จึงตดั สินใจออกธุดงค์ ในครัง้ แรกได้ธุดงค์โดยเร่ิมจากการเดินเลียบ
ชายทะเลก่อน เพื่อฝึกหดั อินทรีย์ให้แข็งแรง เดนิ ไปถงึ จ.ตราด คือฝึก
อินทรีย์ไมง่ ว่ ง ไมน่ อน ไมเ่ หนอื่ ยไมห่ ยดุ ไมห่ วิ ไมฉ่ นั หลงั จากนนั้ กเ็ ริ่มเดนิ
ธดุ งคท์ กุ ปี
ประมาณพรรษาที่ 14 ท่านเดินธุดงค์มาถึงบริเวณท่ีตัง้ ของ
วดั ป่ าอมั พวนั ในปัจจบุ นั ทา่ นจ�ำพรรษาบริเวณนนั้ 1 พรรษา และทา่ น
ได้เดินธุดงค์ข้ามมาอยู่อีกฝ่ังหนึ่งของเขาปากแรต ซึ่งเป็ นที่ตงั้ ของ
สำ� นักสงฆ์วชริ ธรรมบรรพต และเมอ่ื โยนนมิ นตใ์ ห้ทา่ นลงมาจำ� พรรษา
บริเวณส�ำนักสงฆ์ด้านล่าง ท่านได้ลงมาและด�ำเนินการขอตงั้ เป็ น
วดั ป่ าวชิรบรรพตในเวลาตอ่ มา
ทา่ นเป็นผ้ศู กึ ษาพระอภธิ รรมและบาลี ทา่ นกลา่ วเกย่ี วกบั การ
ศกึ ษาอภธิ รรม วา่ ควรศกึ ษาไว้เป็นอริยทรัพย์เอาไว้ใช้ในภายหน้า คนเรา
ถ้ายงั ไม่ข้ามพ้นวฏั สงสารกม็ โี อกาสท่ตี ้องเกดิ มาอกี สร้างสมบตั ิ
ตดิ ตวั เอาไว้เป็ นดที ่สี ดุ
ในการสอนของทา่ นมกั ใช้คำ� แนะน�ำสนั้ ๆ งา่ ยๆ แตม่ คี วามหมาย
ลกึ ซงึ ้ ในตวั โดยเลา่ จากประสบการณ์ท่ีผา่ นมาของทา่ นบ้าง จากลกู ศษิ ย์
เล่าถวายบ้าง จากพทุ ธประวตั ิ ธรรมบท หรือชาดกตา่ งๆบ้าง ซง่ึ ทา่ นจะทงิ ้
ท้ายด้วยแงค่ ดิ เสมอ
ปฏปิ ทาของหลวงพอ่ ทเี่ หน็ ได้เดน่ ชดั คอื ทา่ นเป็นผ้เู คร่งครัดใน
พระธรรมวนิ ยั เป็นอยา่ งมาก ดำ� เนนิ ตามคำ� สอนของพทุ ธองค์เพอ่ื เป็น
แบบอยา่ งให้แก่หมู่คณะภายในวดั ท่านท�ำให้ดูเป็ นตวั อย่างและสอน
ให้ท�ำตามเพ่ือประโยชน์ของศษิ ย์ในอนาคต และทส่ี ำ� คญั ทา่ นมเี มตตา
ตอ่ ทกุ ๆ คนเสมอกนั ไมว่ า่ ผ้ใู ดมาหาทา่ น ทา่ นจะต้อนรับด้วยเมตตาจติ
เสมอ
51 ประวตั ิหลวงพอ่ มหาตอง
รสแหง่ ธรรม ยอ่ มชนะรสทัง้ ปวง
ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีท้งั ปวง
ความส้ินตัณหา ยอ่ มชนะทกุ ข์ทัง้ ปวง
ยานกี ะตา พะหลุ ีกะตา สงั วตั ตนั ติ อะภิญญายะ นิพพานายะ
ท�ำใหเ้ ปน็ ดจุ ฌาน ท�ำใหม้ าก เปน็ ไปเพื่อความรูย้ ง่ิ
เปน็ ไปเพอ่ื ความตรัสรู ้ เป็นไปเพอ่ื การปล่อยวาง
เปน็ ไปเพอื่ ความดับ เป็นไปเพื่อนิพพาน
บญุ กุศลใดๆ ในแหล่งหลา้
ขอจงมาสถติ ในหทัยขวัญ
ธรรมประทีปสอ่ งสวา่ งกระจา่ งพลนั
จิตน้อมนำ�ค�ำ พทุ ธองคล์ งสู่ใจ
หลวงพ่อเล่าเรอ่ื ง
(ถอดเสยี งเทศนาธรรม)
55 หลวงพอ่ เลา่ เรื่อง
‘หลวงพอ่ เลา่ เร่อื ง’
เมอ่ื ปี พ.ศ. 2530 อาตมามาอยทู่ นี่ ย่ี งั ไมไ่ ด้ทำ� วตั ร ไมไ่ ด้สวดมนต์
เลย เพราะตอนนนั้ ยงั อยรู่ ูปเดียว พออินทรีย์แขง็ แรงแล้วก็ใช้ภาวนา
อยา่ งเดียว เพราะท�ำวตั รสวดมนต์ คือ บริกรรม
‘การบริกรรมเป็ นเบอื้ งต้นของการภาวนา เราบริกรรม
อะไรกไ็ ด้เพ่อื จะให้จติ อยู่ พอจติ อยู่แล้วเรากค็ อยด’ู
การอยคู่ นเดียวมนั บริหารอินทรีย์ได้ พิจารณาอินทรีย์แล้ว อะไรออ่ นเรา
ก็ปรับด้วยตวั เอง จนปี ที่ 3 ทา่ นมหาณรงค์มาอยดู่ ้วยก็ยงั ไมไ่ ด้ท�ำวตั ร
ยงั ไมส่ วดมนต์ บางทีก็ไมไ่ ด้คยุ กนั ฉนั ด้วยกนั บณิ ฑบาตด้วยกนั แตก่ ็
ไมค่ ยุ คยุ น้อย บางทีหนงึ่ อาทิตย์ไมไ่ ด้คยุ กนั เลย มาเริ่มท�ำวตั รนา่ จะปี
พ.ศ. 2538 – 2539 พอดีมีพระมาอยใู่ หม่ อินทรีย์ยงั ไมแ่ ขง็ แรง ไมร่ ู้จกั
ปรับอินทรีย์ด้วยตวั เอง ก็เลยต้องเอาการบริกรรมเบือ้ งต้น คือ ท�ำวตั ร
สวดมนต์เป็นหลกั ไมอ่ ยา่ งนนั้ อินทรีย์ไมแ่ ข็งแรง
หลวงพ่อเล่าเร่อื ง 56
ในชว่ งก่อนปี พ.ศ. 2528 อาตมายงั ไมไ่ ด้อยปู่ ่ า ก�ำลงั เรียนอยทู่ ี่
กรุงเทพ ประมาณเดือนกมุ ภาพนั ธ์หลงั จากสอบบาลีแล้วจะหยดุ เรียน
ชว่ งหนงึ่ เพื่อออกฝึกอินทรีย์ตามท่ีตา่ ง ๆ การฝึกอินทรีย์ ไมง่ ว่ งไมน่ อน
ไมเ่ หนื่อยไมห่ ยดุ ไมห่ ิวไมฉ่ นั คือไมม่ ีใครบงั คบั แตต่ ้องการฝึกอินทรีย์
ให้แข็งแรง ฝึกหลายปี อยา่ งปี แรกนี่เดนิ ในชายทะเล เดนิ ออกจาก
ศรีราชาไปถงึ จงั หวดั ตราด ก่อนท่ีจะออกชายทะเลก็เดนิ ป่ าบ้าง กลาง
คืนก็เดนิ ตามถนน เดนิ มาก ๆ เท้าก็พอง เดนิ ไมไ่ หวก็มี เริ่มเดนิ ตงั้ แตป่ ี
พ.ศ. 2524 และเริ่มเดนิ ตดิ ตอ่ กนั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ.2526 ตอนท่ีเดนิ ครัง้
แรกยงั เดินไม่ติดต่อเพราะตอนนนั้ เป็ นโรคกระเพาะรุนแรงต้องไปหา
หมอบอ่ ยชว่ งบา่ ยจะมีอาการเรอเหมน็ เปรีย้ วทกุ วนั ออ่ นเพลีย ไมแ่ ข็ง
แรง และเพ่ิงเร่ิมฉนั มือ้ เดียวเดนิ ไปได้ประมาณครึ่งเดือนกวา่ ๆ ยงั
ไมท่ นั เดนิ กลบั เลยโรคกระเพาะก็หายแล้ว เร่ิมแขง็ แรงขนึ ้ นกึ ได้วา่ การ
เดนิ นี่มนั ดี ฝึกอินทรีย์สลบั กบั เรียนสลบั กนั อยา่ งนีท้ กุ ปี เดนิ มาเรื่อย ๆ
เพื่อเป็ นการฝึ กอินทรีย์ให้แข็งแรงพอแข็งแรงมากขึน้ ก็พยายามเดิน
ใกล้ป่ าเข้าไปเร่ือย ๆ ตอนนนั้ ตงั้ ใจจะส�ำรวจป่ า ถ้าอยนู่ านจะได้ดวู า่
ตรงไหนท่ีนา่ อย ู่ จะได้ลองดดู ้วยวา่ เข้าป่ าแล้วจะเป็นอยา่ งไร
สมยั ก่อนตอนเดก็ ๆ ทางครอบครัวประกอบธรุ กิจท�ำโรงเล่อื ย
ใช้คนเล่ือยแผน่ กระดาน การเอาไม้ซงุ ออกมาจากป่ าต้องอาศยั เกวียน
ลากซงุ ออกมา เขาก็คยุ เร่ืองป่ าให้ฟัง เข้าป่ าเป็นอยา่ งนี ้อยา่ งนี ้ ก็เลย
คดิ วา่ จะไปเดินดตู รงที่เขาไปตดั ไม้ ไปนอนป่ า จะดวู า่ สถานที่นนั้ เป็น
อยา่ งไร การบวชมนั เกี่ยวเน่ืองด้วยป่ าวา่ ตรงไหนมนั จะอยเู่ ป็นสขุ ตรง
57 หลวงพ่อเลา่ เรือ่ ง
ไหนจะอยดู่ ี แล้วมนั ก็เป็นการฝึกอินทรีย์ให้แข็งแรง พออินทรีย์แข็งแรง
ก็เข้าป่ า เดนิ เข้าป่ าจริงๆ ก็ปี พ.ศ.2527 เข้าป่ ารอยตอ่ 5 จงั หวดั ชลบรุ ี
ระยอง จนั ทบรุ ี ปราจีนบรุ ี ฉะเชิงเทรา ซง่ึ ในพืน้ ที่ตอนนนั้ ยงั มี ผกค.1 อยู่
ตอนนนั้ ก็เดนิ ข้างนอกหลายปี แล้ว เลยเดนิ เข้าไปกลางดงดบู ้างเดนิ เข้า
ป่ าจากฉะเชิงเทราตรงนนั้ เรียกหนองคอก เป็นที่อยขู่ องป่ าไม้เรียกวา่
“หลมุ จงั หวดั ” เดนิ มาทะลจุ นั ทบรุ ี ชว่ งอยปู่ ่ าชว่ งนีฝ้ ึกมาก คืนแรกไป
จ�ำวดั ท่ี “น�ำ้ ตกบอ่ ทอง” น�ำ้ ตกอยตู่ รงกลางดงลกึ หา่ งไกลบ้านคนมาก
ต้องเดนิ เป็นวนั จงึ เข้าไปถงึ น�ำ้ ตก แล้วก็ไมม่ ีบ้านคน เดนิ ไปถงึ เยน็ ๆ
ก็สำ� รวจที่ปักกลด ตรงนนั้ เรียกวา่ ฝึกความไมก่ ลวั เพราะที่น�ำ้ ตกนก
ตวั ใหญ่ๆ ชอบอยู่ สตั ว์ป่ าเยอะ เวลาเยน็ ๆ นกใหญ่ๆ มนั บนิ เสียงปี ก
มนั ดงั พรึ่บพรั่บๆ คดิ วา่ “วนั นีน้ า่ จะตายตรงนีแ้ หละ” มนั จะคดิ อยา่ งนี ้
เพราะเคยเหน็ ช้างท่ีเวลามนั พดั หแู กวง่ หู เสียงมนั จะดงั พรึ่บพร่ับๆ พอ
ตดั สนิ ใจจะตายตรงนีก้ ็ปักกลดอยกู่ ็ผา่ นมาได้ พอผา่ นได้คืนนนั้ แล้วทีนี ้
สบายแล้ว ไมว่ ติ ก ทกุ ข์ร้อน ฝึกอินทรีย์ให้แขง็ แรง
ผา่ นตรงนนั้ มาได้อกี ไมก่ คี่ นื เกอื บๆ จะออกจนั ทบรุ ีตรงนายายอาม
ยงั เป็นป่ ามากๆ ตรงนนั้ มี ผกค. อยู่ พอปักกลดแล้ว ผกค. เขามาขอ
นอนด้วย เข้ามาทีแรกคยุ กนั แล้วก็จะมาขอรดน�ำ้ มนต์ อาตมาถามวา่
“ท�ำไมยงั รดน�ำ้ มนต์อยเู่ หรอ เป็น ผกค. แล้วท�ำไมจงึ ต้องรดน�ำ้ มนต์” และ
ถามตอ่ วา่ “ท�ำไมจงึ ต้องมาเป็น ผกค.” เขาบอกวา่ ถ้าเขาไมเ่ ป็น ผกค.
