The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ บุแผ่นธรณีดั้น-2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บุแผ่นธรณีดั้น

หนังสือ บุแผ่นธรณีดั้น-2566

บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๘๗ พระองค์ทรงถือศีลประพฤติพรหมจรรย์ แต่ยัง อาวรณ์อยู่ในกาม ยากจะปล่อยวางได้ บรรเทาด้วยการยิงลูกศรใส่ เป้ า ก็พอจะอดกลั้นความกระสันทุเลาลงได้ดังตั้งใจ g]b3g]AJk ]6lvkFgvnHU, lo6yVj:,Vบ’@C< WxkIu .ooA$น\ gpm อtzuOgzb3vhk Vu .orA$ศNrnHO =6,r^4k3]6j, gVAkouH ฤsjUo gsbOsjk$wfh rYohฮsO7J’8AO wfhoyHO เลยเล่า ลุสะอาดเอื้ อม สนุกฮ่วมเฮียงโฉม ปราณี ในนงค์นาง เยทธะผีนเผยอ้า อันว่า ในพงศ์พื้น ชุมพูภายลุ่ม เฮานี้ ฤๅห่อน เหินห่างได้ พอน้อยหนึ่งคน ได้นั้น การได้อยู่ใกล้ชิด ร่วมเรียงเคียงคู่กับนางผู้เป็นท่ีรัก ยินดีปราณีในน้องนางอย่างเปิ ดเผย ทุกเผ่าพันธุ์ในชมพูทวีปโลก เรานี้ ไม่มีใครจะไกลห่างสิ่งเหล่านี้ได้สักคนเดียว WsnUfyJ$ grkTbly9:lhk$ [ki,us<k3,6j’ grkTbPkณpUffyH: f:’]YHkg]bLzEk xk$oyHO หรือดั่ง โพธิสัตว์สร้าง บารมีหมายมุ่ง โพธิญาณยอดดั้ว ดวงล ้าเลิศผญา ปางนั้น ฯ


๘๘ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี หรือจะเป็นดั่งพระโพธิสัตว์ บ าเพ็ญบารมี มุ่งบรรลุ พระอนุรุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ WrdY s}A[s}udg;hO dk<dbg]L9yIห k miA$Ty,<ศu| gdbJ$WrAs<4k3rahk 9AOfบ;fyHO viyEkpk:pjkO Gfbig-AHk .oc’jg’nHU, g’Ak5YHkoyJ$vTy,< พระก็ หลบหลีกเว้น กามกิเลสตัณหา ทรงธรรมศีล เกิ่งพรหมภายฟ้ า ตนเดียวดั้น อรัญญายาวย่าน เดินเข้า ในแง่เงื้ อม เงาถ ้านั่งธรรม ฯ พระองค์ ทรงหลีกเว้นตัณหา กามกิเลส ประพฤติ ธรรมถือศีล ในพรหมจรรย์ เสมอกับพระพรหม เสด็จสู่ป่ าบ าเพ็ญ สมณธรรม ตามเงื้อมเขา เพิงถ ้า WrdY lAXg-AHk5YHk rบiWrYJl4k;น [ki,uzk3 czjwxmyH$8hk3 WrAs<Ty,<9yH$ Wrmy3[kO.0VV6j’ ,kycs}h; py$g]AJk 9AD96j,นYH Pkณ lบh’glnJU,5ฮ พระก็ สบเข้าถ ้า เพียรพร ่าภาวนา บารมีผาย แผ่ไปทั้งค้าย


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๘๙ พรหมธรรมตั้ง พระทัยบานใจฮุ่ง มากแหล้ว ยังเล่า ตกตุ่มน ้า ญาณเสี้ ยงเสื่อมถอย ฯ พระองค์เสดจ็สู่สถานท่ีสงัดเช่นถา ้พร่ าเพียรภาวนา บ าเพ็ญบารมีแผ่ผายไปทั่วแหล่งหล้า ตั้งอยู่ในพรหมธรรม มี พระทัยเบิกบาน บางครั้งยังตกน ้าคือตัณหา ญาณก็เสื่อมได้ vyOouH rYzfบ’.sh gsyO8U’8yXc8X [YJd:jk PkณpUfcdh: p:’fyHOsOบj;dUo อันนี้ พอเผดียงให้ เห็นคลองคับแคบ บ่กว่า ญาณยอดแก้ว ยวงดั้นเหนี่ยวกลอน อันนี้ พอจะบอกกล่าวพอให้เห็นแนวทางอันคับแคบ ว่า กว่าจะบรรลุญาณยอดแก้ว จะต้องเผชิญฝ่าฟันกับส่ิงท่ีคอย ขัดขวางเหน่ียวร้ังไว้ @voY @C<lvkLohU’ gonHUv6jovbOgs}Ak ruJgv3 4k3ruJ @m,oy$87F V6j’mk$oUoc]h$ pYcp$cdh: f:’,Iul6fmuJbvjk: V6ic]h: ohU’ouH gxyOfyJ$f:’fUdw,h [kOgVAHkmuJl^’ ruJc]h: โอนอ โฉมสอาดน้อง เนื้ออุ่นอินทร์เหลา พี่เอย ภายพี่ โทมนังคึด ฮุ่งทางนอนแล้ง ยอแยงแก้ว ดวงมณีสุดที่อ่าว ฮุนแล้ว


๙๐ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี น้องนี้ เป็ นดั่งดวงดอกไม้ บานเฮ้าที่สูง พี่แล้ว ฯ โอหนอ น้องนางนวลองค์ผู้งดงาม ผู้อันองค์อินทร์ส่ง มา เจ้าทา ให้พ่ีทุกข์ใจ อาลัยรา พึงหานอนเป็นทุกข์ได้แต่เพียงจ้อง ดูแก้วมณีสุดจะร าพึงร าพันหานาง น้องนางเป็นดังดอกไม้ท่ีเบ่ง บานอยู่เหนือพ่ี @voY oyWxk=ญ์Npy$Vjk:V^h s|A’VjU,8Yk87F gfbi[YJ wx9k<mk$ c9jgfb<;boy39yH$ pk<g,nJU vk0kipNg0AHk cx}lAoอbN=yl^9 ,koyHO wxl^j WltcxF5hkO g5b$gvhs,^jvk โอนอ นักปราชญ์ยังฮ่าวฮู้ หลงฮ่อมค าคึด เดินบ่ ไปตามทาง แต่เดิมวินัยตั้ง ยามเมื่อ อาจารย์เจ้า แปลสนธ์ิชกัสูตร มาน้นั ไปสู่ สระแปดถ้าน เถิงเอ้หมู่อา ฯ โอหนอ แม้นักปราชญ์ยังแกล้งทา เป็นรู้ท้ังท่ีหลงลืม ไปแล้ว จึงเดินไม่ไปตามทาง ท่ีวินัยต้ังวางเอาไว้เม่ืออาจารย์แปล สนธ์แิปลมูลอ้างสตูรต่างๆ ไปถึงสระแปดตัว อนั ประดับไปด้วยหมู่ สระต่างๆ WltWx5A<5hkO gVnU’VA<sy9%[kL rpyญ=otgxyOmuJ0yH$ WxlA<.shvUdlบ’


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๙๑ pk<g,nJU fk:lgfy)phk3 vy$8kO,k5nD g,nJU.f l^E.lj Wlt,k9U[cxh cx}.sh;jKvYk สระประถมถ้าน เฮืองฮมหัตถบาส พยัญชนะเป็ นที่จั้ง ประสมให้ออกเสียง ฯ ยามเมื่อ ดาวเสด็จย้าย อังคารมาถืก เมื่อใด สูญใส่ สระมาตอบแป้ แปลให้ว่าอ า ฯ ในเบ้ืองต้น สระน้ันเป็นท่ีอาศัยของพยัญชนะ พยัญชนะอาศัยสระประสม จึงเป็นคา ท่ีออกเสียงได้เม่ือเวลาผ่าน ไป ตรงวันอังคาร คราใด มีเลขศูนย์มาประกอบเข้ากับสระ กลายเป็นสระอ า ray$gpbU [yIFb9g=nHU i+k9AOpbJ$ Vบ,gvb3 .sh8jฮ mUfWrgo(pบj, ray$c]h:8jฮ8tob’ syHO5jUo ฟังเยอ บัณฑิตเชื้ อ ราชาตนยิ่ง เฮียมเอย ให้ค่อย ทอดพระเนตรเยี่ยม ฟังแล้วค่อยคะนิง หั้นถ้อน ฟังนะชาติเชื้อแห่งบัณฑิต ผู้ราชา ให้ค่อย ทอดพระเนตรพิจารณาฟังก่อน แล้วคิดใคร่ครวญ ray$pbO oADVYJkVhU’ Vบ’8^jW8U’isyL lg;b3vYkrk rYJk,:],kg9hk ,yOdY 0A$.0zhk3 g;sk0yX0jU’


๙๒ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี gVVYJkVhU’ VAOshU,VjUdyO Vygv3 ฟังยิน นกฮ ่าฮ้อง เฮียงคู่ครองรหัส เสวยอ าพา พ ่ามวลมาเต้า มันก็ จงใจผ้าย เวหาจับจ่อง เฮฮ ่าฮ้อง ฮนห้อมฮ่อกัน ฮักเอย ฯ ได้ยินเสยีงนกร่า ร้อง เคียงคู่กนัอยู่ท่ลีับ รวมกนัจิกกนิ ผลมะม่วงทั้งหมด แล้วมันก็ตั้งใจบินสู่เวหาไปมา พร้อมส่งเสียงร ่า ร้อง แวดล้อมใส่กันดูน่ารัก ,yO[YJ ,umuJ-hU’ -oy$8Ud8ks}yd lojฮoyHO P^mjk$ miA$z|k dj:,0บ’.0xnH< g=b3=A<gs}ho ]Ykc-O-7$xuD lo6d,j:ogs}ho l’AXfhkLlj:’gs$Ak มันบ่ มีที่ข้อง ขนังคอกคาหลัก สน่อยนั้น ยูท่าง ทรงผาลา กล่วมเจียงใจปลื้ ม เชยชมเหล้น ล าแขนขึงปี ก สนุกม่วนเหล้น สงบด้าวส่วงเหงา ฯ พวกมัน ไม่มีอะไรมาขัดข้อง ขวางคาแม้นิดนิดหน่อย ดูท่าทางเบิกบานใจกับการกินผลไม้ อย่างอิ่มเอม กางปีกบินเชยชม สนุกสนานในท้องฟ้ าอันสงบ ไม่เคยเหงาเลย


