แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต (1) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป.5/5 แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามไตรสิกขาและหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ พุทธศาสนสุภาษิต เป็นข้อความหรือคำกล่าวสั้น ๆ ทางพระพุทธศาสนาที่ให้ข้อคิดหรือคติสอนใจให้นำไป ประพฤติปฏิบัติ เช่น วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร) และ ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (ปัญญาคือแสงสว่างในโลก) 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต (K) 2. นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (P) 3. เห็นความสำคัญและประโยชน์การปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (A) 5. สาระการเรียนรู้ พุทธศาสนสุภาษิต 1. วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ : คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร 2. ปญฺ า โลกสฺมิ ปชฺโชโต : ปัญญา คือ แสงสว่างในโลก 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล - ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ: เทคนิคคู่คิด) 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูอ่านข่าวเกี่ยวกับการกระทำของเด็กไทยที่มีความสามารถให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบ คำถามต่อไปนี้ - ข่าวดังกล่าว แสดงถึงความสำเร็จในเรื่องใด - บุคคลในข่าวมีการกระทำที่เด่นชัดในเรื่องใดบ้าง - กิจกรรมของบุคคลในข่าวสอดคล้องกับเรื่องความเพียรอย่างไร 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า บุคคลในข่าวที่ครูเล่านั้นมีการกระทำตามหลักพุทธศาสน สุภาษิตในเรื่อง คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร และปัญญาคือแสงสว่างในโลก 3. ครูซักถามนักเรียนต่อไปว่า การทำงานแต่ละอย่างจะสำเร็จได้ต้องอาศัยอะไรบ้าง 4. ครูสุ่มนักเรียน 3–4 คน ให้ตอบคำถาม แล้วสรุปให้นักเรียนฟังว่า ในการทำงานแต่ละอย่าง งานที่ทำจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความเพียร พร้อมกับกล่าวชมเชยนักเรียน จากนั้นเชื่อมโยงความรู้ไปสู่ เนื้อหาที่จะเรียน
2. ขั้นสอน 1.ครูให้นักเรียนอ่านบัตรคำ พุทธศาสนสุภาษิต แล้วอธิบายความหมายของพุทธศาสนสุภาษิตให้นักเรียน ฟัง 2. ครูเขียนพุทธศาสนสุภาษิตบท วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ(คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร) และปญฺญา โลกสฺมิปชฺโชโต (ปัญญาคือแสงสว่างในโลก) บนกระดานดำ 3. ครูอ่านให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนอ่านตาม จากนั้นครูอธิบายความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต ทั้ง 2 บท พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมของบุคคลที่สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิตในแต่ละบทให้นักเรียนฟัง 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน โดยแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาและสืบค้นข้อมูลเรื่อง พุทธ ศาสนสุภาษิต จากหนังสือเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป. 5 วิเคราะห์ข้อคิดที่ได้จากพุทธ ศาสนสุภาษิตบันทึกผล แล้วส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 5. เมื่อนักเรียนแต่ละคู่ศึกษาความรู้ที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว ให้นำความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเป็น พื้นฐานในการทำใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต 6. นักเรียนแต่ละคู่กลับมารวมกลุ่มเดิม (8 คน) แล้วให้แต่ละคู่ผลัดกันเล่าคำตอบในใบงานที่ 11 ของคู่ ตนเองให้สมาชิกคู่อื่นๆ ในกลุ่มฟังและช่วยกันเสนอแนะเพิ่มเติม 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปคำตอบในใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต แล้วหลอมรวมเป็น องค์ความรู้ของกลุ่ม 8. ตัวแทนแต่ละกลุ่มผลัดกันออกมานำเสนอใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต หน้าชั้นเรียนโดยครู เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอแนะเพิ่มเติม 3. ขั้นสรุป 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปแนวทางของการปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต แล้วบันทึกผลลงในสมุดบันทึกความดี 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต 3. ข่าว เด็กไทยคว้า 30 เหรียญ โอลิมปิกวิชาการ 4. บัตรคำ พุทธศาสนสุภาษิต
10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายความหมายของพุทธศาสน สุภาษิต (K) - สังเกตการณ์ตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตน ตามพุทธศาสนสุภาษิต (P) -ตรวจใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต -ใบงานที่ 11 เรื่อง พุทธ ศาสนสุภาษิต -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นความสำคัญและประโยชน์ การปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (A) -สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต (2) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป.5/5 แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามไตรสิกขาและหลักธรรมโอวาท 3 ใน พระพุทธศาสนาหรือหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ พุทธศาสนสุภาษิต เป็นข้อความหรือคำกล่าวสั้น ๆ ทางพระพุทธศาสนาที่ให้ข้อคิดหรือคติสอนใจให้นำไป ประพฤติปฏิบัติ เช่น วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ (คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร) และ ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต (ปัญญาคือแสงสว่างในโลก) 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต (K) 2. นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (P) 3. เห็นความสำคัญและประโยชน์การปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (A) 5. สาระการเรียนรู้ พุทธศาสนสุภาษิต 1. วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ : คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร 2. ปญฺ า โลกสฺมิ ปชฺโชโต : ปัญญา คือ แสงสว่างในโลก
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล - ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระ รัตนตรัยที่เหมาะสม เช่น จัดนั่งเรียนแบบตัว U นำนักเรียนศึกษานอกห้องเรียน เช่น ห้องประชุม ห้องจริยธรรม สนามหญ้าใต้ร่มไม้ ที่วัด ก่อนเรียนให้นักเรียนสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูเขียนพุทธศาสนสุภาษิตบท วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ(คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร) และปญฺญา โลกสฺมิปชฺโชโต (ปัญญาคือแสงสว่างในโลก) บนกระดานดำ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้เดิมจากที่นักเรียนได้ เรียนในคาบที่แล้ว โดยกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถาม ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้ 4. ครูให้นักเรียนแต่ละคนยกตัวอย่างการกระทำของตนเองที่สอดคล้องกับพุทธศาสนสุภาษิตแล้วบอก ว่าตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตบทใด และอย่างไร ครูกล่าวชมเชยนักเรียน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาสำคัญ ๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิต
ขั้นที่ 3 ฝึกฝนผู้เรียน 6. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษิตในใบงานที่ 12 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต และ ช่วยกันเฉลยคำตอบ ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 7. ครูแนะนำให้นักเรียนนำข้อคิดจากพุทธศาสนสุภาษิตไปประพฤติปฏิบัติหรือประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน 8. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนค้นหาพุทธศาสน-สุภาษิตที่สามารถนำมาปฏิบัติตนเพื่อการอยู่ร่วมกันใน ประชาคมอาเซียนและพุทธศาสนสุภาษิตที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงบนพื้นฐานของเงื่อนไขความรู้ และเงื่อนไขคุณธรรม แล้วคัดเลือกพุทธศาสนสุภาษิตที่ชื่นชอบ 1 บท จัดทำเป็นแผ่นป้ายพุทธศาสนสุภาษิต พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ขั้นที่ 5 สรุป 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต ได้แก่ วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ(คนจะล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร) ปญฺญา โลกสฺมิปชฺโชโต (ปัญญาคือแสงสว่างในโลก) โดยให้นักเรียนบันทึกลงในสมุด โดย เขียนเป็นแบบความเรียง แผนที่ความคิด หรือผังมโนทัศน์ก็ได้ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 12 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต 3. แผ่นป้ายพุทธศาสนสุภาษิต
