The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการจัดการเรียนการสอนวิชาการเตรียมความพร้อมทันตกรรมคลินิก Practice of Pre-clinical Dentistry
รหัสวิชา 5324 346 จำนวน 2 หน่วยกิต (0-6-3) เป็นคู่มือสำหรับปฏิบัติการ มีการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่1 สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต (ทันตสาธารณสุข) วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดขอนแก่นเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อให้นักศึกษาและคณาจารย์ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผลให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ไม่ได้มีไว้เพื่อการค้า หรือธุรกิจ
สาระคู่มือประกอบด้วยแผนการสอน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผลโดยมีแบบประเมินตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาอาทิ การดูแลยูนิตทันตกรรมและปลอดเชื้อ การเตรียมน้ำยาบ้วนปากสำหรับผู้ป่วยก่อนหัตถการ การซักประวัติ คัดกรอง การตรวจการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษา การถ่ายภาพรังสีและการแปลผลภาพรังสี การฉีดยาชาเฉพาะที่ Local Infiltration Technique การล้างมือและใส่ถุงมือผ่าตัดด้วยวิธีปราศจากเชื้อการให้ทันตสุขศึกษา ขูดหินน้ำลาย การเคลือบฟลูออไรด์ การเคลือบหลุมร่องฟัน การใส่แผ่นยางกันน้ำลายก่อนบูรณะฟันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อการถอนฟัน เย็บแผล ตัดไหม เพื่อตรวจสอบวัดผลการเรียนรู้ให้ได้เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนนักศึกษาสามารถตรวจวินิจฉัยวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพในช่องปากวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากและบำบัดรักษาเบื้องต้นได้ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratchaneewan poomsa-ad, 2020-06-28 23:29:54

คู่มือการจัดการเรียนการสอน วิชาการเตรียมความพร้อมทันตกรรมคลินิก หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต (ทันตสาธารณสุข) วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น

คู่มือการจัดการเรียนการสอนวิชาการเตรียมความพร้อมทันตกรรมคลินิก Practice of Pre-clinical Dentistry
รหัสวิชา 5324 346 จำนวน 2 หน่วยกิต (0-6-3) เป็นคู่มือสำหรับปฏิบัติการ มีการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่1 สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต (ทันตสาธารณสุข) วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดขอนแก่นเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อให้นักศึกษาและคณาจารย์ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผลให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ไม่ได้มีไว้เพื่อการค้า หรือธุรกิจ
สาระคู่มือประกอบด้วยแผนการสอน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผลโดยมีแบบประเมินตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาอาทิ การดูแลยูนิตทันตกรรมและปลอดเชื้อ การเตรียมน้ำยาบ้วนปากสำหรับผู้ป่วยก่อนหัตถการ การซักประวัติ คัดกรอง การตรวจการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษา การถ่ายภาพรังสีและการแปลผลภาพรังสี การฉีดยาชาเฉพาะที่ Local Infiltration Technique การล้างมือและใส่ถุงมือผ่าตัดด้วยวิธีปราศจากเชื้อการให้ทันตสุขศึกษา ขูดหินน้ำลาย การเคลือบฟลูออไรด์ การเคลือบหลุมร่องฟัน การใส่แผ่นยางกันน้ำลายก่อนบูรณะฟันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อการถอนฟัน เย็บแผล ตัดไหม เพื่อตรวจสอบวัดผลการเรียนรู้ให้ได้เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนนักศึกษาสามารถตรวจวินิจฉัยวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพในช่องปากวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากและบำบัดรักษาเบื้องต้นได้ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

Keywords: Practice of Pre-clinical Dentistry

คูม่ ือการจัดการเรยี นการสอน
วิชาการเตรยี มความพรอ้ มทันตกรรมคลินิก
หลักสตู รสาธารณสุขศาสตรบณั ฑิต (ทนั ตสาธารณสุข)

เรียบเรียงโดย
ทพญ. รัชนีวรรณ ภูมสิ ะอาด
ทพญ.อภญิ ญา ยทุ ธชาวิทย์
ดร.ทพญ. วงศ์วฤณ พิชัยลกั ษณ์

ทพญ. วรันธร อกั ษรศริ ิ
ทพญ. ภทั ราพร ยทุ ธชาวทิ ย์

ทพ. ธรรศ แสวงเจริญ

วทิ ยาลยั การสาธารณสขุ สิรินธร จงั หวัดขอนแกน่
สมทบ มหาวทิ ยาลัยบรู พา

สถาบนั พระบรมราชชนกสานกั งานปลดั กระทรวง
กระทรวงสาธารณสขุ

คานา

คูม่ อื การจัดการเรียนการสอนวชิ าการเตรียมความพร้อมทันตกรรมคลนิ ิก Practice of Pre-clinical Dentistry

รหัสวชิ า 5324 346 จานวน 2 หนว่ ยกติ (0-6-3) เป็นคู่มือสาหรบั ปฏิบตั ิการ มกี ารจดั การเรียนการสอนในภาคเรยี นท่ี1
สาหรบั นกั ศึกษาช้นั ปที ี่ 3 หลกั สตู รสาธารณสุขศาสตรบณั ฑติ (ทนั ตสาธารณสุข) เปน็ เอกสารท่ีจดั ทาขนึ้ เพ่อื ใหน้ กั ศึกษาและ
คณาจารยใ์ ช้เปน็ แนวทางในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การวดั และการประเมนิ ผลให้ตรงตามวตั ถุประสงคข์ องรายวชิ าท่ี
กาหนดไวใ้ นหลักสูตร

สาระคมู่ ือประกอบด้วยแผนการสอน การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การวดั และการ
ประเมนิ ผลโดยมแี บบประเมนิ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของรายวิชาอาทิ การดูแลยูนติ ทนั ตกรรมและปลอดเชอ้ื การเตรยี มน้ายาบว้ น
ปากสาหรบั ผูป้ ว่ ยกอ่ นหตั ถการ การซักประวตั ิ คัดกรอง การตรวจการวินจิ ฉยั โรคและวางแผนการรักษา การถ่ายภาพรังสีและ
การแปลผลภาพรงั สี การฉดี ยาชาเฉพาะที่ Local Infiltration Technique การลา้ งมือและใส่ถุงมอื ผา่ ตัดดว้ ยวิธปี ราศจากเชื้อ
การให้ทันตสุขศกึ ษา ขูดหนิ นา้ ลาย การเคลือบฟลูออไรด์ การเคลอื บหลุมรอ่ งฟนั การใส่แผ่นยางกนั น้าลายก่อนบรู ณะฟันเพื่อ
ปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของเชื้อการถอนฟัน เย็บแผล ตัดไหม เพ่อื ตรวจสอบวดั ผลการเรียนรใู้ ห้ไดเ้ มือ่ ส้ินสดุ การเรียนการสอน
นักศึกษาสามารถตรวจวนิ จิ ฉยั วเิ คราะห์ปัญหาสุขภาพในชอ่ งปากวางแผนแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบส่งเสรมิ ป้องกันโรคในช่อง
ปากและบาบัดรักษาเบ้อื งต้นไดต้ ามขอ้ กาหนดของกระทรวงสาธารณสขุ

