The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 2 <br>จิตรวดี คำพันธุ์ 63040111109

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kjitwadee18, 2024-01-31 07:43:48

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 2 <br>จิตรวดี คำพันธุ์ 63040111109

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเพ็ญประชานุกูล นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ รหัสประจำตัวนักศึกษา 63040111109 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและชีววิทยา การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 1 รหัสวิชา ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1) คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566


ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำ ขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และให้นักเรียนบรรลุตามมาตรฐานการ เรียนรู้ และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ผู้จัดทำจึงได้ศึกษาสาระการเรียนรู้พื้นฐานให้เข้าใจ จากนั้นนำปัญหาที่พบเจอจากประสบการณ์ และความรู้ที่ได้จากการอบรมสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคนิควิธีการสอน การวัดผลและการประเมินผล จิตวิทยาการเรียนรู้ ตลอดจนความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง มาจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ใน ครั้งนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ 2 นี้ ประกอบไปด้วยหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ และหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง ไฟฟ้า และพลังงานไฟฟ้า จะมีรายละเอียดของกิจกรรมการเรียนการสอน สื่อ แหล่งการเรียนรู้ การวัดและการ ประเมินผล รวมทั้งยังมีใบกิจกรรมประกอบ สามารถนำไปให้นักเรียนทำประกอบกับการสอนได้ การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ อย่างแท้จริง ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สอนเอง รวมทั้งเป็น ประโยชน์ต่อผู้สอนในรายวิชาเดียวกัน และผู้สอนแทนเป็นอย่างมาก จิตรวดี คำพันธุ์


ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ของ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 1 ความเป็นมาและความสำคัญ 1 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2 คุณภาพของผู้เรียนวิทยาศาสตร์ 2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 4 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 5 คำอธิบายรายวิชา 10 โครงสร้างหลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์ 11 กำหนดการสอน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ 15 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ลมบก ลมทะเล 16 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 มรสุมกับการเกิดฤดูของประเทศไทย 22 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ปรากฏการณเรือนกระจกของโลก 28 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 การลดปริมาณแกสเรือนกระจก 34 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 ภัยธรรมชาติ 40 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ 45 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ 50 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 การเกิดเงามืด เงามัว 51 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 การมองเห็นของดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ 57 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 การเกิดสุริยุปราคา 63 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 การเกิดจันทรุปราคา 69


ค สารบัญ (ต่อ) หน้า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ 75 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ 80 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรงไฟฟ้า และพลังงานไฟฟ้า 85 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 การเกิดและผลของแรงไฟฟ้า 86 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 92 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 การต่อเซลล์ไฟฟ้า 98 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า 104 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 การต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน 109 ภาคผนวก 115


1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุก คนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่างๆ ที่ มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็น เหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-based society) ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและ เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมี คุณธรรม วิทยาศาสตร์ยังช่วยพัฒนากระบวนการคิดวางแผน ศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลต่างๆจากแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลาย จากการลงมือปฏิบัติ และสามารถนำความรู้วิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวันได้อย่างสร้างสรรค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรระดับชั้นเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 2. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม ความเป็นมาและความสำคัญ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน


2 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และ มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ 1.ซื่อสัตย์สุจริต 2.อยู่อย่างพอเพียง 3.ใฝ่เรียนรู้ 4.มุ่งมั่นในการทำงาน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 1. เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตใน แหล่งที่อยู่ 2. การทำหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของพืช และการทำงานของระบบย่อยอาหารของมนุษย์ 3. เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสารการละลาย การ เปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ และการแยกสารอย่างง่าย คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คุณภาพของผู้เรียนวิทยาศาสตร์


3 4. เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงต่างๆ ผล ที่เกิดจากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดัน หลักการที่มีต่อวัตถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณ์เบื้องต้นของเสียง และแสง 5. เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ ขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคาพัฒนาการและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ 6. เข้าใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง หยาดน้ำฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลม บก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของ ปรากฏการณ์เรือนกระจก 7. ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของ ตน เคารพสิทธิของผู้อื่น 8. ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน คำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้ง เชิงปริมาณและคุณภาพ 9. วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน รูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมีเหตุผลและหลักฐานอ้างอิง 10. แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟังความ คิดเห็นผู้อื่น 11. แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่นรอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วงเป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 12. ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้นและศึกษาหา ความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือชิ้นงานตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า


4 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออก จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สาระและมาตรฐานการเรียนรู้


5 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจาก วัตถุที่ผ่านการขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ • วัตถุ2 ชนิดที่ผ่านการขัดถูแล้ว เมื่อนําเข้าใกล้กัน อาจดึงดูดหรือผลักกัน แรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงไม่สัมผัส เกิดขึ้นระหว่างวัตถุที่มีประจุ ไฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้ามี๒ ชนิด คือ ประจุไฟฟ้าบวก และประจุไฟฟ้าลบ วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน ผลักกัน ชนิดตรงข้ามกันดึงดูดกัน สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ 2. เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย • วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วยแหล่งกำเนิด ไฟฟ้าสายไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ ไฟฟ้าแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉาย หรือ แบตเตอรี่ ทำหน้าที่ให้พลังงานไฟฟ้า สายไฟฟ้า ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง


6 ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง เป็นตัวนําไฟฟ้า ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่าง แหล่งกำเนิดไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน เครื่องใช้ไฟฟ้ามีหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น พลังงานอื่น 3. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่ เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของ การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม 4. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์และ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน • เมื่อนําเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลล์มาต่อเรียงกันโดยให้ ขั้วบวกของเซลล์ไฟฟ้าเซลล์หนึ่งต่อกับขั้วลบของอีก เซลล์หนึ่งเป็นการต่อแบบอนุกรมทำให้มีพลังงาน ไฟฟ้าเหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมสามารถนําไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน เช่น การต่อเซลล์ไฟฟ้าในไฟฉาย 5. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่ เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบ อนุกรมและแบบขนาน 6. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอก ประโยชน์ข้อจํากัด และการประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน • การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมเมื่อถอดหลอด ไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออกทำให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือ ดับทั้งหมด ส่วนการต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน เมื่อ ถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออกหลอดไฟฟ้าที่ เหลือก็ยังสว่างได้การต่อหลอดไฟฟ้าแต่ละแบบ สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้เช่น การต่อหลอด ไฟฟ้าหลายดวงในบ้านจึงต้องต่อหลอดไฟฟ้าแบบ ขนาน เพื่อเลือกใช้หลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งได้ตาม ต้องการ 7. อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ 8. เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืด เงามัว • เมื่อนําวัตถุทึบแสงมากั้นแสงจะเกิดเงาบนฉากรับ แสงที่อยู่ด้านหลังวัตถุโดยเงามีรูปร่างคล้ายวัตถุที่ทำ ให้เกิดเงา เงามัวเป็นบริเวณที่มีแสงบางส่วนตกลง บนฉาก ส่วนเงามืดเป็นบริเวณที่ไม่มีแสงตกลงบน ฉากเลย