พวกหลงจ๊กู ็จะเบียดเบียนเขา พอเป็นผกค. หลงจ๊ตู ้องสง่ เสบียงให้
อาตมาถามเขาวา่ “แล้วอาวธุ ละ่ อยไู่ หน ท�ำอยา่ งไร” เขาบอกวา่ อาวธุ
ฝังดนิ ใสไ่ ว้ในถงั น�ำ้ มนั 200 ลติ ร คยุ กนั เยอะเรื่อง ผกค.ถามหมด อาตมา
หลวงพ่อเลา่ เร่ือง 58 1ผกค. ผูก้ ่อการคอมมิวนิสต์
ไม่กลัวเขาฆ่าทิง้ เหมือนกันนะเพราะ
ตอนนนั้ ความตายยงั ไมไ่ ด้นกึ แตเ่ ค้าก็
เลา่ หมด เขาก็มาคนเดียว อาตมาก็ถาม
ถงึ เส้นทางการเดนิ ในป่ า เขาคยุ ให้ฟัง
มากมาย นี่คือครัง้ หนง่ึ ที่นอนในป่ าแล้วมี
ผกค.มาคยุ ด้วย ธรรมดาแล้ว ผกค.จะไม่
คอ่ ยชอบพระ ถ้าไปกนั เป็นหมคู่ ณะ เขา
ก็จะเข้ามาถามว่าเป็ นพวกสายสืบหรือ
เปลา่ ทีนีอ้ าตมาไมไ่ ด้คิดตรงนนั้ จะคยุ
ในลกั ษณะถามอะไรก็พดู ก็คยุ หมด เขาก็
เลยมาถวายอาหารอยา่ งดี เป็นอยสู่ บาย
มี ผกค.อปุ ัฏฐาก
‘การเดนิ ป่ าได้อะไรมากมาย โดยเฉพาะ
ท�ำให้อินทรีย์แข็งแรง อนิ ทรีย์ในท่นี ี้
หมายถงึ อนิ ทรีย์ ๒๒ พอฝึกอินทรีย์
แขง็ แรงแล้วมนั เป็นประโยชนต์ อ่ การปฏบิ ตั ’ิ
ไมค่ �ำนงึ ถงึ เวลานอน ไมค่ �ำนงึ ถงึ เวลาฉนั
ไมค่ �ำนงึ ถงึ เวลาท่ีจะพกั ผอ่ น ไมก่ งั วล มี
ก็ฉนั ไมม่ ีก็ไมเ่ ป็นไร งว่ งก็นอนไมง่ ว่ งก็
เดนิ อยากจะไปไหนก็ไป เพราะเดนิ ไปไม่
ได้ไปรถ ใจอยากจะไปไหนก็ไปทงั้ นนั้
59 หลวงพอ่ เลา่ เร่อื ง
น่ีคือการฝึกอินทรีย์ให้แขง็ แรง บางทีหมคู่ ณะอินทรีย์ไมแ่ ขง็ แรง ก็ต้อง
อาศยั การฝึกท�ำวตั รสวดมนต์นี่แหละ เอามาเพื่อเป็นข้อวตั ร ท�ำให้มีกิจ
ท�ำประจ�ำแตบ่ างทีถ้าเป็นหมเู่ ป็นคณะอยา่ งนี ้ เราต้องกระต้นุ ตวั เองด้วย
เพราะมนั มีข้อวตั รท�ำแล้ว เราต้องพิจารณาอินทรีย์เป็นวา่ เราออ่ นอะไร
ต้องรู้จกั สภาพของร่างกายด้วย เพราะการท�ำอินทรีย์ให้แข็งแรง ร่างกาย
ต้องไมม่ ีโรคประจ�ำกาย จงึ จะฝึกอินทรีย์ได้ ถ้ามีโรคประจ�ำกาย ปวดโนน่
เจ็บน่ีมนั ฝึกไมไ่ ด้ เพราะทกุ ขเวทนามาก อยา่ งถ้าเทียบตอนนีก้ บั ตอนนนั้
ไมไ่ ด้เลย เพราะการเดนิ ถ้าขายงั เดีย้ งอยอู่ ยา่ งนี ้ เอาชีวิตไมร่ อด ถ้าลอง
เคลด็ ขดั ยอก เป็นจนถงึ เอน็ อกั เสบอยา่ งนี ้ก�ำลงั มนั ไมพ่ อ
สมยั ที่เดนิ นนั่ อินทรีย์มนั แขง็ แรงจริง ๆ ครัง้ หนงึ่ ไปเดนิ ที่น�ำ้ ตก
แล้วจะต้องก้าวยาว ๆ เพ่ือจะก้าวจากหินก้อนหนงึ่ ไปยงั หินอีกก้อนหนง่ึ
มนั สดุ ก้าวเลยต้องออกแรงให้ตวั พงุ่ ไปหนอ่ ย เท้าก็ไปเหยียบท่ีหินอีก
ก้อนหนง่ึ ปลายเท้ามนั ล่ืน เลยล้มฟาดกบั หินด้วยก�ำลงั ท่ีพงุ่ ไปพร้อม
กบั ก�ำลงั ที่ตวั ตอนเอาคางลงไปท่ีหิน ดาว เดือน มนั ขนึ ้ เตม็ ไปหมด
นอนสกั พกั ก็ส�ำรวจตวั วา่ เป็นยงั ไงบ้าง มนั ไมม่ นึ ไมง่ งด้วยนะ ความเจ็บ
ไมป่ รากฏ คางก็ไมบ่ วม กายอินทรีย์มนั แขง็ แรงจริง ๆ แม้แตล่ ้มฟาด
สะเทือนเลอ่ื นลนั่ มนั ก็ไมเ่ ป็นอะไร กระดกู ไมเ่ ป็นอะไร เนือ้ ไมร่ ู้มนั เขียว
ช�ำ้ หรือเปลา่ แตจ่ บั ดมู นั ก็ไมเ่ จ็บ ก็ไมไ่ ด้สนใจไมไ่ ด้ใสย่ า ชว่ งนนั้ เดนิ มา
พอสมควรแล้ว อินทรีย์เรียกวา่ แข็งแรง รู้ตวั เองได้ มนั กระปรีก้ ระเปร่า
เดนิ ไมเ่ หน่ือย เดนิ ทงั้ วนั ไมฉ่ นั ก็ไมเ่ ป็นอะไร แดดจะร้อน ลมจะแรง ฝน
จะตกไมส่ นใจ น่ีคือการฝึกอินทรีย์แข็งแรงแล้วมนั จะท�ำให้เราอดทนสงู
เฉยได้มาก บางทีการอยเู่ ป็นหมคู่ ณะ ฝึกท�ำออ่ นแอไมไ่ ด้
หลวงพอ่ เลา่ เรอื่ ง 60
การ ธรรมะของพระพุทธองค์นัน้ ถ้าทำ�
อยู่ป่ าต้องพร้ อมที่ อ่อนแอเราไม่สามารถเข้าถงึ ความ
จะตายทกุ ขณะ จิตต้องเข้มแขง็ จริงได้ ต้องอดทนมาก ๆ
ตายก็ไมเ่ ป็นไร ตายเราก็ได้ ตอนอยู่ป่ าก็ใช้ วิธี อย่างนี ้
ท�ำความดีที่สดุ แล้ว เอาการ แหละ จะตายก็ไมเ่ ป็นไร ตายก็ดีไม่
บ�ำเพญ็ ความดีของพระพทุ ธเจ้า ตายก็ดี ตายเราก�ำลงั ท�ำความเพียร
มาใช้ให้มาก พระองค์เกิดมานบั ด้วย ตายเพราะความเพียรไมเ่ ป็นไร
ครัง้ ไมถ่ ้วน ท�ำความดีเม่ือยงั ไม่ ไมต่ ายก็ดีจะได้บ�ำเพญ็ บารมีตอ่ ต้อง
ถงึ ท่ีสดุ ตายก็ดีจะได้ไปสสู่ คุ ติ ใช้อยา่ งนีต้ ลอด บางทีพอมาอยเู่ ป็น
“ไหนๆ จะตายแล้ว ตายใน หมคู่ ณะแล้วต้องน�ำหมคู่ ณะ
ค ว า ม เ พี ย ร ดี ก ว่ า ” เร่ืองอินทรีย์นี่ส�ำคญั จงึ ได้
ปรับให้ผ้ทู ี่มาอยใู่ หม่ ๆ มีกิจกรรมท�ำ
เพราะธรรมชาติของคนชอบสบาย
พอชอบสบายแล้ว อินทรีย์มนั ไมแ่ ขง็ แรง ตอนที่เดนิ อยใู่ นป่ ารู้เลยวา่
มนษุ ย์มนั เป็นอยา่ งนี ้ ชอบสบาย ไมช่ อบลยุ พอเหน็ ทางโลง่ ๆ ที่สตั ว์ป่ า
เดนิ ก็จะไปตามทางนนั้ ครัง้ หนงึ่ เดนิ ตามทางท่ีสตั ว์ใหญ่มนั เดนิ ในป่ าน่ี
จะมีป่ าโปร่ง กบั ป่ าละเมาะที่มีต้นไม้ขนึ ้ เตม็ ไปหมด แตม่ นั ก็จะเป็นทาง
เดนิ ของสตั ว์ใหญ่ พวกช้าง กระทิง ววั แดงอะไรพวกนี ้ วนั นนั้ ที่เข้าใจวา่
มนษุ ย์ชอบทางสบายนนั้ พอดีเดนิ ไปเจอทางข้ามขอนไม้ท่ีมนั ล้มลงมา
แล้วสตั ว์มนั ข้ามเสียเป็นมนั เลยก็เลยไปข้ามตรงนนั้ ถือโอกาสนงั่ เสยี
หนอ่ ย พอนง่ั แล้วก็เลยฉนั น�ำ้ เกลือแร่ ฉนั เสร็จก็ม้วนซองเกลือแร่สอดเอา
ไว้ใต้ขอนไม้ เดนิ ตอ่ ไปอีก4 ชวั่ โมง พอเดนิ ข้ามขอนไม้ป๊ บุ อ้าว! เหมือน
กบั ผา่ นมาแล้วน่ี ก็เลยไปด ู ข้างใต้เหน็ ซองเกลือแร่อยกู่ ็ใชเ่ ลย
61 หลวงพ่อเลา่ เรอื่ ง
เหน็ ไหมถ้าเราไมน่ งั่ ฉนั เกลือแร่คงสงสยั วา่ ไมใ่ ชต่ รงนี ้ พอไปดู
ซองเกลอื แร่น่ีชดั เลย 4 ชว่ั โมงกลบั มาท่ีเก่านี่คือธรรมชาตขิ องมนษุ ย์
จะเดนิ ที่สบาย สว่ นช้างและสตั ว์อ่ืนมนั จะเดนิ วนเพื่อหากิน แล้วถ้าเรา
ไปเดินตามรอยช้างก็จะตายอยตู่ รงนนั้ แหละ ตอนนนั้ เป็นการหลงป่ า
ครัง้ แรก รู้เลยวา่ สภาพของการหลงป่ าเป็นอยา่ งไร ถ้าอินทรีย์ไมแ่ ข็งแรง
จิตจะเสยี เพราะไมร่ ู้วา่ จะไปที่ไหน หาทิศไมเ่ จอ ธรรมดาแล้วจะเดนิ ไม่
หลง ท่ีไมห่ ลงเพราะไมม่ ีจดุ หมายจะไปถ้าไมก่ ลบั มาท่ีเก่าก็ไมห่ ลง ไป
ไหนก็ได้ ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ พอหลงแล้วก็ต้องเดนิ เข้าป่ าเลย ไมเ่ ดนิ ตาม
ทางแล้ว เดนิ ดทู ิศตะวนั ออกตะวนั ตก เดนิ มงุ่ หน้าไปทางไหนก็เอาทิศนนั้
เป็นที่หมาย ต้องกล้าลยุ ถ้าอินทรีย์ไมแ่ ข็งแรงมนั ท�ำอยา่ งนนั้ ไมไ่ ด้ ยิ่งใน
หมคู่ ณะแล้วจะต้องมีความเพียรด้วย อยา่ งเวลาสวดมนต์จะต้องน�ำ
หนอ่ ย ๆ มนั จะแมน่ อยา่ น�ำมาก ถ้าน�ำมากมนั จะเตะคนอ่ืนเขา เสยี ง
น�ำเหมือนเป็นตวั กระต้นุ
การฝึกอินทรีย์ฝึกได้ทุกสภาพน่ันแหละ แม้แต่
การท่องหนังสือมันก็ฝึกอินทรีย์ได้ ฝึกให้จ�ำ
แม้แต่ร่างกาย สมองมันฝึกได้หมดนอกจากนี้
มันต้องมีตัวกระตุ้นของตัวเองด้วย คือ ต่ืนตัว
น่ันเอง ชาคริยานุโยค การท�ำความเพียร
ให้ต่ืนเม่ืออินทรีย์แข็งแรงมันจะตื่นได้
หลวงพอ่ เล่าเรื่อง 62
แล้วก็เก่ียวกบั อายดุ ้วย อยา่ งอาตมา มาอยจู่ �ำพรรษาท่ีน่ีปลายปี พรรษา
ที่ 15 ตอนนีม้ นั 35 พรรษาแล้ว ในพรรษาท่ี 14 จ�ำอยทู่ ี่วดั ป่ าอมั พวนั
พรรษาที่ 15 มาอยทู่ ่ีน่ี ก็ประมาณอายุ 40 กวา่ แล้ว ยงั แขง็ แรง ยงั เดนิ
ไมเ่ หน่ือย สมยั แรก ๆ มาที่นี่เดนิ ดนู �ำ้ เดนิ ทงั้ วนั ตอนนนั้ โยมประชนั ก็มา
ตอ่ น�ำ้ ให้ ท�ำระบบใหมเ่ ป็นระบบอตั โนมตั ิ ทีนีก้ ็เลยสบายไมต่ ้องเดนิ
เหมือนเม่ือก่อน มาอยทู่ ี่นี่ก่อนหน้าท่ีมาเดินป๊ัมประมาณปลายปี พ.ศ.
