The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-06 00:40:00

คณิตศาสตร์ 2 ม 4

แผนม4เทอม2

93

- นกั เรยี นคดิ วา่ ความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์หน่งึ ๆ มีโอกาสจะมคี ่านอ้ ยกวา่ 0 หรอื
มากกวา่ 1 หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ ความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ คือ อตั ราสว่ นระหวา่ งจำนวนสมาชกิ ของ
เหตุการณ์ตอ่ จำนวนสมาชิกของปริภมู ติ ัวอยา่ ง ดังน้ัน ความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณจ์ ะ
มีคา่ นอ้ ยทส่ี ดุ คือ 0 และมีค่ามากท่ีสดุ คอื 1 นน่ั คือ ความน่าจะเป็นของเหตุการณห์ น่งึ
ๆ ไม่มโี อกาสจะมคี ่าน้อยกว่า 0 หรอื มากกวา่ 1)

3. ครูสรปุ ความรูท้ ี่ได้จาก Thinking Time อกี ครัง้ ดงั น้ี
“ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ใด ๆ มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 1 เสมอ นั่นคือ 0 ≤ P(E) ≤ 1 โดยท่ี
P(E) = 0 หมายถึง เหตุการณ์ E ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย และ P(E) = 1 หมายถึง เหตุการณ์ E
เกดิ ขึน้ อยา่ งแนน่ อน”

4. ครูยกตวั อย่างการหาค่าความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณจ์ ากตัวอยา่ งท่ี 22 พรอ้ มท้งั บอกถงึ ส่ิงที่
ควรรู้ ในกรอบ ATTENTION จากหนังสือเรยี นหน้า 125-127

ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding)
ครใู ห้นักเรยี นทำ “ลองทำดู” ในหนงั สือเรียนหนา้ 127 เม่ือนกั เรยี นทำเสรจ็ ใหร้ ่วมกันเฉลยคำตอบ
โดยครตู รวจสอบความถูกต้อง

ช่วั โมงท่ี 2

ขั้นรู้ (Knowing)
ครูเปิดคลปิ วิดโี อ “school kahoot” จาก

https://www.youtube.com/watch?v=zZFgTvyxbjU
เพื่อใหน้ ักเรยี นไดร้ ้จู กั kahoot ในเบ้อื งต้น

ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding)
ครูให้นักเรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 - 5 คน รวบรวมโจทยป์ ญั หาเร่ืองความน่าจะเป็นของเหตุการณ์

จากแหลง่ ตา่ ง ๆ มาจำนวน 15 ข้อ โดยแต่ละข้อต้องใชเ้ วลาในการทำไม่เกิน 1 นาที แลว้ ออกมา
นำเสนอโดยผ่านการใช้ kahoot ในช่ัวโมงถดั ไป ซ่ึงนกั เรียนต้องไปคน้ คว้าการใช้ kahoot เพิ่มเติม
ด้วยตนเอง

94

ชว่ั โมงท่ี 3

ขน้ั ลงมือทำ (Doing)
1. ครใู ห้แต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอโจทยป์ ญั หาเรือ่ งความน่าจะเป็นของเหตุการณโ์ ดยผ่านการใช้
kahoot เพ่ือใหน้ ักเรยี นทุกคนมีสว่ นรว่ มในการทำกจิ กรรม โดยมีครตู รวจสอบความถูกต้อง

ชว่ั โมงท่ี 4

ข้นั ลงมือทำ (Doing)
2. ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 2-3 คน จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ ทักษะ 3.4 ขอ้ 6 ใน
หนังสือเรียนหน้า 138 แลว้ สง่ ตวั แทนกลุม่ ละ 1 คน ออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรียน โดยมีครูคอย
ตรวจสอบความถูกต้อง
3. ครใู ห้นกั เรียนทำ Exercise 3.4C ในหนงั สือแบบฝึกหดั เป็นการบ้าน

ขัน้ สรปุ

1. ครใู หน้ กั เรียนเขยี นผงั ความรู้รวบยอดเรื่องความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ลงในสมุด
2. ครูสรุปโดยใช้การถาม-ตอบ ดงั นี้