7 สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. สร้างแบบจําลองที่อธิบายการเกิด และ เปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคา และ จันทรุปราคา • เมื่อโลกและดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง เดียวกันกับดวงอาทิตย์ในระยะทางที่เหมาะสมทำให้ ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์เงาของดวงจันทร์ทอดมายัง โลก ผู้สังเกตที่อยู่บริเวณเงาจะมองเห็นดวงอาทิตย์ มืดไป เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาซึ่งมีทั้ง สุริยุปราคาเต็มดวง สุริยุปราคาบางส่วนและ สุริยุปราคาวงแหวน • หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง เดียวกันกับดวงอาทิตย์แล้วดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่าน เงาของโลก จะมองเห็นดวงจันทร์มืดไปเกิด ปรากฏการณ์จันทรุปราคาซึ่งมีทั้งจันทรุปราคาเต็ม ดวง และจันทรุปราคาบางส่วน 2. อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และ ยกตัวอย่างการนําเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวัน จากข้อมูลที่รวบรวมได้ • เทคโนโลยีอวกาศเริ่มจากความต้องการของมนุษย์ ในการสํารวจวัตถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่ากล้อง โทรทรรศน์และได้พัฒนาไปสู่การขนส่งเพื่อสํารวจ อวกาศด้วยจรวดและยานขนส่งอวกาศและยังคง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการนําเทคโนโลยี อวกาศบางประเภทมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์ อากาศ หรือการสํารวจทรัพยากรธรรมชาติการใช้ อุปกรณ์วัดชีพจรและการเต้นของหัวใจ หมวกนิรภัย ชุดกีฬา


8 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง 4. เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทั้งอธิบายผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จากแบบจําลอง • ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจากพื้นดินและพื้น น้ำ ร้อนและเย็นไม่เท่ากันทำให้อุณหภูมิอากาศ เหนือพื้นดินและพื้นน้ำแตกต่างกัน จึงเกิดการ เคลื่อนที่ของอากาศจากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำไปยัง บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง • ลมบกและลมทะเลเป็นลมประจำถิ่นที่พบบริเวณ ชายฝั่ง โดยลมบกเกิดในเวลากลางคืน ทำให้มีลมพัด จากชายฝั่งไปสู่ทะเล ส่วนลมทะเลเกิดในเวลา กลางวัน ทำให้มีลมพัดจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่ง 5. อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศ ไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ • มรสุมเป็นลมประจำฤดูเกิดบริเวณเขตร้อนของโลก ซึ่งเป็นบริเวณกว้างระดับภูมิภาคประเทศไทยได้รับ ผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงประมาณ กลางเดือนตุลาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ทำให้เกิดฤดู หนาว และได้รับผลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วง ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือน ตุลาคมทำให้เกิดฤดูฝน ส่วนช่วงประมาณกลางเดือน กุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นช่วง เปลี่ยนมรสุมและประเทศไทยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แสงอาทิตย์เกือบตั้งตรงและตั้งตรงประเทศไทยใน เวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ อย่างเต็มที่อากาศจึงร้อนอบอ้าวทำให้เกิดฤดูร้อน 6. บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วมการ กัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ 7. ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณี พิบัติภัย โดยนําเสนอแนวทางในการเฝ้าระวังและ • น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิมีผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม แตกต่างกัน • มนุษย์ควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัย เช่น


9 ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและธรณี พิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำสมอ เตรียมถุงยังชีพให้ พร้อมใช้ตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสั่งของ ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดเมื่อเกิดภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย 8. สร้างแบบจําลองที่อธิบายการเกิดปรากฏการณ์ เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจก ต่อสิ่งมีชีวิต 9. ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์เรือน กระจก โดยนําเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลด กิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก • ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจก ในชั้นบรรยากาศของโลกกักเก็บความร้อนแล้วคาย ความร้อนบางส่วนกลับสู่ผิวโลก ทำให้อากาศบนโลก มีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต • หากปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงมากขึ้นจะมี ผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกมนุษย์จึงควร ร่วมกันลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก


10 คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว16101 รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมสึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 33 ชั่วโมง จำนวน 1 หน่วยกิต คำอธิบายรายวิชา ศึกษาวิเคราะเกี่ยวกับสารอาหาร การเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหาร ครบถ้วนในสัดส่วนที่ เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ ระบบย่อยอาหาร การแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้ แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน กระบวนการเกิดหินอัคนีหินตะกอน และหินแปร และวัฏจักรหิน ลักษณะ และสมบัติของหินและแร่การใช้ประโยชน์ของหินและแร่การเกิดซากดึกดำบรรพ์และ สภาพแวดล้อม ในอดีต ของซากดึกดำบรรพ์ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อวงจรไฟฟ้าอย่าง ง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ประโยชน์ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม การต่อหลอด ไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน การ เกิดเงามืดเงา รังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา การ พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันการเกิดลมบก ลมทะเล มรสุมที่มี ผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ แนวทางในการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น ปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือน กระจกต่อสิ่งมีชีวิต ผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ สร้างแบบจำลอง และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ เรียนรู้ สามารถตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม มาตราฐาน/ตัวชี้วัด ว 2.2 ป. 6/1 ว 2.3 ป. 6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8 ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2 ว 3.2 ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9 รวม 17 ตัวชี้วัด


