The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือดำเนินงานปี2565 ปรับปรุง 65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือดำเนินงานปี2565 ปรับปรุง 65

คู่มือดำเนินงานปี2565 ปรับปรุง 65

(27)

(28)

3. หลกั การจดั เกบ็ และสบื ค้นภาพวาดทางพฤกษศาสตร์
3.1 แบบเอกสาร โดยการน าภาพวาดทางพฤกษศาสตร์มาเก็บเปน็ แฟม้ เอกสาร
3.2 แบบคอมพิวเตอร์ โดยจัดเกบ็ ภาพวาดแต่ละชนดิ ในโฟลเดอร์ ตงั้ ชื่อโฟลเดอรข์ ึน้ ต้นด้วย

รหัสประจาต้นและตามดว้ ยชอ่ื พน้ื เมือง

(29)

ลาดับการเรียนรู้ท่ี 8
ทาตัวอยา่ งพรรณไม้ (แห้ง ดอง และเฉพาะสว่ น)
วัตถปุ ระสงค์
1. เพือ่ รู้การทาตวั อย่างพรรณไม้แห้ง
2. เพอ่ื รู้การทาตวั อย่างพรรณไม้ดอง
3. เพอ่ื รู้การทาตวั อย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นรู้การทาตวั อย่างพรรณไม้แห้ง
1.1. เรยี นรู้หลักการทาตัวอย่างพรรณไม้แห้ง
1.1.1 สามารถทาไดท้ ุกส่วนของพืช เช่น ราก ลาตน้ ใบ ดอก และผล
1.1.2 ตัวอย่างมีความสมบรู ณ์ เลือกเกบ็ ต้นหรือกิ่งที่มีลักษณะปกติ ไมเ่ หย่ี ว แมลง
กัด ไฟไหม้ หรือเป็นโรค (ขนึ้ อยู่กบั ระยะเวลาการตดิ ผลและดอกของพชื แต่ละชนดิ )
1.1.3 ทาตัวอย่างซา้ ท่ีเหมือนกนั คือ ตวั อย่างสาหรับพืชแต่ละชนิด จะต้องมีต้งั แต่
2 ช้นิ ขึ้นไป
1.2 เรยี นรู้วสั ดอุ ุปกรณ์ในการทาตัวอย่างพรรณไม้แห้ง
1.2.1 ชนิ้ ตวั อย่าง ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ประกอบไปด้วย กิ่ง ใบดอก หรือ
กงิ่ ใบ ผล
1.2.2 แผงอัดพนั ธ์ุไม้ กว้าง 30 เซนตเิ มตร ยาว 45 เซนตเิ มตร มลี กั ษณะเป็นตาราง
ส่ีเหลี่ยมผืนผ้า 2 แผงประกบกนั
1.2.3 เชอื กไส้ตะเกียงแบบแบนสาหรับผูกแผงอดั พันธ์ุไม้ กว้าง 2.5 เซนติเมตร ยาว
150 เซนติเมตร จานวน 2 เส้นต่อแผง
1.2.4 กระดาษลูกฟูก (หรอื เทียบเท่า) กว้าง 30 เซนตเิ มตร ยาว 45 เซนติเมตร
1.2.5 กระดาษหนังสอื พิมพ์ กว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 45 เซนติเมตร
1.2.6 ปา้ ยแสดงขอ้ มูลพรรณไม้ กว้าง 10 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตร
1.2.7 ปา้ ยขอ้ มูล (tag) สาหรบั ผกู พนั ธุ์ไม้กว้าง 3 เซนตเิ มตร ยาว 5 เซนตเิ มตร
ปลายขา้ งหนงึ่ เจาะรูสาหรบั ร้อยด้าย (ด้ายยาว 20 เซนติเมตร ทาเป็น 2 ทบ)
1.2.8 เข็มเบอร์ 8 และดา้ ย
1.2.9 กระดาษสีขาว 300 แกรมสาหรับเยบ็ ตวั อย่างพรรณไมแ้ ห้ง กว้าง 30
เซนตเิ มตร ยาว 42 เซนตเิ มตร
1.2.10 ปกตวั อย่างพรรณไมแ้ ห้ง ใช้กระดาษสีขาว 300 แกรม พับคร่ึงให้ได้ขนาด
กว้าง 35 เซนตเิ มตร ยาว 45 เซนติเมตร

(30)

1.3 เรียนรู้ขั้นตอนการทาตวั อย่างพรรณไมแ้ ห้ง
1.3.1 คดั เลอื กสว่ นของพชื ในการทาตวั อย่างพรรณไม้แห้ง ประกอบด้วย ก่ิง ใบ

ดอก หรือกงิ่ ใบ ผล ตัดชน้ิ ตวั อย่างพนั ธไ์ุ มย้ าว 30 เซนติเมตร โดยพนั ธุไ์ ม้หนงึ่ ชนิดให้เก็บอยา่ งน้อย 2
ตวั อย่าง

1.3.2 ผกู ปา้ ยข๎อมูลท่ีชิ้นตัวอย่างพันธ์ุไม้ในตาแหน่งกง่ิ ท่ีแข็งแรงที่สดุ เพ่ือป้องกัน
การสญู หาย

(31)

1.3.3 เตรียมอุปกรณ์สาหรับอัดพรรณไม้โดยวางแผงอัดพันธ์ุไม้ 1 แผง กระดาษลูกฟูก 1
แผ่น และกระดาษหนงั สือพิมพ์ 1 คู่ ตามลาดบั

1.3.4 จัดช้นิ ตวั อย่างพนั ธุ์ไมบ้ นกระดาษหนังสอื พิมพใ์ ห้เห็นลักษณะของหน้าใบ หลัง
ใบ ดอก และผลชัดเจน แล้วจงึ ปิดด้วยกระดาษหนงั สอื พมิ พ์ กระดาษลูกฟูก 1 แผ่น และแผงอัดพันธุ์ไม้ 1 แผง
ตามลาดับ แล้วจึงผูกเชือกรัดแผงอัดพันธ์ุไม้ให้แน่น (แผงอัดพันธ์ุไม้1 แผง สามารถอัดพรรณไม่ได้ 1 – 10
ตัวอย่าง ขึน้ อยู่กบั ขนาดและชนิดของพรรณไม้)

1.3.5 อบตัวอย่างพรรณไม้ การอบพรรณไมห้ รอื ตากตัวอย่างพรรณไม้สามารถตาก
ไวใ๎ นบริเวณ พ้นื ทีท่ ม่ี แี สงแดดส่องถงึ หากในฤดูฝนหรือฤดูหนาวสามารถใช้วิธกี ารอบไว้ในตอู้ บพรรณไม่ได้

(32)

1.3.6 เย็บตวั อย่างพรรณไมแ้ ห้ง นาตัวชิ้นตัวอย่างพันธ์ไุ มท้ ่แี หง้ สนทิ วางบน
กระดาษสาหรับ เย็บตัวอย่างพรรณไม้แห้ง เย็บยึดด้วยเข็มและด้ายบริเวณกิ่ง และเส้นกลางใบให้ช้ินตัวอย่าง
พันธุ์ไม้ติดแน่นกับ กระดาษ โดยเว้นระยะแต่ละปมประมาณ 1 นิ้ว หรือตามความเหมาะสมโดยไม่มีการตัด
ด้ายระหว่างการเยบ็

1.3.7 ติดป้ายแสดงขอ้ มลู พรรณไม้ ตรงมุมล่างดา้ นซ้ายของตวั อย่างพรรณไม้แห่ง
ที่ทาการเย็บ เสร็จแล้วโดยทากาวเพียง 1 เซนติเมตรทางด้านซ้าย เพื่อให้สามารถเปิดปิดป้ายรายละเอียด
ข้อมูลพรรณไมไ้ ด้