10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายความหมายของพุทธศาสน สุภาษิต (K) - สังเกตการณ์ตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตน ตามพุทธศาสนสุภาษิต (P) -ตรวจใบงานที่ 12 เรื่อง พุทธศาสนสุภาษิต - ตรวจงานกลุ่ม (แผ่นป้าย พุทธศาสนสุภาษิต) -ใบงานที่ 12 เรื่อง พุทธ ศาสนสุภาษิต - งานกลุ่ม (แผ่นป้ายพุทธ ศาสนสุภาษิต) -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นความสำคัญและประโยชน์ การปฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษิต (A) -สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป. 5/7 ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือเพื่อการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อม 3. สาระสำคัญ การพัฒนาตนเองเป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นทั้งในด้านความดีและความเก่งโดยการ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมโอวาท 3 ได้แก่ การไม่ทำความชั่ว การทำความดี และการทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ส่วนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราให้ดีขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่การ พัฒนาคนให้ยึดถือและปฏิบัติตนตามหลักไตรสิกขา ได้แก่ศีล สมาธิ และปัญญา 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อมตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้(K) 2. ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม (P) 3. เห็นคุณค่าของการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อมตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา (A) 5. สาระการเรียนรู้ การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา 1. การปฏิบัติตนตามหลักธรรมเพื่อพัฒนาตนเอง 2. การปฏิบัติตนตามหลักธรรมเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล - ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning : BBL) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระ รัตนตรัยที่เหมาะสม เช่น จัดนั่งเรียนแบบตัว U นำนักเรียนศึกษานอกห้องเรียน เช่น ห้องประชุม ห้อง จริยธรรม สนามหญ้าใต้ร่มไม้ ที่วัด ก่อนเรียนให้นักเรียนสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ 2–3 นาทีและแผ่เมตตา 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูซักถามนักเรียนว่า ถ้าสามารถขอพรได้ 1 ข้อ เพื่อเลือกในสิ่งที่ต้องการที่เกี่ยวกับตนเองและ สิ่งแวดล้อม นักเรียนจะเลือกหรือต้องการให้ตนเองและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร ให้นักเรียนร่วมกันเสนอความ คิดเห็น 4. ครูกล่าวชมเชยนักเรียน และกล่าวเชื่อมโยงความรู้ไปสู่เนื้อหาที่จะเรียน ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้ 5. ครูแสดงบัตรคำ การพัฒนา จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมาย ครูเขียนคำตอบของนักเรียน ลงบนกระดานดำ
6. ครูให้นักเรียนดูภาพนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและภาพการรักษาสิ่งแวดล้อมของนักเรียน หรือคนในชุมชน แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพ ดังนี้ 1) คนในภาพกำลังทำอะไร 2) นักเรียนรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของนักเรียนในภาพ 3) การกระทำของคนในภาพมีผลดีต่อตนเอง ชุมชน และสังคมอย่างไร 4) การกระทำของคนในภาพควรยึดถือเป็นแบบอย่างหรือไม่ อย่างไร 7. ครูสังเกตพฤติกรรมการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน และหลังจากแสดงความคิดเห็นครบทุก ประเด็นแล้ว ครูให้นักเรียนบันทึกความรู้ที่ได้รับลงในสมุด 8. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาตนเองและ สิ่งแวดล้อม จากหนังสือเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป. 5 9. ครูสุ่มนักเรียน 4–5 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 10. ครูกล่าวชมเชยนักเรียนและอธิบายสรุปเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ให้นักเรียนฟัง 11. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคล ขั้นที่ 3 ฝึกฝนผู้เรียน 12. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือคริสต์ศาสนาและ ศาสนาอิสลาม ได้นำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือมาเป็นหลักในการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อมอย่างไร บันทึกผล แล้วผลัดกันนำเสนอหน้าชั้นเรียน 13. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาใน โดยครูให้ นักเรียนสำรวจตนเองใน 1 สัปดาห์ว่า ได้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาเพื่อพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อม อย่างไรบ้าง เขียนบันทึก แล้วผลัดกันนำเสนอในชั้นเรียน ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 14. ครูแนะนำให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการเรียนเรื่อง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา ไปปฏิบัติหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ขั้นที่ 5 สรุป 15. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน โดยแจกแบบทดสอบให้นักเรียนทุกคน แล้วให้นักเรียน เลือกคำตอบ ก-ง โดยเขียนคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียวลงในสมุด จากนั้นให้นักเรียนเปลี่ยนกัน ตรวจให้คะแนน 16. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยให้ นักเรียนสรุปลงในสมุด โดยเขียนเป็นความเรียง แผนที่ความคิด หรือผังมโนทัศน์ก็ได้ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5
2. แบบบันทึกการปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา 3. บัตรคำ การพัฒนา 4. ภาพนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนและภาพการรักษาสิ่งแวดล้อมของนักเรียนหรือคนใน ชุมชน 6. แบบทดสอบหลังเรียนประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม 7. สมุด 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายความหมายของการพัฒนา ตนเองและสิ่งแวดล้อมตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้(K) - สังเกตการณ์ตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนาเพื่อการพัฒนาตนเอง และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม (P) -ตรวจแบบบันทึกการปฏิบัติ ตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา -แบบบันทึกการปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าของการพัฒนาตนเอง และสิ่งแวดล้อมตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนา (A) -สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ เวลา 2 ชั่วโมง เรื่อง พุทธสาวก เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป. 5/3 เห็นคุณค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่า และศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ พระโสณโกฬิวิสะเป็นพุทธสาวกที่ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นเลิศทางด้านปรารภความ เพียร เพราะท่านทำความเพียรอย่างหนักจนฝ่าเท้าและเข่าแตก ก่อนจะมายึดทางสายกลางทำความเพียรจน บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เราควรนำข้อคิด คุณธรรม และแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่ได้จากการศึกษาประวัติ ของพระโสณโกฬิวิสะมาเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติติตน เพราะจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จและอยู่ ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เล่าประวัติของพระโสณโกฬิวิสะได้ถูกต้อง (K) 2. วิเคราะห์ข้อคิดและคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระโสณโกฬิวิสะได้ (P) 3. นำข้อคิด และคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระโสณโกฬิวิสะมาเป็นแบบอย่างในการ ประพฤติปฏิบัติตนได้ (A) 5. สาระการเรียนรู้ พุทธสาวก: พระโสณโกฬิวิสะ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล - ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning : BBL) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสโดยให้ นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ2–3 นาทีและแผ่เมตตา 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ โดยแจกแบบทดสอบ ให้นักเรียนทุกคน แล้วให้นักเรียนเลือกคำตอบ ก-ง โดยเขียนคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียวลงในสมุด แต่ยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ 4. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกับพุทธสาวกในประเด็นต่าง ๆ เช่น 1) พุทธสาวกคือใคร 2) นักเรียนรู้จักพุทธสาวกท่านใดบ้าง 3) เพราะอะไรเราจึงเรียนเรื่องเกี่ยวกับพุทธสาวก
