๔๒ จากนั้นนำคะแนนที่ได้มาหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item – Objective Congruence : IOC) ระหว่างองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้โดยสูตรคำนวณดังนี้ จัดการเรียนรู้โดยสูตรคำนวณดังนี้ สูตร IOC = ∑ เมื่อ IOC คือ ดัชนีความสอดคล้องของจุดประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การเรียนรู้และ การประเมินผล ∑ คือ ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ N คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด จะต้องได้ค่าดัชนีความสอดคล้องของทุกองค์ประกอบตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 4.1.8 ปรับปรุง และแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ 4.1.9 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วเสนอผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหนึ่งเพื่อ ตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขเป็นฉบับสมบูรณ์ที่ใช้ในการทดลองภาคสนาม 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่องนิราศเดือน โดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT แบบปรนัย จำนวน 20 ข้อ 4 ตัวเลือก มีขั้นตอนในการสร้างและ หาประสิทธิภาพดังนี้ 2.1 ศึกษาทฤษฎี วิธีสร้าง เทคนิคการเขียนข้อสอบแบบเลือกตอบ คู่มือการจัด การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่องนิราศเดือน ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2.2 สร้างตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหาเรื่อง นิราศเดือน โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT 2.3 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย แบบปรนัย จำนวน20 ข้อ 4 ตัวเลือก ให้ครอบคุลมเนื้อหาสาระและผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 2.4 นำแบบทดสอบที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสอนวิชาภาษาไทย การวิจัย และด้านการวัดผลและประเมินผล เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิง เนื้อหา โดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบ โดยมีเกณฑ์การให้ คะแนน ดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดสอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ให้คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดไม่สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
๔๓ 2.5 นำผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามของแบบทดสอบกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.6 นำข้อสอบที่คัดเลือกแล้วจำนวน 20 ข้อ ไปทดสอบเพื่อหาค่าความเชื่อมั่นของ แบบทดสอบทั้งฉบับโดยใช้สูตร KR-20 ของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน (Kuder-Richaedson Method) 2.7 นำแบบทดสอบที่ได้ไปวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ จำนวน 19 คน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการทดลองภาคสนามต่อไป 3.5 การรวบรวมข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับดังนี้ 1. ก่อนการทดลองให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่องนิราศ เดือน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2. ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น โดยให้นักเรียนเรียนรู้ และปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน คือ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนิราศเดือน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 นิราศเดือนห้า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 นิราศเดือนหก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 นิราศเดือนสิบสอง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี 3. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยชุดเดิม ไป ทดสอบนักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป 3.6 การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยในวรรณคดีเรื่องนิราศเดือน โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัย ดำเนินการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ ตามขั้นตอนดังนี้ 1. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียนโดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample)
๔๔ บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์ สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดความหมายของสัญลักษณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง X แทน คะแนนเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 แทน ประสิทธิภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน E2 แทน ประสิทธิภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน t แทน ค่าสถิติที่ใช้เปรียบเทียบค่าวิกฤติในการแจกแจงแบบ t (t-distribution) เพื่อทราบความมีนัยสำคัญทางสถิติ * แทน มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 S แทน ผลรวม % แทน ร้อยละ Sig แทน ค่าความน่าจะเป็นที่คำนวณได้จากค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน 4.2 ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้ 4.2.1 การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ให้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 4.2.2 การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
๔๕ 4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามขั้นตอน ดังนี้ 4.3.1 การหาประสิทธิภาพของการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ตามเกณฑ์ 70/70 ผู้วิจัยวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนตามเกณฑ์ 70/70 ผลปรากฏดังนี้ ตาราง 7 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง นิราศเดือนโดย กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ คนที่ ก่อนเรียน หลังเรียน ผลต่างคะแนน คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ D ๑ 2 10.00 17 80.00 15 ๒ 9 45.00 18 85.00 9 ๓ 3 15.00 16 ๘0.๐๐ 13 ๔ 9 45.00 17 ๘๐.๐๐ 8 ๕ 8 40.00 18 75.๐๐ 10 ๖ 9 4๕.๐๐ 17 80.๐๐ 8 ๗ 11 55.๐๐ 19 95.๐๐ 8 ๘ 9 45.๐๐ 17 85.๐๐ ๘ ๙ 8 40.๐๐ 17 75.๐๐ 9 ๑๐ 7 35.๐๐ 17 80.๐๐ 10 ๑๑ 7 35.๐๐ 18 80.๐๐ 11 ๑๒ 9 45.๐๐ 17 85.๐๐ 8 ๑๓ 4 20.๐๐ 17 70.๐๐ ๑3 ๑๔ 7 35.๐๐ 17 80.๐๐ 10 ๑๕ 5 00.๐๐ 17 ๘๐.๐๐ 12 ๑๖ 3 15.๐๐ 18 75.๐๐ 15 ๑๗ 5 10.๐๐ 17 85.๐๐ 12 ๑๘ 6 15.๐๐ 18 75.๐๐ ๑2 ๑๙ 6 30.๐๐ 17 80.๐๐ ๑1
๔๖ จำนวน นักเรียน (N) คะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนเรียน (E๑) คะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียน (E๒) คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 19 20 6.68 30.52 20 17.32 86.57 จากตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศ เดือน ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.68 คิดเป็นร้อยละ ๓0.52 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 17.32 คิดเป็นร้อยละ ๘6.57 คะแนนความก้าวหน้าเฉลี่ย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเพิ่มขึ้น 10.64 คะแนน นั่นคือนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT หลังเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ จากการวิเคราะห์ข้อมูลคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งมี คะแนนเต็มก่อนเรียนและหลังเรียน ๒๐ คะแนน และเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน เรียนและหลังเรียน ดังแสดงรายละเอียดในตารางที่ 8 ตาราง 8 การเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน การทดสอบ N คะแนนเต็ม คะแนน เฉลี่ย ร้อยละ S.D. t ก่อนเรียน ๑๙ ๒๐ 6.68 30.52 2.50 20.02* หลังเรียน ๑๙ ๒๐ ๑7.32 86.57 0.67 * มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ จากตารางที่ 8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน เท่ากับ 6.68 คะแนน และ 17.32 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .๐๕
๔๗ บทที่ ๕ สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งสรุปสาระสำคัญไว้ดังนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ของการวิจัย ๑) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ระหว่างก่อนเรียน และ หลังเรียน 5.2 สมมติฐานการวิจัย นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 และผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.3 วิธีดำเนินการวิจัย ๑. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวนทั้งหมด 19 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 19 คน ๒. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย ๒.๑ แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่จัดกิจกรรมการเรียนการเรียนรู้ ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๕ แผน รวม ๕ ชั่วโมง แต่ละแผนการจัดการ เรียนรู้มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ ๑.๐๐
