The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

20001 - 1004 กฏหมายแรงงาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ooonononza2539, 2021-04-02 04:09:25

20001 - 1004 กฏหมายแรงงาน

20001 - 1004 กฏหมายแรงงาน

1

แผนการสอน/การจัดการเรียนรูแ้ บบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี
และบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

รหสั วชิ า 20001–1004 วชิ า กฎหมายแรงงาน
ทฤษฎี 1 ปฏิบัติ 0 หน่วยกิต 1

 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ  หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชั้นสูง
ประเภทวิชาอตุ สาหกรรม สาขาวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาลงั
สาขางานช่างไฟฟา้ กาลัง

จดั ทาโดย

นายศุภกร ม่งิ คา
ตาแหน่ง ครูพเิ ศษสอน
แผนกวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาลัง

วิทยาลยั เทคนคิ สว่างแดนดนิ
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการ

2

แบบคาขออนมุ ัติ
แผนการสอน/การจดั การเรียนรู้แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชีพ

และบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รหัสวิชา 20001–1004 วิชา กฎหมายแรงงาน

หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2557

ผจู้ ัดทา

ลงชื่อ..............................................
(นายศภุ กร มงิ่ คา)
ตาแหน่ง ครพู ิเศษสอน

ผตู้ รวจสอบแผนการจัดการเรยี นรู้

ลงช่อื .............................................. ลงชือ่ ..............................................
(นายธรี ะพล แกว้ กลุ บุตร) (นายคุมดวง พรมอนิ ทร์)
หวั หนา้ แผนกวชิ าชา่ งไฟฟ้ากาลัง หวั หน้างานพฒั นาหลกั สตู รฯ

ความเห็นรองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ
..........................................................................................

ลงช่อื ..............................................
(นายทินกร พรหมอนิ ทร)์
รองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ

ความเห็นผู้อานวยการวิทยาลัยเทคนคิ สว่างแดนดนิ
 อนมุ ตั ิ  ไม่อนุมตั ิ เพราะ....................................

ลงชื่อ..............................................
(นางวรรณภา พว่ งกลุ )

ผ้อู านวยการวทิ ยาลัยเทคนิคสว่างแดนดนิ

3

คานา
แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ ากฎหมายแรงงาน 20001–1004 เลม่ นี้ จัดทาขึน้ เพ่อื เปน็ แนวทางในการสอน
แตล่ ะสปั ดาห์ จานวน 18 สปั ดาห์ โดยจัดทาเปน็ หนว่ ยการสอน ท้ังหมด 18 สัปดาห์ ประกอบด้วย

หนว่ ยท่ี 1 สัญญาจา้ งแรงงาน
หนว่ ยที่ 2 หลกั กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
หน่วยท่ี 3 การค้มุ ครองแรงงานหญิงและแรงงานเด็ก
หน่วยที่ 4 วนั หยดุ และวันลาของลูกจ้าง
หน่วยท่ี 5 ค่าจา้ ง คา่ ล่วงเวลา คา่ ชดเชย
หน่วยท่ี 6 หลักกฎหมายแรงงานสัมพนั ธ์
หนว่ ยท่ี 7 หลักกฎหมายการประกันสังคม
หน่วยท่ี 8 กฎหมายอุตสาหกรรมด้านการผลิตและบรกิ าร

ในแต่ละหน่วยการสอน ประกอบด้วยหัวข้อเรือ่ ง สาระสาคัญ เนือ้ หาสาระ กจิ กรรมนักเรียนการสอน
งานท่ีมอบหมาย สื่อการเรียนการสอน ใบประเมนิ ผลและบันทึกการสอน แผนการสอนเล่มนีย้ ังมกี ารบรู ณาการ
คณุ ธรรมจริยธรรม สอดแทรกปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง นโยบาย 3 ดี ดา้ นประชาธิปไตย คณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ความเป็นไทย ดา้ นภูมิคมุ้ กนั ภยั ยาเสพตดิ เข้าไปในแผนการสอนเพื่อให้นกั เรยี นมีความสามารถตามจดุ มุ่งหมาย
ทางการศกึ ษา 3 ด้าน พุทธพิสยั จติ พิสยั และทักษะพิสยั แผนการจดั การเรยี นรเู้ ล่มนจี้ ะเป็นประโยชน์สูงสุด กบั
นกั เรียนนกั ศึกษาระดบั ปวช. แผนกวิชาช่างไฟฟา้ กาลงั

ลงช่ือ ...................................................
(นายศุภกร มง่ิ คา)

ครูแผนกวิชาชา่ งไฟฟา้ กาลัง

4

ลักษณะรายวิชา

รหัสวชิ า 20001–1004 ช่อื วชิ า กฎหมายแรงงาน
จานวนหนว่ ยกิต 1 หน่วยกิต จานวนช่ัวโมงตอ่ สปั ดาห์ 1 ช่ัวโมง รวม 18 ช่ัวโมงตอ่ ภาคเรยี น

จดุ ประสงค์รายวชิ า

1. เข้าใจกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกับแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน แรงงานสมั พันธ์ และการ
ประกนั สงั คม

2. เข้าใจหลกั การ วธิ ีการขนั้ ตอนปฏบิ ตั ิตามกฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับแรงงาน ด้านอตุ สาหกรรม
การผลติ และบริการ

3. เพื่อให้มีกจิ นสิ ัยทีด่ แี ละมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกับแรงงาน

สมรรถนะรายวิชา

1. แสดงความรเู้ กยี่ วกับกฎหมายท่เี กย่ี วข้องกบั แรงงาน การคุ้มครองแรงงาน แรงงานสมั พนั ธ์
และ การประกนั สังคม

2. ปฏบิ ัตติ ามวธิ ีการและขัน้ ตอนของกฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกับแรงงานด้านอตุ สาหกรรมการ
ผลิตและ บรกิ าร

คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษาเก่ยี วกับกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน แรงงานสัมพันธ์ การ
ประกนั สงั คม กฎหมายอุตสาหกรรมดา้ นการผลติ และบรกิ าร

ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร 5
๑-0-1
รหัสวชิ า ๒๐๐๐๑-๑๐๐๔ ชอ่ื วิชา กฎหมายแรงงาน
ระดบั ชัน้ ปวช. 1 สาขาวชิ า/กลุ่มวิชา ชา่ งยนต์

พฤตกิ รรม ด้านพทุ ธพิ ิสัย
ความรู้ (10)
ช่ือหน่วย/หวั ข้อย่อย ความเ ้ขาใจ (10)
นาไ (ปใ1 ้ช0)(10)
ิวเคราะ ์ห (10)
ัสงเคราะห์(10)
ประเ ิมนค่า (10)
้ดานทักษะพิ ัสย (20)

้ดาน ิจตพิ ัสย (20)
รวม (10)

ลา ัดบความสาคัญ
จานวน ั่ชวโมง

สญั ญาจ้างแรงงาน 5 5 2 - - - - 2 14 10 3
ทพ--ักิสษยั ะ
หลักกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน 4 4 2 - - - 2 12 9 2
การคุ้มครองแรงงานหญิงและแรงงาน 4 4 2 - - 2 12 9 2

เด็ก

วันหยุด และวนั ลาของลูกจา้ ง 4 4 2 - - - - 2 12 9 2

คา่ จา้ ง ค่าล่วงเวลา คา่ ชดเชย 4 4 2 - - - - 2 12 9 2

หลกั กฎหมายแรงงานสัมพนั ธ์ 4 4 2 - - - - 2 12 9 2

หลักกฎหมายการประกันสงั คม 4 4 2 - - - - 2 12 9 2

กฎหมายอตุ สาหกรรมดา้ นการผลิต 4 4 2 - 2 12 9 2

และบริการ

สอบประเมินผล/สอบปลายภาค - - -- - - - -4-๑

รวมคะแนน 80 - 20 100 18

ลาดบั ความสาคญั 10 10 9 - - -

คาอธบิ าย ระดบั ความสาคญั ของแต่ละรายการมี 5 ระดบั สาคญั มากทสี่ ดุ = 9-10,สาคัญมาก = 7-8,สาคญั ปาน
กลาง = 4-6,สาคัญน้อย = 2-3,สาคญั น้อยท่ีสดุ = 0-1

โครงการสอนหรอื โครงการจดั การเรียนรู้ 6
๑-0-1
รหัสวิชา ๒๐๐๐๑-๑๐๐๔ ชอื่ วิชา กฎหมายแรงงาน
ระดบั ช้ัน ปวช. 1 สาขาวชิ า/กลุ่มวชิ า ช่างยนต์

สัปดาหท์ ่ี หน่วย ช่อื หน่วย จานวนชว่ั โมง
1-3 ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ัติ
4-5
1 สญั ญาจา้ งแรงงาน 3-
6-7 1.1 ลกั ษณะสาคัญของสัญญาจ้างแรงงาน
1.2 แบบของสญั ญาจ้างแรงงาน 2-
8-9 1.3 สิทธแิ ละหน้าทขี่ องนายจ้างและลูกจ้าง
10-11 ๑.๔ ความระงับแห่งสัญญาจ้างแรงงาน 2-

2 หลกั กฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2-
2.1 หลกั กฎหมายและวัตถุประสงคก์ ารคุ้มครองแรงงาน 2-
๒.๒ ความหมายของคาว่านายจา้ งและลูกจ้าง
2.3 ขอบเขตการใชก้ ฎหมายคุ้มครองแรงงาน
2.4 ขอ้ หา้ มและข้อปฏบิ ัติของนายจา้ งท่ีมตี อ่ ลูกจา้ ง
๒.5 การใชแ้ รงงานท่วั ไป
๒.๖ สวสั ดิการแรงงาน

3 การคุ้มครองแรงงานหญงิ และแรงงานเด็ก
3.1 การคุ้มครองการใชแ้ รงงานหญิง
3.2 การคมุ้ ครองการใชแ้ รงงานเดก็
3.3 ข้อห้ามจ้างหรอื ใช้แรงงานเดก็ โดยเดด็ ขาด
3.4 ข้อจากัดในการจ้างแรงงานเดก็
๓.๕ สทิ ธแิ รงงานเด็ก

4 วนั หยดุ และวนั ลาของลูกจ้าง
4.1 วนั หยดุ ของลูกจ้าง
4.2 วนั ลาของลูกจ้าง

5 ค่าจา้ ง คา่ ลว่ งเวลา คา่ ชดเชย
5.1 ค่าจ้าง
5.2 ค่าจา้ งทางานในวนั หยดุ
5.3 การทางานลว่ งเวลา

7

12-13 5.4 ค่าชดเชย 2-
สัปดาหท์ ี่ 6 หลักกฎหมายแรงงานสัมพนั ธ์ จานวนช่ัวโมง
14-15 ทฤษฎี ปฏิบัติ
6.1 ลักษณะทัว่ ไปของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
16-17 6.2 วตั ถปุ ระสงค์ของกฎหมายแรงงานสัมพนั ธ์ 2-
6.3 สภาพการจา้ ง
6.4 องค์การฝา่ ยนายจา้ ง 2-
6.5 องค์การฝา่ ยลูกจา้ ง
หนว่ ย ช่ือหน่วย
ท่ี

๖.๖ การแจง้ ข้อเรยี กร้องเกีย่ วกับสภาพการจา้ ง
6.๗ องคก์ รเกีย่ วข้องการระงบั ข้อพพิ าท
6.8 คณะกรรมการลูกจ้าง
6.9 พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน
6.10 ผชู้ ี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน
6.11 คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
6.12 ข้ันตอนการระงับขอ้ พิพาทแรงงาน
7 หลักกฎหมายการประกันสังคม
7.1 วัตถปุ ระสงค์และขอบเขตของการใช้พระราชบัญญตั ิ
ประกันสงั คม
7.2 สานักงานประกนั สังคม และกองทนุ ประกันสงั คม
7.3 ผ้ปู ระกนั ตน
7.4 การขนึ้ ทะเบียนประกันตน
7.5 เงินสมทบ
7.๖ ประโยชนท์ ดแทน
7.๗ สทิ ธขิ องผู้ประกนั ในระบบหลังสนิ้ สภาพการเปน็
ผ้ปู ระกันตน
7.8 เงนิ ทดแทน
8 กฎหมายอุตสาหกรรมดา้ นการผลติ และบริการ
8.1 ลกั ษณะของกิจกรรมอุตสาหกรรม
8.2 กฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับการควบคมุ อุตสาหกรรมดา้ น
การผลิตและบริการ

8

8.3 กฎหมายทเ่ี กี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย

และสภาพแวดล้อมในการทางาน

8.4 กฎหมายท่ีเก่ียวกับการควบคุมและกากบั ดูแลโรงงาน

อตุ สาหกรรม

18 สอบประเมนิ ผล/สอบปลายภาค 1-

รวม 18 -

รวมทั้งสนิ้ 18

9

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยท่ี 1

วิชา กฎหมายแรงงาน (๒๐๐๐๑-๑๐๐๔) สอนคร้งั ที่ 1-3

ชือ่ หน่วย : สญั ญาจา้ งแรงงาน จานวน ๓ ชัว่ โมง

1. สาระสาคญั
การจ้างแรงงาน เป็นสัญญาชนิดหน่ึง และเป็นเอกเทศสัญญาลักษณะจ้างแรงงานตามประมวล

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นสัญญาท่ีนายจ้างและลูกจ้างต่างตอบแทนให้กันและกัน โดยลูกจ้างตอบแทนให้
นายจ้างด้วยการทางานให้นายจ้าง และนายจ้างตอบแทนด้วยการจ่ายค่าจ้าง เรียกว่าสินจ้างน้ันแก่ลูกจ้าง
สัญญาจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกประเภท ยกเว้น
ลูกจา้ งทางราชการท่มี ีกฎหมายของราชการสว่ นนน้ั ๆ ใชบ้ งั คบั ไว้โดยเฉพาะอยู่แล้ว

2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้
2.1 อธิบายลกั ษณะสำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำน
2.2 อธิบายไดว้ ่าสัญญำจ้ำงแรงงำนตอ้ งทำตำมแบบเสมอหรือไม่
2.3 อธิบายถึงสทิ ธิและหนำ้ ท่ีของนำยจำ้ งและลูกจำ้ ง
2.4 อธิบำยถงึ กำรระงับและเลกิ แหง่ สญั ญำจ้ำงแรงงำน
2.5 สามารถทาสัญญาจา้ งแรงงาน และนาความรทู้ ศี่ ึกษาเก่ียวกับสัญญำจ้ำงแรงงำนไปแก้ปญั หำใน

