The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-06-07 00:31:06

รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2563

รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2563

Keywords: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

รายการมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมกรุงเทพมหานคร
ประจำปี 2563

สำนกั วัฒนธรรม กฬี า และการทอ่ งเทย่ี ว | เม.ย. 2564



il^sinn^ini^mviuvnupi'a

t1a>3 ^n!jnn'3Jji^n^£itl£iJfyivin-3QifW'U5'3i3jni<]mviJjvi'i'UHi iJ"3si^°ntl focrbGn

^Q£jv^isiin^Tjcysyiei>3iGi1jJUeis^fnw'iJj'5^njiiS\]qjfy'ivi'i^i«4itJ5'3^jj vi.fi. bdrtsrc^ l^nivitj^H

fia!aim^ijnnid>3L?iiiJua2jfni!fijji<RnfiS\]ty£ynviw«ii'U5'3iiiJni'3mvi3JVint!F)'3 (^nwijmiiQajmj'OJj'd'umaiQ'U'aQjJ

sj'3(?injn£i\lEycyivii'3^%j'U6iiJj'ltiw^n'3'3i.vi'WJjvi'i'UF)i iIiliJiwEJii.Tiii.miJiisi'^jn'O'u ma?ifi'3Fniu(?ii2ivi'un

in? 0'3f^^iijanj^tyija<i^5\l€^cy'i'Ma<int!l'U'wiivini^ivivi3jvin"UFi'3 i'3ajwH\J'3Si'ai^\4fi'iu'iici<^wii anoa<i

uasicni-a^jiauM

fi<RtaaniiEjniiiJ'3<?in^£i\jfycynvin<iT'(fiuti5'3'3ijT.t!'wwn'5'3tvi'v^3JVin\jf^i maiJ'asirnfilmfl'UJJ'aiFin^SiJtycy'i

vin^T'w'U5iiajni'3i,vi'WiJvin'Ufii bcs^cn ^luiu b •snEjni'a iinfj?ii:i,a£i^^'3ianfn'3Uii'uvnEj «a>3ii,'U'3?naj

anT:faj2iiJi^nfiS\]^£ycynvin'3Q(ai^!5i*33JW*' b ecrui tj s

^V

6). cnDni'aaini'aU'v^'U'ui'uit.asifii'W'i

- <5iTUTU^*3Sii,wmfisi"ua<i

b. ?n'in^a\j2Jfnii,i?i^>3

- Mn(?i'uw?lvi£jvigi'i<i'iJ'3«lii2j«lvii'5'is{ I'uwvicyilvi

01. gii'ii'it.i.'ui'LlJijivn'alhafnjj •wsniiu uasJivifnma

- 'iJi«m€uwn\j'i(nivi'5sfaEJvn'3i1a i^avis'Tl/Ta'u

t/

- mT,vi3Jij'i'UP)T31'uonn'ai.vil
b. snunnTaiaumi'U'it! n'Wi'W'U'iJTu u?iK^a\Js{nnii?iaa\]a^mi^'3

- pia\j!«m'3<na5\]a>3nw'3 pinEJ-wisynmn k'ujjivrua>3u'yu

•Uisnif^ cu TU^ .uynyij vi.?i. loctrbe:

ilapini^iviviiivnuR?

แบบจดั ทำรายการเบือ้ งต้นมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ๑

สว่ นท่ี ๑ ลักษณะของมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม แบบ มภ. ๒

๑. ชือ่ รายการ ตำนานจระเข้ดาวคะนอง
ชื่อเรียกในท้องถนิ่ ตำนานทา้ วพนั ตา พญาพนั วงั

๒. ลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (เลอื กได้มากกวา่ ๑ ช่อง)
 วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสงั คม พธิ ีกรรม ประเพณี และงานเทศกาล
 ความรูแ้ ละการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดิม
 การเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพ้ืนบ้านและศลิ ปะการต่อสูป้ ้องกนั ตัว

๓. พนื้ ทปี่ ฏบิ ตั ิ

เขตธนบรุ ี กรุงเทพมหานคร

๔. สาระสำคัญของมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมโดยสังเขป

ในพื้นที่เขตธนบุรี ตำนานเรื่องจระเข้เหนือกับจระเข้ใต้ต่อสู้กัน ได้เล่าสืบต่อกันมา เป็นมุขปาฐะ
จากรุ่นสรู่ ุ่น เป็นเรือ่ งเล่าที่มีความเก่ียวข้องกับสถานท่ีบริเวณนั้น คอื วัดดาวคะนอง ตำนานจระเจ้ดาวคะนอง
มีความเชื่อมโยงกับตำนานท้าวพันตา พญาพันวัง ซึ่งเป็นนิทานประจำถ่ินในเขตลุ่มแม่น้ำภาคกลาง กล่าวถึง
การสู้รบระหว่างท้าวพันตาและพญาพันวัง จระเข้เจ้าถ่ินทางใต้อาศัยอยู่แม่น้ำเจ้าพระยา กับท้าวโคจรจระเข้
จากทางเหนืออาศัยอยู่แม่น้ำน่านเมืองพิจิตร เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่มาของบริเวณนั้นที่ได้ชื่อว่าดาวคะนอง
ตำนานจระเจ้ดาวคะนองสะท้อนภาพของคนไทยในอดีตที่มีวิถีชีวิตท่ีเกี่ยวพันกับแม่น้ำ และความเช่ือเรื่อง
จระเขท้ ่มี คี วามสัมพนั ธ์กบั สถานทแ่ี ละเป็นสตั ว์สัญลักษณ์ของแมน่ ำ้ ลำคลองในลุม่ น้ำเจ้าพระยา

๕. ประวตั คิ วามเปน็ มา

ตาํ นานท้าวพันตา พญาพันวัง เป็นนิทานประจำถิน่ ของคนลุ่มปลายแม่น้ำเจ้าพระยาท่ีแพรห่ ลายมาก
เล่ากันว่าสมัยก่อนทางหัวเมืองเหนือ มีจระเข้ขนาดใหญ่ ตัวยาวถึงหนึ่งเส้นเศษ ชื่อว่าท้าวโคจรปกครองอยู่
ส่วนหัวเมืองทางใต้มีหัวหน้าจระเข้ที่ดุร้ายมากสองตัว ช่ือว่าท้าวพันตาและพญาพันวัง คราวใดที่จระเข้
ทางหัวเมืองเหนือลงไปหากินในถ่ินของจระเข้หัวเมืองใต้ก็จะถูกจระเข้ทางหัวเมืองใต้รุมกัด จระเข้หัวเมือง
เหนือจึงนำเร่ืองไปรายงานท้าวโคจร ทำให้ท้าวโคจรโกรธมากและแปลงกายเป็นคนจะลงไปกำราบจระเข้
ทางหัวเมืองใต้เผอิญพบกับสองตายายพายเรือผ่านมา ท้าวโคจรจึงขออาศัยไปด้วยโดยอาสาพายเรือให้



พายเรือมาเป็นเวลา 10 วัน ก็ถึงเขตของจระเข้หัวเมืองใต้ ท้าวโคจรก็ขอลาตายายแล้วบอกว่าให้จอดเรือ
อยู่ข้างตลิ่ง ถ้าเห็นอะไรครึกโครมก็อย่าตกใจและถ้าเห็นจระเข้เข้ามาใกล้ก็ให้เอาขม้ินผงโรยลงในน้ำจระเข้
จะหนีไป

หลังจากนั้นท้าวโคจรก็กระโดดลงน้ำ คืนร่างเป็นจระเข้ตัวใหญ่ฟาดหัวฟาดหางโครมคราม สถานท่ี
ตรงนน้ั จงึ ได้ชื่อว่า ดาวคะนอง ตั้งแต่นัน้ มา เนอื่ งมาจากความคกึ คะนองของทา้ วโคจร

ท้าวโคจรได้เข้าต่อสู้กับจระเข้หัวเมืองใต้จนล้มตายไปมาก จระเข้เหล่านั้นจึงไปรายงานท้าวพันตา
เม่อื ท้าวพนั ตารู้เร่ืองกโ็ กรธมาก เข้าต่อสู้กบั ท้าวโคจร จระเข้ท้งั สองสู้กันอยู่ถึง 7 วัน 7 คืน สุดท้ายทา้ วพันตา
เป็นฝ่ายเสียท่าถูกท้าวโคจรฆ่าตาย พวกจระเข้บริวารเม่ือเห็นหัวหน้าของตนตายจึงไปรายงานพญาพันวัง
พญาพนั วังจงึ ขนึ้ มาแก้แคน้ แต่กเ็ กอื บจะเสยี ทีท้าวโคจรเนือ่ งจากพญาพนั วังมีกำลงั น้อยกว่า

กล่าวถึงเจ้าพ่อองครักษ์ซ่ึงเป็นเจ้าน้ำบริเวณน้ัน นึกสงสารพญาพันวังซ่ึงเป็นจระเข้อยู่ในถ่ินของตน
เจ้าพ่อจึงลงประทับที่หัวของพญาพันวังทำให้พญาพันวังมีกำลังมากข้ึน และด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงเรียก
ตำแหนง่ นน้ั วา่ ที่นง่ั องคอ์ มรนิ ทรพ์ ระอศิ วร

เมอ่ื ท้าวโคจรเหน็ ว่าเจ้าพ่อองครักษ์ประทับอยู่บนหัวของพญาพันวังก็ตัดพ้อว่าเหตุใดจึงมาช่วยจระเข้
พาลอย่างพญาพันวัง แต่พญาพันวังกลับอวดดีบอกว่าตนเก่งเอง ไม่ได้มีเทวดาที่ไหนมาช่วย เจ้าพ่อองครักษ์
ได้ยินดังน้ันก็คิดว่าพญาพันวังไม่รู้คุณจึงออกจากหัวของจระเข้ ทำให้พญาพันวังถูกท้าวโคจรฆ่าตายในท่ีสุด
หลังจากน้ัน ท้าวโคจรก็ได้คาบหัวของพญาพันวังมาทำพิธีบวงสรวงถวายเทวดาอารักษ์ท่ีช่วยปราบจระเขพ้ าล
สำเรจ็ ท่ีศาลเจา้ พ่อพระประแดง แล้วกลับไปยังถิ่นในภาคเหนอื ด้วยเหตุน้จี ึงเกดิ ธรรมเนียมนำหัวจระเข้ไปไว้
ทศ่ี าลเจา้ พอ่ ตามลำแม่นำ้

ตำนานจระเข้ดาวคะนองที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดกลางดาวคะนองกับวัดดาวคะนอง
เล่าน้ัน มีความคล้ายคลึงกนั คอื เรื่องจระเขเ้ หนอื กับจระเข้ใต้ต่อสู้กนั หากแต่มีความแตกต่างกันในรายละเอยี ด
เล็กน้อย เล่ากันว่าเดิมจระเข้ช่ือท้าวพันตาพญาพันวัง อาศัยอยู่ในถ้ำตรงใต้โบสถ์วัดดาวคะนอง (ในอดีต
สนั นิษฐานว่าช่ือวัดสะเดาทอง) เรยี กกันว่า จระเข้ใต้ ต่อมามีจระเข้จากทางเหนือแปลงกายเป็นคนอาศัยเรือ
ของตายายที่จะไปยังสมุทรสงคราม เม่ือมาถึงบริเวณหน้าวัดไดม้ อบขิงห่อหนึ่งให้แก่ตายายเพ่อื เปน็ สินนำ้ ใจที่
ให้โดยสารเรือมาด้วย พร้อมกบั กำชับว่าเม่ือตนกระโดดลงจากเรือแลว้ ขอให้รีบออกเรือไปทันที แล้วก็กระโดด
ลงน้ำกลายร่างเป็นจระเข้ ต่อสู้กับท้าวพันตาพญาพันวัง โดยต่อสู้กันนานถึง ๗ วัน เกิดคลื่นระลอกใหญ่
ปั่นป่วนจนทำให้เรือไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ และทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาบรเิ วณดังกล่าวขยายตัวออกจน
กว้างใหญ่ หลังจากตายายออกเรือจนห่างไปแล้วเห็นว่าขิงเกะกะเรือจึงทิ้งน้ำไปหมดเหลือแต่ขิงเหง้าหนึ่ง
ติดอยู่ทปี่ ระทนุ เรือซ่งึ กลายเปน็ ทองคำ

กล่าวถึงคำว่า ดาวคะนอง ซึ่งกลายเป็นช่ือที่ใช้เรียกขานพ้ืนท่ีในบริเวณนั้น จึงมีข้อสันนิษฐานตาม
ตำนานที่เล่าสืบทอดต่อๆกันมา 4 ประการ ประการแรก มาจากเรื่องราวการต่อสู้ของจระเข้เหนือและ
จระเข้ใต้คือท้าวโคจรจระเข้ตัวใหญ่ ฟาดหัวฟาดหางโครมครามด้วยความคึกคะนอง สถานท่ีตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า
ดาวคะนองตั้งแต่นั้นมา ประการท่ีสอง วัดดาวคะนองในอดตี มีต้นสะเดาตน้ ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซ่ึงใช้เป็นท่ีหยุดพัก
ของพ่อค้าชาวเรือ พ่อค้าชาวเรือจะนำเรือมาผูกไว้ใต้ต้นสะเดานี้แล้วพักผ่อนหลับนอนกันบริเวณนี้ พ่อค้า
เหล่าน้ันต่างสำนึกในบุญคุณของต้นสะเดาจึงได้นำทองมาปิดท่ีต้นสะเดาจนเหลืองทองอร่าม



ชาวบ้านที่ผ่านไปมาจึงเรียกวัดนี้ว่า วัดสะเดาทอง ต่อมาจึงเพี้ยนไปเป็นคำว่า ดาวคะนอง ประการที่สาม
วัดดาวคะนอง เป็นวัดเก่าแก่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดปากคลอง เล่ากันว่าเมื่อคราว
สร้างพระอุโบสถ ในพิธียกช่อฟ้าเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น มีดาวหลายดวงปรากฏบนท้องฟ้า เห็นได้ชัดเจนมาก
แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม จึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดดาวคะนอง สืบมาจนทุกวันนี้ ประการสุดท้าย พื้นที่
ย่านพระประแดงลงไปทางใต้ของดาวคะนองเพียงเล็กน้อย เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนมอญขนาดใหญ่
มีหมู่บ้านหน่ึงชื่อ ทรงคะนอง เป็นชื่อที่กลายมาจากช่ือเดิมที่เป็นภาษามอญว่า ดงฮะนอง แปลว่า เมืองดาว
คำว่า ฮะนอง ในภาษามอญ แปลวา่ ดาว จึงอาจเปน็ ทมี่ าของวดั ดาวคะนอง

๖. ลกั ษณะเฉพาะทแี่ สดงถึงอัตลกั ษณ์ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

อัตลักษณ์ หรอื ความเปน็ ตวั ตนทีแ่ สดงออกของตำนานจระเข้ดาวคะนอง สามารถสรุปได้ ดงั น้ี
1. เป็นตำนานท่ีมีชื่อสถานท่ีรับรองเรื่องราวในตำนาน คือ วัดดาวคะนอง และพ้ืนที่แขวงดาวคะนอง
เขตธนบุรี แสดงถึงประวัตคิ วามเปน็ มาของสถานท่สี ำคญั ในท้องถน่ิ
2. เป็นตำนานที่สะท้อนภาพสังคมริมฝงั่ แม่นำ้ ภาคกลาง มีความสมั พันธ์กับสายนำ้ เช่น การตั้งถ่ินฐาน
บ้านเรือนริมน้ำ การสญั จรทางน้ำเช่ือมโยงกับแนวความคดิ และวิถีชีวิตของกลุ่มคนริมแม่น้ำ
3. เป็นตำนานที่สะทอ้ นแนวความคิดของกลุ่มคนรมิ นำ้ ได้แก่ การยกย่องจระเข้ซง่ึ เป็นสัตว์ร้ายประจำ
ท้องน้ำให้เป็นสัตว์ศักด์ิสิทธ์ิ หรือเป็นบรวิ ารของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันมีสาเหตุมาจากความหวาดกลัวภัยอันตายจาก
จระเข้ของกลุ่มคนริมน้ำ หรือการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธ์ิที่สถิตอยู่ประจำท้องน้ำเป็นผู้มีอำนาจเหนือท้องน้ำ ให้คุณ
และโทษแก่ผู้ทอ่ี ย่อู าศัยในบรเิ วณริมน้ำ ตลอดจนผู้สัญจรผ่านทางน้ำ ซงึ่ สัมพนั ธ์กับพิธกี รรมการสกั การะบูชาสิ่ง
ศักด์ิสิทธิ์ระหว่างการเดินทางทางน้ำ โดยเช่ือว่าการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำทำให้เดินทางปลอดภัยและ
ประสบความสำเร็จ

สว่ นที่ ๒ คณุ ค่าและบทบาทของวิถชี มุ ชนท่มี ีต่อมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
๑. คุณคา่ ของมรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรมท่ีสำคัญ

ตำนานหรือนิทานมีบทบาทในการสร้างอัตลักษณ์ของกลุ่มชนริมแม่น้ำ ทำให้กลุ่มชนท้องถิ่นซึ่งรับรู้
เช่ือถือ และถ่ายทอดตำนานเรื่องเดียวกัน รู้สึกถึงความเป็นคนกลุ่มเดียวกันภายใต้ความคุ้มครองของสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ตำนานประจำถิ่นจึงมีบทบาทเป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทั้งประวัติศาสตร์สถานที่และ
ประวัตศิ าสตรส์ งั คมทกี่ ลมุ่ ชนทอ้ งถ่ินรับรู้ร่วมกัน

1. คณุ คา่ ตอ่ คนรุ่นหลงั
1.๑ คุณค่าในการเช่ือมโยงเรื่องราวไปสู่การพัฒนาสถานท่ีที่เกี่ยวข้องตามตำนาน ให้เป็นแหล่ง

ทอ่ งเท่ยี วเชิงวฒั นธรรม เชงิ ประวัติศาสตร์ และเชงิ อนุรกั ษไ์ ด้
1.2 คุณค่าในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก และเยาวชน ได้แก่ การส่งเสริมการเรียนรู้

ประวัติศาสตรท์ อ้ งถน่ิ และการสง่ เสริมการเรยี นรู้ในศาสนสถาน
1.3 คุณค่าในการสรา้ งรายไดใ้ ห้แกช่ ุมชน เช่น การสง่ เสรมิ การทอ่ งเที่ยวเชิงวฒั นธรรม เป็นตน้