(33)

1.3.5 เรยี นรู้ระบบการจดั เกบ็ และสืบค้น เช่น แฟ้มทะเบยี นตัวอย่าง ชิ้นตวั อย่าง วางบนชั้นวาง หรอื ตู้

2. ศึกษาการทาตวั อย่างพรรณไม้ดอง
2.1 เรยี นรู้หลักการทาตวั อย่างพรรณไม้ดอง เก็บได้ทุกส่วนเช่น ส่วนดอกและผลของพืชที่

ต้องการเก็บรกั ษาเป็นพิเศษ หรือ ขนาดใหญ่ และมลี กั ษณะ อวบนา้ หรอื ฉ่านา้ เช่น ผลมะม่วง ผลมะยม ผล
มะปริง ผลมะปราง ดอกขิง ดอกข่า เปน็ ต้น

(34)

2.2 เรียนรู้วัสดุอุปกรณ์ในการทาตวั อย่างพรรณไม้ดอง
2.2.1 มดี ผ่าตัวอย่าง
2.2.2 ขวดแกว้ สุญญากาศ (Vacuum bottle) แบบใส มีฝาปิดมดิ ชดิ ไม่ทาให้

เอทานอล ระเหยงา่ ย
2.2.3 เอทานอล / เอทลิ แอลกอฮอล์Ethyl alcohol) ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 70
2.2.4 ป้ายขอ้ มลู พรรณไม้ขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร ยาว 15 เซนตเิ มตร

(35)

2.3 เรยี นรู้ข้ันตอนการทาตัวอย่างพรรณไมด้ อง
2.3.1 คัดเลอื กสว่ นของพืชในการทาตวั อย่างพรรณไม้ดอง ประกอบด้วย ผล

หรอื ดอก ท่อี วบนา้ โดยพรรณไม้แตล่ ะชนิดให้เก็บ 1 ตัวอย่าง
2.3.2 ตดั ตามขวาง ตดั ตามยาว ส่วนของผล ตวั อย่างพรรณไมท้ ่ีมีลกั ษณะอวบนา้

ใส่ในขวด หรอื โหล ดองในเอทลิ แอลกอฮอลค์ วามเข้มขน้ ร้อยละ 70 ชน้ิ ส่วนทนี่ ามาดอง แสดงการดองทั้งผล
และผ้า ตามยาว ตามขวางให้เหน็ ลกั ษณะภายในผล และติดป้ายข้อมูลที่ขวดตัวอย่างหรืออาจใช้กระดาษแบบ
กันนา้ แล้วเขยี นบนั ทึกข้อมูลพรรณไม้ลงในขวดโหลตัวอย่างได้

2.3.3 ดองส่วนของพชื
2.3.4 บันทึกข้อมูลและติดป้ายข้อมลู พรรณไม้ดอง สาหรบั ตัวอย่างพรรณไม้ดอง
แผ่นป้าย ข้อมูลจะติดบนภาชนะท่ีบรรจุตัวอย่าง ขนาดของแผ่นป้ายสาหรับตัวอย่างดองนน้ั ใหญ่หรือเลก็
แล้วแต่ความเหมาะสม โดยควรเหมาะสมกบั ขนาดของภาชนะที่บรรจตุ ัวอย่าง และควรติดอยู่ในบรเิ วณท่ี
เหมาะสม ไมบ่ ดบัง ตัวอย่างที่อยู่ภายใน

(36)

หมายเหตุ
ตัวอย่างพรรณไม้ดองบางชนิดเมื่อถึงระยะเวลาหน่ึงจะต้องมีการเปล่ียนถ่ายเอทานอลเก่า ออก และ

ใส่ เอทานอลใหม่ลงไปแทน เพ่อื ให้รกั ษาสภาพตวั อย่างไดน้ านข้นึ โดยเฉพาะตวั อย่างทม่ี สี ลี ะลาย ออกมาใน
เอทานอลมากจนกลายเป็นสีคล้าเข้มทาให้มองไม่เห็นช้ินตัวอย่างที่บรรจุอยู่ภายในภาชนะ ควร จะต้องทาการ
เปล่ียนบ่อยข้ึน

2.4 เรยี นรู้ระบบการจดั เก็บและสืบค้น
สามารถจัดเกบ็ ไว้ในตหู้ รือชนั้ วางเรียงกนั ไว้ในห้องเก็บตัวอย่าง ท่ีมแี สงผ่านเข้าเล็กน้อย

หรอื จัดเป็น หมวดหมู่ ยกตวั อย่างเช่น พรรณไม้ที่อยู่ในสกุลเดียวกันและวงศเ์ ดยี วกันจัดสามารถจัดรวมกนั
และเรียงลาดบั รหัสตดิ ไว้ทต่ี เู้ ก็บตวั อย่าง ซ่ึงง่ายต่อการสืบคน้

(37)

(38)

3. เรยี นรู้การทาตัวอย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน
3.1 เรยี นรู้หลกั การทาตัวอย่างพรรณไมเ้ ฉพาะส่วน สาหรับพืชบางชนิดซ่ึงมผี ลท่มี ีลักษณะ

เปน็ ผลแห้ง (ไมม่ ีเน้อื ฉ่านา้ ) นนั้ นอกจากจะเก็บก่ิงทมี่ ีใบ และ ดอก มาอัดเปน็ ตัวอย่างพรรณไมแ้ ห้งแล้ว ยัง
สามารถเกบ็ ตวั อยา่ งเฉพาะส่วนของผล (ซึ่งไม่สามารถอัดให้แบนติดบนกระดาษได้) หรือตัวอย่างมักใช้กับส่วน
ของพืชที่ต้องการเก็บรักษา เป็นพิเศษ หรือ ขนาดใหญ่มาก มาทาเป็นตัวอย่างพรรณไม้แห้งเฉพาะส่วนได้ด้วย
เช่น ฝกั สะบ้า ผลตะแบก อินทนลิ สะแก ยางนา มะพร้าวฯลฯ นอกจากนี้ยังอาจเก็บส่วนของเมล็ดได้ด้วย เช่น
เมล็ดมะกล่าตาหนูเมล็ดถั่วต่าง ๆ ฯลฯ โดยตัวอย่างแห้งเฉพาะส่วนนี้ไม่ต้องอัดในแผงอัดพรรณไม้แต่อบหรือ
ตากแดดให้แห้ง แล้วเก็บรักษาไว้ในภาชนะใสแบบต่าง ๆ ในกรณีท่ีมีขนาดใหญ่มาก เช่น ฝักสะบ้า อาจจัด
แสดงไว้ในห้องโดยไมต่ อ้ งใส่ภาชนะ

3.2 เรียนรู้วสั ดุอุปกรณใ์ นการทาตัวอย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน

3.3 เรียนรู้ขน้ั ตอนการทาตัวอย่างพรรณไมเ้ ฉพาะส่วน
3.3.1 คดั เลอื กสว่ นของพชื ในการทาตัวอย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน ประกอบด้วย

ผล เมล็ด หรือ ดอกท่ีแห้งโดยธรรมชาติโดยเก็บชนิดพรรณไม้ละ 1 ตัวอย่าง
3.3.2 ทาตวั อย่างพรรณไมเ้ ฉพาะ โดยเกบ็ ตวั อย่างพรรณไม้ทม่ี ลี ักษณะแห่ง เช่น