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๙๓ Vบ’V6j’shฮ pk<g,nJUitmA<m6d_N -oy$Wm:\87F V6j’s63skohU’ p^pbOs,Uj, @m,oy$c8hO8yJ$ pA<s3yJ’phฮ 8tob$@vhvjk:sk เฮียงฮุ่งห้อย ยามเมื่อระทมทุกข์ ขนังทรวงคึด ฮุ่งหุยหาน้อง ยูยินหม่อม โทมนังแค้นคั่ง ยมหยั่งย้อย คะนิงโอ้อ่าวหา ฯ แต่ตัวพ่ีน้ีเม่ือถึงคราวระทมทุกข์ในใจคับแค้น คา นึง หาแต่น้องนาง ยิ่งได้ข่าวน้อง ยิ่งทุกข์ใจขุ่นแค้น ร าพึงร าพันออด อ้อน เพ้อหาแต่นางผู้เป็นท่รีัก m6d_g,nJU[hk dk<dbg]L9yIห k 8tob$oA$Wศu VYJkWm:\m}k3,hk$ g0yXmuJ ,*k8hk$ -oy$0:o0Ykrky l6fmuJ fyHO]U[]uH pบ;pnHUpjU’g5b$ ทุกข์เมื่อบ้า กามกิเลสตัณหา คะนิงนงค์ศรี ฮ ่าทรวงทลายม้าง เจ็บที่ มาคาค้าง ขนังจวนจ าพราก สุดที่ ดั้นลอบลี้ เยียวยื้อย่องเถิง


๙๔ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี เป็นทุกข์ เมื่อคลุ้มคลั่งกับกามกิเลสตัณหา ระลึกถึง แต่นวลอนงค์จวนอกจะแตกหัก เจบ็ ปวดท่ตี้องมาค้างคากับความ ทุกข์จากการพลัดพราก สุดท่ีต่อสู้หลบล้ีเพราะยังพยายามจะไป ให้ถึงอยู่ m6d_cVj$VhUo VAOpbJ$@m,oyL [YJg=nJU ]UorYgz3 lojUppk<Wm:\[hk 0ympkO57$ohU’ oA$Wศul6fmuJvjk: 0b$c]h: WxdU[cdjOcdh: dy|phฮgpLz0A$ ทุกข์แฮ่งฮ้อน ฮนยิ่งโทมนัส บ่เชื่อ ลอนพอเผย สน่อยยามทรวงบ้า จักทยานถึงน้อง นงค์ศรีสุดที่อ่าว จริงแล้ว ประกอบแก่นแก้ว กัลย์ย้อยเยศผจง ทุกข์ร้อนรน ยิ่งโทมนัส ไม่อยากเชื่อในความเป็นจริง แม้นิดเดียวในเวลาคลุ้มคลั่งเป็นบ้า ใจจะทยานไปหาน้อง สุดแสน จะพร ่าเพ้อจริงๆ หวังจะได้ครองคู่กับแก่นแก้วกัลยาสมปรารถนา Vบ,d}jk:gs}ho rYlj:’,gokgs$Ak ,b.=j l:dluwz lojฮrYrบ’ohฮ g0AHkz^h xyPญklบh, cs},8A<8A$ljU’ gsyO9uH Vบ,sky w-c9j=yHOoUdw;h g=bญlbH$ljU’8tob$ cfj5hUo


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๙๕ เฮียมกล่าวเหล้น พอส่วงมโนเหงา มิใช่ สวกสีไผ สน่อยพอเพียงน้อย เจ้าผู้ ปัญญาเสี้ ยม แหลมคมคงส่อง เห็นตี้ เฮียมหาก ไขแต่ชั้นนอกไว้ เชิญสิ้ งส่องคะนิง แด่ถ้อน ฯ พ่ีพร่ าเพ้อเป็นกลอนเล่น พอให้ใจหายเหงา ไม่ได้มี เจตนาเสียดสีใครสักหน่อยเดียว เจ้าผู้มีปัญญาอันฝึกฝนดีแล้ว คง จะรู้ แจ่มแจ้ง หากผูกประเด็นเป็ นเพียงชั้นนอกไว้ ให้ คนมา พิจารณาใคร่ครวญดูเถิด ohU’ouH mบ,fyJ$,gsklA%z^h miA$Ty,<l6mอpbJ$ s}b’5hUo [jUo.f [YJ5nD-YH -YohU’VYJkgrb$ c,j5hUo 8yHO[YJ ,ugranUpw,h wra[YJ]k<ws<hxjk น\gvb3 ,nU[YJ .ljmYJ0YHk gVnUlb-7HOgzjOzk3 ruJฤ น้องนี้ เทียมดั่งมโหสถผู้ ทรงธรรมสุทธยิ่ง หลิงถ้อนฯ บ่อนใด บ่ถืกข้อ ขอน้องฮ ่าเพิง แม่ถ้อน ฯ ครั้นบ่ มีเฟื อยไม้ ไฟบ่ลามไหม้ป่ า นางเอย มือบ่ ใส่ท่อจ ้า เฮือสิขึ้ นเผ่นผาย พี่ฤๅ ฯ น้องน้ีเปรียบด่ังมโหสถโพธิสัตว์ผู้ทรงธรรมบริสุทธ์ิ ย่ิง ข้อความใดท่ีไม่ถูกไม่ควร ขอน้องได้ใคร่ครวญไตร่ตรองดูเถิด ถ้าไม่มีเศษกิ่งไม้ ไฟคงจะไม่ลามลุกไหม้ป่ า ถ้ามือไม่เร่งแจวเรือ เรือคงจะไม่แล่นเร็วไปได้


๙๖ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี =k9bmuJ 8^skshU’ ik+lusNmบ;mjU’ [YJsjUo ]t5uOw;h lbwx=hOxjk8k ruJcs}h; ชาติที่ คูหาห้อง ราชสีห์เทียวท่อง บ่ห่อน ละถีนไว้ สิไปซ้นป่ าคา พี่แหล้ว ฯ เช้ือชาติราชสหี์ย่อมอยู่ในถา ้ ไม่มีวันท่จีะละจากถา ้ ไป อาศัยอยู่ตามป่ าหญ้าคา ดอกหนา [yHO[y$isyL บั้นบังรหัส [yFouH Vบ,0yg=bญgmrk =j:pPkณpkc8h: [{rurnHO wvl;yOclOmuX 06@]Ds}jk’ ]:’]YHk=j:pzญk cfj5hUo 4k3[AOws:h c5Os};\ g,Sik+ ]YHk]6j,rahk clOmhk$gmrt8k บัดนี้ เฮียมจักเชิญเทพา ช่วยญาณยาแคล้ว ปฐพีพื้น ไอย์ศวรรย์แสนทีป จุโลกหล่าง ลวงล ้าช่วยผญา แด่ถ้อน ภายบนไหว้ แถนหลวงเมฆะราช ล ้าลุ่มฟ้ า แสนท้างเทพะคา


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๙๗ บัดนี้ ข้าฯ จะเชิญเทวดา มาช่วยรับรู้เมื่อยามต้อง แคล้วคลาด ตั้งแต่พื้นแผ่นดินจนถึงสวรรค์ทั่วทุกชั้น ลุไปถึงใต้พื้น โลก ได้โปรดช่วยปัญญา ข้าฯ ด้วยเถิด ภายเบื้องบนมีแถนหลวง พระอินทร์ ผู้จอมเมฆราช ภายใต้ลงมาคือเหล่าบริวารเทวดา Vu ,gsศydFbNwmh gmrkcfOmu:[ g=bญwfh ,k=j:pohk: xyEk8hU,-UflkO cf5hUo -Y.sh g]y$Pkณp^h pYcl$.lUj’ 2jkwfh ,ul}jk$ s}A’r}yH’@rF8:k< อันว่า มเหศกัด์ิไท้ เทพาแดนทวีป เชิญได้ มาช่วยน้าว ปัญญาค้อมขอดสาร ขอให้ เล็งญาณยู้ ยอแสงใสส่อง อย่าได้ มีสล่าง หลงพลั้งโพดความ ขอเทพผู้มเหศักด์ิทุกแดนทวีป เชิญได้มาช่วยโน้ม น้าวปัญญาในการเขียนสารให้จบ ด้วยเถิด ขอให้เล็งญาณเห็น ช่วย ให้มีปัญญาแจ่มแจ้งแทงตลอด อย่าได้มีข้อความท่ผีิดพล้ังใจความ -Ycdj gmrkrnHO โoMWrAs<rบi=jฮ dyXmyH$ mhk:luJsOhk c5OwmhgmRc,O 4^,b4k*rnHO นg8k86fMน* .9hmcs|j’s}hk clOlhฮl^jWl:’


๙๘ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ขอแก่ เทพาพื้น อินทร์พรหมเพียรช่อย กับทั้ง ท้าวสี่หน้า แถนไท้เทพแมน ภูมิภาคพื้น นาโคครุฑนาค ใต้ทะแหล่งหล้า แสนสร้อยสู่สรวง ขอวอนเทพยดา อินทร์พรหม ได้พากเพียรช่วย รวมท้ังท้าวส่ีหน้า (ท้าวมหาพรหม) แถนไท้เทพดา เมืองแมน นาค ครุฑ ใต้แหล่งหล้าจนถึงสรวงสวรรค์ -Y.sh gmrkfhk: cfOfbO=^=jฮ cfjc, 0b)Tt0Ufc0h$ .0,yJOVYJTy,< 0A$.sh นYg5b$cdh: dy|pkohU’น% g=bญ lbXsAD=yHO ,skWrAs<rb,kOg,ฆ ,k-j:p 8bF.ljlhฮ lkOcdh:dkRitg,oMN ขอให้ เทพาด้าว แดนดินซูซ่อย แด่แม จิตธะจอดแจ้ง ใจมั่นฮ่อธรรม จงให้ น าเถิงแก้ว กัลยาน้องนาถ เชิญ สิบหกชั้น มหาพรหมพิมานเมฆ มาช่วย คิดใส่สร้อย สารแก้วกาพย์ระเมนทร์ ขอให้ เทวดาทั่วแดนดิน ได้มาช่วยให้จิตใจ ข้า ตั้งมั่น ในธรรม จงให้น้อมน าถึงแก้วกัลยานางผู้เป็นท่ีรัก ขอเชิญ


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๙๙ มหาพรหมสิบหกชั้นฟ้ าวิมานเมฆ มาช่วยแต่งเติมกาพย์นี้ ให้ ไพเราะดึงดูดใจนาง gxyOmuJ vyL0yOpN]YHk Wrmy3g8nU’c8hO8yJ$ gfoY 8bFg5b$ WrTy,<gmL.sh TiA$w;hc;jOcp$ 0ycx$lkOcdh: f:’,Iumบ,@]D -Ycdj oyWxk=ญNg0AHk 8tob$cdh:VYJkVUo syJO5jUo เป็ นที่ อัศจรรย์ล ้า พระทัยเคืองแค้นคั่ง เดนอ คิดเถิง พระธรรมเทศน์ให้ ธะรงไว้แว่นแยง จักแปลงสารแก้ว ดวงมณีเทียมโลก ขอแก่ นักปราชญ์เจ้า คะนิงแก้วฮ ่าฮอน หั่นถ่อน เป็นท่ีอัศจรรย์ย่ิงนัก ว่าขณะท่ีจิตใจขัดเคืองคั่งแค้น ยังคิดถึงพระธรรมท่ีพระพุทธองค์ทรงเทศนา ธา รงไว้ให้ไตร่ตรอง จึงจักแปลงสารอันประเสริฐนี้ประดับโลกไว้ ให้นักปราชญ์ มา พิจารณาไขปริศนานี้ lkOouH=nJU;jK [y$isyLw;h xbFdt[:og[nHU’ =k3g=y$[YJgsyOg]yL gs$Aks$jkOfbHO dyOgdhUgdbFrbL;A$ สารนี้ชื่อว่า บังระหัสไว้ ปิดกระบวนเบื้อง ชายเซ็งบ่เห็นเลศ