• ความนา่ จะเป็นของเหตกุ ารณ์ใด ๆ มีคา่ ได้มากสดุ และน้อยสดุ เท่าไร
(แนวตอบ ความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์ใด ๆ มีค่าตัง้ แต่ 0 ถงึ 1 เสมอนนั่ คอื 0 ≤ P(E) ≤
1 โดยท่ี P(E) = 0 หมายถงึ เหตุการณ์ E ไมม่ ีโอกาสเกิดขึน้ เลย และ P(E) = 1 หมายถงึ
เหตุการณ์ E เกิดข้นึ อย่างแนน่ อน)

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ วี ัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน

การประเมนิ ระหวา่ ง

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้

1) ความนา่ จะเป็นของ - ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ 3.4 - แบบฝกึ ทักษะ 3.4 ขอ้ 6 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

เหตุการณ์ ข้อ 6

- ตรวจ Exercise 3.4C - Exercise 3.4C - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2

ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

3) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์

95

รายการวดั วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
4) พฤตกิ รรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
- แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
กลมุ่ การทำงานกลุ่ม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ผา่ นเกณฑ์
ประสงค์
5) คุณลักษณะอนั พงึ - สังเกตความมวี นิ ัย

ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั

ในการทำงาน

8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน คณติ ศาสตร์ ม.4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หลักการนบั เบ้ืองต้น
และความน่าจะเป็น
2) แบบฝกึ หดั รายวิชาพ้นื ฐาน คณิตศาสตร์ ม.4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หลักการนับเบ้ืองตน้
และความน่าจะเป็น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อนิ เตอรเ์ นต็
• https://www.youtube.com/watch?v=Kgudt4PXs28
• https://www.youtube.com/watch?v=zZFgTvyxbjU

9.การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 ห่วง 3 เงอ่ื นไข)

หลักความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศึกษา คน้ คว้าหาความรู้

ทำงานเหมาะกับเวลาความคมุ้ คา่ ในอุปกรณก์ ารเรียน

หลกั มเี หตุผล การอธบิ ายโดยการใช้หลักการทางสงั คม

การแก้ปัญหาโดยใชห้ ลกั การทางสงั คม

หลักสรา้ งภมู ิค้มุ กันในตวั ที่ดี การมีน้ำใจ มีความรับผดิ ชอบ การทำงานเปน็ หมคู่ ณะ

การวางแผนในการทำงาน

เงื่อนไขความรู้ อธบิ ายความหมายและจำแนกชนดิ ลักษณะของแผนท่ี

เงื่อนไขคณุ ธรรม มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ ซ่ือสัตย์ มุ่งมั่นในการทำงาน

96

การบูรณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2 เงอื่ นไข
พอประมาณ ความรู้
มเี หตุผล คุณธรรม
มภี ูมคิ ุม้ กันในตัวทีด่ ี

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ

เศรษฐกิจ สงั คม สงิ่ แวดล้อม วฒั นธรรม

97

10. บนั ทึกผลหลงั การสอน

ผลการสอนระดบั ชั้น ม.4
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนือ่ งจาก

.........................................................................................................................................................
ผลที่เกิดกบั ผู้เรยี น

1.) การประเมนิ ผลความรหู้ ลังการเรียน โดยใช…้ …………………….......................................
พบวา่ นักเรียนผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ.........……ไมผ่ า่ นเกณฑ์ขัน้ ต่ำทก่ี ำหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ
...............ได้แก่ ............................................................................................................................

2.) การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการเรยี น โดยใช…้ ………………...….….........................
พบว่านกั เรียนผ่านการประเมนิ คิดเป็นร้อยละ...........ไมผ่ ่านเกณฑ์ขนั้ ตำ่ ที่กำหนดไวค้ ิดเปน็ ร้อยละ
................... ได้แก่..................................................................................................................................

