๕. การค้นพบเวลาวา่ ง และอิสระโดยแท้จรงิ
(Discovering the real meaning of leisure)
ค่ายได้ให้โอกาสสมาชิกชาวค่ายได้ค้นพบเวลาว่าง และเวลาท่ีเป็นอิสระ
โดยแท้จริง กิจกรรมในค่ายสามารถทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายได้รู้จักส่ิงเหล่าน้ี
โดยการเลือกกิจกรรมท่ีเก่ียวกับเวลาว่าง และสามารถนำ�ไปใช้ในอนาคต
และใช้ไดจ้ รงิ ในชีวิตประจำ�วนั ได้
๖. ความรู้สึกทดี่ ตี ่อการทำ�งาน (Appreciation of work)
ความพงึ พอใจในชวี ติ ชว่ งหนง่ึ คอื การทค่ี นเรามงี านท�ำ ไดท้ �ำ งาน สมาชกิ
ชาวค่ายสามารถท่ีจะเรียนรู้บทบาท และความซาบซ้ึงในความต้องการของกลุ่ม
ในการทำ�งานในชีวิตประจำ�วัน และทำ�งาน โดยมีความรู้สึกสนุกสนาน
ตามสัญลักษณ์ และหน้าท่ีของงาน เช่น เป็นคนดูแล คนครัว ช่างไม้ ภารโรง
ซงึ่ จะยอมรบั การท�ำ งานของตนในหนา้ ทนี่ นั้ ๆ สมาชกิ ชาวคา่ ยทกุ ๆ คนมงี านชนิ้ หนงึ่
ทต่ี อ้ งรบั ผดิ ชอบ คอื งานทต่ี อ้ งสรา้ งสรรค์ โดยจะเกดิ ขน้ึ ในกลมุ่ ของสมาชกิ ชาวคา่ ยเอง
โดยการแบ่งงานกันทำ� ซึ่งทำ�ให้เกิดการเรียนรู้ในลักษณะของการทำ�งานเป็นทีม
การท�ำ งาน การมเี วลาวา่ ง หรอื ความเปน็ อสิ ระเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชวี ติ สมาชกิ ชาวคา่ ย
ทุกคน ซึ่งจะอยู่ในส่วนท่ีเป็นช่วงนันทนาการนั้นเอง ซ่ึงค่ายได้สร้างข้ึนเพื่อ
ความสมดลุ ของชวี ติ สมาชกิ ชาวคา่ ยทกุ คน เพราะฉะนนั้ การอยคู่ า่ ยกจ็ ะท�ำ ใหส้ มาชกิ
ชาวค่ายได้ซาบซ้ึงถึงการทำ�งาน และการนำ�ส่ิงดังกล่าวไปใช้ในชีวิตประจำ�วันได้
ตลอดไป
๗. การเสรมิ สรา้ งความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ (Fostering creativity)
กิจกรรมค่ายเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างงานที่มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
ตามกิจกรรมต่างๆ ในค่าย เช่น ศิลปหัตถกรรม วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติศึกษา
วิถชี วี ิตของชาวบ้าน เป็นตน้ นอกจากนี้ ยังเปดิ โอกาสในรูปของกจิ กรรมอื่นๆ เชน่
บทท่ี ๒ แนวคดิ เก่ียวกบั ค่ายนันทนาการ 46
ละคร ศลิ ปะ ดนตรี หรือสิ่งท่เี รยี นรู้จากกลุม่ โดยจะสรา้ งแนวความคดิ สรา้ งสรรค์
จากคา่ ยไปสูช่ วี ติ จรงิ ในชุมชนต่างๆ
๘. ความซาบซงึ้ ในสนุ ทรียภาพ (Aesthetic appreciation)
กิจกรรมค่าย ควรมีการจัดการทางด้านทรัพยากรในรูปแบบของเวลา
เพอื่ การอา่ นทดี่ ี การฟงั ท่ดี ี หรือดนตรที ย่ี อดเยีย่ ม เชน่ กจิ กรรมการรอ้ งเพลงทดี่ ี
การจัดกิจกรรมในขณะฝนตกซ่ึงชี้ให้เห็นถึงความมีสุนทรี หรือการชี้ให้เห็น
รปู ทรงของใยแมงมมุ วา่ มคี วามสวยงามเพยี งใด การแตง่ เรยี งความ การฟงั เสยี งสตั ว์
หรือส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติอ่ืนๆ ผู้นำ�ค่ายควรจัดกิจกรรมเหล่าน้ี
อย่างรอบคอบ โดยจะลืมเสียมิได้ ในเร่ืองของความมีสุนทรีในตัวเองของส่ิงต่างๆ
ดงั ทีก่ ล่าวมาข้างตน้
๙. คณุ คา่ ของการยอมรับนับถอื (Respect and reverence)
ควรเกิดข้ึนด้วยความบริสุทธ์ิใจไม่ใช่เกิดจากความกลัว ซึ่งในค่าย
สามารถสอนให้สมาชิกชาวค่ายทุกคนยอมรับส่ิงท่ีเกิดข้ึน ในประสบการณ์ชีวิต
ของแต่ละบุคคลได้ เช่น การยอมรับ ในบุคลิกภาพ การยอมรับในความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล และวัย การยอมรับในความแตกต่างของศาสนา ซึ่งอาจรวมถึง
การเป็นผู้น�ำ และผู้ตามท่ีดดี ้วย
๑๐. ความร้สู ึกความรบั ผิดชอบ (Sense of responsibility)
สิ่งเหล่านี้จะรู้สึกได้จากการมีวินัยในตนเอง ในค่ายมีความซาบซ้ึง
ในความรับผิดชอบ ด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินป่า การปีนเขา การไต่เขา
สมาชิกชาวค่ายจะต้องแบ่งความรับผิดชอบกันออกไปตามหน้าที่ต่างๆ
ท่ีได้รับมอบหมาย เช่น การควบคุมหรือระวังไฟ การกำ�จัดขยะ การเดิน
ตามเสน้ ทางทกี่ �ำ หนดให้ การสรา้ งอปุ กรณ์ หรอื สถานทต่ี า่ งๆ ตลอดจนการยอมรบั
47 บทที่ ๒ แนวคดิ เกยี่ วกับค่ายนันทนาการ
ในส่วนตา่ งๆ ของการอยูค่ ่าย ซึ่งสามารถนำ�ไปใช้ในชวี ิตประจำ�วนั ได้ท้งั ส้ิน
๑๑. ความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันของกลมุ่ ที่หลากหลาย
(Identification with vertical groups)
ในกลุ่มท่ีแตกต่างกัน สมาชิกชาวค่ายจะมีโอกาสในการมีส่วนร่วม
กบั ผทู้ มี่ คี วามแตกตา่ งกนั ทางดา้ นตา่ งๆ เชน่ อายุ ความคดิ เพศ ขนาดรา่ งกาย ฯลฯ
มากกว่ากลุ่มสังคมอ่ืนๆ ซ่ึงทำ�ให้ได้รู้จักกลุ่มมากข้ึน น่ันคือ เด็กรู้จักผู้ใหญ่
คนรูปร่างเล็กรู้จักคนรูปร่างใหญ่ เพศหญิงรู้จักเพศชาย เป็นต้น ในชั้นเรียน
ส่วนมากจะทำ�กิจกรรมอยู่กับคนในกลุ่มเดียวกันตลอด แต่ท่ีค่ายสมาชิกชาวค่าย
สามารถเขา้ รว่ มกลุ่มอ่นื ๆ ได้ โดยไมม่ ีปัญหา และด้วยความเสมอภาคอย่างทสี่ ุด
๑๒. การเพ่ิมพูนความรู้ และประสบการณ์ชีวิต
(Broadening the camper’s horizons)
ในขณะท่ีอยู่ในโรงเรียน หรือในสังคมเมือง บุคคลส่วนมากจะพบปะ
กบั คนกลุ่มเดิมเสมอ กลมุ่ นกั เรียน กล่มุ ครู กลุ่มอาชพี กล่มุ ศาสนา กลมุ่ เพือ่ นบ้าน
แตถ่ า้ อยใู่ นคา่ ยจะสามารถท�ำ กจิ กรรมตา่ งๆ ไดใ้ นลกั ษณะของการกนิ อยู่ การนอน
การท�ำ งาน การท�ำ กจิ กรรมประเภทการแขง่ ขนั ทกุ อยา่ ง ซงึ่ สามารถจดั ท�ำ รว่ มกนั ได้
นั่นคอื มคี วามสัมพนั ธ์กนั นอกกลมุ่ จากกลุ่มประจ�ำ ท่คี นุ้ เคยกนั มา
บทที่ ๒ แนวคิดเกยี่ วกับคา่ ยนนั ทนาการ 48
๑๓. ศกั ยภาพทางกายภาพ (Physical potential)
ค่ายช่วยแก้ไขการเป็นเอกลักษณ์ โดยท่ีคนอยู่ในกลุ่มแคบๆ ไปอยู่ใน
ก ลุ่ ม ที่ ใ ห ญ่ ข้ึ น เ ป็ น ก า ร ช่ ว ย ส่ ง เ ส ริ ม ส ม ร ร ถ ภ า พ ท า ง ก า ย
ซึ่ ง ใ น สั ง ค ม ส มั ย ใ ห ม่ จ ะ มี ปั ญ ห า ต่ า ง ๆ เข้ า ม า ม อ ม เ ม า ห ล า ย อ ย่ า ง
ค่ายจะส่งเสริมคุณภาพชีวิตเหล่าน้ีได้ด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมท่ีท้าทาย
ทางด้านร่างกาย เช่น การกินอาหารที่ถูกต้อง การพักผ่อน มีการช่วยเหลือ
ความจำ�กัดในเรื่องของกิจกรรมทางกาย เช่น การว่ิงเล่น ของสมาชิกชาวค่าย
น่ันคอื มกี ารปฏบิ ัติจรงิ มากกวา่ การน่ังชมเพียงอย่างเดยี ว
๑๔. ศักยภาพทางจติ ใจ (Mental potential)
ศักยภาพทางจิตใจของสมาชิกชาวค่ายจะกว้าง และมากกว่าการเรียนรู้
ในชนั้ เรยี น ความสามารถทแ่ี ยกไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ อะไรจรงิ หรอื อะไรเปน็ สง่ิ ชวนเชอ่ื
สมาชิกชาวค่ายจะมีโอกาส อย่างแท้จริงในการวางแผนของกลุ่ม และบุคคล
เช่น การประชุมสมาชิกชาวค่าย การส่งเสริมให้สมาชิกชาวค่าย รู้จักคิดวางแผน
แก้ปัญหาในแต่ละวัน มีพัฒนาการด้านสติปัญญา สมาชิกชาวค่ายสามารถ
มองเห็นตัวเองได้จากกลุ่ม หรือจากพี่เลี้ยง จากคำ�วิจารณ์ การวิเคราะห์
ของผู้นำ�ค่าย คล้ายกับการส่องกระจกเงามองตนเองว่า ควรปรับปรุงในจุดใดบ้าง
49 บทที่ ๒ แนวคิดเก่ียวกบั ค่ายนนั ทนาการ
จะมีการยอมรับในหลายสิ่งหลายอย่างในกลุ่มสมาชิกชาวค่าย จะมีส่วนร่วม
ในการเลือก การวางแผน และการตัดสินใจร่วมกัน เพ่ือให้ประสบความสำ�เร็จ
ตามเปา้ หมายที่วางไว้
๑๕. ศักยภาพทางดา้ นอารมณ์ (Emotion potential)
บุคคลโดยปกติจะได้ความรัก และรับรู้ในการกระทำ�ของผู้อื่น
การผ่อนคลายในค่ายจะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายได้ประสบผลสำ�เร็จในด้านอารมณ์
เชน่ การรบั รูค้ วามรู้สึกของกลมุ่ การมอี ิสระ จากความย�ำ เกรง ตลอดจนความรู้สกึ
และความสำ�เรจ็ ทีไ่ ด้จากผูอ้ ่ืนทงั้ กลมุ่ ของตนเอง และกลมุ่ อน่ื
๑๖. ศักยภาพทางด้านสงั คม (Social potential)
สังคมต้องมีความเข้าใจในกลุ่มอ่ืนๆ ด้วยหลักประชาธิปไตยในค่าย
เพราะฉะน้ันค่ายจะมีส่วนช่วยเหลือ และส่งเสริมในการเคารพสิทธิของผู้อื่น
ไดจ้ ากกิจกรรมต่างๆ โดยการอย่รู ว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ
๑๗. ศกั ยภาพทางจิตวิญญาณ (Spiritual potential)
สมาชกิ ชาวคา่ ยจะมคี วามรสู้ กึ ออ่ นนอ้ ม และเปน็ ธรรมชาตทิ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั
ความมนี ำ�้ ใจ ความงาม ความจรงิ และสงิ่ ตา่ งๆ ตามขนั้ ตอนทท่ี �ำใหเ้ กดิ ความซาบซงึ้
ทางธรรมชาติของคน และสง่ิ แวดลอ้ ม
บทที่ ๒ แนวคดิ เกี่ยวกับค่ายนนั ทนาการ 50
สำ�นักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ.