๑๐๐ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี เหงาหง่านดิ้ น กันเก้อเกิดพิศวง สารนี้มีชื่อว่า บังรหัส ปิ ดความลับไว้ เป็นขบวนการ ให้ชายผู้แกล้วกล้า ไม่ล่วงรู้ในท่าทีได้แต่งุนงงสงสัย อยู่อย่างพิศวง sOyd[jUosOhk lbpA$gpAHkpkFz3B’ cp$py$f:’,IuWศu ;kFdt[:o[y$]บh; g0AHkz^h xyEkohฮ [YJlA<4^,bdUodkRpN 8U’;jK gxyOz^h9nHO zญklบh,[YJcs}, หนักบ่อนหน้า สิยงเย้าผาดผยอง แยงยังดวงมณีศรี วาดกระบวนบังเลี้ ยว เจ้าผู้ ปัญญาน้อย บ่สมภูมิกลอนกาพย์ คองว่า เป็ นผู้ตื้ น ผญาเสี้ ยมบ่แหลม ยิ่งอ่านต่อไป ยิ่งยุยงให้อยากรู้อยากเห็นหนักไป ข้างหน้า เหมือนกับจ้องมองแก้วมณี วกวนเวียน ลอบเลี้ยวไปมา จินตนาการอยู่อย่างนั้น เจ้าผู้มีปัญญาน้อย ไม่สมภูมิกาพย์กลอน เพราะว่า มีปัญญาตื้น ไม่ได้รับการฝึกฝน ly$,k s$YkmuJw;h lb]AXs}บj,8A<gr+ ly$[YJ 9b8nUgs}Bn, s}Bd[y$9y:w;h gxyOfyJ$ mYkmkO.sh s<k3,Uf=u;y$,bF wxoyHO ]k$gmnJU gluบgf+=YHk s<B’gdnJUgdnUd-uH9A< สังมา หง าที่ไว้ สิลบเหลี่ยมคมเพชร


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๐๑ สังบ่ ติคือเหลือม หลอกบังตัวไว้ เป็ นดั่ง ท าทานให้ หมายมอดซีวังมิด ไปนั้น ลางเทื่อ เสียเดชซ ้า หมองเกื้ อเกือกขี้ ตม ทา ไมมาครอบงา ไว้เวลาจะลบเหล่ียมคมของเพชรท่ี เจียระไนแล้ว ท าไมไม่อ าพรางปิ ดบังตัวเหมือนดังงูเหลือม งูท า ทานท่ีรอคอยหมายให้ชีวิตเหยื่อมอดม้วยไปฉันนั้น แต่บางครั้ง ก็ อาจเสื่อมอ านาจ เพราะหม่นหมองเกือกกลิ้งโคลนตมท่ปีิดบัง gmnJUouH Vบ,0y]yF]บ[-YH w-fj:o@f3ryO [YJ.shgs}nBxyEk VYJkgrb$rYlf6h’ rkmu5hฮ -oy$Wm:\gouบitokL 87F;jK s:kO]nJOvhฮ g]b3lAH<d:jk[yDok: เทื่อนี้ เฮียมจักลัดเลียบข้อ ไขด่วนโดยพลัน บ่ให้เหลือปัญญา ฮ ่าเพิงพอสะดุ้ง พาทีถ้อย ขนังทรวงเนียระนาด คึดว่า หวานลื่นอ้อย เลยส้มกว่าบักนาว บัดนี้ ข้าฯ จักลัดข้อความ พรรณนาไปโดยด่วน ไม่ให้ เหลือปัญญาท่ีจะพิจารณาไขความให้ตกใจต่อไปได้ถ้อยคา ท่ีเป็น ก าแพงกั้นบังความคิดจะพังทลายระเนระนาด ถ้าคิดว่าหวาน ก็คง หวานเกินน ้าอ้อย ถ้าเปรี้ยวก็ให้เปรี้ยวกว่ามะนาวไปอีก


๑๐๒ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ly$[YJ 87F5uJ5h:o gl,bUgo(rY@C< gfoY [yLouH ,kwfhdYk8YgsyO gs$nBdcf$c8<]bHO ly$,k o7DoyDc8hO 8k2^j.o8Y cmhoY ly$[YJ ,urYlU’ =jฮxU’xk$c8hO สังบ่ คึดถี่ถ้วน เสมอเนตรพอโฉม เดนอ บัดนี้ มาได้ก าคอเห็น เหงือกแดงแคมลิ้ น สังมา นึกนักแค้น คาอยู่ในคอ แท้น้อ สังบ่ มีพอสอง ซ่อยปองปางแค้น ทา ไม่ไม่คิดให้ถ่ีถ้วน เหมือนสายตาท่เีพ่งมองผู้หญิงท่ี สวยๆ มาบัดนี้ได้ก าคอจนมองเห็นเหงือกสีแดงอยู่ใกล้กับลิ้น ท าไมรู้สึกแค้น เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ แล้วท าไมไม่มีเพิ่มอีก เป็นสอง คอยช่วยในเวลาแค้น [YJc,jO co:น<g=nHU ik+lusNlb’หik+ ly$,k นX=hk$.sh @f,hk9nJO8t@p$ ly$[YJ s}b’skg=nHU ld6];A$ศN น<=k9b 9AOgfh ,k9yJ: dAH<-kRws:h 8AO.[h=yJ:=k< บ่แม่น แนวนามเซื้ อ ราชสีห์สิงหราช สังมา นาบซ้างให้ โคม้าตื่นคะโยง สังบ่ หลิงหาเซื้ อ สกุลวงศ์นามซาติ ตนเด้ มาคั่ว ก้มขาบไหว้ คนใบ้ซั่วซาม


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๐๓ ไม่ใช่เช้ือชาติราชสีห์ท่จีะมาล้มช้าง ให้โคและม้า ต่ืน ตะหนกตกใจ ท าไมไม่มองหาเคารพในเชื้อชาติเผ่าพงศ์วงศ์วาน ตนเอง ยังมามัวกราบก้มคนใบ้ใจทรามพรรค์นี้ .9h]6j,rahk ,o6lLN@]D]Ungr+ wz^hsk8AO8Un lj:olbg=bญ-:yPwh gsyOc9jgvAklkOouH 9yF]YkmUo’jk Vบ,ouH gxyOfyJ$cdh:2^jนYH .o5YHkljU’[YJgsyO ใต้ลุ่มฟ้ า มนุษย์โลกลือเพชร ไผผู้หาคนคือ ส่วนสิเซิญขวัญไข้ เห็นแต่เอาสาส์นนี้ ตัดล าทอนง่า เฮียมนี้ เป็ นดั่งแก้วอยู่น ้า ในถ ้าส่องบ่เห็น ใต้แผ่นฟ้าคือโลกมนุษย์ท่ีกล้าแกร่ง ใครจะหาคน เสมอเหมือน ในส่วนท่จีะเชิญขวัญเวลาเจบ็ ไข้ได้เห็นแต่เอาสาส์น ท่ีจารเป็นหนังสือมาใช้ทุเลาบรรเทาอาการ อุปมากับการตัดลา ไม้ กิ่งไม้เป็นท่อน ๆ อุปมา ข้าฯ เป็นดั่งแก้วอยู่ในน ้า หรืออยู่ในถ ้า ยากท่จีะส่องเหน็ ได้ ,yOsky9AD0ky-hk$ นYHgr+dYpy$9bF zbskygxyO8Ykfu =uDk:dtpy$wfh gsyOc9j f:’lusOhk lbs<k3fulyOgdAJk ;jKฤ .0sky vUdoUdrahk py$,yJO[YJ,k3


๑๐๔ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี มันหากตกจากข้าง น ้าเพชรก็ยังติด ผิหากเป็ นค าดี ซีกซาวกะยังได้ เห็นแต่ ดวงสีหน้า สิหมายดีสันเก่า ว่าฤๅ ใจหาก ออกนอกฟ้ า ยังมั่นบ่มาย ส่ิงใดกต็ามท่ีมีคุณค่า เช่น เพชร แม้จะตกออกข้าง แตกท าลาย ก็ยังมีความเป็นเพชรติดอยู่ ทองค าแม้จะเป็นเศษเป็น ซีกกม็ีคุณค่า สามารถจะมาหลอมรวมกนัได้คนท่เีคยรักกนั แม้จะมี สีหน้าชังกันแค่ไหน แม้จิตใจจะไกลกันออกนอกฟ้ า ก็ยังมีความ มั่นคง ไม่มีท่จีะหลุดจากกนั pYpnJO f:’fkRd}hk [YJgsyOsjk$8A<gr+ zpU’gxyO8:yo s}jk:]A$]k<ws<h Vบ,ouH gxyOfyJ$l6ib@pg-AHk g-Aklg,i6g,bO,6j’ cl$vjUozบj’ pk<g=AHkwxjgVnU’ ยอยื่น ดวงดาบกล้า บ่เห็นห่างคมเพชร ผยองเป็ นควัน หล่าวลงลามไหม้ เฮียมนี้ เป็ นดั่งสุริโยเข้า เขาสเมรุเมินมุ่ง แสงอ่อนเผี่ยง ยามเซ้าไป่ เฮือง ยกเอาดาบดวงกล้าแกร่ง ดวงคมไม่ไกลจากเพชร แล้วกวัดแกว่งให้เกิดควันลุกเป็นไฟลามไหม้ดูเหมือนว่าข้าฯ นี้ เป็นดั่งพระอาทิตย์จะลับเขาพระเมรุ แสงอ่อนแรง หรือเวลาเช้า อรุณแสงก็หาเรืองรองไม่


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๐๕ .0g0yX-hU’ 9hU’lบj’[ibl6mอ b N wz^h,u zญkcs}, VYJk8tob$f^5jUo 8YkouH g]bJDฅ9nHO s:osyHOskylb5U’ ใจเจ็บข้อง ตอ้งเสีย่งบริสุทธ์ิ ไผผู้มี ผญาแหลม ฮ ่าคะนิงดูถ่อน ค านี้ เลิ่กและตื้ น หวนหั้นหากสิถอง ความเจ็บข้องหมองใจ ท่ีต้องเส่ียงกับความบริสุทธ์ิ หรือแอบซ่อนความบริสุทธ์ิไว้ใครกต็ามท่มีีปัญญาเฉียบแหลม จง ใคร่ครวญพิจารณาดูเถิด ว่าค านี้มีความหมายลึกและตื้น จากนั้น อาจจะเข้าใจเข้าถึง [YJ.=j g=b$s}Bdgs}jo s<k$s<jk38:k<-yF fy$oyHO dYsky cr$f:’cl$ c’jUo’Yk]บh; pALsjUo ]nUg=y$d}hk zpU’,k,us}ud wzoyHO gxyOfyJ$xUf[hk g,Ak]AH<]j:’-Y บ่ใช่ เซิงหลอกเหล่น หมางหม่ายความขัด ดังนั้น ก็หาก แพงดวงแสง แง่งอนง าเลี้ ยว ยศห่อน ลือเซ็งกล้า ผยองมามีหลีก ไผนั้น เป็ นดั่งซ้างปวดบ้า เมาล้มล่วงขอ ไม่ใช่อุบายเชิงหลอกเล่นท่ีจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง บาดหมาง แต่หากจะหวงแหนซ่อนงา ส่ิงลา ้ค่า ยศท่เีล่ืองลือปรากฏ