๔๘ ๒.๒ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวรรณคดีเรื่อง นิราศเดือน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็น แบบทดสอบปรนัย ๔ ตัวเลือก จำนวน ๒๐ ข้อ แต่ละข้อมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง ๐.๖๗ – ๑.๐๐ และมีค่าความยากง่ายระหว่าง ๐.๓๗ – ๐.๗๒ และค่าอำนาจจำแนกข้อสอบรายข้อ มีค่าตั้งแต่ ๐.๓๑ – ๐.๖๑ ๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการครั้งนี้ ผู้วิจัยดำเนินการทดลองและเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปีจังหวัดอุดรธานี การดำเนินการทดลองและเก็บข้อมูล ในแต่ละขั้น มีรายละเอียดดังนี้ ๑. ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวรรณคดีเรื่อง นิราศเดือน เพื่อนำคะแนนมาวิเคราะห์เป็นคะแนนก่อนเรียน ๒. ผู้วิจัยดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง นิราศเดือน จำนวน ๕ แผนการเรียนรู้แผนละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง ๓. เมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน ชุดเดิมกับแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อนำคะแนนมาวิเคราะห์ เป็นคะแนนหลังเรียน 5.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. หาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ๒. เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยการทดสอบค่าที (t - test) ที่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๓. เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีเรื่อง นิราศเดือน โดยการวิเคราะห์ ความแตกต่างระหว่างการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติทดสอบการแจกแจงแบบที (t - test) 5.5 สรุปผลการวิจัย จากการวิจัยเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้การจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี พบว่านักเรียนชั้นประถมปีที่ 4
๔๙ มีคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 6.68 คิดเป็นร้อยละ 30.52 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.50 และได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท่ากับ 17.32 คิดเป็นร้อยละ 86.57 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ที่ได้ตั้งไว้ 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปีจังหวัดอุดรธานีพบว่า ผู้เรียนได้ คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน เท่ากับ 6.68 คิดเป็นร้อยละ 30.52 และได้คะแนนเฉลี่ย ผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เท่ากับ 17.32 คิดเป็นร้อยละ 86.57 สรุปได้ว่าผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.6 การอภิปรายผล ผลการศึกษาการใช้กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากการศึกษาค้นคว้าสามารถ อภิปรายผล ได้ดังนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน บ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.53/30.52 แสดงว่าประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้ เนื่องมาจากเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้การจัดการเรียนรู้โดย ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัยได้ ศึกษาแนวคิดและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนการเรียนรู้ของสุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ (2545 : 163) รูปแบบของแผนและลักษณะของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ดี จะต้องมีลักษณะ ที่กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ชัดเจนในการสอนเรื่องวรรณคดีไทยนำสู่การเรียนรู้ตามจุดประสงค์จริง กำหนดสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับกิจกรรมกำหนดวิธีวัดและประเมินผลไว้อย่างชัดเจน ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มีความทันสมัยทันต่อเหตุการณ์และมีการบูรณาการได้อย่าง สมบูรณ์ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้นำเนื้อหาเรื่อง นิราศเดือน มาจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ขึ้นโดยได้นำ รูปแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT มาใช้ในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้แบ่งแผนการจัดการเรียนรู้ออกเป็น 5 แผนดังนี้คือแผนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนิราศเดือน แผนที่ 2 นิราศเดือนห้า แผนที่ 3 นิราศเดือนหก แผนที่ 4 นิราศเดือนสิบสอง และแผนที่ 5 วิเคราะห์ คุณค่าวรรณคดีการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้นั้น ผู้วิจัยได้จัดทำขึ้นโดยผ่านการพิจารณาและตรวจสอบ จากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน จึงถือได้ว่าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ทำขึ้นนั้นมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่ กำหนดและบรรลุตามวัตถุประสงค์การวิจัยในครั้งนี้
๕๐ 1.2 เนื้อหาวิชาภาษาไทย เรื่อง นิราศเดือน ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเนื้อหาสาระของ ม.ล.ฐิติรัตน์ ลดาวัลย์(2558: 1) และ สุปาณี พัดทอง (2558: 1) นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของนิราศเดือน เนื้อเรื่อง ผู้แต่ง พร้อมกับลักษณะของบทประพันธ์ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้นำเนื้อหา เรื่อง นิราศเดือน ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต วรรณคดีลำนำ ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ มาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยผู้วิจัยนำ ขั้นตอนแต่ละขั้นจากรูปแบบกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT มาปรับใช้กับเนื้อหา ซึ่ง เริ่มจากขั้นตอนแรกครูอธิบายเนื้อหา และจัดเตรียมเนื้อหาที่จะสอน และขั้นที่สองครูจัดกลุ่มการเเข่งขัน หรือจัดทีมให้แก่ผู้เรียนโดยคละความสามารถเก่ง ปานกลาง อ่อน (แบ่งกลุ่มโดยใช้เทคนิค A-F ) จากนั้น ขั้นที่สามครูจึงให้นักเรียนแต่ละทีมได้อธิบายความรู้ให้แก่กันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มการแข่งขัน และเมื่ออธิบายความรู้เสร็จขั้นตอนที่สี่นักเรียนแต่ละกลุ่มจะต้องเปลี่ยนกลุ่มไปนั่งตามหมายเลขที่ครู กำหนดเพื่อแข่งขันกับกลุ่มอื่นซึ่งการแข่งขันนี้จะแข่งขันกันในชั้นเรียน เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงนักเรียนแต่ ละคนจะต้องกลับเข้ากลุ่มเดิมของตนเองตั้งแต่ต้นซึ่งถือว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือ ขั้นยอมรับ ความสำเร็จของทีมโดยในขั้นนี้ครูจะประกาศคะแนนของกลุ่มที่ได้รับคะแนนสูงสุดและให้รางวัลสำหรับ กลุ่มที่ชนะ ทั้งนี้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้เนื้อหา เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ประวัติผู้แต่งเนื้อหาของวรรณคดีไทยและ วิเคราะห์คุณค่าที่ปรากฏในวรรณคดีไทยได้อย่างถูกต้องและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเนื้อหาที่ผู้วิจัยได้ เลือกมาใช้จึงมีความเหมาะสมสอดคล้องกับวิจัยและกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 1.3 การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มีการจัดกิจกรรมเป็นกลุ่มมุ่งเน้นให้ผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันได้ ช่วยเหลือกัน โดยสุวิทย์ มูลคำและอรทัย มูลคำ (2545: 163) กล่าวว่ารูปแบบกระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT นั้นมีขั้นตอนของกระบวนการเริ่มตั้งแต่ขั้นเตรียมเนื้อหา ซึ่งเป็นขั้นที่ ครูผู้สอนต้องจัดเตรียมเนื้อหาที่จะสอนนักเรียนขั้นถัดมาเป็นขั้นจัดทีมโดยขั้นนี้จะคละความสามารถของ นักเรียนที่เก่ง ปานกลางและอ่อน (แบ่งกลุ่มโดยใช้เทคนิค A-F ) และขั้นการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักเรียนที่คละ ความสามารถกันได้อธิบายความรู้ให้แก่กัน และช่วยเหลือกันในการทำกิจกรรมกลุ่มส่วนขั้นการแข่งขัน ก็เป็นขั้นการวัดความสามารถของนักเรียนที่ได้เรียนมา และขั้นสุดท้ายขั้นยอมรับความสำเร็จของทีมเป็น ขั้นที่ครูเผยแพร่หรือประกาศคะแนนของนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุด เมื่อนำกระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT มาใช้ในการจัดการเรียนรู้เรื่อง นิราศเดือน พบว่ากระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค TGT มีความเหมาะสมกับเนื้อหา เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดทักษะและ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนในกลุ่มรวมทั้งการจัดการเรียนรู้ในเชิงกิจกรรมกลุ่มนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสร้างความ สามัคคีในหมู่คณะและช่วยเหลือกัน และทำให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเก่ง ปานกลาง อ่อน สามารถเรียนรู้