ทพญ. รชั นวี รรณ ภูมิสะอาด

กรกฎาคม 2563

สารบัญ

ท่ี หนา้

1 คานา

2 สารบญั

3 ปฏบิ ัติการท1่ี การเตรยี มนา้ ยาบว้ นปากกอ่ นทาหัตถการ การดแู ลและการทาปลอดเชือ้ ยนู ิตทันตกรรม 1

และการนาส่งเครอ่ื งมอื อบฆ่าเชอื้

4 ปฏบิ ตั กิ ารท2่ี การซักประวัติคดั กรองการตรวจการวินิจฉยั โรคและวางแผนการรกั ษา 32

5 ปฏบิ ัติการท3ี่ การถ่ายภาพรังสีและการแปลผลภาพรังสี 57

6 ปฏบิ ัติการท4่ี การล้างมือและใส่ถงุ มอื ผ่าตัดด้วยวิธีปราศจากเชือ้ 76

7 ปฏิบตั กิ ารที่ 5การฉดี ยาชาเฉพาะที่ Local Infiltration Technique 81

8 ปฏิบตั กิ ารที่ 6การให้ทันตสขุ ศกึ ษาและการขดู หนิ นา้ ลาย 85

9 ปฏบิ ัตกิ ารที่ 7การเคลอื บหลมุ ร่องฟนั 94

10 ปฏบิ ัตกิ ารท่ี 8การเคลอื บฟลอู อไรด์ 99

11 ปฏบิ ัติการท่ี 9การใส่แผน่ ยางกันน้าลายในแบบจาลองฟนั ภายใตห้ ลกั การปอ้ งกันและควบคมุ การ 104

แพรก่ ระจายของเชอ้ื

12 ปฏิบัตกิ ารท่ี 10การถอนฟนั เยบ็ แผล ตัดไหมในแบบจาลอง และฝกึ เขียนใบส่งั ยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะ 121

13 ภาคผนวก ก ก

14 ใบรายการตรวจรบั เคร่ืองมือวิชาการเตรยี มความพร้อมคลนิ กิ ทนั ตกรรม ข

15 ใบเปลยี่ นเคร่อื งมือ ง

16 ใบรายการเคร่อื งมือขาด ง

17 แบบตรวจคดั กรองคนไข้กอ่ นการรกั ษาทางทนั ตกรรม จ

18 แบบชว่ ยบันทึกการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรกั ษาทางทนั ตกรรม ฉ

19 แบบบันทกึ การฝึกปฏบิ ัติการตรวจและวางแผนการรักษาในชอ่ งปากสมบรู ณ[์ Complete Chart] ช

20 ภาคผนวก ข ฑ

21 แบบประเมินปฏบิ ัตกิ ารที่ 1 ฒ

การเตรียมน้ายาบว้ นปากใหค้ นไข้กอ่ นทาหตั ถการการดแู ลและการทาปลอดเชอื้ ยนู ติ ทันตกรรม

22 แบบประเมนิ 1.1 การเตรียมนา้ ยาบ้วนปากใหค้ นไข้กอ่ นทาหัตถการและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ฒ

23 แบบประเมิน1.2 การใช้งานดูแลและการปลอดเช้อื ยนู ิตทนั ตกรรมดา้ มกรอฟันและเกณฑก์ ารให้คะแนน ณ

24 แบบประเมินปฏิบัติการที่ 2 ถ

การซักประวตั ิ คดั กรองการตรวจการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรกั ษาทางทันตกรรม

25 แบบประเมิน 2.1 การคดั กรองผูป้ ่วย และการวัดสญั ญาณชีพ (VITAL SIGNS)และเกณฑ์การใหค้ ะแนน ถ

26 แบบประเมิน 2.2การซักประวตั ิการตรวจช่องปากการวนิ จิ ฉยั โรคและวางแผนการรกั ษาทางทนั ตกรรม ธ

27 แบบประเมนิ ปฏิบตั กิ ารที่ 3 การถ่ายภาพรังสีและการแปลผลภาพรงั สแี ละเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน บ

28 แบบประเมนิ การถา่ ยภาพรังสแี ละแปลผลภาพรังสแี ละเกณฑก์ ารให้คะแนน บ

29 แบบประเมนิ การอ่านและแปลผลภาพถ่ายรงั สีจากโจทย์ทก่ี าหนดให้ 1 ภาพ ฝ

30 แบบประเมนิ ปฏิบตั กิ ารท่ี 4การลา้ งมอื 7ขน้ั ตอนและการสวมถุงมือผา่ ตัดและเกณฑ์การใหค้ ะแนน พ

31 แบบประเมินปฏบิ ัตกิ ารท่ี 5 การฉดี ยาชาแบบ Local infiltration techniqueและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ฟ

32 แบบประเมินปฏบิ ตั ิการท่ี 6 การใหท้ ันตสขุ ศึกษาข้างเกา้ อีแ้ ละการขูดหนิ น้าลายและเกณฑ์การให้คะแนน ภ

33 แบบประเมนิ 6.1 การใหท้ นั ตสุขศึกษาและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ภ

34 ใบแบบบนั ทึกคา่ PCR ปฏิบัติการให้ทนั ตสขุ ศกึ ษาข้างเก้าอีแ้ ละการขูดหินน้าลาย ม

35 แบบประเมิน 6.2 การขูดหนิ น้าลายและเกณฑ์การใหค้ ะแนน ร

ที่ หนา้

36 แบบประเมนิ ปฏบิ ตั กิ ารที่ 7งานเคลอื บหลมุ รอ่ งฟันและเกณฑก์ ารให้คะแนน ว
37 แบบประเมินปฏบิ ตั ิการที่ 8 งานเคลือบฟลูออไรดแ์ ละเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ศ
38 แบบประเมนิ ปฏิบัตกิ ารที่ 9การใส่แผน่ ยางกันน้าลายในแบบจาลองฟนั ษ
39 แบบประเมนิ ปฏิบตั ิการท1่ี 0 การถอนฟันในแบบจาลองฟันการเย็บแผลและตดั ไหม ส
40 แบบประเมนิ 10.1การถอนฟนั ในแบบจาลองฟันและการเขยี นใบสัง่ ยาและเกณฑก์ ารให้คะแนน ส
41 แบบประเมิน 10.2การเย็บแผลและตดั ไหมและเกณฑ์การใหค้ ะแนน ห
42 แบบประเมินการดูแลรักษาเครอ่ื งมอื และเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ฬ
43 แบบประเมนิ คะแนนพฤติกรรมประจาวันและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน อ
44 แบบประเมนิ ช้นิ งานการนาเสนอผลงานที่ไดร้ บั มอบหมายของนสิ ิตและเกณฑ์การใหค้ ะแนน ฮ
45 แบบประเมนิ พฤติกรรมการทางานเปน็ ทมี และเกณฑก์ ารให้คะแนน ฮ

I don't want you to be only a doctor. But I also
want you to be a man.