กำรดำรงชพี ประจำวนั และในงำนอำชพี ธุรกจิ

3. จุดประสงค์การเรียนรู้/การเรียนรู้
3.1 จุดประสงค์ทั่วไป
3.1.1 รู้และเข้าใจเกีย่ วกบั ลักษณะสาคญั ของสญั ญาจ้างแรงงาน
3.1.2 รู้และเขา้ ใจแบบของสัญญาจ้างแรงงาน
3.1.3 รู้และเขา้ ใจสิทธิและหนา้ ทีข่ องนายจ้างและลูกจา้ ง
3.1.4 ร้แู ละเขา้ ใจความระงบั แห่งสญั ญาจ้างแรงงาน
3.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
3.2.1 อธบิ ายลักษณะสาคัญของสญั ญาจ้างแรงงานได้
3.2.2 อธบิ ายได้วา่ สญั ญาจ้างแรงงานตอ้ งทาตามแบบเสมอหรือไม่
3.2.3 อธิบายถึงสิทธแิ ละหน้าท่ขี องนายจา้ งและลกู จา้ งได้
3.2.4 อธบิ ายถึงการระงบั และเลกิ แห่งสญั ญาจ้างแรงงานได้

10

3.2.5 สามารถทาสัญญาจา้ งแรงงาน และนาความรทู้ ่ศี ึกษาเกยี่ วกบั สัญญาจ้างแรงงานไป
แก้ปัญหาในการดารงชีพประจาวนั และในงานอาชพี ธุรกจิ

4. เน้อื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้
4.1 ลักษณะสาคญั ของสญั ญาจา้ งแรงงาน
4.2 แบบของสัญญาจ้างแรงงาน
4.3 สทิ ธแิ ละหน้าที่ของนายจ้างและลกู จ้าง
4.4 ความระงับแห่งสัญญาจ้างแรงงาน

5. กิจกรรมการเรียนการสอน

กจิ กรรมผ้เู รยี น กจิ กรรมผูเ้ รียน

ขั้นเตรียมกจิ กรรม (๑ ช่ัวโมง)

1. ผู้สอนชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับจุดประสงค์ 1. ผ้เู รียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน

สมรรถนะและคาอธิบายรายวิชา การวัดผลและ

ประเมินผลการเรียน คุณลักษณะนิสัยที่ต้องการให้

เกิดขน้ึ

2. ตรวจสอบรายชอ่ื ตรวจการแตง่ กาย และข้อตกลง 2. ผู้เรียนทาความเข้าใจและจดบันทึกรายละเอียด

ในการเรยี น เกี่ยวกบั การเรียน

๓. แนะนาตัวทาความรู้จักระหว่างผู้สอนและผู้เรียน 3. รับฟังและยอมรับเหตุผล แล้วนาไปปฏิบัติการ

เรียน แก้ไขในพฤติกรรมท่ีไมถ่ ูกต้อง

๔. ตั้งกติกาในการเข้าเรียนการตรียมความพร้อม ๔. ผู้เรียนแนะนาตวั เองให้กบั เพือ่ นๆ และครูผสู้ อน

ของผู้เรียนเพ่ือเข้าสู่สาระการเรียนรู้ โดยการเตรียม

วัสดุอุปกรณ์ หนังสือ เอกสารการสอน สมุด

แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น

ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (๑ ชว่ั โมง)
๕. ชีแ้ จงจดุ ประสงค์ของการเรียนรู้เร่ือง ววิ ฒั นาการ 5. ผู้เรียนเตรียมความพร้อม โดยมี สมุด หนังสือ
ของการขาย ความหมายของการขายและหน้าที่ หรอื เอกสารการเรียนรู้

ทางการขาย ความหมายของการตลาดและหน้าท่ี

ทางการตลาด ความสาคัญของการขายและ

การตลาด

๖. ชี้ให้เห็นความสาคัญของวิวัฒนาการของการขาย 6. จดบันทึกลงในสมุด และผู้เรียนจับกลุ่ม 5 คน

ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการขาย และคิดหาตัวแทนไว้นาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น

ความหมายของการตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด

11

ความสาคัญของการขายและการตลาด ที่มีใช้ใน

ชีวติ ประจาวนั ของผู้เรียน 7. จดบันทกึ จดุ ประสงค์การเรียนร้ลู งสมดุ

๗. ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนด้วยการซักถาม และ วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

สนทนากับนักศึกษาดังนี้วิวัฒนาการของการขาย และหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของการตลาด

ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการขาย และหน้าที่ทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

ความหมายของการตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด และการตลาด

ความสาคัญของการขายและการตลาด 8. ผู้เรยี นทาแบบฝึกหัดก่อนเรยี นเร่อื ง

๘. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

ศึกษา วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการ และหน้าที่ทางการขาย ความหมายของการตลาด

ขายและหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของ และหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

การตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของ และการตลาด แล้วสลับกันตรวจแบบฝึกหัดก่อน

การขายและการตลาด แล้วให้ผู้เรียนสลับกันตรวจ เรียน

โดยฟังเฉลยจากผ้สู อนพร้อมกนั

ขัน้ ดาเนินการสอน (2 ชว่ั โมง)

๙. ผู้สอนอธิบายเนื้อหาตามหัวข้อ วิวัฒนาการของ 9. ตั้งใจฟงั และจดบนั ทกึ เนือ้ หาทส่ี าคัญลงสมุด
การขาย ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการ
ขาย ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการ
ตลาด ความสาคญั ของการขายและการตลาด

๑๐. ผู้สอนบรรยายหน้าชั้นเรียนและยกตัวอย่าง
ประกอบ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของการ ขาย 10. ฟังบรรยายอย่างตัง้ ใจ
ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการขาย
ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการตลาด
ความสาคัญของการขายและการตลาด

๑๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม สรุปเนื้อหาสาระที่

เรียนพร้อมท้ังนาเสนอหน้าช้ันเรียนโดยผู้สอนเป็นผู้

สุ่มเรยี ก 11. ผู้เรียนจับกลมุ่ และสง่ ตวั แทนนาเสนอ

1๒. ผู้สอนสุ่มเรียกตัวแทนผเู้ รยี นแต่ละกลุ่ม ออกมา

ยกตัวอยา่ งเอกสารการรับ-ส่งสนิ คา้

12

12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนจับฉลากเพ่ือ
นาเสนอหนา้ ช้ันเรียน 1 หวั ขอ้

ข้ันสรปุ (๑ ชวั่ โมง)

1๓. ผู้สอนและผู้เรียนช่วยกันสรุปในหัวข้อท่ี 13. ผู้เรียนรับฟังคาสรุปและข้อเสนอแนะจากผู้สอน

นักศึกษานาเสนอพร้อมท้ังอธิบายเพ่ิมเติมและสรุป พร้อมท้ังจดบันทึกข้อมูลซักถามหรือตอบคาถาม

เน้ือหาตามจุดประสงค์และเน้ือหาสาระการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็นในหัวข้อท่ียังไม่เข้าใจ พร้อมท้ัง

พร้อมทั้งแนะนะหรือบอกแหล่งการหาข้อมูลจาก ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิด

อินเตอร์เน็ต เพื่อผู้เรียนจะได้ศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติม ประโยชน์โดยการศึกษาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพ่ือ

ได้ เป็นการฝึกใช้ระบบอิเล็คทรอนิกส์และเป็นการ

หา่ งไกลจากยาเสพตดิ และเกมสต์ า่ ง ๆ

1๔. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น พร้อม 14. ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน และนาส่ง

ทง้ั ตรวจงานสมดุ ผสู้ อน

6. สือ่ การเรียน-การสอนและแหล่งเรยี นรู้
1. สือ่ ส่งิ พมิ พ์
1.1 หนงั สอื เรียนวชิ า กฎหมายแรงงาน บริษัท สานักพิมพ์เอมพนั ธ์ จากดั
๑.๒ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
1.3 แบบประเมินผลการเรยี นรู้ หน่วยที่ 1
2. โสตทัศน์
๒.๑ -
3. หุน่ จาลอง/ของจริง
-
4. สื่อ…………………………………………………………..
๔.๑ อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยี

7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรียนรู้
7.1 ในสถานศึกษา
- ห้องสมดุ
- อินเตอรเ์ นต็
7.2 นอกสถานศกึ ษา
- อนิ เตอร์เนต็
- หอ้ งสมุด ประชาชน

13

8. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถา้ มี)
กอ่ นเรียน

1. ตรวจรายชอ่ื ตรวจเคร่อื งมือ และการแตง่ กาย
2. ตง้ั กติกาในการเรียน
3. อบรมคุณธรรม จรยิ ธรรม
ขณะเรียน
1. ศกึ ษาคน้ ควา้
๒. กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
๓. สรปุ ความรู้
หลงั เรยี น
1. ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1
2. ถาม-ตอบข้อสงสัย
๓. สรปุ เนอื้ หาและศึกษาเน้ือหาในเรอ่ื งต่อไป
๔. ทาความสะอาดหอ้ งเรยี น

๙. เอกสารอา้ งอิง
-

๑๐. การบรู ณาการ/ความสัมพันธก์ บั รายวิชาอื่น
- กฎหมายพาณิชย์
- เศรษฐกจิ พอเพยี ง

๑๑. รายละเอียดการประเมินผลการเรียน
จดุ ประสงค์ข้อท่ี ๑ อธบิ ายลักษณะสาคญั ของสญั ญาจ้างแรงงานได้
1. วิธีการประเมิน : ประเมินผลการเรยี นรู้
2. เครือ่ งการประเมนิ : แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : อธิบายลักษณะสาคัญของสญั ญาจ้างแรงงาน
4. เกณฑ์การผา่ น : ผา่ นระดับร้อยละ ๕0

14

จุดประสงค์ข้อที่ ๒ อธิบายไดว้ า่ สญั ญาจ้างแรงงานต้องทาตามแบบเสมอหรือไม่
1. วธิ กี ารประเมิน : ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2. เครื่องการประเมิน : แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : อธบิ ายการทาสัญญาจ้างแรงงาน
4. เกณฑ์การผ่าน : ผา่ นระดบั ร้อยละ ๕0

จดุ ประสงค์ข้อท่ี ๓ อธบิ ายถึงสทิ ธแิ ละหน้าที่ของนายจ้างและลกู จ้างได้
๑. วิธีการประเมนิ : ประเมินผลการเรยี นรู้
๒. เคร่ืองการประเมิน : แบบประเมินผลการเรียนรู้
๓. เกณฑ์การประเมนิ : อธิบายถึงสิทธแิ ละหน้าท่ีของนายจา้ งและลูกจ้าง
๔. เกณฑ์การผา่ น : ผา่ นระดบั ร้อยละ ๕0

จดุ ประสงค์ข้อท่ี ๔ อธบิ ายถึงการระงับและเลิกแห่งสัญญาจ้างแรงงานได้
1. วิธีการประเมิน : ประเมินผลการเรียนรู้
2. เครือ่ งการประเมนิ : แบบประเมินผลการเรียนรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : อธบิ ายถึงการระงบั และเลิกแหง่ สญั ญาจ้างแรงงาน
4. เกณฑ์การผา่ น : ผ่านระดบั รอ้ ยละ ๕0

จดุ ประสงคข์ ้อที่ ๕ สามารถทาสัญญาจา้ งแรงงาน และนาความรทู้ ี่ศึกษาเกีย่ วกับสญั ญาจา้ งแรงงาน
ไปแกป้ ัญหาในการดารงชีพประจาวนั และในงานอาชีพธุรกิจ

๑. วิธีการประเมิน : กจิ กรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนาความรู้
๒. เครอื่ งการประเมนิ : แบบประเมินกจิ กรรมสง่ เสริมคุณธรรมนาความรู้
๓. เกณฑ์การประเมนิ : สามารถทาสญั ญาจ้างแรงงาน และนาความรู้ทศ่ี กึ ษาเกยี่ วกับ

สญั ญาจา้ งแรงงานไปแก้ปัญหาในการดารงชีพประจาวันและใน
งานอาชพี ธรุ กจิ
๔. เกณฑ์การผา่ น : ผ่านระดับร้อยละ ๕0

15

กิจกรรมสง่ เสริมคณุ ธรรมนาความรู้
คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนอ่านบทความต่อไปน้ีแลว้ อภิปรายรว่ มกัน

ออฟฟศิ สร้างสขุ
ผลการศึกษาพบว่าสถานประกอบทป่ี ระสบความสาเรจ็ เกิดจากการสรา้ งความรสู้ ึกมีสว่ นร่วมของ
พนกั งาน โดยปัจจัยสาคัญท่ีจะสรา้ งการมีสว่ นรว่ มไดค้ ือ การช่วยใหพ้ นกั งานรู้สึกดีในการทางาน ไม่เพยี งแต่
การจดั เวลาพักหรือวันหยดุ ทีเ่ พยี งพอ แต่ยังรวมถงึ การสรา้ งความสบายใจจากการทาหนา้ ทกี่ ารงานของตน
โดยไม่ถกู กา้ วก่ายหรือแทรกแซง
แนวความคดิ การสร้างความสุขในการทางาน ผู้บรหิ ารอาจตง้ั หนว่ ยงานขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ
เพื่อทาหนา้ ท่ดี ูแลสารทกุ ขส์ ุกดิบของพนักงาน การสรา้ งความไว้เนื้อเชื่อใจ การสร้างสงั คมที่เอื้ออาทร อัน
เปน็ ปัจจยั สาคญั ทที่ าใหพ้ นักงานรู้สกึ ถึงการมีสว่ นร่วมในที่ทางาน สถานท่ที างานจะไม่ไดเ้ ป็นเพียงสถานท่ีนั่ง
ทางาน แตจ่ ะตอ้ งเปน็ เสมือนสถานทท่ี ่เี ขาอยู่และมีความสุข และตอบสนองแรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์
งานให้เกิดข้ึน ซ่งึ สถานประกอบการจะไดร้ บั ประโยชนจ์ ากผลงานสรา้ งสรรค์ที่เกิดขนึ้

จากบทความขา้ งต้นทนี่ ายจ้างสรา้ ง
สงิ่ แวดล้อมในการทางานทด่ี ี นอกจาก

จะเกดิ ประโยชนแ์ กล่ ูกจ้างแล้ว ยงั
ก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ นายจ้างอย่างไร

บา้ ง

16

แบบประเมนิ ผลการเรยี น หน่วยที่ 1
เรอื่ ง สญั ญาจ้างแรงงาน

คาชีแ้ จง จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกต้องทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว
1. การจา้ งแรงงานต้องทาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ดังต่อไปน้ี จงึ จะเปน็ สัญญาจ้างแรงงานท่สี มบูรณ์

ก. ตอ้ งทาเปน็ หนังสือสัญญาตอ่ กนั
ข. ต้องมีขอ้ ตกลงกันด้วยวาจา
ค. ต้องทาเป็นหนังสอื สญั ญา และมรี บั รองทา้ ยสัญญา
ง. จะตกลงกนั ดว้ ยวาจาหรอื ทาเปน็ หนังสือสญั ญากใ็ ชไ้ ด้