(๒๕๓๒). ได้กล่าวถึงประโยชน์ท่ีได้รับจากการเข้าค่ายว่า เด็กและเยาวชน
ได้รับประโยชน์ทางสังคมอย่างมาก ทำ�ให้รู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น
รู้จักการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ซ่ึงเป็นประโยชน์ท่ีได้รับจากประสบการณ์ตรง
ของการเขา้ คา่ ย รวมทงั้ ไดร้ บั การฝกึ ใหส้ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเอง และผอู้ น่ื ในชมุ ชน
เดียวกัน ตลอดจนมีความเสียสละ และพร้อมที่จะร่วมกิจกรรมการพัฒนาชุมชน
และสงั คม ซงึ่ จะเหน็ ไดว้ า่ เปน็ ประโยชน์ ตอ่ สงั คมอยา่ งมากส�ำ หรบั เดก็ และเยาวชน
ส่วนประโยชน์ทางด้านพัฒนา และปรับปรุงตนเองน้ัน เด็กและเยาวชน
จะได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ฝึกให้เป็นคนมีความอดทนอดกล้ัน
มรี ะเบยี บวนิ ยั และเขา้ ใจความตอ้ งการของตนเอง รวมทง้ั มกี ารรว่ มกจิ กรรมนนั ทนาการ
นับว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเองส�ำ หรบั เดก็ และเยาวชนทไ่ี ด้รับจากการเข้าค่าย
นอกจากน้ี สมชาย กิจยรรยง. (๒๕๓๙). ยังกล่าวไว้ว่า การอยู่ค่าย
ยงั ถอื เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาในปัจจบุ นั และยงั เป็นเครื่องมอื ที่สำ�คัญอยา่ งย่ิง
ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยถือว่า“การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เป็นการลงทุนท่ีคุ้มค่า”การอยู่ค่ายจึงเป็นกิจกรรมหน่ึง ที่มีความสำ�คัญอย่างย่ิง
ท่ีจะทำ�ให้การอบรมในแต่ละครั้งประสบความสำ�เร็จตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้
ทั้งผูใ้ หก้ ารอบรม และผู้เข้ารบั การอบรมอยา่ งมคี วามสุข
จะเห็นได้ว่ากิจกรรมค่าย ถือเป็นกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนร ู้
(Enrichment Program) ซึ่งมีลักษณะการจัดการที่แตกต่างจากการเรียน
การสอนในหอ้ งเรยี นปกติ ตงั้ แตเ่ ปา้ หมายของคา่ ยทจ่ี ะเนน้ การพฒั นา และสง่ เสรมิ
ทกั ษะ และกระบวนการทางการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และใหป้ ระสบการณจ์ ริง
แ ก่ ส ม า ชิ ก ช า ว ค่ า ย ม า ก ก ว่ า ตำ � ร า ใ น ชั้ น เ รี ย น ต า ม ม า ต ร ฐ า น ก า ร เ รี ย น รู้
ดังน้ันกระบวนการจัดกิจกรรมค่าย จึงมีรูปแบบหลากหลาย และยืดหยุ่น
ตามความถนัดและสนใจของสมาชิกชาวค่าย ได้มากกว่าในชั้นเรียนปกติ
ดงั พอจะสรุปความแตกต่างเปน็ แผนภมู ิได้ดังนี้
51 บทที่ ๒ แนวคิดเกย่ี วกบั ค่ายนันทนาการ
จากการศกึ ษาของนกั วชิ าการ การศกึ ษาขา้ งตน้ จงึ อาจกลา่ วโดยสรปุ ไดว้ า่
ค่ายนันทนาการ มีส่วนช่วยในการดำ�เนินชีวิตของสมาชิกชาวค่ายในยุคปัจจุบัน
ได้หลายแง่หลายมุม ซ่ึงล้วนเป็นคุณค่า และประโยชน์ท่ีสมาชิกชาวค่าย
ไดร้ บั จากคา่ ยนันทนาการท้งั สนิ้ ดงั พอจะจ�ำ แนกไดด้ ังตอ่ ไปนี้
บทท่ี ๒ แนวคดิ เก่ียวกบั ค่ายนนั ทนาการ 52
๑. คุณคา่ และประโยชน์ของค่ายนันทนาการดา้ นการพฒั นาอารมณ์
การอยู่ค่ายนันทนาการ ก่อให้เกิดการผ่อนคลาย และพัฒนาอารมณ์
ด้วยสาระสำ�คัญดังน้ี
๑.๑ ได้พักผ่อน และผ่อนคลายความเครียด ด้วยความเป็นอยู่
ของคนในเมืองท่ีมีแต่ความสับสน วุ่นวาย ต้องทำ�งานแข่งขันกับเวลา
จึงมีความจำ�เป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีการพักผ่อนหย่อนใจ แต่สถานท่ี
พักผ่อนหย่อนใจ เช่น สนามกีฬาหรือสวนสาธารณะมีไม่เพียงพอกับจำ�นวน
ของประชากร ดังนั้น จึงมีความจำ�เป็นอย่างยิ่งที่คนในเมืองต้องออกไป
ภายนอกเมือง เพื่อแสวงหาอากาศอันบริสุทธ์ิ หรือเลือกทำ�กิจกรรม
เพื่อเป็นการพักผ่อนคลายความตึงเครียด ก่อให้เกิดความสนุกสนาน
และความเพลิดเพลิน ค่ายนันทนาการจะตอบสนองความต้องการในสิ่งดังกล่าวน้ี
ไดเ้ ปน็ อยา่ งดียง่ิ
๑.๒ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การดำ�เนินชีวิตของคนในปัจจุบัน
ไม่สามารถใช้เวลาว่างของตนเองได้อย่างชาญฉลาด กิจกรรมค่ายนันทนาการ
จะช่วยให้สมาชิกชาวค่ายได้ใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต
เพราะค่ายนันทนาการสามารถฝึกนิสัย ความรับผิดชอบ ตลอดจนให้ความรู้
และเสรมิ สรา้ งประสบการณใ์ หม่ๆ ให้แกส่ มาชกิ ชาวคา่ ยไดอ้ ยา่ งดยี ิง่
๑.๓ ส่งเสริมประสบการณ์ตรง การให้การศึกษานั้น สามารถ
กระทำ�ได้หลายวิธี มิใช่เพียงแต่เฉพาะการเรียนการสอนในห้องเรียนเท่าน้ัน
เป็นที่ยอมรับในกลุ่มของนักศึกษาว่าการเรียนเฉพาะในห้องเรียนน้ัน ผู้เรียน
ไม่ได้รับความรู้ และประสบการณ์ตรงเท่าที่ควรนัก กิจกรรมในค่ายนันทนาการ
เป็นวิธีการให้การศึกษาโดยให้สมาชิกชาวค่ายได้รับประสบการณ์ตรง
เกิดการเรียนรู้ในการปฏิบัติจริงเก่ียวกับเร่ืองธรรมชาติ ธรณีวิทยา กีฏวิทยา
เคหะศาสตร์ ศิลปหัตถกรรม เป็นต้น ค่ายนันทนาการจะทำ�ให้สมาชิกชาวค่าย
ไดร้ บั การเรยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง และมกี ารปรบั ตวั เขา้ กบั สงั คมไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ
53 บทที่ ๒ แนวคิดเก่ียวกับค่ายนันทนาการ
๑.๔ รัก และรู้จักการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ปัจจุบัน
มีการลักลอบตัดไม้ทำ�ลายป่าอย่างมากมาย แม้ว่าจะมีกฎหมายลงโทษ
ผู้กระทำ�ความผิด แต่ก็ยังมีผู้ลักลอบกระทำ�ความผิด ทั้งน้ีเพราะบุคคลเหล่านั้น
ขาดความรู้ ความเขา้ ใจถงึ คณุ คา่ ของปา่ ไม้ คา่ ยนนั ทนาการจะสอนใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ย
ได้มีความรัก และรู้คุณค่าของธรรมชาติ รู้จักการรักษาบำ�รุงพันธุ์ไม้ต่างๆ
ตลอดจน มีกฎเกณฑ์ในการอยู่ค่าย ห้ามมิให้สมาชิกชาวค่ายทำ�ลายพันธุ์ไม้
และไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ�การล่าสัตว์ นอกจากนี้ยังจะได้รับการสอนให้เรียนรู้
ถงึ การด�ำ รงชวี ติ ของสตั วเ์ หลา่ นน้ั จะเหน็ ไดว้ า่ คา่ ยนนั ทนาการนนั้ จะสอนใหส้ มาชกิ
ชาวค่าย มีความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของป่าไม้ และสัตว์ป่า ซึ่งเป็นทรัพยากร
ของประเทศ และจะไดช้ ่วยกนั รกั ษาอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติตอ่ ไป
๑.๕ ความสัมพันธ์ของหมู่คณะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ
มีการทำ�งานร่วมกัน ประกอบกิจกรรมร่วมกันในค่ายนันทนาการจะทำ�ให้
เกิดมิตรภาพ และความสัมพันธ์อย่างซาบซ้ึงในหมู่คณะ ซ่ึงในแต่ละกิจกรรม
ท่ีได้ก�ำ หนดไว้ในค่ายนันทนาการ จะส่งเสรมิ ความสมั พนั ธ์ภายในหมูค่ ณะทั้งสิ้น
๒. คุณค่า และประโยชน์ของคา่ ยนันทนาการด้านพฒั นาบุคคล
และสังคม
ส ม า ชิ ก ช า ว ค่ า ย จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร ใช้ ชี วิ ต ร่ ว ม กั น เ ป็ น ห มู่ ค ณ ะ
ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาตนเอง และมีการปรับตัวอยู่ในสังคม โดยมีลักษณะ
ดังต่อไปนี้
๒.๑ ช่วยให้สมาชิกชาวค่ายได้ฝึกหัด และเรียนรู้ถึงการเล่น
และการดำ�เนินชีวิต การทำ�งานเป็นหมู่คณะ (Group System)
และท�ำ ให้รู้จกั กระบวนการท�ำ งานแบบกล่มุ (Group Process)
๒.๒ ช่วยสง่ เสรมิ ใหเ้ ยาวชนชาวคา่ ยมีสุขภาพอนามยั ท่ีแข็งแรงสมบูรณ์
๒.๓ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกัน ตามวิถีทาง
แห่งประชาธิปไตย (Democratic Ways of Life)
บทท่ี ๒ แนวคิดเกย่ี วกบั คา่ ยนันทนาการ 54
๒.๔ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ย ไดซ้ าบซง้ึ ในความงดงามของธรรมชาต ิ
รักธรรมชาติ ซ่ึงเป็นการนำ�ไปสู่การรู้จักอนุรักษ์ และสงวนทรัพยากรธรรมชาติ
ของประเทศ
๒.๕ ช่วยฝึกหัดให้สมาชิกชาวค่ายมีความรับผิดชอบในหน้าที่
ท่ีได้รับมอบหมาย
๒.๖ ช่วยฝึกหัดสมาชิกชาวค่ายให้มีลักษณะความเป็นผู้นำ�ท่ีดี
ใหค้ วามชว่ ยเหลือร่วมมือแก่หมคู่ ณะ
๒.๗ ช่วยสง่ เสรมิ ให้มีการพัฒนาดา้ นบุคลิกภาพของสมาชิกชาวคา่ ย
๒.๘ ชว่ ยส่งเสริมใหเ้ กิดการสรา้ งมิตรภาพใหมๆ่ ในหม่สู มาชิกชาวคา่ ย
๒.๙ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ยรกั การเลน่ กฬี าและการออกก�ำ ลงั กาย
๒.๑๐ ช่วยให้สมาชิกชาวค่ายรู้จักการพักผ่อนหย่อนใจ เพ่ือผ่อนคลาย
ความตึงเครียด ในการทำ�งาน และกจิ วัตรประจ�ำ วัน
๒.๑๑ ชว่ ยใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ยรจู้ กั และสามารถประดษิ ฐ์ และท�ำ การฝมี อื
จากวสั ดเุ หลอื ใช้หรอื วัสดจุ ากธรรมชาติ
๒.๑๒ ช่วยให้สมาชิกชาวค่ายรู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อ่ืนได้ ซ่ึงเท่ากับ
เป็นการสง่ เสรมิ ให้เกดิ พัฒนาการทางด้านสังคมในทางปฏบิ ตั ิของสมาชิกชาวค่าย
นนั่ เอง
๒.๑๓ ช่วยสร้างลักษณะความเป็นพลเมืองดีให้แก่สมาชิกชาวค่าย
เพราะได้รบั การฝึกหัดความมีระเบียบวนิ ัย และมคี วามรับผดิ ชอบ
๒.๑๔ ช่วยส่งเสริมให้สมาชิกชาวค่าย มีความอดทน ไม่อ่อนแอ
หรอื ยอ่ ทอ้ ต่ออปุ สรรคปญั หางา่ ยๆ
๒.๑๕ ช่วยให้สมาชิกชาวค่ายรู้จักระบบครอบครัว (Family Units) ท่ีดี
มีความเคารพนบั ถอื หัวหนา้ ผ้นู ำ� และท่ีปรกึ ษาของคา่ ยพกั แรม
๒.๑๖ ช่วยสง่ เสริมให้สมาชกิ ชาวคา่ ยมีความคดิ สร้างสรรค์
๒.๑๗ ช่วยส่งเสริมให้สมาชิกชาวค่ายได้เรียนรู้ และเกิดประสบการณ์
ในกจิ กรรมนันทนาการประเภทตา่ งๆ ดว้ ยวิธกี ารปฏบิ ัตจิ รงิ
55 บทที่ ๒ แนวคิดเกยี่ วกับคา่ ยนนั ทนาการ
๒.๑๘ ช่วยส่งเสริมให้สมาชิกชาวค่ายได้เรียนรู้เรื่องประชาธิปไตย
อยา่ งแท้จริง โดยเนน้ การปฏบิ ัติจรงิ
๒.๑๙ ช่วยพัฒนาด้านจิตใจ และอารมณ์ การใช้ชีวิตในค่ายนันทนาการ
กับธรรมชาติ จะชว่ ยใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ยมีจติ ใจมน่ั คง เยือกเยน็ และสงบไม่ฟงุ้ ซ่าน
๓. คณุ ค่า และประโยชน์ของคา่ ยนันทนาการดา้ นคณุ ธรรม
และจริยธรรม
คา่ ยนนั ทนาการใหค้ ณุ คา่ และประโยชนด์ า้ นคณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ดงั นี้
๓.๑ ด้านจริยศึกษา ได้แก่ ระเบียบวินัย ศีลธรรม วัฒนธรรม นำ้�ใจ
และคณุ ธรรม
๓.๒ ด้ า น พุ ท ธิ ศึ ก ษ า ไ ด้ แ ก่ ก า ร เรี ย น รู้ ส ภ า พ วั ฒ น ธ ร ร ม
และขนบธรรมเนียม ประเพณีท้องถิ่น คุณค่าของการทำ�งาน การใช้ชีวิตร่วมกัน
เปน็ หมคู่ ณะ มกี ารด�ำ เนนิ ชวี ติ แบบประชาธปิ ไตย ฝกึ ความรบั ผดิ ชอบ การเปน็ ผนู้ �ำ
และผตู้ ามทดี่ ี
๓.๓ ด้านพลศึกษา ได้แก่ การออกก�ำ ลงั กาย สุขภาพอนามัย การบันเทงิ
การกีฬาทง้ั ในรม่ และกลางแจง้
๓.๔ ด้านหัตถศึกษา ได้แก่ การฝึกปฏิบัติงานต่างๆ ตามกิจกรรม
ของการอยูค่ า่ ยนันทนาการ
บทท่ี ๒ แนวคิดเกยี่ วกบั ค่ายนนั ทนาการ 56
จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า ค่ า ย นั น ท น า ก า ร เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ท่ี ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด คุ ณ ค่ า
และประโยชน์ จากประสบการณ์ตรง ที่สามารถเพ่มิ พูนความรู้ สรา้ งเสรมิ พัฒนา
แก้ไขคุณลักษณะในทุกๆ ด้านของสมาชิกชาวค่าย ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ
ที่เกิดข้ึนจากการอยู่ค่ายนันทนาการอย่างแท้จริง ซึ่งได้แก่ ด้านการศึกษา
ด้านการพัฒนาบุคคลและสังคม ด้านการพัฒนาคุณธรรม และจริยธรรม
โดยพอจะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ ดังแผนภมู ติ ่อไปนี้
