The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 7 รูปสี่เหลียม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nuamme.20, 2022-02-02 09:52:13

บทที่ 7 รูปสี่เหลียม

บทที่ 7 รูปสี่เหลียม

ความคิดเหน็ ของครูพี่เลย้ี ง

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่

ดมี าก
ดี
พอใช้
ควรปรบั ปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงและพฒั นาต่อไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นำไปใช้ได้จรงิ
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................................................................ ..................

ลงช่อื ..................................................................
(นางปริยานุช ภิญญศักด์ิ)
ครพู เ่ี ลี้ยง

ความคดิ เห็นของผ้บู ริหาร/ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี แลว้ มีความเหน็ ดังนี้
1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี

ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยังไม่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ และพฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นำไปใช้ไดจ้ ริง
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................

ลงช่ือ..............................................................
(นายสุชาติ เขม็ ทอง)

รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอนุบาลอดุ รธานี

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 62

รายวิชาคณติ ศาสตร์ ค15101 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์

ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7 รปู สเี่ หลย่ี ม จำนวน 24 ชว่ั โมง

เรือ่ ง โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกับพืน้ ที่และความยาวรอบรปู ของรูปสเี่ หล่ยี มดา้ นขนาน (3) เวลา 1 ชวั่ โมง

ผสู้ อน นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี วันที่……..เดอื น…………………………..พ.ศ……………

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ค 2.1เข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกบั การวัด วดั และคาดคะเนของสง่ิ ทต่ี ้องการวดั และ

นำไปใช้
มาตรฐาน ค 2.2 เขา้ ใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณติ สมบตั ิของรปู เรขาคณติ ความสัมพันธ์

ระหว่างรปู เรขาคณิตและทฤษฎีบททางเรขาคณิตและนำไปใช้
ตัวช้ีวัด ค 2.1 ป.5/4 แสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ัญหาเกยี่ วกับความยาวรอบรูปของ
รูปสเี่ หล่ยี มและพนื้ ทข่ี องรูปสี่เหลีย่ มดา้ นขนานและรูปสเี่ หลี่ยม
ขนมเปยี กปูน
ค 2.2 ป.5/2 จำแนกรูปสเี่ หลยี่ มโดยพจิ ารณาจากสมบตั ิของรปู
ค 2.2 ป.5/3 สรา้ งรปู สเ่ี หลย่ี มชนดิ ตา่ งๆ เม่ือกำหนดความยาวของด้านและขนาด
ของมมุ หรือเม่ือกำหนความยาวของเสน้ ทแยงมมุ

สาระสำคัญ
1. รปู ส่ีเหลย่ี มจัตรุ ัส เป็นรูปสเ่ี หลย่ี มทมี่ ีมมุ ทกุ มมุ เปน็ มุมฉากดา้ นทุกดา้ นยาวเท่ากัน ด้านตรง

ขา้ มขนานกัน 2 คู่ เส้นทแยงมมุ ยาวเทา่ กนั แบง่ คร่ึงซง่ึ กนั และกัน และตัดกันเป็นมุมฉาก
2. รูปสี่เหลย่ี มผืนผา้ เปน็ รูปสเ่ี หล่ยี มที่มมี มุ ทุกมมุ เป็นมุมฉากด้านตรงข้ามยาวเทา่ กันและ

ขนานกัน 2 คู่ ด้านทอี่ ยตู่ ิดกันยาวไม่เทา่ กนั เส้นทแยงมมุ ยาวเทา่ กัน และแบง่ ครงึ่ ซึ่งกนั และกนั
3. รูปสเ่ี หลี่ยมขนมเปยี กปนู เป็นรปู สเ่ี หลี่ยมที่มีมุมทกุ มมุ ไม่เป็นมมุ ฉากมมุ ที่อยู่ตรงข้ามกันมี

ขนาดเท่ากนั ด้านทุกดา้ นยาวเทา่ กนั ดา้ นตรงขา้ มขนานกนั 2 คู่ เสน้ ทแยงมุมแบ่งครง่ึ ซ่งึ กันและกนั
และตดั กันเปน็ มุมฉาก

4. รปู สเ่ี หล่ียมด้านขนาน เปน็ รปู สี่เหลยี่ มที่มีมมุ ทอี่ ยตู่ รงขา้ มกนั มีขนาดเท่ากัน ดา้ นตรงข้าม
ยาวเทา่ กนั และขนานกัน 2 คเู่ สน้ ทแยงมมุ แบ่งครึ่งซึง่ กนั และกัน

5. รูปสี่เหลยี่ มคางหมู เปน็ รปู ส่เี หลี่ยมทีม่ ีด้านขนานกนั 1 คู่

6. รูปสีเ่ หลยี่ มรูปว่าว เป็นรปู สเ่ี หล่ยี มที่มมี ุมท่อี ย่ตู รงข้ามกันมีขนาดเท่ากัน 1 คู่ และดา้ นท่อี ยู่
ตดิ กนั ยาวเทา่ กัน 2 คู่ เส้นทแยงมมุ ตดั กนั เปน็ มมุ ฉาก และมเี สน้ ทแยงมุมเพียงเส้นเดยี วท่ีถกู แบง่ ครง่ึ
ดว้ ยเสน้ ทแยงมมุ อีกเส้นหน่ึง

7. การสรา้ งรปู สเ่ี หลย่ี ม เปน็ การสรา้ งตามลักษณะหรือสมบัติของรปู สเ่ี หล่ียมแตล่ ะชนิด ซึ่ง
ต้องอาศยั ทักษะการวัดความยาวการใช้โพรแทรกเตอรห์ รือวงเวยี น

8. พนื้ ที่ของรูปส่ีเหลยี่ มดา้ นขนาน = ความสูง × ความยาวของฐาน
9. พ้นื ท่ขี องรูปสีเ่ หลยี่ มขนมเปยี กปนู = ความสูง × ความยาวของฐาน
10. การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกับความยาวรอบรปู และพื้นที่ของรูปส่เี หลยี่ มดา้ นขนาน อาจใช
กระบวนการแก้ปญั หาตามข้นั ตอน ดงั น้ี

ข้ันที่ 1 ทำความเขา้ ใจปญั หา
ข้นั ที่ 2 วางแผนแก้ปญั หา
ข้ันที่ 3 ดำเนนิ การตามแผน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบ
จุดประสงค์การเรยี นรู้ เมอ่ื เรียนจบคาบน้ีแลว้ นักเรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K)
บอกชนิดและสมบัติของรปู ส่เี หลยี่ ม
2. ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
2.1 สร้างรปู สีเ่ หล่ียมตามขอ้ กำหนด
2.2 หาพน้ื ทข่ี องรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานและรปู ส่ีเหลย่ี มขนมเปยี กปนู
2.3 แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปของรปู สเ่ี หล่ียม
2.4 แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเก่ยี วกับพ้ืนท่ีของรูปส่เี หลย่ี มด้านขนาน
2.5 แก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ความรูเ้ ก่ียวกับพืน้ ทีแ่ ละความยาวรอบรปู ของรูปสเี่ หล่ยี ม
ดา้ นขนานและรปู ส่เี หลยี่ มขนมเปยี กปนู
3. ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
แสดงพฤตกิ รรมความมวี ินัยในตนเอง
สาระการเรยี นรู้
โจทยป์ ัญหารูปส่เี หลย่ี ม
กจิ กรรมการเรียนรู้ (ใชว้ ิธีการสอนแบบปกติ)
1. ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1.1 ครกู ลา่ วทักทายนักเรียน จากน้ันแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรยี นทราบ
1.2 ครูทบทวนความรเู้ รื่องรูปส่ีเหลี่ยมชนิดต่าง ๆ ดังน้ี