เกบ็ เป็นผล แห้ง ฝัก เมล็ด ใส่กล่องหรือขวด ปดิ ฝาให้มดิ ชิดปอ้ งกันแมลง หากพรรณไม่มีขนาดใหญ่ไมส่ ามารถ
ใส่กลอ่ งได้ ให้วาง หรอื แขวนบนชั้น แล้วตดิ ป้ายข้อมลู พรรณไม้

3.3.3 บันทึกข้อมลู และตดิ ป้ายข้อมูลพรรณไม้เฉพาะส่วน แผ่นปา้ ยข้อมูลจะตดิ บน
ภาชนะใน กรณที ่ีสามารถบรรจใุ นภาชนะได้โดยให้มีขนาดและบริเวณท่ีติดแผ่นป้ายตามความเหมาะสม แต่ถ้า
ช้นิ ตวั อย่าง มขี นาดใหญ่มาก และไม่ไดบ้ รรจุในภาชนะ ก็ควรมีแผ่นปา้ ยขอ้ มูลติด (อาจใช้วิธีห้อยหรอื แขวน) ไว้
ที่ชนิ้ ตวั อย่าง หรือทาเปน็ ป้ายตง้ั แสดงใกล้ ๆ กับชิน้ ตัวอย่าง

(39)

3.4 เรียนรู้ระบบการจดั เก็บและสืบค้น
ให้จัดแสดงไว้ในตหู้ รือชน้ั หรอื อาจวางเรียงไว้ท่มี ุมตา่ ง ๆ ในห้องพิพิธภณั ฑ์ให้สวยงาม หลกั สาคัญท่ี
ต้อง คานงึ ถงึ คือ ต้องเรยี งเป็นหมวดหมู่ ให้ตัวอย่างพรรณไม้ทีอ่ ยู่ในสกลุ และวงศ์เดียวกันอยู่รวมกัน

(40)

ลาดับการเรียนรู้ที่ 9
เปรียบเทียบข้อมูลทีส่ รปุ (ก.7–003 หนา้ 8) กบั ข้อมูลทส่ี ืบคน้ จากเอกสาร

แลว้ บนั ทกึ ใน ก.7–003 หน้า 9–10
วตั ถุประสงค์

1. เพ่ือรู้การสรุปลักษณะและข้อมลู พรรณไม้
2. เพ่ือรู้การสบื คน้ ข้อมูลพรรณไม้
3. เพ่ือรู้การเปรยี บเทยี บและบันทึกข้อมลู เพมิ่ เติม
กระบวนการเรียนรู้
1. เรียนรู้การสรุปข้อมลู พรรณไม้ (ก.7–003 หนา้ 8)

1.1 บันทึกชือ่ พน้ื เมืองและรหสั พรรณไม้ (จากหน้าปก)
1.2 นาข้อมูลหน้า 2–7 มาเขียนเปน็ ความเรียงในย่อหน้าท่ี 1 ควรสรุปข้อความให้ไดใ้ จความ
กะทัดรดั ไม่ยาวจนเกนิ ไป ไม่ใช้คาเชื่อมเยอะจนเกินไป
1.3 นาข้อมูลหน้า 1 มาเขยี นเปน็ ความเรยี งในย่อหน้าท่ี 2

(41)

2. เรียนรกู้ ารสืบคน้ ขอ้ มูลพรรณไม้
2.1 เรยี นรู้หลักการสบื ค้นขอ้ มูลพรรณไมจ้ ากเอกสาร ส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ แหล่งสืบค้นขอ้ มูล

พรรณไมไ่ ดม้ าจาก เอกสาร หนังสือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ท่ีมีความนาเชื่อถือ และเป็นที่ ยอมรับทางด้านวิชาการ
พฤกษศาสตร์ เช่น หนังสือช่ือพรรณไม้แห่งประเทศไทย อ.เต็ม สมิตินันทน์ หนังสือ พรรณไม้ในสวน
พฤกษศาสตร์โรงเรยี น ศาสตราจารย์ ดร. พเยาว์ เหมือนวงษญ์ าติ

(42)

(43)

2.2 เรยี นรู้วิธกี ารสืบค้น
2.2.1 ค้นจากหนงั สือช่ือพรรณไม๎แหงประเทศไทย อ.เต็ม สมติ นนั ทน์
2.2.2 การสืบคน้ จากส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ของ อพ.สธ.
1. เขา้ สู่หนา้ เวบ็ ไซต์ www.rspg.or.th, www.rspg.org
2. จากหน้าหลัก (Home) คลิกทล่ี งิ ค์ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
3. คลิกท่ี ข้อมูลพรรณไม้
4. เลอื กชนดิ และข้อมลู พรรณไม้ทต่ี อ้ งการสืบคน้

2.3 เรียนรู้การเปรียบเทยี บและบันทกึ ข้อมูลเพิ่มเตมิ
2.3.1 เรยี นรู้การเปรียบเทียบ
1. นาข้อมลู ทส่ี รุปในหน้าที่ 8 มาเปรยี บเทียบกบั ข้อมลู ที่ได้จากการสืบค้น

(44)

2. บนั ทกึ ขอ้ มลู ท่ีได้จากการสบื ค้น เช่น ชื่อวทิ ยาศาสตร์ ชือ่ วงศ์ ช่อื สามัญ
ชื่อพ้ืนเมืองอื่น ๆ ถ่ินกาเนิด การกระจายพันธุ์นิเวศวิทยา เวลาออกดอก เวลาติดผล การขยายพันธ์ุ การใช้
ประโยชน์ ประวตั พิ นั ธ์ุไม้ และ เอกสารอา้ งอิง ใน ก.7-003 หนา้ ท่ี 9

(45)

2.3.2 เรียนรบู้ ันทึกข้อมูลเพิ่มเติม (ก.7–003 หน้า 10) เช่น ประวตั กิ ารนาเข้ามาปลกู ใน
โรงเรียน เวลาการออกดอกหรอื ติดผลนอกฤดูกาล หรืออนื่ ๆ

(46)
ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่ 10
จดั ระบบข้อมูลทะเบียนพรรณไม้ (ก.7-005)
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื รู้รูปแบบการทาทะเบียนพรรณไม้
2. เพ่ือรู้วิธีการทาทะเบยี นพรรณไม้
กระบวนการเรียนรู้
1. เรยี นรู้รูปแบบการทาทะเบียนพรรณไม้ตามแบบ อพ.สธ. ประกอบไปด้วย
1.1 ปก

1.2 ตารางบันทกึ ข้อมลู ประกอบไปด้วย ชือ่ โรงเรยี น จงั หวดั รหัสสมาชกิ ฯ รหสั พรรณไม้ ช่อื
พ้นื เมือง ชอื่ วิทยาศาสตร์ ชือ่ วงศ์ ลักษณะวิสัย ลักษณะเด่นของพืช บรเิ วณทีพ่ บ

(47)
2 เรยี นรู้วธิ กี ารทาทะเบยี นพรรณไม้

2.1 รวบรวมข้อมลู จากเอกสาร ก.7 – 003

2.2 บันทึกข้อมลู ในทะเบียนพรรณไม้ ประกอบไปด้วย รหสั พรรณไม้ ช่อื พื้นเมอื ง
ช่อื วิทยาศาสตร์ ชอ่ื วงศ์ ลักษณะวสิ ยั ลักษณะเด่นของพืช บรเิ วณท่พี บ

(48)
3. จัดทาระบบการจัดเก็บและสืบค้นทะเบียนพรรณไม้

(49)

