The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 43

หลิ โร - เหม่ ๓ ตวั อักษรประเภทน้ี ประดิษฐโ์ ดยบาทหลวงเอด็ เวริ ์ด กาลมอง มิชชันนารนี ิกาย โปรแตสแตนท์ ท่เี ขา้ ไป

เผยแพร่ศาสนาคริสต์ในพม่าเมื่อราว พ.ศ.๒๔๗๓ และแพร่หลายเข้าสู่ประเทศไทย บาทหลวงเซกีนอต มิชชันนารี
นิกายโรมันคาทอลิกจากฝร่ังเศส น�ำมาเผยแพร่ต่อในประเทศไทย และเขียนแบบเรียนภาษาปกาเกอญอด้วยอักษรน้ี
ใน พ.ศ.๒๔๗๙ มีการเรียนการสอนภาษาปกาเกอญอด้วยอักษรโรมัน ครั้งแรกในโรงเรียนบ้านแม่ปอน อ�ำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่ และมีการเผยแพร่ไปในหมู่ชาวปกาเกอญอ ท่ีได้รับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
ในเขตภาคเหนอื ตอนบน รวมถึงในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน

PGAZ K’NYAU อ่านว่า ปกา - เกอ - ญอ ตวั อยา่ งการเขยี น
หลิ โร - เหม่

อา่ นว่า หลิ ต่า บา
แปลวา่ หนังสอื สวดมนต์
/หนงั สืออธิษฐาน

บทสวด/บทอธิษฐาน บางส่วนในหลิ ตา่ บา ขา้ งต้น
ของชาวปกาเกอญอ ท่ีนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมนั คาทอลกิ

การประกอบอาชพี

ในอดีตชาวปกาเกอญอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นวัว ควาย หมู ไก่ ปัจจุบันการประกอบอาชีพของ
มีการประกอบอาชีพเพ่ือยังชีพเท่าน้ัน โดยจะท�ำไร่ข้าว ชาวปกาเกอญอมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าลักษณะ
เป็นหลกั และในไรข่ ้าวจะมกี ารหวา่ นพืชผกั ส�ำหรับบริโภค การทำ� เกษตรกรรม ทเ่ี ปลย่ี นจากเพอื่ ยงั ชพี เปน็ เพอื่ เศรษฐกจิ
ในครัวเรือนได้ตลอดทั้งปี รวมถึงแบง่ ปนั แลกเปล่ยี นให้กับ เชน่ ถวั่ เหลอื ง ข้าวโพด กระเทียม ฟักทอง กาแฟ เปน็ ตน้
เพ่ือนบ้านและญาติพี่น้องด้วย โดยใช้แรงงานในการท�ำไร่ ท้ังน้ีชาวปกาเกอญอยังมีรายได้เสริมจากพืชพ้ืนบ้าน
ด้วยการช่วยเหลือกันของ คนในหมู่บ้าน ด้วยวิธีลงแขก ท่ีปลูกตามหัวไร่ปลายนา หรือบริเวณบ้าน เช่น ลูกเนียง
นอกจากนจ้ี ะมกี ารปลกู พชื ผกั สวนครวั ในบรเิ วณบา้ นของตน อโวคาโด ตะไครภ้ เู ขา เปน็ ตน้ ชาวปกาเกอญอจำ� นวนไมน่ อ้ ย
รวมถึงเล้ียงสัตว์ เพื่อประกอบพิธีกรรม และใช้แรงงาน ทป่ี ระกอบอาชพี รบั ราชการ รับจ้าง ประกอบธรุ กิจคา้ ขาย
เปน็ หลกั จะขายหรือฆา่ กนิ บา้ ง ซ่ึงสว่ นใหญส่ ัตวท์ เี่ ลีย้ งจะ ฯลฯ ภายใตส้ ภาพสังคมและโอกาสทเี่ ปลยี่ นแปลงไป

๓ กลุม่ ภาษากะเหรย่ี ง. (๒๕๖๒, ๑๒ สิงหาคม). ในวิกพิ เี ดยี สารานกุ รมเสร.ี สบื คน้ เมื่อ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓,
จาก https://th.wikipedia.org/wiki/กลมุ่ ภาษากะเหรยี่ ง

44 กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน

อตั ลักษณท์ างวัฒนธรรม

วฒั นธรรมการแตง่ กาย เม่ือเลือกท่ีผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แห่งสถานะที่เปล่ียนไป
การแต่งกายของชาวปกาเกอญอมิใช่เพียง ก็จะไม่สามารถหวนกลับมาสวมใส่ เชวาได้ดังเดิม ดังเช่น
ความสวยงามแต่ยังแฝงไปด้วยภูมิปัญญาท่ีสืบทอดกันมา กาลเวลาท่ีไม่เคยจะหวนคืน และในสถานะท่ีต่างกัน
อย่างยาวนาน เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท่ีสะท้อนถึง บุคคลแวดล้อม ก็จะรับรู้และมีหน้าที่ และปฏิบัติต่อหญิง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมอันส่งผลถึง ต่างสถานะที่แตกต่างกัน บนพ้ืนฐานของการให้เกียรติ
ค่านิยมท่ีดีงาม โดยสตรีชาวปกาเกอญอทั้งเด็กและหญิง และเคารพซ่ึงกันและกันนอกจากนี้ ยังเป็นการรักษาไว้ซ่ึง
ท่ียังไม่ผา่ น พิธีสมรส ยังไมเ่ คยผ่านการมีคู่ครอง รวมไปถึง เกียรติยศ ศักด์ิศรี เป็นการบ่มเพาะความรักนวลสงวนตัว
ไม่เคยผ่านความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับชายใดมาก่อน รวมถึงความรับผิดชอบในสถานะแห่งตนตามสถานะ
จะแตง่ กายด้วย «เช วา» มลี กั ษณะเปน็ เส้อื ทอตวั ยาวสีขาว ที่ตนได้เลือกแล้ว ทั้งยังเป็นวัฒนธรรมที่มีคุณค่า และ
ทรงสอบ เปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ความบรสิ ทุ ธิ์ สตรชี าวปกาเกอญอ ชาวปกาเกอญอได้ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาอย่างเคร่งครัด
ท่ียังไม่ได้แต่งงานตามจารีต ไม่สามารถท่ีแต่งกายด้วย ในทุกยุคสมยั
ชดุ สตรที แ่ี ตง่ งานแลว้ ไดเ้ ดด็ ขาด และการแตง่ กายของสตรี ส่วนการแต่งกายของชาวปกาเกอญอผู้ชาย
ดว้ ย ชดุ เช วา จะสนิ้ สดุ ลงเมอ่ื อยใู่ นสถานภาพแตง่ งานแลว้ มีลักษณะเป็นเสื้อทอสีแดง เป็นสัญลักษณ์ของความ
โดยจะเปล่ียนมา แต่งกายด้วยชุด «หน่ีหงอ – เชซู” หนักแน่นม่ันคงท่ีผู้ชายพึงมี นอกจากน้ีในอดีตชายที่
หน่ีหงอ คือผ้าซ่ินสีแดง บางแห่งนิยมทอสลับสี ให้มีลาย แต่งงานแล้วจะสวมเชงอท่ีมีพู่ยาว อันเป็นส่ิงเตือนใจให้
เรยี กว่า หน่ี กิ บางแห่งนยิ มแบบ หน่ี ข่อ ทิ อู ผา้ ซ่นิ แบบ ส�ำนึกถึงภาระหน้าที่รับผิดชอบแห่งครอบครัวที่ยาวนาน
น้จี ะทอ ๓ ชน้ิ คอื ส่วนบนเป็นผ้าซ่นิ สแี ดงทอสลบั สที ่ีชอบ ชั่วชีวติ
สว่ นท่ี ๒ ซงึ่ เปน็ ชนิ้ กลางเปน็ ผา้ ซนิ่ พน้ื สแี ดงทอยกลาย และ อยา่ งไรก็ตาม สง่ิ หน่ึงทเ่ี หมอื นกันในการแตง่ กาย
ช้นิ ท่ี ๓ เปน็ ส่วนชายเปน็ การทอจกลาย โดยจะนำ� ผ้าทั้ง ๓ ของชาวปกาเกอญอทกุ เพศ ทกุ วยั ทุกสถานะ คือ ลกั ษณะ
ชน้ิ มาเย็บตดิ กันเป็นผ้าซน่ิ ๑ ผนื สว่ นเช ซู คือเส้อื ทอลาย คอเส้ือที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่�ำ หรือคอ V
ใส่คู่กับผ้าซิ่นแยกช้ินกัน ตัวเส้ือจะทอพ้ืนสีด�ำ ประดับ ด้านหนา้ และดา้ นหลังเท่ากัน ทำ� ให้ใสไ่ ดท้ ัง้ ๒ ดา้ น ไมม่ ี
ลวดลายด้วยการทอลายลงในผืนเส้ือ หรือปักลูกเดือย กระเปา๋ ไมม่ ีคอปก และไมม่ ีแขนเส้ือเพราะมีความเป็นมา
ปักลวดลายด้วยฝ้ายหรือไหมพรมตามความนิยมในพ้ืนท่ี และคติสอนใจที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นว่า
ผทู้ ม่ี สี ถานภาพเปน็ แมบ่ า้ นแลว้ หา้ มมใิ หก้ ลบั ไปแตง่ ชดุ สขี าว เสื้อปกาเกอญอที่ใส่สลับหน้าหลังได้ เพ่ือให้ผู้สวมใส่
เป็นอันขาด แม้ว่าสามีจะเสียชีวิตหรือหย่าร้างกันไปแล้ว ตระหนักว่าต้องไม่เป็นคนกลับกลอกปล้ินปล้อนต่อหน้า
ก็ตาม แม้แต่จะลองแต่งชุดสาวโสดก็ไม่ได้ ในวัฒนธรรม ปฏิบัติอย่างไรลับหลังก็เช่นกัน การไม่มีกระเป๋าแสดงถึง
การแตง่ กายของชาวปกาเกอญอแบบน้ี เหตผุ ลประการหนง่ึ การไมม่ อี ะไรซุกซอ่ น ซ่อนเรน้ อำ� พราง และการทเี่ สอื้ ไมม่ ี
คือให้หญิงได้ค�ำนึงถึงสถานะและบทบาทหน้าท่ีแห่งตน คอปกแขนเสอ้ื มีนัยยะถึงวิถชี วี ิตทีส่ มถะเรยี บง่าย
สาวที่ยังไม่ผ่านการสมรสตามประเพณี ก็ต้องรักษา
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องไว้ ด่ังสีขาวบริสุทธิ์แห่งสีเส้ือ และ

กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน 45

การแต่งกายของหญิงสาวปกาเกอญอ
ทย่ี งั ไมแ่ ตง่ งานในอดตี สวมเชวา ยาวกรอมเทา้

โพกหัวด้วยผ้าโทเรประดับด้วยแพกระเกาะ สวม
สรอ้ ยลกู ปดั และ แพกระเกาะ และสตรยี คุ กอ่ นหนา้ น้ี
ยังนิยมใส่ต่างหูเงินอันใหญ่ลักษณะคล้ายลำ� โพง
ประดับด้วยพู่ไหมพรมด้วย ท้ังนี้เส้ือผ้าท่ีสวมใส่
รวมถงึ เครอ่ื งประดบั ทง้ั สรอ้ ยลกู ปดั และแพกระเกาะ
ที่แปลตรงตัวว่าสร้อยติดคอ สตรีปกาเกอญอ
ลว้ นรอ้ ย และถักทอดว้ ยฝีมือตัวเอง

การแต่งกายของหญิง - ชายปกาเกอญอท่ีแต่งงานแล้วในปัจจุบัน ยังคงรูปแบบโดยรวมแบบเดิม คือ

หนห่ี งอ - เชซู ในผหู้ ญงิ และเชหงอในผู้ชาย แต่มีการประยกุ ต์ให้เข้ากบั ยุคสมยั และคล่องตวั มากขน้ึ เชน่ ผ้หู ญงิ ไม่นยิ มสวม
จือผลอ่ บอ่ ผล่อ (ปลอกแขน ปลอกขา) หรือผูช้ ายสวมกางเกงทีห่ าซือ้ ได้ท่ัวไปกบั เสือ้ ทอปกาเกอญอ เปน็ ต้น

วฒั นธรรมการเชิญแขกกินข้าว

หากมีคนต่างถ่ินมาเยือนในหมู่บ้าน แม้ว่าจะเป็น ไว้ให้และให้ผู้มาเยือนรับประทานอาหารก่อน ซึ่งเจ้าบ้าน
แขกของครอบครัวใดก็ตาม ไม่ว่าจะรู้จักกันหรือไม่ จะคอยดูแลอ�ำนวยความสะดวกจนกว่าแขกจะรับประทาน
ชาวปกาเกอญอทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านน้ัน จะต้อนรับ อาหารเสร็จ และลงบ้านไปแล้ว ครอบครัวเจ้าบ้านจึงจะ
ผมู้ าเยอื นดว้ ยมติ รไมตรแี ละเชอื้ เชญิ ใหม้ ารบั ประทานอาหาร รับประทานอาหาร การต้อนรับดังกล่าวเป็นประเพณีที่
ที่บ้านของตน โดยผู้มาเยือนต้องตอบรับค�ำเชื้อเชิญนั้น แสดงออกถงึ การศรทั ธาในมติ รภาพโดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ ประโยชน์
เพื่อเป็นการให้เกียรติและแสดง มิตรไมตรีท่ีมีต่อกัน ทั้งน้ี ตอบแทน ความมีน้�ำใจและการให้เกียรติผู้อื่น อันเป็น
ในการรับประทานอาหารเจ้าบา้ นจะจดั เตรยี มสำ� รบั อาหาร ลักษณะนสิ ยั ที่ชาวปกาเกอญอปลกู ฝงั กันมา

46 กลุ่มชาตพิ ันธุ์ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน

ความเชอื่ ศาสนา พธิ กี รรม

ปกาเกอญอในจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังคงสามารถ สำ� นึกคณุ รวมถงึ ตอ้ งมีการขอบคุณ แทนคุณ ดว้ ยพธิ กี รรม
ด�ำรงรักษาคุณค่าด้ังเดิมที่ดีงามของความเช่ือที่สืบทอด เซน่ ไหว้ บชู า กระทงั่ การกจี่ ึ๊ กเ็ ปน็ อกี โอกาสในการระลกึ คณุ
ต่อกันมา ยังคงมีแนวปฏิบัติอันมาจากรากฐานความเชื่อ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวปกาเกอญอจึงมีความเคารพ
ด้ังเดิมและประยุกต์ใช้กับยุคสมัย ได้อย่างกลมกลืน นอบนอ้ มตอ่ ธรรมชาตแิ ละทกุ สรรพสง่ิ ทไ่ี ดพ้ งึ่ พาอาศยั ไมว่ า่
ชาวปกาเกอญอใหค้ ณุ คา่ และความหมายแกท่ กุ สงิ่ อยา่ งรอบตวั จะเป็นป่า ต้นไม้ แม่น�้ำ ฯลฯ กระท่ัง หัวกระไดบ้านและ
และเคารพต่อคณุ คา่ และความหมายน้นั ดังปรากฏอยู่ในธา เตาไฟ โดยจะมีผู้น�ำประกอบพิธีกรรมประจ�ำหมู่บ้านทุก
(เพลง สภุ าษติ คำ� สอน บทกลอน คำ� คม) ในพธิ กี รรม ความเชอ่ื หมบู่ า้ น เรยี กวา่ “ฮโ่ี ข”่ หรอื ผนู้ ำ� ทางจติ วญิ ญาณ ผปู้ ระสาน
ตา่ งๆ ทยี่ งั คงถอื ปฏบิ ตั ิ การทชี่ าวปกาเกอญอมรี ะบบความเชอ่ื เช่ือมโยงระหว่างส่ิงศักดิ์สิทธิ์ ท่ีชาวบ้านเคารพนับถือกับ
ทสี่ มั พนั ธก์ บั สงิ่ แวดลอ้ มและธรรมชาตริ อบตวั ชาวปกาเกอญอ ชาวบา้ นทจ่ี ะเปน็ ผกู้ ำ� หนดและเรมิ่ การประกอบกจิ กรรมทาง
เชื่อว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีเจ้าของ (เกอ จ่า) เป็นน้�ำ ความเช่ือ อันเป็นแนวปฏิบัติของชุมชนปกาเกอญอแต่ละ
ทีเ่ รียกวา่ “ที เกอ จ่า” เปน็ ผนื ดนิ ทเี่ รยี ก “กอ่ เกอ จ่า” ชุมชน กระทั่งเป็นผู้ตัดสิน ข้อพิพาท ตลอดจนเป็นผู้น�ำ
รวมถึงทุกสิ่งอย่างในโลกใบนี้ล้วนมีเจ้าของเป็นผู้ดูแลรักษา ในการเร่ิมประกอบกิจกรรมตามวิถีของชาวปกาเกอญอ
ปกปอ้ ง ทชี่ าวปกาเกอญอถอื เปน็ สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ การจะนำ� มาใช้ และจากแนวทาง ในการด�ำเนินชีวิตท่ีสอดคล้องกับสภาพ
การใช้ประโยชน์ใดๆ ไม่สามารถใช้โดยพลการ ต้องมีการ แวดล้อมสู่ความเชื่อที่เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันในห้วงปี
ขออนญุ าต ใชอ้ ยา่ งรคู้ ณุ คา่ ดว้ ยความเคารพ นอบนอ้ ม และ ของชาวปกาเกอญอ ดงั น้ี

เต่อ เล เดอื นมกราคม ชาวปกาเกอญอไม่นยิ มประกอบพธิ มี งคลใดๆ

เดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเดือนน้ีชาวปกาเกอญอถือเป็นช่วงแห่ง การเร่ิมด�ำเนินชีวิตในปีใหม่ ฮ่ีโข่แต่ละบ้าน

ที แพะ จะเริ่มดูฤกษ์ยามและก�ำหนดวันกี่จึ๊หน่ีซอโข่ เพื่อสร้างขวัญก�ำลังใจ และเสริมสร้างสิริมงคลแก่ชีวิต

ครอบครวั หม่บู ้าน

ที กุ เดือนมีนาคม ชาวปกาเกอญอจะเริ่มด�ำเนินการเลือกพ้ืนท่ีท�ำกิน (ไร่หมุนเวียน) เพื่อท�ำการเพาะปลูก
ในรอบปีนี้

ลา เซอ เดือนเมษายน ชว่ งน้ีชาวปกาเกอญอสงั เกตปรากฏการณธ์ รรมชาติ วา่ เป็นช่วงท่นี ก หนูท�ำรงั อยใู่ นช่วงฤดู
ร้อน ชาวปกาเกอญอถือเปน็ สัญญาณ ปลูกบา้ นเรือน เปน็ ชว่ งตากไร่

เดะ ญา เดอื นพฤษภาคม เปน็ หว้ งแหง่ การเรมิ่ ทำ� การเพาะปลกู หวา่ นเมลด็ พนั ธพ์ุ ชื ในไร่ ลงมอื ทำ� นา เพอื่ เลย้ี งตนเอง
ครอบครวั และแบ่งปนั กันและกัน

ลา นวิ่ เดือนมิถุนายน และ ลา เฆาะ เดือนกรกฎาคม ชว่ งน้ีเป็นช่วงที่ชาวปกาเกอญอทำ� ไร่ ท�ำนา

กลุม่ ชาตพิ ันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 47

เดือนสิงหาคม ก่ีจ๊ึลาคุ ช่วงน้ีชาวปกาเกอญอจะจัดพิธีก่ีจึ๊(ผูกข้อมือ) อีกครั้ง เพื่อขอบคุณและขอพร
จากส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ เจ้าป่าเจ้าเขา หลังจากท่ีเหน็ดเหนื่อยจากการท�ำไร่ และพืชผลเร่ิมงอก ข้าวเริ่มต้ังท้อง
ชาวปกาเกอญอเชื่อว่าในการไปท�ำไร่ในป่า ขวัญอาจหล่นหาย ประกอบกับความรู้สึกอ่อนล้า
ลา คุ จากการตรากตรำ� ท�ำงานในไร่ ชาวปกาเกอญอจึงสร้างขวญั ก�ำลงั ใจ และพกั ผ่อนร่างกาย จติ ใจกอ่ นจะเรมิ่

ลงแรงท�ำงานในไร่อีกคร้ัง รวมถึงขอพรให้พืชผลในไร่ให้ผลพอกินพอใช้ตลอดท้ังปี ด้วยการจัดประเพณี
กี่จ๊ึ ลา - คุ

ชิ หมอื่ เดอื นกนั ยายน ผลผลติ ในไรเ่ รม่ิ ออกผล สังเกตจากแตงท่ีหวา่ นในไรข่ า้ วเร่ิมมีผลให้เก็บกิน ข้าวเริม่ ออกรวง
ปกาเกอญอจะเกบ็ ข้าวมาทำ� ขา้ วเมา่ (แชว) คำ� แรกจะให้ผอู้ าวโุ สสงู สดุ ในบ้านกินกอ่ น

ชิ ฉา่ เดือนตลุ าคม ขา้ วในไรเ่ รมิ่ แก่ ชาวปกาเกอญอจะถางหญ้าในไร่ เป็นครัง้ สดุ ทา้ ยก่อนเกบ็ เก่ียว

ลา นอ เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงท่ีชาวปกาเกอญอจะเก็บเกี่ยวข้าวและพืชผลในไร่ ส�ำหรับเก็บกินในครัวเรือน
ตลอดทั้งปี

ลา ปรือ เดือนธันวาคม ชาวปกาเกอญอ เชื่อว่าเป็นเดือนท่ีไม่ดี ไม่ควรจัดงานมงคล ไม่ควรแต่งงาน ในห้วงนี้
ชาวปกาเกอญอที่มีความเช่ือดั้งเดิม จะมีพิธีกรรมแซะพอโค่ หรือพิธีกินข้าวใหม่ เพ่ือเป็นการขอบคุณ
ดิน ฟ้า อากาศ ที่ช่วยดูแลปกปักรักษา ให้การเพาะปลูกในรอบปีบรรลุผล มีผลผลิตให้เก็บเก่ียว
เขา้ บา้ นเรอื น สว่ นชาวปกาเกอญอทนี่ บั ถอื ศาสนาครสิ ตจ์ ะมพี ธิ ขี อบคณุ พระเจา้ ทปี่ ระทานผลผลติ ในไรน่ า
ในปีน้ีเช่นกนั

นอกจากนช้ี าวปกาเกอญอยงั มคี วามเชอื่ และวางใจ นอกจากความเชอ่ื ในทางเคารพนอบนอ้ มสำ� นกึ คณุ แลว้
ในธรรมชาติ ดังค�ำท่ีผู้เฒ่าผู้แก่ จะใช้บอกกล่าวลูกหลาน ชาวปกาเกอญอยังมคี วามเช่ือ ในทางย�ำเกรง เกรงกลวั คอื
เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆที่นอกเหนือการควบคุม นอกเหนือ ความเชอ่ื เรอ่ื ง “ตา่ มอื ฆกา่ ” หรอื ผี เพอื่ ปอ้ งกนั การละเมดิ
การจดั การของมนษุ ย์ ดว้ ยความวางใจและเชอ่ื มน่ั ตอ่ ธรรมชาติ กฏเกณฑ์ หรือการใช้เกินพอดี จนอาจเกิดการท�ำลาย
วา่ “ต่า เต เซ, ต่า กว่า เซ” แปลว่าผดู้ ลบันดาล ผู้ใหก้ ำ� เนดิ จึงมีความเช่ือว่า หากผู้ใด ชุมชนใดกระท�ำการละเมิด
สรรพสงิ่ ยอ่ มดแู ลรกั ษาซง่ึ สง่ิ เหลา่ นน้ั ยอ่ มมหี นทางทเี่ หมาะ ทำ� อะไรทผ่ี ดิ ไปจากระเบยี บแบบแผนประเพณี หรอื สง่ิ ทคี่ น
ควรแก่สิ่งเหล่านั้น ซึ่งหมายความได้ว่า มนุษย์อยู่ภายใต้ ท่ัวไปในชุมชนยอมรับร่วมกันได้ ผู้น้ัน ชุมชนน้ันจะถูก
การควบคุมของธรรมชาติ เมื่อมนุษย์ได้ท�ำในสิ่งท่ีผิดที่ ต่า มอื ฆก่า หรอื ผลี งโทษ ดลบนั ดาลให้เกิดสิ่งไมด่ ไี ม่งาม
ผิดทาง เกินเหมาะเกินควร ธรรมชาติจะจัดสรรส่ิงท่ีควร ชาวปกาเกอญอจึงใช้ชีวิตอยู่ในกรอบความเชื่อท่ีจะ
ด้วยวิถีทาง แห่งธรรมชาติในท่ีสุด และยังหมายรวมไปถึง ไม่กระทบหรือละเมิดกฏเกณฑ์ที่จะส่งผลให้ ต่า มือ ฆก่า
ความวางใจต่อธรรมชาติที่จะบันดาลในสิ่งที่ดีที่สุดแก่ หรือ ผี ไม่พอใจ หากมีการละเมิด หรือเกิดส่ิงไม่ดีในชีวิต
มนษุ ยโ์ ลก หรือในชุมชน ต้องมีการขอขมาด้วยการเซ่นไหว้เลี้ยงผี

48 กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน

กล่าวได้ว่าชาวปกาเกอญอใช้ความเช่ือเรื่องผี เป็นกลไก การผลดั เปลย่ี นเฝา้ เวรยามทที่ างเขา้ ออก จนกวา่ ทางจะเปดิ
หรือเครื่องมือในการควบคุมพฤติกรรมของสมาชิกชุมชน ใช้อีกคร้ัง พิธีกรรมน้ีในอดีตชุมชนชาวปกาเกอญอแต่ละ
รวมถงึ ปกปอ้ งหรอื จดั การทรพั ยากรสงิ่ แวดลอ้ ม โดยความเชอ่ื หมบู่ า้ นจดั ขนึ้ เพอ่ื ปอ้ งกนั ชมุ ชนจากสงิ่ ทเี่ ชอ่ื วา่ ชว่ั รา้ ย และ
เรอ่ื งผถี กู ใชเ้ ปน็ ขอ้ หา้ มหรอื ขอ้ กำ� หนดเพอ่ื ไมใ่ หค้ นในชมุ ชน จะท�ำให้เกดิ อนั ตราย เกดิ สง่ิ อปั มงคล หรอื สิ่งอันผิดไปจาก
ละเมดิ หรือกระทำ� ส่ิงอนั ผิดไปจาก สง่ิ ทีช่ มุ ชนยอมรบั และ ปกติสุขของคนในชุมชน โดยแต่ละหมู่บ้านจะตกลง
เป็นความเช่ือที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายชั่วอายุคน ก�ำหนดการประกอบพิธีกรรมขึ้นตามรูปแบบของหมู่บ้าน
เชน่ การหา้ มมใิ หช้ ายหนมุ่ หญงิ สาวผดิ ประเวณกี อ่ นแตง่ งาน ตวั เอง โดยกอ่ นวนั ทำ� พธิ คี นในหมบู่ า้ นจะเตรยี มการสำ� หรบั
หากเกิดความผิดขึ้นต้องรีบขอขมาตามพิธีกรรม หรือ การดำ� รงชีพในวนั ประกอบพิธกี รรมไว้ เชน่ เก็บผัก ตักน้ำ�
ห้ามมิให้ถางป่าท�ำไร่ ในบางพื้นท่ี เป็นต้น ซึ่งความเช่ือ ส�ำหรับใช้ในครัวเรือนไว้ให้เพียงพอ เพื่อจะได้ไม่ต้องออก
ในขอ้ หา้ มปฏบิ ตั อิ นั จะเปน็ การผดิ ผี ยงั คงมกี ารสบื ทอดและ นอกหมบู่ า้ นในชว่ งประกอบพธิ กี รรมเกราะฮี่ เกราะแกล ซง่ึ
ปฏิบัติตาม ในสังคมชาวปกาเกอญอจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยปกติเม่ือถึงวันท�ำพิธีเหล่าผู้ชาย ในหมู่บ้านน�ำโดยฮี่โข่
และเป็นสิ่งที่ชาวปกาเกอญอยอมรับว่าสามารถควบคุม ผู้เฒา่ ผแู้ ก่ผ้มู อี งค์ความรูแ้ ละประสบการณใ์ นการประกอบ
พฤติกรรมของคนในชุมชนได้ดี และน�ำมาซึ่งความสงบสุข พิธีกรรม เป็นผู้ให้แนวทางและน�ำการประกอบพิธีกรรม
ของคนในชุมชน ตามแบบแผนของจารตี ประเพณี มเี หลา่ ชายฉกรรจผ์ แู้ ขง็ แรง
นอกจากนี้ชาวปกาเกอญอ เช่ือว่ามนุษย์เกิดมา ในหมู่บ้าน ให้การสนับสนุนและปฏิบัติตามเป็นเร่ียวแรง
มขี วัญอยู่ในตัว ๓๗ ประการ ประกอบดว้ ยขวัญท่อี ยใู่ นตวั ในการดำ� เนนิ การประกอบพธิ ี ดว้ ยการตระเตรียม จดั แจง
๕ ประการ และอีก ๓๒ ประการอย่ใู นตวั สตั ว์ตา่ งๆ ดงั นี้ และประกอบพิธกี รรม ด้วยสัญลักษณ์ และแนวปฏิบตั ิตาม
ขวญั ทอ่ี ยใู่ นตวั ๕ ประการ ไดแ้ ก่ กระหมอ่ ม หวั ใจ ความเชอ่ื โดยมกี ารจดั ทำ� สงิ่ กดี กน้ั ทางเขา้ ออก จดั ทำ� อาวธุ
มือขวา มอื ซา้ ย ขา จ�ำลองท่ีท�ำจากเศษไม้และไม้ไผ่ เช่น ดาบ หอก ธนู ปืน
ขวัญที่อยู่ในสตั ว์ต่างๆ ๓๒ ประการ ได้แก่ กิ้งก่า จดั เตรียมของเซ่นไหว้ บวงสรวงตา่ งๆ สว่ นเด็กและผหู้ ญิง
แรด หมปู า่ นกฮกู จงิ้ หรดี นกแซงแซว ผเี สอื้ แมลงปอ จกั จนั่ ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่สามารถมาร่วมประกอบพิธีกรรม
นก ปลา กบ กุ้ง ปู เต่า หอย แมงดา ปลาช่อน สงิ โต หมี ดังกลา่ วได้ ด้วยเหตผุ ลเพ่ือ เปน็ การปอ้ งกนั ภยนั ตรายทจ่ี ะ
เสือ ชะนี จิ้งเหลน กระแต กระรอก หมาปา่ ลงิ หนู ช้าง งู เกิดขึ้นกับแกเ่ ดก็ สตรีและผทู้ ่ีอ่อนแอ หาใชเ่ ป็นเพราะการ
กวาง เกง้ เหยียดเพศแต่อย่างใด นอกจากน้ีมีแนวปฏิบัติของคน
ในปี พ.ศ.๒๕๖๓ ไดเ้ กดิ เหตกุ ารณก์ ารแพรร่ ะบาด ในชมุ ชน เชน่ หา้ มท�ำอะไรทีไ่ ม่ดี ไม่เปน็ มงคล ไมฆ่ ่าสตั ว์
ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (โควดิ - ๑๙) เราไดเ้ หน็ ตัดชีวติ ไมพ่ ดู จา ในทางท่ีไมเ่ ป็นมงคล ประพฤติตนในทาง
ปรากฏการณท์ ช่ี าวปกาเกอญอไดฟ้ น้ื ความเชอ่ื และพธิ กี รรม เรียบร้อย ระมัดระวังกริยา วาจา ด�ำรงตนอย่างมีสติ
ด้ังเดมิ คอื พธิ ีกรรมเกราะ หญ่หี รอื ฮ่ี บางหมูบ่ ้านเรียกพิธี กล่าวคือ มีข้อห้ามมิให้คนในชุมชนประพฤติปฏิบัติตน
เกราะฮี่ เกราะแกล ความหมายเดยี วกันคอื พธิ ีปิดหมบู่ ้าน ในทางที่ไม่ดี ไม่เป็นไปตามจารีตประเพณี หรือไม่เป็นที่
ปิดถนนทางเข้าออกหมู่บ้าน ห้ามคนในหมู่บ้านออกนอก ยอมรับของคนในชุมชน ซึ่งคนในชุมชนปกาเกอญอต่าง
หม่บู ้าน และห้ามคนนอกกระทงั่ ลูกหลานท่ไี ปประกอบกจิ ปฏบิ ตั ิตามอยา่ งเหน็ พอ้ งตอ้ งกัน รว่ มกันประกอบพธิ ีกรรม
ท่ีอ่ืนเข้าหมู่บ้านในช่วงน้ี ระหว่างที่มีการปิดหมู่บ้านจะมี ด้วยความสามัคคีและเป็นไปตามความเช่ือและแนวปฏิบัติ
ของชุมชนอย่างเรยี บรอ้ ย โดยไมม่ ีผ้ใู ดฝ่าฝืน

กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 49

นฤมล ทับปาน๔ กล่าวว่า พิธีกรรมน้ีเป็น เคร่งครัด ทั้งน้ีเป็นไปเพราะวัตถุประสงค์ในการป้องกัน
ความเช่ือของบรรพบุรุษชนเผ่าปกาเกอะญอ เรียกว่า อนั ตรายแก่คนในครอบครัวและชุมชน เพ่ือใหส้ ถานการณ์
‘เกราะหย’่ี มาจากคำ� ว่า เกราะ ทีแ่ ปลวา่ ป้องกนั , ปิดก้นั คนื สคู่ วามสงบสขุ รม่ เยน็ ปลอดภยั ดงั เชน่ ทเี่ คย ซงึ่ แนวปฏบิ ตั ิ
กบั คำ� วา่ หย่ี ทแี่ ปลวา่ ชมุ ชน, หมบู่ า้ น ซงึ่ จะเกดิ ขน้ึ กต็ อ่ เมอ่ื ของพธิ กี รรมนชี้ ว่ ยปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคจากบคุ คล
ต้องเผชญิ หนา้ กับภยั พิบัตหิ รอื โรคระบาดเช่นน้ี ท�ำพธิ ีโดย ภายนอก หรือกันมิให้บุคคลในชุมชนท่ีออกนอกชุมชน
ผนู้ ำ� ทางธรรมชาติ (หยี่โข่ หรอื ฮโ่ี ข่) และผเู้ ฒ่าในหมบู่ ้าน เพราะอาจไปรบั เชอื้ โรคจากบคุ คลภายนอกเขา้ มาในหมบู่ า้ น
โดยมีกฎห้ามผู้หญิงและเด็กเข้าร่วมเด็ดขาดเพ่ือความ ซึ่งในยุคปัจจุบันแม้ชาวปกาเกอญอจะยังคงอาศัยอยู่ตาม
ศักดิ์สิทธ์ิ ผ่านสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการปกป้องหมู่บ้าน ป่าเขาแต่การติดตามข่าวสารและการสื่อสารท่ีถูกต้อง
หลังพิธีกรรมเสร็จสิ้นจะไม่ให้คนในหมู่บ้านออกนอก ดว้ ยเทคโนโลยที ที่ นั สมยั ทำ� ใหร้ เู้ หตกุ ารณแ์ ละนำ� มาปรบั ใช้
หมบู่ า้ นภายในเวลาทก่ี ำ� หนด หากฝา่ ฝนื จะมอี นั เปน็ ไปและ กบั ความเชอื่ และพธิ กี รรมดงั้ เดมิ อนั เปน็ การชว่ ยสรา้ งขวญั
จะถูกด�ำเนินการตามมาตรการท่ีชุมชนก�ำหนดไว้ แต่มี และก�ำลังใจ ที่ส�ำคัญเป็นการป้องกันตัวเองจากภัยพิบัติ
ข้อยกเว้นกรณีจำ� เป็น โดยกำ� หนดขอ้ ปฏบิ ัติในการปอ้ งกัน จากภายนอกทด่ี ี ซึง่ แมพ้ ิธีกรรมจะไม่สามารถป้องกนั หรอื
ตัวเอง และต้องไปขออนุญาตกับผู้น�ำธรรมชาติ หรือผู้น�ำ รักษาโรคได้โดยตรง แต่ถ้าทุกคนในชุมชนปฏิบัติตาม
ศาสนาก่อน ตามความเช่ือ เม่ือจะกลับเข้าหมู่บ้านก็จะมี แนวทางทไี่ มเ่ ส่ยี งต่อการติดโรค ภายใต้กฎกติกา ระเบียบ
การไหว้ขอส่ิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าหมู่บ้าน และใช้น้�ำส้มป่อย ทางสงั คม สง่ิ ที่ไมด่ ี โรคภัยกจ็ ะไมเ่ กดิ ขึน้ กบั ทัง้ ตัวเองและ
ส�ำหรับล้างหน้า ล้างมือ และเท้า ปัดเป่าสิ่งสกปรกหรือ ผอู้ น่ื อีกทง้ั พิธกี รรมเกราะฮ่ี เกราะแกล ยงั เป็นโอกาสให้
เช้ือโรคเสียก่อน ส่วนคนท่ีออกไปอยู่นอกหมู่บ้านเพื่อไป ชาวบ้านมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าปกติจากการแยกย้าย
ทำ� งานหรอื เรยี น ครอบครวั กจ็ ะมกี ารสอื่ สาร หา้ มการกลบั กนั ทำ� มาหาเลย้ี งชพี ดแู ลครอบครวั ไดม้ โี อกาสแลกเปลย่ี น
เข้ามาในชุมชนในห้วงนี้ ส่วนท่ีกลับมาแล้วก็จะมีการแยก เตมิ ขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งกนั ไดช้ ว่ ยกนั วเิ คราะหส์ ถานการณ์
จะถูกกักตัวแยกออกไปอยู่ที่กระท่อมในสวนในไร่ ไม่ให้ รวมถึงไดเ้ ฝ้าระวังเหตกุ ารณ์ตามสถานการณ์
เข้าบ้านไปอยู่รวมกับพ่อแม่ เฝ้าระวังอาการ พร้อมกับให้
อาบน�้ำสมุนไพรและท�ำพธิ ีเพอ่ื ปัดเป่าโรคร้าย ภาพประกอบ พธิ เี กราะฮี่ เกราะแกล
พธิ กี รรมเกราะฮี่ เกราะแกล มสี าระสำ� คญั คอื
เพ่ือสร้างขวัญและก�ำลังใจ รวมถึงการป้องกันตัวเองของ การสร้างสิ่งกดี ขวางหรอื กีดก้นั ทางเข้า - ออก
ชมุ ชน เมอ่ื เกดิ เหตรุ า้ ย โรคภยั รา้ ยแรง ทสี่ นั่ คลอนขวญั และ ของหม่บู ้านในพิธเี กราะฮี่ เกราะแกล
ก�ำลังใจ สร้างความวิตกกังวล อันเกิดจากเหตุปัจจัย
ภายนอกท่ไี ม่อาจควบคุมได้ ดังเช่นสถานการณ์ในขณะนท้ี ่ี
มีการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙
(COVID ๑๙) ท่ียังไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งสอดคล้องกับ
นโยบายในการปอ้ งกนั และควบคมุ การระบาดของโรคของ
ภาครัฐและสังคมภายนอกในสถานการณ์ดังกล่าวที่ได้มี
นโยบาย “อยบู่ า้ น หยดุ เชือ้ เพื่อชาติ” ท้ังน้พี ิธีเกราะหญี่
เกราะแกล ประกอบด้วยพิธีกรรม ความเชอื่ และแนวทาง
ปฏิบัติ ที่คนในชุมชนยอมรับและร่วมกันปฏิบัติโดย

๔ นฤมล ทับปาน, Lockdown...ฉบับปกาเกอะญอ ร้ือฟน้ื พิธกี รรมป้องกนั ‹โควิด-๑๙›,กรุงเทพธุรกจิ จดุ ประกาย,๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓

50 กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน

เก่อวอคี (ตะแหลว)
เครือ่ งลางปอ้ งกันสิง่ ชัว่ รา้ ย
ไมใ่ ห้เขา้ มาในบรเิ วณที่ป้องกัน

ดทิ ะ
กบั ดกั ทใี่ ช้ไว้ดกั สตั วป์ กี ทมี่ าในเบอ้ื งสงู

เปรยี บเสมือนการดกั จบั ส่ิงช่ัวร้าย
ที่มาในอากาศในเบอื้ งสงู

วาคอ
เป็นกับดกั ชนิดหนง่ึ ท่ีทำ� จากไม้ไผ่มีปลายอนั แหลมคม
เปรยี บเสมอื นหากมี สงิ่ ใดบุกรกุ รุกลำ้�
กับดกั นี้จะดกั และทิ่มแทงใหต้ ายไปในท่สี ดุ

ทือ
เปน็ กับดักบนพ้นื ดินนนั้ เอง เปรยี บเสมือน

การดกั จับส่งิ ชัว่ ท่ีมาทางพ้ืนดิน

ปลี (เชอื ก/ลวดหนาม)
เปรยี บเสมอื นลวดหนามทคี่ อยเกย่ี วและตรึง
สงิ่ ชั่วรา้ ยไว้ไม่ให้ลอดผ่านเขา้ มายังหมูบ่ า้ นได้

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน 51

เมอ
เปรยี บเสมือนร่วั ท่มี ีปลายอันแหลมคม
พรอ้ มทีจ่ ะทม่ิ แทง ส่ิงเลวร้ายทจ่ี ะเขา้ มายังหมู่บ้าน

สนิ ะ
เครอ่ื งรางแทนปืน อาวธุ ท่ปี อ้ งกนั ไดท้ ้ังอากาศ
พ้ืนดนิ ระยะไกลและใกล้ เพอื่ ไม่ให้วิญญานร้าย
เข้ามาท�ำรา้ ยคนในชุมชนและคนในครอบครัว

อนั เป็นทรี่ กั ให้ปลอดภัย

คล่ิ (ธนู)
เปรียบเสมอื นอาวธุ ชนิดหน่งึ ท่ีจะสังหาร
วญิ ญานร้ายทจ่ี ะเขา้ มายงั หม่บู ้านโดยการ
เคล่อื นตวั บนทอ้ งฟา้ ให้ตกมาตาย ในท่ีสดุ

นะ (ดาบ)
คอื อาวธุ พร้อมที่จะฟาดฟัน
ท�ำลายส่งิ ชว่ั รา้ ยทีจ่ ะเข้ามายงั หมู่บา้ น

สญั ลักษณ์แทน ชายและหญิง
เปรียบเสมือนยามที่เฝ้าทงั้ หน้าหมูบ่ ้านและหลังหมบู่ ้าน
เพอ่ื ปกป้องคนในชุมชนใหป้ ลอดภยั จากภยั รา้ ยต่างๆ
ที่จะเขา้ มายังชุมชน ชายหญงิ คูน่ ี้จะเป็นผ้ทู ่ีใชแ้ ละ
สัง่ การอาวุธตา่ งๆ เพื่อทำ� ลายศตั รทู จ่ี ะเขา้ มายังชุมชน

ท่มี าภาพประกอบ : https://www.facebook.com/hillboyinthejungle

52 กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน

ศาสนา ประเพณี/เทศกาล

เดมิ กลมุ่ ชาตพิ นั ธป์ุ กาเกอญอนบั ถอื ธรรมชาตแิ ละ ประเพณี ก่ีจ้ึ หรือ ประเพณีผูกข้อมือ เป็นประเพณี
มีแนวทางปฏิบัติทางความเชื่อ ด้วยการถือเอาจารีต
ประกอบพิธีกรรม หรือ “เอาะ แฆ” คือการปฏิบัติบูชา ที่ส�ำคัญ ของชาวปกาเกอญอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
บวงสรวง เซ่นไหว้ สิ่งศักดสิ์ ิทธิ์ ทช่ี าวปกาเกอญอเรียกว่า โดยเฉพาะชาวปกาเกอญอท่นี บั ถอื พทุ ธศาสนา จะยงั คงใช้
ต่าทิ ต่าตอ ท่ีเชื่อว่ามีอยู่ทุกหนแห่งในธรรมชาติและ แนวปฏิบัตติ ามความเช่อื ดัง้ เดมิ ควบคกู่ ันไปด้วย ประเพณี
สภาพแวดล้อมรอบตัว และจะลงโทษด้วยการบันดาล ก่ีจ๊ึเป็นความเช่ือของชาวปกาเกอญอว่าท�ำให้เกิดความ
ให้เกิดความเดือดร้อน เจ็บไข้ได้ป่วย หรือสิ่งไม่ดีไม่งาม สงบสุขทั้งทางกายและใจต่อ ปัจเจกบุคคลและสังคม
แกผ่ ทู้ ก่ี ระทำ� ลบหลู่ ตา่ ทิ ตา่ ตอ เปน็ สจั ธรรม ความยตุ ธิ รรม โดยถือเป็นช่วงของการพักผ่อน การได้อยู่พร้อมหน้า
ใหค้ วามเปน็ ธรรมตอ่ คนดผี ปู้ ฏบิ ตั ดิ ี และลงโทษผกู้ ระทำ� ผดิ พรอ้ มตาครอบครวั ญาตพิ นี่ อ้ ง อกี ทง้ั เปน็ การเสรมิ สรา้ งขวญั
โดยเมอ่ื เกดิ ปญั หาขน้ึ ในหมบู่ า้ น ชาวปกาเกอญอจะยกหนา้ ที่ และก�ำลงั ใจ นอกจากน้ใี นประเพณีก่จี ๊ึ ชมุ ชนปกาเกอญอ
การตัดสิน และการช้ีแนวทาง จากต่าทิ ต่าตอ ด้วยพิธี มีข้อยึดถือปฏิบัติร่วมกัน เช่น ห้ามไปพักแรมที่อ่ืน
บนบานศาลกลา่ วตอ่ ต่าทิ ตา่ ตอ สำ� หรบั ชาวปกาเกอญอ ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ให้คิดดี พูดดี ท�ำดีอย่างเคร่งครัด
ต่าทิ ต่าตอ เป็นที่พ่ึงสุดท้าย คือ ความถูกต้อง คือ ดว้ ยขอ้ ปฏบิ ตั นิ ้ี ทำ� ใหค้ น ในชมุ ชนมเี วลาและโอกาสในการ
ความยุตธิ รรมที่สดุ และไม่ว่าอยา่ งไรชาวปกาเกอญอจะไม่ พบปะพูดคุยกัน ได้ร่วมกิจกรรมอันเป็นการเสริมสร้าง
กล่าวโทษส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ แต่จะกล่าวโทษตัวเอง ยอมรับว่า ความสงบสุข ความสามัคคีเป็นอันหน่ึงในเดียวกัน ท้ังนี้
เหตกุ ารณไ์ ม่ดี ทเ่ี กดิ ขนึ้ เกิดจากตัวเอง และแก้ไขท่ีตัวเอง ชาวปกาเกอญอจะจัดประเพณีก่ีจ๊ึ หรือ ผูกข้อมือปีละ
ต่อมาเม่ือได้รับการเผยแพร่ศาสนาพุทธและ ๒ ครง้ั ดังน้ี
ศาสนาคริสต์ ชาวปกาเกอญอ จงึ หันมานับถือศาสนาและ ครง้ั แรกเรยี กวา่ กจ่ี ึ๊ หนซ่ี อโค่ หรอื บางพนื้ ที่ ออก
น�ำหลักธรรมทางศาสนามาเป็นแนวประพฤติปฏิบัติ เสียง หย่ีซอโค่ มักจัดในชว่ งระหว่าง “เต่อเล” (เดอื นที่ ๑)
โดยในระยะแรกก็ยังคงยึดการ “เอาะ แค” ควบคู่ไปกับ และทแี พะ(เดือนที่ ๒) เป็นประเพณผี กู ข้อมือในช่วงปีใหม่
การนบั ถอื ศาสนาแตใ่ นปจั จบุ นั การเอาะแคในชาวปกาเกอญอ ของชาวปกาเกอญอตามหลกั จนั ทรคติเปน็ ชว่ งทชี่ าวปกาเกอญอ
แทบจะหายไปจากสังคม ปกาเกอญอเหลือเพียงเรื่องเล่า ถือโอกาสพักผ่อน พร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัว
ทผ่ี เู้ ฒา่ ผแู้ กเ่ ลา่ ใหฟ้ งั เนอ่ื งจากสภาพสงั คมทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป และ กอ่ นทจี่ ะเรม่ิ การเพาะปลกู ซง่ึ ถอื เปน็ การเรมิ่ กจิ กรรม
ทำ� ใหก้ ารเอาะ แค ซง่ึ มแี นวปฏบิ ตั เิ ครง่ ครดั และตอ้ งอาศยั ตามวถิ ชี วี ติ ในรอบใหม่ ปใี หมข่ องชาวปกาเกอญอ เพอื่ การ
ศรทั ธาทแี่ น่วแน่ ไมส่ อดรบั กบั วถิ ีชวี ติ ในปัจจุบัน จงึ รับเอา ด�ำรงชีวิตต่อไปอีกปี เป็นการสร้างขวัญและก�ำลังใจ
หลกั ธรรมและแนวปฏบิ ตั ทิ างศาสนามาเปน็ แนวทางในการ เป็นการขอพรจากส่ิงศักดิ์สิทธิ์ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
ด�ำเนินชีวิต ชาวปกาเกอญอจึงมีท้ังผู้ที่นับถือพุทธศาสนา ไดผ้ ลผลติ ดี แมจ้ ะตอ้ งแบง่ พชื ผลทเ่ี พาะปลกู ใหส้ ตั วต์ ามหวั
และนับถือคริสต์ศาสนาซึ่งมีหลายนิกาย แต่ส่วนใหญ่ ไร่ปลายนา ก็ขอให้พืชผลท่ีจะได้เพียงพอหล่อเลี้ยง
จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และนิกาย ครอบครวั และยงั เปน็ โอกาสในการทค่ี นในครอบครวั คนใน
โปรแตสแตนท์ หมู่บ้านจะได้ท�ำกิจกรรมร่วมกัน มีโอกาสได้พบกัน
ได้พูดคุยกัน ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างกัน
เปน็ นำ้� หนึ่งใจเดยี วกนั

กลุ่มชาติพันธ์ุ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน 53

ครง้ั ท่ี ๒ เรยี กวา่ กจี่ ๊ึ ลาคปุ ู (เดอื นสงิ หาคม - เดอื น สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ให้คนในครอบครัวมีสุขภาพร่างกาย
กันยายน) เปน็ ประเพณผี ูกข้อมือ ชว่ งข้าวทปี่ ลกู ในไรเ่ ข้าสู่ แข็งแรง ข้าวออกรวงดี ได้ผลผลิตเพียงพอเล้ียงคนใน
ระยะต้ังท้อง พิธีกี่จ๊ึ เป็นช่วงที่ผ่านการลงมือลงแรง ด้วย ครอบครวั
ความรว่ มใจในการเพาะปลกู ขา้ วทผี่ า่ นการประคบประหงม ท้ังน้ีเม่ือถึงห้วงเวลา ก่ีจ๊ึ ผู้น�ำในการประกอบ
ได้ตั้งทอ้ งแล้ว เป็นช่วงท่ีชาวปกาเกอญอจะพัก และไม่ไป พิธีกรรมของชาวปกาเกอญอท่ีเรียกว่า ฮี่โข่ จะเป็น
รบกวนข้าวในไร่ ในทางหนึ่งหลังจากเหนื่อยยากจากการ ผกู้ �ำหนดวนั ก่ีจึ๊ /ผูกขอ้ มอื ของหมบู่ า้ นตนเอง ซ่งึ หมบู่ า้ น
ทำ� ไร่ จงึ พกั ผอ่ น ผอ่ นคลายรา่ งกายจากความเหนอื่ ยลา้ โดย ปกาเกอญอจะมีวันก่ีจึ๊/ผูกข้อมือท่ีไม่ตรงกันขึ้นอยู่กับ
ชาวปกาเกอญอเชอื่ วา่ ในระหวา่ งทำ� ไร่ อาจมเี หตกุ ารณท์ ไ่ี ด้ การก�ำหนดวันของฮี่โข่แต่ละหมู่บ้าน เมื่อฮี่โข่แจ้งวันกี่จึ๊
รบกวนส่งิ ศักดสิ์ ิทธิ์ หรือบางทีขวญั ท่มี ี อาจหล่นหายในปา่ /ผูกขอ้ มอื แกช่ าวบา้ นแล้ว
ในไร่ จึงได้ประกอบพิธีก่ีจ๊ึ เพ่ือขอขมาและขอพรจาก

ขน้ั ตอนการกีจ่ /๊ึ มดั มือ ดงั นี้
๑. ก่อนพิธีประมาณ ๑ สัปดาห์ แต่ละครอบครัวจะเริ่มเตรียมงาน ด้วยการหมักเหล้าและ ต้มเหล้า
ซง่ึ ใช้เวลากอ่ นกจ่ี ๊ึ/พธิ ผี ูกขอ้ มือ เตรียมไก่ ๑ คู่ ที่จะใชใ้ นพธิ ี เตรียมข้าวสารขา้ วเหนยี วส�ำหรบั หอ่ แมตอ (ขา้ วตม้ มดั แบบ
ปกาเกอญอ) และส�ำหรบั ท�ำแมโตป่ ิ (ขา้ วปุก)

ก่อนวันงาน ๑ วนั ผหู้ ญงิ ในครอบครวั จะพาลูกหลานไปเกบ็ แค แม หล่า (ใบกง๋ ) สำ� หรับห่อแมตอ แมตอ จะห่อ ๒ แบบ
คือ ตวั ผู้และตัวเมีย เมตอ ตัวผ้จู ะหอ่ ในลักษณะปลายแหลมท้ัง ๒ ข้าง เมตอตัวเมีย
จะหอ่ ใหป้ ลายด้านหนึง่ แหลมและปลายอกี ด้านหนงึ่ มน

แค แม หลา่ หรอื ใบก๋ง

เมตอพา เมตอโหม่
ขา้ วต้มสามเหลยี่ มตัวผู้ ข้าวต้มสามเหล่ียมตวั เมยี

54 กล่มุ ชาตพิ นั ธุ์ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน

๒. วันกี่จ๊ึ/ผูกข้อมือ สมาชิกครอบครัวของแต่ละบ้านจะต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน และตื่นมาเตรียมงาน
แตเ่ ช้าตรู่ ผ้หู ญงิ จะหงุ ขา้ ว น่ึงข้าวต�ำ เม โต่ ปิหรอื ข้าวปุก (ขา้ วเหนียวนง่ึ ตำ� ดว้ ยทอ่ นออ้ ย โรยดว้ ยเกลือ และงา) แตเ่ ช้า
ผหู้ ญงิ ทอ่ี าวโุ สสงู สดุ ของบา้ น จะจดั เตรยี มสำ� รบั เรยี กขวญั ประกอบดว้ ย กอื โป่ (ภาชนะไมไ้ ผส่ ำ� หรบั บรรจเุ ครอ่ื งประกอบพธิ )ี
ได้แก่ เหล้าขาวทแ่ี ต่ละบา้ นตม้ เอง ๑ ขวด แก้วสำ� หรบั รินเหลา้ เสอ้ื และกางเกงของผูช้ าย เส้ือและผ้าซ่นิ ของผู้หญิง ซงึ่ เป็น
เครอื่ งแตง่ กายดงั้ เดมิ ของชาวปกาเกอญอทเี่ ปน็ ของใหมแ่ ละเกบ็ ไวส้ ำ� หรบั ประกอบพธิ กี จี่ เ๊ึ ทา่ นนั้ ขา้ วปกุ๊ เมตอพา เมตอโหม่
ฝา้ ยสขี าวส�ำหรับผกู ข้อมอื เทยี นไข หน่อโดกว๊ะ (ไม้เคาะเรยี กขวัญ) ถ้วย ชอ้ น โตกใส่ข้าวและแกง ไก่ ๑ คู่ และข้าวสาร
ก่อนที่จะเชือดไก่สมาชิก ทุกคนในบ้านจะต้องอยู่บนบ้าน จากน้ันผู้น�ำครอบครัวหรือผู้อาวุโสในบ้านจะท�ำพิธีเรียกขวัญ
โดยใช้หน่อโดกว๊ะ เคาะหัวกะไดบ้านพร้อมอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ และเรียกขวัญของทุกคนในบ้าน
ท่ีเช่อื วา่ อาจหลงไปที่ไหนบา้ งใหก้ ลบั คนื มาอยู่กับเจ้าตัว

เม่ือพิธี ปรือ เก กะ ลา (เรียกขวัญ) เสร็จแล้ว มัดมือพร้อมอธิษฐาน ให้พรลูกหลานจนครบทุกคน โดย
ผู้เรียกขวัญจะกลับเข้ามาในบ้านและถามลูกหลานว่า ค�ำกล่าวอธิษฐานขอพร มีเน้ือหาให้ทุกคนในครอบครัว
เก ลี อะ (กลบั มาหรอื ยงั ) ทกุ คนในบ้าน จะตอบวา่ เก ลี อย่ดู ีมีสุข หลุดพน้ จากสิ่งช่วั ร้าย มสี ุขภาพร่างกายแข็งแรง
(กลับมาแล้ว) จากน้ัน จะช่วยกันเชือดไก่ท่ีเตรียมไว้และ ประสบความส�ำเร็จ มีชีวิตที่มีความสุขเจริญรุ่งเรือง
ประกอบอาหาร เมอ่ื อาหารสุกจะเตรยี มสำ� รบั ขา้ ว กบั ขา้ ว เมื่อผูกข้อมือเสร็จแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะรับประทาน
พร้อมเคร่ืองประกอบพิธีที่เตรียมไว้ มายังท่ีประกอบพิธี อาหารด้วยกัน
ในบา้ น สมาชิกในบ้านทุกคนจะมารวมกัน ผู้นำ� ครอบครัว นอกจากการ ก่ีจ๊ึ หรือ ผูกข้อมือในเทศกาล
หรอื ผอู้ าวโุ สในบา้ นจะทำ� พธิ รี นิ เหลา้ ขอพรจากสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ ดังกล่าวแล้ว ชาวปกาเกอญอจะมีการผูกข้อมือ ในระดับ
ให้มาปกปอ้ งดแู ลรักษา พร้อมกบั รนิ เหล้าไปด้วย จากนน้ั ครอบครัวตามเหตุจ�ำเป็น หรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เช่น
ทุกคนในบ้านจะจิบเหล้าพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเป็นพิธี เจบ็ ไขไ้ ด้ป่วย เกิดอุบัตเิ หตุ หรือการทนี่ ้อง แต่งงานก่อนพี่
เรยี กขวญั โดยเอาหนอ่ โดกวะ็ เคาะทขี่ นั โตกเรยี กขวญั และ ตอ้ งผูกข้อมอื ขอขมาพ่ที แี่ ต่งงานก่อน เปน็ ต้น