1. รูปสี่เหลย่ี มจตั ุรัส เป็นรูปสเ่ี หลยี่ มที่มมี ุมทุกมุมเป็นมุมฉากด้านทุกดา้ นยาวเท่ากนั ดา้ นตรง
ข้ามขนานกนั 2 คู่ เส้นทแยงมุมยาวเทา่ กนั แบ่งครง่ึ ซึง่ กันและกัน และตดั กันเปน็ มมุ ฉาก

2. รปู สเี่ หล่ียมผืนผา้ เปน็ รูปสเ่ี หล่ียมที่มีมมุ ทุกมมุ เป็นมุมฉากด้านตรงข้ามยาวเทา่ กันและ
ขนานกัน 2 คู่ ดา้ นท่อี ยู่ติดกันยาวไม่เทา่ กนั เส้นทแยงมุมยาวเทา่ กนั และแบ่งคร่ึงซ่ึงกันและกัน

3. รูปสเ่ี หลี่ยมขนมเปยี กปูน เปน็ รปู สีเ่ หลีย่ มทมี่ ีมุมทุกมุมไม่เปน็ มุมฉากมมุ ท่ีอยตู่ รงข้ามกันมี
ขนาดเท่ากนั ด้านทุกด้านยาวเท่ากันด้านตรงขา้ มขนานกัน 2 คู่ เสน้ ทแยงมุมแบ่งคร่ึงซ่ึงกันและกัน
และตัดกันเป็นมุมฉาก

4. รูปสี่เหลย่ี มด้านขนาน เปน็ รปู ส่เี หลย่ี มทีม่ มี ุมที่อยตู่ รงข้ามกันมีขนาดเท่ากัน ดา้ นตรงข้าม
ยาวเท่ากนั และขนานกนั 2 ค่เู สน้ ทแยงมุมแบ่งครึง่ ซ่งึ กันและกัน

5. รูปสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นรปู สเ่ี หลี่ยมทีม่ ดี ้านขนานกนั 1 คู่
6. รปู สเ่ี หลี่ยมรปู ว่าว เป็นรูปส่เี หลย่ี มทมี่ มี ุมท่อี ยู่ตรงข้ามกันมขี นาดเท่ากัน 1 คู่ และด้านที่อยู่
ตดิ กันยาวเท่ากนั 2 คู่ เส้นทแยงมุมตดั กันเปน็ มมุ ฉาก และมเี สน้ ทแยงมุมเพียงเสน้ เดยี วทถี่ กู แบ่งครงึ่
ด้วยเส้นทแยงมมุ อกี เสน้ หนึ่ง
2. ขั้นสอน

2.1 ให้นักเรียนทำกจิ กรรมกลมุ่ ท่ีมุง่ ให้นักเรยี นนำความรเู้ กีย่ วกับความยาวรอบรูปและ
พน้ื ทีข่ องรูปส่เี หลย่ี มด้านขนานและรปู ส่เี หลย่ี มขนมเปียกปูน และเรอ่ื งอนื่ ๆ ท่ีเรียนมาแลว้ ไปใชใ้ น
การแกป้ ัญหาผา่ นกิจกรรมโดยครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน ชว่ ยกนั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมแลว้
นำเสนอผลงานครูและเพ่ือนในชนั้ รว่ มกนั อภปิ ราย แสดงความคดิ เห็นในประเด็นตา่ ง ๆ เชน่

2.1.1 รูปสเ่ี หลี่ยมดา้ นขนานที่มคี วามยาวของฐานและความสงู เป็นจำนวนนับ
และมีพน้ื ที1่ 2 ตารางเซนติเมตร มกี ่แี บบ อะไรบา้ ง

2.1.2 รปู สเ่ี หล่ยี มด้านขนานที่มีพนื้ ที่ 12 ตารางเซนตเิ มตรความยาวรอบรูปจะ
เท่ากันหรอื ไม่

2.1.3 รปู สี่เหล่ยี มด้านขนานท่ีมีความยาวรอบรูปเทา่ กันจะมีพืน้ ที่เท่ากันหรือไม่
2.1.4 สามารถสร้างรปู สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนทีม่ ีพื้นท่ี 12 ตารางเซนตเิ มตร
ได้หรอื ไม่อย่างไร
3. ขั้นสรปุ
ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปบทเรียน จากนนั้ ให้นักเรียนสรปุ ใหไ้ ดว้ ่า
1. รปู สี่เหลย่ี มจตั รุ สั เปน็ รูปสเี่ หลยี่ มที่มมี มุ ทกุ มุมเป็นมุมฉากด้านทุกดา้ นยาวเทา่ กนั ดา้ นตรง
ขา้ มขนานกนั 2 คู่ เสน้ ทแยงมมุ ยาวเท่ากนั แบง่ ครง่ึ ซงึ่ กันและกัน และตัดกันเปน็ มมุ ฉาก
2. รปู สเ่ี หลยี่ มผนื ผ้า เปน็ รูปสเ่ี หลยี่ มท่มี มี ุมทุกมมุ เปน็ มุมฉากดา้ นตรงข้ามยาวเทา่ กันและ
ขนานกัน 2 คู่ ดา้ นทอ่ี ยู่ติดกันยาวไม่เทา่ กันเส้นทแยงมมุ ยาวเทา่ กัน และแบ่งครงึ่ ซ่ึงกนั และกนั

3. รปู สี่เหลย่ี มขนมเปยี กปนู เป็นรูปสเี่ หล่ียมท่ีมีมุมทุกมุมไม่เป็นมุมฉากมุมทีอ่ ยู่ตรงขา้ มกันมี
ขนาดเท่ากนั ดา้ นทุกดา้ นยาวเท่ากันดา้ นตรงขา้ มขนานกนั 2 คู่ เส้นทแยงมุมแบง่ คร่ึงซึง่ กันและกัน
และตัดกนั เป็นมุมฉาก

4. รูปสเ่ี หล่ียมดา้ นขนาน เปน็ รูปสีเ่ หลี่ยมท่มี มี ุมทอี่ ย่ตู รงข้ามกันมีขนาดเทา่ กนั ดา้ นตรงข้าม
ยาวเท่ากนั และขนานกนั 2 คเู่ ส้นทแยงมุมแบ่งครึง่ ซงึ่ กันและกนั

5. รปู สเ่ี หล่ยี มคางหมู เปน็ รูปสีเ่ หลี่ยมที่มีด้านขนานกนั 1 คู่
6. รูปส่เี หล่ยี มรปู ว่าว เปน็ รูปสี่เหลี่ยมทมี่ มี มุ ทีอ่ ยู่ตรงข้ามกันมขี นาดเท่ากนั 1 คู่ และด้านที่อยู่
ติดกนั ยาวเทา่ กัน 2 คู่ เส้นทแยงมุมตัดกันเป็นมุมฉาก และมเี สน้ ทแยงมุมเพียงเส้นเดียวทถี่ ูกแบ่งคร่งึ
ดว้ ยเสน้ ทแยงมมุ อีกเส้นหน่ึง
7. การสรา้ งรปู ส่เี หล่ยี ม เปน็ การสรา้ งตามลักษณะหรือสมบัตขิ องรูปสเ่ี หล่ยี มแตล่ ะชนิด ซ่ึง
ต้องอาศัยทักษะการวัดความยาวการใช้โพรแทรกเตอรห์ รือวงเวยี น
8. พน้ื ที่ของรปู สี่เหล่ียมด้านขนาน = ความสูง × ความยาวของฐาน
9. พน้ื ทข่ี องรปู สี่เหลีย่ มขนมเปียกปูน = ความสูง × ความยาวของฐาน
10. การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปและพ้นื ท่ีของรูปสีเ่ หลี่ยมดา้ นขนาน อาจใช
กระบวนการแก้ปญั หาตามขน้ั ตอน ดงั น้ี