ลาดับการเรียนรู้ที่ 11
ทาร่างปา้ ยชื่อพรรณไม้สมบูรณ์
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื รู้รูปแบบการทาป้ายช่อื พรรณไม้สมบูรณ์
2. เพื่อรู้วธิ กี ารทาปา้ ยช่ือพรรณไม้สมบรู ณ์
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรียนรู้รูปแบบการทาป้ายช่ือพรรณไม้สมบรู ณต์ ามแบบ อพ.สธ.ประกอบด้วย
1.1 รหัสพรรณไม้
1.2 ชื่อพืน้ เมือง
1.3 ชือ่ วิทยาศาสตร์
1.4 ชื่อวงศ์
1.5 ชอ่ื สามัญ
1.6 ประโยชน์

(50)
2. เรยี นรู้วธิ ีการทาปา้ ยชอื่ พรรณไม้สมบูรณ์

2.1 รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ก.7–003 และทะเบียนพรรณไม้

2.2 บันทกึ ข้อมูล ร่างป้ายช่ือพรรณไม้สมบูรณ์ ประกอบไปด้วย
1. รหัสพรรณไม้ : (นาข้อมลู มาจากหน้าปกเอกสาร ก.7-003 หรือทะเบยี นพรรณไม้
ชอ่ งท่ี 1)
2. ชอื่ พนื้ เมือง : (นาข้อมูลมาจากหน้าปกที่ 1 ของเอกสาร ก.7-003 หรือทะเบยี น
พรรณไม้ช่องที่ 2)
3. ชอื่ วิทยาศาสตร์: (นาข้อมูลมาจากหน้าปกที่ 9 ของเอกสาร ก.7-003 หรือ
ทะเบียน พรรณไมช้ อ่ งท่ี 3)
4. ชือ่ วงศ์ : (นาข้อมูลมาจากหน้าปกท่ี 9 ของเอกสาร ก.7-003 หรอื ทะเบยี น
พรรณไม้ช่องท่ี 4)
5. ช่อื สามัญ : (นาข้อมลู มาจากหน้าปกที่ 9 ของเอกสาร ก.7-003 หรือทะเบียน
พรรณไม้ช่องท่ี 3)
6. ประโยชน์: (นาข้อมูลมาจากหน้าปกท่ี 1 ของเอกสาร ก.7-003)

(51)

(52)

ลาดบั การเรียนรู้ท่ี 12
ตรวจสอบความถกู ต้องทางวิชาการดา้ นพฤกษศาสตร์
วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อรู้วธิ กี ารรวบรวมข้อมูลความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
2. เพ่ือรู้วิธีการทาฐานข้อมลู ความถกู ต้องทางวิชาการด้านพฤกษศาสตร์
3. เพอ่ื รู้วธิ กี ารจัดส่งข้อมลู ความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
กระบวนการเรียนรู้
1. เรียนรู้วธิ ีการรวบรวมข้อมูลความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
1.1 ตวั อย่างพรรณไม้และการศกึ ษาพรรณไม้ข้อมลู ตรงกับทะเบียนพรรณไม้
1.1.1 ภาพถา่ ยตัวอย่างพรรณไม้แห้ง
1.1.2 ภาพถา่ ยตวั อย่างพรรณไม้ดอง
1.1.3 ภาพถา่ ยตัวอย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน
1.1.4 ไฟล์สรปุ ข้อมูลพรรณไม้ ก7.003 หนา้ ท่ี 8 ในรูปแบบ Microsoft Office

Word เช่น
1.2 ทะเบียนพรรณไม้และภาพถา่ ยพรรณไม้

1.2.1 ทะเบยี นพรรณไม้จดั ทาในรปู แบบ Microsoft Office Excel
1.2.2 ข้อมลู ภาพถา่ ยพรรณไม้ตรงกบั ทะเบยี นพรรณไม้
1.3 ปา้ ยช่ือพรรณไม้สมบรู ณ์ ไฟลร์ า่ งปา้ ยช่ือพรรณไม้สมบูรณใ์ นรปู แบบ Microsoft Office
Word หรือ Microsoft Office PowerPoint ให้ตรงกับทะเบียนพรรณไม้
2. เรยี นรู้วิธกี ารทาฐานข้อมลู ความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
2.1 การสร้างโฟลเดอรห์ ลัก ต้ังช่ือว่า “งานประเมนิ ความถูกต้องทางวชิ าการ” และเม่ือเปิด
ใน โฟลเดอรห์ ลกั ให้สร้างโฟลเดอรย์ ่อยสาหรับเก็บข้อมูล จานวน 3 โฟลเดอรด์ งั นี้

(53)
2.1.1 การสรา้ งโฟลเ์ ดอร์และบนั ทึกข้อมลู โฟลเ์ ดอร์ที่ 1 ตวั อยา่ งพรรณไมแ้ ละ
การศึกษาพรรณไม้
ขั้นตอนที่ 1 สาหรบั โฟลเดอร์ ที่ 1 ตัวอย่างพรรณไม้และการศกึ ษาพรรณไม้จะ
ประกอบไปดว้ ย 3 โฟลเดอรย์ ่อยด้วยกนั ดงั นี้

ข้ันตอนท่ี 2 ในแต่ละโฟลเดอร์ย่อย ท้ัง 3 โฟลเดอร์ให้บันทึกข้อมูลทุกปีที่มีการ
สารวจพรรณไม้และ จัดทาทะเบียนพรรณไม้ จะประกอบไปด้วยโฟลเดอร์เก็บภาพตัวอย่างพรรณไม้จะต้องต้ัง
ชื่อขน้ึ ตน้ ด้วยรหสั ประจาตน้ และตามด้วยชื่อพ้ืนเมือง ดังภาพ

(54)
ขนั้ ตอนท่ี 3 ข้อมูลทบี่ ันทึกเก็บไว้ในตวั อย่างพรรณไมแ้ ตล่ ะชนิด จะประกอบด้วย
ภาพถา่ ยตวั อย่าง 2 ตัวอย่าง และไฟล์บนั ทกึ เอกสาร ก.7 – 003 หนา้ ที่ 8 ของพรรณไม้ชนดิ นน้ั (พมิ พ์ด้วย
Microsoft Office Word และบันทึกเปน็ นามสกลุ .doc)
1. โฟลเดอร์ตวั อย่างพรรณไม้แห้ง ในแต่ละชนิดให้ถ่ายภาพตวั อย่าง 2 ตวั อย่าง
โดยถา่ ยให้ เหน็ ชน้ิ ตัวอย่างและป้ายข้อมูลที่ติดกับกระดาษเยบ็ ตวั อย่าง โดยมขี นาดภาพ 640x480 พกิ เซล
หรือ 1,280x960 พิกเซล นามสกุล .jpg และไฟลบ์ นั ทึกเอกสาร ก.7-003 หนา้ ท่ี 8 ของพรรณไม้ชนิดน้ัน
(พิมพ์ดว้ ย Microsoff Office Word และบันทกึ เป็นนามสกลุ .doc)

2. โฟลเดอรต์ ัวอย่างพรรณไมด้ อง ในแต่ละชนดิ ให้ถ่ายภาพตวั อย่างเพยี ง 1 ตวั
อย่าง โดยถ่ายป้าย ข้อมูลพรรณไม้ 1 ภาพ และถ่ายชิ้นตัวอย่างข้างใน 1 ภาพ โดยมีขนาดภาพ 640x480
พกิ เซล หรอื 1,280x960 พิกเซล นามสกุล .jpg และไฟล์บันทึก เอกสาร ก.7-003 หน้าท่ี 8 ของพรรณไม้ชนิด
นน้ั (พมิ พด์ ้วย Microsoft Office Word และบนั ทกึ เปน็ นามสกุล .doc)