3.) การประเมินด้านคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ เรียน โดยใช…้ ……………………...........................
พบวา่ นักเรียนผา่ นการประเมนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ...........ไม่ผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำทก่ี ำหนดไว้คิดเปน็ รอ้ ยละ
................... ได้แก.่ .................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค

 กิจกรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มนี ักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา
 มนี ักเรียนทไ่ี ม่สนใจเรยี น
 อืน่ ๆ
...................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เรื่อง
................................................................................................................................................................
 แนวทางแก้ไขนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นการประเมิน
................................................................................................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื ผู้สอน
(นายศุภชยั เรอื งเดช)

วนั ท.ี่ ........../.................../.................

98

ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ

1.เป็นแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง

2.การจดั กิจกรรมการเรยี นร้ไู ดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
ที่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสมกบั ศักยภาพที่แตกต่างกนั ของ

ผ้เู รียน
ที่ยงั ไมเ่ น้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป

3.เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้
นำไปใชไ้ ด้จริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้

4.ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ.......................................................
(นายศภุ ชยั เรืองเดช)

ความคดิ เห็นของหัวหน้าวิชาการ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ................................................
(นางสาวณฐั ิญา คาโส)

99

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ รหสั วิชา ค 31102
รายวิชา คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน เวลา 40 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง หลกั การนับเบ้อื งต้นและความนา่ จะเปน็ เวลา 4 ชัว่ โมง
หวั ขอ้ เร่ือง ความนา่ จะเป็นของคอมพลเี มนต์ของเหตุการณ์

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด
ค 3.2 ม.4/2 หาความนา่ จะเปน็ และนำความรูเ้ กยี่ วกบั ความนา่ จะเปน็ ไปใช้

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) หาความนา่ จะเปน็ ของคอมพลเี มนต์ของเหตกุ ารณ์ได้ (K)
2) นำความรู้เก่ยี วกับความนา่ จะเป็นของคอมพลเี มนต์ของเหตุการณไ์ ปใช้ในการแก้ปัญหาได้ (P)
3) รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A)

3. สาระการเรียนรู้
ความน่าจะเปน็ ของเหตุการณ์

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ความนา่ จะเป็นของคอมพลีเมนต์ของเหตุการณ์ เมื่อกำหนดให้ P(E) แทนความน่าจะเป็นที่จะ

เกิดเหตกุ ารณ์ E และ P(E) แทนความนา่ จะเป็นทจี่ ะไม่เกิดเหตกุ ารณ์ E แล้ว P(E) = 1 – P(E)

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มัน่ ในการทำงาน
1) ทักษะการสงั เกต
2) ทักษะการประยกุ ต์ใช้ความรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : Concept Based Teaching

100

ชัว่ โมงท่ี 1
ขนั้ นำ

ขน้ั การใช้ความรู้เดิมเชื่อมโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
ครกู ระตนุ้ ความสนใจและทบทวนเรือ่ งความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์โดยการเปิดคลิปวดิ ีโอ “เกม
ทางสองแพรง่ ของนกั โทษ” จาก https://www.twig-aksorn.com/film/the-prisoners-
dilemma-8491/ เมอื่ วดิ โี อจบครแู จกใบงานที่แนบมากบั คลปิ วดิ โี อใหน้ กั เรียนลงมอื ทำ เมื่อ
นักเรียนทำเสรจ็ ใหร้ ว่ มกันเฉลยคำตอบ โดยครูตรวจสอบความถกู ต้อง

ข้นั สอน

ข้ันรู้ (Knowing)
1. ครนู ำเข้าสู่บทเรยี นเรอื่ งความนา่ จะเป็นของคอมพลเี มนต์ของเหตกุ ารณ์ โดยการยกตวั อยา่ งการ

หยิบบัตรตวั เลขจากกลอ่ งซึง่ บรรจุบัตรตัวเลข 1 ถึง 9 อยา่ งละ 1 ใบ จากหนังสอื เรยี นหน้า 127-
128 เพือ่ ใหน้ กั เรียนได้เห็นภาพและไดข้ ้อสรปุ ว่า P(E’) = 1 - P(E)
2. ครูยกตัวอย่างการหาค่าความน่าจะเป็นของคอมพลีเมนต์ของเหตุการณ์ จากตัวอย่างที่ 23 พร้อม
ทงั้ บอกถึงส่ิงทคี่ วรรู้ในกรอบ ATTENTION จากหนงั สือเรียนหนา้ 128-129