2. สง่ิ ที่คสู่ ญั ญาระหวา่ งลูกจ้างกับนายจา้ งต้องตอบแทนซงึ่ กนั และกนั คอื ข้อใด
ก. ลกู จ้างตอบแทนด้วยการทางาน นายจ้างตอบแทนด้วยการใหค้ ่าจ้าง
ข. ตอบแทนซ่งึ กันและกันด้วยเงนิ ตรา
ค. ตอบแทนซง่ึ กันและกันด้วยทรพั ยส์ ิน
ง. ตอบแทนซงึ่ กนั และกันด้วยสนิ จา้ ง

3. ค้าจ้างหรือสินจ้างทน่ี ายจา้ งใหเ้ ปน็ การตอบแทนลูกจ้าง

ก. เงินตรา ข. ทรพั ย์สิน

ค. สิ่งของอย่างอื่น ง. ถูกทุกขอ้

4. ลกั ษณะสาคัญประการหน่ึงของสัญญาจ้างแรงงาน คือข้อใด
ก. งานทท่ี าต้องสาเร็จออกมาเปน็ ผลงาน
ข. ลกู จา้ งมอี สิ ระในการทางาน
ค. ลูกจา้ งตอ้ งฟังคาสัง่ คาแนะนาจากนายจ้าง
ง. วัตถแุ ห่งสัญญา คอื การส่งมอบงานท่ที าให้นายจา้ ง

5. เมอื่ ลูกจ้างตกลงรบั งานจา้ งแลว้ ลูกจา้ งมีสิทธแิ ละหนา้ ท่ีอย่างไร
ก. ตอ้ งทางานดว้ ยตนเอง
ข. ใหผ้ อู้ ื่นทางานแทนกไ็ ด้ ถา้ นายจา้ งยินยอม
ค. หากสัญญาไม่ไดก้ าหนดเวลา มีสิทธบิ อกเลกิ สัญญาได้ แตต่ ้องบอกล่วงหนา้
ง. ถกู ทกุ ข้อ

6. งานท่ลี ูกจ้างทาอนั ถือไดว้ า่ เป็นการจ้างแรงงานนัน้ มลี กั ษณ์ในข้อใด
ก. ตอ้ งใช้แรงงานมองเห็นเป็นวัสดหุ รือรปู ร่าง เช่น สรา้ งบ้าน
ข. ต้องใช้แรงงานมองเห็นเปน็ ผลงานออกมา เช่น การขับรถ
ค. ต้องใชส้ มองใหเ้ หน็ เปน็ ผลงานออกมา เชน่ สืบหาของหาย

17

ง. การใช้แรงงานหรือการใช้สมองเป็นผลงานออกมา ก็เปน็ การจา้ งงานได้

7. นายจา้ งมสี ทิ ธิไล่ลูกจ้างออกขากงานได้ หากลูกจ้างมีความผดิ ในข้อใด

ก. จงใจขัดคาสัง่ นายจ้างอันชอบดว้ ยกฎหมาย ข. ละทิง้ งานในหน้าท่ี

ค. ไม่สุจรติ ต่องานท่ีมอบหมาย อันเป็นความผิดรา้ ยแรง ง. ถูกทุกขอ้

8. เมื่อกาหนดระยะเวลาการจา้ งสนิ้ สดุ ลง ลูกจ้างมีสิทธิขอใบสาคญั การทางานของลูกจ้างจากนายจ้าง เพอ่ื

ประโยชนข์ อ้ ใด

ก. เพื่อใหร้ วู้ า่ ไดท้ างานมานานเทา่ ไหร่ ข. เพื่อใหร้ วู้ ่างานทท่ี าเปน็ งานประเภทใด

ค. เปน็ หลกั ฐานแก่ลูกจ้างเพ่อื ไปสมัครงานอ่นื ง. ถูกทุกข้อ

9. การจา้ งแรงงาน มหี ลักว่าลูกจา้ งต้องทางานใหน้ ายจา้ งด้วยตนเองนนั้ กเ็ พือ่ เหตุผลในข้อใด
ก. เพอ่ื ให้นายจ้างเหน็ ว่าลูกจา้ งมีคุณสมบตั ิตามตอ้ งการ
ข. เพ่อื ใหน้ ายจ้างเห็นวา่ ลูกจา้ งมคี วามเหมาะสมกบั งานท่ีจ้างใหท้ า
ค. เพอ่ื ให้นายจา้ งเหน็ ว่าลูกจ้างมีความร้คู วามสามารถทางานท่ไี ด้รบั จ้างได้
ง. ถกู ทกุ ข้อ

10. นายตก๊ั วาจา้ งนายประพาสมาขับรถยนต์ประจาครอบครวั เพื่อรับ-ส่งภริยาของตนไปยังบริษทั ที่ทางานเปน็
ประจาทุกวนั ขณะทางานท่ขี ัยรถยนตไ์ ปส่งภริยาของนายตั๊กวา รถยนต์ได้ไปเฉ่ียวชนนายธนทั ซ่งึ ยืนกินลกู ช้ิน
ปง้ิ อยรู่ ิมถนนไดร้ ับบาดเจ็บ มีทรพั ยส์ นิ เสยี หาย ผลจะเป็นอยา่ งไร

ก. นายประพาสลกู จ้างต้องรบั ผดิ ชอบโดยลาพงั
ข. นายตก๊ั วาเปน็ นายจ้าง ตอ้ งรับผดิ ชอบแทนลูกจ้างท้ังหมด
ค. นายต๊กั วาผู้เปน็ นายจา้ งไม่ต้องรับผดิ แต่ผรู้ ับผิดคือภรยิ าของนายต๊ักวาทีน่ งั่ ไปด้วย
ง. ทั้งนายต๊ักวาและนายประพาสต้องรับผิดชอบรว่ มกนั ในความบาดเจบ็ และทรัพย์สนิ ของนายธนัท

18

เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี น หน่วยที่ 1
เรือ่ ง สัญญาจา้ งแรงงาน

คาชีแ้ จง จงเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องทีส่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว
1. การจา้ งแรงงานต้องทาอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ดงั ต่อไปน้ี จงึ จะเปน็ สญั ญาจา้ งแรงงานทสี่ มบูรณ์

ก. ต้องทาเป็นหนังสอื สญั ญาต่อกัน
ข. ตอ้ งมขี ้อตกลงกนั ดว้ ยวาจา
ค. ตอ้ งทาเป็นหนังสอื สญั ญา และมรี บั รองทา้ ยสญั ญา
ง. จะตกลงกันดว้ ยวาจาหรอื ทาเปน็ หนงั สือสัญญาก็ใช้ได้

2. สงิ่ ท่ีคูส่ ัญญาระหว่างลูกจา้ งกับนายจา้ งต้องตอบแทนซ่งึ กนั และกัน คือข้อใด
ก. ลูกจ้างตอบแทนดว้ ยการทางาน นายจา้ งตอบแทนด้วยการให้ค่าจ้าง
ข. ตอบแทนซงึ่ กันและกันด้วยเงนิ ตรา
ค. ตอบแทนซ่งึ กันและกนั ด้วยทรพั ย์สนิ
ง. ตอบแทนซึ่งกนั และกนั ด้วยสนิ จา้ ง

3. ค้าจา้ งหรือสนิ จา้ งทน่ี ายจ้างให้เป็นการตอบแทนลูกจา้ ง

ก. เงนิ ตรา ข. ทรัพยส์ นิ

ค. สิ่งของอยา่ งอน่ื ง. ถูกทกุ ข้อ

4. ลักษณะสาคญั ประการหน่ึงของสญั ญาจา้ งแรงงาน คือข้อใด
ก. งานทท่ี าต้องสาเร็จออกมาเป็นผลงาน
ข. ลกู จ้างมีอสิ ระในการทางาน
ค. ลูกจ้างต้องฟังคาสง่ั คาแนะนาจากนายจ้าง
ง. วัตถุแห่งสัญญา คอื การสง่ มอบงานทท่ี าให้นายจา้ ง

5. เม่ือลกู จ้างตกลงรับงานจา้ งแล้ว ลกู จ้างมีสทิ ธิและหน้าที่อย่างไร
ก. ต้องทางานด้วยตนเอง
ข. ให้ผอู้ ่นื ทางานแทนก็ได้ ถา้ นายจ้างยินยอม
ค. หากสัญญาไม่ไดก้ าหนดเวลา มสี ทิ ธิบอกเลิกสัญญาได้ แต่ต้องบอกล่วงหนา้
ง. ถูกทุกข้อ

6. งานทลี่ กู จ้างทาอนั ถือได้ว่าเป็นการจ้างแรงงานนน้ั มลี ักษณ์ในข้อใด
ก. ต้องใชแ้ รงงานมองเหน็ เปน็ วสั ดหุ รือรปู รา่ ง เชน่ สร้างบา้ น
ข. ต้องใช้แรงงานมองเหน็ เป็นผลงานออกมา เช่น การขับรถ
ค. ต้องใชส้ มองใหเ้ หน็ เปน็ ผลงานออกมา เช่น สืบหาของหาย

19

ง. การใช้แรงงานหรือการใช้สมองเป็นผลงานออกมา ก็เปน็ การจา้ งงานได้

7. นายจา้ งมสี ทิ ธิไลล่ กู จ้างออกขากงานได้ หากลูกจ้างมีความผดิ ในข้อใด

ก. จงใจขัดคาสัง่ นายจ้างอันชอบดว้ ยกฎหมาย ข. ละทิง้ งานในหน้าท่ี

ค. ไม่สุจรติ ต่องานท่ีมอบหมาย อันเป็นความผิดรา้ ยแรง ง. ถูกทุกข้อ

8. เมื่อกาหนดระยะเวลาการจา้ งสนิ้ สดุ ลง ลูกจ้างมีสิทธขิ อใบสาคญั การทางานของลูกจ้างจากนายจ้าง เพอ่ื

ประโยชนข์ อ้ ใด

ก. เพื่อใหร้ วู้ า่ ไดท้ างานมานานเทา่ ไหร่ ข. เพื่อใหร้ วู้ า่ งานทท่ี าเปน็ งานประเภทใด

ค. เปน็ หลกั ฐานแก่ลูกจ้างเพ่อื ไปสมัครงานอ่นื ง. ถูกทกุ ข้อ

9. การจา้ งแรงงาน มหี ลักว่าลูกจา้ งต้องทางานใหน้ ายจา้ งด้วยตนเองนนั้ กเ็ พ่ือเหตุผลในข้อใด
ก. เพอ่ื ให้นายจ้างเหน็ ว่าลูกจา้ งมีคุณสมบตั ิตามตอ้ งการ
ข. เพ่อื ใหน้ ายจ้างเห็นวา่ ลูกจา้ งมคี วามเหมาะสมกบั งานท่ีจ้างใหท้ า
ค. เพอ่ื ให้นายจา้ งเหน็ ว่าลูกจ้างมีความร้คู วามสามารถทางานทไ่ี ด้รบั จ้างได้
ง. ถกู ทกุ ข้อ

10. นายตก๊ั วาจา้ งนายประพาสมาขับรถยนต์ประจาครอบครวั เพื่อรับ-สง่ ภรยิ าของตนไปยังบริษทั ที่ทางานเปน็
ประจาทุกวนั ขณะทางานท่ขี ัยรถยนตไ์ ปส่งภริยาของนายตั๊กวา รถยนต์ได้ไปเฉยี่ วชนนายธนทั ซ่งึ ยืนกินลกู ช้ิน
ปง้ิ อยรู่ ิมถนนไดร้ ับบาดเจ็บ มีทรพั ยส์ นิ เสยี หาย ผลจะเป็นอยา่ งไร

ก. นายประพาสลกู จ้างต้องรบั ผดิ ชอบโดยลาพงั
ข. นายตก๊ั วาเปน็ นายจ้าง ตอ้ งรับผดิ ชอบแทนลูกจ้างทง้ั หมด
ค. นายต๊กั วาผู้เป็นนายจา้ งไม่ต้องรับผดิ แต่ผรู้ ับผิดคือภรยิ าของนายตก๊ั วาทนี่ ่งั ไปด้วย
ง. ทั้งนายต๊ักวาและนายประพาสต้องรับผิดชอบรว่ มกัน ในความบาดเจบ็ และทรัพย์สนิ ของนายธนัท

20

แบบฝกึ หดั
เร่อื ง สญั ญาจา้ งแรงงาน

๑. การจ้างแรงงานมีคู่สัญญา ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ซ่ึงถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน จงอธิบาย
คาวา่ สญั ญาตา่ งตอบแทนในสญั ญาแรงงานมาพอเขา้ ใจ
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………

2. สญั ญาแรงงานกับสัญญาจ้างทาของ มลี ักษณะใกล้เคยี งกนั มาก หลกั การพิจารณาวา่ งานใดเป็นจา้ งแรงงาน
หรือจา้ งทาของนั้นมอี ย่างไรบ้าง
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………

3. หน้าทปี่ ระการหนึ่งของนายจ้าง คอื ต้องร่วมรับผดิ กบั ลูกจ้างในกรรีท่ีลกู จา้ งไปกระทาละเมิดให้เกดิ ความ
เสยี หายแกบ่ คุ คลภายนอกนน้ั ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

21

เฉลยแบบฝกึ หัด
เรือ่ ง สญั ญาจ้างแรงงาน

๑. การจ้างแรงงานมีคู่สัญญา ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ซ่ึงถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน จงอธิบาย
คาวา่ สญั ญาตา่ งตอบแทนในสัญญาแรงงานมาพอเข้าใจ
ตอบ คู่สัญญา ได้แก่ นายจ้างและลูกจ้างต่างมีหน้าที่ต้องตอบแทน หรือต่างตอบแทนให้แก่กัน ซ่ึง
ลูกจา้ งตกลงทางานให้แก่นายจ้าง นายจา้ งตกลงลงใหส้ นิ จา้ งตลอดเวลาทีท่ างานให้ (ตามความเขา้ ใจของ
ผูเ้ รียน)

2. สญั ญาแรงงานกับสัญญาจ้างทาของ มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก หลักการพิจารณาว่างานใดเป็นจ้างแรงงาน
หรอื จ้างทาของน้ันมอี ย่างไรบ้าง
ตอบ สัญญาจ้างแรงงาน สาระหลักใหญ่ตามจุดประสงค์ของสัญญา คือ งานที่มอบให้ลูกจ้างทา ซึ่ง
ในทางกฎหมายเรียกว่า วัตถุแห่งสัญญา คือ งานที่ให้ลูกจ้าง งานที่ทาอาจเป็นแรงงาน เช่น งานก่อสร้าง
งานขับรถ เป็นต้น หรืองานท่ีใช้สมอง เช่น จ้างเป็นบรรณาธิการ เป็นครูโรงเรียน ส่วนสัญญาจ้างทาของ
คือ ผู้รับจ้างทาของ ตกลงทางานส่ิงหนึ่งส่ิงใดให้จนสาเร็จให้แก่ผู้ว่าจ้าง โดยผู้รับจ้างไม่ได้อยู่ในความ
ควบคุมบงั คับบัญชาของผวู้ า่ จา้ ง (ตามความเขา้ ใจของผู้เรยี น)

3. หน้าท่ีประการหน่งึ ของนายจ้าง คือ ต้องรว่ มรับผิดกบั ลูกจา้ งในกรณที ี่ลกู จ้างไปกระทาละเมดิ ใหเ้ กดิ ความ
เสยี หายแกบ่ คุ คลภายนอกนนั้ ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
ตอบ นายจ้างมีหน้าที่รับผิดร่วมกับลูกจ้าง กรณีละเมิดและเกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอก ซ่ึง
ลูกจ้างไดก้ ระทาไปในทางการทีจ่ า้ ง

22

บันทึกหลงั การสอนคร้ังท่.ี .........