ฉันไมต่ อ้ งการใหพ้ วกเธอมคี วามรู้ทางการแพทยอ์ ย่างเดียว

ฉนั ต้องการให้พวกเธอเป็นบคุ คลที่ถึงพรอ้ มแล้ว

พระราชดารัสสมเด็จพระมหติ ลาธเิ บศรอดุลยเดชวกิ รมพระบรมราชชนก
พระราชทานในวโรกาสเปดิ การศึกษาเวชนิสติ รุ่น 2471

1

ปฏบิ ตั กิ ารที่ 1

การเตรยี มนำ้ ยาบ้วนปากก่อนทำหัตถการ

การดูแลและการทำปลอดเชอ้ื ยูนติ ทันตกรรม และ การนำสง่ เคร่อื งมอื เพ่อื อบฆ่าเชอ้ื

แผนการสอนรายบท
ข้ันนำ อาจารย์ประจำวิชาปฐมนเิ ทศรายวชิ า อธบิ าย แนะนำ วิชาการเตรยี มความพร้อมทนั ตกรรมคลินกิ Course Blue
printและTBPรวมถึงการประเมนิ ผล

วตั ถุประสงค์การเรยี นรรู้ ายปฏิบัตกิ ารเม่ือเรียนจบปฏิบตั ิการนแ้ี ล้ว นิสติ สามารถ

บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์รายวชิ าตามรายขอ้ ดังนี้
7.สามารถทำความสะอาดเครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นงานทันตกรรมจัดเกบ็ และทำใหป้ ราศจากเชือ้ ได้ถูกต้องตามหลกั วชิ าการ

(LO ข้อ 1.1,1.2,1.3,1.5 ,2.3, 6.4)

8. มพี ฤติกรรมทางดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสทิ ธผิ ใู้ ชบ้ ริการ ความมีวินยั ซอื่ สตั ย์ รับผิดชอบ มีเจตคติ
และเปน็ แบบอย่างที่ดแี ก่ผู้อ่ืน (LO ขอ้ 1.1,1.2,1.3,1.5, 6.4)

วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมเพ่อื ใหน้ สิ ติ สามารถ

1. เตรียมเคร่ืองมือสำหรับการปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและครบถ้วน
2. เรียกชือ่ เครื่องมือไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและครบถว้ น
3. จดั เกบ็ เคร่ืองมอื เพอ่ื ทำให้ปราศจากเชอ้ื และอยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน
4. ใช้งานและดูแลรักษาระบบอดั อากาศ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
5. ใชง้ านและดแู ลรักษาเกา้ อ้ผี ปู้ ว่ ยและเกา้ อ้ีทนั ตแพทย์ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
6. ใช้งานอา่ งบว้ นปากและท่วี างแก้วน้ำไดอ้ ย่างถกู ต้อง
7. ใช้งานและดแู ลรักษากระบอกนำ้ อดั อากาศ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
8. ใชง้ านและดูแลรักษาโคมไฟยนู ติ ทนั ตกรรมได้อยา่ งถกู ต้อง
9. ติดตัง้ ใช้งานด้ามกรอฟันเรว็ และด้ามกรอฟนั ช้าชนดิ หกั มมุ (Contraanglehandpiece)ชนิดหักมมุ ชนิดหกั มมุ ได้อย่างถกู ต้อง
10. ดแู ลรักษาและทำให้ปลอดเช้อื ดา้ มกรอฟันไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
11. ผสมหรือเตรยี มน้ำยาบว้ นปากสำหรับใหค้ นไข้บ้วนก่อนทำหตั ถการ

วสั ดุอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการเรียนการสอน
1. เครือ่ งมือทีห่ อ้ งจ่ายกลาง เตรยี มไวใ้ ห้และ ให้นิสิตสามารถมาเบิกทหี่ ้องจ่ายกลาง บรเิ วณ คลินิกเพื่อการศกึ ษา

ชน้ั 1 อาคาร 9 เวลา 08.00 น. ของวันที่มีการเรียนการสอน โดยใหเ้ บิกชุดเครื่องมือใหค้ รบถว้ นเป็นไปตามปฏิบตั ิการ

ทเ่ี รยี นในวนั นั้นๆ ยกตวั อยา่ งเชน่ ปฏบิ ตั กิ ารตรวจรบั เครอ่ื งมือ ใหเ้ บกิ ชดุ ตรวจ มาเพอ่ื ทดลองลา้ ง ฝกึ ห่อและเขียนกำกบั

2

ว่าชดุ ตรวจ และ ส่งSterile ปฏิบตั กิ ารขูดหนิ นำ้ ลาย นสิ ิตตอ้ งเบกิ ทง้ั ชดุ ตรวจ ชดุ ขดู หินปูน(ไม่ไดเ้ บกิ P10) และหัวกรอชา้
ชนดิ หกั มุมเปน็ ตน้ เม่อื ใช้เสรจ็ แลว้ ต้องลา้ งเครอ่ื งมอื ใหส้ ะอาดเช็ดใหแ้ ห้งด้วยผา้ สะอาดและห่อดว้ ยผา้ ห่อเครื่องมือนำสง่
คนื ทห่ี ้องจา่ ยกลางบรเิ วณที่เขยี นวา่ วางชุดเครื่องมอื ทใ่ี ชแ้ ละลา้ งแลว้ เตรยี มสง่ ไป Sterile โดยให้นิสติ จดั เวรผลดั เปลยี่ นกนั
นำเอาเครือ่ งมือเหลา่ นไ้ี ปส่งทหี่ ้องSupply กลางกับคุณยุพณิ เจา้ หนา้ ท่หี ้องSupply กลาง ใหเ้ สรจ็ ภายในเวลา12.30น.
ของวนั ที่มีการเรียนการสอนวชิ าการเตรยี มความพร้อมทนั ตกรรมคลินิกและจัดเวรไปรับเครอ่ื งมือจากห้องSupplyมาสง่ คืน
แก่คณุ กรกมลวรรณเจ้าหนา้ ท่ีห้องจา่ ยกลาง ทกุ วันศุกร์เช้ากอ่ นเวลา 08.30น. โดยให้ Scan QR Code การมาสง่ คืนเครือ่ งมอื
ทหี่ ้องจ่ายกลาง พรอ้ มจดั วางเครื่องมือคืนให้ในชนั้ ทีเ่ ตรียมไว้

1.เครื่องมอื ที่หอ้ งจ่ายกลาง จดั เตรยี มไวใ้ ห้ เบกิ ใชต้ ามแต่ละปฏิบัตกิ าร
ที่ ชื่อเครื่องมอื และวสั ดุสนิ้ เปลือง

1 ชดุ ตรวจ

2 แก้วนำ้ สำหรบั ผูป้ ่วย

3 Saliva Ejector

4 ผ้าเชด็ มอื สะอาด

5 ผ้าหอ่ เครื่องมือที่สะอาด

6 สำลีอบฆ่าเชอื้

7 ผ้าก๊อซ อบฆ่าเชอื้

8 เคร่อื งวัดความดนั Sphygmomanometer

9 Stethoscope

10 Thermometer วัดไข้

11 ชดุ เครือ่ งมอื เอกซเรย์

3

ที่ ช่ือเครือ่ งมอื และวัสดสุ น้ิ เปลือง
12 ท่ีหนบี ฟิลม์ โลหะ
13 ฟลิ ม์ เอกซเรย์
14 ชุดขูดหินปูน Hand Scaler
15 P.10
16 ชุดอุดฟนั ด้วยอมัลกมั
17 ดา้ มกรอฟันเร็ว (Airotor)
18 ดา้ มกรอฟนั ช้าชนดิ หักมมุ (Contra angle handpiece)
19 เขม็ กรอฟนั ความเรว็ สงู
20 เข็มกรอฟนั ความเร็วต่ำ
21 mandrel for Pop onและ Pop onครบทุกความหยาบ
22 ถุงมอื ผา่ ตัด
23 ชดุ ถอนฟนั บนและล่าง
24 ชุดฉีดยาชา เขม็ สั้น ยาชา
25 ยาชาเฉพาะที่
26 ชุดเยบ็ แผลและกรรไกรตัดไหม

