6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล นกั เรยี นสามารถอา่ นวเิ คราะห์เรื่อง GM foods และแสดงความคิดเห็นได้
หลกั สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรียนร้โู ดยมีความถูกตอ้ ง
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ นักเรยี นสามารถจบั ใจความสำคัญที่ไดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รอื่ ง GM foods ได้
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นักเรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ยความใฝ่เรียนรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนักเรียนกลา่ วคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 66 ครูนำ
สนทนา สอบถามความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นว่า อาหาร GM คืออะไร มปี ระโยชนห์ รือโทษอย่างไร
3. ให้นักเรียนออกเสียงคำในแบบฝึกหัดขอ้ 1 ให้ถูกต้อง แล้วจับคู่คำท้ัง 5 คำ กับภาพ 5 ภาพ แล้ว
ถามนักเรียนว่า อาหาร 5 ชนดิ นี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอยา่ งไรกบั อาหาร GM
4. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 2 เลือกข้อความที่เป็นคำจำกัดความของอาหาร GM
ได้ถูกต้องทสี่ ดุ
ข้ันนำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)
5. ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านเกี่ยวกับอาหาร GM คร่าวๆ เพื่อหาคำจำกัดความว่า อาหาร GM คือ
ข้อใด (คำตอบอยู่ที่ย่อหน้าที่ 2 “scientists take a gene from a plant or animal and they put it into
a different plant or animal. In this way they create new organisms.” จากนัน้ ให้นกั เรียนช่วยกันสรุป
คำจำกัดความของอาหาร GM (ขอ้ c) ให้นักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกบั ขอ้ ความที่นักเรยี นเลือกไวใ้ นคร้ังแรก
6. ครอู ธบิ ายคำศัพท์ยากจากบทอ่าน ได้แก่ crops, disease, stay fresh, environment, ect.
7. ครูทบทวนเทคนิคการอ่านจับใจความสำคัญที่เรียนมาใน Unit 1 คือดูภาพ ชื่อเรื่อง
หัวข้อย่อย และอ่านเนื้อหาคร่าวๆ ส่วนใน Unit นี้มีวิธีการอ่านอีกรูปแบบหนึ่ง คือการหา Topic sentence
(เป็นประโยคใจความสำคญั ของย่อหน้า ส่วนประโยคอนื่ ๆ เปน็ สว่ นทีม่ าขยายประโยคหลกั )
ข้ันฝกึ (Practice)
8. ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง GM foods อีกครั้ง แล้วหา Topic sentence ของย่อหน้า
ที่ 2 และ 3 (ดูเฉลย)
ขน้ั นำไปใช้ (Production)
9. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book
หน้า 67 อ่านบทอา่ น แล้วเขยี น T หน้าขอ้ ความที่ถกู ต้อง และเขยี น F หน้าข้อความทผี่ ิด แลว้ แก้ขอ้ ความน้ันๆ
ใหถ้ ูกต้อง (ดเู ฉลย)
ขนั้ สรปุ (Warp up)
10. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
ส่ืออุปกรณ์
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 66-67)
2. พจจนานุกรม
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอา่ นวิเคราะห์ - สงั เกตจากแสดงความ - คำถามเก่ยี วกับ GM -ร้อยละ 60 ผ่าน
เรื่อง GM foods และแสดง คดิ เหน็ การตอบคำถาม foods เกณฑ์
ความคดิ เหน็ ได้
(P)- สามารถจบั ใจความ - ตรวจจากการทำแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัดขอ้ 3และ4 ใน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
สำคญั ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์ ขอ้ 3และ4 ใน Flash on Flash on English เกณฑ์
เร่อื ง GM foods ได้ English Elementary Elementary Student’s
Student’s Book หนา้ 67 Book หนา้ 67
(A) -ใฝเ่ รียนรู้ -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ -แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น -ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล รายบุคคล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 They’ve Got Talent!
เรอื่ ง Yes, you can
1. สาระสำคญั
พดู ถามตอบเกี่ยวกับข่าว/ขอ้ มูลประชาสัมพนั ธ์ออนไลนเ์ ร่ืองการแสดงความสามารถและบอก
ความสามารถของตนเอง
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอื่ งทฟี่ ังและอ่านจากสือ่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตุผล
ตัวชว้ี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบตั ติ ามคำแนะนำในคู่มอื การใช้งานตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ท่ฟี งั และอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ
คิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชว้ี ัด ต 1.2 ม.4/1สนทนาและเขยี นโต้ตอบขอ้ มลู เกยี่ วกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆใกลต้ ัว ประสบการณ์
สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่าง
ตอ่ เน่อื งและเหมาะสม
3.สาระการเรียนรู้
Vocabulary - talent (n.) natural aptitude or skill ความสามารถพิเศษ พรสวรรค์
- audience (n.) the assembled spectators or listeners at a public event
such as a play, film, concert, or meeting ผู้ชม ผู้ดู ผ้ฟู ัง
- impress (v.) make (someone) feel admiration and respect ป ร ะ ท ั บ ใจ
ซาบซ้ึงใจ
- judge (n.) a person who decides the results of a competition ผู้พิจารณา
ผ้ตู ดั สนิ ผู้พพิ ากษา
Function/Speaking - Talking about talent shows of Robyn
Grammar
Listening - Listening to Robyn’s talent shows
Reading - Read to Robyn’s talent shows
Writing
Culture
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถอ่านและเข้าใจข่าว ข้อมลู ประชาสัมพนั ธอ์ อนไลน์เกี่ยวกบั การแสดงความสามารถ
ไดถ้ ูกตอ้ ง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถโตต้ อบบอกความสามารถของตนเองได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมด้วยความใฝ่เรียนรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล
นกั เรียนสามารถอา่ นและเข้าใจขา่ ว ขอ้ มลู ประชาสมั พันธ์ออนไลนเ์ กย่ี วกับ
หลักสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ท่ีดี การแสดงความสามารถได้ถูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรู้โดยมคี วามถกู ต้อง
เงอื่ นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขคุณธรรม นักเรยี นสามารถโตต้ อบบอกความสามารถของตนเองได้
นกั เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมด้วยความใฝ่เรยี นรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนักเรียนกล่าวคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครเู ปิดคลิปวดิ โี อ รายการ Thailand’s Got Talent ซึง่ เปน็ การผสมผสานระหว่างศิลปะการแสดง
สมัยใหมก่ ับการใชเ้ ทคโนโลยีท่ีทนั สมัย ให้นักเรียนดู http://www.youtube.com/watch?v=_ZGSvvtamDg
และใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับการแสดงนัน้ ๆ
ขั้นนำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
3. ครใู ห้นักเรยี นเปดิ หนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 68 และทำ
แบบฝึกหัดข้อ 1 โดยดูภาพการแสดงของบคุ คล 6 ภาพ แล้วเติมตัวอักษรลงในคำศัพท์ใต้ภาพให้ถูกต้อง
4. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ น web page ดา้ นขวามือ คนละ 1 ย่อหน้า แล้วตอบคำถามต่อไปน้ี
1. What is its name? (It is called “Teens Have Got Talent.”)
2. Why is Robyn reading this web page?
(Because she is making a film clip about talent shows.)
ครใู หน้ กั เรียนสังเกตวธิ กี ารใช้ภาษาในการประชาสัมพนั ธเ์ ชิญชวนให้ผู้สนใจสมัครเข้ารว่ มรายการ
5. ครอู ธิบายศพั ทห์ รือสำนวนทีเ่ ป็นปัญหาสำหรับนกั เรียน เชน่ showbiz, screenplays, etc.