๒. บทบาทของชุมชนท่ีมตี ่อมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม

การสบื ทอดตำนานจระเขด้ าวคะนอง นัน้ สามารถแบง่ กลุ่มชมุ ชนผู้เก่ยี วขอ้ งได้ 2 สว่ น ดังน้ี
๑. กลุ่มคนหรือองค์กรที่เก่ียวข้องในพ้ืนที่ เช่น วัดดาวคะนอง วัดกลางดาวคะนอง ชุมชนวัดดาวคะนอง
ชุมชนในพนื้ ที่เขตธนบรุ ี มามบี ทบาทในการถา่ ยทอดประวัตศิ าสตร์ของพนื้ ท่ี
2. ประชาชนท่ัวไป ได้แก่ ประชาชนท่ัวไปท่ีศรัทธาและเข้ามาสักการะบูชาท่ีในวัดดาวคะนอง ได้รับ
การบอกเลา่ ถา่ ยทอดเรือ่ งราวตา่ งๆ เป็นตน้

ส่วนที่ ๓ มาตรการในการส่งเสริมและรักษามรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

๑. โครงการ กจิ กรรมท่มี กี ารดำเนินงานของรายการมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
 การศึกษา วจิ ัย (ระบุวธิ ดี ำเนินงาน พ้ืนที่ ชุมชน ระยะเวลา และงบประมาณ)

ตำนานจระเข้ดาวคะนองมีนักวิชาการที่ให้ความสนใจ ทำการศึกษาข้อมูลทั้งในเชิงประวัติศาสตร์
คติชนวิทยา และด้านวรรณกรรม ยกตัวอย่างเช่น บทความเร่ืองธนบุรีมีตำนาน: ตำนานจระเข้วัดดาวคนอง
ในวารสารทีทัศนว์ ัฒนธรรมของสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา (๒๕๕๐) และ
ความเกี่ยวข้องในแง่ของการเป็นตำนานหรือนิทานประจำท้องถ่ินโดยเฉพาะชุมชนริมแม่น้ำ เช่น หนังสือ
วรรณกรรมพ้ืนบา้ น มรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติ เรื่องตำนานชาละวนั เปน็ ตน้

2. มาตรการส่งเสรมิ และรักษามรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมอ่นื ๆ ทีค่ าดว่าจะดำเนนิ การในอนาคต

๑. จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมให้ความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์ ตำนานท้องถิ่น วรรณกรรม
และบรบิ ททางสงั คม แก่กลมุ่ เปา้ หมายที่เกยี่ วขอ้ ง ดงั น้ี

๑.๑ ประชาชนทั่วไป โดยการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นท่ี เช่น ชุมชนวัดดาวคะนอง
วัดดาวคะนอง และวัดกลางดาวคะนอง เพ่อื สรา้ งแนวทางการบริหารจัดการแบบองคร์ วมอย่างเป็นระบบ ทัง้ ใน
ส่วนของข้อมูลความรู้ การจัดการแหล่งท่องเท่ียว การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน การอนุรักษ์ธรรมชาติบริเวณ
โดยรอบของสถานทสี่ ำคญั ทีม่ ีความเชื่อมโยงกับตำนาน เป็นตน้

๑.๒ เด็ก และเยาวชน โดยการส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และการนำไป
พัฒนาตอ่ ยอดในเชงิ สร้างสรรค์

๒. การศกึ ษาและวจิ ยั
จัดให้มีการศึกษาและวิจัยโดยภาคประชาชนและนักวิชาการ โดยนำผลการศึกษาท่ีได้ไปต่อยอด

ในด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ เช่น การสร้างแม่แบบการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม การอนุรักษ์ส่งเสริมและฟื้นฟู
องค์ความรู้ข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ การกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นท่ีสำคัญ
ท่ีปรากฏในตำนาน เป็นต้น



สว่ นท่ี ๔ สถานภาพปจั จบุ ัน
1. สถานะการคงอยู่ของมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม
 มกี ารปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย
 เสยี่ งตอ่ การสูญหายต้องได้รบั การสง่ เสรมิ และรักษาอย่างเร่งด่วน
 ไม่มีการปฏิบัตอิ ยู่แล้วแต่มคี วามสำคัญต่อวิถชี มุ ชนทีต่ ้องได้รับการฟ้ืนฟู

2. สถานภาพปัจจบุ ันของการถ่ายทอดความรู้และปัจจัยคุกคาม

ปัจจุบันนี้การรับรู้เรื่องตำนานจระเข้ดาวคะนองมีน้อยมาก ประชาชนในพ้ืนท่ีโดยเฉพาะเด็กและ
เยาวชนไม่มีการรบั รู้หรือความสนใจในตำนาน โดยผู้รู้หรือผู้ทม่ี ีความสารถในการถา่ ยทอดเรอื่ งราวมกั เปน็ ผู้เฒ่า
ผูแ้ ก่ทอี่ าศัยอยู่ในพื้นท่ีซึ่งได้รับการบอกเล่าถ่ายทอดต่อกันมาจากรนุ่ สู่รุ่น จึงอาจกล่าวได้ว่าบทบาทของตำนาน
จะเข้ดาวคะนองในฐานะตำนานหรือนิทานประจำถิ่นถูกลดความสำคัญลงไปมาก เน่ืองจากบริบททางสังคมท่ี
เปล่ียนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นวิถีการดำเนินชีวิตหรือเทคโนโลยีท่ีทันสมัยข้ึน นิทาน ตำนานหรือเรื่องเล่าของ
ชาวบ้านจงึ สูญหายไปตามกาลเวลา

๓. รายชือ่ ผสู้ ืบทอดหลกั (เชน่ บุคคล กล่มุ คน .... เปน็ ต้น)

รายช่ือบคุ คล/หัวหน้าคณะ/ อาย/ุ อาชีพ องคค์ วามรู้ดา้ นท่ไี ดร้ บั สถานท่ีติดต่อ/โทรศพั ท์
กลมุ่ /สมาคม/ชมุ ชน การสบื ทอด/จำนวนปีท่ี
ชมุ ชนวดั ดาวคะนอง
ชมุ ชนวัดดาวคะนอง สืบทอดปฏิบัติ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี
วัดดาวคะนอง
วัดดาวคะนอง แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี
วดั ดาวคะนอง
วดั กลางดาวคะนอง แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี

สว่ นที่ ๕ การยนิ ยอมของชมุ ชนในการจัดทำรายการเบอื้ งต้นมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ชื่อ-สกลุ
สถานภาพท่เี ก่ยี วข้องกับมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
ประธานชมุ ชนวดั ดาวคะนอง เขตธนบุรี
ขอรบั รองขอ้ มลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยินยอมใหเ้ ปิดเผยขอ้ มลู และนำไปใช้ประโยชนต์ อ่ ไป

ลงช่อื
()

วันท่ี



ส่วนที่ ๖ ภาคผนวก
1. เอกสารอ้างอิง

กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม. (2559). วรรณกรรมพื้นบ้าน: มรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติ.

ธญั ญพงศ์ จอมพารา. (2550). ธนบุรีมีตำนาน: ตำนานจระเขว้ ัดดาวคนอง. ทีทัศนว์ ัฒนธรรม, ปีท่ี 6.
สุกญั ญา สุจฉายา. (2560, ตุลาคม - ธันวาคม). เจ้าถ่นิ ใหญแ่ หง่ ลำนำ้ เจ้าพระยา. วารสารเมืองโบราณ. ปที ี่ 43.

2. รปู ภาพ พรอ้ มคำอธิบายใต้ภาพ จำนวน ๑๐ ภาพ (แนบอยดู่ า้ นหลัง)

3. ขอ้ มูลภาพถ่าย ข้อมูลภาพเคลอ่ื นไหว หรือข้อมลู เสียง (ระบุประเภทของส่ือที่แนบมาพร้อมคำอธิบาย)
 ข้อมลู ภาพถ่าย ได้แก่

 ขอ้ มูลภาพเคลื่อนไหว ได้แก่

 ขอ้ มูลเสียง ไดแ้ ก่

4. ขอ้ มูลผเู้ สนอ

ช่อื -สกุล วา่ ท่ีร้อยตรปี ระภพ เบญจกุล

หน่วยงาน หัวหนา้ กลุม่ งานสง่ เสรมิ งานวัฒนธรรม ส่วนวัฒนธรรม สำนกั งานวฒั นธรรมและการท่องเทีย่ ว

สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรงุ เทพมหานคร

เลขท่ี 189 อาคาร ธานนี พรตั น์ หมู่ - ซอย - ถนน มิตรไมตรี

แขวง/ตำบล ดินแดง เขต/อำเภอ ดนิ แดง จงั หวัด กรุงเทพมหานคร

รหสั ไปรษณยี ์ 1040๐ โทรศัพท์/โทรสาร ๐๒-203-2749 มือถือ -

อีเมล์ [email protected]

5. ข้อมูลผ้ปู ระสานงาน

ชือ่ -สกลุ นางสาวอภิชญา นนั ทราทพิ ย์

โทรศพั ท/์ โทรสาร ๐๒-203-2749 มือถอื -

อีเมล์ [email protected]

***********************



อุโบสถวดั ดาวคะนอง เขตธนบุรี
เครือ่ งประรปู ดาวบนหน้าบนั ของศาลาในวัดดาวคะนอง



ศาลเจา้ แม่ทบั ทิม
ศาลเจ้าริมแมน่ ้ำตั้งอยู่บรเิ วณวัดดาวคะนอง ส่งิ ศกั ดิส์ ิทธท์ิ ี่ชาวชุมชนดาวคะนองและชุมชนรมิ นำ้ เคารพนบั ถือ

เรอื บรรทุกสนิ ค้าขนาดใหญ่สัญจรในแมน่ ้ำบริเวณวัดดาวคะนองในปัจจุบัน

ทม่ี า https://th.foursquare.com



วดั กลางดาวคะนอง
ภาพวาด ตำนาชาละวนั

แบบจัดทำรายการเบ้อื งต้นมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม แบบ มภ. ๒

ส่วนที่ ๑ ลกั ษณะของมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม

๑. ชือ่ รายการ สำนักดนตรไี ทยหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
ช่ือเรียกในทอ้ งถน่ิ สำนกั ดนตรีไทยหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

๒. ลักษณะของมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม (เลอื กไดม้ ากกวา่ ๑ ช่อง)
 วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คม พิธีกรรม ประเพณี และงานเทศกาล
 ความรแู้ ละการปฏิบัติเกย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝีมอื ดั้งเดิม
 การเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ นและศลิ ปะการต่อสูป้ อ้ งกนั ตวั

๓. พ้ืนทปี่ ฏิบตั ิ

เรือนบรรเลง มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 47 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
กรุงเทพมหานคร 10400

๔. สาระสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยสงั เขป

สำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เป็นตระกลู ดนตรีและเป็นศษิ ยใ์ นสายความรูข้ องหลวง-

ประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) สืบทอดภารกิจการเผยแพรด่ นตรีไทยแก่สังคมมาตง้ั แต่ พ.ศ.2524 จนถึงปัจจุบัน
หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เป็นนักสร้างสรรค์ทางดนตรีและเทคนิคต่างๆ ได้แก่ ผู้คิดเพลงกรอ และ

ผู้เป็นต้นกำเนิดการตีระนาดต่อยอดจากโบราณาจารย์ ผู้ริเริ่มใช้โน้ตระบบเลข 9 ตัว บันทึกทำนองเพลง ผู้ริเริ่มบรรเลง
เด่ียวระนาดเอก 2 ราง ผู้คดิ คนแรกทีค่ ิดการบรรเลงเพลงโดยมี “ลกู นำ” ข้นึ ตน้ และเพลงท่ีแสดงความหมายของธรรมชาติ
อย่างแท้จริง ผู้นำเอาอังกะลุงเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยคนแรกและใช้เพลงชุดท่ีท่านแต่งด้วยสำเนียงชวา ผู้ริเริ่ม
แนวคิดใช้ป่ีพาทย์มอญในการประโคมในงานศพ ผู้ริเร่ิมแนวคิดในการรวมวงดนตรีหลายๆ วงเข้ามาบรรเลงพร้อมกัน
ที่เรียกวา่ “วงมหาดรุ ยิ างค”์

หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ยังได้สร้างผลงานการประพันธ์เพลงไว้อย่างมากมาย เช่น เพลงเด่ียว เพลง
เถา เพลงละคร เพลงทางเปลี่ยน เป็นต้น ผู้ประพันธ์เพลงสองชั้น สามชั้น และส่ีช้ันข้ึนมาใหม่ มากกว่า 500 เพลง
นอกจากนท้ี ่านยังได้รบั อิทธพิ ลกระแสดนตรีจากวัฒนธรรมตา่ งๆ เช่น เพลงจนี เพลงลาว เพลงมอญและปพี่ าทย์มอญ เพลง
เขมร เพลงพม่า เพลงแขก เพลงญ่ีปุ่น เป็นต้น ด้านการขับร้องเพลงไทย ท่านได้ถ่ายทอดหลักการขับร้อง โดยมีอัตลักษณ์
ของทางร้องเก่าที่สืบทอดมาจากพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) และหม่อมส้มจีน ราชานุประพันธ์ ทางร้อง
ท่ีแต่งข้ึนใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลงานของหลวงประดิษฐไพเราะฯ และมีผู้ร่วมประดิษฐ์ทางร้องในสำนักน้ี เช่น คุณหญิงชิ้น
ศลิ ปบรรเลง นางมหาเทพกษัตรสมุห (อาจารยบรรเลง สาคริก) ครูโองการ กลบี ชนื่ ครจู ันทนา พิจิตรคุรุการ เป็นต้น ส่วน
บทเพลงท่ีสำคัญท่ีสดุ ของสำนัก คือ เพลงทยอยเดย่ี ว เป็นเพลงเด่ียวสำคัญประจำสำนัก และผลงานเพลงเด่นที่ยังคงได้รับ
ความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น แสนคำนึงเถา นกเขาขะแมร์เถา พม่าเห่เถา ลาวเส่ียงเทียนเถา ด้อมค่าย ยะวา โหมโรง-
กระแตไตไ่ ม้ โหมโรงปฐมดสุ ติ แขกลพบุรที างวังบางคอแหลม เปน็ ต้น

-2-

หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ใช้ชีวิตบ้ันปลายที่สำนักดนตรีบ้านบาตร ถนนบริพัตร เป็นแหล่ง
ถา่ ยทอดความรใู้ ห้แก่ลกู ศิษย์ต่างๆ ที่เจรญิ รอยตามแบบแผนจนกระท่ังมชี ื่อเสียงระดับประเทศ จากการสร้างสรรค์ผลงาน
ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) อย่างมากมาย แนวทางการบรรเลงดนตรี การประพันธ์เพลงและทางขบั รอ้ ง
ของท่านได้ส่งอิทธิพลและแนวคิดให้กับลูกศิษย์รุ่นต่อๆ มา ทั้งลูกหลานของท่านท่ีเป็นทายาทโดยตรงและทายาทใน
สายตระกูลของหลวงประดิษฐไพเราะฯ เช่น คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง นางมหาเทพกษัตรสมุห (อาจารย์บรรเลง สาคริก)
อาจารยม์ าลินี สาครกิ อาจารย์ชนก สาครกิ อาจารยอ์ ัษฎาวุธ สาคริก เป็นต้น และศิษย์โดยตรงของหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ
และศิษย์ในสายความรู้ของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ท่ีเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานให้แก่ประเทศและเป็นครูบาอาจารย์
ผู้ถ่ายทอดความรู้ทางด้านดนตรีไทยในสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น ศาสตราจารย์ ดร.อุทิศ นาคสวัสด์ิ ครูมนตรี ตราโมท
ครูประสิทธ์ิ ถาวร ครูบุญยงค์ เกตุคง ครูบุญยัง เกตุคง ครูรวม พรหมบุรี ครูเผือด นักระนาด เป็นต้น รวมท้ังศิษย์ที่ต่อมา
ไดส้ บื ทอดความรทู้ างดนตรีไทยสายหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ ในจงั หวดั ต่างๆ เช่น ครูองุ่น บัวเอี่ยม จงั หวดั นนทบุรี ตง้ั คณะ
ดนตรีไทยในนาม “ศิษย์ศรทอง” ครูแสวง สุขีลักษณ์ จังหวัดสมุทรปราการ ต้ังคณะดนตรีไทยในนาม “ศรประดิษฐ์” ครูเยื่อ
อบุ ลนอ้ ย จังหวัดเพชรบรุ ี ตง้ั คณะดนตรีไทยในนาม “บา้ นดนตรไี ทยเยื่อ อุบลนอ้ ย ศษิ ย์หลวงประดิษฐไพเราะ” เป็นตน้

ต่อมาด้วยความต้ังใจของทายาทและลูกศิษย์ต่างๆ ในการสืบสานงานดนตรีของท่านจึงได้ก่อตั้งมูลนิธิหลวง-
ประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) หรือท่ตี งั้ ของสำนักดนตรีไทยหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) โดยคุณหญงิ ช้ิน
ศิลปบรรเลง บุตรีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ เป็นประธานมูลนิธิคนแรก ซึ่งได้ใช้พ้ืนที่บริเวณเรือนบรรเลงและบ้าน
สาคริก เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนดนตรีไทยและดำเนินกิจกรรมต่างๆ สำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะฯ
มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการสืบสานงานของหลวงประดิษฐไพเราะฯ นางมหาเทพกษัตรสมหุ (อาจารย์บรรเลง สาคริก)
บตุ รีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ได้ใช้สถานท่ีแห่งน้ีเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดอดุ มการณ์จาก “บ้านบาตร” สู่ “เรอื น
บรรเลง” จากอดีตจนถึงปัจจุบันและเชื่อมโยงไปสู่อนาคต นอกจากนี้สำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะฯ ยังเป็น
สถานท่ีชุมนุมของนักคิด นักเขียน ศิลปิน นักดนตรี และคนหลากหลายอาชีพ และเป็นพ้ืนท่ีเปิดที่พร้อมให้ความร่วมมือ
กับทุกองคก์ รในการจัดกิจกรรมดา้ นศิลปวฒั นธรรม เพอ่ื สืบสานเจตนารมณ์ของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ใหย้ ่งั ยืนสืบไป

ปัจจุบันสำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์การสืบสานงานการ
ถ่ายทอดศิลปะดนตรีไทย ปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตลักษณ์
ทางด้านวธิ ีคิดคือ การตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของคนปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงวธิ ีการประพันธ์เพลงและการเล่นดนตรี
ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นดนตรีไทยให้ไพเราะ สนุกสนาน เร้าใจ แปลกใหม่ ใช้ระบบ
ครอบครัวในการสอน จุดประสงคห์ ลักของการเรยี นการสอนดนตรีไทยของสำนักดนตรแี ห่งน้ี ต้องการใช้ดนตรีเพ่ือให้ชีวิต
มพี ัฒนาการ ความรับผดิ ชอบ การเรียนรู้ภูมิปญั ญา และมที ัศนคติทดี่ ีขึ้น ซึ่งอตั ลักษณ์ของสำนักดนตรีแหง่ น้ี ผู้เรียนตอ้ งมี
คณุ สมบัติคือ เรยี นด้วยความสมัครใจ ตอ้ งผ่านพธิ ไี หว้ครู และต้องว่ากลา่ วตกั เตือนได้