2540 - 2541 เพราะลงมาอยขู่ ้างลา่ งประมาณ พ.ศ. 2539 อยขู่ ้างบน
ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2530 - 2539 ชว่ งแรกก็ลงมาอยทู่ ี่โบสถ์ โยมมาสร้างศาลา
ปลายปี พ.ศ. 2539 พอมีเณรมาอยู่ และบางชว่ งมีพระท่ีค้นุ เคยมาพกั
บ้างก็เลยเอาการท�ำวตั รเข้ามา
สมยั แรก ๆ โยมมาปฏิบตั กิ ็ไมน่ �ำให้ท�ำวตั รเหมือนกนั กลมุ่ โยม
สนิ ชยั ท�ำวตั รไมเ่ ป็น เพราะกลมุ่ ของโยมสนิ ชยั ท�ำงานไฟฟ้ า มีอยู่ 4-5 คน
อาทิตย์หนง่ึ จะมา 2 วนั วนั พฤหสั บดีกบั วนั เสาร์ ก็ขนึ ้ ไปข้างบนเขา
เพราะมาตงั้ แตป่ ลายปี พ.ศ. 2530 ตอนนนั้ ยงั ไมไ่ ด้สอนสวดมนต์เพราะ
อาตมา ยงั แข็งแรงก็เลยต้องตามอาตมา ตอนนนั้ พวกนนั้ ก็แข็งแรง เลย
สอนให้อา่ นพระไตรปิ ฎก นงั่ สมาธิ เดนิ จงกรม หนกั ในการเดนิ จงกรม
กบั นง่ั สมาธิแล้วก็สนทนาธรรม จะเป็นอยอู่ ยา่ งนี ้
สมยั ก่อนตรงนี(้ ศาลา)ยงั เป็นหลมุ ลกู รังอย ู่ ยงั เป็นธรรมชาติ จะ
มีก็แคโ่ บสถ์กบั ศาลาท่ีตอนนีไ้ มไ่ ด้ใช้ ท่ีชา่ งอยู่ แล้วก็กฏุ ิ มีอยเู่ ทา่ นี ้
มีพระดแู ลอยไู่ มต่ ้องลงมาข้างลา่ ง แรกๆ โยมท�ำวตั รไมเ่ ป็น แตน่ อน
น้อยโยมมาฝึกจะนอนน้อยมาก 4 ทมุ่ นอนเหมือนกนั ตี 2 น่ีต่ืนแล้ว
63 หลวงพ่อเล่าเรอื่ ง
นอน 4 ชวั่ โมง ต่ืนขนึ ้ มาโยมยงั อินทรีย์ไมแ่ ข็งแรงก็พาเดนิ ก่อน อยขู่ ้าง
บนเขาจะเดนิ ทางที่มีปนู รอบใหญ่ 4-5 รอบก็เหงื่อออกแล้ว แรกๆ ก็
อยา่ งนี ้จงึ สวดมนต์ไมเ่ ป็น บริกรรมนิดเดียว เพราะผ้ทู ่ีเข้ามาแรกๆ มี
ศรัทธาแขง็ แรง แล้วก�ำลงั ของอาตมาก็ยงั ดีด้วย ไมน่ อนหลายๆ คืนก็ไม่
เป็นไรชว่ งนนั้ ยงั ฝึกโยมได้ แตต่ อนนีไ้ มไ่ ด้แล้ว ตงั้ แตป่ ี ใหมไ่ มไ่ ด้ลง
ท�ำวตั รเม่ือปลายปี พ.ศ. 2550 รู้สกึ วา่ เร่ิมขาดท�ำวตั รแล้วเพราะขา
เร่ิมแสดงอาการ มีชว่ งหนง่ึ เดนิ ขนึ ้ ลงหลมุ ลกู รังขามนั พลกิ เอน็ พลกิ แต่
ไมน่ านมนั ก็หายได้ แตม่ าตอนนีม้ นั ไมห่ าย เดนิ แล้วมนั ตงึ เป็นโรคความ
ดนั ด้วย ตอนนีเ้ลยท�ำความเพียรเหมือนเม่ือก่อนไมไ่ ด้ มนั เก่ียวกบั อายุ
ด้วย เกี่ยวกบั การบริหารร่างกายไมส่ ม�่ำเสมอด้วย ชว่ งหลงั มาวดั ความ
ดนั มนั ก็สงู เป็นปกติ ท่ีเริ่มรู้สกึ วา่ ต้องหยดุ เดนิ ธดุ งด์ก็เพราะมีอยคู่ รัง้ หนง่ึ
เดนิ แล้วหน้ามืด เที่ยงๆ นี่ แดดร้อนๆ ฉนั เสร็จแล้วเดนิ เดนิ แล้วหน้ามืด
ต้องพกั ธรรมดาแล้วไมเ่ คยเป็น เพราะถงึ จะผา่ นแดดหน้าร้อนเปรีย้ ง ๆ
รู้สกึ ทกุ ขเวทนาไมม่ ี บางทคี ดิ วา่ เดนิ ห้องแอร์เสยี ด้วย กลางแดดเปรีย้ ง ๆ
น่ีเดนิ แล้วสมาธิดี พอมีชว่ งหนง่ึ ท่ีเดนิ แล้วหน้ามืด จากนนั้ ก็ไมเ่ คยเดนิ
หนกั เหมือนกบั ตอนนนั้ อีก
“บางทีต้องพิจารณาว่าร่างกายของเราที่มันไม่
แข็งแรงเพราะอะไร ถ้าลองไม่แข็งแรงเพราะ
โรคมันฝืนไม่ได้ ถ้ามันไม่แข็งแรง เพราะความ
ขี้เกียจ ถีนมิทธะเข้าครอบง�ำก็ต้องลุย”
หลวงพอ่ เลา่ เรือ่ ง 64
พออินทรีย์มนั แขง็ แรงจะรู้เลยวา่ มนั กระปรีก้ ระเปร่า เหมือนคน
แขง็ แรงท�ำอะไรนิดๆ หนอ่ ยๆ แตค่ นอ่ืนเขาดวู า่ งานมนั เยอะ เหมือนช้าง
เดนิ ไปชนต้นไม้ ไม้หนกั ๆ มนั ท�ำเหมือนกบั เบาๆ เทา่ นนั้ เอง แตค่ นไม่
แข็งแรงต้องงดั หนกั ๆ เร่ืองของอนิ ทรีย์เป็ นปัจจตั ตงั รู้ได้เฉพาะตน
สำ� รวจดแู ล้วถ้าไมม่ ีโรคประจ�ำตวั ต้องฝึก ถ้าเป็นโรคมนั ฝึกไมไ่ ด้ฝื นไป
ก็ยิ่งช�ำ้ ใหญ่ อยา่ งท่ีเลา่ ให้ฟัง ล้มฟาดหินไปมนั ยงั ไมบ่ วมเลย กล้ามเนือ้
ทกุ สว่ นมนั แข็งแรง มีโยมคนหนง่ึ บอก เขาเหน็ อาจารย์ก่อนท่ีจะออกเดนิ
ไมน่ า่ จะเดนิ ไหวเลย พอมาเจออีก 2 ปี บอกวา่ อาจารย์แขง็ แรงจงั อินทรีย์
มนั ฝึกได้ บางทีตงั้ กฎท�ำวตั รไว้นี่ไมไ่ ด้เอาไว้เพ่ือคนอ่ืนแตท่ �ำไว้เพื่อตวั
เองมนั ต้องท�ำให้ยิ่งขนึ ้ ฝึกอินทรีย์ให้แข็งแรง เพราะในพระพุทธ
ศาสนา ถ้าเรามีอนิ ทรีย์แขง็ แรง ถนี มทิ ธะจะไม่เข้าครอบงำ� นิวรณ์
จะไม่ครอบงำ� นิวรณ์เปรียบเหมือนการเป็ นหนี้ ถ้าเราพ้นจากความ
เป็นหนี ้ พ้นจากความเป็นโรค พ้นจากการตดิ คกุ พ้นจากความเป็นทาส
พ้นจากการเดนิ ทางไกล จิตใจมนั จะสบาย ถ้าอินทรีย์เราแข็งแรงจะพ้น
จากพวกนีห้ มดเลย ท�ำอะไรก็ได้ อยทู่ ี่ไหนก็ได้ มนั ไมไ่ ด้ท�ำเพื่อคนอื่น ท�ำ
ไว้เพื่อตวั เอง พอท�ำในหมคู่ ณะเราจะคดิ วา่ ท�ำเพื่อคนอื่นแตจ่ ริง ๆ แล้ว
มนั ไมใ่ ช่ เราต้องดดู ้วยตวั เราเอง เพราะถ้าท�ำด้วยการฝื นสงั ขารเป็นการ
ไมใ่ ช้ปัญญาก็ไมด่ ี บางทีพออาตมาอายมุ ากๆ ก็ต้องปลดเกษียณ
แล้ว ชกไมไ่ หวกต็ ้องลาสงั เวยี น ชกไหวกช็ กไป ในพระพทุ ธศาสนาต้องใช้สติ
อัตตา หิ อตั ตโน นาโถ
ตนแล เปน็ ทพ่ี งึ่ ของตน
65 หลวงพ่อเล่าเร่ือง
ถ้ายงั เป็นที่พง่ึ ของคนอ่ืนได้ก็เป็น ถ้าไมไ่ ด้ก็ต้องปลดเกษียณแล้ว คนที่
จะท�ำอินทรีย์ให้เข้มแข็ง จะฝึกได้ต้องมีศรัทธา อยา่ งสมยั ก่อนท่ีอาตมา
เดนิ ก็มีศรัทธาในศาสนาพระพทุ ธองค์ก่อนท่ีจะตรัสรู้ก็อยปู่ ่ าเหมือนกนั
พระพทุ ธองค์เคยจ�ำพรรษาอยทู่ ่ีเวฬวุ นั แล้วพอไปเดนิ เจอป่ าไผก่ ็เลย
ลองจ�ำพรรษาที่เวฬวุ นั มนั มีแตป่ ่ าไผ่ อยา่ งที่จนั ทบรุ ีก็เดนิ ไปไมม่ ีจดุ
หมายอยา่ งนีแ้ หละ ฉนั อาหารอยเู่ จอโยม โยมก็นิมนต์ให้พกั ธรรมดา
แล้วเวลาเดนิ อยา่ งนีจ้ ะไมร่ ับกิจนิมนต์ แตพ่ อไปเจอป่ าไผแ่ ล้วโยมมา
นิมนต์ให้พกั โยมก็เข้าใจนิมนต์ด้วย เขาบอกวา่
“ถ้าหลวงพ่อมาจำ� พรรษาอย่ทู นี่ ่ี
พวกผมจะได้รักษาศีล พวกผมจะได้ถงึ ไตรสรณคมน์”
พอเจอโยมนิมนต์อยา่ งนีม้ นั ก็ไปไมเ่ ป็นแล้ว แล้วก็เจอป่ าไผ่ พระพทุ ธ
องค์ เคยรับป่ าไผเ่ ป็นวดั ครัง้ แรกในศาสนาท่ีพระเจ้าพิมพิสารถวาย ก็
เลยลองจ�ำพรรษาดู ก็ให้โยมพาส�ำรวจป่ าไผ่ โยมคนนีเ้ขาเป็นคนดแู ล
สวนของนายต�ำรวจ เขาบอกวา่ เขาจะได้รักษาศีล จะได้ถงึ ไตรสรณคมน์
พอฉนั เสร็จก็เตรียมไปดทู ี่พกั ก็ไปเจอหินก้อนหนงึ่ มนั เสมอกนั เป็นที่นอน
หลวงพ่อเลา่ เรอ่ื ง 66
ได้เหมือนกบั เตียง มีต้นไม้ข้างก้อนหินต้นหนงึ่ พอดี อาตมาจะจ�ำพรรษา
ตรงนีแ้ หละ เตรียมแขวนกลด แล้วฝนก็ตกด้วย จนั ทบรุ ีน่ีฝนตกชกุ ก็ไป
ทงั้ ฝนตกอยา่ งนนั้ แหละ อาตมาก็กางกลดแล้วก็เข้ากลดเพราะยงุ เยอะ
โยมก็เอามีดมาสางกอไผ ่ พอใกล้เข้าพรรษา ลกู น้องเขาไปบอกนาย
ต�ำรวจสนั ตบิ าลที่เป็นเจ้าของไร่วา่ มีพระมาอยู่ นายต�ำรวจบอกวา่ “ถา้