ซึ่งในการสนทนาครูนำภาพเกี่ยวกับพุทธสาวกมาใช้ประกอบการอธิบาย 5. ครูให้นักเรียนอาสาสมัครออกมาเล่าประวัติของพุทธสาวกที่นักเรียนรู้จักให้เพื่อน ๆ และครูฟังหน้า ชั้นเรียน 6. ครูกล่าวชมเชยนักเรียน จากนั้นสรุปความหมายของพุทธสาวกและยกตัวอย่างชื่อพุทธสาวกให้ นักเรียนฟัง และบอกให้นักเรียนทราบถึงพุทธสาวกที่จะศึกษาในชั้นนี้ ได้แก่ พระโสณโกฬิวิสะ ขั้นที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้ 7. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง และอ่อน 8. ครูเล่าประวัติของพระโสณโกฬิวิสะให้นักเรียนฟัง 1 รอบ โดยใช้ข้อมูลจากหนังสือเรียน รายวิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป. 5 9. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเล่าประวัติของพระโสณโกฬิวิสะที่ฟังมาภายในกลุ่ม จากนั้นให้ผลัด กันส่งตัวแทนกลุ่ม 1 คน ออกมาเล่าประวัติดังกล่าวให้เพื่อน ๆ ฟัง 10. ครูสุ่มเลือกซักถามนักเรียนถึงเรื่องที่เพื่อนออกมาเล่าให้ฟังว่าครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่ อย่างไร ให้นักเรียนคนคนนั้นเล่าให้ครบถ้วนและถูกต้อง 11. ครูให้แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ว่า จากที่ได้ศึกษาประวัติของพระโสณโกฬิวิสะเราได้ข้อคิดและ คุณธรรมอะไรบ้างที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตได้ แล้วผลัดกันส่งตัวแทนกลุ่มออกมา นำเสนอผลการวิเคราะห์ โดยครูคอยช่วยเสริมเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ รวมทั้งกล่าวชมเชยและให้กำลังใจนักเรียน แต่ละกลุ่ม 12. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม ขั้นที่ 3 ฝึกฝนผู้เรียน 13. จากที่ครูให้นักเรียนทำงานเป็นกระบวนการกลุ่มในการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนเกี่ยวกับ ประวัติของพระโสณโกฬิวิสะแล้ว ครูแจกใบงานที่ 14 เรื่อง พุทธสาวก (พระโสณโกฬิวิสะ) ให้นักเรียนทุกคน 14. นักเรียนทุกคนทำงานที่ได้รับมอบหมาย 15. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงานที่ 14 เรื่อง พุทธสาวก (พระโสณโกฬิวิสะ) ขั้นที่ 4 นำไปใช้ ครูแนะนำให้นักเรียนนำข้อคิดและคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระโสณโกฬิวิสะ ไป ประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ขั้นที่ 5 สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปประวัติของพระโสณโกฬิวิสะให้นักเรียนฟัง พร้อมระบุว่า การทำกิจกรรม อะไรก็ตาม เราควรยึดทางสายกลางหรือยึดหลักความพอดี เราจึงจะประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมนั้น ๆ ซึ่งเราศึกษาตัวอย่างได้จากพระพุทธเจ้าและพระโสณโกฬิวิสะซึ่งเป็นสาวกของพระองค์
9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 14 เรื่อง พุทธสาวก (พระโสณโกฬิวิสะ) 3. สมุด 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. เล่าประวัติของพระโสณโกฬิวิสะ ได้ถูกต้อง (K) - สังเกตพฤติกรรมการ นำเสนอ -แบบสังเกตพฤติกรรม การนำเสนอ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์ข้อคิดและคุณธรรมที่ ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระ โสณโกฬิวิสะได้ (P) -ตรวจใบงานที่ 14 เรื่อง พุทธ สาวก (พระโสณโกฬิวิสะ) -ใบงานที่ 14 เรื่อง พุทธ สาวก (พระโสณโกฬิวิ สะ) -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. นำข้อคิด และคุณธรรมที่ควร ยึดถือเป็นแบบอย่างของพระโสณ โกฬิวิสะมาเป็นแบบอย่างในการ ประพฤติปฏิบัติตนได้ (A) -สังเกตพฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม -แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ เวลา 2 ชั่วโมง เรื่อง ชาวพุทธตัวอย่าง เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป. 5/3 เห็นคุณค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่า และศาสนิกชนตัวอย่างตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่างที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทำให้ได้รับการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์และอาจารย์เสถียร โพธินัน ทะเป็นชาวพุทธตัวอย่างที่ได้ศึกษาค้นคว้าความรู้ทางพระพุทธศาสนาจนแตกฉาน การประพฤติตนตาม แบบอย่างการดำเนินชีวิตของพุทธสาวกและชาวพุทธตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้ประสบความสำเร็จและอยู่รวม กับผู้อื่นได้อย่าง มีความสุข 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เล่าประวัติและผลงานของ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะได้ (K) 2. วิเคราะห์คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์ เสถียร โพธินันทะ ได้(P) 3. ชื่นชมและนำคุณธรรมความดีงามของ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ มาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้(A) 5. สาระการเรียนรู้ 1. ชาวพุทธตัวอย่าง
1) สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) 2) อาจารย์เสถียร โพธินันทะ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล - ทักษะกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning : BBL) ขั้นที่1 นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ3 นาทีและแผ่เมตตา 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูอธิบายความหมายของชาวพุทธตัวอย่าง จากนั้นนำภาพของพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และ อาจารย์เสถียร โพธินันทะ มาแนะนำ และเล่าถึงประวัติและผลงานย่อ ๆ ของชาวพุทธตัวอย่างทั้ง 2 ท่าน ขั้นที่2 กิจกรรมการเรียนรู้ 4. ครูขออาสาสมัครหรือสุ่มเลือกนักเรียน 3 คนให้ออกมาเล่าประวัติของพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ คนละ 1 เที่ยว ครูให้นักเรียนสังเกตการเล่าของเพื่อนและเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง 5. ครูสรุปให้นักเรียนฟังว่า การที่เพื่อนเล่าเรื่อง พระโสณโกฬิวิสะ ออกมาไม่เหมือนกัน สาเหตุ ประการหนึ่งก็คือ ไม่ได้ตั้งใจฟัง ทำให้ฟังและจำเรื่องที่ฟังมาได้ไม่เหมือนกัน ครูบอกให้นักเรียนตั้งใจฟังครูจะ เล่าเรื่อง พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ให้ฟังอีก 1 ครั้ง 6. ครูซักถามนักเรียนถึงเรื่อง พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ให้นักเรียน ตอบ ครูกล่าวชมเชยนักเรียนที่ตอบคำถามได้ถูกต้อง 7. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มอ่านเรื่อง ชาวพุทธตัวอย่าง แล้วสรุปประเด็น สำคัญตามใบงานที่ 15 เรื่อง ประวัติผลงาน และคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของชาวพุทธตัวอย่าง 8. ครูให้นักเรียนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย จากนั้นให้นักเรียนเล่นเกมปุจฉา–วิสัชนา (ถาม–ตอบ) โดยให้แต่ ละฝ่ายผลัดกันตั้งคำถามถามเพื่อนอีกฝ่ายตามเวลาที่กำหนด ฝ่ายใดถามและตอบได้มากกว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่าย ชนะ 9. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาเรื่อง พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ บันทึกความรู้ลงในสมุดเป็นการบ้าน ขั้นที่3 ฝึกฝนผู้เรียน 10. ครูให้นักเรียนศึกษาต้นคว้าคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของบุคคลตัวอย่างที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ในประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น ศาสนาอิสลาม คริสต์ศาสนา สรุปและบันทึกผล และนำมาเรียนรู้ร่วมกันใน ชั้นเรียน ขั้นที่4 นำไปใช้ 11. ครูแนะนำให้นักเรียนนำคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของพระโสณโกฬิวิสะ สมเด็จ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน แล้วนำผลการ ปฏิบัติมารายงานหน้าชั้นเรียนเป็นระยะ ๆ ขั้นที่5 สรุป 12. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ประจำหน่วยที่ 3 พระสงฆ์โดยแจกแบบทดสอบให้นักเรียน ทุกคน แล้วให้นักเรียนเลือกคำตอบ ก-ง โดยเขียนคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียวลงในสมุด จากนั้น ให้นักเรียนเปลี่ยนกันตรวจให้คะแนน 13. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง ชาวพุทธตัวอย่าง โดยให้นักเรียนสรุปลงในสมุด พร้อมทั้งชี้ ให้นักเรียนเห็นว่าแบบอย่างการดำเนินชีวิตของชาวพุทธตัวอย่างแต่ละท่านสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง สุรจิต มีเหตุผล และ สามารถพึ่งตนเองได้ โดยยึดความพอประมาณ คือ พออยู่ พอกิน พอใช้ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราในเรื่องอะไรบ้าง
