Culture : พระนางเจ้าวิคตอเรยี
สมยั ของพระนางเจา้ วิคตอเรีย (1837-1901) เป็นยุคท่ีจกั รวรรดิองั กฤษไดแ้ ผข่ ยายอานาจการปกครอง
อย่างกวา้ งขวาง เป็ นยุคล่าอาณานิคม เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง มีความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์และ
การแพทย์ เกิดการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม ในช่วงเวลาน้นั กรุงลอนดอนกลายเป็นศูนยก์ ลางการคา้ และ
การเงินของโลก จานวนประชากรเพิ่มข้นึ จาก 1 ลา้ นคนในปี 1800 เป็น 5-6 ลา้ นคน ในเวลา 100 ปี ถดั
มา อยา่ งไรก็ตามประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีสภาพความเป็นอยทู่ ี่ยากจนขน้ แคน้ มีการระบาด
ของอหิวาตกโรคระหว่างปี 1848-1866 เมืองเต็มไปดว้ ยอาชญากรรม สภาพบา้ นเมืองไร้กฎหมาย
ในขณะที่คนร่ารวยซ่ึงมีไมม่ ากนกั ต่างพากนั ฉลองความสาเร็จของกรุงลอนดอนในงานนิทรรศการท่ียงิ่ ใหญ่ ที่ Hyde Park
ในปี 1851
5. ในแบบฝึกหัดข้อ 1 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 92 ให้
นักเรียนจับคู่ภาพภาพ A-C กับคำทเี่ ปน็ อกั ษรตัวทบึ จากบทอา่ นในแบบฝึกหัดข้อ 2
6. ครูใหน้ กั เรยี นอ่านบทอ่านในแบบฝกึ หัดข้อ 2 ครา่ ว ๆ แล้วเลอื กคำท่ีกำหนดใหเ้ ติมลงในช่องว่าง โดย
ให้นักเรียนใช้ dictionary กรณีที่นักเรียนไม่สามารถเดาความหมายของคำศัพท์ได้ แล้วถามนักเรียนว่าบทอ่านน้ี
เป็นบทความประเภทใด (เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัย Victorian London) จากนั้นครูสุ่มนักเรียนอ่านบท
อา่ นเปน็ รายบุคคล และช่วยกันตรวจคำตอบ (ดูเฉลย)
ข้ันฝกึ (Practice)
7. ครูให้นักเรียนอ่านเก็บรายละเอียดเนื้อเรื่องอีกครั้ง แล้วทำแบบฝึกหัดข้อ 3 ในหนังสือ Flash on
English Elementary Student’s Book หน้า 92 จับคู่ส่วนหน้าและส่วนท้ายของประโยคให้ถูกต้อง จากนั้น
ชว่ ยกนั เฉลยคำตอบท่ีถกู ต้อง (ดูเฉลยท้ายเลม่ )
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดยตอบคำถามปากเปล่าเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน และทำลงสมุดเป็น
การบา้ น
ขน้ั สรุป (Warp up)
9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สื่อ / อุปกรณ์
สอื่ อปุ กรณ์
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 92)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานุกรม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอา่ นและเข้าใจ - ตรวจแบบฝึกหดั ข้อ 3-4 - แบบฝึกหดั ขอ้ 3-4 ใน -ร้อยละ 60 ผา่ น
หนงั สอื Flash on English เกณฑ์
บทอ่านเกีย่ วกับการทำงาน Elementary Student’s
Book หน้า 92 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
และสภาพความเป็นอยู่ใน - คำถาม เกณฑ์
ยุค Victorian London ได้ -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ -ระดบั คุณภาพ 2
รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
ถูกต้อง
(P)- สามารถสรุปใจความ - สงั เกตจากการตอบคำถาม
สำคัญจากเรื่องที่อ่านและ
เปรียบเทยี บความแตกต่าง
ของประเทศองั กฤษใน
สมยั กอ่ นกับปัจจุบันได้
(A) -ความตง้ั ใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเปน็
รายบคุ คล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 29
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชั่วโมง
เรอ่ื ง Genius or was it
1. สาระสำคญั
อา่ นบทความเกย่ี วกับเก่ียวกบั โอกาสในการคดิ ค้นสิ่งใหม่ๆ ของนักวทิ ยาศาสตร์ท่ีมีชื่อเสียง สืบค้นประวัติ
นักวทิ ยาศสาตร์ สรปุ ใจความสำคัญ และตอบคำถามจากเรอ่ื งทอี่ ่าน
2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม.4/4 จบั ใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรปุ ความ ตคี วาม และแสดงความคดิ เหน็ จาก
การฟงั และอา่ นเรือ่ งท่เี ป็นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมท้ังใหเ้ หตุผลและยกตัวอย่าง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ
คดิ เหน็ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ชี้วัด ต 1.2 ม.4/4 พูดและเขยี นเพือ่ ขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความ
คิดเห็นเก่ียวกบั เร่ือง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ทฟี่ ังและอ่านอยา่ งเหมาะสม
3.สาระการเรยี นรู้ - chance (n.) a possibility of something happening ความบังเอิญ โอกาส
Vocabulary - genius (adj.) exceptional intellectual or creative power or other
natural ability อจั ฉรยิ ะ คนเก่ง
- antibiotic (n.) a medicine (such as penicillin or its derivatives) that
inhibits the growth of or destroys microorganisms ยาปฏชิ ีวนะ
- investigate (v.) carry out research or study into (a subject or problem,
typically one in a scientific or academic field) คน้ หาความจรงิ สบื สวน
- laboratory (n.) a room or building equipped for scientific experiments,
research, or teaching, or for the manufacture of drugs or chemicals
ห้องปฏิบตั กิ าร หอ้ งทดลอง
- discover (v.) find unexpectedly or during a search ค้นพบ
- serendipity (n.) the occurrence and development of events by chance
in a happy or beneficial way การมีโชคในการค้นพบสิ่งต้องการโดย
บังเอญิ
- actually (adv.) as the truth or facts of a situation อย่างท่ีเกดิ ขึ้นตามจรงิ
- gravity (n.) (Physics) the force that attracts a body towards the centre
of the earth, or towards any other physical body having mass
แรงโนม้ ถว่ ง
- research (n.) the systematic investigation into and study of materials
and sources in order to establish facts and reach new conclusions
การวิจยั
- opponent (n.) someone who competes with or opposes another in a
contest, game, or argument คตู่ อ่ สู้
- chase (v.) pursue in order to catch or catch up with ไล่ตาม กวด
- spectator (n.) a person who watches at a show, game, or other event
ผ้ชู ม ผู้ดู ผู้สงั เกตการณ์
Function/Speaking - Talking about genius or was it
Grammar -
Listening - Listening to genius or was it
Reading -
Writing -
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกบั โอกาสในการคิดค้นสิ่งใหมๆ่ ได้ถกู ตอ้ ง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถสรปุ ใจความสำคญั และตอบคำถามจากเรื่องท่ีอา่ นได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความตง้ั ใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