11 โครงสร้างหลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมสึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เวลา 35 ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 4 ปรากฏการณ์ ของโลกและ ภัยธรรมชาติ ว 3.2 ป.6/4 ว 3.2 ป.6/5 ว 3.2 ป.6/6 ว 3.2 ป.6/7 ว 3.2 ป.6/8 ว 3.2 ป.6/9 - ลมบก ลมทะเล - มรสุมกับการเกิดฤดูของประเทศไทย - ปรากฏการณเรือนกระจกของโลก - การลดปริมาณแกสเรือนกระจก - การเกิดภัยธรรมชาติ - การปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ 12 25 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยี อาวกาศ ว 2.3 ป.6/7 ว 2.3 ป.6/8 ว 3.1 ป.6/1 ว 3.1 ป.6/2 - การเกิดเงามืด เงามัว - การมองเห็นดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ - การเกิดสุริยุปราคา - การเกิดจันทรุปราคา - พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ - ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ 12 25 6 แรงไฟฟ้าและ พลังงาน ว 2.2 ป.6/1 ว 2.3 ป.6/1 ว 2.3 ป.6/2 ว 2.3 ป.6/3 ว 2.3 ป.6/4 ว 2.3 ป.6/5 ว 2.3 ป.6/6 - การเกิดและผลของแรงไฟฟ้า - วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย - การต่อเซลล์ไฟฟ้า - การเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้า - การต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน 10 20 รวมระหว่างเรียน 34 70 สอบปลายภาค 1 30 รวมทั้งหมด 35 100


12 กำหนดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 รหัสวิชา ว 16101 รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สัปดาห์ ที่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ เวลา (ชั่วโมง) มาตราฐาน/ตัวชี้วัด หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ จำนวน 6 แผน 1 - แผนที่ 1 ลมบก ลมทะเล 2 (ว 3.2 ป.6/4) เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทั้งอธิบายผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จากแบบจำลอง 2 - แผนที่ 2 มรสุมกับการเกิดฤดูของ ประเทศไทย 2 (ว 3.2 ป.6/5) อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศ ไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 3 - แผนที่ 3 ปรากฏการณเรือน กระจกของโลก 2 (ว 3.2 ป.6/8) สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดปรากฏการณ์ เรือนกระจกและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจก ต่อสิ่งมีชีวิต 4 - แผนที่ 4 การลดปริมาณแกสเรือ นกระจก 2 (ว 3.2 ป.6/9) ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์เรือน กระจก โดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลด กิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก 5 - แผนที่ 5 ภัยธรรมชาติ 2 (ว 3.2 ป.6/6) บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วม การ กัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิ 6 - แผนที่ 6 การปฏิบัติตนใหปลอดภัย จากภัยธรรมชาติ 2 (ว 3.2 ป.6/7) ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณี พิบัติภัย โดยนำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวังและ


13 สัปดาห์ ที่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ เวลา (ชั่วโมง) มาตราฐาน/ตัวชี้วัด ปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ และธรณี พิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น หน่วยการเรียนรู้ที่5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ จำนวน 6 แผน 7 - แผนที่ 7 การเกิดเงามืด เงามัว 2 (ว 2.3 ป.6/7) บายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป.6/8) เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงา มัว 8 - แผนที่ 8 การมองเห็นของดวง จันทร์บังดวงอาทิตย์ 2 (ว 3.1 ป.6/1) สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดและเปรียบเทียบ 9 - แผนที่ 9 การเกิดสุริยุปราคา 2 ปรากฏการณ์สุริยุปราคา และจันทรุปราคา 10 - แผนที่ 10 การเกิดจันทรุปราคา 2 11 -แผนที่ 11 พัฒนาการของ เทคโนโลยีอวกาศ 2 (ว 3.1 ป.6/2) อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศและ ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวันจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 12 - แผนที่ 12 ประโยชน์ของ เทคโนโลยีอวกาศ 2 13 เก็บคะแนนหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 และหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า จำนวน 5 แผน 14 - แผนที่ 13 การเกิดและผลของแรง ไฟฟ้า 2 (ว 2.2 ป.6/1) อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจาก วัตถุที่ผ่านการขัดถู โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ 15 - แผนที่ 14 วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 2 (ว 2.3 ป.6/1) ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจาก หลักฐานเชิงประจักษ์


14 สัปดาห์ ที่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ เวลา (ชั่วโมง) มาตราฐาน/ตัวชี้วัด 16 - แผนที่ 15 การต่อเซลล์ไฟฟ้า 2 (ว 2.3 ป.6/3) ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่ เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม (ว 2.3 ป.6/4) ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์และการ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 17 - แผนที่ 16 การเขียนแผนภาพ วงจรไฟฟ้า 2 (ว 2.3 ป.6/2) เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 18 - แผนที่ 17 การต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าใน บ้าน 2 (ว 2.3 ป.6/5) ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่ เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบ อนุกรมและแบบขนาน (ว 2.3 ป.6/6) ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอด ไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอก ประโยชน์ข้อจำกัด และการประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน สอบปลายภาค 1 รวม 36 17 ตัวชี้วัด


15 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ


16 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 1 ลมบก ลมทะเล และมรสุม เรื่อง ลมบก ลมทะเล เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/4 เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุมรวมทั้งอธิบายผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อมจากแบบจำลอง 2. สาระสำคัญ ลมบก และลมทะเล เกิดจากความร้อนซึ่งแตกต่างกันระหว่างบริเวณทะเลและพื้นดินตามชายฝั่งใน เวลากลางวัน ผืนแผ่นดินตามชายฝั่งได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ ทำให้มีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณทะเล ดังนั้น อากาศในบริเวณแผ่นดิน จึงมีความแน่นน้อยกว่า และความกดก็ลดลงด้วยจึงลอยตัวขึ้น ดังนั้น อากาศเย็นตาม บริเวณทะเลจะพัดเข้ามาแทนที่ ลมซึ่งพัดจากทะเลนี้เรียกว่า “ลมทะเล” (sea breeze) ซึ่งเกิดขึ้นในตอนบ่าย และเย็น ส่วน “ลมบก” (land breeze) เกิดขึ้นในทิศตรงกันข้ามกับลมทะเล และมีกำลังแรงน้อยกว่า เกิดใน ตอนกลางคืน พื้นน้ำมีอุณหภูมิสูงกว่าผืนแผ่นดิน ดังนั้น อากาศในบริเวณทะเลซึ่งมีความแน่นน้อยกว่าจะ ลอยตัวขึ้น อากาศเย็นในบริเวณแผ่นดินจะพัดออกไปแทนที่ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายการเกิดลมบก ลมทะเลได้(K) 3.2 อธิบายผลการเกิดลมบก ลมทะเลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้(K) 3.3 เขียนแผนภาพลมบก ลมทะเลได้(P) 3.4 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ลมบก ลมทะเล


