The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน 143

เครื่องดนตรี การละเลน่ ความรแู้ ละภมู ิปัญญา
เคร่ืองดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู ที่ยังมีการ กลุ่มชาติพันธุ์ลีซูมีภูมิปัญญาด้ังเดิม เช่น
สืบสาน ประกอบดว้ ย ซอื บือ คอื พณิ ๓ สาย หรือ ซึง และ กลุ่มชาติพันธุ์อ่ืน แต่ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันของชาวลีซู
ฝู่วหลู่ คอื แคนน�้ำเตา้ โดยชาวลีซูใช้เครอ่ื งดนตรีสองชนดิ ที่เปล่ียนแปลงไป ท่ีกลุ่มคนหนุ่มสาวออกจากถิ่นฐาน
นใ้ี นการเตน้ โขวะ๊ เฉยี่ ศลิ ปะการแสดงทโี่ ดดเดน่ ของชาวลซี ู เพ่ือไปประกอบอาชีพและใช้ชีวิตต่างถ่ิน รวมถึงวิถีชีวิต
เป็นการเต้นร�ำในการเฉลิมฉลอง และงานรื่นเริง เช่น ทเี่ ปลยี่ นแปลงไป ทำ� ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ การสบื ทอดภมู ปิ ญั ญา
งานปีใหม่ งานแตง่ งาน เป็นต้น ของชาวลีซูในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้กลุ่มชาติพันธุ์ลีซู
มีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท่ีได้รับการขึ้นทะเบียน
เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ของชาติ ประจ�ำปี
พุทธศกั ราช ๒๕๕๕ คอื เครื่องดนตรีของกลุม่ ชาติพันธล์ุ ซี ู
ซ่ึงได้รับการสืบทอดมาจาก ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
มาอย่างยาวนาน และเป็นการน�ำวัสดุจากธรรมชาติ เช่น
ไมเ้ นอื้ แขง็ ไมไ้ ผ่ และหนงั สตั ว์ มาประกอบเปน็ เครอื่ งดนตรี
ส�ำหรับบรรเลงและร่วมขับร้อง เพ่ือสื่อความหมาย
ในเร่ืองราวต่างๆ ทั้งวิถีวัฒนธรรม กิจกรรมตามประเพณี
การหยอกล้อ การเก้ียวพาราสขี องหนุ่มสาว เปน็ ต้น

การเตน้ ร�ำประกอบเคร่ืองดนตรี ซือบือ และฝวู่ หลู่

มง้144 กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน

ชอ่ื เรยี กตัวเอง มง้
ช่อื ที่ผู้อื่นเรียก ม้ง, แม้ว
การตั้งถิ่นฐาน
มีเรื่องเล่าและข้อสันนิษฐานถึงต้นก�ำเนิดของกลุ่มชาติพันธุ์ว่า เดิมชาวม้ง
ในจนี ไดอ้ าศยั อยแู่ ถบมณฑลกวางโจ เสฉวน ยนู นาน กอ่ นทตี่ อ่ มาไดเ้ กดิ การสรู้ บปราบปราม
ชนเผา่ ตา่ งๆของรฐั บาลจนี อยา่ งรนุ แรงในหลายแหง่ ทำ� ใหช้ าวมง้ ในจนี ไดเ้ รมิ่ อพยพเขา้ มา
ในฝงั่ ประเทศกลุม่ อินโดจีน เชน่ เวียดนาม ลาว และไทย โดยเฉพาะในช่วงปี ค.ศ.๑๙๗๐
- ๑๙๗๕ ที่ภัยคอมมิวนิสต์และสงครามเวียดนามได้ทวีความรุนแรง ชาวม้งบางส่วน
ท่ีเข้ากับฝั่งอเมริกาจึงได้ติดตามเหล่าทหารบินข้ามทวีปไปต้ังรกรากอยู่ท่ีรัฐมินเนสโซต้า
ในขณะทบ่ี างสว่ นกห็ นลี งมายงั ประเทศไทยมากขนึ้ จากนน้ั จงึ อาศยั อยอู่ ยา่ งกระจดั กระจาย
ตามยอดเขาของภาคเหนอื ในประเทศไทย กลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้ ในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน สว่ นใหญ่
เปน็ กลมุ่ มง้ เขยี ว และมกี ลมุ่ มง้ ขาว ทบี่ า้ นขนุ สาในเพยี งชมุ ชนเดยี ว โดยมชี มุ ชนกลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้
ในจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ในพ้ืนที่ ๑๑ หมูบ่ ้าน ๓ หยอ่ มบา้ น ใน ๕ อ�ำเภอ ดังนี้

๑. อ�ำเภอเมอื งแมฮ่ อ่ งสอน กลุม่ ชาติพนั ธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 145

๓ หมู่บา้ น ในพืน้ ท่ี ๒ ต�ำบล ดังนี้ ในบ้าน ปัจจุบันลักษณะบ้านเรือนเปล่ียนแปลงไปทั้งวัสดุ
๑.๑ ต�ำบลห้วยโป่ง ๑ หมู่บ้าน คือ หมู่ ๑๑ และรปู แบบ ซง่ึ มคี วามหลากหลาย สะดวกสบาย สอดคลอ้ ง
มง้ ไมโครเวฟ กบั การใช้งาน และสภาพอากาศในปจั จุบนั
๑.๒ ต�ำบลหมอกจำ� แป่ ๒ หม่บู ้าน ได้แก่ หมู่ ๔ ทง้ั น้ี กลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้ มคี วามเชอ่ื ดงั้ เดมิ ในการ
นาปา่ แปก หมู่ ๕ หว้ ยมะเขอื ส้ม ปลูกบ้าน คือ ก่อนที่จะปลูกบ้านเรือนจะมีการเสี่ยงทาย
พนื้ ทที่ จี่ ะมกี ารปลกู บา้ นกอ่ น เพอ่ื ครอบครวั จะไดม้ คี วามสขุ
๒. อ�ำเภอขุนยวม และร่�ำรวย โดยกระท�ำดังน้ี เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว จะ
ขุดหลุมหน่ึงหลุมแล้วน�ำเม็ดข้าวสารจำ� นวนเท่ากับสมาชิก
๒ หมู่บ้าน ๒ หย่อมบ้าน ในพ้ืนที่ต�ำบลแม่อูคอ ดังนี้ ในครอบครวั โรยลงในหลมุ แลว้ โรยขา้ วสารอกี สามเมด็ แทน
หมู่ท่ี ๓ ปางตอง หย่อมบ้านปางตองใหม่ สตั วเ์ ลยี้ ง จากนน้ั จะจดุ ธปู บชู าผเี จา้ ทเ่ี จา้ ทางเพอื่ ขออนญุ าต
หย่อมบ้านปางตองใต้ และหมู่ท่ี ๖ แมอ่ คู อ และเอาชามมาครอบก่อนเอาดินกลบ รุ่งข้ึนจึงเปิดดู
หากเมล็ดข้าวยังอยู่เรียบร้อยไม่เสียหาย ก็หมายความว่า
๓. อำ� เภอปาย ทด่ี งั กลา่ วสามารถปลกู สร้างบ้านเรือนได้
ลกั ษณะครอบครวั
๔ หมู่บา้ นในพ้นื ท่ี ๒ ต�ำบล ดงั นี้ ในอดีตสังคมม้งเชิดชูผู้ชาย เน่ืองจากมี
๓.๑ ต�ำบลเมืองแปง ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ ๓ ความเช่ือว่า ผู้หญิงกลายเป็นสมบัติของผู้ชายหลังจากที่
หว้ ยฮะ หมู่ท่ี ๕ แกงหอม หมทู่ ี่ ๖ ผาสำ� ราญ แต่งงาน ผู้หญิงถูกมองว่าอ่อนแอ หากครอบครัวท่ีไม่มี
๓.๒ ตำ� บลโป่งสา ๑ หมู่บา้ น คอื หมู่ ๕ ขุนสาใน บตุ รชาย หรอื ภรรยาเปน็ หมนั สามกี จ็ ะไดร้ บั อนญุ าตใหห้ า
ภรรยาใหมจ่ นกวา่ จะมบี ตุ รชายได้ หรอื หากสามเี ปน็ หมนั เอง
๔. อำ� เภอแม่สะเรยี ง ก็จะรับบุตรบุญธรรมท่ีเป็นเพศชายได้ เพราะคนม้งมี
ความคิดว่า หากตายตอ้ งให้ลูกชายท�ำหนา้ ท่ีฝงั ศพ เพ่ือให้
๑ หมู่บ้าน ๑ หย่อมบ้าน คือ หมู่ ๔ แม่เหาะ และ วิญญาณสามารถไปสู่สวรรค์ได้ นอกจากนี้ในสังคมม้ง
หยอ่ มบา้ นป่าจบ้ี วั ตอง ในต�ำบลแม่เหาะ การหย่าร้างมิใช่เป็นเรื่องของคนสองคน ต้องได้รับการ
ตัดสินจากผอู้ าวโุ สประจำ� ตระกลู ผหู้ ญงิ ทฟ่ี อ้ งหยา่ จะตอ้ ง
๕. อ�ำเภอแม่ลาน้อย เสยี คา่ ปรบั และไมม่ ที ย่ี นื ในสงั คมมง้ และไมส่ ามารถกลบั ไป
ครอบครัวเดิมได้ เวลาเสียชีวิตไม่มีผู้มาท�ำพิธีเซ่นไหว้
๑ หมู่บ้าน คือ หมู่ ๗ ห้วยผ้งึ ใหม่ ตำ� บลแมโ่ ถ ทำ� ใหผ้ หู้ ญงิ มา่ ยจงึ ตอ้ งหาสามใี หม่ บางคนตอ้ งยอมแตง่ งาน
เป็นเมียที่สองที่สามของผู้ชายม้ง บางคนเปล่ียนศาสนา
บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม ผู้หญิงม้งท่ีแต่งงานแล้วจึงยอมอดทนจากการถูกกดข่ี
จากสามหี รอื ครอบครวั สามแี ทนทจี่ ะหยา่ รา้ ง เพราะมคี วาม
ลกั ษณะบา้ นเรือนที่พักอาศยั เชอื่ วา่ เมอ่ื หยา่ แลว้ ไมส่ ามารถกลบั ไปนบั ถอื ผบี รรพบรุ ษุ ของ
หมบู่ า้ นกลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้ ในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน พ่อแม่ตนเองเหมือนเดิมได้ กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน แต่
ส่วนใหญ่อยู่บนดอย แต่ปัจจุบันการคมนาคมสะดวกข้ึน ปัจจุบันวัฒนธรรมและความเชื่อเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงไป
ลักษะบ้านเรือนที่พักอาศัยแบบดั้งเดิม ตัวบ้านปลูกคร่อม ท�ำให้สถานะและบทบาทในครอบครัวของหญิงชาวม้ง
อยบู่ นพนื้ ดนิ ทท่ี บุ แนน่ ใชว้ สั ดธุ รรมชาติ เชน่ ไม้ ไมไ้ ผส่ บั ฟาก ทัดเทียมชายในครอบครวั
หลังคามุงด้วยใบจาก หรือหญ้าคา เป็นต้น แปลนเป็น
แบบงา่ ยๆ ตวั บ้านไมม่ ีหน้าต่าง ใกล้ประตบู ้าน จะมีเตาไฟ

146 กลมุ่ ชาติพนั ธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ลกั ษณะสงั คม ยังประกอบอาชีพอ่ืนๆ เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ
ลักษณะสังคมม้ง ครัวเรือนและสายตระกูล ขา้ ราชการ นกั กจิ กรรม นกั วชิ าการรนุ่ ใหมแ่ ละรบั จา้ งทว่ั ไป
เป็นหน่วยจัดการความสัมพันธ์ของสังคมที่กระชับที่สุด อกี ด้วย
สมาชิกในครัวเรือนจะมีความผูกพัน ความสนิทสนม อาหาร
ความรกั ใครป่ รองดองกนั มากกวา่ บคุ คลอนื่ ๆนอกครวั เรอื น กลุ่มชาติพันธุ์ม้งมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
สายตระกูลของชาวม้งเป็นกลุ่มทางสังคม อาหารที่แสดงถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวม้ง จึง
ขนาดใหญ่ มีการช่วยเหลือกันในกรณีท่ีมีความต้องการ เปน็ อาหารที่มาจากวตั ถดุ บิ ทีม่ แี ละมีวิธีปรุงทีเ่ รียบงา่ ย คือ
แรงงานครัวเรือนหน่ึงมักจะนิยมเคลื่อนย้ายไปยังหมู่บ้าน ต้มผักกาดดองใส่หมูสามชั้นท่ีมีเครื่องปรุงเพียงอย่างเดียว
ท่ีมีเครือญาติท่ีเป็นสายตระกูลเดียวกัน คอยช่วยเหลือกัน คือเกลือ ซึ่งเป็นอาหารที่ชาวม้งรับประทานและใช้ใน
การแผ่กระจายของสายตระกูลออกไปอย่างกว้างขวาง พิธกี รรมและกิจกรรมโดยทวั่ ไปของชาวม้ง
ในหมบู่ า้ นตา่ งๆ กอ่ ใหเ้ กดิ ความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ ระบบ
การเกษตรแบบย้ายท่ีโดยครอบครัวของสายตระกูล อัตลักษณท์ างวฒั นธรรม
ไปตามหมู่บ้านต่างๆ จะเป็นแหล่งท่ีให้ข่าวสารเกี่ยวกับ
พ้ืนท่ีท�ำมาหากินที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งท่ีให้ วฒั นธรรรมการแต่งกาย
การช่วยเหลือเครอื ญาตพิ ่นี อ้ ง ทีไ่ ปตง้ั หลักแหลง่ ใหม่ ผู้ชาย ตัวเส้ือจะเป็นผ้าก�ำมะหยี่สีน�้ำเงินเข้ม
ภาษา หรอื ดำ� แตป่ จั จบุ นั กม็ กี ารเปลย่ี นแปลงใหม้ หี ลากสมี ากขนึ้
กลุ่มชาติพันธุ์ม้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังใช้ เส้ือแขนยาวจรดข้อมือ ปลายแขนเส้ือมีการปักลวดลาย
ภาษาชาตพิ นั ธุ์ในการสอื่ สารระหวา่ งกนั ภาษามง้ จัดอยูใ่ น ชายเส้ือจะยาวคลุมเอว ด้านหน้า มสี าบเสื้อสองข้างลงมา
ตระกลู จนี - ธเิ บต สำ� หรบั ภาษาเขยี นนนั้ นายสอื่ สาร แซซ่ ง ตลอดแนว ดา้ นหลงั มกั จะปกั ลวดลายสวยงามดว้ ย ปจั จบุ นั
ให้ข้อมูลว่าผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่าในอดีตม้งมีภาษาเขียน นยิ มใสซ่ ปิ ลงขอบสาบเสอ้ื เพอ่ื สะดวกในการใส่ สว่ นกางเกง
ซึ่งภาษาเขียนของม้งนั้น คือลายปักบนผืนผ้าของชาวม้ง จะสวมใส่กางเกงขาก๊วย หรือกางเกงจีนเป้าตื้นขาบาน
นนั่ เอง แตเ่ นอื่ งจากไมม่ กี ารใช้ ไมม่ กี ารสบื ทอด ภาษาเขยี น มลี วดลายนอ้ ย และใสผ่ า้ พนั เอวสแี ดง คาดทบั กางเกง และ
ของม้งนัน้ จึงเลือนหาย เร่อื งราวความเปน็ มาตา่ งๆ ของมง้ อาจมีเข็มขัดเงินคาดทับอีกช้ันหนึ่งด้วย ส่วนการแต่งกาย
จงึ อาศยั วธิ กี ารจำ� และเลา่ สบื ตอ่ กนั มาเพยี งเทา่ นนั้ ภายหลงั ของผู้หญิงจะสวมกระโปรงจีบ เมื่อสวมใส่จะปล่อย
ไดม้ กี ารเผยแพรศ่ าสนาโดยมชิ ชนั นารี จงึ มกี ารนำ� ตวั อกั ษร รอยผ่าไว้ด้านหน้า พร้อมกับมีผ้าสี่เหล่ียมยาวปักลวดลาย
ภาษาโรมนั มาใชใ้ นการเขยี นภาษาม้ง ปิดทับรอยผ่า โดยผูกปล่อยชายเป็นหางไว้ด้านหลังทั้ง
การประกอบอาชีพ ด้านหน้าและด้านหลัง ผ้าน้ีมักจะปักลวดลายสวยงาม
ปจั จบุ นั ชาวมง้ ในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนสว่ นใหญ่ มีผ้าแถบสีแดงคาดเอว ส่วนผมจะพันมวยผมคล้อยมา
ประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่เพียงแต่เพ่ือบริโภคใน ด้านหน้า และใช้ผ้าสีด�ำโพกผมเป็นวงรอบศีรษะ โดยมี
ครอบครัวเท่านน้ั แต่ยังสรา้ งความมนั่ คงใหค้ รอบครัวด้วย การปักลวดลายไว้ด้วย นอกจากน้ียังมีเคร่ืองประดับอื่น
การปลูกพืชเศรษฐกิจท่ีสร้างรายได้ เช่น ข้าว ข้าวโพด ประกอบเพ่ิมเติม ซ่ึงมักจะสวมใส่กันในงานส�ำคัญจ�ำพวก
ฟกั ทอง ผกั กาด พริก ขิง กระหลำ่� ปลี แครอท สตรอเบอร่ี เครอื่ งเงนิ กำ� ไลคอ กำ� ไลขอ้ มอื ตมุ้ หู แหวน รวมทง้ั เหรยี ญเงนิ
เคพกูสเบอรี่ อโวคาโด มะเขือเทศ ฯลฯ กลา่ วได้ว่า ชาวมง้ ขนาดต่างๆ ทั้งรูปวงกลม และสามเหลี่ยม ที่ประดับตาม
ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพืชผักผลไม้ออกสู่ตลาดทั้งใน เสื้อผ้าแพรพรรณ รวมท้ังสายสะพายปักลวดลายสวยงาม
จงั หวดั และสง่ นอกจงั หวดั ตลอดทง้ั ปี นอกจากนชี้ าวมง้ รนุ่ ใหม่ เวลาใชจ้ ะสะพายไหล่เฉียงสลับกันสองข้าง

กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน 147

เครอื่ งแต่งกายชาวมง้
หญงิ -ชาย

ความเชือ่ ศาสนา พิธกี รรม วัฒนธรรมประเพณี
ช า ว ม ้ ง มี ก า ร นั บ ถื อ วิ ญ ญ า ณ บ ร ร พ บุ รุ ษ ชาวม้งมีประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท่ีมี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับธรรมชาติส่ิงแวดล้อมที่อยู่บนฟ้า ลกั ษณะเฉพาะ ไมว่ า่ จะเปน็ การโยนลกู ชว่ งจบี กนั ของหนมุ่
ในล�ำน้�ำ ประจ�ำต้นไม้ ภูเขา ไร่นา ฯลฯ ชาวม้งจะต้อง สาวในงานปีใหม่หรือประเพณีเลี้ยงผีบรรพบุรุษ แต่มี
เซ่นสังเวยสิ่งศักด์ิสิทธิ์ต่างๆ เหล่าน้ีปีละคร้ัง ด้วยอั๊วเน๊ง ประเพณีหนึ่งท่ีเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้ง แตกต่างไปจาก
คือ พิธีไสยศาสตร์ มีลักษณะคล้ายการวินิจฉัยโรค และ กลุ่มชาตพิ ันธ์ุอื่นคอื ประเพณีในการเรม่ิ ตน้ ชวี ิตค่ขู องหนมุ่
ชแี้ นะแนวทางบำ� บดั รกั ษา โดยเชอ่ื วา่ ความเจบ็ ปว่ ยทงั้ หลาย สาวชาวม้ง ท่ีคนอื่นเรียกว่าประเพณีฉุดสาวนั่นเอง แต่
มาจากการผดิ ผี และผลี งโทษใหเ้ จบ็ ปว่ ย จงึ ตอ้ งอาศยั หมอผี ลกั ษณะการฉดุ สาวไปเป็นภรรยาของชาวมง้ แทท้ จ่ี ริง มิได้
ในการตรวจโรค ว่าเกิดการการผิดผี ท่ีไหน ผีต้องการให้ มลี ักษณะของความรนุ แรง หรือ มลี ักษณะของการฉุดคร่า
แก้ไขหรอื เซ่นไหว้ด้วยวิธีใด ซ่ึงแตล่ ะคนแต่ละสถานการณ์ หรือหากมีก็มีน้อย หากแต่การฉุดสาวในประเพณีม้ง
จะมีการวินิจฉัยและการรักษา ท่ีแตกต่างกัน ตามการ นายสื่อสาร แซซ่ ง (สมั ภาษณ์, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒)
วนิ ิจฉัย เน๊ง ทัง้ น้ี เน๊ง มี ๒ ประเภท คอื เนง๊ ทม่ี าจากการ ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ม้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้อธิบาย
เรยี น และเนง๊ ทมี่ าจาก การทเ่ี ปน็ ผถู้ กู เลอื กจากสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ให้ฟังว่า ในการเร่ิมต้นชีวิตครอบครัวของหนุ่มสาวม้งน้ัน
โดยตรง ซ่ึง เนง๊ ไม่ได้มีในทกุ หมูบ่ า้ น แตช่ าวบ้านสามารถ ชายหรือฝ่ายชาย ซึ่งหมายถึงอาจจะไม่ใช่ตัวเจ้าบ่าว
ไปขอ ความช่วยเหลอื จากเน๊งทอ่ี ยใู่ นหมบู่ ้านอ่นื ได้ แต่อาจเป็นญาติหรือเพื่อนจะน�ำตัวเจ้าสาวออกจากบ้าน
ปัจจุบันชาวม้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอนหันมา เจา้ สาว แลว้ ใหค้ นไปแจง้ บดิ ามารดา หรอื ญาตขิ องฝา่ ยหญงิ
นับถือศาสนา โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ไม่ได้ยึดแนวปฏิบัติ ให้รับรู้ภายใน ๒๔ ช่ัวโมง แล้วจึงประกอบพิธีกรรมตาม
ตามความเชื่อดั้งเดิม ความเชื่อและแนวปฏิบัติเร่ืองผีและ ประเพณตี อ่ ไป ทง้ั นก้ี ารฉดุ สาวตามประเพณขี องชาวมง้ นน้ั
เนง๊ ยงั คงมอี ยใู่ นคนรนุ่ เกา่ และคง เลอื นหายไปตามกาลเวลา เกิดได้ท้ังจากกรณีท่ีชายและหญิงยินยอมพร้อมใจที่จะ
และสภาพสงั คมแวดล้อมท่เี ปลย่ี นแปลงไป ใชช้ วี ติ คดู่ ว้ ยกนั กรณที ท่ี งั้ หญงิ ชายไมไ่ ดร้ บั รู้ แตญ่ าตผิ ใู้ หญ่
ตกลงกนั หรือการที่พอ่ แม่จัดการใหแ้ บบคลมุ ถงุ ชน กรณี

148 กลุ่มชาติพันธุ์ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน การเลน่ ลูกขา่ ง

หนีตามกันของคชู่ ายหญงิ และกรณีฉุดหญิงสาวท่ีตอ้ งการ
มาเป็นภรรยาของตน โดยที่ฝ่ายหญิงนั้นอาจจะไม่เต็มใจ
หรือจะเป็นการตกลงกันล่วงหน้าระหว่างท้ังสองแล้วก็ได้
ทั้งนี้ก่อนจะมีการฉุดสาวทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ต้องมี
การตรวจสอบให้แน่ใจว่าชายหญิงคู่น้ีมิได้ใช้แซ่(ตระกูล)
เดียวกัน จึงจะท�ำการแต่งงานตามประเพณีได้ เน่ืองจาก
ชาวม้งมีข้อห้ามมิให้มีการแต่งงานระหว่างคนแซ่เดียวกัน
โดยลูกของพี่ชายสามารถแต่งงานกับลูกของน้องสาวได้
เพราะใชแ้ ซค่ นละแซ่ เพราะลกู สาวเมอ่ื แตง่ งานไปแลว้ จะไป
ใช้แซ่สามี จึงนับว่าเป็นคนละแซ่ รุ่นลูกจึงแต่งงานกันได้
แต่ลูกของพี่ชายและลูกของน้องชาย ไม่สามารถแต่งงาน
กันได้ เพราะยังคงใช้แซ่เดียวกัน นอกจากน้ี ผู้ชายม้ง
ยังสามารถมีภรรยาได้หลายคน ปัจจุบันประเพณีฉุดสาว
ไมเ่ ปน็ ท่ีนยิ มและถือปฏบิ ตั ิ ในกลุม่ ชาวมง้ คนรนุ่ ใหมแ่ ลว้
ประเพณีข้นึ ปใี หม่หรอื ประเพณฉี ลองปีใหม่
เปน็ งานรน่ื เรงิ ของชาวมง้ ของทกุ ๆ ปี จะจดั ขนึ้
หลงั จากไดเ้ กบ็ เกย่ี วผลผลติ ในรอบปเี รยี บรอ้ ย และเปน็ การ
ฉลองความส�ำเร็จในการเพาะปลูกของแต่ละปี ซ่ึงจะต้อง
ทำ� พธิ บี ชู าถงึ ผฟี า้ - ผปี ่า – ผบี ้าน ทใ่ี ห้ความคุ้มครอง ดูแล
ความสงบสขุ และผลผลติ ทไ่ี ดใ้ นรอบปดี ว้ ย ซงึ่ แตล่ ะหมบู่ า้ น
จัดกิจกรรมฉลองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือตามวัน
และเวลาที่สะดวกของแต่ละหมู่บ้าน ส่วนใหญ่จะจัดช่วง
เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ประเพณีฉลองปีใหม่
ม้งน้ีชาวม้งเรียกกันว่า “น่อเป๊โจ่วฮ์” แปลตรงตัวได้ว่า
“กินสามสิบ” สืบเน่ืองจากชาวม้งจะนับช่วงเวลาตาม
จนั ทรคติ โดยจะเรม่ิ นบั ตงั้ แตข่ นึ้ ๑ คำ�่ ไปจนถงึ ๓๐ คำ�่ (ซง่ึ
ตามปฏิทินจันทรคติจะแบ่งออกเป็นข้างข้ึน ๑๕ ค่�ำ และ
ขา้ งแรม ๑๕ คำ�่ ) เมอื่ ครบ ๓๐ คำ�่ จงึ นบั เปน็ ๑ เดอื น ดงั นน้ั
ในวันสุดท้าย (๓๐ ค่�ำ) ของเดือนสุดท้าย(เดือนท่ี ๑๒)
ของปีจึงถือได้ว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ช่วงวันฉลองปีใหม่
ในวนั ดงั กลา่ วหวั หนา้ ครอบครวั แตล่ ะครอบครวั จะประกอบ
พธิ กี รรมทางความเชอ่ื เพอ่ื ความเปน็ สริ มิ งคลของครวั เรอื น
ถัดจากวันส่งทา้ ยปีเก่าไป ๓ วัน คือวันข้นึ ๑ คำ่� ๒ คำ่� และ
๓ ค�่ำ ของเดือนหนึ่ง จัดเป็นวันฉลองปีใหม่อย่างเป็น
ทางการ ซึ่งทกุ คนจะหยุดหนา้ ท่ีการงานทกุ อย่างในชว่ งวนั
ดงั กลา่ วน้ี และจะมกี ารจดั การละเลน่ ตา่ งๆ ในงานขนึ้ ปใี หม่
เชน่ การโยนลกู ชว่ ง การตลี กู ขา่ ง การรอ้ งเพลงม้ง เปน็ ต้น

กลุม่ ชาตพิ ันธุ์ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน 149

เคร่ืองดนตรี การละเล่น ดีเส่ง ดีตือ ดีจู้ คนม้งจะใช้ เฆ่ง หรือแคน ในงานศพ
เครอื่ งดนตรขี องคนมง้ ทมี่ มี าแตโ่ บราณกาลนนั้ เปน็ หลกั โดยถอื วา่ เปน็ เครอื่ งนำ� ทางดวงวญิ ญาณของผตู้ าย
มีหลากหลาย แต่ปัจจุบันดนตรีเหล่าน้ีก�ำลังจะสูญหายไป ไปสปู่ รโลก หรอื แดนของบรรพบรุ ษุ ฉะนน้ั ในธรรมเนยี มมง้
จากวถิ ชี วี ติ ของคนรนุ่ ใหม่ โดยสามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท จงึ หา้ มมใิ หฝ้ กึ เปา่ แคนในบา้ น สว่ นใหญจ่ ะฝกึ ในทๆี่ หา่ งไกล
ไดแ้ ก่ จากหม่บู า้ นซง่ึ มกั จะเปน็ ทีพ่ ักพงิ ตามไรส่ วน
เครอ่ื งดนตรีประเภทเปา่ ๓. ขลุ่ย จะท�ำมาจากกระบอกไม้ไผ่และ
๑. จ่าง ซึ่งถือว่าเป็นเคร่ืองดนตรีของม้งท่ีใช้ ท่อพีวีซี จะใช้เป่าแทนความรู้สึกของผู้เป่า และเป่า
สอื่ รกั กนั การเปา่ จา่ งโตต้ อบกนั เปน็ สอ่ื ทำ� ใหต้ า่ งคนตา่ งเหน็ ในวันส�ำคญั เช่น งานปีใหมแ่ ละงานส�ำคัญอืน่ ๆ
คณุ คา่ ของแตล่ ะคน จนเกดิ ความผกู พนั และรกั กนั ปจั จบุ นั เครอ่ื งดนตรปี ระเภทตี
จา่ งได้หายไปจากวิถชี วี ิตของหนุ่มสาวคนร่นุ ใหมแ่ ล้ว ไดแ้ ก่ จวั๊ หรอื กลอง มลี กั ษณะเปน็ กลองสองหนา้
๒.เฆง่ หรอื แคน หรอื mouth organ เฆง่ เปน็ หรือหน้าเดียวก็ได้ รูปร่างกลมแบน โดยใช้แผ่นหนังสัตว์
เครอ่ื งดนตรีท่ที ำ� จากล�ำไม้ไผ่ และไมเ้ นือ้ แข็ง ถือได้ว่าเปน็ สองแผ่นมาประกอบเข้ากับโครงกลอง ริมขอบของแผ่น
เครื่องดนตรีท่ีเก่าแก่ท่ีสุดชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยล�ำไม้ไผ่ หนงั ทงั้ สองแผน่ จะเจาะรเู ปน็ คๆู่ สำ� หรบั เสยี บสลกั ไมเ้ ลก็ ๆ
ทะลุปลอ้ ง ๖ อัน คอื ซยง้ ต๋ัวจ๋อื (xyoob tuam tswm) ๑ เพอื่ ใชเ้ ชอื กรอ้ ยสลกั ไมข้ องแผน่ หนงั ทง้ั สองดา้ นดงึ เขา้ หากนั
อัน และ ซย้งเฆ่ง (xyoob qeej) ๕ อัน แต่ละอนั มขี นาด ซงึ่ จะทำ� ใหแ้ ผน่ หนงั กลองตงึ ตวั เตม็ ท่ี เมอื่ ตจี ะมเี สยี งดงั กงั วาน
และความยาวไม่เท่ากันกับล�ำไม้เน้ือแข็งซึ่งมีปากกลมยาว และมีไม้ตีกลองหนึ่งคู่ท�ำจากไม้ ด้านหนึ่งจะเอาผ้าพันไว้
(ก๋างเฆ่ง kaav qeej) เป็นไม้แดงหรือ ที่ภาษาม้งเรียกว่า ส�ำหรับตีกลอง ส่วนด้านท่ีไม่มีผ้าห่อใช้ส�ำหรับจับ ชาวม้ง
ดงจอื เป๋ (ntoo txwv pem) เมอื่ เปา่ หรอื สดู ลมเขา้ ออก จะ จะใช้ประกอบพิธีงานศพเท่าน้ัน ด้วยความเชื่อว่าเป็นการ
ให้เสียงไพเราะต่อเน่ืองกัน ตลอดจนจบตอนของบทเพลง ปลอ่ ยผหี รือปลดปล่อยวญิ ญาณ
ลำ� ไมไ้ ผแ่ ตล่ ะอนั มชี ่อื เรยี กเฉพาะของตัวเอง เช่น ดีลวั ดไี ล

การเปา่ เฆ่ง (แคนม้ง)

150 กลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน

การละเล่นของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งในจังหวัด แล้วหมุน ซึ่งกติกาการเล่นจะแบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย โดย
แมฮ่ ่องสอน ทีย่ ังมใี หเ้ หน็ คอื การเลน่ ลกู ขา่ ง หรือ เดาตอ้ ลุ๊ ฝา่ ยหนง่ึ จะเปน็ ฝา่ ยตลี กู ขา่ งทกี่ ำ� ลงั หมนุ อยขู่ องอกี ฝา่ ยหนงึ่
ลกั ษณะของลกู ขา่ งมง้ ทำ� มาจากไม้ ขนาดตามความตอ้ งการ ให้ถูกลูกข่างมากท่ีสุด หากสามารถตีลูกโดนมาก ก็จะ
และความเหมาะสมของผู้เล่น โดยส่วนหวั จะมีลักษณะทๆู่ สามารถตีต่อไปได้ แต่หากตีไม่โดนต้องเปล่ียนมาเป็น
และส่วนท่ีใช้หมุนยืนพ้ืนจะท�ำให้มีลักษณะแหลมคล้าย ฝ่ายหมุนลูกข่างให้อีกฝ่ายผลัดไปเป็นฝ่ายตีแทน การเล่น
ดินสอ เม่ือต้องการเล่นจะน�ำไม้ที่ผูกเชือกยาวประมาณ ลูกขา่ งท�ำใหผ้ ูเ้ ล่นสนุกสนาน และเป็นการฝกึ และทดสอบ
๒ - ๓ เมตร มามว้ นรอบลกู ขา่ ง โดยมอื ขา้ งหนงึ่ จะถอื ลกู ขา่ ง ความแม่นย�ำของสายตาและจังหวะมือท่ีสอดคล้องกัน
ท่ถี ูกเชอื กพนั รอบไว้ และมืออกี ข้างหน่งึ จะถอื ไมท้ ่ีผกู เชอื ก ปัจจุบันการละเล่นลูกข่างเริ่มหายไปตามวิถีชีวิตท่ีมีการ
ท่ีหมุนรอบลูกข่างไว้ แล้วสะบัดมือท้ังสองข้างไปข้างหน้า เปล่ียนแปลง แต่ยังมีให้เห็นในงานเทศกาล หรือโอกาส
พร้อมดึงไม้ที่ผูกเชือกไว้อย่างแรง ลูกข่างจะตกลงพ้ืน พิเศษท่มี กี ารสนับสนนุ จากหน่วยงานอยู่บ้าง