7. การบูรณาการหลกั ปรชั ญา
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มีเหตผุ ล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับโอกาสในการคิดค้นสิ่งใหมๆ่
หลักสร้างภมู ิคมุ้ กันในตวั ที่ดี ได้ถกู ต้อง
การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรยี นรโู้ ดยมคี วามถูกต้อง
เง่ือนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นักเรยี นสามารถสรุปใจความสำคญั และตอบคำถามจากเรือ่ งท่อี ่านได้
นกั เรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยความตัง้ ใจ
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรยี นกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 96 แล้วดูภาพ
เกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียง 5 ภาพ ครูถามนักเรียนว่านักเรียนรู้จักบุคคลเหล่าน้ีหรือไม่พวกเขามีชื่อเสยี งในด้านใด
(รายละเอียดเก่ยี วกบั บคุ คลเหล่านี้ สามารถค้นหาได้จาก www.wikpedia.org
3. ครใู หน้ กั เรียนจบั คูภ่ าพกบั คำพูดที่กำหนดให้ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคำตอบ
ขั้นนำเสนอเน้ือหา (Presentation)
4. ครเู ปิดเสยี งจากซีดีประกอบบทเรียน 2.44 และให้นักเรยี นอา่ นตาม เพอ่ื หาคำตอบว่าบทอา่ นกล่าวถึง
บคุ คลใดบ้าง (ดเู ฉลย)
5. ครอู ธิบายคำศัพท์ สำนวนทเี่ ป็นปัญหาสำหรับนักเรียน เช่น in full swing, chase, cheer ฯลฯ
ขั้นฝึก (Practice)
6. ครูขออาสาสมัครอ่านออกเสียงบทอ่านเพื่อเก็บรายละเอียดคนละ 1 ย่อหน้าอีกครั้ง แล้วให้นักเรียน
ทำแบบฝึกหัดข้อ 3 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 96 โดยลอกตารางลง
สมุดแบบฝึกหัด แล้วเขียนประโยคตอบคำถาม What was he doing? และ What happened? จากนั้นให้แลก
กันตรวจ
7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ข้อ 4 โดยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีอา่ นในสมดุ แบบฝึกหัด เมื่อนักเรียน
ทำเสร็จแลว้ ครูสุ่มนักเรียนอ่านเพ่อื ตรวจคำตอบ (ดเู ฉลย)
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
8. ครใู หน้ กั เรียนทำ Flash Forward โดยสืบค้นวา่ Thomas Edison, Guglielmo Marconi และ John
Logie Baird เป็นบุคคลทค่ี ้นพบหรือประดิษฐ์อะไร โดยค้นหาได้จาก www.wikipedia.org(ดูเฉลย)
ข้ันสรปุ (Warp up)
9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. ส่อื / อุปกรณ์
สอ่ื อปุ กรณ์
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 96)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานุกรม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอา่ นและเข้าใจ - สงั เกตจากการตอบคำถาม - คำถาม -ร้อยละ 60 ผา่ น
เรือ่ งราวเกย่ี วกบั โอกาสใน เกณฑ์
การคดิ คน้ สง่ิ ใหม่ๆ ได้
ถูกต้อง - แบบฝกึ หดั ขอ้ 3-4 ใน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
(P)- สามารถสรุปใจความ - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 3-4 หนงั สือ Flash on English เกณฑ์
สำคัญและตอบคำถามจาก Elementary Student’s
เร่ืองท่ีอา่ นได้ Book หนา้ 96 -ระดับคณุ ภาพ 2
-แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ ผา่ นเกณฑ์
(A) -ความต้ังใจ -สังเกตพฤติกรรมเปน็ รายบคุ คล
รายบุคคล
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 30
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชัว่ โมง
เรื่อง Professions
1. สาระสำคัญ
เรยี นรคู้ ำศัพท์หมวดอาชีพ เล่นเกมทายอาชีพ และเขียนเรียงความเรือ่ ง My Favourite Profession
2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องที่ฟงั และอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้วี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบตั ิตามคำแนะนำในคู่มือการใชง้ านตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ทฟี่ งั และอา่ น
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรือ่ งตา่ งๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตัวช้วี ัด ต 1.3 ม.4/1 พดู และเขียนนำเสนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ เรื่อง
และประเด็นต่างๆทอ่ี ยูใ่ นความสนใจของสงั คม
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary - engineer (n.) a person who designs, builds, or maintains engines,
machines, or structures วิศวกร นายช่าง
- secretary (n.) a person employed by an individual or in an office to
assist with correspondence, make appointments, and carry out
administrative tasks เลขานุการ
- electrician (n.) a person who installs and maintains electrical
equipment ช่างไฟฟา้
- plumber (n.) a person who fits and repairs the pipes, fittings, and
other apparatus of water supply, sanitation, or heating systems ช ่ า ง
ประปา
- architect (n.) a person who designs buildings and in many cases also
supervises their construction สถาปนิก
Function/Speaking - lawyer (n.) a person who practises or studies law, especially (in
the UK) a solicitor or a barrister or (in the US) an attorney นักกฎหมาย
ทนายความ นิติกร
- client (n.) a person or organization using the services of a lawyer
or other professional person or company ลกู ความ ลูกค้า ผรู้ บั บรกิ าร
- Talking about professions
Grammar -
Listening - Listening to professions
Reading -
Writing - Write about my favourite profession
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถจำความหมายของคำศพั ท์และเล่นเกมทายอาชีพได้
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรียนสามารถเขยี นเรยี งความเรอื่ ง My Favourite Profession ได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดว้ ยความตัง้ ใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมีเหตุผล นักเรียนสามารถจำความหมายของคำศพั ท์และเลน่ เกมทายอาชพี ได้
หลักสร้างภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี การเลอื กศกึ ษาจากแหล่งเรียนรูโ้ ดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เง่ือนไขความรู้ นกั เรียนสามารถเขียนเรียงความเรอื่ ง My Favourite Profession ได้
