The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผน อ31102 ครูอังคณา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaimath2514, 2021-11-11 01:15:11

ภาษาอังกฤษ 2 ม 4

แผน อ31102 ครูอังคณา

ขัน้ สรุป (Warp up)

11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. สอ่ื / อปุ กรณ์
สือ่ อุปกรณ์
1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 80)
2. Power point เกยี่ วกบั คำศพั ท์
3. คอมพิวเตอร์
4. ลำโพง

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –สามารถอา่ นและเข้าใจ - ตรวจแบบฝกึ หัด ขอ้ 2 ใน - แบบฝึกหดั ข้อ 2 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
Flash on English เกณฑ์
บทสนทนาที่พอ่ ของ Anna Flash on English Elementary Student’s
Book หน้า 80 - ร้อยละ 60 ผา่ น
บอกลกู สาวว่า สิ่งใดทำได้ Elementary Student’s เกณฑ์
- แบบฝึกหัด ข้อ 3 ใน
และสง่ิ ใดไม่ควรทำได้ Book หน้า 80 หนังสอื Flash on English -ระดับคุณภาพ 2
Elementary Student’s ผ่านเกณฑ์
ถกู ต้อง Book หน้า 80
-แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็
(P)- สามารถแตง่ ประโยค - ตรวจแบบฝกึ หัด ขอ้ 3 ใน รายบคุ คล

ดว้ ยคำท่ีกำหนดให้ ได้อย่าง หนงั สือ Flash on English

ถกู ต้อง Elementary Student’s

Book หนา้ 80

(A) -ความต้งั ใจ -สังเกตพฤติกรรมเปน็

รายบุคคล

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 18 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
จำนวน 1 ช่ัวโมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 7 Love, Love, Love…
เรอื่ ง Can for permission

1. สาระสำคญั
เรยี นรู้หลักการใช้ can for permission ฝึกแตง่ ประโยคโดยใช้ can for permission และสามารถนำ

ความรู้ไปปรับใช้ในการสนทนาภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ดั

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่อื งทีฟ่ ังและอ่านจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล

ตัวชีว้ ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานตา่ ง ๆ คำชแี้ จง คำอธิบาย และคำ
บรรยายที่ฟังและอา่ น

3.สาระการเรียนรู้ -

Vocabulary - Talking about can for permission
Function/Speaking
- can for permission
Grammar
-
Listening -
Reading -
Writing -
Culture

4. จุดประสงค์การเรียนรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถเข้าใจหลักการใช้ can for permission ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
ไมค่ วรทำได้ถูกต้อง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถแตง่ ประโยคโดยใช้ can for permission ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความต้ังใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

7. การบรู ณาการหลักปรชั ญา

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมีเหตผุ ล นกั เรียนสามารถเขา้ ใจหลักการใช้ can for permission ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
หลกั สรา้ งภมู ิคุ้มกันในตวั ท่ีดี การเลือกศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรโู้ ดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เง่อื นไขความรู้ นกั เรียนสามารถแตง่ ประโยคโดยใช้ can for permission ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
เง่อื นไขคณุ ธรรม นักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมด้วยความตั้งใจ

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรียน (Warm up)

1. ครูและนักเรียนกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?

Teacher : I’m very well. Thank you
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันทบทวนเนื้อหาทเ่ี รยี นในคาบทีแ่ ล้ว
3. ครูชี้แจงนักเรียนว่าคาบนี้จะเรียนเกี่ยวกับ can for permission ซึ่งเป็นไวยากรณ์ที่พบในบท
สนทนาที่เรียนไปในคาบทแี่ ลว้
ขนั้ นำเสนอเนอื้ หา (Presentation)
4. ครูเขียนประโยคการใช้ Can for permission บนกระดาน พร้อมอธิบายว่า can นอกจากจะใช้
ในเรื่อง ability และ request ที่เรียนมาแล้ว อีกทงั้ ยังใชใ้ นการขออนญุ าต อนุญาต และไม่อนุญาตได้ ดงั นี้
Can I go to the cinema with Caroline?
Yes, you can./No, you can’t.

ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันหาประโยคทีใ่ ช้ can for permission จากบทสนทนา หน้า 80 แลว้ บอกวา่
มปี ระโยคใดบ้าง
ขั้นฝึก (Practice)

5. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดขอ้ 4 ในหนงั สอื Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 81 โดยแตง่ ประโยคขออนญุ าต โดยใช้ Can กบั คำ และข้อความท่ีกำหนดให้ (ดูเฉลย)
ขน้ั นำไปใช้ (Production)

6. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหดั ข้อ 5 ในหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 83 โดยเตมิ คำลงในบทสนทนาให้สมบรู ณ์
ขั้นสรปุ (Warp up)

7. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. ส่อื / อปุ กรณ์
ส่ืออปุ กรณ์
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 81,83)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –สามารถเขา้ ใจหลกั การ - ตรวจแบบฝึกหัด ขอ้ 5 ใน - แบบฝกึ หัด ข้อ 5 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
Flash on English เกณฑ์
ใช้ can for permission ได้ Flash on English Elementary Student’s
Book หนา้ 83 - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
อยา่ งถูกต้อง Elementary Student’s - แบบฝึกหดั ข้อ 4 ใน เกณฑ์
หนังสอื Flash on English
Book หนา้ 83 Elementary Student’s -ระดบั คุณภาพ 2
Book หน้า 81 ผา่ นเกณฑ์
(P)- สามารถแต่งประโยค - ตรวจแบบฝกึ หัด ขอ้ 4 ใน -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็
รายบคุ คล
โดยใช้ can for หนงั สอื Flash on English

permission ได้อย่าง Elementary Student’s

ถูกต้อง Book หน้า 81

(A) -ความตัง้ ใจ -สงั เกตพฤติกรรมเป็น

รายบคุ คล

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 19 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4
จำนวน 1 ชั่วโมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 Love, Love, Love…
เรือ่ ง Adjectives of personality

1. สาระสำคัญ
เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับ Adjectives of personality หลักการใช้ expression be like และเขียน

บรรยายรูปร่าง บุคลิกลักษณะของครูหรือนักเรียนคนใดคนหนึ่ง สามารถนำความรู้ที่ได้ไปฝึกแต่งประโยค
สนทนา

2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอ่ื งทีฟ่ ังและอ่านจากสอื่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผล

ตัวชวี้ ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัตติ ามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานตา่ ง ๆ คำช้แี จง คำอธิบาย และคำ
บรรยายท่ฟี งั และอ่าน

มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู กึ และ
ความคดิ เหน็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.4/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย อธิบาย เปรยี บเทียบ และแสดง
ความคดิ เห็นเกี่ยวกับเรือ่ ง/ประเด็น/ขา่ ว/เหตุการณท์ ี่ฟังและอา่ นอย่างเหมาะสม

3.สาระการเรยี นรู้

Vocabulary - intelligent (adj.) having or showing intelligence, especially of a high
level ฉลาด

- irresponsible (adj.) (of a person, attitude, or action) not showing a proper
sense of responsibility ขาดความรับผดิ ชอบ

- prompt (v.) (of an event or fact) cause or bring about (an action or
feeling) พรอ้ ม ทนั ที

- silly (adj.) having or showing a lack of common sense or judgement;
absurd and foolishโง่ เซ่อ ไร้สาระ

- shy (adj.) nervous or timid in the company of other people ขีอ้ าย
- reliable (adj.) consistently good in quality or performance; able to be

trusted ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ
- sensible (adj.) (of a person) possessing or displaying prudence มีเหตุผล

มไี หวพรบิ

Function/Speaking - nervous (adj.) easily agitated or alarmed หงุดหงดิ กงั วลใจ
Grammar - funny (adj.) causing laughter or amusement; humorous
Listening
Reading น่าขบขนั ตลก สนกุ
Writing
- Talking about adjectives of personality
Culture
- Expression be like

- Listening to the life of Marilyn Monroe
-
- Write about describe appearance and personality your teacher

or friends
-

4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนสามารถเข้าใจหลักการใช้ expression be like ได้อย่างถูกตอ้ ง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรียนสามารถเขียนบรรยายรปู ร่าง บคุ ลิกลกั ษณะของครหู รอื นกั เรียนคนใดคนหนึ่งได้

3. ด้านเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความตงั้ ใจ

5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

7. การบูรณาการหลกั ปรัชญา

หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรูแ้ ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลกั มเี หตผุ ล
หลักสร้างภูมคิ ุ้มกันในตัวทีด่ ี นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจหลกั การใช้ expression be like ได้อยา่ งถูกต้อง