ความรแู้ ละภมู ิปญั ญา
กลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้ มภี มู ปิ ญั ญาทโ่ี ดดเดน่ และนำ� ผลติ เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ างวฒั นธรรมทที่ รงคณุ คา่ และไดร้ บั การยอมรบั
รวมถึงน�ำมาต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของผลิตภัณฑ์ได้ คือ ผ้าปักม้ง และผ้าเขียนเทียน นอกจากน้ียังมีภูมิปัญญา
ในชวี ิตประจ�ำวัน คอื การถนอมอาหาร เชน่ การหมัก การดอง

ผ้าเขยี นเทียน

ปะโอกลุ่มชาติพันธุ์จงั หวดั แม่ฮ่องสอน 151

ชื่อเรียกตัวเอง ปะโอ
ชื่อท่ีผอู้ ่นื เรียก ปะโอ ตองสู่

การตง้ั ถน่ิ ฐาน กลุมชาติพันธุปะโอเปนหน่ึงในกลุมชนชาติพันธุกลุมนอยในประเทศพม่า
มีวัฒนธรรม การแต่งกาย สําเนียงภาษา ที่มีลักษณะเฉพาะของตน อยางไรก็ตา
มในบางพน้ื ทเ่ี รยี กชาวปะโอวา ตอ งต,ู ตองซู่ ตอ่ งสู่ ทง้ั นมี้ นี กั ภาษาศาสตรจ ดั ใหป ะโอ
อยใู นกลุมยอยของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหร่ียง (Karen) และอยูใน กลุมภาษาตระกูล
จีน - ธิเบต ซึ่งประกอบดวย มี ๑๑ กลุม คือ กอง กะเหรี่ยง จิงพอ (คะฉ่ิน) จีน
(กลมุ ตา งๆ ในเขตเมอื ง) จีนฮอ บิซู พมา ลซี ู (ลซี อ) ละหู (มูเซอ) อะขา (อีกอ) และ
อึมป (เมปกอ ปะกอ) เป็นกลุมชาติพันธุท่ีจํานวนมาก รองเปนอันดับสองจาก
กลุมชาติพันธุไทใหญในพมา อาศัยในแถบทะเลสาบอินเลและกระจายตัวอาศัยตาม

152 กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน

พนื้ ทส่ี งู ในเขตรฐั ฉานของประเทศพมา่ เมอ่ื เกดิ ความไมส่ งบ แถวหน้าตลาดเก่า อ�ำเภอหางดง บ้านแม่ก๊ะ อ�ำเภอ
ในพมา่ จงึ อพยพเขา้ ประเทศไทย ทางภาคเหนอื การอพยพ สันป่าตอง บ้านข่วงเปา อ�ำเภอแม่ริม อ�ำเภอแม่อาย
ของชาวปะโอเข้าสู่ลา้ นนาเร่ิมขึน้ ใน พ.ศ. ๒๔๒๘ หลงั จาก บ้านเวียง อำ� เภอฝางและบา้ นบอ่ หิน อ�ำเภอพร้าว เส้นทาง
อังกฤษเข้ามายึดครองพมา่ ความวุ่นวายและความอ่อนแอ ทชี่ าวปะโอเดินทางเขา้ มา ๔ ทาง ไดแ้ ก่
ในราชสำ� นกั พระเจา้ สปี อ๊ ยตุ ลิ ง ประกาศใหพ้ มา่ เปน็ มณฑล ๑. เส้นทางแม่ฮ่องสอน มาทางบ้านผาปูน ผ่าน
หน่ึงของอินเดีย ในหัวเมืองต่างๆเกิดความจราจลวุ่นวาย เมืองปาย เมืองยวม ส่วนใหญเ่ ป็นชาวปะโอ ทีเ่ ดนิ ทางมา
เกิดการแตกแยกท�ำสงคราม จากกลุ่มชนต่างๆ ท�ำการ จากเมืองหมอกใหม่ เมืองปอ๋ น เมอื งหนองบอน
ตอ่ ตา้ นอังกฤษ ทำ� ให้ชาวไทใหญ่ และปะโอตามเมืองต่างๆ ๒. เส้นทางฝาง มาจากเมอื งปัน่ เมืองนาย
ที่ถูกปราบปราม และที่ได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ๓. เส้นทางแม่สาย เป็นชาวต่องสู้ท่ีมาจากเมือง
ไดอ้ พยพเขา้ มาในเมอื งตา่ งๆ ของดนิ แดนลา้ นนา จดั วา่ เปน็ ตอ่ งกี เมอื งหนอง
รนุ่ ที่ ๑ ภายหลงั ทไี่ ทยทำ� สนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ ใน พ.ศ. ๒๔๑๑ ๔. เส้นทางแม่สอด เป็นชาวต่องสู้มาจากเมือง
และการท�ำสนธิสัญญาเชียงใหม่ฉบับท่ี ๒ มีผลให้บริษัท ตะถุง่ เมืองมะละแหมง่
ชาวอังกฤษในพม่า เช่น บริษัทบริติชบอร์เนียว บริษัท
บอมเบย์เบอรม์ า่ เข้ามาทำ� กิจการสมั ปทานปา่ ไม้เชียงใหม่ กลุม่ ชาตพิ ันธุ์ปะโอ ในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ใน
ล�ำพูน ลำ� ปาง แพร่ นา่ น มีชาวพม่า ไทใหญ่ ปะโอเดนิ ทาง เขตพื้นท่ีอำ� เภอเมืองแมฮ่ อ่ งสอน มีความเปน็ มา สรุปดงั น้ี
เข้ามาท�ำงานด้วย และกลุ่มชนเหล่าน้ีได้กลายเป็นผู้รับไม้ กลมุ่ ชาตพิ นั ธป์ุ ะโอ มบี รรพบรุ ษุ อยแู่ ถวชายแดน จนี - พมา่
รายย่อย ส่งให้บริษัทใหญ่ในพม่า และกลุ่มชาวพม่า แถวเชียงตุง แล้วค่อยๆอพยพ มาจนมาถึงหมู่บ้านโหวฮ้า
ชาวไทใหญ่และชาวปะโอท่ีมีฐานะม่ังคั่งร�่ำรวย ได้สร้าง ซงึ่ เปน็ ชอ่ื ไทใหญ่ บา้ นแมอ่ อ อยใู่ กลก้ บั บา้ นรกั ไทย โดยมา
บรู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั วาอารามใกลเ้ คยี งกบั สถานทอี่ าศยั ของ รบั จา้ งปลกู ตน้ ไม้ ในศนู ยบ์ รกิ ารและพฒั นาพนื้ ทส่ี งู ปางตอง
พวกตน ทมี่ ชี อ่ื เสยี งในจงั หวดั เชยี งใหม่ ไดแ้ ก่ จองหมอ่ งพสิ ตามพระราชด�ำริ ต่อมาไดพ้ ากนั อพยพไปอยูห่ มู่บา้ นนาป่า
ไดบ้ รู ณะเจดยี ว์ หิ ารพระเจา้ องคห์ ลวง วดั มหาวนั จองจงิ่ นะ แปก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ซึ่งสมัยนั้นคนท่ัวไปจะเรียกว่า
บรู ณะกฏุ วิ ดั หนองคำ� หลวงโยนการพจิ ติ ร (ปนั โหย่ อปุ โยคนิ ) คอกควาย เพราะแถวนั้นควายเยอะ ซึ่งสมัยน้ันชาวปะโอ
สร้างวัดอุปคุตม่าน (ปัจจุบันถูกร้ือทิ้งและสร้างพุทธสถาน ตอ้ งทำ� ตวั ใหก้ ลมกลนื กบั คนในพนื้ ที่ คอื ชาวไทใหญ่ เพอ่ื ความ
ขึ้นมาแทน) ประกอบกับมีชาวปะโอ ท่ีเข้ามาแสวงโชคได้ ปลอดภัยและเพ่ือให้ได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกในพ้ืนที่
รับค�ำชักชวน และมีค�ำบอกเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยชาวปะโอมาอยทู่ นี่ ไ่ี ดป้ ระมาณ ๑ ปี กโ็ ดนทหารไลอ่ อก
ความสงบสขุ ในลา้ นนา จงึ เดนิ ทางเขา้ มาตดิ ตอ่ คา้ ขายสนิ คา้ จากพน้ื ที่ สว่ นหนงึ่ ไดอ้ พยพเขา้ ไปในเขตพมา่ พน้ื ทรี่ ฐั คะยา
ววั ตา่ งๆ และสว่ นหนงึ่ ไดแ้ ตง่ งานกบั ผหู้ ญงิ ลา้ นนา ชาวปะโอ ซึ่งติดชายแดนไทย ส่วนหน่ึงอพยพไปอยู่บ้านห้วยขาน
ได้มาตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงชาวไทใหญ่และ ตำ� บลหมอกจำ� แป่ อ�ำเภอเมืองแม่ฮอ่ งสอน โดยมีชาวบ้าน
ชาวพมา่ อยา่ งสงบสขุ มหี ลกั ฐานจากคำ� บอกเลา่ วา่ ชาวปะโอ ถกู จับจำ� นวน ๙ คน เมื่อชาวบา้ นอพยพไปหมดแลว้ ทหาร
ชาวพม่า ชาวไทใหญ่ ต้ังร้านค้าเป็นแบบ “เรือนแพ” หรือ จงึ ปลอ่ ย ผูท้ ีถ่ ูกจับทง้ั ๙ คน โดยทัง้ หมดได้อพยพไปอยู่ท่ี
เรอื นแถวขายของอยยู่ า่ นทา่ แพ อปุ คตุ ใกลศ้ าลตา่ งประเทศ บ้านห้วยมะเขือส้ม ต�ำบลหมอกจ�ำแป่ อ�ำเภอเมือง
ตลาดวโรรส (กาดหลวง) ย่านช้างม่อย ที่มีอาชีพเดินทาง แมฮ่ อ่ งสอน อาศยั อยไู่ ดป้ ระมาณ ๒ ปี ทหารกม็ าขบั ไลอ่ อก
ค้าขาย ก็ต้ังบ้านเรือนในตรอกซอกซอยแถว วัดมหาวัน จากพื้นท่ีอีก โดยในคร้ังนี้ทหารได้ท�ำการเผาบ้านของ
วัดบูรพาราม วัดเชตวัน วัดหนองค�ำ นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวปะโอ ๑ หลงั และบา้ นของชาวไทใหญ่ ๑ หลงั ชาวปะโอ
ชาวปะโอตงั้ บา้ นเรอื นในอำ� เภอตา่ งๆ ของจงั หวดั เชยี งใหม่ จงึ อพยพไปอยู่หมูบ่ า้ นน้�ำรนิ จนกระท่งั ปี พ.ศ.๒๕๓๓ เกดิ
มีลูกหลานสืบเช้ือสายกลายเป็นคนเมืองไปหมด เช่น สงครามระหว่างทหารพม่าและทหารกะเหร่ียงในบริเวณ

กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน 153

ใกล้เคยี ง มกี ารสรู้ บรนุ แรง บางครง้ั มีเฮลิคอเตอรบ์ นิ มาวน ๑. อ�ำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
ในบรเิ วณใกลๆ้ มกี ารทงิ้ ระเบดิ และยงิ ปนื กล คนในหมบู่ า้ น
เกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงได้พากันอพยพไปอยู่สวนกล้วย มีชาวปะโอ เป็นประชากรใน ๘ หมบู่ า้ น ๑ หยอ่ มบ้าน
ซ่ึงเป็นป่ากล้วยทึบหนา โดยได้สร้างเป็นเพิงพักแบบ ในพื้นท่ี ๓ ต�ำบล ดงั น้ี
ชั่วคราว และจากป่ากล้วยได้อพยพย้ายไปท่ี สันผักกูด ๑.๑ ต�ำบลปางหมู ๒ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ ๕
และย้ายกลับมาที่ ห้วยมะเขือส้มอีกครั้ง ในพ.ศ.๒๕๓๘ บ้านใหม่ หมู่ ๑๒ ชานเมือง
โดยผู้มีเอกสารทางราชการ ไดย้ า้ ยเขา้ มาอยกู่ อ่ น สว่ นทเ่ี หลอื ๑.๒ ต�ำบลหมอกจ�ำแป่ ๕ หมูบ่ า้ น ได้แก่ หมู่ ๒
ผนู้ ำ� ปะโอในขณะนนั้ คอื พอ่ เฒา่ ปา่ ง บญุ ศกร ไดป้ รกึ ษาหารอื กนั แม่สะงา หมู่ ๓ ห้วยขาน หมู่ ๔ นาป่าแปก หมู่ ๕
และขออนุญาตก�ำนันต�ำบลหมอกจ�ำแป่ให้ชาวปะโอมาอยู่ ห้วยมะเขือสม้ หมู่ ๖ รกั ไทย
ท่ีบ้านห้วยมะเขือส้ม โดยมี Mr. รัส ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ๑.๓ ตำ� บลห้วยผา ๒ หม่บู ้าน ๑ บา้ นบรวิ าร คอื
แตไ่ มท่ ราบว่ามาจากประเทศใด ไดค้ อยใหค้ วามชว่ ยเหลือ หมู่ ๑ หยอ่ มบ้านห้วยชลอบ หมู่ ๒ แม่สุยะ หมู่ ๖ น้ำ� กัด
โดยออกเงนิ ซอ้ื ทดี่ นิ จากผคู้ รอบครอบเดมิ คอื กลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ ง้
เพอื่ ใหเ้ ปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของชาวปะโอ จำ� นวน ๒๐,๐๐๐ บาท ๒. อำ� เภอปางมะผ้า
แต่ไม่เพียงพอส�ำหรับรองรับชาวปะโอที่มีอยู่ในขณะนั้น
Mr. รสั จงึ ออกเงนิ ซอื้ ทดี่ นิ เพมิ่ ใหช้ าวปะโออกี ๕๐,๐๐๐ บาท มชี าวปะโอ เปน็ ประชากรใน ๔ หมบู่ า้ น ในพน้ื ที่ ๒ ตำ� บล
นอกจาก Mr. รัส แลว้ ยังมีชาวต่างชาติ ซึง่ เปน็ ชาย ๑ คน ดังนี้
และหญิง ๑ คน ไดใ้ ห้ความชว่ ยเหลอื โดยการซื้อขา้ วสาร ๒.๑ ต�ำบลปางมะผ้า ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ ๒
และอาหารแห้ง ตลอดจนข้าวของเคร่ืองใช้และส่ิงต่างๆ ปางคาม หมู่ ๓ ไม้ฮงุ หมู่ ๗ ไม้ลัน
ทีจ่ �ำเปน็ ให้ ทัง้ นี้ Mr. รสั และชาวตา่ งชาตดิ ังกลา่ ว จะเดนิ ๒.๒ ตำ� บลนาปปู่ อ้ ม ๑ หมบู่ า้ น คอื หมู่ ๑ นาปปู่ อ้ ม
ทางมาช่วยเหลือ ๒ - ๓ เดือนคร้ัง สาเหตุในการอพยพ
ย้ายที่อยู่ของชาวปะโอนั้น มีสาเหตุมาจากความไม่ม่ันคง ท้ังน้ี พ้นื ท่ที มี่ ีชาวปะโออยูร่ วมกนั จ�ำนวนมาก
ปลอดภัยการจากสู้รบระหว่าง กองก�ำลังทหารพม่า และ อยู่ในพื้นที่ อำ� เภอปางมะผ้า คือ บ้านไมล้ นั บ้านปางคาม
กองก�ำลังทหารกะเหรี่ยง การถูกทางการขับไล่ และถูก บา้ นนาปปู่ อ้ ม และบา้ นไมฮ้ งุ แตเ่ นอ่ื งจากชาวปะโอในพน้ื ท่ี
บังคับให้ละท้ิงอัตลักษณ์ของตน โดยผู้น�ำในพ้ืนที่น้ัน ดงั กลา่ วไดถ้ กู กลนื ไปกบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นพนื้ ทค่ี อื ชาวไทใหญ่
สว่ นกลุ่มชาติพันธปุ์ ะโอ ท่อี พยพย้ายมาอยู่บ้านหว้ ยซลอบ จึงท�ำให้การแสดงออกทางเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
บางส่วนอพยพมาจาก บ้านร่องแห้ง อยู่ก่อนจะถึงด่าน ไมช่ ดั เจน แตช่ าวปะโอทอี่ ยใู่ นพนื้ ทอ่ี ำ� เภอเมอื งแมฮ่ อ่ งสอน
ชอ่ งผอ่ นปรนบา้ นหว้ ยผง้ึ - นามน ตำ� บลหว้ ยผา อำ� เภอเมอื ง โดยเฉพาะในหมู่บ้านห้วยขาน หมู่บ้านนาป่าแปก และ
แมฮ่ อ่ งสอน จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน จากนนั้ อพยพไปบา้ นปางมะโอ หมู่บ้านห้วยซลอบ มีการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่ท�ำให้
ซง่ึ ปจั จบุ นั เปน็ พนื้ ทเ่ี ขตปา่ ไม้ อยทู่ างทศิ เหนอื บา้ นหว้ ยซลอบ เห็นถึงความเป็นชาวปะโอ และมีการรวมตัวกันกิจกรรม
ต่อมาได้อพยพย้ายมาอยู่ที่บ้านห้วยซลอบกระท่ังปัจจุบัน ทางวฒั นธรรมประเพณใี นพน้ื ทอี่ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทำ� ใหช้ าวปะโอ
โดยชาวปะโอกลมุ่ นมี้ เี ครอื ญาตทิ อี่ พยพมาจาก บา้ นหว้ ยขาน ในพ้ืนท่ีดังกล่าวเป็นที่รู้จัก และได้รับ การยอมรับเป็น
บ้านห้วยมะเขือส้ม บ้านน�้ำกัด และบ้านแม่สุยะ ปัจจุบัน อกี หนง่ึ กลมุ่ ชาติพันธ์ุทีม่ ีเอกลักษณข์ องตน
กลุ่มชาติพันธุ์ปะโอในจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในพ้ืนท่ี ๑๓
หม่บู า้ น ๑ หยอ่ มบา้ น ในพื้นที่ ๒ อำ� เภอ ดังนี้