เงอื่ นไขคุณธรรม นักเรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรียน (Warm up)
1. ครแู ละนักเรยี นกล่าวคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูอธิบายว่า คนในอาชีพต่างๆ มีความรู้ความชำนาญในงานอาชีพของตน มีการค้นคว้ามีการคิดค้น
สิง่ ประดิษฐ์ใหม่ๆ อยตู่ ลอดเวลา ทำใหง้ านแตล่ ะสาขากา้ วหน้าไปมาก
3. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 97 และทำ
แบบฝึกหัดข้อ 5 โดยจับคู่ภาพกับคำศพั ท์อาชีพ จากนั้นครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียนเพื่อตรวจคำตอบ ครู
เปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียนอีกคร้งั ให้นักเรยี นออกเสยี งตามให้ถกู ต้อง
ข้นั นำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
4. ครอู ธิบายคำศัพทแ์ ละบอกหนา้ ท่ีความรับผิดชอบของแต่ละอาชพี
ข้นั ฝกึ (Practice)
5. แบบฝึกหดั ข้อ 6 Say it! ครูใหน้ ักเรยี นจับคู่เลน่ เกมทายอาชีพ โดยคนหนง่ึ จะพรรณนางานของอาชีพ
ใดอาชีพหนึ่ง ให้อีกคนหนึ่งเป็นคนตอบ ผลัดกันถาม-ตอบ หรือครูอาจให้นักเรียนเปิดdictionary อังกฤษ-อังกฤษ
หาคำจำกดั ความของอาชพี ต่างๆ แลว้ เขยี นลงสมดุ แบบฝกึ หดั เปน็ การบา้ น
ข้ันนำไปใช้ (Production)
6. ครูให้นักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง My Favourite Profession พร้อมบอกเหตุผลว่า นักเรียนชอบ
อาชีพน้ันๆ เพราะอะไร
ขน้ั สรุป (Warp up)
7. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สื่ออุปกรณ์
1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 97)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. พจจนานุกรม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถจำความหมาย - สังเกตจากการตอบคำถาม - เกม -ร้อยละ 60 ผา่ น
เกณฑ์
ของคำศัพทแ์ ละเลน่ เกมทาย ตอนเล่นเกม - เรียงความ
- ร้อยละ 60 ผ่าน
อาชีพได้ -แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น เกณฑ์
รายบคุ คล
(P)-สามารถเขยี นเรยี งความ - ตรวจเรยี งความ -ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
เรอ่ื ง My Favourite
Profession ได้
(A) -ความตัง้ ใจ -สงั เกตพฤติกรรมเป็น
รายบุคคล
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 31
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชั่วโมง
เรอ่ื ง She was doing
1. สาระสำคญั
เรียนรู้หลกั การใช้ Past continuous ฝึกพูด แต่งประโยค และเขยี นบรรยายวา่ เมื่อวานทำอะไรบ้างโดยใช้
Past continuous
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตัวชว้ี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำในค่มู อื การใช้งานตา่ ง ๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยาย
ทฟ่ี ังและอ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและความ
คิดเห็นอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม.4/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบข้อมูลเก่ยี วกับตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆใกลต้ วั ประสบการณ์
สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ ประเดน็ ทอี่ ยู่ในความสนใจของสงั คม และสอ่ื สารอย่าง
ต่อเนอ่ื งและเหมาะสม
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary -
Function/Speaking - Talking about Mary’s diary
Grammar - Past continuous
Listening -
Reading -
Writing - Write about what you were doing yesterday
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจหลักการใช้ Past continuous ไดอ้ ย่างถกู ต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นกั เรียนสามารถเขียนบรรยายวา่ เม่ือวานทำอะไรบ้างโดยใช้ Past continuous ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความตัง้ ใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศกึ ษาหาความรู้และทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมเี หตผุ ล
หลกั สร้างภมู ิคุม้ กันในตัวท่ดี ี นกั เรียนสามารถเข้าใจหลกั การใช้ Past continuous ไดอ้ ย่างถกู ต้อง
เง่ือนไขความรู้ การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรียนร้โู ดยมีความถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขคณุ ธรรม นกั เรียนสามารถเขียนบรรยายว่าเมอ่ื วานทำอะไรบ้างโดยใช้ Past continuous
ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยความตง้ั ใจ
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าส่บู ทเรียน (Warm up)
1. ครูและนักเรยี นกล่าวคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันทบทวนเนื้อหาในหนังสือเรียนหนา้ 96 ครูให้นักเรยี นดูคำพูดในกล่องข้อความ
แล้วให้ชว่ ยกนั ทายว่าเป็น tense อะไร
3. ครูแจ้งนกั เรียนวา่ คาบนจ้ี ะเรียนรู้เก่ียวกบั หลกั การใช้ Past continuous
ขั้นนำเสนอเน้อื หา (Presentation)
4. ครูเขียนประโยค Past Continuous Tense บนกระดาน โดยดงึ จากประโยคคำพูดในกรอบข้อความ
I was having a bath when I came up with a great idea!
I was sitting under an apple tree when an apple fell on my head.
ครูให้นักเรียนสังเกตความหมายและโครงสร้างของประโยคที่ขีดเส้นใต้ไว้ เป็นประโยคที่แสดง
อาการกระทำอยู่ในขณะนั้น ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ครูให้นักเรียนอาสาสมัครบอกโครงสร้างประโยค Past
Continuous Tense (Subject + was/were + V-ing)
ครูอธบิ ายวิธีการใช้ดงั น้ี
1. ใชเ้ ม่ือเลา่ ถงึ เหตกุ ารณ์ท่กี ำลังดำเนนิ อย่ใู นอดีต เช่น
I went to the beach yesterday. I saw a lot of people at the beach.
Some people were swimming in the sea, while some were lying on the beach.
2. ใชเ้ มอื่ ระบเุ วลาแนน่ อนในอดตี วา่ มเี หตุการณ์อะไรเกดิ ข้ึนในเวลาน้นั เชน่
Yesterday at five p.m. I was watering in the garden, so I didn’thear your call.
3. ใช้เมอื่ มีเหตุการณ์ 2 เหตุการณก์ ำลังดำเนนิ ไปพร้อม ๆ กนั เชน่
While mom was cooking in the kitchen, dad was watering trees in the garden.
4. ใช้เมือ่ มี 2 เหตกุ ารณเ์ กดิ ขึ้นในอดตี เหตกุ ารณ์หนงึ่ กำลงั ดำเนินอยู่ยังไมจ่ บ อีกเหตกุ ารณ์หนงึ่
เกิดแทรกขึ้นมา เหตุการณท์ ดี่ ำเนนิ อยู่แตย่ ังไมจ่ บ ใชร้ ปู ประโยค Past Continuous Tense
สว่ นเหตกุ ารณ์ท่เี กิดแทรกขนึ้ มา ใช้รปู ประโยค Past Simple Tense เช่น When her sister
knocked at the door, she was watching TV.