(55)
3. โฟลเดอร์ตัวอย่างพรรณไม้เฉพาะส่วน ในแต่ละชนิด ให้ถ่ายภาพตัวอย่างเพียง 1
ตัวอย่าง โดยถ่าย ป้ายข้อมูลพรรณไม้1 ภาพ และถ่ายภาพตัวอย่าง 1 ภาพ โดยมีขนาดภาพ 640x480พิกเซล
หรือ 1,280x960 พิกเซล นามสกุล .jpg และไฟล์บันทึก เอกสาร ก.7-003 หน้าที่ 8 ของพรรณไม้ชนิดนั้น
(พิมพด์ ว้ ย Microsoft Office Word และบนั ทึกเปน็ นามสกุล .doc)

2.1.2 การสร้างโฟลเ์ ดอรห์ ลักที่ 2 ทะเบยี นพรรณไม้และภาพถ่ายพรรณไม้ ขนั้ ตอนที่ 1 บนั ทกึ ข้อมูล
ทะเบียนพรรณไม้ 2 ปี ย้อนหลัง (รปู แบบไฟล์ Microsoft Office Excel) และ สร้างโฟลเดอร์บันทึกภาพถ่าย
พรรณไมแ้ ตล่ ะชนดิ แต่ละปี

(56)
ข้ันตอนที่ 2 ในโฟลเดอร์บนั ทึกข้อมูลภาพถ่ายพรรณไม้แตล่ ะชนดิ ประกอบด้วยภาพถ่าย 6-
7 ภาพ ประกอบด้วย ลกั ษณะวสิ ยั ราก (บางชนิด) ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด โดยมขี นาดภาพ 640x480
พิกเซล หรอื 1,280x960 พกิ เซล บนั ทกึ ภาพนามสกุล .jpg

2.1.3 การสร้างโฟลเดอร์หลกั ที่ 3 ปา้ ยชอื่ พรรณไม้ บันทกึ ขอ้ มลู การทาป้ายชอื่
พรรณไม้ ทั้ง 2 ปี โดยสามารถทาป้ายชื่อพรรณไม้เป็นไฟล์ข้อมูลด้วย โปรแกรม Microsoft Office
PowerPoint หรอื Microsoft Office Word ได๎ (เลือกทาเพียงอย่างเดียว)

(57)

3 เรยี นร้วู ธิ ีการจัดส่งขอ้ มูลความถกู ต้องทางวชิ าการดา้ นพฤกษศาสตร์
3.1 รวบรวมข้อมูลทัง้ หมดลงแผ่น ซีดีหรือดีวีดี ส่ง อพ.สธ.
3.2 หนังสือนาส่ง แบบฟอร์มนาส่ง แผนซดี ขี อ้ มูลความถูกต้องทางวิชาการด้าน

พฤกษศาสตร์

(58)
ลาดับการเรียนรูท้ ี่ 13
ทาป้ายช่ือพรรณไม้สมบูรณ์
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอื่ รู้วิธีการทาป้ายช่ือพรรณไม้สมบูรณ์
2. เพอ่ื รู้วิธกี ารติดแสดงป้ายชอ่ื พรรณไม้สมบรู ณ์
กระบวนการเรียนรู้
1. เรียนรู้วธิ กี ารทาปา้ ยชือ่ พรรณไม้สมบูรณ์
1.1 ปรบั ปรุงและแก้ไขข้อมลู
1.1.1 เปรียบเทียบขอ้ มูลก่อนส่งตรวจสอบกบั ข้อมลู ท่ผี ่านการตรวจสอบจาก
อพ.สธ.
1.1.2 แก้ไขขอ้ มลู ให้ถูกตอ้ ง ประกอบไปด้วย รหัสพรรณไม้ ช่อื พ้นื เมือง ชือ่
วิทยาศาสตร์ ชอื่ วงศ์ ชอ่ื สามัญ ประโยชน์

2. เรียนรู้วิธีการติดแสดงปา้ ยชอ่ื พรรณไม้สมบูรณ์
2.1 รูปแบบการตดิ แสดงปา้ ยช่อื พรรณไมส๎ มบูรณใ์ ห้เหมาะสม
วธิ ีที่ 1 แบบผกู คล้องกบั ก่งิ หรอื ลาตน้ ของต้นไมใ้ นตาแหน่งทีเ่ หมาะสมและมองเห็นได้

อย่างชัดเจน ซ่งึ วิธนี ีเ้ หมาะสาหรับไม้ต้น ไม้พุ่ม ฯลฯ
หมายเหตุ – ไม่ควรตดิ รัดจนแนน่ เกินไป ควรแขวน หรือใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีมีความยดื หยุ่นในการติด

แบบงา่ ยๆ

(59)

วธิ ีที่ 2 แบบปกั หลกั ให้ปกั ตรงบริเวณตาแหน่งที่ต้นไม้นั้นข้ึนอยู่ ใช้สาหรับ ไมล้ ้มลุก

2.2 ตรวจสอบรหัสพรรณไม้ของปา้ ยช่ือพรรณไม้สมบรู ณ์ให้ตรงกับป้ายรหสั ประจาตน้ สามารถ
ออกแบบใบงานการตรวจสอบการตดิ ปา้ ยช่อื พรรณไม้ได้ ตัวอย่างเช่น

2.3 การติดแสดงปา้ ยชื่อพรรณไม้สมบูรณ์

(60)

ผลท่ีคาดว่าจะไดรับ
ด้านวชิ าการ

1. พฤกษศาสตร์เช่น ลกั ษณะ โครงสร้างของพชื ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์
2. ชวี วิทยา เช่น การจาแนก
3. ภมู ิศาสตรเ์ ช่น การสารวจ การทาแผนท่ี
4. ภาษา เช่น การสอบถาม การสรุปองค์ความรู้
5. ศิลปะ เช่น การวาดภาพ การถ่ายภาพ การออกแบบปา้ ยช่ือพรรณไม้
6. สงั คมศาสตร์เช่น งานเกบ็ รวบรวมข้อมลู การทางานร่วมกัน ความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน
ด้านภมู ปิ ญั ญา
1. การเรียนรู้ท่มี ีพชื เปน็ ปัจจยั
2. การคดิ เปน็ ลาดบั ขั้นตอน
3. การจดั การ
4. จินตนาการการสัมผัสเรยี นรู้พชื พรรณ
คุณธรรมและจรยิ ธรรม
1. ความรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
2. ความซือ่ ตรง ในการศึกษา
3. ความมรี ะเบยี บความรอบคอบ ละเอียด ถถี่ ้วน ในการปฏบิ ัติงาน
4. ความอดทนต่อสภาพแวดล้อมในการปฏบิ ตั งิ าน

(61)

องคป์ ระกอบท่ี 3 การศกึ ษาข้อมูลดา้ นต่าง ๆ
หลักการ รูก้ ารวเิ คราะห์ เหน็ ความตา่ ง รูค้ วามหลายหลาก
สาระการเรียนรู้

การศึกษาข้อมลู ด้านตา่ งๆ ทางดา้ นข้อมลู พื้นบา้ น ขอ้ มลู พรรณไม้ การสืบคน้ ขอ้ มลู ด้านพฤกษศาสตร์
การศกึ ษาพรรณไม้ที่สนใจอย่างละเอยี ดท้ังโครงสร้างภายนอกและภายใน การก าหนดเรื่องทจ่ี ะเรียนรใู้ น
องคป์ ระกอบสว่ นยอ่ ยของพรรณไมท้ ีส่ นใจ และเปรยี บเทียบความตา่ งแตล่ ะเรื่องกับพืชชนดิ เดยี วกัน โดยมกี าร
ตรวจสอบผลงานเปน็ ระยะ
ลาดับการเรยี นรู้