ภาพประกอบ

ที่มาภาพ : facebook พระมหาณัฐดนัย กิตตญิ าโณ

กลมุ่ ชาติพนั ธุ์ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 55

ประเพณแี ตง่ งาน สื่อสารให้คู่บ่าวสาวพึงมีความหนักแน่น อดทน ใจเย็น
เพ่ือน�ำความร่มเย็น และความสุขมาสู่การใช้ชีวิตคู่
ในการแต่งงานกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ จะมี เม่ือขึ้นบนเรือนเจ้าสาว เจ้าสาวจะน�ำย่ามท่ีทอเตรียมไว้
พิธีกรรมความเช่ือท่ีต้องปฏิบัติอย่างเป็นล�ำดับขั้นตอน ใหเ้ จา้ บา่ วแขวนทไี่ หลเ่ จา้ บา่ วและญาตเิ จา้ บา่ วทเ่ี ปน็ ผชู้ าย
โดยเร่ิมจากเมื่อฝ่ายชายหนุ่มและหญิงสาวตกลงปลงใจ และน�ำสร้อยลูกปัดสวมคอให้ญาติเจ้าบ่าวที่เป็นผู้หญิง
ท่จี ะแตง่ งานใชช้ ีวติ ครอบครวั ร่วมกันแลว้ จะเลย้ี งหมูหรอื จากนน้ั กจ็ ะนำ� ขา้ วปลาอาหารมารบั รองผมู้ ารว่ มงานแตง่ และ
สัตว์อื่นส�ำหรับใช้ในการแต่งงาน ฝ่ายหญิงจะทยอยทอ ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็จะ(มาธา) ขับร้องบทธาเก่ียวกับการแต่งงาน
ชดุ แตง่ งาน และผา้ ทอตา่ งๆ สำ� หรบั ประกอบพธิ ี เชน่ ยา่ ม ในอดตี พธิ แี ตง่ งานยงั ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณใ์ นวนั แรก ซงึ่ หลงั จาก
สำ� หรบั ของชำ� รว่ ยใหแ้ กฝ่ า่ ยชาย หยะ(ผา้ หม่ ) ดว้ ยความชว่ ยเหลอื เจา้ บา่ วมาถงึ บา้ นเจา้ สาวและเลย้ี งอาหารผมู้ ารว่ มงานแลว้
จากญาตแิ ละเพอ่ื น เมอ่ื ทกุ อยา่ งเตรยี มพรอ้ ม ผใู้ หญฝ่ า่ ยหญงิ เจ้าบ่าวจะไปพักผ่อนและค้างคืนบ้านญาติเจ้าสาว วันรุ่ง
จะไปเจรจาสขู่ อฝา่ ยชาย ดว้ ยพนื้ ฐานความคดิ ในการใหเ้ กยี รติ และเม่ือถึงข้ันตอนในการเปล่ียนเครื่องแต่งตัวเจ้าบ่าว
ฝา่ ยหญงิ พรอ้ มนดั หมายวนั แตง่ งานและกำ� หนดรายละเอยี ด เจ้าสาว จะให้คู่แต่งงานที่มีชีวิตครอบครัวที่ดีเป็นท่ีนับถือ
ในพธิ แี ตง่ งานรว่ มกนั จากนนั้ เมอื่ ไดน้ ดั หมายวนั แตง่ งานแลว้ มาเปน็ ผูเ้ ปล่ยี นเครื่องแตง่ กายใหค้ ่บู ่าวสาว ชายเปล่ียนให้
ทงั้ ฝา่ ยเจา้ บา่ วและเจา้ สาวจะหงุ ขา้ วหมกั เหลา้ และตม้ เหลา้ เจา้ บา่ ว หญงิ เปลยี่ นใหเ้ จา้ สาวจากชดุ เชวา (ชดุ เสอื้ ตวั ยาว)
ส�ำหรับใช้ในพิธีแต่งงาน ซึ่งเหล้าถือเป็นเคร่ืองประกอบ สีขาวเป็นชุดหนี่ งอ - เช ซู (ชุดผ้าถุงแดง - เสื้อด�ำ)
พิธกี รรมตา่ งๆ ของชาวปกาเกอญอ รวมถงึ พิธแี ตง่ งานดว้ ย ซึ่งชุดเจ้าบ่าวท่ีใส่มาจะต้องถอดออกและให้ผู้ท่ีเปล่ียน
กอ่ นถงึ วนั แตง่ งาน ๑ วนั กรณเี จา้ บา่ วเจา้ สาวอยตู่ า่ งหมบู่ า้ น ชดุ ใหแ้ ละสวมชดุ เจา้ บา่ วและเสอ้ื ทเ่ี จา้ สาวทอไวใ้ ห้ สว่ นชดุ
ตอ้ งใชเ้ วลาเดนิ ทาง ฝา่ ยชายจะสง่ จอ ตะโหล่ ปา่ ประกอบ เช วา ของเจ้าสาวจะให้ญาติหรือเพื่อนเจ้าสาวที่ยังไม่ได้
ดว้ ยผใู้ หญ่ ที่ออกเรอื นแล้ว ๒ คน และชายหนมุ่ ซง่ึ เพื่อน แต่งงานและจะให้น้องสาวตนเองไม่ได้ เพราะเช่ือว่า
ของเจา้ บา่ วไปบา้ นเจา้ สาวกอ่ น เพอื่ เปน็ การยนื ยนั ความตงั้ ใจ จะท�ำให้น้องไม่ได้แต่งงาน หลังจากเปล่ียนเคร่ืองแต่งกาย
และเป็นสัญลักษณ์ของพิธีแต่งงานที่จะมีข้ึนระหว่าง แล้วจึงจะมีพิธีผูกข้อมือแต่งงานและเล้ียงอาหารก่อนแขก
คู่บ่าวสาว ฝ่ายหญิงจะท�ำอาหารรับรองตัวแทนฝ่ายชาย กลบั อกี ที ทง้ั นฝ้ี า่ ยเจา้ สาวจะมกี ารจดั เตรยี มเนอื้ หมสู ำ� หรบั
ด้วยการต้มไก่ให้ ๑ คู่ เหล้า ๑ ขวด เมื่อถึงวันแต่งงาน ห่อเป็นของฝากให้ทุกคนที่ร่วมงานน�ำกลับไปบ้านด้วย
ขบวนเจา้ บา่ วจะเดนิ ทางไปบา้ นเจา้ สาวเพอ่ื ประกอบพธิ แี ตง่ งาน หลังงานแต่งงานที่บ้านเจ้าสาวเสร็จสิ้นแล้ว แขกเหรื่อ
เมื่อถึงบ้านเจ้าสาวขบวนเจ้าบ่าวจะยังไม่เคลื่อนขบวน กลบั ไปแลว้ คแู่ ตง่ งานใหมจ่ ะพกั คา้ งคนื ทบี่ า้ นเจา้ สาว ๑ คนื
เข้าบา้ นได้ทันที ฝา่ ยเจา้ สาวจะน�ำเส่ือมาปทู ีล่ านหน้าบ้าน จากนั้นทั้งคู่จะพากันไปบ้านพ่อแม่เจ้าบ่าวเพื่อค้างคืน
เพือ่ ตอ้ นรบั ขบวนเจ้าบ่าว และทำ� พิธีกรรมท่ีประกอบดว้ ย โดยเจ้าสาวจะต้องไปตักน้�ำใส่หม้อน้�ำให้พ่อแม่เจ้าบ่าว
การด่ืมเหล้า ๑ ขวด ท่ีเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะจิบร่วมกันก่อน เพื่อความร่มเย็นและความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตคู่ และ
จากนั้นจะเวียนให้ผู้มาร่วมงานได้ร่วมกันดื่มจนหมด ในวันรุ่งข้ึนเจ้าสาวต้องตื่นมาต�ำข้าว หุงข้าว ท�ำอาหารให้
พรอ้ มกบั การขบั รอ้ งบทธา ทม่ี เี นอ้ื หาอวยพร และใหข้ อ้ คดิ พอ่ แมเ่ จา้ บา่ วทาน โดยกอ่ นทานจะตอ้ งตกั อาหารใหพ้ อ่ แม่
ในการครองเรือนแก่คู่บ่าวสาว เม่ือเสร็จพิธีหน้าบ้าน เจา้ บา่ วกอ่ น จากนนั้ คบู่ า่ วสาวจงึ รว่ มรบั ประทานอาหารกบั
จะเคลอื่ นขบวนข้ึนบนบ้านเจ้าสาว ก่อนจะขึ้นบ้านเจา้ สาว พ่อแมเ่ จา้ บา่ วและญาติพน่ี ้อง นอกจากนเ้ี จ้าสาวยงั ตอ้ งไป
เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะวางเท้าบนแผ่นหินท่ีน�ำมาจากแม่น้�ำ เก็บฟืน ๑ หอบมาไว้ให้กับพ่อแม่เจ้าบ่าว ก่อนกลับ
แล้วญาติผู้ใหญ่ของเจ้าสาวท่ีมีชีวิตครอบครัวที่ดี ยังมี แม่เจ้าบ่าวจะให้ กือโป่ (กล่องท่ีสานจากไม่ไผ่มีฝาปิด)
คู่ครองอยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์ที่ดีเป็นผู้ตักน้�ำรดเท้า และเส่ตะ(หีบไม)้ ภายในบรรจผุ า้ ถงุ ทอ เส้ือทอ ผา้ หม่ ทอ
เจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมอวยพร ให้ข้อคิดในการครองเรือน ย่าม และสร้อยลกู ปัด เป็นของรับขวัญลกู สะใภ้
การน�ำแผ่นหินจากแม่น้�ำมาประกอบพิธีแต่งงาน เป็นการ

56 กลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ในบา้ น ปลายดา้ นทไี่ มไ่ ดผ้ า่ ชข้ี นึ้ ดา้ นบนจะนำ� เสอ้ื ผา้ ชดุ ใหม่
ยา่ ม แขวนไว้ ๑ คนื วนั รงุ่ ขน้ึ จงึ เกบ็ เสอื้ ผา้ และยา่ มทแี่ ขวนไว้
ประเพณงี านศพ นัยว่าเพ่ือ เป็นการให้ร่มเงาแก่ศพที่เดินทางไปโลกหน้า
โดยในอดีตไมไ่ ดบ้ รรจุโลงไว้ มเี รือ่ งเลา่ ว่าในอดตี ศพที่ต้งั ไว้
เม่ือในหมู่บ้านมีคนตาย คนในหมู่บ้านจะไปช่วย ได้กระดกลุกน่ัง อาจด้วยเอ็นหรือกล้ามเนื้อหดตัวดึงร่าง
กนั เตรยี มงานบา้ นคนตาย ทง้ั อาหาร สถานท่ี และเครอื่ งมอื ขน้ึ มา คราวหลงั จงึ ไดน้ ำ� ไมไ้ ผม่ าตงั้ ครอ่ มศพไว้ กนั ไมใ่ หศ้ พ
เครื่องใช้ต่างๆ ส�ำหรับงานศพ รวมถึงไปอยู่เป็นเพ่ือน กระดกลกุ ขนึ้ มาใหค้ นตกใจ ตอ่ มาเมอื่ มกี ารบรรจศุ พในโลง
ให้ก�ำลังใจครอบครัวผู้ตายที่สูญเสียบุคคล อันเป็นที่รัก ก็ไม่มีการน�ำไม้ไผ่มาต้ังคร่อมศพอีก นอกจากนี้มีการค่ัว
ญาติพ่ีน้องจะช่วยกันอาบน�้ำศพ น�ำเส้ือผ้าตามสถานภาพ ขา้ วตอก เพ่ือโปรยใส่ร่างผู้ตาย โดยนัยยะเป็นการอ�ำนวย
ทางเพศและสถานภาพทางครอบครัว ชุดท่ีดูดีที่สุด อวยชัยให้ผู้ตายได้พบภพหน้าท่ีดีงาม ท้ังน้ีในประเพณี
ใหมท่ ส่ี ดุ มาสวมใหค้ นตายโดยกลบั เอาดา้ นในออกขา้ งนอก งานศพของชาวปกาเกอญอ มีกิจกรรมการละเล่นท่ีใช้เล่น
และเตรยี มสมั ภาระ คลมุ ศพดว้ ยหยะ หรอื ผา้ หม่ ปกาเกอญอ ส�ำหรบั งานศพโดยเฉพาะ ดงั นี้
ท่ีทอมือ ห่อด้วยเส่ือไม้ไผ่สาน มัดอย่างแน่นหนา บริเวณ
ส่วนหัว ช่วงกลางล�ำตัว และส่วนขา น�ำไม้ไผ่มา ๑ ล�ำ
ผา่ ปลายด้านหนึ่งออกเป็น ๔ ซีก ตงั้ คร่อมศพไว้ ตง้ั ศพไว้

๑. จกิ ลิ หรือกระทบไม้ โดยจะมีคนกระทบไม้ไผ่เปน็ จังหวะ และมีผกู้ ระโดดข้ามลำ� ไม้ไผ่ ไมใ่ ห้ไม้ไผโ่ ดนเท้า
หรือผิดจังหวะที่กระทบ เป็นการส่งดวงวิญญาณผู้ตายไม่ให้ผู้ตายอาลัยอาวรณ์กับโลกนี้ เสียงท่ีเกิดจากการกระทบ
ของลำ� ไมไ้ ผ่ เปรยี บเสมอื นเสยี งลมพายุ ฟา้ ผา่ ฟา้ รอ้ ง จากโลกนท้ี อ่ี ยเู่ บอ้ื งหลงั เรง่ ใหผ้ ตู้ ายเดนิ ทางไปสโู่ ลกหนา้ ใหพ้ น้
พายฝุ นท่โี หมรนุ แรงอยูเ่ บ้ืองหลงั
๒. ถ่อเส่ส่า เป็นการละเล่นด้วยการน�ำปูนมาขีดเป็นต้นไม้ ก่ิงไม้ และน�ำหมากมาวางเป็นผลของต้นไม้
พร้อมกับมาธา หรือขับบทธา เกี่ยวกับงานศพไปด้วย โดยจะมีผู้ขับบทธาหลัก ๑ คน และมีผู้ท่ีสนใจมาเป็นลูกคู่
จำ� นวนกีค่ นก็ได้ เพ่ือเปน็ การบอกกลา่ วแก่ผู้ตายใหร้ ูจ้ กั พชื ผล ตน้ ไม้ ทกี่ ินได้และไม่เปน็ อันตราย
๓. มาธา คอื การขบั บทธา โดยหนมุ่ สาวเป็นคู่ การมาธาจะเริ่มตั้นแต่ชว่ งเยน็ ไปจนสวา่ ง เป็นกจิ กรรมทที่ ำ� ให้
มีคนมาอยู่เป็นเพ่ือนเจ้าภาพในตอนกลางคืน ในสมัยก่อนหนุ่มสาวที่มาร่วมขับบทธาในงานศพ ก็จะได้ใช้ช่วงเวลาน้ี
ในการท�ำความรูจ้ ัก ไดพ้ บเจอกนั ในสายตาของผใู้ หญ่และบางรายก็ได้พูดคุยสานสมั พนั ธก์ นั ต่อในภายหลงั

ประเพณปี วีโค่ (สบื ชะตาพ่อแม่) ขา้ วปลาอาหารสำ� หรบั เลยี้ งผมู้ ารว่ มงาน วนั รงุ่ ขน้ึ ของวนั ที่
มีพิธีปวีโค่ บุตรหลานจะจัดเตรียมภาชนะท่ีบรรจุน้�ำ
ชาวปกาเกอญอทม่ี ที ายาท ตง้ั แตห่ ลานลงไป บตุ ร ขมนิ้ สม้ ปอ่ ย นำ�้ สะอาดพรอ้ มขนั ตกั นำ้� และภาชนะสำ� หรบั
หลานจะจัดพิธปี วีโค่ หรอื สืบชะตา ให้พอ่ แม่ ปู่ยา่ ตายาย รองนำ�้ ขมน้ิ สม้ ปอ่ ย และนำ้� สะอาดทรี่ ดมอื ผทู้ บ่ี ตุ รหลายจดั
หรือทวดตามสถานะที่มีต่อบุคคลในครอบครัวแล้ว เพื่อ งานให้ ซงึ่ พธิ จี ะจดั ขน้ึ แตเ่ ชา้ บตุ รหลานและผทู้ ม่ี ารว่ มงาน
เปน็ การอวยพรใหม้ สี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง อายยุ นื ยาวและ จะทยอยเข้ารดน�้ำและอวยพร โดยผู้ที่มาร่วมงานจะน�ำ
เป็นการแสดงความส�ำนึกคุณที่มีพ่อแม่ปู่ย่า ตายาย หรือ ผ้าขนหนู ผ้าโพกหัว เส้ือผ้าใหม่ หรือเงินมามอบแก่ผู้ท่ี
ทวดที่ได้เล้ียงดู สงั่ สอนจนเตบิ โตมีครอบครวั มีอาชพี การ บุตรหลานจัดงานให้ เป็นของขวัญด้วย พิธีน้ีจะเป็นไป
งานทม่ี นั่ คง เมอื่ ลกู หลานไดต้ กลงกนั ทจี่ ะจดั พธิ ปี วโี คใ่ หแ้ ม่ โดยเรยี บงา่ ย เมอ่ื บตุ รหลานและผมู้ ารว่ มงานไดร้ ดนำ�้ อวยพร
ปูย่ า่ ตายาย หรอื ทวด คนนั้น หรอื ค่นู ั้นแล้ว บตุ รหลานจะ ครบแล้ว บุตรหลานจะน�ำอาหารมาเลี้ยงผู้มาร่วมงานเป็น
น�ำเทียนไขไปแจ้งข่าวแก่ญาติและเพื่อนบ้านให้มาร่วม อันเสร็จพธิ ี
อวยพรแม่ ปูย่ ่า ตายาย หรอื ทวด ของตน และจัดเตรียม

ความรู้และภูมิปัญญา กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน 57

ชาวปกาเกอญอในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนมภี มู ปิ ญั ญา นิทานของชาวปกาเกอญอ มหี ลายเร่อื ง เชน่ จอโผแ่ ค หรือ
ที่สืบทอดต่อกันมา จนเป็นแนวปฏิบัติ ที่ยังสืบทอดต่อ นิทานเรือ่ งหนมุ่ ก�ำพร้า จอเกอะโด๊ะ หรือหนมุ่ ขีเ้ กียจ ซ่งึ มี
กนั มา ดังน้ี โครงเร่ืองคล้าย นิทานศรีธนชัย คือเป็นเร่ืองราวของชาย
๑. สาขาวรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา ท่ีใช้ปฏิภานไหวพริบ การใช้กลอุบาย การใช้จิตวิทยา
๑.๑ ประเภทนิทานพ้ืนบ้าน กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ เอาตวั รอด หรอื แกไ้ ขปญั หาตา่ งๆ อยา่ งพลกิ ความคาดหมาย
ปกาเกอญอมตี ่าเลอเปลอ หรอื นทิ าน ทพี่ อ่ แม่ ปยู่ า่ ตา ไดอ้ ย่างมอี รรถรส
ยาย หรือญาติผู้ใหญ่ เป็นส่ือเสริมสร้างความรักความ ๑.๒ ประเภทบทร้องพน้ื บา้ น
ผูกพันระหว่างกัน และยังเป็นการถ่ายทอด การเรียนรู้ ธา เป็นท้ังบทเพลง ล�ำน�ำ ส�ำนวนสุภาษิต
เสริมสร้างบุคลิกภาพ โน้มน้าวความคิด ทัศนคติ และ ค�ำสอน ค�ำบอกเล่าเร่อื งราว เปน็ การสื่อสาร การถา่ ยทอด
พฤตกิ รรมของลูกหลาน ต่าเลอเปลอ เปน็ เร่ืองราวเกย่ี ว ความรู้ ภูมิปัญญา ประสบการณ์ วิถีชีวิตวัฒนธรรม
กับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ที่มีการจดจ�ำและถือปฏิบัติกัน ผ่านการขับขานในทุกกิจกรรมของชาวปกาเกอญอ ไม่ว่า
ตอ่ ๆมา ดังนี้ ธาในประเพณีแต่งงาน ธาในประเพณีก่ีจึ๊ ธางานศพ
ต่าเลอเปลอ หรือนิทาน กลุ่มชาติพันธุ์ การเกี้ยวพาราสรี ะหวา่ งชายหญงิ การต้อนรบั แขก ข้อคิด
ปกาเกอญอมวี ฒั นธรรมเกย่ี วกบั การเลา่ นทิ านมายาวนาน ค�ำคมในการด�ำเนินชีวิต ฯลฯ กล่าวได้ว่าชาวปกาเกอญอ
ตา่ เลอเปลอเปน็ วรรณกรรมพนื้ บา้ น และเปน็ วรรณกรรม ในอดตี จะใชธ้ าในการสือ่ สาร ซง่ึ แมจ้ ะเป็นคำ� ท่ตี อ้ งตีความ
มุขปาฐะ ที่มีมาแต่โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับ แต่ด้วยถ้อยค�ำท่ีสละสลวย ส�ำนวนท่ีงดงาม ไพเราะ
ตน้ กำ� เนิด สมยั ท่แี ตง่ ชอ่ื ผูแ้ ต่ง การเล่านทิ านกอ่ นนอน นุ่มนวล เป็นค�ำอุปมาอุปไมย ท่ีมีความหมายที่ดี ท�ำให้
ให้ลูกหลานฟัง เป็นวิถีชีวิตของชาวปกาเกอญอ เด็กๆ ผู้รับสารรู้สึกดี รู้สึกได้ถึงความจริงใจ ความปรารถนาดี
จะใหพ้ อ่ แม่ หรอื ปู่ ยา่ ตา ยาย เลา่ นทิ านใหฟ้ งั กอ่ นนอน ทผ่ี สู้ ง่ สารตง้ั ใจสง่ มา แตป่ จั จบุ นั ปกาเกอญอรนุ่ ใหมส่ ว่ นใหญ่
ไม่เข้าใจและไม่มีการใชบ้ ทธาในชีวิตประจำ� วัน

๑.๓ ประเภทบทสวดหรือบทกล่าวในพธิ กี รรม
๑.๓.๑ ตา่ ทูปา่ คอื บทสวดหรอื คำ� อธษิ ฐานขอพร เชน่
๑. ปรือกะลา หรอื คำ� เรียกขวญั ในพธิ ีผกู ขอ้ มือ “ ปรือ โพ หม่ือ โพ ควา ลอ เก, หมือ่ ชา เตอ นี ยา อ,ี เปอ
ก่ี เก นา เกาะ งา, เก เอาะ เม โต่ ปิ, เก เอาะ เม คลอ โบะ, เก เอาะ ชอ ก่ี ดึ, เก เดอ เกอ่ ลา จึ๊ เจ๊ะ, เก เดอ เก่อ ลา
จ๊ึ แชว, เก ออ ซ,ิ เก เอาะ เม, เก ออ ท,ี เก เดอ เกอ ลา ขอ่ ท,ิ เก เดอ เก่อ ลา ขอ่ ดา, เก่อ ลา เซอ ชิ นวิ ม,ี เก ตือ
อา เล้อ, เก ตือ อา เช, เก โอะ คู, เก โอะ เพาะ, เก โอะ เลอะ เดอะ โข่ หลอ่ ปู, เก โอ๊ะ โพว่, เก โอะ๊ คู, เก มี เหน่, เก
โอะ๊ หมื่อ, มี บะ อา อยู่, เกอ๊ ะ บะ อา โจ, ฮะ มี เต่อ เง, ฮะ เพลาะ เตอ่ เง, หม่อื ตะ นี ยา อี, แล ซอื ยา ปา, ปรือ เก
โพ หม่อื โพ ควา ลอ เก.

ปรอื ...ขวญั เอ๋ยขวัญมา ทัง้ ลกู หญิงลกู ชาย วันน้เี ราไดเ้ รยี กขวญั ผูกข้อมอื กลบั มากนิ ขา้ วปุก กลบั มากินข้าวตม้
กลับมากินน่องไก่ กลับมาทั้งขวัญมือซ้ายและขวัญมือขวา กลับมาดื่มเหล้า กลับมากินข้าว กลับมาดื่มนำ�้ กลับมาทั้ง
ขวัญดา้ นบน กลบั มาท้ังขวญั ด้านล่าง ขวญั ทงั้ ๓๗ ขวัญ จงกลบั มาให้หมด กลบั มาอยู่ด้วยกัน ดว้ ยความรกั ใครส่ ามัคคี
กลบั มาอยูก่ ับเจา้ ตวั กลับมาอย่กู ับบา้ นกับเรือน กลับมานอนหลบั ฝนั ดี อยู่เยน็ เป็นสุข อายมุ นั่ ยนื ยาว อย่าหนีไปเท่ยี ว
อย่าหลงไปไหน วันนีแ้ ละวันต่อๆไป ขวญั จงกลับมาหาลูกหญงิ ลกู ชายทง้ั หลาย

58 กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน

เมื่อพิธี ปรือ เก กะ ลา (เรียกขวัญ) เสร็จแล้ว พร้อมเครื่องประกอบพิธีท่ีเตรียมไว้ มายังที่ประกอบพิธี
ผู้เรียกขวัญจะกลับเข้ามาในบ้านและถามลูกหลานว่า ในบ้าน สมาชกิ ในบา้ นทุกคนจะมารวมกัน ผูน้ ำ� ครอบครวั
เก ลี อะ (กลบั มาหรือยัง) ทกุ คนในบ้าน จะตอบวา่ เก ลี หรือผู้อาวุโสในบ้านจะท�ำพิธีเรียกขวัญ โดยเอาหน่อโดก๊ะ
(กลับมาแล้ว) จากนั้น จะช่วยกันเชือดไก่ท่ีเตรียมไว้และ เคาะที่ขนั โตก พรอ้ มกล่าวค�ำสวด ดังนี้
ประกอบอาหาร เมอ่ื อาหารสกุ จะเตรียมสำ� รบั ข้าว กบั ข้าว

ปรือ... โพ หม่อื ลอ เก, โพ ควา ลอ เก, เก โอะ ฆู, เก โอะ เพาะ, เก โอะ เดอ เน ซุ, เก โอะ เด เนอ่ เส่, เก
เดอ โจะ๊ , เก เดอ เนอ่ มอ, เก เดอ ตา่ แล้, เก เดอ ต่า กา, เก เดอ เปอ่ นา, เก เดอ เก่อ ชอ, เก เดอ เก เส่, เก เดอ
บอื หมอื่ , เก เดอ บอื พอ, เก เดอ ฉยุ่ โหม,่ เก เดอ เถาะ พา, เก โอะ๊ เล๊อะ เด๊อะ โข่ หลอ่ ป,ู โอ๊ะ เลอ มู โข่ เตอ่ ะ
เง, โอ๊ะ เลอ ปกา่ ปู เตอ่ ะ เง, โอะ๊ นะ๊ เตอ่ เง, โอ๊ะ กลี เตอ่ เง, เปอ่ โจ เกอ เอ๊ะ นา, ตา่ ข่า เกอ่ พล๊ะ บะ นา, ต่า
เกอ เปอ่ จ่อ บะนา, มา เก เนอ เกอ่ วี บะ, มา เก เนอ่ มี ปรี, ตา่ เปล่ นา, เส่อ เต่อ เหน่, ตา่ ลู นา เสอ่ เตอ่ คลอึ ,
มาเก เน่อ หน่ี ทอ เนอ่ ลา ทอ,โอะ เกอ๊ โอ๊ะ คอ, เกอ ลา ๓๗ มี เก เหลอะ เก เช.
ปรือ..ขวัญเอ๋ยขวัญมา ทั้งลูกหญิง ลูกชาย กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน กลับมาพร้อมกับศักด์ิศรีบุญบารมี
กลับมากับพร้อมกับการค้าขาย กลับมากับควาย กลับมากับช้าง กลับมากับม้า กลับมากับข้าว กลับมากับสุนัข
กลับมากับหมู กลับมาอยู่ในบ้านในเรือน อย่าไปอยู่ในดงในป่า อย่าทุกข์อย่าโศก ยุงจะกัด แมลงจะต่อย จงมีขวัญ
ท่เี ข้มแข็ง อย่าอย่ทู ุกข์อย่โู ศก อย่ามีสง่ิ ร้ายใดๆมากล�้ำกลาย ขอให้มีอายมุ ั่นยืนยาว ขวัญทั้ว ๓๗ ขวญั เจ้าจงกลบั มา

จากนั้นผู้ท�ำพิธีเคาะเรียกขวัญที่ขันโตกเรียบร้อยแล้ว ผู้ท�ำพิธีและผู้อาวุโสในบ้านก็จะเป็นการผูกข้อมือ (กี่จึ๊)
ให้กับสมาชกิ ในครอบครวั เรียงตามลำ� ดับอาวุโสจนครบทกุ คน ซึ่งค�ำอวยพร ผกู ข้อมือดงั นี้

ปรอื ..ลา เก, ถ่อ เก เดอ เหน่อ ซุ, ทอ เก เดอ เนอ๊ ะ เส่, ถอ่ เก เดอ เหน่อโจะ๊ , ถอ่ เก เดอ เน๊อะ เก่อ มอ,
ถอ่ เก เดอ บ,ุ ถ่อ เก เดอ บา, แชระ ตา่ เออ, แชระ ตา่ ซอ, แชระ ตา่ จ,ุ๊ แชระ ต่า ชา, แชระ เตอ่ โร, แชระ นา ท,ี
แชระ ต่า หมือ่ , แชระ ตา่ ข่า, แชระ ตา่ นะ, แชระ ตา่ กลี, แชระ ต่า ซี, แชระ ต่า ปวา่ , แชระ ต่า เต่อ เง, แชระ ต่า
วา, แชระ ตา่ ลอ ซ,ี แชระ ต่า ลอ บอ, แชระ ต่า ซู โข,่ แชระ ต่า บอ แหมะ, แชระ ตา่ แม เอะ, แชระ ตา่ เปล แซ
วะ, แชระ ต่า เบะ เตอ๊ ะ มื่อ, แชระ ตา่ ซะ เตอ๊ ะ พรี, แชระ ตอื่ อ่า ปู, แชระ ตื่อ อา่ แพละ, กี่ เอะ เหน่อ จึ๊, เตอ เอะ
เนอ๊ ะ ขอ่ , เบาะ ถอ่ เก, โซ ถ่อ เก, มา เห่ อา่ มี บะ๊ , มา เห่ อ่าเก่อ ลา เง, มา เนอ่ โจ๊ ช,ุ่ มา เน่อ มี ปร,ี ต่า เปล่ นา,
เส่อะ เต่อ เหน,่ ต่า ลู นา ซ๊ึ เตอ่ คล,ึ๊ เกอะ เดาะ เหลอ่ , ข่อื เดาะ ท,ี โอะ มึ โอะ ขื่อ, เปะ มึ ซะ พรี ,มา บุ โดะ, มา
บา ทอ, มา หน่ี ถอ่ , มา ลา ทอ, มา หน่ี ทอ ลา ย,ี่ เบะ ม่ือ ซะ พร,ี ซึ๊ แหมะ ญา ลา เจ, ปรอ้ื ...ลา เก.
ขวัญเอยขวัญมา มาพร้อมกับศักดิ์ศรีบุญบารมี พ้นจากสิ่งช่ัว ปลอดจากสิ่งร้าย ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย พ้นจาก
ผนี �ำ้ ผีพรายผปี ่าผีรา้ ย พน้ จากความทกุ ขย์ ากลำ� บาก พน้ จากสง่ิ ไม่ดีไมง่ าม พน้ จากความแห้งแล้ง พ้นจากภตู ผปี ีศาจ
พน้ จากของมคี มและสตั วด์ รุ า้ ย พน้ จากความไมส่ บายกายสบายใจ พน้ จากสง่ิ เลวรา้ ยทงั้ หลายทง้ั ปวง ผกู ขอ้ มอื ขอ้ เทา้
ขอให้มีสุขภาพท่ีสมบูรณ์ แข็งแรง ท�ำให้มีขวัญและก�ำลังใจท่ีดี ทนดั่งหินเย็นดั่งน้�ำ อยู่เย็นเป็นสุข สุขกายสบายใจ
พรงั่ พร้อมด้วยบญุ บารมี ขอให้มอี ายมุ ่ันยนื ยาว ขวัญเอยขวัญมา...