57 บทท่ี ๒ แนวคิดเกี่ยวกบั ค่ายนันทนาการ
บทสรุป
ปรชั ญา และคณุ คา่ ของคา่ ยนนั ทนาการ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน ์
ต่อสมาชิกชาวค่ายอย่างแท้จริง ช่วยให้สมาชิกชาวค่าย
เกดิ การพฒั นาตนเอง มกี ารปรบั ตวั เขา้ กบั บคุ คลอน่ื มกี ารพฒั นาความคดิ
ใช้ชีวิตในรูปแบบประชาธิปไตย รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
รจู้ กั วางแผนการท�ำ งาน การพฒั นาสขุ ภาพรา่ งกายดว้ ยกจิ กรรมกฬี า
และการออกกำ�ลังกาย มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มองเห็นคุณค่า
ในการอนรุ ักษธ์ รรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
ค่ายนันทนาการ เป็นกิจกรรมหน่ึงท่ีมีความสำ�คัญมาก
ในการช่วยลดปัญหาต่างๆ ให้แก่ ตัวบุคคล หน่วยงาน
ระบบการท�ำ งาน สขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ และรวมไปถงึ ประเทศชาต ิ
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในโลกแหง่ ความเจรญิ ของวตั ถุ แตส่ ภาพจติ ใจนนั้
เสื่อมลงทุกที ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางการแก้ไขปัญหา
แ ล ะ ค่ า ย นั น ท น า ก า ร ก็ เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ที่ แ ก้ ปั ญ ห า ดั ง ก ล่ า ว
ได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากคุณค่า และประโยชน์ที่ได้รับ
จากการอยู่ค่ายนันทนาการ ท่ีสามารถส่งเสริมคุณลักษณะท่ีดี
ไวใ้ หแ้ กส่ มาชกิ ชาวคา่ ยได้ ซง่ึ ถอื เปน็ เสนห่ ข์ องคา่ ยนนั ทนาการเนอ่ื งจาก
๑. การอยู่ค่ายนันทนาการเป็นกิจกรรมท่ีต่อเนื่อง
ไม่ขาดช่วง จึงสามารถพัฒนา และเปล่ียนแปลงบุคลิกภาพ
และอปุ นิสยั ของสมาชิกชาวค่ายไดใ้ นระยะเวลาอนั ส้นั
๒. การอยู่ค่ายนันทนาการเป็นการใช้ชีวิตกลางแจ้ง
ท่ามกลางธรรมชาติ จึงช่วยพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ สังคม
และสตปิ ัญญา
บทท่ี ๒ แนวคดิ เกี่ยวกบั ค่ายนนั ทนาการ 58
๓. การอยคู่ า่ ยนนั ทนาการเปน็ แรงจงู ใจใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ย
เรียนร้สู ง่ิ ต่างๆ ปลกู ฝังการอยรู่ ่วมกัน ตามระบอบประชาธปิ ไตย
ฝกึ การท�ำ งานเป็นทีม รู้จกั การแกป้ ัญหาทดี่ ี
๔. การอยู่ค่ายนันทนาการเป็นการจัดกิจกรรม
ของสมาชิกชาวคา่ ย เพื่อสมาชกิ ชาวคา่ ย อยา่ งแทจ้ รงิ
๕. การอยู่ค่ายนันทนาการเป็นการผสมผสาน
สมาชิกชาวค่ายท่ีมีความหลากหลายเข้าด้วยกัน จึงเป็นวิธีการท่ีดี
ในการปรับตัวเพอ่ื การอยู่ร่วมกับผู้อืน่
๖. การอยู่ค่ายนันทนาการทำ�ให้เกิดความประทับใจ
แก่สมาชิกชาวคา่ ยในสงิ่ ท่ดี งี าม
๗. การอยู่ค่ายนันทนาการสามารถผลิตผู้นำ�นันทนาการ
เนื่องจากผู้นำ�ค่ายจะได้รับการฝึกฝน และอบรมเป็นอย่างดีก่อน
จนสามารถเปน็ ผูน้ �ำ คา่ ยนนั ทนาการได้
59 บทที่ ๒ แนวคดิ เกยี่ วกบั ค่ายนันทนาการ
บทท่ี ๓
การจดั คา่ ยนนั ทนาการ
การจดั คา่ ย (Camp Management) หมายถงึ กระบวนการทที่ �ำ ใหส้ มาชกิ
ชาวค่ายได้เกิดการเรียนรู้หรือได้ประสบการณ์ด้านการศึกษา การทำ�งาน
ด้านนันทนาการ โดยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มคณะในสถานท่ีท่ีเหมาะสม
แห่งใดแห่งหนึ่ง อาจเป็นท่ีโล่งแจ้งหรือนอกเมือง โดยนำ�เอาทรัพยากรธรรมชาติ
หรอื ทรพั ยากรท่ีมีอยมู่ าใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ในการพฒั นาร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
และอารมณ์ การจัดค่ายมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน จากการศึกษาค้นคว้า
พบว่าในอดีตการจัดค่ายเป็นไป ในลักษณะของการหยุดพักการเดินทาง
และค้างแรมตามป่าเขาของนักล่าสัตว์ และมีการสร้างที่พักอาศัยชั่วคราว
พร้อมทั้งมีการประกอบอาหาร ตอนกลางคืนจะมีการก่อกองไฟเพ่ือความสว่าง
ความอบอุ่น และเพ่ือป้องกันสัตว์ร้ายไม่ให้เข้ามาทำ�อันตราย ในระหว่าง
ก่อกองไฟจะมีการละเล่นต่างๆ ร้องรำ�ทำ�เพลง สร้างความครื้นเครง สนุกสนาน
ค่ายที่จัดอย่างเป็นระบบแบบแผน (Organized Camp) เร่ิมขึ้น
ในสหรฐั อเมรกิ า เมอ่ื ปี ค.ศ. ๑๘๖๑ เฟรเดอรคิ วลิ เลยี ม กนั น์ (Feaderick William
Gunn) ได้นำ�นักเรียนของโรงเรียนกันเนอร่ี (Gunnery School) มาอยู่ค่าย
เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ เพ่ือฝึกการใช้ชีวิตนอกเมือง เป็นการเรียนรู้นอกเหนือ
ระบบโรงเรียนโดยเรียกค่ายชนิดนี้ว่า “ค่ายพักแรมโรงเรียน” ซ่ึงเป็นต้นแบบ
ของค่ายในปัจจุบัน ชาวอเมริกัน จึงยกย่องให้ เฟรเดอริค วิลเลียม กันน์
เป็น “บิดาแห่งการจัดค่ายระบบแบบแผน” หลังจากนั้นในสหรัฐอเมริกา
ได้มีการพฒั นารปู แบบการจดั ค่ายออกมามากมายหลากหลายประเภท
ดร.เบนสัน (Benson) และ ดร.โกลเบิร์ก (Goldberg) อ้างใน
จรินทร์ ธานีรัตน์. (๒๕๑๓). ให้ความหมายไว้ว่า การอยู่ค่ายที่จัดอย่างมีระเบียบ
หมายถึง การผจญภัยเกี่ยวกับการศึกษาอย่างหน่ึง ซ่ึงเปิดโอกาสให้สมาชิก
ชาวคา่ ยไดม้ กี จิ กรรม ไดท้ �ำ งานเพอ่ื เปน็ การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ และเพอื่ การด�ำ เนนิ ชวี ติ
บทที่ ๓ การจดั ค่ายนันทนาการ 60
ร่วมกบั สังคมเป็นหม่คู ณะในสภาพแวดล้อมภายนอกเมือง
จรินทร์ ธานีรัตน์. (๒๕๑๓). ได้ให้ความหมายว่า การอยู่ค่ายพักแรม
หมายถงึ การจดั การอยา่ งมรี ะเบียบในการด�ำ เนนิ การอย่คู ่ายพกั แรม การผจญภยั
เก่ียวกับการศึกษาอย่างหน่ึง ซ่ึงเปิดโอกาสให้สมาขิกผู้เข้าร่วม พักผ่อนหย่อนใจ
ทางนนั ทนาการและไดด้ �ำ เนนิ ชวี ติ ทางสงั คม นอกสถานทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ความสนกุ สนาน
ผ่อนคลายจากความเครียด
เกื้อ แก้วเกต. (๒๕๓๑). ได้ให้
ความหมายไว้ว่า การอยู่ค่ายที่มีการจัด
อยา่ งมรี ะเบยี บหมายถงึ แหลง่ สรา้ งสรรค ์
ประสบการณท์ างการศกึ ษาในบรรยากาศ
ข อ ง ก า ร ใช้ ชี วิ ต ร่ ว ม กั น ก ล า ง แจ้ ง
โดยอาศัยทรัพยากรจากสิ่งแวดล้อม
ตามธรรมชาติรอบตัวน้ันเป็นเคร่ืองช่วยพัฒนาสติปัญญา ร่างกาย สังคม
และจิตใจท้ังน้ีภายใต้การแนะนำ� ช่วยเหลือจากผู้นำ�ค่ายท่ีได้รับการฝึกมาแล้ว
น อ ก จ า ก นี้ ยั ง ไ ด้ ก ล่ า ว ถึ ง ข้ อ คำ � นึ ง ใ น ก า ร จั ด ค่ า ย ว่ า ค ว ร ป ลู ก ฝั ง ค่ า นิ ย ม
และสร้างคุณค่าชวี ิตให้กบั สมาชกิ ชาวคา่ ยในประเดน็ ต่างๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
๑. ความนับถือตนเอง ค่ายเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกชาวค่าย
ได้รู้จักตนเองยิ่งขึ้น เพราะนอกจากค่ายจะเป็นสถานท่ีน่าอยู่ และน่าสนใจ
ในการเข้าร่วมกิจกรรมของสมาชิกชาวค่ายทั้งหลายแล้วยังมีบรรยากาศความรัก
ของสมาชิกชาวค่ายแต่ละคน ความรักซึ่งจะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายเจริญเติบโตขึ้น
อย่างมั่นคง ค่ายควรสร้างสรรค์บรรยากาศที่จะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายกล้าเส่ียง
แม้รู้ว่าจะพบกับความล้มเหลว เพราะสมาชิกชาวค่ายแต่ละคนทราบดีว่า
จะไดร้ บั การยอมรบั ถา้ สงิ่ ใดผดิ พลาดในสถานการณด์ งั กลา่ ว จะท�ำ ใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ย
เกดิ ความกลา้ ทจี่ ะท�ำ สง่ิ หนงึ่ สงิ่ ใดซ�้ำ แลว้ ซ�้ำ อกี จนกระทงั่ เขาสามารถท�ำ ใหส้ �ำ เรจ็ ได ้
และการทสี่ ถานท่ีตัง้ ของค่ายแยกออกจากสงั คมเมืองที่สบั สน โดยไดร้ บั ค�ำ ปรกึ ษา
จากผู้นำ�ค่าย และคอยชี้ให้เห็นข้อดี และข้อเสียของเขา จะเป็นการสร้าง
61 บทท่ี ๓ การจัดค่ายนันทนาการ
ความเชอื่ มน่ั ในตนเองซง่ึ เปน็ ผลในการพฒั นาความเชอ่ื มน่ั และความมน่ั คงในจติ ใจ
๒. การยอมรับในการอยู่ตามลำ�พัง สิ่งที่น่ากลัวมากท่ีสุดในการมีชีวิต
อยู่ในสังคมเมืองของคนส่วนใหญ่ คือ การถูกทอดท้ิงให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
คนท่ีค้นพบตัวเองว่ามีความสามารถ จะรู้สึกว่าตนเองสามารถอยู่โดดเด่ียวได้
ดังนั้นค่ายจะสามารถพัฒนาความสามารถนี้ โดยทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายรู้สึกตัวว่า
อยู่คนเดียวได้โดยไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง เพราะสมาชิกชาวค่ายจะได้เรียนรู้ในระหว่าง
ช่องว่างของกิจกรรม ว่ายังมีอีกหลายอย่างอยู่รอบตัวเขาท่ีกำ�ลังดำ�เนินไป
เช่น ชีวิตกลางแจ้ง ความสวยงามของธรรมชาติรอบตัว และชีวิตธรรมชาติ
ท่ีดำ�เนินไปโดยไม่รีบร้อน สิ่งเหล่านี้จะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายค่อยๆ พัฒนา
ความเช่อื ม่ันในตนเองมากขึ้น
๓. การเป็นตัวของตัวเอง และมีอิสระ ค่ายควรช่วยพัฒนา
ในด้านการเป็นตัวของตัวเองของสมาชิกชาวค่าย ลดการพึ่งพาอาศัยผู้อ่ืน
และพยายามช่วยตนเองให้มากขึ้น ซ่ึงเป็นรากฐานของการมีชีวิตอยู่ในสังคม
ประชาธิปไตย เมื่อได้เปิดโอกาสให้สมาชิกชาวค่ายได้ค้นพบ และรู้จักตนเอง
ก็เท่ากับว่าได้ทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายได้เป็นตัวของตัวเองมากข้ึน และมีโอกาส
เสนอความคิดเห็นต่างๆ ซ่ึงดูเหมือนว่าส่ิงที่ท้าทายสมาชิกชาวค่ายมากที่สุดก็คือ
โอกาสท่ีได้แสดงความคิดเห็นส่วนตนต่อผู้อ่ืน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาส
จะกระทำ�เช่นน้นั ในขณะที่อยู่บ้าน หรอื โรงเรียน
๔. ความซ่ือสัตย์ ค่ายจะต้องพยายามสร้างความซื่อสัตย์ให้เกิดขึ้นกับ
สมาชกิ ชาวค่ายทกุ คน ฉะนัน้ ตง้ั แต่ผอู้ ำ�นวยการคา่ ยจนถึงผู้น�ำ คา่ ย จะต้องยดึ ถอื
ส่ิงเหล่านี้ และช่วยสร้างสภาพแวดล้อม เพ่ือปลูกฝังความซ่ือสัตย์ให้เกิดข้ึนในตัว
สมาชิกชาวค่าย ถา้ สมาชิกชาวคา่ ยไดเ้ รยี นร้วู า่ ความซื่อสตั ย์ เปน็ สงิ่ มคี า่ ก็จะท�ำ ให้
เกิดการเปล่ียนแปลงในตัวของสมาชกิ ชาวค่ายเองตลอดไป
๕. ความเป็นเพ่ือน ค่ายควรจะมีส่วนเสริมสร้างความเป็นเพ่ือน
เพราะคา่ ยจะเตม็ ไปดว้ ยบรรยากาศของการอยรู่ ว่ มกนั เปน็ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรมดว้ ยกนั
และการแบง่ หน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบตา่ งๆ ซง่ึ มีผล ท�ำ ให้สมาชกิ ชาวคา่ ยไดม้ ีโอกาส
บทท่ี ๓ การจดั ค่ายนันทนาการ 62
พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และเกิดการยอมรับนับถือซ่ึงกันและกัน
อนั จะน�ำ มาซึง่ ความไว้เนอื้ เชอ่ื ใจ และเป็นเพือ่ นทด่ี ีตอ่ กันในอนาคต
๖. การคน้ พบคุณค่าของการใชเ้ วลาวา่ ง ลกั ษณะพิเศษอีกประการหนึง่
ของคา่ ย คอื การชที้ างใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ยไดร้ คู้ วามหมายทแ่ี ทจ้ รงิ ของค�ำ วา่ เวลาวา่ ง
ในชว่ งเวลา ๓๐ ปที ผี่ า่ นมาสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ พยายามทจี่ ะเนน้ ความตอ้ งการ
ใช้เวลาว่าง เพราะชีวิตในเมืองบังคับให้เด็กส่วนใหญ่ ใช้เวลาว่างไปกับ
การดูรายการโทรทัศน์ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรายการท่ีไม่ก่อให้เกิด
ความสร้างสรรค์ ค่ายสามารถท่ีจะเปลี่ยนแปลงความคิดน้ีได้ เพราะกิจกรรม
ของคา่ ยสว่ นใหญจ่ ะสรา้ งเสรมิ ความไมร่ บี รอ้ น การมเี วลาวา่ ง สนกุ สนานอยา่ งอสิ ระ
ค่ายควรจะสร้างเสริมทักษะทางด้านนันทนาการประเภทต่างๆ ซึ่งจะติดตัว
สมาชิกชาวค่ายไปในอนาคต