4

2.ใบรายการเครื่องมือ- วัสดุส้ินเปลอื ง ที่นักศึกษาจะไดร้ บั แจกคลู่ ะ

เคร่ืองมือ-วสั ดุ จำนวน

1.เข็มกรอฟัน

1.1 Bristle brush 2

1.2 rubber cup 2

1.3 mandrel for Rubber cup 2

2 วสั ดอุ ่นื ๆ

2.1 ขวดยาเลก็ ใส่อัลกอฮอล์ 1

2.2 dappen glass 2

2.3 กระปกุ สำลี Cotton wool container 1

2.4 พู่กนั etching - bonding 6

3.อปุ กรณ์ทีน่ สิ ิตคลู่ ะต้องเตรียมมาเอง

ที่ รายการ จำนวน Check in หมายเหตุ
1 เส้อื กาวนย์ าวสีขาว 2/คน
2 ผ้าปิดปาก (mask) 10/คน
3 Face shield 1/คน
4 หมวกคลุมผม 10/คน
5 รองเทา้ แตะสวมในคลนิ กิ 1/คน
6 กระจกสอ่ งหนา้ แบบมแี ท่น 1/คน
7 ไหมขดั ฟนั 1/คน
15 กระดาษเทปกาวทึบ 1/คน
17 ถงุ พลาสตกิ ขนาด 4*6 นว้ิ 1โหล/คน
19 นำย้ าบว้ นปาก เบตาดนี การเ์ ก้ลิ หรอื ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ 3 % 1ขวด/คน
8 สบ่เู หลวล้างมือบรรจุขวดป๊ัม 1/คน
9 น้ำยาลา้ งจาน 1/คน

5

ที่ รายการ จำนวน Check in หมายเหตุ

10 แปรงล้างเครอื่ งมือ 1/คน

11 ฟองนำ้ + สก๊อตไบรท์ 1/คน

12 กาละมงั ล้างเคร่อื งมือ 1/คน

13 ถุงมอื อย่างหนาใช้ล้างเครอ่ื งมือ 1/คน

14 กระดาษทิชชพู ร้อมกล่องทชิ ชู 1/คน

16 แปรงทำความสะอาดอ่างลา้ งมอื 1/คน

18 กล่องพลาสตกิ สะอาดสำหรบั ใส่ Rubber cup bristle brush 1/คน

20 ตะกรา้ ใส่อปุ กรณ(์ ใช้ตะกรา้ เรยี นวิชาDAเพ่ือใชบ้ รรจุสิง่ ของ 1/คน

การจัดการเรยี นการสอน

ข้ันนำ เขา้ สรู่ ายวชิ า

1.*อธิบาย มคอ.3 Test Blue print การประเมนิ ผล ระเบียบการปฏบิ ตั ิงาน

ชี้แจงเร่อื งการ*มอบหมายงานใหน้ สิ ิตค้นควา้ ดว้ ยตนเองในหวั ข้อทสี่ นใจและต้องการเรียนรเู้ พ่ิมเตมิ จาก
การฝกึ ปฏิบตั กิ ารตรวจวินิจฉัยโรคในชอ่ งปาก การป้องกนั โรคในชอ่ งปากและการรักษาทางทันตกรรมตามที่กฎหมายกำหนด
ภายใต้การดแู ลของอาจารยผ์ สู้ อน

ในปกี ารศกึ ษา2563ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ เน้อื หาการเรยี นการสอนเพอื่ ปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำของทนั ตแพทยสภาเน่ืองจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด
ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา2019(Covid-19)มกี ารเพมิ่ การฝกึ ปฏบิ ตั ิ การคดั กรองคนไขท้ างทนั ตกรรมการผสมนำ้ ยาบ้วนปากกอ่ นการหัตถการ
การฝกึ ใชแ้ ผน่ ยางกันนำ้ ลายในการอดุ ฟันการใหค้ น้ คว้าเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั การบรู ณะฟนั โดยใช้แผ่นยางกนั นำ้ ลายการอดุ ฟนั แบบAtraumaticRestorative
Treatment:ARTและSilverModifiedAtraumaticRestorativeTechnique(SMART)รวมถึงเนน้ ใหใ้ ชภ้ าษาองั กฤษในการสอื่ สารดา้ นวิชาชีพ
เพือ่ เตรยี มนักศกึ ษาใหม้ ีความรู้ และทักษะท่ีทันสมยั เพอ่ื ใช้ปฏบิ ตั งิ านรกั ษาทางทนั ตกรรมกบั ผปู้ ว่ ยสมมตุ กิ อ่ นการปฏิบตั ิงานการรกั ษาทาง

ทนั ตกรรมในผปู้ ว่ ยจรงิ

ขัน้ สอน

บรรยายสรปุ ขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ านโดยใช้ Powerpoint

ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิ

1.แบ่งนิสติ ออกเป็นกลุ่มๆ ละ 10-12 คน

2.จัดเตรยี มเครอ่ื งมอื ตามรายการ“วัสดุอปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการเรยี นการสอน”

3.ปฏบิ ัติงานตาม “ขั้นตอนการทำงาน”

6

ข้นั สรปุ

ซกั ซอ้ มความเขา้ ใจ อธบิ าย แบบวดั ทกั ษะในปฏบิ ัติการ

**สอบวดั ความรเู้ ดมิ ก่อนเรยี นวิชาปฏิบัติการการเตรียมความพรอ้ มทันตกรรมคลินกิ นสิ ติ จะตอ้ งมคี วามรูเ้ ดมิ ผา่ นเกณฑ์ 60 %
จึงจะสามารถปฏบิ ตั ิงานในผู้ป่วยสมมตุ ไิ ด้ ******

กจิ กรรมของอาจารย์ประจำกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ าร

ใหอ้ าจารยป์ ระจำกลมุ่ พูดคยุ ถงึ ขนั้ ตอนและซักซ้อมความเข้าใจกบั นิสิตในกลมุ่ และตรวจสอบวา่ นิสติ ได้ไปเบกิ ชดุ