กล่มุ ชาตพิ นั ธุ์ จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน 59

เม่ือผูกข้อมือเสร็จแล้ว ก็จะท�ำพิธีรินเหล้าขอพร ประทานอาหารกจ็ ะนำ� ขา้ วอาหาร นำ้� และเหลา้ ถวายใหก้ บั
จากสงิ่ ศกั ดิ์สิทธ์ิ ใหม้ าปกป้องดูแลรักษา พรอ้ มกบั รนิ เหล้า สงิ่ ศักดส์ิ ทิ ธ์ทิ ด่ี แู ลประจ�ำบา้ นกอ่ น
ไปดว้ ย จากนนั้ ทกุ คนในบา้ นจะจบิ เหลา้ พอเปน็ พธิ ี กอ่ นรบั

๒. ค�ำอธษิ ฐานในพิธรี ินเหล้า

เด๋ ลอ ที เกอ่ จา่ , ก่อ เก่อ จา่ , ตา่ โดะ๊ เก่อ จ่า, ต่า ปก่า เก่อ จา่ , ต่า หลู่ เกอ่ จ่า, ตา่ กรอ เกอ่ จ่า, โฆ่
เกอ่ จา่ , หวะ เกอ่ จ่า, ตา่ ซู เกอ่ จ่า ตา่ โปว เกอ่ จา่ , เก่อ พ้ี เกอ่ จ่า, หอ่ โข่ เก่อ จ่า, แค เล้อะ แค เช, หมือ่ ชา เตอ่
นี ยา อ,ี ปา กี่ จึ๊ ดอ ญ่ี ดอ ฆอ, มา เห่ เลอะ แฮ เอาะ แฮ ออ, เปอ่ ซิ โข่ เม ดะ๊ , กวา่ เด่อ เปอ่ เก่อ จา่ คี แน เดอ่
เปอ่ โพ เปอ่ ล,ี เดอ่ เปาะ หมอื่ เด่อ เปาะ ควา, เดอ่ อ่า โดะ เดอ่ อา่ ช,ิ แค เล้อ แค เช, มา เห่ เลอะ แชวะ ต่า ชุ แช
วะ ต่า ชา, แชวะ ตา่ เออ, แชวะ ต่า ซอ, แชวะ ต่า เบะ เตอ่ ม,ึ้ ซะ เตอ่ พร,ี แชวะ ต่า อู แชวะ ตา่ โหล,่ ซุ แมะ ยา
นา เจ, เห่ เลอะ โอะ เกอะ โอะ คอ, มี บะ๊ ยู่ เกอ้ ะ บะ โจ, อิ ปกา กวา่ ปก่า, กอ๊ ดอื ก๊อ งา, เพาะ หม่อื กวา่ เลอะ
อา่ เซาะ, เพาะ ควา กวา่ เลอะ อ่า เซาะ, เพาะ หมอื่ กวา่ เลอะ อา่ เดอะ, ออ ที, แม้ะ เกอ่ บะ พิ, ข่อ เก่อ บะ เซ๊าะ,
ต่า เก่อ หน่า เอะ, วะ ลุ เก ออ, ตา่ โข่ จุ ปลาเปอ, เก ออ, อา่ พอ้ ควา เดาะ แล ปา บอ, เก ปา หมอื่ , พอ้ แกล๊ะ หมอื่ ,
ญอ่ แกละ๊ โบ แล, บะ เลอะ โย กล๊ะ, มา เห่ เลอะ อ่า ซิ อา่ โซ่ อ่า โคว หมอ่ เสอ่ เกา๊ ะ, แล บะ อ่า ดึ, ซึ๊ เต่อ เก บะ
อ่า ดึ, แล บะ อ่า ดา ซึ๊เตอ่ เก บะ อา่ ดา, แล เลอะ เส่ หวี่ อา่ กล๊ะ, พอ เนอ่ มู อา่ กละ๊ , เกอะ เดาะ ล่ือ, คอ่ื เดาะ
ท,ี เดอ อา่ ชิ เดออ่า ปร,ิ เก่อ มา โล เก่อ มา โด ตา่ , เห่ เลอะ โข่ นุ้ เง โข่ เปล เง, เหน่ บะ ตา่ พ,ิ เหน่ บะ ตา่ มา, เหน่
บะ เจะ๊ ดอ เส่ เจะ๊ ดอ โบ๊ะ, ซุ๊ แม้ะ ญา นา เจ, เห่ เลอะ มุ โข่ ดอ เบะ, ฮอ โข่ ดอ เบะ, ที ท่า เกอ่ จา่ , ที คี เกอ่ จ่า,
แค เล้อ แค เช, ตา่ ฆิ ตา่ คอ่ เลอะ ตา่ นี ญา อ,ี มา เลอะ อา่ ซู อ่า โปร, คอ่ื เหน่ ปกา บะ๊ เหน่ ปกา, เต่อเก....วีซะจู
นา จ๊ึ เน่อ โบ ชี เฆะ นา ข่อ นา สา่ .

(สำ� นกั งานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ัย, รวมธา คำ� สอนบรรพบรุ ษุ , เชียงใหม:่ พงษ์สวสั ดิก์ ารพมิ พ,์ ๒๕๕๘, หนา้ ๓ - ๖)

เจ้าน�้ำเจ้าดิน เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา และสิ่งศักด์ิสิทธ์ิทั้งปวง วันนี้ทั้งหมู่บ้านเราผูกข้อมือเรียกขวัญ
ขอให้ท่านมารับหัวเหล้าท่ีเราน�ำมาบูชา ขอให้ท่านปกปักรักษาตัวเรา ลูกหลานเราทั้งหญิงท้ังชาย ท้ังที่โตแล้ว
ทงั้ ท่ียังเล็ก ทง้ั หมดทงั้ ส้ิน ขอให้แคลว้ คลาด ปลอดโรคปลอดภัย พน้ จากสงิ่ ไมด่ ีไม่งาม พ้นโรคพ้นภัย พน้ ค�ำสาปแช่ง
ตง้ั แตน่ ตี้ อ่ ไป ขอใหม้ คี วามสามคั คี ปรองดอง ขอใหท้ า่ นปกปกั รกั ษาพวกเราทกุ คน ผหู้ ญงิ ทไ่ี ปตกั นำ�้ หากมฝี นุ่ ผงเขา้ ตา
มหี นามปกั เทา้ มขี องแหลมคมทม่ิ แทง ขอใหแ้ คลว้ คลาดปลอดภยั ผชู้ ายทอ่ี อกบา้ นเดนิ ทางไกล ไปอยตู่ า่ งถน่ิ ขออยา่ ใหเ้ จบ็
อย่าได้ไข้ อย่าตาย ขอให้ได้พบสิ่งท่ีดีงาม ได้ไปที่ร่มเย็น เด็กท่ีไปร่�ำเรียน ขอให้มีสติปัญญา ให้ประสบความส�ำเร็จ
มีหน้าท่ีการงานที่ดี เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้า ขอให้ผืนฟ้า ผืนดิน ผืนน้�ำ เจ้าปลายน�้ำ เจ้าต้นน�้ำ ทั้งหมดทั้งส้ิน
ดลบันดาลให้พิธีกรรมในวนั นม้ี คี วามศักดิส์ ิทธิ์ หากมสี ่ิงใดผดิ พลาด ขอให้ท่านได้โปรดให้อภยั ด้วยเทอญ.

๑.๔ ประเภทสำ� นวนภาษติ และส่ิงแวดล้อม ได้อย่างสมดุลและเหมาะสม โดยมี
ต่าแตโด เป็นค�ำอุปมา อุปมัย ค�ำสอน จุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในคุณธรรมและ
คำ� เปรยี บเทียบ เปรียบเปรย สภุ าษติ คำ� พังเพย เปน็ ขอ้ คิด จริยธรรม สามารถปฏิบัติตนให้อยู่ในระบบคุณธรรมและ
และสิ่งเตือนใจเป็นส่ิงที่หล่อนหลอมจิตใจให้คนประพฤติ จริยธรรมได้อย่างเหมาะสม สามารถประพฤติปฏิบัติตน
ปฏิบัติตามแบบแผนวิถีชีวิต อันดีงามของชาวปกาเกอญอ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่นได้ และเพ่ือสามารถรักษา
ตลอดจนการปฏิบัติตนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ถ่ายทอดสภุ าษติ ค�ำพังเพย และค�ำสอนให้แกผ่ ูอ้ ่ืนได้

60 กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน

ต่าแตโดของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ จะมี • ทำ� กับดักหนูไดห้ นกู ิน ทำ� ไร่ท�ำนาได้ข้าวกนิ
ลักษณะตามค่านิยมของสังคมปกาเกอญอ คือ ให้ความ • หากจะด�ำนำ้� ก็ดำ� ใหถ้ งึ กน้
ส�ำคัญกับความใจกว้าง ความอดทน มีใจเผ่ือแผ่ มีความ หากจะขึ้นต้นไม้ก็ขึ้นใหถ้ ึงยอด
ส�ำรวม,ประนีประนอม อ่อนน้อมถ่อมตน โดยใช้ • แขง็ เกนิ ไปจะหัก อ่อนเกนิ ไปจะเปล้ียลง
ค�ำคล้องจองที่ไพเราะสละสลวย กะทัดรัด ประหยัดค�ำ • กินหนูแต่ไม่เห็นกับดัก กนิ ขา้ วแต่ไม่เห็นไร่
แต่มีความหมายท่ีกินใจ ต่าแตโด ของชาวปกาเกอญอ
สามารถเล่าเร่ืองราวต่างๆ ทั้งประวัติความเป็นมา
การท�ำมาหากิน ความเป็นอยู่ ของหมู่บ้าน ประเพณี
วัฒนธรรม ปัญหาสงั คม ความทกุ ข์ยากล�ำบาก เชน่

๑.๕ ประเภทภาษา
ภาษาปกาเกอญอ มีส�ำเนยี งท้องถ่ินตา่ งๆกัน ภาษาปกาเกอญอโดยมีลักษณะเรียงคำ� แบบ ประธาน - กริยา -
กรรม เช่น ยา เอาะ เม แปลว่า ฉัน กนิ ข้าว ประโยคคำ� ถาม เชน่ นา แล พอ หลอ แปลว่า คณุ ไปทไี่ หน ประโยคปฏิเสธ
เชน่ ยา เตอ แล แปลวา่ ฉันไมไ่ ป เป็นต้น กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ปกาเกอญอยงั มวี รรณกรรมมุขปาฐะท่ีมเี น้ือหาเกีย่ วกับการส่งั สอน
การเก้ยี วพาราสีระหวา่ งชาย – หญงิ ที่แสดงถงึ เอกลกั ษณ์ทางวัฒนธรรม และเป็นสื่อท่แี สดงภมู ปิ ัญญาของบรรพบรุ ษุ

๒. สาขาศิลปะการแสดง
ร�ำดาบ กลุ่มชาติพันธุ์
ปกาเกอญอมศี ลิ ปะการแสดงดง้ั เดมิ
คือ การร�ำดาบ ซ่ึงมีลกั ษณะทว่ งทา่
กระฉบั กระเฉงปราดเปรยี วตามลกั ษณะ
บุคลิกภาพของชาวปกาเกอญอที่มี
ความแขง็ แรง วอ่ งไว กระฉบั กระเฉง
แ ล ะ มี ท ่ ว ง ท� ำ น อ ง ก า ร บ ร ร เ ล ง
เคร่ืองดนตรี กลอง มอง ท่ีชัดเจน
กระชบั

รำ� ดาบปกาเกอญอของเยาวชนบา้ นป่าหมาก
หมู่ที่ ๒ ตำ� บลแมล่ าน้อย อ�ำเภอแมล่ านอ้ ย จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน

กลุ่มชาตพิ ันธ์ุ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 61

๓. สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ๔. สาขาความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับ
ประเพณี และงานเทศกาล ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล

ประเภทมารยาท กลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ ๔.๑ ประเภทอาหารและโภชนาการ
มกี ารนบั ถือใหเ้ กยี รตแิ ละยกย่องผ้อู าวุโส ชาวปกาเกอญอ ชาวปกาเกอญอจะปลกู พชื ผกั ไวก้ นิ รอบบา้ น และในไรส่ วน
จะไม่เรียกขานผู้อาวุโสกว่าด้วยช่ือ แต่จะเรียก เป็นพ่ี ลุง เรือกนา เลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ หมู ส�ำหรับเป็นอาหาร และ
ป้า น้า อา ตา ยาย ตามฐานานุรูป ตามด้วยช่ือลูก เช่น ยังมีแหล่งอาหารจากทรัพยากรธรรมชาติรอบตัว ท้ังพืช
นอ พอบอื คลโี หม่ (พี่ - แมพ่ อบอื คลี )พอื - นนู ปุ า่ (ตา พอ่ นนู )ุ ผกั สตั ว์ จากปา่ และแหลง่ น�ำ้ ล�ำหว้ ย แต่ชาวปกาเกอญอ
เป็นต้น ซ่ึงเป็นการแสดงความเคารพ ความนอบน้อมต่อ ใช้ทรัพยากรเหล่านี้อย่างรู้คุณค่า และเก็บใช้เท่าที่จ�ำเป็น
ผใู้ หญ่ และเปน็ มารยาททางสงั คมทช่ี าวปกาเกอญอใหค้ วาม ในการปรุงอาหารก็จะปรุงแบบเรียบง่าย ไม่มีกรรมวิธี
ส�ำคัญมาก นอกจากน้ีชาวปกาเกอญอจะปลูกฝังลูกหลาน ท่ียุ่งยาก มีส่วนประกอบของอาหารจากส่ิงที่หาได้รอบตัว
และมคี า่ นยิ มในการกตญั ญรู คู้ ณุ บดิ ามารดาและญาตผิ ใู้ หญ่ ท้ังนอ้ี าหารหลกั ๆของชาวปกาเกอญอ พอจ�ำแนกได้ดงั นี้
อกี ดว้ ย

ถ่อ หนอ่ อึ หรือถวั่ เนา่ เปน็ เครอ่ื งปรงุ อาหารทำ� นองเดยี วกบั ถวั่ เนา่ แผน่ ปลารา้ หรอื กะปิ ทำ� จากถวั่ ตระกลู
ถัว่ เหลือง โดยน�ำเมลด็ ถั่วมาลา้ งนำ�้ ทำ� ความสะอาด แชค่ า้ งคืน ต้ม ๓ - ๔ ชวั่ โมง
จนเมด็ ถ่ัวเปอ่ื ย ตักพกั ใหส้ ะเดด็ นำ�้ นำ� ไปหอ่ ด้วยใบสกั หรอื ใบตองตึง น�ำไมส้ กั หรือ
ไม้เก๊ียะทม่ิ ห่อถ่วั ใหพ้ อมรี ูระบายน้�ำ และการที่ใชไ้ มส้ กั หรอื ไมเ้ กี๊ยะ เพราะจะทำ� ให้
ถว่ั มกี ลน่ิ หอม หอ่ ถวั่ หมกั ทง้ิ ไวส้ ามคนื จงึ เอามาตำ� ใหล้ ะเอยี ดโรยเกลอื พอใหด้ บั กลน่ิ
และเพิ่มรสชาติ แล้วน�ำมาห่อด้วยใบตองกล้วยห่อเล็กๆ ส�ำหรับเก็บไว้ท�ำอาหาร
ซึ่งถ่ัวที่ผ่านการหมักไว้หลายคืนจะมีกลิ่นของถั่วหมัก จึงเรียกว่าถ่ัวเน่า ในอดีต
เมอ่ื ยงั ไมม่ ไี ฟฟา้ ไมม่ ตี เู้ ยน็ ใช้ ชาวปกาเกอญอจะนำ� ถว่ั เนา่ ทท่ี ำ� เสรจ็ เกบ็ ไวบ้ นทเ่ี กบ็
เครื่องครัวเหนือเตาไฟท่ีสานจากไม้ไผ่ ถ่ัวเน่าที่วางไว้เหนือเตาจะถูกอุ่น จากการ
ติดเตาไฟท�ำอาหารเบ้อื งลา่ ง เปน็ การถนอมอาหารท�ำให้เกบ็ ไว้ได้นาน

ต่าพอเปาะ ต่าพอเปาะ เป็นเมนูท่มี ีเรื่องเล่า แหง่ ท่มี าเกดิ จากวถิ ีการแบ่งปนั และจัดการอาหาร
ในยามวกิ ฤติ เมอ่ื ครง้ั ชาวปกาเกอญอตอ้ งเผชญิ กบั ความแรน้ แคน้ ไดข้ า้ ว ไดผ้ ลผลติ
ในทที่ ำ� กนิ นอ้ ย ไมพ่ อกนิ ทงั้ ดว้ ยปจั จยั ธรรมชาติ และศตั รพู ชื รบกวน ชาวปกาเกอญอ
ทกุ ครอบครวั ในหม่บู า้ นคราวนน้ั ได้รวบรวมอาหารทค่ี รอบครัวตนมีอยู่ เช่น พรกิ
ข้าวสาร เกลอื ผัก ฯลฯ ใสร่ วมกันช่วยกันทำ� เพ่ือแบง่ กนั กิน ขา้ วสารจากบา้ นละ
เพียงหยบิ มือ นำ� ไปหงุ เคีย่ วรวมกับพืชผักที่ทุกครอบครวั เอามา ปรงุ กบั เคร่อื งปรุง
ที่มีเพียงน้อยอย่าง ได้แกงหม้อใหญ่ให้ทุกคน ในชุมชนได้กินอย่างทั่วถึง อิ่มท้อง
อร่อยและมีความสุขที่ได้กินแกงหม้อเดียวกัน ได้แบ่งปันกัน ได้ช่วยกันข้ามผ่าน
ความยากล�ำบากมาด้วยกัน

ตา่ พอเปาะ จงึ เปน็ อาหารจากความสามคั คี เออ้ื เฟอ้ื แบง่ ปนั และเสรมิ กำ� ลงั ใหก้ า้ วผา่ นอปุ สรรคปญั หาดว้ ยดี กาลเวลา
ผ่านมา ต่าพอเปาะ ยังคงเป็นเมนูประจ�ำบ้านรวมถึงเป็นเมนูอาหารที่ใช้ประกอบพิธีกรรมแลต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความยินดี
และใหเ้ กียรตขิ องชาวปกาเกอญอ กระทงั่ ปัจจบุ ัน

62 กลุ่มชาติพันธ์ุ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน

เครื่องปรุง พริกสด/แห้ง เกลือ ถ่ัวเน่า น้�ำเปล่า ข้าวสาร ผัก

หรอื เนื้อตามตอ้ งการ

วิธีท�ำ ๑. เทนำ�้ เปลา่ และลา้ งขา้ วสารใสห่ มอ้ ตามปรมิ าณ

ท่ตี อ้ งการ แล้วนำ� ตัง้ ไฟ จนเดือด
๒. โขลกพริก เกลือ และถ่ัวเน่า ใส่ในหม้อแกง
ที่เดอื ดดีแลว้
๓. ใสเ่ นอื้ สัตวท์ เ่ี ตรยี มไว้
๔. เมื่อเมล็ดข้าวแตก หม่ันคนจนเมล็ดข้าวแตก
เป็นเน้ือเดียวกันกับน้�ำแกง จึงใส่ผักท่ีเตรียมไว้
เมื่อผักสุก จึงยกลงจากเตาพรอ้ มรับประทาน

ต่าพอเปาะ

มูส่าโต่หรือน้ำ� พรกิ เป็นอีกอาหารหลักคู่ส�ำรับของชาวปกาเกอญอ โดยน�้ำพริกของชาวปกาเกอญอ
มวี ตั ถดุ บิ หลกั เพยี ง พรกิ เกลอื และถอ่ หนอ่ อึ หรอื ถวั่ เนา่ ชาวปกาเกอญอในจงั หวดั
แม่ฮ่องสอน นิยมกินอาหาร ตามฤดูกาล น้�ำพริกที่กินก็เป็นไปตามฤดูกาลเช่นกัน
ในฤดูฝน ช่วงที่พืชพันธุ์ในไร่นา หรือรอบบ้าน ผลิดอกออกผล แทงยอดออกมา
ให้ได้เก็บกิน น�้ำพริกของชาวปกาเกอญอจะใช้พริกสดต�ำน�้ำพริกและมีส่วนผสม
ของเคร่ืองเคียงหรือสมุนไพรในไร่ เช่น ห่อวอ หรือผักอิหลืน ซ่ึงน�้ำพริกผักอิหลืน
เป็นน้�ำพริกที่ขึ้นชื่อและเป็นเอกลักษณ์ในเมนูอาหารของชาวปกาเกอญออีก
เมนูหน่ึง โดยมีส่วนผสมเพียง พริกสด เกลือ ถ่ัวเน่า และห่อวอหรือผักอิหลืน
นยิ มกนิ กบั ผกั ตม้ และแกงขา้ วเบอะ สว่ นในฤดแู ลง้ ชาวปกาเกอญอมอี าหารจากการ
การถนอมอาหารเก็บไว้ เช่น พริกแห้ง บะเกอเออ (ผักกาดแห้ง) หน่อไม้แห้ง
มูส่าโต่ หรอื น้�ำพริก จงึ ใชพ้ ริกแหง้ เป็นหลกั ช่วงน้จี ะนิยมท�ำมูสา่ แหละเขละ หรอื
นำ�้ พรกิ พรกิ แหง้ คว่ั ทน่ี ำ� พรกิ แหง้ มาคว่ั ดว้ ยไฟออ่ นจนพรกิ ออกสดี ำ� ตำ� กบั เกลอื และ
ถ่ัวเน่า กินกับผักกูดต้มส้ม หรือน้�ำพริกพริกแห้ง ที่น�ำพริกแห้งมาต�ำกับเกลือและ
ถัว่ เนา่ กนิ คกู่ บั ผกั ดอง เช่น ผกั กาดดอง หรอื ผักก่มุ ดอง

หอ่ วอ หรอื ผกั อหิ ลืน

กลุ่มชาติพนั ธุ์ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน 63

ตา่ เบอ คอื หอ่ หมก ทนี่ ำ� เนอื้ สตั วค์ ลกุ เคลา้ กบั เครอ่ื งปรงุ และสมนุ ไพร หอ่ ใบตอง ซง่ึ ถา้ เปน็
ปลานยิ มห่อดว้ ยใบขมน้ิ ชนั ส่วนเน้อื สัตวอ์ ื่นใช้ใบตองหอ่ นำ� ไปย่างไฟออ่ นๆจนสุก

ตา่ ลู คือ การต๋นุ เนื้อสัตวใ์ นกระบอกไมไ้ ผจ่ นเป่ือย

หรือแกงเย็น มสี ่วนประกอบหลัก คือ พรกิ เกลือ ถ่วั เนา่ ผักผลไมท้ ่ีมีรสเปรย้ี ว เช่น
มะขาม มะกอก สา่ โปป่ ระ เป็นตน้ ซึง่ เปน็ เสบยี งที่พกตดิ ตวั ได้งา่ ย หากไดเ้ ขียด ได้

ตา่ จท่ึ ี ปลา กน็ ำ� มาปง้ิ ยา่ ง แกะเนอื้ โยน ลงไป พรอ้ มเครอ่ื งปรงุ ทพ่ี กมา ในนำ้� เปลา่ ทเี่ ตรยี ม

ไวด้ ืม่ กนิ ก็เปน็ เสบียงทนี่ อกจากจะงา่ ย ยังเป็นทำ� ให้ เจริญอาหาร เตมิ แรง และให้
ความสดช่นื ไดด้ ใี นตอนกลางวัน

๔.๒ ประเภทการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ ท�ำให้ระบบนิเวศท่ีถูกท�ำลายไปเหล่าน้ัน มีการฟื้นตัว
พ้ืนบ้านไทย กลับสู่สภาพเดิม มีการปลูกพืชหลายชนิดในไร่ เช่น ถ่ัว
ชาวปกาเกอญอมีภูมิปัญญาในการรักษาโรค แตงกวา ฟกั ทอง ฟกั เขยี ว พรกิ และเครอ่ื งเทศอกี หลายชนดิ
ด้วยสมุนไพรที่เป็นท้ังอาหารและยารักษาโรค โดยการกิน ชาวปกาเกอญอมีความเชื่อว่า การท�ำไร่เปรียบเสมือน
ดมื่ ทา ประคบ อบ อาบ ตามประเภทสมนุ ไพรและลกั ษณะ การเหยียบบนทอ่ นไมไ้ ผ่ หมายถงึ ความไม่แน่นอนในดา้ น
อาการเจบ็ ไข้ นอกจากนย้ี ังมภี มู ิปญั ญาในการรักษาอาการ ผลผลิต ซ่ึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของสภาพดินฟ้าอากาศของ
เจ็บไข้ด้วยมนต์คาถา และการเซ่นไหวด้ ้วย แตล่ ะปี จงึ ตอ้ งมี การปลกู พชื ผกั หลายอยา่ งทม่ี อี ายกุ ารเกบ็
๔.๓ ประเภทการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ เก่ียวท่ีแตกต่างกัน ส�ำหรับให้ผลผลิตท่ีเพียงพอต่อการ
ส่งิ แวดล้อม บริโภคในครอบครัว และมีความมั่นคงทางอาหาร ท้ังน้ี
คึฉึ่ย หรือ ไร่หมุนเวียน กลุ่มชาติพันธุ์ปกา บางพ้ืนที่ใช้พื้นท่ีร่วมกันทั้งชุมชน บางพ้ืนที่แบ่งเป็น
เกอญอในพน้ื ทจ่ี งั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ยงั มกี ารทำ� ไรห่ มนุ เวยี น รายแปลงครอบครัวแต่ก็อยู่ภายใต้กระบวนการจัดการ
ในบางพื้นที่ เช่น ในพื้นท่ีต�ำบลห้วยปูลิง อ�ำเภอเมือง ร่วมกันของชุมชน นอกจากนก้ี ารท�ำไร่หมนุ เวยี นใช้ความรู้
แม่ฮ่องสอน พ้ืนที่บ้านอมพาย อ�ำเภอแม่ลาน้อย เป็นต้น ด้านนิเวศวัฒนธรรม ซ่ึงสะท้อนจากความเชื่อท่ีมีต่อ
ทง้ั นมี้ กี ารหมนุ เวยี นพน้ื ทท่ี ำ� ไรข่ า้ วใชเ้ วลาประมาณ ๓-๗ ปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ เช่น ผีที่ดูแลป่า ผีท่ีดูแลข้าว
ประเพณีในข้ันตอนการท�ำไร่ ท่ีเริ่มตั้งแต่กระบวนการ