รายวชิ า..................................................................................รหสั วชิ า......................................หน่วยการเรยี นท่ี ………………………………

ช่ือหนว่ ยการเรยี น ...………..………………………..………………………....จานวนช่ัวโมง……………….… กล่มุ เรยี น ............................................

จานวนผเู้ รียน...................คน. เมื่อวันท…่ี …………………………………. เร่อื งท่ีสอน………….………...................…………………..…………………

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. กิจกรรมการเรยี นการสอน (สามารถระบไุ ดห้ ลายหัวข้อตามท่ีปฏิบัติจรงิ โดยใช้เคร่ืองหมาย 

1.1 วธิ กี ารสอน

 บรรยาย  สาธิต  ทดลอง  ปฏิบตั ิ  กจิ กรรมกลมุ่

 การนาเสนอผลงาน  อน่ื ๆ (ระบ)ุ ……………..………………….......................................

1.2 สอ่ื การเรยี นการสอน

 โปรแกรมนาเสนอ  ใบความรู้  ใบงาน  ขอ้ สอบ  วดี ทิ ศั น์

 แบบประเมิน  เว็บไซต์  อน่ื ๆ (ระบุ).............………….……………..…………..

2. ผลการดาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอน

2.1 ดา้ นผ้สู อน

 สอนตามแผนการเรียนครบตามเนอ้ื หา  สอนตามแผนการเรยี น ไม่ครบตามเน้ือหา

 เน้ือหาการสอนเหมาะสมกบั เวลา  เนอ้ื หาการสอนไม่เหมาะสมกับเวลา

2.2 ด้านผูเ้ รยี น

 มีความสนใจในการเรียน  มีความสุขในการเรียน

 มีการพัฒนาด้านการเรยี น  มคี วามรู้ และทักษะวิชาชีพ  อื่นๆ (ระบ)ุ ……………..…

2.3 ด้านคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์

 มีความรบั ผิดชอบ  มีระเบยี บวินัย  มีความรกั สามคั คี  มมี นษุ ยสมั พันธ์

 มคี วามอดทน  มคี วามซื่อสตั ย์  มคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง  มคี วามประหยดั

 มีความกตญั ญู  อ่ืนๆ (ระบ)ุ .............................................................................

2.4 ดา้ นการวัดและประเมนิ ผล  มี  ไมม่ ี (ไม่ต้องตอบขอ้ 3.)

 ถาม ตอบเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม  สอบภาคปฏบิ ตั ิ  สอบภาคทฤษฎี

 แบบบันทกึ  แบบสงั เกต  อื่นๆ(ระบุ)....................................

3. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น

ผา่ นเกณฑ์ ……… คน คิดเปน็ ร้อยละ …… ไมผ่ ่านเกณฑ์ ……… คน คิดเปน็ ร้อยละ …………

4. ปญั หาอุปสรรคท่เี กิดขึ้นระหวา่ งการเรียนการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………..

5. แนวทางการแก้ไขปัญหาของครผู ูส้ อน (เพือ่ เปน็ แนวทางในการทาวิจัยในช้ันเรยี น)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..

ลงชอื่ ........................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ..................................... หัวหน้าแผนก

(......................................... )…./....../...... (...........................................)…../....../........

23

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ ๒

วิชา กฎหมายแรงงาน (๒๐๐๐๑-๑๐๐๔) สอนครั้งท่ี ๔-๕

ช่ือหน่วย : หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จานวน ๒ ช่วั โมง

1. สาระสาคญั
หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

เกี่ยวกับสภาพการจ้าง โดยกาหนดหลักเกณฑ์ขั้นต่าไว้ เกี่ยวกับการจ้างแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน การจ่าย
ค่าจ้างการทางานของลูกจ้าง จะต่ากว่าท่ีกฎหมายกาหนดไว้มิได้ และคุ้มครองแรงงานเก่ียวกับการใช้แรงงาน
หญงิ แรงงานเด็ก กาหนดวนั หยุด วนั ลา และสวัสดภิ าพแก่ผู้ใชแ้ รงงานของลูกจ้างไว้ เป็นการจัดระเบียบสังคม
ในการจ้างและใชแ้ รงงาน เพ่ือให้เกดิ ความสงบสขุ เปน็ ธรรมในสังคม

2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้
2.1 อธิบายความหมายของคาวา่ แรงงานและหลกั กฎหมายการคุ้มครองแรงงาน
2.2 อธบิ ายวตั ถุประสงคก์ ฎหมายค้มุ ครองแรงงาน
2.3 อธิบายความหมายของคาว่านายจา้ งและลกู จา้ งตามกฎหมายแรงงานนี้
2.4 เข้าใจและอธิบายข้อหา้ มและข้อปฏบิ ตั ิของนายจ้างท่ีมีตอ่ ลูกจา้ ง การใชแ้ รงงานทวั่ ไป และการ

จดั ให้มีสวัสดิการแรงงาน
2.5 สามารถนาความรู้ที่ศึกษาไปแก้ปญั หาในการดารงชีพประจาวนั และในงานอาชีพธรุ กิจ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้/การเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ั่วไป
3.1.1 รแู้ ละเข้าใจเกี่ยวกบั หลักกฎหมายและวัตถุประสงค์การคุม้ ครองแรงงาน
3.1.2 รูแ้ ละเขา้ ใจความหมายของคาว่านายจ้างและลกู จา้ ง
3.1.3 รู้และเข้าใจขอบเขตการใชก้ ฎหมายคุ้มครองแรงงาน
3.1.4 รแู้ ละเขา้ ใจข้อห้ามและข้อปฏบิ ตั ิของนายจา้ งท่มี ตี ่อลูกจ้าง
3.1.5 ร้แู ละเข้าใจการใชแ้ รงงานทัว่ ไป
3.1.6 รแู้ ละเขา้ ใจสวสั ดิการแรงงาน
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
3.2.1 อธบิ ายความหมายของคาว่าแรงงานและหลกั กฎหมายการคุม้ ครองแรงงานได้
3.2.2 อธบิ ายวตั ถปุ ระสงคก์ ฎหมายคมุ้ ครองแรงงานได้
3.2.3 อธบิ ายความหมายของคาว่านายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานน้ีได้

24

3.2.4 เข้าใจและอธบิ ายข้อหา้ มและข้อปฏิบตั ิของนายจา้ งท่ีมตี อ่ ลกู จ้าง การใชแ้ รงงานทวั่ ไป
และการจดั ใหม้ สี วัสดกิ ารแรงงานได้

3.2.5 สามารถนาความรู้ทีศ่ กึ ษาไปแกป้ ญั หาในการดารงชีพประจาวันและในงานอาชีพธุรกจิ
ได้

4. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
4.1 หลกั กฎหมายและวตั ถปุ ระสงคก์ ารคุ้มครองแรงงาน
4.2 ความหมายของคาว่านายจา้ งและลูกจ้าง
4.3 ขอบเขตการใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
4.4 ข้อหา้ มและข้อปฏบิ ตั ิของนายจ้างท่มี ีต่อลูกจา้ ง
4.5 การใชแ้ รงงานทว่ั ไป
4.6 สวัสดกิ ารแรงงาน

5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน

กิจกรรมผเู้ รียน กิจกรรมผเู้ รยี น

ขั้นเตรยี มกจิ กรรม (๑ ชั่วโมง)

1. ผู้สอนชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับจุดประสงค์ 1. ผู้เรียนเตรยี มอุปกรณ์การเรียน

สมรรถนะและคาอธิบายรายวิชา การวัดผลและ

ประเมินผลการเรียน คุณลักษณะนิสัยท่ีต้องการให้

เกิดขนึ้

2. ตรวจสอบรายชอ่ื ตรวจการแตง่ กาย และขอ้ ตกลง 2. ผู้เรียนทาความเข้าใจและจดบันทึกรายละเอียด

ในการเรียน เกี่ยวกบั การเรยี น

๓. แนะนาตัวทาความรู้จักระหว่างผู้สอนและผู้เรียน 3. รับฟังและยอมรับเหตุผล แล้วนาไปปฏิบัติการ

เรียน แก้ไขในพฤตกิ รรมท่ีไม่ถูกต้อง

๔. ต้ังกติกาในการเข้าเรียนการตรียมความพร้อม ๔. ผู้เรยี นแนะนาตัวเองให้กบั เพือ่ นๆ และครูผสู้ อน

ของผู้เรียนเพื่อเข้าสู่สาระการเรียนรู้ โดยการเตรียม

วัสดุอุปกรณ์ หนังสือ เอกสารการสอน สมุด

แบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน

ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น (๑ ช่ัวโมง)
๕. ชี้แจงจดุ ประสงค์ของการเรียนรเู้ รื่อง วิวฒั นาการ 5. ผู้เรียนเตรียมความพร้อม โดยมี สมุด หนังสือ
ของการขาย ความหมายของการขายและหน้าท่ี หรอื เอกสารการเรยี นรู้

ทางการขาย ความหมายของการตลาดและหน้าที่

ทางการตลาด ความสาคัญของการขายและ

การตลาด

25

๖. ชี้ให้เห็นความสาคัญของวิวัฒนาการของการขาย 6. จดบันทึกลงในสมุด และผู้เรียนจับกลุ่ม 5 คน

ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการขาย และคิดหาตวั แทนไว้นาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น

ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการตลาด

ความสาคัญของการขายและการตลาด ท่ีมีใช้ใน

ชวี ติ ประจาวนั ของผ้เู รยี น

๗. ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนด้วยการซักถาม และ 7. จดบนั ทกึ จุดประสงค์การเรียนรู้ลงสมุด

สนทนากับนักศึกษาดังน้ีวิวัฒนาการของการขาย วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

ความหมายของการขายและหน้าท่ีทางการขาย และหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของการตลาด

ความหมายของการตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด และหน้าที่ทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

ความสาคัญของการขายและการตลาด และการตลาด

๘. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง 8. ผู้เรยี นทาแบบฝึกหัดก่อนเรยี นเร่ือง

ศึกษา วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการ วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

ขายและหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของ และหน้าที่ทางการขาย ความหมายของการตลาด

การตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของ และหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

การขายและการตลาด แล้วให้ผู้เรียนสลับกันตรวจ และการตลาด แล้วสลับกันตรวจแบบฝึกหัดก่อน

โดยฟังเฉลยจากผู้สอนพรอ้ มกนั เรียน

ขั้นดาเนนิ การสอน (2 ชั่วโมง)

๙. ผู้สอนอธิบายเนื้อหาตามหัวข้อ วิวัฒนาการของ 9. ต้งั ใจฟังและจดบันทึกเนื้อหาทีส่ าคัญลงสมุด
การขาย ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการ
ขาย ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการ
ตลาด ความสาคญั ของการขายและการตลาด

๑๐. ผู้สอนบรรยายหน้าชั้นเรียนและยกตัวอย่าง
ประกอบ เก่ียวกับวิวัฒนาการของการ ขาย 10. ฟังบรรยายอย่างต้งั ใจ
ความหมายของการขายและหน้าท่ีทางการขาย
ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการตลาด
ความสาคญั ของการขายและการตลาด

๑๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม สรุปเนื้อหาสาระที่

เรียนพร้อมท้ังนาเสนอหน้าชั้นเรียนโดยผู้สอนเป็นผู้

สุ่มเรยี ก 11. ผเู้ รียนจบั กลุ่มและส่งตัวแทนนาเสนอ

26

1๒. ผู้สอนสุ่มเรียกตัวแทนผเู้ รียนแต่ละกลมุ่ ออกมา
ยกตวั อย่างเอกสารการรับ-สง่ สินค้า

12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนจับฉลากเพื่อ
นาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 1 หวั ขอ้

ขัน้ สรปุ (๑ ช่วั โมง)

1๓. ผู้สอนและผู้เรียนช่วยกันสรุปในหัวข้อท่ี 13. ผู้เรียนรับฟังคาสรุปและข้อเสนอแนะจากผู้สอน

นักศึกษานาเสนอพร้อมท้ังอธิบายเพ่ิมเติมและสรุป พร้อมทั้งจดบันทึกข้อมูลซักถามหรือตอบคาถาม

เนื้อหาตามจุดประสงค์และเนื้อหาสาระการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่ยังไม่เข้าใจ พร้อมท้ัง

พร้อมทั้งแนะนะหรือบอกแหล่งการหาข้อมูลจาก ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิด

อินเตอร์เน็ต เพื่อผู้เรียนจะได้ศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติม ประโยชน์โดยการศึกษาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพื่อ

ได้ เป็นการฝึกใช้ระบบอิเล็คทรอนิกส์และเป็นการ

หา่ งไกลจากยาเสพติดและเกมส์ต่าง ๆ

1๔. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน พร้อม 14. ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน และนาส่ง

ทง้ั ตรวจงานสมุด ผสู้ อน

6. สือ่ การเรยี น-การสอนและแหล่งเรยี นรู้
1. ส่อื สงิ่ พมิ พ์
1.1 หนงั สือเรยี นวชิ า กฎหมายแรงงาน บริษทั สานักพิมพเ์ อมพันธ์ จากัด
๑.๒ กิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนาความรู้
1.3 แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ ๒
2. โสตทศั น์
๒.๑ -
3. ห่นุ จาลอง/ของจริง
-
4. สอ่ื …………………………………………………………..
๔.๑ อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยี

7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรยี นรู้
7.1 ในสถานศกึ ษา
- ห้องสมุด
- อินเตอรเ์ น็ต

27

7.2 นอกสถานศึกษา
- อนิ เตอรเ์ นต็
- ห้องสมุด ประชาชน

8. กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย (ถา้ มี)
กอ่ นเรยี น

1. ตรวจรายช่อื ตรวจเครือ่ งมือ และการแตง่ กาย
2. ตั้งกติกาในการเรยี น
3. อบรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ขณะเรยี น
1. ศกึ ษาคน้ ควา้
๒. กจิ กรรมสง่ เสริมคณุ ธรรมนาความรู้
๓. สรปุ ความรู้
หลังเรียน
1. ทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๒
2. ถาม-ตอบข้อสงสัย
๓. สรปุ เนอ้ื หาและศึกษาเนื้อหาในเร่ืองต่อไป
๔. ทาความสะอาดหอ้ งเรยี น