๗. ความรู้สึกท่ีดีต่อการทำ�งาน สิ่งที่สำ�คัญ และย่ิงใหญ่ที่สุดในชีวิต
คือ ความพึงพอใจในการทำ�งานที่ใช้แรงงาน ในบรรยากาศของชีวิตในเมือง
มกั จะท�ำ ใหผ้ คู้ นมชี วี ติ อยโู่ ดยอาศยั เครอ่ื งทนุ่ แรง และเครอ่ื งอ�ำ นวยความสะดวกตา่ งๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรอความช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ คนรับใช้
หรือเพ่ือน ชีวิตท่ีค่ายภายใต้บรรยากาศของการทำ�งานร่วมกันเป็นกลุ่ม
ในกจิ กรรมประจำ�วนั จะสรา้ งให้ สมาชกิ ชาวค่ายมเี จตคตทิ ่ดี ตี ่องานดังกล่าว
63 บทที่ ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ
๘. การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ค่ายควรช่วยให้สมาชิกชาวค่าย
เกิดการพัฒนาความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ข้ึน เช่น โครงการกิจกรรมธรรมชาติ
ศิลปะการประดิษฐ์เศษวัสดุ นอกจากนี้ก็ยังควรจัดให้มี การแสดงละคร ดนตรี
หรอื กจิ กรรมตามทก่ี �ำ หนด ถา้ กจิ กรรมไดก้ ระท�ำ ขน้ึ อยา่ งงา่ ยๆ ในบรรยากาศธรรมชาต ิ
โดยการร่วมมือจากสมาชิกชาวค่าย ก็จะเป็นการกระตุ้นให้สมาชิกชาวค่าย
เกิดความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรคใ์ นการท�ำ งานได้
๙. ความประทับใจในสุนทรียภาพ เป็นท่ียอมรับกันโดยท่ัวไปว่า
คนส่วนใหญ่มักจะสนใจในเรื่องสุนทรียภาพเป็นพิเศษ ดังน้ันกิจกรรมค่าย
ควรจะสามารถชว่ ยใหพ้ ฒั นาความสนใจในด้านน้ีได้ชัดเจนข้ึน เชน่ การแตง่ กลอน
การวาดภาพ การแต่งเพลง โดยทุกค่ายมักจะเปิดโอกาสให้สมาชิกชาวค่าย
ได้สรา้ งความประทับใจในความสวยงามของปรากฏการณท์ างธรรมชาติ
๑๐. การเคารพนบั ถอื ในการอยคู่ า่ ย การใหเ้ กยี รตกิ นั และเคารพนบั ถอื กนั
เปน็ ไปโดยธรรมชาตมิ ใิ ชเ่ กดิ ขนึ้ เพราะการบงั คบั และความกลวั สง่ิ ทส่ี มาชกิ ชาวคา่ ย
ยอมรับเป็นส่ิงแรก คอื การยอมรับในการมีชวี ติ อยู่แบบชาวคา่ ย ยอมรับในตนเอง
และบุคคลอ่ืนในด้านความแตกต่างระหว่างบุคคล อายุ ศาสนา และสิ่งอื่นๆ
ตามความเป็นจรงิ
๑๑. ความรบั ผดิ ชอบ ความรสู้ กึ รบั ผดิ ชอบเกดิ ขนึ้ โดยการควบคมุ ตนเอง
และการมีวินัยในตนเอง ความรับผิดชอบน้สี ามารถสร้างให้เกิดข้นึ อย่างจริงจัง
ได้ในสังคมค่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของสมาชิกชาวค่ายเป็นหลัก
เช่น การเดินทางไกลท่ีต้องการความร่วมมือของทุกคนจะทำ�ให้แต่ละบุคคล
ระมดั ระวงั และเพม่ิ ความรบั ผดิ ชอบในสว่ นของตนเองใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ มกี ารชว่ ยปอ้ งกนั
อันตรายใหก้ ันและกัน ช่วยกนั สรา้ งสิ่งท่จี �ำ เป็น และยอมรับในกลมุ่ อื่นๆ ด้วย
๑๒. การปรับตัวได้ในกลุ่มท่ีแตกต่างกัน ค่ายควรทำ�ให้การอยู่ร่วมกัน
ในกลุ่ม และอายุท่ีแตกต่างกันเป็นไปโดยธรรมชาติมากกว่าท่ีโรงเรียน หรือท่ีบ้าน
ซึ่งจะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายสามารถปรับตัวได้ดีในกลุ่มที่มีอายุแตกต่างกัน
เพราะท่ีค่ายสมาชิกชาวค่ายจะสามารถเข้าร่วมในกลุ่มอ่ืนๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนนั ทนาการ 64
และดว้ ยความเสมอภาคกนั
๑๓. การเพ่ิมพูนความรู้ และประสบการณ์ชีวิต ค่ายควรจะได้
เพ่ิมพูนประสบการณ์ชีวิต โดยมีกิจกรรมแปลกใหม่ เช่น เล่น ทำ�งาน กิน นอน
และวางแผนกจิ กรรมรว่ มกบั ผอู้ น่ื ทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั ทงั้ เชอื้ ชาติ ศาสนา วฒั นธรรม
และภมู หิ ลัง ซงึ่ จะชว่ ยให้เกิดการเรียนรู้ในสิง่ ใหมๆ่ ได้กว้างขวางยิ่งขน้ึ
ดังนั้นการจัดค่ายนันทนาการ คือ การจัดประสบการณ์สร้างสรรค์
ทางการศึกษา โดยใช้กิจกรรมนันทนาการเป็นสื่อในการพัฒนาสมาชิกชาวค่าย
โดยผู้นำ�ค่ายที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ค่ายนันทนาการมีคุณลักษณะทางวิชาการ
จัดเป็นศาสตร์สาขาหน่ึงได้อย่างเด่นชัด ซึ่งในทางการศึกษาแล้ว การจัดค่าย
นันทนาการถือเป็นการบูรณาการศาสตร์สาขาต่างๆ มารวมกัน เพื่อการพัฒนา
สมาชิกชาวค่ายในการดำ�รงชีวิต และการปรับตัวเพื่อดำ�เนินชีวิตในสังคม
ไดอ้ ย่างราบรน่ื
ในปัจจุบันเชื่อกันว่า ค่ายนันทนาการ เป็นการศึกษานอกสถานท่ี
โดยการผสมผสานการศกึ ษา และกจิ กรรมนนั ทนาการเขา้ ดว้ ยกนั คา่ ยนนั ทนาการทดี่ ี
จะต้องสร้างประสบการณ์ในการศึกษา และนันทนาการให้กับสมาชิกชาวค่าย
ภายใต้การแนะนำ�ของผู้นำ�ค่าย โดยใช้ส่ิงแวดล้อมธรรมชาติเป็นส่ือ
และควรจะเกิดแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะทำ�ให้สมาชิกชาวค่ายสามารถนำ�ไปใช้
65 บทที่ ๓ การจัดค่ายนันทนาการ
ในชวี ิตประจ�ำ วนั ได้ โดยพื้นฐานความเชอื่ นี้มอี ยู่ ๕ ประการ คือ
๑. เชอ่ื วา่ สมาชกิ ชาวคา่ ยทกุ คนมคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ เกย่ี วกบั ธรรมชาติ
๒. สมาชิกชาวค่ายสามารถพัฒนาความเข้าใจในการเข้าสังคม
ได้อย่างต่อเนื่อง โดยการอยู่ร่วมกับสมาชิกชาวค่ายคนอ่ืนอย่างใกล้ชิด
ซึ่งนับเป็นส่งิ จ�ำ เป็นมากในสงั คม
๓. สมาชิกชาวค่ายสามารถเรียนรู้การยอมรับ และสามารถตัดสินใจได้
ภายใตส้ ภาวการณข์ องคา่ ย
๔. สมาชิกชาวค่ายจะเกิดทักษะในการดูแลตนเอง และผู้อื่นได้ง่าย
ภายใต้การแนะน�ำ ของผ้นู ำ�คา่ ย
๕. ทัศนคติต่อหน้าที่ และความรับผิดชอบในระบบประชาธิปไตย
เปน็ ส่งิ จำ�เปน็ ทส่ี มาชิกชาวค่ายจะต้องเรียนรู้ เพื่อเปน็ พลเมืองดีต่อไป
หลักการจัดคา่ ยนันทนาการ
ค่ายนันทนาการ มีจุดประสงค์ท่ีสำ�คัญในการกระตุ้นความคิด
ริเร่ิมสร้างสรรค์ และพัฒนาสมาชิกชาวค่ายให้เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล
ใหม้ ากทสี่ ดุ การสรา้ งบรรยากาศภายในคา่ ยนนั ทนาการ หรอื กลนิ่ อายของความรสู้ กึ
ที่สมาชิกชาวค่ายจะได้รับในระหว่างอยู่ค่ายนันทนาการเป็นปัจจัยสำ�คัญ
ตอ่ การเรยี นรแู้ ละพฒั นาการบรรยากาศขอคา่ ยนนั ทนาการ มสี ว่ นสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นร ู้
ที่สอดคล้องกับ theme ค่าย ความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกชาวค่ายจะส่งผล
โดยตรงต่อความประทับใจโดยรวม ของสมาชิกชาวค่ายที่มีต่อกิจกรรมทั้งหลาย
ในค่ายนันทนาการ ซึ่งในการจัดค่ายนันทนาการให้บังเกิดประสิทธิภาพ
และประสทิ ธิผลแก่สมาชกิ ชาวคา่ ยอยา่ งสงู สุดน้นั ควรไดย้ ึดหลักการ ดังต่อไปน้ี
๑. ใช้หลักการมีสว่ นร่วม โดยเปดิ โอกาสใหค้ รู พอ่ แม่ ผูป้ กครอง ชมุ ชน
องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนมสี ว่ นรว่ มในการจดั คา่ ยนันทนาการ
๒. ใชก้ ระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ ส�ำ คญั ใชท้ กั ษะในการแสวงหา
ความรจู้ ากแหลง่ เรียนรู้ ในชุมชน หรือท้องถนิ่
บทที่ ๓ การจัดค่ายนันทนาการ 66
๓. ใช้กระบวนการกลุ่มในการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ ฝกึ ให้สมาชิก
ชาวค่าย คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ จินตนาการที่เป็นประโยชน์ และสัมพันธ์กับ
วิถชี ีวติ
๔. จัดกิจกรรมผสมผสานกันระหว่างกิจกรรมวิชาการกับกิจกรรม
นันทนาการ เพ่ือให้สมาชิกชาวค่าย ได้ทั้งความรู้ และความสนุกสนาน
ท�ำ งานรว่ มกนั เปน็ กลมุ่ เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความสามคั คี มนษุ ยสมั พนั ธ์ ความเปน็ ผนู้ �ำ ผตู้ าม
ตลอดจนเป็นกิจกรรมท่ีปลูกฝังเจตคติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และควรมีผู้นำ�
คา่ ยนนั ทนาการ หรือพเี่ ล้ียงประจ�ำ กลมุ่ ที่มีประสบการณด์ า้ นนันทนาการไวด้ ้วย
๕. ตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในดา้ นตา่ งๆ เปน็ ส�ำ คญั เชน่ การเดนิ ทาง
ทพ่ี กั อาหาร เปน็ ต้น
๖. จดั กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ความสนใจ ความถนดั และความสามารถ
ของสมาชกิ ชาวค่าย โดยตอ้ งคำ�นงึ ถงึ ความเหมาะสมเรอ่ื งเพศ ระดบั อายุ วฒุ ภิ าวะ
และวฒั นธรรมทด่ี งี ามดว้ ย
๗. จำ�นวนสมาชิกมีความหมายกับกิจกรรม กิจกรรมใดๆ ที่กำ�หนดข้ึน
ควรให้สมาชิกชาวค่ายร่วมกันทำ�เป็นกลุ่ม เพื่อให้สมาชิกชาวค่ายได้รู้จัก
กระบวนการกลุ่ม และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จำ�นวนคนในกลุ่ม
ต้องมีความเหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป ข้ึนอยู่กับกิจกรรมนั้นๆ เป็นหลัก
และในแตล่ ะกลมุ่ ควรมีจำ�นวนคนใกล้เคยี งกัน
๘. ส่ือวัสดุอุปกรณ์ท่ีนำ�มาใช้ต้องน่าสนใจ แต่ละกิจกรรมควรจะมีส่ือ
หรืออุปกรณ์ท่ีช่วยในการทำ�กิจกรรม เพราะสื่อ หรืออุปกรณ์ สามารถดึงดูด
ความสนใจ และเปน็ ตวั เร้าให้สมาชิกชาวค่าย อยากศกึ ษาหาความรู้ และอยากทำ�
กิจกรรมน้นั ๆ
๙. มีการกำ�หนดระยะเวลาในการทำ�กิจกรรม
อย่างเหมาะสม ในแต่ละกิจกรรมจะต้องกำ�หนดเวลา
ในการทำ�กิจกรรมให้แน่นอน เป็นการฝึกให้สมาชิก
ชาวค่ายรู้จักการตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบ
67 บทท่ี ๓ การจัดค่ายนันทนาการ
ต่อตนเอง และผูอ้ นื่
๑๐. ส่งเสริมความรัก ความสามัคคี การอยู่ค่ายเป็นการที่คนหมู่มาก
มาอยู่รวมกัน และทำ�กิจกรรมร่วมกัน ดังน้ัน การสร้างกระบวนการกลุ่ม
และความสามัคค ี เป็นเร่อื งจ�ำ เป็นท่ตี ้องปลูกฝังใหก้ บั สมาชกิ ชาวค่าย
๑๑. กิจกรรมควรอาศัยธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก การอาศัย
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นการสร้างจิตสำ�นึกให้สมาชิกชาวค่ายมีความรัก
และหวงแหนธรรมชาติ เขา้ ใจ ในธรรมชาตแิ ละอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งกลมกลนื
๑๒. ควรเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมทัศนคติท่ีดี สร้างความคิดในแง่บวก
หรือการมองโลกในแง่ดี เป็นส่ิงที่ควรให้เกิดขึ้นกับสมาชิกชาวค่ายเป็นอย่างย่ิง
เพราะจะเป็นการน�ำ ไปส่กู ารอยูร่ ว่ มกัน อย่างมีความสขุ ในสงั คม
นอกจากน้ี ผู้จัดค่ายนันทนาการจะต้องพยายามทุกวิถีทางให้เป้าหมาย
ของค่ายนันทนาการสัมฤทธ์ิผล ด้วยการให้กลุ่ม และสมาชิกชาวค่าย
ได้มีการพัฒนาขึ้น ผู้จัดค่ายนันทนาการจะต้องมีบทบาทในการเสริมสร้าง
ความสามารถของสมาชิกชาวค่ายทุกคนให้มีบทบาท และหน้าท่ีรับผิดชอบ
อย่างเต็มที่ในงานของตนเอง เจ้าหน้าที่ค่ายนันทนาการจะต้องเตรียมอุปกรณ์
ทุกอย่างให้พร้อม รวมทั้งจัดเตรียมสถานท่ี และส่ิงอำ�นวยความสะดวก
พร้อมรับผิดชอบ แก้ไขปัญหา ขจัดข้อจำ�กัดต่างๆท่ีอาจเกิดขึ้น ในการบริหาร
งานค่ายนันทนาการต้องใช้เทคนิคการบริหารจัดการท่ีทันสมัย และเหมาะสม
ได้มาตรฐาน และผู้จัดค่ายนันทนาการจะต้องพยายามพัฒนาวิถีชีวิต
ตามระบอบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในค่ายนันทนาการด้วย เพราะความเข้าใจ
และการมปี ระชาธปิ ไตยของสมาชกิ ชาวคา่ ยจะไมส่ ามารถท�ำ ไดเ้ พยี งการบอกกลา่ ว
แต่จะต้องได้มีการฝกึ หดั ฝึกฝนในบรรยากาศทีเ่ ป็นประชาธปิ ไตยดว้ ย
บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนันทนาการ 68
ขัน้ ตอนการดำ�เนนิ การจดั คา่ ยนันทนาการ
ในการจัดค่ายนันทนาการ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ บรรลุผลสำ�เร็จ
ตามเป้าหมาย จะต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรท่ีดี โดยต้องมีขั้นตอน