64 กลุม่ ชาติพันธ์ุ จังหวดั แม่ฮ่องสอน

คัดเลือกพ้ืนท่ีท�ำไร่หมุนเวียน คือ ๑) ไม่เป็นพื้นท่ีป่าต้อง ประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรม ทัศนคติ คา่ นิยม และวิถปี ฏบิ ัติ
ห้ามตามประเพณี ๒) ไม่เป็นข้อห้ามตามประเพณีในการ ท่ีสืบทอดต่อกันมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม
เลือกพืน้ ทที่ �ำไร่ ๓) ไม่มีลางบอกเหตุ เป็นตน้ การเตรยี มไร่ ชาตพิ นั ธ์ุและเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทสี่ าํ คญั มคี วามสาํ คญั
ท่ีต้องไม่ท�ำลายสิ่งมีชีวิต จนถึงการเก็บเก่ียว ระบบคึฉ่ึย และมคี ณุ คา่ ตอ่ สงั คม ซง่ึ ผา้ ทอปกาเกอญอกบั การแตง่ กาย
หรือไร่หมุนเวียน จึงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และ จะบ่งบอกสถานภาพทางสังคม แสดงให้เห็นคุณวุฒิ
ยังคงยึดหลักการผลิตเพ่ือยังชีพสอดคล้องกับระบบนิเวศ ทางจรยิ ธรรมและการควบคุมความประพฤติของผู้สวมใส่
และวัฒนธรรมของชุมชน ท้ังน้ี คึฉ่ึย หรือไร่หมุนเวียน ควบคกู่ บั ความสวยงามของลวดลาย นอกจากนี้ ไดม้ กี ารนาํ
ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ผ้าทอปกาเกอญอมาสร้างรายได้ และการส่งเสริมให้เกิด
ของชาติ ประจำ� ปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ การสืบทอดความรู้ใหอ้ ยกู่ ับชุมชน
๕. สาขางานช่างฝีมือดง้ั เดมิ ลกั ษณะพิเศษหรือเอกลกั ษณ์
๕.๑ ประเภท ผ้าและผลติ ภณั ฑ์จากผ้า ๑. ผา้ ทอปกาเกอญอ เปน็ ผา้ ทอหนา้ แคบ เนอื่ งดว้ ย
ผ้าทอ เรียกได้ว่าเป็นมรดกภูมิปัญญาทาง ใช้เป็นการทอแบบก่ีเอว ที่มีความจํากัดเรื่องขนาดของผ้า
วฒั นธรรมของชาวปกาเกอญอ ทม่ี กี ารถา่ ยทอด สบื สานใน เมื่อจะนํามาใช้จึงนํามาเย็บต่อกันตามรูปแบบการใช้งาน
ครวั เรอื น ทห่ี ญงิ ในบา้ นตอ้ งเปน็ ผทู้ อใหส้ มาชกิ ในครอบครวั แบบง่ายๆ และเปน็ ผลิตภัณฑ์ท่ที าํ ดว้ ยมอื ทุกขนั้ ตอน
ได้ใช้ ทั้งยังมีวัฒนธรรมการทอผ้า ในกิจกรรมพิเศษต่างๆ ๒. ผา้ ทอปกาเกอญอเปน็ การทอแบบกเี่ อว ซง่ึ เปน็
ของชาวปกาเกอญอดว้ ย เชน่ เมอ่ื บตุ รหลาน อายคุ รบขวบปี อุปกรณ์ขนาดเล็ก เรยี บง่าย เคลื่อนยา้ ยได้
มารดาหรือคนในครอบครัวที่เป็นเพศหญิง ต้องทอเสื้อ ๓. เส้ือท่ีทําจากผ้าทอปกาเกอญอ มีลักษณะคอ
ตวั แรกใหใ้ ส่ และเสอื้ ตวั น้ี ตอ้ งดำ� เนนิ การทอตงั้ แตก่ ารขน้ึ ก่ี เป็นคอ V ด้านหน้าและด้านหลังเท่ากันสื่อถึงเอกลักษณ์
การทอ และเย็บจนส�ำเร็จเป็นเสื้อที่สวมใส่ได้ภายในระยะ ของชาวปกาเกอญอ ทม่ี คี วามซอ่ื ตรง จรงิ ใจ ทง้ั ตอ่ หนา้ และ
เวลา ๑ วนั ด้วยความเชอ่ื ทีป่ ลกู ฝังกันมาว่า จะทำ� ให้เด็ก ลับหลงั และเสือ้ ทอปกาเกอญอสามารถใสไ่ ด้ทั้งสองดา้ น
เตบิ โตเปน็ คนท่มี คี ณุ ภาพ ประสบความสำ� เร็จในชีวิต ด้วย ๔. การแต่งกายด้วยผ้าทอของชาวปกาเกอญอ
ความมุ่งม่ัน จดจ่อและต้ังใจในการประกอบกิจการงาน เป็นส่ิงบอกบ่งสถานภาพ หน้าที่และความรับผิดชอบ
เปน็ ตน้ การทอผา้ ของชาวปกาเกอญอเปน็ การทอดว้ ยกเ่ี อว ของคนในชุมชนชาวปกาเกอญอ คือ การใส่เสื้อทอของ
ขนาดความกวา้ ง ยาวตามขนาดทตี่ อ้ งการสำ� หรบั นำ� มาเยบ็ ชาวปกาเกอญอ ท้ังชายหญิงท่ีมีสถานภาพต่างกัน จะมี
เป็นผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ชาวปกาเกอญอจะทอผ้า แนวทางปฏบิ ตั ใิ นการแตง่ กายทแ่ี ตกตา่ งกนั ชาวปกาเกอญอ
สำ� หรบั ใชเ้ ปน็ เสอื้ ผา้ ผา้ หม่ ผา้ โพกหวั และ ยา่ ม แตป่ จั จบุ นั ผชู้ ายจะสวมเสอ้ื ทอสแี ดง โดยเดก็ ชายและชายทย่ี งั ไมผ่ า่ น
ได้มีการน�ำผ้าทอกะเหรี่ยงไปประยุกต์ใช้ในหลากหลาย การแต่งงานจะสวมเส้ือทอสีแดงทไ่ี มม่ พี ู่ เรียกวา่ “เช - เก
รปู แบบมากขน้ึ ทำ� ใหเ้ ป็นผลติ ภณั ฑท์ ่สี ามารถสร้างรายได้ ลอ่ -เหล่อ” และชายที่ไดส้ มรสมีครอบครวั แลว้ จะสวมเสื้อ
พเิ ศษใหแ้ กห่ ญงิ ชาวปกาเกอญอนอกเหนอื จากการทอไวใ้ ช้ สีแดงทมี่ ีพู่ เรยี กว่า “เช - หงอ” เป็นการบง่ บอกวา่ ชายทม่ี ี
ในครอบครัวด้วย ครอบครวั ไมไ่ ดม้ เี พยี งตวั คนเดยี วแลว้ แตม่ คี รอบครวั ทต่ี อ้ ง
ผ้าทอ เป็นสิ่งหน่ึงที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ รับผิดชอบ และจะใจร้อน คิดสั้นๆ ไม่ได้ ต้องทําใจเย็นๆ
คุณค่า ความเป็นมากระบวนการตา่ งๆ และถูกหลอมรวม คิดยาวๆ อดทน รอบคอบ ดังสายพู่ที่ห้อยยาวลงมาจาก
จนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ นับเป็น ตัวเส้ือ ซึ่งถ้าไม่ระวังก็จะพันกันวุ่นวายสําหรับหญิงนั้น
เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของอีกกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีเป็น เด็กและหญิงที่ยังไม่ได้การสมรส จะสวมชุดสีขาวยาว
ประชากรของไทย ซ่ึงสามารถสะท้อนถึงขนบธรรมเนียม กรอมเท้า เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผุดผ่อง

กลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน 65

หญิงท่ียังไม่ผ่านการมีคู่ครองต้องรักษาเกียรติ ศักดิ์ศรี ไม่เต็มผืน ผ้านุ่งหรือผ้าถุงของหญิงที่ผ่านการมีสามีแล้ว
ของตนและครอบครัว ด้วยการสํารวมกริยา ไม่ทําให้ตน จึงมีลายเพียงเทา่ ทเ่ี หน็ เพ่ือเปน็ การแก้เคล็ด เพราะผา้ นุ่ง
ด่างพร้อย รักษาความบริสุทธ์ิของตนดังสีขาวของเสื้อท่ี เวลานุ่งต้องรัดกับเอวผู้นุ่งบริเวณท่ีรัดเอวเป็นการจํากัด
สวมใส่ อีกทางหน่ึงบุคคลอ่ืนก็ต้องปฏิบัติต่อหญิงสาว ขอบเขต ปิดก้ัน ปิดบังสายตา ให้มองเห็นเพียงแค่น้ัน
อยา่ งสาํ รวม ใหเ้ กยี รตแิ ละไมท่ าํ ใหห้ ญงิ สาวแปดเปอ้ื นเชน่ กนั ไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้ นยั ว่าเป็นการปิดตา ปดิ ทาง
ส่วนหญิงสาวที่ได้แต่งงานมีครอบครัวตามประเพณีแล้ว ผู้เป็นสามีไม่ให้เห็นทางที่จะไปต่อ ให้หยุดอยู่เพียงนั้น
จะแต่งกายด้วยเส้ือท่ีทอพื้นสีดําและทอลวดลาย หรือ ไมจ่ ากภรรยาไปไหน ซงึ่ คงเปน็ อกี นยั หนง่ึ ตามลกั ษณะของ
ปกั ลวดลาย หรอื ปกั ลกู เดอื ยประดบั ตามความนยิ มในแตล่ ะ ชาวปกาเกอญอ ที่จะให้ความสําคัญกับบทบาทหน้าที่
พนื้ ที่ เรยี กวา่ “เช – ซ”ู และสวมผา้ ถงุ ซงึ่ มพี นื้ สแี ดง เรยี กวา่ สถานะทางสงั คม สถานภาพในครอบครวั ที่จะใหผ้ เู้ ป็นสา
“หน่ี – หงอ” มีเรอื่ งเลา่ หน่งึ เก่ียวกบั การแต่งกายของหญิง มีได้สํานึกว่า ตัวเองเป็นสามีและมีหน้าท่ีรับผิดชอบต่อ
ชาวปกาเกอญอวา่ ในอดตี แรกเรม่ิ นนั้ หญงิ ชาวปกาเกอญอ ภรรยาและครอบครัว ไม่ลอยชายไปไหนอกี สว่ นลวดลาย
ไมว่ า่ เดก็ ผใู้ หญ่ วยั ชรา แมบ้ รสิ ทุ ธผ์ิ ดุ ผอ่ ง หรอื แตง่ งานแลว้ ท่ีปักบนเสื้อผู้หญิง นัยว่าเพื่อให้เห็นว่าก่อนแต่งงาน
การแต่งกายของหญิงสมัยน้ัน คงเป็นการแต่งกายในแบบ ก่อนร่วมหอลงโรงต่างเห็นเพียงด้านดีงามของกันและกัน
เดยี วกนั คือ แต่งกายด้วยผ้าฝ้ายทผี่ ่านการปลูก เก็บ กรอ และเม่ือได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก็ได้เห็นกันในทุกแง่มุมซึ่งมี
ขน้ึ เสน้ ทอ เยบ็ ดว้ ยมอื ของตนเอง เปน็ ชดุ ยาวกรอมเทา้ สขี าว ทง้ั ด้านที่ดี และดา้ นท่ไี ม่ดี มีทั้งสงิ่ ท่ีชอบใจ และไมช่ อบใจ
ไมม่ ลี วดลายทเ่ี รยี กวา่ เช-วา แลว้ เกดิ เหตแุ หง่ การเปลย่ี นแปลง แต่เม่ือตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ก็ต้องปรับตัว
คือในการใช้ชีวิตของคู่สามีภรรยา มักมีเหตุไม่ราบรื่น เขา้ หากนั ยอมรบั ความแตกตา่ ง หลากหลายแหง่ ลวดลาย
ไม่อาจอยู่ร่วมเป็นครอบครัวตลอดรอดฝั่งได้เป็นท่ีผิดวิสัย ซึ่งกัน การใช้ชีวติ คพู่ งึ รักษา รงั สรรค์ส่งิ ทีส่ วยงามใหแ้ กก่ นั
และวิตก คราวนนั้ ชาวปกาเกอญอ ผูท้ ี่ใชช้ วี ิตกลมกลืนกับ เพื่อจะได้จับมือเดินเคียงข้างกัน ประคับประคองกันไป
ธรรมชาติและทุกสรรพชีวิตด้วยความเคารพ นอบน้อม ให้มีชีวิตคู่ท่ีมีความสุขจนกว่าลมหายใจจะพรากคู่ชีวิตไป
ไดน้ าํ ความไปปรกึ ษา «ตนุ่ » ซงึ่ เปน็ สตั ว์ ทขี่ ดุ โพรงใตด้ นิ อยู่ หนี่ หงอ หรือผ้าถงุ ของชาวปกาเกอญอนนั้ มี ๒ ประเภท
ในไร่ ในป่า ซ่ึงสมัยน้ัน ชาวปกาเกอญอและสรรพสัตว์ คือ “หนก่ี ิ/หน่ขี อ่ ทิอู” หรอื ผ้าซิน่ ตีนจกและ “หน่ีหงอโข่”
ตา่ งอยรู่ ว่ มกนั และสอื่ สารกนั ได้ ตนุ่ ทอี่ าศยั อยใู่ นโพรงใตด้ นิ ผ้าซ่ินสีพ้ืน “หนี่ข่อทิอู” มีส่วนประกอบจากผ้า ๓ ช้ิน
ผไู้ ดส้ ดบั รบั ฟงั ถงึ ความเปน็ มาเปน็ ไปบนพนื้ ดนิ จงึ สามารถ มาเยบ็ ต่อกัน ชน้ิ แรก เป็นส่วนบนเปน็ ผา้ ท่ีมลี ายขวางไมม่ ี
ล่วงรู้ถึงส่ิงที่เกิดข้ึน และเป็นผู้บอกแนวทางแก้ไขปัญหาน้ี ลวดลาย ชนิ้ กลาง เปน็ ผา้ ยกดอกทง้ั ผนื และชน้ิ ท่ี ๓ ซง่ึ เปน็
ว่าเป็นเพราะการแต่งกาย การที่หญิงผู้มีสามีแล้ว และยัง ชายผ้าซนิ่ เปน็ ผ้าจกลายทง้ั ผืน ซ่งึ ผ้าซิ่นแบบน้ีกลา่ วได้ว่า
คงสวมชุดสีขาวยาวกรอมเท้าน้ัน เป็นเหตุแห่งการจากไป เป็นเอกลักษณ์ของชาวปกาเกอญอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ของสามี ทางแก้ไขหรือเคล็ด คือปรับเปลี่ยนการแต่งกาย เช่น เดยี วกับ “เชชู พะโด๊ะ” หรือ เส้ือทอลายเตม็ ของหญงิ
ให้เป็นการแต่งกาย ๒ ชิ้น ให้ทําเสื้อสวมใสช่ น้ิ หน่ึง มพี ้ืน ชาวปกาเกอญอนั่นเอง ซ่ึงเส้ือทอลายแบบน้ีจะมีลาย
สดี าํ และสรา้ งลวดลายบนผนื เสอื้ อกี ชนิ้ หนง่ึ ใหท้ าํ ผา้ นงุ่ หรอื ท่ีมาจากการจกเกือบเต็มตัว ยกเว้นช่วงไหล่ และลายจะ
ผา้ ถุงทมี่ ีพ้ืนสีแดงและดลู ายจากผ้าโพกหวั ท่ีทอแตบ่ ังเอญิ ประกอบดว้ ยลายหลกั คือ เชโคก่ อกะ, เชโบถอ่ , เชหยอ่ ก,ี่
คราวนน้ั ผา้ โพกหวั เกดิ ไฟไหมเ้ หลอื เพยี งเศษซาก ทลี่ วดลาย หลา่ กอ,เชแหมะกวอ, เชคคี ลิ

66 กลมุ่ ชาติพันธุ์ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน

เครื่องมอื กลวธิ ีการผลติ งาน

๑. ถะเบอะ ทาํ จากไม้เน้ือแข็ง ๒. ถา่ โคโ่ บ เป็นไมเ้ นื้อแขง็ ๓. หยอ่ แคว่ (แผน่ คาดหลงั )
ยาวประมาณ ๓ เมตร ท่ีกลึงใหม้ ลี ักษณะเปน็ แท่งกลม แต่เดมิ นนั้ ทํามาจากหนังสตั ว์ ตอนหลงั ทาํ จาก
หน้ากวา้ งประมาณ ๕ นิว้ ยาวประมาณ ๘๐ เซนติเมตร กระสอบหรอื ผา้ นาํ มาพบั ทบกนั ใหม้ คี วามทนทาน
หนาประมาณ ๓ นวิ้ ใช้เปน็ แกนตรงึ ก่ีทอไวก้ บั หลกั ไมข่ าดง่าย ขนาดกว้างประมาณ ๕- ๖ นวิ้
ยาวประมาณ ๑๕ นิว้ เจาะรตู รงกลางท่ีปลาย
เจาะรขู นาดตา่ งๆ สําหรบั การต้งั ก่ีทอผ้า ทงั้ สองขา้ ง ร้อยเชอื กให้ความยาวเพยี งพอ
สาํ หรับการมดั กี่ตดิ กับเอวผู้มัดเวลาทอผ้า

๔. หล่ือชว๊ิ ๕. หนอ่ ทาแปะ ๖. กลู๊ เป็นไม้ท่อนกลม กลวง
ทําจากไม้ไผเ่ หลาให้กลม ยาวประมาณ ๒๐ น้วิ หรอื ไมก้ ระทบทําจากไมเ้ นื้อแข็ง มีหลายขนาด ขนาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง
ยาวประมาณ ๒๐ – ๒๕ น้ิว เซนติเมตร
ใชส้ าํ หรับพันเส้นฝาู ยสําหรับสอดเวลาทอ ประมาณ ๑ – ๒ นวิ้ ยาวประมาณ
และเปน็ อุปกรณ์ในก่ี ๒๐ – ๓๐ นิว้ แตเ่ ดมิ ทําจากไม้ไผ่
กลึงใหก้ ลม ไม่มเี สย้ี น ตากใหแ้ ห้ง
ปัจจบุ ันบางคนทําจากท่อพวี ซี ี

๗. ข่อหย่อซู คอื ไมส้ าํ หรบั ยนั เทา้ สาํ หรบั ควบคุมใหด้ า้ ยยืนตึง หรือหยอ่ นในระหว่างทอ
๘. หน่อติ เป็นไม้สําหรับพันผ้า ทําจากไม้เน้ือแข็งกลังให้กลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑/๒ น้ิว ยาว ๒๐-๒๔ น้ิว
ผ่าครึ่ง ประกอบปลาย ๒ ขา้ ง บากเป็นช่องสาํ หรบั ใช้คล้องเชือกจากแผ่นหนัง ท่ีโอบมาจากเอวผทู้ อเพือ่ มดั ตดิ กบั ก่ี
และใชส้ าํ หรับมว้ นเก็บผ้าทที่ อแล้ว
๙. แน๊ะ คอื เส้นป่าน สําหรับใชย้ กลายผ้า
๑๐. เส้นฝ้ายสาํ หรบั ทอ

กลุ่มชาตพิ ันธ์ุ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน 67

ข้ันตอนการผลติ เสน้ ฝ้าย

๑. การผลติ เสน้ ฝา้ ย ในอดตี ชาวปกาเกอญอจะปลกู ตน้ ฝา้ ยไวส้ าํ หรบั การนาํ มาประดษิ ฐเ์ ปน็ เสน้ ฝา้ ยสาํ หรบั ทอผา้
ไว้ตามหัวไร่ปลายนาและบริเวณบ้านเพียงแต่เพียงพอสําหรับการทอผ้าไว้ใช้ในครัวเรือนของตนเอง โดยจะเก็บฝ้ายก่อนที่
ฝ้ายจะร่วงลงสู่พ้ืน ป้องกันไม่ให้ฝ้ายสกปรก หลังจากเก็บฝ้ายแล้วจะน�ำฝ้ายไปตาก เพ่ือคัดเอาแมลงและส่ิงสกปรกออก
ก่อนจะนําไปหบี หรอื อดี ในท่ีอดี ฝ้าย แยกเอาเมลด็ ออกและนําไปปน่ั เป็นเสน้
๒. การย้อมสีฝ้าย ชาว
กะเหรี่ยงโดยเฉพาะชาวปกาเกอญอ
จะย้อมผ้าฝ้ายด้วยวัสดุตามธรรมชาติ
ท้ังจาก เปลือกไม้ ผลไม้ และใบไม้
สีธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการต้ม
หมกั และตาก

ข้นั ตอนการทอ

๑. ขอื่ หลือ่ คอื การกรอฝ้าย เม่อื จะทอผ้า ช่างทอผ้าจะ
นำ� ฝา้ ยทเี่ ตรยี มไวม้ ากรอ ดว้ ยการมว้ นฝา้ ยดว้ ยมอื บนเศษกระดาษ
หรอื เศษผา้ ใหแ้ นน่ ผา่ นเครือ่ งกรอด้ายท่ที าํ จากไม้หรือไม้ไผ่ ฝา้ ย
ท่ีผา่ นการม้วนหรือป่นั จะมลี กั ษณะเป็นกอ้ นกลมๆ

๒. บึ ตา่ หรอื การขน้ึ กี่ ชา่ งทอจะนาํ ฝา้ ยทกี่ รอแลว้ มาขงึ
บนอุปกรณ์ท่ีเรยี กวา่ ถะเบอะ ทีละเส้นในแนวนอน จนได้ขนาด
ความกวา้ งทต่ี อ้ งการ

68 กลมุ่ ชาติพันธ์ุ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน

๓. ชวี หล่อื เป็นการพนั ด้ายกับไมไ้ ผ่ที่เหลา ความยาว
ประมาณ ๒๐ น้วิ สําหรับสอดเวลาทอ

๔. ทา ต่า คือ การทอ ช่างทอจะปลดก่ีออกจาก
ถะ เบอะ มาใส่ ถ่า โค่ โบ ด้านหน่ึง อีกด้านหน่ึง ผูกกับไม้ที่
ผ่าครึ่งสอดประกบกันไว้เพ่ือขึงกี่ไว้กับเอวผู้ทอด้วย หย่อ แคว่
แล้วทอตามตอ้ งการจนเสร็จ

ลักษณะผา้ ทอ ปกาเกอญอ วางแผนและรูปแบบตั้งแต่การข้ึนกี่ โดยเพ่ิมอุปกรณ์ที่จะยกดอก
ด้วย “แน” ซึ่งในการทอพื้นฐานจะใช้ “แน” อันเดียว แต่ถ้าจะใช้
แบ่งลกั ษณะทอผ้ากะเหรีย่ งไดด้ ังน้ี สาํ หรบั ยกดอกหรอื จกจะใช้ “แน” สาํ หรับขนึ้ ลายหลายอนั ในอดตี
๑. การทอธรรมดาหรอื ทอพนื้ เปน็ การทอ ลายบนผืนผ้าทอปกาเกอญอ มาจากการจําลองส่ิงต่างๆ ที่เห็นใน
ลายขดั โดยการสอดดา้ ยขวางเขา้ ไประหวา่ งดา้ ยยนื ธรรมชาติ เช่นสัตว์ ใบไม้ ซ่ึงชาวปกาเกอญอ ที่ทอผ้าเป็นสามารถ
สลับข้ึน ๑ ลง ๑ ผ้าท่ีได้จะไม่มีลวดลาย มีความ การยกดอกและจกดอกท่ีทําให้เกิดลวดลายบนผืนผ้าทอได้ทุกอย่าง
เรียบสม่�ำเสมอ เป็นวิธีการทอขั้นพื้นฐานสําหรับ ตามความสนใจ และสามารถแกะลวดลายที่ช่ืนชอบจากที่อ่ืน
ผา้ ทอกะเหร่ยี งทกุ ประเภท มาประยุกต์ใช้ในลายผ้าของตน แม้กระท่ังการจกตัวอักษร หรือ
๒. การทอลาย การทอลายของผ้าทอ ขอ้ ความในผืนผา้ ก็มใี หเ้ ห็นทัว่ ไปในผา้ ทอปกาเกอญอ
ปกาเกอญอ มีทั้งลักษณะการทอแบบยกดอก
การจก ผสมกัน โดยการทอลักษณะน้ี จะมีการ

ผา้ ทอยกลาย ผ้าทอจกลาย ผ้าปกั ลกู เดือย

กลุ่มชาตพิ ันธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 69

กระบวนการจัดการองคค์ วามรู้ ของชา่ งฝีมือดั้งเดมิ ของชา่ งทอแตล่ ะคน จะมรี ายละเอยี ดปลกี ยอ่ ยทแ่ี ตกตา่ งกนั
นอกจากนี้ ในบางพน้ื ทเ่ี นน้ การทอลายซงึ่ จะมคี วามละเอยี ด
ช่างฝีมือดั้งเดิมด้านผ้าทอปกาเกอญอในจังหวัด ปราณตี สวยงาม บางพน้ื ทม่ี ลี กั ษณะการปกั ลกู เดอื ยประดบั
แม่ฮ่องสอน เป็นปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ความชํานาญ บางพน้ื ทม่ี กี ารประยกุ ตร์ ปู แบบ นาํ ความรเู้ ทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่
เป็นช่างทอผ้าท่ีมีฝีมือดี มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซงึ่ จะเปน็ การทอแบบเรยี บไมม่ ลี วดลาย แตใ่ ชล้ กู เลน่ ดว้ ยการ
ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นคน เยบ็ ตะเขบ็ และรมิ ผา้ แบบชาวละเวอื ะ หรอื การทอแบบเรยี บๆ
ในครอบครัวแต่ละครอบครัว ท่ีถือว่าเป็นครูช่างด้าน และใช้รูปแบบการจัดวางสีด้าย หรือการปักลวดลายอื่นๆ
การทอผ้าปกาเกอญอ มีความชํานาญและ มีเอกลักษณ์ ท่ีได้เห็น ได้ศึกษาจากสื่อและเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่าย
ในการทอผ้า มีความประณีตงดงาม ชาวปกาเกอญอใน ในสมัยปัจจุบัน การทอผ้าของชาวปกาเกอญอในจังหวัด
จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนเกอื บทกุ ครวั เรอื นสามารถทอผา้ ไวใ้ ชใ้ น แมฮ่ อ่ งสอน สว่ นมากเปน็ การทอเพอ่ื ไวใ้ ชใ้ นครอบครวั และ
ครอบครัวตนเองได้ และหลายครอบครัวสามารถสร้าง ในการดํารงชีวิตและเป็นช่องทางในการสร้างผลิตภัณฑ์
รายได้จากผ้าทอฝีมือของตน อีกทั้งในบางชุมชนมีการ เพื่อจําหน่ายเป็นรายได้เสริม ไม่ได้มีอาชีพหลักในการ
รวมกลุ่มกันเป็นธุรกิจชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับ ทอผ้า การทอผ้าของชาวปกาเกอญอ อยู่บนพื้นฐาน
ชมุ ชน ซ่ึงช่างทอผา้ ปกาเกอญอ จะมีความชาํ นาญ มีฝีมอื ดี ความคงอตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม และเหน็ คณุ คา่ ภมู ปิ ญั ญา
ในการทอผา้ การจดั วางสี ลวดลายและคงไว้ซงึ่ อตั ลกั ษณ์ ทางวัฒนธรรม
ของชมุ ชน ชา่ งทอผา้ จะใชค้ วามรซู้ งึ่ เปน็ ความรดู้ งั้ เดมิ ทไ่ี ด้ การทอผ้าปกาเกอญอต้องอาศัยความเพียร
สบื ทอดจากมารดา หรอื บคุ คลในครอบครวั รวมทงั้ การฝกึ ฝน ความอดทน ต้องใช้ความรู้ความสามารถ ของตนเอง
จากประสบการณม์ าใชใ้ นการทอผ้า แต่ยงั ขาดการจดั การ เป็นหลัก อย่างไรก็ตามการทอผ้าของชาวปกาเกอญอ
ความรู้ท่ีเป็นระบบ เช่นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นสิ่งที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้
ความเปน็ มาของการทอผา้ การถา่ ยทอดเทคนคิ องคค์ วามรู้ ใหก้ บั ชา่ งฝมี อื การพฒั นาความรคู้ วามสามารถของชา่ งทอผา้
ในการทอผ้าจากผู้ท่ีมีฝีมือระดับครู (tacit knowledge) ปกาเกอญอ จะใช้การเรียนรู้ ด้วยตนเอง ฝึกฝนจากการ
การเรียนรู้จะใช้การเรียนจากการปฏิบัติ การฝึกฝนจนมี ทอผ้าไว้ใช้เองแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากช้ินงานของช่างทอ
ประสบการณ์โดยไม่มีเอกสารหลักฐานในลักษณะท่ีเป็น คนอ่ืน ผนวกกับจินตนาการ ที่สรา้ งสรรค์ นาํ มาประยุกต์
ความรูช้ ัดแจง้ (explicit knowledge) ลักษณะงานทอผา้ กับผลงานของตน หากมีปัญหาในการทอจะใช้การสังเกต
ของชาวปกาเกอญอในจงั หวัดแมฮ่ ่องสอน มหี ลายรูปแบบ ซักถามจาก คนในครอบครวั หรอื เพอ่ื นทอี่ ยู่ใกลเ้ คียง หรือ
และมีลายพื้นฐานไม่ก่ีลาย แต่ช่างทอผ้าแต่ละคนจะมี ใช้ประสบการณ์ในการแก้ไข ท้ังน้ี ผ้าทอกะเหรี่ยงได้รับ
จนิ ตนาการและสรา้ งสรรคล์ วดลายเพมิ่ เตมิ จากทเี่ คยไดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นเปน็ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติ
การถา่ ยทอด หรอื ไดเ้ หน็ รปู แบบการทอการชา่ งฝมี อื คนอน่ื ประจ�ำปพี ทุ ธศักราช ๒๕๕๕
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทอผา้ ของตนเอง ทาํ ใหผ้ า้ ทอแตล่ ะผนื