เงอื่ นไขความรู้ การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรโู้ ดยมคี วามถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เง่ือนไขคณุ ธรรม นักเรียนสามารถเขียนบรรยายรูปร่าง บุคลิกลักษณะของครูหรือนักเรียนคน
ใดคนหน่งึ ได้
นักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความตั้งใจ

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนกั เรียนกลา่ วคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครใู หน้ ักเรียนดูภาพตวั การต์ ูนตัวหน่ึง แล้วถามนกั เรียนว่า What’s he like แล้วให้นักเรียนตอบ
เกี่ยวกับรปู ร่างหน้าตา บคุ ลิกของตัวการต์ ูน

3. ครูแจง้ นักเรยี นว่าคาบนจ้ี ะเรยี นเก่ยี วกบั เรื่อง adjectives of personality

ข้นั นำเสนอเนือ้ หา (Presentation)

4. ครนู ำเสนอคำศพั ทเ์ กีย่ วกับ adjectives of personality

5. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 5 Vocabulary : Adjective of personality โดยครูเปิดเสียง
จากซีดีประกอบบทเรียน 2.27 ซึ่งเป็นคำ adjective ที่แสดงบุคลิกภาพ แล้วให้นักเรียนออกเสียงตามให้
ถูกต้อง แล้วเขียนคำ adjective ที่กำหนดให้ลงในตาราง Positive หรือ Negative นักเรียนบางคนอาจเลือก
adjective บางตัวเป็น Positive หรือ Negative ก็ได้ เช่นคำว่า talkative, quiet ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและ
เหตผุ ลของแตล่ ะคน

6. ครูเขียนโครงสร้างประโยคคำถามเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพบนกระดาน แล้วอธิบายว่า
รปู ประโยคนี้ประกอบดว้ ย Verb to be และ like หมายความวา่ “รปู ร่างหนา้ ตาเป็นอยา่ งไร”

am I

What is he/ she/ it like?

are you/ they/ we

เชน่ A: What’s your new teacher like?

B: She’s really nice.

A : What are your sisters like?

B : They’re both small with black hair.

ขั้นฝกึ (Practice)

7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 6 Say it! โดยเล่นเกม Guess Who ให้จับคู่เล่นหรือเล่นทั้งชั้น
เรียนก็ได้ เพือ่ ถามตอบเกยี่ วกับรูปรา่ งหน้าตา และบคุ ลกิ ภาพ

8. ครูให้นักเรียนดูคลิปวิดีโอเพลงของ Marilyn Monroe จาก http://www.youtube.com/
watch?v=LX-m7eQrJZ4

ครูถามนักเรียนว่า “What was she like?” และให้นักเรียนช่วยกันตอบ เพื่อทดสอบความ
เข้าใจการถามตอบเกี่ยวกบั รปู รา่ งหนา้ ตา บคุ ลิกภาพท่ไี ด้เรยี นมาแลว้

9. ครูให้นักเรียนดู Fact File ของ Marilyn Monroe ที่นักเรียนจะต้องเติมข้อมูลให้ครบ ครูให้
นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 81 แล้วเปิดเสียงจากซีดี
ประกอบบทเรียน 2.28 เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของ Marilyn Monroe และกรอกข้อมูลลงใน Fact File
จากนัน้ ให้ช่วยกันเฉลยคำตอบ (ดูเฉลย)
ขั้นนำไปใช้ (Production)

10. ครูให้นักเรยี นนกึ ถึงครูหรือเพื่อนจากโรงเรียนเดิมของนักเรยี น แล้วเขียนบรรยายรปู ร่างหน้าตา
และบุคลิกภาพของบุคคลนั้นๆ ในแบบฝึกหัดข้อ 9 หนังสือ Flash on English Elementary Student’s
Book หน้า 81

ขนั้ สรุป (Warp up)

11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. ส่ือ / อปุ กรณ์

ส่ืออุปกรณ์

1. หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 81)

2. Power point

3. คอมพิวเตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล

การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์

(K) –สามารถเข้าใจหลักการ - สังเกตจากการโต้ตอบบท - แบบฝกึ หดั ขอ้ 6 Say it! -ร้อยละ 60 ผา่ น
โดยเล่นเกม Guess Who เกณฑ์
ใช้ expression be like ได้ สนทนาตอนเล่นเกม
- แบบฝึกหัด ข้อ 9 ใน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
อย่างถูกต้อง หนังสือ Flash on English เกณฑ์
Elementary Student’s
(P)- สามารถเขยี นบรรยาย - ตรวจแบบฝึกหดั ขอ้ 9 ใน Book หน้า 81 -ระดบั คณุ ภาพ 2
-แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ ผ่านเกณฑ์
รปู รา่ ง บุคลกิ ลักษณะของ หนงั สอื Flash on English รายบคุ คล

ครูหรือนักเรียนคนใดคน Elementary Student’s

หนง่ึ ได้ Book หน้า 81

(A) -ความต้ังใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเปน็

รายบุคคล

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 20 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 Love, Love, Love…
เรอ่ื ง Pronunciation : Stress on word prefixes

1. สาระสำคัญ
ฝึกการออกเสียงหนัก-เบาของคำศัพท์ 2 และ 3 พยางค์ ในภาษาองั กฤษ และสามารถนำไปปรับใช้ใน

การออกเสยี ง การพดู สนทนาในชวี ิตประจำวัน

2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรือ่ งท่ฟี งั และอ่านจากสอื่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตผุ ล

ตวั ช้วี ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใช้งานตา่ ง ๆ คำชี้แจง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายท่ีฟังและอ่าน

ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม.4/2 อ่านออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ โฆษณาบทรอ้ ยกรอง และบทละครสัน้
(skit) ถกู ต้องตามหลักการอา่ น

3.สาระการเรียนรู้

Vocabulary

Function/Speaking - Talking about pronunciation : Stress on word prefixes

Grammar -

Listening - Listening to pronunciation : Stress on word prefixes
Reading -
Writing -
Culture -

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรยี นสามารถเขา้ ใจหลกั การออกเสียง Stress on word prefixes ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถออกเสียง Stress on word prefixes ได้อย่างถกู ตอ้ ง
3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน

7. การบูรณาการหลกั ปรชั ญา

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตุผล
นักเรยี นสามารถเขา้ ใจหลกั การออกเสยี ง Stress on word prefixes ไดอ้ ย่าง
หลักสร้างภูมคิ ุ้มกันในตัวที่ดี ถูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้โดยมคี วามถกู ต้อง
เงื่อนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขคณุ ธรรม นกั เรยี นสามารถออกเสยี ง Stress on word prefixes ได้อย่างถกู ต้อง

นักเรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมด้วยความต้ังใจ

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนักเรียนกลา่ วคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครใู หน้ ักเรยี นดวู ดิ โี อเกย่ี วกับการออกเสียงเนน้ หนัก-เบาของคำ

3. ครูแจ้งนักเรียนว่าคาบนี้จะฝึกการออกเสียง Stress on word prefixes โดยให้นักเรียนเปิด
หนงั สอื Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 82

ขนั้ นำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)

4. ครอู ธิบายการออกเสยี ง Stress on word prefixes ในภาษาองั กฤษ

5. ครูสุ่มนักเรียน 2 คนให้สรุปหลักการออกเสียง Stress on word prefixes เพื่อเช็คความเข้าใจ
ของนกั เรียน

ขั้นฝกึ (Practice)

6. ครูให้นักเรียนอ่านกฎเกณฑ์การอ่านเน้นคำหนักเบา เรื่อง Pronunciation อีกครั้ง แล้วให้

นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดยสังเกตเครื่องหมายจุด จุดใหญ่อยู่ที่พยางค์ใด ให้เน้นเสียงหนัก

ที่พยางค์นั้น ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน ให้นักเรียนฟังการออกเสียง จากน้ัน

ครูเปิดเสยี งจากซีดปี ระกอบบทเรยี นอีกคร้งั แล้วใหน้ กั เรยี นออกเสยี งเน้นหนัก-เบาใหถ้ กู ตอ้ ง

7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 5 โดยทำเครื่องหมายจุดบนพยางค์ที่ออกเสียงเน้นหนักครูเปิด

เสียงจากซีดปี ระกอบบทเรียน ใหน้ กั เรยี นตรวจคำตอบ และออกเสียงตามใหถ้ กู ตอ้ ง

ขั้นนำไปใช้ (Production)

8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 7 โดยนำคำจากแบบฝึกหัดข้อ 5 มาเปลี่ยนให้เป็นคำที่มี
ความหมายตรงกันข้าม แล้วใส่เครื่องหมายจุดในการออกเสียงเน้นหนัก ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน
ให้นักเรียนฟังและตรวจคำตอบ จากนั้นครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียนอีกครัง้ แล้วให้นักเรียนออกเสียง
ตามให้ถกู ตอ้ ง