นอกจากน้ียังมีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมเป็นแนวดนตรีไทยร่วมสมัยที่สอดคลอ้ งกับอัตลักษณ์ทางดา้ นวิธีคิดของ
สำนักดนตรีแห่งน้ี จนเกิดเป็นวงดนตรีไทยสมัยใหม่ท่ีได้แนวคิดทางดนตรีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ในยุคต่อมา เช่น
วงฟองน้ำ วงกอไผ่ วงดนตรีบางกอกไซโลโฟน วงกำไล เป็นต้น นักดนตรีไทยร่วมสมัย บรูซ แกสตัน ผู้ก่อตั้งวงฟองน้ำ
ได้รับการถ่ายทอดความร้จู ากครูบุญยงค์ เกตุคง ซ่ึงเป็นศิษย์หลวงประดิษฐไพเราะฯ และครูดนตรีไทยหลายท่าน วิชาความรู้
เหล่านี้ไดส้ ง่ ต่อมาให้บรูซ แกสตนั นำไปพฒั นางานดนตรสี ร้างสรรคอ์ ย่างไม่มีขอบเขตจำกัด

-3-

๕. ประวตั ิความเปน็ มา

ประวตั คิ วามเป็นมาของสายสกุลสำนักดนตรีไทย มูลนธิ ิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) นามเดิมว่า “ศร” เป็นบุตรคนสุดท้องของนายสินและนางยิ้ม เกิดเม่ือ

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2424 ท่ีบ้านตำบลคลองดาวดึงส์ จังหวัดสมุทรสงคราม การศึกษาเม่ือเยาวว์ ัย ท่านบิดาได้นำไป
ฝากท่านพระครูที่วัดใกล้บ้าน เพื่อศึกษาวิชาหนังสือไทย และเริ่มต้นเรียนวิชาดนตรีไทยกับบิดาซึ่งเป็นศิษย์ของ
พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร หรือ ครูมีแขก) นายศรมีฝีมือเป็นที่ร่ำลือโดยเฉพาะระนาดเอก ได้รับพระมหา-
กรุณาธคิ ุณจากสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพนั ธุวงศ์วรเดช ขอตวั จากบิดาท่านให้เข้ามาเป็นนกั ดนตรอี ย่ใู นวังบูรพาภิรมย์
เป็นจางวางมหาดเล็กในพระองค์ และได้ศึกษาดนตรีกับพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) จนแตกฉาน
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ก็โปรดทรงชุบเลี้ยงด้วยพระกรุณาอย่างยิ่ง ทรงอุปถัมภ์ให้อุปสมบท ณ
วัดบวรนิเวศ 1 พรรษา พร้อมทั้งทรงพระกรุณาจัดการแต่งงานให้กับนางสาวโชติ หุราพันธ์ ธิดาพันโท พระประมวล
ประมาณพล (พนั ธ์ุ หรุ าพนั ธุ)์

ในสมัยรัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2455 สมเดจ็ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศว์ รเดช ประทานนามสกุลให้จางวางศรว่า
“ศิลปะบรรเลง” แปลว่า “ความรู้แห่งเสียงดนตรี” ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนตัวหนังสือไทยทำให้สระอาหายไป คงเหลือแต่
“ศิลปบรรเลง”เพราะทรงเห็นว่านายสิน บดิ าของจางวางศรก็เปน็ นักดนตรฝี มี อื ดีเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าสกุลนี้ล้วนเปน็ นัก
ดนตรีฝีมือดี จากนั้นใน พ.ศ. 2468 โปรดเกล้าฯ ให้เข้าไปบรรเลงปี่พาทย์ร่วมกับการแสดงโขนบรรดาศักด์ิ ต่อมาได้รับ
พระราชทานยศเปน็ หมุ้ แพรและได้รับพระราชทานบรรดาศกั ดิเ์ ปน็ “หลวงประดษิ ฐไพเราะ” เมอ่ื วนั ที่ 27 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2468

ในสมัยรัชกาลท่ี 6 และรัชกาลที่ 7 หลวงประดิษฐไพเราะฯ ต้องรับหน้าท่ีคุมวงวงดนตรี ณ วังลดาวัลย์ (วงั บาง
คอแหลม) เพ่ิมเติมอีกวงหน่ึงเรียกว่า “วงบางคอแหลม” และได้ประดิษฐ์ทางเพลงสำหรับวงบางคอแหลมขึ้นเป็นพิเศษ
วังบางคอแหลมมีความเกี่ยวข้องกับวังบูรพาเป็นพิเศษ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวง
ลพบรุ รี าเมศวร์ ทรงเป็นราชบตุ รเขยในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพนั ธุวงศว์ รเดช และมีความสนพระทัยในดนตรีไทย

ในสมัยรัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2469 รับราชการในกรมปี่พาทย์และโขนหลวง สังกัดสำนักพระราชวัง และ พ.ศ.
2473 ดำรงตำแหน่งปลัดกรมป่ีพาทย์และโขนหลวง กระทรวงวงั มีส่วนในการถวายการสอนดนตรีให้แก่พระบาทสมเด็จ-
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และได้ลาออกจากราชการภายหลังท่ีโอนย้าย
มาอยู่กรมศลิ ปากรใน พ.ศ. 2478 ตง้ั แต่เมื่อสิน้ สมเด็จเจา้ ฟ้ากรมพระยาภาณุพนั ธุวงศ์วรเดช ใน พ.ศ. 2471 ครอบครัว
ของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ต้องย้ายจากบ้านพักหน้าวังบูรพาภิรมย์ไปอยู่ที่บ้านบาตร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมทบทุนซ้ือที่ดิน 1 ไร่ จำนวน 1 หม่ืนบาท พร้อมปลูกเรือนใหญ่ ทำให้เกิดการ
เปล่ยี นแปลงเน่ืองจากมีพ้นื ท่ีทจี่ ะรองรบั ลูกศิษย์มาสอนทบี่ า้ นบาตร

หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 สิน้ สุดลงใหม่ๆ บรรดาคนในสกลุ ศิลปบรรเลงรนุ่ ทายาทของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ไดร้ ่วมกัน
จัดตั้งคณะละครข้ึนคณะหนึ่ง ใช้ช่ือวา่ “ผกาวลี” เปิดแสดงที่โรงเฉลิมไทยและโรงเฉลิมนคร เดือนละคร้ัง ละครผกาวลีซง่ึ ต่อมา
เป็นรากฐานการเผยแพร่ดนตรไี ทยของมูลนิธหิ ลวงประดิษฐไพเราะฯ ไดล้ ้มเลิกไปหลงั จากภาพยนตร์เรม่ิ กลับเข้ามาฉาย

หลังจากสน้ิ หลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เมื่อวันท่ี 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 ทายาทของท่านได้ขายบ้าน
ให้บริษัท สุกมลก่อสร้าง จำกัด เพ่ือสร้างเป็นแฟลตในเวลาต่อมา เรือนใหญ่ได้ถูกร้ือถอนจากบ้านบาตรไปปลูกใหม่แถวย่าน
รัชดา – ลาดพรา้ ว ซงึ่ ปัจจุบันเป็นของบุตรคุณขวญั ชยั ศิลปบรรเลง หลังจากขายท่ีดนิ ที่บ้านบาตรแล้ว บรรดาศษิ ย์ก็ได้ไป
พำนักกันท่ี “บ้านบางซื่อ” หรือ “เรือนบรรเลง” เรือนหอของนางมหาเทพกษัตรสมุห บุตรีคนรอง ริมถนนเศรษฐศิริ ปัจจุบัน
คือบ้านเลขท่ี 47 ถนนเศรษฐศิริ เขตพญาไท กรงุ เทพมหานคร และเปน็ ท่ีตง้ั ของมูลนธิ หิ ลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

-4-

ในวาระครบรอบ 100 ปี ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ทายาทของท่านได้ก่อต้ังมูลนิธิหลวง
ประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และเปิดอย่างเป็นทางการเม่ือวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ผู้ดำรงตำแหน่ง
ประธานมูลนิธิฯ คนแรก คือ คุณหญิงช้ิน ศิลปบรรเลง ต่อมาจึงส่งหน้าท่ีต่อให้นางมหาเทพกษัตรสมุห (อาจารย์บรรเลง
สาคริก) บุตรีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ และส่งต่อให้นาวาเอกสมชาย ศิลปบรรเลง และนายสนั่น ศลิ ปบรรเลง บตุ รชาย
ของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ในปัจจุบันอาจารย์มาลินี สาคริก หลานสาวของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ซ่ึงเป็นบุตรสาวของ
พระมหาเทพกษัตรสมหุ (เน่อื ง สาคริก) และนางมหาเทพกษัตรสมุห ไดด้ ูแลสำนกั ดนตรีไทยตอ่ มาในฐานะประธานมูลนธิ ิฯ
อาจารย์ชนก สาครกิ ในฐานะรองเลขาธิการมลู นธิ ิฯ และอาจารย์อัษฎาวุธ สาคริก ในฐานะเลขาธกิ ารมูลนิธฯิ

มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เป็นองค์กรเอกชนที่ก่อต้ังข้ึน โดยทายาทของหลวงประดิษฐไพเราะฯ
8 คน และลูกศิษย์ 2 คน โดยสบทบทุนก่อต้ังมูลนิธิคนละ 1 หมื่นบาท รวมเป็น 1 แสนบาท เพ่ือเป็นอนุสรณ์รำลึกถึง
ผลงานและคุณความดีท่ีหลวงประดิษฐไพเราะฯ มีต่อวงการดนตรีไทยและประเทศชาติ โดยมีวตั ถุประสงค์หลักเพ่ืออนุรักษ์
ฟ้ืนฟู เผยแพร่ดนตรีไทยทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยเก่ียวกับดนตรีไทย ดำเนินกิจกรรมทางด้านดนตรี
ไทยในรูปแบบท่ีหลากหลาย ประกอบด้วยกิจกรรท่ีสร้างประโยชน์ให้กับวงการดนตรีไทยและศิลปวัฒนธรรม เช่น
กิจกรรมที่จัดขึ้นในวาระต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับดนตรี พิธีไหว้ครูดนตรีไทย การประกวดดนตรีไทย การเผยแพร่ดนตรีใน
รูปแบบสื่อสาธารณะ การจดั ทำสอ่ื ส่ิงพิมพ์ สือ่ บนั ทึกเสียงที่มเี น้ือหาเกีย่ วกบั ดนตรีไทย เปน็ ต้น

๖. ลกั ษณะเฉพาะที่แสดงถึงอัตลักษณข์ องมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

1. มรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรมในเชงิ บุคคล
1.1) หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
1.2) ทายาทโดยตรงและทายาทในสายตระกลู ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
1.3) ศษิ ย์โดยตรงของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
1.4) ศษิ ยใ์ นสายวิชาความรู้ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

2. มรดกภูมปิ ัญญาวฒั นธรรมในเชงิ องค์กร
2.1) สำนักดนตรีไทยบา้ นบาตร
2.2) คณะผกาวลแี ละโรงเรยี นผกาวลี
2.3) มลู นธิ หิ ลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
2.4) ชมรมดนตรไี ทย มูลนิธหิ ลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

ในด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเชิงบุคคล หัวใจสำคัญที่สุดคือหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งมี
ความสำคัญท้ังในเชิงเป็นนักดนตรีไทยท่ีมีความสามารถในการบรรเลงดนตรีทุกเคร่ืองมือโดยเฉพาะระนาดเอก คิดค้น
เทคนคิ พเิ ศษในการจบั ไมร้ ะนาดเพอื่ ให้ได้เสยี งท่หี ลากหลาย การตกี ลอนเพลงระนาด การคิดเทคนิคชัน้ สงู ในเครอ่ื งดนตรี
ต่างๆ มีความสามารถในการประพันธ์เพลงไทยที่มีความไพเราะติดหูและมีความซับซ้อนในเชงิ ระบบความคิดสร้างสรรค์
มีความเป็นครูท่ีสามารถถ่ายทอดและปลูกฝังให้ศิษย์ได้ประสบความสำเร็จในวิชาการดนตรีในรูปแบบต่างๆ ทั้งศิษย์ท่ี

-5-

เรียนเพลงที่ท่านประพันธ์ข้ึนทั้งเพลงหมู่เพลงเด่ียวจำนวนรวมกันกว่า 500 เพลง หรือเรียนเทคนิคการปฏิบัติบรรเลงที่
ท่านเป็นผู้นำมาถ่ายทอดให้โดยผ่านเครื่องดนตรีต่างๆหรือโน้ตเพลงแบบตัวเลข 9 ตัวที่ท่านคิดข้ึน นอกจากนี้ยังมี
ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาดนตรไี ทยในช่วงเวลาของท่าน ให้มีรูปแบบการประสมวงดนตรที ี่พิเศษน่าสนใจ เช่น วง
มหาดุริยางค์ วงอังกะลุง วงป่ีพาทย์มอญ วงดนตรีไทยประสมสากล การเด่ียวระนาดเอกสองราง เป็นต้น จนกลายเป็น
รากฐานในการพฒั นาวงดนตรีในยุคต่อมา โดยใชพ้ ้ืนท่ีกรงุ เทพมหานครเป็นศูนย์กลางกระจายความเจริญทางดนตรีไทยไป
ทั่วประเทศ ต้งั แตย่ คุ ของพืน้ ทวี่ ังจนถงึ พ้ืนท่วี ดั และบ้าน

สำหรับผู้สืบทอดความรู้ของหลวงประดิษฐไพเราะท้ังเม่ือคร้ังที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และถึงแก่กรรมไปแล้ว ถือว่ามี
จำนวนมากท่ีสุดในบรรดาสายวิชาดนตรีไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทายาทในตระกูลของท่านที่สืบทอดมรดกดนตรีไทย
อยา่ งจริงจัง อาทิ คณุ หญงิ ชิ้น ศิลปบรรเลง อาจารยป์ ระสทิ ธิ์ ศิลปบรรเลง ครูบรรเลง สาครกิ ครขู วัญชัย ศิลปบรรเลง ครู
ภลั ลิกา ศิลปบรรเลง ครูชัชวาลย์ จนั ทรเ์ รอื ง ครูสนั่น ศิลปบรรเลง อาจารย์มาลนิ ี สาคริก ครูชนก สาคริก ครูนิคม สาคริก
อาจารยอ์ ษั ฎาวุธ สาคริก ฯลฯ

ส่วนศษิ ย์สายตรงที่นา่ กล่าวถงึ มหี ลากหลายสาขาความรู้ มีทง้ั ศิษยท์ ปี่ ระสบความสำเรจ็ และมีชื่อเสียงในวิชาดา้ น
ป่ีพาทย์ อาทิ ครูโองการ กลีบชนื่ ครูเผอื ด นักระนาด ครูบาง หลวงสุนทร ครปู ระสิทธิ์ ถาวร ครูบญุ ยงค์ เกตุคง ครูบุญยัง
เกตุคง ครูสมภพ ขำประเสิรฐ ครูอุทัย แก้วละเอียด ครูเสนาะ หลวงสุนทร ครูกิ่ง พลอยเพชร ครูประมวล อรรถชีพ ครู
สุบิน จันทร์แก้ว ครูฉลาก โพธิสามต้น ครูน้ำว้า ร่มโพธ์ิทอง ครูหยด ผลเกิด ครูช่อ อากาศโปร่ง ครูสมบัติ สุทิม ครูรวม
พรหมบุรี ครูสกล แก้วเพ็ญกาศ ครูสงัด ยมะคุปต์ ครูละม่อม พุ่มเสนาะ ครูวี พิณพาทย์เพราะ ครูประยงค์ รามวงศ์ ครู
แสวง คล้ายทิม ครูวิเชียร สาระเดช ครูรอด อักษรทับ ครูสว่าง สอนเสนาะ ครูสวิต วงษ์บุญลือ ครูเช้ือ ดนตรีรส ครูศิริ
นกั ดนตรี ครูชฎลิ นักดนตรี ครพู ินจิ ฉายสุวรรณ ครูสำรวย งามชุม่ ครูสำรวย แกว้ สว่าง ครูถุงเงิน ทองโต ครปู น ว่านม่วง
ครูบุญธรรม คงทรัพย์ ครูจรัล กลั่นหอม ครูประเสริฐ สดแสงจันทร์ ครูบัว แสงจันทร์ ครูไพฑูรย์ จรรย์นาฎย์ ครูถวิล
อรรถกฤษณ์ ครโู ม ปล้มื ปรีชา ครสู ุรินทร์ อดุ มสวัสดิ์ ครปู ฐม นักปี่ ครูประยูร น่วมศิริ ครูสังเวยี น พงษ์ดนตรี ครสู ุพจน์ โต
สง่า ครูสมพงษ์ พิจิตรคุรุการ ครูเผชิญ กองโชค ครูกิตติพงษ์ มีป้อม ครูประคอง วิสุทธิ์วงษ์ ครูเยื่อ อุบลน้อย ครูสวง ศรี
ผอ่ ง ฯลฯ

ศิษย์ที่ประสบความสำเร็จและมีช่ือเสียงทางเครื่องสาย อาทิ ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ครูล้ิม ชีวะสวัสดิ์ ครูพุฒ นันทพล
ครูเหม เวชกร ครูจำนง สง่ ศรีวัฒน์ ครแู สวง อภัยวงศ์ ครูไพฑูรย์ ณ มหาชัย ครูประกอบ สกุ ัณหะเกตุ ครูจันทร์ โตวิสทุ ธ์ิ ครูวัน
อ่อนจันทร์ ครูฟุ้ง บัวเอี่ยม ครูโสภณ ซื่อต่อชาติ ฯลฯ และในทางขับร้อง อาทิ คุณหญิงรามบัณฑิตสิทธิเศรณี (เยี่ยม สุวงศ์)
ครูทองดี ศุณะมาลยั ครูจนั ทนา พิจิตรครุ ุการ ครูจิ้มลิ้ม กุลตัณฑ์ ครูประชติ ขำประเสริฐ ครศู รีนาฏ เสริมศิริ ครูองุ่น บัวเอ่ียม
ครูเช้อื นกั ร้อง ครทู ว้ ม ประสทิ ธิกลุ ครูฟอ้ ย ทองอมิ่ ครลู ะม่อม บูรณพิมพ์ ครสู ุคนธ์ พมุ่ ทอง ครศู ริ กิ ุล วรบตุ ร ฯลฯ

ความรู้ของสำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ในยคุ ปัจจุบัน ได้ถกู ส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ ผู้ที่
รับถ่ายทอดความรู้ต่อจากบรรดาครูบาอาจารย์ต้นแบบท่ีเคยผ่านการฝึกฝนความรู้จากหลวงประดิษฐไพเราะอีกชั้นหน่ึง
และผู้ท่ผี ่านการศกึ ษาในระบบสถาบันการศกึ ษาในระดับขั้นต่างๆ ความรเู้ หลา่ น้ี นอกจากจะเป็นความรแู้ บบผลิตซำ้ ความ
ทรงจำแลว้ ยงั ไดม้ ีการพัฒนาต่อยอดเพม่ิ เติมอีกใหม่อีกด้วย