17 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูให้นักเรียนทายว่าภาพสิ่งของอะไรที่อยู่หลังแผ่นป้าย โดยให้นักเรียนใช้คำถามเกี่ยวกับลักษณะ ของสิ่งนั้น เช่น ของสิ่งนี้นุ่มหรือไม่ ของสิ่งนี้มีอยู่ทุกบ้านใช่ไหม เป็นต้น จนกว่านักเรียนมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่หลัง แผ่นป้ายคือ เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ 1.2 ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาโดยถามคำถามนักเรียน ดังนี้ - ลม เกิดจากอะไร (อากาศมีการเคลื่อนที่) - ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร (ลมเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิของอากาศบริเวณที่อยู่ใกล้กัน โดย อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจะเคลื่อนที่สูงขึ้น และอากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำจะเคลื่อนเข้าไปแทนที่) 1.3 ครูกระตุ้นความสนใจนักเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันระดมความคิดว่าเพราะเหตุใดอากาศจึงมี การเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง (เพราะบริเวณที่อุณหภูมิสูงอากาศจะเบาจึง ลอยตัวขึ้น ทำให้บริเวณที่อุณหภูมิต่ำอากาศหนักจมตัวลงพัดเข้ามาแทนที่) 1.4 ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหา และแจ้งจุดประสงค์บทเรียน 2. ขั้นสำรวจค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน เพื่อทำกิจกรรมการเกิดลมบก ลมทะเล เป็นย่างไร โดยให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาสถานการณ์จำลองและกราฟผลการทดลอง เรื่อง การเกิดลมบก ลมทะเล จากหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 10 และ 11 2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนแผนภาพลมบก ลมทะเล จากการศึกษาสถานการณ์จำลองและกราฟ ผลการทดลอง เรื่อง การเกิดลมบก ลมทะเล 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอแผนภาพลมบก ลมทะเล พร้อมทั้งอธิบายการเกิดลมบก ลมทะเล รวมทั้งนำเสนอผลการเกิดลมบก โดยตอบคำถามต่อไปนี้ - ทรายและน้ำดูดความร้อนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (ทรายจะดูดความร้อนและคาย ความร้อนได้เร็วกว่าน้ำ) - นักเรียนคิดว่าในเวลากลางวันบริเวณชายฝั่งและทะเลบริเวณใดมีอุณหูมิสูง (ชายฝั่ง เพราะ พื้นทรายจะดูดความร้อนได้ดีกว่า) - นักเรียนคิดว่าในเวลากลางคืนบริเวณชายฝั่งและทะเลบริเวณใดมีอุณหภูมิสูง (น้ำทะเล เพราะคายความร้อนได้ช้ากว่าพื้นทราย)


18 3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการ นำเสนอข้อมูลเพื่อสรุปผลการทดลอง (ลมบกจะพัดในตอนกลางคืนจากชายฝั่งสู่ทะเล เนื่องจากในเวลา กลางคืนพื้นดินคายความได้เร็วกว่าพื้นน้ำทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าพื้นน้ำ ลมทะเลจะพัดในกลางวันจากทะเลสู่ ชายฝั่ง เนื่องจากในเวลากลางวันพื้นดินดูดความร้อนได้ดีกว่าทำให้อุณหภูมิสูงกว่าพื้นน้ำ) 4. ขั้นขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูชักชวนนักเรียนร้องเพลง “ลมบก ลมทะเล” เพื่อให้นักเรียนความเข้าใจและจดจำเนื้อหาได้ ง่ายยิ่งขึ้น เพลง “ลมบก ลมทะเล” ลมบก ลมทะเล อากาศถ่ายเทผลัดกันผลัดกัน ลมทะเลนั้นพัดกลางวัน (ซ้ำ) ส่วนลมบกนั้นพัดยามค่ำคืน ลมเกิดเพราะความร้อนเย็น เป็นประจำทุกวันทุกคืน ลมพาน้ำมาเป็นคลื่น (ซ้ำ) หัวใจระรื่นอยากอยู่ทะเล (ซ้ำ) 4.2 ครูให้นักเรียนกลับไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของลมบก ลมทะเล ของมนุษย์เพื่อ นำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั่วโมงต่อไป 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนบอกความแตกต่างของการเกิดลม ลมทะเล (ลมบกเกิดในเวลากลางคืนพัดจากชายฝั่งสู่ทะเล ลมทะเลเกิดตอนกลางวันพัดจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่ง) 6. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 6.2 เพลง “ลมบก ลมทะเล”


19 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ความสำเร็จ 1. อธิบายการเกิดลมบก ลมทะเลได้(K) 2. อธิบายผลการเกิดลม บก ลมทะเลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมได้(K) - สังเกตการตอบคำถาม และการนำเสนอ - ตรวจผลกิจกรรม - ข้อคำถาม - ใบผลกิจกรรมที่ 1.1 แยก สารที่เป็นของแข็งออกจาก ของแข็ง และแม่เหล็ก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 3. เขียนแผนภาพลมบก ลมทะเลได้(P) - ตรวจผลการปฏิบัติ กิจกรรมและแบบบันทึก กิจกรรม - ผลการปฏิบัติกิจกกรม และแบบบันทึกกิจกรรมที่ 1.1 แยกสารที่เป็นของแข็ง ออกจากของแข็ง และ แม่เหล็ก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 4. มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