๙. เอกสารอา้ งอิง
-

๑๐. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั รายวิชาอืน่
- กฎหมายพาณชิ ย์
- เศรษฐกิจพอเพียง

๑๑. รายละเอียดการประเมินผลการเรยี น
จดุ ประสงคข์ ้อท่ี ๑ อธบิ ายความหมายของคาว่าแรงงานและหลกั กฎหมายการคมุ้ ครองแรงงานได้
1. วธิ กี ารประเมิน : ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2. เคร่ืองการประเมนิ : แบบประเมินผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : อธิบายความหมายของคาว่าแรงงานและหลกั กฎหมายการ
คมุ้ ครองแรงงาน
4. เกณฑ์การผา่ น : ผา่ นระดบั รอ้ ยละ ๕0

28

จดุ ประสงค์ข้อที่ ๒ อธบิ ายวัตถุประสงคก์ ฎหมายคมุ้ ครองแรงงานได้
1. วธิ ีการประเมิน : ประเมนิ ผลการเรียนรู้
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบประเมินผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : อธบิ ายวตั ถุประสงคก์ ฎหมายค้มุ ครองแรงงาน
4. เกณฑ์การผา่ น : ผา่ นระดับรอ้ ยละ ๕0

จุดประสงคข์ ้อที่ ๓ อธบิ ายความหมายของคาวา่ นายจา้ งและลกู จา้ งตามกฎหมายแรงงานนี้ได้
1. วธิ ีการประเมนิ : ประเมินผลการเรียนรู้
2. เคร่อื งการประเมนิ : แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : อธบิ ายความหมายของคาวา่ นายจ้างและลูกจา้ งตามกฎหมาย
แรงงานน้ี
4. เกณฑ์การผา่ น : ผา่ นระดับรอ้ ยละ ๕0

จดุ ประสงค์ข้อท่ี ๔ เข้าใจและอธบิ ายข้อห้ามและข้อปฏบิ ัติของนายจ้างทม่ี ตี ่อลูกจ้าง การใชแ้ รงงาน
ทวั่ ไป และการจัดให้มีสวัสดกิ ารแรงงานได้

1. วิธีการประเมนิ : ประเมินผลการเรยี นรู้
2. เครอ่ื งการประเมนิ : แบบประเมินผลการเรียนรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : เขา้ ใจและอธบิ ายข้อห้ามและข้อปฏิบัติของนายจา้ งท่ีมตี ่อ

ลกู จ้าง การใช้แรงงานท่ัวไป และการจัดให้มีสวัสดิการแรงงาน
4. เกณฑ์การผ่าน : ผา่ นระดบั รอ้ ยละ ๕0
จุดประสงคข์ ้อท่ี ๕ สามารถนาความร้ทู ศี่ ึกษาไปแกป้ ญั หาในการดารงชีพประจาวันและในงานอาชีพ
ธรุ กจิ ได้
1. วิธกี ารประเมนิ : กิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
2. เครื่องการประเมิน : แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนาความรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : สามารถนาความรู้ที่ศึกษาไปแกป้ ญั หาในการดารงชีพประจาวัน

และในงานอาชีพธุรกิจ
4. เกณฑ์การผ่าน : ผ่านระดบั รอ้ ยละ ๕0

29

กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมนาความรู้
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นอา่ นบทความต่อไปนี้แลว้ อภิปรายร่วมกัน

วงจรแห่งความสุขในบริษัท
จากข่าวท่ีกล่าวขวัญถึงในแวดวงคนทางาน “บริษัทท่ีพนักงานมีความสุขมากที่สุดในญ่ีปุ่น” โดย
นายยามาดะ อาคิโอะ วัย 82 ปี ผู้บริหารและผู้ก่อต้ัง Miriai Iddustry ประกอบธุรกิจผลิตและจาหน่าย
ส่วนประกอบอุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์สาหรบั อุตสาหกรรมก่อสร้าง มีพนกั งานรวมทัง้ ส้นิ กว่า 800 ชวี ติ
บริษัท Miriai Iddustry มีนโยบายสร้างความสุขในที่ทางาน ได้แก่ การบรรจุพนักงานทุกคนเป็น
ลูกจ้างประจาของบริษัทและให้เงินเดือนในระดับสูง เพ่ือเทียบกับตาแหน่งงานประเภทเดียวกันในบริษัท
อ่ืนๆ การไม่บังคับพนักงานให้ทางานล่วงเวลาจากตารางการทางานท่ีบริษัทกาหนด พนักงานมีวันหยุดถึง
140 วัน ไม่รวมถึงวันพักร้อนอีก 40 วัน การจัดต้ังชมรมเพื่อสร้างกิจกรรมนันทนาการในบริษัทอย่าง
หลากหลาย และการพาพนักงานท้ังบริษัทไปท่องเที่ยวต่างประเทศ 5 ปีครั้ง โดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้
ท้ังหมด แม้นโยบายด้านสวัสดิการของบริษัทจะมีอยู่หลากหลายและมีค่าใช้จ่ายอย่างมาก แต่บริษัทยังไม่
เคยขาดทนุ เลยแม้แตค่ รั้งเดยี ว มอี ตั รากาไรเฉล่ยี ถึง 15% ต่อปี

“เม่ือบริษัททาให้พนักงานมีความสุข พนักงานจะรู้สึกอยากทาให้บริษัทดียิ่งๆข้ึนไปอีก ถ้า
พนักงานตั้งใจทางาน บริษัทก็จะมีกาไรขึ้น เราก็เอากาไรท่ีได้เพิ่มขึ้นกลับมาตอบแทนกับพนักงาน”
นายยามาดะ อาคโิ อะ กล่าว

หากนักเรยี นมีโอกาสเป็น
เจ้าของ บริษัท ให้นักเรียน
ยกตวั อย่างนโยบายขององคก์ ร
ทส่ี ร้างความสขุ ให้แก่พนกั งาน

30

แบบประเมินผลการเรียน หน่วยท่ี ๒
เรอ่ื ง หลกั กฎหมายคุม้ ครองแรงงาน

คาชแี้ จง จงเลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว

1. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานที่ใชบ้ ังคับอยู่ในปัจจุบัน คือข้อใด
ก. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ว่าดว้ ยจา้ งแรงงาน
ข. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. 2562
ค. พระราชบญั ญัตปิ ระกนั สังคม พ.ศ. 2533
ง. ถูกทุกข้อ

๒. หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงานมไี วเ้ พือ่ อะไร
ก. จดั ระเบยี บของสงั คม ในการจา้ งงานและใชแ้ รงงาน
ข. จัดระเบียบของสงั คม ในการควบคุมนายจา้ ง
ค. จัดระเบียบของสงั คม ในการควบคมุ ลูกจ้าง
ง. ถูกทกุ ขอ้

3. การทรี่ ัฐตรากฎหมายแรงงานใชบ้ งั คับ มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือบังคบั ฝ่ายใดเป็นหลกั
ก. ใชบ้ ังคบั ใหล้ กู จ้างปฏิบัติตามกฎหมายเป็นหลัก
ข. ใช้บงั คบั ใหน้ ายจา้ งปฏิบตั ติ ามกฎหมายเป็นหลัก
ค. ใช้บังคบั ให้พนักงานเจา้ หนา้ ท่ปี ฏบิ ตั ิตามกฎหมายเป็นหลัก
ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถกู

4. กฎหมายคุ้มครองแรงงานทสี่ าคัญคือข้อใด ข. พระราชบัญญัตเิ งินทดแทน พ.ศ.2537
ก. พระราชบัญญัติประกนั สงั คม พ.ศ.2533 ง. พระราชบัญญัติแรงงานสัมพนั ธ์ พ.ศ.2518
ค. พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541

5. รัฐออกกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน กาหนดเง่ือนไขในการจา้ ง กาหนดวันเวลาการทางาน กาหนดคา่ จา้ ง
กาหนดวนั หยดุ และวนั ลาของลูกจ้าง วัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองลกู จา้ งในข้อใด

ก. ให้ลูกจา้ งได้รับความปลอดภยั ขณะทางาน
ข. ให้ลกู จา้ งได้รับค่าจา้ งถกู ต้องตามทก่ี ฎหมายกาหนด
ค. ใหเ้ กิดความสงบสุขและเปน็ ธรรมในสงั คม
ง. ถูกทกุ ข้อ

31

๖. ขอบเขตของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไมค่ รอบคลุมหรอื ใชบ้ งั คับไปถึงในข้อใด

ก. ไมค่ รอบคลมุ ถงึ ลูกจา้ งทางานบ้าน ข. ไมค่ รอบคลมุ ถึงลูกจ้างในห้างสรรพสินค้า

ค. ไมค่ รอบคลุมถึงลูกจ้างในโรงพยาบาลเอกชน ง. ถกู ทุกข้อ

7. งานทว่ั ไป กฎหมายกาหนดใหล้ ูกจา้ งทางานตามขอ้ ใด ข. วันหน่ึงทางานไมเ่ กนิ 8 ชวั่ โมง
ก. วนั หนึง่ ทางานไม่นอ้ ยกว่า 8 ชั่วโมง ง. วันหนง่ึ ทางานไมเ่ กินกวา่ 9 ชวั่ โมง
ค. วันหนึ่งทางานไม่น้อยกว่า 9 ชัว่ โมง

8. งานใดตอ่ ไปนถี้ ือว่าเปน็ งานอาจเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ และความปลอดภยั ของลูกจา้ งตามที่กฎหมาย

กาหนด

ก. งานประกอบอะไหล่วิทยุ ข. งานเย็บปกเข้าเล่มหนังสือ

ค. งานเชอื่ มม้าหมุนสนามเดก็ เล่น ง. งานขุดดนิ วางท่อระบายนา้

9. การท่นี ายจา้ งให้ลกู จ้างทางานล่วงเวลาหลังเลกิ งานปกติ โดยหลักทวั่ ไปแลว้ นายจา้ งควรปฏิบัตใิ หถ้ ูกต้องใน
ข้อใด

ก. วางระเบียบลว่ งหนา้ ประกาศกาหนดใหล้ กู จ้างทราบ
ข. นายจา้ งสามารถกาหนดให้ลกู จา้ งทางานลว่ งเวลาได้เสมอ
ค. สอบถามลูกจ้างก่อนวา่ มีงานปกติคา้ งอย่หู รือไม่
ง. สอบถามลูกจา้ งก่อนวา่ ตกลงทางานลว่ งเวลาในคร้งั นน้ั

10. ในการทางานปกติ วันหน่ึงลกู จา้ งมสี ทิ ธพิ ักระหวา่ งทางานตามข้อใด
ก. ทางานหนึ่งช่วั โมง พกั ได้ 10 นาที
ข. ทางานมาแล้วจานวน 4 ชว่ั โมง ต้องไดพ้ ัก 1 ชวั่ โมง
ค. มเี วลาพักระหวา่ งทางานวันหนึง่ ไม่ถงึ ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลงั จากทางานมาแลว้ ไมเ่ กิน 5 ช่วั โมง
ง. ถกู ทุกข้อ

32

เฉลยแบบประเมนิ ผลการเรยี น หน่วยท่ี ๒
เรอื่ ง หลักกฎหมายคุม้ ครองแรงงาน

คาชแี้ จง จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องทส่ี ดุ เพียงคาตอบเดียว

1. กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกับแรงงานทใี่ ชบ้ งั คบั อยู่ในปจั จบุ นั คือข้อใด
ก. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วา่ ด้วยจ้างแรงงาน
ข. พระราชบัญญัติคุม้ ครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. 2562
ค. พระราชบัญญัตปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533
ง. ถูกทกุ ข้อ

๒. หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงานมีไว้เพ่อื อะไร
ก. จดั ระเบียบของสังคม ในการจา้ งงานและใชแ้ รงงาน
ข. จัดระเบยี บของสังคม ในการควบคุมนายจา้ ง
ค. จดั ระเบียบของสังคม ในการควบคมุ ลูกจา้ ง
ง. ถกู ทกุ ขอ้

3. การท่ีรัฐตรากฎหมายแรงงานใชบ้ ังคบั มวี ัตถุประสงค์เพื่อบังคับฝา่ ยใดเป็นหลัก
ก. ใชบ้ งั คบั ใหล้ กู จ้างปฏบิ ัติตามกฎหมายเป็นหลัก
ข. ใช้บงั คับใหน้ ายจ้างปฏบิ ัติตามกฎหมายเป็นหลัก
ค. ใชบ้ งั คบั ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าท่ปี ฏบิ ัติตามกฎหมายเป็นหลกั
ง. ไม่มขี ้อใดถูก

4. กฎหมายคุ้มครองแรงงานที่สาคัญคือข้อใด ข. พระราชบัญญัตเิ งินทดแทน พ.ศ.2537
ก. พระราชบัญญัตปิ ระกันสงั คม พ.ศ.2533 ง. พระราชบญั ญัติแรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ.2518
ค. พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541

5. รัฐออกกฎหมายคุ้มครองแรงงาน กาหนดเง่ือนไขในการจา้ ง กาหนดวันเวลาการทางาน กาหนดค่าจา้ ง
กาหนดวันหยุดและวันลาของลกู จา้ ง วตั ถปุ ระสงค์เพื่อคุ้มครองลูกจ้างในข้อใด

ก. ใหล้ กู จา้ งได้รบั ความปลอดภัยขณะทางาน
ข. ให้ลูกจ้างได้รบั ค่าจ้างถูกตอ้ งตามทกี่ ฎหมายกาหนด
ค. ให้เกดิ ความสงบสุขและเปน็ ธรรมในสงั คม
ง. ถกู ทุกข้อ

33

๖. ขอบเขตของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไมค่ รอบคลุมหรอื ใชบ้ งั คับไปถึงในข้อใด

ก. ไมค่ รอบคลมุ ถงึ ลูกจา้ งทางานบ้าน ข. ไมค่ รอบคลมุ ถึงลูกจ้างในห้างสรรพสนิ ค้า

ค. ไมค่ รอบคลุมถึงลูกจ้างในโรงพยาบาลเอกชน ง. ถกู ทุกขอ้

7. งานทว่ั ไป กฎหมายกาหนดใหล้ ูกจา้ งทางานตามขอ้ ใด ข. วันหน่ึงทางานไมเ่ กนิ 8 ชวั่ โมง
ก. วนั หนึง่ ทางานไม่นอ้ ยกว่า 8 ชั่วโมง ง. วันหนง่ึ ทางานไมเ่ กินกวา่ 9 ชวั่ โมง
ค. วันหนึ่งทางานไม่น้อยกว่า 9 ชัว่ โมง