ในการจัดการ เช่นเดียวกับการบริหารจัดการท่ัวไป โดยเร่ิมจากการเตรียมงาน
การวางแผนการด�ำ เนนิ การ และการประเมนิ ผล เพอื่ น�ำ ผลการประเมนิ สกู่ ารพฒั นา
ในทุกขั้นตอน ผู้เก่ียวข้องในการจัดค่ายนันทนาการต้องรับผิดชอบในบทบาท
หน้าท่ีของตนเอง และสร้างการบูรณาการในการทำ�งานให้เป็นทีมเดียวกัน
ซ่งึ มขี น้ั ตอนในการดำ�เนินงาน ดังนี้
ขนั้ ท่ี ๑ การวางแผน (Planning)
ในการวางแผนจดั ค่ายนนั ทนาการ มขี น้ั ตอนประกอบดว้ ย
๑.๑ การวางแผนงานคา่ ยนันทนาการ
๑.๑.๑ การเตรียมโครงการ ศึกษาโครงการ ตั้งเป้าหมายร่วมกัน
โดยควรเปดิ โอกาสให้ทกุ คน ทกุ ฝา่ ยไดม้ สี ่วนร่วม และมีหน้าทร่ี บั ผิดชอบ
๑.๑.๒ รวบรวม และเตรียมเอกสาร รวบรวมเอกสารที่ใช้
ในคา่ ยนนั ทนาการทงั้ หมด เชน่ ใบสมคั ร ใบอนญุ าตจากผปู้ กครอง แผนทก่ี ารเดนิ ทาง
ข้อมูลการเดินทาง แบบประเมินผล แบบสำ�รวจสุขภาพ ฯลฯ จัดเตรียมเอกสาร
ทกุ เรือ่ งไว้ให้พร้อม
๑.๑.๓ ตั้งเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของค่ายนันทนาการ
พรอ้ มจดั ท�ำ แผนการท�ำ งานโดยละเอยี ด ระบผุ รู้ บั ผดิ ชอบในแตล่ ะขนั้ ตอนใหช้ ดั เจน
จัดทำ�ตารางเวลาให้มีทั้งกิจกรรม ด้านวิชาการ นันทนาการ และกิจกรรม
กลมุ่ สมั พนั ธ์ในสัดสว่ นท่เี หมาะสม
๑.๑.๔ วางแผนกิจกรรมคา่ ยในแต่ละวนั ตามลกั ษณะของค่ายท่ีจัด
๑.๒ การวางแผนบคุ ลากรคา่ ยนันทนาการ
๑.๒.๑ จัดหาคณะผู้นำ�ค่ายนันทนาการ อาจใช้บุคลากร
69 บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ
ภายในหนว่ ยงาน ทมี่ คี วามรู้ ความสามารถ หรอื มคี วามถนดั เพอ่ื ก�ำ หนดใหท้ �ำ หนา้ ท ่ี
ในตำ�แหน่งต่างๆ
๑.๒.๒ อบรมคณะผู้นำ�ค่ายนันทนาการ ให้การอบรมคณะผู้นำ�
คา่ ยนนั ทนาการ โดยเฉพาะพเ่ี ลยี้ ง เพราะเปน็ ผทู้ อ่ี ยใู่ กลช้ ดิ สมาชกิ ชาวคา่ ยมากทส่ี ดุ
จึงจำ�เป็นต้องมีความสามารถในการทำ�งาน ท่ีได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี
การอบรมบุคลากรด้านอื่นๆ อาจทำ�ในรูปการประชุม สัมมนา หรืออ่ืนๆ
ตามความเหมาะสม
๑.๒.๓ จัดระบบการบริหารค่ายนันทนาการ กำ�หนดบทบาท
และหน้าที่ ของบุคลากรตามภารกิจในการจัดค่ายนันทนาการให้ชัดเจน
จัดประชุมบุคลากรทุกฝ่ายให้รับทราบภารกิจล่วงหน้า มีการประชุมหารือ
ในช่วงการจดั กิจกรรมค่ายนนั ทนาการ เพอื่ วางแผนงานเปน็ ระยะๆ
๑.๓ การวางแผนจัดการทรพั ยากร
๑.๓.๑ ด้านสถานท่ี ส�ำรวจสถานที่จัดค่ายนันทนาการล่วงหน้า
เชน่ ด้านท่ีพัก หอ้ งน้�ำ บริเวณโดยรอบ ความสะอาด และความปลอดภัย เปน็ ต้น
และควรจดั ท�ำปา้ ยบอกทางเป็นระยะๆ
๑.๓.๒ ด้านอุปกรณ์ ควรมีการสำ�รวจอุปกรณ์ที่มีอยู่ ให้เพียงพอ
กับสมาชิกชาวค่าย เตรียมความพร้อม ทำ�ความสะอาด และซ่อมบำ�รุงอุปกรณ์
ให้อยู่ในสภาพทใ่ี ชไ้ ด้ สำ�รวจความต้องการ ใช้อุปกรณเ์ บอ้ื งต้น
๑.๓.๓ การบรหิ ารงบประมาณ จดั ทำ�งบประมาณท่ีแสดงใหเ้ หน็ ถงึ
ทมี่ าของเงนิ เพอ่ื ด�ำ เนนิ งานคา่ ยนนั ทนาการ และจดั ท�ำ รายละเอยี ดคา่ ใชจ้ า่ ยตา่ งๆ
จัดทำ�ระบบบัญชี และการเงินในค่าย พร้อมทั้งจัดเตรียมเอกสารท่ีเก่ียวข้อง
จัดประชุมผู้เก่ียวข้องด้านการเงิน เพ่ือวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เพียงพอ
และเหมาะสม
บทที่ ๓ การจดั ค่ายนันทนาการ 70
ขั้นท่ี ๒ การดำ�เนนิ งาน (Implementing)
๒.๑ การเตรียมพร้อมกอ่ นเรม่ิ งาน
๒.๑.๑ เร่ืองบุคลากร : จัดประชุมทบทวนแผน และบทบาท
ของบคุ ลากรแตล่ ะคนแตล่ ะฝา่ ย เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ ม เชน่ ทบทวนวธิ กี ารน�ำ กจิ กรรม
วธิ กี ารตอ้ นรับสมาชกิ ชาวคา่ ย ตารางกิจกรรม
๒.๑.๒ เร่ืองสถานที่ / อุปกรณ์ : ตรวจความพร้อมเร่ืองสถานที่
วสั ดุอปุ กรณ์ ยานพาหนะ และอื่นๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง
๒.๒ จัดทำ�ระบบการควบคมุ งาน
๒.๒.๑ การควบคุมตามแผน : จัดทำ�ระบบควบคุมงาน
เช่น วางแผนกิจกรรมล่วงหน้า วางแผนระหว่างดำ�เนินงาน และจัดประชุม
ระหว่างการอยู่คา่ ยนนั ทนาการเปน็ ครั้งคราว
๒.๒.๒ จัดกิจกรรมค่ายนันทนาการ : ดำ�เนินการจัดกิจกรรม
ในแต่ละวันตามแผนที่วางไว้ โดยอาจมีการปรับเปล่ียนตามความเหมาะสม
ประเมินผลการจัดกิจกรรมค่ายนันทนาการวันต่อวัน เพ่ือปรับปรุง แก้ไข
และแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดต้ ลอดเวลา ประสานงานฝกึ อบรมพเี่ ลย้ี งเพมิ่ เตมิ
เพ่อื เพมิ่ พูนทกั ษะในการน�ำ กจิ กรรมตามความเหมาะสม
๒.๒.๓ จดั ใหม้ ฝี า่ ยสนบั สนนุ : เสรมิ ความเขม้ แขง็ และความคลอ่ งตวั
เพ่ือสนบั สนุนในทกุ ดา้ น เชน่ ดา้ นสถานที่ อาหาร สวสั ดิการ เอกสาร และการเงิน
๒.๓ เตรยี มพรอ้ มในการแก้ไขปัญหา
๒.๓.๑ จดั ระบบเพอื่ การแก้ปญั หา : จัดระบบรกั ษาความปลอดภยั
เพอ่ื ปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตุ จดั ระบบการดบั เพลงิ การเฝา้ ระวงั และอน่ื ๆ ทค่ี าดวา่ อาจเกดิ ขน้ึ ได้
๒.๓.๒ จัดระบบช่วยแก้ปัญหาบุคลากร : ใช้ระบบ Feedback
เพ่อื แกไ้ ขปญั หาการท�ำ งานรว่ มกันของบคุ ลากรคา่ ย
๒.๓.๓ จัดระบบช่วยแก้ปัญหาในการจัดกิจกรรม โดยควรเตรียม
กิจกรรมทดแทนในกิจกรรมท่ีคาดว่าอาจจัดไม่ได้ เนื่องจากสภาพปัจจัย
ทางภมู อิ ากาศไมอ่ �ำ นวย เชน่ เตรยี มจดั กจิ กรรมในรม่ ทดแทน หากเกดิ ฝนตก เปน็ ตน้
71 บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ
ข้ันท่ี ๓ การประเมนิ ผล (Evaluation)
๓.๑ ประเมนิ ผลสัมฤทธ์ติ ามวัตถุประสงคค์ า่ ยนันทนาการ
๓.๑.๑ ประเมินผลก่อนเริ่มค่าย (Pretest) : จัดทำ�แบบสอบถาม
สมาชิกชาวค่ายก่อนเร่ิมค่าย เพื่อวัดผลดูว่าสมาชิกชาวค่ายมีพ้ืนฐาน
ตามวตั ถุประสงคม์ ากน้อยเพยี งใด
๓.๑.๒ ประเมินผลระหว่างอยู่ค่าย : เป็นการประเมินผลระหว่าง
อยู่ค่ายนันทนาการ โดยอาจใช้วิธีตอบแบบสอบถาม หรือสังเกตพฤติกรรม
โดยเป็นการประเมนิ ผลในแต่ละกจิ กรรม หลังเสรจ็ สนิ้ กจิ กรรมนนั้ ๆ
๓.๑.๓ ประเมินผลภายหลังการจัดค่าย (Post test) : จัดทำ�
แบบประเมินสมาชิกชาวค่ายเช่นเดียวกับการประเมินผลก่อนเริ่มค่าย
เพอ่ื ดูผลสมั ฤทธติ์ ามเป้าหมายค่ายนันทนาการ
๓.๒ ประเมินผลวิธกี ารจดั ค่ายนันทนาการ
๓.๒.๑ ประเมินผลระหว่างการจัดค่าย : จัดทำ�การประเมินผล
ผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย โดยใช้แบบสอบถาม หรือใช้กลุ่มในการประเมินผล (Group
Discussion)
๓.๒.๒ ประเมินผลภายหลังการจัดค่าย : จัดทำ�การประเมินผล
ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดค่ายนันทนาการในทุกฝ่าย โดยอาจใช้วิธีตอบแบบสอบถาม
หรือประเมินผลกลุ่ม
๓.๓ จัดทำ�รายงาน และข้อเสนอแนะ
สรุปการดำ�เนินการค่ายนันทนาการทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
เพอื่ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการจัดค่ายนนั ทนาการครั้งต่อไป
บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ 72
การเตรยี มการจดั คา่ ยนันทนาการ
การจัดค่ายนันทนาการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
แก่สมาชิกชาวค่ายอย่างแท้จริง ผู้จัดค่ายนันทนาการควรคำ�นึงถึงเทคนิค
ในการจัดคา่ ยนันทนาการ ในประเด็นต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. การเขยี นโครงการคา่ ยนันทนาการ
การเขยี นโครงการคา่ ยนันทนาการ ไมว่ า่ จะเขยี นเพอื่ หน่วยงานจดั ท�ำ เอง
หรือเขียน เพื่อขอทุนสนับสนุนในการดำ�เนินการนั้น วิธีการเขียนไม่ค่อยแตกต่าง
จะต่างกันตรงที่ว่า จะเขียนอย่างไร ให้ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงาน
หรอื ไดร้ ับการพจิ ารณาทุนสนับสนนุ ซึ่งพอสรปุ ได้ ๑๒ ส่วน ดังนี้
สว่ นท่ี ๑ ช่ือโครงการ หรือสถานภาพของค่าย ควรเขียนให้ชัดเจน
และสอดคล้อง ว่ามีลักษณะอยา่ งไร จัดปีอะไร สถานที่ตั้งอยทู่ ไี่ หน จงั หวดั อะไร
ส่วนที่ ๒ หลักการและเหตุผล โดยหลักการแล้ว เหตุผลต้องมาก่อน
หลักการ แต่หลักปฏิบัติการเขียนจะเขียนหลักการก่อน และตามด้วยเหตุผล
ส่วนนี้ถือว่าเป็นหัวใจของการเขียนโครงการค่ายนันทนาการ ซึ่งจะต้อง
เขียนให้รัดกุม ได้ใจความ สมเหตุสมผล และมีหลักการ โดยเขียนยึดหลักการ
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง อธิบายให้เห็นว่าต้องการให้
สมาชิกชาวค่ายได้อะไรจากการอยู่ค่ายนันทนาการ โดยท่ัวไปจะเขียนไม่เกิน
๒ ย่อหนา้ รวมกนั ประมาณไมเ่ กิน ๑๘ บรรทดั
สว่ นที่ ๓ วัตถุประสงค์ของการจัดค่ายนันทนาการ เพ่ือต้องการ
ให้สมาชิกชาวคา่ ยไดร้ บั ประโยชน์อะไรบา้ ง เช่น
๑) เพื่อให้สมาชิกชาวค่ายสามารถช่วยเหลือตนเอง มีระเบียบ
และมีความอดทน
๒) เพอ่ื เปน็ การสง่ เสรมิ สมาชกิ ชาวคา่ ยมปี ระสบการณก์ ารอยรู่ ว่ มกนั
การปรบั ตวั และรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
73 บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนันทนาการ
๓) เพ่ือให้สมาชกิ ชาวคา่ ยเกิดความสนุกสนาน การผจญภัย
และพกั ผอ่ น
ส่วนท่ี ๔ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เป็นผลการคาดคะเน
หรือการตั้งความหวังไว้ว่า เมื่อทำ�กิจกรรม หรือผ่านการอยู่ค่ายนันทนาการแล้ว
สมาชกิ ชาวคา่ ยจะตอ้ งเปน็ ดงั วตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ ง้ั ไว้ เชน่ สมาชกิ ชาวคา่ ยไดช้ ว่ ยเหลอื
ตนเอง มีระเบียบ มีความอดทน มีประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกัน มีการปรับตัว
และร่วมทำ�กิจกรรมกลุ่ม ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้รับความสนุกสนาน
ได้ประสบการณท์ แ่ี ปลกใหม่ และไดพ้ ักผอ่ น
สว่ นที่ ๕ วิธีการดำ�เนินการตรวจสอบ คือ รูปแบบ หรือวิธี
การในการตรวจสอบการดำ�เนินการจัดค่ายนันทนาการตั้งแต่เริ่มโครงการ
จนปดิ โครงการ
สว่ นที่ ๖ การกำ�หนดระยะเวลาในการเริ่มต้น-ส้ินสุดของค่าย
และสถานทจ่ี ดั ตง้ั คา่ ย สว่ นนจ้ี ะมผี ลตอ่ การท�ำ งบประมาณรายจา่ ยของคา่ ยทงั้ หมด
ดงั น้นั จะต้องมีการบรหิ ารจดั การงบประมาณท่ดี ี
ส่วนที่ ๗ จำ � น ว น ส ม า ชิ ก ช า ว ค่ า ย เ ป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก
ของการจัดค่ายอย่างหน่ึง เพราะการจัดค่ายถ้ามีสมาชิกชาวค่ายมากๆ
จะทำ�ให้การทำ�งานรายจ่าย - รายรับซับซ้อนข้ึน เน่ืองจากการทำ�งบประมาณ
จะอิงจากจ�ำ นวนสมาชกิ ชาวคา่ ยดว้ ย
ส่วนท่ี ๘ งบประมาณ และแหล่งเงินทุน ส่วนนี้ต้องถือว่าเป็นหัวใจ
ของการทำ�งานค่ายท้ังหมด หากทำ�งบประมาณไม่สมดุล หรือผิดพลาด
ค่ายนันทนาการจะดำ�เนินการต่อไปไม่ได้เพราะขาดนำ้�เลี้ยง คือเงินทุนดำ�เนินการ
ทั้งหมด เพราะฉะน้ันจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ จะต้องคิดเผ่ือเหตุการณ์
ลว่ งหนา้ ไว้ด้วย
สว่ นท่ี ๙ การประเมินผล ส่วนน้ีเป็นการบอกว่า จะประเมินผล
การจดั คา่ ยนนั ทนาการดว้ ยวธิ กี ารอยา่ งไร เชน่ ใชแ้ บบสอบถาม ประเมนิ จากสมาชกิ
ชาวคา่ ยและประชมุ หวั หนา้ กลมุ่ หรอื ศกึ ษา และสงั เกตการณจ์ าก VCD ประกอบ
บทที่ ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ 74
ส่วนท่ี ๑๐ ลายมอื ชอ่ื และลายเซ็นของผู้เสนอโครงการ และผ้อู นุมตั ิ
๒. การเขียนวตั ถุประสงคข์ องค่ายนันทนาการ
ค่ายท่ีมีวัตถุประสงค์ท่ีแน่ชัด และสามารถทำ�ตามวัตถุประสงค์น้ันๆ