ขั้นเข้าใจ (Understanding)
ครูใหน้ กั เรียนทำ “ลองทำด”ู ในหนังสือเรยี นหนา้ 129 และแบบฝกึ ทักษะ 3.4 ขอ้ 4 หนา้ 137
เมอ่ื นักเรียนทำเสรจ็ ใหร้ ่วมกันเฉลยคำตอบ โดยครตู รวจสอบความถกู ต้อง

ชว่ั โมงที่ 2

ขั้นรู้ (Knowing)
ครใู ห้นกั เรยี นจับคศู่ ึกษาการหาค่าความน่าจะเป็นของคอมพลีเมนต์ของเหตกุ ารณ์ จากตัวอย่างที่
24-25 จากหนงั สือเรียนหน้า 130-132 จากน้ันส่มุ ตัวแทนนักเรยี นมานำเสนอวธิ ีการหาคำตอบใน
แต่ละตัวอย่างหนา้ ช้ันเรียน โดยครตู รวจสอบความถกู ต้อง

ขัน้ เข้าใจ (Understanding)
ครูใหน้ กั เรยี นทำ “ลองทำดู” ในหนงั สอื เรียนหนา้ 131-132 และแบบฝกึ ทกั ษะ 3.4 ขอ้ 5, 7 และ
8 หน้า 137-138 เมอื่ นกั เรียนทำเสรจ็ ให้รว่ มกันเฉลยคำตอบ โดยครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง

101

ช่วั โมงท่ี 3

ขน้ั รู้ (Knowing)
ครอู ธิบายให้นักเรียนฟังว่า การหาความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณท์ ี่สนใจ เราสามารถนำความร้เู ร่อื ง
แผนภาพต้นไม้ แผนภาพความเป็นไปได้ การเรียงสับเปลี่ยนและการจัดหมู่ มาช่วยในการหา
จำนวนสมาชิกของปริภมู ิตวั อย่างและจำนวนสมาชิกในเหตกุ ารณไ์ ด้ พร้อมท้งั ยกตวั อย่างที่ 26-27
จากหนงั สอื เรียนหนา้ 133-134

ขน้ั เข้าใจ (Understanding)
ครูใหน้ กั เรยี นทำ “ลองทำด”ู ในหนังสือเรียนหนา้ 133 และ 135 และแบบฝกึ ทกั ษะ 3.4 ขอ้ 9, 10
หน้า 138-139 เม่อื นกั เรียนทำเสร็จให้ร่วมกันเฉลยคำตอบ โดยครตู รวจสอบความถกู ต้อง

ขั้นรู้ (Knowing)
ครูให้นักเรียนจับคู่ศึกษาตัวอย่างที่ 28-29 จากหนังสือเรียนหน้า 135-136 จากนั้นสุ่มตัวแทน
นกั เรียนมานำเสนอวธิ กี ารหาคำตอบในแตล่ ะตัวอย่างหน้าชน้ั เรยี น โดยครตู รวจสอบความถูกต้อง

ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding)
1. ครูใหน้ กั เรยี นทำ “ลองทำด”ู ในหนังสอื เรยี นหนา้ 135-136 เปน็ การบา้ น
2. ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลย “ลองทำดู” ในหนังสือเรยี นหน้า 135-136

ช่วั โมงท่ี 4

ขั้นลงมอื ทำ (Doing)
1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 2-3 คน จากน้นั ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ ทักษะ 3.4 ข้อ 11-12
ในหนังสือเรียนหน้า 139 แล้วส่งตัวแทนกลมุ่ ละ 1 คน ออกมานำเสนอหน้าช้นั เรียน โดยมคี รู
คอยตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
2. ครใู หน้ กั เรยี นทำ Exercise 3.4D ในหนงั สอื แบบฝกึ หดั เปน็ การบา้ น