๕๑ ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดีส่งผลให้ประสิทธิภาพทางการเรียนของผู้เรียนนั้นดีขึ้น จึงส่งผลให้การจัด การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นั้นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคะแนนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 86.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนเท่ากับ 6.68 คิดเป็นร้อยละ 30.52 และได้คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ หลังเรียน เท่ากับ 17.32 คิดเป็นร้อยละ 86.57 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลในการเรียนรู้เท่ากับ 0.67 (ผ่านเกณฑ์) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อน และหลังเรียนพบว่าคะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อน เรียนแสดงว่าประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนี้ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง นิราศเดือน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT ผลปรากฏว่าก่อนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นคุณค่าของวรรณคดีเมื่อเรียนวรรณคดีจึงเกิดความน่า เบื่อหน่ายและไม่สนใจเนื้อหาในการเรียน ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้วรรณคดีไม่ประสบความสำเร็จ เท่าที่ควรแต่หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีไทยโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย เทคนิค TGT ผลปรากฏว่านักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค TGT ที่มีการแข่งขันทำให้นักเรียนเกิดความสนุกสนาน ช่วยให้มีความกระตือรือร้น เอาใจใส่ในการร่วมกิจกรรมช่วยให้นักเรียนเกิดความสนใจ ตื่นเต้น สนุกสนานเพลิดเพลิน และทำให้ การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง นิราศ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค TGT ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน พบว่าการทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.68 คะแนน และ 17.35 คะแนน ตามลำดับ และเมื่อ เปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศเดือน หลังเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ เป็นไปตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับ มณี บุญญาติศัย (2548) ได้วิจัยเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่องประโยคของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิค TGT กับการสอนแบบปกติโรงเรียนวัดบางน้อย อำเภอบางคนที สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัด สมุทรสงคราม กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2547 พบว่าพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง ประโยคแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยกลุ่มที่เรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT
๕๒ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มที่เรียนแบบปกติ และนักเรียนมีความคิดเห็นต่อการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิค TGT อยู่ในเชิงบวก อีกทั้งยังสอดคล้องกับ สารสิน เล็กเจริญ (2554) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการเขียนสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT กับการสอนแบบปกติ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการ เขียนสะกดคำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TGT สูงกว่าที่ได้รับการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยกลุ่มที่ได้รับการสอนด้วย แบบฝึกการเขียนสะกดคำมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการสอนแบบเขียนตามปกติ และ สอดคล้องกับ รัตนา บุตรอุดม (2558) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านและเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้ภาษาถิ่นใน ชีวิตประจำวัน ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านออกเสียงภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้ภาษาถิ่น ในชีวิตประจำวัน หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านและเขียน ภาษาไทยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้ ภาษาถิ่นในชีวิตประจำวันหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านและ เขียนภาษาไทยมีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มอยู่ในระดับสูงมาก งานวิจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีความสอดคล้องกับกับงานวิจัยนี้ คือ มีทั้งงานวิจัยที่ใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT และช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิและ ช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ดังนั้นผู้วิจัยจึงเล็งเห็นว่าการสอน ด้วยเทคนิคร่วมมือแบบ TGT จะสามารถนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนวรรณคดีไทยได้เช่นเดียวกับ เนื้อหาหลักภาษา ช่วยให้การเรียนการสอนบรรลุเป้าหมายและเพิ่มคุณภาพของนักเรียนให้มีด้านความรู้ เกี่ยวกับวรรณคดีที่สูงขึ้น ซึ่งหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ยังส่งผลให้คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่า คะแนนทดสอบก่อนเรียนอีกด้วย ดังนั้นการนำกระบวนที่กล่าวมานี้มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ล้วนมี ประโยชน์เป็นอย่างมากในการจัดการเรียนการสอนทำให้นักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนมากขึ้นได้ทั้ง ความสนุกความเพลิดเพลินในขณะเดียวกันนักเรียนก็ยังได้ความรู้อีกด้วยและส่งผลให้การจัดการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 70/70 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากผลการวิจัยและการอภิปรายผลดังกล่าว จึงสรุปได้ว่าทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่อง นิราศ เดือน โดยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและกระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวนี้ยังเป็นรูปแบบการสอนที่สามารถ พัฒนาความรู้ ความสามารถของผู้เรียนในการเรียนวรรณคดีไทยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้
๕๓ 5.7 ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานวิจัย ดังต่อไปนี้ ๑. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ๑.๑ ครูผู้สอนควรจัดสภาพแวดล้อมของห้องเรียนให้เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑.๒ จากการสังเกตขณะทดลอง ผู้วิจัยพบว่า ควรให้ผู้เรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้มากยิ่งขึ้น และควรจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับเวลา ๒. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป ๒.๑ ควรนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบร่วมมือเทคนิค TGT สอนในเรื่องอื่นที่เป็น วรรณคดีเพื่อให้ทราบประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนและความสามารถของนักเรียน เช่น วรรณคดีเรื่อง เงาะป่า 2.2 ควรนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ร่วมกับรูปแบบอื่น ๆ และปรับให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่สอน ๒.๓ ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TGT ร่วมกับแอปพลิเคชันช่วยสอนกับการสอนโดยวิธีอื่น ๆ เช่น วิธีการสอนแบบ 5 Steps การเรียนรู้แบบร่วมมือ การเรียนรู้แบบมโนทัศน์ หรืออื่น ๆ ว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
๕๔ บรรณานุกรม กรมวิชาการ (2546). แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: คุรุสภา. กรมศิลปากร. (2513). วรรณคดีบางเรื่องของสุนทรภู่และนายมี. ม.ป.ท: บริษัทคณะช่าง. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรงศึกษาธิการ. ________________. (2552). ตัวชี้วัดและสาระแกนกลางกลุ่มสาระเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2552. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทยจำกัด. ________________. (2563). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากร ทางการศึกษา. กุสุมา รักษมณี. (2547). วรรณสารวิจัย. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง. กุหลาบ มัลลิกะมาส. (2517). วรรณกรรมปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง. _______________. (2519). วรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง. _______________. (2527). การเรียนการสอนวรรณคดีไทย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคําแหง. _______________. (2555). วรรณคดีวิจารณ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง. เจตนา นาควัชระ. (2514). วรรณคดีวิจารณและการศึกษาวรรณคดี. กรุงเทพฯ: คณะสังคมศาสตร์และ มนุษยศาสตร์ สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม. _____________. (2521). ทฤษฎีเบื้องต้นแห่งวรรณคดี. กรุงเทพฯ: ดวงกมล. _____________. (2524). ทางไปสู่วัฒนธรรมแหงการวิจารณ รวมบทความทางวิชาการ (2510- 2523). กรุงเทพฯ: ดวงกมล ฐิติรัตน์ ลดาวัลย์, หม่อมหลวง. (2558). นิราศเดือน. สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2566, จาก https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=62. ดนยา วงศ์ธนะชัย. (2529). วรรณกรรมปัจจุบัน. พิษณุโลก: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม. นงลักษณ์ สุทธิวัฒนพันธ์. (2544). การบริหารงานงบประมาณ หลักทฤษฎีและวิเคราะห์เชิงปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอมเทรดดิ้ง.