ตัวอย่างของวิชาดนตรีของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ท่ีตกทอดมายังคนรุ่นใหม่ในสาขาต่างๆ ได้แก่
ปีพ่ าทย์ : ครูสังเวยี น ทองคำ ครูกมล ปลื้มปรีชา ครยู งยุทธ ปลื้มปรชี า ครูสิริชยั ชาญ ฟักจำรูญ ครณู ัฐพงศ์ โสวัตร
ครูบุญช่วย โสวัตร ครูลำยอง โสวัตร ครูสมาน น้อยนิตย์ ครูมนัส ขาวปลื้ม ครูสหวัฒน์ ปล้ืมปรีชา ครูฐิระพล น้อยนิตย์

-6-

ครูทนง แจ่มวิมล ครูดุษฎี มีป้อม ครูบุญสร้าง เรืองนนท์ ครูสมาน แก้วละเอียด ครูสวิต ทับทิมศรี ครูแย่ง ทางมีศรี ครูชัยยะ
ทางมีศรี ครูอ่วน หนูแก้ว ครูสุรเดช ก่ิมเป่ียม ครูละมูล เผือกทองคำ ครูชาตรี อบนวล ครูณรงค์ อรรถกฤษณ์ ครูวิฑูรย์
อรรถกฤษณ์ ครูสุวัฒน์ อรรถกฤษณ์ ครูสิงหล สังข์จุ้ย ครูสมนึก ศรประพันธ์ ครูวิบูลย์ธรรม เพียรพงษ์ ครูเพทาย ล้อม
วงษ์ ครูถาวร สดแสงจนั ทร์ ครูประชา สามเสน ครชู ัยชนะ เต๊ะอว้ น ครูชยั ยุทธ โตสง่า ครูทวศี กั ดิ์ อคั รวงษ์ ฯลฯ

เครื่องสาย : ครูเฉลิม ม่วงแพรศรี ครูสุรพล จันทราปัตย์ ครูระวิวรรณ ทับทิมศรี ครูบุญส่ง ธรรมวณิชย์ ครูจักรี
มงคล ครูสหรฐั จันทรเ์ ฉลิม ครูชยั ภคั ภทั รจินดา ครปู ระสาร วงษ์วโิ รจนร์ ักษ์ ครขู ำคม พรประสทิ ธ์ิ ฯลฯ

ขับร้อง : ครูยุพา วัชรนาค ครูกัญญา โรหิตาจล ครสู มชาย ทับพร ครมู ณั ฑนา เพิม่ สิน ครูณรงค์ รวมบรรเลง ฯลฯ

สว่ นที่ ๒ คณุ ค่าและบทบาทของวิถชี มุ ชนทีม่ ตี อ่ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม
๑. คุณค่าของมรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมทีส่ ำคัญ

สำนักดนตรีไทยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เป็นองค์กรที่มีคุณค่าและแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรม ท่ีบรรพบุรษุ ไดส้ ร้างสรรค์ สั่งสมประสบการณ์ และถ่ายทอดจากร่นุ สู่รนุ่ โดยมคี ณุ คา่ ดังนี้

1. คุณค่าด้านแนวทางดนตรี หลวงประดิษฐไพเราะฯ มีผลงานการประพันธ์มากกว่า 600 เพลง และมีหลาย
ประเภทด้วยกัน ได้แก่ เพลงโหมโรง เพลงเถา เพลงสองช้ัน เพลงสามช้ัน เพลงสี่ช้ัน เพลงทางเปลี่ยน เพลงเดี่ยว ฯลฯ และ
เป็นนักสร้างสรรค์ทางดนตรีหรือการคิดค้นแนวทางการเล่นดนตรีไทยรูปแบบใหม่ๆ มากมาย เช่น อัตลักษณ์ด้านการประพันธ์
เพลง เพลงจากกระแสวัฒนธรรมต่างๆ เทคนิคการตีระนาด การตีระนาด 2 ราง เป็นต้น ซึ่งมีการสืบทอดและถ่ายทอดสู่บรรดา
ศิษย์ของท่าน ในปัจจบุ ันลกู ศิษย์เหล่านี้ได้เป็นครูดนตรีไทยอยตู่ ามสถาบนั การศึกษาและตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย

2. คุณค่าทางสังคมและประวัติศาสตร์ ภายในเรือนบรรเลงของทางมูลนิธิฯ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมทุกอย่างท่ี
เกี่ยวกับดนตรี อาทิ แผ่นป้ายประกาศการแสดงดนตรี ภาพยนตร์ บัตรชมการแสดงดนตรี แผ่นเสียงโบราณ หนังสือ
เกี่ยวกับดนตรี กวี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ โน้ตดนตรีลายมือหลวงประดิษฐไพเราะฯ รางระนาดหลวงประดิษฐไพเราะฯ
ตู้โชว์ไม้ต่างๆ ที่จัดแสดงไว้อย่างสวยงาม เป็นต้น นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังเปิด “ชมรมดนตรีไทย” มีการเรียนการสอนและ
กิจกรรมที่สร้างประโยชน์ให้กับวงการดนตรีไทยและศิลปวัฒนธรรม มีความเป็นพลวัต มีการเปล่ียนแปลงรูปแบบการ
เผยแพร่หรือนำเสนอโดยไมย่ ึดติดกับรูปแบบเดมิ ๆ

3. คุณค่าในด้านการสะท้อนความเชอื่ มูลนิธิฯ มีพิธีไหว้ครูเป็นประจำทกุ ปี มแี ท่นศรี ษะครู 9 ศีรษะประดษิ ฐานไว้
มีการอ่านโองการ การกล่าวบูชาและอัญเชิญครู การกล่าวถวายเคร่ืองบูชาและขอพรจากครู มีการเรียกเพลงหน้าพาทย์
อันเชิญเทพและครูมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วให้มารับเครื่องสังเวยและอวยพรแก่ผู้ร่วมพิธี ในด้านบทบาทความสัมพันธ์ของ
เพลงหน้าพาทย์ประกอบพิธไี หวค้ รูกับสังคมน้นั เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ เป็นแบบอยา่ งตอ่ ศิษย์
รนุ่ ต่อๆ ไป และสะท้อนถึงความเชื่อที่มีอิทธิพลจากศาสนาพทุ ธและศาสนาพราหมณ์ โดยสงั เกตจากการอ่านโองการไม่ว่า
สำนกั ใดจะข้ึนต้นบูชาพระรัตนตรัยเสมอ เพราะฉะนัน้ เพลงหน้าพาทยจ์ ึงมีคุณค่าในการอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมไทย

4. คุณค่าทางวัฒนธรรม ได้แก่ การจัดการแสดงสาธิตนาฏศิลป์และดนตรีไทยในต่างประเทศและให้ชาว
ตา่ งประเทศทมี่ าท่องเท่ยี วประเทศไทยได้ชม โดยอาศัยเครือข่ายทางวฒั นธรรมของมลู นิธิฯ และการสนบั สนนุ สง่ เสริมของ
ทายาทหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ

-7-

๒. บทบาทของชมุ ชนทม่ี ตี ่อมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม

ชุมชนโดยรอบมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มท่ีเป็นเครือ-
ญาติและทายาทของหลวงประดิษฐไพเราะ พักอาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบมูลนิธิฯ กลุ่มที่สองคือ กลุ่มคนย้ายที่ถิ่นเข้ามา
ทำงานในกรุงเทพฯ ซงึ่ ไม่มบี ทบาทตอ่ มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมของมูลนธิ ิฯ ชุมชนกลุ่มแรกยังมกี ารเขา้ มามีส่วนรว่ ม
ชว่ ยเหลอื มูลนิธิในงานพิธกี ารต่างๆ

เครือข่ายของมูลนิธิฯ ที่อยู่ในต่างจังหวัด ได้แก่ ลูกศิษย์ของหลวงประดิษฐไพเราะ วงดนตรีท่ีมีคำว่า ศร ทอง
สุวรรณ และทายาทของหลวงประดิษฐไพเราะ โดยไม่ใช้คนจากหน่วยงานราชการ มีโครงการต่างๆ ที่เชิญไปจัดแสดง
ดนตรียังต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นโครงการที่มูลนิธิฯ เสนอเอง แต่เป็นโครงการท่ีสถานทูต มหาวิทยาลัย กระทรวงการ-
ต่างประเทศเชิญไปร่วมแสดงในฐานะทูตวัฒนธรรม นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ยังมีเครือข่ายเป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ใน
ต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในฐานะเครือข่ายข้อมูลด้านวัฒนธรรมโดยใช้
รปู แบบดจิ ทิ ลั เปน็ ต้น

เครือข่ายที่ทำงานร่วมกับมูลนิธิฯ คือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ซ่ึงได้จัดทำวงดนตรีเยาวชนอาเซียนหรือ
วงดนตรี “ซี อาเซียน คอนโซแนนท์” (C ASEAN Consonant) โดยคัดเลือกเยาวชนของอาเซียน 10 ประเทศ มาเล่น
ดนตรขี องชาติตนเองแต่รวมเป็นวงเดียวกนั และไปจดั แสดงยงั ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน และประเทศจีน

สว่ นท่ี ๓ มาตรการในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
๑. โครงการ กจิ กรรมที่มกี ารดำเนินงานของรายการมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

☑ การอนุรักษ์ ฟน้ื ฟู

1. จากการศึกษาข้อมูลการดำเนินงานของสำนักดนตรีไทยมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ใน
ปัจจุบันยังมีการรับลูกศิษย์เพ่ิมเติมจากในอดีต รวมถึงมีการเผยแพร่วัฒนธรรมและวิธีการสอนดนตรีไทยในช่องทาง
ออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก (ชมรมดนตรีไทย มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะฯ และการประกวดการบรรเลงดนตรีไทยศรทอง)
ช่อง Youtube (เอ้ ระเหยลอยชาย) เว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น และผ่านกิจกรรมต่างๆ เก่ียวกับดนตรีไทย เช่น การแสดง
ดนตรไี ทย พธิ ีไหว้ครดู นตรีไทย การพดู คุยแลกเปลี่ยนเรอ่ื งศิลปะและดนตรี และการเปน็ ทีช่ มุ นุมของนักดนตรี เปน็ ตน้

2. ทายาทของหลวงประดิษฐไพเราะฯ คอื อาจารยอ์ ษั ฎาวุธ สาคริก ได้อนุรักษ์ตัวเรือนบรรเลงท่ีสรา้ งต้งั แต่ พ.ศ.
2477 จดั เป็นพิพิธภณั ฑ์ของหลวงประดิษฐไพเราะฯ เกบ็ ข้าวของเคร่ืองใช้ เคร่ืองดนตรี รวมถึงเรื่องราวของครูดนตรีด้านอื่น
และทุกส่ิงท่ีเก่ียวกับดนตรี เพื่อเป็นช่องทางในการให้ความรู้แก่ชุมชน ในปัจจุบันได้เปิดเรือนบรรเลงเป็นพ้ืนท่ีสาธารณะ
และเปิดพื้นท่ีทางศิลปะ เช่น การแสดงดนตรีไทย การจัดแสดงภาพวาด ภาพพิมพ์ ละครนอก ละครเวทีสมัยใหม่ ลิเก
และภาพยนตร์ เป็นต้น ซง่ึ กิจกรรมเหลา่ นเ้ี ปน็ กจิ กรรมหมุนเวยี น

3. มีนิทรรศการท่ีเป็นสร้างจิตสำนึกร่วมของชุมชน เช่น นิทรรศการภาพถ่าย “แสงสามเสน...เสียงสามเสน”
แสดงภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนสามเสน รวมท้ังพื้นท่ีโดยรอบ และมีการปาฐกถาพิเศษ เพ่ือสร้างความเช่ือมโยงกับ
ชุมชนสามเสน ทำให้ผู้ท่ีอยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงเรือนบรรเลง เกิดความรัก ความภาคภูมิใจ และความผูกพันต่อชุมชนของตน
และเสวนาวิชาการภายใต้โครงการ “โหมรกั โหมโรง”

-8-

3. ทางมูลนิธิฯ ได้พยายามผลักดนั ให้ดนตรีไทยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมส่งออกที่สร้างช่ือเสียงให้กับประเทศ
ไทย ท้งั ยงั สนบั สนนุ ให้เกดิ การอนุรักษค์ วบคู่การพัฒนาเพื่อเข้าถึงคนยุคใหม่ได้มากขึน้

4. โครงการเพ่ือนดนตรี ท่ีได้รับความอนุเคราะห์จากผู้สนับสนุนและภาคเอกชน เพ่ือส่งมอบเครื่องดนตรีให้แก่
โรงเรยี นทีข่ าดแคลน และไดช้ นิดเคร่ืองดนตรีที่เหมาะสมกับการใชง้ าน เช่น นำไปใชใ้ นงานวดั งานชุมชน งานอำเภอ เปน็ ต้น

5. การประกวดบรรเลงดนตรีไทยศรทอง ชงิ ถ้วยพระราชทาน 12 ถว้ ย ซงึ่ เป็นรางวลั ทางดนตรีของมลู นิธฯิ และ
ได้จัดประกวดท้ังระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยใช้เครื่องดนตรี 6 ชนิด ได้แก่ ระนาดเอก ซอด้วง ซออู้ จะเข้
ขลยุ่ เพียงออ และขมิ สาย โดยจดั มาตงั้ แต่ พ.ศ. 2525 ซึง่ มนี ักเรยี นเข้ารว่ มการประกวดดนตรีไทยมากข้ึนในแต่ละปี จาก
ผู้เข้าประกวด 600 คนใน พ.ศ. 2557 เป็น 1,641 คน ใน พ.ศ. 2561 อย่างไรก็ตามอาจารย์อัษฎาวุธ ให้แง่คิดว่า
ถึงแม้จะมีผู้สมัครเพิ่มข้ึน แต่ผู้ปกครองและสถาบันศึกษาหลายแห่ง มองปริมาณถ้วยรางวัลเป็นเคร่ืองประกันคุณภาพ
นักเรยี นเลน่ ดนตรเี พ่อื ประกวดและไมเ่ ข้าใจถึงบทเพลง

6. กิจกรรมค่ายเยาวชนดนตรีไทยศรทอง ท่ีดำเนินการคัดเลือกเยาวชนที่ผ่านการเข้ารอบชิงชนะเลิศการประกวด
บรรเลงดนตรีไทยศรทอง เพ่ือละลายพฤตกิ รรมและแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ โดยจัดข้ึน ณ อำเภออมั พวา จงั หวัดสมทุ รสงคราม

☑ การสบื สานและถ่ายทอด
หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้ทำหน้าที่ครูผู้ให้ความรู้แก่ลูกศิษย์มากมายในการต่อเพลงอย่างจริงจัง
มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) นับว่าได้ทำหน้าท่ีสานต่อเจตนารมณ์ของสำนักดนตรีบ้านบาตรและทายาท
ของทา่ นครูตลอดจนศิษย์ทีร่ ่วมกนั ก่อตง้ั มูลนธิ ิหลวงประดิษฐไพเราะฯ เมอ่ื 4 ทศวรรษที่ผา่ นมาอยา่ งจริงจงั และตอ่ เนอ่ื ง

การถ่ายทอดและสบื สานทางดนตรีของสำนกั ดนตรีไทยหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะฯ ได้จัดตั้งชมรมดนตรีไทยใน พ.ศ. 2529 โดยใช้สถานที่ทำการของมูลนิธิฯ

กจิ กรรมหลักคอื การเปิดสอนดนตรีไทยแก่บุคคลทัว่ ไป มีการรับสมัครและการจัดสอนอย่างเปน็ ระบบ จัดให้มกี ารเรียนทุก
วันเสาร์และอาทิตย์ นอกจากน้ียังมีการจัดพิธีไหว้ครูดนตรีไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมแรกๆ ของการก่อต้ังมูลนิธิและเป็นส่วน
หน่ึงของการบูชาครูหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ ที่มีการรวมนักดนตรีและเหล่าลูกศิษย์ทุกรุ่นร่วม 100 คน และวงดนตรีร่วม
บรรเลงถวายมือนับ 10 วง มูลนธิ ฯิ ไดก้ ารจัดพิธไี หวค้ รูประจำทุกปี เปน็ ขวญั กำลงั ใจสำคญั ของนกั ดนตรีไทย

ชมรมดนตรไี ทย มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มีการสืบสานและถ่ายทอดด้วยการเรียนการสอน
แบบใหม่ คือ การจัดชนั้ เรยี นไว้ในระดบั ต่างๆ กัน เช่น ระดับฝกึ หดั และระดับบรรเลงเป็นแลว้ การใช้โน้ตเป็นวิธีการเรียน
ท่ีสำคัญของชมรมฯ การอ่านโน้ตท่ีเป็นเลขสัญลกั ษณ์แล้วสามารถบรรเลงค่าตามโน้ตน้ันได้อย่างถูกต้อง แลว้ จึงให้ผู้เรียน
หดั ตีไปพรอ้ มๆกนั โดยครูไมจ่ ำเป็นต้องต่อเพลงดว้ ยการตีใหล้ ูกศษิ ยฟ์ ังกอ่ น ครูจะกำกบั ด้วยวธิ ีตา่ งๆ เชน่ การรอ้ งคลอไป
ด้วยโน้ตเลข 9 ตัว ตขี ิมเหลก็ ตามไป หรือตีฉ่ิงเป็นการกำกบั จงั หวัด เป็นตน้ จงึ เป็นลักษณะใหมข่ องการถ่ายทอดเพลงโดย
ทผ่ี ู้รับถ่ายทอดไม่จำเป็นตอ้ งไดย้ นิ ทำนองของเพลงนน้ั

-9-

มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะฯ ยังคงมีวิธีการถ่ายทอดความรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ ท่ีนอกเหนือจากการถ่ายทอด
ความรู้ผ่านบุคคลโดยตรง เชน่ ส่ือสิ่งพิมพ์ ส่ือบันทึกเสียง นิทรรศการความรู้ เป็นตน้ อย่างไรก็ดีการถา่ ยทอดความร้ผู ่าน
บุคคลจะเป็นความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติโดยตรง แต่การถ่ายทอดความรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ จะเป็นความรู้ใน
ภาคทฤษฎหี รอื ความร้ทู วั่ ไปทางดนตรีเปน็ หลกั

มูลนิธิหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ มีการดำเนินงานด้านดนตรไี ทยท้ังในเชิงวิชาการ ประวัติศาสตร์ จนถึงการสร้างนัก
ดนตรีไทยรนุ่ ใหม่ ดว้ ยการเปิดเรือนบรรเลงเปน็ แหล่งเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรข์ องดนตรไี ทยและเปิดสอนดนตรีไทย ควบคู่กับ
การปลกู ฝงั เร่ืองคณุ ธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชน

☑ การพัฒนา ต่อยอด

แนวทางดนตรีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ได้ส่งอิทธิพลให้กับวงดนตรีสมัยใหม่ ได้แก่ วงฟองน้ำ ก่อตั้งใน พ.ศ.
2522 โดยบรูซ แกสตนั (Bruce Gaston) นกั เปียโนและนักประพันธช์ าวอเมริกันร่วมกับตัวแทนนักดนตรีไทยคือ ครูบุญยงค์
เกตุคง นำเสนอปรัชญาการผสมผสานระหว่างดนตรีไทยเดิมกับดนตรีตะวันตก และเป็นต้นแบบของการสร้างงานดนตรี
ไทยร่วมสมัยมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ วงกอไผ่ก่อตั้งโดยอาจารย์อานันท์ นาคคง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการก่อตั้ง
วงฟองน้ำและวาระครบรอบ 100 ปีเกิดของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ใน พ.ศ. 2524 โดยนำเสนอแนวดนตรีที่หลากหลาย
เริ่มต้นจากดนตรีไทยแนวประเพณีแบบแผนและได้พัฒนาไปยังดนตรีแนวร่วมสมัย ได้แก่ ดนตรีโฟล์ค-ป็อป ดนตรีสมัย
นยิ ม ฟวิ ชั่นแจ๊ส เอเชยี่ นมิกซ์ และดนตรีทดลอง ส่วนวงดนตรีบางกอกไซโลโฟน (Bangkok Xylophone) และวงกำไลซ่ึง
เป็นวงดนตรหี ญงิ ล้วนร่วมสมัย วงดนตรที ้งั 2 วง ก่อตงั้ โดยคณุ ชัยยุทธ โตสงา่ หรือป๋อม บอยไทย ที่เนน้ ดนตรไี ทยในแบบ
ประยุกต์ ผสมผสานดนตรีละติน ป๊อบ แจ๊ส ฟิวช่ัน ซึ่งดนตรีลักษณะน้ีคือการนำเพลงไทยเดิมมาปรับปรุงและนำดนตรี
สากลเขา้ มาเปน็ ส่วนประกอบของเพลงเพื่อให้มีความกลมกลอ่ ม ทนั สมยั และสือ่ ความเปน็ ไทย

- 10 -

2. มาตรการส่งเสรมิ และรกั ษามรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรมอื่นๆ ท่คี าดวา่ จะดำเนินการในอนาคต

1. จัดกิจกรรมท่ีเผยแพร่องค์ความรู้ ท้ังในระดับชุมชน เขต และกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญ
ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ที่มีต่อดนตรีไทย เนื้อหาและความเป็นมาของบทเพลงต่างๆ ความสำคัญของ
เคร่ืองดนตรีไทย และการประชาสัมพันธ์ไปสู่ประชาชนและชาวต่างชาติมากขึ้น เช่น การทำวีดิทัศน์ท้ังภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษ แผ่นพับ หนังสือ นิทรรศการ e-book การจัดประกวดบรรเลงดนตรีไทยศรทอง ท่ีกรุงเทพมหานครอาจให้การ
สนับสนุน เป็นตน้ เพ่ือเสรมิ สร้างกระบวนการรับรู้ไปยังประชาชนทั่วไป คนร่นุ ใหม่ และกลมุ่ คนท่หี ลากหลายอาชีพมากขึ้น

2. ทางกรุงเทพมหานครให้การประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางส่ือในการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งกิจกรรมประจำปีและ
นิทรรศการหมนุ เวียน เช่น โปสเตอร์ เฟซบุก๊ ไลน์ เป็นต้น และภายในเครือข่ายทางด้านวัฒนธรรมของกรุงเทพมหานคร

3. การสร้างเครือข่ายและการเชอื่ มโยงมากขึ้นระหว่างมูลนิธิฯ และชุมชน โดยการทำแผน ประเมิน การส่งมอบ
เครื่องดนตรี เปล่ียน ซอ่ มเครอ่ื งดนตรใี ห้กบั ชุมชน โดยอาจมีหน่วยงานทอ้ งถนิ่ มาส่งเสรมิ และสนบั สนนุ

4. การศึกษาและวิจัยบทเพลงต่างๆ ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ในการศึกษาประวัติศาสตร์
แนวทางการแต่งเพลง สุนทรียศาสตร์ทางดนตรี เพ่ือให้มีการอนุรักษ์ สืบทอด และต่อยอดวิธีการแต่งการเพลงในการ
นำมาประยุกต์ใช้ในวัฒนธรรมไทยประเพณีและวัฒนธรรมร่วมสมัยได้ และยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้ เช่น การนำ
บทเพลงมาประกอบละคร ภาพยนตร์ การแสดงดนตรี การทูตวัฒนธรรม เป็นต้น ทั้งเป็นการเผยแพร่และส่งออก
วัฒนธรรมไทยไปสู่สากลได้อย่างโดดเด่นมากขึน้

5. นำองคค์ วามรูจ้ ากการวิจัยทางดนตรีและทางรอ้ งของสำนกั ดนตรีไทยมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
ท่ีมีการศึกษาและรวบรวมไว้แลว้ เชน่ หนังสืออนุสรณ์ในวาระครบรอบ 100 ปี หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
เผยแพร่ทางสื่อตา่ งๆ หลายช่องทางเพ่ือเขา้ ถึงกลมุ่ คนจำนวนมากด้วยรปู แบบที่ทันสมัย เข้าใจง่าย รวมถึงการทำเป็นภาพ
Infographic หรือการออกแบบส่ือประชาสัมพันธ์ให้น่าสนใจ ดึงดูดคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามาศึกษา
องคค์ วามรู้ในแนวทางดนตรีของสำนกั ดนตรีไทยมูลนิธิหลวงประดษิ ฐไพเราะฯ

๓. การส่งเสรมิ สนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐ หรอื ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม

ตวั อยา่ งหน่วยงานทใ่ี หก้ ารสนบั สนุน ได้แก่
1. โครงการประกวดบรรเลงดนตรีไทยศรทอง ใน พ.ศ. 2563 มูลนิธิฯ ได้จัดการประกวดฯ โดยได้รับการสนับสนุน

จากมูลนิธิสิริวัฒนภักดี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึง
ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้า
ลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า
สิริวณั ณวรี นารรี ัตนราชกัญญา และสมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ ทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สริ ิวบิ ูลยราชกมุ าร

2. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์เอ้ือเฟ้ือสถานที่ ณ อาคารจุฬาภรณ์พศิ าลศลิ ป์ ในการประกวด
บรรเลงดนตรีไทยศรทอง

3. ภาควิชาวรรณคดี ภาควิชาดนตรี และคณะกรรมการฝ่ายวิจัย คณะมนุษยศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จัดพิมพ์หนังสือ สหวิทยาการวิศาลศิลป์ ซ่ึงมีงานนิพนธ์ดนตรีของหลวงประดิษฐไพเราะฯ ของนายภานุภัค โมกขศักด์ิ
ชีใ้ ห้เหน็ ถึงการศึกษาความสัมพนั ธข์ องทำนองดนตรี ทำนองร้อง และบทร้อง และชีวประวตั ิของนักประพันธ์ท่ีเชอ่ื มโยงซึ่ง
กนั และกนั ทง้ั ยังแสดงใหเ้ ห็นถึงการสืบทอดและสร้างสรรค์งานดนตรใี นมิตสิ หวิทยาการด้วย

4. ค่ายเยาวชนดนตรีไทยศรทอง ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิ
สิรวิ ัฒนภกั ดี

- 11 -

ส่วนท่ี ๔ สถานภาพปจั จบุ นั
1. สถานะการคงอยูข่ องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
 มกี ารปฏิบตั ิอย่างแพร่หลาย
 เสี่ยงตอ่ การสูญหายต้องได้รบั การสง่ เสริมและรักษาอยา่ งเร่งด่วน
 ไม่มีการปฏบิ ัติอยู่แล้วแต่มคี วามสำคญั ต่อวิถีชุมชนท่ตี ้องได้รับการฟื้นฟู
2. สถานภาพปจั จบุ ันของการถา่ ยทอดความรแู้ ละปจั จัยคกุ คาม

1. ผู้สนับสนุนหลักของมูลนิธิฯ ในการจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนดนตรีไทยศรทองมีการเปลี่ยนแปลง งบประมาณ
ในการจัดกิจกรรมจึงหายไปราวครง่ึ หนง่ึ ทางมูลนิธิฯ ตอ้ งออกคา่ ใช้จา่ ยด้วยตนเอง

2. ผู้สนับสนุนของมูลนิธิฯ เช่น ธนาคารออมสิน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น มีการเปล่ียนแปลงด้าน
งบประมาณของผสู้ นับสนุน เนอื่ งจากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควดิ -19

3. ทางมูลนธิ ิฯ จำเปน็ ตอ้ งหารายได้ด้วยตนเอง โดยยงั ไมม่ หี น่วยงานราชการใดๆ มาสนบั สนุนงานของมูลนิธฯิ
4. ทางมูลนิธิฯ มีการจัดโครงการในแนวคิดและการพูดคุยเก่ียวกับดนตรีหรือการแสดง และมีการบันทึกใน
รปู แบบใดๆ ก็ตามเพื่อให้เกิดเปน็ รปู ธรรม เช่น ส่งิ พมิ พ์ งานวิชาการ เปน็ ต้น
5. ทางมูลนิธฯิ มีการผลติ สือ่ ออนไลน์ โดยใช้การถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อเป็นชอ่ งทางการเผยแพร่กิจกรรม
สาระและการเรียนการสอนผ่านส่ือสมัยใหม่ โดยเผยแพร่ความรู้ดนตรีไทยออกสู่สื่อสาธารณะและมุ่งเน้นเป้าหมายที่
เยาวชนไทย ซึ่งใช้ชอ่ื วา่ Thaikids (www.thaikids.com) นอกจากนย้ี ังมเี ว็บเพจของ Facebook จำนวน 5 เพจ ไดแ้ ก่

- เพจ เรอื นบรรเลง (@ruanbanleng) ท่ีเก่ียวข้องกบั ชุมชนคนรักดนตรี อนุรักษ์ และสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปวฒั นธรรม
- เพจ การประกวดดนตรไี ทย “ศรทอง” (@sornthongthai) ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการประกวดและรางวัลทางดนตรี
- เพจ เพื่อนดนตรี (@friendofmusic2560) ทีเ่ ก่ยี วข้องกับชุมชน เครอื ข่าย จติ อาสา กิจกรรมทางดนตรีไทย
- เพจ เอ้-ระเหยลอยชาย ที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์กิจกรรมและข้อมูลความรู้ทางดนตรีผ่านทาง
Youtube channel - เอ้ ระเหยลอยชาย และคลิปวดิ โี อความรู้ต่างๆ
- เพจ โกดงั สามเสน (@KodangSamsen) ที่เก่ียวข้องกับการจำหน่ายหนังสือดนตรี วัฒนธรรม ของสะสม ของ
เกา่ เคร่อื งใช้มอื สอง และจิปาถะ

- 12 -

๓. รายช่อื ผูส้ ืบทอดหลัก

รายช่ือบุคคล/หัวหน้าคณะ/ อาย/ุ อาชพี องค์ ค วาม รู้ด้ าน ท่ี ได้ รับ
กลมุ่ /สมาคม/ชุมชน การสืบทอด/จำนวนปีที่ สถานทต่ี ิดต่อ/โทรศพั ท์
สืบทอดปฏิบตั ิ

อาจารยม์ าลินี สาครกิ 85/ประธานมูลนธิ ิ 85 0 2279 1509
หลวงประดษิ ฐ
ไพเราะ (ศร ศิลป
บรรเลง)

73/รองประธาน

อาจารยช์ นก สาครกิ มลู นิธิหลวงประดิษฐ 73 0 2279 1509
ไพเราะ (ศร ศิลป

บรรเลง)

51/เลขาธกิ าร
อาจารยอ์ ัษฎาวุธ สาคริก มูลนธิ ิหลวงประดิษฐ 51 0 2279 1509

ไพเราะ (ศร ศลิ ป
บรรเลง)

51/ผชู้ ่วยเหรัญญิก
อาจารยธ์ ัญญารตั น์ สาครกิ มูลนิธิหลวงประดิษฐ 65 0 2279 1509

ไพเราะ (ศร ศลิ ป
บรรเลง)

51/กรรมการ
อาจารยค์ มกริช สาคริก มูลนธิ ิหลวงประดษิ ฐ 50 0 2279 1509

ไพเราะ (ศร ศิลป
บรรเลง)

- 13 -

สว่ นที่ ๕ การยนิ ยอมของชุมชนในการจัดทำรายการเบอ้ื งต้นมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
ชือ่ -สกุล อาจารย์มาลินี สาครกิ
สถานภาพทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ทายาทตระกูลศิลปบรรเลง
ขอรบั รองขอ้ มูลตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยินยอมให้เปดิ เผยข้อมลู และนำไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป

ลงชอื่
( อาจารยม์ าลนิ ี สาครกิ _______)

วนั ท่ี

ชือ่ -สกุล อาจารย์อัษฎาวธุ สาคริก
สถานภาพที่เกี่ยวขอ้ งกับมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม เลขาธกิ ารมูลนธิ ิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
ขอรับรองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยนิ ยอมให้เปิดเผยข้อมลู และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ลงชื่อ )
( อาจารยอ์ ัษฎาวุธ สาครกิ

วนั ที่

- 14 -

สว่ นที่ ๖ ภาคผนวก
1. เอกสารอ้างอิง
กิตติภัณฑ์ ชิตเทพ (2559). รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ บทเพลงประกอบพิธีไหว้ครูดนตรีไทยในจังหวัดชลบุรี.
โครงการวจิ ยั ประเภทงบประมาณเงินรายได้ จากกองทนุ วจิ ัยและพฒั นา, มหาวิทยาลัยบรู พา.
นิมิต โอสถเจริญ (๒๕51). วิธีการถ่ายทอดความรู้ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง). วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบณั ฑติ , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะศิลปกรรมศาสตร์.
นันทิภา ช้ันบุญ (๒๕๕๓). การจัดการความรู้ทางดนตรีไทย: กรณีศึกษามูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลป
บรรเลง). วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, วิทยาลยั นวัตกรรม.
ปพิชญา เสียงประเสริฐ, ดนีญา อุทัยสุข (2557). การวิเคราะห์ทัศนมิติและกระบวนการถ่ายทอดดนตรีไทย
ของครูชนก สาคริก. วารสารอิเลก็ ทรอนิกส์ทางการศึกษา, จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ภานุภัค โมขศักด์ิ (2559). สหวิทยาการการนิพนธ์ดนตรีของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง).
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร,์ คณะมนุษยศาสตร์
วิมาลา ศิริพงษ์ (๒๕34). การสบื ทอดวฒั นธรรมดนตรีไทยในสงั คมไทยปัจจบุ ัน ศกึ ษากรณสี กุลพาทยโกศลและ
สกุลศิลปบรรเลง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะสังคมวิทยาและ
มนษุ ยวิทยา.
อานันท์ นาคคง (2556). การศึกษาวงดนตรีไทยร่วมมัยและผลงานดนตรีไทยร่วมสมัยในสังคมไทยปัจจุบัน.
สำนักศลิ ปวัฒนธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรม
อานนั ท์ นาคคง, อษั ฏาวธุ สาครกิ (2547). หลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) มหาดรุ ยิ กวลี ่มุ เจา้ พระยา
แห่งอษุ าคเนย์. สำนักพิมพ์มติชน

เวบ็ ไซต์
https://www.fyibangkok.com/“เรอื นบรรเลง”-เรื่องเลา่ หน่งึ วนั ในพพิ ิธภณั ฑด์ นตรไี ทย/
https://mgronline.com/qol/detail/9500000050689
https://www.bbc.com/thai/thailand-45836741
http://www.rcac84.com/portfolio_page/ชยั ยุทธ-โตสงา่ รางวัลศิล/

- 15 -
2. รูปภาพ พร้อมคำอธิบายใต้ภาพ จำนวน 10 ภาพ (แนบอยดู่ า้ นหลัง)

มีภาพแนบอย่ดู ้านหลงั

3. ข้อมูลภาพถ่าย ขอ้ มูลภาพเคลอ่ื นไหว หรือขอ้ มลู เสียง (ระบปุ ระเภทของส่อื ท่ีแนบมาพร้อมคำอธิบาย)
 ขอ้ มูลภาพถ่าย ไดแ้ ก่ ภาพถ่ายหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) จำนวน 1 ภาพ และคณะละคร

ผกาวลีทบี่ ้านบาตรจากเวบ็ ไซต์ จำนวน 1 ภาพ ภาพถ่ายสถานที่ บรรยากาศการเรียนการสอนและ
พิธไี หว้ครขู องมลู นิธหิ ลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) จำนวน 8 ภาพ

 ข้อมลู ภาพเคลอื่ นไหว ได้แก่

 ขอ้ มลู เสยี ง ได้แก่

4. ข้อมลู ผู้เสนอ
ช่ือ-สกุล นายชยั คุปต์ เขอื่ นสวุ รรณ
หน่วยงาน สำนกั วฒั นธรรม กีฬา และการท่องเทีย่ ว กรุงเทพมหานคร
เลขทอ่ี าคาร 189 อาคาร ธานีนพรัตน์ หมู่ - ซอย - ถนน มิตรไมตรี
แขวง/ตำบล ดนิ แดง เขต/อำเภอ ดินแดง จงั หวัด กรงุ เทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ 10400 โทรศพั ท/์ โทรสาร 0 2203 2749 มือถือ 08 0937 3970
อีเมล์ [email protected]

5. ข้อมูลผปู้ ระสานงาน มือถือ 08 6537 1086

ช่ือ-สกุล นางนันทิภา ตงั้ ปรัชญากลู
โทรศัพท์ 0 2279 1509 โทรสาร
อีเมล์ [email protected]

***********************

- 16 -

ภาพประกอบ

ภาพที่ 1 หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
ที่มา: คลังจดหมายเหตุ อ.ประสิทธิ์ ศิลปบรรเลง
https://archives.prasidh.silapabanleng.org/vvv4b

ภาพที่ 2 คณะละครผกาวลที ี่บ้านบาตร
ทมี่ า: คลังจดหมายเหตุ อ.ประสิทธิ์ ศิลปบรรเลง
https://archives.prasidh.silapabanleng.org/index.php/13

- 17 -

ภาพท่ี 3 ประตทู างเขา้ เรือนบรรเลง (พ.ศ. 2477)
ที่มา: มลู นธิ ิหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

ภาพท่ี 4 ตวั อาคารเรือนบรรเลง
ท่มี า: มลู นธิ ิหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

- 18 -

ภาพที่ 5 บรรยากาศการเรียนการสอนดนตรภี ายในเรือนบรรเลง
ทีม่ า: มูลนธิ ิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

ภาพท่ี 6 บรรยากาศการเรยี นการสอนดนตรีภายในเรือนบรรเลงบริเวณระเบียงชั้น 2
ที่มา: มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
- 19 -