มึงรกั ษาศีลถึงไตรสรณคมน์ กูจะปลูกกฏุ ิใหพ้ ระ” ครอบครัวนีเ้ขามี
ศรัทธามาก เอาควายลากกระดาน ลากของขนึ ้ มาปลกู กฏุ ิบนป่ าเป็น
ภเู ขา นายต�ำรวจมาท�ำกฏิอยคู่ นเดียว มงุ จากคนเดียว ฝนตกตลอดแกก็
ไมห่ ยดุ เลย ถอดเสอื ้ มงุ ปลกู กฏุ ิมีม้งุ ลวด ใช้ไม้มะคา่ ด้วยนะเป็นกฏุ ิมงุ
จากทรงไทย ธรรมดาจะจ�ำพรรษาอยพู่ รรษาเดียว ด้วยศรัทธาของเขา
ต้องจ�ำพรรษาอยู่ 2 พรรษา เพราะเขาท�ำอยคู่ นเดียวเกือบครึ่งเดือน มี
ศรัทธามาก ๆ พอคนศรัทธาแล้วเปล่ียนพฤตกิ รรมได้
พอหน้าแล้ง จ�ำพรรษาครบแล้วอาตมาก็ก�ำหนดเพ่ือจะออกเดนิ ปกตจิ ะ
ต้องมาเยี่ยมอาจารย์ เยี่ยมอปุ ัชฌาย์ เย่ียมโยมแม่ ตอนนนั้ ยงั มีภารกิจ
๓ อยา่ งเทา่ นนั้ เอง พอถงึ กำ� หนดเดนิ กถ็ า่ ยท้องต้องไปนอนอยโู่ รงพยาบาล
67 หลวงพอ่ เลา่ เรอ่ื ง
กลับมาพรุ่งนีก้ ็ต้องออกเดินแล้วพอเดินโยมก็
สะพายบริขาร อาตมาก็เดนิ น�ำ เดนิ ไปตอนบา่ ย
ก็ต้องหยดุ เพราะเพลีย เดนิ ไปบอกโยมวา่ โยม
กลบั ไปเถิด เดี๋ยวอาตมาจะไปแล้ว โยมร้องไห้
น�ำ้ ตาไหลเลย ไมร่ ู้วา่ จะได้กลบั หรือเปลา่ เพราะ
ถ่ายท้องเพ่ิงให้น�ำ้ เกลือมา
อาตมาเดนิ ออกมาตรงนนั้ เรียกวา่ ‘ปะตง’
จะต้องเดนิ ตดั ป่ าออกมาอีกครัง้ เคา้ เรยี กวา่ ‘จนั เขม’
ต้องเดนิ ผา่ นป่ า ก่อนค่�ำอาตมาไปพกั อยกู่ บั คณะ
พรานป่ า เช้ามาเขามาถวายอาหาร แล้วถาม
อาตมาวา่ จะไปไหนกบ็ อกวา่ จะเดนิ ไปฉะเชงิ เทรา
ถ้าจากจนั ทบุรีจะไปฉะเชิงเทราก็ต้องผ่านตรงนี ้
แหละ เขาก็บอกวา่ จะพาไป อาตมาเองก็อยากะรู้
ป่ าตรงนนั้ ด้วย เพราะมนั เป็นป่ ากระวาน บน
ภเู ขาเขาปลกู กระวานกนั
‘เขาเป็ นพรานป่ าแต่ ไปกับอาตมา
ไม่ มีปื นแล้ วเขาบอกว่ าไปกับอาจารย์
สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเขาไม่เคยเข้าป่ า
แบบไม่มีปื นเลย เขากบ็ อกว่าดสู พิ อมากับ
อาจารย์แล้ว เก้งมันมาเดนิ ให้เหน็ ใกล้ ๆ
อย่อู ย่างน้ีเหน็ แล้วสบายใจ มันสวยงามด’ี
อยใู่ นป่ าเขาไมต่ ้องเตรียมเสบียงไป ธรรมชาติ
ของพรานป่ า ถ้าเขาไปอยปู่ ่ าหลาย ๆ วนั เขา
เตรียมข้าวสารเอาไว้เยอะ ๆ พอออกมาจากป่ า
ถ้ามีข้าวสารเหลอื เขาก็จะเอาไปซอ่ นไว้ พอ
อาตมาไปอยใู่ นป่ าถงึ เวลากลางคืนก็พกั พอเช้า
เขาบอกวา่ เด๋ียวจะไปหาหม้อข้าว อาตมาถามวา่
โยมไมไ่ ด้เตรียมมาจะไปหาท่ีไหน เขาบอกวา่
ธรรมชาติของพรานป่ าจะรู้เลยว่าตรงไหนเป็ นจดุ
เขาจะไปเอาหม้อข้าว ข้าวสารน�ำ้ ปลา พริก เกลอื
ถ้าเข้าป่ าไปทางจนั ทบรุ ี เข้าไปเถอะไปหาแล้วก็
จะเจอ เขาบอกวา่ จะเป็นอยา่ งนี ้ ไมต่ ้องกลวั อด
ข้าวสารมีแนเ่ พราะเขาจะเก็บเอาไว้อยา่ งดี มี
หม้อมีอะไรสารพดั เขามาสง่ อาตมาในป่ า สง่ ได้
คร่ึงทางก็กลบั
ตอนนัน้ อาตมาก็เดินคนเดียวคนที่อยู่
พบเหน็ ก็เกิดศรัทธา บางทีในพระพทุ ธศาสนา
คนท่ีจะท�ำให้ ศรัทธาเกิดได้ ก็ส�ำคั¬เหมือนกันท่ี
จะต้องท�ำอินทรีย์ให้แข็งแรง เหมือนกบั โยมเข้า
มาอยา่ งนี ้ พระมาบวชอยา่ งนี ้ ก็มีศรัทธา ศรัทธา
ตวั นีต้ ้องท�ำให้แข็งแรง มนั จะชว่ ยดงึ ตวั อื่น
เหมือนกบั อาตมาท่ีเอาศรัทธาเป็ นตวั น�ำแล้วก็ใช้
ความเพียรตาม น�ำคนอ่ืนเขาได้เยอะแล้วก็ไมไ่ ด้
หวงั ให้คนโน้นคนนีม้ าเลือ่ มใส ท�ำให้ดอู ยา่ งกบั มี ผกค. มานอนด้วย
มานอนคยุ เหมือนกบั ลกู ศษิ ย์ คือถามอะไรตอบหมด ถามตรงไหนรู้หมด
ตอนหลงั มาเดนิ หลาย ๆ ครัง้ จากที่พวก ผกค. พดู ไว้เขาบอกวา่ ในป่ ามนั
มีเสือ รอยเท้าของมนั ใหญ่เทา่ กบั จานข้าว ไมร่ ู้วา่ ตวั มนั จะใหญ่แคไ่ หน
อยคู่ นเดยี วได้ยนิ เสยี งกก็ ลวั แล้วแตอ่ าตมาไมเ่ คยเจอเสอื เดนิ จากนครนายก
ขนึ ้ ไปที่เขาใหญ่ ออกไปจากทางนีก้ ็เดนิ ป่ าไปรอยตอ่ 5 จงั หวดั แล้วก็ไป
เดนิ ป่ าชัยบาดาล เดนิ จากเพชรบรู ณ์มาทะลชุ ยั ภมู ิ ลกู ศษิ ย์ท่ีเรียน
อภิธรรมจบ มาบอกวา่ อยากจะเดนิ ไปพิษณโุ ลก บอกอาจารย์พาไป
หนอ่ ย อาตมาไมข่ ดั ใจเลยลกู ศษิ ย์บอกให้พาเดนิ ตอนไปก็มีมหาณรงค์
เดนิ ไปด้วย ไปกนั 3 รูป เดนิ เกือบ
เดือนไปถงึ พิษณโุ ลก แตข่ ากลบั ตา่ ง
คนตา่ งกลบั อาตมาเดนิ จากพิษณโุ ลก
มาเข้าชัยภูมิต้องผ่านป่ าเหมือนกัน
ไม่เคยเจอเสือ ไปเจอสตั ว์ใหญ่คือ
กระทิงท่ีเขาใหญ่ ตรงนนั้ มนั เป็นทาง
เดนิ ของมนั มนั ก�ำลงั เดนิ ขนึ ้ เขา
อาตมาเดนิ ลงเขา อาตมาเหน็ ก่อน
แล้วอาตมาก็ยืน มนั ก็เดนิ เข้ามา
อาตมาก็สงั เกตมนั อยู่ มนั เดนิ เข้ามา
พอเหน็ อาตมามนั ก็หยดุ อาตมาก็ดซู ิ
ว่าสมาธิใครจะดีกว่ากันดูกันสักพัก
มนั โดดเลยนะ แสดงวา่ สมาธิเราดี
กวา่ ถ้ากระทิงมนั ว่ิงเข้าใสก่ ็ต้องหลบ
หลวงพอ่ เลา่ เรือ่ ง 70
เหมือนกนั นะ นนั่ คือเจอสตั ว์ซง่ึ ๆ หน้าเลยเพราะเป็นทางเดินของมนั ใน
ป่ ามนั มีสภาพตา่ งๆ บางทีเป็นป่ า ๒ ชนั้ ต้นไม้มนั ขนึ ้ เป็นสองชนั้ ขนึ ้ เป็น
อีกระดบั หนงึ่ มองตรงกลางนี่จะโปร่ง ไม้บางชนิดมนั ขนึ ้ มาสงู พอดีหลงั
ช้าง ช้างมนั ก็จะใช้เป็นทางเดนิ ของมนั ทางที่มีสตั ว์ใช้มาก ๆ ก็เป็น
เหมือน ซปุ เปอร์ไฮเวย์ เพราะสตั ว์ท่ีมนั เดนิ หากินมนั จะเดินเป็นระยะ
ทางหลาย ๆ กิโลเมตร จะเดนิ เป็นทางตรง เตียนโลง่ ตอนอาตมาอยู่
กรุงเทพก็เหน็ วา่ ซปุ เปอร์ไฮเวย์นี่รถมนั วง่ิ คลอ่ งเป็นทางตรง วนั นีก้ ็เลย
เดนิ ซปุ เปอร์ไฮเวย์ เดนิ ป่ าแล้วอารมณ์ดี โดยเฉพาะพวกสตั ว์เลก็ ๆ พวก
ไก่ฟ้ านี่มีเยอะ ไก่ฟ้ าสวยมาก ๆ สสี วย มนั มาเดนิ อยใู่ กล้ ๆ สตั ว์ท่ีไมเ่ คย
เหน็ คนมนั จะไมก่ ลวั คน มนั คดิ วา่ เป็นสตั ว์อีกจ�ำพวกหนง่ึ เวลาท่ีปัก
กลดก็อยใู่ กล้ ๆ มนั อาตมาไปที่เขาให¬ก่ ็มีกวาง อาตมาก็นง่ั อยใู่ กล้ ๆ
มนั เหมือนกบั คนละพวก ท่ีไปนง่ั ดมู ีเก้ง มีกวาง มีช้างบ้าง แตช่ ้างมนั ไม่
เข้าใกล้ ได้กลน่ิ แล้วมนั จะไปไกล ท่ีเขาใหญ่มีทงุ่ หญ้า ถงึ เวลาพวกสตั ว์
มนั จะมาหากินที่ทงุ่ หญ้า เขาใหญ่จงึ เป็นที่ดสู ตั ว์
การฝึกอินทรีย์มนั ก็มีผลพลอยได้เยอะ มีความรู้เยอะ ได้ฝึกจิต
ให้แข็งแรง เม่ือเราเข้าสศู่ าสนาแล้ว บางทีการฝึกอินทรีย์ก็เป็นสงิ่ จ�ำเป็น
‘เมือ่ อินทรีย์แข็งแรงแลว้ นิวรณ์ก็ไม่ครอบง�ำ เหมือนกบั
คนทีห่ มดหนี้ เหมือนกบั คนทีร่ ่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย
เหมือนกบั คนทีบ่ ริสทุ ธ์ิไม่ติดคกุ ไม่มีโทษ ไม่มีชนกั ติดหลงั
เหมือนกบั คนทีพ่ น้ จากความเป็นทาสมีอิสระ เหมือนกบั
คนทีผ่ ่านการเดินทางทีม่ นั เหน็ดเหนือ่ ย มนั จะเกษมแค่ไหน’