ขั้นสรุป (Warp up)

9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. สื่อ / อุปกรณ์

สื่ออปุ กรณ์

1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 82)

2. Power point

3. คอมพิวเตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล

การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์

(K) –สามารถเข้าใจหลกั การ - สังเกตจากการตอบคำถาม - คำถาม -ร้อยละ 60 ผ่าน
เกณฑ์
ออกเสียง Stress on word การสรปุ - แบบฝึกหดั ขอ้ 4 ใน
หนงั สอื Flash on English - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
prefixes ได้อย่างถกู ต้อง Elementary Student’s เกณฑ์
Book หนา้ 82
(P)- สามารถออกเสียง - ตรวจแบบฝกึ หดั ข้อ 4 ใน -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ -ระดับคณุ ภาพ 2
รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
Stress on word prefixes หนงั สือ Flash on English

ได้อยา่ งถกู ต้อง Elementary Student’s

Book หน้า 82

(A) -ความตงั้ ใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเปน็

รายบคุ คล

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 21 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 7 Love, Love, Love…
เร่อื ง They’re coming out of the kitchen

1. สาระสำคัญ
ถาม- ตอบเกยี่ วกบั สุภาพสตรีชาวองั กฤษที่มชี อื่ เสียง 2 คน และสรุปใจความสำคัญจากเร่อื งที่อา่ น

2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งทีฟ่ งั และอ่านจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตัวชว้ี ดั ต 1.1 ม.4/4 จบั ใจความสำคญั วเิ คราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคดิ เห็น
จากการฟงั และอา่ นเรื่องที่เปน็ สารคดแี ละบันเทงิ คดี พร้อมทัง้ ใหเ้ หตุผลและ
ยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม.4/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและใหข้ ้อมลู บรรยาย อธบิ าย เปรยี บเทียบ และแสดง
ความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เรอื่ ง/ประเดน็ /ข่าว/เหตุการณ์ท่ีฟังและอ่านอยา่ งเหมาะสม

3.สาระการเรยี นรู้

Vocabulary

Function/Speaking - Talking about they’re coming out of the kitchen

Grammar -

Listening -
Reading - Read about they’re coming out of the kitchen
Writing -

4. จุดประสงค์การเรียนรู้
1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนอ่านและเข้าใจบทอา่ นเกยี่ วกับผ้หู ญงิ ชาวองั กฤษทีม่ ชี ื่อเสยี ง 2 คนไดถ้ กู ตอ้ ง
2. ด้านกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถพดู ถามตอบเกี่ยวกบั ผู้หญงิ ชาวอังกฤษที่มีช่ือเสียง 2 คนได้
3. ด้านเจตคติ (A)
- นกั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมดว้ ยความตั้งใจ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น

1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน

7. การบูรณาการหลักปรชั ญา

หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาหาความรูแ้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมีเหตุผล
นักเรยี นอ่านและเข้าใจบทอ่านเก่ียวกับผหู้ ญงิ ชาวอังกฤษท่ีมชี ่ือเสียง 2 คนได้
หลักสรา้ งภมู คิ ้มุ กันในตวั ท่ดี ี ถกู ตอ้ ง
การเลอื กศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้โดยมีความถูกต้อง
เง่ือนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงอื่ นไขคุณธรรม นกั เรียนสามารถพูดถามตอบเกย่ี วกับผู้หญงิ ชาวอังกฤษที่มชี ื่อเสยี ง 2 คนได้

นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจ

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าสูบ่ ทเรียน (Warm up)

1. ครูและนกั เรียนกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 84 แล้วดู
ภาพผู้หญิงซึ่งเป็นบคุ คลสำคัญในประวัติศาสตร์ 2 คน ครูถามนักเรยี นว่ารู้จักบุคคลทั้งสองนี้ หรือไม่ และพวก
เธอมีความสำคญั อย่างไร

3. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อเรื่อง They’re coming out of the kitchen… แล้วช่วยกันอภิปราย
ความหมายของช่อื เรื่อง และบทบาทของสตรที ี่เปลย่ี นไป

Culture : สทิ ธสิ ตรี

ในอดีต สตรีมีหน้าที่ความรับผิดชอบในบา้ นเท่าน้นั สตรีถูกจากดั สิทธิ เสรีภาพและบทบาท

รวมท้งั ในการเลือกต้งั แตบ่ คุ คลสาคญั ของโลกท่ีเป็นสตรีกม็ ีจานวนไมน่ อ้ ย เช่น

ซูสีไทเฮา สมเด็จพระจกั รพรรดินีแห่งประเทศจีน

ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล สุภาพสตรีแห่งดวงประทีป

อินทิรา คานธี นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอินเดีย

เซนตโ์ จนออฟอาร์ค วีรสตรีฝร่ังเศสผกู้ ูเ้ อกราช

คลีโอพตั รา (ที่ 7) จกั รพรรดินีแห่งอาณาจกั รอียปิ ตโ์ บราณ

ในปัจจุบันได้มีการให้สิทธิแก่สตรีและเด็กหญิงในสังคมต่างๆ ท่ัวโลก ได้แก่ สิทธิใน

การจา้ งงานท่ีเท่าเทียมกนั สาหรับสตรีและบุรุษ สิทธิในการเลือกต้งั และสิทธิในทรัพยส์ ิน เป็นตน้

ขน้ั นำเสนอเน้อื หา (Presentation)

4. ครใู หน้ กั เรียนอ่านบทอ่านเรอื่ ง Elizabeth in Love และ Florence forever คร่าวๆ

เพอ่ื จับใจความให้ไดว้ ่าบุคคลทั้งสองคือใคร และมีความสำคญั อย่างไร นกั เรยี นและครชู ว่ ยกันสรุปบนกระดาน
5. ครอู ธบิ ายคำศัพท์ท่ีปรากฏในเรือ่ ง เช่น flirt, bad-tempered, suitor เป็นต้น

ขั้นฝกึ (Practice)

6. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านเกบ็ รายละเอียดเรอื่ งราวของบคุ คลทง้ั สองอีกครัง้ แล้วเติมข้อมูล
ลงในตารางแบบฝึกหดั ขอ้ 2 ให้สมบรู ณ์ แล้วช่วยกนั ตรวจความถูกตอ้ ง (ดเู ฉลย)

7. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดข้อ 3 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book
หน้า 85 โดยอ่านข้อความที่กำหนดให้ แล้วเขียน T ท้ายข้อความที่ถูกต้อง และ F ท้ายข้อความที่ผิด แล้วจึง
ชว่ ยกันเฉลยและแกไ้ ขข้อความทผ่ี ดิ ใหถ้ กู ต้อง (ดเู ฉลย)
ขั้นนำไปใช้ (Production)

8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดยกลับไปอ่านเรื่อง Elizabeth in Love และ Florence
forever อกี คร้งั แลว้ หาคำ adjective ทใี่ ชบ้ รรยายบคุ ลิกภาพของบคุ คลสำคญั ท้ังสอง และคำ adjective อื่น
ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง มาเพม่ิ เติมได้ โดยดูจากภาพของ Elizabeth Tudor และ Florence Nightingale

ขั้นสรุป (Warp up)

9. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. สื่อ / อุปกรณ์

ส่ืออุปกรณ์

1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 84-85)

2. Power point

3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล

การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์

(K) –อา่ นและเข้าใจบทอ่าน - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด ข้อ 2-4 ใน -รอ้ ยละ 60 ผ่าน
หนงั สอื เรียน หน้า 82 เกณฑ์
เกี่ยวกับผูห้ ญิงชาวอังกฤษที่
- คำถาม - ร้อยละ 60 ผ่าน
มีช่อื เสียง 2 คนไดถ้ ูกตอ้ ง เกณฑ์
-แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็
(P)- สามารถพดู ถามตอบ - สังเกตจากการตอบคำถาม รายบุคคล -ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
เก่ยี วกบั ผหู้ ญิงชาวอังกฤษที่

มชี ื่อเสียง 2 คนได้

(A) -ความตง้ั ใจ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็

รายบุคคล

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 22 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 Out and About
เรอื่ ง A day out in London

1. สาระสำคญั
ถาม- ตอบเก่ยี วกับสถานทท่ี ่นี ่าสนใจในกรุงลอนดอน จับใจความสำคญั จากเรอื่ งทอี่ ่าน

2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งทฟ่ี งั และอ่านจากสือ่ ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตวั ช้วี ัด ต 1.1 ม.4/4 จับใจความสำคญั วเิ คราะหค์ วาม สรุปความ ตคี วาม และแสดงความคิดเหน็
จากการฟังและอา่ นเร่อื งท่เี ปน็ สารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตผุ ลและ
ยกตวั อย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรูส้ กึ และ
ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.4/4 พดู และเขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดง
ความคิดเห็นเก่ยี วกับเรอื่ ง/ประเดน็ /ขา่ ว/เหตุการณท์ ี่ฟังและอา่ นอย่างเหมาะสม