ภาพท่ี 7 บรรยากาศการเรยี นการสอนดนตรภี ายในเรือนบรรเลงบรเิ วณระเบยี งชน้ั 2
ทมี่ า: มูลนธิ ิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

ภาพที่ 8 บรรยากาศการเรียนการสอนดนตรภี ายในเรือนบรรเลง
ทางซา้ ยคืออาจารยอ์ ัษฎาวุธ สาครกิ ทายาทรุ่นเหลนของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

ท่ีมา: มลู นธิ ิหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)
- 20 -

ภาพท่ี 9 พธิ ีไหว้ครูดนตรีไทยของมลู นิธฯิ
ท่มี า: มูลนธิ หิ ลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

ภาพท่ี 10 พิธไี หวค้ รดู นตรีไทยของมูลนธิ ิฯ
ทางขวาคืออาจารย์มาลินี สาครกิ ทายาทรนุ่ หลานของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง)

ท่มี า: มูลนธิ ิหลวงประดษิ ฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

แบบจดั ทำรายการเบอื้ งต้นมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม ๑

ส่วนที่ ๑ ลกั ษณะของมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม แบบ มภ. ๒

๑. ชื่อรายการ ประเพณีตกั บาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์
ชื่อเรียกในท้องถนิ่ ประเพณตี ักบาตรพระร้อยทางเรอื

๒. ลกั ษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (เลือกได้มากกว่า ๑ ชอ่ ง)
 วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัตทิ างสงั คม พิธกี รรม ประเพณี และงานเทศกาล
 ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝีมือดั้งเดมิ
 การเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพน้ื บ้านและศิลปะการต่อส้ปู ้องกันตัว

๓. พนื้ ท่ีปฏิบัติ

คลองลำปลาทวิ บรเิ วณหนา้ วดั สทุ ธาโภชน์ เขตลาดกระบัง

๔. สาระสำคญั ของมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยสงั เขป

ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ เขตลาดกระบัง เป็นประเพณีเนื่องในเทศกาล
วันออกพรรษาทสี่ ืบทอดมาอย่างยาวนานคู่กับการก่อตั้งวัดสุทธาโภชน์ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2455 จนถึงปัจจุบัน
กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกหลังวันออกพรรษาของทุกปี บริเวณคลองลำปลาทิว หน้าวัดสุทธาโภชน์
เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร คำว่า “พระร้อย” คือ การนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 100 กว่ารูป มารับบิณฑบาต
จากประชาชนทางเรือ โดยชุมชนเลียบคลองมอญและชุมชนใกล้เคียงซ่ึงส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเช้ือสายรามัญ
หรือชาวมอญ แสดงให้เห็นถึงบริบททางสังคมในอดีตของคนที่อาศัยอยู่ริมน้ำในพ้ืนที่ฝ่ังตะวันออกของ
กรุงเทพมหานครที่ใช้เรือเป็นยานพาหนะหลักในการสัญจรเพ่ือทำการค้าขาย การติดต่อ รวมไปถึงการประกอบ
พิธที างพระพทุ ธศาสนา

กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย ช่วงเช้าจะมีการนิมนต์พระสงฆ์ จำนวนมากกว่า 100 รูป ลงเรือมาด
ขดุ ดว้ ยไม้ตะเคยี นทง้ั ตน้ ไม่มรี อยต่อ จำนวน 60 ลำ ลอ่ งมาตามคลองลำปลาทิวหน้าวัดสทุ ธาโภชน์ เพ่ือรบั บิณฑบาตร
จากพุทธศาสนิกชนท่ีรออยู่ริมตลิ่งทั้งสองฝ่ัง เรือที่นำมาร่วมในพิธีนี้ส่วนใหญ่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งทางวัดได้รับบริจาค
และจัดซื้อเพื่อนำมาเก็บรักษา อนุรักษ์ และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เรือโบราณภายในวัดให้ประชาชนได้ศึกษา
โดยขบวนเรือทั้งหมดจะมีเรือมาด ๔ แจว ของเจ้าจอมมารดากลิ่นหรือเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น พระสนมเอก
ในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ ๔ เป็นเรอื นำขบวน และมีเรือประเภทตา่ งๆ ท่ีมารว่ มงาน
รวมแล้วประมาณ 100 ลำ ช่วงเพลทางวัดจะเชิญชวนชาวบ้านในพื้นที่รว่ มกนั ถวายเพลพระสงฆ์ด้วยการจดั อาหาร
ลงในสำรับคาวหวาน จำนวนกว่า ๑๐๐ ชุด ซึ่งเป็นของดัง้ เดมิ เปน็ มรดกตกทอดจากบรรพบุรษุ ในพ้ืนท่แี ถบน้ี



สะท้อนถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถ่ิน บางชุดมีอายุกว่าร้อยปี มีหลากหลายรูปแบบสวยงามแตกต่างกันไป
โดยเฉพาะสำรับคาวหวานของเจ้าจอมมารดากลิ่นที่มีความสวยงามและแตกต่างจากชุดอื่นๆ คือ สำรับคาว
จะเป็นถ้วยลายคราม สำรับหวานจะเป็นถ้วยแก้ว ฝาถ้วยเป็นรูปลอยสตรีน่ังพับเพียบจัดอยู่ในถาดทองเหลือง
ในช่วงบ่ายจะมีการแข่งขันเรือพายซึ่งเป็นเรือท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินที่เรียกว่า เรือเพรียวและเรือมาด โดยจัดการแข่งขัน
เพ่ือเสริมสร้างความสามัคคีของคนในท้องถิ่น และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของวิถีชีวิตริมน้ำให้คงอยู่คู่
ชมุ ชน

๕. ประวตั คิ วามเปน็ มา

1. ประวตั คิ วามเปน็ มาของวดั สุทธาโภชน์
วัดสุทธาโภชน์ ตั้งอยู่เลขที่ 39 ซอยฉลองกรุง 8 ถนนฉลองกรุง แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง

กรุงเทพมหานคร มีชื่อเดิมว่า วัดสุทธาวาส ก่อสร้างโดยเจ้าจอมมารดากล่ิน พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จ-
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนที่ดินของท่านบริเวณคลองมอญลึกเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางไปวัด
แต่เดมิ ตอ้ งใชเ้ รือเปน็ พาหนะ แตเ่ นื่องจากในฤดแู ลง้ นำ้ ในคลองมอญแห้ง ทำให้การเดินทางไปทำบุญสร้างกศุ ล
ท่ีวัดสุทธาวาสของพ่ีน้องลูกหลานชาวมอญไม่สะดวก เจ้าจอมมารดากล่ินพร้อมด้วยพระมหาอ่อน กลฺยาโณ
เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส และมรรคนายกอ๊อด ไชยนุต จึงได้ทำการย้ายวัดมาต้ังอยู่บริเวณปากคลองมอญฝั่งเหนือ
รมิ คลองลำปลาทิวฝ่ังตะวันออก ในปี พ.ศ. 2455 และเปลี่ยนช่ือเป็น “วัดสุทธาโภชน์” เจ้าจอมมารดากลิ่น
ได้ให้ความเมตตาอุปถัมภ์มาทำบุญทอดกฐินและเยยี่ มเยือนพ่ีน้องลูกหลานชาวมอญเป็นประจำทุกปีตลอดจน
อายุขยั ของทา่ น

วดั สุทธาโภชน์ นับว่าเป็นวดั เกา่ แก่ที่กอ่ สรา้ งมามากกว่า 100 ปี เป็นวดั มอญของกลุ่มคนมอญท่ีใหญ่ทส่ี ุด
ในเขตลาดกระบัง เป็นศูนย์รวมศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี วถิ ีชุมชนของชาวมอญที่ยงั คงยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
จากบรรพบรุ ุษที่เขา้ มาบุกเบิกท่ีทำกินแต่อดีต ซึ่งในปจั จุบันด้วยความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมอื ง ชุมชนมอญ
ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย แต่วัดสุทธาโภชน์ยังคงเป็นศูนย์กลางรักษาความเป็นเอกลักษณ์ สืบสาน
อนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และความเป็นชมุ ชนมอญ โดยการจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเทย่ี ววิถีถิ่น วิถีคลอง
ของเขตลาดกระบัง ประกอบดว้ ย

1. สกั การะหลวงพ่อเชียงแสน
2. สักการะเจ้าจอมมารดากลิ่น
3. ศูนยอ์ นุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีมอญลาดกระบัง ไดแ้ ก่

- ประเพณตี ักบาตรพระร้อยทางเรือ
- ประเพณีสงกรานต์
- ประเพณตี ักบาตรน้ำผง้ึ
- ประเพณตี ักบาตรข้าวเมา่



4. พพิ ธิ ภณั ฑ์ท้องถิ่นกรงุ เทพมหานคร เขตลาดกระบัง
5. ศูนย์รวมเรอื ทอ้ งถิน่ ในอดีตมากกวา่ 100 ลำ
6. สวนปลาธรรมชาตทิ ี่ใหญท่ ่สี ุดในเขตลาดกระบงั

2. ประวตั เิ จ้าจอมมารดากล่ิน (ซ่อนกล่ิน คชเสนี)
เจ้าจอมมารดากล่ิน มีนามเดิมว่า “ซ่อนกลิ่น” เกิดเม่ือปี พ.ศ. 2378 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นธิดา

ของพระยาดำรงราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) เป็นเหลนปูของเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ซ่ึงรับราชการ
ปกครองเมืองนครเข่ือนขันธ์ (อำเภอพระประแดง) ได้ถวายตัวเป็นข้าบาทบริจาริกาในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้า-
เจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานเป็นเจ้าจอมมารดาด้วยมีพระราชโอรสทรงพระนามว่า พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร
ต่อมาได้รับพระราชทานพระยศเป็น “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์” ต้นตระกูลกฤดากร
เจ้าจอมมารดากลิ่นมีเช้ือสายมอญโดยกำเนิด เป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด มีความสามารถหลายด้าน ได้แก่
ด้านการทำทอง ด้านอาหาร โดยฉพาะข้าวแช่ เจ้าจอมมารดากลิ่นได้มีโอกาสตั้งเครื่องข้าวแช่ถวายถึง
สามแผ่นดิน สมเด็จพระพุทธเจา้ หลวงทรงมพี ระกระแสรับสั่งว่า “ถ้าจะกินขา้ วแช่ ต้องข้าวแช่เจ้าจอมมารดากล่ิน”
ท่านเป็นสตรีไทยคนแรกท่ีมีความสามารถแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้จากเร่ือง “กระท่อมน้อยของลุงทอม”
เป็นศิษย์เอกของแหม่มแอนนา ท่านเป็นผู้ท่ีมีความเล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างย่ิง ได้ให้การ
อุปถัมภ์วัดมอญหลายวัดด้วยกัน โดยเฉพาะวัดสุทธาโภชน์ท่านได้อุทิศท่ีดินและสร้างวัดสุทธาโภชน์เพื่อให้พี่น้อง
ชาวมอญสร้างบุญ สร้างกุศลสืบทอดพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ท่านได้เดินทางมาทำบุญทอดกฐินที่วัด
สุทธาโภชน์เป็นประจำทุกปีตลอดอายุขัยของท่าน และด้วยในขณะน้ันการเดินทางยังไม่สะดวกสบาย ยังไม่มีถนน
หนทางตัดผ่าน ทา่ นต้องเดนิ ทางโดยรถไฟมาลงท่ีสถานีรถไฟหัวตะเข้ และมีพนี่ ้องชาวมอญแจวเรือมาด 4 แจว
ไปรับท่านจากสถานีรถไฟมายังวัดสุทธาโภชน์ ท่านได้ถึงแก่อนิจกรรม ณ วังพระอาทิตย์ ในเดือนธันวาคม
พ.ศ. 2468 ซึ่งตรงกับรชั สมัยของรชั กาลที่ 6 สริ ิรวมอายุได้ 91 ปี

หลกั ฐานเก่ียวกับเจ้าจอมมารดากล่ินทย่ี ังคงปรากฏอยู่ภายในวัดสทุ ธาโภชน์ ได้แก่
1. อนุสรณ์สถานเจ้าจอมมารดากล่ินรูปแกะสลักด้วยหินอ่อนจากอิตาลีในชุดเคร่ืองประดับ
เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ทไ่ี ดร้ ับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
2. เรือมาด 4 แจว ขุดด้วยไม้ตะเคียนท้ังต้น ไม่มีรอยต่อ และวัดได้นำมาใช้ในประเพณีตักบาตรพระร้อย
ทางเรือเปน็ ประจำทกุ ปีจนถงึ ปจั จบุ ัน

3. ความเป็นมาของประเพณีตกั บาตรพระร้อยทางเรือวดั สุทธาโภชน์
ในสมัยพุทธกาลคร้ังเม่ือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ได้เสด็จข้ึนไปทรงโปรด

พุทธมารดาบนสวรรค์ช้ันดาวดึงส์พร้อมเหล่าเทพเทวดาท้ังหลายเป็นเวลา ๓ เดือน แล้วจึงเสด็จกลับมายัง
โลกมนุษย์ ในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์นั่นเองได้เกิดส่ิงมหัศจรรย์ท่ีท้ัง 3 โลก ได้แก่ เทวโลก
มนุษยโลก และพรหมโลก ได้มองเห็นพระพุทธองค์พร้อมกันจึงเรยี กวนั นี้ว่า “วันพระเจา้ เปดิ โลก” จึงพากันมา
เข้าเฝ้าถวายภัตตาหารแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาจนเป็นประเพณีของ
พระพุทธศาสนาเรยี กวันนี้ว่า “วันตักบาตรเทโวโรหณะ หรือ วันตักบาตรเทโว” ในการเสด็จลงมาจากสวรรค์
ชั้นดาวดึงสข์ ององคพ์ ระสัมมาสมั พุทธเจา้ ในวันตักบาตรเทโวน้ัน มผี ู้คนมาเข้าเฝ้าและนำสงิ่ ของมาตักบาตรกัน
เป็นจำนวนมาก การจัดเตรียมสิ่งของ ขนบธรรมเนียมประเพณีก็มีความแตกต่างกันไปตามความเช่ือ ความศรัทธา



ของแตล่ ะท้องถิน่ เช่น ประเพณรี บั บวั ทอ่ี ำเภอบางพลี จงั หวัดสมทุ รปราการ ประเพณีตกั บาตรขา้ วตม้ ลกู โยน
ท่อี ำเภอเมอื ง จงั หวดั สระบรุ ี ประเพณบี ัง้ ไฟพญานาคที่จงั หวัดหนองคาย เปน็ ตน้

ในอดีตท้องถิ่นลาดกระบังเป็นที่ราบลุ่มเต็มไปด้วยคูคลองท่ีทางราชการทำการขุดขึ้นและคลองที่เกิดเอง
ตามธรรมชาดิ เพื่อเป็นการระบายน้ำและเพื่อการสัญจร ในเขตลาดกระบังมคี ลองประเวศบุรรี มย์เปน็ คลองสายหลัก
และมีคลองเล็กน้อยอีกจำนวนมากกว่า 60 คลอง สำหรับใช้ในการสัญจรไปมา การค้าขาย การทำมาหากิน
การประกอบอาชีพ ชาวบ้านในละแวกน้ีส่วนใหญ่จงึ ประกอบอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม และใช้เรือเป็นพาหนะ
ในการเดินทาง ทุกบา้ นจะตอ้ งมีเรอื ไม่น้อยกว่า 2 - 3 ลำข้ึนไปตามประเภทของการใชง้ าน วดั มีเรอื ไว้สำหรับ
พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต ด้วยวิถีชีวิตของชาวบ้านละแวกน้ีที่มีความผูกพันกับสายน้ำ เมื่อถึงประเพณีตักบาตร
เนื่องในวันออกพรรษา ซึ่งตามปกติในทุกวัดจะตักบาตรบนบก ท่ีเรียกว่า “ตักบาตรเทโวโรหณะ” ชาวบ้านท้องถิ่น
ลาดกระบังจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการตักบาตรพระทางเรือแทน พระสงฆ์ที่มารับบิณฑบาตก็จะลงเรือ
พายมาตามคลอง เหล่าสาธุชนในท้องถิ่นก็จะพายเรือออกจากบ้านมาตามคลองเพ่ือมารอตักบาตรพระสงฆ์
แต่เนื่องดว้ ยความเจริญในยุคสมัยปัจจุบันท่ีมีการสร้างถนนเพื่อความสะดวกสบายในการสัญจรไปมา จึงทำให้
ความจำเป็นในการใช้เรือสัญจรไปมาของชาวบ้านถูกลดความสำคัญลง ประกอบกบั มีการสรา้ งทางเดนิ เท้าคอนกรีต
ริมตลิ่งของสองฝั่งคลองลำปลาทิว ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมานั่งรอตักบาตรพระที่ริมสองฝ่ังคลองลำปลาทิวแทน
การพายเรอื มา ส่วนพระสงฆย์ ังคงยดึ ถือขนบธรรมเนยี มประเพณีด้ังเดิมทเี่ คยปฏบิ ัตกิ นั มาโดยการลงเรอื มารับบณิ ฑบาต
เหมือนเมื่อคร้ังสมัยโบราณและด้วยความเข้มแข็ง ความสามัคคี และความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา
ของชาวบ้าน ชาวชุมชนเขตลาดกระบัง จึงทำให้ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ได้รับการปฏิบัติ
สบื ทอดต่อกันมาจากรุ่นสูร่ ุ่นเปน็ เวลามากกว่า 100 ปี จวบจนถงึ ปัจจบุ นั

๖. ลักษณะเฉพาะทแี่ สดงถงึ อตั ลักษณข์ องมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม

1. ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ เป็นประเพณีการตักบาตรพระทางเรือเนื่องใน
วนั ออกพรรษาทจี่ ดั ข้ึนแหง่ เดยี วในกรุงเทพมหานคร เนื่องด้วยวถิ ีชีวิตของชาวบ้านลาดกระบงั มคี วามผกู พนั กับ
สายนำ้ มาแตค่ ร้งั อดีต

๒. ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์แสดงออกถึงความเข้มแข็ง ความสามัคคี และ
ความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชาวชุมชน เน่ืองจากมีการจัดประเพณีน้ีต่อเน่ืองยาวนาน
มาเป็นเวลากว่า 100 ปี สันนิษฐานว่าจัดข้ึนพร้อมกับการก่อสร้างวัดสุทธาโภชน์ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางการจัด
รว่ มกับชุมชน ในปัจจุบนั มหี นว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน ในพืน้ ท่ีใหก้ ารสนับสนุนกันอย่างต่อเน่อื ง

3. ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์เป็นงานเทศกาลประจำปีทางน้ำท่ีสนุกสนาน
มกี ารจัดการแข่งขันเรือพาย ซ่ึงเป็นเรือทีม่ ีอยู่ในท้องถิ่น ที่เรยี กว่า เรือเพรยี ว และเรือมาด โดยจัดการแข่งขัน
เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในท้องถ่ิน ความสนุกสนาน และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของวิถีชีวิต
รมิ นำ้ ให้คงอย่คู ูช่ มุ ชน



๔. เรือท่ีใช้นำขบวนพระสงฆ์รับบิณฑบาต คือ เรือมาด ของเจ้าจอมมารดากลิ่น เป็นเรือเก่าแก่อายุกว่า
100 ปี ขุดจากซุงไม้ตะเคียน เน่ืองจากไม้ตะเคียนมีความแข็งแรงทนทาน และสามารถหาไม้ตะเคียนลำต้น
ขนาดใหญ่ได้ง่าย เมื่อเจ้าจอมมารดากลิ่นแปรสถานมาพักตำหนักที่ท่านสร้างไว้ใกล้กับวัดสุทธาโภชน์ ต้องมา
ทางรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟหัวตะเข้ แล้วลงเรือมาดลำใหญ่ ขนาด 4 แจว ปรุแผ่นทองเหลืองตลอดท้ังลำ
ลอ่ งมาตามลำคลองประเวศแยกเข้าคลองลำปลาทวิ

วิธีการทำเรือมาด เม่ือขุดภายในและโกลน (โกลน คือ เกลาไว้ ทำเป็นรูปเลาๆ) เป็นรูปมาด
(ถ้าเพียงแต่ขุดไว้ แต่ยังไม่ได้เบิก เรียกว่า มาดเรือโกลน) จากน้ันใช้ไฟลนให้เนื้อไม้ร้อนแล้วหงายใช้ปากกา
(เคร่ืองสำหรับหนีบของใช้ทำด้วยไม้หรือเหล็กก็มี) จับปากเรือผายออกให้ได้วงสวยงามเป็นเรือท้องกลม หัวท้ายรี
รูปร่างคล้ายเรือพายม้า แต่หัวท้ายเรือแบนกว้างกว่า ไม่เสริมกราบแต่มีขอบทาบปากเรือภายนอก เพ่ือเพิ่ม
ความแข็งแรงของปากเรือ กลางลำกว้างเสริมกงเป็นระยะ หัวท้ายเรือมีแอกสั้นๆ ไม่ยื่นมากไว้ผูกโยงเรือ และ
แอกเหยียบข้ึนลงเรือ เรือมาดมีหลายขนาด ขนาดเล็กใช้พาย ขนาดใหญ่นิยมแจวมากกว่าพาย ใช้บรรทุกของหนัก
ถา้ เดินทางไกลก็มีประทุนปูพ้ืนกลางลำเรอื จะเรียกว่าเรอื มาดประทุน หากมีเก๋งกลางลำเรือจะเรียกเรอื มาดเก๋ง
สามารถทำประทุนและปพู ืน้ ใช้อยู่อาศัยแทนบ้านเรือนได้

5. สำรับคาวหวานเจ้าจอมมารดากลนิ่ เป็นหน่ึงในสำรบั คาวหวานกว่า 100 ชดุ ท่ีนำมาถวายเพลพระ
ในประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวดั สุทธาโภชน์ สำรับคาวหวานของเจ้าจอมมารดากลิ่นมีความสวยงามและ
แตกต่างจากชุดอืน่ ๆ คือ สำรับคาวเป็นถ้วยลายครามจากจีน สำรับหวานเป็นถ้วยแกว้ สีชมพู ฝาถ้วยเปน็ รูปลอยสตรี
น่งั พับเพียบ ซึ่งชาวมอญมีความเชื่อว่าในวันแต่งงานฝ่ายหญิงจะต้องนำชุดสำรบั คาวหวานมามอบให้คู่บ่าวสาว
เป็นเครื่องเรือน และจัดอาหารให้เจ้าบ่าวรับประทานในห้องหอ 7 วัน หลังจากนั้นจึงนำไปใช้จัดอาหารถวายพระ
ในการทำบุญตามประเพณีของแต่ละท้องถนิ่

6. การแต่งกายของชาวมอญ ในประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ชาวมอญที่มาร่วมงาน
จะแต่งกายด้วยชุดมอญ โดยผู้ชายจะนุ่งผ้านุ่งท่ีเรียกว่า “สะล่ง” หรือท่ีไทยเรียกว่า “โสร่ง” สวมเส้ือ คอกลม
ผ่าอกตลอด แขนกระบอก มีกระดุมผ้า หรือเชือกผูกเข้ากัน แต่เดิมนิยมโพกศีรษะ ต่อมาตัดสั้นแบบสมัยนิยม
พาดผ้าขาวม้าให้ชายท้ังสองไปอยู่ด้านหลัง การแต่งกายของหญิงมอญ ผู้หญิงจะสวม “หน่ิน”
มีลักษณะคล้ายผ้านุ่งของผู้ชาย แต่ลายของผู้หญิงมีความละเอียด สวยงามกว่า และวิธีการนุ่งต่างกัน สวมเส้ือ
ตวั ในคอกลมแขนกุดตัวส้นั แคเ่ อว เล็กพอดีตัว สีสด สวมทับด้วยเสือ้ แขนยาวทรงกระบอก เป็นผ้าลูกไม้เนอ้ื บาง
สอี ่อน มองเห็นเสื้อตัวใน หากเป็นหญิงสาวอายุน้อยแขนเสอ้ื จะยาวถึงข้อมือ หากมีครอบครัวแล้วจะเปน็ แขนสามส่วน
หญิงมอญนยิ มเกลา้ ผมมวยค่อนต่ำลงมาทางดา้ นหลัง มีเครื่องประดับ ๒ ช้ิน บังคับไม่ให้ผมมวยหลุด คือ โลหะ
รูปตัวยูคว่ำ U แคบๆ และโลหะรูปปีกกา } ตามแนวนอน ภาษามอญเรียกว่า “อะน่ดโซ่ก” และ “ฮะเหลี่ยงโซ่ก”
จากน้ันประดับด้วย “แหมะเกวี่ยปาวซ่ก” เป็นเคร่ืองประดับผมสีสันสวยงามรอบมวยผม หรือเสริมด้วยดอกไม้
คลอ้ งผ้าสไบที่คอโดยให้ชายของผ้าท้ังสองห้อยมาด้านหน้า สำหรบั ผสู้ งู อายจุ ะแตง่ กายดว้ ยการห่มสไบ



ส่วนท่ี ๒ คุณคา่ และบทบาทของวถิ ชี ุมชนท่มี ีต่อมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

๑. คุณค่าของมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมที่สำคญั

ประเพณีตักบาตรพระรอ้ ยทางเรือวดั สุทธาโภชน์ เป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนท้องถ่ิน
ด้งั เดมิ ทีม่ คี วามผกู พันกบั สายนำ้ และมีการสบื ทอดจากรุ่นส่รู ุ่น โดยมคี ุณค่า ดังน้ี

1. คุณค่าด้านวิถีถิ่น ด้วยวิถีชีวิตของชาวบ้านลาดกระบังแต่เดิมมีความผูกพันกับสายน้ำ อาศัยแม่น้ำ
ลำคลองเป็นหลักในการดำรงชวี ติ ประจำวันไม่ว่าจะเป็นการอุปโภคบริโภค การประกอบอาชพี การค้าขาย การสญั จร
และเม่ือถึงประเพณีตักบาตร เน่ืองในวันออกพรรษา ซ่ึงตามปกติในทุกวัดจะตักบาตรบนบก ท่ีเรียกว่า
“ตักบาตรเทโวโรหณะ” ชาวบ้านทอ้ งถิ่นลาดกระบังจึงปรับเปล่ียนรูปแบบมาเป็นการตักบาตรพระทางเรอื แทน
จึงเปน็ ทม่ี าของประเพณตี ักบาตรพระร้อยทางเรือวดั สทุ ธาโภชน์

2. คุณค่าด้านความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชาวชุมชนลาดกระบังมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
อย่างแรงกล้า ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีความสามัคคี โดยทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดงานและมีความคิดวา่ ทุกคน
เป็นเจ้าของประเพณีร่วมกัน และมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน คือ ต้องการให้ประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ตอ่ ไป

3. คุณค่าด้านวิชาการ การเปลี่ยนแปลงของสังคมจากวิถีชีวิตสังคมชนบทมาเป็นสังคมเมือง จากอาชีพ
เกษตรกรเปล่ียนมาเปน็ อาชีพรบั จ้างในโรงงานอตุ สาหกรรม การสญั จรไปมาจากการใช้คลองเปลย่ี นมาเปน็ ถนน
ใช้รถเป็นพาหนะแทนเรือ เรือจึงถูกลดความสำคัญลงให้กลายมาเป็นโบราณวัตถุที่ทรงคุณแก่การอนุรักษ์
เป็นเครื่องแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม การทำมาหากินของคนในท้องถิ่นแต่อดีต และเพ่ือเป็นการอนุรักษ์
ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ได้ศึกษาเร่ืองราวของวิถีถ่ิน วัดสุทธาโภชน์จึงได้ทำการรวบรวมเรือประเภทต่างๆ ไว้
มากกว่า 100 ลำ ด้วยการขอรับบริจาคและจัดซ้ือเป็นบางส่วนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยเฉพาะเรือมาด
ขุดด้วยไม้ตะเคียนทั้งต้น ไม่มีรอยต่อ จำนวน 86 ลำ และในประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์
ทางวัดได้นำเรือมาดโบราณ นำขบวนด้วยเรือมาด 4 แจว ของเจ้าจอมมารดากลิ่น มาใช้สำหรับพระสงฆ์
ออกบิณฑบาตทางเรือ

4. คุณค่าด้านความงามหรือสุนทรียะ ความงดงามของเรือมาด 4 แจว ของเจ้าจอมมารดากลิ่นได้รับการ
ประดับประดาด้วยบุปผชาติสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ขบวนเรือมาดพระสงฆ์มากกว่า 100 รูป จำนวน
60 ลำ รับบิณฑบาตจากสาธุชนท่ีมารอตักบาตรริมสองฝั่งคลองลำปลาทิวที่มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
และเรือนิทรรศการของชาวบ้านท่ีนำมาร่วมสร้างสีสันในงาน สร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น ดึงดูดความสนใจ
จากนักทอ่ งเที่ยวได้เป็นอยา่ งดี

5. คุณค่าต่อสิ่งแวดล้อม ในอดีตแม่น้ำคูคลองเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมของคนไทย ก่อนจะมี
การตัดถนน เพราะฉะนั้นการตระหนักและให้ความสำคัญต่อแม่น้ำลำคลองในปัจจุบันจึงลดลง ดังนั้น การจัด
ประเพณนี จ้ี งึ ทำให้หน่วยงานท่เี ก่ยี วข้อง ประชาชนที่อาศยั อย่รู ิมแม่น้ำไดต้ ระหนักรู้ ใหค้ วามสำคัญ และช่วยกัน
รักษาสภาพแวดลอ้ มของแมน่ ้ำลำคลองให้มีความสะอาด สวยงามน่ามองตลอดไป

6. คุณค่าด้านเศรษฐศาสตร์ ในปัจจุบันมีผู้คนจากต่างชุมชน ต่างท้องถิ่น ให้ความสนใจและเดินทาง
มาร่วมประเพณีน้ีเป็นจำนวนเพิ่มมากข้ึนทุกปี และเส้นทางการตกั บาตรพระรอ้ ยทางเรือต้องผ่านหน้าวัดสุทธาโภชน์
ถือเป็นการเชิญชวนให้ผู้คนเดินทางมาทำบุญบำรุงค่าน้ำค่าไฟวัด ให้อาหารปลาที่วัดซ่ึงเป็นสถานท่ีท่องเท่ียว
สถานท่ีพักผ่อนโดยไม่ต้องเดินทางไกล รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยสินค้าจากชุมชน อันเป็นการกระจายรายได้
สู่ชมุ ชน ส่งเสรมิ ให้ประชาชนในทอ้ งถน่ิ มีรายได้



7. คุณค่าด้านการประชาสัมพันธ์ ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ใช้วิธีการ
ประชาสัมพันธ์การจัดงานผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ของผู้นำชุมชน การโฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ การออก
วารสารประจำท้องถิ่น และการนำโซเชียลมีเดียที่ทันสมัยในปัจจุบันเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยประชาสัมพันธ์
ซ่ึงถือไดว้ ่าประเพณีนี้ประสบความสำเรจ็ ด้านการประชาสัมพันธเ์ ปน็ อยา่ งยง่ิ เน่ืองจากสามารถเข้าถึงกลุม่ บุคคล
ท่ีมีความหลายหลาย สามารถดึงคนจากตา่ งชุมชน ต่างทอ้ งถ่นิ มาเขา้ รว่ มประเพณไี ด้

๒. บทบาทของชุมชนท่ีมีต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

วัด ชุมชน ประชาชน และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ลาดกระบัง ได้ให้ความสำคัญกับ
ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสทุ ธาโภชน์เป็นอย่างมาก โดยร่วมแรงร่วมใจกันจัดประเพณีน้ีเพื่อสืบสาน
มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถ่ิน ซ่ึงเมื่อใกล้วันงานคณะกรรมการจัดงาน ประกอบด้วย
คณะกรรมการวัด คณะกรรมการที่ปรึกษา คณะไวยาวัจกร สำนักงานเขตลาดกระบัง สภาวัฒนธรรมเขต
ลาดกระบัง ผู้แทนชุมชนท้องถิ่น 8 ชุมชน โรงเรียนวัดสทุ ธาโภชน์ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจะประชุม
เตรียมการจัดงาน เพื่อแบ่งหน้าที่กันไปดำเนินการตามข้ันตอนและแผนการดำเนินงานที่วางไว้ร่วมกัน และ
ในปัจจบุ นั ผูน้ ำชมุ ชนไดม้ ีแนวทางในการสบื สานประเพณี โดยการนำคนร่นุ ใหมซ่ ึ่งเป็นลกู หลานของคณะทำงาน
เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน เพื่อปลูกฝังความรักและหวงแหนประเพณีน้ีไว้ และเป็นที่แน่นอนว่าจะมีผู้สืบทอด
ประเพณีน้ีต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ชาวบ้านในท้องถ่ินและจากนอกท้องถ่ินให้ความสนใจส่งทีมเข้าร่วม
แข่งขนั พายเรือพน้ื บ้านซ่ึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมเนื่องในประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวดั สุทธาโภชน์

สว่ นท่ี ๓ มาตรการในการสง่ เสรมิ และรกั ษามรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม
๑. โครงการ กิจกรรมทม่ี ีการดำเนนิ งานของรายการมรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม
 การศึกษา วิจยั

ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นระยะเวลา
กว่า 100 ปี มีคุณค่าและความสำคญั ตอ่ คนในชุมชน จงึ มผี ู้ให้ความสนใจทำการศึกษาวิจัย เช่น

1. งานวิจัยเร่ือง “การพัฒนารูปแบบการประชาสัมพันธ์การท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณี
ชุมชนมอญลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร” โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ปัทมา สารสุข และคณะ คณะวิทยาการจัดการ
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนคร ปี พ.ศ. 2554

2. งานวิจัยเรือ่ ง “การศึกษาการมีส่วนร่วมของประชากรในการอนุรักษ์ประเพณีตกั บาตรพระรอ้ ยทางเรือ
วัดสุทธาโภชน์ กรณีศึกษาชุมชนเลียบคลองมอญ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง” โดยนวมล อุดมรัตน์
สถาบนั วจิ ัยสงั คม สาขาวชิ าพัฒนามนุษยแ์ ละสังคม จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ปี พ.ศ. 2554



3. สารนิพนธ์เรือ่ ง “การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของชุมชนเลียบคลองมอญ กรณีศึกษาประเพณีตักบาตร
พระรอ้ ยทางเรือวัดสุทธาโภชน์” โดยนางสาวชชั ธิดา กรอบทอง คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ปี พ.ศ. 2563

4. วิทยานิพนธ์เรื่อง “การศึกษาบทบาทหน้าที่ของประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือของชาวมอญ
ลาดกระบัง” โดยนางสาวกานตพ์ ิชชา อุดมมงคลกิจ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
ปี พ.ศ. 2563 เป็นตน้

 การอนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตลาดกระบัง ร่วมเป็นคณะกรรมการ
ดำเนนิ งานประเพณีตกั บาตรพระร้อยทางเรือวดั สุทธาโภชน์ โดยมหี น้าทด่ี ูแลความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ยทางน้ำ
และด้านการจราจร ดูแลรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน ประชาสัมพันธ์การจัดงาน
ใหบ้ ริการตัดผมโดยไม่คิดคา่ ใชจ้ า่ ย การออกรา้ นผลติ ภณั ฑ์ของดปี ระจำท้องถิน่ ฯลฯ

 การสบื สานและถ่ายทอด

๑. วัดสุทธาโภชน์ สำนักงานเขตลาดกระบัง ชุมชน ตลอดจนหน่วยงานในพื้นท่ีท่ีเก่ียวข้อง ได้เล็งเห็น
ถึงความสำคัญ และจัดประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
โดยพยายามท่ีจะรักษาอัตลักษณ์ และวิธีการด้ังเดิมในงานประเพณีให้มากที่สุด เช่น การนำเรือมาด 4 แจว
ของเจ้าจอมมารดากล่ิน ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเป็นเรือนำขบวน และเรือมาดโบราณ จำนวน 60 ลำ
มาใช้ในการรับพระสงฆ์บิณฑบาต และการนำสำรับคาวหวาน จำนวน 100 ชุด หน่ึงในน้ันเป็นสำรับของ
เจา้ จอมมารดากล่นิ มาใชถ้ วายเพลพระสงฆ์ เปน็ ต้น

๒. ผู้นำชุมชนได้มีแนวทางในการสืบสานประเพณี โดยการนำคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นลูกหลานของ
คณะทำงานเข้ามามีสว่ นรว่ มในการทำงาน เพ่อื ปลูกฝังความรักและหวงแหนประเพณนี ้ีไว้ให้คงอยตู่ ่อไป

3. ชาวบ้านในท้องถิ่นและจากนอกท้องถิ่นให้ความสนใจเข้าร่วมประเพณีน้ีเป็นประจำทุกปี โดยแต่งกาย
ด้วยชุดชาวมอญ รวมถึงการส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันพายเรือพื้นบ้านซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเนื่องในประเพณี
ตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์

4. คณะกรรมการวัดมีการเก็บรวบรวมเอกสารต่างๆ เก่ียวกับประเพณีน้ี ตลอดจนเอกสารความ
เป็นมาของการก่อต้ังวัดสุทธาโภชน์ โดยในแต่ละปีมีผู้ให้ความสนใจศึกษาข้อมูล และขอข้อมูลเพื่อนำไป
ประกอบการทำงานวจิ ัย หรือวิทยานพิ นธ์หลายแห่ง