ขน้ั สรปุ

ครสู รปุ โดยใชก้ ารถาม-ตอบ ดงั น้ี
• ให้ P(E) แทนความนา่ จะเป็นทจ่ี ะเกิดเหตุการณ์ E และ P(E) แทนความน่าจะเปน็ ทจ่ี ะไม่

เกิดเหตกุ ารณ์ E แล้ว P(E) มีค่าเท่ากับเท่าใด
(แนวตอบ P(E) = 1 – P(E))

102

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธวี ัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

การประเมนิ ระหวา่ ง - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คณุ ภาพ 2
1) ความนา่ จะเป็นของ - ตรวจแบบฝึกทักษะ 3.4 - แบบฝกึ ทกั ษะ 3.4 ขอ้
ผ่านเกณฑ์
คอมพลีเมนต์ของ ขอ้ 4-5, 7-12 4-5, 7-12 - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
เหตกุ ารณ์ - ตรวจ Exercise 3.4D - Exercise 3.4D - ระดับคณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน นำเสนอผลงาน

3) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม

รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล

4) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม

กลมุ่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่

5) คุณลักษณะอนั พงึ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน

ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มั่น คุณลักษณะอันพึง

ในการทำงาน ประสงค์

8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ม.4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หลักการนับเบ้ืองต้น
และความน่าจะเป็น
2) แบบฝกึ หดั รายวิชาพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ ม.4 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 หลักการนบั เบ้ืองตน้
และความน่าจะเป็น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรียน
3) อินเตอรเ์ นต็
• https://www.twig-aksorn.com/film/the-prisoners-dilemma-8491/

103

9.การบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (2 ห่วง 3 เง่อื นไข)

หลักความพอประมาณ ใช้เวลาในการศึกษา คน้ ควา้ หาความรู้

ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณก์ ารเรียน

หลักมเี หตุผล การอธิบายโดยการใช้หลักการทางสงั คม

การแกป้ ญั หาโดยใช้หลกั การทางสังคม

หลกั สรา้ งภูมิคุ้มกันในตวั ทีด่ ี การมนี ้ำใจ มีความรับผดิ ชอบ การทำงานเป็นหมคู่ ณะ

การวางแผนในการทำงาน

เงอ่ื นไขความรู้ อธบิ ายความหมายและจำแนกชนดิ ลักษณะของแผนท่ี

เงือ่ นไขคณุ ธรรม มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ ซอ่ื สัตย์ มุ่งมั่นในการทำงาน

การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงอื่ นไข
พอประมาณ ความรู้
มีเหตุผล คุณธรรม
มีภมู คิ ้มุ กันในตัวท่ดี ี

ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มติ ิ

เศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล้อม วัฒนธรรม

104

10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ผลการสอนระดับช้ัน ม.4

 สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก
.........................................................................................................................................................
ผลที่เกิดกบั ผู้เรียน

1.) การประเมินผลความรหู้ ลงั การเรียน โดยใช้……………………….......................................
พบวา่ นักเรียนผา่ นการประเมินคิดเป็นร้อยละ.........……ไมผ่ ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คดิ เป็นรอ้ ยละ
...............ได้แก่ ............................................................................................................................

2.) การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการเรยี น โดยใช…้ ………………...….….........................
พบวา่ นักเรียนผ่านการประเมนิ คิดเป็นร้อยละ...........ไม่ผา่ นเกณฑข์ ้ันต่ำทก่ี ำหนดไว้คดิ เป็นร้อยละ
................... ไดแ้ ก่..................................................................................................................................

3.) การประเมินด้านคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ เรยี น โดยใช้………………………...........................
พบว่านักเรียนผา่ นการประเมนิ คิดเปน็ ร้อยละ...........ไม่ผา่ นเกณฑข์ ้ันต่ำทีก่ ำหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ
................... ได้แก่..................................................................................................................................
3. ปญั หาและอุปสรรค

 กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา
 มนี ักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา
 มนี ักเรยี นท่ไี มส่ นใจเรียน
 อ่นื ๆ
...................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เรอื่ ง
................................................................................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมนิ
................................................................................................................................................................
 ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ ผู้สอน
(นายศุภชัย เรอื งเดช)

วนั ท.่ี ........../.................../.................

