าสว่างฉันนั้น การ เกิดขึ้ นไม่ยากแต่การประคับประคองไม่ให้ตายนั้นยาก บางคนด าเนิน


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 98 ชีวิตเป็ นปกติคือการเดินสองขา แต่บางคนใช้ชีวิตไม่ปกติชอบเดินลาก ขาตัวเอง หรือเดินขาเดี้ ยงไปท าไม พอมีปัญหาแล้วมาโวยวาย คนกล้า ขอก็ต้องกล้ารับ แล้วต้องกล้าประคับประคองไปให้ได้ เวลาขออะไรต้อง คิดด้วย ให้ท าตัวเหมือนก าแพงหิน ถูกระแทกเท่าไรก็ไม่ล้ม ทุกอย่างถูก ก าหนดไว้แล้ว แต่มนุษย์ชอบฝืนชะตา อย่าอวดรู้อย่าอวดเก่ง ท าตัว เหมือนเด็กขายของ เบื่อแล้วก็ทิ้ ง ขาดความมุ่งมั่นและตั้งใจ ตอนนี้ ธุรกิจ เปรียบเหมือนเรือส าเภาในทะเล เจอคลื่นความแปรปรวน ธุรกิจใหญ่ก็ เหมือนเรือล าใหญ่ ไม่มีโอกาสล่ม แต่เรือล าเล็กก็ต้องช่วยกัน ประคับประคองมันก็ผ่านไปได้ “เมื่อก่อนจริตเจ้าอยู่ไกล เดินเร็ว ท่านเข้าใกล้ไม่ได้ ธรรมะยังไม่ ทัน ตอนนี้ ท่านอยู่ห่างแค่ ๒๐ ก้าว” ท่านชอบสอนเป็ นกุศโลบายว่านารีทิพย์จิตตื่นรู้เดินเร็วกว่า เมื่อก่อนท่านตามไม่ทัน แต่ตอนนี้ อยู่ห่างจากท่านอยู่ก้าว ๒๐ ก้าว แต่ นั่นเป็ นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จิตตื่นรู้ วาระส าหรับเจ้าถึงนาน แล้ว ทางธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว มาพร้อมตั้งแต่เกิด แต่ต้องชดใช้ทาง โลก มนุษย์มีวิบาก โลกมนุษย์ โลกเทวดาหมุนไปพร้อมกัน เคราะห์รัก เคราะห์กรรม เคราะห์โรค เวลาทางโลกมาเบียดเบียนทางธรรม ตอน ตายจิตก็เป็นแม่ชี จิตก่อนละสังขารนาคก็อยากบวช การเอาชนะตัณหาเหมือนเอาชนะตัวตน ไฟตัณหาเกิดขึ้ นก็ร้อน การมองข้ามตน ไปเรียนรู้แต่สิ่งอื่น การได้รับการยอมรับในสัตว์โลก อะไรคือการยอมรับ สิ่งใดร้อน ทิ้ งไว้ก็เย็น ร้อนด้วยความอยาก อยาก ด้วยสติปัญญาคืออยากในทางที่ถูกต้อง ท่านอยากให้เจ้านางรู้จักเดิน จงกรม เดินนับก้าว ท่านให้เห็นภาพปางพระสีวลีบิดตัว เป็นนักเดินทาง ความเหี่ยวแห้งในสังขารเราเป็ นเรื่องธรรมดา ท่านเมตตาเจ้านาง เหมือนเป็ นแสงสว่างต่อตรงถึงครูบาอาจารย์ จิตเจ้าเหมือนลูกแตงโม


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 99 แค่มีคนเอาหลอดไปจ่อดูดเนื้ อแตงโมออกมากิน ความรู้ทั้งหมดอยู่ในหัว แล้ว จะตอบในจิตของเจ้าเอง ท่านส่งคลื่นความถี่ เปิ ดปากกัลยาณมิตร ให้พูดแต่ไม่ผ่านสมอง เรียกว่าเปิ ดโอษฐ์ให้พูด จิตเจ้าสื่อถึงท่านแบบต่อ ตรง เหมือนการส่งคลื่นพลังงานการต่อตรง เจ้าจะไม่รู้ความหมาย เหมือนคลื่นโทรศัพท์ที่ท่านส่งผ่านมโนจิตให้เห็น เรียกว่าผ่านปาก ออก จากปากแต่ไม่ผ่านสมอง ภาษาท่านเพราะมากท่านบอกว่า “ประทับรับฟังหรือสดับรับฟังเข้าโสตประสาทเรา แล้วประสาท ก็รับรู้และจิตก็รับฟัง ถ้าคนที่มีมารเยอะครูบาอาจารย์ท่านสอนหูก็ดับ กรรมมาบัง ถ้าคนที่กรรมเบารับฟังมาแล้วให้ก าหนดจิตตาม จิตเราอยู่ ในสถานการณ์นั้นเราจะเข้าใจ” ท่านส่งมาสื่อเป็ นจิตญาณ แต่ถ้าเทพองค์ไหนประทับทรงมนุษย์ ปกติเป็ นการประทับบาปเพราะเป็ นการก้าวล่วงดวงจิต เป็ นบาป แต่ใน กรณีที่ท่านส่งจิตญาณมา แล้วมาส าทับอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง จะให้ เห็นเป็นภาพในมโนจิต “ภาษามนุษย์มันยากแท้หยั่งถึง อย่างค าว่า ดีจัง รัวๆๆ ปังๆๆ เฮงๆๆ มันเป็ นภาษาแสดงอารมณ์ จะไม่มีในภาษาเทพหรือภาษาของ ท่าน ถ้าบอกว่าเป็ นคนดี เป็นคนดีมาก หรือเป็ นคนดีน้อย ภาษาท่านมี แค่นี้ เวลามนุษย์ขอพร ขอให้รวยปังๆๆ รวยสุดๆ เทพท่านไม่รู้ว่า ปังๆๆ สุดๆๆ คืออะไร เวลาขอพรต้องใช้ค าพูดให้ชัดถ้อยชัดค า ต้องมี อักษระที่ไพเราะชัดเจน มีส านวนโวหาร ให้อ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อให้ท่าน เมตตา” *****