๕๕ บรรณานุกรม (ต่อ) นเรศ ทองอินทร์ และบุษบา บัวสมบูรณ์ (2561). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนวรรณคดีไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีตอบสนองผู้อ่าน ร่วมกับการใช้เทคนิคคำถามแบบ RCA. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ สอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร. ปนัดดา ใจสุทธิ์. (2558). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันด้วยเทคนิคจิ๊กซอว์ 2 ร่วมกับเทคนิคการคิดแบบ หมวกหกใบ. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ประสิทธิ จันทรโคตร. (2558). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ด้านการอ่านคำยาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กลุ่มร่วมมือเทคนิค TGT. ครุศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตรและการเรียนการสอน สาขาวิชาการบริหารจัดการการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการคิดเลข ในใจของนักเรียนที่ได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปาโดยใช้แบบฝึกหัดที่เน้นทักษะการคิดเลข ในใจกับนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้คู่มือครูวิทยานิพนธ์ ค.บ. วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต หลักสูตรและการสอน สาขาวิชาคณิตศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. พรพิมล หงษ์น้อย. (2559). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยเรื่องมัทนะพาธา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E). ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ภพ เลาหไพบูลย์. (2537). แนวการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช มณี บุญญาติศัย. (2548). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องประโยคของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที่6 ที่ได้รับการสอนโดยการสอนแบบร่วมมือกับเทคนิค TGT กับ การแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศิลปากร. รัตนา บุตรอุดม. (2558). ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่าน และเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้ภาษาถิ่นในชีวิตประจำวัน. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยบูรพา. ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 กรุงเทพฯ : นามมีบุ๊คส์ พับลิเคชั่นส์.
๕๖ บรรณานุกรม (ต่อ) รื่นฤทัย สัจจพันธุ์. (2540). ศาสตร์และศิลป์แห่งวรรณคดี. กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาสน์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2547). เทคนิควิธีจัดการเรียนรู้สำหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เลิฟแอนด์เลิฟเพรส. ________________. (2545). เทคนิคและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค. วิทย์ ศิวะศริยานนท์. (2518). วรรณคดีและวรรณคดีวิจารณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: แพร่พิทยา ______________. (2541). วรรณคดีและวรรณคดีวิจารณ์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ไทย วัฒนาพานิช. ศรีวิไล ดอกจันทร์. (2528). ทฤษฎีและปฏิบัติการวรรณคดีศึกษา. เชียงใหม่: ภาควิชามัธยมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ______________. (2529). การสอนวรรณกรรมวรรณคดีไทย. เชียงใหม่: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมชาย วรกิจเกษมสกุล. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุดรธานี: อักษรศิลป์การพิมพ์. _________________. (2554). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุดรธานี: อักษรศิลป์การพิมพ์. สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. (2549). รวมบทความทางการประเมินโครงการ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. สารสิน เล็กเจริญ. (2554). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการเขียนสะกดคำของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT กับการสอนแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. สิทธา พินิจภูวดล. (2515). ความรู้ทั่วไปทางวรรณกรรมไทย. พระนคร: ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
๕๗ บรรณานุกรม (ต่อ) สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์. (2545). หลักและวิธีสอนอ่านภาษาไทย. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ___________________. (2551) “ความรู้พื้นฐานทางการอ่าน”. เอกสารการสอนชุดวิชา การใช้ ภาษาไทย หน่วยที่ 1-8. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สุปาณี พัดทอง. (2558). หมื่นพรหมสมพัตสร (มี). สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2566, จาก https://www.sac.or.th/databases/thailitdir. สุวิทย์ มูลคํา และอรทัย มูลคํา. (2545). วิธีจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. ________________________. (2546). 19 วิธีจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. ________________________. (2547). กลยุทธ์การสอนสังเคราะห์. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. แสนรัก บัวทอง. (2559). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้เกมร่วมกับเพลงพื้นบ้าน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์ มหาบัณฑิตศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. ____________. (2559). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีตอบสนองผู้อ่าน ร่วมกับการใช้ เทคนิคคำถามแบบ RCA. นครปฐม: สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร. อุดม หนูทอง. (2523). พื้นฐานการศึกษาวรรณคดีไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. สงขลา: มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒวิทยาเขตสงขลา.
๕๘ ภาคผนวก
๕๙ ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ
๖๐ รายนามผู้เชี่ยวชาญ คนที่ ชื่อ ตำแหน่ง โรงเรียน 1. นางบุษยพรรณ พันอะนันท์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา บ้านทองอินทร์สวนมอญ 2. นางสมพร ชูพรหมวงศ์ ครูชำนาญการพิเศษ บ้านทองอินทร์สวนมอญ 3. นางสาวสุภาวดี งอสอน ครูระดับปฏิบัติการ บ้านทองอินทร์สวนมอญ
๖๑ ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย
๖๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ เรื่อง ดวงจันทร์ของลำเจียก เวลา 5 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง ความรู้เบื่องต้นเกี่ยวกับนิราศเดือน เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 28 พฤศจิกายน 2566 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 1.2 ตัวชี้วัด ท 5.1 ป.4/2 อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระสำคัญ นิราศเดือนมีคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการประพฤติปฏิบัติตน ตามประเพณีไทยในเดือนต่าง ๆ ของผู้คนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ กล่าวคือ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย สื่อความหมายชัดเจนและไพเราะ มีสัมผัสคล้องจองทั้งสัมผัสระหว่างวรรค และสัมผัสในวรรค มีการเล่นคำทำให้คำประพันธ์น่าอ่าน น่าฟัง จดจำง่าย ประทับใจ จึงมีผู้นำมากล่าว อ้างอิงเกี่ยวกับชีวิตและความรักตั้งแต่ยุคนั้นจวบจนปัจจุบัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือนได้ (K) 3.๒ นักเรียนเขียนสรุปความรู้ทั่วไปเป็นแผนภาพความคิดเกี่ยวกับนิราศเดือนได้ (P) 3.๓ นักเรียนมีความเอาใจใส่ในการทำกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.๑ นิราศเดือน