105

ความคดิ เห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระฯ
1.เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
2.การจัดกจิ กรรมการเรียนรไู้ ด้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ที่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกนั ของ

ผเู้ รยี น
ทย่ี งั ไม่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป

3.เป็นแผนการจัดการเรียนรู้
นำไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนำไปใช้

4.ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ.......................................................

(นายศภุ ชยั เรอื งเดช)
ความคิดเห็นของหวั หน้าวิชาการ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ................................................
(นางสาวณฐั ิญา คาโส)

106

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 10 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ รหัสวชิ า ค 31102
รายวิชา คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน เวลา 40 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง หลกั การนบั เบอื้ งต้นและความนา่ จะเป็น เวลา 4 ชั่วโมง
หัวขอ้ เรอื่ ง การนำความรเู้ กี่ยวกับความน่าจะเปน็ ไปใช้

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั
ค 3.2 ม.4/2 หาความน่าจะเป็นและนำความรู้เกี่ยวกับความนา่ จะเป็นไปใช้

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) อธิบายหรอื แปลความหมายของคำตอบทไ่ี ดจ้ ากการนำความรเู้ รอ่ื งความนา่ จะเป็นไปใชใ้ นการ

แก้ปญั หาในสถานการณต์ ่าง ๆ ได้ (K)
2) นำความร้เู กย่ี วกับความนา่ จะเปน็ ไปใชใ้ นการแกป้ ัญหาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้ (P)
3) รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย (A)

3. สาระการเรียนรู้
ความน่าจะเปน็ ของเหตกุ ารณ์

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ความน่าจะเป็นเป็นเรื่องที่จะช่วยให้นักเรียนรู้จักการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการคาดการณ์

บางอย่าง ดงั น้ัน การศึกษาเรอื่ งความน่าจะเปน็ จะชว่ ยให้นักเรยี นสามารถนำความรูท้ ไี่ ด้ไปช่วยในการ
วางแผนและการตัดสินใจไดอ้ ยา่ งมหี ลักเกณฑม์ ากข้ึน

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
1) ทักษะการสังเกต
2) ทักษะการประยกุ ต์ใชค้ วามรู้
3) ทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

107

6. กิจกรรมการเรียนรู้
 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : Concept Based Teaching

ชัว่ โมงท่ี 1

ขนั้ นำ

ข้ันการใชค้ วามรูเ้ ดิมเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
ครทู บทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นโดยให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ชว่ ยกนั ทำแบบฝึกทกั ษะ
ประจำหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 ข้อ 1-6 และ 8-12 ในหนังสอื เรียนหนา้ 142-143 จากนั้นครูส่มุ
ตวั แทนนักเรยี นออกมานำเสนอคำตอบหนา้ ชั้นเรียน โดยครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ข้ันสอน

ขน้ั รู้ (Knowing)
ครูให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน ร่วมกนั ตอบคำถามของคณิตศาสตร์ในชวี ิตจริง เร่ือง
สลากเพอ่ื การกศุ ล จากหนังสือเรียนหนา้ 147 เม่ือทำเสรจ็ ให้แต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุม่ ละ 1 คน
ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น โดยมคี รคู อยตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding)
1. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ ทักษะประจำหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 ข้อ 13-15 ในหนงั สอื เรียนหนา้
144 จากน้นั ให้นักเรยี นทงั้ หอ้ งเฉลยคำตอบรว่ มกัน โดยมีครูคอยตรวจสอบความถูกตอ้ ง
2. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4-5 คน ช่วยกนั ศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกับความน่าจะเป็นในกรอบ
Performance Task จากหนงั สอื เรยี นหน้า 125 จากนน้ั ให้นกั เรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู เรอ่ื งการ
ประยกุ ตใ์ ช้ทฤษฎีความน่าจะเปน็ ในชีวติ ประจำวันจากอินเทอร์เนต็ แล้วมานำเสนอหน้าชั้น
เรียนในชั่วโมงถัดไป