1. ศกึ ษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน (ก.7-003) ครบตามทะเบยี นพรรณไม้
1.1 มสี ว่ นรว่ มของผู้ศึกษา
1.2) ศกึ ษาข้อมูลพน้ื บา้ น
1.3) ศึกษาข้อมลู พรรณไม้
1.4 สรุปลักษณะและข้อมลู พรรณไม้
1.5 สบื ค้นขอ้ มลู พฤกษศาสตร์
1.6 บนั ทึกข้อมลู เพ่ิมเติม
1.7 ตรวจสอบผลงานเป็นระยะ
1.8 ความเปน็ ระเบยี บ ความตง้ั ใจ

2. ศึกษาพรรณไม้ท่สี นใจ
2.1 ศึกษาลักษณะภายนอก ภายในของพืชแต่ละส่วนโดยละเอียด
2.2 กาหนดเรอื่ งทจี่ ะเรยี นรู้ในแต่ละสว่ นของพชื
2.3 เรียนรู้แตล่ ะเรอ่ื ง แต่ละส่วนขององคป์ ระกอบย่อย
2.4 นาขอ้ มูลมาเปรียบเทยี บความต่างในแตล่ ะเร่ือง ในชนิดเดียวกนั

อธบิ ายลาดบั การเรียนรู้
ลาดบั การเรยี นรู้ท่ี 1
ศึกษาพรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน (ก.7-003) ครบตามทะเบียนพรรณไม้
วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือรขู้ ้อมลู และลักษณะพรรณไมแ้ ตล่ ะต้นในพนื้ ทศ่ี ึกษาถูกต้องและชดั เจน
กระบวนการเรยี นรู้
1. มีสว่ นรว่ มของผู้ศึกษา (หนา้ ปก)
1.1 แบ่งกลมุ่ ผูศ้ ึกษา
1.1.1 โดยผศู้ กึ ษามสี ่วนร่วมทั้งโรงเรยี น

(62)

1.1.2 โดยผ้ศู กึ ษามสี ว่ นรว่ มในกลุ่มย่อยให้เหมาะสมกบั ระดับการเรยี นรโู้ ดยมผี ูศ้ กึ ษา และผู้
รว่ มศกึ ษา พรอ้ มระบุหนา้ ทีใ่ หช้ ดั เจน

1.2 แตล่ ะกลมุ่ เลอื กพรรณไม้ในพนื้ ท่ีศึกษากลมุ่ ละ 1 ตน้
1.3 ศกึ ษาและบันทึกผล

1.3.1 ช่อื พันธไุ มใ้ ห้บันทึกชื่อพน้ื เมอื ง ในระดับท้องถนิ่
1.3.2 รหสั พรรณไม้ใหเ้ ขยี นตามรูปแบบ อพ.สธ.
1.3.3 ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์โดยวาดลักษณะวิสยั ใหเ้ ห็นโครงสร้างของพชื ต้งั แตร่ ะดับโคน
ต้นถึงปลายยอด มมี าตราสว่ นกากบั
1.3.4 บรเิ วณท่ีสารวจ บันทกึ ช่ือพ้นื ที่ศกึ ษาที่ทาการสารวจ
1.3.5 วันทสี่ ารวจ บนั ทกึ วนั ท่ีเริ่มศึกษา
1.3.6 ผสู้ ารวจและผ้รู ว่ มสารวจ เขียนชอื่ -สกุล ระบรุ ะดับชั้น ถา้ สมาชิกเกินจานวนท่กี าหนดไว้
ให้นาไปเขยี นท่ีหลงั ปกหนา้
1.3.7 ทอ่ี ยู่สถานศกึ ษา บนั ทกึ ที่อย่สู ถานศึกษา โดยระบุ ชื่อโรงเรยี น ถนน ตาบล อาเภอ
จังหวดั และรหสั ไปรษณยี ์
2. ศึกษาขอ้ มลู พ้นื บา้ น (หนา้ ท่ี 1)
2.1 เรียนรทู้ กั ษะการตั้งค าถามและสอบถามจากผ้รู ู้
2.2 สอบถามชอ่ื พ้นื เมืองจากผรู้ ู้ในท้องถ่นิ
2.3 ไมท่ ราบชอ่ื พ้นื เมืองต้งั ช่ือเองได้
2.4 สอบถามและบันทึกข้อมูลการใชป้ ระโยชน์จากสว่ นตา่ งๆ ของพรรณไม้ ด้านอาหาร ยารกั ษา
โรค ก่อสรา้ งเครื่องเรือน เครื่องใช้ ยาฆา่ แมลง ยาปราบศัตรูพชื ความเกี่ยวข้องกับประเพณี วัฒนธรรม หรือ
ความเชอ่ื ทางศาสนา อน่ื ๆ (เชน่ การเปน็ พษิ อนั ตราย) และบนั ทกึ ช่ือ อายุ ท่ีอยผู่ ใู้ ห้ข้อมูล วันท่ี สถานท่ี
บันทึก
3. ศกึ ษาขอ้ มูลพรรณไม้ (หน้าท่ี 2–7)
3.1 ศกึ ษาลกั ษณะวิสยั และบนั ทึกลงในแบบศึกษาพรรณไม้
3.2 วดั ความสูง และความกว้างทรงพมุ่
3.3 ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มและแหลง่ ที่อยู่ของพรรณไม้
3.4 ศกึ ษาลักษณะภายนอกของลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด แล้วบนั ทกึ ลงในแบบศึกษาพรรณไม้
3.5 วาดภาพส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของพรรณไม้ ได้แก่ ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด โดยมมี าตรา
สว่ นกากบั
4. สรุปลกั ษณะและข้อมลู พรรณไม้
4.1. บันทึกช่ือพน้ื เมืองและรหัสพรรณไม้ (จากหน้าปก)
4.2. นาข้อมลู หนา้ ที่ 2–7 เขียนเป็นความเรยี งในย่อหนา้ ที่ 1
4.3. นาขอ้ มูลหน้าที่ 1 เขียนเปน็ ความเรียงในยอ่ หน้าท่ี 2

(63)

5) สบื คน้ ขอ้ มลู พฤกษศาสตร(์ หน้าท่ี 9)
5.1) หลักการสบื ค้นข้อมลู พรรณไม้จากเอกสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์
5.2) นาขอ้ มลู ทส่ี รุปในหน้าที่ 8 เปรยี บเทยี บกับข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสืบคน้
5.3) ตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมลู เพื่อบนั ทึกข้อมลู พฤกษศาสตรใ์ ห้ชดั เจน
5.4) บนั ทกึ ข้อมูล: ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ ชือ่ สามญั ชอ่ื พน้ื เมืองอื่นๆ ถน่ิ กาเนิด การกระจายพนั ธ์ุ

นเิ วศวทิ ยา เวลาออกดอก เวลาตดิ ผล การขยายพันธุ์ การใชป้ ระโยชน์ ประวัติพันธุ์ไม้ และเอกสารอ้างองิ
6. บันทกึ ขอ้ มูลเพ่มิ เติม (หนา้ ที่ 10)
6.1 สบื คน้ ศกึ ษา หรือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ท่ีไม่มีการบันทึกในหน้าที่ 1 – 9
6.2 บนั ทึกขอ้ มลู เพิ่มเตมิ เช่น ประวัตกิ ารนาเขา้ มาปลูกในโรงเรยี น เวลาการออกดอกการตดิ ผลนอก