8. งานใดตอ่ ไปนถี้ ือว่าเปน็ งานอาจเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ และความปลอดภยั ของลูกจา้ งตามที่กฎหมาย

กาหนด

ก. งานประกอบอะไหล่วิทยุ ข. งานเย็บปกเข้าเล่มหนังสือ

ค. งานเชอื่ มม้าหมนุ สนามเดก็ เล่น ง. งานขุดดนิ วางท่อระบายนา้

9. การท่นี ายจา้ งให้ลกู จ้างทางานล่วงเวลาหลังเลกิ งานปกติ โดยหลักทวั่ ไปแลว้ นายจา้ งควรปฏิบัตใิ หถ้ ูกต้องใน
ข้อใด

ก. วางระเบียบลว่ งหนา้ ประกาศกาหนดใหล้ กู จ้างทราบ
ข. นายจา้ งสามารถกาหนดใหล้ กู จา้ งทางานลว่ งเวลาได้เสมอ
ค. สอบถามลูกจ้างก่อนวา่ มีงานปกติคา้ งอย่หู รือไม่
ง. สอบถามลูกจา้ งก่อนวา่ ตกลงทางานลว่ งเวลาในคร้งั นน้ั

10. ในการทางานปกติ วันหน่ึงลกู จา้ งมสี ทิ ธพิ ักระหวา่ งทางานตามข้อใด
ก. ทางานหนึ่งช่วั โมง พกั ได้ 10 นาที
ข. ทางานมาแล้วจานวน 4 ชว่ั โมง ต้องไดพ้ ัก 1 ชวั่ โมง
ค. มเี วลาพักระหวา่ งทางานวันหนึง่ ไม่ถงึ ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลงั จากทางานมาแลว้ ไมเ่ กิน 5 ช่วั โมง
ง. ถกู ทุกข้อ

34

แบบฝึกหัด
เรือ่ ง หลักกฎหมายคุม้ ครองแรงงาน

คาชแ้ี จง จงตอบคาถามต่อไปน้ีตามหลักกฎหมาย
๑. หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นกฎหมายจัดระเบียบของสังคมในการจ้างงานและใช้แรงงาน
วัตถุประสงคก์ ารออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานของรฐั มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื อะไร
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. เวลาทางานของลูกจา้ งในสภาพงานปกตหิ รืองานทัว่ ไป กฎหมายวางหลกั การทางาน ๑ วนั ลูกจ้างควรมี
เวลาทางานและเวลาพักอย่างไร
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. การทางานล่วงเวลาในวนั ทางานปกติของลูกจา้ ง กฎหมายวางหลกั การให้นายจา้ งตอ้ งปฏบิ ตั ไิ วอ้ ย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………

35

เฉลยแบบฝกึ หดั
เร่อื ง หลกั กฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน

คาชี้แจง จงตอบคาถามตอ่ ไปนตี้ ามหลักกฎหมาย
๑. หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นกฎหมายจัดระเบียบของสังคมในการจ้างงานและใช้แรงงาน
วัตถปุ ระสงค์การออกกฎหมายคมุ้ ครองแรงงานของรัฐมวี ัตถุประสงค์เพ่ืออะไร
ตอบ เพ่ือให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมาย จึงกาหนดเงื่อนไขการจ้างไว้เพื่อคุ้มครองลูกจ้างมิให้ถูกเอา
เปรียบ และได้รับความปลอดภัยขณะทางาน มีเวลาพักผ่อนที่เหมาะสม มีสวัสดิการและได้รับค่าจ้าง
ถูกต้องตามกฎหมายกาหนด อันทาให้ลูกจ้างสามารถปฏิบัติงานที่จ้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความหวัง
และมีความสขุ ในการทางาน เกดิ ความสงบสุขและความเปน็ ธรรมในสงั คม

2. เวลาทางานของลูกจ้างในสภาพงานปกตหิ รืองานทั่วไป กฎหมายวางหลกั การทางาน ๑ วัน ลกู จา้ งควรมี
เวลาทางานและเวลาพักอยา่ งไร
ตอบ การทางานวันหน่ึงตอ้ งไมเ่ กินแปดช่ัวโมง และนายจา้ งจัดใหล้ กู จ้างมีเวลาพักระหวา่ งการทางาน
วันหน่ึงไม่น้อยกวา่ หน่ึงชั่วโมง หลังจากทลี่ ูกจา้ งทางานมาแลว้ ไม่เกนิ หา้ ชัว่ โมงติดต่อกัน

3. การทางานล่วงเวลาในวนั ทางานปกติของลูกจา้ ง กฎหมายวางหลักการใหน้ ายจ้างตอ้ งปฏิบัติไวอ้ ย่างไร
ตอบ การทางานล่วงเวลา การทางานนอกหรอื เกนิ เวลาทางานปกติ หรือเกินชัว่ โมงในการทางานแต่ละ
วันท่ีนายจ้างตกลงกัน ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันทางาน เว้นแต่ได้รับความยินยอม
จากลกู จา้ งกอ่ นเป็นคราวๆไป

36

บนั ทกึ หลังการสอนคร้งั ที.่ .........

รายวชิ า..................................................................................รหสั วชิ า......................................หน่วยการเรยี นท่ี ………………………………

ช่ือหนว่ ยการเรยี น ...………..………………………..………………………....จานวนช่วั โมง……………….… กลุ่มเรียน ............................................

จานวนผเู้ รียน...................คน. เม่ือวนั ท…่ี …………………………………. เรอ่ื งท่ีสอน………….………...................…………………..…………………

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. กิจกรรมการเรยี นการสอน (สามารถระบไุ ด้หลายหวั ข้อตามที่ปฏบิ ัตจิ รงิ โดยใช้เคร่ืองหมาย 

1.1 วธิ กี ารสอน

 บรรยาย  สาธิต  ทดลอง  ปฏิบัติ  กจิ กรรมกลมุ่

 การนาเสนอผลงาน  อ่ืนๆ (ระบุ)……………..………………….......................................

1.2 สอ่ื การเรยี นการสอน

 โปรแกรมนาเสนอ  ใบความรู้  ใบงาน  ขอ้ สอบ  วดี ิทศั น์

 แบบประเมิน  เวบ็ ไซต์  อืน่ ๆ (ระบุ).............………….……………..…………..

2. ผลการดาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอน

2.1 ดา้ นผ้สู อน

 สอนตามแผนการเรียนครบตามเนอ้ื หา  สอนตามแผนการเรยี น ไม่ครบตามเนือ้ หา

 เน้ือหาการสอนเหมาะสมกบั เวลา  เน้อื หาการสอนไมเ่ หมาะสมกับเวลา

2.2 ด้านผูเ้ รยี น

 มีความสนใจในการเรียน  มคี วามสุขในการเรยี น

 มีการพัฒนาด้านการเรยี น  มีความรู้ และทกั ษะวชิ าชีพ  อ่นื ๆ (ระบุ)……………..…

2.3 ด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์

 มีความรบั ผิดชอบ  มีระเบยี บวินยั  มคี วามรกั สามัคคี  มมี นษุ ยสมั พนั ธ์

 มคี วามอดทน  มีความซอ่ื สตั ย์  มคี วามเชอ่ื มน่ั ในตนเอง  มคี วามประหยดั

 มีความกตญั ญู  อ่ืนๆ (ระบุ).............................................................................

2.4 ดา้ นการวัดและประเมินผล  มี  ไม่มี (ไม่ตอ้ งตอบข้อ 3.)

 ถาม ตอบเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม  สอบภาคปฏบิ ตั ิ  สอบภาคทฤษฎี

 แบบบันทกึ  แบบสังเกต  อืน่ ๆ(ระบุ)....................................

3. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น

ผา่ นเกณฑ์ ……… คน คดิ เปน็ ร้อยละ …… ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ……… คน คดิ เปน็ ร้อยละ …………

4. ปญั หาอุปสรรคท่เี กิดขึ้นระหวา่ งการเรียนการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………..

5. แนวทางการแก้ไขปัญหาของครผู ู้สอน (เพ่อื เปน็ แนวทางในการทาวิจัยในชนั้ เรียน)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..

ลงชอื่ ........................................ครูผสู้ อน ลงชือ่ ..................................... หัวหนา้ แผนก

(......................................... )…./....../...... (...........................................)…../....../........

37

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ ๓

วชิ า กฎหมายแรงงาน (๒๐๐๐๑-๑๐๐๔) สอนครัง้ ที่ 6-7

ชื่อหน่วย : การคุ้มครองแรงงานหญิงและแรงงานเดก็ จานวน ๒ ช่วั โมง

1. สาระสาคัญ
แรงงานหญิงหรือลูกจ้างหญิง ย่อมมีสรีระร่างกายอ่อนแอกว่าแรงงานท่ีเป็นเพศชาย หากทางานบาง

ประเภทอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย กฎหมายจึงคุ้มครองในเรื่องเวลาและงานบางประเภทไว้ มิให้
นายจา้ งให้ลูกจ้างหญิงทางาน โดยเฉพาะหญงิ มคี รรภ์ กฎหมายจะคุม้ ครองสิทธใิ ห้ไว้เปน็ พิเศษ

แรงงานเด็ก หมายถึง บุคคลไม่ว่าจะหญิงหรือชายท่ีมีอายุระหว่าง 15-18 ปี ถือว่าเป็นแรงงานเด็ก
กฎหมายจะคุ้มครองและกาหนดให้นายจ้างต้องปฏิบัติต่อแรงงานเด็กและข้อจากัดเร่ืองเวลา ชนิดของงานให้
เด็กทาไว้ และห้ามมใิ หน้ ายจ้างทาการจ้างเด็กอายตุ ่ากวา่ 15 ปี เปน็ ลูกจา้ งเด็ดขาด

2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้
2.1 อธิบายสภาพท่วั ไปการใช้แรงงานหญงิ
2.2 อธิบายคาวา่ แรงงานเด็กและข้อจากดั ในการใช้แรงงานเดก็
2.3 อธิบายงานที่อาจเปน็ อนั ตรายตอ่ แรงงานหญงิ และแรงงานเด็ก
2.4 อธิบายสิทธิแรงงานหญิงและสทิ ธแิ รงงานเด็ก
2.5 สามารถนาความรู้ทีศ่ ึกษาไปแก้ปัญหาในการดารงชพี ประจาวนั และในงานอาชีพธุรกจิ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้/การเรยี นรู้
3.1 จุดประสงคท์ ั่วไป
3.1.1 รู้และเข้าใจเก่ยี วกับสภาพท่ัวไปการใชแ้ รงงานหญิง
3.1.2 รแู้ ละเขา้ ใจคาวา่ แรงงานเดก็ และขอ้ จากัดในการใช้แรงงานเดก็
3.1.3 รเู้ ก่ียวกับงานท่ีอาจเป็นอนั ตรายต่อแรงงานหญิงและแรงงานเดก็
3.1.4 รู้และเข้าใจสทิ ธิแรงงานหญงิ และสทิ ธแิ รงงานเดก็
3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
3.2.1 อธิบายสภาพทัว่ ไปการใชแ้ รงงานหญงิ ได้
3.2.2 อธิบายคาวา่ แรงงานเด็กและขอ้ จากัดในการใช้แรงงานเดก็ ได้
3.2.3 อธิบายงานที่อาจเปน็ อันตรายต่อแรงงานหญงิ และแรงงานเด็กได้
3.2.4 อธบิ ายสทิ ธแิ รงงานหญิงและสทิ ธิแรงงานเดก็ ได้
3.2.5 สามารถนาความรู้ที่ศกึ ษาไปแกป้ ัญหาในการดารงชีพประจาวนั และในงานอาชพี ธุรกิจ
ได้

38

4. เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้
4.1 การคมุ้ ครองการใชแ้ รงงานหญิง
4.2 การคุ้มครองการใช้แรงงานเดก็
4.3 ขอ้ หา้ มจ้างหรอื ใช้แรงงานเดก็ โดยเด็ดขาด
4.4 ขอ้ จากัดในการจ้างแรงงานเด็ก
4.5 สทิ ธิแรงงานเด็ก

5. กจิ กรรมการเรียนการสอน

กจิ กรรมผู้เรยี น กจิ กรรมผู้เรยี น

ขัน้ เตรียมกิจกรรม (๑ ช่วั โมง)

1. ผู้สอนช้ีแจงรายละเอียดเก่ียวกับจุดประสงค์ 1. ผเู้ รียนเตรียมอปุ กรณ์การเรยี น

สมรรถนะและคาอธิบายรายวิชา การวัดผลและ

ประเมินผลการเรียน คุณลักษณะนิสัยท่ีต้องการให้

เกดิ ขนึ้

2. ตรวจสอบรายช่อื ตรวจการแตง่ กาย และขอ้ ตกลง 2. ผู้เรียนทาความเข้าใจและจดบันทึกรายละเอียด

ในการเรยี น เกี่ยวกับการเรียน

๓. แนะนาตัวทาความรู้จักระหว่างผู้สอนและผู้เรียน 3. รับฟังและยอมรับเหตุผล แล้วนาไปปฏิบัติการ

เรยี น แกไ้ ขในพฤตกิ รรมท่ีไม่ถูกต้อง

๔. ต้ังกติกาในการเข้าเรียนการตรียมความพร้อม ๔. ผ้เู รียนแนะนาตัวเองให้กบั เพ่อื นๆ และครผู ู้สอน

ของผู้เรียนเพ่ือเข้าสู่สาระการเรียนรู้ โดยการเตรียม

วัสดุอุปกรณ์ หนังสือ เอกสารการสอน สมุด

แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น

ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น (๑ ชว่ั โมง)
๕. ชีแ้ จงจดุ ประสงค์ของการเรียนร้เู ร่ือง ววิ ัฒนาการ 5. ผู้เรียนเตรียมความพร้อม โดยมี สมุด หนังสือ
ของการขาย ความหมายของการขายและหน้าที่ หรือเอกสารการเรยี นรู้

ทางการขาย ความหมายของการตลาดและหน้าที่

ทางการตลาด ความสาคัญของการขายและ

การตลาด

๖. ช้ีให้เห็นความสาคัญของวิวัฒนาการของการขาย 6. จดบันทึกลงในสมุด และผู้เรียนจับกลุ่ม 5 คน

ความหมายของการขายและหน้าท่ีทางการขาย และคดิ หาตวั แทนไว้นาเสนอหน้าช้นั เรยี น

ความหมายของการตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด

ความสาคัญของการขายและการตลาด ที่มีใช้ใน

ชวี ิตประจาวันของผ้เู รียน

39

๗. ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนด้วยการซักถาม และ 7. จดบันทกึ จุดประสงค์การเรยี นรลู้ งสมุด

สนทนากับนักศึกษาดังนี้วิวัฒนาการของการขาย วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