๖๓ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน 5.3 รักความเป็นไทย ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (กระบวนการจัดการเรียนรู้เทคนิค TGT) 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมเนื้อหา ๗.๑.1 นักเรียนดูบัตรภาพที่ครูนำมาให้นักเรียนดู ภาพ : นายมี หรือหมื่นพรหมสมพัตสร (พฺรม-สม-พัด-สอน) 7.1.2 นักเรียนตอบคำถามครูว่ารูปภาพดังกล่าวนักเรียนรู้จักบุคคลที่ครูนำมาให้ดูหรือไม่ ถ้ารู้จัก เขาคือใคร อยู่ในรัชกาลที่เท่าไหร่ 7.1.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมและเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าสู่บทเรียน โดยครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนรู้ด้วย 7.2 ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.2.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องดวงจันทร์ของลำเจียก และโยงเข้าสู่นิราศเดือน 7.2.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเนื้อหาความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน ได้แก่ ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพัน์ที่ใช้ในการแต่งนิราศ โดยครูมีรูปภาพและแผนผังลักษณะคำประพันธ์ประกอบ การอธิบายเพื่อให้นักเรียนเห็นภาพอย่างชัดเจนมากขึ้น ๗.2.2 นักเรียนตอบคำถามครูในประเด็นดังต่อไปนี้ - ใครเป็นผู้แต่งนิราศเดือน และมีประวัติความเป็นมาอย่างไร - ลักษณะคำประพันธ์ที่ใช้ในการแต่งนิราศเดือนเป็นแบบใด มีลักษณะอย่างไร ขั้นที่ ๒ ขั้นจัดทีม 7.2.3 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม (แบ่งกลุ่มโดยใช้เทคนิค A-F) โดยครูแบ่งนักเรียนเป็น ๓ ระดับได้แก่ เก่ง ปานกลาง อ่อน ซึ่งครูได้แบ่งไว้ให้อยู่แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการ แข่งขันเป็นกลุ่มจากกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้รับในวันนี้ และเพื่อเรียนรู้โดยปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครู กำหนดให้
๖๔ ขั้นที่ ๓ ขั้นการเรียนรู้ 7.2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายกติกาการแข่งขันเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษาไปใน วันนี้ และครูชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน จากนั้นสมาชิกภายในทีมจึงวางแผนการแข่งขัน โดยสมาชิกในแต่ ละทีมร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครูกำหนดให้ 7.2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมความพร้อมให้แก่สมาชิกในกลุ่มทุกคนเพื่อให้มีความรู้ความ เข้าใจในบทเรียนและพร้อมที่จะเข้าสู่การแข่งขัน ซึ่งแต่ละทีมอาจตั้งคำถามขึ้นมาเองและให้สมาชิกของ ทีมทดลองตอบคำถาม 7.2.6 สมาชิกของทีมช่วยกันอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นที่สมาชิกในทีมบางคนยังไม่เข้าใจเพื่อ เตรียมความพร้อมของสมาชิกทุกคน ขั้นที่ ๔ ขั้นการแข่งขัน 7.2.7 นักเรียนฟังครูแนะนำเกมการแข่งขันให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูจึงจัดนักเรียนหรือ สมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเข้าประจำกลุ่มการแข่งขัน 7.2.8 นักเรียนที่เป็นสมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเริ่มเล่นเกมพร้อมกันด้วยชุดคำถามที่เหมือนกัน โดยคำถามนั้นมาจากเนื้อหาที่ครูได้อธิบายไปเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นของนิราศเดือน จากนั้นนักเรียนที่ เป็นสมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเล่นเกมการแข่งขันชื่อว่า “เขียนตอบฟ้าแลบ” โดยตัวแทนแต่ละทีมจะ ได้รับกระดาษคำตอบ จำนวน 1-5 แผ่น และให้เขียนคำตอบในแต่ละข้อลงไป ทีมใดเขียนคำตอบถูก และ ส่งคำตอบเร็วจึงจะได้คะแนนตามการแข่งขัน 7.2.9 เมื่อการแข่งขันจบลง ครูจึงจัดลำดับผลการแข่งขันและให้หาค่าคะแนนโบนัสของกลุ่มที่มี คะแนนอยู่ในระดับดี ขั้นที่ ๕ ขั้นยอมรับความสำเร็จของทีม 7.2.10 ครูประกาศคะแนนของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งครูให้คำยกย่อง ชมเชยนักเรียนที่ได้คะแนนอยู่ ในระดับดี 7.3 ขั้นสรุป ๗.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน 7.3.2 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบถามข้อสงสัยจากเนื้อหาที่เรียนในวันนี้ 7.3.3 ครูมอบหมายงานให้นักเรียนไปเขียนสรุปความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน เป็นแผนภาพ ความคิด ลงในใบงานที่ครูแจก ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๘.๑ หนังสือเรียนวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 8.2 PowerPoint ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน
๖๕ 8.3 เกม “เขียนตอบฟ้าแลบ” ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๙.๑ ใบงาน สรุปความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน เป็นแผนภาพความคิด ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนบอกความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ นิราศเดือนได้ (K) - การถามตอบ - การตอบ คำถาม จาก เกม “เขียน ตอบฟ้าแลบ” - คำถามในชั้น เรียน - เกม “เขียนตอบ ฟ้าแลบ” นักเรียนบอกความรู้ ทั่วไปเกี่ยวกับ นิราศเดือนได้ถูกต้อง ร้อยละ 80 2. นักเรียนเขียนสรุปความรู้ทั่วไป เป็นแผนภาพความคิดเกี่ยวกับนิราศ เดือนได้ (P) ตรวจใบงาน การเขียนสรุป คามรู้เป็น แผนภาพ ความคิด เกี่ยวกับ นิราศเดือน แบบประเมิน ใบงาน นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินเมื่อ สามารถเขียนสรุป ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ นิราศเดือน ได้ถูกต้อง 3. นักเรียนมีความเอาใจใส่ในการทำ กิจกรรม (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 80 ขึ้นไป
๖๖ ๑๑. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๑.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๒ ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวศศิประภา สุริยันต์) วัน……….เดือน……………..……พ.ศ………….
๖๗ ๑๑.๔ ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวสุภาวดี งอสอน) วัน……….เดือน……………………พ.ศ…………. ๑๑.๕ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางบุษยพรรณ พันอะนันท์) วัน……….เดือน…………………………พ.ศ………….