5. วัดสุทธาโภชน์เป็นศูนย์การเรียนรู้ของเขตลาดกระบัง จึงมีสถาบันการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล
ถึงระดับอุดมศึกษาทั้งในและนอกท้องถ่ินให้ความสนใจมาศึกษา เรียนรู้ ค้นคว้า จัดทำผลงาน เป็นการสืบสาน
ถ่ายทอด เผยแพร่สู่ภาควิชาการ ทำให้มีจำนวนประชาชนเดินทางมาร่วมประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือ
ทวี่ ัดสทุ ธาโภชนเ์ พมิ่ มากขนึ้ ในทกุ ปี



 การพัฒนาตอ่ ยอดมรดกภูมิปญั ญา

ด้วยความรว่ มแรงร่วมใจของชาวชมุ ชนเขตลาดกระบัง วดั และหน่วยงานราชการและเอกชน ประเพณี
ตกั บาตรพระรอ้ ยทางเรือวดั สทุ ธาโภชน์ จงึ มีการพฒั นาและตอ่ ยอดมรดกภูมิปัญญา ดงั นี้

1. การจัดกิจกรรมภายในงานนอกจากจะจัดให้มีการตักบาตรพระสงฆ์ทางเรือ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ
ประเพณีนี้แล้ว ในช่วงบ่ายยังจัดให้มีการแข่งขันพายเรือพื้นบ้าน เพ่ือสร้างความสนุกสนาน ดึงดูดให้คนมาร่วมงาน
มากขึ้น รวมถงึ เรอื นิทรรศการของชาวบ้านทมี่ าชว่ ยสร้างบรรยากาศในงาน

2. วัดสุทธาโภชน์ได้ทำการรวบรวมเรือประเภทต่างๆ ไว้มากกว่า 100 ลำ ด้วยการขอรับบริจาคและ
จัดซื้อเป็นบางส่วนต้ังแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยเฉพาะเรือมาดขุดด้วยไม้ตะเคียนท้ังต้น ไม่มีรอยต่อ จำนวน 86
ลำ ท่ีนำมาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เรือโบราณภายในวัดให้ประชาชนได้ศึกษา เพ่ือเป็นการอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง
ไดเ้ รียนรู้ ไดศ้ ึกษาเรื่องราวของวถิ ีถนิ่

3. วดั สุทธาโภชนไ์ ดร้ ับการจดั ตง้ั ใหเ้ ป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียวท่ี 2 ของเขตลาดกระบงั

2. มาตรการสง่ เสริมและรักษามรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมอื่น ๆ ท่คี าดวา่ จะดำเนินการในอนาคต

1. การนำชุมชนอื่นๆ ของเขตลาดกระบัง มาร่วมเป็นคณะกรรรมการดำเนินงาน ตลอดจน
ประชาสัมพนั ธเ์ ชิญชวนโรงเรียน สถานศกึ ษาในพนื้ ที่เขตนำนกั เรยี นมาเข้ารว่ มประเพณตี ักบาตรพระร้อยทางเรือฯ

2. การเผยแพรว่ ฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ของเขตลาดกระบัง เช่น การละเลน่ อาหารประจำท้องถิ่น เปน็ ต้น
3. การส่งเสรมิ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผเู้ ขา้ รว่ มงานแต่งกายดว้ ยชดุ สุภาพ หรอื แต่งกายดว้ ยชุดมอญ
4. การเผยแพรป่ ระเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือฯ ให้ประชาชนท่วั ไปได้ทราบถึงความเป็นมา คุณค่า
และความสำคัญที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบทอดต่อไป ตลอดจนประวัติความเป็นมาของวัดสุทธาโภชน์ และ
สถานท่ีสำคญั ภายในวดั ได้แก่

- พระพุทธรปู หลวงพ่อเชียงแสน
- รูปป้นั เจา้ จอมมารดากล่ิน
- ศนู ย์อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมประเพณีมอญลาดกระบัง
- พพิ ธิ ภัณฑ์ท้องถิ่นกรงุ เทพมหานคร เขตลาดกระบัง
- ศูนยร์ วมเรอื ทอ้ งถิน่ ในอดตี มากกวา่ 100 ลำ
- สวนปลาธรรมชาติทใ่ี หญท่ ่ีสุดในเขตลาดกระบงั
เพ่อื สง่ เสรมิ ให้วดั สุทธาโภชนเ์ ป็นอีกแหลง่ ท่องเทีย่ วประจำเขตลาดกระบัง
๕. การซ่อมแซมปรับปรุงริมตล่ิงสองฝ่ังคลองลำปลาทิว ซึ่งเป็นพ้ืนที่ที่พุทธศาสนิกชนจะมานั่งรอตักบาตร
พระสงฆ์ ในปจั จุบันมีสภาพชำรดุ ทรุดโทรมอาจเกดิ อันตรายแก่ผทู้ ่มี าร่วมงานได้
6. การขอรับงบประมาณสนับสนุนการจัดงานจากหน่วยงานราชการ เช่น ค่าปัจจัยถวายพระสงฆ์
ทเี่ ดินทางมาบิณฑบาต คา่ เงินรางวลั ในการแข่งขันเรอื พายพืน้ บา้ น เป็นต้น

๑๐

๓. การสง่ เสรมิ สนับสนุนจากหนว่ ยงานภาครฐั หรอื ภาคเอกชน หรอื ภาคประชาสังคม

การจัดงานประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ในแต่ละปีจะมีคณะกรรมการดำเนินงาน
ประกอบด้วยฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ ได้แก่ วัดสุทธาโภชน์ โดยพระครูวิมลสุทธาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสุทธาโภชน์
คณะไวยาวัจกรวัด คณะกรรมการวดั ชุมชนทอ้ งถิ่น สำนกั การระบายนำ้ สำนกั งานเขตลาดกระบงั กรมส่งเสริม
วัฒนธรรม กรมเจ้าท่า การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย สภาวัฒนธรรมเขตลาดกระบัง โรงเรียนวัดสุทธาโภชน์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพสวุ รรณภูมิ โรงพยาบาลลาดกระบัง สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย สถานีตำรวจนครบาล
ฉลองกรุง อาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครตำรวจชุมชนสถานีตำรวจนครบาลฉลองกรุง นอกจากนี้
ยังมีหน่วยงานภาคเอกชน เช่น สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บริษัท ลาดกระบังขนส่ง จำกัด
โรงน้ำแข็งธญั ญานิตย์ บ้านดนตรเี ยาวชนคลองหลวงแพ่ง และประชาชนในพ้ืนท่ีให้ความร่วมมือ และสนับสนุน
การจดั งานเป็นอยา่ งดี

สว่ นที่ ๔ สถานภาพปัจจบุ ัน
1. สถานะการคงอยู่ของมรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรม
 มกี ารปฏิบัติอย่างแพรห่ ลาย
 เส่ียงต่อการสญู หายตอ้ งได้รับการสง่ เสรมิ และรักษาอย่างเร่งดว่ น
 ไมม่ ีการปฏบิ ัตอิ ยู่แล้วแต่มีความสำคญั ต่อวิถชี มุ ชนที่ต้องได้รบั การฟน้ื ฟู

2. สถานภาพปัจจบุ นั ของการถ่ายทอดความรูแ้ ละปจั จัยคกุ คาม

ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางเรือวัดสุทธาโภชน์ปัจจุบันมีประชาชนจากคนต่างท้องถ่ินให้ความสนใจ
เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และเนื่องด้วยสภาพสังคมที่เปล่ียนแปลงไป ทำให้คนหลงลืมและละเลยการปฏิบตั ิ
ตามขนบธรรมเนียมประเพณดี ้งั เดิม ประชาชนต่างท้องถนิ่ บางคนแต่งกายด้วยชดุ ไม่สุภาพเขา้ รว่ มงาน เปน็ ภาพ
ที่ไม่สวยงาม ทางวัดสุทธาโภชน์ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงมี
มาตรการในการประชาสมั พนั ธ์ขอความร่วมมอื ใหผ้ เู้ ข้ารว่ มงานแต่งกายดว้ ยชุดที่สุภาพ เหมาะสมตามกาลเทศะ
อันเป็นการรักษาวัฒนธรรมการแต่งกายท่ีดีของไทย รวมถึงปัญหาน้ำเน่าเสียจากขยะและวัชพืชในคลองลำปลาทิว
ที่มาจากสง่ิ แวดล้อมและกจิ การต่างๆ ในชมุ ชน หมูบ่ ้าน และโรงงาน

๓. รายชื่อผู้สืบทอดหลกั (เช่น บุคคล กลุ่มคน .... เปน็ ต้น)

รายช่อื บุคคล/หัวหน้า อายุ/อาชีพ องค์ความรดู้ า้ นท่ีได้รบั สถานทตี่ ดิ ต่อ/โทรศพั ท์
คณะ/กลุ่ม/สมาคม/ชุมชน การสบื ทอด/จำนวนปีที่
วัดสุทธาโภชน เลขที่ 39
พระครูวมิ ลสทุ ธาภวิ ฒั น์ 47 ปี/ สืบทอดปฏบิ ตั ิ ซอยฉลองกรุง 8 ถนน
เจ้าอาวาส ฉลองกรุง แขวงทับยาว
วัดสทุ ธาโภชน์ ประธานคณะกรรมการ เขตลาดกระบัง
ดำเนนิ งานฝ่ายสงฆ์ กรงุ เทพมหานคร

๑๑

รายชือ่ บคุ คล/หัวหน้า อาย/ุ อาชีพ องค์ความร้ดู า้ นท่ไี ด้รับ สถานที่ตดิ ต่อ/โทรศัพท์
คณะ/กลุม่ /สมาคม/ชมุ ชน การสบื ทอด/จำนวนปีท่ี

สืบทอดปฏิบตั ิ

เบอรโ์ ทรศัพท์

0 2360 6078

นายกมล พรหมถนอม 68 ป/ี ไวยาวจั กร ดแู ลรับผดิ ชอบเร่ืองการ วัดสุทธาโภชน เลขที่ 39
วัดสทุ ธาโภชน์
นมิ นต์พระ ปัจจัย ซอยฉลองกรงุ 8 ถนน

ภตั ตาหารเพลถวายพระสงฆ์ ฉลองกรงุ แขวงทับยาว

เขตลาดกระบงั

กรุงเทพมหานคร

เบอรโ์ ทรศัพท์ 08 6700

6355

นายทองใบ ชยั ชนะ 72 ปี/ไวยาวัจกร ประสานงานท่ัวไป วดั สทุ ธาโภชน เลขที่ 39
วัดสุทธาโภชน์
ซอยฉลองกรุง 8 ถนน

ฉลองกรงุ แขวงทบั ยาว

เขตลาดกระบงั

กรุงเทพมหานคร

เบอร์โทรศัพท์ 08 9484

4605

นายแฉลม้ ระย้า 72 ป/ี ไวยาวจั กร ประสานงานทวั่ ไป วดั สุทธาโภชน เลขท่ี 39
วัดสทุ ธาโภชน์
ซ่อมบำรงุ เรือ ซอยฉลองกรุง 8 ถนน

ฉลองกรงุ แขวงทับยาว

เขตลาดกระบัง

กรงุ เทพมหานคร

เบอร์โทรศัพท์ 08 1917

1983

นางประณีต อนงค์ 70 ป/ี ขา้ ราชการ กรรมการประสานงาน 06 2253 5991

บำนาญ

นายธานนิ ทร์ สาวเกษม 56 ป/ี ประธาน กรรมการชุมชน 08 7496 6674
ชมุ ชนมติ รสมั พันธ์

ว่าที่รอ้ ยตรรี ามัญ สาระพนั ธ์ุ 56 ปี/ประธาน กรรมการชมุ ชน 08 1452 1699
ชุมชนเลยี บคลอง
มอญ

นายระเบียบ สรอ้ ยทอง 71 ปี/ค้าขาย กรรมการวัด 08 1583 2770
กรรมการชมุ ชน 09 2393 5690
นางประมวล สมัครามญั 44 ป/ี แมบ่ ้าน

๑๒

รายชอื่ บุคคล/หัวหนา้ อายุ/อาชีพ องคค์ วามรดู้ า้ นที่ไดร้ ับ สถานทต่ี ิดตอ่ /โทรศพั ท์
คณะ/กล่มุ /สมาคม/ชมุ ชน การสบื ทอด/จำนวนปีที่
0 2737 3050
นางละออ สุทธิ 71 ป/ี แม่บา้ น สืบทอดปฏบิ ตั ิ 06 3369 4446
นางปญั จทรัพย์ วงศพ์ ิศาล 08 9677 6833
นางสงกรานต์ คุณหอม 62 ป/ี แมบ่ ้าน กรรมการชมุ ชน

71 ปี/ขา้ ราชการ กรรมการชุมชน
บำนาญ
กรรมการชุมชน

ส่วนท่ี ๕ การยนิ ยอมของชุมชนในการจัดทำรายการเบื้องต้นมรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ชือ่ -สกุล พระครวู มิ ลสุทธาภวิ ฒั น์
สถานภาพทเ่ี กีย่ วข้องกบั มรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
เจ้าอาวาสวัดสทุ ธาโภชน์
ขอรับรองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยนิ ยอมให้เปิดเผยข้อมูลและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ลงชอ่ื )
( พระครวู ิมลสุทธาภวิ ัฒน์

วันที่ 16 ตลุ าคม 2563

ชื่อ-สกลุ พระมหาวิเชยี ร ปภสฺสโร
สถานภาพที่เกยี่ วข้องกับมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ผู้ช่วยเจา้ อาวาสวัดสทุ ธาโภชน์
ขอรบั รองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยนิ ยอมใหเ้ ปดิ เผยขอ้ มลู และนำไปใช้ประโยชนต์ อ่ ไป

ลงชื่อ
( พระมหาวเิ ชยี ร ปภสฺสโร )

วันที่ 16 ตุลาคม 2563

ชื่อ-สกุล นายแฉล้ม ระย้า
สถานภาพทเี่ ก่ียวข้องกับมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

ไวยาวจั กรวัดสุทธาโภชน์
ขอรับรองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยนิ ยอมให้เปิดเผยข้อมูลและนำไปใช้ประโยชนต์ ่อไป

ลงช่ือ

( นายแฉลม้ ระย้า )

วนั ท่ี 16 ตุลาคม 2563

๑๓

ชอ่ื -สกลุ นายกมล พรหมถนอม
สถานภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกับมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม

ไวยาวัจกรวดั สทุ ธาโภชน์
ขอรบั รองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยินยอมใหเ้ ปิดเผยข้อมลู และนำไปใช้ประโยชนต์ อ่ ไป

ลงชื่อ )
( นายกมล พรหมถนอม

วนั ที่ 16 ตลุ าคม 2563

ชื่อ-สกลุ นางปราณตี อนงค์
สถานภาพทเ่ี กย่ี วข้องกบั มรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

คณะกรรมการวดั สทุ ธาโภชน์และผปู้ ระสานงาน
ขอรับรองข้อมลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยนิ ยอมให้เปดิ เผยข้อมลู และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ลงชือ่ )
( นางปราณีต อนงค์

วนั ที่ 16 ตลุ าคม 2563

ช่ือ-สกลุ วา่ ทรี่ อ้ ยตรีรามญั สาระพันธ์ุ
สถานภาพที่เก่ยี วขอ้ งกบั มรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

ประธานชมุ ชนเลียบคลองมอญ
ขอรับรองขอ้ มลู ตามเอกสารคำขอเสนอฯ และยินยอมให้เปิดเผยขอ้ มลู และนำไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป

ลงช่ือ
( ว่าท่รี อ้ ยตรรี ามญั สาระพนั ธุ์ )

วันท่ี 16 ตุลาคม 2563

ส่วนท่ี ๖ ภาคผนวก
1. เอกสารอ้างอิง

การแต่งกายของชาวมอญ. สบื คน้ เมือ่ วนั ที่ 12 มิถุนายน 2563, จาก
http://www.openbase.in.th/node/10071

การแตง่ กายของชาวมอญ. สบื คน้ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563, จาก
https://www.thailocalwisdom.com/index.php/localdata-2/socialsystem/item/81-code

ประวัตคิ วามเปน็ มาของเรอื มาด. สืบคน้ เมอื่ วันท่ี 12 มถิ ุนายน 2563, จาก
http://nanajung-writing.blogspot.com/2015/11/blog-post_15.html

๑๔

2. รูปภาพ พร้อมคำอธิบายใต้ภาพ จำนวน ๑๐ ภาพ (แนบอยดู่ ้านหลัง)

3. ขอ้ มูลภาพถ่าย ข้อมูลภาพเคล่ือนไหว หรือข้อมลู เสียง (ระบุประเภทของส่ือท่ีแนบมาพรอ้ มคำอธบิ าย)
 ข้อมูลภาพถ่าย ได้แก่

 ขอ้ มลู ภาพเคลอื่ นไหว ได้แก่

 ขอ้ มูลเสยี ง ไดแ้ ก่

4. ข้อมูลผ้เู สนอ

ช่อื -สกลุ ว่าทรี่ ้อยตรปี ระภพ เบญจกลุ

หนว่ ยงาน สำนกั งานวฒั นธรรมและการท่องเท่ียว สำนกั วัฒนธรรม กฬี า และการท่องเท่ยี ว กรงุ เทพมหานคร

เลขท่ี 189 อาคาร ธานนี พรัตน์ หมู่ - ซอย - ถนน มติ รไมตรี

แขวง ดินแดง เขต ดินแดง จังหวดั กรุงเทพมหานคร

รหัสไปรษณีย์ 10400 โทรศัพท์/โทรสาร 0 2203 2749 มือถือ 08 9111 5477

อีเมล์ [email protected]

5. ขอ้ มูลผ้ปู ระสานงาน

ชื่อ-สกลุ นางปราณีต อนงค์

โทรศัพท์ 0 2737 3078 โทรสาร - มือถือ 06 2253 5991

อเี มล์ .......................-...........................

***********************

ภาพประกอบ

๑๕

นางสน สืบเชอ้ื น.ส.จำนงค์

ภาพการตักบาตรพระร้อยทางเรือในอดตี
ผ้ถู ่าย : นายทวี สทุ ธิ

วนั /เดอื น/ปที ่ถี ่าย : สนั นิษฐานว่าถ่ายในปี พ.ศ. 2511

๑๖

ภาพประชุมเตรยี มการจัดงาน
ผ้ถู ่าย : นางปราณีต อนงค์
วนั /เดอื น/ปีทีถ่ ่าย : 3 ตุลาคม 2561

๑๗

ภาพบรรยากาศการตักบาตรพระร้อยทางเรือ
ผถู้ ่าย : นางปราณีต อนงค์

วนั /เดือน/ปที ถ่ี า่ ย : 1 พฤศจิกายน 2558

๑๘

ภาพเรือท่ีมาร่วมสร้างสสี ันภายในงาน
ผ้ถู ่าย : การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทย
วัน/เดือน/ปที ถี่ า่ ย : 20 ตุลาคม 2562


Click to View FlipBook Version