จนประสบความส�ำ เรจ็ ได้ จะท�ำ ใหค้ า่ ยนนั้ ไดร้ บั ความนยิ มสนใจอยา่ งยงิ่ การก�ำ หนด
วัตถุประสงค์ที่สามารถกระทำ�ได้สำ�เร็จ และได้ผลตามท่ีองค์กรต้องการ
ในการจัดค่ายนันทนาการน้ัน ควรกำ�หนดวัตถุประสงค์ของค่ายนันทนาการ
ให้มีคุณลักษณะ ดงั ตอ่ ไปนี้
ลกั ษณะของวัตถปุ ระสงค์ของค่ายนันทนาการทีด่ ี
๑. ต้อง SMART ไดแ้ ก่
- เป็นไปได้ (Sensible)
- สามารถวัดผลไดช้ ดั เจน (Measurable)
- ทำ�ให้เกดิ ผลสำ�เร็จได้ (Attainable)
- มีเหตุ มผี ล (Reasonable)
- มกี ารกำ�หนดเวลาท่ีชัดเจน (Time)
๒. มคี วามยืดหยุ่น (Flexibility)
๓. มคี วามท้าทาย (Challenging)
๔. มีขอบเขตชดั เจน (Limitation)
ข้อควรคำ�นงึ ในการก�ำ หนดวตั ถปุ ระสงค์ของค่ายนันทนาการ
การกำ�หนดวัตถุประสงค์ของการจัดค่ายนันทนาการ ในแต่ละครั้ง
ควรคำ�นึงถงึ ส่ิงตอ่ ไปน้ี
๑. ความตอ้ งการของสมาชกิ ชาวค่าย
๒. สภาพปัญหาทีเ่ คยเกดิ ขึน้ และแนวทางทีต่ อ้ งการจะแกไ้ ข
๓. การระดมสมองของผู้เกยี่ วขอ้ งทกุ ฝ่าย
๔. ความคาดหวงั ของผ้ปู กครองของสมาชิกชาวคา่ ย
75 บทที่ ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ
๕. ความคาดหวงั ขององคก์ ร หน่วยงานที่จัด
๖. แนวโน้มของสภาพปัญหาทางสังคมท่ีเกิดข้ึนจรงิ ในปจั จบุ นั
นอกจากนี้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการอยคู่ า่ ยนนั ทนาการ ควรจะตอ้ งมเี ปา้ หมาย
ทแี่ นช่ ดั และสามารถทำ�ตามเป้าหมายนัน้ ๆ จนประสบความส�ำ เรจ็ ได้ ซึง่ จะท�ำ ให ้
ค่ายนันทนาการทจ่ี ัด ได้รับความนยิ ม และสนใจเป็นอยา่ งยงิ่
๓. เทคนิคการบริหารจดั การค่าย
ในการจัดค่ายนันทนาการ ระบบบริหารจัดการมีความสำ�คัญ
เป็นอย่างยิ่ง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึนจากการดำ�เนินงาน มักเกิดจาก 2 ปัจจัย
คอื คนกบั ระบบ ถา้ คนดรี ะบบไมด่ ี คนดคี นเกง่ กท็ �ำ อะไรไดไ้ มม่ ากนกั แตถ่ า้ ระบบด ี
ก็ยังพอจะพัฒนาคนให้ทำ�งานตามระบบได้ การจัดค่ายนันทนาการจึงต้องมี
การวางระบบการบริหารจัดการให้ดี เพื่อให้เกิดปัญหาในการดำ�เนินงานน้อยท่ีสุด
การบริหารจัดการค่ายนันทนาการเป็นการจัดการท่ีเก่ียวข้องกับคนจำ�นวนมาก
เพราะฉะนั้น เทคนิคการทำ�งานกับคน จึงเป็นหัวใจของการบริหารงาน
ค่ายนันทนาการ นอกจากนี้ยังต้องเน้นการประสานงานกับหน่วยงานเครือข่าย
ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง อี ก ด้ ว ย ซ่ึ ง เ ท ค นิ ค ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ค่ า ย นั น ท น า ก า ร
ใหป้ ระสบความส�ำ เรจ็ มีดังน้ี
๑. สายการบงั คบั บัญชาต้องส้ัน จากจุดปฏิบตั งิ านในพน้ื ที่ถึงจุดตัดสนิ ใจ
หรือการอนมุ ตั สิ ง่ั การตอ้ งไมห่ ่างไกล หรอื ใช้เวลามาก เพราะจะท�ำ ใหง้ านช้าลง
๒. ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำ�นาจตัดสินใจ ต้องไม่มีหลายคนซ้อนกัน
ในลักษณะที่เรียกกันว่า หลายนาย หลายคำ�ส่ัง เพราะผู้ปฏิบัตอาจสับสนว่า
จะท�ำ ตามค�ำ สง่ั ใครดี
๓. ระบบการบรหิ ารคา่ ยนนั ทนาการ ตอ้ งมคี วามคลอ่ งตวั เปน็ อสิ ระพอสมควร
เพราะเมื่อออกไปปฏิบัติงานในพ้ืนท่ีแล้ว ผู้นำ�ค่ายควรมีอำ�นาจในการตัดสินใจ
เพราะไม่เช่นน้ันจะทำ�ให้งานล่าช้า และบางเร่ืองเป็นปัญหาท่ีเกิดข้ึนเฉพาะหน้า
ตอ้ งได้รบั การแกป้ ญั หาทันที
บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ 76
๔. การก�ำหนดบทบาทหน้าท่ีของฝ่ายต่างๆ ต้องชัดเจน ไม่ซ้�ำซ้อน
และมีภาระงานท่ีเหมาะสม เพื่อไม่เกิดความรู้สึกว่าบางฝ่ายงานหนัก
บางฝ่ายงานน้อย หรือการเกยี่ งงานกนั
๕. เมอื่ ตอ้ งเดนิ ทางไปศกึ ษาตามแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ ตอ้ งลดงานดา้ นเอกสาร
ให้น้อยลง เพราะจะทำ�ให้เสียเวลา เอกสารทุกอย่างควรเตรียมไปให้พร้อม
การสอ่ื สาร และการส่ังการด้วยวาจาเปน็ สง่ิ สำ�คัญ ซึง่ ตอ้ งมคี วามชัดเจน
๖. ระบบการให้บริการ และส่ิงอำ�นวยความสะดวกต่างๆ ต้องรวดเร็ว
และมีความพร้อมตลอดเวลา เพราะมากคนย่อมจะมากเร่ือง หากเตรียมให้พร้อม
ก็จะสามารถสรา้ งความพงึ พอใจให้ทุกคนได้
๗. ระบบการสื่อสารภายในค่าย และการสื่อสารกับหน่วยงานภายนอก
ต้องสามารถทำ�ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว เพราะหากมีการเปล่ียนแปลง
กำ�หนดการ หรือมีเรื่องฉกุ เฉนิ จะได้แกป้ ญั หาได้ทนั ท่วงที
๔. โครงสร้างบุคลากรในการบริหารจดั การคา่ ยนันทนาการ
คา่ ยนนั ทนาการควรมโี ครงสรา้ งบคุ ลากรในการบรหิ าร และสายการปฏบิ ตั งิ าน
ดังแผนภูมติ อ่ ไปนี้
77 บทที่ ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ
โดยในแต่ละตำ�แหน่ง หรือฝ่ายต่างๆ ควรมบี ทบาทหนา้ ท่ี และขอบขา่ ย
ของงาน ดงั น้ี
ผูอ้ �ำ นวยการคา่ ย บทบาทหนา้ ทแี่ ละขอบขา่ ยงาน
๑. อำ�นวยการทุกเร่อื งในคา่ ยนันทนาการ
๒. ใหก้ ารสนับสนนุ ด้านการจดั สรรงบประมาณ
การอนุมตั ิแผนการด�ำ เนนิ งาน การใชอ้ าคาร
สถานที่ วสั ดอุ ุปกรณ์ การตดิ ต่อประสานงาน
กับแหลง่ เรียนรู้ และหนว่ ยงานภายนอก
๓. ตดั สนิ ใจในการแก้ปญั หา เพ่อื ใหก้ ารดำ�เนินงาน
ไม่สะดดุ
๔. ให้ค�ำ ปรึกษา แนะนำ� ติดตามประเมนิ
ผลการด�ำ เนนิ งาน ในภาพรวม
๕. ชืน่ ชมผลงาน และให้ขวญั ก�ำ ลงั ใจแก่ผปู้ ฏิบัติงาน
เลขานกุ ารค่าย ๑. จัดท�ำ โครงการ และแผนปฏบิ ัติการ
๒. เสนอแตง่ ตั้งคณะท�ำ งานค่าย
๓. รับผิดชอบงานธุรการตา่ งๆ เชน่ จดั ทำ�ปา้ ยชือ่
การลงทะเบียน การรับรายงานตัว หนงั สือเชิญ
หนังสอื ขอบคณุ ค�ำ กล่าวรายงาน คำ�กล่าว
เปดิ -ปดิ ค่าย ฯลฯ
๔. ประสานความรว่ มมอื ท้ังภายนอก และภายใน
เพ่อื ใหส้ ามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
ไดต้ ามแผนการดำ�เนินงาน ตลอดจนแก้ปญั หา
เฉพาะหนา้ ท่ีเกดิ ข้นึ ในทกุ ขนั้ ตอน
ของการจดั คา่ ยนนั ทนาการ
๕. ชว่ ยเหลือผอู้ ำ�นวยการคา่ ยในส่วนที่ยงั ขาดตก
บกพรอ่ ง หรอื สว่ นทจ่ี �ำ เป็นตอ้ งแก้ไขเร่งด่วน
๖. กรองงานตา่ งๆ ก่อนเสนอผู้อ�ำ นวยการคา่ ย
บทท่ี ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ 78
ฝา่ ยกจิ กรรมวชิ าการ บทบาทหนา้ ที่และขอบข่ายงาน
ฝ่ายกิจกรรมนันทนาการ ๑. วางแผน ออกแบบ และจดั ทำ�รายละเอยี ด
การจดั กิจกรรมวิชาการท้งั หมด
๒. ประสานงานกบั วทิ ยากรในการจัดกจิ กรรมวชิ าการ
ใหเ้ ป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องกจิ กรรมนน้ั ๆ
๓. ประสานแหล่งเรยี นรู้ เพอ่ื การศกึ ษาดูงาน
หรอื การส�ำ รวจชมุ ชน
๔. ดแู ลรบั ผิดชอบในการด�ำ เนินกิจกรรมวิชาการ
ใหเ้ ปน็ ไปตามกำ�หนดเวลา และวตั ถปุ ระสงค์
ของกจิ กรรมน้ันๆ
๕. จัดท�ำ /จดั หาเอกสาร ส่อื ทางวชิ าการทั้งหมด
เช่น คู่มอื ใบความรู้ ใบงาน แบบประเมินผล
๖. ประเมนิ ผลการจัดคา่ ยนันทนาการ
๗. ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรตู้ ามความเหมาะสม
๑. วางแผน ออกแบบ และจดั ทำ�รายละเอยี ด
การจัดกิจกรรมนันทนาการทง้ั หมด
๒. ดแู ลรบั ผิดชอบในการด�ำ เนินกจิ กรรมนันทนาการ
ให้เปน็ ไปตามก�ำ หนดเวลาและวัตถุประสงค์
ของกจิ กรรมนั้นๆ
๓. จัดทำ�/จดั หาส่ือ และอุปกรณต์ า่ งๆ
ที่ใช้ประกอบการจดั กิจกรรมนันทนาการ
๔. ชว่ ยสร้างบรรยากาศภายในคา่ ยนันทนาการ
ให้สนกุ สนาน ใหส้ มาชกิ ชาวคา่ ยได้ทุกคนรจู้ กั
และสนทิ สนมกนั มากข้นึ
๕. สงั เกตพฤตกิ รรม และอารมณข์ องสมาชิกชาวคา่ ย
เพอ่ื ปรบั รปู แบบ หรอื วธิ กี ารด�ำ เนนิ กจิ กรรมใหเ้ หมาะสม
๖. ร่วมเปน็ วิทยากรในการจัดกิจกรรมต่างๆ
ตามความเหมาะสม
79 บทท่ี ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ
ฝา่ ยสนับสนนุ และบริการ บทบาทหน้าท่แี ละขอบขา่ ยงาน
อำ�นวยความสะดวกให้การจัดค่ายนนั ทนาการ
ดำ�เนินไปด้วยความเรียบร้อย มีความคล่องตัว
ฝา่ ยสนบั สนุน และบรกิ ารมหี ลายงานที่เก่ียวข้อง
ไดแ้ ก่ งานการเงนิ และพัสดุ งานพิธีการ งานอาคาร
สถานท่ีและยานพาหนะ งานอาหารและเคร่อื งดืม่
งานปฐมพยาบาล งานรักษาความปลอดภยั
งานเทคโนโลยี และงานประชาสมั พันธ์ ซงึ่ แต่ละงาน
มบี ทบาทหนา้ ที่ และขอบข่ายงาน ดังน้ี
๑. งานการเงินและพสั ดุ มีหน้าทอ่ี ำ�นวยความสะดวก
ในการจัดหาวัสดุ เบกิ จ่ายงบประมาณ ใหร้ วดเรว็
และตรวจสอบหลักฐานการเบิกจา่ ยใหถ้ ูกตอ้ ง
๒. งานพิธีการ มีหนา้ ที่กำ�หนดรูปแบบ ขั้นตอน
พธิ กี ารต่างๆ ประสานงานผู้เกี่ยวข้อง ก�ำ หนด
บคุ คลผรู้ ับผิดชอบในแตล่ ะขนั้ ตอน และจดั เตรยี ม
อปุ กรณ์ตา่ งๆท่ใี ช้ในพธิ ี
๓. งานอาคารสถานท่ีและยานพาหนะ มีหนา้ ท่ีตดิ ตอ่
ประสานงานจดั หาสถานทจี่ ัดค่ายนนั ทนาการ
และสถานที่ท่ีเปน็ แหล่งเรียนรู้ จดั เตรียมสถานที่
ในการจดั กจิ กรรมตา่ งๆให้พรอ้ ม เชน่ สถานที่
จดั พธิ ีเปดิ -ปดิ ค่าย สถานที่จัดกิจกรรมวิชาการ
แสลถาะนดูแทลี่จทัดพี่กจิักกหรร้อมงนน้ำ�นั ทใหน้สากะอาราดฯลแฯละจเพัดเียตงรพียอม
รวมท้งั จดั เตรยี มยานพาหนะให้พรอ้ มใชง้ าน
๔. งานอาหารและเคร่อื งดมื่ มีหนา้ ที่ดูแลรบั ผิดชอบ
เรอื่ งอาหารการกิน และนำ�้ ด่ืม ภายใน
คา่ ยนนั ทนาการ และระหวา่ งการออกไปศกึ ษา
นอกสถานท่ี ใหพ้ อเหมาะ พอดี และถกู หลกั อนามยั
๕. งานปฐมพยาบาล มหี นา้ ท่ีจัดเตรียมยารักษาโรค
ท่ีจ�ำ เปน็ ให้พรอ้ ม ใหก้ ารปฐมพยาบาล และกรณี
บทที่ ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ 80
บทบาทหน้าทแ่ี ละขอบขา่ ยงาน
เกดิ เหตฉุ ุกเฉินตอ้ งพรอ้ มทจ่ี ะน�ำ ผู้ป่วย
ส่งโรงพยาบาลทันที
๖. งานรักษาความปลอดภัย มีหน้าท่จี ดั เวรยาม
ดแู ล และรักษาความปลอดภยั ภายในบริเวณ
คา่ ยนนั ทนาการตลอดเวลา และระมดั ระวงั
จดุ ที่อาจเกิดอนั ตรายได้ง่าย เชน่ บ่อนำ�้ ทะเล
หลมุ รงั ตอ่ รงั ผึง้ ฟนื ไฟ ฯลฯ
๗. งานเทคโนโลยี มีหน้าทใ่ี นการจดั หา จัดเตรยี ม
และจดั เก็บอปุ กรณ์ เคร่ืองมืออิเลก็ ทรอนิกส์
ให้พร้อมใชง้ าน และเหมาะสมกบั กิจกรรม
เช่น เครื่องเสียง เครื่องบันทึกภาพ เคร่ืองฉายภาพ
และระบบไฟฟ้าตามสถานทต่ี ่างๆ
๘. งานประชาสัมพันธ์ มีหนา้ ทีบ่ ันทกึ ภาพการจดั
กิจกรรมตา่ ง และชวี ติ ความเป็นอยูข่ องสมาชิก
ชาวคา่ ยภายในค่ายนันทนาการ และนำ�ผล
การจัดกจิ กรรมไปเผยแพร่ผ่านสือ่ ต่างๆ
เช่น จดหมายข่าว รายการวทิ ยุ website ฯลฯ
พ่เี ลี้ยง พเ่ี ลยี้ งถือเปน็ บุคคลทม่ี ีความสำ�คัญทสี่ ดุ
ในการพฒั นาสมาชกิ ชาวคา่ ยใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์
ของการจดั คา่ ยนนั ทนาการ เพราะเปน็ ผทู้ อ่ี ยใู่ กลช้ ดิ กบั
สมาชิกชาวค่ายตลอดเวลา ดังนน้ั พ่เี ล้ยี งจึงควร
ไดร้ บั การฝกึ ฝนโดยเฉพาะเปน็ อยา่ งดี และตอ้ งสามารถ
เป็นแบบอยา่ งท่ีดแี ก่สมาชิกชาวค่ายได้ โดยเฉพาะ
กับสมาชกิ ชาวคา่ ยท่ีเป็นเด็ก พ่เี ลย้ี งจะมบี ทบาท
และเปรยี บเสมือนต้นแบบในดวงใจและมอี ทิ ธิพล
ตอ่ พฤติกรรมของสมาชกิ ชาวค่ายดว้ ย โดยท่วั ไป
บทบาทหน้าที่ และขอบขา่ ยงานของพเ่ี ลี้ยง มีดังน้ี
81 บทที่ ๓ การจดั ค่ายนันทนาการ
บทบาทหน้าทแ่ี ละขอบขา่ ยงาน
๑. ดูแลสมาชกิ ชาวค่ายในกลุ่มทไ่ี ด้รบั มอบหมายทุกเรอ่ื ง
ตั้งแต่ตน่ื นอนจนเขา้ นอน ให้ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บ
วนิ ยั ของการอย่คู า่ ย
๒. เปน็ ท่ีปรึกษา ใหค้ �ำ แนะน�ำ และนัดหมายสมาชิก
ชาวคา่ ยในการทำ�กิจกรรมต่างๆ