ขน้ั ท่ี 1 ทำความเข้าใจปัญหา
ขน้ั ที่ 2 วางแผนแก้ปญั หา
ขั้นท่ี 3 ดำเนินการตามแผน
ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบ

สื่อการเรียนร้แู ละแหล่งการเรียนรู้
1. สือ่ การเรยี นรู้
1.1 แบบทดสอบ เรอื่ ง รูปสเ่ี หลย่ี ม
2. แหลง่ การเรยี นรู้
2.1 ห้องสมดุ โรงเรยี นอนุบาลอดุ รธานี
2.2 เวบ็ ไซต์ www.google.com พมิ พ์คำว่า รูปสี่เหลี่ยม ป.5
2.3 เว็บไซต์ www.youtube.com พมิ พ์คำว่า รูปส่เี หล่ียม ป.5

การวดั ผลและประเมนิ ผล

สิ่งท่ีต้องการวดั วิธ/ี เครอ่ื งมือการวดั ผล เกณฑท์ ่ตี ้องการให้ผ่าน
ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 70
1. นักเรยี นสามารถบอกบอกชนิดและสมบตั ิ แบบทดสอบ เร่ือง รปู ขนึ้ ไป
ผ่านเกณฑร์ ะดบั 2
ของรปู สเ่ี หล่ยี ม(K) สี่เหลีย่ ม ขึน้ ไป

2. นกั เรียนสามารถ (P) แบบทดสอบ เร่ือง รปู ผา่ นเกณฑ์ระดับ 2
ข้ึนไป
2.1 สร้างรปู สีเ่ หล่ยี มตามข้อกำหนด สี่เหลี่ยม

2.2 หาพ้ืนที่ของรูปส่ีเหลี่ยมด้านขนาน

และรปู ส่ีเหลย่ี มขนมเปยี กปูน

2.3 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหา

เกยี่ วกบั ความยาวรอบรูปของรูปสีเ่ หลยี่ ม

2.4 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหา

เกีย่ วกบั พืน้ ทขี่ องรปู ส่ีเหล่ยี มดา้ นขนาน

2.5 แก้ โจท ย์ ปั ญ ห าโด ยใช้ค วาม รู้

เก่ียวกับพื้นท่ีและความยาวรอบรูปของรูป

ส่ีเหลี่ยมด้านขนานและรปู สเ่ี หล่ียมขนมเปียก

ปูน

3. นกั เรียนแสดงพฤติกรรมความมวี ินัยใน แบบบันทึกการสงั เกต

ตนเอง (A) พฤติกรรมนกั เรยี น

บนั ทึกผลหลังการสอน

ผลการจดั การเรียนรู้
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......
............................................................................................................................ ....................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
....................................................................................... .........................................................................
ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................................................................. ..............................
.................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................... .
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......
............................................................................................................................ ....................................

ลงชือ่ ..................................................................
(นางสาวมณีทิพย์ ยางศรี)
ครผู สู้ อน

ความคิดเหน็ ของครูพี่เลย้ี ง

ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่

ดมี าก
ดี
พอใช้
ควรปรบั ปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงและพฒั นาต่อไป
3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นำไปใช้ได้จรงิ
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................................................................ ..................

ลงช่อื ..................................................................
(นางปริยานุช ภิญญศักด์ิ)
ครพู เ่ี ลี้ยง

ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง นางสาวมณีทิพย์ ยางศรี แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี

ดมี าก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................

ลงชือ่ ..............................................................
(นายสชุ าติ เขม็ ทอง)

รองผู้อำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลอดุ รธานี

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 63

รายวิชาคณติ ศาสตร์ ค15101 กลุม่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์

ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 7 รูปสเ่ี หลี่ยม จำนวน 24 ชว่ั โมง

เรอ่ื ง โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั พน้ื ท่ีและความยาวรอบรูปของรูปสเี่ หลี่ยมด้านขนาน (3) เวลา 1 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี วนั ท่ี……..เดือน…………………………..พ.ศ……………

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ค 2.1เข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกับการวดั วัดและคาดคะเนของสิง่ ที่ต้องการวดั และ

นำไปใช้
มาตรฐาน ค 2.2 เขา้ ใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณติ สมบตั ิของรปู เรขาคณิต ความสัมพันธ์

ระหว่างรูปเรขาคณิตและทฤษฎบี ททางเรขาคณิตและนำไปใช้
ตวั ชีว้ ัด ค 2.1 ป.5/4 แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปของ
รปู สเี่ หล่ียมและพ้ืนท่ีของรปู สี่เหล่ียมด้านขนานและรูปสเ่ี หล่ียม
ขนมเปียกปูน
ค 2.2 ป.5/2 จำแนกรูปสเี่ หลี่ยมโดยพจิ ารณาจากสมบตั ิของรปู
ค 2.2 ป.5/3 สร้างรปู ส่เี หล่ยี มชนิดต่างๆ เม่ือกำหนดความยาวของดา้ นและขนาด
ของมมุ หรือเม่อื กำหนความยาวของเสน้ ทแยงมุม

สาระสำคัญ
1. รูปสเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั เป็นรูปสเ่ี หล่ียมทมี่ มี มุ ทุกมุมเปน็ มุมฉากดา้ นทุกดา้ นยาวเท่ากนั ดา้ นตรง

ขา้ มขนานกนั 2 คู่ เสน้ ทแยงมุมยาวเทา่ กนั แบง่ ครงึ่ ซงึ่ กนั และกัน และตัดกนั เปน็ มุมฉาก
2. รปู สีเ่ หลีย่ มผืนผา้ เป็นรูปสเี่ หลี่ยมท่ีมมี ุมทกุ มมุ เปน็ มุมฉากด้านตรงข้ามยาวเทา่ กันและ

ขนานกนั 2 คู่ ด้านที่อย่ตู ิดกันยาวไมเ่ ทา่ กนั เสน้ ทแยงมุมยาวเทา่ กัน และแบ่งครง่ึ ซ่ึงกนั และกัน
3. รูปสี่เหล่ยี มขนมเปียกปนู เป็นรูปสเี่ หลยี่ มทม่ี ีมุมทกุ มมุ ไม่เปน็ มมุ ฉากมุมท่อี ยูต่ รงขา้ มกันมี

ขนาดเท่ากนั ดา้ นทุกดา้ นยาวเท่ากนั ด้านตรงข้ามขนานกนั 2 คู่ เสน้ ทแยงมุมแบ่งครงึ่ ซึ่งกันและกนั
และตัดกนั เปน็ มุมฉาก

4. รูปสเ่ี หลย่ี มด้านขนาน เปน็ รปู ส่เี หลี่ยมท่ีมีมมุ ทอ่ี ยตู่ รงขา้ มกนั มีขนาดเทา่ กนั ด้านตรงข้าม
ยาวเท่ากันและขนานกนั 2 คู่เส้นทแยงมมุ แบ่งคร่ึงซึง่ กนั และกัน