๑๐๖ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ไกล ไม่มีท่จีะหลีกเว้นใครท่ไีด้รับแล้ว เหมือนด่ังช้างตกมัน ท่ยีาก จะสยบด้วยขอได้ wz^h,uxuDV^h [bOcvjOcl:’sk oyX;jK mบ;lA$ki [YJs}udd}k3dyOwfh rYc9j lyEk.sh cx$lkO-บo-uF w;hoyHO [Ud;jK oyWxk=ญNz^h zญkd:hk$VYJkgrb$ syHO5hUo ไผผู้มีปี กฮู้ บินแอ่นแสวงหา นับว่า เทียวสงสาร บ่หลีกกลายกันได้ พอแต่ สัญญาให้ แปลงสารเขียนขีด ไว้นั้น บอกว่า นักปราชญ์ผู้ ผญากว้างฮ ่าเพิง หั้นถ้อน ใครผู้มีปี กคือปัญญาบินแสวงหารู้ เห็นได้ นับว่า ท่องเท่ียวในสังสารวัฏ ยากจะหลุดพ้นจากน้ีได้แต่ถ้ามีสัญญา ความจ าได้หมายรู้ท่ีจะแปลงสารเขียนอธิบายได้ก็คงเป็น นักปราชญ์ผู้มีปัญญากว้างจะไตร่ตรองมองเห็นได้ vyOsO7J’ g’Ak,Iucdh: ,skob}f:’Wxglb{ wzsjUogvAkmU’8Yk g-AHk@V<dYpbO’hU sbOskygxyOsbOcmh =k3=A|c8<mjk wzsky-yF-nO-YH =k:นYHdYskyV6o อันหนึ่ง เงามณีแก้ว มหานิลดวงประเสริฐ


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๐๗ ไผห่อนเอาทองค า เข้าโฮมก็ยินง้อ หินก็หากเป็ นหินแท้ ทรายชลแคมท่า ไผหากขัดขืนข้อ ซาวน ้าก็หากฮุน ประการหนึ่ง แม้เงาแห่งแก้วมณีดวงประเสริฐ ไม่มี ใครจะเอาทองคา มารวมเข้ากันได้หินท่ีนับว่าเป็นแท้เมด็ทรายท่ี อยู่ใกล้ท่านา ้ ไม่มีใครท่จีะขัดขืนธรรมชาติได้อย่างไรกต็ามเม่ือเอา หินซาวน ้าแล้วเป็นกันต้องจม w,hdYpy$9jk$w,h cdh:cdjO0yO@moN ly$;jK gvAk,kmบ, s,^j-Uo]ฮนYH 8YkskygxyO8Ykcmh =A<r^,IugmL wzsjUo 9bF9YJc9h< mU’cmhgrnJuUWxlkO ไม้ก็ยังต่างไม้ แก้วแก่นจันโทน์ สังว่า เอามาเทียม หมู่ขอนลอยน ้า ค าก็หากเป็ นค าแท้ ชมพูมณีเทศ ไผห่อน ติดต่อแต้ม ทองแท้เพื่อประสาน ไม้ ก็ยังมีความแตกต่างแห่งไม้ ไม้แก่นจันทน์จะเอา เทยีบกับขอนไม้ท่ลีอยนา ้ไม่ได้ทองคา ท่เีป็นทองคา แท้ชมพูนุท ไม่ มีใครจะเอาแร่อื่นไปแต่งแต้มผสมผสานได้


๑๐๘ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี .0skญ 5nUz|kfhk< rb,RNfบ;[YJ.=h=jU’ dyOoyHO นYHdY skypy$9jk$นYH ,yOg-AHk[YJsjUocd< ใจหาญ ถือผลาด้าม พิมพ์เดียวบ่ใช้ซ่อง กันนั้น น ้าก็ หากยังต่างน ้า มันเข้าบ่ห่อนแกม ต่อให้มีใจกล้าหาญมีอุปกรณ์แม่พิมพ์ดีขนาดไหน น ้า ก็ยังคงเป็นน ้า ไม่มีทางจะเข้าปนแกมกันได้ =yD.shgxyOgs(g[nHU’ [yHO[jUof:’lObm [Ud;jK xyEk8AO VYJkgrb$cp$w;h gxyO8AOgs}ho skys}A’[jUog[AksOyd ]k$8AO dบh’c9j]bHO c5|’]บh;@]R.o ซักให้เห็นเหตุเบื้อง บั้นบ่อนดวงสนิท บอกว่า ปัญญาคน ฮ ่าเพิงแยงไว้ เป็ นคนเหล้น หากหลงบ่อนเบาหนัก ลางคน เกลี้ ยงแต่ลิ้ น แถลงเลี้ ยวโลภใน แสดงให้ เห็นเหตุเบื้ องต้น ธรรมชาติแท้บอกว่า ปัญญาคนจะต้องคิดพิจารณาเข้าไว้คนท่ีมัวเมาเล่นมาก ไม่รู้ผิด ชอบชั่วดี บางคนดีแต่ค าพูด แต่ภายในเต็มไปด้วยตัณหาริษยา V^h]jk35hฮ [YJ,u2^j;)k vyOmuJ 4k3.o-A< g/nJUoV7O]y$]hk:


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๐๙ =k9bmuJ [Uoz6dshk: s}b’gsyO[YJ,u5nD gxyOfyJ$ fh:’[6jow,h .osyHOljU’[YJgsyO ฮู้ล่ายถ้อย บ่มีอยู่วาจา อันที่ ภายในขม เฝื่ อนฮึนลังล้าว ซาติที่ บอนผุกห้าว หลิงเห็นบ่มีถืก เป็ นดั่ง ด้วงบุ่นไม้ ในหั้นส่องบ่เห็น บางคนรู้จักพูดจาเป็น แต่ไม่มีสัจจะ ภายในจึงขมขื่น ตอแหล ธรรมชาติของพืชชนิดบอนและบุกท่ีกา ลังแก่ตัว ยากท่ีจะ เล็งเห็นให้ถูกต้องได้เหมือนกับด้วงท่ีกา ลังเจาะไม้อยู่ภายใน ไม่ สามารถมองเห็นได้ นYHl,6m]7Dฅ9nHO d:hk$.sญjgxyOWdcl 2jUo@pOศb]k dY2yJ$5U’g5b$wfh 8AO=y$w;h .shpYcp$xkOc;jO cmhgobU 9u@pDgpAHk gvAk5hฮl^j8:k< น ้าสมุทรลึกและตื้ น กว้างใหญ่เป็ นกระแส หย่อนโยนศิลา ก็หยั่งถองเถิงได้ คนชังไว้ ให้ยอแยงปานแว่น แท้เนอ ตีโยกเย้า เอาถ้อยสู่ความ น ้าสมุทรวัดความกว้างใหญ่ไปตามกระแส ส่วนจะวัด ความลึกตื้น หย่อนโยนหินลงไปก็สามารถวัดหยั่งถึงได้ การจะวัด


๑๑๐ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ใจคนว่าดีหรือไม่นั้น ให้มองแล้วมองอีก เหมือนกับส่องดูตัวใน กระจกเงา มองให้ลึกไปถึงธาตุแท้ทุกอย่างของคนนั้น 8yO;jKV^hgs(c]h: [yHO[jUof:’lObm gvAk8YkgVnU’ 5Ufg5b$c5|\5hฮ gxyOmuJvyL0yOcmh lA$ki8:isOjk3 gxyOfyJ$m68(t[jk:mhk: xk$oyHOltcs<j’9k3 คันว่าฮู้เหตุแล้ว บั้นบ่อนดวงสนิท เอาค าเฮือง ถอดเถิงแถลงถ้อย เป็ นที่อัศจรรย์แท้ สงสารควรหน่าย เป็ นดั่งทุคตะบ่าวท้าว ปางนั้นสะแหม่งตาย ถ้าหากรู้ สาเหตุ รู้ ธาตุแท้แล้ ว จงเอาทองค าอัน เรืองรอง ถอดรหัสให้ถึงอธิบายถ้อยค าได้ จะได้รู้เป็นอัศจรรย์ว่า สงัสารวัฏน้ีควรท่จีะแหนงหน่าย เป็นด่ังชายผู้ตกยากใกล้จะตาย g,ug]AJkoUo-Ud-hk$ dyXlบj;gxyO@0O lU’g-nUWrฮmYkg;O z^d9u[kmhk: csO’;jK [YJ,u;bl6dy,<mhk: ]A$,kzk3@zF xk$oyHO dYlj:o ,UiIN,bJ$,บho 9k35bJ<06j,0A< [YJ2jkcs}h; เมียเล่านอนขอกข้าง กับเสี่ยวเป็ นโจร สองเขือพลอยท าเวร ผูกตีบาท้าว


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๑๑ แหนงว่า บ่มีวิสุกรรมท้าว ลงมาผายโผด ปางนั้น ก็ส่วน มรณ์มิ่งเมี้ ยน ตายถิ่มจุ่มจม บ่อย่าแหล้ว เมื่อเมียตนมานอนคลอเคลียกับสหายนับว่าโจร ทั้ง สองทารุณกรรมกับชายผู้ตกยากนั้น หากว่าไม่มีวิสุกรรมเทพ ลงมา โปรด ก็คงต้องตายอย่างน่าอนาถ โ[email protected] rnHOmuJdy,<g;i WrdY gfbiwrlAณ s<nJofฮfA$-yHO rฮg]AJk g5b$g,nU’wmh o8UiWศuly9(น* Wrwfh miA$czjOrnHO g,nU’oyHOoyJ$xU’ อินทร์จึงผายโผดให้ พื้นที่กรรมเวร พระก็ เดินไพรสณฑ์ หมื่นดอยดงขั้น พลอยเล่า เถิงเมืองไท้ นครศรีสัตตะนาค พระได้ ทะรงแผ่นพื้น เมืองนั้นนั่งปอง พระอินทร์จึงโปรดให้เป็นไปตามเวรตามกรรม นาย ทุคคตะผู้ยาก จึงเดินดงเข้าป่ าเขาล าเนาไพร จนถึงนครศรีสัตตะ นาค กระทั่งได้ครองแผ่นดินเมืองนั้น WrdY mkOmUf.sh Vk$;y|,kDrYclO ]nU=k g5b$g,nU’rkikIlu 9YJpb$pbOphU’ vhk3lบj; ฅg,uบ-uHVjk3 rk]ks}A’@]R