71 หลวงพ่อเลา่ เรื่อง
มนั จะปลอดโปร่งแคไ่ หน โดยเฉพาะสภาพของมนั ถ้าเราแยกมนั ไมอ่ อก
นกึ ไมอ่ อก บางทีภาพมนั ยงั ไมช่ ดั แตถ่ ้านกึ ออกแล้ว รู้จกั มนั แล้ว รู้จกั
นิวรณ์ รู้จกั การเป็นหนี ้ รู้จกั การเป็นโรค รู้จกั การติดคกุ รู้จกั การเป็นทาส
รู้จกั การเดินทางไกลในที่กนั ดาร มนั จะเปรียบกนั ได้ชดั เจน จิตใจมนั จะ
เป็ นอิสระ
จากนามธรรมก็พดู เป็นรูปธรรมได้เทา่ นี ้ พระพทุ ธองค์ทา่ นจะ
เปรียบไว้มาก อยา่ งอาตมาชว่ งเยน็ ๆ ที่ท�ำวตั รได้อา่ นพทุ ธพจน์นิด
หนอ่ ยก็ยงั มีการเปรียบเทียบ อยา่ งเชน่ “เราจะไม่ทำ� กับพวกเธออย่าง
ทะนุถนอม เหมือนอย่างนายช่างหม้อ ทำ� หม้อท่ยี ังเปี ยกยังดบิ
อย่เู ราจะขนาบแล้วขนาบอีก ข่มแล้วข่มอีกไม่มีหยุด ผู้ใดมี
มรรคผลเป็ นแก่นสารผู้นัน้ จกั ทนอย่ไู ด้” พระพทุ ธองค์จะมีข้ออปุ มา
อปุ มยั ค�ำสอนของพระองค์ท�ำนามธรรมให้เป็ นรูปธรรมก็โดยอาศยั การ
อปุ มาอปุ มยั ในการปฏิบตั เิ ราต้องดทู งั้ ข้างนอกและข้างใน บางทีก็ต้อง
เอาตวั อยา่ งมาเปรียบเทียบ อยา่ งวนั นีค้ ยุ ถงึ เรื่องการปรับอินทรีย์ การฝึก
อินทรีย์ท�ำอินทรีย์ให้แขง็ แรง ก็ต้องท�ำในขณะที่ร่างกายยงั แข็งแรง
ร่างกายไมม่ ีโรค ถ้ามาปรับในวนั ที่มีโรคแล้ว พระพทุ ธองค์ตรัสวา่ มนั
ไมใ่ ชส่ มยั ท่ีจะท�ำความเพียร เราได้เข้ามาสถู่ ่ินสทู่ ี่ของการปฏิบตั ิ
พยายามท�ำอินทรีย์ให้แขง็ แรง มนั ก็พ้นจากความเป็นโรค พ้นจากความ
เป็นหนี ้ พ้นจากการตดิ คกุ พ้นจากความเป็นทาส พ้นจากการเดนิ ทาง
ไกลท่ีกนั ดาร วนั นีเ้วลาพอสมควร
หลวงพอ่ เล่าเรือ่ ง 72
บุญเป็นชื่อของความสุข
แตค่ วามสขุ บางอยา่ งไมเ่ ป็นบญุ เชน่ โจรท�ำงาน
สำ� เร็จมีความสขุ งานของโจรเป็นงานที่ท�ำความทกุ ข์
ให้กบั ผ้อู ื่น ความสขุ อยา่ งนีไ้ มเ่ ป็นบญุ เวลาเราจะ
ท�ำบญุ เราจะนกึ ถงึ วดั เพราะวดั เป็นแหลง่ ของบญุ
สว่ นมากเราเข้าใจกนั อยา่ งนนั้ แล้วก็เป็นอยา่ งนนั้
จริงๆ เพราะเหตใุ ห้เกิดบญุ มี ๑๐ ประการ หรือ ๑๐
อยา่ ง มีการให้ทาน รักษาศีลเป็นต้น แตใ่ นท่ีนี ้
ต้องการให้รู้จกั ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อน�ำมาใช้ใน
ชีวติ ประจ�ำวนั
ต้องรู้จกั
ศีล คือ อะไร
สมาธิ คือ อะไร
ปัญญา คือ อะไร
หลวงพ่อเลา่ เรอื่ ง 74
รักษาศีลท�ำไม รักษาศีลแล้วเราจะได้อะไร ถ้าเราไม่
รู้จกั ศีล ไมร่ ู้วา่ จะรักษาศีลท�ำไม (เราจะไมไ่ ด้ประโยชน์
เลย) เราจะได้ประโยชน์น้อย
ถ้าเรารู้จกั ศีล ท�ำศีลให้มีก�ำลงั ท�ำสมาธิให้มีก�ำลงั ท�ำ
ปัญญาให้มีก�ำลงั สามารถตรวจสอบได้วา่ ศีลแขง็
แรง หรือไม่ แขง็ แรง เราจะได้ประโยชน์มาก ฉะนนั้
การจะท�ำศีลให้มีก�ำลงั ต้องรู้จกั ศีล ต้องรักษาศีลให้
เป็น การจะท�ำศีลให้มีก�ำลงั ต้องตงั้ เจตนา
“ตนื่ ลืมตาขนึ้ มา เราต้องตั้งใจวันน้ี
เราจะไม่ให้ความโกธร ออกมาทางคำ� พูด
ทางการกระทำ� ตอนนอนหลับตา
เรากต็ ้องสำ� รวจวันนี้เราห้ามความโกรธ
ได้หรือไม่ได้”
ตื่นขนึ ้ มาวนั ใหมเ่ ราต้องตงั้ เจตนาอีก ท�ำอยา่ งนีท้ กุ ๆ
วนั ต้องท�ำบอ่ ยๆ การสง่ั สมต้องท�ำบอ่ ยๆ พอเราท�ำ
บอ่ ยๆ ความนิ่ง ความเงียบ ความสงบจะเกิดขนึ ้
75 หลวงพ่อเลา่ เร่ือง
การรักษาศีล การท�ำสมาธิมีการอดทนเป็นเบือ้ งแรก กายจะ
สงบ วาจาจะสงบใจจะสงบต้องอดทน อดทนนานๆ จะเกิด
ความน่ิง น่ิงอยา่ งคนมีศีล น่ิงอยา่ งคนมีสมาธิ นิ่งอยา่ งคนมี
บญุ จะน่ิงไมเ่ หมือนกนั
น่ิงอย่างคนมีศีลต้องอดทน
นิ่งอย่างคนมีสมาธิต้องอดทน
นิ่งอย่างคนมีบุญจะเบากายเบาใจ
จติ ปลอดโปร่ง สมองโปร่งโล่ง
บุญเป็ นเหตุให้เกดิ ปัญญา
ปัญญาเป็ นเหตุให้เกดิ บุญ
การสั่งสมบุญต้องทำ� บ่อยๆ
หลวงพ่อเล่าเรือ่ ง 76
ท�ำ ประกนั ชีวิตด้วยศลี
ประกันชวี ิต ด้วยศีลข้อ 1
ประกนั ทรพั ย์สิน ดว้ ยศลี ข้อ 2
ประกันครอบครัว ดว้ ยศลี ขอ้ 3
ประกันสังคม ดว้ ยศลี ข้อ 4
ประกันสตปิ ัญญา ดว้ ยศลี ขอ้ 5
เกร็ดธรรมคำ�สอน
หลวงพ่อมหาตอง
เร่ืองของศีล
หลวงพอ่ มกั จะถามลกู ศษิ ย์อยเู่ สมอวา่ “มาวัด
บ่อยๆ รู้ไหมว่าศีลคืออะไร” บางคนก็ตอบวา่ ศีล 5 บ้าง
ศีล 8 บ้าง แตกตา่ งกนั ไป ทา่ นตอบวา่ ไมใ่ ช่ “ศีล คือ การ
สำ� รวมกาย สำ� รวมวาจา” เมื่อสำ� รวมกาย และวาจาได้
แล้ว ก็จะสำ� รวมใจได้ด้วย พอเราตงั้ ใจรักษาศีล ศีลจะมี
ก�ำลงั พอศีลมีก�ำลงั สมาธิก็จะดี ปัญญาก็จะเกิด
ของดีของหลวงพ่อ
ในขณะที่มีการรวบรวมข้อมูลในการท�ำหนังสือ
ผ้เู ขียนได้ขอโอกาสไปขอของดีของหลวงพอ่ เพ่ือจะบนั
ทกึ สงิ่ ท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ คนรุ่นหลงั ค�ำตอบท่ีผ้เู ขียนได้
จากหลวงพอ่ คือ “ศีล” ทา่ นบอกว่าศีลดที ่สี ุดแล้ว เป็ น
สุดยอดในพุทธศาสนา และยงั บอกอีกวา่ ถ้าบอกของดี
ไปหมดแล้วจะไมม่ ีคนมาวดั ทา่ นพดู ไปหวั เราะไป ท�ำให้
ผ้เู ขียนคดิ วา่ ใครอยากได้ของดี ต้องมาวดั ด้วยตวั เอง แค่
มาวดั แล้วมีโอกาสได้สนทนาธรรมกบั หลวงพอ่ ผ้ทู ี่มาก็
จะได้ของดีแล้วทกุ คน
เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพอ่ 80
บุญ ช่ือของความสุข
“อาตมาต้องการให้โยมรู้
อะไรคือศีล
อะไรคือสมาธิ
อะไรคือปัญญา”
“บุญคืออะไร บุญเป็ นช่ือของความสุข”
นีเ้ป็นเพื่องบางสว่ นของเสยี งหลวงพอ่ ท่ีผ้ไู ด้มี
โอกาสมาท�ำบุญท่ีวัดในตอนเช้ า จะได้ ยินได้ ฟังกัน
อยเู่ สมอ ด้วยความเมตตาของทา่ นที่มีแก่ญาตโิ ยมท่ีมา
ท�ำบญุ ที่วดั ไมว่ า่ จะเป็นผ้มู าเก่ามาใหมก่ ็ตาม ทา่ นจะ
เน้นในเร่ืองของบญุ และศีล เพ่ือท่ีจะให้ญาตโิ ยมเข้าใจวา่
บญุ คืออะไร เหตใุ ห้เกิดบญุ คืออะไร ทา่ นจะสอนให้รู้จกั
การท�ำบญุ ที่ได้บญุ โดยจะยกตวั อยา่ งอปุ มาอปุ มยั กบั
เร่ืองราวในสมยั ครัง้ พทุ ธกาลและในปัจจบุ นั ให้ฟัง เพ่ือให้
ญาตโิ ยมได้รับประโยชน์ท่ีแท้จริง สงิ่ นนั้ คือ “บุญท่เี ป็ น
ช่ือของความสุข” นน่ั เอง
81 เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
ทางพ้นทุกข์
ในทกุ วนั นีม้ ีผ้คู นมากมายเร่ิมสนใจเข้ามาศึกษา
ปฏิบตั ธิ รรมกนั คนที่เร่ิมเข้ามาศกึ ษามกั จะคดิ เหมือนกนั
วา่ ปฏิบตั แิ ล้วจะได้พบความ สขุ ไหม? จะพบความ
เจริญก้าวหน้าทางธรรมหรือเปลา่ ? จะเหน็ ทางพ้นทกุ ข์
จริงหรือ ? หลายคนคิดวา่ ผ้ทู ่ีมีบญุ เก่าสะสมมาจะท�ำได้
งา่ ย กวา่ ใชห่ รือไม?่ แตถ่ ้าไมม่ ีบญุ เก่าต้องท�ำอยา่ งไร?