70 กลุ่มชาติพนั ธ์ุ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน

๕.๒ ประเภทเคร่ืองจักสาน ชาวปกาเกอญอมี
ภมู ปิ ญั ญาการจกั สานทส่ี บื ทอดตอ่ กนั มา ในครอบครวั โดย
ผ่านการเรียนรู้จากการลงมือท�ำในครอบครัว เนื่องจาก
ชาวปกาเกอญอจะมีการปลูกฝังและถ่ายทอดวิถีชีวิต
ภมู ปิ ญั ญาดว้ ยการพาลกู หลานในครอบครวั ทำ� ทกุ กจิ กรรม
ร่วมกัน จึงเกิดกระบวนการเรียนรู้ ท่ีไม่ต้องมีหลักสูตร
แต่ได้ท�ำจริง ใช้จริง และพัฒนาทักษะ ความเช่ียวชาญ
ตลอดจนรปู แบบตามแนวทาง การตอ่ ยอดของแตล่ ะบคุ คล
แต่ในเบื้องต้นชายชาวปกาเกอญอต้องสามารถจักสาน
เครื่องมือเคร่ืองใช้ ส�ำหรับใช้ในครัวเรือน หากการทอผ้า
คือคุณสมบัติของหญิงปกาเกอญอแล้ว การจักสานก็เป็น
หน้าที่ ที่ชายปกาเกอญอต้องจักสานเครื่องมือเคร่ืองใช้
สำ� หรบั ใชใ้ นครวั เรอื นเชน่ กนั เครอ่ื งจกั สานทชี่ าวปกาเกอญอ
ใชใ้ นชวี ิตประจำ� วัน เชน่ กอื (แปม) สะเกาะ (ตะกรา้ ตาห่าง
มเี ชอื กสำ� หรบั สะพาย) กอื โป่ (เครอื่ งมอื บรรจสุ งิ่ ของในบา้ น
และยังเป็นเคร่ืองใช้ประกอบพิธีกรรมของครอบครัว
ปกาเกอญอ ก่อแหล่ (กระดง้ ) เพ - ฮงอื (กระดง้ ตาห่าง)
เครื่องมือฝัดร่อนข้าว รวมถึงเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ใน
ชีวติ ประจ�ำวันต่างๆ
๕.๓ ประเภทเครื่องโลหะ กลุ่มชาติพันธุ์
ปกาเกอญอในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีภูมิปัญญาในการท�ำ
เครอื่ งโลหะ สำ� หรบั เปน็ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั
เชน่ การตมี ดี จอบ เสียม เปน็ ต้น
๕.๔ ประเภทเครื่องประดับ กลุ่มชาติพันธุ์
ปกาเกอญอมีภูมิปัญญาในการท�ำเคร่ืองประดับจากลูกปัด
และวัสดุธรรมชาติ ทั้งต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ
โดยเครื่องประดับที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทาง
วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอในจังหวัด
แมฮ่ อ่ งสอน คอื แพกระเกาะ หรอื สรอ้ ยทถ่ี กั รอ้ ยดว้ ยลกู ปดั
เป็นลวดลายต่างๆ โดยหญิงชาวปกาเกอญอนิยมน�ำมา
ประดับเมือ่ แต่งกายด้วยชดุ ชาติพันธ์ุ

๖. สาขาการเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู้ป้องกันตวั
ประเภทการเล่นพ้นื บา้ น ไดแ้ ก่ การตลี ้อ การเป่าหนงั ยาง การเดนิ ไม้โกกเกก การเลน่ ลูกขา่ ง

โปว์ กลมุ่ ชาติพนั ธุ์ จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน 71

ชอื่ เรียกตวั เอง โปว์
ช่ือท่ีผอู้ ่ืนเรียก โปว์, โผล่ง
การต้งั ถน่ิ ฐาน กลุ่มชาติพันธุ์โปว์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีชุมชนอยู่ใน ๓๖ หมู่บ้านกับอีก

๓๙ หย่อมบา้ น ในพื้นท่ี ๘ ตำ� บล ของอำ� เภอสบเมย และอำ� เภอแม่สะเรียง ดังนี้

72 กลุ่มชาติพันธุ์ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน

๑. อำ� เภอแม่สะเรียง หย่อมบ้านปแู่ กว้ หมู่ ๑๑ ทีฮือลอื หย่อมบา้ นแม่ปอง หมู่
ท่ี ๑๒ บ้านกลอโคะ๊
๙ หมบู่ า้ นหลกั ๘ บ้านบริวาร ใน ๓ ต�ำบล ประกอบดว้ ย
๑.๑ ต�ำบลแม่สะเรียง ๑ หมู่บ้านหลัก ได้แก่ ๒.๒ ตำ� บลกองกอ๋ ย ๘ หมบู่ า้ นหลกั ๙ บา้ นบรวิ าร
ไดแ้ ก่ หมู่ ๒ ผาเยอ หยอ่ มบา้ นผาเยอนอ้ ย หมู่ ๓ แมแ่ พหลวง
หมทู่ ี่ ๖ ดงสงดั หมู่ ๔ ห้วยเกย๋ี ง หย่อมหว้ ยไก่ป่า หย่อมบ้านห้วยช้างหลวง
๑.๒ ตำ� บลแมเ่ หาะ ๕ หมบู่ า้ นหลกั ๘ บา้ นบรวิ าร หย่อมบา้ นหว้ ยชา้ งน้อย หมู่ ๕ แมแ่ พน้อย หมู่ ๖ ห้วยวอก
หยอ่ มบา้ นหว้ ยบุก หมู่ ๗ ทา่ ฝาย หมู่ ๘ ทะโลง หยอ่ มบ้าน
ได้แก่ หมู่ ๕ แมจ่ ๊าง หย่อมบ้านแม่จ๊างบน หมู่ ๖ บา้ นดงกู่ ทะโลงใต้ หยอ่ มบ้านสบแปะ หมู่ ๙ กองต๊อก หย่อมบา้ น
หมู่ ๗ ดงหลวง หย่อมบ้านดงน้อย หมู่ ๘ ห้วยปลาก้ัง ผาอันเหนือ หย่อมบา้ นผาอนั ใต้
หย่อมบ้านห้วยหมากหนัง หย่อมบ้านห้วยอีฮวก หมู่ ๑๑
ขุนวงศ์ หย่อมบ้านขุนวงศ์ใต้ หย่อมบ้านผาแดงเหนือ ๒.๓ ต�ำบลแมส่ วด ๔ หมูบ่ า้ นหลัก ๘ บา้ นบรวิ าร
หย่อมบา้ นผาแดงใต้ และหย่อมบา้ นศาลาไทย ไดแ้ ก่ หมู่ ๑ แม่สวด หมู่ ๒ ห้วยม่วง หยอ่ มบา้ นแม่ละโอ๊ด
หย่อมบ้านแม่ปะหลวง หย่อมบ้านแม่ปะกลาง และ
๑.๓ ต�ำบลแมย่ วม ๓ หมู่บ้านหลัก ไดแ้ ก่ หมู่ ๘ หย่อมบ้านแม่ปะนอ้ ย หมู่ ๓ แม่เลาะ หย่อมบ้านกองอูม
คะปวง หมู่ ๑๑ หว้ ยบง หมู่ ๑๒ แพะคะปวง หยอ่ มบ้านแม่คะเหนอื หย่อมบา้ นแม่คะกลาง หย่อมบ้าน
สบแม่คะ หมู่ ๘ บา้ นแม่สวดใหม่
๒. อำ� เภอสบเมย
๒.๔ ต�ำบลป่าโป่ง ๔ หมู่บ้าน ๕ บ้านบริวาร
๒๗ หมู่บ้านหลัก ๓๑ บ้านบริวาร ในพื้นท่ี ๕ ต�ำบล ได้แก่ หมู่ ๒ กองแปเหนือ หย่อมบ้านกองแปใต้ หมู่ ๓
ประกอบดว้ ย ต้นง้ิวเหนือ หย่อมบ้านต้นง้ิวใต้ หมู่ ๔ ห้วยหมูเหนือ
หย่อมบ้านห้วยหมูกลาง หย่อมบ้านห้วยหมูใต้ หมู่ ๕
๒.๑ ตำ� บลสบเมย ๑๐ หมบู่ า้ นหลกั ๘ บา้ นบรวิ าร ห้วยเหย๊ี ะ หยอ่ มบ้านห้วยเหยี๊ ะนอ้ ย
ได้แก่ หมู่ ๑ เลโค๊ะ หมู่ ๓ ขุนแม่คะตวน หย่อมบ้าน
แมส่ องแคว หมู่ ๔ ห้วยกองมลู หมู่ ๖ ซื้อมือ่ หยอ่ มบ้าน ๒.๕ ต�ำบลแม่สามแลบ ๑ หมู่บ้านหลัก ๑
ซ่อื มอ่ื น้อย หมู่ ๗ แม่ลามาหลวง หย่อมบา้ นแมล่ ามาน้อย บ้านบริวาร ได้แก่ หมู่ ๗ บ้านแม่ลามาน้อย หย่อมบ้าน
หมู่ ๘ ทยี าเพอ หย่อมบา้ นห้วยไชยยงค์ หมู่ ๙ หว้ ยน้�ำใส เครอะบอน้อย
หยอ่ มบา้ นน้�ำออกฮู หมู่ ๑๐ หว้ ยทซี ะ หยอ่ มบา้ นห้วยยาก

บรบิ ททางสงั คมและวัฒนธรรม

กลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปวใ์ นจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน มกี ารสอื่ สารกนั ดว้ ยภาษาถนิ่ มกี ารนบั ถอื ผี และศาสนาพทุ ธและศาสนา
ครสิ ต์ มปี ระเพณี วฒั นธรรมทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณป์ ระจำ� กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ ความสมั พนั ธข์ องคนในชมุ ชนเปน็ ไปในลกั ษณะเครอื ญาติ
มคี วามสมั พนั ธท์ แ่ี นน่ แฟน้ ทกุ คนรจู้ กั กนั เปน็ อยา่ งดี มกี ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารกนั ตลอดเวลาผา่ นประเพณแี ละวฒั นธรรม มวี ถิ ชี วี ติ
คอื การหาของปา่ ในระบบการผลติ แบบเดมิ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปว์ ในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนดำ� รงชวี ติ รว่ มกนั กบั ธรรมชาติ วถิ ชี วี ติ
ผูกพันแนบแน่น อยู่กับป่า ป่าเป็นศูนย์รวม ความหลากหลายของแหล่งอาหาร ความหลากหลายของวัฒนธรรมและ
ภูมิปัญญาท้องถ่ินของกลุ่ม มีการจัดการชีวิตของตน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว ในอดีตมีระบบ
การผลติ เปน็ แบบการทำ� ไรห่ มุนเวียน เป็นระบบการเพาะปลกู ระยะส้นั มีเวลาพกั การใช้ดินนาน ทำ� การเกษตรเฉพาะฤดูฝน
ด้วยการถางป่าและเผาไร่ เพอ่ื การเพาะปลกู พืชเพยี งไมก่ ี่ชนดิ ในรอบ ๑ ปี โดยพชื หลักทป่ี ลกู คือข้าวไร่ ปลกู พรกิ กะเหรย่ี ง
เพ่ือจำ� หน่าย ต่อมา มีการปลูกพชื เศรษฐกิจเพอ่ื จำ� หน่ายและสร้างรายได้ เชน่ ข้าวโพด ฟกั ทอง บกุ กาแฟ เปน็ ตน้

กลุ่มชาติพนั ธุ์ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน 73

ลักษณะบ้านเรอื นทีพ่ ักอาศยั เหน็ ได้อย่างชดั เจนจากการชว่ ยเหลอื กนั เมอ่ื เจ็บปว่ ย หรอื
งานประเพณีที่ส�ำคัญต่างๆของชุมชน ทุกคนเหมือนเป็น
ลักษณะบ้านของชาวโปว์นิยมสร้างบ้านยกพ้ืนสูง ครอบครวั เดยี วกนั มกี ารแบง่ ปนั เออื้ เฟอ้ื เผอื่ แผซ่ ง่ึ กนั และกนั
ในอดตี ใชว้ สั ดตุ ามธรรมชาตทิ ม่ี อี ยู่ เชน่ ไม้ ไมไ้ ผแ่ ละมงุ ดว้ ย นอกจากนี้ยังคงเคร่งครัดปฏิบัติตามความเช่ือและ
ใบหญา้ คา แตใ่ นปัจจุบันใชว้ สั ดุก่อสร้างทีซ่ ้อื จากภายนอก ประเพณีวัฒนธรรมทส่ี บื ทอดต่อเน่ืองกันมายาวนาน
ชมุ ชนเขา้ มาสรา้ ง เช่น มุงหลังคาด้วยกระเบือ้ ง แตต่ ัวเรือน
ยังเป็นไม้อยู่ เรือนชาวโปว์แบบดั้งเดิมมีการแบ่งพ้ืนท่ีห้อง ภาษา
เป็นส่วนนอกและส่วนใน ส�ำหรับห้องส่วนนอกน้ันจะมี
พื้นท่ีขนาดใหญ่เป็นท่ีนั่งพักผ่อนละท�ำเคร่ืองจักสานต่างๆ กลุ่มชาติพันธุ์โปว์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบัน
มียกพ้ืนส�ำหรับเป็นห้องนอนและพื้นท่ีใช้ต้อนรับแขก ยังคงพูดภาษาโปว์ระหว่างกัน แต่สามารถส่ือสารด้วย
ในส่วนกลางเป็นพ้ืนท่ีครัวที่มีกระบะใส่ดินเพื่อตั้งเตาไฟ ภาษาไทยหรือค�ำเมืองกับบุคคลภายนอกได้เข้าใจ
ทำ� อาหารและทำ� เปน็ ชน้ั เหนอื เตาไฟ เพอ่ื เกบ็ เมลด็ พนั ธพ์ุ ชื โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ เนื่องจากการได้รับการศึกษา
ดา้ นขา้ งของเตาไฟจะเปน็ ทนี่ อนของ พอ่ แมแ่ ละลกู สำ� หรบั จากสถานศกึ ษาและไดต้ ดิ ต่อสัมพนั ธก์ ับบคุ คลภายนอก
ห้องท่ีเป็นส่วนในเป็นท่ีนอน ของลูกสาว พื้นท่ีบนเรือน
จดั แบง่ ไดเ้ ปน็ ๓ สว่ นคอื พน้ื ทมี่ ฝี ากนั้ เชน่ หอ้ งนอน ครวั ไฟ การประกอบอาชพี
สว่ นทมี่ ชี ายคาคลมุ ไม่กั้นฝา ไดแ้ ก่ ระเบียง หงิ้ น้ำ� (ทวี่ าง
ภาชนะใส่น้�ำดื่ม) และส่วนนอกชายคาประกอบด้วย การประกอบอาชีพของกลุ่มชาติพันธุ์โปว์ใน
ชานบ้าน ซ่ึงจะลดระดับต่�ำลงท�ำด้วยไม้ไผ่หรือไม้เน้ือแข็ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่อดีตอยู่บนพื้นฐานของการท�ำ
บ้านไม่มีหน้าต่าง มีประตู ๑ บาน สานด้วยไม้ไผ่ขัดแตะ การเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยมีสมาชิกในครอบครัวเป็น
มียุ้งข้าว และครกกระเด่ืองต้ังแยก อยู่ในบริเวณรั้วบ้าน แรงงานหลัก โดยการเพาะปลูกเพ่ือยังชีพและใช้สอย
ใตถ้ ุนบา้ นจะใช้เปน็ ท่ีเก็บฟืน เลีย้ งสตั ว์และอ่นื ๆ ในครัวเรือนและถ้ามีเหลือก็จะขาย เช่น ข้าว และพริก
(พริกกะเหรี่ยง) และเล้ียงสัตว์ เช่น ไก่ หมู วัว ควาย
ลักษณะครอบครัว เพ่ือเอาไว้กินในครอบครัว ใช้ในการประกอบพิธีกรรม
ตามความเชื่อและใช้แรงงานในไร่นา นอกจากนี้ ในบาง
ครอบครวั ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปวเ์ ปน็ ครอบครวั เดยี่ ว หมูบ่ า้ นได้ปลูกพชื เศรษฐกจิ คอื บกุ ซ่งึ ไดร้ ับการส่งเสริม
มคี ่านิยมผัวเดยี วเมยี เดียว จากส่วนราชการและสร้างรายได้ให้แก่ คนในหมู่บ้าน
อีกทั้งมีการน�ำภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมาเป็นแนวทาง
ลักษณะสังคม สร้างรายได้เสริม เชน่ เครือ่ งจักสาน ผ้าทอ เป็นตน้ ทั้งน้ี
ปัจจุบันชาวโปว์มีการประกอบอาชีพอื่นที่หลากหลายขึ้น
กลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปวใ์ นจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนยงั มรี ะบบ เช่น อาชพี รบั ราชการ
เครือญาตทิ เี่ ข้มแข็งใหค้ วามเคารพผอู้ าวโุ ส โดยสะทอ้ นให้

อาหาร

กลุ่มชาติพันธุ์โปว์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีวิถี
วัฒนธรรมด้านอาหารและการบริโภคในชุมชน คล้าย
กลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ ท่ีเรียบง่ายและยังคงอาศัย
วัตถุดิบจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ท้ังแหล่งน�้ำ
ป่าไม้ เป็นแหล่งอาหาร และสามารถผลิตอาหารได้เอง
จากไร่ และในบริเวณบ้าน เพื่อมีอาหารในการบริโภค
อยา่ งหลากหลายและแปรเปลยี่ นไปตามฤดกู าลตลอดทงั้ ปี

74 กลุ่มชาติพันธุ์ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ความเชื่อ ศาสนา พธิ ีกรรม
กลุ่มชาติพันธุ์โปว์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังมี
อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม ความเชอื่ และการนบั ถอื ผแี ละสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธต์ิ า่ งๆ ทเ่ี กยี่ วพนั
กบั ธรรมชาตแิ ละวถิ ชี วี ติ เปน็ อยา่ งมาก แมป้ จั จบุ นั จะมกี าร
วัฒนธรรมการแต่งกาย กลุ่มชาติพันธุ์โปว์ใน นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ หรอื ศาสนาครติ ส์ แตย่ งั คงมแี นวปฏบิ ตั ิ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีวัฒนธรรมการแต่งกายใกล้เคียงกับ และความเชื่อดั้งเดิมที่ช่วยสร้างความรู้สึกร่วมและความ
ปกาเกอญอ โดยในการแตง่ กายตามวฒั นธรรม หญงิ โสดจะ เปน็ อันหนึง่ อันเดยี วกันของ คนในชุมชน
สวมเสื้อตัวยาวทรงสอบ สีขาวทอลายสีแดง ส่วนผู้หญิงท่ี
แต่งงานแล้วจะสวมเส้ือกับผ้าซ่ิน แยกช้ินกัน โดยตัวเส้ือ วฒั นธรรมประเพณี
จะมกี ารทอลวดลายและปักลูกเดอื ย และผา้ ซิ่น เป็นผา้ ทอ ประเพณอี ังแลเขาะ หรอื ปใี หม่
สลับสี ผู้ชายจะสวมเส้ือทอสีแดงกับกางเกงหรือโสร่ง กลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปวท์ ย่ี งั คงมกี ารสบื ทอดความเชอ่ื
แต่ปัจจุบันรปู แบบการแตง่ กายไดป้ ระยกุ ตป์ รบั เปลย่ี นและ จะจัดกิจกรรมประเพณีอังแลเขาะหรือปีใหม่ โดยหลัง
เปลยี่ นแปลง ไปตามสมยั นยิ ม ปลูกข้าวเสร็จ แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้น�ำในการประกอบ
พธิ กี รรมตามความเชอื่ ของแตล่ ะหมบู่ า้ น เปน็ คนดฤู กษย์ าม
หรอื กำ� หนดวนั ดำ� เนนิ กจิ กรรมประเพณอี งั แลเขาะของหมบู่ า้ น
ตามหลกั จนั ทรคติ ในประเพณอี งั แลเขาะ กลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปว์
จะมีการเซ่นไหว้บูชาผีหรือสิ่งศักด์ิสิทธ์ิที่ชาวบ้านเชื่อว่า
เป็นผู้คุ้มครอง ปกปักรักษาหมู่บ้าน โดยในช่วงเช้ามืด
คนในหมูบ่ ้านจะไปร่วมกนั ประกอบพิธีเลี้ยงผี เพื่อเปน็ การ
ขอพรให้ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิท่ีนับถือช่วยปกปกรักษาให้คนใน
ชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข จากนั้นจึงแยกย้ายกลับบ้าน เพ่ือ
ประกอบพิธีผูกข้อมือปีใหม่ โดยผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน
จะเวยี นไปผกู ขอ้ มือใหก้ ับคนในหมบู่ ้าน ซึ่งลกู หลานทีอ่ อก
จากหมู่บ้านไปเรียนหรือไปท�ำงานจะกลับบ้านมาเพื่อร่วม
ประเพณีเลี้ยงผีกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ท้ังน้ี
ในกรณีที่ครอบครัวใดมีสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต
ครอบครัวน้ันจะเว้นจากการไปร่วมพิธีกรรมเลี้ยงผีของ
หมู่บ้านและเว้นจากการมัดมือในประเพณีปีใหม่เป็นระยะ
เวลา ๓ ปี
ความรูแ้ ละภมู ิปัญญา
กลุ่มชาติพันธุ์โปว์มีภูมิปัญญาในการด�ำเนิน
ชวี ติ ประจำ� วนั โดยมกี ารท�ำเคร่อื งนุ่งหม่ ดว้ ยการ ทอก่เี อว
การประดิษฐ์เครื่องมือเคร่ืองใช้ในครัวเรือน ในการเกษตร
รวมถงึ เครอ่ื งมอื มาหากนิ ดว้ ยตวั เอง โดยการจกั สาน ซงึ่ การ
จกั สานของกลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปวม์ ลี กั ษณะเดน่ คอื มกี ารลงรกั
และการตีโลหะเป็นเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ในครัวเรือน และ
ภาคเกษตร เช่น มีด จอบ เสียม เป็นต้น นอกจากนี้
ยังมีภูมิปัญญาในการใช้สมุนไพรรอบตัว เป็นยาอาการ
เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ต่างจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่นในจังหวัด

กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน 75

แม่ฮ่องสอน โดยมีภูมิปัญญาที่โดดเด่น ตามหมวดหมู่ ๒. ประเภทเครอ่ื งจักสาน กลุ่มชาติพันธ์ุโปว์
มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม คอื มีภูมิปัญญาในการท�ำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่ ซึ่งเป็น
สาขางานช่างฝมี อื ดั้งเดิม ภมู ปิ ญั ญาทมี่ กี ารสงั่ สมและถา่ ยทอดมาเปน็ ระยะเวลานาน
๑. ประเภทผา้ และผลติ ภัณฑ์ กลมุ่ ชาติพันธุ์ เพอื่ นำ� ไปใชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ กระดง้ กระบงุ
โปวใ์ นจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนมภี มู ปิ ญั ญา ดา้ นผา้ และผลติ ภณั ฑ์ หมวก เปน็ ต้น ทั้งนีเ้ ครื่องจกั สานของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์โปวไ์ ด้
ท่ีสืบทอดต่อกันมา โดยผ้าและผลิตภัณฑ์ของชาวโปว์ รับการพัฒนา และประยุกต์รูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความ
เป็นอีกหน่ึงผลิตภัณฑ์ของภูมิปัญญา ผ้าทอกะเหรี่ยง หลากหลายมากขน้ึ จนเปน็ ผลติ ภณั ฑท์ างวฒั นธรรมในพน้ื ที่
ส่วนใหญ่เป็นเส้ือผ้า เคร่ืองนุ่มห่มที่ใช้ในครัวเรือน และ ทไี่ ด้รับการยอมรับในเชงิ พาณิชย์ด้วย
ปจั จบุ นั เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ น่ี ำ� รายไดเ้ สรมิ มาสกู่ ลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปว์
ดว้ ยอกี ทางหนง่ึ ผา้ ทอของกลมุ่ ชาตพิ นั ธโ์ุ ปว์ เปน็ ผา้ ทอกเี่ อว
หน้าแคบ และน�ำมาเย็บด้วยมือ ตามลักษณะ
ท่ตี อ้ งการใช้ มีลวดลายท่เี ปน็ เอกลักษณเ์ ฉพาะ

ผา้ และผลิตภัณฑจ์ ากผ้าของกลุ่มชาติพนั ธ์ุโปว์ เคร่ืองจกั สานกลมุ่ ชาติพันธุ์โปว์
ในจังหวดั แม่ฮ่องสอน

76 กลุ่มชาติพนั ธ์ุ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน

กะแย

ชอ่ื เรยี กตัวเอง กะแย
ชื่อทผี่ ู้อื่นเรียก กะเหรีย่ งแดง, คะเรนนี

การตั้งถน่ิ ฐาน เดิมกลุ่มชาติพันธุ์กะแยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีภูมิล�ำเนาในประเทศพม่า แต่เม่ือมี
เหตุการณ์ความไม่สงบในพม่า บางส่วนจึงได้อพยพโยกย้ายเพื่อล้ีภัยการสู้รบระหว่าง
ทหารพมา่ กบั ชนกลุ่มนอ้ ย โดยเข้ามาในประเทศไทยตามแนวชายแดนตา่ งๆ ในเบือ้ งตน้
มาอยู่ในฐานะผู้ล้ีภัยการสู้รบ และย้ายท่ีอยู่อาศัยไปเรื่อยในละแวกเขตแนวชายแดน
กระทงั่ ได้ตงั้ รกรากเป็นหลกั แหลง่ อยอู่ าศัย สร้างครอบครวั และเปน็ พลเมอื งของจงั หวดั
แม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน โดยอยู่ใน ๑๑ หมู่บ้านหลัก กับ ๔ บ้านบรวิ าร ในพื้นที่ ๕ ต�ำบล
ของอ�ำเภอเมอื งแม่ฮ่องสอน ดงั น้ี

กลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน 77

๑. ตำ� บลหว้ ยโป่ง ๑ หมู่บา้ น ไดแ้ ก่ หมู่ ๘ บา้ นหว้ ยช่างค�ำ
๒. ต�ำบลผาบ่อง ๒ หม่บู ้าน ๓ หย่อมบา้ น ได้แก่ หมู่ ๓ บ้านห้วยเดอ่ื หยอ่ มบ้านห้วยปูแกง หมู่ ๗ หย่อมบา้ น
หว้ ยชา่ งเหลก็ หมู่ ๘ ห้วยเสอื เฒ่า และหย่อมบา้ นแมส่ ่วยอู
๓. ต�ำบลปางหมู ๔ หมู่บ้าน ๑ หย่อมบ้าน ได้แก่ หมู่ที่ ๔ บ้านในสอย หมู่ ๙ บ้านไม้สะเป่ หย่อมบ้าน
ห้วยผงึ้ นอ้ ย หมู่ ๑๒ บ้านชานเมอื ง หมู่ ๑๓ บา้ นดอยแสง
๔. ต�ำบลหมอกจ�ำแป่ ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ ๕ บ้านห้วยมะเขือส้ม หมู่ ๗ บ้านห้วยโป่งอ่อน หมู่ ๘
บ้านทบศอก
๕. ตำ� บลหว้ ยผา ๑ หมูบ่ ้าน ไดแ้ ก่ หม่ทู ี่ ๓ บ้านห้วยผึง้

บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม ภาษา
กลุ่มชาติพันธุ์กะแยมีภาษาพูดและภาษาเขียน
ลกั ษณะทางกายภาพของพื้นที่ ของตน โดยชาวกะแยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังคงส่ือสาร
กลุ่มชาติพันธุ์กะแยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหวา่ งกนั ดว้ ยภาษากะแยและสามารถสอ่ื สารภาษาไทยกลาง
มาจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อพยพเข้ามา และภาษาทอ้ งถน่ิ ของ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนกบั คนขา้ งนอกได้
ในเขตชายแดนฝั่งไทย ด้วยสาเหตุจากการหนีภัยการสู้รบ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ท่ีได้รับการศึกษาในระบบการศึกษา
ระหว่างทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อย และได้ต้ังชุมชน ของภาครฐั แตภ่ าษาเขยี นของชาวกะแยทคี่ ลา้ ยกบั ตวั อกั ษร
อยู่กระจายในอ�ำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยที่ตั้งของชุมชน ของพม่านั้น มีเพียงคนรุ่นเก่าท่ีเป็นผู้น�ำ หรือผู้น�ำ
ชาวกะแยอยู่ใกล้ชายแดนไทย - พม่า ที่ต้ังชุมชนมี ในการประกอบพิธีกรรมท่ีสามารถอ่านออก และเขียน
ทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในป่าต้นน้�ำ ภาษากะแยได้
มีแหลง่ น�้ำลำ� ห้วยไหลผ่านชมุ ชน การประกอบอาชพี
ลักษณะครอบครวั กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแยในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ปจั จบุ นั
ลักษณะครอบครัวของกลุ่มชาติพันธุ์กะแยเป็น ประกอบอาชีพหลากหลายมากขึน้ โดยคนรุ่นเกา่ ส่วนใหญ่
ครอบครวั เดย่ี ว อนั ประกอบดว้ ยพอ่ แม่ และลกู เมอื่ ลกู สาว ประกอบอาชพี ท�ำนา ทำ� ไร่ ทำ� สวนปลกู พืชเศรษฐกิจ เชน่
แต่งงานฝ่ายชายจะต้องย้ายมาอยู่กับครอบครัวภรรยา ข้าวโพด และปลูกพืช ส�ำหรับบริโภค ในครัวเรือน
๑ ฤดูกาลในการท�ำการเกษตร หรือตลอดฤดูกาลในการ และเป็นรายได้เสริมแซมในเรือกสวนไร่นา เช่น พริก ฟัก
ท�ำไร่ ต้ังแต่การเพาะปลูกไปจนกระท่ังเก็บเกี่ยว จากนั้น แตง ฯลฯ เลยี้ งสตั วจ์ ำ� พวกหมู ไก่ สำ� หรบั ไวเ้ ปน็ อาหารและ
จึงจะแยกครอบครัวของตน โดยการปลูกบ้านใหม่ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
ในบรเิ วณใกลเ้ คยี งกบั ครอบครวั ภรรยา และเรมิ่ ทำ� มาหากนิ มที ง้ั ท่ีประกอบอาชีพค้าขาย รบั จา้ ง และรบั ราชการ
เลี้ยงครอบครัวของตน นอกจากน้ีกลุ่มชาติพันธุ์กะแย อาหาร
มคี า่ นยิ มในการมคี คู่ รองแบบผวั เดยี วเมยี เดยี ว การหยา่ รา้ ง อาหารของกลุม่ ชาติพนั ธกุ์ ะแย เรียบงา่ ย ปลกู ผกั
มีนอ้ ย ปลูกข้าว และเล้ียงสัตว์ ส�ำหรับบริโภค ในครัวเรือน
ลกั ษณะสงั คม และยังสามารถเก็บผัก หาปลา ล่าสัตว์เป็นอาหาร
ลักษณะสังคมชาวกะแย ยังคงมีความใกล้ชิด จากทรพั ยากรรอบตัว
ชว่ ยเหลอื และเกอ้ื กลู ซง่ึ กนั และกนั มสี ว่ นรว่ มและสนบั สนนุ
กิจกรรมระหว่างชุมชน ความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน
และระหว่างชุมชนเป็นไปอย่าง ถอ้ ยทีถ้อยอาศัย

78 กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน เคร่อื งแต่งกายของชาวกะแย

อัตลักษณท์ างวฒั นธรรม

วถิ วี ฒั นธรรม
วฒั นธรรมการแตง่ กาย กลุ่มชาติพันธุ์กะแย
มีวัฒนธรรมการแต่งกายท่ีเป็นเอกลักษณ์ ของตน โดย
ชาวกะแยจะสวมเส้ือผ้าที่ทอเองและมีสีแดงเป็นหลัก
ผู้ชายเป็นเสื้อแขนสั้นสีแดง กางเกงขาก๊วย สีแดง และ
โพกศรีษะด้วย ผ้าสีแดง เรียกว่า โกะโทะ ส่วนผู้หญิงจะ
สวมผ้าทอสีแดง หรือสีด�ำ สวมท้ังผืนลักษณะสะพายแล่ง
จากไหลข่ วา เรยี กวา่ โบะ๊ ฉะ และใชผ้ า้ ทอสขี าวปลายสแี ดง
รดั ผ้าสะโพก เรยี กวา่ แซแหระ โพกศีรษะด้วยผา้ ทอสแี ดง
นุ่งผ้าถุงสีแดงทอลายสลับสีด�ำ เรียกว่า กิบอชะ และ
สวมเส้นฝ้ายที่น�ำมาม้วนเป็นวงชุบด้วยยางรัก น�ำมาใส่
เปน็ หว่ งทขี่ อ้ เขา่ เรยี กวา่ แขโ่ บะ๊ โดยมเี ครอ่ื งประดบั เงนิ แท้
ท่ีจดั ท�ำขน้ึ เองตงั้ แต่ สมัยบรรพบุรุษ เชน่ ตุ้มหูกำ� ไลข้อมือ
ก�ำไลข้อมือ หรือลูกปัดที่มีสีสันสดใสสวยงามมาร้อยเป็น
สรอ้ ยคอ และมกี ารนำ� เอาเหรยี ญเงนิ ยโู ร หรอื เงนิ เหรยี ญบาท
สมยั กอ่ น มาเจาะรรู อ้ ยเปน็ สรอ้ ยคอ เพอื่ เพม่ิ ความสวยงาม
ซึ่งในอดีตถือว่าผู้หญิงท่ีมีสร้อยคอลูกปัดกับห่วงใส่เข่า
เยอะๆ จะเป็นผู้หญิงท่ีขยัน มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน
และถอื วา่ ผหู้ ญงิ ทใ่ี สส่ รอ้ ยเงนิ เยอะ เปน็ ผมู้ ฐี านะทางการเงนิ
ปจั จบุ นั ชาวกะแยมกี ารดดั แปลงชดุ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแยในรปู แบบ
ท่ีร่วมสมัยเพ่ือสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจ�ำวัน แต่ยังคง
อตั ลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ ของชาวกะแย คอื ยงั คงเปน็ ผา้ ทอสแี ดง
และยังคงนิยมแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์ด้ังเดิมในกิจกรรม
ส�ำคัญตามประเพณี หรอื ในวาระโอกาสพเิ ศษต่างๆ

ความเชอื่ ศาสนา พิธีกรรม
ความเชอ่ื และศาสนาของกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแยไดม้ อี ทิ ธพิ ลมากตอ่ การกระทำ� ทพ่ี วกเขา ปฏบิ ตั กิ นั ในวถิ ชี วี ติ
ประจ�ำวัน โดยชาวกะแยก็เป็นอีกกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีให้ความส�ำคัญในส่ิงลี้ลับ หรือพลัง ที่อยู่เหนือธรรมชาติ น่ันคือการ
นับถือ ท้ังผีเจ้าท่ี ผีบรรพบุรุษและผีต่าง ๆ ที่สิ่งสถิตอยู่ตามป่าเขา ล�ำน�้ำ ในไร่และในหมู่บ้าน มีพิธีเซ่นไหว้สังเวย
ตามประเพณีและเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น โดยแต่ละชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะแยจะมีผู้น�ำ
ในการประกอบพิธีกรรมตามความเช่ือ ซ่ึงสมาชิกชุมชน จะให้ความเคารพนับถือ เป็นผู้เสี่ยงทายการด�ำเนินกิจกรรม
ตา่ งๆของสมาชกิ ชุมชนดว้ ยกระดูกไก่ ปจั จบุ นั แม้ชาวกะแยจะมกี ารนบั ถอื ศาสนา ทงั้ ศาสนาครสิ ต์ และศาสนาพทุ ธ
แต่ยังคงมีความเชื่อและปฏบิ ตั ิตาม แนวปฏบิ ัตดิ ั้งเดมิ และมพี ธิ ีกรรมตามประเพณตี ่างๆ เชน่

กลมุ่ ชาติพันธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 79

ประเพณีแต่งงานรอบที่สอง หนุ่มสาวชาว ประเพณงี านศพ ในงานศพของชาวกะแย จะมี
กะแยจะมีพิธีแต่งงาน ๒ รอบ โดยเมื่อตกลงปลงใจจะใช้ การเตน้ รำ� โดยผหู้ ญงิ จะเตน้ รำ� ทม่ี ที า่ ทางสอ่ื ถงึ การเกยี่ วขา้ ว
ชวี ติ คอู่ ยดู่ ว้ ยกนั จะมพี ธิ กี รรมในการเรม่ิ ตน้ ครอบครวั แบบ โดยมีนัยยะเพื่อให้ชาติหน้าผู้เสียชีวิตมีท่ีท�ำมาหากิน
เรียบง่าย โดยการที่ญาติฝ่ายชายมาสู่ขอฝ่ายหญิงจาก ส่วนผู้ชายจะเต้นร�ำท่ีสื่อถึงการตัดหญ้า ซ่ึงหมายถึง
พ่อแม่ จากนั้นหลังจากคู่แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันและ การอวยพรให้ผู้ตายไปสู่สุขติ และไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
มคี วามพรอ้ ม จงึ จะมกี ารจดั งานแตง่ งานอกี ครง้ั หรอื ประเพณี และมีบทเพลงที่มีเน้ือหา เป็นการบอกเส้นทางไปสู่คติ
แตง่ งานรอบทส่ี อง อนั เปน็ การเฉลมิ ฉลองการใชช้ วี ติ คขู่ อง ใหแ้ กผ่ ตู้ าย ทง้ั นใ้ี นงานศพจะมกี ารบรรเลงเครอ่ื งดนตรี คอื
คู่สามภี รรยา และยงั มคี วามเช่อื วา่ หากครอบครวั ใดมีการ ฆอ้ ง และกลองกน้ ยาว ตง้ั แตว่ นั แรกจนวนั สดุ ทา้ ยทจี่ ดั งาน
แตง่ งานรอบท่ี ๒ จะทำ� ใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ ในชวี ติ คู่ และ และในวนั สดุ ทา้ ยของการจดั งานผรู้ ว่ มงานจะแตง่ กายดว้ ย
จะสามารถใช้ชีวิตคู่ ไดย้ ืนยาวตลอดไป ชดุ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแย รว่ มขบวนเครอ่ื งดนตรเี พอ่ื ไปสง่ ผตู้ ายยงั
ปา่ ช้า และทำ� พิธฌี าปนกิจศพตามหลักศาสนาต่อไป

เครือ่ งดนตร/ี การละเลน่
กลุม่ ชาตพิ ันธุ์กะแย ใชเ้ ครือ่ งดนตรี คอื กลองก้นยาว ฉาบ และฆอ้ ง ในกิจกรรมพิเศษ ไม่วา่ จะเปน็ งานร่นื เรงิ
งานพธิ กี รรม กระทง่ั งานศพ

ความรแู้ ละภูมิปัญญา ที่ได้ท�ำการศึกสงคราม เพ่ือปกป้องกลุ่มชาติพันธุ์กะแย
กลุ่มชาติพันธุ์กะแยมีภูมิปัญญาการทอผ้า ครั้งความไม่สงบในอดีต โดยมีความเป็นมาว่า ในอดีต
ด้วยก่ีเอวส�ำหรับเป็นเคร่ืองนุ่งห่ม และมีการจักสานไม้ไผ่ ครงั้ มศี กึ สงคราม การกอ่ ไฟทำ� อาหารทำ� ใหฝ้ า่ ยตรงขา้ มรพู้ กิ ดั
เปน็ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชใ้ นครวั เรอื น นอกจากนยี้ งั มภี มู ปิ ญั ญา และถกู โจมตี ซง่ึ เปน็ ความลำ� บากขาดเสบียงเลยี้ งปากทอ้ ง
การเลือกใช้สมุนไพรพ้ืนบ้านรักษาโรคเบื้องต้น ทั้งนี้ จนมีผู้เสนอให้ท�ำข้าวต้มมัด ที่สามารถเก็บไว้กินเป็น
มมี รดกภมู ปิ ญั ญาทโ่ี ดดเดน่ แสดงถงึ เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรม ระยะนาน ไม่ต้องท�ำอาหารบ่อย ไม่ต้องห่วงเร่ืองควันไฟ
ในสาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และ ท�ำให้กองทัพมีอาหารกินและมีแรงท�ำศึกสงคราม ต่อมา
งานเทศกาล คือ ประเพณีดีกู่ และประเพณีปอยต้นธี ชาวกะแยจึงได้จัดประเพณีปอยข้าวต้ม ด้วยเหตุผล
ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติร่วมของ ๓ กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ ประกอบด้วย ที่กล่าวมา มีระยะเวลาจัดกิจกรรม ๓ - ๖ วัน ตามแต่
กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแย กลมุ่ ชาตกิ ะยนั และกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยอ ความพร้อมและข้อตกลงของแต่ละชุมชน ท้ังนี้ในการ
ประเพณดี กี ู่ หรอื ปอยขา้ วตม้ งานปอยขา้ วตม้ ก�ำหนดวัน ผู้น�ำในการประกอบพิธีกรรมของชุมชนจะท�ำ
เป็นประเพณีที่จัดขึ้นหลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลในไร่ของ พิธีดูกระดูกไก่เพื่อก�ำหนดวันจัดประเพณีเหมือนเช่น
ชาวกะแยเสรจ็ ซงึ่ อยใู่ นชว่ งเดอื นตลุ าคม - เดอื นพฤศจกิ ายน ทุกกิจกรรมของชุมชน โดยแนวปฏิบัติของประเพณีดีกู่
สาระส�ำคัญของประเพณีนี้ เพ่ือขอบคุณสิ่งศักด์ิสิทธิ์ที่ หลงั จากไดก้ ำ� หนดวนั จดั ประเพณแี ลว้ หลกั ๆ จะประกอบดว้ ย
ชาวกะแยเคารพนับถือ และเช่ือว่าเป็นผู้คุ้มครองดูแล วันเก็บ “ใบกง” ส�ำหรับน�ำมาห่อข้าวต้ม ซ่ึงมีวัตถุดิบ
ดลบนั ดาลใหพ้ ชื ผลทางการเกษตรผลดิ อกออกผลไดเ้ กบ็ เกยี่ ว จากข้าวในไร่ที่เก็บเก่ียวได้ในปีนี้ โดยชาวกะแยในชุมชน
เพอ่ื เลย้ี งดคู รอบครวั และเปน็ การขอขมาหากไดพ้ ลาดพลงั้ จะช่วยกันไปเก็บใบกงในละแวกหมู่บ้านเพ่ือเตรียมห่อ
กระท�ำการลบหลู่ อีกทั้งขอพร ให้การท�ำการเกษตร ขา้ วตม้ มารวมกนั แลว้ คอ่ ยแบง่ ใหแ้ ตล่ ะครอบครวั เทา่ ๆกนั
ในปีถัดไปไดผ้ ลดี นอกจากนย้ี งั เปน็ การระลกึ ถึงบรรพบรุ ุษ เพอ่ื นำ� กลบั ไปหอ่ ขา้ วตม้ ทบ่ี า้ นตน วนั หอ่ ขา้ วตม้ และเตรยี ม

80 กลุ่มชาติพนั ธ์ุ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน พิธีดกู ระดูกไกเ่ พ่อื เส่ยี งทายและก�ำหนดวันจดั ประเพณีดกี ู่

เคร่ืองประกอบพิธีกรรม นอกจากนี้ยังมีพิธีอัญเชิญ
สิ่งศักด์ิสิทธ์ิท่ีชาวกะแยเรียกว่า “โพติคลิ”จากชายป่า
และแห่เข้ามายังบ้านที่ “โพติคลิ” เลือกจะมาอยู่ด้วย
ในระหว่างท่ีถูกเชิญมาร่วมพิธี ด้วยขบวนกลองก้นยาว
ฆ้อง ฉาบ ชาวบ้านเช่ือว่า “โพติคลิ” จะมาสิงสถิตย์
ในเครื่องบูชาท่ีชาวบ้านจัดท�ำขึ้นด้วยการสานจากไม้ไผ่
และเอาเส้ือผ้าชาติพันธุ์ สวมใส่ให้ ในระหว่างที่เชิญ
“โพตคิ ลิ” มาร่วมพิธีนี้ เจ้าของบา้ นท่ี “โพติคลิ” เลือกมา
อยู่ด้วย จะน�ำเคร่ืองเซ่นไหว้บูชา ประกอบด้วยเหล้า
ที่ตม้ เอง ขา้ วตม้ มัด และอาหารการกนิ อน่ื ๆอนั เปน็ ผลผลิต
ในเรอื กสวนไรน่ าในรอบปี ตงั้ บชู า “โพตคิ ล”ิ ในทกุ วนั และ
วนั จดั ประเพณี ทจ่ี ะมกี ารเลยี้ งผี หรอื สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ดว้ ยการ
จัดเครื่องเซ่นไหว้บูชา ด้วยเหล้าที่ต้มจากข้าวหมักจากไร่
ขา้ วตม้ และพชื พนั ธธ์ุ ญั ญาหารตา่ งๆทชี่ าวบา้ นไดเ้ กบ็ เกยี่ ว
มาในหว้ งปี ในระหวา่ งจดั ประเพณดี กี ู่ ชาวกะแยจะตอ้ นรบั
และจดั เลยี้ งผทู้ ม่ี าเยย่ี มเยอื นและมารว่ มงานทกุ คนดว้ ยเหลา้
และอาหารท่ีเตรียมไว้ เม่ือกิจกรรมประเพณีเสร็จส้ิน
เรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านจะน�ำแห่ “โพติคลิ” ท่ีอัญเชิญมา
ดว้ ยขบวน กลองกน้ ยาว ฆ้อง ฉาบ กลบั ไปยังที่อัญเชญิ มา

ขบวนแห่อัญเชิญ “โพติคลิ”

กลุม่ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 81

ชาวกะแย
บ้านในสอย
ช่วยกนั เก็บ

ใบกง

หญงิ ชาวกะแยบ้านในสอยชว่ ยกนั หอ่ ขา้ วต้ม

โพติคลิ และเครอ่ื งบูชา

82 กล่มุ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน

ประเพณีปอยต้นธี เป็นประเพณีปีใหม่ของ โดยใช้กระดูกไก่ ดังนั้นประเพณีปอยต้นธีของชาวกะแย
กลุ่มชาติพนั ธกุ์ ะแย ปอยตน้ ธี มาจากภาษา ไทใหญ่ คำ� วา่ และชาวกะยนั จงึ ไมม่ กี ารกำ� หนดวนั ทช่ี ดั เจน ทง้ั นจ้ี ะมรี ะยะ
ปอย หมายถงึ งาน ค�ำวา่ ตน้ ธี หมายถงึ ร่ม ซ่ึงในประเพณี เวลาในการจัดประเพณีปอยต้นธเี ป็นระยะเวลาระหว่าง ๓
จะมีการตัดต้นไม้สะเป่หรือตน้ หวา้ มาแกะสลัก และมกี าร - ๕ วนั ตามความพรอ้ มและขอ้ ตกลงของแต่ละชมุ ชน โดย
ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยสญั ลกั ษณข์ องเครอื่ งบชู าบรเิ วณสว่ นหวั เมือ่ ประเพณปี อยต้นธี ของชมุ ชนถกู ก�ำหนดขนึ้ สมาชกิ ใน
ใหส้ วยงามคลา้ ยรม่ แตป่ ระเพณปี อยตน้ ธสี ำ� หรบั ชาวกะแย ชมุ ชนจะกลบั มารวมตวั พบปะสงั สรรค์ ทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั
มีสาระส�ำคัญเป็นงานประเพณีปีใหม่ของกลุ่มชาติพันธุ์ และทุกคน ในชุมชนจะร่วมกันจัดกิจกรรมปอยต้นธี
กะแยและกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั ซงึ่ มมี าแตโ่ บราณและนำ� เอา อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง ตงั้ แตว่ นั ตดั ตน้ ธี ทผี่ นู้ ำ� ในการประกอบพธิ ี
แนวปฏบิ ตั ทิ างวฒั นธรรมประเพณมี าจากครงั้ ยงั อยรู่ ว่ มกนั ของหมู่บ้านพร้อมสมาชิกของชุมชนที่เป็นผู้ชายจะร่วมกัน
ทส่ี าธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมารม์ าถอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไปทำ� พธิ เี ลอื กตดั ตน้ หวา้ และนำ� กลบั มาในชมุ ชน สว่ นสมาชกิ
ประเพณีปอยต้นธีเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมประเพณี ชุมชนผู้หญิงก็จะจัดเตรียมน้�ำขม่ินส้มป่อย เพ่ือประพรม
ของกลุ่มชาติพันธุ์กะแย และกลุ่มชาติพันธุ์กะยันท่ีมี ต้นธี เม่ือต้นธีถูกแห่เข้ามาในหมู่บ้าน แล้วน�ำมาประดับ
ความสำ� คญั และมกี ารสบื ทอดผา่ นชนรนุ่ หลงั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ตกแต่งด้วย “สุบ” ที่มลี กั ษณะรูปรา่ งคล้ายหลงั คาทรงจวั่
ทั้งนี้กลุ่มชาติพันธุ์กะแย และกะยันจะมีปฏิทินตามหลัก หรอื รม่ นำ� มาประดบั ตกแตง่ สว่ นบนของตน้ หวา้ ทน่ี ำ� มาเปน็
จนั ทรคติ สำ� หรบั กำ� หนดวนั จดั ประเพณปี อยตน้ ธี โดยถอื วา่ ต้นธีพร้อมเคร่ืองจักสานรูปเดือน รูปดาว รวงข้าว และ
ต้นก�ำเนิดแห่งประเพณีปอยต้นธีอยู่ที่สาธารณรัฐแห่ง จักจ่นั เมือ่ ถึงวนั ตงั้ ต้นธี ในลานตน้ ธี ซึ่งเปน็ ลานศักดิ์สิทธ์ิ
สหภาพเมียนมาร์ ดังนั้นการจะจัดประเพณีปอยต้นธีของ ของชุมชน ชายชาวกะแยจะแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์
ชุมชนชาวกะแยและกะยันในจังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องให้ ร่วมกันเต้นร�ำประกอบเครื่องดนตรีรอบต้นธี เพ่ือเป็นการ
เมืองต้นก�ำเนิดประเพณีจัดก่อน ผู้น�ำในการประกอบ บูชาต้นธี ในขณะที่หญิงชาวกะแยซ่ึงมีข้อห้ามมิให้ผู้หญิง
พิธีกรรมของแต่ละชุมชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงค่อย เข้าไปในลานต้นธี เนื่องจากเพ่ือเป็นการระวังไม่ให้หญิง
กำ� หนดวนั จดั กจิ กรรมประเพณี ปอยตน้ ธขี องชมุ ชนตนเอง ท่ีมีรอบเดือนเข้าไปในลานศักดิ์สิทธ์ิ อันจะเป็นการลบหลู่
เปน็ ล�ำดบั ถดั ไป ก็มาร่วมพิธีกรรมอย่างพร้อมเพรียงด้วยการแต่งกาย
ประเพณีปอยต้นธีมีห้วงระยะเวลาการจัดใน ชุดชาติพันธุ์อย่างเต็มรูปแบบที่สุดในรอบปี และอยู่ใน
ช่วงเดือนมีนาคม - เดือนเมษายนของทุกปี โดยเม่ือถึง บรเิ วณรอบนอกลานต้นธที ไ่ี ดร้ ับการกำ� หนดให้
หว้ งเวลาทจ่ี ดั ได้ จะมพี ธิ กี รรมกำ� หนดวนั ดว้ ยการเสยี่ งทาย

กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน 83

กะยัน

ชื่อเรยี กตวั เอง กะยัน/กะยาน
ชอื่ ทผี่ ้อู ่ืนเรยี ก กะเหรีย่ งคอยาว, ปะต่อง, ปะดอ่ ง, ปาด่อง

การตง้ั ถ่นิ ฐาน จากการสอบถามนายหนอ่ ง ผนู้ ำ� ชมุ ชนหว้ ยปแู กง ไดค้ วามวา่ เดมิ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
กะยัน ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีถ่ินที่อยู่อาศัยและเป็นชนกลุ่มน้อย ในเขต
Demawso รัฐคะเรนนีหรอื รฐั คะยา ประเทศเมยี นมา ไดเ้ ข้ามาในจงั หวัดแมฮ่ ่องสอน
เมื่อประมาณ ปีพ.ศ. ๒๕๒๗ เน่ืองจากการสู้รบคร้ังใหญ่ระหว่างกองก�ำลังกะเหร่ียง
กับรัฐบาลทหารพม่า มีผลท�ำให้ชาวกะยันได้รับผลกระทบจึงพากันอพยพหนีภัย

84 กลมุ่ ชาติพันธ์ุ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ชมุ ชนกะยนั บา้ นหว้ ยปแู กง

สงครามเขา้ มาอาศยั ตามตะเขบ็ แนวชายแดน และบางสว่ น
ไดเ้ ขา้ มาอาศยั ในเขตประเทศไทยในพนื้ ทจี่ งั หวงั แมฮ่ อ่ งสอน
โดยการแนะน�ำของชาวต่างชาติที่ให้ความช่วยเหลือ
กองก�ำลังกะเหร่ียง ในขณะน้ัน ได้เห็นว่าภาพลักษณ์
การแต่งกายของหญิงชาวกะยันที่สวมห่วงทองเหลืองไว้
ทคี่ อ ทำ� ใหล้ ำ� คอดยู าวแตกตา่ งจากคนทวั่ ไป เปน็ ทน่ี า่ สนใจ
และสามารถสร้างรายได้ท่ีจะน�ำมาเก้ือหนุนกองก�ำลัง
ชนกลมุ่ นอ้ ยได้ จงึ ประสานกบั นกั ธรุ กจิ ทอ่ งเทย่ี วนำ� ชาวกะยนั
๓ คน เปน็ ชาย ๑ คน และหญงิ ๒ คน เดนิ ทางเขา้ มายัง
เขตชายแดนประเทศไทย ท่ีบ้านน�้ำเพียงดิน อ�ำเภอเมือง
แม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพ่ือดึงดูดนักท่องเท่ียว
โดยชาวกะยันจะได้รับเงินค่าตอบแทนส�ำหรับใช้เป็นค่าใช้
จ่ายและมีสวัสดิการเพ่ือยังชีพ ต่อมาชาวกะยันที่อยู่ใน
ความดูแลของกองก�ำลังกะเหรี่ยงได้ตามมาสมทบอีก
แต่กองก�ำลังทหารพม่ายังตามมาโจมตีชนกลุ่มน้อยเหล่าน้ี
ทำ� ใหช้ นกลมุ่ นอ้ ยจากประเทศพมา่ รวมทง้ั กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั
ที่เข้ามาอยู่ในเขตชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องอพยพ
ย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีการสู้รบไปเร่ือยๆ โดยได้รับความ
ช่วยเหลือจากรัฐบาลในไทยในฐานะผู้ลี้ภัย การสู้รบ และ
ได้รับการจัดสรรพ้ืนท่ีพักพิงให้พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง
ผลู้ ภี้ ยั การสรู้ บบา้ นใหมใ่ นสอย แตบ่ างสว่ นนกั ธรุ กจิ ทอ่ งเทยี่ ว
ได้จัดสรรที่พักอาศัยและค่าตอบแทนพร้อมสวัสดิการ
เพอ่ื ยงั ชพี เพอ่ื สรา้ งจดุ ขายดา้ นการทอ่ งเทยี่ วทบ่ี า้ นหว้ ยเสอื เฒา่
และสวนนางเป็ง บา้ นห้วยเด่อื ตำ� บลผาบอ่ ง อ�ำเภอเมือง
แม่ฮ่องสอน ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปอยู่บ้านห้วยปูแกง ต�ำบล
ผาบอ่ ง อำ� เภอเมอื งแมฮ่ อ่ งสอน และเมอ่ื ธรุ กจิ การทอ่ งเทยี่ ว
ซบเซา ชาวกะยนั ในพื้นท่ีจึงไดบ้ รหิ ารจดั การความเปน็ อยู่
และดูแลกันเอง เยี่ยงประชากรในพ้ืนที่กลุ่มอื่นท่ัวๆไป
ปัจจุบันกลุ่มชาติพันธุ์กะยันในจังหวัดแม่ฮ่องสอนทยอย
ได้รับสิทธิในการรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมาย ตาม
ระเบียบส�ำนักทะเบียนกลาง และอยู่ในพ้ืนท่ีอ�ำเภอเมือง
แมฮ่ ่องสอน ๒ ตำ� บล ดงั น้ี
๑. ต�ำบลผาบ่อง ได้แก่ หมู่ท่ี ๓ หย่อมบ้าน
หว้ ยปแู กง หมู่ท่ี ๘ หว้ ยเสือเฒ่า
๒. ต�ำบลปางหมู ได้แก่ หม่ทู ี่ ๔ บา้ นในสอย
ทั้งนี้ ชุมชนท่ีมีกลุ่มชาติพันธุ์กะยันอยู่ร่วมกันจ�ำนวนมาก
และสามารถแสดงออกถงึ วิถีวฒั นธรรมของชาวกะยัน คอื
หยอ่ มบ้านหว้ ยปแู กง และหว้ ยเสอื เฒ่า

บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม กล่มุ ชาติพนั ธุ์ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน 85