ขั้นฝกึ (Practice)
6. ครูเปิดเสยี งจากซีดีประกอบบทเรยี น และใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั ข้อ 2
ในหนังสอื Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 68 โดยฟงั และอ่านตาม เพื่อเก็บ
รายละเอียดของเนื้อหา
7. ครสู ุ่มนกั เรยี นทำแบบฝึกหัดขอ้ 3 ปากเปล่า และให้นกั เรยี นคนอ่นื ๆ ชว่ ยกนั ตรวจความถูกต้อง
ขน้ั นำไปใช้ (Production)
8. ในข้อ Flash Forward หน้า 68 ครใู หน้ ักเรียนเขียนบอกความสามารถพเิ ศษของตนเองลงในสมุด
ขน้ั สรุป (Warp up)
9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สื่ออปุ กรณ์
1. หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 68)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอา่ นและเขา้ ใจ - สงั เกตจากแสดงความ - แบบฝกึ หดั ข้อ 3 หน้า 68 -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ขา่ ว ขอ้ มลู ประชาสมั พันธ์ คิดเห็น การตอบคำถามใน
ออนไลนเ์ กีย่ วกับการแสดง แบบฝกึ หดั ข้อ 3 หนา้ 68 ใน Flash on English เกณฑ์
ความสามารถได้ถูกต้อง
(P)- สามารถโต้ตอบบอก - ตรวจจากการตอบคำถาม Elementary Student’s
ความสามารถของตนเองได้ ในขอ้ Flash Forward หน้า
Book
68
- ในขอ้ Flash Forward - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หน้า 68 ใน Flash on เกณฑ์
English Elementary
Student’s Book
(A) -ใฝเ่ รยี นรู้ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ -แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น -ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบุคคล
รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 They’ve Got Talent!
เรอ่ื ง can/can’t
1. สาระสำคญั
เรยี นรู้หลกั การใช้ can/can’t และนำ can/can’t มาปรับใชใ้ นการบรรยายความสามารถของเพ่ือนรว่ ม
หอ้ ง
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรอ่ื งทฟ่ี งั และอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตุผล
ตวั ช้ีวัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำในคมู่ ือการใชง้ านตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธิบาย และคำบรรยาย
ทฟี่ ังและอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คิดเหน็ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชี้วดั ต 1.2 ม.4/5พูดและเขยี นบรรยายความรูส้ กึ และแสดงความคิดเห็นของตนเองเกีย่ วกับเร่อื งตา่ งๆ
กจิ กรรม ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตกุ ารณอ์ ย่างมเี หตุผล
3.สาระการเรียนรู้
Vocabulary -
Function/Speaking - Talking about talent and abilities of roommate
Grammar - Can/can’t
Listening - Listening to professions
Reading -
Writing - Write to talent and abilities of roommate
Culture
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถเขา้ ใจหลักการใช้ can/can’t ได้อย่างถูกต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถเขยี นบรรยายความสามารถของเพื่อนร่วมห้องได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความใฝเ่ รียนรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความร้แู ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล นกั เรียนสามารถเขา้ ใจหลักการใช้ can/can’t ได้อยา่ งถูกต้อง
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทดี่ ี การเลือกศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้โดยมีความถูกตอ้ ง
การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขความรู้ นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายความสามารถของเพื่อนรว่ มห้องได้
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความใฝ่เรียนรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรยี นกลา่ วคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนเนอ้ื หาท่เี รียนในคาบที่แล้ว และช้แี จงนกั เรยี นวา่ ในคาบน้ีจะเรยี นรู้
เกี่ยวกบั can/can’t ซ่ึงเป็นไวยากรณ์ท่ใี ช้ในการบอกว่าเราสามารถทำหรือไมส่ ามารถทำอะไรได้บ้าง
ขั้นนำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
3. ครเู ขยี นตัวอยา่ งประโยคการใช้ can และ can’t (cannot) ในรปู ประโยคบอกเลา่ ปฏิเสธและคำถาม
บนกระดาน แลว้ ใหน้ ักเรียนอ่านประโยค ดงั น้ี
Affirmative Negative Interrogative
I can sing. I can’t (cannot) swim. Can you speak Chinese?
4. ครูใหน้ กั เรียนสังเกตรปู แบบประโยคบนกระดาน แล้วชว่ ยกนั สรปุ โครงสรา้ ง can, can’t (cannot)
ดงั น้ี
ใช้ can เพือ่ บอกความสามารถของบุคคลในการทำสิง่ ใดสิง่ หนึง่ เชน่ She can dance.เป็น
คำกริยาช่วย วางไวห้ นา้ กริยาแท้รูป infinitive without to มีโครงสร้างประโยค ดงั นี้
1. Affirmative
subject + can + V.1 (infinitive without to)
2. Negative
subject + can’t (cannot) + V.1 (infinitive without to)
3. Interrogative
Can + subject+ V.1 (infinitive without to)?
Short answer:
Yes, subject + can.
No, subject + can’t (cannot).
5. ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 72
ขัน้ ฝกึ (Practice)
5. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดขอ้ 5 ในหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า
69 โดยเขียนประโยคท่ีกำหนดใหด้ ว้ ย can เมอ่ื มีเครือ่ งหมาย (✓) ทา้ ยประโยคหรือใช้ can’t เมื่อมเี คร่ืองหมาย
() ทา้ ยประโยค
6. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดข้อ 6 โดยจับคู่อาชีพและคำกริยาเก่ยี วกับอาชพี เหล่านั้น จากน้ันครเู ปิด
เสียงจากซีดปี ระกอบบทเรยี น ใหน้ กั เรียนฟังเพอ่ื ตรวจความถกู ต้อง
7. ครใู หน้ ักเรียนดภู าพบุคคล 8 ภาพ ในแบบฝึกหดั ข้อ 7 ครทู ดสอบความรู้ของนักเรียนโดยถามว่า
“Who is number 1 (2, 3 etc.)?”
“What is his/her job?” (ดเู ฉลย)
8. ครูใหน้ ักเรยี นฝกึ ออกเสยี ง can, can’t โดยเปิดหนงั สอื Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 72 แบบฝกึ หดั ข้อ 7 ครเู ปดิ เสียงจากซีดปี ระกอบบทเรียน แลว้ ให้นกั เรียน ฝกึ ออกเสียง
ตามใหถ้ ูกต้อง
9. แบบฝึกหัดขอ้ 8 หน้า 72 ครูเปิดเสยี งจากซีดีประกอบบทเรยี น แลว้ ใหน้ ักเรยี นฝึกออก
เสียง /æ/ และ /α:/ ในคำทก่ี ำหนดให้
10. แบบฝึกหดั ข้อ 9 ครูเปิดเสียงจากซดี ีประกอบบทเรยี น แล้วให้นักเรยี นนำคำท่ีกำหนดให้
ใส่ในตารางแบบฝึกหัดข้อ 8 ให้ถูกกล่มุ
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
11. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดข้อ 8 Say it! ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s
Book หน้า 69 โดยทำแบบสำรวจเพอ่ื นรว่ มห้อง 4 คนวา่ ใครมีพรสวรรค์หรือความสามารถพเิ ศษอะไร โดยใช้
คำถามตอ่ ไปน้ี
- What sports can you play?
- What else can you do? เปน็ ตน้
จากนั้นครูสุม่ เรียกนักเรยี นออกมารายงานหน้าห้อง
ข้นั สรปุ (Warp up)
12. ครูใหน้ ักเรียนทบทวนเร่อื งท่ไี ด้เรยี นไปวันน้โี ดยถามนักเรยี นวา่ “What have you learned from
today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
สอื่ อุปกรณ์
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 69,72)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอื่ งมอื
(K) –สามารถเข้าใจหลกั การ - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 5 ใน - แบบฝกึ หัดขอ้ 5 ใน -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ใช้ can/can’t ไดอ้ ยา่ ง หนงั สอื Flash on English หนังสอื Flash on English เกณฑ์
ถูกต้อง Elementary Student’s Elementary Student’s
Book หน้า 69
Book หน้า 69
(P)- สามารถเขยี นบรรยาย - ตรวจจากแบบฝึกหดั ขอ้ 8 - แบบฝกึ หัดข้อ 8 Say it! - ร้อยละ 60 ผา่ น
ความสามารถของเพ่ือนรว่ ม Say it! ในหนงั สือ Flash on ในหนังสอื Flash on เกณฑ์
หอ้ งได้ English Elementary English Elementary
Student’s Book หนา้ 69
Student’s Book หนา้ 69
(A) -ใฝ่เรยี นรู้ -สงั เกตพฤติกรรมเป็น -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ -ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบคุ คล
รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 They’ve Got Talent!