เครื่องมือมาสำหรับปฏบิ ัตกิ ารนีค้ รบถว้ นหรือไม่

1. ดแู ลนสิ ติ ในกล่มุ ทร่ี บั ผดิ ชอบ
2. อธบิ ายข้นั ตอนการทำงานในปฏบิ ตั กิ ารนี้
3. สาธิต การผสมน้ำนาบ้วนปากใหผ้ ปู้ ว่ ยกอ่ นการทำหัตถการ การหอ่ เครือ่ งมือเพอ่ื ส่งอบฆ่าเชอ้ื
4. แนะนำส่วนประกอบยนู ติ ทันตกรรม สาธติ วธิ กี ารปลอดเชอ้ื และ สอบการใช้ ดูแลและการทำปลอดเชื้อ
ยนู ิตทนั ตกรรม
5. สาธติ การตดิ ตง้ั ใชง้ าน และดูแลดา้ มกรอฟันเร็ว และดา้ มกรอฟนั ชา้ ชนิดหกั มุม (Contra angle handpiece)
6. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งการของใบรายการเครอื่ งมือ ดูแลยูนติ ทันตกรรมและการทำปลอดเชอ้ื
7. ให้คำแนะนำ แนะแนวทาง และสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานนสิ ติ แต่ละคน
8. ใหค้ ะแนนในใบประเมนิ ปฏบิ ตั ิการและคะแนนพฤติกรรมนสิ ติ แตล่ ะคน
กิจกรรมของนิสติ

1ศกึ ษาขั้นตอนการปฏบิ ตั ิงานจากคู่มือปฏิบตั กิ ารคลินกิ ทันตกรรมเบอ้ื งตน้

2นสิ ติ เบิก ชดุ ตรวจ แก้วนำ้ สำหรับผปู้ ่วย ดา้ มกรอฟันเรว็ (Airotor)ด้ามกรอฟนั ชา้ ชนิดหกั มุม(Contra angle
handpiece) จากหอ้ งจา่ ยกลางทจี่ ดั เตรยี มไว้ให้ ผ้าสะอาดผืนเล็กสำหรบั เช็ดยนู ติ ผา้ เช็ดมือสะอาด เขียนชอ่ื ลงใน
ใบรายการตรวจรับเครอ่ื งมอื แล้วใหเ้ ขียนช่อื นามสกลุ รหสั ประจำตวั ในค่มู ือเพ่อื ใช้ในการตรวจรับเครอ่ื งมอื

3จัดเตรยี มเคร่อื งมอื ตามรายการ “วัสดุอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการเรยี นการสอน”

4ปฏิบัตงิ านตาม“ข้นั ตอนการตรวจรับเคร่อื งมือ”และให้อาจารยป์ ระจำกลมุ่ ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ฝึกการเตรยี มน้ำยาบว้ นปากก่อนทำหตั ถการ
1 เตรยี มน้ำยาบ้วนปาก เบตาดีนการ์เกิล้ หรอื ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 % ทน่ี ักศึกษา จัดเตรียมาเอง

2 แก้วนำ้ สำหรับผปู้ ว่ ยคนละ 1 ใบ

3 นำ้ สะอาด 1ขวดนักศึกษานำมาเอง สามารถใชน้ ้ำด่มื ทมี่ ีจดุ บริการหนา้ คลินกิ ได้

4 เตรียมนำ้ ยาบว้ นปากก่อนทำหัตถการตามอัตราสว่ นทไี่ ดฟ้ งั บรรยายล่วงหนา้ มาแล้วและฝกึ ใหค้ ำแนะนำผปู้ ่วยใน
การบว้ นปาก

7

ฝกึ ปฏิบัติการใช้งานและดแู ลยนู ติ ทันตกรรม

1.สอบการใช้ ดแู ลและการทำปลอดเช้ือยูนิตทันตกรรม ถา้ มผี ้าห่อเครื่องมอื มาด้วยตอ้ งห่อกลับใหเ้ รียบร้อย
2.หลังจากทำงานเสร็จ ตอ้ ง ลา้ งเคร่ืองมือ เช็ดใหแ้ หง้

นำไปส่งคืนทหี่ อ้ งจ่ายกลาง
สอ่ื การเรยี นการสอน

1. คมู่ ือปฏบิ ตั ิการคลนิ ิกทันตกรรมเบอื้ งตน้
2. นำ้ ยาบว้ นปาก เบตาดีนการเ์ กิ้ลหรือไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ 3 %
3. เครอ่ื งมอื ทันตกรรม
4. ยูนิตทันตกรรม

การประเมินผล

1คะแนนจากแบบประเมนิ ทกั ษะการเตรยี มน้ำยาบ้วนปากก่อนทำหตั ถการ 20 คะแนน
15 คะแนน
2คะแนนสอบทักษะการใช้งาน ดแู ลและการทำปลอดเชอ้ื ยูนติ ทนั ตกรรม 10 คะแนน

3คะแนนจากแบบประเมนิ พฤตกิ รรมประจำวนั

เกณฑ์การประเมินผล

1. ผู้เรยี นต้องเขา้ เรียนอย่างนอ้ ย รอ้ ยละ80 ของเวลาเรยี น
2.ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนนสอบทักษะการใชง้ านดูแลและการทำปลอดเชือ้ ยูนิตทันตกรรมตัง้ แต6่ 0%ข้ึนไปจึงจะมสี ิทธ์ิเรียนใน

ปฏบิ ตั ิ การตอ่ ไป
3. ผู้เรียนต้องไดค้ ะแนนในแบบประเมินทักษะแตล่ ะปฏิบัติการ ตง้ั แต่60%ขน้ึ ไปจงึ จะมีสทิ ธขิ์ อประเมนิ ผลการเรยี น

4. ผเู้ รียนต้องได้คะแนนรวมจากแบบประเมินพฤติกรรมประจำวันตั้งแต6่ 0%ขนึ้ ไปจงึ จะมสี ทิ ธิ์ขอประเมินผลการเรยี น
ขั้นตอน การตรวจรับเครือ่ งมือ (Check in)

1. นิสติ จะใชใ้ บรายการเครอื่ งมือ ในคูม่ ือปฏบิ ัติการบทที่ 1 แล้วให้เขียนช่อื – นามสกลุ ,รหสั ประจำตวั
และหมายเลขยูนติ ทน่ี สิ ิตท้งั สองคนใช้ ทัง้ 2 คน ตรวจดูเครอ่ื งมือทแี่ จกให้วา่ ครบตามรายการทีใ่ หม้ าหรอื ไม่
ถ้าครบใหท้ ำเครือ่ งหมายถูก( /) ในชอ่ ง “มี” ถ้าไม่ครบให้เขยี นจำนวนทไ่ี ด้รบั จริงในช่อง “ มี ” ในใบรายการเครือ่ งมอื คลินิก
ทง้ั 2 ชดุ ใหต้ รงกัน

2. เชญิ อาจารยป์ ระจำกลมุ่ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและหากพบวา่ เคร่อื งมอื มตี ำหนหิ รือชำรดุ แต่พอใชง้ านไดใ้ หแ้ จง้ อาจารยท์ ราบเช่น,
Dappenglassรา้ วฯลฯเปน็ ตน้ พรอ้ มลงในช่อง“หมายเหตุ ”และใหอ้ าจารยป์ ระจำกลมุ่ คลนิ ิกเซ็นกำกบั ในใบรายการเครือ่ งมอื ท้ัง2ชดุ

3. กรณีมเี ครือ่ งมอื ขาด เสียหาย ชำรดุ ให้ นิสิต เขยี น “ ใบรายการเครอ่ื งมอื ขาด ” ใหอ้ าจารยป์ ระจำกลมุ่
คลินิกเซ็นและ นิสติ นำใบรายการดังกล่าวไปเบกิ เครื่องมือจาก “ห้องจา่ ยวัสด”ุ ถ้ามเี คร่ืองมือเกินให้เกบ็ คืนห้องจา่ ยกลาง
ประจำคลนิ กิ