3.สาระการเรียนรู้

Vocabulary - extract (n.) a short passage taken from a text, film, or piece of music
ข้อความทีค่ ดั เลอื กมาจากหนังสอื หนงั ละคร

- relaxing (adj.) make or become less tense or anxious ซึง่ ช่วยใหผ้ ่อนคลาย
- boring (adj.) not interesting; tedious น่าเบอื่
- ceremony (n.) a formal religious or public occasion, especially one

celebrating a particular event, achievement, or anniversary พธิ ีการ
- weird (adj.) suggesting something supernatural; unearthly แปลกประหลาด

อศั จรรย์
- fascinating (adj.) extremely interesting นา่ หลงใหล มเี สน่ห์
- souvenir (n.) an item that is kept as a reminder of a person, place,

or eventของท่ีระลึก

Function/Speaking - Talking about interesting places in London

Grammar -

Listening - Listening to interesting places in London
Reading - Read about interesting places in London
Writing -

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนอ่านและเขา้ ใจบทอ่านเกี่ยวกบั สถานที่ทน่ี ่าสนใจในกรุงลอนดอนไดถ้ ูกต้อง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถจับใจความสำคญั จากเร่ืองทอี่ ่านได้

3. ด้านเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

7. การบรู ณาการหลักปรชั ญา

หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศกึ ษาหาความรู้และทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมเี หตผุ ล
นักเรียนอ่านและเข้าใจบทอ่านเกี่ยวกับสถานที่ที่น่าสนใจในกรุงลอนดอนได้
หลกั สรา้ งภมู คิ มุ้ กันในตัวทด่ี ี ถูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรู้โดยมคี วามถูกต้อง
เง่ือนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เง่อื นไขคุณธรรม นักเรียนสามารถจบั ใจความสำคัญจากเร่อื งที่อ่านได้

นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความตัง้ ใจ

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนักเรยี นกล่าวคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูแจง้ จดุ ประสงคข์ องบทเรียนยอ่ ยน้ี ผา่ นการพานักเรยี นเทย่ี วชมกรุงลอนดอน

3. ครูคลิปวิดีโอให้นักเรียนชมสถานที่สำคัญในกรุงลอนดอน เรื่อง London Vacation Travel
Guide Exped ia จาก http://www.youtube.com/watch?v=45ETZ1xvHS0

4. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 86-87 แล้ว
ดภู าพสถานท่ตี ่าง ๆ ทัง้ 6 ภาพ ครูถามนกั เรียนวา่ มสี ถานที่ใดบ้างท่นี ักเรยี นไดช้ มจากคลิปวดิ ีโอ

แต่ละสถานท่มี ชี ่อื เรยี กว่าอะไร และนกั เรยี นรู้จกั สถานทใี่ ดอีก ที่ไมไ่ ด้กลา่ วถงึ ในคลิปวดิ โี อ

5. ครเู ล่าใหน้ ักเรียนฟังว่า เมอื่ สปั ดาห์ท่ผี า่ นมา Michael, Antonio และ Robyn ได้เทยี่ วชมสถานท่ี
ท่ีน่าสนใจในกรุงลอนดอน และ Michael ได้เขียนอีเมลถึงเพือ่ นของเขาชอื่ Luke ในอีเมล

มีทั้งหมด 3 ย่อหน้า แต่ละย่อหน้ากล่าวถึง สถานที่ท่องเที่ยว ย่อหน้าละ 2 แห่ง ให้นักเรียนอ่านจับใจความ
ครา่ วๆ ว่า ย่อหนา้ ใดกลา่ วถงึ สถานทใี่ ดบา้ ง

ข้นั นำเสนอเนื้อหา (Presentation)

6. ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน ให้นักเรียนดูเนื้อเรื่องตามไปด้วย พร้อมทั้งขีดเส้นใต้
สถานทีท่ ่ีถูกกลา่ วถึง ยอ่ หน้าละ 2 แห่ง (ดเู ฉลย)เพื่อจับใจความให้ได้วา่ บคุ คลท้ังสองคอื ใคร และมีความสำคัญ
อย่างไร นักเรยี นและครชู ว่ ยกันสรุปบนกระดาน

7. ครูอธิบายความสำคัญของสถานท่ีแตล่ ะแหง่



8.ครูอธิบายคำศัพท์ที่อาจเป็นปัญหาของนักเรียน เช่น Mystery Walk ซึ่งมี 2 ความหมาย
ความหมายแรก คือ เดินทางไปแบบไม่รู้จุดหมายปลายทาง ส่วนอีกความหมายหนึ่งคือ สถานที่ลึกลับ
Whitechapel ซึง่ อยู่ด้านตะวันออกของกรุงลอนดอน ท่ที ซ่ี ง่ึ Jack the Ripper ได้ก่อเหตฆุ าตกรรรม

ข้ันฝกึ (Practice)

9. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ข้อ 3 ในหนงั สือ Flash on English Elementary Student’s

Book หน้า 86 โดยอ่านประโยคทใี่ หไ้ ว้ แล้วเขียน T ท้ายประโยคท่ถี ูกตอ้ งและ F ท้ายประโยคท่ีผิด จากนัน้ แก้
ประโยคที่ผดิ ให้ถูกต้อง (ดูเฉลย)

ขัน้ นำไปใช้ (Production)
10. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดย เขียนช่วงเวลาที่ Michael, Antonio และ Robyn ทำ

กจิ กรรม โดยเขียนไว้หลังวลี แลว้ ชว่ ยกันตรวจคำตอบ (ดูเฉลย)

ขัน้ สรปุ (Warp up)

11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. ส่ือ / อุปกรณ์
สื่ออปุ กรณ์
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 86)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –อา่ นและเข้าใจบทอา่ น - สงั เกตจากการตอบคำถาม - คำถาม -ร้อยละ 60 ผา่ น
เกณฑ์
เก่ยี วกับสถานที่ท่นี ่าสนใจใน
- รอ้ ยละ 60 ผ่าน
กรุงลอนดอนได้ถูกต้อง เกณฑ์

(P)- สามารถจบั ใจความ - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 3-4 ใน - แบบฝกึ หดั ขอ้ 3-4 ใน -ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
สำคัญจากเร่ืองท่ีอ่านได้ หนังสอื Flash on English หนงั สือ Flash on English

Elementary Student’s Elementary Student’s

Book หน้า 86 Book หนา้ 86

(A) -ความตัง้ ใจ -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็

รายบคุ คล รายบคุ คล

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 23 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4
จำนวน 1 ช่วั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 Out and About
เร่อื ง Past simple: affirmative

1. สาระสำคญั
เรียนรหู้ ลักการใช้ Past simple: affirmative ฝกึ เตมิ regular and irregular verbs

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่อื งที่ฟงั และอา่ นจากส่อื ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมเี หตุผล
ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ อื การใชง้ านตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายทีฟ่ งั และอา่ น
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของ
ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวช้วี ัด ต 2.2 ม.4/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ขอ้ ความ สำนวน
คำพงั เพย สภุ าษติ และบทกลอนของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย

3.สาระการเรยี นรู้

Vocabulary -

Function/Speaking - Talking about interesting places in London

Grammar - Past simple: affirmative

Listening -
Reading -
Writing -

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1.ด้านความรู้ (K)
- นักเรียนเขา้ ใจหลักการใช้ Past simple: affirmative ไดถ้ ูกต้อง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถเตมิ คำกริยา regular and irregular verbs ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง

3. ด้านเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยความตัง้ ใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7. การบูรณาการหลักปรชั ญา

หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความร้แู ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลกั มเี หตุผล นกั เรยี นเขา้ ใจหลกั การใช้ Past simple: affirmative ไดถ้ กู ตอ้ ง
หลกั สร้างภมู คิ มุ้ กันในตัวทด่ี ี การเลอื กศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรโู้ ดยมคี วามถูกต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เง่ือนไขความรู้ นกั เรยี นสามารถเตมิ คำกริยา regular and irregular verbs ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
เง่ือนไขคณุ ธรรม นักเรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยความตง้ั ใจ

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (Warm up)

1. ครูและนกั เรยี นกลา่ วคำทักทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?

Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนเนื้อหาในคาบที่แล้ว ในหนังสือ Flash on English Elementary
Student’s Book หน้า 86

3. ครูแจ้งนักเรียนว่าคาบนี้จะเรียนเกี่ยวกับไวยากรณ์ Past simple: affirmative โดยให้นักเรียน
สังเกตคำกริยาท่ีใช้ในเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ท่ีผ่านมาแล้ว และถามวา่ กรยิ าเหล่าน้ัน เปน็ tense ใด มีลักษณะก่ี
รูปแบบ (เป็น Past Simple Tense มี 2 ลักษณะ คือ Regular verb เติม -ed ท้ายคำกริยา และ irregular
verb เปลยี่ นรูปคำกรยิ า)

ข้นั นำเสนอเนอ้ื หา (Presentation)

4. ครทู บทวนการออกเสยี ง -ed ท้ายคำกรยิ าทีเ่ ปน็ Regular verb ทีเ่ คยเรยี นมาแลว้ กล่าวคอื

ออกเสยี ง /t/ เมื่อคำกรยิ าน้นั ๆ ลงทา้ ยคำดว้ ยเสยี ง /f/, /k/, /p/, /s/, / ∫/, /t∫/

ซ่งึ เป็นเสยี งไมก่ อ้ ง เชน่ asked, laughed

/id/ เมอ่ื ลงท้ายดว้ ย -d หรือ -t เช่น presented, recorded

/d/ เมื่อลงทา้ ยด้วยเสียงอ่นื ๆ ท่ีเปน็ เสียงก้อง เช่น loved, called

5. ครใู หน้ กั เรียนเปดิ หนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 90 และทำ
แบบฝึกหัดข้อ 7 โดยครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน 2.40 และให้นักเรียนออกเสียงตามให้ถูกต้อง
จากนั้นนำคำกริยาในกล่องข้อความในแบบฝึกหัดข้อ 8 ใส่ลงในตารางของแบบฝึกหัดข้อ 7 ให้ถูกช่อง ครูเปิด
เสยี งจากซีดปี ระกอบบทเรยี น 2.41 แลว้ ใหน้ ักเรยี นออกเสียงตามและตรวจคำตอบ

6. ครอู ธิบายกฎการเปล่ียนคำกรยิ าเปน็ Past Tense

กฎการเปลี่ยนกรยิ าเปน็ Past Tense
- เม่อื กริยาลงท้ายด้วย -e ให้เตมิ d ได้ทันที เชน่ lived, dated
- เมอ่ื กริยานัน้ มพี ยางคเ์ ดียว มสี ระตัวเดียว และตัวสะกดตวั เดียว ให้เพิ่มตวั สะกดตวั ทา้ ย อีก
หน่งึ กอ่ นเติม -ed เช่น robbed, stopped
- เมื่อกริยานั้นมี 2 พยางค์หรือมากกว่า 2 พยางค์ และออกเสียงเน้นที่พยางค์ที่ 2 ให้เติม
ตวั สะกดตวั ท้าย กอ่ นเติม -ed เชน่ regretted, preferred
- เม่ือกรยิ านนั้ ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยญั ชนะ ใหเ้ ปลยี่ น y เป็น i แลว้ เตมิ ed เชน่
cried, studied แตถ่ า้ หนา้ y เป็นสระ เติม -ed ไดท้ นั ที่ เช่น played, stayed

7. ครอู ธิบายเพิ่มเติมว่า ประโยค Past Tense มกั จะมี Adverb of time ปรากฏอยูด่ ว้ ยเสมอ ไดแ้ ก่
yesterday, the day before yesterday, last night (week/ month /year), at that time, ago

เชน่ He worked till late last night.

My friends gave me a present this afternoon.

8. ครูและนกั เรียนชว่ ยกันเขียนโครงสรา้ งประโยค Past Simple Tense บนกระดาน ในรูปประโยค

บอกเลา่

Affirmative: The car stopped.

ข้ันฝึก (Practice)

9. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 87 แล้วทำ
แบบฝึกหัดข้อ 5 โดยเลือกคำกริยาที่ให้ไว้ เปลี่ยนเป็นรูป Past Simple Tense แล้วเติมลงในช่องว่างให้ได้
ใจความสมบรู ณ์

ขน้ั นำไปใช้ (Production)

10. ครใู ห้นักเรียนเปดิ หนงั สือ Flash on English Elementary Student’s Book หนา้ 91 แล้วทำ
แบบฝึกหัดขอ้ 3-4 โดยใหเ้ ติมคำและเรียงประโยคใหม่ใหอ้ ยใู่ นรปู ประโยคบอกเล่า

ข้นั สรุป (Warp up)

11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. สอื่ / อุปกรณ์
สอื่ อุปกรณ์
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 87,91)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –เข้าใจหลักการใช้ Past - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 4 - แบบฝึกหดั ข้อ 4 ใน -ร้อยละ 60 ผา่ น
simple: affirmative ได้ หนงั สือ Flash on English เกณฑ์
ถกู ต้อง - ตรวจแบบฝึกหัดขอ้ 5 ใน Elementary Student’s
หนงั สอื เรยี น หน้า 87 Book หนา้ 91 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
(P)- สามารถเตมิ คำกริยา และแบบฝึกหดั ข้อ 3 หน้า 91 - แบบฝกึ หดั ข้อ 5 ใน เกณฑ์
regular and irregular หนงั สอื เรยี น หน้า 87
verbs ได้อย่างถูกตอ้ ง -สงั เกตพฤติกรรมเปน็ และแบบฝกึ หัดขอ้ 3 หน้า -ระดบั คุณภาพ 2
รายบคุ คล 91 ผ่านเกณฑ์
(A) -ความตงั้ ใจ -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็
รายบคุ คล

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 24 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
จำนวน 1 ชัว่ โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 8 Out and About
เรอ่ื ง Adjectives in -ing and -ed

1. สาระสำคญั
เรียนรู้หลักการใช้ Adjectives in -ing and -ed ฝึกเติม-ing and -ed และเขียนคำบรรยายใต้ภาพ

โดยใช้ -ing and -ed ลงท้ายคำคณุ ศพั ท์

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรอื่ งที่ฟังและอ่านจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ช้วี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบตั ติ ามคำแนะนำในคู่มือการใชง้ านต่าง ๆ คำช้แี จง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายที่ฟงั และอา่ น3.สาระการเรียนรู้

Vocabulary -

Function/Speaking - Talking about vocabulary: Adjectives in -ing and -ed

Grammar - Adjectives in -ing and -ed

Listening - Listening to adjectives
Reading -
Writing - Write two captions for each picture

4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรียนเขา้ ใจหลกั การใช้ Adjectives in -ing and -ed ได้ถกู ต้อง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นักเรยี นสามารถเขียนคำบรรยายใตภ้ าพ โดยใช้ -ing and -ed ลงทา้ ยคำคุณศพั ท์ไดอ้ ย่าง
ถูกตอ้ ง

3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมดว้ ยความตง้ั ใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7. การบูรณาการหลกั ปรัชญา

หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้และทำงานเหมาะกบั เวลา
หลกั มเี หตุผล
หลกั สร้างภูมคิ ุ้มกนั ในตัวท่ดี ี นักเรยี นเข้าใจหลกั การใช้ Adjectives in -ing and -ed ได้ถกู ตอ้ ง

เงื่อนไขความรู้ การเลือกศึกษาจากแหลง่ เรยี นรโู้ ดยมีความถกู ต้อง
การวางแผนในการทำงาน
เงือ่ นไขคุณธรรม นักเรียนสามารถเขียนคำบรรยายใต้ภาพ โดยใช้ -ing and -ed ลงท้าย
คำคุณศพั ทไ์ ด้อย่างถูกต้อง
นักเรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยความตั้งใจ

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำเขา้ ส่บู ทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนักเรยี นกล่าวคำทกั ทายกัน
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูทบทวนความความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับหลักการใช้ Adjectives in -ing and -ed โดย
ถามนักเรยี นวา่ Adjectives in -ing and -ed ใชต้ า่ งกนั อย่างไร ใครตอบไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ คนแรกจะไดร้ ับรางวลั

3. ครแู จง้ นักเรยี นวา่ คาบนีจ้ ะเรียนเก่ียวกบั ไวยากรณ์ หลกั การใช้ Adjectives in -ing and -ed

ขน้ั นำเสนอเนื้อหา (Presentation)

4. ครเู ปดิ PPT อธิบายเกย่ี วกบั หลักการใช้ Adjectives in -ing and -ed

5. ครูสุ่มนักเรยี น 2 คนใหส้ รปุ หลักการใช้ Adjectives in -ing and -ed

ข้ันฝกึ (Practice)

6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 6 จากนั้นครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน เพื่อ
ตรวจคำตอบ (ดูเฉลย)
ขัน้ นำไปใช้ (Production)

7. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดข้อ 7 โดยแตง่ ประโยคจากภาพ แต่ละภาพให้แต่ง 2 ประโยค และลง
ท้ายประโยคดว้ ย -ed และ -ing

ขน้ั สรุป (Warp up)

8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned
from today?”