ขอ้ สงั เกตในการใช้ Past Continuous Tense ก็คอื
1. กริยาทใ่ี ช้รูป Past Continuous Tense ต้องเปน็ กรยิ าทีส่ ามารถแสดงการกระทำไดน้ าน มี
ระยะเวลาท่ตี ่อเนอ่ื งได้ เชน่ eat, sleep, play, write เปน็ ตน้
2. กริยาท่ีไม่ใชร้ ูป continuous tense ได้แก่
- กรยิ าทแี่ สดงประสาทสมั ผสั และการรบั รู้ (sensorial perception) ได้แก่ feel, see,
sound, hear, smell, taste
- กรยิ าแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ (emotion) ไดแ้ ก่ fear, adore, love, prefer,
surprise, please, like, enjoy, envy, mind, hate, wish
- กริยาทแ่ี สดงสภาวะทางความคดิ (mental state) ได้แก่ believe, know, mean,
forget, think, remember, understand
- กริยาทแ่ี สดงความเปน็ เจา้ ของ (possession) เช่น have, posses, belong, own
3. กรณีที่มี 2 เหตุการณ์ มักใช้ while, as (ขณะที่) หน้าประโยคที่เป็น Past Continuous
Tense ส่วนประโยคที่เป็น Past Simple Tense มกั ใช้คำว่า when
ขัน้ ฝึก (Practice)
5. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 7 หน้า 97 โดยแต่งประโยคเก่ียวกับเหตุการณ์ในอดีต ด้วยคำและวลี
ท่ีกำหนดให้ ในรปู Past Continuous Tense ปากเปล่า แลว้ เขยี นลงสมดุ
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 8 Say it! โดยอ่านสมุดบันทึกประจำวันของ Mary แล้วแต่งประโยค
เลา่ ส่งิ ท่ี Mary ทำเมื่อวานในเวลาเดียวกนั น้ี ซ่งึ จะใช้ในรปู Past Continuous Tense
ข้ันนำไปใช้ (Production)
7. ครูให้นักเรียนแต่งประโยคเกี่ยวกับสิง่ ทีน่ ักเรียนทำเมื่อวานในเวลาเดยี วกันนี้ โดยใช้เวลาที่กำหนดให้
ข้นั สรุป (Warp up)
8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อุปกรณ์
ส่ืออุปกรณ์
1. หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 97)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานกุ รม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถเข้าใจหลักการ - ตรวจแบบฝึกหดั ข้อ 7-8 - แบบฝึกหัด ข้อ 7-8 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หนงั สอื เรยี น หนา้ 97 เกณฑ์
ใช้ Past continuous ได้
อยา่ งถูกต้อง
(P)-สามารถเขยี นบรรยายวา่ - ตรวจแบบฝึกหดั ขอ้ 9 - แบบฝึกหดั ขอ้ 9 ใน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หนังสือเรยี น หนา้ 97 เกณฑ์
เมื่อวานทำอะไรบ้างโดยใช้
Past continuous ไดอ้ ยา่ ง
ถูกต้อง
(A) -ความตง้ั ใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเป็น -แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 32
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชั่วโมง
เรื่อง What happened?
1. สาระสำคญั
ฟัง อ่านบทสนทนาเกี่ยวกับอาชญากรรมที่มีการทำร้ายร่างกาย จับใจความสำคัญและตอบคำถามจาก
เรอ่ื งที่อา่ น
2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตัวช้ีวดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัติตามคำแนะนำในคมู่ อื การใช้งานตา่ ง ๆ คำชีแ้ จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ที่ฟงั และอา่ น
ตัวช้ีวัด ต 1.1 ม.4/4 จบั ใจความสำคัญ วเิ คราะหค์ วาม สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็ จาก
การฟังและอ่านเรอื่ งท่เี ป็นสารคดแี ละบนั เทงิ คดี พรอ้ มทั้งให้เหตุผลและยกตวั อย่าง
ประกอบ
3.สาระการเรียนรู้
Vocabulary - mug (v.) attack and rob (someone) in a public place ทำร้ายเพ่ือชงิ ทรพั ย์
- strangely (adv.) unusual or surprising; difficult to understand or explain
น่าแปลก น่าประหลาด
- grab (v.) grasp or seize suddenly and roughly คว้า ฉวย
- struggling (v.) make forceful or violent efforts to get free of restraint
or constriction ด้ินรน พยายาม ตอ่ สู้ แข่งขนั
- witness (n.) a person who sees an event, typically a crime or
accident, take place dialogue: What happened? พยาน
- crime (n.) an action or omission which constitutes an offence
and is punishable by law อาชญากรรม
- criminal (n.) a person who has committed a crime อาชญากร
- thief (n.)a person who steals another person’s property, especially by
stealth and without using force or threat of violence ขโมย โจร
Function/Speaking - Talking about dialogue: What happened?
Grammar - Past continuous
Listening - Listening to dialogue: What happened?
Reading - Read about dialogue: What happened?
Writing -
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถอา่ นและเข้าใจบทสนทนาเกยี่ วกบั อาชญากรรมท่มี ีการทำรา้ ยร่างกายได้ถูกต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรียนสามารถจบั ใจความสำคัญและตอบคำถามจากเร่ืองที่อา่ นได้อย่างถูกตอ้ ง
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความต้งั ใจ
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรัชญา
หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรูแ้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มีเหตุผล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบทสนทนาเกี่ยวกับอาชญากรรมทีม่ ีการทำร้าย
หลักสร้างภมู คิ ุม้ กันในตัวทีด่ ี รา่ งกายไดถ้ กู ต้อง
การเลอื กศึกษาจากแหล่งเรียนรู้โดยมีความถกู ต้อง
เงอ่ื นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
นกั เรยี นสามารถจับใจความสำคญั และตอบคำถามจากเร่ืองทอี่ ่านได้อยา่ ง
เงื่อนไขคณุ ธรรม ถกู ต้อง
นักเรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยความตงั้ ใจ
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนกั เรียนกล่าวคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 98 แล้วถาม
นักเรยี นเกี่ยวกับภาพของเพอื่ นทง้ั 4 คน เชน่
Where are the four friends? (They are outside a restaurant.)
How does Anna look? (She looks upset.)
What are the others doing? (They are trying to understand what happened.)
What are they wearing? (They are wearing casual clothes, jeans, hoodies or jackets.)
3. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อเรื่องของบทเรียนย่อยนี้ แล้วถามว่า “What do you think happened to
Anna?” ครใู หน้ กั เรียนช่วยกันเดาวา่ เกิดอะไรขึน้ กับ Anna
ขั้นนำเสนอเน้อื หา (Presentation)
4. ครูเปิดเสยี งจากซีดีประกอบบทเรียน 2.46 แลว้ ใหน้ ักเรยี นอ่านบทสนทนาตามไปดว้ ย เพ่ือหาคำตอบ
วา่ เกดิ อะไรขนึ้ กับ Anna (ดูเฉลย)
5. ครูอธิบายคำศัพท์ สำนวนที่เป็นปัญหา และการใช้สำนวนในการกล่าวคำขอโทษและตอบรับคำขอ
โทษของเจ้าของภาษา และทบทวนเรื่อง การใช้ Past Continuous Tense ที่ได้เรียนไปแล้วในบทเรียนย่อยที่ 1
โดยให้นักเรียนอาสาสมัครสรุปวิธีการใช้ Past Continuous Tense และวิธีการสังเกตประโยคที่ใช้ Past
Continuous Tense คนละ 1 ขอ้
6. ครูใหน้ ักเรยี นขดี เสน้ ใต้ส่วนท่เี ป็น Past Continuous Tense ในบทสนทนา และสงั เกต
การใช้ตัวเชื่อมประโยค as, while และ when จากนั้นให้นักเรียนอ่านประโยคที่ขีดเส้นใต้ไว้ แล้วบอกข้อสังเกต
ของการใชต้ วั เชอื่ มประโยคท้ังสาม เพื่อทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนอีกครั้ง
ขน้ั ฝกึ (Practice)
7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 2 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book
หน้า 98 เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบทสนทนาให้ถูกต้อง (ดูเฉลย) ครูสุ่มเรียกนักเรียนตอบปากเปล่าเรียงลำดับ
เหตุการณเ์ ป็นรายบุคคล
ขนั้ นำไปใช้ (Production)
8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 3 โดยตอบคำถามปากเปล่าเป็นรายบุคคล จากนั้นให้นักเรียนเขียน
ตอบลงในสมุด
ข้ันสรุป (Warp up)
9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอื่ / อปุ กรณ์
สื่ออุปกรณ์
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 98)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. พจจนานุกรม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอ่านและเข้าใจ - ตรวจแบบฝกึ หัด ขอ้ 2 - แบบฝกึ หัด ข้อ 2 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หนังสือเรยี น หน้า 98 เกณฑ์
บทสนทนาเก่ยี วกบั
อาชญากรรมทมี่ ีการทำรา้ ย
ร่างกายได้ถกู ต้อง
(P)-สามารถจบั ใจความ - ตรวจแบบฝึกหดั ข้อ 3 - แบบฝึกหัด ขอ้ 3 ใน - ร้อยละ 60 ผ่าน
หนังสอื เรียน หนา้ 98 เกณฑ์
สำคญั และตอบคำถามจาก
เรือ่ งท่ีอ่านได้อยา่ งถูกต้อง
(A) -ความตงั้ ใจ -สังเกตพฤติกรรมเปน็ -แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 33
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 9 Is it Chance? จำนวน 1 ช่ัวโมง
เร่ือง Adverbs of manner
1. สาระสำคญั
เรยี นรู้คำวเิ ศษณ์ Adverbs of manner ฝึกเปล่ยี นคำคณุ ศพั ท์ให้เป็นคำวเิ ศษณ์
2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งทฟ่ี ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใชง้ านต่าง ๆ คำช้แี จง คำอธิบาย และคำบรรยาย
ที่ฟังและอา่ น
3.สาระการเรียนรู้ -
Vocabulary
Function/Speaking - Talking about dialogue: What happened?
Grammar - Adverbs of manner
-
Listening -
Reading -
Writing
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถเข้าใจหลักการใช้ Adverbs of mannerได้ถูกต้อง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถเปลี่ยนคำคณุ ศัพท์เป็นคำวเิ ศษณ์ได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความต้ังใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรัชญา
หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศกึ ษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มเี หตผุ ล นักเรยี นสามารถเข้าใจหลกั การใช้ Adverbs of mannerไดถ้ กู ต้อง
หลักสรา้ งภมู คิ ุ้มกันในตวั ที่ดี การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้โดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขความรู้ นกั เรียนสามารถเปลยี่ นคำคุณศพั ท์เป็นคำวเิ ศษณ์ได้
เง่อื นไขคณุ ธรรม นกั เรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความตั้งใจ
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเข้าสู่บทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนักเรียนกลา่ วคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 98 แล้วช่วยกัน
ทบทวนบทสนทนา
ขน้ั นำเสนอเน้อื หา (Presentation)
3. ครเู ขยี นประโยคเกี่ยวกับ Adverbs of manners บนกระดาน ดงั น้ี
We are happy. We talk happily.
ครูให้นักเรียนสังเกตคำที่ขีดเส้นใต้บนกระดานแต่ละประโยค ในประโยคแรกเป็นคำ Adjective
บอกลักษณะของคำนามหรือสรรพนาม ส่วนในประโยคท้าย คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำ Adverb บอกลักษณะของ
คำกริยาการพูดคุย ว่าคุยอย่างมีความสุข กริยาวิเศษณ์ที่บ่งบอกลักษณะ อาการ ท่าทางของการกระทำนี้ เรียกว่า
Adverbs of manner
การเปลี่ยน descriptive adjective เป็น adverbs of manners มวี ิธีการดังน้ี
1. เติม -ly หลงั คำ Adjective เชน่ slowly, quickly
2. คำ Adjective ทล่ี งท้ายดว้ ย y ใหเ้ ปลยี่ น y เปน็ I แลว้ เตมิ -ly เชน่ easily, happily
ยกเว้น dry dryly shy shyly
3. คำ Adjective ท่ลี งท้ายด้วย -le ใหต้ ัด e แล้วเติม y เชน่ simple simply
4. คำ Adjective ทลี่ งทา้ ยดว้ ย e ให้คง e ไว้ แลว้ เติม -ly เช่น
aggressive aggressively
ยกเวน้ true truly
5. คำ Adjective ทล่ี งทา้ ยดว้ ย -ic ให้เตมิ -ally เช่น dramatic dramatically
6. คำ Adjective ที่ลงท้ายด้วย -ly อยู่แล้ว ไม่สามารถทำเป็น Adverb ได้ ถ้าจะใช้
ต้องใชใ้ นรปู Adverbial expression เช่น He talked to me in a friend way.
7. คำ Adjective บางคำ เมอื่ เปน็ Adverb ก็ยงั คงรปู เดมิ เชน่
It’s a fast train. (adjective)
The rabbit runs fast. (adverb)
8. คำ Adjective บางคำ มีรูปเดียวกับคำ Adverb แต่เมื่อเติม -ly ความหมายจะเปลี่ยนไป
เชน่
It’s a hard work. (adjective) มนั เป็นงานหนัก
He works hard. (adverb) เขาทำงานอย่างหนกั
He hardly works hard. (adverb) เขาไมค่ อ่ ยจะทำงานหนัก
9. คำ Adjective บางคำ เมือ่ ใช้เป็น Adverb จะเปลยี่ นรูปไป เชน่ good well
4. ครูใหน้ ักเรยี นขีดเส้นใตค้ ำ Adverbs of manners ท่ปี รากฏในบทสนทนา แล้วบอกวา่
มีคำอะไรบ้าง และทำหนา้ ทข่ี ยายคำกรยิ าตวั ไหน
ขั้นฝึก (Practice)
5. ครูคัดลอกตาราง Adverbs of manners จากหนังสือ Flash on English Elementary Student’s
Book หน้า 99 ลงบนกระดานหน้าชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนออกไปเขียนคำ Adverb จากคำ Adjective ท่ี
กำหนดให้ พรอ้ มเขยี นคำแปลเปน็ ภาษาไทย จากน้นั ขออาสาสมคั รออกไปตรวจคำตอบที่เพ่ือนทำบนกระดาน
ข้นั นำไปใช้ (Production)
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดยเปลี่ยนคำ Adjective ที่กำหนดให้เป็น Adverb แล้วเติมคำ
เหล่านั้นลงในชอ่ งว่างใหถ้ กู ตอ้ ง (ดูเฉลย)
ข้ันสรุป (Warp up)
7. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สือ่ / อปุ กรณ์
สอ่ื อุปกรณ์
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 98-99)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานกุ รม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถเขา้ ใจหลักการ - ตรวจแบบฝึกหัด ขอ้ 4 - แบบฝกึ หดั ข้อ 4 ใน -ร้อยละ 60 ผา่ น
ใช้ Adverbs of mannerได้ หนงั สอื เรยี น หน้า 99 เกณฑ์
ถูกต้อง
(P)-นักเรียนสามารถเปลี่ยน - ตรวจแบบฝึกหดั บนตาราง - แบบฝึกหัดบนตารางหนา้ - ร้อยละ 60 ผ่าน
คำคณุ ศพั ท์เปน็ คำวิเศษณ์ได้ หน้า 99 99 เกณฑ์
(A) -ความตัง้ ใจ -สงั เกตพฤตกิ รรมเป็น -แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคณุ ภาพ 2
รายบุคคล
รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 34
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชวั่ โมง
เรื่อง Where was the dog?