5. รูปสเี่ หลี่ยมคางหมู เปน็ รูปส่เี หลี่ยมท่มี ดี า้ นขนานกนั 1 คู่

6. รูปส่ีเหลี่ยมรูปว่าว เปน็ รูปสี่เหล่ียมทม่ี ีมมุ ทีอ่ ย่ตู รงข้ามกันมีขนาดเท่ากัน 1 คู่ และด้านทอ่ี ยู่
ตดิ กันยาวเทา่ กนั 2 คู่ เส้นทแยงมุมตดั กนั เปน็ มมุ ฉาก และมเี ส้นทแยงมุมเพยี งเสน้ เดียวทถ่ี ูกแบ่งคร่งึ
ด้วยเส้นทแยงมุมอีกเสน้ หนึง่

7. การสร้างรปู ส่ีเหลี่ยม เป็นการสร้างตามลักษณะหรือสมบัติของรูปสีเ่ หลยี่ มแตล่ ะชนิด ซ่ึง
ตอ้ งอาศยั ทักษะการวดั ความยาวการใช้โพรแทรกเตอรห์ รือวงเวียน

8. พ้นื ที่ของรปู ส่เี หลี่ยมด้านขนาน = ความสูง × ความยาวของฐาน
9. พื้นท่ีของรปู สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน = ความสงู × ความยาวของฐาน
10. การแกโ้ จทย์ปัญหาเกย่ี วกับความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของรปู สีเ่ หลีย่ มดา้ นขนาน อาจใช
กระบวนการแก้ปญั หาตามขัน้ ตอน ดงั น้ี

ข้นั ท่ี 1 ทำความเขา้ ใจปัญหา
ขนั้ ท่ี 2 วางแผนแก้ปญั หา
ขน้ั ท่ี 3 ดำเนนิ การตามแผน
ขน้ั ที่ 4 ตรวจสอบ
จุดประสงค์การเรียนรู้ เม่อื เรียนจบคาบน้แี ล้วนักเรยี นสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K)
บอกชนดิ และสมบัติของรปู ส่ีเหลย่ี ม
2. ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
2.1 สร้างรปู สี่เหล่ียมตามข้อกำหนด
2.2 หาพ้นื ท่ขี องรูปสีเ่ หลย่ี มดา้ นขนานและรปู สเี่ หล่ียมขนมเปยี กปนู
2.3 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาเกยี่ วกับความยาวรอบรูปของรปู สเ่ี หลย่ี ม
2.4 แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั พืน้ ทขี่ องรูปส่เี หล่ยี มดา้ นขนาน
2.5 แก้โจทย์ปญั หาโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับพ้ืนท่ีและความยาวรอบรปู ของรปู สีเ่ หล่ยี ม
ดา้ นขนานและรปู สเี่ หลีย่ มขนมเปยี กปูน
3. ด้านคุณลักษณะ (A)
แสดงพฤตกิ รรมความมีวนิ ัยในตนเอง
สาระการเรียนรู้
โจทยป์ ัญหารปู ส่ีเหลย่ี ม
กิจกรรมการเรยี นรู้ (ใช้วธิ ีการสอนแบบปกติ)
1. ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1.1 ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน จากนน้ั แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ

2. ข้นั สอน
2.1 ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบ เรอ่ื ง รปู ส่ีเหลีย่ ม เป็นปรนยั จำนวน 20 ขอ้

ใชเ้ วลา 40 นาที
3. ขั้นสรปุ
ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปบทเรยี น จากน้ันใหน้ ักเรียนสรุปใหไ้ ดว้ ่า
1. รปู สีเ่ หลย่ี มจตั รุ ัส เปน็ รปู สเ่ี หลี่ยมทีม่ ีมมุ ทุกมุมเป็นมุมฉากด้านทุกดา้ นยาวเท่ากัน ดา้ นตรง

ข้ามขนานกัน 2 คู่ เสน้ ทแยงมุมยาวเท่ากัน แบ่งครง่ึ ซ่งึ กันและกนั และตัดกันเป็นมมุ ฉาก
2. รปู สี่เหลย่ี มผนื ผ้า เป็นรปู สเ่ี หลย่ี มท่มี มี ุมทกุ มุมเปน็ มุมฉากดา้ นตรงข้ามยาวเทา่ กนั และ

ขนานกนั 2 คู่ ดา้ นทอี่ ยตู่ ิดกันยาวไมเ่ ทา่ กันเส้นทแยงมมุ ยาวเทา่ กนั และแบง่ ครงึ่ ซึ่งกนั และกัน
3. รูปสเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู เปน็ รูปสีเ่ หล่ยี มท่มี มี ุมทกุ มุมไม่เป็นมุมฉากมมุ ทอ่ี ยตู่ รงข้ามกันมี

ขนาดเท่ากัน ด้านทุกด้านยาวเทา่ กนั ดา้ นตรงข้ามขนานกัน 2 คู่ เส้นทแยงมุมแบง่ ครงึ่ ซง่ึ กันและกนั
และตัดกันเป็นมมุ ฉาก

4. รปู สเ่ี หลี่ยมด้านขนาน เปน็ รูปสเี่ หลี่ยมทม่ี ีมุมที่อย่ตู รงข้ามกนั มีขนาดเท่ากัน ดา้ นตรงข้าม
ยาวเท่ากนั และขนานกัน 2 คเู่ สน้ ทแยงมุมแบ่งคร่งึ ซึ่งกนั และกัน

5. รูปสี่เหล่ยี มคางหมู เปน็ รูปสี่เหลยี่ มท่มี ดี า้ นขนานกนั 1 คู่
6. รปู สเ่ี หล่ยี มรูปวา่ ว เป็นรปู ส่ีเหลี่ยมท่มี ีมุมทอี่ ยู่ตรงข้ามกันมขี นาดเท่ากัน 1 คู่ และด้านท่อี ยู่
ติดกนั ยาวเท่ากัน 2 คู่ เสน้ ทแยงมมุ ตดั กันเป็นมมุ ฉาก และมเี สน้ ทแยงมุมเพียงเส้นเดียวทีถ่ กู แบง่ ครงึ่
ด้วยเส้นทแยงมุมอีกเส้นหน่ึง
7. การสร้างรูปส่เี หลย่ี ม เปน็ การสร้างตามลกั ษณะหรือสมบัตขิ องรปู ส่ีเหล่ยี มแตล่ ะชนดิ ซ่ึง
ต้องอาศยั ทักษะการวัดความยาวการใช้โพรแทรกเตอรห์ รือวงเวียน
8. พ้นื ทข่ี องรปู สี่เหลี่ยมดา้ นขนาน = ความสงู × ความยาวของฐาน
9. พื้นทีข่ องรปู สเ่ี หล่ียมขนมเปียกปนู = ความสงู × ความยาวของฐาน
10. การแกโ้ จทย์ปัญหาเก่ยี วกับความยาวรอบรปู และพน้ื ท่ีของรูปสี่เหล่ียมดา้ นขนาน อาจใช
กระบวนการแก้ปัญหาตามขั้นตอน ดงั นี้

ขั้นที่ 1 ทำความเขา้ ใจปัญหา
ขน้ั ที่ 2 วางแผนแก้ปญั หา
ขน้ั ท่ี 3 ดำเนินการตามแผน
ขั้นที่ 4 ตรวจสอบ