๓. ให้ความช่วยเหลอื แก้ปญั หาต่างๆทเ่ี กิดขนึ้ ในเบือ้ งตน้
แก่สมาชกิ ชาวคา่ ย
๔. ประสานงานขอความช่วยเหลือจากฝา่ ยต่างๆ
ตามข้นั ตอน
นอกจากนี้ ด้วยบทบาทอันสำ�คัญดังกล่าว
พเ่ี ล้ยี งจงึ ควรมีคณุ ลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี
๑. ตรงต่อเวลา และมาก่อนสมาชกิ ชาวค่ายเสมอ
๒. ตน่ื ก่อน นอนทีหลงั สมาชกิ ชาวค่าย
๓. สามารถเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีใหแ้ กส่ มาชิกชาวคา่ ย
ทัง้ กาย วาจา และใจ
๔. เขา้ ร่วม และใหค้ วามร่วมมอื ในทกุ ๆ กิจกรรม
๕. กระตนุ้ และช่วยสรา้ งบรรยากาศในการทำ�กิจกรรม
ของสมาชกิ ชาวคา่ ย แมต้ นเองจะมไิ ด้เป็นผ้นู �ำ กิจกรรม
นนั้ ๆ กต็ าม
๖. มคี วามตระหนกั อย่เู สมอวา่ ตนคอื ผ้บู ริการ
๗. วางตน และปฏบิ ัตติ นต่อสมาชิกชาวค่ายอย่างเหมาะสม
๘. ซอ่ื สัตยต์ ่อตนเอง และผ้อู ื่น
๙. ช่วยดแู ลรักษาอุปกรณ์ และสถานทจ่ี ดั คา่ ยนันทนาการ
๑๐. ทุม่ เททำ�งานอยา่ งเตม็ กำ�ลังความสามารถ
๑๑. เม่อื มปี ัญหา หรือขอ้ ผดิ พลาดในการท�ำ งาน
ทง้ั จากตนเอง หรือเพ่อื นรว่ มงาน
ไมค่ วรตอ่ วา่ กันและกนั หรอื หมกมุ่นอยู่กบั ปัญหา
ทเี่ กดิ ข้ึนแต่ควรช่วยกันหาวธิ ีการแก้ไขปัญหา
๑๒. รัก และใหอ้ ภยั กนั และกนั เสมอ
บทที่ ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ 82
ทั้งนี้ การกำ�หนดตำ�แหน่ง หน้าที่ และอัตราบุคลากรในแต่ละฝ่าย
สามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสมของหน่วยงานที่จัดค่ายนันทนาการเอง
แต่ที่สำ�คัญในการพิจารณาจัดสรรบุคคลให้ดำ�รงตำ�แหน่งในแต่ละฝ่าย
ควรพิจารณาจัดคนให้เหมาะสมกับงานท่ีจะต้องรับผิดชอบและงานในแต่ละฝ่าย
จำ�เป็นจะต้องมีการบูรณาการ และประสานงานในการทำ�งานร่วมกันเป็นอย่างดี
จึงจะท�ำ ใหค้ า่ ยนันทนาการประสบความส�ำ เร็จอยา่ งเต็มที่
๕. การเลอื กสถานทจี่ ัดคา่ ยนนั ทนาการ
การจัดค่ายนันทนาการให้ประสบความสำ�เร็จน้ัน นอกจาก
จะมีการบริหารจัดการ และการบริหารงานค่ายอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ส่ิงสำ�คัญอีกประการหน่ึงท่ีส่งผลต่อความสำ�เร็จ ในการจัดค่ายนันทนาการ
ท่ีมิอาจมองข้ามได้คือ “การเลือกสถานที่จัดค่ายนันทนาการ” โดยข้ันตอน
การเลือกสถานท่จี ัดค่ายนนั ทนาการ มดี ังต่อไปนี้
๑. ก�ำ หนดสถานที่ในการจัดคา่ ยนนั ทนาการ
๑.๑ หาข้อมูลสถานท่ีจัดค่ายนันทนาการ การหาข้อมูลของสถานที่
จดั คา่ ยนนั ทนาการ ควรหาใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ เทา่ ทจ่ี ะท�ำ ได้ เพราะยง่ิ มขี อ้ มลู มากเทา่ ใด
จ ะ ทำ � ใ ห้ มี ท า ง เ ลื อ ก ม า ก ขึ้ น เ ท่ า น้ั น ซึ่ ง ร า ย ล ะ เ อี ย ด ข อ ง ส ถ า น ที่
ในการจัดคา่ ยนนั ทนาการที่จำ�เป็นจะต้องทราบ ประกอบด้วย
(๑) ห้องพัก หอ้ งประชมุ และสถานทโี่ ดยรอบ
(๒) สง่ิ อ�ำ นวยความสะดวก
(๓) สถานทตี่ ั้ง และการเดนิ ทาง
(๔) ราคาทั้งเร่ืองของสถานท่ี อาหาร และอื่นๆ
(๕) การบริการ และการอำ�นวยความสะดวก
(๖) รปู ภาพ
โดยในปจั จบุ นั การสบื ค้นข้อมลู ทางอินเตอรเ์ น็ต ถือเปน็ อกี วธิ ีหน่ึง
ที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใชจ้ ่ายไดเ้ ป็นอย่างดี
83 บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนันทนาการ
๑.๒ พิจารณาคัดเลือกสถานที่ โดยควรคำ�นึงถึงหัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้
(๑) ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และกิจกรรมท่ีจัด
ในค่ายนันทนาการ
(๒) ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ความปลอดภัย
เป็นหัวใจสำ�คัญของการจัดค่ายนันทนาการ ถึงแม้ว่าองค์ประกอบ
ในการจดั คา่ ยนนั ทนาการจะสมบรู ณแ์ บบเพยี งใด หากขาดการค�ำ นงึ ถงึ ความปลอดภยั
แ ล ะ อั น ต ร า ย ท่ี อ า จ เ กิ ด ข้ึ น ก็ จ ะ ทำ � ใ ห้ ค่ า ย นั น ท น า ก า ร ที่ จั ด นั้ น ล้ ม เ ห ล ว
ในทันที ฉะนั้นในการคัดเลือกสถานท่ีจัดค่ายนันทนาการจึงควรพิจารณา
เรอื่ งความปลอดภัยของสถานที่ ดังน้ี
(๒.๑) มรี ้ัวรอบขอบชดิ
(๒.๒) มรี ะบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และไว้ใจได้
(๒.๓) บุคคลภายนอกและภายในไม่สามารถเข้า-ออกได้ง่าย
(๒.๔) หอ้ งพกั มคี วามปลอดภยั และแบง่ หญงิ -ชายอยา่ งชดั เจน
(๒.๕) อุปกรณ์ และสิ่งอำ�นวยความสะดวก อยู่ในสภาพดี
ไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ สมาชกิ ชาวค่าย
(๒.๖) บรเิ วณโดยรอบมคี วามปลอดภยั ไมอ่ ยใู่ กลแ้ หลง่ อบายมขุ
และแหลง่ ส่องสมุ ของมจิ ฉาชีพ
(๒.๗) สะอาด ถูกตอ้ งตามหลกั สุขาภิบาล
(๒.๘) มีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น สัญญาณเตือนภัยถังดับเพลิง
เปน็ ต้น
(๒.๙) อยู่ใ ก ล ้ ส ถ า น พ ย า บ า ล แ ล ะ มี ค ว า ม ส ะ ด ว ก
ในการเคลอ่ื นยา้ ยผ้ปู ว่ ยกรณีฉุกเฉิน
๑.๓ มี ส่ิ ง อำ � น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก พื้ น ฐ า น ท่ี จำ � เ ป็ น ใ น ก า ร จั ด
ค่ายนันทนาการ ดงั น้ี
(๑) ห้องพักมีจำ�นวนเพียงพอ เป็นสัดส่วน สะอาด อากาศ
ถา่ ยเทสะดวก
บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนันทนาการ 84
(๒) หอ้ งสุขา หอ้ งอาบน้�ำ แยกชาย-หญงิ ทสี่ ะอาด ปลอดภัย
และเหมาะสมกบั จ�ำ นวนสมาชิกชาวค่าย
(๓) เครื่องนอนสะอาด และเพียงพอ
(๔) มีระบบเสียงและแสงทีด่ ีทงั้ ในหอ้ งพัก และบริเวณโดยรอบ
(๕) มี น�้ ำ ใช ้ อุ ป โ ภ ค บ ริ โ ภ ค อ ย ่ า ง พ อ เ พี ย ง แ ล ะ ส ะ อ า ด
ถกู หลกั อนามัย
(๖) สถานที่รับประทานอาหาร และสถานที่พักผ่อน ท่ีสะอาด
ถูกสุขลักษณะ
(๗) บรรยากาศดี ภูมิทศั นส์ วยงาม
๑.๔ สถานที่เอ้ืออำ�นวยต่อการจัดกิจกรรมนันทนาการทั้งในร่ม
และกลางแจ้ง ปัจจัยท่ีควรนำ�มาพิจารณาประกอบเพิ่มเติม ได้แก่ งบประมาณ
และกลุ่มเป้าหมาย สมาชิกชาวค่าย และควรพิจาณาให้เหลือไม่เกิน ๓ แห่ง
เพือ่ เข้าสขู่ ัน้ ตอนการสำ�รวจสถานที่ตอ่ ไป
๒. การสำ�รวจสถานที่
การไปสำ�รวจสถานท่ี ถือเป็นเร่ืองจำ�เป็น เพราะจะทำ�ให้สามารถ
ตัดสินใจเลือกสถานที่จัดค่ายนันทนาการได้ดีย่ิงขึ้น เน่ืองจากได้เห็นสถานท่ีจริง
ในทกุ ซอกทุกมมุ ซึ่งขน้ั ตอนในการส�ำ รวจสถานที่ มดี ังน้ี
๒.๑ จัดทีมสำ�รวจสถานที่ โดยทั่วไปอาจมีประมาณ ๓-๕ คน
โดยเป็นผู้ท่ีเข้าใจในกระบวนการจัดค่ายนันทนาการเป็นอย่างดี และควรมี
ผู้บนั ทึกภาพอยใู่ นทมี ด้วย
๒.๒ ตดิ ตอ่ ขออนญุ าตเขา้ ส�ำ รวจสถานท่ี
๒.๓ จัดตารางเวลาในการเดินทางสำ�รวจสถานที่ให้ดี ซ่ึงจะทำ�ให้ช่วย
ประหยดั เวลา และงบประมาณได้
๒.๔ เก็บขอ้ มูลของสถานท่ที ีไ่ ปส�ำ รวจ ให้ได้มากที่สดุ
85 บทท่ี ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ
๓. ประชมุ ตดั สินใจเลือกสถานท่ีจดั คา่ ยนนั ทนาการ
เมื่อการสำ�รวจสถานที่จัดค่ายนันทนาการเสร็จสิ้น ควรมีการจัดประชุม
เพ่ือตกลงใจเลือกสถานที่จัดค่ายนันทนาการ โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์
ที่ได้กล่าวมาแล้ว และเมื่อตกลงใจเลือกสถานที่ได้แน่นอนแล้ว จึงควรติดต่อ
ประสานงานจองสถานที่ พร้อมระบุวัน เวลา และรายละเอียดในการใช้สถานที่
ให้ชดั เจนตอ่ ไป
๖. การเลือกกิจกรรมในค่ายนันทนาการ
การเลือกสรรกิจกรรมในค่ายนันทนาการเป็นส่วนที่สำ�คัญ และเป็น
หัวใจของการจัดค่ายนันทนาการ ซ่ึงจะต้องเลือกสรรคัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับ
หลักการเหตุผล ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ แนวคิดการจัดค่าย ที่สำ�คัญที่สุด
คอื กจิ กรรมจะตอ้ งตอบสนองวตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั คา่ ย เพราะถา้ กจิ กรรมสอดคลอ้ ง
กบั วตั ถปุ ระสงคค์ รบถว้ น สมาชกิ ชาวคา่ ยกจ็ ะไดร้ บั การตอบสนองจากกจิ กรรมนนั้
และเกิดการพัฒนาท้ังทางด้านร่างกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์
เนอ่ื งจากกจิ กรรมในคา่ ยนนั ทนาการ มหี ลากหลาย จงึ ควรพจิ ารณาถงึ องคป์ ระกอบ
หรอื ปจั จยั เพอ่ื เปน็ เกณฑป์ ระกอบการพจิ ารณาคดั เลอื กกจิ กรรมในคา่ ยนนั ทนาการ
ดงั น้ี
๖.๑ จุดมุ่งหมายของการอยู่ค่าย โดยทั่วไปผู้จัดมีจุดมุ่งหมายอย่างไร
การจัดกิจกรรม ก็จะเน้นหนักไปทางน้ัน เช่น ค่ายฝึกผู้นำ�ค่ายนันทนาการ
กิจกรรมก็จะเนน้ หนกั ไปทางฝกึ ทกั ษะการเปน็ ผนู้ �ำ คา่ ยนนั ทนาการ
๖.๒ ความสามารถของบุคลากรในค่ายนันทนาการ นับเป็นปัจจัยหนึ่ง
ท่ีจะกำ�หนดกิจกรรม เพราะถ้าเขาได้รับมอบหมายงานที่ไม่ตรงกับความสนใจ
และความสามารถ การปฏบิ ัตงิ านอาจได้ผลไม่เต็มที ่
๖.๓ ธรรมชาตริ อบๆ ทีต่ งั้ ค่ายนันทนาการ ลกั ษณะของธรรมชาตริ อบๆ
ท่ีต้ังค่ายนันทนาการ จะเป็นตัวกำ�หนดกิจกรรมว่าควรจะจัดกิจกรรมใด
จัดอย่างไรจึงจะเหมาะสม เช่น ถ้าตั้งอยู่ชายทะเล ก็อาจจะจัดกิจกรรมทางนำ้�
บทท่ี ๓ การจัดค่ายนันทนาการ 86
เชน่ การเลน่ เรอื ใบ แต่ถ้าคา่ ยตัง้ อยชู่ ายป่า กิจกรรมกค็ วรจดั กิจกรรมทางชวี วิทยา
อนุรักษ์ หรือสำ�รวจทรัพยากรธรรมชาติ
๖.๔ อุปกรณ์ และส่ิงอำ�นวยความสะดวก การพิจารณาจัดกิจกรรม
จะต้องสำ�รวจด้วยว่า มีทรัพยากรอันใดบ้างที่จะนำ�มาเป็นประโยชน์
ต่อการจัดกิจกรรม เพราะถ้าสามารถนำ�เอาวัสดุอุปกรณ์ท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ
มาใช้ประโยชน์ให้มากแล้ว จะเป็นการประหยัดเวลา และงบประมาณ
เชน่ ทคี่ ่ายมีสนามยงิ ธนู และอปุ กรณ์ ก็ควรจัดกจิ กรรมยิงธนู เปน็ ตน้
๖.๕ ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิอากาศในประเทศไทย ไม่เป็นอุปสรรค
ตอ่ การจดั กจิ กรรมมากนกั นอกจากฝน แตใ่ นการจดั กจิ กรรมควรมกี จิ กรรมส�ำ รองไวด้ ว้ ย
๖.๖ ปัจจัยทเ่ี กี่ยวกับสมาชกิ ชาวค่าย คือ อายุ ประสบการณ์เดมิ ทกั ษะ
ฐานะทางเศรษฐกิจ ฐานะทางสังคม ซ่ึงสิ่งเหล่าน้ีผู้จัดค่ายนันทนาการ
ควรค�ำ นงึ อยา่ งยง่ิ เพอ่ื จะไดจ้ ดั กจิ กรรม ใหเ้ หมาะสมกบั พนื้ ฐานของสมาชกิ ชาวคา่ ย
๖.๗ ระยะเวลาของการจัดค่ายนันทนาการ ช่วงเวลานับเป็น
ตัวแปรที่สำ�คัญ ในการจัดกิจกรรม เช่น ถ้าใช้เวลา ๒-๓ วัน ก็ต้องจัดกิจกรรม
อย่างหนึง่ ถ้าใชเ้ วลา ๗-๑๔ วนั การจดั กจิ กรรมก็อีกอยา่ งหนง่ึ
87 บทท่ี ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ
๗. อาหารสำ�หรับสมาชิกชาวค่าย
อาหารในแตล่ ะมื้อนบั ได้ว่ามีความส�ำ คัญ และมปี ระโยชนส์ �ำ หรบั สมาชิก
ชาวค่ายทุกคน เนื่องจากมีการเคล่ือนไหวร่างกาย และใช้พลังงานมากมาย
ในกิจกรรมแต่ละกิจกรรม และเม่ือถึงเวลามื้ออาหารสมาชิกชาวค่ายทุกคน
ควรจะได้มคี วามสุขกับการได้ทานอาหารอยา่ งอร่อย ไมว่ า่ จะเป็นรสชาติ ปริมาณ
และคณุ ค่าทางอาหาร
ฝ่ายอาหารและเคร่ืองด่ืม นับว่ามีบทบาทเร่ิมตั้งแต่การออกสำ�รวจ
พ้ืนท่ี ฝ่ายอาหาร และเคร่ืองด่ืมควรต้องเดินทางไปดูสถานท่ี ติดต่อประสานงาน
เรอ่ื งอาหาร ลองชิมรสชาติ ปรมิ าณ ประมาณราคา รายละเอยี ดต่างๆ ให้ไดข้ ้อมลู
ในส่วนของอาหารมากที่สุด และที่สำ�คัญฝ่ายอาหารและเคร่ืองดื่มจะต้องรู้ข้อมูล
ดงั ต่อไปน้ี
๗.๑ ต้องรู้ว่าสมาชิกชาวค่ายนับถือศาสนาอะไรบ้าง เช่น ศาสนาพุทธ
ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาฮนิ ดู ศาสนาละกคี่ น เพอื่ จะไดแ้ จง้ รายการอาหาร