9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 15 เรื่อง ประวัติผลงาน และคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างของชาวพุทธตัวอย่าง 3. สมุด 4. บัตรภาพ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ 5. แบบทดสอบหลังเรียน ประจำหน่วยที่ 3 พระสงฆ์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. เล่าประวัติและผลงานของ สมเด็จ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และ อาจารย์เสถียร โพธินันทะได้(K) - สังเกตพฤติกรรมการ นำเสนอ -แบบสังเกตพฤติกรรม นำเสนอ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์คุณธรรมที่ควรยึดถือ เป็นแบบอย่างของ สมเด็จ พระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) และ อาจารย์เสถียร โพธินันทะได้(P) -ตรวจ ใบงานที่ 15 เรื่อง ประวัติผลงาน และ คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็น แบบอย่างของชาวพุทธ ตัวอย่าง - ใบงานที่ 15 เรื่อง ประวัติ ผลงาน และคุณธรรมที่ควร ยึดถือเป็นแบบอย่างของ ชาวพุทธตัวอย่าง -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. ชื่นชมและนำคุณธรรมความดีงาม ของ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเท โว) และอาจารย์เสถียร โพธินันทะ มาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ได้(A) -สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม -ประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 8 ชั่วโมง เรื่อง หน้าที่ชาวพุทธ เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธำรงรักษา พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ 2. ตัวชี้วัด ส 1.2 ป.5/1 จัดพิธีกรรมตามศาสนาที่ตนนับถืออย่างเรียบง่ายมีประโยชน์และปฏิบัติตนถูกต้อง 3. สาระสำคัญ การจัดพิธีกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาชาวพุทธควรยึดหลัก ได้แก่ ถูกต้อง ตรงตามหลักการ จุดมุ่งหมาย และขั้นตอน ประหยัด เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย มีประโยชน์ และมีสาระ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหน้าที่ชาวพุทธ การจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา (K) 2. จำแนกการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา (P) 3. เห็นคุณค่าและรักษาธรรมปฏิบัติของพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบไป (A) 5. สาระการเรียนรู้ • หน้าที่ชาวพุทธ – การจัดพิธีกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์
- ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสโดยให้ นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ2–3 นาทีและแผ่เมตตา 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี จำนวน 10 ข้อ โดยแจกแบบทดสอบให้นักเรียนทุกคน แล้วให้นักเรียนเลือกคำตอบ ก-ง โดยเขียนคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง คำตอบเดียวลงในสมุด แต่ยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ 4. ครูสนทนาซักถามนักเรียนเกี่ยวกับหน้าที่ชาวพุทธในประเด็นต่าง ๆ เช่น 1) ชาวพุทธ พุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนคือใคร 2) ชาวพุทธมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างคนละ 1 หน้าที่ 5. หลังจากสนทนาซักถามแล้ว ครูสรุปความหมายของชาวพุทธ พุทธบริษัท และพุทธศาสนิกชนพร้อม ทั้งบอกหน้าที่หลัก ๆ ของชาวพุทธให้นักเรียนฟัง เช่น หน้าที่ด้านการศึกษาพระพุทธศาสนา หน้าที่ด้านการ ปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา หน้าที่ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หน้าที่ด้านการปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา จากนั้นบอกให้นักเรียนทราบถึงหน้าที่ชาวพุทธที่จะศึกษาในชั้นนี้ ได้แก่ การจัดพิธีกรรมตาม หลักพระพุทธศาสนา
ขั้นสอน 6. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา โดยครูใช้ คำถาม ดังนี้ - นักเรียนเคยเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาหรือไม่ (ตัวอย่างคำตอบ เคย / ไม่เคย) - นักเรียนปฏิบัติตนอย่างไรในการเข้าร่วมพิธีกรรมดังกล่าว (ตัวอย่างคำตอบไม่พูดคุยเสียงดัง สำรวมกาย วาจา) 7. ให้นักเรียนร่วมกันอ่านเนื้อหาเรื่อง พิธีกรรมที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา - เมื่อนักเรียนร่วมกันจัดบัตรคำเสร็จให้ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีกรรมในทาง พระพุทธศาสนา จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาหมายถึงอะไร มีความสำคัญอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ระเบียบแบบแผนที่ชาวพุทธได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา มีความสำคัญเพื่อเป็นการส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาใน พระพุทธศาสนา ตัวอย่างแผนภาพ ขั้นสรุป 8. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ดังนี้ - หน้าที่ชาวพุทธต้องรู้จักการจัดพิธีกรรมที่เรียบง่าย มีประโยชน์และปฏิบัติถูกต้อง เพื่อรักษาธรรมเนียมปฏิบัติของพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบไป 9. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ -การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสทำความดีอย่างไรบ้าง 10. ให้นักเรียนทำใบงานที่ 16 เรื่อง หน้าที่ชาวพุทธ ประหยัด เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย การจัดพิธีกรรมที่ถูกต้อง ตามหลักพระพุทธศาสนา มีคุณค่าและสาระประโยชน์ เป็นพิธีกรรมที่ส่งเสริมและจรรโลงพระพุทธศาสนา ไม่ขัดต่อวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ถูกต้องตามหลักศาสนา มีความศรัทธาในการจัดพิธีกรรม ปราศจากอบายมุขต่างๆ
9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 16 เรื่อง หน้าที่ชาวพุทธ 3. สมุด 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายหน้าที่ชาวพุทธ การจัด พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา (K) - สังเกตพฤติกรรมการ นำเสนอ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ นำเสนอ -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. จำแนกการจัดพิธีกรรมทาง พระพุทธศาสนา -ตรวจ ใบงานที่ 16 เรื่อง หน้าที่ชาวพุทธ - ใบงานที่ 16 เรื่อง หน้าที่ ชาวพุทธ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและรักษาธรรมปฏิบัติ ของพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ สืบไป (A) (P) -ประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (1) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธำรงรักษา พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ 2. ตัวชี้วัด ส 1.2 ป.5/3 มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดีตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ มารยาทของชาวพุทธ ชาวพุทธควรศึกษาและปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อจรรโลงรักษา วัฒนธรรมที่ดีงามทางพระพุทธศาสนา 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลักปฏิบัติตามมารยาทของชาวพุทธ (K) 2. ปฏิบัติตนตามมารยาทของชาวพุทธมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม (P) 3. เห็นคุณค่าและรักษาการปฏิบัติตนตามมารยาทชาวพุทธ (A) 5. สาระการเรียนรู้ มรรยาทชาวพุทธ 1. การกราบ 2. การไหว้ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยใช้กระบวนการ: กระบวนการปฏิบัติ) กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน (ชั่วโมงที่ 1) 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระ รัตนตรัยที่เหมาะสม เช่น จัดนั่งเรียนแบบรูปตัว U นำนักเรียนไปเรียนที่ห้องประชุม ห้องจริยธรรม สนามหญ้า ใต้ร่มไม้ หรือที่วัด ก่อนเรียนให้นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูแจ้งตัวชี้วัดชั้นปีและจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 3. ครูเล่านิทานหรือให้นักเรียนร้องเพลง เช่น เพลง “พระรัตนตรัย” พร้อมกับปรบมือตามจังหวะ เพลง 4. ครูนำสนทนาเกี่ยวกับเนื้อหาของนิทานหรือเพลงและกล่าวโยงไปถึงเรื่องพระสงฆ์ จากนั้นซักถาม เพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับพระสงฆ์ 5. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับพระสงฆ์และเชื่อมโยงไปสู่มรรยาทชาวพุทธที่ในเรื่องการกราบและการไหว้ ขั้นสอน 1. ครูขออาสาสมัครนักเรียนชาย 1 คน และนักเรียนหญิง 1 คน ออกมาสาธิตการปฏิบัติตนตาม มรรยาทที่ดีของชาวพุทธ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เพื่อนในชั้นเรียนดู เช่น - การกราบพระรัตนตรัย (กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์) - การกราบบุคคลธรรมดา -การกราบศพ