ชว่ั โมงที่ 2

ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding)
3. ครูใหต้ ัวแทนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอเรือ่ งการประยกุ ต์ใชท้ ฤษฎีความน่าจะเปน็ ใน
ชีวิตประจำวัน

108

4. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ 4 - 5 คน จากนัน้ ครใู ห้แต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนกลุ่มละ 1 คน
ออกมาจับสลาก (หลอดกาแฟ, ไม้จิ้มฟัน, ลูกอม, ลูกโป่ง, กาละมงั , เหรียญ) เพ่อื เลอื กวัสดุใน
การทำเกม

5. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มคดิ และประดษิ ฐ์เกมจากวสั ดทุ ่ีจับได้ โดยกำหนดกตกิ าวิธกี ารเล่น
ค่าใช้จา่ ยในการเข้ารว่ ม (ไมเ่ กิน 100 บาท) รางวลั ทีจ่ ะไดร้ ับ พรอ้ มทง้ั คำนวณค่าความนา่ จะเปน็
ในการชนะเกมทีก่ ลมุ่ ของตนเองสร้างข้ึนแล้วมานำเสนอในชว่ั โมงถดั ไป

ชวั่ โมงที่ 3

ข้นั เขา้ ใจ (Understanding)
6. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอเกมท่ีสรา้ งขึ้น จากนั้นครแู จกธนบตั รปลอมใหก้ ับนักเรยี นคน
ละ 100 บาท เพอ่ื เลอื กเล่นเกมทีต่ นเองสนใจ เม่ือนกั เรียนเลน่ เกมเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ ให้ทกุ คน
ช่วยกนั คิดหาค่าความน่าจะเป็นในการชนะเกมตา่ ง ๆ โดยมีครคู อยตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ข้ันลงมอื ทำ (Doing)

1. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 2 - 3 คน จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันทำแบบฝึกทักษะประจำ

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ขอ้ 19 ในหนงั สอื เรียนหนา้ 145 แล้วส่งตวั แทนกล่มุ ละ 1 คน ออกมา

นำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน โดยมีครคู อยตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

2. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ ทกั ษะประจำหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ข้อ 16-18 ในหนังสอื เรียนหน้า

145 เปน็ การบ้าน ช่ัวโมงที่ 4

ขัน้ ลงมอื ทำ (Doing)
3. ครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยแบบฝกึ ทกั ษะประจำหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 ข้อ 16-18 ในหนงั สอื
เรยี นหน้า 145

ขัน้ สรปุ

1. ครูให้นกั เรยี นเขยี นผังมโนทัศน์ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง หลกั การนบั เบอ้ื งตน้ และความน่าจะ
เป็น ลงในกระดาษ A4

2. ครูสรปุ โดยใช้การถาม-ตอบ ดงั น้ี
• นักเรยี นคิดว่าการเรยี นเรอ่ื งความน่าจะเป็นมคี วามสำคัญอย่างไร

109

(แนวตอบ ความน่าจะเปน็ เป็นเร่ืองที่จะช่วยใหน้ ักเรียนรจู้ กั การแกป้ ัญหาทเ่ี กย่ี วข้องกับ
การคาดการณ์บางอย่าง ดงั นั้น การศกึ ษาเรอ่ื งความนา่ จะเปน็ จะช่วยใหน้ กั เรยี นสามารถนำ
ความร้ทู ีไ่ ดไ้ ปชว่ ยในการวางแผนและการตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างมหี ลกั เกณฑม์ ากขนึ้ )
3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและ
ความนา่ จะเปน็

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ ีวดั เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมนิ ช้นิ งาน/ - ตรวจผงั มโนทศั น์ หนว่ ย - แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2

ภาระงาน (รวบยอด) การเรียนร้ทู ่ี 3 เรอื่ ง ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์

หลกั การนับเบ้อื งตน้

และความน่าจะเปน็

7.2 การประเมินระหว่าง

การจัดกจิ กรรมการ

เรียนรู้

1) การนำความรู้ - ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ - แบบฝกึ ทกั ษะประจำ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