สือ่ การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้
1. ส่อื การเรียนรู้
1.1 แบบทดสอบ เรอื่ ง รูปสเ่ี หลยี่ ม
2. แหล่งการเรียนรู้
2.1 ห้องสมดุ โรงเรยี นอนบุ าลอุดรธานี
2.2 เวบ็ ไซต์ www.google.com พิมพ์คำว่า รปู สีเ่ หลย่ี ม ป.5
2.3 เว็บไซต์ www.youtube.com พมิ พค์ ำว่า รูปสี่เหลี่ยม ป.5

การวดั ผลและประเมินผล วิธ/ี เคร่ืองมือการวัดผล เกณฑ์ที่ตอ้ งการให้
ส่ิงท่ตี ้องการวดั ผ่าน

1. นักเรยี นสามารถบอกบอกชนิดและสมบตั ิ แบบทดสอบ เร่ือง รูป ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70
ขน้ึ ไป
ของรูปสเ่ี หลี่ยม (K) สเี่ หลย่ี ม ผ่านเกณฑ์ระดับ 2
ขึ้นไป
2. นกั เรียนสามารถ (P) แบบทดสอบ เร่ือง รปู
ผ่านเกณฑร์ ะดับ 2
2.1 สร้างรูปสี่เหลีย่ มตามขอ้ กำหนด สี่เหลี่ยม ขึน้ ไป

2.2 หาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน

และรปู สี่เหล่ยี มขนมเปียกปูน

2.3 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์

ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของรูป

สเ่ี หล่ยี ม

2.4 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์

ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้าน

ขนาน

2.5 แก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ความรู้

เกี่ยวกับพื้นที่และความยาวรอบรูปของรูป

สี่เหลี่ยมด้านขนานและรูปสี่เหลี่ยมขนม

เปียกปนู

3. นกั เรียนแสดงพฤติกรรมความมีวนิ ยั ใน แบบบนั ทึกการสังเกต

ตนเอง (A) พฤติกรรมนกั เรยี น

บันทึกผลหลังการสอน

ผลการจดั การเรยี นรู้
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......
............................................................................................................................ ....................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
....................................................................................... .........................................................................
ปัญหาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................................................................. ..............................
.................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................... .
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.......................................................................................................... ......................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................

ลงช่อื ..................................................................
(นางสาวมณที ิพย์ ยางศรี)
ครูผสู้ อน

ความคิดเห็นของครพู ีเ่ ลีย้ ง

ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นร้ขู อง นางสาวมณีทิพย์ ยางศรี แลว้ มีความเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี

ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ และพฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้ได้จริง
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
............................................................................................................................. .....................

ลงชอื่ ..................................................................
(นางปริยานชุ ภญิ ญศักดิ์)
ครูพ่เี ลย้ี ง

ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร/ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง นางสาวมณีทิพย์ ยางศรี แล้ว มคี วามเหน็ ดงั นี้
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี

ดมี าก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
นำไปใชไ้ ดจ้ ริง
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................

ลงชือ่ ..............................................................
(นายสชุ าติ เขม็ ทอง)

รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลอดุ รธานี

แบบบนั ทึกคะแนน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 รูปส่ีเหล่ียม

รายวิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค15101 ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5/5

คำชี้แจง ใหใ้ ส่ ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั พฤติกรรมของนักเรยี น ซง่ึ มีเกณฑก์ ารให้คะแนนดังน้ี

4 = ดีมาก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้, 1 = ควรแกไ้ ข 0 = ควรปรับปรุง

เลขท่ี ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะกระบวนการ ดา้ นคณุ ลักษณะ

……………………………………… อนั พึงประสงค์

0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 สรปุ ผล

ผ่าน ไม่ ผา่ น ไม่ ผ่าน ไม่

(✓) ผา่ น (✓) ผ่าน (✓) ผ่าน

() () ()

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

เลขท่ี ด้านความรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านคุณลักษณะ

……………………………………… อันพึงประสงค์

0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 สรุปผล

ผ่าน ไม่ ผา่ น ไม่ ผา่ น ไม่

(✓) ผา่ น (✓) ผา่ น (✓) ผ่าน

() () ()

21

22

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

เลขที่ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นคุณลักษณะ

……………………………………… อันพงึ ประสงค์

0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 สรุปผล

ผ่าน ไม่ ผา่ น ไม่ ผา่ น ไม่

(✓) ผ่าน (✓) ผา่ น (✓) ผ่าน

() () ()

45

46

47

48

49

50

52

แบบบันทกึ คะแนน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 รูปสีเ่ หลี่ยม
รายวิชาคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค15101 ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5/6

คำชีแ้ จง ใหใ้ ส่ ✓ ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมของนักเรยี น ซ่ึงมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้

4 = ดีมาก, 3 = ด,ี 2 = พอใช,้ 1 = ควรแกไ้ ข 0 = ควรปรับปรุง

เลขท่ี ดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ดา้ นคุณลักษณะ

……………………………………… อนั พงึ ประสงค์

0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 สรปุ ผล

ผา่ น ไม่ ผ่าน ไม่ ผ่าน ไม่

(✓) ผ่าน (✓) ผ่าน (✓) ผ่าน

() () ()

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

เลขที่ ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นคุณลักษณะ

……………………………………… อนั พึงประสงค์

0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 4 สรปุ ผล 0 1 2 3 สรปุ ผล

ผา่ น ไม่ ผ่าน ไม่ ผา่ น ไม่

(✓) ผา่ น (✓) ผา่ น (✓) ผา่ น

() () ()

20

21

22

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

เลขที่ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นคณุ ลักษณะ

……………………………………… อนั พึงประสงค์

0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 4 สรุปผล 0 1 2 3 สรปุ ผล

ผา่ น ไม่ ผ่าน ไม่ ผา่ น ไม่

(✓) ผา่ น (✓) ผ่าน (✓) ผ่าน

() () ()

42

43

44

45

46

47

48

49

50

52

เกณฑก์ ารประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดา้ นความรู้

คะแนน : ระดบั พฤตกิ รรมท่ีปรากฏใหเ้ หน็

คุณภาพ

4 : ดีมาก ทำแบบฝกึ หัดได้ถูกต้องร้อยละ 80 ข้นึ ไป

3 : ดี ทำแบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องรอ้ ยละ 75 ขึ้นไป

2 : พอใช้ ทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้องรอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป

1 : ควรแกไ้ ข ทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้องรอ้ ยละ 50 - 69 ข้นึ ไป

0 : ควรปรับปรุง ทำแบบฝกึ หัดไดถ้ ูกต้องตำ่ กว่ารอ้ ยละ 50 ข้ึนไป

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยใู่ นระดบั พอใช้ ถือว่า ผ่าน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนด้านทกั ษะกระบวนการ : การแกป้ ัญหา

คะแนน : ระดับคณุ ภาพ พฤติกรรมท่ีปรากฏให้เห็น

4 : ดมี าก ใชย้ ุทธวธิ ดี ำเนนิ การแก้ปัญหาสำเรจ็ อย่างมีประสิทธิภาพ อธิบายถึงเหตผุ ล
ในการใชว้ ธิ ีการดังกล่าวได้เข้าใจชัดเจน

3 : ดี ใช้ยทุ ธวธิ ดี ำเนินการแกป้ ญั หาสำเร็จ แต่นา่ จะอธบิ ายถึงเหตุผลในการใชว้ ิธกี าร
ดงั กล่าวไดด้ ีกว่าน้ี

2 : พอใช้ มียทุ ธวิธีดำเนนิ การแก้ปัญหา สำเร็จเพยี งบางส่วน อธบิ ายถงึ เหตุผลในการใช้
วิธกี ารดังกล่าวได้บางส่วน