ความหมายของการขายและหน้าท่ีทางการขาย และหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของการตลาด

ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการตลาด และหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

ความสาคัญของการขายและการตลาด และการตลาด

๘. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง 8. ผู้เรยี นทาแบบฝกึ หัดก่อนเรยี นเรอื่ ง

ศึกษา วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการ วิวัฒนาการของการขาย ความหมายของการขาย

ขายและหน้าที่ทางการขาย ความหมายของ และหน้าท่ีทางการขาย ความหมายของการตลาด

การตลาดและหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของ และหน้าท่ีทางการตลาด ความสาคัญของการขาย

การขายและการตลาด แล้วให้ผู้เรียนสลับกันตรวจ และการตลาด แล้วสลับกันตรวจแบบฝึกหัดก่อน

โดยฟงั เฉลยจากผู้สอนพรอ้ มกัน เรยี น

ขั้นดาเนนิ การสอน (2 ช่วั โมง)

๙. ผู้สอนอธิบายเน้ือหาตามหัวข้อ วิวัฒนาการของ 9. ตั้งใจฟงั และจดบนั ทกึ เนอื้ หาที่สาคัญลงสมุด
การขาย ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการ
ขาย ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการ
ตลาด ความสาคัญของการขายและการตลาด

๑๐. ผู้สอนบรรยายหน้าช้ันเรียนและยกตัวอย่าง
ประกอบ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของการ ขาย 10. ฟังบรรยายอยา่ งตง้ั ใจ
ความหมายของการขายและหน้าที่ทางการขาย
ความหมายของการตลาดและหน้าที่ทางการตลาด
ความสาคญั ของการขายและการตลาด

๑๑. ผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม สรุปเน้ือหาสาระท่ี

เรียนพร้อมท้ังนาเสนอหน้าช้ันเรียนโดยผู้สอนเป็นผู้

สมุ่ เรียก 11. ผู้เรียนจบั กลุม่ และส่งตัวแทนนาเสนอ

1๒. ผู้สอนสุ่มเรียกตัวแทนผู้เรียนแต่ละกลุม่ ออกมา

ยกตัวอย่างเอกสารการรับ-สง่ สนิ คา้

12. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนจับฉลากเพ่ือ
นาเสนอหน้าชนั้ เรยี น 1 หวั ข้อ

40

ข้ันสรุป (๑ ชัว่ โมง)

1๓. ผู้สอนและผู้เรียนช่วยกันสรุปในหัวข้อที่ 13. ผู้เรียนรับฟังคาสรุปและข้อเสนอแนะจากผู้สอน

นักศึกษานาเสนอพร้อมท้ังอธิบายเพิ่มเติมและสรุป พร้อมทั้งจดบันทึกข้อมูลซักถามหรือตอบคาถาม

เนื้อหาตามจุดประสงค์และเนื้อหาสาระการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็นในหัวข้อท่ียังไม่เข้าใจ พร้อมท้ัง

พร้อมท้ังแนะนะหรือบอกแหล่งการหาข้อมูลจาก ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการใช้เวลาว่างให้เกิด

อินเตอร์เน็ต เพ่ือผู้เรียนจะได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ประโยชน์โดยการศึกษาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพ่ือ

ได้ เป็นการฝึกใช้ระบบอิเล็คทรอนิกส์และเป็นการ

หา่ งไกลจากยาเสพติดและเกมส์ต่าง ๆ

1๔. ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น พร้อม 14. ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน และนาส่ง

ทั้งตรวจงานสมุด ผู้สอน

๖. ส่อื การเรยี น-การสอนและแหล่งเรยี นรู้
1. สื่อสงิ่ พมิ พ์
1.1 หนังสือเรียนวิชา กฎหมายแรงงาน บริษทั สานักพิมพเ์ อมพันธ์ จากัด
๑.๒ กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมนาความรู้
1.3 แบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยท่ี ๓
2. โสตทศั น์
๒.๑ -
3. หุ่นจาลอง/ของจรงิ
-
4. ส่ือ…………………………………………………………..
๔.๑ อนิ เทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยี

๗. แหลง่ การเรียนการสอน/การเรียนรู้
7.1 ในสถานศกึ ษา
- หอ้ งสมดุ
- อินเตอร์เน็ต
7.2 นอกสถานศกึ ษา
- อนิ เตอรเ์ น็ต
- ห้องสมุด ประชาชน

41

๘. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถา้ มี)
ก่อนเรยี น

1. ตรวจรายชอ่ื ตรวจเครอื่ งมือ และการแต่งกาย
2. ต้ังกติกาในการเรยี น
3. อบรมคุณธรรม จริยธรรม
ขณะเรียน
1. ศึกษาคน้ คว้า
๒. กิจกรรมสง่ เสริมคณุ ธรรมนาความรู้
๓. สรุปความรู้
หลงั เรียน
1. ทาแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยท่ี ๓
2. ถาม-ตอบข้อสงสัย
๓. สรุปเน้ือหาและศึกษาเนื้อหาในเร่อื งต่อไป
๔. ทาความสะอาดหอ้ งเรยี น

๙. เอกสารอา้ งอิง
-

๑๐. การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ บั รายวิชาอืน่
- กฎหมายพาณชิ ย์
- เศรษฐกิจพอเพยี ง

๑๑. รายละเอยี ดการประเมินผลการเรียน
จดุ ประสงค์ข้อที่ ๑ อธบิ ายสภาพทวั่ ไปการใชแ้ รงงานหญิงได้
1. วธิ กี ารประเมิน : ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2. เครอื่ งการประเมนิ : แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : อธบิ ายสภาพทว่ั ไปการใช้แรงงานหญงิ
4. เกณฑ์การผ่าน : ผ่านระดบั ร้อยละ ๕0

42

จดุ ประสงค์ข้อที่ ๒ อธบิ ายคาว่าแรงงานเด็กและข้อจากดั ในการใชแ้ รงงานเด็กได้
1. วิธกี ารประเมนิ : ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2. เครื่องการประเมนิ : แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมิน : อธบิ ายคาว่าแรงงานเดก็ และขอ้ จากดั ในการใชแ้ รงงานเดก็
4. เกณฑ์การผ่าน : ผา่ นระดับรอ้ ยละ ๕0

จุดประสงค์ข้อที่ ๓ อธบิ ายงานท่ีอาจเป็นอนั ตรายต่อแรงงานหญิงและแรงงานเดก็ ได้
1. วธิ ีการประเมนิ : ประเมนิ ผลการเรียนรู้
2. เครือ่ งการประเมนิ : แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : อธิบายงานท่ีอาจเป็นอันตรายต่อแรงงานหญงิ และแรงงานเด็ก
4. เกณฑ์การผา่ น : ผ่านระดบั รอ้ ยละ ๕0

จุดประสงคข์ ้อท่ี ๔ อธิบายสิทธแิ รงงานหญิงและสทิ ธิแรงงานเดก็ ได้
1. วธิ ีการประเมิน : ประเมินผลการเรยี นรู้
2. เคร่ืองการประเมิน : แบบประเมินผลการเรยี นรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : อธบิ ายสทิ ธิแรงงานหญงิ และสิทธิแรงงานเด็ก
4. เกณฑ์การผ่าน : ผ่านระดบั รอ้ ยละ ๕0

จดุ ประสงค์ข้อที่ ๕ สามารถนาความรู้ทศี่ ึกษาไปแกป้ ัญหาในการดารงชีพประจาวนั และในงานอาชีพ
ธรุ กิจได้

1. วิธกี ารประเมนิ : กิจกรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้
2. เคร่อื งการประเมิน : แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
3. เกณฑ์การประเมนิ : สามารถนาความรู้ท่ศี ึกษาไปแก้ปญั หาในการดารงชีพประจาวนั

และในงานอาชีพธุรกจิ
4. เกณฑ์การผ่าน : ผ่านระดบั ร้อยละ ๕0

43

กจิ กรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนาความรู้
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นอา่ นบทความต่อไปนี้แลว้ อภิปรายรว่ มกนั

คมุ้ ไหม?
จากข่าวที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจสถานประกอบการเย็บผ้า
จานวน ๓ แห่ง พบว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องในเร่ืองการจ้างแรงงานเด็กเข้าทางาน โดยสถานประกอบกิจการ
จานวน ๒ แหง่ มีการใช้แรงงานเด็ก อายุต่ากวา่ ๑๕ ปีเขา้ ทางาน และอีก ๑ แห่งมกี ารใช้แรงงานเด็ก แต่ไม่
แจง้ การจา้ งแรงงานเดก็
ทั้งน้ีโทษสาหรับความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับท่ี ๕)
พ.ศ.2560 ได้เพิ่มอัตราโทษโดยมโี ทษปรับสุดปรับต้งั แต่ 400,000 บาท ถงึ 2,000,000 บาท จาคุกไม่เกิน ๒
ปี ถึงไม่เกิน ๔ ปี ต่อลูกจ้าง ๑ คน หรือทั้งจาท้ังปรับ ซึ่งผู้ประกอบการ ๓ รายท่ีกระทาผิดข้างต้นได้ถูก
ดาเนินคดีเรยี บรอ้ ยแลว้

ทม่ี า ://www.nation.tv/main/content/378550937/

หากนกั เรียนเปน็ นายจ้าง และ
ต้องการให้แรงงานเดก็ นักเรียน

จะต้องมีขอ้ คานึงอะไร

44

แบบประเมนิ ผลการเรยี น หนว่ ยที่ ๓
เร่อื ง การคุม้ ครองแรงงานหญงิ และแรงงานเด็ก

คาช้ีแจง จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงคาตอบเดียว

1. ลกั ษณะของงานที่ถอื วา่ หากใช้แรงงานหญงิ ทางานแล้วนา่ จะเกิดอนั ตรายต่อรา่ งกายได้ คือข้อใด

ก. งานผลิตอปุ กรณเ์ ครื่องคอมพวิ เตอร์ ข. งานผลิตอปุ กรณ์เคร่ืองไฟฟ้า

ค. งานผลติ อุปกรณเ์ ครื่องเงิน ง. งานผลติ ดอกไม้ไฟ

๒. งานทีต่ ้องทาบนนั่งร้านท่สี ูง สาหรับแรงงานหญงิ กฎหมายวางหลกั ไวใ้ นข้อใด
ก. จะสูงกวา่ พ้ืนดนิ เกิน ๑๐ เมตร มิได้
ข. จะสงู กวา่ พ้ืนดินเกนิ ๑๕ เมตร มไิ ด้
ค. จะสูงกว่าพ้ืนดินเกนิ ๒๐ เมตร มิได้
ง. แรงงานหญิงจะทางานบนนงั่ รา้ นที่สูงมิไดเ้ ลย

3. กฎหมายห้ามมใิ หห้ ญิงมีครรภ์ ยก แบก หาม ทูน ลาก ของหนกั เกนิ กว่าข้อใดต่อไปน้ี

ก. มิใหม้ ีน้าหนักเกนิ ๑๐ กิโลกรมั ข. มิให้มนี ้าหนกั เกนิ ๑๕ กิโลกรัม

ค. มิให้มีน้าหนกั เกนิ ๒๐ กิโลกรัม ง. มใิ หม้ นี ้าหนักเกิน ๒๕ กโิ ลกรมั

4. กรณหี ญิงมีครรภ์ กฎหมายหา้ มมิให้นายจ้างใหล้ ูกจา้ งหญิงมีครรภ์ทางานระหว่างเวลาใด
ก. ระหวา่ งเวลา 18.00 นาฬิกา ถึง 22.00 นาฬกิ า
ข. ระหวา่ งเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬกิ า
ค. ระหว่างเวลา 22.00 นาฬกิ า ถึง 06.00 นาฬิกา
ง. ถกู ทุกข้อ

5. นางสมศรแี ตง่ งานและกาลังตง้ั ครรภ์ใกลค้ ลอด นางสมศรีมสี ิทธิในข้อใด
ก. มีสิทธลิ าคลอดบุตรได้ไม่เกนิ ๙๘ วนั
ข. ระหว่างลาคลอดมสี ิทธไิ ดร้ ับคา้ จา้ งจากนายจา้ งไมเ่ กนิ ๔๕ วัน
ค. ระหว่างลาคลอดมสี ิทธิไดร้ ับค้าจ้างไมเ่ กิน ๙๐ วนั
ง. ขอ้ ก. และขอ้ ข. ถูกต้อง

๖. ลกู จ้างหญิงท่ีมคี รรภม์ ใี บรับรองแพทย์แผนปจั จุบนั ชั้นหน่ึงมาแสดงวา่ ไมอ่ าจทางานในหนา้ ทเ่ี ดมิ ต่อไปได้
เพราะอาจมีผลกระทบตอ่ บตุ รในครรภต์ ามใบความเหน็ แพทย์ หญงิ มีครรภม์ ีสทิ ธติ ามกฎหมายตามข้อใด

ก. ขอให้นายจา้ งเปล่ยี นงานทท่ี าอยู่เปน็ การชว่ั คราวก่อนคลอดได้
ข. ขอให้นายจา้ งเปลย่ี นงานที่ทาอยูเ่ ปน็ การช่ัวคราวหลังคลอดจนทางานเป็นปกตไิ ด้
ค. นายจา้ งพจิ ารณาเปลยี่ นงานทีเ่ หมาะสมใหแ้ กล่ ูกจ้างหญิงมคี รรภ์น้นั

45

ง. ถกู ทุกข้อ

7. คาวา่ แรงงานเดก็ ตามพระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 หมายถงึ บุคคลทีม่ ีอายุระหวา่ งในข้อใด

ก. อายรุ ะหว่าง 7 ปี แตไ่ ม่ถงึ ๑๕ ปี ข. อายรุ ะหวา่ ง 7 ปี แต่ไมถ่ งึ ๒๐ ปี

ค. อายรุ ะหวา่ ง ๑๕ ปี แต่ไม่ถงึ ๑๘ ปี ง. อายุระหวา่ ง ๑๕ ปี แต่ไม่ถงึ ๒๐ ปี

8. กฎหมายหา้ มมิใหน้ ายจา้ งทาการจ้างเด็กอายตุ า่ กว่ากีป่ เี ป็นลูกจ้าง

ก. ตา่ กวา่ ๑๓ ปี ข. ต่ากวา่ ๑๕ ปี

ค. ต่ากว่า ๑๗ ปี ง. ต่ากวา่ ๑๘ ปี

9. การจ้างแรงงานเด็ก กฎหมายบังคับให้นายจา้ งมีหน้าทต่ี ้องปฏบิ ัตใิ นข้อใด
ก. แจ้งให้ผ้ปู กครองเดก็ มาทาสัญญาการจา้ งงาน
ข. แจ้งใหพ้ อ่ แมข่ องเด็กมาทาสญั ญาคา้ ประกันการทางาน
ค. แจง้ การจา้ งลกู จา้ งแรงงานเดก็ ต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน ๑๕ วัน
ง. แจ้งการจา้ งลกู จา้ งแรงงานเด็กต่อพนักงานประกันสงั คมภายใน ๑๕ วัน