เรอ่ื ง I can dance quite well
1. สาระสำคญั
ฟัง อา่ นบทสนทนา ตอบคำถามเกยี่ วกบั เร่ืองที่อ่าน และเขียนประโยคบอกสงิ่ ที่คนในครอบครวั หรือเพื่อน
ทส่ี ามารถทำได้
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ชี้วัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำในคู่มือการใชง้ านตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธิบาย และคำบรรยาย
ที่ฟังและอ่าน
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่อื งตา่ งๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวัด ต 1.3 ม.4/1 พดู และเขยี นนำเสนอขอ้ มลู เก่ยี วกับตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ เร่ืองและ
ประเด็นต่างๆทีอ่ ยู่ในความสนใจของสังคม
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary - ballerina (n.) a female ballet dancer นักเต้นระบำบัลเลตห์ ญิง
- good at (adj.) skilled at doing or dealing with a specified thing เกง่
มีความสามารถในดา้ น
- candidate (n.) a person or thing regarded as suitable for or likely to
receive a particular fate, treatment, or position ผ้สู มคั ร ผู้แข่งขนั
Function/Speaking - Talking about I can dance quite well
Grammar -
Listening - Listening to I can dance quite well
Reading -
Writing - Write to about thing your friend or the people in your family
Culture can do
4. จุดประสงค์การเรียนรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบทสมั ภาษณ์ระหว่างเด็กผู้หญงิ และครูสอนการละครได้ถูกต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรียนสามารถเขยี นประโยคบอกส่งิ ทีค่ นในครอบครัวหรือเพ่ือนที่สามารถทำได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยความใฝ่เรยี นรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
7. การบูรณาการหลกั ปรชั ญา
หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรู้และทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล
นักเรยี นสามารถอา่ นและเขา้ ใจบทสมั ภาษณ์ระหว่างเดก็ ผูห้ ญงิ และครูสอน
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ที่ดี การละครไดถ้ ูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้โดยมีความถกู ต้อง
เงอ่ื นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
นกั เรยี นสามารถเขยี นประโยคบอกสง่ิ ทค่ี นในครอบครัวหรอื เพ่ือนทีส่ ามารถ
เงอ่ื นไขคุณธรรม ทำได้
นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความใฝเ่ รยี นรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรยี นกล่าวคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรยี นเปิดหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 70 ดภู าพ แล้ว
ตอบคำถามต่อไปนี้
Where is Anna? (She is in an office at the LAC.)
What is she doing? (She is talking to a teacher.)
What is she wearing? (She is wearing formal clothes, a red blouse and a black
jacket.)
3. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นช่ือเรอ่ื ง “I can dance quite well” แลว้ ทายวา่ บทสนทนานัน้
เปน็ เรอื่ งเกยี่ วกับอะไร ดว้ ยคำถามต่อไปน้ี
What do you think Anna is talking about? (Her abilities.)
Why? (Because she says “I can dance quite well.”)
4. ครูให้นักเรียนเดาวา่ บทสนทนาท่ีจะอ่านต่อไปนี้เปน็ บทสนทนาในสถานการณ์ใด
ระหวา่ ง a lesson, an exam , an interview โดยใสเ่ ครือ่ งหมาย ✓ใน ในแบบฝึกหัดข้อ 1
ขนั้ นำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)
5. ครูให้นักเรียนเปดิ หนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 70 และเปิดเสียง
จากซดี ปี ระกอบบทเรียน แล้วให้นกั เรียนหาคำตอบวา่ บทสนทนาท่ีได้ฟังนั้นเป็นสถานการณใ์ ด (an
interview)
6. ครอู ธิบายความหมายของคำศัพทแ์ ละสำนวนตา่ งๆ เชน่
- คำวา่ classes มคี วามหมายเหมอื นกบั คำว่า lesson
- คำวา่ photography อักษร ph จะออกเสียงเปน็ /f/ เพราะเป็นคำทีม่ าจากภาษากรีก
และรักษารปู แบบการสะกดท่ีใกล้เคียงกับคำดั้งเดิม
ขั้นฝกึ (Practice)
7. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดข้อ 2 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book
หน้า 70 โดยใสเ่ ครอื่ งหมาย ✓ใน หนา้ ขอ้ ท่ี Anna สามารถทำได้ และ ใน หน้าข้อที่ Anna ทำไม่ได้
8. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดขอ้ 3 โดยตอบคำถามปากเปล่า จากน้นั เขยี นลงในสมุดของนกั เรียน (ดู
เฉลย)
ข้นั นำไปใช้ (Production)
9. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั Flash Forward โดยเขียนวา่ คนในครอบครวั หรือเพอ่ื นนักเรยี นคนใด
สามารถทำกิจกรรมตามรายการในแบบฝึกหัดข้อ 2 หน้า 70
ขนั้ สรปุ (Warp up)
10. ครูให้นกั เรยี นทบทวนเรอื่ งที่ได้เรยี นไปวันนีโ้ ดยถามนักเรยี นว่า “What have you learned from
today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
สอ่ื อุปกรณ์
1. หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 70)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอื่ งมอื
(K) –สามารถอ่านและเข้าใจ - ตรวจแบบฝึกหัดข้อ 2,3 ใน - แบบฝกึ หัดขอ้ 2,3 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
หนังสือ Flash on English เกณฑ์
บทสมั ภาษณ์ระหว่าง หนังสือ Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 70
เด็กผูห้ ญงิ และครสู อนการ Elementary Student’s
ละครได้ถกู ต้อง Book หน้า 70
(P)- สามารถเขยี นประโยค - ตรวจจากแบบฝึกหดั Flash - แบบฝกึ หัด Flash - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
บอกส่ิงที่คนในครอบครวั Forward ในหนังสอื Flash Forward ในหนังสือ Flash เกณฑ์
หรอื เพ่ือนท่สี ามารถทำได้ on English Elementary on English Elementary
Student’s Book หน้า 70 Student’s Book หนา้ 70
(A) -ใฝเ่ รยี นรู้ -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ -ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล
รายบุคคล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 11 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 They’ve Got Talent!