๑๑๒ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี g-nUdYgfbif6j’fyHO g5b$g0AHk8:jk-Y พระก็ ทานทอดให้ ฮางวัลมากพอแสน ลือซา เถิงเมืองพาราณสี ต่อยิงยินย้อง อ้ายเสี่ยวและเมียขี้ ฮ้าย พาลาหลงโลภ เขือก็เดินดุ่งดั้น เถิงเจ้าคว่าขอ พระองค์จึงได้พระราชทานทรัพย์สินรางวัลนับแสน เลื่องลือไปถึงเมืองพาราณสี ต่างสรรเสริญยินดี กล่าวถึงภรรยาเก่า กับเพ่ือนท่ีเป็นชู้คนเขลาหลงในความโลภ กพ็ากันเดินทางมาหา พระองค์เพื่อขอรับพระราชทานบ้าง WrdY mkOmUf.sh rYvbJ<lu’g-nU c]h:0bJ$ 0YOksOu WrkDg,nU’,u@vh pk<g,nJU phk30kDshU’ -A$g-(g,nU’s|;\ TYiIusOk c9DgvAkg,nUrnHO พระก็ ทานทอดให้ พออิ่มสองเขือ แล้วจิ่ง จ าน าหนี พรากเมืองมีโอ้ ยามเมื่อ ย้ายจากห้อง ขงเขตเมืองหลวง ธรณีหนา แตกเอาเมื่อพื้น พระองค์ก็พระราชทานให้ตามแต่พอดี ทั้งสองจึงจ า ใจหนีพรากจากเมืองไม่มีแม้แต่ความอาลัย เมื่อก้าวพ้นเขตนคร หลวง ธรณีแยกสูบเอาทั้งสองลงสู่อเวจี


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๑๓ 9k38U[ly[X]yX]bHO]:’clOlyXlYJ m6d_-Uf-hUo g5b$gonHU,Uf0A< gxyOobmkOTy,<cmh dkpk-yoอt@]D lhk$w;h grnJUoyWxk=ญNz^h zญkc0h$0AJ$8tob$ oyHO5hUo ตายคอบสัปปลับลิ้ น ลวงแสนสับส่อ ทุกข์ขอดข้อน เถิงเนื้อมอดจม เป็ นนิทานธรรมแท้ กายาขันธะโลก สร้างไว้ เพื่อนักปราชญ์ผู้ ผญาแจ้งจ่งคะนิง นั้นถ้อน ตายเพราะค าพูดกลับกลอกเชื่อไม่ได้ ความทุกข์ ทรมานจึงมาทวีตอนท้ายตายจมธรณี เป็นนิทานธรรมกายขันธโลก สร้างไว้เพื่อให้นักปราชญ์ผู้มีปัญญาได้ใคร่ครวญค านึงคิด [YJ.=j zbF=k9bcmh 8AO@8D-@,3,k c,jgvbH3 9yH$sky gdbFc9j.o@V$sY ik+lb’ห NskญshU’ rYc9j cx}Wxsบo.sh gsyOg’Ak’Uo@]D ly$lb ,kskXsbH: dk3wfhfyJ$ฤ บ่ใช่ ผิดชาติแท้ คนโคกขโมยมา แม่เอ้ย ตั้งหาก เกิดแต่ในโฮงหอ ราชสิงห์หาญห้อง พอแต่ แปลประเหียนให้ เห็นเงางอนโลก สังสิ มาหาบหิ้ ว กายได้ดั่งฤา


๑๑๔ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี แท้ท่จีริงแล้วเป็นเพียงคนยากท่ปีลอมมา ชาติกา เนิด จริงๆ เกิดในโฮงหอต าหนัก เพื่อจะเปรียบให้เห็นความจริงของ โลก ไม่มีใครจะมายอมทนทุกข์ยากกับกายอันเป็นทุกข์นี้ g,nJU[YJ ly$-3k.sh [YJgsyOVjU,V:pisyL ,k8:jk gvAkwxmบ; VjU,V^sbOd}hk 9yH$c9j gsyOs}n[.9h x{rurnHO@]D Wz=y:=hk g,nUsOhkskylbgsyO fUdน เมื่อบ่ สังขยาให้ บ่เห็นฮ่อมฮวยระหัส มาคว่า เอาไปเทียว ฮ่อมฮูหินกล้า ตั้งแต่ เห็นหลืบใต้ ปฐพีพื้นโลก ไผชั่วช้า เมือหน้าหากสิเห็น ดอกนา เม่ือไม่อธิบายขยายใจความ ย่อมไม่เห็นปริศนาท่ี ซ่อนอยู่กค็งเท่ียวเวียนวนตามซอกหลืบหิน กระทั่งเห็นนรกใต้ ปฐพีพ้ืนโลก มีแต่คนช่ัวช้าเท่าน้ันท่จีะเหน็ภายหน้า @=*[YJ.sh lb]uH2^jdYxkOgsyO 2jkl6 ,k]:os}k3 lbc9D,y:g,Ak’h:o 5k<g[bJ$ rYg0yXfh:p ,kc5<g5b$[kX 8YkoyHO py$8jฮ 9yF9jUoohฮ mkOlAH<l^j;yO


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๑๕ โชคบ่ให้ สิลี้ อยู่ก็ปานเห็น อย่าสุ มาลวนหลาย สิแตกมัวเมาง้วน ถามเบิ่ง พอเจ็บด้วย มาแถมเถิงบาป ค านั้น ยังค่อย ตัดต่อนน้อย ทานส้มสู่วัน เมื่อโชคชะตาไม่ช่วยแล้ว จะหลบลี้ อยู่มุมไหนก็ มองเห็น อย่าได้ตีเสมอ ล่วงเกนิให้มาก เดี๋ยวจะแพ้ภัย ความเจบ็ท่ี ได้รับ คือเศษวิบากกรรมท่มีาถึง ค่อยๆ ตัดรอนทลีะน้อยทุกๆวัน grbJOz^h oyDWxk=ญNV^h W9yLljU’zญkmbRpN .oWrmy3m:ogmb$ V6j’’k<,Iucdh: [YJ.=j vyO=t,jk3Vhk: -oy$go(.o0b( [YJsjUo9yOmk$[AD -kL;y$g;bO-hUo /^’s,^j rk]kg=nHU 8AOg-}Ak=k9b=yJ: oyHOน py$g]AJk,k9^jhฮ 8YkVhk3gs9(@43 เพิ่นผู้ นักปราชญ์ฮู้ ตรัสส่องผญาทิพย์ ในพระทัยทวนเทิง ฮุ่งงามมณีแก้ว บ่ใช่ อันชะม่ายฮ้าว ขนังเนตรในจิต บ่ห่อนตันทางบก ขาดวังเวินข่อน ฝูงหมู่ พาลาเซื้ อ คนเขลาชาติซั่ว นั้นนา ยังเล่ามาตู่ข้อย ค าฮ้ายเหตุโภย


๑๑๖ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี คนท่ีเป็นนักปราชญ์สามารถล่วงรู้ด้วยปัญญาอันเป็น ทิพย์ ภายในจิตใจงดงามดังแก้วมณี ว่า ไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่วคราว ท่ผี่านไปมาในจิตใจ ไม่ใช่ทางตันบนบก ไม่ใช่วังนา ้ท่แีห้งขอด แต่ เป็นหมู่คนพาลคนเขลาชาติช่ัว ท่ีมักกล่าววาจาว่าร้ายเกิดเหตุ เภทภัย W;hcdjgmg;Lmhk: W9yLljU’liPkณ 0yDwfhs}b’s:ogsyO gs(8AO]:’]บh; mYk86I.sh /^’co:น<=yJ: V6ocs}h; gxyOfyJ$9yD9jUoนYH pY2bJO.lj=k3 syHOcs}j; ไว้แก่เทเวศท้าว ตรัสส่องสรญาณ จักได้หลิงหวนเห็น เหตุคนลวงเลี้ ยว ท าคุณให้ ฝูงแนวนามซั่ว ฮุนแหล้ว เป็ นดั่งตักต่อนน ้า ยอหยิ่นใส่ทราย หั้นแหล้ว เอาไว้ให้องค์อินทร์เทเวศ ส่องญาณลงมาคงเห็นคน ลวงหลอกคนพาล การจะท าคุณให้แก่คนชั่ว ก็เหมือนกับตักน ้าเท ใส่ทราย ฉันนั้น ,yO[YJgsyOljU’V^h [yHO[jUog[AksOyd 8Yk8:i,u [YJs:oskfhk< c,jO;jK 0yDg-AHk.ofhk: l_kgVnU’VAJ< dYfu


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๑๗ wzmUosyDdbJ$w,h x^mbH$gVyF[jUooUo มันบ่เห็นส่องฮู้ บั้นบ่อนเบาหนัก ค าควรมี บ่หวนหาด้าม แม่นว่า จักเข้าในด้าว สาขาเฮืองฮ่ม ก็ดี ไผทอนหักกิ่งไม้ ปูเทิ้ งเฮ็ดบ่อนนอน คนชั่วเหล่านั้นมันมองไม่เห็น ไม่รู้ถึงความดีความชั่ว ความดีท่ีควรมีกไ็ม่แสวงหา แม้ว่าจะเข้าไปใต้ร่มไม้ชายคา กไ็ม่มี ปัญญาจะหักก่งิไม้มาปูเป็นท่นีอน ly$,k=yD[บf-YH -uO;kF;บo;b9AD @rO,yDgxyO8Ykl:p lบf,kg]b$ginJUp ]nU;jK g0AHksky0ysyraAFw,h 9ugranUprakFr6j, 8bF;jK 2ky.shglnU]U[]uH myH$fhk:0U[dbO สังมาซักเบียดข้อ ขีนวาดเวียนวิตก โพนมักเป็ นค าสวย เสียดมาเลิงเรื่อย ลือว่า เจ้าหากจักหักฟดไม้ ตีเฟื อยฟาดพุ่ม คิดว่า อยากให้เสือลอบลี้ ทั้งด้าวจอบกิน ช่างมาเบียดเบียนหาเรื่องให้เกิดความวิตกกังวล พูดจาโพนทนาให้ดูดี แต่เสียดสีเข้ามาเรื่อยๆ หรือว่าเจ้าจักหักกิ่ง ไม้ตีฟาดพุ่มไม้ แล้วคิดว่าจะให้เป็นกับดักของเสือไว้รอดักกิน