8

4. หลังจากอาจารยป์ ระจำกลมุ่ คลินกิ ตรวจรับเคร่ืองมอื เรยี บร้อยแลว้ ใหเ้ ซน็ ชอ่ื กำกบั ในช่อง “check – in ”
พรอ้ มทง้ั ลงวัน เดอื น ปี ในใบรายการเครอ่ื งมอื คลินิกทัง้ 2 ชดุ ของคมู่ ือนิสิตทเ่ี ปน็ คูก่ นั (กรณมี ีการแก้ไขตวั เลขหรอื อักษรใดๆ
ต้องให้อาจารย์ประจำกลุ่มคลนิ กิ เซน็ กำกับทกุ ครงั้ )

5. นสิ ิตต้องดแู ลรกั ษาคมู่ อื ฯให้ดีหา้ มทำหาย

ระเบยี บการเบกิ จา่ ยวัสดุและเครอ่ื งมอื สำหรับนสิ ิต
********การยืม – คืนฯทหี่ อ้ งจา่ ยกลาง ให้นิสติ Scan QR code ทุกครั้ง ทม่ี ีการยืมและคืน************

นสิ ิตตอ้ งศกึ ษาวา่ ต้องใชเ้ ครอื่ งมือทีใ่ ดบา้ งในแต่ละปฏิบตั กิ ารโดยใหS้ can QR code ท่ีหน้าหอ้ งจา่ ยกลางและการคืนตอ้ งทำ
ความสะอาดและScan Codeคืนทกุ ครั้ง
1. นสิ ติ สามารถเบิกวสั ดดุ ังตอ่ ไปนที้ หี่ ้องจ่ายกลางไดใ้ นวนั ตรวจรับเคร่ืองมือวนั แรกและนำใส่ขวดทแี่ จกให้ได้แก่

นำ้ ยาย้อมสีฟันAlcoholล้างแผล

2. นสิ ติ สามารถตรวจสอบรายการยาและคา่ รกั ษาทางทันตกรรมไดท้ โี่ ตะ๊ อาจารย์ประจำกลมุ่ คลนิ กิ

3 . นสิ ิตสามารถเบกิ วสั ดุต่อไปน้ีไดท้ ี่หอ้ งจ่ายกลางโดยทเ่ี จ้าหนา้ ทจี่ ะ เปน็ ผหู้ ยบิ ให้

Etching Sealant Pumice

Fluoride Gel Fluoride Vanish ยาชาเฉพาะที่

ยาชา ไหมเย็บแผล เข็มเยบ็ แผล

การเปลย่ี นเครือ่ งมอื

ทำได้ 2 กรณี คอื

1.หลังจากการตรวจรบั เครอ่ื งมอื แล้วพบวา่ มเี ครือ่ งมอื ทจ่ี ่ายให้ชำรุดจนไมส่ ามารถใชง้ านไดใ้ หน้ สิ ติ ยนื่ ใบเปลย่ี นเครอ่ื งมือไวท้ ห่ี อ้ งจ่ายกลางประจำคลินกิ เพอื่ เป
ลีย่ นใหมใ่ นวนั น้ันไดเ้ ลยกรณไี มม่ เี ครอื่ งมอื ทดแทนใหน้ ดั หมายกับหอ้ งจ่ายกลางเพื่อขอรบั เครอ่ื งมอื ดังกลา่ วภายใน1อาทติ ยห์ ลังจากยนื่ ไปแลว้

2. ระหวา่ งการเรยี นการสอนวสั ดสุ น้ิ เปลืองเกดิ การชำรดุ จากการใชง้ านเชน่ rubbercup,mendrelforrubbercupเจา้ หนา้ ทีห่ ้องจา่ ยจะเปลี่ยนเครอ่ื งมอื ที่
นิสติ ส่งอาทิตยล์ ะ1ครง้ั คือในเชา้ วนั กอ่ นลงปฏบิ ตั ิงานให้นสิ ติ ตดิ ตอ่ รับเครอื่ งมอื ไดท้ ่หี อ้ งจา่ ยกลางในเชา้ วนั ศุกร์กอ่ นลงปฏิบตั ิงาน
วธิ ีการเขียนใบรายงานเพื่อเบกิ เปลยี่ น มดี ังนี้

▪ ใบเปลี่ยนเคร่อื งมือ

- ในกรณเี มอื่ วสั ดสุ ้ินเปลอื งเกดิ การชำรดุ เสยี หายจากการใช้งานเชน่ rubbercup,mendrelforrubbercupฯลฯ

- ใช้กรณที ี่เคร่ืองมอื ทีใ่ ชป้ ฏบิ ตั งิ านในคลนิ กิ ทันตกรรม เกดิ การชำรดุ เสียหาย ขณะปฏบิ ตั ิงาน

นสิ ิตต้องชี้แจงให้อาจารยผ์ ู้ควบคุมคลนิ กิ ทราบทนั ทถี ึงสาเหตุของการชำรดุ เสียหาย

- ในการเขียนใบเปลีย่ นเคร่ืองมือ ใหเ้ ขียนรายละเอียดทกุ ชอ่ งและแนบวัสดุเครอ่ื งมือที่จะไปด้วยทุกครั้ง

พรอ้ มทัง้ ตอ้ งมลี ายเซน็ อาจารย์ทีค่ มุ คลินิกในวนั นน้ั กำกบั มาด้วย โดยทีน่ สิ ิตไมต่ ้องเสยี คา่ ปรับ โดยสง่ มาในถงุ เครื่องมือขนาด

8 X 4 นิ้ว เย็บติดกบั ใบเปลยี่ นเครือ่ งมอื

9

▪ ใบรายการเครื่องมือขาด
ใช2้ กรณี คอื

1.ในวันตรวจรับเครอ่ื งมือ เมอ่ื พบว่ามเี คร่ืองมือทีภ่ าควิชาฯ จ่ายให้ไม่ครบตามใบรายการ Check in

นสิ ิตใหอ้ าจารย์ประจำกลุ่มลงนามในช่องหมายเหตตุ ่อจากช่องcheckinตามตัวอย่างและไปนำใบรายการเครอ่ื งมือขาดทโี่ ตะ๊

จ่ายกลางเพื่อเบกิ เครือ่ งมอื ทีข่ าดมาใหค้ รบและเมื่อเจา้ หนา้ ทจ่ี า่ ยเครอ่ื งมือใหค้ รบแลว้ ให้เจา้ หน้าทีเ่ ขียนเครอื่ งหมาย +

ตามจำนวนท่ขี าดและเชญิ อาจารย์ลงนามกำกับใน ใบรายการ check in(ทั้ง2ชุดคือในคมู่ ือนสิ ิต)หากทำตามระบบนเี้ รยี บรอ้ ย

ในวนั ทเ่ี จา้ หนา้ ทจี่ า่ ยเครื่องมือครบนสิ ติ จะไมต่ อ้ งเสยี คา่ ใช้จา่ ย

ตวั อยา่ ง การตรวจรับเคร่ืองมือและพบวา่ มีเคร่อื งมอื ทีข่ าดไปจากจำนวนท่ีควรไดร้ บั