ลักษณะบา้ นเรือนท่พี กั อาศัย สินคา้ ที่ระลึก
บา้ นของชาวกะยนั เปน็ บา้ นยกพนื้ มชี านบา้ น หน่อไม้ตากแหง้ รายไดเ้ สริมของแมบ่ า้ นห้วยปแู กง
ส�ำหรับท�ำกิจกรรมต่างๆ เช่น จักสาน ทอผ้า มีห้องครัว
ในบ้าน สว่ นหอ้ งน�ำ้ จะสร้างแยกจากตัวบ้าน ผ้าทอกีเ่ อว
เรอื ข้ามฟาก คนละ ๒๐ บาท
ลักษณะครอบครวั ล่องเรอื ชมทศั นยี ภาพ ล�ำละ ๖๐๐ บาท
ครอบครัวชาวกะยันเป็นครอบครัวเด่ียว
ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก บางครอบครัวอาจมีพ่อแม่
ของฝ่ายหญิงหรอื ชายอาศัยอยู่ด้วย ชาวกะยันเมื่อแต่งงาน
แลว้ จะอยู่ดว้ ยกันเป็นผวั เดยี วเมยี เดยี ว และมีค่านิยมและ
จารีตไม่ให้มีการผดิ ประเวณี
ลักษณะสังคม
กลุ่มชาติพันธุ์กะยันในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
อยรู่ ว่ มกนั เปน็ ชมุ ชนเลก็ ๆ โดยอาศยั รว่ มกบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
กะแย กะยอ ปกาเกอญอ และไทใหญ่ มสี ภาพสังคมทสี่ งบ
เรยี บรอ้ ย ดำ� เนนิ ชวี ติ แบบเรยี บงา่ ยและยงั คงยดึ ถอื แนวทาง
ปฏิบัติตามความเชื่อ มีความเป็นมิตร อัธยาศัยดี มีน้�ำใจ
สุภาพเรียบร้อย
ภาษา
กลุ่มชาติพันธุ์กะยันในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มี
ภาษาพูด และภาษาเขียนของตนเอง โดย ภาษาเขียนมี
ลักษณะตัวอักษรคล้ายตัวอักษรภาษาพม่า ชาวกะยันใน
พื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังคงมีการใช้ภาษาของตนเอง
และสือ่ สารภาษาไทยไดไ้ มด่ ีนัก
การประกอบอาชีพ
เดิมกลุ่มชาติพันธุ์กะยันมีรายได้และยังชีพ
จากภาคธุรกิจการท่องเที่ยว นอกจากค่าตอบแทนและ
สวัสดิการจากนายทุน ชาวกะยันก็ยังประกอบอาชีพ
รับจา้ งท่ัวไป หาของป่าขาย หรอื ทำ� งานฝีมือ เช่นแกะสลัก
ตกุ๊ ตา หรอื สนิ คา้ ทรี่ ะลกึ ทอผา้ จำ� หนา่ ยใหแ้ กน่ กั ทอ่ งเทยี่ ว
ท่ีมาเทย่ี วหม่บู ้าน ภายหลงั เมือ่ ธรุ กจิ การทอ่ งเท่ียวซบเซา
ชาวกะยันได้พึ่งพิงและจัดการความเป็นอยู่ของชุมชน
ด้วยตัวเอง โดยมีการประกอบอาชีพหลากหลายมากขึ้น
ทง้ั ทำ� ไรข่ า้ ว ทำ� สวน ปลกู ถว่ั เหลอื ง งา ผกั ฯลฯ เกบ็ หาของปา่
ตามฤดกู าลเพอ่ื ยงั ชพี และเกบ็ ใบตองตงึ เพอื่ ไพเปน็ ตบั ขาย
โดยมรี ายไดเ้ สรมิ จากอตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรมเปน็ ครง้ั คราว
ตามวาระโอกาส

86 กลุ่มชาติพนั ธ์ุ จังหวดั แม่ฮ่องสอน

อาหาร
กลุ่มชาติพันธุ์กะยันกินอยู่เรียบง่าย ตามแต่วัตถุดิบที่หาได้รอบตัว จากป่าไม้ แม่น�้ำรอบบ้าน โดยมี
อาหารยนื พนื้ ติดครวั เรือนไว้เสมอ คอื น้ำ� พริกมะก้าด มะกา้ ด คือ มะแขว่น ซึ่งเปน็ เครอื่ งเทศของภาคเหนือ มีรสเผด็ รอ้ น
โดยชาวกะยนั จะน�ำเม็ดมะแขวน่ แก่จัดมาตากแห้ง ค่ัว ต�ำกับพริกแหง้ คว่ั และเกลือ เปน็ เมนูประจ�ำบา้ น

อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม แห่งกลุ่มชาติพันธุ์เพ่ือป้องกันไม่ให้มีการแต่งงานข้าม
กลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ มีเร่ืองเล่าเกี่ยวกับที่มาแห่งการ
วฒั นธรรมการแตง่ กาย สวมห่วงคอของหญิงชาวกะยันว่า ในอดีตกาลมีเสือ
ผู้หญิงชาวกะยัน มีเอกลักษณ์การแต่งกาย มากดั กนิ ชาวกะยันโดยเฉพาะผู้หญงิ บรรพบรุ ุษชาวกะยนั
ทีโ่ ดดเดน่ และแตกต่างจากกลุ่มชาติพนั ธุอ์ ่นื จนกลายเปน็ จึงแก้ปัญหาด้วยการให้ผู้หญิงสวมห่วงคอไว้เพื่อป้องกัน
ชอื่ ที่ผู้อนื่ เรียกขาน โดยหญิงชาวกะยันมีการสวมห่วงโลหะ เสือกดั อกี เร่ืองหน่งึ เลา่ วา่ ชาวกะยนั เช่อื วา่ บรรพบุรุษของ
ไวท้ ี่คอ ตงั้ แต่ไหปลารา้ จรดคาง ซ้อนกันหลายห่วง ทำ� ใหด้ ู ชาวกะยันน้ันมีแม่เป็นมังกรและหงส์ ลูกหลานชาวกะยัน
เหมือนช่วงล�ำคอยาวกว่าปกติ มีการประดับตกแต่งศรีษะ จึงต้องสวมห่วงคอเพื่อจะได้มีคอที่ระหง สง่างามสมเป็น
ด้วยการโพกผ้าสีสดใส สวมใส่ก�ำไลโลหะท่ีแขน และสวม ทายาทของมงั กรและหงส์ และยงั มเี รอ่ื งทเ่ี ลา่ วา่ ในอดตี ชาว
หว่ งทข่ี าบรเิ วณใตห้ วั เขา่ ทงั้ สองขา้ งๆละหลายวง สวมปลอกขา กะยันหรือแลเคอเป็นนักรบผู้กล้าหาญ มีความสัตย์ซ่ือ
สีน�้ำเงินท่ีน่องทั้งสองข้าง แต่เดิมเด็กสาวชาวกะยันจะ ถือค�ำมั่นสัญญาย่ิงชีวิต มีอ�ำนาจมากเคยปกครองพม่า
เขา้ พธิ สี วมหว่ งคอเมอ่ื อายุ๕-๙ปีโดยหว่ งทค่ี อจะเพมิ่ ขน้ึ เรอื่ ยๆ มากอ่ นแต่สุดทา้ ยตอ้ งพ่ายแพ้พมา่ ซ่งึ ผนกึ กำ� ลงั กบั บงั การี
ตามจำ� นวนอายขุ องผทู้ ใ่ี ส่ในอดตี หว่ งทสี่ วมเปน็ หว่ งทที่ ำ� จาก ตน้ สกลุ ชาวบงั กลาเทศ จนตอ้ งอพยพหลบหนจี ากถนิ่ ฐานเดมิ
ทองคำ� แท้ โดยมผี นู้ ำ� ในการประกอบพธิ กี รรมทางความเชอื่ เปน็ เหตใุ หธ้ ดิ าของผนู้ ำ� นำ� ตน้ ไมศ้ กั ดสิ์ ทิ ธิ์ ซงึ่ มสี เี หลอื งทอง
ของหมู่บา้ นเป็นผใู้ สใ่ ห้ ซ่งึ ผทู้ ีจ่ ะใส่หว่ งคอจะตอ้ งเป็นหญงิ มาพันคอ แล้วประกาศว่า เม่ือแลเคอกลับไปมีอ�ำนาจ
ชาวกะยันแท้ไม่ใช่ลูกผสมท่ีเกิดวันพุธ ท่ีตรงกับวันเพ็ญ อีกเมื่อใดจึงจะเอาต้นไม้ท่ีพันคอออก จากต้นไม้กลายมา
เทา่ นนั้ หญงิ ชาวกะยนั จะใสห่ ว่ งนจ้ี นกวา่ จะเสยี ชวี ติ แตจ่ ะ เปน็ ห่วงที่หญิงชาวกะยนั สวมคอ มาจนถงึ ทุกวนั นี้
มกี ารถอดหว่ งคอเพอ่ื เปลย่ี นขนาดและในโอกาสตา่ งๆ เชน่
เม่ือตั้งท้องเตรียมจะคลอดลูกและคลอดลูกเสร็จแล้วก็จะ
ใสห่ ว่ งคอตามเดิม โดยมเี หตุผลว่าเป็นการแสดงอัตลกั ษณ์

กลุ่มชาติพันธ์ุ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 87

ส�ำหรับเสื้อผ้าน้ันชาวกะยันมีการทอผ้าด้วยก่ีเอว สันนิษฐานว่าค�ำเรียกประเพณีนี้ในภาษาไทยใหญ่มาจาก
และน�ำมาเย็บเป็นเสื้อผ้าส�ำหรับสวมใส่ ทั้งชายและหญิง เครื่องบูชาส�ำคัญของชาวกะยัน ในประเพณีนี้ ท่ีมีการตัด
โดยผู้ชายเป็นกางเกงขาสั้นแค่เข่าเย็บจากผ้าทอพื้นสีด�ำ ตน้ ไมส้ ะเปห่ รอื ตน้ หวา้ มาประดบั ตกแตง่ สว่ นหวั ดว้ ยเครอ่ื ง
ส่วนเสื้อเย็บเป็นเส้ือทรงสอบคอวี ผ่าหน้า ช่วงไหล่สีขาว ประกอบพธิ ตี ามความเชอ่ื ประเพณกี งั่ ควงั เปน็ ประเพณปี ใี หม่
ช่วงลำ� ตัวสแี ดง มีพู่ยาวติดสาบเสือ้ ดา้ นละ ๓ จดุ สำ� หรับ ของกลุ่มชาติพันธุ์กะยันอันเป็นประเพณี ที่เป็นความเชื่อ
ผูกสาบเส้ือเข้าหากัน บริเวณช่วงหน้าอก ช่วงล�ำตัว และ และมีแนวทางปฏิบัติร่วมกันกับกลุ่มชาติพันธุ์กะแย และ
ช่วงเอว เสื้อผ้าผู้หญิงชาวกะยันจะสวมผ้านุ่งที่เย็บจาก กลุ่มชาติพันธุ์กะยอ โดยสาระส�ำคัญของประเพณีนี้คือ
ผ้าทอพ้ืนสีด�ำยาวแค่เข่า ส่วนเสื้อเป็นผ้าทอพื้นสีขาวล้วน เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มปีใหม่ เริ่มวงจรการด�ำเนินชีวิต
หรือชว่ งไหลส่ ีขาว ช่วงตวั สีแดง ทรงสอบคอวแี บบสวมหัว ตามวิถีรอบใหม่ และยังเป็นการระลึกถึงบุญคุณ ของ
ปัจจุบันชาวกะยันแต่งกายในชีวิตประจ�ำวันด้วยเสื้อผ้าท่ี บรรพบุรุษ การแสดงความเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ
หลากหลายมากขนึ้ ผา้ ทที่ อใสเ่ องกม็ กี ารใชส้ ที ห่ี ลากหลาย ที่คุ้มครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข จึงมีการน�ำ ต้นหว้า
มากข้ึน และสวมใส่เสื้อผ้าท่ีหาซ้ือได้ตามท้องตลาด ไม่ว่า มาเป็นสื่อสัญลักษณ์ในการประกอบพิธีกรรม เน่ืองจาก
จะเปน็ กางเกง ผา้ ถงุ หรอื เสอื้ ผา้ ทวั่ ไป แตย่ งั คงนยิ มสวมใส่ มีความเชื่อว่าต้นหว้าเป็นส่ิงมีชีวิตแรก ที่บังเกิดข้ึนในโลก
เส้ือผ้าตามอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในงานประเพณี อนั มนี ยั ยะแหง่ การกำ� เนดิ การมชี วี ติ ใหม่ และความบรบิ รู ณ์
ส�ำคัญ หรอื ในวาระโอกาสพเิ ศษ ชุมชนชาวกะยันกล่าวว่าสามารถนับระยะเวลา การก่อต้ัง
ความเชือ่ ศาสนา พธิ กี รรม ชุมชนได้จากจ�ำนวนต้นธีที่ชุมชนต้ังในลานศักดิ์สิทธิ์ หรือ
ในระยะแรกท่ีเข้ามาอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน “ลานกั่งควัง” เพราะชาวกะยันจะมีพิธีต้ังต้นธีทุกปีๆละ
ชาวกะยนั ยงั คงรบั เอาความเชอื่ และวถิ ปี ฏบิ ตั ดิ ง้ั เดมิ ครงั้ อยู่ ๑ คร้ัง/ต้น ตั้งแต่เร่ิมแรกตั้งชุมชน ประเพณีปอยต้นธีนี้
ประเทศพมา่ คอื นบั ถอื ตน้ ธี ดว้ ยความเชอื่ ทวี่ า่ เปน็ ตน้ กำ� เนดิ จะจัดในห้วงเดือนมนี าคม - เดอื นเมษายน ของทกุ ปี โดย
สรรพส่ิงในโลก และเช่ือเร่ืองผีหรือสิ่งท่ีเหนือธรรมชาติ องิ หลกั จนั ทรคติ ซงึ่ ผนู้ ำ� ในการประกอบพธิ กี รรมของชมุ ชน
ทง้ั ปวง จงึ มกี ารเซน่ ไหวแ้ ละเลยี้ งผปี ระจำ� ปี และตามเหตกุ ารณ์ จะทำ� พธิ เี สยี่ งทายกระดกู ไกเ่ พอื่ กำ� หนดวนั จดั ประเพณกี งั่ ควงั
เฉพาะหนา้ เชน่ เมอ่ื เกดิ ความเจบ็ ปว่ ย หรอื เหตกุ ารณผ์ ดิ ปกติ ของแต่ละชุมชนเอง เม่ือได้วันแล้ว วันแรกของกิจกรรม
ในชมุ ชน นอกจากนช้ี าวกะยนั จะเสย่ี งทายกระดกู ไกเ่ มอื่ จะ ประเพณผี นู้ ำ� ในการประกอบพธิ กี รรมของชมุ ชน ผนู้ ำ� ชมุ ชน
ประกอบกจิ กรรมตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การกำ� หนดวนั ประกอบ และผชู้ ายในชมุ ชนจะไปทำ� พธิ ตี ดั ตน้ ธ(ี ตน้ หวา้ ) ในปา่ ละแวก
พธิ ีกรรมตามความเชือ่ การเลอื กทอี่ ยู่อาศยั การเลือกต้นธี ชมุ ชน เมอ่ื ไดต้ น้ ธแี ลว้ จะชว่ ยกนั แหต่ น้ ธ(ี ตน้ หวา้ ) เขา้ มาใน
การปลกู บา้ น ถางไร่ หวา่ นเมลด็ พนั ธ์ุการเกบ็ เกย่ี ว การลา่ สตั ว์ ชุมชน สมาชิกของหมู่บ้าน ท้ังหญิงชาย คนชราและเด็ก
กระท่ังการยุติข้อพิพาท หรือหาข้อสรุป ในเหตุการณ์ จะน�ำน�้ำขมิ้นส้มป่อยมาประพรมต้นธี(ต้นหว้า)ในระหว่าง
ต่างๆของชุมชน นอกจากน้ีชาวกะยันจะมีหมอผีหรือ ทางท่ีจะน�ำต้นธี(ต้นหว้า) ไปที่ลานกังคว่ัง ต้นธี(ต้นหว้า)
ผู้น�ำทางความความเช่ือเป็นสื่อกลาง ท่ีท�ำหน้าท่ีสื่อสาร ท่ีใชเ้ ป็นเครอ่ื งประกอบพิธี ถอื เป็นสิง่ ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ ในระหว่าง
กบั สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธแิ์ ละผี หรอื เปน็ ผนู้ ำ� ในการประกอบพธิ กี รรม ที่มีการน�ำต้นธี (ต้นหว้า) มาเตรียมส�ำหรับตั้งต้นธีตาม
ตามความเชื่อของชุมชน ปัจจุบัน แม้จะนับถือศาสนา ประเพณี ตอ้ งจดั วางใหเ้ รยี บรอ้ ย ในทที่ ป่ี ลอดภยั ไมใ่ หม้ คี น
ทง้ั พทุ ธ และครสิ ต์ แตย่ งั คงยดึ ถอื แนวปฏบิ ตั แิ ละความเชอื่ หรือสัตว์ข้ามต้นธี โดยต้องมีการจัดเวรยามคอยดูแล
ด้งั เดิมควบค่ไู ป วันท่ีสองเป็นวันตกแต่งต้นธี จะมีการแกะสลักต้นธี และ
ประเพณกี งั ควัง่ หรอื ประเพณปี อยต้นธี นำ� เครอ่ื งประดบั ตา่ งๆแทนพระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ ดวงดาว
ประเพณ”ี กงั่ ควงั ”หรอื ปอยตน้ ธีในภาษาไทใหญ่ และเครอ่ื งประกอบพธิ กี รรมอนื่ ๆใหส้ วยงาม ตามประเพณี
มาจาก “ปอย” ภาษาไทใหญ่ หมายถึง งาน “ธ”ี คือ ร่ม วันท่ีสาม เป็นวันต้ังต้นธี ในวันน้ีชายชาวกะยันจะพากัน

88 กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน

แห่ต้นธี และตัง้ ต้นธีในลานต้นธี โดยมีการประโคมเครอื่ งดนตรี ทัง้ กลอง
ฆ้อง ฉาบ กะโย่ว(กีตาร์) และกะโย่วดึ(ไวโอลิน) พร้อมเต้นร�ำรอบต้นธี
ผมู้ ารว่ มงานทกุ คนจะแตง่ กายดว้ ยเครอื่ งแตง่ กายแบบกะยนั ครบชดุ ทง้ั นี้
ลานศกั ดสิ์ ทิ ธนิ์ มี้ ขี อ้ จำ� กดั ไมใ่ ห้ ผหู้ ญงิ เขา้ เนอ่ื งจากผหู้ ญงิ อาจมรี อบเดอื น
ซง่ึ ถอื วา่ ไมส่ ะอาดอาจเปน็ การไมส่ มควร จากนนั้ คนในชมุ ชน จะรดนำ�้ ดำ� หวั
ผนู้ �ำในการประกอบพธิ ีกรรมของชมุ ชน ผ้นู ำ� ชมุ ชน ผูอ้ าวโุ ส บดิ ามารดา
ญาติผู้ใหญ่ และ แต่ละบ้านจะสังสรรค์และรับประทานอาหารด้วยกัน
เป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่แบบเรียบง่าย เรียบร้อย ด้วยความ
สามัคคีเป็นอนั หนึ่งอนั เดยี วกันของคนในชุมชน

ภาพประกอบกจิ กรรมประเพณีก่งั ควงั

กลุ่มชาตพิ ันธุ์ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน 89

เคร่ืองดนตรี/การละเล่น
กลุ่มชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั มเี คร่ืองดนตรี ทงั้ ทใี่ ชใ้ นกิจกรรมตามประเพณี และงานรน่ื เริง เชน่ กลอง ฆอ้ ง ฉาบ กะโย่ว
(กีตาร)์ กะโยวดุ(ไวโอลิน) จแิ๊ จวะ ขล่ยุ แคน เป็นตน้

ลักษณะทีต่ ั้งชุมชนละวา้ ในจังหวดั แม่ฮ่องสอน
ความรู้และภูมิปญั ญา
กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั มภี มู ปิ ญั ญาทใ่ี ชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั คอื การทอผา้ ดว้ ยกเ่ี อว องคค์ วามรเู้ รอื่ งสมนุ ไพร
การจกั สานเคร่ืองมอื เครอื่ งใชใ้ นครัวเรอื น องคค์ วามรู้ดา้ นธรรมชาตแิ ละจกั รวาล เช่นการดฤู กษย์ าม การเสี่ยงทาย ทำ� นาย
คาถารักษาอาการเจ็บป่วย เปน็ ตน้

กะยอ90 กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน

ชอื่ เรยี กตวั เอง กะยอ
ชื่อทผ่ี อู้ น่ื เรยี ก กะเหรย่ี งหใู หญ่
การตงั้ ถิน่ ฐาน
กลุ่มชาติพันธุ์กะยอ เดิมเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่าอพยพลี้ภัยการสู้รบ
มาอยู่ตาม แนวตะเข็บชายแดน บางส่วนเข้ามาอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเทศไทย
ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์กะแย และ กะยันในพื้นที่บ้านห้วยปูแกง บ้านห้วยเสือเฒ่า และ
บา้ นในสอย ในฐานะผลู้ ภ้ี ยั การสรู้ บ ปจั จบุ นั ชาวกะยอไดร้ บั สทิ ธใิ นการรบั รองสถานะบคุ คล
ตามกฎหมาย ตามระเบียบส�ำนักทะเบียนกลาง และเป็นส่วนหน่ึงของประชากรจังหวัด
แมฮ่ อ่ งสอน โดยเปน็ กลุ่มประชากรทม่ี ีจำ� นวนน้อยทส่ี ุด และกระจดั กระจายเปน็ สมาชิก
จำ� นวนนอ้ ยในชมุ ชนทม่ี กี ลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั หรอื กะแย เปน็ ประชากรหลกั จนถกู เขา้ ใจวา่
เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกับประชากรในชุมชนน้ัน ทั้งนี้ กลุ่มชาติพันธุ์กะยอพักอาศัย
อยู่ในหม่ทู ่ี ๓ หยอ่ มบ้านหว้ ยปแู กง หมู่ที่ ๘ บา้ นหว้ ยเสอื เฒ่า ตำ� บลผาบ่อง และหมู่ที่ ๔
บา้ นในสอย ต�ำบลปางหมู อำ� เภอเมอื งแม่ฮอ่ งสอน

บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม กลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน 91

ลกั ษณะบา้ นเรือนทพี่ กั อาศยั อาหาร
บ้านเรือนท่ีพักอาศัยของชาวกะยอในจังหวัด กลุ่มชาติพันธุ์กะยอกินอยู่เรียบง่าย ตามแต่
แมฮ่ อ่ งสอน ยังคงเป็นบ้านท่สี รา้ งดว้ ยไมไ้ ผ่สับฟากและไม้ วัตถุดบิ ท่หี าได้รอบตัว จากปา่ ไม้ แม่น้�ำรอบบ้าน
ซึ่งเป็นวัสดุท่ีหาได้จากป่าละแวกใกล้เคียงที่พักอาศัย
หลงั คามงุ ดว้ ยใบตองตงึ ปลกู ยกพนื้ มใี ตถ้ นุ เพอ่ื เกบ็ ฟนื และ อัตลกั ษณท์ างวฒั นธรรม
วัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ บนเรือนกั้นห้องนอน มีห้อง
ครวั ในบา้ น และมชี านโลง่ สำ� หรบั สมาชกิ ในบา้ นทำ� กจิ กรรม วัฒนธรรมการแต่งกาย กลุ่มชาติพันธุ์กะยอ
ร่วมกัน หรือเป็นท่ีนั่งท�ำหัตถกรรมในครัวเรือน เช่น มีการแต่งกายด้วยผ้าท่ีทอเองด้วยก่ีเอว ผู้ชายเป็นเส้ือ
แกะสลักไม้ จักสานเคร่ืองมือเครื่องใช้ หรือทอผ้า และ ทรงสอบลายทางพ้ืนสีขาว มีพู่ที่แขน กางเกงยาวคลุมเข่า
หอ้ งนำ้� ตงั้ แยกจากตวั บา้ น ทง้ั นี้ บา้ นชาวกะยอ ทอ่ี ยรู่ ว่ มกบั ผหู้ ญงิ เปน็ เสอ้ื ทรงสอบลายทางพน้ื สบี านเยน็ และนงุ่ ผา้ นงุ่
ชาวกะยันและกะยอ ไม่มีรั้วก้ันบริเวณบ้านอย่างเป็น สีด�ำ ยาวเพียงเข่า สวมห่วงโลหะและลูกปัดที่คอ แขน
กิจจะลักษณะ โดยให้เป็นพ้ืนท่ีส่วนรวมที่ทุกคนในชุมชน เอว ขา ข้อเท้า และใส่ต่างหูโลหะอันใหญ่ต่ิที่งหู อันเป็น
ใช้ร่วมกันและช่วยกันดูแล เนื่องจากเดิมพ้ืนที่ท่ีชุมชน ท่ีมาแห่งชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ของคนไทยในพื้นท่ีว่า
ทพ่ี กั อาศยั เปน็ พน้ื ทท่ี ท่ี างการจดั สรรใหอ้ ยแู่ ละเปน็ หมบู่ า้ น “กะเหร่ียงหูใหญ่” ตามลักษณะรูหูที่ขยาย จากการใส่
ทอ่ งเท่ยี วโดยไม่มกี รรมสิทธ์ใิ นทด่ี ิน ต่างหู อันใหญ่นั่นเอง ทั้งนี้หญิงชาวกะยอจะเริ่มเจาะหู
ลกั ษณะครอบครัว ตงั้ แตเ่ ดก็ อายปุ ระมาณ ๔ - ๕ ปี โดยใช้ ไมไ้ ผม่ าเหลาปลาย
ครอบครวั ชาวกะยอมลี กั ษณะเปน็ ครอบครวั เดย่ี ว ให้แหลม เจาะติ่งหูให้เป็นรูและเจาะขยายขนาดของรูหู
ประกอบดว้ ย พอ่ แม่ และลูก แตบ่ างครอบครัวจะมีปยู่ ่า ที่เจาะเร่ือยๆ จนได้ขนาดท่ีใส่ต่างหูขนาดใหญ่ท่ีต้องการ
หรือตายายอยู่ด้วย สถานะครอบครัวของชาวกะยอ โดยมคี วามเชอ่ื วา่ ยงิ่ รหู ทู เี่ จาะกวา้ งเทา่ ไหรก่ ย็ งิ่ สวย ปจั จบุ นั
มีความมั่นคงสูง คือมีค่านิยม ผัวเดียวเมียเดียว ไม่มีการ สาวๆและเด็กรุน่ ใหม่ ไม่นยิ มเจาะรูหูให้มีขนาดใหญ่แล้ว
เลกิ ร้าง
ลกั ษณะสงั คม
ลักษณะสังคมชาวกะยอ เป็นสังคมชนบท
ท่ีมีความประนีประนอม พึ่งพาอาศัยกัน แม้ในชุมชน
จะประกอบด้วยสมาชิกต่างกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ไม่มีความ
ขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม อยู่ตามธรรมชาติ
มีชวี ิตความเปน็ อยทู่ ี่เรยี บงา่ ย ไม่มกี ารแข่งขนั คนในชุมชน
มคี วามใกลช้ ิดกนั มคี ่านยิ มในเรอ่ื ง คุณงามความดีในทาง
ความเชือ่ เปน็ ตวั ควบคุมความประพฤตทิ างสงั คม
ภาษา
กลุ่มชาติพันธุ์กะยอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ยังมีการส่ือสารและใช้ภาษาชาติพันธุ์ ในชีวิตประจ�ำวัน
ระหว่างกัน โดยเฉพาะผู้สูงวัย ซ่ึงไม่สามารถสื่อสารและ
เขา้ ใจภาษาไทย หรอื ภาษาท้องถิน่ ไทยได้
การประกอบอาชพี
กลุ่มชาติพันธุ์กะยอปลูกข้าวและพืชผัก
เพอ่ื ยงั ชีพ มีรายได้จากการรบั จ้างทวั่ ไป และ การจำ� หน่าย
สินคา้ ทีร่ ะลกึ

92 กล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน

ความเชอื่ ศาสนา พธิ กี รรม
กลุ่มชาติพันธุ์กะยอดั้งเดิมยังคงมีความเช่ือใน
ส่ิงเหนือธรรมชาติ และมีแนวปฏิบัติ ในชีวิตประจ�ำวัน
ตามความเชื่อ แม้ปัจจุบันจะเริ่มนับถือศาสนาพุทธหรือ
ศาสนาครสิ ตแ์ ล้ว
ประเพณี เนื่องจากชาวกะยอในจังหวัด
แม่ฮ่องสอนมีประชากรน้อย พักอาศัยในชุมชนท่ีมี
กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั และกะแยเปน็ ประชากรหลกั ของชมุ ชน
จงึ รว่ มปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทางวฒั นธรรมประเพณกี บั ชาวกะยนั
และกะแย โดยไม่ได้แสดงออกซ่ึงกิจกรรมตามประเพณี
ดง้ั เดมิ ของตน
เครอ่ื งดนตรี การละเลน่
ด้วยจ�ำนวนประชากรที่ไม่มาก ประกอบกับ
การอยรู่ ว่ มกบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะยนั และกะแย กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
กะยอ จงึ มเี ครอ่ื งดนตรแี ละการละเลน่ รว่ มกบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
กะยนั และกะแย คอื กลอง ฆ้อง ฉาบ ฉงิ่ ขล่ยุ แคน เปน็ ต้น
ความรูแ้ ละภมู ปิ ญั ญา
กลุม่ ชาตพิ ันธ์กุ ะยอมีภมู ิปัญญาท่ีใชป้ ระโยชน์
ในชวี ิตประจ�ำวันคือ การทอผา้ ดว้ ยก่เี อว มีภูมปิ ญั ญาเรื่อง
การใช้สมุนไพรรักษาโรค การจักสานเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ใน
ครัวเรือน


Click to View FlipBook Version