10. หลักทวั่ ไปแลว้ ห้ามมิให้ใชแ้ รงงานเดก็ ทางานระหวา่ งเวลาเท่าใด
ก. ระหว่างเวลา 18.00 นาฬกิ า ถึง 22.00 นาฬิกา
ข. ระหวา่ งเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬกิ า
ค. ระหวา่ งเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 06.00 นาฬิกา
ง. ระหวา่ งเวลา 24.00 นาฬิกา ถึง 06.00 นาฬกิ า

46

เฉลยแบบประเมินผลการเรยี น หน่วยท่ี ๓
เร่ือง การคุ้มครองแรงงานหญงิ และแรงงานเด็ก

คาช้ีแจง จงเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว

1. ลกั ษณะของงานที่ถอื วา่ หากใชแ้ รงงานหญงิ ทางานแลว้ นา่ จะเกดิ อนั ตรายต่อร่างกายได้ คอื ข้อใด

ก. งานผลิตอุปกรณเ์ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ ข. งานผลติ อุปกรณเ์ ครื่องไฟฟา้

ค. งานผลิตอปุ กรณเ์ คร่ืองเงนิ ง. งานผลิตดอกไมไ้ ฟ

๒. งานทตี่ ้องทาบนนั่งรา้ นท่สี ูง สาหรับแรงงานหญิงกฎหมายวางหลักไว้ในข้อใด
ก. จะสงู กวา่ พ้นื ดินเกิน ๑๐ เมตร มไิ ด้
ข. จะสงู กวา่ พ้ืนดนิ เกิน ๑๕ เมตร มิได้
ค. จะสงู กวา่ พน้ื ดนิ เกิน ๒๐ เมตร มไิ ด้
ง. แรงงานหญิงจะทางานบนน่งั ร้านที่สูงมิไดเ้ ลย

3. กฎหมายหา้ มมิให้หญิงมคี รรภ์ ยก แบก หาม ทูน ลาก ของหนกั เกินกวา่ ข้อใดตอ่ ไปนี้

ก. มใิ หม้ นี า้ หนกั เกิน ๑๐ กิโลกรัม ข. มิให้มนี ้าหนกั เกิน ๑๕ กโิ ลกรมั

ค. มใิ หม้ นี า้ หนักเกิน ๒๐ กิโลกรมั ง. มิใหม้ ีนา้ หนักเกิน ๒๕ กโิ ลกรัม

4. กรณหี ญิงมีครรภ์ กฎหมายห้ามมใิ หน้ ายจ้างให้ลกู จ้างหญิงมีครรภ์ทางานระหวา่ งเวลาใด
ก. ระหวา่ งเวลา 18.00 นาฬิกา ถึง 22.00 นาฬกิ า
ข. ระหว่างเวลา 22.00 นาฬกิ า ถึง 24.00 นาฬิกา
ค. ระหวา่ งเวลา 22.00 นาฬกิ า ถึง 06.00 นาฬิกา
ง. ถกู ทกุ ข้อ

5. นางสมศรีแตง่ งานและกาลังตง้ั ครรภใ์ กล้คลอด นางสมศรีมีสิทธิในขอ้ ใด
ก. มีสิทธิลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน ๙๘ วนั
ข. ระหวา่ งลาคลอดมสี ทิ ธิได้รบั คา้ จา้ งจากนายจา้ งไมเ่ กิน ๔๕ วัน
ค. ระหวา่ งลาคลอดมีสิทธไิ ดร้ บั คา้ จา้ งไมเ่ กิน ๙๐ วัน
ง. ข้อ ก. และขอ้ ข. ถกู ต้อง

๖. ลกู จ้างหญิงที่มีครรภ์มีใบรับรองแพทย์แผนปัจจบุ ันช้นั หน่ึงมาแสดงว่าไมอ่ าจทางานในหนา้ ทเ่ี ดิมต่อไปได้
เพราะอาจมีผลกระทบต่อบุตรในครรภต์ ามใบความเห็นแพทย์ หญงิ มีครรภม์ ีสิทธิตามกฎหมายตามข้อใด

ก. ขอให้นายจ้างเปล่ียนงานทท่ี าอยู่เป็นการชั่วคราวก่อนคลอดได้
ข. ขอใหน้ ายจ้างเปลย่ี นงานทที่ าอยู่เป็นการชั่วคราวหลงั คลอดจนทางานเปน็ ปกติได้
ค. นายจา้ งพิจารณาเปล่ยี นงานท่ีเหมาะสมให้แกล่ กู จ้างหญงิ มีครรภน์ ้นั

47

ง. ถกู ทุกข้อ

7. คาวา่ แรงงานเดก็ ตามพระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 หมายถงึ บุคคลท่ีมีอายุระหวา่ งในข้อใด

ก. อายรุ ะหว่าง 7 ปี แตไ่ ม่ถงึ ๑๕ ปี ข. อายุระหวา่ ง 7 ปี แตไ่ มถ่ งึ ๒๐ ปี

ค. อายรุ ะหวา่ ง ๑๕ ปี แต่ไม่ถงึ ๑๘ ปี ง. อายรุ ะหว่าง ๑๕ ปี แตไ่ ม่ถงึ ๒๐ ปี

8. กฎหมายหา้ มมิใหน้ ายจา้ งทาการจ้างเด็กอายตุ า่ กวา่ ก่ปี เี ป็นลกู จ้าง

ก. ตา่ กวา่ ๑๓ ปี ข. ต่ากว่า ๑๕ ปี

ค. ต่ากว่า ๑๗ ปี ง. ตา่ กว่า ๑๘ ปี

9. การจ้างแรงงานเด็ก กฎหมายบังคับให้นายจา้ งมีหนา้ ทต่ี ้องปฏบิ ตั ใิ นข้อใด
ก. แจ้งให้ผ้ปู กครองเดก็ มาทาสัญญาการจา้ งงาน
ข. แจ้งใหพ้ อ่ แมข่ องเด็กมาทาสญั ญาคา้ ประกันการทางาน
ค. แจง้ การจา้ งลกู จา้ งแรงงานเดก็ ต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน ๑๕ วนั
ง. แจ้งการจา้ งลกู จา้ งแรงงานเด็กต่อพนักงานประกนั สงั คมภายใน ๑๕ วัน

10. หลักทวั่ ไปแลว้ ห้ามมิให้ใชแ้ รงงานเดก็ ทางานระหวา่ งเวลาเทา่ ใด
ก. ระหว่างเวลา 18.00 นาฬกิ า ถึง 22.00 นาฬิกา
ข. ระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬกิ า
ค. ระหวา่ งเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 06.00 นาฬิกา
ง. ระหวา่ งเวลา 24.00 นาฬิกา ถึง 06.00 นาฬกิ า

48

แบบฝกึ หดั
เรอ่ื ง การคุ้มครองแรงงานหญิงและแรงงานเดก็

คาชี้แจง จงตอบคาถามตอ่ ไปนต้ี ามหลกั กฎหมาย
๑. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 การจ้างแรงงานเด็ก หมายถึง เด็กที่มีอายุระหว่างก่ีปี
พรอ้ มบอกเหตผุ ล
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

2. ขอ้ ปฏบิ ตั ิของนายจ้างเม่อื ทาการจา้ งเด็กมาเปน็ ลกู จา้ ง จะต้องปฏิบตั ิตามกฎหมายอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………

3. นางสมศรีเปน็ พนักงานขายของหนา้ ร้านและมีครรภใ์ กล้คลอด มาขอคาแนะนาจากท่านวา่ จะลาคลอดไดก้ ี่
วนั ระหว่างลามีสทิ ธิไดร้ บั คา่ จ้างท่ีทาอย่ใู นปัจจุบนั หรือไม่ ท่านจะแนะนานางสมศรอี ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

49

แบบฝึกหัด
เรื่อง การคมุ้ ครองแรงงานหญงิ และแรงงานเดก็

คาช้แี จง จงตอบคาถามตอ่ ไปนตี้ ามหลกั กฎหมาย
๑. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 การจ้างแรงงานเด็ก หมายถึง เด็กท่ีมีอายุระหว่างก่ีปี
พร้อมบอกเหตผุ ล
ตอบ หา้ มมิให้นายจ้างจ้างเดก็ อายตุ า่ กวา่ สบิ หา้ ปเี ป็นลกู จ้าง เนอื่ งจากกฎหมายถือวา่ เด็กอายตุ ่ากวา่
๑๕ ปียังไม่พร้อมเปน็ ผใู้ ช้แรงงาน ท้งั แรงงานเบาหรอื แรงงานหนกั

2. ขอ้ ปฏิบตั ิของนายจา้ งเมื่อทาการจ้างเด็กมาเป็นลูกจา้ ง จะต้องปฏบิ ัติตามกฎหมายอย่างไร
ตอบ เมื่อจ้างแรงงานเด็กนายจา้ งตอ้ งปฏบิ ัตติ ามกฎหมายทกี่ าหนด ดงั น้ี

๑. แจง้ การจา้ งลูกจ้างซึง่ เป็นเด็กน้ันตอ่ พนักงานตรวจแรงงานภายใน ๑๕ วัน นบั บแต่วันท่ีเดก็ นัน้
เข้าทางาน

๒. จดั ทาบันทึกสภาพการจา้ งเดก็ ไว้ พร้อมบันทึกสภาพการณท์ มี่ กี ารเปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ เกบ็
ไว้ทสี่ านกั งานของนายจ้าง พรอ้ มท่จี ะให้พนกั งานตรวจแรงงานทาการตรวจดไู ด้

๓. เมือ่ ส้นิ สดุ การจ้างหรือเลกิ จ้างเด็กคนนัน้ ต้องแจง้ ใหพ้ นักงานตรวจแรงงานทราบภายใน ๗ วนั
นบั ตงั้ แตว่ ันทเ่ี ด็กออกจากงาน หากฝา่ ฝนื ไม่ปฏิบัติตามน้ี จัดเปน็ ความผดิ

3. นางสมศรีเป็นพนักงานขายของหนา้ รา้ นและมีครรภ์ใกล้คลอด มาขอคาแนะนาจากท่านว่าจะลาคลอดได้ก่ี
วัน ระหวา่ งลามีสทิ ธไิ ดร้ ับค่าจ้างท่ที าอยู่ในปจั จบุ นั หรือไม่ ทา่ นจะแนะนานางสมศรีอย่างไร
ตอบ ในการลาคลอด หญงิ มีครรภม์ สี ทิ ธลิ าเพอื่ คลอดบตุ รครรภห์ นึ่งไดไ้ ม่เกิน ๙๕ วนั โดยระหว่างลาเพื่อ
คลอดบุตร นายจา้ งตอ้ งจา่ ยค่าจ้างใหล้ กู จ้างในวนั ลาเพื่อคลอดบตุ รดว้ ยตลอดระยะเวลา ๔๕ วนั เชน่ เพอื่
ลูกจ้างหญิงลาเพื่อคลอดบุตรเต็มอัตรา คือ ๙๘ วัน จะได้ค่าจ้าง จากนายจ้าง ๔๕ วัน แต่ถ้าลาเพียง ๔๐
วนั ก็จะไดค้ า่ จ้างเพยี งเทา่ ทลี่ าคลอดบุตรคือ ได้ค่าจ้าง ๔๐ วัน

50

บนั ทกึ หลังการสอนคร้งั ที.่ .........

รายวชิ า..................................................................................รหสั วชิ า......................................หน่วยการเรยี นท่ี ………………………………

ช่ือหนว่ ยการเรยี น ...………..………………………..………………………....จานวนช่วั โมง……………….… กลุ่มเรียน ............................................

จานวนผเู้ รียน...................คน. เม่ือวนั ท…่ี …………………………………. เรอ่ื งท่ีสอน………….………...................…………………..…………………

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. กิจกรรมการเรยี นการสอน (สามารถระบไุ ด้หลายหวั ข้อตามที่ปฏบิ ัตจิ รงิ โดยใชเ้ คร่ืองหมาย 

1.1 วธิ กี ารสอน

 บรรยาย  สาธิต  ทดลอง  ปฏิบัติ  กจิ กรรมกลมุ่

 การนาเสนอผลงาน  อื่นๆ (ระบุ)……………..………………….......................................

1.2 สอ่ื การเรยี นการสอน

 โปรแกรมนาเสนอ  ใบความรู้  ใบงาน  ขอ้ สอบ  วดี ิทศั น์

 แบบประเมิน  เวบ็ ไซต์  อืน่ ๆ (ระบุ).............………….……………..…………..

2. ผลการดาเนินกจิ กรรมการเรียนการสอน

2.1 ดา้ นผ้สู อน

 สอนตามแผนการเรียนครบตามเนอ้ื หา  สอนตามแผนการเรยี น ไม่ครบตามเนอ้ื หา

 เน้ือหาการสอนเหมาะสมกบั เวลา  เน้อื หาการสอนไมเ่ หมาะสมกับเวลา

2.2 ด้านผูเ้ รยี น

 มีความสนใจในการเรียน  มคี วามสุขในการเรยี น

 มกี ารพัฒนาด้านการเรยี น  มีความรู้ และทกั ษะวชิ าชีพ  อ่นื ๆ (ระบุ)……………..…

2.3 ด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์

 มีความรบั ผิดชอบ  มรี ะเบยี บวินยั  มคี วามรกั สามัคคี  มมี นษุ ยสมั พันธ์

 มคี วามอดทน  มคี วามซอ่ื สตั ย์  มคี วามเชอ่ื มน่ั ในตนเอง  มคี วามประหยดั

 มีความกตญั ญู  อ่ืนๆ (ระบุ).............................................................................

2.4 ดา้ นการวัดและประเมินผล  มี  ไม่มี (ไม่ต้องตอบข้อ 3.)

 ถาม ตอบเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม  สอบภาคปฏบิ ตั ิ  สอบภาคทฤษฎี

 แบบบันทกึ  แบบสังเกต  อืน่ ๆ(ระบุ)....................................

3. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น

ผา่ นเกณฑ์ ……… คน คดิ เปน็ ร้อยละ …… ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ……… คน คดิ เปน็ ร้อยละ …………

4. ปญั หาอุปสรรคท่เี กิดขึ้นระหวา่ งการเรียนการสอน

………………………………………………………………………………………………………………………………………...…………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………..

5. แนวทางการแก้ไขปัญหาของครผู ู้สอน (เพ่อื เปน็ แนวทางในการทาวิจัยในชนั้ เรียน)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..

ลงชอื่ ........................................ครูผสู้ อน ลงชือ่ ..................................... หัวหนา้ แผนก

(......................................... )…./....../...... (...........................................)…../....../........


Click to View FlipBook Version