๖๘ รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินการเขียนแผนภาพความคิด รายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ ๒ ๑ ๑.การออกแบบแผนภาพ โครงเรื่องได้ดี ออกแบบแผนภาพ ความคิดเรื่องได้ดี และ สร้างสรรค์ ออกแบบแผนภาพ ความคิดได้ดี ออกแบบแผนภาพ ความคิดได้ไม่ดี ๒. ลำดับเรื่อง/เหตุการณ์ได้ดี ลำดับเรื่องเหตุการณ์ได้ดี ไม่สลับวกวนไปมา ลำดับเรื่องเหตุการณ์ได้ ดีแต่มีสลับที่บ้าง ลำดับเรื่องไม่ดี สลับ วกวนไปมา ๓. เขียนได้ครบถ้วน/ ครอบคลุม เขียนได้ครบถ้วน ครอบคลุมต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขียนได้ครบถ้วนแต่ไม่ ต่อเนื่อง เขียนไม่ครบถ้วนไม่ ต่อเนื่อง ๔. ใช้ภาษาสื่อสารได้ดี ใช้ภาษาสื่อสารในการ เขียนได้ดี ทำให้เข้าใจสิ่ง ที่สื่อสารอย่างชัดเจน ใช้ภาษาเขียนสื่อสาร ได้ดี แต่มีข้อบกพร่อง ในบางประเด็น ใช้ภาษาสื่อสารไม่ ชัดเจน ๕. นำเสนอผลงานได้ดี นำเสนอผลงานได้ดีมาก มีความครบถ้วนทุก ประเด็น ครบสมบูรณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง นำเสนอผลงานได้ดี แต่ไม่ครบสมบูรณ์ นำเสนอผลงานไม่ดี ๖. ทำงานได้ทันเวลา ทำงานได้ทันตามเวลา กำหนด ทำงานเกินเวลา เล็กน้อย ทำงานเกินเวลาไป มาก เกณฑ์การประเมิน ช่วงคะแนน ๑๔ – ๑๘ ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน ๘ – ๑๒ ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน ต่ำกว่า ๘ ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ระดับ ดี ขึ้นไปถือว่าผ่าน แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ คำชี้แจง ทำเครื่องหมาย / ลงในช่องรายการสังเกตพฤติกรรมที่กำหนด ชื่อ – สกุล รายการสังเกต สรุ ป ผ
๖๙ เลข ที่ สนใจกิจกรรม มีมารยาท การฟังและการพูด และการพูด มีสมาธิในการฟัง ไม่ก่อกวน ตอบคำถาม และปฏิบัติตาม ได้ถูกต้อง กระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม ให้ความร่วมมือ ในการเรียน อยู่ในกฎระเบียบ มีความเรียบร้อย รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๔ ๑ เด็กชายณัฐภูมิ ชูคันหอม ๒ เด็กชายญัฐพล ชูคันหอม ๓ เด็กชายสิทธิกร ยังช่วย ๔ เด็กชายศุภชัย เซี่ยงหยอง ๕ เด็กชายนันทวุฒิ สุจินดา ๖ เด็กหญิงธิดารัตน์ หงษ์พันธ์ ๗ เด็กหญิสุภาพร พ่อลีละ ๘ เด็กชายจตุพร อนุวงษา ๙ เด็กชายปัณณวิชญ์ ทองโคกสี ๑๐ เด็กชายชนะชล โสนะโชติ ๑๒ เด็กชายชานนท์ วันชูพริ้ง ๑๓ เด็กชายสรชัย แสนพรม ๑๔ เด็กชายพิชิตชัย โยธาพักดี ๑๕ เด็กชายกฤชนพัต อะเวลา ๑๖ เด็กชายนนทพัทธ์ แสงลี ๑๗ เด็กหญิงอภัสรา แสนภักดี ๑๘ เด็กหญิงสุนิศา พงษ์ประเทศ
๗๐ เกณฑ์การให้คะแนน ๒ = ดีมาก, ๑ = พอใช้, ๐= ปรับปรุง ลงชื่อ…………………………….…………………… (ผู้ประเมิน) (นางสาวศศิประภา สุริยันต์) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วัน……....เดือน……………….…พ.ศ……… เลขที่ ชื่อ – สกุล รายการสังเกต สรุปผลการประเมิน ผ่าน / ไม่ผ่าน สนใจกิจกรรม มีมารยาท การฟังและการพูด และการพูด มีสมาธิในการฟัง ไม่ก่อกวน ตอบคำถาม และปฏิบัติตามได้ถูกต้อง กระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม ให้ความร่วมมือ ในการเรียน อยู่ในกฎระเบียบ มีความเรียบร้อย รวม ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๔ ๑๙ เด็กหญิงลลิตา รอดแพง ๒๑ เด็กหญิงอภิญญา ศรีพวงมาลัย
๗๑ ภาคผนวก
๗๒ 1. PowerPoint ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิราศเดือน ๒. เกม “เขียนตอบฟ้าแลบ”
๗๓ 3. บัตรภาพ หมื่นพรหมสมพัตสร
๗๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ เรื่อง ดวงจันทร์ของลำเจียก เวลา 5 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง นิราศเดือนห้า เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 29 พฤศจิกายน 2566 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 1.2 ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป.๔/๓ อ่านเรื่องสั้น ๆ ตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน ท ๑.๑ ป.๔/๖ สรุปความรู้และข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ท 5.1 ป.4/2 อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระสำคัญ นิราศเดือนมีคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการประพฤติปฏิบัติตน ตามประเพณีไทยในเดือนต่าง ๆ ของผู้คนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ กล่าวคือ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย สื่อความหมายชัดเจนและไพเราะ มีสัมผัสคล้องจองทั้งสัมผัสระหว่างวรรค และสัมผัสในวรรค มีการเล่นคำทำให้คำประพันธ์น่าอ่าน น่าฟัง จดจำง่าย ประทับใจ จึงมีผู้นำมากล่าว อ้างอิงเกี่ยวกับชีวิตและความรักตั้งแต่ยุคนั้นจวบจนปัจจุบัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนอธิบายความหมายจากบทร้อยกรองนิราศเดือนห้าได้ (K) 3.๒ นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิราศเดือนห้าได้ (P) 3.๓ เห็นคุณค่าของวรรณคดีที่สะท้อนวัฒนธรรมไทย (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.๑ นิราศเดือน : เดือนห้า ประเพณีสงกรานต์
๗๕ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน 5.3 รักความเป็นไทย ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (กระบวนการจัดการเรียนรู้เทคนิค TGT) 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมเนื้อหา ๗.๑.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - ถ้าพูดถึงการเล่นสาดน้ำ นักเรียนจะคิดถึงประเพณีใด (ตัวอย่างคำตอบ ประเพณีสงกรานต์) - นักเรียนเคยได้ยินหรือได้ฟังบทความหรือเพลงเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์หรือไม่ (ตัวอย่างคำตอบ เคยได้ฟังเพลง วันนี้เป็นวันสงกรานต์) - ประเพณีสงกรานต์มีกิจกรรมอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ ทำบุญ) 7.2 ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.2.1 ให้นักเรียนอ่านออกเสียงบทร้อยกรองนิราศเดือน เดือนห้า ประเพณีสงกรานต์ เดือนห้า ประเพณีสงกรานต์ โอ้ฤดูเดือนห้าหน้าคิมหันต์ พวกมนุษย์สุดสุขสนุกครัน ได้ดูกันพิศวงเมื่อสงกรานต์ ทั้งผู้ดีเข็ญใจใส่อังคาส อภิวาทพุทธรูปในวิหาร ล้วนแต่งตัวทั่วกันวันสงกรานต์ ดูสคราญเพริศพริ้งทั้งหญิงชาย ที่เฒ่าแก่แม่ม่ายมิใคร่เที่ยว สู้อดเปรี้ยวกินหวานลูกหลานหลาย ที่กำดัดซัดสีสวยทั้งกาย เที่ยวถวายน้ำหอมพร้อมศรัทธา