1. สาระสำคญั
เรียนรู้คำศัพท์ crimes and criminals ทบทวนรูปประโยคของ Past Continuous Tense และฝึกแต่ง
เรอ่ื งราวจากภาพ
2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอา่ นจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมีเหตุผล
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคู่มอื การใชง้ านต่าง ๆ คำชแ้ี จง คำอธบิ าย และคำบรรยาย
ทีฟ่ งั และอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ
คดิ เห็นอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม.4/4 พูดและเขยี นเพื่อขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรยี บเทยี บ และแสดงความ
คิดเห็นเกีย่ วกับเร่ือง/ประเด็น/ขา่ ว/เหตกุ ารณท์ ีฟ่ งั และอ่านอยา่ งเหมาะสม
3.สาระการเรียนรู้ -
Vocabulary
Function/Speaking - Talking about crimes and criminals
Grammar - Past Continuous Tense
-
Listening -
Reading - Write the story of the dog thief
Writing
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถแยกความแตกต่างของคำว่า ขโมย ได้ถกู ต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรียนสามารถแต่งเร่อื งราวจากภาพได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมดว้ ยความต้งั ใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
7. การบูรณาการหลักปรชั ญา
หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรูแ้ ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมีเหตุผล นักเรยี นสามารถแยกความแตกต่างของคำว่า ขโมย ไดถ้ กู ตอ้ ง
หลักสร้างภมู ิคมุ้ กนั ในตวั ที่ดี การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้โดยมีความถูกต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงือ่ นไขความรู้ นักเรยี นสามารถแต่งเรอ่ื งราวจากภาพได้
เง่อื นไขคณุ ธรรม นักเรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ยความตัง้ ใจ
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน (Warm up)
1. ครแู ละนักเรยี นกลา่ วคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 5 Vocabulary : Crimes and criminals โดยจับคู่คำศัพท์กับภาพ
ขโมย จากนั้นครูเปดิ เสียงจากซีดปี ระกอบบทเรียน เพอื่ ตรวจคำตอบ ครเู ปดิ เสียงจากซีดีประกอบบทเรยี นอีกคร้ัง
ใหน้ ักเรียนฝกึ ออกเสียงตามใหถ้ ูกต้อง
ข้ันนำเสนอเน้อื หา (Presentation)
3. ครูอธบิ ายคำศพั ทเ์ กี่ยวกับความแตกต่างของคำว่า ขโมย
Culture : ความแตกต่างของคา “ขโมย”
1. thief คือ คนทขี่ โมยของ โดยทเ่ี จ้าของไมร่ ูต้ วั และไม่ใช้ความรุนแรงในการขโมย
เช่น นกั ลว้ งกระเป๋า
2. robber คอื คนท่ขี โมยของโดยใชก้ ำลงั หรือการขม่ ขู่ แต่ไม่ได้ทำให้เหยื่อไดร้ ับบาดเจบ็
3. mugger คอื พวกฉกชงิ วงิ่ ราวท่ีทำร้ายเหย่ือใหไ้ ด้รับบาดเจบ็ เพอื่ ชงิ ทรพั ยส์ ิน
4. forger คือ คนทปี่ ลอมแปลงเอกสาร ปลอมลายมือ
5. burglar คอื ขโมยทแี่ อบเข้าลกั ทรัพยใ์ นบา้ นเรือน หรือนกั ยอ่ งเบา
6. shoplifter คือ ขโมยทีง่ ัดแงะตามรา้ นคา้
7. pickpocket คอื นกั ล้วงกระเป๋า
8. smuggler คอื พวกท่ีลักลอบนำคนหรือสนิ ค้าเขา้ มาโดยผดิ กฎหมาย
4. ครูทบทวนรูปประโยคของ Past Continuous Tense อีกครง้ั หนง่ึ ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั
ข้อ 6 หน้า 99 ทำวงกลมตัวเชื่อมประโยคที่บ่งชี้เวลา แล้วเปลี่ยนคำกริยาในประโยคให้ถูก Tense ว่าประโยคใด
เป็น Past Continuous Tense หรือ Past Simple Tense เมื่อนักเรียนทำเสร็จ ครูสุ่มนักเรียนออกไปเขียน
ประโยคคำตอบบนกระดาน แล้วขอนกั เรียนอาสาสมัครออกไปตรวจคำตอบ
ขน้ั ฝึก (Practice)
5. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 7 Say it! โดยดูภาพ 3 ภาพ แล้วบอกว่าเกิดอะไรขึ้นโดยเริ่มจากให้
นักเรียนจับคู่ช่วยกันแต่งประโยคจากคำหรือวลีที่กำหนดให้ จากนั้นครูสุ่มเรียกนักเรียนคนใดคนหนึ่งอ่านเรื่อง
ทั้งหมดที่ตนแต่งให้เพื่อนในห้องฟัง หรืออาจจะเรียกนักเรียนอ่านเรื่องที่ตนแต่ง คนละ 1 ประโยค แล้วนำมา
ปะตดิ ปะตอ่ กนั ซึง่ จะได้เรอ่ื งราวท่แี ปลก และแตกตา่ งกันออกไป
ขั้นนำไปใช้ (Production)
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 8 Writing it! โดยเขียนเรื่องการขโมยสุนัข ด้วยข้อมูลที่นักเรียนได้
แต่งไว้ แลว้ นำคำสนั ธานเชื่อมประโยคในแบบฝึกหัดข้อ 6 คอื as when, while มาใช้ในงานเขียนดว้ ย
ขน้ั สรุป (Warp up)
7. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. ส่ือ / อุปกรณ์
สอื่ อปุ กรณ์
1. หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 99)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานกุ รม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถแยกความ - ตรวจแบบฝึกหดั ข้อ 5 - แบบฝกึ หัด ขอ้ 5 ใน -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
แตกต่างของคำว่า ขโมย ได้ หนังสือเรยี น หนา้ 99 เกณฑ์
ถกู ต้อง - ตรวจแบบฝกึ หดั ข้อ 7-8
(P)-สามารถแต่งเร่ืองราว -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ - แบบฝกึ หัดขอ้ 7-8 ใน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
จากภาพได้ รายบุคคล หนังสอื เรียน หนา้ 99 เกณฑ์
(A) -ความต้ังใจ -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ -ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 35
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 Is it Chance? จำนวน 1 ชั่วโมง
เรื่อง Frankenstein’s Monster
1. สาระสำคญั
อ่านเรื่องราวบางตอนของเรื่อง Frankenstein และบทอ่านสั้นๆ เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของเรื่อง และสรุป
ใจความสำคัญตอบคำถามจากเรอ่ื งที่อา่ น
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ งั และอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ชีว้ ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ อื การใชง้ านตา่ ง ๆ คำชี้แจง คำอธิบาย และคำบรรยาย