เรอ่ื ง I can sing really well
1. สาระสำคญั
จบั คูค่ ำศัพท์ให้ตรงกับรปู ภาพ เรียนรู้หลักการใช้ degrees of ability และสามารถนำความรทู้ ่ีได้ไปปรบั
ใชใ้ นการสนทนาในชีวิตประจำวัน
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอื่ งทีฟ่ งั และอ่านจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตัวช้วี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบตั ติ ามคำแนะนำในคู่มอื การใช้งานตา่ ง ๆ คำชแี้ จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ท่ฟี งั และอ่าน
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรือ่ งตา่ งๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ชวี้ ัด ต 1.3 ม.4/1 พูดและเขยี นนำเสนอขอ้ มลู เกีย่ วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เร่อื งและ
ประเด็นต่างๆทีอ่ ย่ใู นความสนใจของสังคม
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary - chess (n.) a board game of strategic skill for two players, played on a
chequered board on which each playing piece is moved according to
precise rules while the object is to put the opponent’s king under a
direct attack from which escape is impossible (checkmate). หมากรุก
- motocross (n.) cross-country racing on motorcycles การแข่งจักรยานยนต์
วิบาก
- rollerblade (n.) an in-line skate รองเทา้ สเกต็ ท่ีมลี อ้ เรยี งแนวเดยี วกนั ใต้รองเท้า
- be interested in (adj.) showing curiosity or concern about something or
someone; having a feeling of interest ซง่ึ สนใจ ซ่ึงเอาใจใส่
- bad at (adj.) unable to do a particular thing well ไม่เปน็ ท่นี า่ พอใจ ไม่เกง่
- cameraman (n.) a person whose profession is operating a video,
television, or film camera. ช่างภาพ
Function/Speaking - photographer (n.) a person who takes photographs, especially as a job
นกั ถา่ ยภาพ
Grammar
- Talking about hobbies and interests
Listening
Reading - Degrees of ability
Writing
Culture - Listening to hobbies and interests
-
- Write about your abilities and interests
-
4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถเข้าใจหลักการใช้ degrees of ability ได้อยา่ งถูกต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยายความสามารถของตนเองได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นกั เรยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมด้วยความใฝ่เรยี นรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลกั ปรัชญา
หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล นักเรียนสามารถเขา้ ใจหลกั การใช้ degrees of ability ได้อยา่ งถูกต้อง
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรียนร้โู ดยมีความถกู ตอ้ ง
การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขความรู้ นกั เรียนสามารถเขียนบรรยายความสามารถของตนเองได้
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นักเรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยความใฝเ่ รยี นรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนกั เรียนกลา่ วคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันทบทวนเน้ือหาที่ไดเ้ รียนไปในคาบที่แลว้
3. ครูให้นักเรียนลองเติมคำศัพท์ในแบบฝึกหัดข้อ 4 ในหนังสือ Flash on English Elementary
Student’s Book หนา้ 71 โดยจับคคู่ ำกับภาพงานอดเิ รก
ขั้นนำเสนอเนือ้ หา (Presentation)
4. ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน เพื่อตรวจคำตอบและบอกความหมายคำศัพท์ที่
นักเรียนไมร่ ูค้ วามหมาย
5. ครูอธบิ ายหลกั การใช้คำ preposition ตามหลงั adjective และ degrees of ability
การใช้คำ preposition ตามหลัง adjective - good at, bad at, interested in ครูอธิบาย
เพิม่ เตมิ ว่า คำวา่ good และ bad มหี ลายความหมายข้ึนอยู่กับบรบิ ท เช่น
a good person = kind, honest
a good cake = delicious
a bad man = unkind, dangerous
the milk is bad. = spoiled, no longer fresh
คำว่า good at และ bad at จะมีความหมายเหมือนคำว่า can/cannot แปลวา่ เก่ง
ในด้าน..... และอ่อนในด้าน.....
โครงสรา้ งของประโยค คือ
good at
Subject Verb to be bad at noun / V-ing.
Interested in
เชน่ I’m good at English, but I’m bad at Maths.
David is interested in walking around the park.
Degrees of ability ไดแ้ ก่ not...at all, quite well, well และ really well
เช่น She can’t sing at all.
My brother can drive a car quite well.
He can swim well.
They can play football really well.
ข้นั ฝกึ (Practice)
6. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั ข้อ 5 โดยสำรวจดวู ่ากิจกรรมที่ Anna กล่าวถึง มีกิจกรรม ใดบ้างที่นกั เรยี น
ทำได้ ใหย้ ้อนกลับไปดูประโยคท่มี ี degrees of ability ในบทสนทนา แลว้ พิจารณาวา่ นักเรยี นสามารถทำกิจกรรม
นั้นๆ ได้ในระดับใด ได้แก่ quite well, well, really well และ not...at all ครูสุ่มเรียกนักเรียนตอบปากเปล่า
คนละ 4 ประโยค
ข้ันนำไปใช้ (Production)
7. ครูให้นักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับความสามารถและความสนใจของตนเอง ว่าตนเองมี
ความสามารถและความสนใจทางด้านใด ในระดับไหน แบบฝึกหัดข้อ 7 ในหนังสือ Flash on English
Elementary Student’s Book หน้า 71
ขน้ั สรปุ (Warp up)
8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สือ่ อปุ กรณ์
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 71)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอื่ งมอื
(K) – สามารถเขา้ ใจ - ตรวจแบบฝึกหัดข้อ 5 ใน - แบบฝกึ หดั ขอ้ 5 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
หลกั การใช้ degrees of หนงั สอื Flash on English หนงั สอื Flash on English เกณฑ์
ability ได้อย่างถูกต้อง Elementary Student’s Elementary Student’s
Book หนา้ 71 Book หนา้ 71
(P)- สามารถเขยี นบรรยาย - ตรวจแบบฝกึ หัดข้อ 7 ใน - แบบฝกึ หดั ขอ้ 7 ใน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ความสามารถของตนเองได้ หนงั สือ Flash on English หนังสือ Flash on English เกณฑ์
Elementary Student’s Elementary Student’s
Book หนา้ 71 Book หนา้ 71
(A) -ใฝ่เรยี นรู้ -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ -ระดับคุณภาพ 2
รายบุคคล
รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 They’ve Got Talent!
เรอ่ื ง Abilities and interests
1. สาระสำคญั
ฟงั และอ่านบทสนทนาการสัมภาษณ์งาน เติมคำลงในบทสนทนาให้สมบูรณ์ เรยี นร้แู ละฝกึ การใชค้ ำ
Really ในประโยคภาษาองั กฤษ
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรือ่ งที่ฟงั และอ่านจากสอ่ื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตัวชีว้ ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใช้งานตา่ ง ๆ คำชีแ้ จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ทฟี่ งั และอ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และความ
คดิ เห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ตวั ชี้วัด ต 1.2 ม.4/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เรอ่ื งตา่ ง ๆใกล้ตวั ประสบการณ์
สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่าง
ตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ไดอ้ ย่าง
เหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชว้ี ัด ต 2.1 ม.4/1 เลอื กใชภ้ าษา น้ำเสียง และกริ ยิ าทา่ ทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และ
สถานทตี่ ามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary -
Function/Speaking
- Talking about spoken English
Grammar -
Listening - Listening to a dialogue
Reading -
Writing -
Culture
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถตอบคำถามจากเร่ืองท่ีฟังได้อยา่ งถกู ต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถโต้ตอบการสนทนาและใช้คำว่า really ในการสนทนาได้อย่างถกู ต้อง นำ้ เสยี ง
เหมาะสม
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความใฝ่เรยี นรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลกั ปรัชญา
หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทดี่ ี นกั เรียนสามารถตอบคำถามจากเรอื่ งทฟี่ ังได้อย่างถูกต้อง
เงอื่ นไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรโู้ ดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขคุณธรรม นักเรยี นสามารถโตต้ อบการสนทนาและใชค้ ำว่า really ในการสนทนาได้
อย่างถูกต้อง นำ้ เสยี งเหมาะสม
นกั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความใฝ่เรียนรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรียนกล่าวคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรยี นช่วยกันทบทวนคำศพั ทท์ เ่ี ก่ยี วกับงานอดเิ รกและความสามารถท่ีเรยี นในคาบท่แี ล้ว
3. ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็น 3 กลุ่ม เลน่ เกมแยกหมวดหมคู่ ำศัพท์ ให้แยกวา่ คำไหนอยู่ในหมวดเกม
และกีฬา คำไหนอยู่ในหมวดสิ่งประดิษฐ์ โดยให้เขยี นลงในกระดาษตารางคำศพั ทท์ ่คี รูแจกให้ กลุ่มไหนทำเสรจ็
กอ่ นให้ไปกดกระด่งิ จากน้ันครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจความถกู ต้องด้วยกนั กลุ่มไหนคะแนนเยอะสุด คือผชู้ นะ
ขนั้ นำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)
4. ครูเปิดซีดี 2.16 ให้นักเรียนฟังบทสนทนาเกี่ยวกับการสัมภาษณง์ านของเจมส์
5. ครถู ามนักเรยี นวา่ James กำลังให้สมั ภาษณ์งานอะไร
ขน้ั ฝกึ (Practice)
6. แบบฝกึ หัดข้อ 4 อ่านบทสนทนา จากนนั้ ครูเปดิ เสียงจากซีดีประกอบบทเรยี นอกี ครั้งแล้วให้นกั เรียน
เขียนความสามารถที่ James ต้องมเี พื่อท่จี ะทำงานนี้ได้
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
7. ครใู ห้นักเรียนเปดิ หนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 72 และครู
อธบิ ายการใช้ expression “Really?” วา่ เปน็ การแสดงความสนใจหรอื ประหลาดใจ เช่น
Student A : I want to be in a film.