ให้นิสต กรอกจำนวนเครื่องมอื ที่นบั ได้จริงในช่อง check in(ในคู่มือตนเองทั้งสองคน)และเรยี นใหอ้ าจารย์

ประจำกลมุ่ ทราบ ใหเ้ มอ่ื อาจารยล์ งนามเรยี บร้อยทง้ั ในใบรายการ check in (ทัง้ 2เล่ม)และใบรายการเครือ่ งมือขาด ให้นสิ ติ นำ
เอกสารท้ังใบรายการcheck in และใบรายการเคร่อื งมือขาดมายน่ื และขอเบกิ เคร่ืองมือทห่ี ้องจา่ ยกลาง

ตัวอยา่ งใบรายการตรวจรับเครอื่ งมือวิชาการเตรยี มความพรอ้ มคลนิ ิกทันตกรรม (กรณนี ิสติ ตรวจพบวา่ เคร่อื งมือขาด)

รายการเครื่องมอื จำนวน Check in หมายเหตุ Check out หมายเหตุ ราคา

1.เขม็ กรอฟัน

1.1 Bristle brush 22 50

1.2 rubber cup 2 1 1อ.รัชนี 50
วรรณ

1.3 mandrel for Rubber cup 22 50

2 วสั ดุอืน่ ๆ

2.1 ขวดยาเลก็ ใส่อลั กอฮอล์ 11 50

2.2 dappen glass 22 18

2.3 Cotton wool container 11 288

2.4 พกู่ นั etching - bonding 66 65

10

รายการเครอ่ื งมือขาด ( ในวัน Check in )

ช่อื – นามสกลุ นายก้องภพ สยบใจเสือและ นาย ต่อเตมิ เผดิมคลนิ กิ ………รหสั พรคี ลนิ ิก…A11,A12 Unit ท่ี36

ลำดบั ท่ี รายการ จำนวน ราคา

1 rubber cup 1-

ลงชื่อ นสิ ติ ………………กอ้ งภพ…และตอ่ เติม รวม -
……(ตวั บรรจง)………………………………………….

ลงชื่ออาจารย์ …………อ.รชั นีวรรณ……………………………………….

…16……….. / ……ก.ค..…… / …63…………

เมื่อเจา้ หนา้ ท่ใี นห้องจ่ายกลาง จ่ายเคร่ืองมอื เพ่มิ จะลงจำนวนทีจ่ า่ ยให้และลงนามในcheck in ในใบรายการทงั้ 2ชดุ
เพอ่ื ยนื ยนั ว่าไดร้ ับเครืองมอื แต่หากเครือ่ งมอื ท่ีขาดยังไมม่ ีจ่ายต้องรอจนกว่าเจ้าหน้าทนี่ ัดหมายจ่ายเพมิ่ เติมใหอ้ ีกครง้ั

ใบรายการตรวจรับเครื่องมือวชิ าการเตรยี มความพร้อมคลินิกทนั ตกรรม (นสิ ิตขอเบกิ เครอ่ื งมือทข่ี าดแล้ว)

รายการเครอื่ งมอื จำนวน Check in หมายเหตุ Check out หมายเหตุ ราคา

1.เข็มกรอฟนั

1.1 Bristle brush 22 50

1.2 rubber cup 2 1+1 จนท 1อ.รัชนีวรรณ 50

1.3 mandrel for Rubber cup 2 2 50

2.กรณที น่ี ิสติ เปน็ ผูท้ ำให้เครื่องมือเกิดการเสยี หายนอกเหนอื ขณะปฏบิ ัติงานและเปน็ เคร่อื งมือท่มี ีอยู่ในรายการใน

คลังพัสดุนสิ ติ ตอ้ งเปน็ ผ้ซู ื้อเครือ่ งมอื ในรายการทขี่ าดน้นั เองหมายเหตุใบเปล่ียนเครอื่ งมือและรายการเครอ่ื งมอื ขาดจะอยู่ใน
ค่มู อื

กรณนี สิ ิตทำความเสียหายกบั วัสดุ อุปกรณห์ รือเคร่อื งมืออื่นๆซ่ึงไม่มสี ำรองในคลงั พสั ดนุ สิ ติ ต้องเปน็ ผ้รู บั ผิดชอบ

คา่ เสียหายเองทั้งหมด ได้แก่ อปุ กรณ์ยูนติ ทอ่ นำแสงเครื่องฉายแสง เปน็ ต้น

ใน วัน check out เครื่องมือ นิสติ ตอ้ งรายงานตวั เลขของเครืองมอื ตามที่เหลอื อยูจ่ รงิ ในช่อง checkout
และให้อาจารยล์ งนามกำกบั ทั้ง 2ชุด หากตรวจพบวา่ มเี คร่อื งมอื ขาด ให้ เขยี นในใบรายการเครอื่ งมือขาดและ
อ.ประจำกลุ่มลงนาม มานำยืน่ ทห่ี อ้ งจ่ายกลางเพื่อใชป้ ลอดหน้ี

11

ใบรายการตรวจรบั เคร่อื งมือวิชาการเตรยี มความพร้อมคลนิ กิ ทนั ตกรรม (กรณีนสิ ติ ตรวจพบว่าเครอื่ งมือขาดวนั check out)

รายการเคร่ืองมอื จำนวน Check in หมายเหตุ Check out หมายเหตุ ราคา

1.เขม็ กรอฟนั

1.1 Bristle brush 22 1 1อ.รัชนีวรรณ 50

1.2 rubber cup 22 2 50

1.3 mandrel for Rubber cup 2 2 2 50

2 วัสดุอ่นื ๆ

2.1 ขวดยาเลก็ ใสส่ ยี อ้ มฟนั 11 2 50

2.2 dappen glass 22 2 18

2.3 Cotton wool container 11 1 288

2.4 พูก่ ัน etching - bonding 66 6 65

2.5ถาดหลมุ (บาง/หนา) 11 1 100

รายการเครือ่ งมอื ขาด ( ในวัน Check out )

ชือ่ – นามสกุลนายก้องภพ สยบใจเสือและ นาย ตอ่ เติม เผดมิ คลนิ กิ ………รหสั พรีคลินิก…A11,A12 Unit ที่36

ลำดบั ที่ รายการ จำนวน ราคา

1 Bristle brush 1 50

ลงชือ่ นสิ ติ ………………กอ้ งภพ…และต่อเตมิ ……(ตัวบรรจง)…………………………………………. รวม 50

ลงชอื่ อาจารย์ …………อ. รชั นีวรรณ……………………………………….