2. จากนั้นครูสังเกตการปฏิบัติของนักเรียน พร้อมอธิบายเพิ่มเติมถึงการปฏิบัติตนดังกล่าวว่า ปฏิบัติได้ถูกต้องหรือไม่ พร้อมให้คำแนะนำในการฝึกปฏิบัติของแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักเรียน สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องและสวยงาม 3. ครูชมเชยอาสาสมัครนักเรียนเพื่อเสริมกำลังใจ และอธิบายเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามมรรยาท ที่ดีของชาวพุทธ 4. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ - การกราบเบญจางคประดิษฐ์มีความสำคัญอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ เป็นการแสดงความ เคารพต่อพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะทาง ด้านวัฒนธรรมของไทยที่สืบทอดจากพระพุทธศาสนา) - ทำไมการกราบพระรัตนตรัยจึงเรียกว่า “เบญจางคประดิษฐ์” (ตัวอย่างคำตอบ หมายถึง การ กราบที่ประกอบไปด้วยองค์5 คือเข่าทั้งสอง มือทั้งสองและหน้าผากหนึ่ง) - ระหว่างชายและหญิงปฏิบัติเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร (ต่างกันตรงท่านั่งชายนั่งท่า เทพบุตร คือ นั่งคุกเข่าปลายเท้าตั้ง นั่งบนส้นเท้า หญิงนั่งท่าเทพธิดา คือ นั่งคุกเข่าปลายเท้าราบ นั่งบน ส้นเท้า แต่การกราบปฏิบัติเหมือนกันทั้งชายและหญิง) 5. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติมารยาทของชาวพุทธ ตามหัวข้อที่ครูกำหนด ดังนี้ - ฝึกปฏิบัติการกราบพระรัตนตรัย (กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์) - ฝึกปฏิบัติการกราบบุคคลธรรมดา - ฝึกปฏิบัติการกราบศพ 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาสอบปฏิบัติการกราบหน้าชั้นเรียนจนครบทุกกลุ่ม โดยครูเป็นผู้ ประเมินผลการปฏิบัติบันทึกลงในตารางบันทึก กลุ่มที่…………………ผลการปฏิบัติ ดี พอใช้ ควรปรับปรุงแก้ไข วิธีการกราบ ผลการปฏิบัติ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง 1. การกราบพระรัตนตรัย (กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์) 2. การการกราบบุคคลธรรมดา 3. การกราบศพ 1) ศพพระ 2) ศพบุคคล แบบบันทึกการกราบ
7. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่า การปฏิบัติตนตามหลักมรรยาทชาวพุทธที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการ ทำให้เกิดผลดีอย่างไร แล้วให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการอภิปรายของกลุ่ม หน้าชั้นเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติบันทึกลงในตารางบันทึก 8. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักมารยาทของชาวพุทธ โดยครู ใช้คำถาม ดังนี้ - การปฏิบัติตามหลักมารยาทของชาวพุทธมีความสำคัญอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ เป็น การรักษาธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่ดีงามทางพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่) - มีคุณค่าต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ทำให้ผู้ปฏิบัติรู้จักการแสดงการปฏิบัติตนที่ เหมาะสมต่อบุคคลอื่น มีสัมมาคารวะ รู้จักการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน มีความสำรวมทางกาย วาจาและ ใจ) ขั้นสรุป 1. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ดังนี้ -ชาวพุทธที่ดีควรศึกษาและปฏิบัติตนตามหลักมารยาทของชาวพุทธอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีปฏิบัติที่ดีงามทางพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบไป 2. ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ -การปฏิบัติตนตามหลักมารยาทของชาวพุทธส่งเสริมความดีให้เกิดแก่นักเรียนอย่างไร 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบกิจกรรมที่ 17 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การกราบ) 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายหลักปฏิบัติตามมารยาท ของชาวพุทธ (K) - สังเกตการตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. ปฏิบัติตนตามมารยาทของชาว พุทธมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม (P) - ตรวจใบกิจกรรมที่ 17 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การกราบ) - ใบกิจกรรมที่ 17 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การกราบ) -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและรักษาการปฏิบัติ ตนตามมารยาทชาวพุทธ (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
- ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (2) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธำรงรักษา พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ 2. ตัวชี้วัด ส 1.2 ป.5/3 มีมรรยาทของความเป็นศาสนิกชนที่ดีตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ มารยาทของชาวพุทธ ชาวพุทธควรศึกษาและปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อจรรโลงรักษา วัฒนธรรมที่ดีงามทางพระพุทธศาสนา 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลักปฏิบัติตามมารยาทของชาวพุทธ (K) 2. ปฏิบัติตนตามมารยาทของชาวพุทธมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม (P) 3. เห็นคุณค่าและรักษาการปฏิบัติตนตามมารยาทชาวพุทธ (A) 5. สาระการเรียนรู้ มรรยาทชาวพุทธ 1. การกราบ 2. การไหว้ 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการทำงานเป็นกลุ่ม 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยใช้กระบวนการ: กระบวนการปฏิบัติ) กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน (ชั่วโมงที่ 2) 1. ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูทบทวนความรู้เดิมคาบที่แล้ว โดยให้นักเรียนทุกคนร่มกันตอบคำถาม ดังนี้ - คาบที่แล้วนักเรียน เรียนรู้เรื่องอะไร - การกราบมีกี่แบบ อะไรบ้าง จงอธิบาย 3. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการกราบอีกครั้งละเชื่อมโยงไปสู่มรรยาทชาวพุทธที่ในเรื่องการไหว้ ขั้นสอน 1. ครูขออาสาสมัครนักเรียนชาย 1 คน และนักเรียนหญิง 1 คน ออกมาสาธิตการปฏิบัติตนตาม มรรยาทที่ดีของชาวพุทธ เรื่อง การไหว้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เพื่อนในชั้นเรียนดู เช่น - การไหว้พระรัตนตรัย - การไหว้บิดามารดาและครูอาจารย์ - การไหว้บุคคลที่เคารพนับถือทั่วไป - การไหว้ผู้ที่เสมอกัน 2. จากนั้นครูสังเกตการปฏิบัติของนักเรียน พร้อมอธิบายเพิ่มเติมถึงการปฏิบัติตนดังกล่าวว่า ปฏิบัติได้ถูกต้องหรือไม่ พร้อมให้คำแนะนำในการฝึกปฏิบัติของแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักเรียน สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องและสวยงาม
3. ครูชมเชยอาสาสมัครนักเรียนเพื่อเสริมกำลังใจ และอธิบายเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามมรรยาท ที่ดีของชาวพุทธ 4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเดิม กลุ่มละ 4 คน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติมรรยาทของชาวพุทธ ตามหัวข้อที่ครูกำหนด ดังนี้ - ฝึกปฏิบัติการไหว้พระรัตนตรัย - ฝึกปฏิบัติการไหว้บิดามารดาและครูอาจารย์ - ฝึกปฏิบัติการไหว้บุคคลที่เคารพนับถือทั่วไป - ฝึกปฏิบัติการไหว้ผู้ที่เสมอกัน 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาสอบปฏิบัติการไหว้หน้าชั้นเรียนจนครบทุกกลุ่ม โดยครูเป็นผู้ ประเมินผลการปฏิบัติบันทึกลงในตารางบันทึก กลุ่มที่…………………ผลการปฏิบัติ ดี พอใช้ ควรปรับปรุงแก้ไข วิธีการไหว้ ผลการปฏิบัติ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง 1. การไหว้พระรัตนตรัย 2. การไหว้บิดามารดาและครูอาจารย์ 3. การไหว้บุคคลที่เคารพนับถือทั่วไป 4. การไหว้ผู้ที่เสมอกัน 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่า การปฏิบัติตนตามหลักมรรยาทชาวพุทธเกี่ยวกับการ ไหว้ที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลดีอย่างไร แล้วให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการอภิปรายของกลุ่ม หน้าชั้นเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติบันทึกลงในตารางบันทึก ขั้นสรุป 1. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ดังนี้ -การกราบและการไหว้เป็นวิธีการแสดงความเคารพพระรัตนตรัยและบุคคลทั่วไป เราเป็นชาว พุทธควรปฏิบัติตนในเรื่องการกราบและการไหว้ให้ถูกต้องเหมาะสม 2. ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ -การปฏิบัติตนตามหลักมารยาทของชาวพุทธส่งเสริมความดีให้เกิดแก่นักเรียนอย่างไร 3. ครูแนะนำให้นักเรียนนำมรรยาทชาวพุทธเกี่ยวกับการกราบและการไหว้ไปฝึกปฏิบัติให้เกิดความ ชำนาญและปฏิบัติจริงในโอกาสต่าง ๆ เช่น การกราบพระสงฆ์การไหว้ครูอาจารย์ แบบบันทึกการไหว้