1 : ควรแกไ้ ข มีร่องรอยการแกป้ ญั หาบางส่วน เร่ิมคดิ วา่ ทำไมจึงต้องใชว้ ิธีการนนั้ แลว้ หยุด
อธิบายตอ่ ไม่ได้ แก้ปัญหาไม่สำเรจ็

0 : ควรปรบั ปรุง ทำได้ไมถ่ ึงเกณฑ์ข้างตน้ หรือไมม่ รี ่องรอยการดำเนินการแก้ปัญหา

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยใู่ นระดับ พอใช้ ถอื ว่า ผ่าน

เกณฑ์การใหค้ ะแนนดา้ นทกั ษะกระบวนการ : การให้เหตุผล

คะแนน : ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมท่ีปรากฏให้เหน็

4 : ดีมาก มีการอ้างอิง เสนอแนวคิดประกอบการตัดสนิ ใจอย่างมีเหตุผล

3 : ดี มกี ารอ้างอิงที่ถูกต้องบางส่วน และเสนอแนวคดิ ประกอบการตดั สนิ ใจ

2 : พอใช้ เสนอแนวคดิ ไม่สมเหตุสมผลในการประกอบการตดั สินใจ

1 : ควรแกไ้ ข มคี วามพยายามเสนอแนวคดิ ประกอบการตัดสินใจ

0 : ควรปรับปรุง ไมม่ แี นวคดิ ประกอบการตดั สินใจ

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยู่ในระดับ พอใช้ ถือวา่ ผ่าน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนด้านทกั ษะกระบวนการ : การสอ่ื สาร การสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
และการนำเสนอ

คะแนน : ระดับคณุ ภาพ พฤตกิ รรมที่ปรากฏใหเ้ หน็

ใชภ้ าษาและสัญลกั ษณ์ทางคณติ ศาสตรท์ ่ีถูกต้อง นำเสนอโดยใช้กราฟ แผนภมู ิ

4 : ดีมาก หรอื ตารางแสดงขอ้ มลู ประกอบตามลำดับขั้นตอน เปน็ ได้ระบบ กระชบั ชัดเจน

และมีความละเอยี ดสมบรู ณ์

ใชภ้ าษาและสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ นำเสนอโดยใชก้ ราฟ แผนภูมิ หรอื
3 : ดี ตารางแสดงข้อมูลประกอบตามลำดับขั้นตอนได้ถูกต้อง ขาดรายละเอียด

ทีส่ มบูรณ์

2 : พอใช้ ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ พยายามนำเสนอข้อมูลโดยใชก้ ราฟ
แผนภมู ิ หรือตารางแสดงขอ้ มูลประกอบชดั เจนบางส่วน

1 : ควรแกไ้ ข ใชภ้ าษาและสญั ลกั ษณท์ างคณิตศาสตร์ อย่างงา่ ยๆ ไม่ไดใ้ ชก้ ราฟ แผนภมู ิหรือ
ตารางเลย และการนำเสนอข้อมลู ไมช่ ัดเจน

0 : ควรปรับปรงุ ไม่นำเสนอข้อมลู
หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยใู่ นระดับ พอใช้ ถอื ว่า ผ่าน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนด้านทักษะกระบวนการ : การเชอ่ื มโยง

คะแนน : ระดบั คณุ ภาพ พฤติกรรมท่ีปรากฏให้เหน็

นำความรู้ หลักการ และวิธีการทางคณติ ศาสตร์ในการเช่ือมโยงกับสาระ

4 : ดมี าก คณติ ศาสตร์ / สาระอนื่ / ในชีวิตประจำวัน เพอื่ ช่วยในการแก้ปัญหา หรอื

ประยกุ ต์ใช้ได้อย่างสอดคลอ้ งและเหมาะสม

นำความรู้ หลักการ และวธิ ีการทางคณิตศาสตรใ์ นการเช่ือมโยงกับสาระ

3 : ดี คณิตศาสตร์ / สาระอื่น / ในชีวิตประจำวนั เพ่ือช่วยในการแกป้ ัญหา หรือ

ประยกุ ต์ใช้ไดบ้ างสว่ น

2 : พอใช้ นำความรู้ หลักการ และวธิ ีการทางคณิตศาสตรไ์ ปเช่ือมโยงกับสาระ
คณติ ศาสตร์ ได้บางส่วน

1 : ควรแกไ้ ข นำความรู้ หลักการ และวธิ ีการทางคณติ ศาสตรใ์ นการเช่ือมโยงยังไม่เหมาะสม

0 : ควรปรับปรงุ ไมม่ ีการเชอ่ื มโยงกับสาระอนื่ ใด

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยู่ในระดบั พอใช้ ถือว่า ผ่าน

เกณฑก์ ารให้คะแนนดา้ นทักษะกระบวนการ : ความคดิ รเิ ริมสร้างสรรค์

คะแนน : ระดบั คุณภาพ พฤติกรรมที่ปรากฏใหเ้ หน็

4 : ดีมาก มีแนวคดิ / วิธกี ารแปลกใหม่ที่สามารถนำไปปฏิบตั ิได้อยา่ งถูกตอ้ งสมบูรณ์

มแี นวคดิ / วิธกี ารแปลกใหมท่ ่ีสามารถนำไปปฏิบตั ิได้ถกู ต้องแตน่ ำไปปฏบิ ตั แิ ล้ว
3 : ดี ไม่ถูกตอ้ งสมบูรณ์

2 : พอใช้ มแี นวคิด/ วิธกี ารไม่แปลกใหม่แตน่ ำไปปฏบิ ัตแิ ลว้ ถกู ต้องสมบรู ณ์

1 : ควรแกไ้ ข มีแนวคิด/ วธิ ีการไม่แปลกใหมแ่ ละนำไปปฏิบัตแิ ลว้ ไม่ถูกต้องสมบูรณ์

0 : ควรปรับปรุง ไม่มผี ลงาน

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อยใู่ นระดบั พอใช้ ถือวา่ ผ่าน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ : ความมีวนิ ัยในตนเอง

คะแนน:ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมท่ีปรากฏให้เห็น

3 : ดี ปฏิบัติตามข้อตกลงกฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของช้นั เรยี น ตรงตอ่ เวลาใน
การปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจำวันและรบั ผดิ ชอบในการทำงานด้วย
2 : พอใช้ ตนเอง
1 : ควรแกไ้ ข ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงกฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของชัน้ เรยี น ตรงตอ่ เวลาใน
0 : ควรปรบั ปรุง การปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจำวัน แต่ต้องมกี ารเตือนเป็นบางครัง้
ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงกฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของชั้นเรียน ตรงตอ่ เวลาใน
การปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจำวนั แต่ตอ้ งมกี ารเตือนเปน็ ส่วนใหญ่
ไม่ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของชั้นเรียน

หมายเหตุ : เกณฑ์การประเมิน อย่ใู นระดับ พอใช้ ถอื วา่ ผ่าน

แบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7

เรือ่ ง รปู สเี่ หลี่ยม รายวชิ าคณิตศาสตร์ ค15101

คำช้ีแจง 1. แบบทดสอบจำนวน 20 ข้อ ตอนท่ี 1 เป็นแบบปรนัย (เลอื กตอบ) จำนวน 15 ขอ้

ตอนท่ี 2 เปน็ แบบอตั นยั (เขยี นตอบ) จำนวน 5 ข้อ

2. คะแนนเตม็ 20 คะแนน (ขอ้ ละ 1 คะแนน) เวลาในการทำขอ้ สอบ 40 นาที

ตอนท่ี 1 เลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ดุ เพยี ง 1 ตัวเลอื ก แล้วกากบาท X ลงในกระดาษคำตอบ