ค�ำถามตา่ ง ๆ เกิดขนึ ้ มากมาย แตแ่ ล้วก็เหมือนมีแสง
สวา่ งเกิดขนึ ้ ในความมืด หลวงพอ่ เมตตาให้สตใิ นเช้าวนั
หนง่ึ ทา่ นได้เทศน์เร่ืองการปฏิบตั วิ า่ “ผู้ปฏบิ ตั ิ จะต้อง
มีความเพยี รพยายามในการปฏบิ ตั ิ สะสมเจริญ
ปัญญา เพ่อื ให้ได้พระธรรมตามพระพุทธเจ้า ไม่ใช่
ว่าจะมามัวรอบุญเก่า ต้องมีสตริ ะลึกความไม่มีตวั
ไม่มีตน ถ้ายังหลงอย่ใู นความเป็ นเรา เป็ นของเรา
ชีวติ กไ็ ม่มีทางพ้นทกุ ข์ ในทกุ ๆวันเราต้องปฏบิ ตั ิ
ตามคำ� สอนของพระพุทธเจ้า เดนิ ตามทางท่ที ่าน
เป็ นผ้ชู บี้ อก เราต้องทำ� เองเพ่อื ความพ้นทกุ ข์สนิ้ เชงิ
จะคอยหวังให้อะไรมาช่วยมันไม่มีทาง”
เกลด็ ธรรมคำ�สอนหลวงพ่อ 82
พระธรรมวินัย
หลวงพอ่ เป็นผ้มู ีปฏิปทา ในการรักษาพระธรรม
วนิ ยั อยา่ ง เคร่งครัด และยงั เป็นผ้รู อบรู้ในพระไตรปิ ฎก
ครัง้ หนง่ึ มีโยมเดนิ ทาง มาจากกรุงเทพฯ กราบเรียนถาม
หลวงพอ่ ในเรื่องการฉนั น�ำ้ ปานะของ พระและผ้ถู ือ
อโุ บสถศีล วา่ บางวดั อนญุ าตใิ ห้พระฉนั นมถวั่ เหลืองได้
แล้วที่วดั นีพ้ ระฉนั ได้หรือเปลา่ คะ หลวงพอ่ ทา่ นเลอื กท่ี
จะไมต่ อบด้วยค�ำพดู ของทา่ น แตล่ กุ เดนิ ไปหยิบหนงั สอื
พระไตรปิ ฎกมาเปิ ดให้โยม ลองอา่ นด ู เกี่ยวกบั เรื่องที่
โยมสงสยั .....
ต้องใช้ปัญญา
วนั หนง่ึ มีโยมมาเลา่ ให้หลวงพอ่ ฟังเก่ียวกบั การปฏิบตั ธิ รรมรูป
แบบใหม ่ ปฏิบตั แิ ล้วเหมือนมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ หลวงพอ่ นงั่ ฟังเงียบ
ๆ จนโยมเลา่ จบแล้วกลา่ ววา่ “คนในปัจจุบนั นีต้ ้องใช้ปัญญาแยก
ให้ออกว่าอันไหนเป็ นศาสนาพุทธ อันไหนไม่ใช่ ถ้าอันไหนสอน
แล้วไม่ทำ� ให้เกดิ ปัญญา ไม่ดเี ลย” คนเราไมว่ า่ จะอยทู่ ี่ไหน ถ้า
แยกสงิ่ ที่ดีและไมด่ ีออกจากกนั ไมไ่ ด้ ท่ีนนั้ ก็ไมน่ า่ อย ู่ บางทีไปยกยอ่ ง
คนไมด่ ี อนั นีไ้ มถ่ กู พอความจริงเปิ ดเผย ก็มีแตค่ วามเสียหายให้สว่ น
รวม...
83 เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพอ่
ประโยชน์ของความเงียบ
หลวงพอ่ มกั จะเน้นเสมอคอื เร่ืองของความเงยี บ
หลวงพอ่ จะเทศน์อยบู่ อ่ ยๆ ในเร่ืองของความเงียบ ทา่ น
บอกวา่ ให้เรารู้จกั เงียบเวลามาวดั ก็อยา่ คยุ กนั แตใ่ ห้พดู
กนั เพราะวา่ ถ้าคยุ แล้วจะไมร่ ู้จกั จบ แตถ่ ้าพดู กนั ก็จะจบ
คือพอหมดเรื่องท่ีจะพดู กนั ก็จะหยดุ พดู การพดู น้อยนนั้
เป็นสงิ่ ท่ีดี เพราะเป็นการสำ� รวมกาย และสำ� รวมวาจา
เม่ือเราส�ำรวมกายและวาจาแล้วก็จะท�ำให้ใจของเราสงบ
ได้ หลวงพอ่ กไ็ ด้ยกเร่ืองในสมยั พทุ ธกาลมากลา่ วให้ฟังวา่
“พระเจ้าอชาตศัตรูได้เสด็จไปเฝ้ าพระพุทธเจ้า
ขณะท่ีทรงประทบั อยทู่ ี่ชีวกมั พวลั ย์ พร้อมด้วยพระภิกษุ
สงฆ์จ�ำนวน1,250 รูป เม่ือเสดจ็ ไปถงึ ก็ทรงแปลกพระทยั
มาก เพราะที่นน่ั เงียบสงดั เหมือนไมม่ ีคนอยเู่ มื่อเข้าใกล้
จงึ ได้เหน็ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ประทบั อยพู่ ร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์จ�ำนวนมากแวดล้อมอยู่ ทรงเหน็ วา่ พระภิกษุสงฆ์ท่ี
นง่ั แวดล้อมอยนู่ งั่ อยอู่ ยา่ งสงบนิ่ง ปราศจากความคลื่อน
ไหว ไมม่ ีเสียงกระแอม ไอ หรือจามแม้แตน่ ้อย ทรง
เลอ่ื มใสในอิริยาบถของภิกษุทงั้ หลาย ทรงไมเ่ คยเหน็
บริษัทท่ีเรียบร้อยอยา่ งนีม้ าก่อน”
เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพ่อ 84
นอกจากเร่ืองนีแ้ ล้ว หลวงพอ่ ได้กลา่ วถงึ เร่ืองในสมยั พทุ ธกาล
อีกวา่ ความสงบเสง่ียมเรียบร้อยของหมพู่ ระภิกษุสงฆ์นนั้ ก็เป็นท่ีรู้กนั
ในหมขู่ องสมณะพราหมณ์เหลา่ อื่นๆ คือเม่ือสมณะพราหมณ์เหลา่ อื่น
เหน็ พระภิกษุสาวกของพระพทุ ธเจ้าเดนิ มาก็จะบอกกนั วา่ ให้เงียบๆ
อยา่ คยุ กนั เพราะถ้าเราเงียบภิกษุสาวกของพระโคดมจกั มาสนทนา
และบอกสง่ิ ท่ีเป็นประโยชน์แก่เรา
เมื่อหลวงพอ่ เทศน์จบก็ได้แสดงถงึ ประโยชน์ของความเงียบ วา่
ถ้าเราเงียบเราก็ยอ่ มได้ฟังสง่ิ ท่ีมีประโยชน ์ และได้ฟังธรรมทล่ี กึ ซงึ ้ มากขนึ ้
เมื่อได้น�ำไปปฏิบตั ติ ามก็พบวา่ เป็นสงิ่ ท่ีดีมาก ๆ เพราะความ
เงียบนนั้ เป็นบาทฐานให้จิตเกิดความสงบได้งา่ ยขนึ ้ จริง ๆ
สหสั สมปิ เจ วาจา ถ้ามวี าจาประกอบดว้ ยข้อความ
อนัตถปทสญั หติ า ซึ่งไมเ่ ปน็ ประโยชน์แมต้ ง้ั พนั
เอกัง อัตถปทัง เสยโย ข้อความทเี่ ปน็ ประโยชน์บทเดยี ว
ยัง สุตวา อุปสัมมติ. ทฟ่ี งั แลว้ สงบระงบั ได้ ประเสรฐิ กวา่ .
85 เกลด็ ธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
ต้องเห็นแก่ตัว
ในตอนบา่ ยของวนั หนง่ึ มีลกู ศษิ ย์คณะหนงึ่ เดนิ ทาง
มาสนทนาธรรมกบั หลวงพอ่ มีความอยากรู้วา่ “คนเราเกิดมา
แล้วต้องท�ำอยา่ งไรถงึ จะค้มุ คา่ ท่ีได้เกิดมาเป็นมนษุ ย์” หลวงพอ่
เมตตาอธิบายธรรมะท่ีลกึ ซงึ ้ ให้ฟังวา่
“เตา่ ตาบอดดำ� นำ� ้ ไปในมหาสมทุ ร โผลห่ วั ขนึ ้ มาตรงหว่ ง
ยงั งา่ ยกวา่ การเกิดมาเป็นมนษุ ย์ เกิดเป็นมนษุ ย์แล้วจะพบพทุ ธ
ศาสนาก็ยาก พบแล้วจะเข้ามาศกึ ษาฟังธรรมก็ยาก”
ตอนนีโ้ ยมก็มีโอกาสมาได้ยินได้ฟังอยา่ งนีแ้ ล้ว โยมเกิด
มาพบพทุ ธศาสนา โยมต้องปลอ่ ยวางทิฏฐิมานะท่ีตอ่ ต้านพทุ ธ
องค์ พทุ ธองค์บ�ำเพญ็ บารมีมานานแล้ว ทดลองมาหมดแล้ว
อะไรไมด่ ีทา่ นก็บอกวา่ อยา่ ท�ำ เราไมต่ ้องไปทดลองแล้ว เช่ือค�ำ
สอนของพทุ ธองค์ได้ โยมลองปฏิบตั เิ ถอะ อนั ไหนท่ีทา่ นวา่ ไมด่ ี
อยา่ ท�ำ อนั ไหนท่ีทา่ นวา่ ท�ำแล้วเจริญโยมท�ำไปเถอะ ทา่ นมีแต่
บอกทางให้เดนิ โยมจะเดนิ ทางไหนก็ได้จะเลอื กอยา่ งไรเป็น
เร่ืองของโยม ต้องเหน็ แก่ตวั แล้ว อะไรก็ไมต่ ้องหว่ ง ทรัพย์
สมบตั กิ ็ไมต่ ้องหว่ ง ตอนนีท้ ่ีนา่ จะท�ำคือการสะสมบญุ ท่ีเป็น
อริยทรัพย์นนั่ เอง...
เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพอ่ 86
กตัญญู
หลวงพ่อจะสอนเสมอว่าให้มีความกตัญญู
กตเวที ตอ่ ผ้มู ีพระคณุ โดยเฉพาะ พอ่ แม ่ ผ้ใู ดท่ีมี
การอปุ การะดแู ลพอ่ แม ่ ก็จะมีความเจริญรุ่งเรือง คณุ
ป้ าที่มาท�ำบญุ ที่วดั เลา่ ให้ฟังวา่ ตวั คณุ ป้ าต้องดแู ลพอ่
ของสามีท่ีป่ วยหนกั ท�ำให้รู้สกึ เหน่ือย และมีโอกาส
เลา่ ถวายหลวงพอ่
“ท่านได้ให้กำ� ลังใจและบอกให้เช่ือเร่ืองผล
ของกรรม ส่ิงท่ที ำ� คือการกระทำ� กรรมดี การท่ไี ด้
ดแู ลพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณด้วยความเตม็ ใจ ทำ�
แบบนีจ้ ะได้บุญเตม็ ๆ ย่งิ กว่าทำ� บุญทำ� ทานบาง
อย่าง เพราะพ่อแม่คือพระอรหนั ต์ของลูก การ
ได้ดูแลท่านกเ็ หมือนการได้ทำ� บุญกับพระอรหนั ต์
น่ันเอง”
แล้วพอแก่ตวั ไปไม่ต้องกลวั ว่าจะไม่มีลกู หลาน
มาดแู ล เพราะตวั คณุ ป้ าได้ท�ำแบบอยา่ งท่ีดีสอนลกู
หลานเอาไว้แล้ว และผลของกรรมดีที่ท�ำยอ่ มสง่ ผล
แนน่ อน
87 เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
เรื่องของเด็ก
ถ้าใครมีโอกาสได้เข้ามาท�ำบญุ ในช่วงที่มีการปิ ด
ภาคเรียนของ เดก็ ๆ คณุ จะได้เหน็ บรรยากาศของ
สามเณรหรือเดก็ ท่ีมาถือศีลอโุ บสถ นงุ่ ขาวหม่ ขาว ซง่ึ
เป็นภาพท่ีนา่ ดมู าก หลายทา่ นอาจจะมีโอกาสได้เหน็
ภาพเหลา่ นีต้ ามวดั อื่น ๆ มาแล้วบ้าง
แต่ท่นี ่ีหลวงพ่อท่านมีแนวการสอนเดก็ ให้คดิ
เป็ น ทำ� เป็ น โดยจะเร่ิมจากการท่ีทา่ นท�ำให้ดเู ป็นแบบ
อยา่ งของพระสงฆ์ ท่ีสำ� รวมกาย สำ� รวมวาจา ส�ำรวมใจ
เพื่อเป็นแนว ทางให้เดก็ ได้ประพฤตปิ ฏิบตั ติ าม ทา่ นเน้น
เสมอวา่ การจะสอนให้คน เป็นคนดีต้องสอนตงั้ แตย่ งั เป็น
เดก็ ย่ิงบ้านไหนพาเดก็ มาวดั ได้ด้วยตงั้ แตเ่ ลก็ ๆ ย่ิงดี
เดก็ จะซมึ ซบั สงิ่ ดี ๆ รอบๆตวั ได้เร็วย่ิงขนึ ้
และที่ขาดไมไ่ ด้สำ� หรับท่ีน่ี เดก็ ที่มาถือศีลอโุ บสถ
หรือมาบวช เณรจะต้องทอ่ งบท “การถนอมดวงใจพ่อ
แม่ 10 ประการ” บทนีใ้ ห้ขนึ ้ ใจ หลงั จากกลบั จากเดนิ
บณิ ฑบาตในตอนเช้า หลวงพอ่ จะให้เดก็ นงั่ เรียง หน้า
กระดานทอ่ งพร้อมกนั ทกุ วนั ทา่ นจะสอนเดก็ ๆเสมอให้
ระลกึ ถงึ พระคณุ ของแม่
เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพอ่ 88
การถนอมดวงใจพ่อแม่
ลกู ทด่ี ีมีหวั ใจแบ่งใหพ้ อ่ แม ่ ต้องดแู ลเล้ยี งดชู ูใจทา่ น
เพียงแต่ลกู ถามไถใ่ หช้ นื่ บาน ด้วยคำ�หวานกแ็ สนสดุ สบายใจ
ตอ้ งรักษาความดไี ม่มีพรอ่ ง และยังตอ้ งเพิ่มความดที ี่สดใส
มีหิรโิ อตตปั ปะชนะภัย ร้สู ึกความละอายในสิ่งทราม
ต้องรู้จกั อดกลัน้ และอดทน ตอ้ งเปน็ คนจติ ผอ่ งใสไมเ่ กรงขาม
ต้องนา่ รกั น่าเอน็ ดูทกุ โมงยาม เป็นคนงามทั้งกริ ยิ าและน้ำ�ใจ
ท้ังมนษุ ย์เทวดาอยากชว่ ยเหลอื อยากจนุ เจอื ให้เป็นสุขทุกสมยั
ทง้ั บัณฑิตสรรเสริ¬ญเจรญ¬ใิ จ อยแู่ หง่ ใดใครกอ็ ยากผกู สมั พนั ธ์
ผลสดุ ท้ายอาจได้ถงึ มรรคผล บรรลจุ นนพิ พานเม่ือดบั ขันธ์
จบคุณงามความดที ร่ี ำ�พนั ได้ช่วยกนั สรรเสรญิ ล¬ กู คนดี
89 เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพอ่
สอนเด็กต้องสอนให้เป็น
ที่วดั นีจ้ ะมีคนมาท�ำบญุ เป็น ครอบครัวกนั เยอะ บางครอบครัวก็
พาลกู พาหลาน มาท�ำบญุ กนั เป็นประจ�ำ ขณะท่ีทา่ นก�ำลงั เทศน์ใน ชว่ ง
เช้า มีเดก็ ผ้หู ญิงตวั เลก็ ๆ คนหนง่ึ ก�ำลงั จะเอามือไปเลน่ ไฟเทียน ที่จดุ
บชู าหน้าพระ แมข่ องเดก็ คนนนั้ รีบเข้าไปอ้มุ เดก็ ออกมาโดยเร็ว
หลวงพอ่ ทา่ นแนะน�ำวา่
“โยมไม่ต้องไปห้ามหรอกนะ ให้เดก็ ได้ทดลองกับตวั เอง
ถ้ามือโดนไฟแล้วรู้ว่าร้อน ครัง้ ต่อไปไม่ต้อง บอกว่าเล่นไม่ได้
เดก็ จะไม่เล่นเอง”
ถ้าโยมมวั แตก่ ลวั วา่ เดก็ จะเป็นโนน่ เป็นน่ี อนาคตถ้าเดก็ โตขนึ ้
มาแล้ว ไมม่ ีใครบอกวา่ อะไรดีอะไรไมด่ ี เดก็ จะคดิ เองไมเ่ ป็นนะโยม
สเี ลน สคุ ตงิ ยันติ บุคคลไปส่สู คุ ตไิ ด้ก็เพราะศลี
สีเลน โภคสัมปทา บคุ คลถงึ พรอ้ มดว้ ยโภคทรพั ยก์ เ็ พราะศลี
สเี ลน นพิ พุติง ยนั ติ บุคคลถงึ ความดับทุกข์ได้ก็เพราะศีล
ตัสมา สีลงั วิโสธเย. เพราะฉะน้ันพึงรกั ษาศีลใหบ้ รสิ ุทธิ์
เกลด็ ธรรมคำ�สอนหลวงพอ่ 90
คนวัด
ถ้าใครมีโอกาสได้มาร่วมงานบญุ ใหญ่ของที่วดั เชน่ วนั
วสิ าขบชู า วนั เข้าพรรษา ฯลฯ ผ้มู าร่วมท�ำบญุ จะได้ยินหลวงพอ่ พดู ถงึ
“คนวดั ” เสมอ ให้ชว่ ยท�ำงานโนน่ บ้างท�ำงานนีบ้ ้าง หลายคนอาจ
สงสยั วา่ คนวดั ท่ีทา่ นเรียกคือใคร ?
คนวัดของหลวงพ่อนัน้ หมายถงึ ทกุ คนท่มี าทำ� บุญท่วี ัด
ไม่ว่าจะเป็ นผู้มาประจำ� หรือไม่เคยมากต็ าม ถ้าใครท่มี ีความ
สามารถในงานด้านต่าง ๆ ท่จี ะช่วยให้วัดมีการทำ� งานท่เี ป็ น
ระบบหรือพฒั นาให้ดขี นึ้ ทกุ คนเรียกว่าคนวัดทงั้ นัน้
หลวงพอ่ เคยกลา่ ววา่ สมยั ก่อนตอนไมม่ ีโยมอยปู่ ระจ�ำที่วดั คน
ที่มาท�ำบญุ ก็จะเป็นคนวดั เวลาจะมีงานก็จะเข้ามาชว่ ยกนั เตรียมงาน
พองานเลกิ ก็ชว่ ยกนั เก็บกวาด โดยเฉพาะจานชามท่ีใช้ในงาน ถ้าไมม่ ี
คนวดั ชว่ ยกนั ล้างและเก็บเข้าที่ อาตมาคงจะแย่ ! พอรู้เร่ืองราวของ
คนวดั มาถงึ ตรงนีแ้ ล้ว ผ้เู ขียนขอเป็นตวั แทนกลา่ วอนโุ มทนาบญุ กบั
“คนวดั ” ทกุ ทา่ น ท่ีชว่ ยให้งานตา่ ง ๆ ของวดั สำ� เร็จด้วยดี และขอ
กลา่ วเชิญชวนให้ผ้ทู ี่มาร่วมท�ำบญุ วา่ คณุ พร้อมหรือยงั ท่ีจะมาเป็น
“คนวดั ” ได้บญุ นะคะจะบอกให้
91 เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
อีหยิบท้ังหลาย
นรกมนั มีโบราณไมไ่ ด้แตง่ เรื่องไว้หลอกเดก็ มนั มีจริง ๆ บรรดา
อีหยิบทงั้ หลาย วางของไมไ่ ด้อีหยิบหยิบหมด สมยั ก่อนตอนเดนิ ธดุ งค์
ไปทางภาคอีสาน อาตมาอยากรู้เร่ืองนรกสวรรค์ มีพระท่ีอยใู่ นป่ าบอก
วา่ ต้องภาวนา ภาวนาแล้วมนั ไปได้จริง ๆ แตเ่ สยี ดายอยา่ งเดียวอาตมา
ไมส่ ามารถยกเอามาให้ดไู ด้ ถ้าเอามาให้ดไู ด้อีหยิบทงั้ หลายจะได้รู้ ถ้า
ใช้ตามนษุ ย์มองไฟนรกที่อยหู่ า่ งตงั้ 100 โยชน์ ตายงั บอด ไฟนรกแรง
มากและร้อนมาก ถ้าเกิดวา่ ใครอยากไปจริงๆ นะ ให้ตงั้ ใจปฏิบตั ภิ าวนา
ให้ได้ ถ้าเราได้ไปนรกตอนเป็นมนษุ ย์อย ู่ ไปเหน็ แล้วเรายงั กลบั มาได้
แตถ่ ้าเราท�ำอะไรท่ีไมด่ ีถงึ ขนั้ ตกนรกแล้ว ไปแล้วไมไ่ ด้กลบั มนั มีจริงๆ
อีหยิบทงั้ หลายจงสงั วรไว้เถอะ
“ธรรมทัง้ หลาย มีใจเปน็ หวั หน้า มีใจเปน็ ใหญ่
สำ�เรจ็ แล้วด้วยใจ ถา้ บคุ คลมีใจรา้ ยแล้ว พูดอยูก่ ด็ ี
ท�ำ อยกู่ ็ดี ทกุ ขย์ อ่ มไปตามเขา เพราะเหตนุ ้นั
ดุจลอ้ อนั หมุนไปตามรอยเท้าโค ผูน้ �ำ แอกไปอยู่ฉะน้ัน”
(พุทธวัจน์)
เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพอ่ 92
ยถาปิ อุทเก ชาตัง ปุณทริกัง ปวัทฒติ
โนปลปิ ปติ โตเยนะ สจุ ิตันธัง มโนรม.
ตเถวะ จะ โลเก ชาโต พทุ โธ โลกา วิหรติ
โนปลปิ ปติ โลเกนะ โตเยนะ ปทุมงั ยถา.
ดอกบัว เกดิ และเจรญิ ในน�ำ้ แต่ไมต่ ดิ น้ำ�
ทงั้ กลิน่ หอมชื่นชใู จ ใหร้ นื่ รมย์ ฉนั ใด.
พระพุทธเจ้า ทรงเกดิ ในโลก และอยใู่ นโลก
แตไ่ มต่ ิดโลก เหมือนดอกบวั ไมต่ ิดน�้ำ ฉนั น้นั .