๗๖ ๗.2.2 ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนทราบหรือไม่ว่าบทร้อยกรองที่อ่านเป็นบทร้อยกรองประเภทใด พร้อมบอก ฉันทลักษณ์และวิธีการอ่านที่ถูกต้อง (ตัวอย่างคำตอบ ทราบ/ไม่ทราบ) - บทร้อยกรองนี้ทำให้นักเรียนเกิดความคิดหรือความรู้สึกอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ รู้สึกสนุกสนาน ครึกครื้น และอบอุ่น) 7.2.3 นักเรียนและครูร่วมกันถอดคำประพันธ์ นิราศเดือนห้า ประเพณีสงกรานต์ พร้อมอธิบาย ความหมายของคำศัพท์ยาก ได้แก่ คิมหันต์ เข็ญใจ พิศวง อังคาส อภิวาท สะคราญ กำดัด ศรัทธา ขั้นที่ ๒ ขั้นจัดทีม 7.2.3 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม (แบ่งกลุ่มโดยใช้เทคนิค A-F) โดยครูแบ่งนักเรียนเป็น ๓ ระดับได้แก่ เก่ง ปานกลาง อ่อน ซึ่งครูได้แบ่งไว้ให้อยู่แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการ แข่งขันเป็นกลุ่มจากกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้รับในวันนี้ และเพื่อเรียนรู้โดยปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครู กำหนดให้ ขั้นที่ ๓ ขั้นการเรียนรู้ 7.2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายกติกาการแข่งขันเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษาไปใน วันนี้ และครูชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน จากนั้นสมาชิกภายในทีมจึงวางแผนการแข่งขัน โดยสมาชิกในแต่ ละทีมร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครูกำหนดให้ 7.2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมความพร้อมให้แก่สมาชิกในกลุ่มทุกคนเพื่อให้มีความรู้ความ เข้าใจในบทเรียนและพร้อมที่จะเข้าสู่การแข่งขัน ซึ่งแต่ละทีมอาจตั้งคำถามขึ้นมาเองและให้สมาชิกของ ทีมทดลองตอบคำถาม 7.2.6 สมาชิกของทีมช่วยกันอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นที่สมาชิกในทีมบางคนยังไม่เข้าใจเพื่อ เตรียมความพร้อมของสมาชิกทุกคน ขั้นที่ ๔ ขั้นการแข่งขัน 7.2.7 นักเรียนฟังครูแนะนำเกมการแข่งขันให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูจึงจัดนักเรียนหรือ สมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเข้าประจำกลุ่มการแข่งขัน 7.2.8 นักเรียนแต่ละทีมเริ่มเล่นเกมพร้อมกันด้วยชุดคำถามที่เหมือนกัน โดยคำถามนั้นมาจาก เนื้อหาที่ครูได้อธิบายไปเกี่ยวกับนิราศเดือนห้า ซึ่งจะเป็นความหมายของคำศัพท์ยากในบทนิราศเดือนห้า จากนั้นนักเรียนที่เป็นสมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเล่นเกมการแข่งขันชื่อว่า “ขานไขความหมาย” โดยแต่ ละทีมจะต้องช่วยกันคิดว่าความหมายในคำถามนั้น คือคำศัพท์ใด ทีมใดส่งตัวแทนออกมากดสัญญาณตอบ ได้เร็วจะเป็นฝ่ายได้ตอบก่อน หาไม่ถูกจะเป็นโอกาสของทีมอื่น ๆ ต่อไป 7.2.9 เมื่อการแข่งขันจบลง ครูจึงจัดลำดับผลการแข่งขันและให้หาค่าคะแนนโบนัสของกลุ่มที่มี คะแนนอยู่ในระดับดี
๗๗ ขั้นที่ ๕ ขั้นยอมรับความสำเร็จของทีม 7.2.10 ครูประกาศคะแนนของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งครูให้คำยกย่อง ชมเชยนักเรียนที่ได้คะแนนอยู่ ในระดับดี 7.3 ขั้นสรุป ๗.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหา นิราศเดือนห้า 7.3.2 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบถามข้อสงสัยจากเนื้อหาที่เรียนในวันนี้ 7.3.3 ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ใน ชีวิตจริง ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๘.๑ หนังสือเรียนวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 8.2 PowerPoint นิราศเดือนห้า 8.3 เกม “ขานไขความหมาย” ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๙.๑ ใบงาน การอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง
๗๘ ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนอธิบายความหมายจากบท ร้อยกรองนิราศเดือนห้าได้ (K) การถาม-ตอบ คำถาม - จากบทร้อย กรองนิราศเดือน ห้า กล่าวถึง ประเพณีใด - จากบทร้อย กรองนิราศเดือน ห้า มีการปฏิบัติ ตนตามประเพณี อย่างไรบ้าง นักเรียนบอกความรู้ ทั่วไปเกี่ยวกับ นิราศเดือนห้า ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับนิราศเดือนห้าได้ (P) ตรวจใบงาน การอธิบาย ข้อคิดจากการ อ่านเพื่อ นำไปใช้ใน ชีวิตจริง แบบประเมิน ใบงาน นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินระดับ ดี ขึ้นไป 3. เห็นคุณค่าของวรรณคดีที่สะท้อน วัฒนธรรมไทย (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 80 ขึ้นไป
๗๙ ๑๑. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๑.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๒ ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวศศิประภา สุริยันต์) วัน……….เดือน……………..……พ.ศ………….
๘๐ ๑๑.๔ ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวสุภาวดี งอสอน) วัน……….เดือน……………………พ.ศ…………. ๑๑.๕ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางบุษยพรรณ พันอะนันท์) วัน……….เดือน…………………………พ.ศ………….
๘๑ รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินใบงาน รายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ ๒ ๑ ๑. การคิดวิเคราะห์ มีการจับประเด็นสำคัญ ขยายความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบและสรุป ความคิดรวบยอดได้ดี มีการจับประเด็น สำคัญได้ แต่ขยาย ความหรือยกตัวอย่าง ไม่ได้ มีการจับประเด็น สำคัญได้น้อย ๒. การเขียนสื่อความ เขียนสื่อความได้ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ตรงประเด็นและ เข้าใจง่าย เขียนสื่อความไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี 2-3 แห่ง ตรงประเด็น เขียนสื่อความได้น้อย ไม่ตรงประเด็น ๓. มีความคิดสร้างสรรค์ ผลงานมีรูปแบบน่าสนใจ มีความสัมพันธ์กับหัวข้อ ที่กำหนด ระบายสีได้สวยงาม ผลงานมีความสัมพันธ์ กับหัวข้อที่กำหนด แต่ไม่ดึงดูดความสนใจ ผลงานมี ความสัมพันธ์กับ หัวข้อที่กำหนด น้อยมาก ๔. ประโยชน์ของการนำ ข้อมูลไปใช้ สามารถนำไปประยุกต์ กับสถานการณ์ใน ชีวิตประจำวันได้อย่าง เหมาะสม สามารถนำไปประยุกต์ กับสถานการณ์ใน ชีวิตประจำวันได้บ้าง สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้น้อยมาก เกณฑ์การประเมิน ช่วงคะแนน 9 - 12 ระดับคุณภาพ ดี ช่วงคะแนน 5 - 8 ระดับคุณภาพ พอใช้ ช่วงคะแนน 0 - 4 ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ผ่านเกณฑ์ระดับ ดี ขึ้นไปถือว่าผ่าน
๘๒ ภาคผนวก
๘๓ 1. หนังสือเรียนวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 2. PowerPoint นิราศเดือนห้า
๘๔ 3. เกม “ขานไขความหมาย”
๘๕ 4. ใบงาน การอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง
๘๖ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หน่วยการเรียนรู้ที่ เรื่อง ดวงจันทร์ของลำเจียก เวลา 5 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ย่อย เรื่อง นิราศเดือนหก เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิประภา สุริยันต์ วันที่สอน 1 ธันวาคม 2566 ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 1.2 ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป.๔/๓ อ่านเรื่องสั้น ๆ ตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน ท ๑.๑ ป.๔/๖ สรุปความรู้และข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ท 5.1 ป.4/2 อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระสำคัญ นิราศเดือนมีคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการประพฤติปฏิบัติตน ตามประเพณีไทยในเดือนต่าง ๆ ของผู้คนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ กล่าวคือ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย สื่อความหมายชัดเจนและไพเราะ มีสัมผัสคล้องจองทั้งสัมผัสระหว่างวรรค และสัมผัสในวรรค มีการเล่นคำทำให้คำประพันธ์น่าอ่าน น่าฟัง จดจำง่าย ประทับใจ จึงมีผู้นำมากล่าว อ้างอิงเกี่ยวกับชีวิตและความรักตั้งแต่ยุคนั้นจวบจนปัจจุบัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ นักเรียนบอกชื่อประเพณีต่าง ๆ ในนิราศเดือนหกได้ถูกต้อง (K) 3.๒ นักเรียนอ่านบทร้อยกรองนิราศเดือนหกได้ถูกต้อง (P) 3.๓ นักเรียนมีความเอาใจใส่ในการทำกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 4.๑ นิราศเดือน : เดือนหก ประเพณีโกนจุก ประเพณีแต่งงาน และประเพณีแลกนาขวัญ