ทฟ่ี ังและอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คดิ เห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวช้ีวัด ต 1.2 ม.4/5 พดู และเขยี นบรรยายความร้สู ึกและแสดงความคดิ เหน็ ของตนเองเกยี่ วกบั เร่อื ง
ตา่ งๆ กิจกรรมประสบการณ์ และขา่ ว/เหตกุ ารณอ์ ย่างมีเหตผุ ล
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งตา่ งๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตัวชี้วดั ต 1.3 ม.4/2 พดู และเขียนสรปุ ใจความสำคัญ แก่นสาระทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง กจิ กรรม
ขา่ ว เหตกุ ารณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ
3.สาระการเรยี นรู้ - monster (n.) a large, ugly, and frightening imaginary creature สิ่งมีชีวิต
Vocabulary ประหลาด ผดี บิ
- author (n.) a writer of a book, article, or document ผเู้ ขยี น
- robot (n.) a machine capable of carrying out a complex series of actions
automatically, especially one programmable by a computerห่นุ ยนต์
Function/Speaking - ghost (n.) an apparition of a dead person which is believed to appear
or become manifest to the living, typically as a nebulous image ปีศาจ
Grammar ผี
Listening - supernatural (adj.) (of a manifestation or event) attributed to some force
Reading beyond scientific understanding or the laws of nature เหนอื ธรรมชาติ
Writing
- tragic (adj.) causing or characterized by extreme distress or sorrow
น่าสลดใจ
- Talking about Frankenstein’s Monster
-
-
- Read about Frankenstein’s Monster
-
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถอ่านและเขา้ ใจบางตอนของเร่ือง Frankenstein และบทอ่านส้ันๆ เก่ยี วกบั
จุดเริ่มตน้ ของเรอื่ งได้ถกู ต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถสรุปใจความสำคัญและตอบคำถามจากเรื่องท่ีอา่ นได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมดว้ ยความต้งั ใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลกั มเี หตผุ ล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบางตอนของเรื่อง Frankenstein และบทอ่าน
หลักสร้างภมู ิคมุ้ กันในตวั ท่ีดี สั้นๆ เกีย่ วกบั จุดเรม่ิ ตน้ ของเรอ่ื งไดถ้ ูกตอ้ ง
การเลือกศึกษาจากแหลง่ เรียนรู้โดยมคี วามถูกต้อง
เง่ือนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขคุณธรรม นักเรียนสามารถสรุปใจความสำคญั และตอบคำถามจากเร่ืองท่ีอ่านได้
นักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมดว้ ยความตงั้ ใจ
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น (Warm up)
1. ครแู ละนกั เรียนกล่าวคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 102 และอ่าน
เรื่อง Frankenstein’s Monster แล้วถามนักเรียนว่าเคยได้ยินชื่อ หรือเคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับ Frankenstein
บ้างหรอื ไม่ และทราบหรอื ไมว่ ่าผู้เขียนเรื่อง Frankenstein คือใคร
3. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 1 Before you read เพื่อทดสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ
เร่ือง Frankenstein โดยเขียน T ทา้ ยข้อความท่ถี ูก และ F ทา้ ยขอ้ ความทีผ่ ิด
ข้นั นำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)
4. ครเู ลา่ เรอ่ื งย่อ Frankenstein ใหน้ กั เรียนฟัง โดยอ่านได้จาก
http://www.dekd.com/board/view/917800/
5. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนถูกสร้างขึ้นมาให้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว และถูกปล่อยทิ้งให้อยู่
อย่างโดดเดย่ี วนักเรยี นจะร้สู กึ อยา่ งไร จะปฏบิ ัติตนอยา่ งไร แลว้ เปิดโอกาสให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็น
6. ครูให้นักเรียนอ่านเรื่องย่อของ Mary Shelley ผู้ประพันธ์เรื่อง Frankenstein เพื่อตรวจคำตอบของ
แบบฝกึ หดั ขอ้ 1
7. ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านที่คัดลอกมาจากหนังสือเรื่อง Frankenstein 3 ย่อหน้า แล้วให้นักเรียน
จับคู่เนื้อเรื่องแต่ละย่อหน้ากับภาพ และตอบคำถามว่าแต่ละย่อหน้านั้นเป็นคำพูดของ monster หรือ
นักวิทยาศาสตร์
8. ครใู หน้ ักเรียนหาคำศัพทท์ ี่เปน็ ปญั หาเทา่ ท่จี ำเปน็ จาก dictionary
ขน้ั ฝึก (Practice)
9. ครูให้นักเรียนอ่านเก็บรายละเอียดเนื้อเรื่องอีกครั้ง แล้วทำแบบฝึกหัดข้อ 4 ในหนังสือ Flash on
English Elementary Student’s Book หน้า 103 โดยการตอบปากเปลา่ จากนน้ั เขยี นลงสมดุ
ขัน้ นำไปใช้ (Production)
10. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝึกหดั ข้อ 5 โดยแปลคำศพั ท์ทก่ี ำหนดให้เป็นภาษาไทย
ขน้ั สรุป (Warp up)
11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนกั เรยี นว่า “What have you learned from
today?”
9. สือ่ / อปุ กรณ์
สอื่ อปุ กรณ์
1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 102-103)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์
4. พจจนานุกรม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถอ่านและเขา้ ใจ - ตรวจแบบฝึกหัด ข้อ 3 - แบบฝึกหัด ขอ้ 3 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
หนงั สือเรยี น หนา้ 102 เกณฑ์
บางตอนของเร่ือง
Frankenstein และบทอา่ น
สน้ั ๆ เกี่ยวกบั จดุ เรมิ่ ต้นของ
เรือ่ งได้ถกู ต้อง
(P)-สามารถสรปุ ใจความ - ตรวจแบบฝึกหัดขอ้ 4 - แบบฝึกหัดขอ้ 4 ใน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หนงั สอื เรยี น หน้า 103 เกณฑ์
สำคัญและตอบคำถามจาก
เรอ่ื งที่อา่ นได้
(A) -ความต้งั ใจ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ -แบบสังเกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคุณภาพ 2
รายบุคคล รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 36 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4
จำนวน 1 ชัว่ โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 9 Is it Chance?