Student B : Really?
8. แบบฝกึ หดั ข้อ 11 หนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 72 ครใู ห้นักเรยี น
จับคู่ฝึกการใช้ expression “Really?” โดยใหน้ ักเรยี นคนหนึง่ แตง่ ประโยคเกย่ี วกบั เร่ืองราวของเพอื่ นร่วมห้องที่
นา่ ประหลาดใจ และให้นกั เรียนอีกคนหน่ึงใช้ expression “Really?” แสดงความสนใจหรอื ประหลาดใจ ทั้งนี้
นกั เรยี นจะใชว้ ลที ่ีกำหนดใหห้ รือจะคิดขน้ึ เองก็ได้
ข้นั สรปุ (Warp up)
9. ครใู หน้ ักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวนั น้โี ดยถามนักเรียนวา่ “What have you learned from
today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
สือ่ อุปกรณ์
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 72)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
(K) –สามารถตอบคำถามจาก - ตรวจแบบฝึกหัดข้อ 4 ใน - แบบฝกึ หัดขอ้ 4 ในหนังสือ -ร้อยละ 60 ผา่ น
เร่ืองท่ีฟังได้อยา่ งถกู ต้อง หนังสอื Flash on English Flash on English เกณฑ์
Elementary Student’s Book Elementary Student’s
หน้า 72 Book หนา้ 72
(P)- สามารถโตต้ อบการสนทนา - สังเกตจากการสนทนา - แบบฝกึ หดั ขอ้ 11 ใน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
และใช้คำวา่ really ในการ หนังสือ Flash on English เกณฑ์
สนทนาได้อย่างถูกต้อง น้ำเสียง Elementary Student’s
เหมาะสม Book หน้า 72
(A) -ใฝเ่ รียนรู้ -สังเกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบุคคล -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ -ระดับคณุ ภาพ 2
รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 They’ve Got Talent!
เรอื่ ง The Commitments
1. สาระสำคญั
จับคู่คำศัพทห์ มวดเครือ่ งดนตรี อา่ นจบั ใจความสำคญั ส่วนหนึ่งของนยิ ายสมยั ใหม่ และตอบคำถามจาก
เรอ่ื งท่ีอ่าน
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทฟี่ งั และอา่ นจากสอื่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตวั ชว้ี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ัติตามคำแนะนำในคมู่ อื การใชง้ านต่าง ๆ คำชแี้ จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ทฟ่ี ังและอา่ น
3. สาระการเรียนรู้
Vocabulary - plot (n.) a plan made in secret by a group of people to do something
illegal or harmfulอบุ าย แผนที่วางขน้ึ เค้าโครงเรือ่ ง
- advertisement (n.) a notice or announcement in a public medium
promoting a product, service, or event or publicizing a job vacancy การ
โฆษณา
- mission (n.) an important assignment given to a person or group of
people, typically involving travel abroad: ภ า ร ะ ห น ้ า ท่ี ง า น ท ี ่ ไ ด ้ รั บ
มอบหมาย
- approve (v.) officially agree to or accept as satisfactoryเห็นด้วย ยินยอม
อนมุ ตั ิ
- rehearse (v.) practise (a play, piece of music, or other work) for later
public performance ฝึกซ้อม
- passionate (adj.) having, showing, or caused by strong feelings or beliefs
กระตอื รอื ร้น มอี ารมณ์มาก
- dialect (n.) a particular form of a language which is peculiar to a specific
region or social group ภาษาเฉพาะกลุม่ ภาษาถิ่น
Function/Speaking - Talking about the Commitments
Grammar -
Listening -
Reading - Read the summary of the plot of the book
Writing -
Culture
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถตอบคำถามจากเรอื่ งท่ีอา่ นได้อยา่ งถูกต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถจับใจความสำคญั ของเรอ่ื งที่อ่านได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดว้ ยความใฝ่เรยี นรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล นักเรียนสามารถตอบคำถามจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้อย่างถูกต้อง
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี การเลอื กศึกษาจากแหล่งเรยี นรโู้ ดยมีความถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ นักเรียนสามารถจับใจความสำคญั ของเร่ืองที่อา่ นได้
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยความใฝเ่ รยี นรู้
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรยี นกล่าวคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครใู หน้ ักเรียนเปดิ หนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 74 แลว้ อา่ นชื่อ
เรื่อง “The Commitments” ครถู ามนักเรียนว่าเคยไดย้ นิ ช่ือนม้ี าก่อนหรอื ไม่ เปน็ ช่อื ของอะไร (นวนิยาย,
ภาพยนตรช์ ีวิตนักดนตรี, วงดนตรี)
3. ครูแจ้งวา่ เรื่องท่ีจะเรียนต่อไปน้ี เป็นเร่อื งของวงดนตรี The Commitments แลว้ เปดิ คลปิ วิดโี อให้
นกั เรียนชมการร้องเพลงของ The Commitments ในลักษณะของ Soul style ท่ี
http://www.youtube.com/watch?v=XPLTEGEyCCY
ครใู ห้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั สไตล์การรอ้ งของ The Commitments วา่ นกั เรยี นชอบหรอื ไม่
อยา่ งไร และเล่าความเป็นมาเก่ยี วกบั Soul music ให้นกั เรียนฟงั
ข้นั นำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
4. ครูให้นกั เรียนเปดิ หนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 74 และดู
แบบฝึกหัดข้อ 1 ครูอา่ นคำศัพทเ์ รื่องเครื่องดนตรี แล้วใหน้ ักเรียนออกเสยี งตาม จากน้ันใหน้ กั เรียนจบั คชู่ ื่อเครือ่ ง
ดนตรีและภาพเครอื่ งดนตรใี ห้ถกู ต้อง (ดเู ฉลย)
5. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัดขอ้ 2 Reading โดยอ่าน The plot แล้วตอบคำถาม
“What type of music do the Commitments play?” (Soul music)
6. ครูเล่าความเปน็ มาของวงดนตรี The Commitments เพิ่มเตมิ
ขน้ั ฝกึ (Practice)
7. ครอู ธิบายว่าบทอ่านในแบบฝึกหดั ข้อ 3 นี้ ตดั ตอนและดัดแปลงมาจากนวนยิ ายของ Roddy Doyle
ให้นกั เรียนอา่ นคร่าว ๆ เพื่อหาคำตอบว่า
“What does Jimmy ask the two boys to think about in relation to their band?
(คำตอบคือ He asks them to think about their motivation in forming a band.)