สำ�หรบั สมาชิกชาวค่ายทต่ี ้องการอาหารพเิ ศษตามความเช่อื ของแต่ละศาสนา
๗.๒ ต้องรูว้ า่ สมาชิกชาวค่ายทงั้ หมด ทานอาหารรสเผด็ กค่ี น รสจดื กี่คน
บทท่ี ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ 88
เพ่อื จะได้จดั ใหเ้ หมาะสมตามจำ�นวน และปรมิ าณกับความต้องการ
๗.๓ ต้องรู้ว่าเมนูอาหารของแต่ละม้ือเหมาะสมหรือไม่ เช่น ม้ือเช้า
ควรเปน็ อาหารออ่ นๆ รสไมจ่ ัด เปน็ ต้น
๗.๔ ต้องรู้ตารางกิจกรรมของแต่ละวันว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง
พักรบั ประทานอาหาร ชว่ งใดบ้าง เพอื่ จะได้จัดให้ตรงตามเวลาพัก
๗.๕ ถือเป็นเง่ือนไขสำ�คัญ ที่ฝ่ายอาหารและเคร่ืองดื่มจะต้องติดต่อ
ประสานงาน ควบคมุ ดแู ลการประกอบอาหารใหพ้ รอ้ มเสรจ็ กอ่ นรบั ประทานอาหาร
ของแตล่ ะมือ้ ประมาณ ๓๐ นาที
๗.๖ ฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม จะต้องพิจารณาให้มากท่ีสุด
ในเรื่องความสะอาด ทั้งผู้ประกอบอาหาร สถานท่ีประกอบอาหารต้องถูกต้อง
ตามหลกั อนามยั คณุ ภาพของวัตถดุ ิบท่ีนำ�มาประกอบอาหารตอ้ งสด
๘. รถบัส
จากสถานท่ีนัดหมายไปยังสถานท่ีจัดค่ายนันทนาการ และอาจรวมถึง
การเดนิ ทางไปท�ำ กจิ กรรมทศั นศกึ ษานอกคา่ ย โดยทว่ั ไปมกั นยิ มใชร้ ถบสั เปน็ พาหนะ
ซ่ึงมีทั้งรถบัสพัดลม และรถบัสปรับอากาศ ท้ังน้ีมีข้อพิจารณาในการเลือกใช้
ใหเ้ หมาะสมกบั การจดั ค่ายนนั ทนาการ ดงั น้ี
๘.๑ รถบัสพัดลม
(๑) พิจารณาด้านราคา รถบัสพัดลมราคาจะไม่สูงเกินไป
ซง่ึ มีผลต่อการบริหารงบประมาณ
(๒) พิจารณาด้านความปลอดภัยรถบัสพัดลมจะมีความปลอดภัย
น้อยกว่ารถบัสปรับอากาศ เพราะรถบัสพัดลมมีหน้าต่างสำ�หรับเปิดได้
หากสมาชกิ ชาวค่ายยน่ื อวยั วะออกจากตวั ถังรถ อาจก่อให้เกิดอบุ ัติเหตไุ ด้
(๓) พิจารณาด้านความเหมาะสม รถบัสพัดลมจะไม่ค่อยสบาย
เพราะอากาศท่ีรอ้ น อบอ้าว
(๔) พิจารณาด้านคุณภาพของพนักงานขับรถ โดยส่วนมาก
89 บทที่ ๓ การจัดค่ายนนั ทนาการ
พนักงานขับรถบัสพัดลมจะมีความสามารถ และระเบียบปฏิบัติในการออกรถ
นอ้ ยกว่าพนักงานขบั รถบัสปรบั อากาศ
๘.๒ รถบสั ปรบั อากาศ
(๑) พจิ ารณาดา้ นราคา รถบสั ปรบั อากาศจะมคี า่ ใชจ้ า่ ยสงู กวา่ รถบสั
พดั ลม ซงึ่ มผี ลตอ่ การบรหิ ารประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยของคา่ ย โดยทว่ั ไปรถบสั ปรบั อากาศ
จะมีราคาสงู กวา่ รถบสั พดั ลม ประมาณ ๕๐%
(๒) พจิ ารณาดา้ นความปลอดภยั รถบสั ปรบั อากาศจะมคี วามปลอดภยั
๑๐๐% ส�ำ หรบั กรณีทสี่ มาชิกชาวค่ายจะย่นื อวัยวะออกนอกตัวถังรถ
(๓) พจิ ารณาดา้ นความเหมาะสม รถบสั ปรบั อากาศจะมคี วามสบาย
มากกว่ารถบัสพัดลม เช่น อากาศเย็นสบาย ความเงียบเพราะไม่มีเสียงลม
กลนิ่ จากภายนอกไม่เขา้ ภายในรถ
(๔) พิจารณาด้านพนักงานขับรถ พนักงานขับรถบัสปรับอากาศ
จ ะ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ม า ก ก ว่ า พ นั ก ง า น ขั บ ร ถ บั ส พั ด ล ม น อ ก จ า ก น้ี
เพ่ือใหก้ ารอย่คู ่ายนนั ทนาการเกิดความพรอ้ ม และประสบความส�ำ เร็จ อยา่ งสูงสุด
ผู้จัดค่ายนันทนาการ ควรจะได้มีการสื่อสารหรือช้ีแจงกับสมาชิกชาวค่าย
เกีย่ วกับการเตรียมตัวของสมาชิกชาวค่ายกอ่ นการอยคู่ า่ ยนันทนาการดว้ ย
บทท่ี ๓ การจดั ค่ายนันทนาการ 90
๙. การเตรยี มตัวของสมาชกิ ชาวคา่ ยกอ่ นอยคู่ ่ายนนั ทนาการ
เพื่อความพร้อมในการรับประสบการณ์ใหม่ๆ และคุณค่าประโยชน์
จากค่ายนันทนาการได้อย่างเต็มที่ สมาชิกชาวค่ายควรมีการเตรียมความพร้อม
กอ่ นอยูค่ า่ ยนนั ทนาการ ในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) ทำ�ความเข้าใจในกำ�หนดการอยู่ค่ายนันทนาการ เพ่ือนัดหมาย
ผู้ปกครองในการรบั -ส่ง ไดอ้ ยา่ งชัดเจน
(๒) รักษาสุขภาพรา่ งกายให้แขง็ แรง
(๓) จดั กระเป๋าสมั ภาระใหเ้ รียบร้อย เตรียมของใชท้ ่ีจ�ำ เปน็ ใหค้ รบ
(๔) เ ต รี ย ม ก า ย แ ล ะ ใ จ ใ ห้ พ ร้ อ ม ที่ จ ะ รั บ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์
และสาระประโยชน์ดีๆ
(๕) ในคืนก่อนเข้าค่ายนันทนาการ สมาชิกชาวค่ายควรรีบเข้านอน
เพ่อื ต่นื มาจะไดส้ ดชื่น และพรอ้ มสำ�หรบั การอยู่คา่ ยนันทนาการ
๙.๑ การเตรียมสัมภาระ และของใช้ที่จำ�เป็น การเตรียมสัมภาระ
และของใช้ท่ีจำ�เป็นในการอยู่ค่ายนันทนาการ อาจเป็นเร่ืองยุ่งยากสำ�หรับสมาชิก
ชาวค่ายท่ีไม่มีประสบการณ์ จนอาจละเลยการเตรียมสัมภาระต่างๆ ด้วยตนเอง
ซึ่งการให้คนอื่นจัดให้แทนนั้น สามารถสร้างปัญหาให้สมาชิกชาวค่ายในขณะ
อยู่ค่ายนันทนาการได้ เช่น การหาของไม่เจอ หรือการลืมนำ�ของท่ีจำ�เป็น
และต้องการมาด้วย นอกจากน้ีการเตรียมสัมภาระ และของใช้ที่จำ�เป็น
ในการอยคู่ า่ ยนนั ทนาการดว้ ยตนเอง
ยังช่วยฝึกให้สมาชิกชาวค่ายรู้จัก
การท�ำ งานอยา่ งเปน็ ระบบไดอ้ กี ดว้ ย
ในการเตรียมสัมภาระและของใช้
ท่จี ำ�เป็นในการอยู่ค่ายนันทนาการ
โดยทวั่ ไปสามารถจ�ำ แนกออกไดเ้ ปน็
๕ หมวด ดงั น้ี
91 บทที่ ๓ การจดั คา่ ยนนั ทนาการ
หมวดที่ ๑ เสื้อผา้ และเครื่องแตง่ กาย
เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย ถือว่าเป็นส่ิงจำ�เป็นอันดับแรกที่สมาชิก
ชาวค่ายจะตอ้ งน�ำ มา ซ่งึ ไดแ้ ก่
(๑) เสอ้ื แบง่ เป็น
(๑.๑) เสือ้ ยืด เป็นเส้อื อเนกประสงค์ ใส่ไดต้ ลอดเวลา ควรเลือกเสอื้
ทไ่ี ม่หนาจนเกนิ ไป และระบายอากาศไดด้ ี
(๑.๒) เส้ือเชิ้ต เป็นเส้ือท่ีใส่สบาย ดูเรียบร้อย และเป็นทางการ
กว่าเส้ือยืด แต่ค่อนข้างยับง่าย ควรพิจารณาตามความเหมาะสม และเตรียม
ให้เพยี งพอตลอดการอยคู่ ่ายนนั ทนาการ
(๒) กางเกง ควรเปน็ กางเกงขายาว โดยเฉพาะสมาชิกชาวคา่ ยท่ีเป็นสตร ี
ควรเป็นกางเกงที่มีความยาวคลุมเข่าเป็นอย่างน้อย เพ่ือความสุภาพและคล่องตัว
ในการประกอบกิจกรรม
(๓) ชุดออกกำ�ลังกาย ทุกๆ เช้าในการอยู่ค่ายนันทนาการจะมีกิจกรรม
ออกกำ�ลังกาย สมาชิกชาวค่ายจึงควรเตรียมชุดท่ีใส่สบาย และเหมาะ
กับการออกกำ�ลังกายไวด้ ว้ ย
(๔) ชดุ ชน้ั ใน ควรเตรยี มใหม้ ากกวา่ จ�ำ นวนวนั ทอี่ ยคู่ า่ ย เพอ่ื ส�ำ รองไวด้ ว้ ย
(๕) ถงุ เท้า ควรเตรยี มให้เพยี งพอ และมีเผือ่ ส�ำ รองไวด้ ว้ ย
(๖) รองเท้าผ้าใบ เป็นสิ่งท่ีจำ�เป็นมาก ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ
ในคา่ ยนันทนาการ เพอื่ ความคลอ่ งตวั และความปลอดภยั ของสมาชิกชาวคา่ ยเอง
และควรตรวจสอบใหด้ ดี ว้ ยวา่ รองเทา้ ผา้ ใบทเี่ ตรยี มไวม้ สี ภาพดพี รอ้ มใชง้ านไดต้ ลอด
การอยูค่ ่ายนันทนาการ
(๗) รองเทา้ แตะ เปน็ รองเทา้ ทส่ี มาชกิ ชาวคา่ ยจะใชใ้ นเวลาพกั ผอ่ นอสิ ระ
หรอื อาจใชเ้ วลาอาบน�ำ้ ซง่ึ อาจเปน็ รองเทา้ ส�ำ รองในกรณที ร่ี องเทา้ ผา้ ใบเกดิ ความเสยี หาย
(๘) อ่นื ๆ เชน่ หมวก เขม็ ขัด ผา้ เชด็ หนา้ ยางรัดผม เปน็ ต้น
บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนนั ทนาการ 92
หมวดท่ี ๒ อปุ กรณท์ �ำ ความสะอาดร่างกาย
เพื่อสุขอนามัยที่ดี สมาชิกชาวค่ายจึงจำ�เป็นจะต้องเตรียมอุปกรณ์
ทำ�ความสะอาดร่างกายให้พร้อม ซึ่งโดยท่ัวไปอุปกรณ์ทำ�ความสะอาดร่างกาย
ที่จำ�เป็น มีดังน้ี
(๑) ผ้าเชด็ ตัว และผ้าขนหนู
(๒) แปรงสฟี ัน และยาสฟี นั
(๓) สบู่ (แนะนำ�เป็นสบเู่ หลว เพื่อสะดวกในการใช้ และเก็บรักษา)
(๔) ยาสระผม
(๕) แก้วนำ�้ ส�ำ หรบั แปรงฟนั
(๖) ครีมทาผวิ หรือเคร่ืองสำ�อางดบั กลนิ่ กาย
(๗) กระดาษช�ำ ระห่อเลก็ (แนะน�ำ ให้พกติดตวั ไวใ้ ชใ้ นกรณีฉกุ เฉิน)
หมวดท่ี ๓ สิง่ ของจ�ำ เปน็ ของแต่ละบคุ คลเปน็ สง่ิ ของที่ใชเ้ ฉพาะบุคคล
ส�ำ หรบั สมาชกิ ชาวคา่ ยทมี่ คี วามจ�ำ เปน็ ตอ้ งใช้ เชน่ ยาประจ�ำ ตวั ผา้ อนามยั
แว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ เป็นต้น โดยเฉพาะแว่นตา หรือคอนแทคเลนส์
ควรเตรยี มสำ�รองไปด้วย
หมวดที่ ๔ อปุ กรณเ์ ครือ่ งเขียน
เช่น สมุดบันทึก ปากกา ดินสอ เพื่อจดบันทึกประสบการณ์
ความประทับใจต่างๆ ที่เกิดขนึ้ ในคา่ ยนนั ทนาการ
หมวดท่ี ๕ สง่ิ ของอน่ื ๆ เปน็ ของใช้ และอปุ กรณอ์ น่ื ๆ ตามความจ�ำ เปน็
เช่น ยากันยุง ครีมกนั แดด ถงุ พลาสติกส�ำ หรบั ใสเ่ ส้ือผา้ ท่ใี ชแ้ ลว้ เปน็ ต้น
ท่ีส�ำ คญั จะต้องไมเ่ ปน็ สงิ่ ของตอ้ งหา้ มในการอยู่ค่ายนันทนาการ
93 บทที่ ๓ การจัดค่ายนันทนาการ
สิง่ ต้องหา้ มในการอยูค่ ่ายนนั ทนาการ
(๑) เครื่องดื่มที่มแี อลกอฮอลท์ กุ ชนิด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
(๒) ส่ิงเสพตดิ ทกุ ชนดิ เช่น บหุ รี่ กัญชา ยาบา้ สารระเหย
(๓) อปุ กรณส์ ำ�หรบั การพนันทกุ ชนิด
(๔) ส่ิงพมิ พ์ต่างๆ เช่น หนงั สือนิยาย การ์ตนู ภาพลามก และส่ือทย่ี ่วั ย ุ
ในทางเสื่อมเสยี
(๕) เคร่ืองเสยี งทกุ ชนดิ
(๖) ของมีค่า เช่น สร้อยคอทองคำ� มือถือแพงๆ
(๗) อุปกรณ์ท่ีสามารถใช้เป็นอาวุธได้ เช่น มีด คัตเตอร์ และของมีคม
หรอื อปุ กรณ์ ทีอ่ าจเปน็ อาวธุ ได้
(๘) ส่ิงอื่นๆ ท่ีไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ท่ีไม่จำ�เป็นต้องใช้ในการอยู่
คา่ ยนันทนาการ
๙.๒ เทคนิคการจัดกระเป๋าสมั ภาระ การจัดกระเปา๋ สมั ภาระดว้ ยตนเอง
ถือเป็นการฝึกการคิด วางแผน และการทำ�งาน อย่างเป็นระบบให้แก่สมาชิก
ชาวค่ายต้ังแต่ยังไม่เข้าสูก่ ระบวนการอยู่ค่ายนันทนาการ ซงึ่ การบรรจุสง่ิ ของต่างๆ
ลงในกระเปา๋ สมั ภาระมเี ทคนิค ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ล�ำ ดบั การบรรจสุ ง่ิ ของตา่ งๆ ลงในกระเปา๋ สมั ภาระมี ๒ รปู แบบ ดงั นี้
(๑.๑) เรียงลำ�ดับตามการใช้งาน คือ นำ�ของท่ีใช้ก่อนไว้ข้างบน
และของที่ใช้ทีหลังไว้ก้นกระเป๋า หรือกลุ่มของที่ใช้บ่อยไว้ตอนบนของกระเป๋า
สมั ภาระ และของท่ใี ช้นานๆ ครง้ั ไวต้ อนลา่ งของกระเป๋าสัมภาระ
(๑.๒) เรียงลำ�ดับตามกลุ่มชนิดของส่ิงของท่ีนำ�ไป เช่น ฝ่ังซ้าย
ของกระเปา๋ เปน็ กางเกงทง้ั หมด ตรงกลางเปน็ ชดุ ชน้ั ใน และอปุ กรณท์ �ำ ความสะอาด
ร่างกาย ฝง่ั ขวาเปน็ เสอ้ื ทั้งหมด เป็นตน้
บทท่ี ๓ การจัดคา่ ยนนั ทนาการ 94
(๒) ในการจัดเสื้อผ้า สิ่งท่ีต้องระวัง คือ การยับ ซึ่งโดยมาก
จะเกิดกับเสื้อเช้ิต ส่วนกางเกง และเส้ือยืดจะไม่ค่อยยับ ดังนั้น จึงควรบรรจุ
ของทย่ี บั งา่ ยไว้บนสุด เพ่ือจะไดไ้ มถ่ กู สิง่ ของอยา่ งอนื่ ทบั
(๓) ส่ิงของบางชนิดท่ีมีขนาดใหญ่กว่าของชิ้นอื่นๆ เช่นผ้าเช็ดตัว
ผ้าห่ม ควรพับและวางไว้ล่างสุดของกระเป๋าสัมภาระ เพ่ือจะได้สะดวกเวลาหยิบ
ของช้นิ เล็กๆ ท่ใี ช้บอ่ ย
(๔) ในกรณที ี่กระเปา๋ สมั ภาระมชี ่องเลก็ ๆ ที่ด้านนอก เพื่อความสะดวก
ควรบรรจสุ ิง่ ของทีต่ อ้ งหยิบใชบ้ อ่ ยๆ ไวด้ า้ นนอก
(๕) กระเป๋าสัมภาระแบบมีล้อลาก เวลายก หรือลากน้ำ�หนัก
จะอยูบ่ ริเวณล้อ เพราะฉะนั้นจงึ ควรบรรจุของทย่ี ับยากไว้ฝั่งเดียวกบั ล้อ
(๖) รองเท้าผ้าใบ และรองเท้าแตะ ก่อนบรรจุลงกระเป๋าสัมภาระ
ควรใส่ถุงพลาสตกิ กอ่ น จะไดไ้ ม่เปอ้ื นเส้ือผ้า หรอื ของใชอ้ ืน่
(๗) ของใชท้ เ่ี ปน็ ของเหลวบรรจขุ วด หรอื ทอ่ี าจแตกงา่ ย ควรใสถ่ งุ พลาสตกิ
ป้องกันไว้ช้ันหนึ่งก่อนบรรจุลงกระเป๋าสัมภาระ และควรเรียงไว้ในส่วน
ทรี่ บั น้ำ�หนกั น้อยและปลอดภัยท่สี ดุ ของกระเป๋าสัมภาระ
(๘) อุปกรณท์ �ำความสะอาดร่างกาย ควรรวมไวใ้ นกระเปา๋ หรือถงุ เลก็ ๆ
ทีก่ นั นำ้� เพื่อเวลาอาบน้�ำ จะไดส้ ะดวกในการหยิบไปใช้งาน
95 บทท่ี ๓ การจัดค่ายนันทนาการ