20


21


22 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 1 ลมบก ลมทะเล และมรสุม เรื่อง มรสุมกับการเกิดฤดูของประเทศไทย เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/5 อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ 2. สาระสำคัญ ลมมรสุม เป็นลมประจำฤดู เกิดจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของพื้นดิน และพื้นน้ำในฤดูหนาว อุณหภูมิของพื้นดินเย็นกว่า อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทร อากาศเหนือพื้นน้ำจึงมีอุณหภูมิสูงกว่า และลอยตัว ขึ้นสู่เบื้องบน อากาศเหนือทวีปซึ่งเย็นกว่าไหลไปแทนที่ ทำให้เกิดเป็นลมพัดออกจากทวีป พอถึงฤดูร้อน อุณหภูมิของดินภาคพื้นทวีปร้อนกว่าน้ำในมหาสมุทร เป็นเหตุให้เกิดลมพัดในทิศทางตรงข้าม ประเทศไทยอยู่ ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายการเกิดมรสุมได้(K) 3.2 อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทยได้(K) 3.3 เขียนตารางเปรียบเทียบการเกิดมรสุมในประเทศไทยได้(P) 3.4 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 มรสุมกับการเกิดฤดูของประเทศไทย 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)


23 1.1 ครูสุ่มนักเรียน 2 คน เพื่อทบทวนความรู้การเกิดลมบก ลมทะเล โดยนักเรียนคนอื่นๆ ในห้อง สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ได้ 1.2 ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนนำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลประโยชน์จากลมบก ลมทะเล (อาชีพ ชาวประมง การใช้ลมผลิตกระแสไฟฟ้า การขายสินค้าที่ใช้ลม เช่น ว่าว) 1.3 ครูแสดงบทบาทสมมติเป็นนักข่าวรายงานสภาพอากาศของประเทศไทย ดังนี้ “รายงานสภาพ อากาศของประเทศไทย ภาคเหนือจะมีอุณหภูมิลดลงอีก 1 - 2 องศาเซลเซียส เนื่องจากได้รับอิทธิพล มรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้ทะเลจะมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุม ตะวันตก เฉียงใต้” 1.4 ครูตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - สาเหตุที่ทำให้สภาพอากาศในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลง (มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้) - นักเรียนคิดว่ามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีลักษณะการเกิด เหมือนลมบก ลมทะเล หรือไม่อย่างไร (อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น เหมือนกันเนื่องจากอากาศ สองบริเวณมีอุณหภูมิแตกต่างกัน) 1.5 ครูให้นักเรียนดูภาพแผนที่ประเทศไทยเพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกับทิศต่าง ๆ 1.6 ครูชี้แจงจุดประสงค์ในการเรียนให้แก่นักเรียนทราบ 2. ขั้นสำรวจค้นหา (Exploration) 2.1 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 - 7คน เพื่อทำกิจกรรมการเคลื่อนที่ของมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทย ซึ่งมีขั้นตอนการทำกิจกรรมดังนี้ - แต่ละกลุ่มจะได้รับใบกิจกรรมที่ 1.2 แผนที่โลกกลุ่มละ 1 แผ่น - ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาศึกษาใบความรู้ เรื่อง มรสุมกับการเกิดฤดูของประเทศไทย จาก หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 17 – 19 - ให้นักเรียนวาดลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และ มรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือ -ตอบคำถามในใบกิจกรรมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ 2.2 ในระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรมครูคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนและ ให้คำแนะนำ นักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาแผนที่โลกเพื่อหาตำแหน่งของประเทศไทยและอธิบายลักษของทิศต่างๆ ในประเทศ 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)


24 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมการเคลื่อนที่ของ มรสุมที่พัดผ่าน ประเทศไทย โดยในระหว่างที่แต่ละกลุ่มนำเสนอให้นักเรียนร่วมกันตรวจคำตอบและ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างสร้างสรรค์ 3.2 ครูให้นักเรียนชมวีดีทัศน์ เรื่อง วิชาโลกดาราศาสตร์อวกาศ – มรสุม เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ มรสุมที่ พัดผ่านประเทศไทย 3.3 ครูให้นักเรียนรวมกันตั้งข้อสังเกตและอภิปรายเพื่อเชื่อมโยงความรู้การเกิดมรสุมกับการ เกิดลม บกลมทะเลว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (การเกิดมรสุมคล้ายกับการเกิดลมบกลมทะเล ซึ่งเกิด จากความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างพื้นดินและพื้นน้ำ โดยมรสุมจะมีบริเวณการเกิดที่กว้างกว่าแบบลมบก ลมทะเล) 3.4 ครูตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดมรสุมจึงไม่พัดผ่านประเทศไทยตลอดทั้งปี โดยให้นักเรียน ร่วมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม (มรสุมเป็นลมประจำฤดูซึ่งเกิดบริเวณเขตร้อนของโลก แต่ละมรสุมมี ระยะเวลาในการเกิดต่อเนื่องยาวนานประมาณ 3-5 เดือน เนื่องจากโลกมีการโคจรรอบดวง อาทิตย์ตลอดเวลา ทำให้แต่ละพื้นที่ได้รับแสงไม่เท่ากัน) 4. ขั้นขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูและนักเรียนสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ในช่วงที่มรสุมพัดผ่าน เช่น ฤดูหนาว อากาศจะแห้งต้นไม้จะมีการผลัดใบ ส่วนในช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกชุกทำให้ต้นไม้เขียวชอุ่มเพราะได้รับ น้ำ ดังนั้น หากนักเรียนต้องการทำการเกษตรควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการว่านผลผลิต 4.2 ครูให้นักเรียนกลับไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของมรสุมที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั่วโมงต่อไป 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 ครูตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนในประเด็นต่างๆ ดังนี้ - มรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยจากมหาสมุทรอินเดียเข้าสู่ประเทศไทยคือมรสุมใด (มรสุม ตะวันตกเฉียงใต้) - มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีแหล่งการเกิดจากที่ใดของโลก (ประเทศมองโกเลียและจีน) 6. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 6.2 ภาพแผนที่ประเทศไทย