ฤดกู าล หรอื อืน่ ๆ
7. ตรวจสอบผลงานเปน็ ระยะ
7.1 ตดิ ตามความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้ ตรวจสอบใหค้ าแนะน า ลงลายมือชอ่ื ผู้ตรวจ ระบุวนั ที่
8. ความเป็นระเบยี บ ความตัง้ ใจ
8.1 ทาเครอื่ งหมายหรือสัญลักษณใ์ นการบนั ทกึ ข้อมลู เป็นรปู แบบเดยี วกนั ทั้งเล่ม
8.2 บันทึกขอ้ มลู ในแต่ละหนา้ แสดงถึงความตั้งใจ เช่น ความสวยงามของตัวหนังสือ ความเปน็

ระเบียบในย่อหนา้ ในหน้าที่ 8 ความสะอาดในการบนั ทึก ไมต่ กแต่ง ไม่วาดภาพเพ่ิมเติม

ลาดบั การเรยี นรทู้ ่ี 2 ศกึ ษาพรรณไมท้ ่สี นใจ (พืชศกึ ษา)
วัตถุประสงค์

1. เพอ่ื รโู้ ครงสร้างภายนอก ภายใน ของพชื แตล่ ะส่วนโดยละเอียด
2. เพ่ือรวู้ ิธกี ารกาหนดเรอ่ื งทจ่ี ะเรยี นรู้
3. เพือ่ รู้วธิ กี ารเรยี นรู้
4. เพอ่ื รูว้ ิธกี ารวธิ ีการเปรียบเทยี บ
กระบวนการเรียนรู้
1. ศกึ ษาลักษณะภายนอก ภายในของพืชแตล่ ะสว่ นโดยละเอียด

1.1 ศึกษาลักษณะภายนอก
1.1.1 สังเกต บนั ทึกและวาดภาพ ให้ครบทัง้ ตน้ พรอ้ มระบสุ ่วนประกอบของพืชศึกษาในโรงเรยี น

(64)
ดอก ผล และเมลด็ พร้อมระบมุ าตราส่วน

(65)

1.2 ศึกษาลกั ษณะภายใน
1.2.1 สงั เกต บันทึก วาดภาพหรอื ถา่ ยภาพลกั ษณะภายในของ แตล่ ะสว่ นประกอบ ไดแ้ ก่ ราก

ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด โดยบนั ทกึ ข้อมูลทีส่ งั เกตเหน็ ภายใต้กล้องจุลทรรศนเ์ ชน่ รปู ร่าง รปู ทรง สี ขนาด
พร้อมระบชุ อ่ื สว่ นประกอบ และมาตราสว่ น

(66)

2. กาหนดเรอื่ งท่จี ะเรยี นรูใ้ นแต่ละสว่ นของพชื
2.1 วเิ คราะห์ส่วนประกอบของพืชท้ังภายนอกและภายในของพืช โดยแยกโครงสรา้ งท่สี ังเกตเหน็ ใน

แตล่ ะสว่ นประกอบ (ราก ล าตน้ ใบ ดอก ผล และเมล็ด)
2.2 กาหนดเรื่องที่จะเรยี นรเู้ ปน็ การกาหนดหวั ข้อเรือ่ งเรยี นรู้ กบั ข้อมูลการสารวจโครงสรา้ งแต่ละ

สว่ นของพืชอยา่ งละเอียด
2.2.1 กาหนดเรอ่ื งทจ่ี ะเรยี นรู้ในแตล่ ะสว่ นประกอบย่อยของพืช ได้แก่ รูปร่าง รูปทรง
2.2.2 กาหนดเรือ่ งใหค้ รบทุกสว่ นของพชื ได้แก่ ราก ล าต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ดสี ผวิ เนอ้ื

ขนาด ตวั อย่างเชน่ รูปร่างแผ่นใบดา้ นบนตอนโคน

(67)

4. การเรียนรู้แตล่ ะเร่ือง แตล่ ะสว่ นขององค์ประกอบย่อย
4.1 เรยี นร้แู ตล่ ะเร่อื งท่ีได้วางแผน ออกแบบ การจดั การเรียนร้ตู ามขน้ั ตอน
4.2 บนั ทึกข้อมูลผลการเรยี นรูแ้ ตล่ ะเร่ือง โดยแสดงขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการเรียนรูเ้ น้นความกระชับ

เข้าใจงา่ ย โดยบันทึกได้ทง้ั บรรยาย ตาราง กราฟ และรูปภาพ
4.3 สรปุ และเรยี บเรียง ผลการเรยี นร้แู ต่ละเร่ือง และแต่ละส่วนประกอบของพืช คือ การนาผลการ

เรียนร้กู ารสรุปสนั้ ๆ โดยเนน้ ยา้ ถึงผลการเรียนรู้ท่สี าคัญ เด่น และน่าสนใจ หรือผลการเรียนรู้ท่เี กดิ ขึ้นแปลก
ใหม่ ควรเปน็ ขอ้ ความที่ไมซ่ ้าไปซ้ามา

(68)

5. นาขอ้ มูลมาเปรยี บเทยี บความต่างในแต่ละเรอื่ ง ในชนิดเดียวกัน เปน็ การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
ระหว่างตัวอย่างท่นี ามาศกึ ษา (สว่ นประกอบพชื ศึกษา) ท่นี ามาเรียนรู้ในเรื่องเดียวกนั ซง่ึ เปน็ การระบุเหตผุ ลวา่
ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการเรียนรู้เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ทีต่ ั้งไว้หรอื ไม่ ซง่ึ เปน็ การอธิบายขยายความจากผลการเรยี นรู้
ท่แี สดงจดุ สนใจ เพ่ือชนี้ าใหเ้ ข้าใจวัตถปุ ระสงค์ โดยเน้นแปลความหมาย

5.1 เปรียบเทยี บเร่อื งเดียวกนั สว่ นประกอบยอ่ ยเดียวกนั หรือตา่ งส่วนประกอบยอ่ ย
5.2 สรุปผลการเปรยี บเทยี บวา่ เหมอื นหรือต่างกันอย่างไร

(69)

ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ
ด้านวิชาการ

1. สัณฐานวทิ ยา เชน่ โครงสร้างภายนอก
2. กายวภิ าควทิ ยา เชน่ โครงสรา้ งภายใน
3. พฤกษศาสตร์ เช่น ขอ้ มลู ลักษณะพรรณไม้ ช่อื วิทยาศาสตร์ ชอื่ วงศ์
4. วิทยาศาสตร์ เชน่ การวเิ คราะห์ การบันทกึ สังเกต ทกั ษะการใช้เครื่องมือ
5. ภาษา เช่น การส่ือสาร การใช้ภาษาในการเรียบเรียงขอ้ มลู การก าหนดค า
6. ศิลปะ เชน่ การวาดภาพ
ดา้ นภูมิปญั ญา
1. การจดั เกบ็ ข้อมูลพืน้ บา้ น
2. การใช้เครื่องมือในการศกึ ษาข้อมลู
3. การวางแผนการปฏบิ ัตงิ าน
คุณธรรมและจริยธรรม
1. ความรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
2. ความซื่อตรง ในการศกึ ษาและรายงานผลทีถ่ ูกต้องเปน็ จริง
3. ความมีระเบยี บ รอบคอบ ละเอยี ด ถ่ีถ้วน ในการปฏบิ ัติงาน
4. ความอดทนต่อสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน
5. ความสามัคคี
6. ความเออ้ื เฟ้อื เผ่ือแผ่
7. มนษุ ยสัมพันธ์

(70)

สาระการเรียนรูป้ ระโยชนแ์ ท้แกม่ หาชน
หลักการ รู้ศกั ยภาพ รู้จินตนาการ ร้ปู ระโยชน์
สาระการเรียนรู้