ขนั้ นำไปใช้ (Production)
8. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดขอ้ 4 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้
75 ปากเปล่า แล้วทำลงในสมุดแบบฝกึ หดั
ขั้นสรปุ (Warp up)
9. ครใู ห้นักเรยี นทบทวนเรื่องทีไ่ ด้เรยี นไปวนั นี้โดยถามนกั เรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
ส่อื อปุ กรณ์
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 74-75)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
(K) –สามารถตอบคำถามจาก - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 4 ใน - แบบฝึกหัดขอ้ 4 ในหนังสือ -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
เร่อื งท่ีอ่านไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง หนังสอื Flash on English Flash on English เกณฑ์
Elementary Student’s Book Elementary Student’s
หน้า 75 Book หน้า 75
(P)- สามารถจับใจความสำคัญ - สงั เกตจากการตอบคำถาม - แบบฝกึ หัดขอ้ 3 ในหนงั สือ - ร้อยละ 60 ผ่าน
ของเร่ืองที่อ่านได้
แบบฝึกหัดข้อ 3 ในหนังสือ Flash on English เกณฑ์
Flash on English Elementary Elementary Student’s
Student’s Book หน้า 74 Book หน้า 74
(A) -ใฝ่เรียนรู้ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบคุ คล -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ -ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 14 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 จำนวน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 They’ve Got Talent!
เรอ่ื ง The Commitments (2)
1. สาระสำคญั
เรียนรู้เทคนิคการฟังเพื่อเก็บข้อมูลเฉพาะอย่างใน Study skills ฟังบทสัมภาษณ์ของวงดนตรีและตอบ
คำถามจากเรือ่ งทฟ่ี งั
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตัวชว้ี ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคูม่ ือการใช้งานตา่ ง ๆ คำช้แี จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ท่ีฟังและอ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและความ
คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ชว้ี ดั ต 1.2 ม.4/5 พูดและเขียนบรรยายความรสู้ ึกและแสดงความคดิ เหน็ ของตนเองเกยี่ วกับเรอื่ ง
ตา่ ง ๆ กิจกรรมประสบการณ์ และขา่ ว/เหตกุ ารณ์อย่างมีเหตุผล
3. สาระการเรียนรู้
Vocabulary -
Function/Speaking - Talking about listening for specific information
Grammar -
Listening -
Reading -
Writing - Write about your favorite band
Culture
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถตอบคำถามจากเร่ืองท่ีฟงั ได้อยา่ งถูกต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรียนสามารถเขียนบรรยายวงดนตรีท่นี กั เรียนชื่นชอบได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมดว้ ยความใฝเ่ รยี นรู้
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล นกั เรยี นสามารถตอบคำถามจากเร่ืองทฟี่ ังได้อย่างถูกต้อง
หลกั สรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี การเลอื กศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมคี วามถูกตอ้ ง
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ นกั เรียนสามารถเขียนบรรยายวงดนตรที ่ีนักเรียนช่นื ชอบได้
เงอื่ นไขคณุ ธรรม นกั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมด้วยความใฝเ่ รยี นรู้
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน (Warm up)
1. ครูและนักเรยี นกลา่ วคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูทดสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกย่ี วกับดนตรีประเภทตา่ งๆ รวมทงั้ นักร้องและวงดนตรีก่อน โดยให้
นักเรยี นทำแบบฝึกหัดขอ้ 6 โดยจับคู่ประเภทของดนตรกี บั นกั ร้องหรือวงดนตรี (ดเู ฉลย)
ขั้นนำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
3. ครูอธิบายเทคนิคการฟังเพื่อเก็บข้อมูลเฉพาะอย่างใน Study skills ในหนังสือ Flash on English
Elementary Student’s Book หนา้ 75 เพอ่ื ให้นักเรยี นนำไปประยุกต์ใชใ้ นการฟงั แล้วเกบ็ ข้อมลู เฉพาะอยา่ ง ใน
แบบฝึกหัดข้อ 7-9
ขน้ั ฝกึ (Practice)
4. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 75 ครูเปิดเสียง
จากซดี ปี ระกอบบทเรียน เปน็ รายการสัมภาษณบ์ ุคคล 2 คน ซึ่งเปน็ สมาชกิ วงดนตรีแนว Ska และ Reggae แล้ว
หาคำตอบว่า บุคคลทั้งสองทำงานอะไร มีงานอดิเรกอะไร และมีคำหรือวลีใดในบทสนทนาที่จะช่วยให้นักเรียน
แยกแยะข้อมลู ได้ (ดเู ฉลย)
5. ครูให้นักเรียนอ่านประโยคในแบบฝึกหัดข้อ 8 จากนั้นครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน ครั้งที่ 2
แล้วให้นักเรยี นเขยี น T (true) ทา้ ยประโยคที่ถูกต้อง และ F (false) ทา้ ยประโยคท่ผี ิด
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 9 โดยครูให้นักเรียนฟังเสียงจากซีดีประกอบบทเรียนอีกครั้ง แล้วให้
นักเรยี นเติมขอ้ มูลเกี่ยวกับวงดนตรี The Birds (ดูเฉลย)
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
7. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ข้อ 11 Writing โดยเขียนเรยี งความเกี่ยวกบั วงดนตรที ่นี ักเรียนช่นื ชอบ โดย
ใช้คำถามท่ีให้ไวเ้ ปน็ ตัวช่วยในการเขยี น
ขน้ั สรุป (Warp up)
8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สอ่ื อุปกรณ์
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 75)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
(K) –สามารถตอบคำถามจาก - ตรวจแบบฝกึ หัดขอ้ 7,8,9 ใน - แบบฝกึ หดั ขอ้ 7,8,9 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
เรื่องที่ฟงั ได้อย่างถกู ตอ้ ง หนังสือ Flash on English หนงั สอื Flash on English เกณฑ์
Elementary Student’s Book Elementary Student’s
(P)- สามารถเขียนบรรยายวง หนา้ 75 Book หน้า 75 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
ดนตรที น่ี กั เรยี นชื่นชอบได้ เกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั ขอ้ 11 ใน - แบบฝึกหดั ข้อ 11 ใน
(A) -ใฝเ่ รียนรู้ หนังสอื Flash on English หนงั สือ Flash on English -ระดบั คณุ ภาพ 2
Elementary Student’s Book Elementary Student’s ผ่านเกณฑ์
หนา้ 75 Book หน้า 75
-สังเกตพฤติกรรมเป็นรายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็
รายบคุ คล
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 15 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 Love, Love, Love…
เรอื่ ง The love quiz
1. สาระสำคญั
เรยี นรคู้ วามหมายของคำวา่ Love ท่เี กย่ี วข้องกับแต่ละชว่ งชีวิต อธิบายภาพของคู่รกั ในตำนานหรือ
ภาพยนตรท์ ่ีเป็นทรี่ จู้ ัก และแก้ไขประโยคที่เกีย่ วกบั ภาพยนตร์ให้ถกู ต้อง
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งทฟี่ ังและอ่านจากสือ่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตุผล
ตวั ชวี้ ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัตติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใชง้ านตา่ ง ๆ คำชีแ้ จง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายที่ฟงั และอา่ น
3.สาระการเรยี นรู้ - retire (v.) leave one’s job and cease to work, typically on reaching the
Vocabulary normal age for leaving service เกษยี ณอายุ
- annual (adj.) occurring once every year ประจำปี
- festival (n.) a day or period of celebration, typically for religious reasons
เทศกาล
- symbol (n.) a mark or character used as a conventional representation
of an object, function, or process, e.g. the letter or letters standing for
a chemical element or a character in musical notation สัญลักษณ์
- Celtic (adj.) relating to the Celts or their languages, which constitute a
branch of the Indo-European family and include Irish, Scottish Gaelic,
Welsh, Breton, Manx, Cornish, and several extinct pre-Roman languages
such as Gaulish เกยี่ วกับชนเผ่าชาวเคลต์ท่เี ขา้ มาต้งั ถ่ินฐานอยู่ในหมูเ่ กาะอังกฤษ
เรียกว่าพวกเคลต์ ชาวเผ่านี้เป็นต้นกำเนิดประเพณียุโรปหลายอย่าง เช่น ฮาโลวีน
เปน็ ต้น
- civilization (n.) the stage of human social development and organization