9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบกิจกรรมที่ 18 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การไหว้) 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายหลักปฏิบัติตามมารยาท ของชาวพุทธ (K) - สังเกตการตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. ปฏิบัติตนตามมารยาทของชาว พุทธมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม (P) - ตรวจใบกิจกรรมที่ 18 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การไหว้) - ใบกิจกรรมที่ 18 เรื่อง มารยาทชาวพุทธ (การไหว้) -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและรักษาการปฏิบัติ ตนตามมารยาทชาวพุทธ (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง ศาสนพิธี (1) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธำรงรักษา พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ 2. ตัวชี้วัด ส 1.2 ป. 5/2 ปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสำคัญทางศาสนาตามที่กำหนด และอภิปราย ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม 3. สาระสำคัญ การจัดเตรียมสถานที่ประกอบศาสนพิธีในเรื่องการจัดที่บูชาพระรัตนตรัยและการจัดที่นั่งพระสงฆ์ ชาว พุทธควรจัดเตรียมให้ถูกต้องเรียบร้อยและสวยงาม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปีติยินดีแก่เจ้าของงานและเป็นที่ชื่น ชมแก่ผู้ที่มาร่วมงาน การมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ประกอบศาสนพิธีและการเข้า ร่วมศาสนพิธีต่าง ๆ มีประโยชน์หลายด้าน ได้แก่จูงใจให้เราละเว้นความชั่ว ทำความดีทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ก่อให้เกิดความรัก และความสามัคคีขึ้นในหมู่คณะ ช่วยรักษาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและของชาติ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. รู้และเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดพิธีกรรม และศาสนพิธีได้อย่างถูกต้อง (K) 2. ปฏิบัติตนในศาสนพิธีได้อย่างถูกต้องเหมาะสม (P) 3. เห็นคุณค่าและความสำคัญของการเข้าร่วมศาสนพิธีต่าง ๆ (A) 5. สาระการเรียนรู้ • ศาสนพิธี 1. การมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ประกอบศาสนพิธี 2. พิธีถวายสังฆทาน 3. พิธีทำบุญงานมงคล 4. ประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธี
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method: 5E)) กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน (ชั่วโมงที่ 1) 1. ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้และตัวชี้วัดให้นักเรียนทราบ 3. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาหรือไม่ ถ้าเคยให้นักเรียนช่วยกัน ยกตัวอย่างศาสนพิธีคนละ 1 พิธี ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagment) 1. ครูนำบัตรภาพเกี่ยวกับศาสนพิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนาแล้วนำมาติดบนกระดาน จากนั้นครูใช้ คำถามในการกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ดังนี้
- ภาพนี้คือภาพอะไร - นักเรียนเคยเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาดังเช่นในภาพหรือไม่ 2. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมาเล่าประสบการณ์ปฏิบัติพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วัน อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา เป็นต้น เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นคว้า (Exploration) 1. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธีกรรม จากหนังสือ เรียนจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันสรุปประเด็นความรู้ลงในสมุด ดังนี้ - องค์ประกอบของที่บูชาพระรัตนตรัย - เครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย - ความหมายของเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูนำแผนผังความคิดหลักการจัดพิธีกรรมมาติดบนกระดาน จากนั้นครูถามนักเรียนว่า หลักการจัด พิธีกรรมประกอบด้วยอะไรบ้าง 2. ครูสนทนาซักถามนักเรียนว่า การจัดพิธีกรรมให้ถูกต้องตามหลักทั้ง 4 ประการส่งผลดีอย่างไร (แนวคำตอบ ทำให้พิธีกรรมทางศาสนายังคงอยู่และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย) 3. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา (แนวคำตอบ 1. ทำให้ผู้ปฏิบัติมีจิตใจที่ดีงาม 2. เป็นการรักษาวัฒนธรรมไทย 3. เป็นการช่วยดำรงรักษา พระพุทธศาสนาให้คงอยู่) 4. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ในการ ประกอบศาสนพิธีได้อย่างไร (แนวคำตอบ จัดโต๊ะหมู่บูชา ปูลาดอาสนะสำหรับพระสงฆ์ ทำความสะอาดบริเวณสถานที่ประกอบศาสนพิธี) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า กิจกรรมในสังคมไทยมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่างๆ ในทาง พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการจัดพิธีกรรมภายในบ้าน เช่น งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานบวช งานแต่งงาน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนทราบว่า การจัดพิธีกรรมควรจัดอย่างเรียบง่าย และมีหลักในการจัด พิธีกรรม ดังนี้ - ถูกต้องตามหลักศาสนา - ประหยัดทรัพย์ - ได้คุณประโยชน์ - ไม่ขัดกับประเพณีนิยม
4. นักเรียนทำใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอนพิธีกรรม 5. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอน พิธีกรรม 6. ครูสุ่มนักเรียนชาย 1 คน และหญิง 1 คน ให้ออกมาบอกประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธี 7. ครูชมเชยอาสาสมัครนักเรียนเพื่อเสริมกำลังใจ ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) ครูสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล การนำเสนอ/อภิปราย ครูตรวจใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอนพิธีกรรม ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปประโยชน์ของการเข้าร่วมพิธีกรรม และครูอธิบายให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธีถือเป็นสิ่งจูงใจให้เราละเว้นจากความชั่ว ทำความดีและทำจิตใจให้ บริสุทธิ์ผ่องใส ก่อให้เกิดความรักและความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งช่วยรักษาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและของ ชาติแล้วให้นักเรียนจดบันทึก 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอนพิธีกรรม 3. บัตรภาพเกี่ยวกับศาสนพิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนา 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. รู้และเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการ จัดพิธีกรรม และศาสนพิธีได้อย่าง ถูกต้อง (K) - สังเกตการตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. ปฏิบัติตนในศาสนพิธีได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสม (P) - ตรวจใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอน พิธีกรรม - ใบงานที่ 19.1 เรื่อง ศาสนพิธีและ 19.2 เรื่อง เรียงลำดับขั้นตอน พิธีกรรม -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