เก่ียวกบั ความนา่ จะ ประจำหนว่ ยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ข้อ

เป็นไปใช้ ท่ี 3 ข้อ 1-6, 8-19 1-6, 8-19

2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2

ผลงาน นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2

รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์

4) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

กลมุ่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์

5) คุณลักษณะอันพึง - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2

ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น คณุ ลักษณะอันพงึ ผ่านเกณฑ์

ในการทำงาน ประสงค์

7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น

- แบบทดสอบหลงั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

เรียนหนว่ ยการ หลังเรียน

เรียนรทู้ ี่ 3

110

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
หนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ม.4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หลักการนบั เบื้องต้นและ

ความนา่ จะเปน็
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) ห้องเรียน
3) อนิ เตอรเ์ นต็

9. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 หว่ ง 3 เง่ือนไข)

หลกั ความพอประมาณ ใช้เวลาในการศกึ ษา ค้นควา้ หาความรู้

ทำงานเหมาะกับเวลาความค้มุ ค่าในอุปกรณ์การเรียน

หลักมเี หตุผล การอธิบายโดยการใช้หลกั การทางสงั คม

การแก้ปัญหาโดยใช้หลกั การทางสังคม

หลักสรา้ งภูมิคมุ้ กันในตัวท่ีดี การมีน้ำใจ มีความรับผดิ ชอบ การทำงานเป็นหมู่คณะ

การวางแผนในการทำงาน

เงื่อนไขความรู้ อธิบายความหมายและจำแนกชนิด ลกั ษณะของแผนท่ี

เง่ือนไขคณุ ธรรม มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ ซื่อสตั ย์ มุ่งม่ันในการทำงาน

การบูรณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 3 ห่วง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2 เงื่อนไข
พอประมาณ ความรู้
มเี หตุผล คุณธรรม
มภี มู คิ ุ้มกนั ในตัวที่ดี

ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4 มิติ

เศรษฐกิจ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม

111

10. บันทึกผลหลังการสอน

ผลการสอนระดบั ชนั้ ม.4
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไมไ่ ดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก

.........................................................................................................................................................
ผลท่ีเกดิ กบั ผู้เรียน

1.) การประเมินผลความรู้หลังการเรยี น โดยใช…้ …………………….......................................
พบว่านกั เรยี นผ่านการประเมนิ คิดเป็นร้อยละ.........……ไมผ่ า่ นเกณฑข์ น้ั ตำ่ ที่กำหนดไว้คิดเปน็ ร้อยละ
...............ได้แก่ ............................................................................................................................

2.) การประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการเรียน โดยใช…้ ………………...….….........................
พบวา่ นกั เรียนผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ...........ไมผ่ ่านเกณฑข์ น้ั ตำ่ ทีก่ ำหนดไวค้ ดิ เป็นร้อยละ
................... ได้แก่..................................................................................................................................

3.) การประเมนิ ด้านคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เรียน โดยใช…้ ……………………...........................
พบวา่ นกั เรียนผ่านการประเมนิ คดิ เป็นร้อยละ...........ไม่ผา่ นเกณฑ์ข้ันต่ำท่กี ำหนดไวค้ ิดเป็นรอ้ ยละ
................... ได้แก่..................................................................................................................................
3. ปญั หาและอุปสรรค

 กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
 มนี ักเรยี นทไ่ี มส่ นใจเรยี น
 อ่นื ๆ
...................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง
................................................................................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนท่ไี มผ่ า่ นการประเมนิ
................................................................................................................................................................
 ไม่มีขอ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ ผู้สอน
(นายศุภชยั เรอื งเดช)

วันที่.........../.................../.................

112

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระฯ

1.เปน็ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ

2.การจดั กิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้นำเอากระบวนการเรียนรู้
ที่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกนั ของ

ผ้เู รยี น
ทย่ี งั ไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป

3.เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้
นำไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้

4.ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ.......................................................
(นายศภุ ชัย เรอื งเดช)

ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ วิชาการ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ................................................
(นางสาวณฐั ญิ า คาโส)


Click to View FlipBook Version