154 กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน มาเจอไขท งั้ สองฟอง จงึ แบง ไขใ หก นั คนละฟอง ไขฟ องหนง่ึ
ถูกนําไปรัฐกะเหร่ียงสวนอีกฟองถูกนําไปท่ีเมืองตะโถง
บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม (เมอื งสวุ รรณภมู )ิ ในรฐั มอญ ตอ มาไขท ง้ั สองฟองฟก ตวั ออกมา
เปน มนษุ ย ซงึ่ ชาวปะโอเชอื่ วา ไขท ถ่ี กู นาํ ไป รฐั กะเหรยี่ งเปน พ่ี
จากบทความปะโอในรัฐฉาน กล่าวถึงข้อมูล สว นไขท อี่ ยใู นเมอื งตะโถง เปน นอ ง เปรยี บไดว า ชาวกะเหรยี่ ง
จากหนังสือของ Russ Christensen และ Sann Kyaw เปนพ่ีของชาวปะโอ และเช่ือว่าท้ังสองเปนพี่นองกัน
(๒๐๐๖) ระบุไว The Pa-O: Rebels and Refugees ชาวปะโอนับถือซอจีเปนพอ และนับถือพญานาคเปนแม่
เกย่ี วกบั ตํานานชาวปะโอ ซึ่งกลาวถึง ความเปนมาของ โดยทุกงานเทศกาลของชาวปะโอมักมีรูปของซอจีที่เปน
ปะโอวา มีบรรพบุรุษฝายหญิงเปนพญานาค ซ่ึงสามารถ มนษุ ยและรปู ของพญานาคดวยเสมอ นอกจากนช้ี าวปะโอ
แปลงกายเปนมนุษยได แตเมื่อนอนหลับรางจะกลับคืน ยงั แตง กายเลียนแบบพญานาค โดยท้งั ชายและหญิงปะโอ
เปนพญานาคดังเดิม สวนบรรพบุรุษฝายชายคือ Weikja จะมผี าโพกหวั หลากสสี นั แตผาโพกหัวของหญิงชาวปะโอ
เปน คนทฉี่ ลาด ทง้ั ยงั สามารถเหาะเหนิ เดนิ อากาศได้ วนั หนง่ึ จะถกู จดั ตกแตง ใหค ลา ยกบั หวั พญานาคขณะทชี่ ดุ แตง กาย
พญานาคตวั เมยี ไดพ บกบั Weikja และเกดิ หลงรกั กนั จงึ ได้ ของชาวปะโอจะเปนสีดําและสีน�้ำเงินเทานั้น ซึ่งมีท่ีมาวา
ครองคกู่ นั กระทงั่ นางพญานาคไดต งั้ ทอ งขน้ึ วนั หนง่ึ หลงั จาก เมอื่ กษตั รยิ ม ะนหุ ะของชาวปะโอ แพส งครามใหก บั กษตั รยิ 
Weikja กลับมาจากขางนอกไดพบเห็นรางท่ีแท้จริงของ อโนรธาแหง นครบะกนั (พกุ าม) ของพมา เมอื่ ศตวรรษท่ี ๑๑
นางพญานาค เขาจงึ เหาะหนไี ปและไมก ลบั มาหานางพญานาค เปนเหตุใหตองสูญเสียเมืองตะโถงหรือเมืองสุวรรณภูมิไป
อีกเลย เมื่อนางพญานาคออกไขมา ๒ ใบ จึงไดมอบไว และตองอพยพมาอยูในรัฐฉาน ทําใหชาวปะโอเศราโศก
ใหก ับฤาษี แลว นางจงึ กลบั คนื สเู มอื งพญานาค ไขท ง้ั ๒ ใบ เสยี ใจจึงพรอมใจกันแตงชุดสีดาํ และสนี ำ้� เงนิ เทา น้ัน
ฟกออกมาเปนเด็กชายและเด็กหญิง ซึ่งเด็กทั้งสองคน ลกั ษณะบา้ นเรือนที่พกั อาศัย
ไดกลายมาเปนบรรพบุรุษของชาวปะโอ ฝายเด็กชาย ลกั ษณะบา้ นเรอื นทพี่ กั อาศยั ของชาวปะโอนนั้
ไดช อื่ วา Teikra Tiha ไดเป็นกษัตริยองคแรกของทาตอน เปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัย เนื่องจากถูกไล่ท่ีท�ำให้มีการ
ซงึ่ เรียกอกี อยา งหน่งึ วาสุวรรณภูมิ และระบวุ า “เนอ่ื งจาก อพยพเคล่ือนย้ายอยู่บ่อยครั้ง และในปัจจุบันเมื่อมีท่ีอยู่
ชาวปะโอเปน ทายาทของ Weikja และนาค การแตงกาย อาศัยที่แน่นอนแล้วประกอบกับความเจริญเข้ามาสู่ชุมชน
ของชาวปะโอจึงสวมใสเคร่ืองประดับ ๒ ช้ิน ซ่ึงมีสีสัน ท�ำใหท้ อี่ ยอู่ าศยั เริ่มเปลีย่ นแปลงไป แตก่ ็จะยังคงเหน็ ท่ีอยู่
บนผา โพกหวั อนั หมายถงึ สว นศรี ษะดา นบนสดุ ของพญานาค แบบดงั้ เดิมปะปนอยบู่ า้ ง
และดวงตาของพญานาค นอกจากน้ีการแตงกายตาม ในอดีตน้ัน ชาวปะโอนิยมปลูกบ้านด้วยไม้ไผ่
ประเพณขี อง หญงิ ชาวปะโอจะมผี า พนั หอ รอบขา เสอื้ ยาว, เป็นบ้านแบบมีใต้ถุนโล่ง มีขนาดไม่ใหญน่ กั หลงั คามงุ ด้วย
เสอ้ื ส้นั แสดงถึงเกลด็ ท่ีซอนเหลื่อมกันของพญานาค ใบตองกอ๊ พื้นบ้านและฝาบ้านทำ� ด้วยไมฟ้ าก หรอื ฝาบ้าน
นอกจากนี้มีขอมูลจากศูนยขาวสาละวิน อาจเปน็ ไมข้ ดั แตะเพอื่ ความทนทานยง่ิ ขนึ้ หรอื หากมฐี านะดี
กลา วถงึ ตํานานเดียวกันน้ีวา เม่ือคร้ังนานมาแลว มีฤๅษี ก็จะสร้างด้วยไม้ท้ังหลัง โดยการสร้างบ้านมักมีระเบียงไว้
สองพ่ีนองฝกบําเพ็ญเพียรธรรมอยูในปาใกลกับดินแดน ต้อนรับแขกหรือเพ่ือนฝงู หรอื ทำ� กิจกรรมอนื่ ๆ เชน่ ทอผา้
ท่เี รียกวา «สุวรรณภูมิ» (หมายถึง เมอื งตะโถง ในปัจจุบัน) เป็นต้น ในบ้านชาวปะโอมักจะมีหิ้งพระไว้ส�ำหรับวาง
มีพญานาคตัวเมียลงเลนน้�ำในปาแหงนั้น และไดเห็น พระพทุ ธรปู เพื่อกราบไหว้บูชา นอกจากนี้บางบ้านเรือน
ชายลาสัตวคนหนึ่งช่ือ “ซอจี” พญานาคตัวเมียไดเกิด อาจจะแยกหอ้ งครวั ออกไปตา่ งหาก และบางบา้ นอาจจะมี
ตกหลกุ รกั ซอจี จงึ รา ยคาถาแปลงรา งเปน มนษุ ยห ลงั จากนนั้ ยุ้งข้าวท่ีท�ำด้วยไม้ไผ่สาน ทาด้วยดินผสมกับขี้ควาย
ทัง้ สองได้ครองคู่รกั กันและใชช วี ิตอยู่ ในปา่ แหงนั้น ตอมา อย่ภู ายในบ้าน ปจั จบุ นั ความเจรญิ เข้ามาแทนท่ี บ้านเรอื น
พญานาคตัวเมียตั้งทอง วันหนึ่งสามีไดพบเห็นรางของ ของชาวปะโอจงึ เรม่ิ เปลย่ี นเปน็ บา้ นแบบสมยั ใหมท่ ที่ ำ� ดว้ ยปนู
นางพญานาคท่ีกลายร่างเดิม ขณะกําลังหลับอยู่ จึงตกใจ หลังคามุงสงั กะสี หรอื กระเบอ้ื ง โดยยังคงเห็นบา้ นเรอื นท่ี
และหนไี ป นางพญานาคเฝา รอการกลบั มาของสามี จนกระทง่ั ยังเปน็ แบบดังเดมิ หรือบา้ นเรอื นแบบผสมผสานบ้าง
ใหกําเนิดลูกออกมาเปนไขสองฟอง แต่เมื่อสามีไมกลับมา
จงึ ทงิ้ ไขไ วใ นปา แลว กลบั เมอื งของนาง จากนนั้ ฤๅษสี องพน่ี อ ง

ลักษณะครอบครัว กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน 155
ชาวปะโอเม่ือแต่งงานแล้วก็จะแยกครอบครัว
ไปเป็นครอบครัวเด่ียว แต่ก็มีบ้างท่ีแต่งงานแล้วก็ยังอยู่ อตั ลักษณ์ทางวัฒนธรรม
รวมกันเน่ืองจากไมม่ ีท่ดี นิ ท่ีจะสร้างบ้าน จึงอยู่รวมกนั เป็น
ครอบครัวใหญ่ วัฒนธรรมการแต่งกาย
ลักษณะสงั คม ชุดชาติพันธุ์ปะโอทั้งหญิงและชายจะเป็น
ภายในสังคมของปะโอ มีความชัดเจนในเรื่อง ผา้ ฝา้ ยสดี ำ� สนี ำ้� เงนิ หรอื สกี รมทา่ มาจากเรอื่ งเลา่ ทวี่ า่ ในอดตี
ของการใหก ารนบั ถอื ผอู าวโุ สในหมบู า นและผชู ายจะเปน ใหญ ชาวปะโอสญู เสยี อาณาจกั ร ซงึ่ กค็ อื เมอื งธรรมปรุ ะ บา้ นเมอื ง
ในครอบครัว ทั้งน้ีเช่ือมโยงกับอิทธิพลของพุทธศาสนา ถูกท�ำลายย่อยยับ ผู้ครองเมืองและราษฎรถูกต้อนเป็น
วาเพศชายคือผูที่มีโอกาสไดบวชเรียนและมีโอกาสในการ เชลย ผู้คนต้องพบกับการสูญเสีย บรรยากาศเต็มไปด้วย
เขาถึงการศึกษามากกวาผูหญิง ท้ังน้ีระบบเครือญาติและ ความโศกเศร้าอาลยั ชาวปะโอจึงพร้อมใจกนั แตง่ กายดว้ ย
องคกรทางสังคมยังไมมีบทบาทเท่าระบบผูนําอาวุโสและ ชุดสีด�ำนับต้ังแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และด้วยความเชื่อท่ีว่า
ผูนําที่ไดรับการคัดเลือกและใหการยอมรับของชาวปะโอ ชาวปะโอมบี รรพบรุ ุษ คอื วทิ ยาธร และพญานาค จงึ ส่งผล
ท้ังน้ีเพราะผูอาวุโสและผูนําจะมีบทบาทในการควบคุม ตอ่ เคร่อื งแตง่ กายของชาวปะโอ คือ
ทางสังคม สวนการควบคุมพฤติกรรมของคนหนุมสาว การแตง่ กายของผชู้ ายชาวปะโอ จะมผี า้ โพกหวั
กลุมหนุมสาวจะมีอิทธิพลตอกลุมเพื่อนท้ังหญิงชาย หลากสี เส้ือคอกลมแขนทรงกระบอก ผ่าอกตลอด
ในการควบคมุ ใหอยใู นขนบธรรมเนียมประเพณี ใช้กระดุมผา้ สอดกบั หว่ ง มกี ระเป๋าเสอ้ื ตรงหน้าอกขา้ งซ้าย
ภาษา ด้านนอกและดา้ นใน และตรงชายเส้อื ด้านหนา้ ทั้งสองข้าง
กลมุ่ ชาตพิ นั ธป์ุ ะโอมภี าษาพดู และภาษาเขยี น ส่วนกางเกงเป็นกางเกงขาก๊วย คล้ายลักษณะวิทยาธร
ของตน สามารถใชภาษาไทใหญและภาษาพม่าเปนหลัก บรรพบุรุษฝ่ายชาย
ในการสอ่ื สาร มวี รรณคดขี องตนเอง ตวั อกั ษรของชาวปะโอ การแต่งกายของผู้หญิงชาวปะโอ จะสวมเส้ือ
คล้ายกับภาษาพม่า แต่มีการออกเสียง ท่ีแตกต่างกัน ตัวใน เรียกว่า แชงมู เป็นเสื้อคอวี แขนกุด ชายเส้ือยาว
ภาษาปะโอ จัดอยู่ในตระกูลภาษาจีน - ทิเบต ตระกูล เลยสะโพก เดินด้ายสีด้านหน้าและด้านหลังและบริเวณ
ภาษายอ่ ยทเิ บต - พม่า สาขากะเหรยี่ ง ปลายแขน และเสอ้ื ตวั นอก เรยี กวา่ แชงโข่ เปน็ เสอื้ คอกลมตงั้
การประกอบอาชีพ ผา่ อกตลอดแขนทรงกระบอก มกี ระเปา๋ ดา้ นหนา้ ทง้ั สองขา้ ง
กลมุ่ ชาตพิ นั ธป์ุ ะโอรนุ่ ใหมม่ กี ารประกอบอาชพี เสอ้ื ตวั นอกจะมชี ายเสอ้ื สนั้ อยเู่ หนอื ระดบั ผา้ ถงุ สวมผา้ ถงุ ยาว
ที่หลากหลายขึ้นจากในอดีต โดยมที ้งั อาชีพเกษตร รับจา้ ง นงุ่ แบบพบั ทบกนั ขวา - ซา้ ย และจะมผี า้ หมุ้ ขา หรอื พนั แขง้
ท่วั ไป ประกอบธรุ กจิ สว่ นตวั รวมไปถงึ รับราชการ หุ้มตั้งแต่บริเวณใต้หัวเข่าจนถึงตาตุ่ม และปักปิ่นปักผม
อาหาร ทชี่ าวปะโอ เรยี กวา่ กะตแู้ ชะ ทซี่ งึ่ ปน่ิ ปกั ผมจะมสี องลกั ษณะ
อาหารของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุปะโอจะน�ำวัตถดุ บิ ท่ี คือ อันหน่ึงจะมีรูปลักษณะแหลม หมายถึง หงอนของ
มีในท้องถิ่น และตามฤดูกาลมาประกอบอาหารอีกท้ังมี พญานาค อีกอันมีลักษณะกลม หมายถึง ดวงตาของ
วฒั นธรรมการกนิ ทค่ี ลา้ ยกลมุ่ ชาตพิ นั ธไ์ุ ทใหญ่ คอื มกี ารนำ� พญานาค และมีการโพกผ้าบนศรีษะ คล้ายลักษณะของ
“ถวั่ เนา่ แคบ” คอื เปน็ เครอื่ งปรงุ อาหาร และมวี ธิ ที ำ� อาหาร พญานาคผูเ้ ปน็ บรรพบรุ ษุ ฝ่ายหญิง
คล้ายกนั