สวนธรรม สวนบุญ สวนประกอบบุญ 100 พระพุทธองค์ฉันเนื้ อสุกรมัทวะ สุดท้ายก็อาเจียนออกมา มีมาก ไป รู้รสแล้วก็จ า รู้รสพอแล้ว ท่านสอนให้พอเพียง บางครอบครัวเดิน เหยียบขี้ โคลนแต่ไม่ล้างเท้า คือรู้ปัญหาแต่ไม่ยอมช่วยตัวเอง เห็นก็เห็น อยู่ว่ามันสกปรก แต่ไม่ยอมล้าง ปล่อยให้มันเคยชิน จนกลายเป็นอนุสัย มันพอกพูนขึ้ นมาเรื่อยๆ บ่อโคลนบ่อดินก็ย ่าอยู่อย่างนั้นแหละ คือความ หลง แค่เดินออกไปจากความเคยชิน สถานการณ์ปัจจุบันของโลกมนุษย์ เหมือนมนุษย์อยู่บนเรือเจอคลื่นในทะเล บุคลากรในเรือครบ คลื่นสูงแต่ ละคนก็เปี ยกปอน ต้องหันไปมองฝั่ง ซื้ อเวลาไปเรื่อยๆ ทุกคนเจอคลื่น ชีวิต คนที่ยืนต้องประคองตนเอง คนไหนขาไม่แข็งแรง ทรงตัวไม่อยู่ ก็ เซไปบ้างเอียงซ้ายทีเอียงขวาที ทั่วโลกเจอปัญหาเหมือนกัน เด็กจบใหม่ บางคนภูมิคุ้มกันน้อย เปรียบเหมือนไม่มีวัคซีน จิตเบามาก แค่แตะก็ ปลิวไปเลย โยมลูกชอบคิดเป็ นธรรมะ แต่บางครั้งการคิดเป็ นธรรมะก็ จริง แต่ให้นึกถึงความเป็ นจริง อีกฝ่ ายกระแทก อีกฝ่ ายหลบ กฎหมาย เป็ นกรอบกรง คนแบบนี้ ซับซ้อนภายใน เรามีครูบาอาจารย์แนะน า ทางการปฏิบัติเป็นนายท้าย บางคนก็เครียดแล้วเครียดอีก ย ้าคิดในจุดเดียวเหมือนหมึกซึม ในกระดาษ จุดแช่ไว้แค่จุดเดียวจนมันหนาซึมกระจาย ก้อนทุกข์ดีดออก การดีดทุกข์จะมีสองแบบ คือดีดเป็ นก้อนกลมโยนออกไป อันที่สอง ออกเป็ นรังสีออกเป็ นคลื่น มนุษย์ปกติออกเป็นก้อน ผูกปมเป็นก้อน บี้ อยู่เรื่องเดียว ทุกข์อยู่เรื่องเดียว เช่นสามีไปมีเมียน้อยฟาดฟันอยู่เรื่อง เดียว เรื่องอื่นไม่เข้ามา ไม่เครียดหลายเรื่องในเวลาเดียว ผูกเป็ นก้อน พันปมรวมกันไว้ในหัว พยายามให้ศีลเสมอ ถ้าศีลไม่เสมอ ก็ถอยออกมา ๑ ก้าว คนปกติตัดบทดีดออก ถ้าแผ่ออกมาเป็ นรังสี แสดงว่าเก็บขยะไว้ เยอะ พวกนี้ เคยปฏิบัติมาก่อน เครียดจนพูดไม่ออก อยากระบายแต่ไม่ ออกจากตัว ดีดออกไม่หมดกระจายไปทั่วตัว มันบดบังพลังงานบวกของ


Click to View FlipBook Version