9. ส่อื / อปุ กรณ์
สื่ออุปกรณ์
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานภาษาอังกฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 87)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –เข้าใจหลักการใช้ - ตรวจแบบฝึกหัดขอ้ 6 - แบบฝกึ หัดข้อ 6 ใน -รอ้ ยละ 60 ผา่ น
Adjectives in -ing and - หนงั สือ Flash on English เกณฑ์
ed ไดถ้ ูกต้อง Elementary Student’s
Book หน้า 87 - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
(P)- สามารถเขียนคำ - ตรวจแบบฝกึ หดั ขอ้ 7 ใน - แบบฝกึ หดั ขอ้ 7 ใน เกณฑ์
หนงั สอื เรียน หน้า 87
บรรยายใตภ้ าพ โดยใช้ -ing หนงั สือเรยี น หนา้ 87

and -ed ลงทา้ ยคำคณุ ศัพท์

ไดอ้ ย่างถกู ต้อง

(A) -ความตงั้ ใจ -สังเกตพฤตกิ รรมเป็น -แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น -ระดับคณุ ภาพ 2

รายบุคคล รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 25 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4
จำนวน 1 ชวั่ โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 Out and About
เร่ือง What did you see in London?

1. สาระสำคัญ
ฟังและอ่านบทสนทนาเกี่ยวกับการเที่ยวชมกรุงลอนดอนและปัญหาครอบครัวของเด็กสาว 2 คน ตอบ

คำถามจากเรอื่ งทอี่ ่านและเขียนเรยี งความส้ันๆเกย่ี วกับของทร่ี ะลึกทเ่ี ลือกซื้อในช่วงวนั ทไ่ี ปเทยี่ ว

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวช้ีวัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัตติ ามคำแนะนำในคู่มือการใชง้ านต่าง ๆ คำช้ีแจง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายท่ีฟงั และอ่าน3.สาระการเรยี นรู้
ตัวชว้ี ัด ต 1.1 ม.4/4 จบั ใจความสำคญั วเิ คราะหค์ วาม สรปุ ความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็
จากการฟังและอา่ นเรอื่ งที่เป็นสารคดแี ละบันเทงิ คดี พร้อมทั้งใหเ้ หตุผลและ
ยกตวั อย่างประกอบ

3.สาระการเรยี นรู้ - sightseeing (n.)the activity of visiting places of interest in a particular
Vocabulary location การเท่ียวชม

- amazing (adj.) causing great surprise or wonder; astonishing น่าประหลาด
ใจ

- upset (adj.) make (someone) unhappy, disappointed, or worried ผิดหวัง
เศรา้

- depressed (adj.) (of a person) in a state of unhappiness or despondency
เศร้าสลด หดหู่ หมดกำลังใจ สน้ิ หวงั

- embarrassed (adj.) feeling or showing embarrassment ซึ่งลำบากใจ ซึ่งอับ
อาย ซึ่งกระดากอาย

- jealous (adj.) feeling or showing an envious resentment of someone or
their achievements, possessions, or perceived advantages
ขีห้ ึง หวาดระแวงอิจฉา

Function/Speaking - surprised (adj.) feeling or showing surprise แปลกใจ ประหลาดใจ
- annoyed (adj.) slightly angry; irritated รสู้ ึกรำคาญ
Grammar
Idioms:
Listening - have stuff to do = have things to do มีงานท่จี ะต้องทำ
Reading - have a row = have a bad-tempered argument เถียง, ทะเลาะ
Writing - You’re kidding! = You’re joking! เธอพูดตลกแล้ว

- Talking about what did you see in London?

-

- Listening to what did you see in London?
-
- Write about type of souvenirs buying on holiday

4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบทสนทนาระหวา่ งเดก็ ผูห้ ญงิ 2 คนเกย่ี วกับการเทย่ี วชมกรงุ
ลอนดอนและปญั หาครอบครวั ได้ถกู ต้อง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถเขียนเรยี งความสัน้ ๆ วา่ นักเรยี นอยากซอ้ื อะไรเปน็ ของที่ระลกึ ในช่วงท่ี
นักเรียนไปเท่ยี ววนั หยดุ ได้

3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน

7. การบูรณาการหลักปรัชญา

หลักความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศกึ ษาหาความรแู้ ละทำงานเหมาะกับเวลา
หลักมเี หตผุ ล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบทสนทนาระหว่างเด็กผู้หญิง 2 คนเกี่ยวกับ
หลกั สร้างภูมคิ ้มุ กันในตวั ที่ดี การเทย่ี วชมกรุงลอนดอนและปญั หาครอบครวั ไดถ้ ูกต้อง
การเลือกศึกษาจากแหล่งเรยี นรู้โดยมคี วามถกู ต้อง
เงื่อนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
นักเรียนสามารถเขียนเรียงความสั้นๆ ว่า นักเรียนอยากซื้ออะไรเป็นของที่
เงอื่ นไขคณุ ธรรม ระลกึ ในชว่ งทีน่ กั เรยี นไปเทย่ี ววนั หยดุ ได้
นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมดว้ ยความตัง้ ใจ

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนักเรยี นกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 88 แล้วดูภาพ
ของผ้หู ญิง 2 คนในภาพ แล้วต้งั คำถามดังน้ี

Teacher : Where are Anna and Robyn?

Students : They are in a coffee shop.

Teacher : What are they doing?

Students : They are chatting.

Teacher : What are they wearing?

Student : They are wearing casual clothes/something pink and colourful.

Teacher : What are they eating and drinking?

Student : They are drinking cappuccino and a glass of orange juice and are
eating a sandwich.

3. ครูให้นักเรียนอ่านหัวเรื่อง “What did you see in London?” แล้วให้นักเรียนทายว่า Robyn ไป
ไหนมาก่อนที่จะมารบั ประทานอาหาร

ขัน้ นำเสนอเน้ือหา (Presentation)

4. ครเู ปดิ เสยี งจากซดี ปี ระกอบบทเรียน และใหน้ ักเรยี นดูบทสนทนา

ตามไปด้วยเพื่อหาคำตอบว่า Robyn ไปไหนมาก่อนที่จะมาพบกับ Anna (Robyn was at Buckingham Palace
and at Tate Modern.)

5. ครูอธิบายคำศัพท์ สำนวนที่อาจเป็นปัญหาสำหรับนกั เรียน เช่น sightseeing, stuff to do, have a
row, you’re kidding! และให้นักเรียนสังเกตคำพูดของ Anna ว่าขณะที่พูดบางช่วงบางตอน Anna มีความรู้สึก
อยา่ งไร

ขัน้ ฝึก (Practice)

6. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ข้อ 2 โดยเตมิ ชื่อของบุคคลทใี่ หไ้ ว้ลงในชอ่ งวา่ งให้ถูกต้อง วา่ ใคร ทำอะไร
(ดูเฉลย)
ขั้นนำไปใช้ (Production)

7. ในหัวข้อ Flash Forward ครูให้นักเรียนเขียนเรียงความสั้นๆ ว่า นักเรียนอยากซื้ออะไรเป็นของที่
ระลกึ ในช่วงที่นักเรียนไปเทีย่ ววนั หยดุ

ข้ันสรุป (Warp up)

8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”

9. สอื่ / อปุ กรณ์
สื่ออปุ กรณ์
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 88)
2. Power point
3. คอมพวิ เตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –สามารถอา่ นและเขา้ ใจ - ตรวจแบบฝึกหัดข้อ 2 และ - แบบฝึกหดั ขอ้ 2 ใน -ร้อยละ 60 ผ่าน
หนังสอื Flash on English เกณฑ์
บทสนทนาระหว่าง สังเกตจากการตอบคำถาม Elementary Student’s
Book หนา้ 88 - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
เด็กผูห้ ญิง 2 คนเก่ยี วกบั เกณฑ์
- แบบฝึกหดั ข้อ Flash
การเทีย่ วชมกรงุ ลอนดอน Forward ในหนังสอื เรยี น -ระดบั คุณภาพ 2
หน้า 8 ผ่านเกณฑ์
และปญั หาครอบครวั ได้
-แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น
ถกู ต้อง รายบุคคล

(P)- สามารถเขียน - ตรวจแบบฝึกหัด Flash

เรยี งความสน้ั ๆ วา่ นกั เรยี น Forward

อยากซื้ออะไรเป็นของที่

ระลึกในชว่ งที่นักเรยี นไป

เทยี่ ววนั หยุดได้

(A) -ความตง้ั ใจ -สังเกตพฤติกรรมเปน็

รายบคุ คล

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 26 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
จำนวน 1 ช่วั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 Out and About
เรอ่ื ง Emotions & Expressing feelings