25 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ความสำเร็จ 1. อธิบายการเกิดมรสุม ได้(K) 2. อธิบายผลของมรสุม ต่อการเกิดฤดูของ ประเทศไทยได้(K) - สังเกตการตอบคำถาม และการนำเสนอ - ตรวจใบกิจกรรม - ข้อคำถาม - ใบกิจกรรมที่ 1.2 การ เคลื่อนที่ของมรสุมที่พัดผ่าน ประเทศไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 3. เขียนตาราง เปรียบเทียบการเกิด มรสุมในประเทศไทยได้ (P) - ตรวจผลการปฏิบัติ กิจกรรมและใบบันทึก กิจกรรม - ผลการปฏิบัติกิจกกรม และใบกิจกรรมที่ 1.2 การ เคลื่อนที่ของมรสุมที่พัดผ่าน ประเทศไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 4. มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


26


27


28 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 2 ปรากฏการณ์เรือนกระจก เรื่อง ปรากฏการณเรือนกระจกของโลก เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/8 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและผลของ ปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อสิ่งมีชีวิต 2. สาระสำคัญ ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศของโลกกักเก็บความร้อนแล้วคาย ความร้อนบางส่วนกลับสู่ผิวโลก ทำให้อากาศบนโลกมีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกได้(K) 3.2 อธิบายผลของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อสิ่งมีชีวิตได้(K) 3.3 สร้างแบบจำลองการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกได้(P) 3.4 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ปรากฏการณเรือนกระจกของโลก 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนนำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลผลของมรสุมที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม (มี ผลต่อการออกดอกและการติดผลของพืชบ้างชนิด ทำให้เกิดน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากในบ้างพื้นที่ หรือเป็น สัญญานในการเพาะปลูก เช่น ข้าว)


29 1.2 ครูสำรวจความรู้ก่อนเรียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยทำแบบทดสอบก่อนเรียนใน หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 31-32 ลงในสมุดเรียน 1.3 ครูให้นักเรียนดูภาพการลดลงของน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 30 โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้คำถามดังนี้ - การลดลงของน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เรือนกระจกหรือไม่ - ปรากฏการณ์เรือนกระจกมีผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมอย่างไรอีกบ้าง 1.4 ครูชี้แจงจุดประสงค์ในการเรียนให้แก่นักเรียนทราบ 2. ขั้นสำรวจค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน จากนั้นศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ 1.3 ปรากฏการณ์ เรือนกระจกของโลกเป็นอย่างไร จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 35-37 โดยปฏิบัติดังนี้ 1) ส่งตัวแทนกลุ่มไปรับวัสดุ-อุปกรณ์ในการทำกิจกรรม 2) แต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก - สร้างแบบจำลองการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกตามขั้นตอนในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ฯ ป.6 เล่ม 2 หน้า 35-37 และบันทึกข้อมูลลงในแบบันทึกกิจกรรมที่ 1.3 ปรากฏการณ์เรือนกระจกของโลก เป็นอย่างไร 2.2 ในระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยดูแลอำนวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูล และการ เลือกใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และแนะนำนักเรียนเพิ่มเติมในเรื่องการจับเวลา และการบันทึก ข้อมูลในช่วงเวลาต่างๆ 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในประเด็นต่อไปนี้ - ผลการทำกิจกรรมที่ 1.3 ปรากฏการณ์เรือนกระจกของโลกเป็นอย่างไร - อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยใช้แบบจำลองปรากฏการณ์เรือนกระจก 3.2 ครูเตรียมลูกโลกจำลองขนาดเล็ก และโหลพลาสติก และไฟฉาก เพื่อสาธิตการเกิดปรากฏการณ์ เรือนกระจก โดยให้นักเรียนร่วมกันสังเกตว่าวัสดุแต่ละชนิดแทนสิ่งใด (ไฟฉายแทนรังสีความร้อนจากดวง อาทิตย์ โลกจำลองแทนโลกของเรา และโหลพลาสติกใสแทนแก๊สเรือนกระจก) 3.3 ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมหากครูเปิดไฟฉายไว้ตลอดทั้งวัน และโหลมากขึ้นกว่าเดิมจะส่งผลทำให้ อุณหภูมิภายในโหลพลาสติกใสสูงสูงขึ้น เช่นเดียวกับการเกิดปรากฏการเรือนกระจกเมื่อแก๊สเมื่อแก๊สเรือน กระจกเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้กักเก็บความร้อนไว้ได้มากขึ้นทำให้เกิดภาวะโลกร้อน


30 3.4 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกจนได้ข้อสรุปว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจกคือปรากฏการณ์ที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะในเวลากลางวันแก๊สเรือนกระจกที่อยู่ ในชั้นบรรยากาศจะดูดซับรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์เอาไว้บางส่วน และในเวลากลางคืน เมื่อเปลือกโลก ได้รับความร้อนมากจึงคายความร้อนออกสู่ผิวโลก ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างฉับพลัน 4. ขั้นขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูตั้งประเด็นคำถามเพื่อขยายความเข้าใจของนักเรียนว่า “แก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นไม่ดีใช่ หรือไม่เพราะจะมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน” ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับข้อความประโยคนี้ (ไม่ใช่ แก๊สเรือนกระจกในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้อุณหภูมิของโลกพอเหมาะในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ทำให้ อากาศบนโลกไม่หนาวเย็นจนเกินไป) 4.2 ครูให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน เพื่อขยายความเข้าใจ และสรุปความรู้จากการเรียน 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 31-32 5.2 ครูตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - ให้นักเรียนยกตัวอย่างแก๊สเรือนกระจก (แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สมีเทน แก๊สคลอโร ฟลูออโรคาร์บอน แก๊สไนตรัสออกไซด์ แก๊สไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน) - นักเรียนคิดว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรมีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือไม่ เพราะเหตุใด (อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น มีผล เพราะมีการทำกิจกรรมที่ปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่ม มากขึ้น 6. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 6.2 ใบงาน เรื่อง ปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน


31 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ความสำเร็จ 1. อธิบายเกิด ปรากฏการณ์เรือน กระจกได้(K) 2. อธิบายผลของ ปรากฏการณ์เรือน กระจกต่อสิ่งมีชีวิตได้ (K) - สังเกตการตอบคำถาม และการนำเสนอ - ตรวจผลกิจกรรม - ตรวจใบงาน - ข้อคำถาม - แบบันทึกกิจกรรมที่ 1.3 ปรากฏการณ์เรือนกระจก ของโลกเป็นอย่างไร - ใบงาน เรื่อง ปรากฏการณ์ เรือนกระจกและภาวะโลก ร้อน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 3. สร้างแบบจำลองการ เกิดปรากฏการณ์เรือน กระจกได้(P) - ตรวจแบบจำลอง - แบบจำลองการเกิด ปรากฏการณ์เรือนกระจก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 4. มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