๑๑๘ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี g0yX8u$w-h s:yfwvxk$-OkL gsyOisyL[jUoc0h$ lbpU,fh:pgf+ wzoyHO =k9bmuJ gxyOsO;j3cdh: [YJ,b2hUody:cl$ ‘jk3cs}h; wz;jK 0ys$k3TYiIu sky0y5U’g5b$wfh g,nJU[YJ ]hU,VyH:w;h 9k<czjOrb,RNg,nU’ 4k3r6ho dy:c9j gxyOg;ik lb]jk3g]:o]7H$ เจ็บคีงไข้ หวัดไอปางขนาด เห็นระหัสบ่อนแจ้ง สิยอมด้วยเดช ไผนั่น ซาติที่ เป็ นหน่วยแก้ว บ่มิหย่อนกลัวแสง ง่ายแล่ว ไผว่า จักหงายธรณี หากจักเถิ่งถองได้ เมื่อบ่ ล้อมฮั้วไว้ ตามแผ่นพิมพ์เมือง ภายพุ้น กลัวแต่เป็ นเวรา สิล่ายเลลวนลึ้ง เจ็บไข้ได้ป่ วยเป็นหวัดเป็นไออย่างหนัก จะเยียวยาได้ ด้วยอ านาจของใคร ธรรมชาติของแก้ว ยอมไม่กลัวต่อแสง ใครคิด ว่าจะพลิกแผ่นดินแล้วจะหาเห็นได้ เมื่อไม่ล้อมรั้วไว้ตามแบบ แปลนผังเมือง กลัวแต่จะเป็นเวรกรรมน าพาให้ตกต ่า @voYH ruJdYmAOm:’c8hO sAOs:pskv6jo cr$gvbH3 wxdYwx[YJwfh 8k8hk$2^jfk3 -Y.sh-yo(bcmh rYVบ,wfhlj:’@lD 8yOsky,h<muJouH wxlhk$lbJ$WxlA$ fUdน


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๑๙ @voYHVบ,ouH gxyOfyJ$gVnU=k:8hk sky8k8Uol,6m.sญj Wxdtwx[YJwfh 8k8hk$2^jfk3 ruJcs}h; โอน้อ พี่ก็ทนทวงแค้น หนหวยหาอุ่น แพงเอ้ย ไปก็ไปบ่ได้ คาค้างอยู่ดาย ขอให้ขันติแท้ พอเฮียมได้ส่วงโศก คันหากม้มที่นี้ ไปสร้างสิ่งประสงค์ ดอกนา โอน้อเฮียมนี้เป็ นดั่งเฮือซาวค้า หากคาคอนสมุทรใหญ่ ไปกะไปบ่ได้ คาค้างอยู่ดาย พี่แหล้ว โอหนอ ข้าฯ ทนทุกข์ทรมาน ล้มลุกคลุกคลานหาเนื้อ อุ่น จะไปก็ไปไม่ได้ คาค้างอยู่อย่างนี้ขอให้มีขันติธรรม พอให้ข้าฯ ได้หายโศก ถ้าได้พ้นจากตรงน้ีจะไปบา เพ็ญสร้างส่ิงท่ีปรารถนา โอหนอ ข้าฯ น้ีเป็นด่ังเรือสินค้า ท่คีาค้างอยู่กลางมหาสมุทร จะไป ก็ไปไม่ได้ คาค้างอยู่อย่างนี้๚๛


๑๒๐ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี บุแผ่นธรณีดั้นกุมกายก าโฮบ พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี


บั้นลึปสูญ ดวงนี้ชื่อว่า บุแผ่นธรณีดั้น กุมกายก าโฮบ เกาะก่าย เกยโลบเลี้ยว สเมรุด้านโค่นคลอน คะเคลื่อน คุงแก่นเหง้า กากาบกอยกระจัด เสลา เนาภูผา เกลื่อนธะรังทะลายม้าง อานนท์ เนาแนบพื้น เฟื อนฟาดฟองสมุทร นาโคคะ คลาดโฮงฮามย้อง จักรวาลเหลื่อม คีรีไหวหวั่น นาคะ เฟื อนฟั่งฟ้ าว ฟูมเฟื้ อยแค่เฟื อย ครุฑะ อ้าปีกขึ้น ขา เมฆเฮืองฤทธ์ิ จันโท มัวเมามุม มืดแสงสูรย์อ ้า ใสส่อง เฮืองฮาวด้าน ทะรังษีสริเยศ ยามท่อง เทียวล่วงฟ้ า พิมานเหลื่อมรัศมี มิคะ สิงห์สวรรค์ย้อง บรเมประณมแม่ มะเลืองมาบเหลื่อม แสงแก้วแกว่งธะรัง ไฟก็ ลุกวึบไหม้ เสนาคทะเมามุด แปวเปล่งเฮือง หอบแสงสูรย์ฟ้ า บาลังซ้อน ไสยาอินทะราช สนุกยิ่งล ้า สมเปลื้องปิ่ นกวย ดาวดึงส์ชั้น เทวดามะเลืองมอด ตลบต่างฟ้ า พิมานเต้าตูบตอง


๑๒๒ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ละแห่งห้อง ผาสาทเฮืองฮด ลงท่อง เทียวนิคม คั่วสูรย์แสวงเหล้น เลยรินซ ้า ประสัตว์เมามัวเดือด กระสัณฐ์ ปิ่ นฟ้ ง จันทะกุ้มเมฆกุม ฯ ทุกสิ่ง ทรงเขตข้อง เฮียกฮ่วมเฮียงรหัส หงษ์ทอง เท่ยีวเวหา สวกประสงค์แสวงเหล้น แล้วจิ่ง ลงลอยล้าง สมุทโทโทมอาบ สะส่วย ล้างเมฆฟ้ า ยองกลั้วกลิ่นชม ทุกช่องเว้น พรหมภาคภายภวัค ฤๅห่อน เคืองค าฮัก ฮ่อเผยผืนแหน้น ตราบไป ดวงถนัดเอื้อม สเมรุทองเทียวท่อง ยามใด จักใคร่ คอยคาดยื้อ เยียวห้อมหอบพระจันทร์ อันแต่ ใต้โลกพื้น พรหมภาคภายภวัค มานี้ ทุกส ่า ฮ ่าฮ ่าคิด ใคร่คอยคะนิงตุ้ม คึดเมื่อ มารังซ้อน ไสยาอินทิราช ปางนั้น สนุกยิ่งล ้า ลมเปลื้องปิ่ นไกว ฯ ทุกแห่งห้อง คะนิงปล่องแปวสมุทร คะนิงนงศรี พรากพระทัยบ่มีได้ คึดใคร่ ทวยทรังปลิ้น ยอตาวเปลื้องแกว่ง เอานั้น ฟูฟาดม้าง ดูต้องตอกกระแจ ฯ ลึบเหล่ียมด้าน ไขป่ องแปวรหัส ฤๅว่า โทมทรวงขัด มืดขมองเหมือนไหม้ หรือจัก ทวยทรงอุ้ม จักรวาฬเฮียงฮ่วม เอานั้น


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๒๓ กลัวท่ี ฟ้ าแปร่ขว ้า ขนานเค้าคว่ีความ ฯ มัวมืดไหม้ ม้างแผ่นพันธกึต กลับเล่า เลยรินขนัง ตอบแถมเถิงเต้า นับท่ี ดวงดูล ้า ตามมาตราอนันต์เนก มานั้น กลับเหล่า ควันเท่าฟ้ า เฮืองกุ้มเมฆกุม ฯ ใจขม่อมอ้าย หมายมุ่งพระไมด์ิมิตร สิค่อย ปุนปองฮัก ฮ่วมเฮียงฮาวถ้าน สมภารเบื้อง บารมีเฮืองฮอด กันแหล้ว พวงเลิกล ้า พิลาเกี้ยวกล่องล า ได้เด ฯ แหนเก่าเกื้อ เกิดฮ่วมเฮียงฮัก แล้วนั้น ไผห่อน ขืนขัดเชิง สวาทดูดายได้ สมควรได้ สิไลวางปละปล่อย เป็นฤๅ แม่นว่า สุดฟากฟ้ า ทยานยื้อย่องคะนิง ฯ อากาศกว้าง สุดขอบจักรวาฬ เมทนีสุด ชั่วตาเต็มเยี้ยม เหมยเหมือยให้ ฮ าฮาวซ้อนท่ง ผายโผดให้ ดินชื้นชุ่มอึน ฯ รุกโขด้าว แดนไพรพงเถื่อน ยูท่าง ไขกาบอ้า ละอองห้านหื่นหอม ฯ โยทิกาค้อม สารภีพวงพ่ี แมงภู่ บินล่วงล ้า ประสงค์แส้วสอบละออง พ่ีขอ ถามข่าวน้อง นงค์ถ่าวถนอมศรี ยังค่อย ทรงความสุข ป่ งซอนแซมซ้อม


๑๒๔ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี หรือว่า ยังประสงค์สร้าง สมภารเพียงพ่ี ขอแต่ น้องนาถไท้ พระไมตร์ิข้อนขอดเฮียม โอนอ สงสารบุปผาพั้ว ดวงหอมเหยกล่นิพ่ีเอย ภุมรินสว่านแส้ว แสวงกลั้วกลิ่นละออง ฯ เจ้าผู้ มาลาสร้อย ไพรพยอมในป่ า เฮียมเอย บานเฮื่อแห้ง ยามแล้งหล่นคาย แลนอ ฯ น ้าสมุทร มูลมากล้น ลึบแผ่นธรณี ลมพานพัด ฟาดฟองกระจายฟ้ ง หงส์ค าผ้าย บินบนเสมอว่าว สังบ่ เปลื้องปิ่ นหน้า มาพี้เพื่อลม บ้างเด ฯ พ่ีขอ ถามข่าวน้อง เนื้อใหม่มารศรี มโนทวารยัง เท่ยีงซันในห้ัน หรือว่า มโนทวารน้อง ลมดีเปลื้องแกว่ง ขอแก่ อินทราชฮู้ ญาณเต้ืองไตร่ตรอง พ่ีถ้อน ฯ ปองเยอ เจ้าผู้โสฬสชั้น มหาพรหมเพียงภาค กันนั้น ใสส่อง เฮืองฮอดฟ้ า พิมานเยื้อมผ่อพระโยม ฯ ชื่อว่า ยุทธโยคพื้น ภายเอนกนองนที ไตรพะ ติงสาทิพย์ ท่สีรวงสวรรค์ย้อง ขยมหยั่ง บารมีกั้น ไสยานิททะเน่ง มานั้น นับมื้อ มึนพรากพ้น แถมถ้านถ่ายระดู ฯ พ่ีน้ีเป็นด่ัง ใยบัวข้อง พลายสารสมประโยค โอ้ โอบเอาแม่ป้ อง ปุนส้อมซ่อยแหลม ฯ ก็บ่ ลุลาภสร้าง ซ ้าเหล่าพลอยสลาง