3. เห็นคุณค่าและความสำคัญของ การเข้าร่วมศาสนพิธีต่าง ๆ (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง ศาสนพิธี (2) เวลา 2 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.2 เข้าใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธำรงรักษา พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ 2. ตัวชี้วัด ส 1.2 ป. 5/2 ปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสำคัญทางศาสนาตามที่กำหนด และอภิปราย ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม 3. สาระสำคัญ ศาสนพิธีพิธีกรรม ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล เป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของชาวพุทธ เพื่อ ส่งเสริมการทำความดีของตนเองและปฏิบัติตนตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายศาสนพิธีพิธีกรรม ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล (K) 2. จำแนกการจัดระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล (P) 3. เห็นคุณค่าและประโยชน์การเข้าร่วมศาสนพิธี(A) 5. สาระการเรียนรู้ • ศาสนพิธี 1. การมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมสถานที่ประกอบศาสนพิธี 2. พิธีถวายสังฆทาน 3. พิธีทำบุญงานมงคล 4. ประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธี
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการทำงานเป็นกลุ่ม - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method: 5E)) กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน (ชั่วโมงที่ 2) 1. ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูทบทวนความรู้เดิมโดยใช้คำถามในการกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการตอบคำถามทุกคน - คาบที่แล้วนักเรียนได้เรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง - ครูสนทนาซักถามนักเรียนว่า การจัดพิธีกรรมให้ถูกต้องตามหลักทั้ง 4 ประการส่งผลดี อย่างไร(แนวคำตอบ ทำให้พิธีกรรมทางศาสนายังคงอยู่และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย) จากนั้นครูเชื่อมโยงเนื้อหา เข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagment)
1. ให้ครูนำบัตรคำเกี่ยวกับศาสนพิธีพิธีกรรมทางศาสนามาติดที่บนกระดาน ตัวอย่างบัตรคำ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแยกหรือจัดบัตรคำใหม่ โดยแบ่งกระดานออกเป็น 2 ช่อง ช่องที่ 1 บัตรคำที่เกี่ยวข้องกับ งานมงคล ช่องที่ 2 บัตรคำที่เกี่ยวข้องกับ งานอวมงคล ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นคว้า (Exploration) 2. ให้นักเรียนร่วมกันศึกษา การทำบุญและระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล จากนั้นให้นักเรียน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - การทำบุญในงานมงคลหมายถึงงานอะไร (แนวคำตอบ การทำบุญเพื่อส่งเสริมการทำความดี และความสุขให้แก่ตนเองและครอบครัว) - นักเรียนเคยเข้าร่วมการทำบุญในงานมงคลหรือไม่ (แนวคำตอบ เคย เช่น ทำบุญบ้านปีใหม่ งานพิธีมงคลสมรส เป็นต้น) - แล้วการทำบุญดังกล่าวมีระเบียบพิธีการปฏิบัติอย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ นิมนต์พระสงฆ์มา เจริญพระพุทธมนต์มีการถวายภัตตาหาร เลี้ยงพระ ถวายเครื่องไทยธรรม และเลี้ยงรับรองแขกที่มาร่วมงาน พิธี) ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 3. ให้ครูสร้างแผนภาพเป็นขั้นบันได แล้วให้นักเรียนช่วยกันสรุประเบียบพิธีปฏิบัติในงานมงคลลงใน แผนภาพ บนกระดาน การทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานพิธีมงคลสมรส การทำบุญครบรอบวันเกิด การทำบุญอัฐิ ทำบุญสมโภชน์งานอุปสมบท การทำบุญ 100 วันการตาย
ตัวอย่างแผนภาพ สรุประเบียบพิธีปฏิบัติในการทำบุญงานมงคล จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ การเข้าร่วมศาสนพิธีพิธีกรรมทางศาสนาให้ประโยชน์แก่นักเรียนและพระพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง (แนว คำตอบ เข้าใจศาสนพิธีพิธีกรรมอย่างถูกต้อง ได้ร่วมทำความดีให้เกิดแก่ตนเอง ได้ปฏิบัติตามหลักคำสอน ทำ ให้เกิดความสามัคคีเป็นการรักษาธรรมเนียมปฏิบัติตามหลักคำสอนทำให้เกิดความสามัคคีเป็นการรักษา ธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติให้ดำรงอยู่ เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมไทยทางด้านพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ สืบไป) 4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7 คน คละตามความสามรถ เก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยให้แต่ละกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธีหรือพิธกรรมทางศาสนา จากนั้นส่งตัวแทนกลุ่มออกมา รายงานผลการอภิปรายหน้าชั้นเรียน โดยมีครูคอยให้คำแนะนำและตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 5. นักเรียนทำใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล 6. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล ประเคนเครื่องรับรอง จุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชาและกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำอาราธนาศีลและสมาทานศีล กล่าวคำอาราธนาพระปริตร นั่งฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จุดเทียนน้ำมนต์ที่ภาชนะน้ำพระพุทธมนต์ ประเคน แด่พระสงฆ์ แล้วไหว้หรือกราบ ถวายข้าวพระพุทธและถวายเครื่องไทยธรรม ลาข้าวพระพุทธและถวายเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลและรับพร
7. ครูอธิบายเพิ่มเติมนอกจากศาสนพิธีหรือพิธีกรรมที่สำคัญของศาสนาพุทธแล้วยังมีศาสนาต่างๆ ที่มี การประกอบศาสนพิธีหรือพิธีกรรมสำคัญทางศาสนา ยกตัวอย่าง เช่น ศาสนาคริสต์มีพิธีศีลมหาสนิท พิธีศีล ล้างบาปหรือศีลจุ่ม และพิธีศีลเจิมคนไข้ เป็นต้น 8. ครูมอบหมายใบงานที่ 20.2 เรื่อง พิธีกรรมงานมงคล โดยให้นักเรียนเรียงลำดับขั้นตอนในการทำบุญ งานมงคล ตามที่กำหนด ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) 9. ครูสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล การนำเสนอ/อภิปราย ครูตรวจใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการ ทำบุญงานมงคลและใบงานที่ 20.2 เรื่อง พิธีกรรมงานมงคล ขั้นสรุป 1. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ดังนี้ ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคลเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติเพื่อส่งเสริมให้บุคคล ทำความดีให้เกิดกับตนเอง สังคม และพระพุทธศาสนา 2. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ดังนี้ - ศาสนพิธีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักปฏิบัติที่ดีงามเพื่อนำผู้ปฏิบัติให้เกิดความศรัทธา และเข้าถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา 3. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ - ศาสนพิธีมีความสำคัญต่อนักเรียนและพระพุทธศาสนาอย่างไร 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. บัตรคำเกี่ยวกับศาสนพิธีพิธีกรรมทางศาสนา 3. ใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคล 4. ใบงานที่ 20.2 เรื่อง พิธีกรรมงานมงคล
10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายหลักปฏิบัติตามมารยาท ของชาวพุทธ (K) - สังเกตการตอบคำถาม - ข้อคำถาม -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน 2. ปฏิบัติตนตามมารยาทของชาว พุทธมาปฏิบัติได้ถูกต้องเหมาะสม (P) - ตรวจ ใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการ ทำบุญงานมงคลและใบงาน ที่ 20.2 เรื่อง พิธีกรรมงาน มงคล - ใบงานที่ 20.1 เรื่อง ระเบียบพิธีในการทำบุญงานมงคลและใบงานที่ 20.2 เรื่อง พิธีกรรมงาน มงคล -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและรักษาการปฏิบัติ ตนตามมารยาทชาวพุทธ (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 1.1 ป.5/6 เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรือ การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับถือตามที่กำหนด 3. สาระสำคัญ การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย แผ่เมตตา และการฝึกจิตให้มีสติเป็นพื้นฐานของสมาธิ เป็นการพัฒนา จิตใจให้มีความสะอาดบริสุทธิ์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของสติสัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญา (K) 2. นำวิธีการปฏิบัติการพัฒนาจิตตามแนวทางของพระพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวัน (P) 3. เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการพัฒนาจิตตามแนวทางของพระพุทธศาสนา (A) 5. สาระการเรียนรู้ สวดมนต์ไหว้พระ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และแผ่เมตตา - รู้ความหมายของสติสัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญา - รู้วิธีปฏิบัติและประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา - ฝึกการยืน การเดิน การนั่ง และการนอนอย่างมีสติ - ฝึกการกำหนดรู้ความรู้สึก เมื่อตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส การสัมผัสสิ่งที่มา กระทบใจรับรู้ธรรมารมณ์ - ฝึกให้มีสมาธิในการฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดรวบยอด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะด้านการสืบค้นข้อมูล 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการปฏิบัติ) กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทักทายนักเรียนและให้นักเรียนสวดมนต์ไหว้พระสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย นั่งสมาธิ 2–3 นาที และแผ่เมตตา 2. ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้และตัวชี้วัดให้นักเรียนทราบ ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สังเกต รับรู้ 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นตามประเด็นที่กำหนด ดังนี้ - การสวดมนต์ไหว้พระมีผลดีอย่างไร - การนั่งสมาธิ มีผลดีอย่างไรต่อผู้ปฏิบัติ