93 เกลด็ ธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
แก้ที่ตัวเอง
“มโนปุพพัคมาธัมมา มโน หลวงพอ่ จะสอนญาตโิ ยม ท่ี
เสฏฐา มโนมยาฯ” มีปั ญหาเดือดร้ อนใจจากผู้อ่ืนอยู่
เสมอวา่ “แก้ท่ตี วั เองให้ได้อย่าแก้
ธรรมทัง้ หลายมใี จถงึ ก่อน ท่คี นอ่ืน” ทา่ นอธิบายตอ่ วา่ ไมว่ า่
มีใจเปน็ ใหญ่ โยมจะมีปั ญหากับคนในครอบครัว
สำ�เร็จไดด้ ้วยใจ ในท่ีท�ำงาน หรือในสงั คมก็ตาม ให้
พิจารณาที่ตวั เองก่อนว่าส่ิงที่เกิดขึน้
เป็ นเพราะตวั ของตวั เองท่ีไม่ดีใช่หรือ
ไม ่ ให้ลองแก้ไขดกู ่อน อยา่ มวั แตค่ ดิ
โทษคนอื่นหรือวา่ สงิ่ อ่ืนวา่ มนั ไมด่ ี ที่
มันไม่ดีเพราะตัวเราเองไม่ชอบไม่
ถกู ใจ ฉะนนั้ ต้องเร่ิมแก้ที่ใจตวั เอง
ก่อน...
เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ 94
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
เมื่อมีจดุ เริ่มต้นก็ต้องมีจดุ จบ ฟังดแู ล้วดนู า่ กลวั เหมือนกนั แต่
ก็หวงั วา่ ทกุ คนจะยอมรับวา่ มนั เป็นเรื่องจริง ที่เกิดแล้ว เกิดอีกในชีวิตที่
ผา่ นมา การรวบรวมเกร็ดธรรมค�ำสอนของหลวงพอ่ ได้ด�ำเนินมาถงึ ชว่ ง
สดุ ท้ายแล้ว ขอจบด้วยความประทบั ใจที่ไมว่ า่ ใครท่ีได้มาท�ำบญุ ท่ีน่ีคง
มีความรู้สกึ เหมือนกนั นน่ั คือการน�ำอทุ ิศสว่ นกศุ ลของหลวงพอ่
ในทกุ ๆ วนั เราจะได้ยินเสยี งทา่ นบอกญาตโิ ยมเสมอ ให้ตงั้ ใจ
ท�ำจิตให้สงบ คือท�ำจิตให้มีก�ำลงั ระลกึ ถงึ บญุ ที่ได้ท�ำ โดยทา่ นจะเมตตา
น�ำจิตของเราให้น้อมตามเสียงของทา่ น “เม่ือพร้อมกันแล้วกอ็ ุทศิ
ส่วนกุศลกันเลยนะ กข็ อประกาศให้เจ้าท่เี จ้าทาง เทพารักษ์ท่ี
คุ้มครองญาตโิ ยม เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ จงอนุโมทนา
ในส่วนกุศล ท่โี ยมอุทศิ ส่วนกุศลให้ และจงปกปักรักษาคุ้มครอง
ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ปราศจากอันตรายทงั้ ปวง ”
ด้วยกระแสเสียงท่ีเมตตาของทา่ น ท�ำให้จิตของเราทกุ คนน้อม
ระลกึ ไปถงึ บญุ ที่ได้ท�ำ บญุ คือช่ือของความสขุ บญุ ที่เกิดในปัจจบุ นั
เมื่อทกุ คนนกึ ถงึ ก็มีความสขุ ในปัจจบุ นั นน่ั เอง
95 เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ
ค�ำแผ่เมตตา
ข้าพเจ้าทงั้ หลาย ขออุทศิ ส่วนกุศล
ในการถวายทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา
และการทำ� กุศลทกุ ครัง้
ของข้าพเจ้าทงั้หลาย แดบ่ ดิ ามารดาทงั้หลาย แดพ่ ระบาทสมเดจ็ -
พระเจ้าอยหู่ วั พร้อมทงั้ รัชทายาททงั้ หลาย แดค่ รูบาอาจารย์ทงั้ หลาย
แดเ่ ทพารักษ์ที่ค้มุ ครองข้าพเจ้าทงั้ หลาย แดเ่ จ้าที่เจ้าทางทงั้ หลาย แด่
เจ้าป่ าเจ้าเขาทงั้ หลาย (ถ้าสถานที่นนั้ มีป่ าและภเู ขา) แดร่ ุกขเทวดาทงั้
หลาย แดป่ ่ ู ยา่ ตา ยาย ท่ีลว่ งลบั ทงั้ หลาย แดญ่ าตมิ ิตรสนิททงั้ หลาย
แดเ่ จ้ากรรมนายเวรทงั้ หลาย แก่สรรพสตั ว์ทงั้ หลาย จงมีความสขุ อยา่
ได้มีความทกุ ข์กายทกุ ข์ใจเลย อยา่ มีเวรแก่กนั และกนั เลย จงมีความสขุ
กายสขุ ใจ รักษาตนให้พ้นจากทกุ ข์ภยั ทงั้ ปวง
ด้วยผลแหง่ การถวายทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา และ
การท�ำกศุ ลทกุ ครัง้ ของข้าพเจ้าทงั้ หลาย
จงเป็นปัจจยั ให้ข้าพเจ้าทงั้ หลาย พบความสขุ ความเจริญ อยา่
ได้มีอนั ตรายใดๆ เลย อยา่ ได้มีภยั ใดๆ เลย อยา่ ได้มีอปุ สรรคใดๆ เลย
อยา่ ได้มีโรคใดๆ เลย เกิดในชาตใิ ดภพใดให้ถงึ พร้อมด้วยทรัพย์สมบตั ิ
คณุ สมบตั ิ บริวารสมบตั ิ รูปสมบตั ิ ในทกุ ภพทกุ ชาติ และจงเป็นปัจจยั
ให้บรรลพุ ระนิพพาน ในอนาคตกาลอนั ใกล้นีเ้ทอญ ฯ
เกลด็ ธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ 96
รวมเกร็ดธรรมฉบับย่อ
โดยหลวงพ่อมหาตอง ธมมฺ วฑุ โฺ ฒ
“ศลี คือ การส�ำ รวมกาย ส�ำ รวมวาจา
สมาธิ คอื การสำ�รวมใจ”
“ชวี ิตทุกวนั น้เี ปรียบเหมอื นก่อนฝนตกหรือหลงั ฝนตก
แต่เราจะทำ�อยา่ งไรใหช้ วี ิตเหมอื นฟ้าหลงั ฝนไดน้ าน ๆ”
“ใช้ตาใหเ้ ป็นประโยชน์ ใชห้ ูใหเ้ ป็นประโยชน์
อะไรทเ่ี หน็ หรอื ฟังแลว้ เปน็ ขยะ ก็อย่าเอามาไวใ้ นใจเรา
อะไรที่ไมด่ ถี อื ว่าเปน็ ขยะ ของท่ีเหมือนกนั ลองไม่มีคา่ แลว้
มนั กเ็ ป็นขยะเท่านนั้ เอง”
“รกั ษาศีลตลอดชวี ติ ก็ส�ำ รวมกาย ส�ำ รวมวาจา
แคน่ กี้ ็ถอื ว่ารกั ษาศีลตลอดชีวติ แล้ว”
“กราบ การกราบตอ้ งนอบน้อม กราบในท่าเบ¬ญจางคประดิษฐ์
กราบชา้ ๆ ไมต่ อ้ งรีบรอ้ น กราบใหถ้ ึงพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
ส่งจิตไปให้ถงึ พระพุทธเจา้ ทตี่ รสั ร้ใู ตต้ น้ โพธท์ิ ่ีอินเดยี ”
97 เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพ่อ
“รักษาศลี ใหม้ กี �ำ ลัง ในทกุ วันท่ีตน่ื ข้นึ มาให้ต้ังใจว่าจะรักษาศีล
จะศลี 5 หรอื ศลี 8 กไ็ ด้ นกึ ทกุ วนั จะทำ�ใหศ้ ลี มีกำ�ลงั ”
“พทุ ธศาสนา เป็นวิชาเดียวที่ศกึ ษาชีวิตตงั้ แต่ต้นจนจบได”้
“ตอ้ งปรุงแต่งจิตใหเ้ ป็น จิตไม่ดที ำ�ให้ดี
จิตไมส่ งบท�ำ ใหส้ งบ แค่นี้กพ็ อแลว้ ”
“น้�ำ ปานะ คอื น�ำ้ ผลไมค้ ้นั และกรองไมเ่ อากาก
ผลโตไมเ่ กินผลมะตมู พชื ผกั ถั่วทกุ ชนดิ ไมใ่ ชน่ �้ำ ปานะ”
“ทำ�ใจให้สงบ ละความโกรธลง
เพราะเวลาโกรธเทา่ กบั ตตี ัว๋ ลงอบาย...”
“เวลาโกรธกพ็ ยายามรู้ทันวา่ อกศุ ลเกดิ แลว้ พยายามละไมใ่ ห้อกศุ ลเกิด
ให้มีสตริ ตู้ วั ทั่วพรอ้ มอยู่ตลอดเวลา”
“พยายามนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ว่าเราตอ้ งตายทุกคน
จะอยากได้ใคร่ดีไปท�ำ ไม ตายไปก็เอาไปไมไ่ ด้ พยายามใหอ้ ภัย
หลวงพ่อสอนเสมอวา่ ชา่ งมนั เถอะ อะไรๆก็ชา่ งมนั เถอะ”
เกล็ดธรรมค�ำ สอนหลวงพ่อ 98
“ใหค้ ิดดี ท�ำ ดี พดู ดี สำ�รวมกายวาจา ใหล้ ะความยดึ ตดิ ”
“ท�ำ อนิ ทรีย์ให้แข็งแรง ฝกึ จติ ให้มนั่ คงมกี �ำ ลงั ”
“ความสามัคคี คือ การจะท�ำ อะไรต้องนกึ ถึงผูอ้ ื่น
ถ้าเราท�ำ เรว็ ก็รอผอู้ ่ืนบา้ ง ถ้าเราท�ำ ชา้ กใ็ ห้ทำ�ให้เรว็ ขึ้น ท�ำ อะไรใหพ้ รอ้ ม
เพียงกัน จะได้ดูเปน็ ระเบยี บสวยงาม
ผอู้ น่ื มองจะไดส้ วยงาม”
“สงิ่ ท่ีทำ�ใหเ้ รามคี วามสุขได้ ไม่ใช่เงินทองหรอื สิง่ ของ
แตค่ ือใจเรา แค่เราคิดดี ทำ�ดี แค่นก้ี ็มคี วามสขุ แล้ว”
“อะไรก็ตามในชีวิตเรา ถา้ มนั มากเกนิ ไป ยอ่ มไมด่ ี
น้อยเกินไปกไ็ ม่ดี ตอ้ งปานกลางหรอื พอประมาณ”
“ฟังให้มาก พดู ใหน้ ้อย”
“อย่หู ลายคน ท�ำ ตวั เราให้เหมือนอยู่คนเดยี ว จะเกิดประโยชน”์
“ไม่ตอ้ งรบี แต่อย่าช้า”
“ตราบใดท่ีเรายังมชี ีวิตอยู่ อยา่ ใหศ้ าสนาฉบิ หายไปตอ่ หนา้ เราเลย”
99 เกล็ดธรรมคำ�สอนหลวงพ่อ
“สิง่ ทีด่ ีคิดดว้ ยความดมี แี ต่ได้ สงิ่ ท่รี า้ ยคดิ ด้วยความดีไมม่ ีเสยี ”
“ชวี ติ คอื การเรียนรู้ แต่ในทางพทุ ธศาสนา
เป็นการเรยี นรเู้ พอ่ื จะออกจาก ภพ ชาติ”
“จิตท่ตี ้ังไว้ถูก น�ำ สขุ มาให้ จติ ตงั้ ไวผ้ ดิ นำ�ทุกข์มาให้”
“เมือ่ พดู อะไรออกไปแล้ว รับปากอะไรแล้ว
จงเอาชีวิตเขา้ แลกกับคำ�พดู น้นั ”
“น่ิง เหมอื นแมวจะจับเหยื่อ”
“ตายในขณะทำ�ความดเี ราไดไ้ ปดี
ถ้าไมต่ ายเราจะไดท้ �ำ ความดีต่อไป ด้วยจติ ใจทเี่ ดด็ เดยี่ ว”
“กายปว่ ย แต่อยา่ ให้จติ ป่วย”
“ออ่ นนอ้ มดี ออ่ นแอไมด่ ี แขง็ แรงดี แข็งกร้าว (กา้ วร้าว) ไมด่ ”ี
“กายสงบ วาจาสงบ ปญั ญ¬าเกดิ ”
“ถ้าลองรับปากแล้ว จะดูแลคนอืน่ เกนิ ตวั ”
เกลด็ ธรรมคำ�สอนหลวงพ่อ 100