๘๗ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๕.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน 5.3 รักความเป็นไทย ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (กระบวนการจัดการเรียนรู้เทคนิค TGT) 7.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมเนื้อหา ๗.๑.1 ครูมีบัตรภาพ ๓ ภาพ มาให้นักเรียนได้เลือกสุ่มเปิดดู ซึ่งรูปภาพนั้นเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง กับประเพณีต่าง ๆ ในนิราศเดือนหก ได้แก่ ภาพประเพณีแต่งงาน ภาพประเพณีแลกนาขวัญ และ ภาพประเพณีโกนจุก จากนั้นนักเรียนตอบคำถามครูว่า ดังนี้ คำถามที่ 1 : นักเรียนเห็นอะไรจากรูปภาพดังกล่าว คำถามที่ 2 : นักเรียนรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่องราวจากภาพหรือไม่ 7.1.2 นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็น จากนั้นครูจึงเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าสู่บทเรียน พร้อมแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนฟังอีกด้วย 7.2 ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7.2.1 ครูและนักเรียนทบทวนฉันทลักษณ์และวิธีการอ่านบทร้อยกรองจากชั่วโมงก่อน 7.2.2 ครูยกตัวอย่างคำประพันธ์บทหนึ่งมาให้นักเรียนได้ดูและให้นักเรียนร่วมกันอ่าน คำประพันธ์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ เดือนหก ร่ำคะนึงถึงนุชสุดวิตก ถึงเดือนหกเข้าแล้วหนาเจ้าขาเอ๋ย เขาแต่งงานปลูกหอขอกันเชย เราจะเฉยอยู่ก็เห็นไม่เป็นการ เขาแลกนาแล้วมานักขัตฤกษ์ เอิกเกริกโกนจุกทุกสถาน ทีกำดัดจัดแจงกันแต่งงาน มงคลการตามเล่ห์ประเวณี โอ้โอ๋อกอาตมานี้อาภัพ ทั้งไร้ทรัพย์สารพัดจะบัดสี ดูเพื่อนบ้านเขาทั้งหลายสบายดี เขาคิดมีลูกเมียเสียทุกคน
๘๘ 7.2.3 นักเรียนฟังครูอธิบาย ความหมายและเนื้อหาที่มาของนิราศเดือนหก และนักเรียนตอบ คำถามครูได้ว่านิราศเดือนหก มีประเพณีอะไรบ้าง แล้วครูจึงอธิบายประเพณีต่างๆ ให้นักเรียนฟัง พร้อมทั้งแจกใบความรู้ประกอบ 7.2.4 ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ คำถามที่ 1 : ประเพณีคืออะไร 7.2.5 นักเรียนและครูร่วมกันถอดความคำประพันธ์นิราศเดือนหก จากเนื้อหาที่หน้ากระดาน และครูอธิบายคำศัพท์ยากจากเนื้อเรื่องให้นักเรียนเข้าใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ได้แก่คำว่า นุช วิตก นักขัตฤกษ์ กำดัด มงคล เล่ห์ ประเวณี อาภัพ เอิกเกริก และบัดสี โดยนักเรียนจดบันทึกลงในสมุด ขั้นที่ ๒ ขั้นจัดทีม 7.2.6 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม (แบ่งกลุ่มโดยใช้เทคนิค A-F) โดยครูแบ่งนักเรียนเป็น ๓ ระดับได้แก่ เก่ง ปานกลาง อ่อน ซึ่งครูได้แบ่งไว้ให้อยู่แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการ แข่งขันเป็นกลุ่มจากกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้รับในวันนี้ และเพื่อเรียนรู้โดยปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครู กำหนดให้ ขั้นที่ ๓ ขั้นการเรียนรู้ 7.2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายกติกาการแข่งขันเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษาไปใน วันนี้ และครูชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน จากนั้นสมาชิกภายในทีมจึงวางแผนการแข่งขัน โดยสมาชิกในแต่ ละทีมร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งที่ครูกำหนดให้ 7.2.8 นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมความพร้อมให้แก่สมาชิกในกลุ่มทุกคนเพื่อให้มีความรู้ความ เข้าใจในบทเรียนและพร้อมที่จะเข้าสู่การแข่งขัน ซึ่งแต่ละทีมอาจตั้งคำถามขึ้นมาเองและให้สมาชิกของ ทีมทดลองตอบคำถาม 7.2.9 สมาชิกของทีมช่วยกันอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นที่สมาชิกในทีมบางคนยังไม่เข้าใจเพื่อ เตรียมความพร้อมของสมาชิกทุกคน ขั้นที่ ๔ ขั้นการแข่งขัน 7.2.10 นักเรียนฟังครูแนะนำเกมการแข่งขันให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูจึงจัดนักเรียนหรือ สมาชิกตัวแทนของแต่ละทีมเข้าประจำกลุ่มการแข่งขัน 7.2.11 นักเรียนแต่ละทีมเริ่มเล่นเกมพร้อมกันด้วยชุดบทร้อยกรองที่เหมือนกัน โดยบทร้อยกรองนั้นมาจากบทร้อยกรองนิราศเดือนหก จากนั้นนักเรียนแต่ละทีมเล่นเกมการแข่งขันชื่อว่า “เรียงถ้อย ร้อยกรอง” โดยแต่ละทีมจะได้รับบอร์ดร้อยกรอง จำนวน 1 แผ่น และให้นำบัตรคำร้อยกรอง มาเรียงลงบอร์ดให้ถูกต้อง ทีมใดเรียงคำตอบถูก และส่งคำตอบเร็วจึงจะได้คะแนนตามการแข่งขัน 7.2.12 เมื่อการแข่งขันจบลง ครูจึงจัดลำดับผลการแข่งขันและให้หาค่าคะแนนโบนัสของกลุ่มที่ มีคะแนนอยู่ในระดับดี
๘๙ ขั้นที่ ๕ ขั้นยอมรับความสำเร็จของทีม 7.2.13 ครูประกาศคะแนนของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งครูให้คำยกย่อง ชมเชยนักเรียนที่ได้คะแนนอยู่ ในระดับดี 7.3 ขั้นสรุป ๗.3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหา ประเพณีในนิราศเดือนหก 7.3.2 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบถามข้อสงสัยจากเนื้อหาที่เรียนในวันนี้ 7.3.3 ครูมอบหมายงานให้นักเรียนไปท่องบทร้อยกรองนิราศเดือนหกเป็นรายบุคคล ๘. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๘.๑ หนังสือเรียนวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ฉบับกระทรวงศึกษาธิการ 8.2 ชาร์จบทร้อยกรอง นิราศเดือนหก 8.3 เกม “เรียงถ้อย ร้อยกรอง” 8.4 บัตรภาพประเพณี 8.5 ใบความรู้ ประเพณีในเดือนหก ๙. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๙.๑ ท่องบทร้อยกรองนิราศเดือนหกที่ครูกำหนดให้เป็นรายบุคคล
๙๐ ๑๐. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนบอกชื่อประเพณีต่าง ๆ ในนิราศเดือนหกได้ถูกต้อง (K) การถามตอบ คำถาม - จงบอกประเพณี ที่พบในบทร้อย กรองนิราศเดือน หก นักเรียนบอกชื่อ ประเพณีต่าง ๆ ในนิราศเดือนหก ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ถือว่าผ่านเกณฑ์ 2. นักเรียนอ่านบทร้อยกรองนิราศ เดือนหกได้ถูกต้อง (P) - การอ่านบท ร้อยกรองนิราศ เดือนหก - การตอบจาก เกม “เรียงราย ร้อยกรอง” - แบบประเมิน การอ่านบทร้อย กรอง - เกม “เรียงถ้อย ร้อยกรอง” นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินการอ่าน บทร้อยกรอง ร้อยละ 70 ขึ้นป 3. นักเรียนมีความเอาใจใส่ในการทำ กิจกรรม (A) สังเกต พฤติกรรม แบบสังเกต พฤติกรรม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ 80 ขึ้นไป
๙๑ ๑๑. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๑.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๒ ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๑.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวศศิประภา สุริยันต์) วัน……….เดือน……………..……พ.ศ………….