1. รูปส่ีเหลี่ยมชนิดใดเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉากท้ังหมด 6. สร้าง  ABCD ให้มเี สน้ ทแยงมุมยาว 7 เซนตเิ มตร

ก. รูปสเ่ี หลี่ยมคางหมูและรูปสีเ่ หล่ยี มผืนผ้า และ 10 เซนติเมตร และมมุ ที่จดุ ตัดของเสน้ ทแยงมมุ มุม

ข. รูปสเี่ หล่ียมจตั ุรัสและรปู สเ่ี หลย่ี มดา้ นขนาน หนึ่งมีขนาด 50° รปู ที่ไดเ้ ปน็ รปู ส่ีเหลยี่ มชนดิ ใด

ค. รูปสเี่ หล่ียมจัตุรสั และรปู สีเ่ หลย่ี มผืนผา้ ก. รปู ส่เี หลยี่ มจัตรุ สั ข. รูปส่เี หลยี่ มผนื ผ้า

ง. รูปสีเ่ หลยี่ มขนมเปยี กปูนและรูปสเ่ี หล่ยี มจตั ุรสั ค. รปู สเ่ี หล่ียมขนมเปียกปูน ง. รปู สเ่ี หลี่ยมด้านขนาน

2. รปู ส่ีเหลี่ยมในขอ้ ใด มีด้านตรงข้ามยาวไม่เท่ากัน พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 7.

ก. รปู สเ่ี หล่ยี มจตั รุ ัสและรูปส่ีเหลี่ยมคางหมู สร้างรปู สีเ่ หล่ียมจตั รุ สั มรตส
ข. รปู สเี่ หลีย่ มคางหมูและรูปสีเ่ หล่ียมรปู วา่ ว ใหเ้ สน้ ทแยงมุมยาว 4 เซนตเิ มตร
ค. รูปสี่เหลยี่ มรปู ว่าวและรปู ส่ีเหลยี่ มขนมเปยี กปูน

ง. รูปสเ่ี หลย่ี มขนมเปยี กปูนและรปู ส่ีเหล่ยี มดา้ นขนาน 7. จากรูป ขอ้ ใดบอกข้ันตอนการสรา้ งไม่ถกู ต้อง
3. รปู ส่เี หลีย่ มในข้อใด มีเสน้ ทแยงมมุ แบง่ คร่ึงซ่ึงกันและกัน
ก. ลาก ม̅ต ยาว 4 เซนตเิ มตร แบ่งครึ่ง ม̅ต ท่จี ดุ ย
ก. รปู สี่เหลี่ยมจตั รุ สั และรูปสเ่ี หล่ยี มรูปว่าว
ข. รปู ส่เี หลีย่ มผืนผ้าและรูปสเ่ี หลี่ยมคางหมู ข. ท่จี ดุ ย สรา้ งมุมขนาด 45° โดยให้ ย̅ต เปน็ แขนข้าง
ค. รปู สเี่ หลี่ยมรปู วา่ วและรปู สเ่ี หลี่ยมด้านขนาน หนง่ึ ของมมุ
ง. รูปส่เี หลยี่ มขนมเปียกปูนและรปู สีเ่ หล่ยี มจัตรุ สั
4. ขอ้ ใดถูกต้อง ค. กางวงเวยี นรศั มี 2 เซนติเมตร ใช้จุด ย เป็นจดุ
ศูนยก์ ลางเขียนส่วนโค้งตัดแขนของมมุ ทจ่ี ุด ร และ ส

ก. รูปสเ่ี หลย่ี มรปู วา่ วมีดา้ นทอี่ ยตู่ ิดกันยาวเท่ากันสองคู่ ง. ลาก ม̅ร, ร̅ต, ต̅ส และ ส̅ม ได้รปู สเี่ หล่ียมจตั ุรสั

ข. รูปส่ีเหลี่ยมขนมเปียกปูนมดี ้านตรงขา้ มขนานกันหนง่ึ คู่ จากรปู จงตอบคำถามข้อ 8. – 9.

ค. รูปสเ่ี หล่ยี มคางหมมู ีเส้นทแยงมมุ แบ่งคร่ึงซ่ึงกนั และกัน

ง. รปู ส่เี หลย่ี มดา้ นขนานมีเสน้ ทแยงมุมตัดกนั เป็นมุมฉาก

5. สร้างรูปส่ีเหล่ียมขนมเปยี กปูน คงจฉ ให้มดี ้านยาวดา้ นละ

4.5 เซนติเมตร ถ้าให้ คฉ̂จ มีขนาด 75° แล้ว งจ̂ฉ จะมี 8. มคี วามสูงและความยาวของฐานเป็นเท่าไร
ก. ความสูง 2.5 เซนติเมตร ฐานยาว 4 เซนติเมตร
ขนาดเทา่ ไร
ข. ความสงู 4 เซนติเมตร ฐานยาว 2.5 เซนติเมตร
ก. 75° ข. 90°
ค. ความสงู 2.5 เซนตเิ มตร ฐานยาว 2.5 เซนติเมตร
ค. 105° ง. 120

ง. ความสูง 4 เซนตเิ มตร ฐานยาว 4 เซนติเมตร 14. กระดาษรูปส่ีเหลย่ี มขนมเปียกปนู แผ่นหนง่ึ มีพ้นื ท่ี
ดา้ นหน้า 300 ตารางเซนติเมตร ถ้าดา้ นท่ีอย่ตู รงขา้ มกัน
9. รปู ส่เี หลีย่ มขนมเปียกปูนรูปน้ี มีพ้นื ทเี่ ท่าไร ห่างกัน 15 เซนติเมตร กระดาษแผน่ นมี้ คี วามยาวรอบรปู
ก. 5.25 ตารางเซนตเิ มตร ข. 6.25 ตารางเซนติเมตร เทา่ ไร
ค. 10.00 ตารางเซนติเมตร ง. 16.00 ตารางเซนตเิ มตร
ก. 40 เซนตเิ มตร ข. 80 เซนติเมตร
10. รปู ส่ีเหลย่ี มรูปวา่ วมดี ้านทีต่ ิดกันยาวด้านละ 15 ค. 100 เซนติเมตร ง. 120 เซนตเิ มตร
เซนติเมตร และ 8 เซนติเมตร รูปสี่เหลีย่ มรูปว่าวรูปนี้
มคี วามยาวรอบรปู ก่เี ซนตเิ มตร 15. กระดาษรูปสเี่ หลยี่ มด้านขนาน มีพน้ื ที่ 60 ตารางเมตร

ก. 23 เซนตเิ มตร ข. 31 เซนตเิ มตร และมีความยาวรอบรูป 28 เมตร และมดี า้ นดา้ นหนึ่งยาว
ค. 46 เซนตเิ มตร ง. 54 เซนติเมตร
10 เมตร ด้านคู่ทอี่ ยตู่ ิดกันกับด้านน้ี หา่ งกนั เทา่ ไร
11. สวนผลไม้รูปสเี่ หลย่ี มขนมเปยี กปูนมีความยาวรอบสวน
562 เมตร สวนผลไมน้ ี้มีความยาวแต่ละดา้ นเท่ากบั เท่าไร ก. 4 เมตร ข. 8 เมตร

ก. 140.5 เมตร ข. 281 เมตร ค. 10 เมตร ง. 15 เมตร
ค. 140.5 ตารางเมตร ง. 281 ตารางเมตร