which is considered most advanced อารยธรรม
Function/Speaking - cause (n.) a person or thing that gives rise to an action, phenomenon,
or condition สาเหตุ
Grammar
- knot (n.)a fastening made by looping a piece of string, rope, or
Listening something similar on itself and tightening it ปม
Reading
Writing - appearance (n.) the way that someone or something looks
Culture รูปร่างหน้าตา
- slim (adj.) of a person or their build) gracefully thin; slender ผอมเพรียว
- straight (adj.) extending or moving uniformly in one direction only;
without a curve or bend ตรง
-
- Talking about the love quiz
- Listen to the love quiz
- Read to the love quiz
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถอ่านและเข้าใจคำถามเก่ียวกับความรกั ในวรรณคดีและในภาพยนตรไ์ ด้ถกู ต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรียนสามารถแก้ไขประโยคที่เขยี นผดิ ให้ถูกต้องได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรยี นปฏิบตั กิ จิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุง่ มั่นในการทำงาน
7. การบูรณาการหลกั ปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจคำถามเกี่ยวกับความรักในวรรณคดีและใน
หลกั สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ที่ดี ภาพยนตร์ไดถ้ กู ต้อง
การเลอื กศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้โดยมีความถกู ตอ้ ง
เงอ่ื นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขคุณธรรม นักเรยี นสามารถแก้ไขประโยคที่เขยี นผิดให้ถกู ต้องได้
นักเรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดว้ ยความตั้งใจ
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนกั เรียนกล่าวคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูใหน้ กั เรียนเปิดหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 78 แล้วอา่ น
ชื่อหัวขอ้ Love, Love, Love.... และช่วยกันอภิปรายวา่ นกั เรยี นคดิ ถึงอะไรบ้าง
3. ครใู หน้ ักเรียนดภู าพชดุ ท่ี 1-6 ใน Life events ในแบบฝกึ หัดข้อ 1 แล้วจบั คคู่ ำกบั ภาพท้ัง 6
จากน้ันครูเปิดเสยี งจากซีดีประกอบบทเรยี น 2.22 ใหน้ ักเรียนตรวจคำตอบ
4. ครูสุ่มเลือกนักเรียนอธิบายความหมายของภาพท้งั 6 ภาพ และขออาสาสมัครอธิบายคำว่า Love
ทเี่ กยี่ วข้องกับแต่ละช่วงชีวติ
ขั้นนำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
5. ครูให้นกั เรยี นดภู าพ 3 ภาพในแบบฝึกหัดข้อ 2 แล้วถามว่าเคยเหน็ รจู้ ักบคุ คล หรือส่งิ ของท่ี
ปรากฏในภาพหรือไม่ ครูอธิบายวา่ ภาพเหล่านน้ั เปน็ ภาพของคู่รักในตำนานหรือภาพยนตรท์ ีเ่ ปน็ ท่ีร้จู กั
ข้ันฝึก (Practice)
6. ครูให้นักเรยี นลองทำแบบฝกึ หดั ข้อ 2 โดยใสเ่ ครอ่ื งหมาย ✓หน้าตวั เลอื กท่ีถกู ตอ้ ง
7. ครูเปิดเสียงจากซดี ีประกอบบทเรยี น 2.23 เพื่อใหน้ ักเรยี นตรวจคำตอบ
ข้ันนำไปใช้ (Production)
8. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัด Flash Forward ในหนังสือ Flash on English Elementary
Student’s Book หนา้ 79 โดยแกป้ ระโยคให้ถูกตอ้ ง (ดเู ฉลย)
ข้ันสรุป (Warp up)
9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”
9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สอ่ื อปุ กรณ์
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 78)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –อา่ นและเข้าใจคำถาม - ตรวจแบบฝึกหัด ขอ้ 2 ใน - แบบฝึกหดั ขอ้ 2 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
Flash on English เกณฑ์
เกย่ี วกบั ความรักในวรรณคดี Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 78 - ร้อยละ 60 ผา่ น
และในภาพยนตร์ได้ถกู ต้อง Elementary Student’s - แบบฝึกหดั Flash เกณฑ์
Forward ในหนงั สือ Flash
Book หนา้ 78 on English Elementary -ระดับคณุ ภาพ 2
Student’s Book หน้า 79 ผา่ นเกณฑ์
(P)- สามารถแก้ไขประโยคที่ - ตรวจแบบฝึกหัด Flash -แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็
รายบคุ คล
เขยี นผดิ ให้ถูกต้องได้ Forward ในหนงั สือ Flash
on English Elementary
Student’s Book หน้า 79
(A) -ความต้ังใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเป็น
รายบคุ คล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 16 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 Love, Love, Love…
เรอ่ื ง Physical appearance
1. สาระสำคัญ
เรยี นรู้คำศพั ทท์ เ่ี กยี่ วกับรปู ร่างหน้าตา ถามตอบเกย่ี วกบั รูปร่างหน้าตาของนกั แสดงช่ือดงั และเรียนรู้
หลกั การใช้ past simple : be
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรูส้ ึกและ
ความคิดเห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตวั ชว้ี ดั ต 1.2 ม.4/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบข้อมูลเก่ยี วกับตนเอง เรือ่ งต่าง ๆใกล้ตัว ประสบการณ์
สถานการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ ประเดน็ ท่อี ยู่ในความสนใจของสังคม และสื่อสารอย่าง
ตอ่ เนื่องและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชว้ี ดั ต 2.1 ม.4/1เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกริ ยิ าทา่ ทางเหมาะกบั ระดับของบคุ คล โอกาส และ
สถานท่ตี ามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
3.สาระการเรยี นรู้ - physique (n.) the form, size, and development of a person’s body รูปรา่ ง
Vocabulary - plump (adj.) having a full rounded shape ท้วม
- fair-haired (adj.) having light-coloured hairซึ่งมีผมสที อง ผมสอี อ่ น
- curly (adj.) made, growing, or arranged in curls or curves ผมหยิกม้วนเป็น
ลอน
- wavy (adj.) having or consisting of a series of undulating and wave-like
curves ผมหยักเปน็ คลื่น
Function/Speaking - Talking about physical appearance
Grammar - Past simple: be
Listening - Listen to physical appearance of famous couple
Reading -
Writing
Culture
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถถามตอบเกี่ยวกับนักแสดงท่ีมชี อ่ื เสยี งได้
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถพูดคุยเกี่ยวกบั รปู ร่างหนา้ ตาของตนเองและเพื่อนได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยความตั้งใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล นกั เรียนสามารถถามตอบเกี่ยวกบั นักแสดงท่มี ีช่อื เสยี งได้
หลักสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ที่ดี การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้โดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขความรู้ นักเรยี นสามารถพูดคุยเกีย่ วกับรปู รา่ งหนา้ ตาของตนเองและเพื่อนได้
เงอ่ื นไขคุณธรรม นักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยความตัง้ ใจ
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรียนกล่าวคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูกล่าวถึงช่วงเวลากอ่ นที่จะมาเป็นคนรักกัน สิ่งแรกที่มองเหน็ คือ รูปร่างหน้าตา กริยาท่าทางที่
แสดงออก หรืออาจเรียกว่า Love at first sight ครูให้นักเรียนดูคลิปวิดีโอเรื่อง Describe People ซึ่งไม่มี
การพูดออกเสียง ให้นักเรียนเป็นผู้อ่านออกเสียงคำหรือข้อความที่ปรากฏในคลิปวิดีโอจาก
http://www.youtube.com/watch?v=ZVE1Vr0Z4rM
ข้นั นำเสนอเน้อื หา (Presentation)
3. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 79 ทบทวน
คำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Physical appearance จากนั้นดูภาพชายหญิงในภาพ และถามนักเรียนว่ารู้จักบุคคลทั้ง
สองหรอื ไม่ และพวกเขาเปน็ ใคร (คำตอบคอื Angelina Julie และ Brad Pitt ดารานกั แสดงยอดนิยม)
4. ครขู ออาสาสมัคร 2 คน อ่านออกเสยี งคำบรรยายบุคคลที่มีชือ่ เสยี ง ในแบบฝกึ หัดขอ้ 4 Physical
appearance จากนั้นนำคำ adjective ในคำบรรยายไปใส่ในตารางให้ถูกกลุ่ม คือ eyes, hair, height และ
other
5. ครูเปดิ เสียงจากซีดีประกอบบทเรยี น 2.24 ให้นักเรยี นตรวจคำตอบ
6. ครเู ขยี นประโยคการใช้ Past Tense “be” บนกระดาน และอธบิ ายว่าเป็นเหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ข้นึ
และจบไปแล้วในอดตี เชน่
When I was in a primary school, I was short.