การแต่งกายของกลุม่ ชาติพนั ธปุ์ ะโอ

156 กลมุ่ ชาติพนั ธุ์ จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน

ความเช่ือ ศาสนา พธิ ีกรรม สบิ เอด็ (พฤศจกิ ายน) ประเพณอี อกพรรษา ถวายจองพารา
ชาวปะโอเปนกลุมชาติพันธุท่ีนับถือศาสนา มกี ารรํานก ราํ โต เพอ่ื เฉลิมฉลอง เดอื นสบิ สอง (ธนั วาคม)
พทุ ธควบคกู บั การนบั ถอื ผพี ธิ กี รรมตา งๆของชมุ ชนจะมีทั้ง ประเพณปี อยลูเมโบ่ หรอื ดับไฟเทียน
พธิ กี รรมประจาํ ปพ ธิ กี รรมในการผลติ พธิ กี รรมเกย่ี วกบั การ ในปอยลูเมโบ่ ลู คอื ถวาย, เม คือ ไฟ, โบ่ คือ
รักษาพยาบาล พิธกี รรมตา งๆ ลวนเกีย่ วของสมั พนั ธกบั ใน ดอกบวั หรอื การถวายพทุ ธประทปี จะมกี ารจดั ทำ� โคมรูป
เร่ืองของการนับถือพุทธศาสนาและการนับถือผี แตท้ังนี้ก็ ดอกบัวโดยเอาไม้ไผ่มาท�ำโครงคล้ายกลีบบัว แล้วติด
มีบางสวนที่นบั ถอื ศาสนาครสิ ต์ กระดาษแกว้ สสี ดใส ตรงกลางของดอกบัว จะมชี ่องไว้เพื่อ
ชาวปะโอเชื่อวาผีมีสองชนิดคือผีดีและผีไมดี ปกั เทยี นไขขนาดกลาง เพอื่ จดุ ถวายเปน็ พทุ ธบชู า โดยจะมี
ซงึ่ ผดี จี ะมไี วส าํ หรบั ขอพรใหค มุ ครองชาวปะโอ โดยใชห วั ขา ว การต้ังขบวนแห่อย่างพร้อมเพรียงสวยงามไปถวายเป็น
หัวแกง ดอกไมสีขาวธูปเทียน ถวายขอพร สําหรับผีไมดี พทุ ธบชู าทวี่ ดั ซง่ึ ชาวปะโอถอื เปน็ การเฉลมิ ฉลองตอ้ นรบั องค์
จะทําการปดเปา โดยมีของเซ่นไหว้ คือ ขาว แกงถ่ัวเนา พระพุทธเจ้าท่ีเสด็จลงมาจากสวรรค์ หลังจากท่ีพระองค์
พริก เกลือ เวลาเจ็บไขไ มสบาย ผูท่ีประกอบพิธีไลผีได้ท้ัง ทรงเทศนาโปรดพระมารดาบนสวรรค์ในช่วงเข้าพรรษา
ชายหรือหญิง เพียงมีคาถาท่ีสืบทอดมาจากบรรพุบุรุษ อีกท้ังยังเป็นการฉลองให้คนที่ได้ถือศีลนอนวัดถวายตัว
หรือคนท่ีบวชเรียนมากอน โดยจะมีอุปกรณที่เรียกวา เป็นพุทธมามกะตลอดสามเดือนที่ผ่านมา และในอีก
“ตงุ หยก” ทาํ มาจากกาบตน กลว ยเปน สเ่ี หลยี่ มและใสเ ครอื่ ง ความหมายหนี่งก็คือ ให้โคมไฟเป็นดวงประทีปส่องสว่าง
ลงไป และทาํ กองซอมตอ ทาํ จากใบตองเปน กระทงและใส นำ� ไปสคู่ วามสุขในกาลขา้ งหน้า
อปุ กรณล งไปเพอ่ื นาํ ไปเซน่ ไหว้ การเลย้ี งผสี ะเดาะเคราะห
จะนําไกเปนๆ ๑ คู ผูกดายสายสิญจนปลอยเขาปาไป ปอยลเู มโบข่ องชาวปะโอ
แตสําหรับผีดีที่ให้คุณจะทําพิธีกรรม ต้มไก บายศรีสูขวัญ
จากนนั้ จะนำ� ไกม่ ากินดว ยกนั
ชาวปะโอสว นใหญจ ะมพี ธิ กี รรมทเี่ ชอ่ื มโยงกบั
หลกั พุทธศาสนา และวิถชี ีวติ ประจําวนั ที่เกย่ี วของกับการ
ผลิตโดยจะมีพิธีกรรมประจําปดังนี้ เดือนเจี๋ยง (เดือน
มกราคม) จะเปน ชว งฤดกู าล เกบ็ เกย่ี วทางการเกษตรรวมถงึ
การลงแขกเกี่ยวขาวและมีการรับประทานอาหารกลางวัน
รว มกนั เดอื นกำ�๋ (กมุ ภาพนั ธ) จะมพี ธิ ใี หมส ามคำ� (การเลยี้ ง
เจาเมอื งโดยนาํ ขาวหุงสุก ขนม ขา วตอก ดอกไม ธปู เทยี น
จดั เปน ขันโตก ๓ ชุด) จดั พธิ ีหยิบขา วตอก คู - ค่ี เดือนสาม
(มีนาคม) ทําขาวหยาคูไปถวายท่ีวัด และมอบใหผูสูงอายุ
เพื่อขอพรและรวมฟงธรรมดวยกัน เดือนส่ี (เมษายน)
ประเพณเี ซย้ี งหลองหรอื ปอยสา งลอง เดอื นหา (พฤษภาคม)
ทําขนมห่อใบตอง สรงนำ�้ พระพทุ ธรปู ผูส ูงอายแุ ละเลนน้ำ�
ในหมบู า น เดอื นหก (มถิ นุ ายน) งานกอ เจดยี ท ราย ปอยลไู้ พ
เดอื นเจด็ (กรกฎาคม)จะทาํ พธิ เี ลย้ี งเจา เมอื ง สวดมนตห มบู า น
เดือนแปด (สิงหาคม) ประเพณี เขาพรรษาสามเดือน
ผูเฒาผูแกถือศีลอยูที่วัด เดือนเกา (เดือนกันยายน)
เลย้ี งอาหารผอู าวโุ สทจ่ี าํ ศลี ทว่ี ดั เดอื นสบิ (ตลุ าคม) กจิ กรรม
ตา งซอมตอ โหลงหรอื ถวายขา วมธปุ ายาส ผลไมต า งๆ เดอื น

กลุ่มชาตพิ ันธ์ุ จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน 157

นอกจากนี้กลุ่มชาติพันธุ์ปะโอในจังหวัด และหลังๆมาก็จะมีการตีกลอง ฉ่ิง และฉาบประกอบ
แม่ฮ่องสอน ได้มีการจัดงาน วนั งานร�ำลึกบรรพชน หรอื จนกลายเป็นก๊ิวลายท่ีเป็นการร่ายร�ำประกอบดนตรี
«ปอยแด่นซีหล่าบ่วย» ในวันข้ึน ๑๕ ค่�ำ เดือน ๔ ของ ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงแล้วยังมีการสื
ทกุ ปี เพอื่ เปน็ การรำ� ลกึ ถงึ บรรพบรุ ษุ ของ ชาวปะโอในอดตี บสานศลิ ปะการต่อสู้ให้แกช่ นรุน่ หลังอกี ดว้ ย
ท่ีไดล้ ว่ งลับไปแล้ว ในงานจะมกี ารถวายผา้ ป่า ในงานจะมี นอกจากนี้แล้วชาวปะโอก็ยังมีการประยุกต์
การถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์และรับศีลรับพร วถิ ชี วี ติ เชน่ การทำ� ไร่ ทำ� นา เกบ็ เกย่ี วผลผลติ เปน็ ทา่ เตน้ รำ�
และมีการร้องร�ำท�ำเพลงและมีมหรสพรื่นเริงตลอดงาน หรอื ร่ายร�ำเพอ่ื แสดงหรือต้อนรับแขกในงานต่างๆ อกี ดว้ ย
ชาวปะโอท่ีมาร่วมงานจะแต่งกาย ด้วยชุดปะโอ ผู้ชาย ความร้แู ละภมู ปิ ญั ญา
จะสวมเส้ือและกางเกงสีกรม หรือสีดํา โพกศีรษะดวยผา ในอดตี ชาวปะโอมกี ารใชส้ มนุ ไพรในการรกั ษาโรค
ขนหนู สะพายยา มปะโอ ผหู ญงิ จะแตง กายดว ยเสอ้ื และผา ซนิ่ โดยปัจจุบันก็ยังมีการใช้สมุนไพรอยู่ โดยเฉพาะสมุนไพร
สเี ดยี วกบั ผชู าย โพกศรี ษะ สะพายยา มปะโอ เครอ่ื งประดบั ส�ำหรับน�ำมาให้คนท่ีพ่ึงคลอดอาบหรืออบ เพื่อบรรเทา
ที่ส�ำคัญท่ีสะท้อนตัวตนของกลุ่มชาติพันธุ์ปะโอ คือปิ่นปัก อาการปวดและเพื่อป้องกันให้ ไม่เจ็บป่วยหลังจาก
ผมทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ของผูห้ ญิงปะโอ คลอดบตุ ร แตใ่ นปจั จบุ นั คนทมี่ คี วามรเู้ กยี่ วกบั สมนุ ไพรตา่ งๆ
เครื่องดนตรี การละเล่น มนี อ้ ยลง หรอื บางคนสามารถไปหาสมนุ ไพรไดแ้ ตไ่ มร่ จู้ กั ชอ่ื
เครื่องดนตรีของชนเผ่าปะโอ ก็จะเป็นเครื่อง และไม่สามารถถ่ายทอดได้เพราะรู้เพียงแค่สรรพคุณและ
ดนตรที ่ัวๆ ไป ซงึ่ ประกอบด้วย กลองยาว ฆ้อง ฉาบ ฉ่ิง วิธีใช้เท่าน้ัน นอกจากนี้ชาวปะโอยังมีภูมิปัญญาด้านการ
ตะเลงริด (ขลุ่ย) กังสดาลหรือ ยะกั๊ง ซ่ึงจะใช้ในงาน จักสานเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจ�ำวัน และการ
วัฒนธรรมและประเพณีท่ัวๆไป เช่น งานบุญ งานแต่ง เพาะปลูกด้วย
งานบวช ทอดกฐิน รวมท้ังวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ
และยงั มเี ครอ่ื งดนตรอี กี หนงึ่ อยา่ ง คอื ขะหยา่ ซง่ึ มลี กั ษณะ
เหมือนหีบเพลง ซ่ึงก็จะใช้ในงานต่างๆ เช่นกัน และใน
สมยั ก่อนกจ็ ะใช้ในการจีบสาว
ชาวปะโอมีเง้าแต้กหรือล�ำน�ำหรือเพลง
ที่ขับขานเพื่อเล่าเรื่องราวเก่ียวกับประวัติความเป็นมา
ประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม ประเพณี วถิ ชี วี ติ การถกู กดขห่ี รอื
เพอื่ ปลกู จติ สำ� นกึ รกั ชาตริ กั เผา่ พนั ธ์ุ และมศี ลิ ปะการแสดง
เชน่ ลาย หรอื ไหล่ เปน็ การรา่ ยรำ� โดยประยกุ ตม์ าจากการ
ต่อสู้ด้วยมือเปล่ามาใช้ในการร่ายร�ำประกอบดนตรีเพื่อ
ความสวยงาม ซึ่งไหล่นี้นอกจากจะเป็นการร่ายร�ำแล้วยัง
เป็นการออกกำ� ลังกายและการฝกึ การตอ่ สู้ไปในตวั อีกดว้ ย
โดยไหลน่ ้ี จะสามารถร่ายร�ำไดท้ กุ เพศทุกวัย และจากการ
แสดงในกจิ กรรมหรอื งานประเพณตี า่ งๆ เดก็ ๆ กจ็ ะรบั และ
สบื สานศิลปะการแสดงไหล่ไปโดยปริยาย และยังมีกิ๊วลาย
ทเี่ ปน็ การรา่ ยรำ� โดยประยกุ ตม์ าจากการตอ่ สดู้ ว้ ยดาบ มาใช้
ในการรา่ ยรำ� ประกอบดนตรเี พอ่ื ความสวยงาม บางครงั้ กจ็ ะ
มีการเอามีดแกล้งเฉือนคอตัวเองให้ดูหวาดเสียวอีกด้วย
กว๊ิ ลายเกดิ จากการทเี่ มอ่ื กอ่ นชาวปะโอตอ้ งมกี ารสรู้ บอยเู่ สมอ
บางครง้ั มงี านบญุ หรอื งานใดๆ กต็ าม กจ็ ะมกี ารแสดงศลิ ปะ
และความสามารถของตนเองใหผ้ ู้อืน่ ได้ชม จึงมีการร่ายรำ�

158 กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน

จนี ยูนนาน

ชื่อเรยี กตวั เอง จีนยนู นาน
ช่อื ทผ่ี ู้อื่นเรียก จนี ยนู นาน, จีนฮ่อ
การตง้ั ถิ่นฐาน
กลุ่มชาติพนั ธ์จุ นี ยนู นาน ในจงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน ท่ีอยู่รวมกนั เปน็ ชมุ ชนใหญ่ มี ๑
หมู่บ้าน ๒ หย่อมบ้าน คือ บ้านรักไทย ต�ำบลหมอกจ�ำแป่ หย่อมบ้านรุ่งอรุณ ต�ำบล
ห้วยผา อำ� เภอเมืองแม่ฮ่องสอน และหยอ่ มบา้ นสนั ตชิ ล ต�ำบลแม่ฮ้ี อำ� เภอปาย

กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน 159

กลุ่มชาติพันธุ์จีนยูนนานที่เข้ามาอยู่ในจังหวัด กงุ เจาหลง่ ออกเดินทางด้วยเท้าและม้า จากฐาน
แม่ฮอ่ งสอน คอื อดตี ทหารกองพล หนว่ ยที่ ๙๓ (กก๊ มินต๋งั ) บา้ นถำ้� งอบ ผา่ นสนั เขาถนนธงชยั ตามแนวชายแดนไทยพมา่
เปน็ กองทพั ของรัฐบาลจนี ภาคใต้การน�ำของจอมพลเจียง เปน็ เวลา ๖ วนั จนถงึ ดอยตอ๋ งแมย่ อ๊ ด ใกลห้ มบู่ า้ นรกั ไทย
ไค เช็ก ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลจีนที่ส่งมารักษา จากนั้นจึงได้ให้ทหารท�ำการปรับพื้นท่ีและสร้างฐาน
ชายแดนจนี - พม่าท่เี คยปฏบิ ตั กิ ารอยแู่ ถบคุนหมิง มณฑล บญั ชาการ ตอ่ มาปี พ.ศ.๒๕๑๖ มคี รอบครวั ทหารจนี คณะชาติ
ยนู าน ตอนใตข้ องจนี ตอ่ มาเมอ่ื เกดิ การตอ่ สรู้ ะหวา่ งรฐั บาล จากกองพล ๙๓ บ้านถำ้� งอบประมาณ ๒ - ๓ ครอบครัว
จีนกับกองทัพทหารพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อ ตุง เดนิ ทางอพยพตดิ ตามสามที เี่ ปน็ ทหารเขา้ มาปลกู บา้ นเรอื น
ทำ� ใหเ้ จยี ง ไค เชก็ พา่ ยแพแ้ ละหนไี ปอยไู่ ตห้ วนั กองพล ๙๓ ท�ำสวนไร่นา ในเขตพื้นท่ีบ้านรักไทย ซึ่งถือเป็นจุดก�ำเนิด
ก็เลยกลายเป็นทหารไร้สังกัด หนีการกวาดล้างของ ของชุมชนบ้านรักไทยต้ังแต่นั้นมา โดยครอบครัวแรกท่ี
ฝา่ ยคอมมวิ นสิ ตม์ าตงั้ หลกั อยทู่ เ่ี มอื งเชยี งลบั ในเขตประเทศ อพยพเขา้ มาคือครอบครวั ของนายโกวยี่ฉา่ ย หยางเจนิ อาง
พมา่ โดยมอี าสาสมคั รและครอบครวั ลภ้ี ยั ตามออกมาสมทบ และนายหลงเซียน แซ่หลิน ซ่ึงรัฐบาลไทยอนุญาตให้
มากมาย จนได้จัดเป็นกองทัพได้ ๕ กองทัพ ภายใต้ กองทหารจนี อยไู่ ดใ้ นฐานะผอู้ พยพ เพอ่ื เปน็ กองกำ� ลงั กนั ชน
ค�ำบัญชาการของนายพล หลี่ หมี ตอ่ มาเมื่อถูกรัฐบาลพมา่ ตามแนวชายแดน ป้องกันการแทรกซึมของผู้ก่อการร้าย
ปราบปรามกองก�ำลังทหารจีนพลัดถิ่นเหล่านี้อย่างจริงจัง คอมมวิ นิสต์ กองกำ� ลังทหารจีนของนายพลตว้ น ซี เหวิน
ทำ� ใหก้ องกำ� ลงั ของนายพลหลี่ หมี พ่ายแพ้ และกองทพั ที่ ไดเ้ ปน็ กำ� ลงั สำ� คญั รว่ มตอ่ สตู้ อ่ ตา้ นผกู้ อ่ การรา้ ยคอมมวิ นสิ ต์
๑, ๒ และ ๔ ไดถ้ กู ส่งตัวไปไต้หวนั ส่วนกองทัพท่ี ๓ ของ ในแถบจังหวัดเชียงรายหลายคร้ัง โดยสามารถลดอิทธิพล
นายพลหล่ี เหวนิ ฝาน และกองทัพท่ี ๕ ของนายพล ตว้ น ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์บนดอยหลวง ดอยยาว และ
ซี เหวิน ได้น�ำก�ำลังอพยพหนีการกวาดล้างของพม่าเข้าสู่ ดอยผาหมน่ ลงไดม้ าก รวมถงึ สมรภมู เิ ขาคอ้ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
ภาคเหนอื ของประเทศไทย โดยกองกำ� ลงั อดตี ทหารคณะชาติ อนั เปน็ ภารกจิ สดุ ทา้ ยกอ่ นปลดอาวธุ ใหร้ ฐั บาลไทย รฐั บาลไทย
กองพล ๙๓ ของนายพลต้วนซีเหวิน หรือนายพลต้วน ซี เหน็ ความสำ� คญั และผลงานของกลมุ่ ชาวจนี อพยพ กองพล
เหวนิ ไดน้ ำ� กำ� ลงั ทหารจนี คณะชาตมิ าหลบภยั ทางการเมอื ง ๙๓ นี้ กองบัญชาการทหารสูงสุด จึงตั้งคณะกรรมการ
บริเวณแนวชายแดนไทย โดยกองก�ำลังของนายพลหลี่ เพื่อแปลงสัญชาติใหเ้ ปน็ คนไทย ใน พ.ศ. ๒๕๑๔, ๒๕๑๘,
เหวิน ฝาน มีฐานบัญชาการอยู่ท่ีบ้านถ้�ำงอบ อ�ำเภอฝาง ๒๕๒๐ และสน้ิ สดุ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑
จังหวัดเชียงใหม่ กองก�ำลังของนายพลต้วน ซี เหวิน โดยขน้ั แรกทางราชการไทย จะออกบตั รประจำ� ตวั
มีฐานบัญชาการอยู่ที่ดอยแม่สลอง อ�ำเภอแม่จัน จังหวัด ชั่วคราวให้กับทหารจีนกองพล ๙๓ ใช้ในการออกจากเขต
เชียงราย กองก�ำลังของนายพลท้ังสองได้กระจายอยู่ตาม กำ� หนด (ดอยแม่สลอง) แทนบัตรประชาชนไทย หลังจาก
พื้นท่ชี ายแดนไทย พม่า เกบ็ ภาษีค่าผา่ นแดนและใหค้ วาม น้ันผ่านไปอกี ๘ ปี จึงอนุมตั ิให้ท�ำบัตรประชาชนไทยถาวร
คุ้มครองแก่คาราวานพ่อค้าท่ีเดินทางค้าขายระหว่างไทย แกช่ าวจีนอพยพ เป็นครัง้ แรกในปี พ.ศ.๒๕๒๙ โดยได้ออก
กบั พม่า ให้กับครอบครัวของนายทหารก่อน จากนั้นจึงออกให้
พ.ศ.๒๕๑๐ นายพลหลี่ เหวนิ ฝาน ผู้บังคับบัญชา ประชาชนจนี ทตี่ ดิ ตามกองทพั มาเปน็ ลำ� ดบั ไป บตั รประจำ� ตวั
ฐานบ้านถำ้� งอบ ได้มอบหมายให้ นายกุงเจาหล่ง ผูบ้ ังคับ นายทหารจีน (กองพล ๙๓) ที่ทางราชการออกให้ก่อน
กองร้อย น�ำก�ำลังทหาร ๑๘๐ นาย ไปประจ�ำที่ด่านท่ี หน้านั้น ทางราชการไทยได้เรียกกลับคืน เพื่อเปล่ียนกับ
ชอ่ งทางบา้ นนาออ่ น บรเิ วณแนวชายแดนไทยทางทศิ ตะวนั ตก บัตรประชาชนไทยถาวร ชาวจนี อพยพจงึ ค่อยปรับเปลี่ยน
บ้านนาปาแปก ตรงข้ามบ้านนาอ่อนเพ่ือแสวงหาท�ำเลท่ี วถิ ชี วี ติ จากหมบู่ า้ นกองกำ� ลงั ทหาร ทเี่ คยดำ� รงชวี ติ ดว้ ยการ
สมบูรณ์ไว้รองรบั ครอบครัวของทหารจีนคณะชาติ รับจ้างล�ำเลียงฝิ่น การตั้งด่านภาษีเถื่อนและการค้า
อาวุธสงคราม มาเป็นหมู่บ้านการเกษตร ปลูกพืชพันธุ์ผัก

160 กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน

ไม้เมืองหนาว ชาพันธุ์อัสสัม ชิงชิง และอู่หลงจากไต้หวัน
จนกลายเป็นชุมชนชาวจีนยูนนานที่มีประวัติศาสตร์
ความเป็นมา และมีวิถีวัฒนธรรมในปัจจุบันท่ีสืบทอดมา
แต่ครั้งอยู่จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นหมู่บ้านชาวจีนบ้านรักไทย
ต�ำบลหมอกจำ� แป่ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน
แต่เดิมสภาพบ้านรักไทยส่วนใหญ่เป็นป่าหญ้าคา
สลบั กบั ปา่ เบญจพรรณ ปกคลมุ ยอดเขาสงู อยทู่ วั่ ไป ไมม่ คี น
อาศัยอยู่มากนัก พบเพยี งชุมชนชาวม้ง ๔ - ๕ ครอบครวั
ทำ� ไรฝ่ น่ิ และปลกู ขา้ วโพด ตามแนวเขารมิ ชายแดนพมา่ โดย
มียอดดอยต๋องแม่ย๊อด เป็นยอดเขาสูงสุดท�ำหน้าท่ีก้ัน
เขตแดนระหว่างไทยกับพม่า ทอดยาวไปจนถึงจังหวัด
เชยี งราย ในชว่ งหลงั มคี นเขา้ มาอาศยั ในชมุ ชนนมี้ ากขน้ึ คน
พ้ืนเมืองเรียกชุมชน บ้านรักไทยว่า “บ้านแม่ออใหม่”
สันนิษฐานว่าน่าจะมีความมุ่งหมายให้คล้องจองกับช่ือ
ชมุ ชนบ้านแม่ออหลวง ซ่งึ อยูต่ รงขา้ มกันในเขตพม่า ค�ำวา่
“แม่ออ” เป็นค�ำท่ีมาจากภาษาจีนว่า “หม่ีออ” แปลว่า
“ท่ีเก็บข้าว” คนไทใหญ่ เรียกหมู่บ้านนี้ว่า “โท้งเย่ข้าว”
ซงึ่ มคี วามหมายวา่ “ยงุ้ ฉางเกบ็ ขา้ ว” เนอ่ื งจากบรเิ วณแหง่ นี้
มีท่ีราบลุ่มส�ำหรับปลูกข้าว ปัจจุบันบ้านรักไทย ถือเป็น
หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงนิเวศท่ีมีธรรมชาติสวยงาม บริเวณ
กลางหมบู่ า้ นมที ะเลสาบขนาดใหญ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วทเี่ ดนิ ทาง
มาเยือนสามารถสัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม ชาวจีนยูนนาน
รวมถึงการสืบทอดประเพณีหลายอย่าง ท้ังภาษาพูด
ภาษาเขียน การแต่งกาย อาหาร บ้านเรือนซึ่งสร้างจาก
ดินเหนยี วผสมฟางข้าว และชิมชา ซึ่งมจี �ำหนา่ ยในหมบู่ า้ น

บ้านรกั ไทย ตำ� บลหมอกจำ� แป่ อำ� เภอเมอื งแม่ฮอ่ งสอน

กลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน 161

ชุมชนชาวจีนยูนนานที่ บ้านสันติชล ต�ำบล
เวียงใต้ อำ� เภอปาย ซ่งึ ในอดตี หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บา้ น
เกือบปิดเพราะปัญหายาเสพติดท�ำให้คนภายนอกไม่กล้า
เข้าไปเที่ยวในชุมชน ปัจจุบันปัญหาดังกล่าว ได้หมดไป
หลงั นโยบายปราบปรามยาเสพตดิ ตง้ั แตป่ ี ๒๕๔๖ เปน็ ตน้
มา และไดร้ ว่ มกนั ปรบั เปลยี่ นและจดั การชมุ ชน โดยพฒั นา
เป็นชุมชนท่องเที่ยวท่ีน�ำเสนออัตลักษณ์วัฒนธรรมของ
ชาวจีนยูนนานอันเป็นรากฐานของ ชุมชนมาเป็นจุดดึงดูด
นกั ทอ่ งเทย่ี ว และใชก้ จิ กรรมทอ่ งเทยี่ วเปน็ เครอ่ื งมอื ในการ
พัฒนาชุมชน พร้อมกับการฟื้นฟูอนุรักษ์และสืบสาน
วฒั นธรรมจนี ยนู นาน ทง้ั อาคารบา้ นเรอื น สง่ิ ปลกู สรา้ ง ทพี่ กั
สภาพแวดลอ้ ม มกี จิ กรรมสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ วและมสี นิ คา้
ทางวฒั นธรรมจำ� หนา่ ยเพอื่ เปน็ อาชพี สรา้ งรายได้ ทสี่ ง่ เสรมิ
ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน

บ้านสนั ติชล ต�ำบลเวยี งใต้ อ�ำเภอปาย
บา้ นรงุ่ อรณุ หรอื บา้ นแมส่ ยุ ะจนี เปน็ หมบู่ า้ น
ชาวจีนยูนนานและครอบครัวอดีตทหารจีนคณะชาติอีก
กลมุ่ หนงึ่ ทอี่ พยพเขา้ มาอยเู่ มอื งไทยตง้ั แตป่ ี ๒๔๙๓-๒๕๐๔
คนกลุ่มแรกๆ เป็นชาวจีนท่ีอพยพมาพร้อมกับ โหลซิงฮั่ง
ผนู้ �ำกลุ่มโกกง้ั กระทัง่ เมือ่ ปี ๒๕๑๗ โหลซงิ ฮั่งถกู ทางการ
ไทยสง่ กลบั พม่า บางสว่ นกก็ ลบั ไปกบั โหลซงิ ฮงั่ บางสว่ น
ก็ตง้ั ถิ่นฐานอยู่ท่นี ่ี ขณะเดยี วกนั กม็ คี นจนี จากทางตอนใต้
อีกจ�ำนวนหน่ึงอพยพเข้ามาสมทบ ก่อนจะก่อตั้งหมู่บ้าน
อยา่ งเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖

162 กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน

ด้วยความที่ตั้งบ้านอยู่ท่ามกลางสภาพป่าเขา รุ่งอรุณ” ซึ่งเจตนา ส่ือความหมายถึง “การเร่ิมต้น”
มที างเดนิ เชอื่ มโยงถงึ ชายแดนพมา่ ทำ� ใหห้ ลายสบิ ปที ผี่ า่ นมา เส้นทางสายใหม่ของบ้านแม่สุยะจีน จึงเป็นการปรับตัว
หมู่บ้านรุ่งอรุณเป็นท่ีฝังตัวของกลุ่มอิทธิพลจากภายนอก ภายใตก้ ระแสการทอ่ งเทยี่ วเชน่ เดยี วกบั บา้ นรกั ไทย จดุ พกั ยา
กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้อาศัยถ�้ำและหน้าผาเป็นที่ซ่อนยา และซ่อนตัวในถ�้ำใกล้หมู่บ้าน ถูกแปลงเป็นแหล่งศึกษา
ใช้คนในชุมชนเปน็ มดงานในขบวนการค้าเสพตดิ จนท่นี ีไ่ ด้ ประวัติศาสตร์ ขณะท่ีเส้นทางลัดเลาะเทือกดอยหลุกตอง
ชอ่ื ว่าเป็นแหลง่ พกั ยา ทีใ่ หญ่ท่สี ุดในประเทศ นำ�้ ตกซซู่ า่ ทเ่ี คยใชล้ ำ� เลยี งยาเสพตดิ ถกู ปรบั เปลย่ี นใหเ้ ปน็
กระท่ังในปี ๒๕๔๖ เมื่อรัฐบาลประกาศ เส้นทางเดินป่าที่มีศักยภาพ อาหารและเครื่องใช้ในชีวิต
สงครามกับยาเสพตดิ พวกกล่มุ ผคู้ ้ารายใหญจ่ งึ ไดห้ ลบหนี ประจำ� วนั ของชาวยนู นาน ไดร้ บั การรอ้ื ฟน้ื ขนึ้ มาเปน็ สนิ คา้
ออกไป เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกับทหาร ทางการท่องเที่ยว แม้รายได้จากการจัดการท่องเท่ียวของ
เขา้ มาจดั รปู ชมุ ชน โดยการตงั้ ผนู้ ำ� และคณะกรรมการชดุ ใหม่ ชุมชนชาวจีนยูนนานบ้านรุ่งอรุณจะยังไม่ใช่รายได้หลักที่
ต่อมาวันท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๔๗ เป็นฤกษ์งามที่ทุกฝ่าย สามารถเล้ียงชีพคนในชุมชนได้ แต่ปัจจุบันคนในชุมชนก็
เห็นพ้องวา่ หมู่บา้ นแห่งน้ี ควรจะสลดั ภาพอันนา่ กลัวของ สามารถอยอู่ ยา่ งปลอดภยั และดำ� รงชวี ติ ไดต้ ามปกตวิ ถิ แี ละ
ชมุ ทางยาเสพตดิ เพอื่ กา้ วเขา้ สวู่ ถิ ที างใหม่ ในนาม “หมบู่ า้ น มีความสงบสุข

บา้ นร่งุ อรณุ ตำ� บลหว้ ยผา อำ� เภอเมืองแมฮ่ ่องสอน
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมุสลิมจีนยูนนาน ที่มาจากการอพยพเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทยและได้รวมกลุ่มกัน
ตัง้ บา้ นเรือนที่ยา่ นเวยี งพิงค์ในอดีต หรอื ย่านไนทบ์ าซาร์ อำ� เภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่ ในปัจจบุ นั ตอ่ เมอื่ ชุมชนขยายตัวข้นึ
จนรองรับผู้คนได้ไม่พอ มุสลิมจีนยูนนานรุ่นต่อๆมา จึงต้องขยับขยายไปตั้งหลักแหล่งกันที่อื่น โดยในปี พ.ศ.๒๔๙๗
ครอบครัวตระกูลหน่าได้อพยพเข้ามาอยู่ในชุมชนบ้านเมืองพร้าว ต�ำบลเวียงใต้ อ�ำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
เพื่อมาประกอบอาชีพค้าขาย เปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด เรื่อยมากระทั่งปัจจุบัน ในชื่อ “ร้านบุษกร” ต่อมาในปี
พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๐๖ ได้มีกลุ่มมุสลิมจีนยูนนานจากจังหวัดเชียงใหม่ อพยพตามมาเพ่ิมและขยายครอบครัวตามจ�ำนวน
ประชากรท่เี พม่ิ ขึ้น

บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน 163

ลักษณะบา้ นเรือนท่พี ักอาศัย หลากหลายมากข้ึนและมีความคงทนมากกว่าเดิม และมี
บ้านของชาวจีนยูนนานในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนต่อขยาย ร้านค้า และพื้นท่ีใช้สอยหลักท่ีมีขนาดใหญ่
มีรูปแบบท่ีได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนยูนนาน ซ่ึงนิยม มากข้ึน
ปลกู เรือน โดยแบง่ พื้นทอ่ี อกเปน็ ๓ ส่วน มีองคป์ ระกอบ ลักษณะครอบครัว
คอื พน้ื ทหี่ นง่ึ และพน้ื ทสี่ ว่ นทส่ี อง คอื สว่ นดา้ นซา้ ยมอื และ ปัจจุบันเพศหญิงได้เข้ามาบทบาทในการเป็น
ด้านขวามือ ซึ่งจะมีสัดส่วนท่ีเท่ากัน มักใช้เป็นห้องนอน ผ้นู �ำครอบครวั ชุมชนมากข้นึ
ส่วนพื้นท่ีส่วนท่ีสาม ใช้ส�ำหรับเป็นห้องโถง ส�ำหรับเป็นที่ ลักษณะสงั คม
รบั แขก และเปน็ ทพ่ี กั ผอ่ น โดยสว่ นมากมกั วางรปู บรรพบรุ ษุ สังคมชาวจีนยูนนานให้ความเคารพผู้อาวุโส
และสิ่งกราบไหว้บูชา ๕ ประการท่ีห้องโถง ตัวบ้านจะมี มคี วามเหนยี วแนน่ ในกลุ่มเครอื ญาติ แมว้ ่าจะมผี ู้ใหญบ่ ้าน
ลักษณะเป็นเรือนชั้นเดียว พื้นดินทุบแน่น หลังคาทรงจั่ว ซ่ึงเป็นผู้น�ำแบบทางการ แต่การท�ำงานในชุมชนจะต้อง
จะสรา้ งชายคายนื่ ออกมา เพอื่ ใชพ้ นื้ ทใี่ ตช้ ายตาเปน็ ทนี่ ง่ั เลน่ ปรึกษาหารือกับผู้อาวุโสและผู้น�ำธรรมชาติ หรือผู้น�ำ
ใช้รับประทานอาหาร หรือเป็นที่พบปะในหมู่ญาติมิตร ทางความคิด
ร่มใต้ชายคาเรือนน้ีท�ำหน้าที่เหมือนเป็นใต้ถุนบ้าน ใช้เป็น ภาษา
พื้นท่ีท�ำกิจกรรมต่างๆ เช่น ตากผลผลิต ทางการเกษตร ชาวจนี ยนู นานในจงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน ยงั คงใช้
หรือตากเสื้อผ้า เปน็ ตน้ ลานบ้านของชาวจนี ยนู นานมกั มี ภาษาจีนยูนนานในชีวิตประจ�ำวัน ทั้งใน การสื่อสารและ
บริเวณกว้างอยู่นอกตัวเรือน มีพื้นท่ีระดับต่�ำกว่าตัวเรือน สอื่ ความหมายเชงิ คณุ คา่ และวฒั นธรรมในมติ ทิ างอดุ มการณ์
โดยใช้ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกพืชสมุนไพร หรือดอกไม้ ในชีวิตประจ�ำวัน ภาษาท่ีใช้ในชีวิตประจําวันคือ ภาษา
ชาวจนี ยนู นานจะกวาดลานบา้ นใหส้ ะอาดอยเู่ สมอ หอ้ งครวั อนิ่ หนา่ นหวา่ จดั อยใู่ นตระกลู จนี - ทเิ บต (Sino – Tibetan)
ของบา้ นชาวจนี ยนู นานจะสรา้ งเปน็ เรอื นหลงั เลก็ ๆ อยตู่ ดิ กบั ในกลมุ่ ภาษาจนี แมนดารนิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ และมกี ารเรยี น
ตวั บา้ น อดตี ทผี่ า่ นมาครวั ของชาวจนี ยนู นานจะมเี ตาสามเสา้ การสอนภาษาจนี ในโรงเรยี นทจี่ ดั ขน้ึ ในชมุ ชนสอนภาษาจนี
ส�ำหรับหุงต้มอาหาร แต่ในปัจจุบันเตาสามเส้าก�ำลังจะ ในหมู่บ้าน ท�ำให้ชาวจีนยูนนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถ
หมดไป เนื่องจาก มีความนิยมหันมาใชเ้ ครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า และ พดู อ่าน เขียน ภาษาจนี ไดด้ ี นอกจากน้ีชาวจนี ในจงั หวดั
แก๊สหุงต้มกันมากข้ึน แต่ยังมีการใช้เตาสามเส้าในการหุง แมฮ่ อ่ งสอนยังสามารถใชภ้ าษาท้องถ่นิ เช่น ภาษาไทใหญ่
ต้มอาหาร ในกิจกรรมท่ีต้องเล้ียงอาหารคนจ�ำนวนมาก ภาษาไทยได้ดี
เชน่ งานเลย้ี ง หรอื งานรน่ื เรงิ ตา่ งๆ หอ้ งนำ�้ และสขุ าของ การประกอบอาชีพ
ชาวจนี ยนู นานแต่เดิมสร้างนอกตัวที่อยู่อาศัย แต่ปัจจุบัน ชาวจนี ยนู นานในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนสว่ นใหญ่
นิยมสร้างอยู่ในบ้านเรือนหรือใกลต้ ัวบ้าน สิ่งปลูกสรา้ งอน่ื ประกอบอาชพี เกษตรกรรม และค้าขาย วถิ ีชีวิตประจ�ำวัน
ของชาวจนี ยนู นาน เชน่ เรอื นเกบ็ ของ ยงุ้ ขา้ ว โรงรถ คอกสตั ว์ จะเก่ียวข้องกับการอาชีพและวัฒนธรรมของตน อาชีพ
นยิ มสรา้ งเปน็ อาคารแยกตา่ งหาก และมกั มี อกั ษรจนี เขยี น เกษตรกรรมของชาวจนี ยนู นาน ดงั น้ี การปลกู พชื เศรษฐกจิ
ติดตามบ้านเรือนโดยเฉพาะบริเวณประตู ทั้งน้ีจากอดีต เช่น ชา ขา้ วไร่ ข้าวโพด ถ่ัวเหลอื ง เป็นต้น การเลย้ี งสตั ว์
จนถึงปัจจุบันไม่ได้มีการเปล่ียนแปลงรูปแบบบ้านเรือนไป เชน่ หมู ม้า วัว ควาย และลา อาชพี คา้ ขาย ซงึ่ ชาวจนี ยนู นาน
มากนกั และยงั สามารถคงเอกลกั ษณข์ องบา้ นชน้ั เดยี วแบบ นยิ มเปดิ รา้ นขายสนิ คา้ ภายในหมบู่ า้ น หรอื เปน็ พอ่ คา้ เรท่ ค่ี า้ ขาย
ชาวจีนในชนบทไว้ได้อยู่ หากแต่ส่ิงท่ีมีการปรับเปล่ียนไป กบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธอ์ุ นื่ บนพนื้ ทีส่ ูง และคนพื้นราบ นอกจากน้ี
คือจากผนังดินดิบและฟากไม้ไผ่ ปัจจุบันวัสดุมีให้เลือก ยงั มีรายได้อ่นื ๆจากการรับจ้าง

164 กลุ่มชาติพนั ธุ์ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ การท่ีชุมชนชาวจีนยูนนานมีการสืบทอดภูมิปัญญา องค์ความรู้ของชาวจีนยูนนานและวิถีชีวิต
ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์อย่างต่อเน่ือง จึงท�ำให้ชุมชนมีกิจกรรมท่ีเป็นทรัพยากรการท่องเท่ียวท่ีมีความหลากหลาย
ทั้งด้านอาหาร วถิ ชี วี ติ และลกั ษณะทางกายภาพของพนื้ ท่ี ทดี่ งึ ดดู ใจนักนักท่องเท่ียวให้มาเรียนรู้และท่องเที่ยวในชุมชน
การใหบ้ รกิ ารทางการทอ่ งเทย่ี วจงึ เปน็ อกี หนงึ่ อาชพี ทส่ี ง่ เสรมิ รายไดใ้ หแ้ กข่ องชมุ ชนชาวจนี ยนู นานในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนได้
อาหาร
อาหารของชาวจีนยูนนานที่รับประทาน
ในชวี ติ ประจำ� วนั ไดแ้ ก่ ขา้ วสวย เตา้ หู้ เตา้ หยู้ ้ี ผกั สดทปี่ ลกู
รอบบ้านตามฤดูกาล ผักดอง และผักตากแห้ง ซึ่งอาหาร
ดังกล่าวน้ีเป็นอาหารที่เก็บได้นาน และรับประทานได้
เปน็ ประจ�ำ โดยเนือ้ สัตว์ทช่ี าวจนี ยนู นานนิยมรับประทาน
คือ หมู ซ่ึงน�ำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารหลัก โดย
กรรมวธิ ีในการท�ำอาหารมีท้ังการตม้ ผดั ตนุ๋ ทอดและนึ่ง
อาหารท่ีเป็นท่ีรู้จัก เช่น ขาหมูพันปี หมั่นโถว และมี
วฒั นธรรมในการรบั ประทานอาหาร คอื การใชต้ ะเกยี บคบี
อาหารเข้าปากแทนช้อนส้อม นอกจากน้ี การด่ืมน้�ำชา
ยังเป็นส่ิงที่ชาวจีนยูนนานนิยมปฏิบัติในชีวิตประจ�ำวัน
ซ่ึงอาหารและชาของชาวจีนยูนนานเป็นอีกผลิตภัณฑ์
ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ รวมถึงเป็น
องคป์ ระกอบของ การทอ่ งเทย่ี วในชมุ ชนชาวจนี แมฮ่ อ่ งสอน

กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน 165

อตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม

วัฒนธรรมประเพณี
ชาวจนี ยนู นานมชี วี ติ ความเปน็ อยทู่ ยี่ ดึ มนั่ วฒั นธรรมประเพณขี องตนซง่ึ ถา่ ยทอดมาจาก บรรพชน เชน่ ประเพณี
ตรษุ จีนหรืองานปีใหม่ มีพธิ ีไหว้เจ้า การเซน่ ไหวเ้ จา้ ที่ด้วยอาหาร ผลไม้ จดุ ประทัด ทกุ คนตา่ งหยุดงาน และแตง่ กายสวยงาม
เลี้ยงสุราอาหาร ให้ของขวัญแกก่ นั มีการไหว้บิดามารดาหรอื สามภี รรยาท่ีล่วงลบั ไปแลว้ นอกจากน้ียังมพี ธิ กี รรมสารทจนี
พธิ กี รรมการฝงั ศพ การจดั บ้านเรือนตามความเชื่อเรื่องฮวงจ้ยุ การไหวพ้ ระจนั ทร์ และการเรียนภาษาจีน

ความเชอื่ ศาสนา พธิ กี รรม ความรแู้ ละภมู ปิ ัญญา
ชาวจีนยูนนานในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีการ ชาวจีนยูนนานในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมี
นบั ถือ ๓ ศาสนาหลักคือ พทุ ธ คริสต์ และอสิ ลาม กลุ่มท่ี ภูมิปัญญาการใช้สมุนไพร ท้ังสมุนไพรบ�ำรุงก�ำลัง และ
นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ มศี าลเจา้ ในบา้ นจะมหี งิ้ บชู าบรรพบรุ ษุ สมนุ ไพรรกั ษาโรค โดยชาวจนี ยนู นานในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน
มคี วามเชอ่ื เรอื่ งสงิ่ สกั การะ ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ฟา้ ดนิ กษตั รยิ ์ ยังคงสืบทอดการใช้สมุนไพรในชีวิตประจ�ำวัน เช่น
บิดา มารดา และครู มีความเช่ือเรื่องสี เช่น สีแดงเป็นสี ใช้สมุนไพรในการประกอบอาหาร การดองยา และ
มงคล ซ่ึงตรงข้ามกับสีขาวและสีด�ำซ่ึงเป็นสีอัปมงคล การรักษาอาการเจบ็ ปว่ ยตา่ งๆ นอกจากน้ียงั มี ภูมิปัญญา
มคี วามเช่อื เร่อื งผปี ระจำ� เรือน และผีเจ้าที่ ภายในบ้านของ ในการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์จีน เช่น กัวซา ซึ่งเป็น
ชาวจนี ยนู นานจะทำ� แท่นบชู าไวภ้ ายในบ้าน ประกอบด้วย เทคนิคการรักษาแบบแพทย์แผนจีนโบราณ ใช้วิธีรักษา
ธปู เทยี น ดอกไม้ และกระดาษเงนิ กระดาษทอง เน่อื งจาก แบบธรรมชาติด้วยการน�ำอุปกรณ์กดและขูดบนผิวหนัง
นับถือดวงวิญญาณของบรรพบุรุษราวเทพเจ้า โดยเช่ือว่า เฉพาะ โดยส่วนใหญ่อุปกรณ์การขูด เป็นลักษณะของไม้
ผเี รอื นจะอยทู่ ก่ี ระถางธปู และเชอ่ื วา่ การบชู าผเี รอื นจะทำ� ให้ ที่มีรูปทรงแตกต่างกันไปตามการใช้งาน เช่ือกันว่า กัวซา
ผบู้ ชู าอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ความเชอ่ื เรอื่ งกระดกู ไก่ ซงึ่ มคี วามเชอ่ื สามารถรักษาโรคเร้ือรังหลายชนิดและล้างพิษออกไป
วา่ กระดกู ไกส่ ามารถใชท้ ำ� นายโชคชะตา อนาคตและ ความ จากร่างกายได้ เช่น โรคท่ีมีผลท�ำให้เซลล์ไม่ท�ำงานหรือ
รงุ่ เรอื งของบคุ คลได้ ความเชอ่ื เกย่ี วกบั ธรรมชาติ ความเชอื่ เซลล์ท�ำงานผิดปกติ รวมถึงอาการปวดรา่ งกายเร้ือรงั
ในชีวิตหลังความตาย และความเชื่อในคุณค่าสังคมแบบ นอกจากนชี้ าวจนี ยนู นานในจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน
ชาวจีน กลุ่มท่ีนับถือศาสนาอิสลาม มีมัสยิด หรือสุเหร่า ยงั มกี ารสบื ทอด การแมะ “แมะ หรอื พะแมะ” ซง่ึ กห็ มายถงึ
เพื่อประกอบพิธีจีตู๋เจียว และ กลุ่มที่นับถือศาสนาคริสต์ การจบั ชพี จรในศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนจนี เปน็ หนงึ่ ในวธิ กี าร
มโี บสถ์ เป็นศาสนสถานที่ใช้เพ่ือทำ� พธิ กี รรมในหม่บู า้ น เพ่อื วนิ จิ ฉัยโรคและ กลมุ่ อาการ โดยทีช่ ีพจรจะสะท้อนให้
เครื่องดนตรี การละเลน่ เหน็ ถงึ สภาพรา่ งกายของผปู้ ว่ ยทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงไปจาก
ชาวจนี ยนู นานในจังหวดั แม่ฮอ่ งสอน มศี ลิ ปะ ปกติ การแมะ เป็นการอาศัยความรู้สึกโดยการสัมผัส
การแสดงเชดิ สงิ โต ในเทศกาลตรษุ จนี และ ในโอกาสสำ� คญั ลกั ษณะการเตน้ ของชพี จร โดยทชี่ พี จรในแตล่ ะตำ� แหนง่ จะ
เชน่ การเฉลมิ ฉลองในโอกาสพเิ ศษ หรอื งานสมรส หรอื อาจ แตกตา่ งกันออกไป ซึ่งจะบ่งบอกถึงพลังของแต่ละอวัยวะ
ใช้เชิดชูเกียรติแขกพิเศษ โดยมีความเช่ือกันว่า ผู้ใดได้ชม
การเชิดสิงโต จะมีโชคลาภ เจรญิ ร่งุ เรอื ง และเปน็ สริ มิ งคล

166 กลุ่มชาตพิ ันธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน บทสรปุ

สถานการณ์ของชมุ ชนชาตพิ นั ธุ์ในจงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน

กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่ ดงั้ เดมิ ยากจน ขาดภมู คิ มุ้ กนั ในอาชพี เกษตรกรรม มปี ญั หา
ตั้งถิ่นฐานห่างไกล ทุรกันดาร การคมนาคม ไม่สะดวก และข้อจ�ำกัดเรื่องท่ีดินที่ท�ำกิน ทรัพยากรดินเส่ือมโทรม
หา่ งไกลศูนย์กลางอำ� นาจรัฐ ท�ำให้เสยี สิทธแิ ละขาดโอกาส ขาดแคลนนำ�้ เพอ่ื การเกษตร นอกจากนกี้ ารขาดความเขา้ ใจ
ในการพัฒนาหลายด้าน รวมถึงไม่สามารถเข้าถึงบริการ ว่ากลุ่มชาติพันธุ์กะเหร่ียง มีหลายกลุ่มและแต่ละกลุ่มก็มี
ขั้นพ้ืนฐานของรัฐได้ เช่น ถนนหนทางไม่ได้รับการพัฒนา เอกลักษณ์ท่ีแตกต่างกัน เป็นอีกหน่ึงเหตุผล ที่ท�ำให้
ไฟฟา้ เขา้ ไมถ่ งึ ไมม่ นี ำ้� ประปาใช้ เป็นตน้ และประเด็นเร่อื ง กลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ ถ่ี กู รวมเรยี กวา่ กะเหรยี่ ง เชน่ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
สัญชาติ กรรมสิทธ์ิในท่ีดินท�ำกิน ปัญหาป่าไม้ท่ีดิน ซ่ึง โปว์ ปะโอ กะแย กะยนั กะยอ ขาดโอกาส ในการส่งเสริม
สง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพชวี ติ วถิ ชี วี ติ สงั คมและวฒั นธรรม การสืบสาน รักษา ตอ่ ยอด วิถวี ฒั นธรรม รวมถึงไม่ได้รบั
ที่ถูกจ�ำกัดการพัฒนาเน่ืองจากถูกอ้างเป็นพ้ืนที่ของรัฐ โอกาสในการพฒั นาคุณภาพชวี ติ เทา่ ทค่ี วร กอปรกบั สงั คม
เปน็ พ้นื ทีป่ า่ สงวน ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถนำ� ไปทำ� ประโยชน์และ ท่ีเปล่ียนแปลงไปท�ำให้แนวปฏิบัติตามวิถีจารีตประเพณี
จัดการการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้แก่คนในพื้นที่ ดั้งเดิม การให้ความส�ำคัญกับป่า พื้นท่ีศักด์ิสิทธ์ิ และ
ไดส้ ง่ ผลใหค้ นในพน้ื ทข่ี าดโอกาสในการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ พิธีกรรมท่ีร้อยรัดเชื่อมโยงชุมชนชาติพันธุ์เข้าด้วยกัน
ตามไปดว้ ย อกี ทง้ั ยงั มคี วามเหลอ่ื มลำ�้ ในการกระจายรายได้ ถูกละเลย ส่งผลต่อการสูญเสีย อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ และ
ประชากรกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ซึ่งท�ำการเกษตรแบบ ศกั ยภาพในการสืบทอดภมู ปิ ญั ญาและวิถีวัฒนธรรม