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๒๕ มโนทวารทุกข์ ทั่งโฮมฮาวบ้า เป็นดั่ง อัคคีไหม้ ฟอนฟางเฟื อยป่ า คึดใคร่ หอบแม่น ้า ทั้งห้าอาบสรง ฯ ก็บ่ เป็นไปได้ โดยดั่งมโนนึก เพราะว่า มหานทีทั้งเบญจา อยู่กวงไกลฮ้าย ว่าจัก โอมเอาน ้า อโนมาล้างส่วย พอให้ หายโศกฮ้อน ขนังเบื้องฝ่ายหลัง กัปป์ ก่อ ตั้งเขตไว้ ห้าพันขวบพระวัสสา อานนท์ กลืนกินหาง แห่งมันทะเมาไหม้ ไพรพนังเอื้อ ฮาวเขาเขียวคว่ี คึดใคร่ ม้างมุ่นม้วย มัวขว ้าไขว่ขีน ฯ หลายส ่าไม้ ในป่ าอนันต์นัก หาส ่า เป็นของหอม แก่นจันทน์บ่มีได้ คนเต็มบ้าน คาเมมีมาก หาผู้ต้อง มโนไท้ไป่ มี ฯ คือคู่ จันทร์จรึกฟ้ า เป็นคู่สุริโย รังษีใส ส่องเยืองยังด้าว รังษีซ้อน ขมกันกลางอากาศ บ่อาจ น้าวแนบซ้อน ชมเหล้นกล่อมเจียง อันว่า ทุมผลาห้าว หอมโฮยฮสฮ่วง หนามหล่อมเกี้ยว แกมก้านแค่ล า ฯ น้าวนวลต้อง เต้าตึ่งหอมหวล เดินไกลหนี จากพระไมตร์ิบ่มีได้


๑๒๖ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี หากอ่าว ยินตลบซ้อย แซงประเหียนหาท่อ มิได้ ปุนเปรียบ ปานแม่ช้าง สารตื้อตื่มดวง ฯ ต้องตื่มข้อ ขวานผ่าภูผา เสลา กองกวนกระจัด มุ่นเห็งเห็นพื้น อินทร์อ ่า ถองเถิงแจ้ง คติโดยดอมเหตุ เฮ็วถ้วน มิให้ ฮักพิ่งเพี้ยง สิเอาตุ้มต่อมขวัญ ฯ พ่ีบ่ ให้คลาดฮ้าง เหินห่างพระไมตร์ิมิตร พอพระทัย จักใคร่คอยครองตุ้ม ขอแก่ อีสูรน้าว แนมสมรสมช่วย อินทร์หาก ฮอยฮ ่าเบื้อง สมีซ้อนส่องเงา อยู่แหล้ว ราหู เอียงตนเข้า สูนพระจันทร์แถมเหล่า มัวมืด กลุ้มกีบฟ้ า บังกั้นกล่อมสมี ฯ สมี เปลื้องเหลื่อมช้อน เฮียงฮ่วมราษี ปะเปล่ง เงาง าสมี ส่องใสสูนไหม้ อาทิตย์ เท่ยีวเทงิฟ้า ราษีเฮืองฮ่วม กันแหล้ว ครั้นว่า ราหูซอนแซกเข้า สูรย์อ ้าบ่เฮือง ฯ อาทิตย์ เทียวล่วงฟ้ า เงื้อมแง่โพยมบน ราหูยัง เหลื่อมรังษีเศร้า อันว่า จันทรังเหลื้อ บ่มีเพ็งแฮมค ่า อวนเอย อาทิตย์ บ่แบ่งบ้าง เพ็งแจ้งดั่งพระจันทร์ ฯ ในพงไพร เดือดกระหายหิวข้อน อาเกียรล้อม คณานนัต์เนืองน่ี สัตว์สามานย์มอดเมี้ยน พระไมตร์ิข้นัขาดแคน


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๒๗ ยังแต่ พระผ่างแผ้ว ตรัสส่องสรญาณ โพธิญาณเยือง ส่องทางเทียวเต้า น าสัตว์เข้า นีรพานผายหว่าน เทียวโผด คนสคั่งแค้น น าขึ้นโผดเถิง ฯ ตั้งแต่ กัปป์ ถ้วนห้า สิบชาติชาดก มาพุ้น พระพ ่า เพ็งบารมี เท่ยีงธรรมหมายหม้ัน ส่อีสงไขยต้ัง พระทัยปุนปลุกเฮียก ก็จิ่ง ลุลาภได้ ญาณแก้วแก่นธรรม ฯ พระจิ่งตั้ง พุทธศาสน์สอนสัตว์ ทรงฤทธีเทียว โผดคนคาแล้ง น าสัตว์ข้าม สงสารสาคเรศ โผดให้ เฮียงแท่นแก้ว เกยเพี้ยงพ ่ามวล ฯ ฝูงส ่าเสี้ยง สัตว์หมู่เทียวทุกข์ พระส่อง เยืองยังเวร เวทนาน าขว้าม พระผู้ ทรงสนิทล ้า สรญาณเยื้องส่อง ผายโผด สัตว์ต่อต้อย น าขึ้นสู่สวรรค์ ฯ เยืองความให้ เพียงฮอมพอฮุ่ง ถวายบาท พอผาดไว้ ผญากว้างฮ ่าฮอน หั้นถ้อน เทื่อนี้ จักใคร่เดินไปก ้า ภูเงินงามยิ่ง ท่นี้ัน บ่อาจใช้แก่นแก้ว กัลย์ย้อยยอดชีวัง ฯ ยูท่าง ฮักฮ่วมฝั้น สมสิ่งใจประสงค์ บรรทม ถวายจามรี ราชสิงหาส์ห้อง มีทั้ง คูหาห้อง เม็งชรแซมหิ่ง


๑๒๘ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ฟังเยอ โฉมสะอาดเนื้อ นงค์ถ่าวสาวฮาม เฮียมเอย คา พ่ีทูล แทบตีนตางหน้า เชิญหม่อม ตรองตราแจ้ง ค าคดีโดยเลศ คา พ่ี ทูลแทบพื้น ถวายไว้ฮ ่าคะนิง แด่ถ้อน ฯ อนัท่ี ธรรมชาติเชื้อ อัคคเยศโพยมยศ ก็ดี มิใคร่ พอพระทัยทม แทบไผผืนแหน้น ยามเมื่อ ดิถีตั้ง เติมระดูปีใหม่ มานั้น ดอกเกด บานเฮื่อเฮ้า หนามล้อมแค่ล า เจ้าผู้ บริสทุธ์เิช้ือ ดวงหอมดอกเดื่อ เฮียมเอย สุกกล่อม ล าเลียบขวั้น แขวนซ้อนอยู่ซอน ฯ สะพรั่งพั้ว พวงพ่ีสารภี กรรณิกากาว เฮื่อไพรพงด้าว ภูมรินแส้ว แสวงอองเอากลิ่น ยูท่าง สุขอยู่ฝั้น แฝงกลั้วกลิ่นละออง มันมิ ได้เดือดฮ้อน โทมนาสในขมอง บ่ห่อน มีขวางขัด วาดเชิงชายดั้น อันว่า พิสัยเชื้อ ชาวชนมนุษยชาติ เฮานี้ มีท่ขี้อง ขนังเบื้องบ่นกาม ฯ โทมนาสฮ้อน ในเทศทรวงทิพย์ ฮมมนังขัด วาดเชิงชายดั้น ในหนห้อง มโนทวารทุกส ่า ไผหล่า เย่ียม เห็นได้ง่ายดาย บุเด ฯ จันทร์จรึกดั้น เงี้ยมแง่โพยมสูง


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๒๙ ราหูยัง ท่องเทยีวยามเย่ียม อาทิตย์ จรจรดฟ้ า ฆนังคัลขัตตฤกษ์ ราหู ยังย่องเย่ียม ยามให้ถืกสูญ ฯ ทิพพะ ตวยต่อนเหล้า สิหลงฮ่อมทางคึด แลเยอ เป็นดั่ง ฝนรินเชย แม่ชลธรังแห้ง ทอมจิต ดินด าดั้น เดินผินแฝงขอบ แม่เด เขาเขื่อนม้าง ทลายล้มล่าวเลียน ฯ เบื้องปิ่ นแป้ ขงขอบคันธเสม์ กลหล ในกาเม มืดควันธรังไหม้ ฉายา เงาง าเงื้อม พระราษีสูญเมฆ จักรวาฬโค่นค้าว แดนด้าวเดื่องหงาย ว่าสิ บุแผ่นพื้น เทยีวท่องทา ฤทธ์ิ ทยานเวหา ฮ่วมเฮียงพระจันทร์แจ้ง ด าดินดั้น เมโฆข าเมฆ ผันล่วงฟ้ า อิงเอื้อมแท่นอินทร์ ฯ แปดแผ่นพื้น พรหมวาสวงกฏ ธรรมชาติม้า อาชาไนยมณีกาบ รือห่อน โยมยศคร้าม ฤทธ์เิต้นถีบผยอง เม่ือใด ฯ คร้ันประสงค์ท่องเท่ยีวเถิงห้อง ดาวดึงส์ใต้ย่าน ยามใด มันก็ กวักปีกพือเผ่นผ้าย ผยองล ้าล่วงพระกาฬ ฯ ใต้ลุ่มล้าง ลืออาชญ์อันเดียว นี้แหล้ว สัตว์ส ่า เพียงเพียรพบ มอบผืนแฝงน้อม นาวาเปลื้อง แปวขันเขินขาด


๑๓๐ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี หินแฮ่ ฟูไขว่ข้อน เขินก้อนก่องธรา ฯ อาทิตย์ ลับขอบฟ้ า ลงลุ่มเสาสเมรุ จันทรังใส ส่องงามเงาแจ้ง บ่กว่า ปัญญาถ้อน ตรองดูหาเหตุ เอาถ้อน เต็มคึด เจ้าจิ่งต้าน ตามข้อท่อนคะนิง หั้นถ้อน ชาติท่ี หงส์ห่อนหันหนีเว้น บางสระใสส่อง ได้เด ประกอบ เฮียงแทนแก้ว การฮ้อนห่อนสิถอน เทื่อใด กลัวแต่ เดินไกลฮ้าง คา พระไมตร์ิมลายห่าง คึดใคร่ เฮียงประกอบแก้ว ทลอนถ้อยถอดขมอง ฯ ค านี้ ไว้แก่อินทิราชเจ้า ยั้งขม่อมทรงคึด พอพระทัย จักใคร่คอยเห็นหน้า ขอแก่ เทโวป้อง ปุนสารสมซ่อย เฮียงถ้อน ขอให้ เถิงท่ชี้ัน ชมเกื้อกล่อมสมี ฯ ชาติท่ี ภาษาเชื้อ อานนท์นามนาค เนาเน่ง พันธเมฆเกี้ยว สเมรุค้านโคล่นคลอน ขอปุนแปลง ยวงยางหน้า ภาษาบ้วงบาศ มนตะราชต้อง ตรึงได้เพื่อฤทธี ฯ ศรีสอาดน้อย นามหน่อหญิงเก พอใจจัก ใคร่ครองชายซ้อน สุดเมื่อ มีชายซ้อน เชยประสมเฮียงฮ่วม ยามใด ยุยกอ้าง เอาน้อมเหน่ียวศรี พารพร ่า วอนสรวงซั้น ชมพูจิตตะนาค ขอจ่ง ชูช่วยน้าว แดนเจ้าแนบสม พ่ีถ้อน