12. กระดาษรูปสเี่ หลี่ยมขนมเปียกปูน มคี วามยาวดา้ นละ
18 เซนติเมตร สูง 12 เซนตเิ มตร กระดาษแผน่ นมี้ ีพน้ื ที่
เทา่ ใด

ก. 198 ตารางเซนตเิ มตร ข. 216 ตารางเซนตเิ มตร
ค. 256 ตารางเซนติเมตร ง. 325 ตารางเซนติเมตร

13. สนามหญ้ารูปสเ่ี หลี่ยมดา้ นขนานมีความยาวฐานเปน็

สามเทา่ ของความสงู ถา้ วัดระยะหา่ งดา้ นคู่ขนานได้ 8.5

เมตร สนามหญ้าน้มี ีพื้นท่ีเท่าไร

ก. 25.5 เมตร ข. 216.75 เมตร

ค. 25.5 ตารางเมตร ง. 216.75 ตารางเมตร

ตอนท่ี 2 จงเตมิ คำตอบใหถ้ กู ตอ้ ง
จากรูป จงตอบคำถามข้อ 16. – 17.
16. มคี วามสงู และความยาวของฐานเป็นเท่าไร
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………

17. รปู ส่เี หลย่ี มด้านขนานรปู นี้ มีพน้ื ทเี่ ท่าไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

18. แอฟต้องการทำโครงว่าวด้วยไม้ไผท่ ่ีมลี กั ษณะดังรปู เขาจะต้องเตรยี มไม้ไผ่ยาวอย่างน้อยเทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
19. แผ่นกระเบื้องปูพื้นรปู ส่ีเหลยี่ มขนมเปียกปูนยาวด้านละ 0.3 เมตร ดา้ นตรงขา้ มหา่ งกัน 0.25
เมตร จำนวน 200 แผ่น จะใช้ปพู ืน้ ที่ไดม้ ากท่ีสดุ เท่าไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

20. พทิ กั ษใ์ ช้เชือกทัง้ หมด 30 เมตร ขงึ ล้อมรอบบรเิ วณเพื่อทำสวนหย่อมรปู ส่เี หล่ียมดา้ นขนาน โดย
ใหด้ ้านทอ่ี ยู่ตรงขา้ มกนั คู่หนึ่งยาว 6 เมตร และดา้ นอกี ค่หู น่ึงหา่ งกนั 5 เมตร สวนหย่อมนี้มีพนื้ ท่ีเทา่ ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชือ่ -สกลุ ……………………………………………………………………………ชั้น………………………เลขท…ี่ …………….

เฉลยแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7

เร่อื ง รูปส่ีเหล่ียม รายวิชาคณติ ศาสตร์ ค15101

คำชีแ้ จง 1. แบบทดสอบจำนวน 20 ขอ้ ตอนที่ 1 เป็นแบบปรนัย (เลอื กตอบ) จำนวน 15 ขอ้

ตอนที่ 2 เปน็ แบบอตั นยั (เขยี นตอบ) จำนวน 5 ข้อ

2. คะแนนเตม็ 20 คะแนน (ขอ้ ละ 1 คะแนน) เวลาในการทำข้อสอบ 40 นาที

ตอนที่ 1 เลือกคำตอบท่ถี ูกต้องท่ีสดุ เพยี ง 1 ตวั เลือก แล้วกากบาท X ลงในกระดาษคำตอบ

ขอ้ ก ข ค ง

1X

2X

3X

4X

5X

6X

7X

8X

9X

10 X

11 X

12 X

13 X

14 X

15 X

ชื่อ-สกลุ ……………………………………………………………………………ช้นั ………………………เลขท…ี่ …………….
ตอนที่ 2 จงเตมิ คำตอบให้ถกู ตอ้ ง

จากรปู จงตอบคำถามข้อ 16 - 17
16. มคี วามสงู และความยาวของฐานเป็นเท่าไร
ความสูง 2.8 เมตร
ฐานยาว 3.5 เมตร

17. รปู สเ่ี หล่ียมด้านขนานรปู น้ี มพี ืน้ ทีเ่ ท่าไร
วิธีทำ พืน้ ทีข่ องรปู สเ่ี หลย่ี มด้านขนาน = ความสูง × ความยาวของฐาน

= 2.8 × 3.5 ตารางเมตร
= 9.8 ตารางเมตร
ตอบ ๙.๘ ตารางเมตร
18. แอฟตอ้ งการทำโครงว่าวดว้ ยไมไ้ ผท่ ่ีมลี ักษณะดังรูป เขาจะต้องเตรียมไม้ไผ่ยาวอยา่ งนอ้ ยเทา่ ใด

วธิ ที ำ จะต้องเตรยี มไม้ไผ่ = [2 × (39 + 65)] + 50 + 90 เซนตเิ มตร

= 348 เซนตเิ มตร

ตอบ ๓๔๘ เซนตเิ มตร

19. แผ่นกระเบ้ืองปูพื้นรูปสเ่ี หล่ียมขนมเปียกปนู ยาวดา้ นละ 0.3 เมตร ด้านตรงข้ามห่างกนั 0.25

เมตร จำนวน 200 แผ่น จะใช้ปพู ้นื ท่ีได้มากที่สดุ เทา่ ไร

วธิ ที ำ พน้ื ทข่ี องรูปส่ีเหล่ียมขนมเปียกปูน = ความสงู × ความยาวของฐาน

= 0.25 × 0.3 ตารางเมตร

= 0.075 ตารางเมตร

แผ่นกระเบ้ืองปูพืน้ จำนวน 200 แผ่น จะใช้ปูพ้นื ท่ีไดม้ ากท่ีสุด 0.075 × 200 = 15 ตารางเมตร

ตอบ ๑๕ ตารางเมตร

20. พทิ กั ษ์ใช้เชอื กทั้งหมด 30 เมตร ขึงลอ้ มรอบบรเิ วณเพื่อทำสวนหย่อมรูปส่ีเหลีย่ มดา้ นขนาน โดย

ใหด้ ้านที่อยู่ตรงข้ามกนั คูห่ น่ึงยาว 6 เมตร และดา้ นอกี คหู่ น่ึงหา่ งกัน 5 เมตร สวนหยอ่ มน้ีมีพ้ืนทเ่ี ท่าใด

วธิ ีทำ พ้ืนทข่ี องรปู สี่เหลีย่ มด้านขนาน = ความสูง × ความยาวของฐาน

=5×9 ตารางเมตร

= 45 ตารางเมตร

ตอบ ๔๕ ตารางเมตร

กระดาษคำตอบแบบทดสอบ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 7

เร่ือง รูปสเี่ หล่ียม รายวิชาคณติ ศาสตร์ ค15101

คำชแ้ี จง 1. แบบทดสอบจำนวน 20 ข้อ ตอนที่ 1 เปน็ แบบปรนยั (เลอื กตอบ) จำนวน 15 ขอ้

ตอนที่ 2 เป็นแบบอัตนัย (เขียนตอบ) จำนวน 5 ข้อ

2. คะแนนเต็ม 20 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เวลาในการทำขอ้ สอบ 40 นาที

ตอนท่ี 1 เลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องทส่ี ดุ เพยี ง 1 ตัวเลอื ก แลว้ กากบาท X ลงในกระดาษคำตอบ

ข้อ ก ข ค ง

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

ช่อื -สกุล……………………………………………………………………………ชั้น………………………เลขท…่ี …………….


Click to View FlipBook Version