- การแผ่เมตตามีจุดมุ่งหมายสำคัญอย่างไร และมีผลต่อผู้กล่าวแผ่เมตตาอย่างไร - ทำไมจึงต้องสวดมนต์ไหว้พระสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยและกล่าวแผ่เมตตาก่อนทำสมาธิ 2. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญาจากหนังสือเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 3. ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการบริหารจิตและการเจริญปัญญาโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - นักเรียนเคยฝึกสมาธิหรือไม่ (ตัวอย่างคำตอบ เคยฝึกนั่งสมาธิ) - การนั่งสมาธิมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบทำให้มีสมาธิในการเรียนหนังสือ ขั้นที่ 2 ทำตามแบบ ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาวิธีปฏิบัติตนในการบริหารจิตและเจริญปัญญา และให้ครูอธิบายพร้อมกับสาธิต วิธีการการฝึก ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างมีสติโดยครูปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นให้นักเรียนฝึกปฏิบัติเป็น เวลา 10 นาที ขั้นที่ 3 ทำเองโดยไม่มีแบบ 1. นักเรียนแต่ละคนฝึกการบริหารจิตด้วยตนเองในอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน อย่างมีสติ โดยมีครูช่วย เสนอแนะและตรวจสอบความถูกต้อง 2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นหลังจากการนั่งสมาธิ โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - ขณะที่นั่งสมาธินักเรียนรู้สึกอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ เกิดความสงบ ไม่คิดฟุ้งซ่าน) - การฝึกสมาธิช่วยให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียนในด้านใดบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ การศึกษาเล่าเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน) - ถ้าสมมุติว่านักเรียนปฏิบัติฝึกสมาธิเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะมีผลอะไรที่เป็นประโยชน์เกิดกับ ตัวของนักเรียนเองบ้าง ขั้นที่ 4 ฝึกทำให้ชำนาญ 1. นักเรียนแต่ละคนฝึกทำสมาธิเบื้องต้นในอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอนอย่างมีสติ จนเกิดความชำนาญ 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การฝึกกำหนดรู้ความรู้สึกของประสาทสัมผัสทั้ง 6 เป็นการกำหนดรู้ ความรู้สึกเมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส กายได้รับสัมผัสสิ่งที่มากระทบ และใจได้รับรู้ อารมณ์ เป็นการฝึกสติเบื้องต้น 3. ครูนำข้อความประมาณ 6 ประโยค มาอ่านให้นักเรียนฟัง แล้วให้ทุกคนเขียนสรุปข้อความสำคัญบน กระดาษ ส่งครูผู้สอนเพื่อตรวจสอบและชี้แนะให้นักเรียนเข้าใจว่า การฝึกสติให้รู้จักฟัง เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่ง โดยให้จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ฟัง จะทำให้การสรุปใจความได้ดีกว่าการขาดสติ 4. ครูให้นักเรียนฝึกสติ โดยการอ่าน การคิด จากข้อความตามที่อ่านแล้วเขียนสรุปใจความสำคัญและ ข้อคิดที่ได้จากการอ่านลงในสมุด
5. นักเรียนและครูช่วยกันสรุปประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา พร้อมกับแนวทางการปฏิบัติ อย่างถูกต้อง 6. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ประจำหน่วยที่ 4 การปฏิบัติตนดี จำนวน 10 ข้อ โดยแจก แบบทดสอบให้นักเรียนทุกคน แล้วให้นักเรียนเลือกคำตอบ ก-ง โดยเขียนคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบ เดียวลงในสมุด จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบ โดยให้นักเรียนเปลี่ยนกันตรวจให้คะแนน ขั้นสรุป 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เมื่อเรามีสมาธิในการฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน จะส่งผลดีอย่างไร (แนวคำตอบ ทำให้ปฏิบัติกิจกรรมที่ฟัง อ่าน คิด ถาม และเขียนได้อย่างเต็มที่และมี ประสิทธิภาพ) 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนฟังว่า การที่จิตของเราไม่จดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวคิดเรื่องนั้น เดี๋ยวคิดเรื่องนี้ เป็นภาวะที่จิตของเราฟุ้งซ่าน ซึ่งถ้าเกิดภาวะแบบนี้ขึ้นกับตัวเรา จะต้องพยายามฝึกควบคุม จิตใจ อาจทำโดยการกำหนดลมหายใจเข้าและออก การกำหนดจิตอยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อปฏิบัติแล้วก็จะทำให้ จิตมีสมาธิ 3. ครูมอบหมายการบ้าน โดยให้นักเรียนทำใบงานที่ 21.1และใบงานที่ 21.2 เรื่อง ฝึกบริหารจิตและ เจริญปัญญา โดยครูอธิบายการทำใบงาน ซึ่งให้นักเรียนฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาด้วยวิธีการต่างๆ เป็น เวลา 1 สัปดาห์ บันทึกผลที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วนำเสนอหน้าชั้นเรียน เพื่อช่วยกันหาวิธีแก้ไขปรับปรุงและ พัฒนาตนต่อไป 9. สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.5 2. ใบงานที่ 21.1และใบงานที่ 21.2 เรื่อง ฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญา
10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือที่ใช้วัดผล เกณฑ์การวัดและ ประเมินผล 1. อธิบายความหมายของสติ สัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญา (K) - สังเกตการณ์ตอบคำถาม - ตรวจแบบทดสอบหลัง เรียน ประจำหน่วยการ เรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี - ข้อคำถาม - แบบทดสอบหลังเรียน ประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบัติตนดี -ตอบคำถามได้ 2 ข้อขึ้นไปถือว่าผ่าน - ร้อยละ 60 ถือว่า ผ่านเกณฑ์ 2. นำวิธีการปฏิบัติการพัฒนาจิตตาม แนวทางของพระพุทธศาสนาไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน (P) - ตรวจใบงานที่ 21.1และ ใบงานที่ 21.2 เรื่อง ฝึก บริหารจิตและเจริญปัญญา - ใบงานที่ 21.1และใบงาน ที่ 21.2 เรื่อง ฝึกบริหารจิต และเจริญปัญญา -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการ พัฒนาจิตตามแนวทางของ พระพุทธศาสนา (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - ประเมินคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ -แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ -ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 พลเมืองดี เวลา 5 ชั่วโมง เรื่อง สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ของพลเมือง เวลา 1 ชั่วโมง สอนวันที่...............เดือน..................................พ.ศ................... ภาคเรียนที่ 1/2562 ผู้สอน นางสาวภัทราลักษณ์ เดชชัย สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดีมีค่านิยมที่ดีงาม และธำรงรักษา ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข 2. ตัวชี้วัด ส 2.1 ป.5/1 ยกตัวอย่างและปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ และหน้าที่ในฐานะ พลเมืองดี 3. สาระสำคัญ การรู้จักปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท และหน้าที่ทั้งของตนเองและผู้อื่น จะทำให้อยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบาย สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของพลเมือง (K) 2. จำแนกการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่พลเมือง (P) 3. เห็นความสำคัญในการปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของการเป็นพลเมือง (A) 5. สาระการเรียนรู้ สถานภาพ บทบาท และหน้าที่ของพลเมืองดี เช่น เคารพเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ปฏิบัติตนตามกฎหมาย 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการสื่อสาร