ศักยภาพและทนุ ของกล่มุ ชาติพนั ธุ์ในพน้ื ที่

กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถ สร้างอาชีพและรายได้ รวมถึงสร้างเอกลักษณ์ ท่ีโดดเด่น
ใชช้ วี ติ ทา่ มกลางความหลากหลาย และยอมรบั ซงึ่ กนั และกนั แหง่ ความหลากหลายทางวฒั นธรรมใหก้ บั จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน
ทง้ั ยงั นำ� วถิ ชี วี ติ อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรมมาสง่ เสรมิ การพฒั นา ดว้ ย
จังหวัดอย่างมีส่วนร่วมและส่งเสริมการอนุรักษ์อัตลักษณ์ ชมุ ชนชาตพิ นั ธใ์ุ นจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนไดร้ บั การ
ทางวฒั นธรรมของกลม่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นพนื้ ที่ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ยอมรับเป็นแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วทางวัฒนธรรมและวถิ ชี าตพิ ันธ์ุ
มีการรวมกลุ่มของกลุ่มชาติพันธุ์ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ เช่น วิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์กะยัน บ้านห้วยปูแกง
วิถีวัฒนธรรม ด้วยตระหนักถึงคุณค่าและความส�ำคัญของ อ�ำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน วิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า
วิถีวัฒนธรรมของตน ประกอบกับมีการสนับสุนนจาก บ้านละอูบ อ�ำเภอแม่ลาน้อย วิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์
หนว่ ยงาน องคก์ รตา่ งๆในการฟน้ื ฟู รกั ษา สบื สาน ถา่ ยทอด ลาหู่ บ้านจ่าโบ่ อ�ำเภอปางมะผ้า วถิ ีวัฒนธรรมจนี ยนู นาน
และการต่อยอดเพ่ือการพัฒนาวิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ บ้านสันติชล อ�ำเภอปาย และบ้านรักไทย อ�ำเภอเมือง
ท�ำให้เกิดกระแสและความต่ืนตัวในการพ้ืนฟูและอนุรักษ์ แม่ฮอ่ งสอน เป็นต้น นอกจากน้ี ผลติ ภัณฑ์ทางวฒั นธรรม
วถิ ีวัฒนธรรม ทัง้ เรอื่ งวถิ ีชวี ติ การแตง่ กาย ผลติ ภณั ฑ์ทาง ของกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการยอมรับ และสร้างรายได้ให้แก่
วัฒนธรรม รวมถึงการประกอบอาชีพ ตลอดจนมีการน�ำ คนในพ้ืนที่ เช่น ผ้าทอกะเหร่ียง เครื่องเงินละว้า กาแฟ
ความรภู้ มู ปิ ญั ญาของกลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ าใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หา ห้วยหอ้ ม เปน็ ตน้

กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 167

การดำ� เนินงานโครงการฟืน้ ฟวู ถิ ชี วี ติ ชาวกะเหรย่ี ง โดยสำ� นกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดแมฮ่ ่องสอน ดว้ ยการสนับสนุน
งบประมาณจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ได้มีบทบาทในการฟื้นฟูวิถีชีวิต กลุ่มชาติพันธุ์ด้วยการเป็น
ผู้สนับสนุน ส่งเสริม การฟื้นฟูสืบสาน รักษา ต่อยอดวิถีวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์
ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณี รวมถึงเป็นผู้ประสานงาน ให้ค�ำแนะน�ำ ในการด�ำเนินงานด้านวัฒนธรรมประเพณี
และมีรูปแบบการด�ำเนินงานทผ่ี า่ นมา ดงั น้ี

รปู แบบโครงการ/กจิ กรรม วธิ ีการด�ำเนนิ งาน ผลลพั ธท์ เี่ กดิ ขึ้น

๑. การส่อื สารความรู้ • การจัดนิทรรศการจำ� ลองวถิ ีชีวติ ใน • ประชาชนท่วั ไปสามารถเรยี นรแู้ ละ
ความเข้าใจวถิ ีวัฒนธรรม งานประจำ� ปขี องจงั หวดั เขา้ ใจวิถชี ีวติ กลุ่มชาตพิ ันธุ์ ในพ้ืนที่
กล่มุ ชาตพิ ันธุ์ • จดั กจิ กรรมลานวฒั นธรรมชาตพิ ันธ์ุ • กลมุ่ ชาติพันธม์ุ คี วามภาคภมู ใิ จ
กะเหรีย่ งในงานประจำ� ปขี องจงั หวดั ในวิถีวฒั นธรรมของตน

๒. สนับสนนุ การสืบสาน • สนับสนนุ งบประมาณ รว่ มดำ� เนนิ งาน • กลุ่มชาตพิ ันธุร์ ่วมสืบสานวฒั นธรรม
กิจกรรมตามวัฒนธรรม และรว่ มศกึ ษาเรยี นรู้ เช่น กิจกรรมวัน ประเพณีใหด้ �ำรงอยู่
ประเพณี ภาษาและวฒั นธรรมปกาเกอญอ • ประเพณวี ฒั นธรรมของกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์
กองบุญข้าว ประเพณปี ีใหม่มง้ กะเหร่ยี งเป็นที่รู้จกั และได้รบั ความ
ประเพณปี อยต้นธี (กะยนั -กะยอ- สนใจเพิ่มข้นึ
กะแย) ประเพณปี อยข้าวตม้ (กะแย)

๓. กิจกรรมถ่ายทอดภูมปิ ญั ญา จดั กจิ กรรมถา่ ยทอดภมู ิปัญญา • เดก็ เยาวชน และประชาชนได้รบั
ทางวัฒนธรรม ทางวฒั นธรรม เช่น ทอผ้ากะเหรย่ี ง ท�ำ การถ่ายทอดภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม
เครื่องดนตรกี ะยัน ของกล่มุ ชาตพิ ันธุ์กะเหร่ยี ง
• กลุ่มชาติพันธ์กุ ะเหรยี่ งตระหนกั ถงึ
คณุ คา่ และความส�ำคญั ของ ภูมปิ ัญญา
ทางวฒั นธรรม

๔. การบรู ณาการงาน ร่วมบรู ณาการการด�ำเนนิ งานดา้ นกลุ่ม • เกิดความร่วมมือ และความเขา้ ใจ
ด้านชาติพันธรุ์ ่วมกับเครอื ขา่ ย ชาตพิ ันธุ์รว่ มกับองค์กร ในการด�ำเนนิ งานดา้ นกลุม่ ชาติพนั ธ์ุ
ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เครือขา่ ย ทงั้ เครอื ข่ายกล่มุ ชาติพันธ์ุ ในแนวทางเดยี วกัน
หน่วยงาน องค์กรสถาบนั การศึกษา • มีช่องทางประสานงาน และ
ที่ดำ� เนินงานดา้ นชาติพันธ์ุ กล่มุ ชาติพนั ธไุ์ ด้รับการส่งเสริม
สนับสนุน จากหนว่ ยงานและ
แนวทางที่หลากหลาย

ผ ลการดำ� เนนิ งานฟน้ื ฟวู ถิ ชี ีวติ กล่มุ ชาติพันธกุ์ ะเหรย่ี ง ในรอบ ๑๐ ปี จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน

 ภาคราชการ และประชาชน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรย่ี งในจังหวดั แม่ฮอ่ งสอนยังขาดการรับรู้ ตลอดจนขาด
ความเขา้ ใจเกยี่ วกับแนวนโยบายในการฟื้นฟูวถิ ีชวี ติ ชาวกะเหรีย่ ง ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๓
 หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ทม่ี หี นา้ ทใ่ี นการผลกั ดนั และดำ� เนนิ งานตามแนวนโยบาย ในการฟน้ื ฟวู ถิ ชี วี ติ ชาวกะเหรย่ี ง
ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๓ บางหนว่ ยงานไมไ่ ดน้ ำ� แนวนโยบาย ไปใช้ ทำ� ใหก้ ารแกก้ ารฟน้ื ฟวู ถิ ชี วี ติ ชาวกะเหรย่ี ง
ไม่บรรลวุ ตั ถุประสงค์ และขาดกระบวนการมสี ว่ นรว่ มของฝ่ายต่างๆ

168 กลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

 การด�ำเนินงานฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหร่ียง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามมติคณะรัฐมนตรี ๓ สิงหาคม
๒๕๖๓ ทม่ี กี ารดำ� เนนิ งานดา้ นฟน้ื ฟู สบื สานอตั ลกั ษณว์ ถิ วี ฒั นธรรมของ กลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะเหรย่ี ง ทำ� ใหก้ ลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะเหรย่ี ง
รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อ่ืน ตระหนักถึงคุณค่าและความส�ำคัญในการด�ำรงอัตลักษณ์แห่งวิถีวัฒนธรรมของตน นอกจากนี้
การที่ได้รับความสนใจและสนับสนุนจากภาคราชการ และองค์กรภายนอกอย่างต่อเน่ือง เป็นส่วนส�ำคัญที่จะช่วยรักษา
สืบสานวิถีวัฒนธรรมของ กลุม่ ชาตพิ ันธุก์ ะเหร่ยี งได้ ทงั้ น้ี จงั หวัดแม่ฮ่องสอน สามารถน�ำจุดเดน่ ของความหลากหลายทาง
วถิ ีวัฒนธรรมมาสกู่ ารพัฒนาชีวติ และจังหวดั แมฮ่ ่องสอนได้
 แนวนโยบายในการฟน้ื ฟวู ถิ ชี วี ติ ชาวกะเหรยี่ ง ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๓ เปน็ แนวนโยบายทเ่ี ปน็
ประโยชน์ และชว่ ยสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหส้ งั คมไดภ้ ายใตว้ ถิ วี ฒั นธรรมของ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ สมควรยกระดบั และขยายขอบเขต
ให้ครอบคลมุ ทกุ กล่มุ ชาติพนั ธ์ุ

บทเรียนจากการดำ� เนนิ งานฟื้นฟูวิถีชวี ิตกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุ

๑. การประสานหนว่ ยงานท่เี กย่ี วขอ้ ง มคี วามจำ� เปน็ ตอ่ การแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาตพิ นั ธท์ุ ่มี ีความซบั ซ้อน
๒. การมีส่วนรว่ มของกลุ่มชาติพนั ธุ์เปน็ ปจั จัยสำ� คญั ในการขับเคลื่อนงานใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน
เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์และแต่ละพ้ืนท่ีมีบริบทที่แตกต่างกัน ที่ผ่านมาแกนน�ำที่มีโอกาสเข้ามา
มีสว่ นร่วมยงั ไมค่ รอบคลุม และไมอ่ าจเป็นตัวแทนของกลุ่มชาติพันธ์ุทง้ั หมดได้ ประกอบกับการสอื่ สารดว้ ยภาษาที่แตกตา่ ง
กนั ท�ำใหค้ วามเข้าใจไมต่ รงกัน
๓. ประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้ รวมถึง
เปน็ ทุนในการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คมสว่ นรวมได้

ความสำ� เร็จและความภาคภูมิใจ ของส�ำนักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ในการฟื้นฟูวิถีชีวติ กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์

๑. ปญั หากล่มุ ชาติพนั ธุไ์ ดร้ ับการแกไ้ ข ได้รบั การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ในดา้ นตา่ งๆ
๒. เกิดความเข้าใจและยอมรับในคณุ ค่าวถิ วี ัฒนธรรมของกลุ่มชาติพนั ธุ์
๓. ทุนทางวฒั นธรรมของกลุ่มชาติพนั ธ์ใุ นพ้ืนท่ี ได้รับการพฒั นาต่อยอด และเสริมสร้างเอกลกั ษณข์ องจังหวดั ได้

ข้อเสนอแนะต่อการดำ� เนนิ งานฟืน้ ฟวู ิถชี ีวติ กลุ่มชาติพนั ธช์ุ าวกะเหรีย่ งในอนาคต

๑. ควรให้การสนับสนุนการด�ำเนินงาน ท้ังความรู้ความเข้าใจกลุ่มชาติพันธุ์ งบประมาณ บุคลากร การติดตาม
ประเมนิ ผลแบบบูรณาการ ทง้ั ผ้มู ีสว่ นได้เสีย นกั วิชาการและ ผปู้ ฏิบัติงานทางด้านวิถวี ัฒนธรรม และผู้ท่ีเกี่ยวข้อง
๒. ควรประชาสัมพันธ์ สื่อสารกับสังคม อบรม และการสร้างความเข้าใจในรูปแบบอ่ืนๆ ทั้งกับกลุ่มชาติพันธุ์
เจ้าหนา้ ท่ที เี่ กี่ยวข้อง ชุมชน นกั เรยี นนกั ศกึ ษา และบุคคลทั่วไปในประเด็นส�ำคัญท่เี กี่ยวกับ การฟน้ื ฟูวถิ ีชวี ิตของกะเหรยี่ ง
เชน่ ประเดน็ อตั ลกั ษณ์ ชาตพิ นั ธ์ุ มรดกทางวฒั นธรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ การจดั การทรพั ยากร การจดั การศกึ ษา
ให้สอดคล้องกบั ภูมปิ ัญญาและวัฒนธรรม
๓. ควรมีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้และส่งเสริมความรว่ มมือในการท�ำงาน เพอ่ื พัฒนาพืน้ ทเ่ี ขตวฒั นธรรมพิเศษใหเ้ ปน็
ไปตามความต้องการของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ อย่างเป็นรปู ธรรม

แนวทางการด�ำเนนิ งานในอนาคตหรือเปา้ หมายอยากจะใหเ้ ป็น

นำ� อตั ลกั ษณ์ วฒั นธรรมการดำ� รงวถิ ชี วี ติ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ หี่ ลากหลาย เปน็ วฒั นธรรมของชาติ และมสี ว่ นเสรมิ สรา้ ง
ความเขม้ แขง็ ให้สังคมสว่ นรวมได้

กล่มุ ชาติพันธุ์ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 169

เอกสารอา้ งองิ

หนงั สอื

ส�ำนักงานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั , รวมธา คำ� สอนบรรพบรุ ุษ, เชียงใหม่: พงษ์สวสั ด์ิการพิมพ,์ ๒๕๕๘, หนา้ ๓ - ๖
ส�ำนักงานคณะกรรมการกลางอสิ ลามประจำ� จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน. (๒๕๖๓). สองวฒั นธรรมที่แม่ฮอ่ งสอน. หนา้ ๑๖.
สำ� นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั แม่ฮ่องสอน. (๒๕๕๑). วัฒนธรรมประเพณีชนเผ่าจงั หวัดแมฮ่ ่องสอน.
ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๕๗). (พมิ พค์ ร้ังท่ี ๔) หนา้ ๘๘. กรงุ เทพฯ: ราชบณั ฑติ ยสถาน.

เอกสารออนไลน์

กลุม่ ภาษากะเหรยี่ ง.[ออนไลน]์ . (๒๕๖๒, ๑๒ สิงหาคม).
https://th.wikipedia.org/wiki/กลุม่ ภาษากะเหรี่ยง
กุลวดี เจรญิ ศรี และคณะ. รจู้ ักปกาเกอญอ. [ออนไลน์]. ๒๕๕๙.
http://ichpakayaw.com/to-know-pgaz-knyau
จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน. ประวัติความเปน็ มา. [ออนไลน]์ . ๒๕๖๑.
http://www.maehongson.go.th/th/province-info/general-info/history.html
นฤมล ทับปาน. Lockdown...ฉบบั ปกาเกอะญอ รอ้ื ฟนื้ พธิ กี รรมปอ้ งกัน ‘โควิด-๑๙’. [ออนไลน]์ . ๒๕๖๓).
https://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/
วิกิพีเดยี สารานกุ รมเสรี. กลุ่มภาษากะเหรีย่ ง. [ออนไลน์]. ๒๕๖๒.
https://th.wikipedia.org/wiki/กลมุ่ ภาษากะเหรี่ยง
ศนู ย์มานษุ ยวิทยาสริ ินธร (องคก์ ารมหาชน).[ออนไลน]์ .๒๕๓๙.
https://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/research_detail.php?id=๓๙๘
สมทรง บรุ ษุ พฒั นแ์ ละสรนิ ยา คำ� เมอื ง.สารานกุ รมกลมุ่ ชาตพิ นั ธ:์ุ กะเหรยี่ งกะยนั . สถาบนั วจิ ยั ภาษาและวฒั นธรรม
เพอื่ พฒั นาชนบท. [ออนไลน]์ . ๒๕๔๒.
https://www.car. chula.ac.th/display๗.php?bib=b๑๕๔๑๔๒๘






Click to View FlipBook Version