การวิเคราะหศ์ กั ยภาพของปัจจยั ศึกษา จินตนาการเห็นคุณ สรรสรา้ งวิธีการ เพอื่ ประโยชน์แท้แก่มหาชน
ลาดบั การเรียนรู้

1. เรียนร้กู ารวิเคราะห์ศักยภาพของปจั จยั ศึกษา
1.1 พิจารณาศักยภาพด้านรูปลกั ษณ์
1.2 วิเคราะหศ์ ักยภาพด้านคุณสมบตั ิ
1.3 จนิ ตนาการศักยภาพด้านพฤตกิ รรม

2. เรยี นรู้ จนิ ตนาการเหน็ คุณของศักยภาพ ของปจั จัยศกึ ษา
2.1 จินตนาการจากการวิเคราะห์ศักยภาพ
2.2 เรียนรสู้ รุปคณุ ของศักยภาพ ที่ไดจ้ ากจินตนาการ

3. สรรสร้างวธิ กี าร
3.1 พิจารณาคุณที่เกิดจากจินตนาการ
3.2 สรา้ งแนวคดิ แนวทาง วธิ กี าร

4. สรุปผลการเรียนรู้ ประโยชน์แท้แก่มหาชน

(71)

อธบิ ายลาดบั การเรียนรู้
ลาดับการเรยี นรทู้ ี่ 1
เรียนรู้การวเิ คราะหศ์ ักยภาพของปจั จัยศกึ ษา
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพือ่ รูก้ ารวเิ คราะห์ศักยภาพ
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรียนรศู้ กั ยภาพ
ศกั ยภาพ คือ ภาวะแฝง อ านาจหรอื คณุ สมบัติที่มีแฝงอยู่ในสง่ิ ตา่ ง ๆ อาจท าใหพ้ ฒั นาหรือให้
ปรากฎเป็นสงิ่ ท่ปี ระจักษ์ได้
1.1 เรียนรู้การวิเคราะห์ด้านรูปลกั ษณ์
1.1.1 พิจารณารปู ลกั ษณ์พชื ศกึ ษา ชีวภาพ และกายภาพ
1.1.2 สรุปศกั ยภาพของรปู ลักษณ์
1.2 เรยี นรู้การวิเคราะหด์ ้านคุณสมบตั ิ
1.2.1)จนิ ตนาการคณุ สมบัติพชื ศกึ ษา ชีวภาพ และกายภาพ
1.2.2)สรปุ ศักยภาพของคุณสมบตั ิ
1.3 เรียนร้กู ารวิเคราะหด์ า้ นพฤติกรรม
1.3.1 วิเคราะหพ์ ฤติกรรมพชื ศึกษา และชวี ภาพ
1.3.2 สรุปศักยภาพของพฤติกรรม

ลาดบั การเรียนรทู้ ี่ 2
เรยี นรู้ จนิ ตนาการเหน็ คณุ ของศักยภาพ ของปจั จยั ศกึ ษา
วัตถุประสงค์
1 เพ่ือรกู้ ารจินตนาการเหน็ คุณของศักยภาพ

(72)

กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นร้กู ารจนิ ตนาการ
จินตนาการ คอื การสรา้ งภาพข้นึ ในจิตใจ
2. เรียนรู้การจนิ ตนาการเหน็ คุณจากการวิเคราะหศ์ กั ยภาพด้านรปู ลกั ษณ์
2.1 จนิ ตนาการเหน็ คณุ ดา้ นรูปลกั ษณ์พชื ศึกษา ชวี ภาพ และกายภาพ
2.2 สรุปคุณของศักยภาพทีไ่ ดจ้ ากการจินตนาการด้านรูปลกั ษณ์
3. เรียนรกู้ ารจินตนาการเหน็ คุณด้านคุณสมบตั ิ
3.1 จินตนาการเห็นคุณด้านคุณสมบตั ิพชื ศึกษา ชวี ภาพ และกายภาพ
3.2 สรปุ คุณของศักยภาพที่ไดจ้ ากการจนิ ตนาการด้านคุณสมบตั ิ
4. เรียนรูก้ ารจินตนาการเห็นคณุ ดา้ นพฤติกรรม
4.1 จินตนาการเห็นคุณด้านพฤติกรรมพืชศึกษา และชีวภาพ
4.2 สรปุ คุณของศักยภาพทไ่ี ด้จากการจนิ ตนาการดา้ นพฤติกรรม
ลาดับการเรยี นรทู้ ่ี 3 สรรค์สรา้ งวิธีการ

วัตถุประสงค์
1. เพื่อรู้การพจิ ารณาคุณ
2. เพื่อร้วู ธิ ีการสรา้ งแนวคดิ แนวทาง วิธีการ

กระบวนการเรยี นรู้
1. พิจารณาคุณที่เกดิ จากจนิ ตนาการ
2. สรา้ งแนวคดิ แนวทาง วิธกี าร
2.1 แนวคดิ คือ ความคดิ ที่มีแนวทางปฏิบตั ิ
2.2. แนวทาง คือ ทางปฏบิ ตั ิที่วางไวเ้ ปน็ แนว
2.3 วธิ ีการ คอื วิธปี ฏบิ ตั ติ ามหลักการ เป็นขั้นตอนอย่างมรี ะบบ

ลาดับการเรยี นรูท้ ่ี 4 สรปุ ผลการเรียนรู้ ประโยชนแ์ ท้แกม่ หาชน
วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้สามารถสรุปผลการเรยี นรู้ ประโยชนแ์ ทแ้ ก่มหาชนได้
กระบวนการเรยี นรู้

1. เรยี นรู้ประโยชน์แกม่ หาชน
1.1 ประโยชน์
ประโยชน์ คอื สง่ิ ที่มผี ลใช้ได้ดสี มกบั ที่คดิ มุ่งหมายไว้
1.2 ประโยชน์แท้
ประโยชน์แท้ คอื สิ่งที่มผี ลใช้ไดด้ ีสมกับทค่ี ิดมงุ่ หมายไว้
1.3 ประโยชน์แกม่ หาชน
ประโยชนแ์ กม่ หาชน คือ ผลประโยชน์นนั้ เม่อื เกิดข้ึนแล้ว บารุงจิตให้เบิกบาน ขจดั ความขาด

แคลนทางกาย สบื เน่อื งยาวนานไม่ร้จู บ ตกอยกู่ ับมหาชนคนส่วนใหญ่ และ
2. นาผลงานจากการเรียนรู้ มาสรุปประโยชน์แก่มหาชน



เพลง สนองพระราชดาริ

คารอ้ ง นายสงิ หค์ า สอนแปง
ทานอง นายพษิ ณุการณ์ ทรายแกว้

อภวิ าทวนั ทาพระกนิษฐาธริ าช
พระคอื นักปราชญพ์ ฤกษศาสตรข์ องชนชาวไทย

พระทรงสบื สานปณิธานองคภ์ วู นยั
ปกปักรกั ษไ์ วเ้ มอื งไทยป่ าดงคงมี

สมเด็จเจา้ ฟ้ าฯทรงรกั ษาพรรณไม ้
ทว่ั แควน้ แดนไทยมปี ่ าปวงประชาสขุ ี

ป่ าเขยี วชอมุ่ ชมุ่ นา้ เกดิ เป็ นนที
สรรพชวี สี ขุ ลา้ เพราะนา้ พระทยั

บญุ วาทยส์ นองพระราชดาริ
ปลกู สติ ปลกู ปัญญา ปลกู ตน้ ไม ้
ปลกู จติ สานึกเยาวชนเป่ี ยมลน้ นา้ ใจ
รกั ษพ์ รรณไม ้ รกั เจา้ ฟ้ า รกั ษแ์ ผน่ ดนิ

******


Click to View FlipBook Version