32


33


34 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 2 ปรากฏการณ์เรือนกระจก เรื่อง การลดปริมาณแกสเรือนกระจก เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/9 ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยนำเสนอแนวทางการ ปฏิบัติตนเพื่อลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก 2. สาระสำคัญ สาเหตุสำคัญของการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกมาจากกิจกรรมต่างๆ ที่มนุษย์ดำเนินใน ชีวิตประจำวัน หากทุกคนร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่บรรยากาศ รวมไป ถึงเพิ่มแหล่งดูดซับแก๊สเรือนกระจกก็จะทำให้อุณหภูมิของโลกลดลงได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายผลกระทบจากปรากฏการณ์เรือนกระจกที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม (K) 3.2 นำเสนอโครงงานเพื่อลดการเกิดแก๊สเรือนกระจกได้(P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การลดปริมาณแกสเรือนกระจก 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูสุ่มนักเรียน 4 - 5 คน เพื่อให้บอกผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน เพื่อทบทวนความรู้ เดิมของนักเรียน


35 1.2 ครูตั้งข้อสังเกตว่านักเรียนคิดว่าเราจะสามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้หรือไม่อย่างไร (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน) 1.3 ครูชี้แจงจุดประสงค์ในการเรียนให้แก่นักเรียนทราบ 2. ขั้นสำรวจค้นหา (Exploration) 2.1 ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน เพื่อทำกิจกรรมเด็กไทยยุคใหม่ลดการปล่อยแก๊สเรือน กระจก ซึ่งมีขั้นตอนการกิจกรรมดังนี้ - แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดโครงการกลุ่มละ 1 โครงการ ที่สามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ได้ โดยให้ตั้งชื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำเพื่อดึงดูดความสนใจผู้อ่าน - ให้นักเรียนเขียนวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการดำเนินโครงการ งบประมาณที่ต้องใช้ และผลที่ คาดว่าจะได้รับ บันทึกข้อมูลลงในกระดาษปรู๊ฟ 2.2 ในระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยให้คำแนะนำนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งชื่อโครงการ และการดำเนินกิจกรรมภายในโครงการ โดยให้นักเรียนเลือกโครงการที่สามารถทำได้จริงใน ชีวิตประจำวัน 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอโครงการเพื่อลดการเกิดแก๊สเรือน กระจก โดย ให้นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ร่วมกันแสดงความคิดอื่น ๆ เพิ่มเติมภายในโครงการได้ เพื่อให้สามารถ นำไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน 3.2 ครูให้นักเรียนนำโครงการที่เขียนติดบนกระดานและจัดบรรยากาศในห้องเรียนเหมือนกับ นิทรรศการ เพื่อให้นักเรียนกลุ่มอื่นๆ เดินชมผลงานของเพื่อน และร่วมกันให้คะแนนโหวตแก่กลุ่มที่ทำ โครงการได้น่าสนใจ 3.3 ครูสรุปผลการโหวตโครงการที่น่าสนใจ และมอบรางวัลให้แก่กลุ่มที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด 3.4 ครูตั้งคำถามเพื่ออธิบายความรู้เพิ่มเติมโดยใช้โครงการที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดเป็นสื่อในการ แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - เพราะเหตุใดนักเรียนจึงสนใจโครงการนี้ (แนวคำตอบ อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน) - โครงการนี้ช่วยลดการแก๊สเรือนกระจกชนิดใดบ้าง (แนวคำตอบ ตามความเหมาะสมของโครงการ) - กิจกรรมในโครงการนักเรียนสามารถร่วมทำกิจกรรมได้หรือไม่อย่างไร (แนวคำตอบ ตามความ เหมาะสมของโครงการ) 4. ขั้นขยายความรู้(Elaboration) 4.1 ครูถามนักเรียนเพื่อให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า


36 - ถ้าเกิดว่าโลกนี้ไม่มีแก๊สเรือนกระจก โลกจะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ : หากบรรยากาศโลกไม่มีแก๊ส เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ จะทำให้อุณหภูมิในตอนกลางวันนั้นร้อนจัด และในตอนกลางคืนหนาวจัด เนื่องจากแก๊สเหล่านี้ดูดคลื่นรังสีความร้อนในเวลากลางวันแล้วค่อย ๆ แผ่รังสีความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ทำให้อุณหภูมิโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน) 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 นักเรียนในห้องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ เพื่อทำกิจกรรม กล่องระเบิดคำถาม โดยปฏิบัติดังนี้ 1) นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมาหน้าชั้นเรียนกลุ่มละ 1 คน เพื่อเป็นคนจับ นาฬิกาจับเวลา (อาจใช้โทรศัพท์มือถือจับเวลาแทนนาฬิกาจับเวลา) 2) ครูตั้งเวลาไว้ 2 วินาทีวางนาฬิกาลงกล่อง 3) ถ้ากล่องเคลื่อนที่ไปฝั่งใดให้นักเรียนที่เป็นตัวแทนกลุ่มบอกแนวทางในการลดแก๊สเรือน กระจก 4) โดยสมาชิกที่เหลือในห้องสามารถบอกคำตอบกับตัวแทนกลุ่มได้ ส่วนสมาชิกฝั่งตรงข้าม ทำหน้าที่ตรวจสอบคำตอบของอีกฝั่ง 5) เมื่อตอบคำตอบได้ถูกต้อง ส่งกล่องให้อีกฝั่ง และให้อีกฝั่งบอกแนวทางในการลดแก๊สเรือน กระจก 6) สลับกล่องไปมาและตอบคำถามแบบนี ไปเรื่อยๆ จนกว่าเสียงนาฬิกาจับเวลาจะดัง เมื่อ นาฬิกาดังฝั่งที่ถือกล่องถือว่าเป็นผู้แพ้ในกิจกรรมนี้ 6. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 6.2 ภาพแผนที่ประเทศไทย