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๓๑ ไผผู้ มีผญาแจ้ง ค าครองคึดฮ ่า ดูถ้อน อย่าฟัง เพื่อนมากข้อ ไขต้านตื่มแถม นั้นถ้อน เจียมแต่ พรหมแพงสร้อย สมพราวบ่เตื้องต่อ แฮ่งคึด ซ ้าแฮ่งเห็นบ่อนข้อง กลอนน้องฮุ่งดาย แต่ว่า แนนกล่อมฝั้น แฝงฮ่วมพระไมตร์ิมิตร คึดว่า พันดวงตา ไป่ ขืนขัดได้ แนนน าเกี้ยว กันลงฤๅต่าง ได้เด บุญประกอบแก้ว กันแล้วห่อนขืน ได้ฤๅ แนมท่อ ม้มเขตข้อง ขนังท่ทีรงทุกข์ เมื่อใด จักใคร่ ปุนปองพบ เปรียบปุนปรางค์แก้ว สละชีวังไว้ เวนถวายทุกชาติ ลุดชั่วเมี้ยน เมือฟ้ าฮ่วมชะแนน แด่เนอ ฯ คึดเมื่อ ยามอิงเอื้อม ผืนภรณ์โทมป่ีวันน้นั น ้าแบ่ง ขั้นเขตไว้ ประสงค์ซ้อนช่ัวมรณ์พ่ีแหล้ว ทิพพะ ดวงสนิทหน้า โฉมงามพระอินทร์หล่อ ถวายบาทพอพาดไว้ เพียงพื้นพ่างตีน แด่เนอ ค านี้ เสง็เส่ยีงไว้ นางนาถธรณี ทั้งภายบน เทพดาจ าแจ้ง ภายขวาไว้ บรเมพระแม่ ภายซ้ายไว้ นางน้อยเมขลา โสพ ่า สรวงชั้น มหาคุณครุฑนาค เยี้ยมหล ่าเบื้อง ตาซ้ายเชือดแนม แด่เนอ แล้วจิ่ง ปลงประสทิธ์ติ้ัง คัณฑีลงฤกษ์


๑๓๒ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ฮ้อนฮอดฟ้ า พระอินทร์แผ้วผ่อเห็น ฯ ไผหาก วางสบถเลี้ยว ลวงแปรเปลื้องไปล่ ไปนั้น ให้เท่ยีว ลงช่วงใช้ ในหม้อหมื่นอสงข์ หั้นถ้อน ก็จิ่ง โฮมมิ่งหมั้น สมรแทบเทียมฮส ปุนดั่ง เจียมปางฮัก ฮ่วมพานางฟ้ า ตราบไป ทันเถิงชั้น นีรพานพ้นกิเลส เมื่อใด ขอให้ได้ ชมช้อนทุกชาติไป แต่ว่า ฮักฮ่วมฝั้น สมรย่ิงยังทุกข์พ่ีแหล้ว พ่ีบ่ ปุนปองฮัก ฮ่วมไผฝืนแน้น ยังท่อ แพงพระอวนน้อง ในทรวงปานแว่น จริงแล้ว บ่เเบ่ง ห้องหนีเสี้ยว ลวงเหล้นล่ายค า ดอกนา ขอแก่ ทิพพะสมรเยื้อน สรญาณยศผ่อ หลิงถ้อน นับแต่ พลอยพรากน้อง คะนิงโอ้อ่าวเถิง มากแล้ว ทุกข์ท่ี พลัดประกอบแก้ว โอ้อ่าวคะนิงหา คะนิงนงค์ศรี ฮุ่งหุยเห็นหน้า เจ็บจิต ในทรวงแหน้น คะนิงนางในแว่น แม่นว่า แสนสิ่งน ้า อะโนมาล้างก็เหล่าหมอง อนัท่ี ค าเขียนข้อ ไขเปล่งแปวรหัส ดวงนี้ เป็นท่ี ขืนขัดทาง เยทธะผืนเผยอ้า ยังไป่ ถองเถิงพื้น ชุมพูจิตตนาค ย้านแต่ ขันบ่ถืกข้อ เวท้ายแบ่งจีน บุเด ฯ ไผว่า คูหาห้อง สีโหสิเว้นหลีก เป็นฤๅ เจ็ดวัน ก็จิ่งหลิงล ่าเยี้ยม คณาเนื้อแต่ละยาม ฯ


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๓๓ หากอยู่ แถมถนอมเนื้อ เวียนระวังวงคอบ มิได้ คะคลาดแคล้ว ไกลฮ้างฮ่วมเสนห์ พันธชาติเกื้อ กามเทพเฮียมฮส ฤๅห่อน หลงหลอดขัด ขาดเสนห์เสมอได้ แม่นว่า ดาวดึงส์ชั้น เมืองสวรรค์สนุกยิ่ง ก็ดาย ยังไป ปุนเปรียบแก้ว ฮามกล้ิงกล่อมเจียง พ่ีแหล้ว ตราบไป ลุแห่งห้อง ชั้นชื่อพรหมภวัค เมื่อใด ฤๅห่อน ขีนค ามี มิทธะมากางกั้น แม่นจัก ยอตนขึ้น เพียงพรหมภายภาค ภวัคพุ้น ฤๅห่อน ขีนขาดเว้น วางได้ชั่วมรณ์ มากแหล้ว เป็นดั่ง ศรีวิชัยเชื้อ ชาวเมืองปุนปล่อย ปางนั้น บุญแบ่งผู้ ยามน้อยหนึ่งถอย ฯ พระผู้ ทรงแท่นสร้าง พรหมเทศเพียงศีล ศรีวัย วอนกาเม มอบเวรวางไห้ ทรงศรฮู้ ฮ่มแดดอมฮูป สดุท่สีกิล้ัน กระสัณฐ์ได้ดั่งประสงค์ ฯ เลยเล่า ลุสะอาดเอื้อม สนุกฮ่วมเฮียงโฉม ปราณี ในนงค์นาง เยทธะผีนเผยอ้า อันว่า ในพงศ์พื้น ชุมพูภายลุ่ม เฮานี้ ฤๅห่อน เหินห่างได้ พอน้อยหนึ่งคน ได้นั้น หรือดั่ง โพธิสัตว์สร้าง บารมีหมายมุ่ง โพธิญาณยอดดั้ว ดวงล ้าเลิศผญา ปางนั้น ฯ พระก็ หลบหลีกเว้น กามกิเลสตัณหา


๑๓๔ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี ทรงธรรมศีล เกิ่งพรหมภายฟ้ า ตนเดียวดั้น อรัญญายาวย่าน เดินเข้า ในแง่เงื้อม เงาถ ้านั่งธรรม ฯ พระก็ สบเข้าถ ้า เพียรพร ่าภาวนา บารมีผาย แผ่ไปทั้งค้าย พรหมธรรมตั้ง พระทัยบานใจฮุ่ง มากแหล้ว ยังเล่า ตกตุ่มน ้า ญาณเสี้ยงเสื่อมถอย ฯ อันนี้ พอเผดียงให้ เห็นคลองคับแคบ บ่กว่า ญาณยอดแก้ว ยวงด้ันเหน่ียวกลอน โอนอ โฉมสอาดน้อง เน้ืออุ่นอนิทร์เหลา พ่ีเอย ภายพ่ี โทมนังคึด ฮุ่งทางนอนแล้ง ยอแยงแก้ว ดวงมณีสดุท่อี่าว ฮุนแล้ว น้องนี้ เป็นดั่งดวงดอกไม้ บานเฮ้าท่สีงูพ่ีแล้ว ฯ โอนอ นักปราชญ์ยังฮ่าวฮู้ หลงฮ่อมค าคึด เดินบ่ ไปตามทาง แต่เดิมวินัยตั้ง ยามเมื่อ อาจารย์เจ้า แปลสนธ์ชิักสตูร มาน้ัน ไปสู่ สระแปดถ้าน เถิงเอ้หมู่อา ฯ สระประถมถ้าน เฮืองฮมหัตถบาส พยัญชนะเป็นท่จี้ัง ประสมให้ออกเสียง ฯ ยามเมื่อ ดาวเสด็จย้าย อังคารมาถืก เมื่อใด สูญใส่ สระมาตอบแป้ แปลให้ว่าอ า ฯ ฟังเยอ บัณฑิตเชื้อ ราชาตนยิ่ง เฮียมเอย ให้ค่อย ทอดพระเนตรเย่ียม ฟังแล้วค่อยคะนิง หั้นถ้อน ฯ


บุแผ่นธรณีด้ันกุมกายก าโฮบ | ๑๓๕ ฟังยิน นกฮ ่าฮ้อง เฮียงคู่ครองรหัส เสวยอ าพา พ ่ามวลมาเต้า มันก็ จงใจผ้าย เวหาจับจ่อง เฮฮ ่าฮ้อง ฮนห้อมฮ่อกัน ฮักเอย ฯ มันบ่ มีท่ขี้อง ขนังคอกคาหลัก สน่อยนั้น ยูท่าง ทรงผาลา กล่วมเจียงใจปลื้ม เชยชมเหล้น ล าแขนขึงปีก สนุกม่วนเหล้น สงบด้าวส่วงเหงา ฯ เฮียงฮุ่งห้อย ยามเมื่อระทมทุกข์ ขนังทรวงคึด ฮุ่งหุยหาน้อง ยูยินหม่อม โทมนังแค้นคั่ง ยมหยั่งย้อย คะนิงโอ้อ่าวหา ฯ ทุกข์เมื่อบ้า กามกิเลสตัณหา คะนิงนงค์ศรี ฮ ่าทรวงทลายม้าง เจบ็ท่ี มาคาค้าง ขนังจวนจ าพราก สดุท่ี ดั้นลอบลี้ เยียวยื้อย่องเถิง ทุกข์แฮ่งฮ้อน ฮนยิ่งโทมนัส บ่เชื่อ ลอนพอเผย สน่อยยามทรวงบ้า จักทยานถึงน้อง นงค์ศรีสดุท่อี่าว จริงแล้ว ประกอบแก่นแก้ว กัลย์ย้อยเยศผจง เฮียมกล่าวเหล้น พอส่วงมโนเหงา มิใช่ สวกสีไผ สน่อยพอเพียงน้อย เจ้าผู้ ปัญญาเสี้ยม แหลมคมคงส่อง เห็นตี้


๑๓๖ | พระมหาอธิวัฒน์ ภทฺรกวี เฮียมหาก ไขแต่ชั้นนอกไว้ เชิญสิ้งส่องคะนิง แด่ถ้อน ฯ น้องนี้ เทียมดั่งมโหสถผู้ ทรงธรรมสุทธยิ่ง หลิงถ้อน ฯ บ่อนใด บ่ถืกข้อ ขอน้องฮ ่าเพิง แม่ถ้อน ฯ ครั้นบ่ มีเฟื อยไม้ ไฟบ่ลามไหม้ป่ า นางเอย มือบ่ ใส่ท่อจ ้า เฮือสขิ้ึนเผ่นผาย พ่ีฤๅ ฯ ชาติท่ี คูหาห้อง ราชสีห์เทียวท่อง บ่ห่อน ละถีนไว้ สไิปซ้นป่าคา พ่ีแหล้ว ฯ


Click to View FlipBook Version