Was he tired? Yes, he was.
My mother wasn’t born in Germany. She’s Swiss.
ปกติแล้วจะมี Time expressions with the past ในประโยคด้วย เช่น yesterday, last
week/month/year, two hours/days/months ago เปน็ ต้น
7. ครูขออาสาสมัครนักเรียนแต่งประโยคโดยใช้ Past Tense “be” คนละ 1 ประโยค เพื่อทดสอบ
ความเขา้ ใจของนักเรยี น
ขั้นฝึก (Practice)
8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 5 โดยจับคู่คำ adjective ที่มีความหมายตรงข้ามกัน จากนั้นครู
เปดิ เสียงจากซีดีประกอบบทเรยี น 2.25 เพอื่ ตรวจคำตอบ
9. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 6 โดยเตมิ คำลงในประโยคใหส้ มบูรณ์ ดว้ ย was, were, wasn’t,
weren’t (ดเู ฉลย)
ข้นั นำไปใช้ (Production)
10. ครูให้นักเรียนจับคู่ทำแบบฝึกหัดข้อ 7 Say it! โดยผลัดกันถามตอบเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของ
ตนเองในอดีต ซงึ่ ต่างจากปจั จุบนั เน้นการใช้ Past Tense ของ “be” และคำศพั ท์ตา่ งๆ ทเ่ี รยี นมา
เชน่
A : Were you tall?
B : No, I was short then... and plum!
ข้ันสรปุ (Warp up)
11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”
9. สอื่ / อุปกรณ์
ส่อื อุปกรณ์
1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 79)
2. Power point เก่ยี วกับคำศัพท์
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถถามตอบ - ตรวจแบบฝึกหดั ขอ้ 4 ใน - แบบฝกึ หัด ข้อ 4 ใน -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
เก่ยี วกบั นักแสดงที่มีชื่อเสยี ง Flash on English Flash on English เกณฑ์
ได้ Elementary Student’s Elementary Student’s
Book หน้า 79 - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
Book หนา้ 79 - แบบฝึกหัด ขอ้ 7 ใน เกณฑ์
(P)- สามารถพดู คุยเกยี่ วกบั - สังเกตจากการพูดสนทนา หนงั สอื Flash on English
รูปร่างหน้าตาของตนเอง Elementary Student’s -ระดับคณุ ภาพ 2
และเพ่ือนได้ Book หนา้ 79 ผา่ นเกณฑ์
-แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น
(A) -ความตงั้ ใจ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ รายบคุ คล
รายบคุ คล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 17 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 1 ชั่วโมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 Love, Love, Love…
เร่ือง Where were you last night?
1. สาระสำคัญ
ฟงั อ่านบทสนทนา และตอบคำถามจากเรอ่ื งท่ีอา่ น ฝึกแตง่ ประโยคดว้ ยคำท่ีกำหนดให้
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตัวชีว้ ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ อื การใชง้ านตา่ ง ๆ คำชี้แจง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายทฟี่ งั และอ่าน
ตัวช้วี ัด ต 1.1 ม.4/4 จบั ใจความสำคัญ วิเคราะหค์ วาม สรุปความ ตีความ และแสดงความคดิ เหน็
จากการฟังและอ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและ
ยกตัวอย่างประกอบ
3.สาระการเรียนรู้ Idioms:
Vocabulary - give me a break (in this context) leave me alone, stop criticizing me เลิก
Function/Speaking ดา่ เลิกบน่ เลิกวจิ ารณ์ฉนั ไดแ้ ลว้
Grammar - What’s going on? what’s happening? เกิดอะไรขึ้นหรือเหตุการณก์ ำลังดำเนิน
Listening
Reading อยใู่ นขณะนน้ั
Writing
Culture - Talking about dialogue
- Past simple: be
- Listen to where were you last night?
- Read about where were you last night?
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถอา่ นและเข้าใจบทสนทนาท่พี ่อของ Anna บอกลกู สาววา่ ส่งิ ใดทำได้และสงิ่ ใด
ไมค่ วรทำได้ถูกตอ้ ง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นกั เรียนสามารถแต่งประโยคดว้ ยคำท่กี ำหนดให้ได้อยา่ งถูกต้อง
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรมด้วยความตง้ั ใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรัชญา
หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความร้แู ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มีเหตุผล
นักเรียนสามารถอ่านและเขา้ ใจบทสนทนาท่ีพ่อของ Anna บอกลกู สาววา่ ส่ิง
หลักสร้างภมู คิ ุม้ กนั ในตัวท่ดี ี ใดทำไดแ้ ละสงิ่ ใดไมค่ วรทำไดถ้ ูกตอ้ ง
การเลือกศึกษาจากแหล่งเรียนร้โู ดยมคี วามถกู ต้อง
เงื่อนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขคุณธรรม นกั เรยี นสามารถแต่งประโยคดว้ ยคำทก่ี ำหนดให้ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
นักเรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมด้วยความตงั้ ใจ
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนักเรยี นกลา่ วคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นกั เรยี นเปิดหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 80
ดภู าพและถามนักเรยี นดว้ ยคำถามต่อไปนี้
Where’s Anna? (In the kitchen.)
What’s she doing? (She’s having breakfast.)
Who’s she talking to? (Her dad.)
Who’s the woman behind her? (Her mum.)
3. ครูให้นักเรียนอ่านเรื่อง “Where were you last night?” แล้วช่วยกันอภิปรายว่ามีอะไรเกิด
ขนึ้ กบั ใครเม่ือคืนนี้
ข้ันนำเสนอเนื้อหา (Presentation)
4. ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน 2.26 และให้นักเรียนอ่านตาม จากนั้นตอบคำถาม 2 ข้อ
ได้แก่
“How does Anna’s Dad feel?” และ “How does Anna feel?”
(Dad feels angry. Anna feels upset and annoyed.)
5. ครูขออาสาสมัคร 3 คน เป็น Henry, Anna และ Hilary อ่านบทสนทนาในหนังสือ Flash on
English Elementary Student’s Book หน้า 80 อีกคร้ัง แลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ เร่ืองในบทสนทนา
6. ครอู ธบิ ายคำศพั ท์และสำนวน เช่น Dad, give me a break! และวัฒนธรรมอังกฤษ
ขั้นฝกึ (Practice)
7. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหดั ขอ้ 2 ในหนงั สอื Flash on English Elementary Student’s
Book หน้า 80 โดยอ่านประโยคที่ใหม้ า แลว้ พิจารณาว่าประโยคน้ันๆ ถกู หรือผิด โดยใส่ T ทา้ ยขอ้ ทถี่ กู และ F
ท้ายข้อทผี่ ดิ แล้วแก้ขอ้ ทผ่ี ิดให้ถกู ตอ้ ง (ดูเฉลย)
ข้นั นำไปใช้ (Production)
8. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัดข้อ 3 โดยแตง่ ประโยคด้วยคำที่กำหนดให้ แล้วแลกกนั ตรวจกับเพื่อน
จากน้ันตอบคำถามแตล่ ะขอ้ (ดูเฉลย)