37 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ความสำเร็จ 1. อธิบายผลกระทบจาก ปรากฏการณ์เรือน กระจกที่มีต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม (K) - สังเกตการตอบคำถาม และการนำเสนอ - ข้อคำถาม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2. นำเสนอโครงงานเพื่อ ลดการเกิดแก๊สเรือน กระจกได้(P) - สังเกตการนำเสนอ และ ตรวจกระดาษบรู๊ฟ - แบบประเมินการทำงาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 3. มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


38


39


40 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 3 ภัยธรรมชาติ เรื่อง ภัยธรรมชาติ เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/6 บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิ 2. สาระสำคัญ ภัยธรรมชาติเป็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ซึ่งเหตุการณ์ภัยธรรมชาติแต่ละเหตุการณ์มี ลักษณะการเกิด บริเวณที่เกิด และผลกระทบแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ สภาพแวดล้อมของแต่ละ พื้นที่ ช่วงเวลา และการเปลี่ยนแปลงของบางบริเวณใต้ผิวโลก 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายลักษณะการเกิด บริเวณที่เกิด และผลกระทบของเหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆได้(K) 3.2 เขียนแผนภาพแสดงการเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้(P) 3.3 สมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การเกิดภัยธรรมชาติ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 นักเรียนดูภาพ และอานเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 2 หน้า 52 จากนั้นครู สนทนาถามคำาถามนักเรียนว่า - จากรูปในหนังสือเรียนเกิดเหตุการณอะไรขึ้น (น้ำทวม)


41 - น้ำทวมสงผลกระทบตอประชาชนอย่างไร (แนวคำตอบ : ทำใหเดินทางลําบาก ไมสามารถ ใชรถยนตขนาดเล็กได ตองใชรถขนาดใหญ หรือใชเรือในการเดินทาง) - นอกจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในรูป ยังมีภัยธรรมชาติอะไรอีกบาง (การกัดเซาะชายฝง แผ นดินไหว สึนามิ) 1.2 ครูสำรวจความรู้ก่อนเรียนเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ โดยตอบคำถามในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป. 6 เล่ม 2 หน้า 53 ลงในสมุดเรียน 1.3 ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาและแจ้งจุดประสงค์บทเรียน 2. สำรวจและค้นหา (Explanation) 2.1 ให้นักเรียนจับสลากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ 2.2 ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง ภัยธรรมชาติ จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ป. 6 เล่ม 2 หน้า 58 – 62 หรือจากในอิเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่ตนเองได้ 2.3 น้าข้อมูลเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่ตนเองจับได้มาจัดทำในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนภาพ เพื่ออธิบาย ลักษณะการเกิด บริเวณที่เกิด และผลกระทบของเหตุการณ์ 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 ครูสุ่มนักเรียน 5 - 10 คน ออกมานำเสนอการเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติของตนเอง โดยครู กำหนดประเด็นที่นักเรียนต้องนำเสนอ ดังนี้ - ลักษณะการเกิด - บริเวณที่เกิด - ผลกระทบของเหตุการณ์ 3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรมในข้างต้น 3.3 ครูอธิบายเพิ่มเติมและยกตัวอย่างเกี่ยวกับการที่มนุษย์มีส่วนร่วมในการเกิดภัยธรรมชาติ ดังนี้ - ภัยธรรมชาตินอกจากจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้ว มนุษย์ยังมีส่วนทำให้ภัยธรรมชาติ เกิดรวดเร็วและรุนแรงขึ้น เช่น การตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม การทิ้งขยะหรือการสร้างถนน และการสร้างสิ่งปลูกและสร้างขวางการไหลของน้ำทำให้เกิดน้ำท่วม การสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ชายฝั่ง อาจส่งผลให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นถึงภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่เคยเกิดขึ้นในท้องถิ่น ว่ามี ผลกระทบอย่างไร และนักเรียนมีวิธีการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ที่เคยเกิดขึ้นในท้องถิ่น อย่างไร 4.2 ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม ดังนี้


42 - ภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยใดเกี่ยวข้องกับน้ำ (แนวคำตอบ น้ำท่วม การกัด เซาะชายฝั่ง ดินถล่ม และสึนามิ) - ภัยธรรมชาติใดไม่เกี่ยวข้องกับน้ำ (แนวคำตอบ แผ่นดินไหว) 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 ให้นักเรียนทำใบกิจกรรม เรื่อง การเกิดภัยธรรมชาติ เพื่อประเมินความรู้และความเข้าใจของ นักเรียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์เรือนกระจก 6. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 6.2 สลากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ 6.3 ในอิเทอร์เน็ต 7. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์ความสำเร็จ 1. อธิบายลักษณะการ เกิด บริเวณที่เกิด และ ผลกระทบของเหตุการณ์ ภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ (K) - สังเกตการตอบคำถาม และการนำเสนอ - ตรวจใบกิจกรรม - ข้อคำถาม - ใบกิจกรรม เรื่อง การเกิดภัย ธรรมชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนแผนภาพแสดง การเกิดเหตุการณ์ภัย ธรรมชาติต่าง ๆ ได้(P) - ตรวจแผนภาพ -แผนภาพแสดงการเกิด เหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 3. มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) สังเกตคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์


43


44


45 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ บทที่ 3 ภัยธรรมชาติ เรื่อง การปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวจิตรวดี คำพันธุ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป. 6/7 ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยนำเสนอแนวทางใน การเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดในท้องถิ่น 2. สาระสำคัญ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหวและสึนามิมีผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม แตกต่างกันมนุษย์ควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัย เช่น ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เตรียมถุงยังชีพให้ พร้อมใช้ตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดเมื่อเกิดภัยธรรมชาติและ ธรณีพิบัติภัย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 อธิบายแนวทางการปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากภัยธรรมชาติได้(K) 3.2 จำแนกวิธีการที่เหมาะสมในการปฏิบัติตนเฝ้าระวังการเกิดภัยธรรมชาติได้ (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การปฏิบัติตนใหปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบการสอน : 5Es Instructional Model 1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูให้นักเรียนเล่นเกมเปิดแผ่นป้ายปริศนาโดยใช้สื่อ power point และให้คะแนนเพื่อกระตุ้น ความสนใจของนักเรียน ซึ่งมีขั้นตอนการทำกิจกรรมดังนี้


Click to View FlipBook Version