1. สาระสำคญั
เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก การระบายความรู้สึก และฝึกการถามตอบทั่วไปเกี่ยวกับ

ความรู้สึกในชวี ติ ประจำวัน

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอื่ งทฟี่ งั และอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตัวช้วี ดั ต 1.1 ม.4/1 ปฏิบัตติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใช้งานต่าง ๆ คำชแี้ จง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายทฟ่ี งั และอา่ น3.สาระการเรียนรู้
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชว้ี ัด ต 1.2 ม.4/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สกึ และแสดงความคิดเหน็ ของตนเองเกยี่ วกับเรื่อง
ตา่ ง ๆ กิจกรรมประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณอ์ ย่างมเี หตผุ ล

3.สาระการเรยี นรู้

Vocabulary - surprised (adj.) feeling or showing surprise แปลกใจ ประหลาดใจ
Function/Speaking - annoyed (adj.) slightly angry; irritated ร้สู กึ รำคาญ
- scared (adj.) fearful; frightened กลัวมาก นา่ กลัวมาก
- nervous (adj.) anxious or apprehensive กระวนกระวาย กระสับกระส่าย

รอ้ นรน
- amusing (adj.) causing laughter and providing entertainment ขบขนั น่า

สนุกสนาน
- exciting (adj.) causing great enthusiasm and eagerness ที่น่าตื่นเต้น

ทที่ ำใหต้ ่นื เต้น
- worrying (adj.) causing anxiety about actual or potential problems;

alarming น่าหนักใจ ทที่ ำใหว้ ติ กกังวล

- Talking about emotions & expressing feelings

Grammar -

Listening - Listening to vocabulary: emotions
Reading -
Writing -

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1.ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถพูดถามและตอบคำถามเกี่ยวกบั ความร้สู ึกและอารมณข์ องบุคคลได้

2. ดา้ นกระบวนการ (P)
- นกั เรยี นสามารถแตง่ ประโยคเกยี่ วกบั การแสดงความร้สู ึกของบคุ คลในภาพท่ีกำหนดให้ไดถ้ ูกตอ้ ง

3. ดา้ นเจตคติ (A)
- นักเรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมดว้ ยความต้งั ใจ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

7. การบูรณาการหลกั ปรัชญา

หลักความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาหาความรูแ้ ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมีเหตผุ ล
นักเรียนสามารถพูดถามและตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์ของ
หลกั สรา้ งภูมิคุม้ กนั ในตัวที่ดี บุคคลได้
การเลือกศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรโู้ ดยมคี วามถกู ต้อง
เงื่อนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
นักเรียนสามารถแตง่ ประโยคเกีย่ วกับการแสดงความรู้สึกของบุคคลในภาพที่
เงอื่ นไขคณุ ธรรม กำหนดใหไ้ ด้ถกู ตอ้ ง
นักเรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมด้วยความต้ังใจ

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าส่บู ทเรยี น (Warm up)

1. ครแู ละนักเรยี นกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูและนักเรียนช่วยกันทบทวนเนื้อหาที่เรียนในคาบที่แล้วเกี่ยวกับบทสนทนาในหนังสือ Flash on
English Elementary Student’s Book หนา้ 88

3. ครูให้นักเรียนดูบทสนทนาอีกครั้งหนึ่ง แล้วช่วยกันบอกคำศัพท์ที่แสดงถึงอารมณ์ (emotion) ของผู้
พูด

ขั้นนำเสนอเน้ือหา (Presentation)

4. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าคาบนี้จะเรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงอารมณ์ความรู้สึก โดยให้นักเรียนเปิด

หนังสือกลับไปที่หน้า 89 แล้วทำแบบฝึกหัดข้อ 3 ครูเปิดเสียงจากซีดีประกอบบทเรียน และให้
นักเรยี นออกเสียงคำ adjective ตาม แล้ว

5. ครูอธบิ ายความหมายคำศัพท์ยากทน่ี ักเรียนไม่ทราบ

6. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างประโยคใน Functions : Expressing feelings ในหนังสือ Flash on
English Student’s Book หนา้ 89 เป็นประโยคทแี่ สดงออกถงึ ความรสู้ ึก ไดแ้ ก่ “What happened?”
“What’s the matter?” เป็นต้น ให้นักเรียนแสดงความเห็นว่า ผู้ที่กล่าวประโยคเหล่าน้ีน่าจะมีความรู้สึกอยา่ งไร
ในขณะนน้ั

7. ครูให้นักเรียนสังเกตการใช้คำว่า a bit ในบทสนทนา เมื่อใส่คำว่า a bit หน้าคำ adjective ที่มี
ความหมายในทางลบ จะช่วยให้ความรู้สึกในทางลบนั้นเบาลง เช่น You look a bit upset. (ดูเธอจะผิดหวังนิด
หน่อยนะ) ครูให้นักเรียนหาประโยคในบทสนทนาที่มีคำว่า a bit นำหน้าคำ adjective แล้วแปลเป็นภาษาไทย
เพ่อื ใหเ้ ห็นชัดเจนยิง่ ขนึ้ ว่าความร้สู ึกตดิ ลบนั้นเบาลง
ขัน้ ฝึก (Practice)

8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 6 ในหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book
หนา้ 90 และดภู าพคนแสดงสหี นา้ ตา่ งๆ แล้วเขยี นความรู้สึกของบุคคลเหลา่ นั้นใตภ้ าพ

9. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือกลับไปที่หน้า 89 เพื่อดูภาพ 6 ภาพในแบบฝึกหัดข้อ 3 แล้วแต่งประโยค
แสดงความรู้สกึ ของนักเรยี นท่ีมีต่อภาพเหล่าน้ัน โดยใช้คำ adjective ที่กำหนดให้ จากน้ันครูสมุ่ เรียกนักเรียนอ่าน
ประโยคคนละประโยค นกั เรยี นคนอน่ื ๆ ช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง
ขน้ั นำไปใช้ (Production)

10. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดข้อ 4 โดยจับคู่แต่งประโยคสนทนาเกีย่ วกับความรู้สึกใช้ตัวอย่างที่ให้ไว้
เป็นแนวทาง ครูสุ่มนักเรียนคู่ที่พร้อมสาธิตการสนทนาโดยให้นักเรียนแสดงอารมณ์และกริยาท่าทางประกอบให้
สมจริง

ขั้นสรุป (Warp up)

11. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องท่ีได้เรียนไปวันนีโ้ ดยถามนกั เรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สอ่ื / อุปกรณ์

สื่ออุปกรณ์
1. หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หนา้ 89-90)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –สามารถพูดถามและ - ตรวจแบบฝกึ หัดขอ้ 4 และ - แบบฝึกหดั ข้อ 4 ใน -ร้อยละ 60 ผา่ น
ตอบคำถามเก่ยี วกับ สังเกตจากการตอบคำถาม หนงั สอื Flash on English เกณฑ์
ความรสู้ กึ และอารมณ์ของ Elementary Student’s
บุคคลได้ - ตรวจแบบฝึกหัด ขอ้ 3 Book หน้า 89 - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
(P)- สามารถแต่งประโยค - แบบฝึกหดั ขอ้ ข้อ 3 ใน เกณฑ์
เก่ยี วกับการแสดงความรู้สกึ -สงั เกตพฤตกิ รรมเปน็ หนังสอื เรยี น หน้า 89
ของบุคคลในภาพท่ี รายบคุ คล -ระดบั คณุ ภาพ 2
กำหนดใหไ้ ด้ถูกตอ้ ง -แบบสังเกตพฤติกรรมเปน็ ผ่านเกณฑ์
(A) -ความต้งั ใจ รายบคุ คล

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 27 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาอังกฤษ 2
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 Out and About
เรื่อง Past simple: negative & interrogative forms

1. สาระสำคญั
เรยี นรู้หลักการใช้ Past simple: negative & interrogative forms และฝึกเรยี งลำดบั ประโยคให้ถูกตอ้ ง

2.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งทฟ่ี ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อยา่ งมีเหตผุ ล
ตัวชว้ี ัด ต 1.1 ม.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใชง้ านต่าง ๆ คำชแ้ี จง คำอธบิ าย และคำ
บรรยายท่ฟี ังและอ่าน3.สาระการเรียนรู้

3.สาระการเรียนรู้

Vocabulary -

Function/Speaking - Talking about past simple: negative & interrogative forms

Grammar -

Listening -

Reading -

Writing -

4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1.ด้านความรู้ (K)

- นักเรยี นสามารถเข้าใจหลักการใช้ Past simple: negative & interrogative forms ได้อย่าง

ถูกตอ้ ง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)

- นักเรยี นสามารถเรียงลำดบั ประโยคคำถามไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

3. ด้านเจตคติ (A)

- นักเรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมด้วยความต้งั ใจ

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

7. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญา

หลกั ความพอประมาณ การใช้เวลาในการศกึ ษาหาความร้แู ละทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมีเหตุผล
นกั เรียนสามารถเขา้ ใจหลักการใช้ Past simple: negative & interrogative
หลกั สร้างภูมคิ มุ้ กันในตัวท่ีดี forms ไดอ้ ย่างถูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรโู้ ดยมีความถูกต้อง
เงอ่ื นไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขคุณธรรม นกั เรยี นสามารถเรยี งลำดบั ประโยคคำถามไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

นกั เรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมด้วยความตั้งใจ

8. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน (Warm up)

1. ครูและนกั เรียนกล่าวคำทกั ทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูให้นักเรียนเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับ Past simple: negative & interrogative forms ใน
www.quizziz.com เพื่อทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี น

3. ครูแจ้งนักเรียนว่าคาบนี้จะเรียนเกี่ยวกับ Past simple: negative & interrogative forms โดยให้
นักเรยี นเปิดหนังสือเรยี นไปหนา้ 89

ขั้นนำเสนอเนือ้ หา (Presentation)

4. ครูเขียนโครงสร้างประโยค Past Simple Tense บนกระดาน ในรปู ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม
และการตอบคำถามแบบส้นั ดงั น้ี

Affirmative : Subject + V.2 The car stopped.

NegSautbivjeect: + did not + V.1 The car did not stop.

InteDrridog+astuivbeje:ct + V.1? Did the car stop ?

short answers : Yes, + subject + did. Yes, it did.
No, + subject + did not. or No, it did not (didn’t).

5. ครูอธิบายโครงสร้างของประโยคแต่ละประเภท แล้วให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดบนกระดาน
ดังนี้

1. The children (go) to bed late last night.
2. He (not/ buy) anything two days ago.
3. _________he work yesterday? No, he__________
4. Sam (not/do) his homework last night.
5. (you/ride) the bicycle to school the day before yesterday?

Yes, I (do) .
ครูสุม่ นักเรียนตรวจแบบทดสอบบนกระดาน

ขน้ั ฝึก (Practice)
6. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดข้อ 5-6 โดยเรยี งคำให้ไดป้ ระโยคคำถามทถ่ี กู ตอ้ ง แล้วตอบคำถาม

ขน้ั นำไปใช้ (Production)
7. ครูให้นักเรียนทำแผนผังความคิดสรุปหลักการใช้ Past Simple Tense ทั้ง 3 โครงสร้าง ได้แก่

ประโยคบอกเลา่ ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ

ขัน้ สรปุ (Warp up)

8. ครูให้นักเรียนทบทวนเรื่องที่ได้เรียนไปวันนี้โดยถามนักเรียนว่า “What have you learned from
today?”
9. สือ่ / อปุ กรณ์

ส่ืออปุ กรณ์
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานภาษาองั กฤษ Flash on English ม.4 (หน้า 89)
2. Power point
3. คอมพิวเตอร์

10. การวดั ประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั และการประเมนิ ผล

(K) –สามารถเขา้ ใจหลกั การ - ตรวจแบบทดสอบบน - แบบทดสอบบนกระดาน -รอ้ ยละ 60 ผา่ น

ใช้ Past simple: negative กระดาน แผนผังความคิด และแผนผังความคดิ เกณฑ์

& interrogative forms ได้

อยา่ งถูกต้อง

(P)- สามารถเรียงลำดบั - ตรวจแบบฝกึ หัด ขอ้ 5-6 - แบบฝกึ หดั ข้อ ข้อ 5-6 ใน - ร้อยละ 60 ผา่ น
หนงั สอื เรียน หน้า 89 เกณฑ์
ประโยคคำถามไดอ้ ย่าง

ถกู ต้อง

(A) -ความตั้งใจ -สังเกตพฤติกรรมเป็น -แบบสงั เกตพฤติกรรมเป็น -ระดบั คุณภาพ 2

รายบุคคล รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 28 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
รายวชิ า อ 31102 ภาษาองั กฤษ 2
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 8 Out and About
เรือ่ ง Victorian London

1. สาระสำคญั
อ่านบทความเกี่ยวกับการทำงานและสภาพความเป็นอยู่ในยุค Victorian London สรุปใจความสำคัญ

และตอบคำถามจากเรอ่ื งท่อี ่าน

2.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องทฟ่ี งั และอา่ นจากส่อื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้วี ดั ต 1.1 ม.4/4 จับใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรุปความ ตคี วาม และแสดงความคิดเห็นจาก
การฟังและอา่ นเรือ่ งท่เี ป็นสารคดีและบนั เทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตผุ ลและยกตัวอย่าง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สกึ และความ
คิดเหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม.4/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ ้อมลู บรรยาย อธบิ าย เปรียบเทยี บ และแสดงความ
คดิ เห็นเก่ยี วกับเรอ่ื ง/ประเด็น/ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ทฟี่ งั และอ่านอยา่ งเหมาะสม

3.สาระการเรียนรู้ - aristocracy (n.) the highest class in certain societies, typically
Vocabulary comprising people of noble birth holding hereditary titles and offices
การปกครองโดยชนช้นั สูง ชนชน้ั สงู

- commence (v.) begin ตั้งตน้ เริม่ ตน้ ขน้ึ ตน้
- poverty (n.) the state of being extremely poor ความยากจน
- enormous (adj.) very large in size, quantity, or extent ท่ีใหญโ่ ตมโหฬาร
- Industrial Revolution (n.) the rapid development of industry that

occurred in Britain in the late 1 8 th and 1 9 th centuries, brought about
by the introduction of machinery. It was characterized by the use of
steam power, the growth of factories, and the mass production of
manufactured goods การปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม

Function/Speaking - disease (n.) a disorder of structure or function in a human, animal, or
plant, especially one that produces specific symptoms or that affects a
specific location and is not simply a direct result of physical injury
เช้ือโรค

- Talking about Victorian London

Grammar -

Listening -

Reading -

Writing -

4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1.ดา้ นความรู้ (K)
- นักเรียนสามารถอา่ นและเข้าใจบทอา่ นเกี่ยวกับการทำงานและสภาพความเปน็ อยู่ในยคุ Victorian

London ไดถ้ ูกตอ้ ง

2. ดา้ นกระบวนการ (P)

- นักเรยี นสามารถสรุปใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านและเปรยี บเทียบความแตกตา่ งของประเทศ

องั กฤษในสมยั กอ่ นกบั ปัจจุบนั ได้

3. ด้านเจตคติ (A)

- นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมด้วยความต้งั ใจ

5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

7. การบูรณาการหลกั ปรชั ญา

หลกั ความพอประมาณ การใชเ้ วลาในการศึกษาหาความรู้และทำงานเหมาะกบั เวลา
หลักมีเหตผุ ล
นักเรียนสามารถอ่านและเข้าใจบทอ่านเกี่ยวกับการทำงานและสภาพความ
หลกั สร้างภมู คิ มุ้ กันในตวั ทีด่ ี เป็นอยู่ในยุค Victorian London ได้ถูกต้อง
การเลือกศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรโู้ ดยมคี วามถูกต้อง
เง่ือนไขความรู้ การวางแผนในการทำงาน
นักเรียนสามารถสรุปใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านและเปรียบเทียบความ
เงอ่ื นไขคุณธรรม แตกต่างของประเทศองั กฤษในสมัยก่อนกบั ปัจจบุ นั ได้
นกั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมด้วยความตั้งใจ

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น (Warm up)

1. ครูและนกั เรียนกลา่ วคำทักทายกนั
Teacher : Good morning students.
Students : Good morning teacher.
Teacher : How are you today?
Students : I’m fine. Thank you and you?
Teacher : I’m very well. Thank you

2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือ Flash on English Elementary Student’s Book หน้า 92 และอ่านช่ือ
เรอ่ื ง Victorian London แลว้ ช่วยกันทายว่าบทเรียนตอ่ ไปนี้ เปน็ เรื่องราวทเี่ กดิ ขึ้นในประวตั ิศาสตร์ของอังกฤษใน
ยุคใด

3. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ในคาบนี้ให้นักเรียนทราบ และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่
ของชาวลอนดอนในศตวรรษท่ี 19 จาก http://www.youtube.com/watch?v=KlNzeoyAokE

ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างของประเทศอังกฤษในสมัยก่อนกับปัจจุบันที่
นักเรียนรูจ้ ัก

ขั้นนำเสนอเนอื้ หา (Presentation)

4. ครเู ลา่ ประวัติความเป็นมาของยุค Victorian London ให้นกั เรียนฟงั คร่าว ๆ


Click to View FlipBook Version