เรือ่ ง Frankenstein’s Monster 2
1. สาระสำคัญ
ฟังบทสนทนานักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง Frankenstein จับใจความสำคัญ ตอบคำถามจากเรื่องท่ีฟัง
และเขียนบรรยายฉากเรอ่ื ง Frankenstein
2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่อื งทฟ่ี ังและอ่านจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมเี หตุผล
ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.4/1 จับใจความสำคัญ วิเคราะหค์ วาม สรปุ ความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก
การฟงั และอา่ นเร่อื งทเี่ ปน็ สารคดีและบนั เทิงคดี พรอ้ มท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่อื งตา่ งๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ชวี้ ดั ต 1.3 ม.4/3 พูดและเขียนแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั กจิ กรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์ ท้ัง
ในทอ้ งถิน่ สังคม และโลก พรอ้ มทั้งใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ งประกอบ
3.สาระการเรยี นรู้
Vocabulary - judge (v.) decide (a case) in a law court ตัดสนิ พจิ ารณา ลงความเหน็
Function/Speaking - conquer (v.) successfully overcome (a problem or weakness) ชนะ
- attention (n.) notice taken of someone or something; the regarding of
someone or something as interesting or important ความสนใจ ความต้งั ใจ
ความใสใ่ จ
- guy (n.) a man คน
- ambitious (adj.) having or showing a strong desire and determination
to succeed ทะเยอทะยาน ปรารถนาแรงกล้า
- consequence (n.) a result or effect, typically one that is unwelcome or
unpleasant ผล ผลลพั ธ์
- Talking about Frankenstein’s Monster
Grammar -
Listening -
Reading - Read about Frankenstein’s Monster
Writing - Write a description of the scene in Frankenstein
4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถฟงั นกั เรียนในบทสนทนาพูดคุยเกีย่ วกบั เรอ่ื ง Frankenstein ได้
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายฉากเรื่อง Frankenstein ได้
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดว้ ยความต้งั ใจ
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
7. การบรู ณาการหลักปรชั ญา
หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาหาความรู้และทำงานเหมาะกับเวลา
หลกั มีเหตผุ ล
นักเรียนสามารถฟังนักเรียนในบทสนทนาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง Frankenstein
หลักสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี ได้
การเลอื กศึกษาจากแหลง่ เรียนร้โู ดยมีความถกู ต้อง
เง่อื นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงือ่ นไขคณุ ธรรม นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายฉากเรอ่ื ง Frankenstein ได้
นกั เรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมด้วยความตั้งใจ
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรยี น (Warm up)
1. ครูและนักเรียนกลา่ วคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 102 ทบทวน
เนื้อหาท่ีเรียนในคาบท่แี ลว้
3. ครูอธิบายว่า แบบฝึกหัดข้อ 6 หน้า 103 เป็นการฝึก Listening มีนักเรียนคนหน่ึงพูดถงึ หนังสือเร่อื ง
Frankenstein
ขน้ั นำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
4. ครูเขยี นคำศัพท์ท่นี กั เรยี นจะได้ยนิ บนกระดาน และอธิบายความหมายของคำศัพท์ ได้แก่ guy,
consequence, ambitious, incredible, selfish, effect, victim, treat, judge
5. ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน 2.50 แล้วให้นักเรียนจดบันทึกคำตอบทั้ง 4 หัวข้อ จากนั้นครู
ส่มุ เรียกนักเรียนตอบคำถามเปน็ รายบคุ คล
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 7 โดยอ่านบทอ่านตอนหนึ่งของเรื่องซึ่งเว้นช่องว่างไว้ ให้นักเรียน
เข้าใจภาพรวมทง้ั หมด ก่อนฟงั เรื่องราวและเติมคำให้ถูกต้อง
7. ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน 2.50 แล้วให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างเมื่อนักเรียนทำเสร็จ
ครูสมุ่ เรียกนกั เรียนอ่านประโยคที่เติมคำแล้วเปน็ รายบุคคล นักเรียนในห้องช่วยกันตรวจคำตอบอกี ครง้ั
8. ครูให้นักเรียนอ่าน Study Skills (Opening sentences) แล้วอธิบายว่าจุดมุ่งหมายของ Opening
sentence ในงานเขียนบรรยาย คือการดึงความสนใจของผูอ้ ่านให้เกิดความอยากรู้ว่าจะมอี ะไรเกิดขึ้นต่อไป (โดย
อา่ นตวั อยา่ งทใี่ ห้ไวจ้ ากเร่ือง Rebecca และ Pride and Prejudice)
ขัน้ ฝกึ (Practice)
9. ครูใหน้ กั เรียนอ่านบทอ่านในแบบฝกึ หดั ข้อ 10 แล้วสรุปว่า มเี หตุการณอ์ ะไรเกิดข้นึ เพ่ือทดสอบความ
เขา้ ใจเรอื่ งท่ีอ่าน จากนัน้ ให้นักเรยี นเขยี นเรื่องนั้นใหม่เป็นเร่ืองเล่าใชส้ รรพนามบุรุษท่ี 3 ในการเขียนบรรยาย และ
ใช้ Opening sentence นำเรอ่ื ง (ดูเฉลย)
ข้ันนำไปใช้ (Production)
10. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ขอ้ 8 Speaking ในหนงั สือ Flash on English ElementaryStudent’s
Book หนา้ 103โดยรวมกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน แลว้ ช่วยกนั พจิ ารณาว่าหวั ข้อท่ีกำหนดใหน้ ั้นตรงกับสำนวนของไทย
อย่างไร และหัวข้อใดที่มีใจความสำคัญตรงกับส่วนใดของเรื่อง Frankenstein บ้างให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือก 1
หัวข้อ และหาตัวอย่างประโยคจากเรื่องสรุปและจากเรื่องราวในแบบฝึกหัดข้อ 2 และ 3 ในหนังสือ Flash on
English Elementary Student’s Book หนา้ 103 มาสนับสนุนหัวข้อนั้นๆ (ดูเฉลย)
ขั้นสรุป (Warp up)
11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องท่ีได้เรียนไปวันนีโ้ ดยถามนกั เรยี นว่า “What have you learned from
today?”
9. สื่อ / อปุ กรณ์
ส่อื อปุ กรณ์
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 102-103)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์
4. พจจนานกุ รม
10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล
(K) –สามารถฟังนักเรียนใน - ตรวจแบบฝึกหัด ข้อ 6-7 - แบบฝึกหัด ขอ้ 6-7 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
บทสนทนาพดู คยุ เกี่ยวกบั หนงั สือเรยี น หน้า 103 เกณฑ์
เร่อื ง Frankenstein ได้
(P)-สามารถเขยี นบรรยาย - ตรวจแบบฝกึ หัดข้อ 10 - แบบฝึกหัดข้อ 10 ใน - ร้อยละ 60 ผ่าน
ฉากเรอ่ื ง Frankenstein ได้ หนงั สอื เรยี น หน้า 103 เกณฑ์
(A) -ความต้ังใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเปน็ -แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคณุ ภาพ 2
รายบุคคล
รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์