…16……….. / ……ก.ค...…… / …63…………

************หาก นสิ ิตไมท่ ำการปลอดหนไี้ ม่สามารถลงทะเบียนเรยี นวิชาเทอม 2 ตอ่ ไปได*้ *******************

การเตรยี มพร้อมเครอ่ื งมอื

หลังจากตรวจรับเครื่องมือเรยี บร้อยแลว้ ให้นิสติ ปฏิบตั ดิ งั ต่อไปน้ี

1. ฝกึ จัดชุด ห่อเครื่องมือและนำสง่ อบท่หี ้องSupply กลาง กับคณุ ยพุ ณิ

12

1.1 นำชดุ ตรวจ ทไี่ ดร้ บั มา ฝกึ ลา้ งใหส้ ะอาดและเชด็ ด้วยผ้าสะอาดทเี่ บกิ มาจากห้องจ่ายกลางใหแ้ ห้งฝกึ การจดั ชดุ ห่อเครื่องมือ
เขยี นกำกับวา่ ชุดตรวจเพ่อื นำส่งอบ

1.2 ฝึกลา้ งเข็มกรอฟนั เช็ดให้แห้งนำไปผ่านนำ้ ยากนั สนิม ลา้ งน้ำกลน่ั โดยตอ้ งแยก Rubber Cup Bristel Brushออก
ห้ามนำส่งอบเพราะจะทำใหล้ ะลาย

1.3 ฝึกลา้ งหวั กรอความเร็วสูง หวั กรอความเร็วตำ่ ดว้ ยแปรงสีฟันล้างเคร่ืองมือและน้ำยาล้างจานท่ีใหเ้ ตรยี มมาเอง
เชด็ ด้วยผา้ สะอาดทเ่ี บิกมาจากห้องจา่ ยกลางให้แห้งโดยปกติแลว้ การจัดชุดเครื่องมือในแต่ละแบบจะมดี งั นี้

2.ใหศ้ กึ ษาด้วยตนเองวา่ แตล่ ะปฏบิ ัตจิ ะใชเ้ คร่ืองมือใดบ้างเพือ่ เบกิ มาใช้ในวันที่มีเรยี นปฏบิ ัติการน้ันๆ
ชดุ เคร่ืองมอื ทส่ี มบรู ณจ์ ะประกอบด้วย

2.1 ชุดตรวจ จำนวน 1ชุด แตล่ ะชุดประกอบด้วย

2.1.1 Shallow tray 1 ใบ

2.1.2 Explorer 1 ตวั

2.1.3 Mouth mirror 1 อัน

2.1.4 Cotton pliers 2 ตวั

2.2 ชุดขดู หินน้ำลาย จำนวน 1ชุด แต่ละชดุ ประกอบดว้ ย

2.2.1 Periodontal probe 1 ตวั

2.2.2 Sickle 1 ตัว

2.2.3 Curette 4R / 4 L 1 ตัว

2.2.4 Curette 13 / 14 1 ตัว

วธิ ีการ

1. ให้ฝกึ หอ่ เครอ่ื งมอื ดว้ ยห่อผา้ เป็นชดุ ๆ พร้อมทง้ั เขยี นชื่อ และรหัสยูนติ คลนิ กิ ของนสิ ติ ท้งั สองคนท่ถี งุ ผา้

แลว้ นำไปสง่ อบ

2. cotton wool container, ให้ลา้ งทำความสะอาดและเชด็ ให้แห้งจัดใสถ่ ุงเครอื่ งมอื พรอ้ มทง้ั เขียนชื่อ

และรหสั คลินิกของตนเองที่เทปทบึ บนผา้ ห่อเคร่อื งมอื แลว้ ส่งอบยกเวน้ มวี สั ดุ ใช้ร่วมกันกับปี4 วางอยูท่ ย่ี ูนติ คอื tray cylinder,

dressing forceps ปี3 ไมต่ ้องสง่ อบ

3. ล้างทำความสะอาดขวดยาต่างๆ เชด็ ให้แห้ง แล้วเบิกน้ำยาบรรจไุ วใ้ ห้ไดป้ ระมาณครึ่งขวด เชน่ สยี อ้ มฟัน

4. กรณีนใ้ี ช้ ยูนิตรว่ มกับ ชน้ั ปที ่ี 4 ในข้นั ตอนน้จี งึ ไม่ได้ทำ แตใ่ หส้ ังเกตุทพ่ี ปี่ 4ี ทใี่ ช้ยนู ติ รว่ มกันจัดวางไว้

(แต่เม่ือขึ้นวิชาทนั ตกรรมผสมผสานตอ้ งทำเอง คือปูผ้าพลาสติกทุกลิน้ ชัก แยกประเภทจัดเกบ็ เครื่องมอื

โดยตดิ กระดาษกาวและเขียนชอ่ื ประเภทเครอ่ื งมอื ดา้ นหนา้ ลิ้นชักเชน่ ชุดตรวจ ชดุ ขดู หนิ ปูน ชุดอดุ ฟัน และเครอ่ื งมอื อน่ื ๆ

เป็นตน้ )

5. เติมนำ้ สะอาดในกระบอกนำ้ ขา้ งยนู ิตประมาณ 3/4

6. เชด็ ทำความสะอาดยนู ติ และบริเวณรอบๆ ยูนติ ให้สะอาดเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย

7. เชญิ อาจารยป์ ระจำกลุ่มตรวจและใหอ้ าจารยล์ งนามในใบรายการเครื่องมือทัง้ 2 ชดุ ในค่มู อื ของนสิ ิตทั้งคู่

13

8. เขม็ กรอฟนั ท่ไี ดร้ ับแจก เชน่ Rubber cup rubber brush และ mandrel ให้ฝึกแช่น้ำยาฆ่าเชื้อประมาณ 10นาที
และนำมาผา่ นน้ำกลน่ั อกี 10นาที ทีโ่ ต๊ะประจำกลมุ่ จากนั้นเช็ดให้แหง้ เก็บเข้าภาชนะ plateแก้วที่แจกให้
ห้ามนำไปอบเพราะ ยางจะละลาย จนใชก้ ารไม่ได้
ข้นั ตอนการตรวจคนื เคร่อื งมือ(Check out)

1. นสิ ติ ตรวจนับเครอื่ งมือให้ครบ ตามรายการเคร่อื งมอื ท่ีได้ตรวจรับ (Check in)ท้ัง 2 ชดุ
2. ถ้ามเี คร่ืองมือชิน้ ใดขาด ให้เขียน “ใบรายการเครือ่ งมอื ขาด” พร้อมใหอ้ าจารย์เซ็นกำกับ
3. นำสง่ ท่ีหอ้ งจา่ ยกลาง โดยเย็บติดกับใบรายการเครื่องมือ และตดิ ตามชำระเงนิ ใหเ้ รยี บรอ้ ย

มิฉะนน้ั จะไมไ่ ดร้ บั การพจิ ารณาเกรด
4. อาจารย์ประจำกลมุ่ เซน็ กำกับ ในช่องตรวจคนื เคร่อื งมอื

“ การแก้ไขในใบรายการเคร่อื งมอื
ต้องมีลายเซ็นอาจารย์กำกับทกุ ครง้ั หา้ มใชน้ ้ำยาลบคำผดิ จงึ จะถือวา่ ถูกต้อง ”

เนือ้ หาประกอบการเรียน

การเตรียมนำ้ ยาบว้ นปากก่อนทำหัตถการ

ทพญ. วรนั ธร อักษรศริ ิ
การใช้นำ้ ยาบว้ นปาก (Prepocedural rinsing)

การบ้วนปากหรอื การแปรงฟนั สามารถลดปรมิ าณเชือ้ ทีอ่ อกมากับละอองฝอยในขณะให้การรกั ษาทางทนั ตกรรม
ไดม้ ากถงึ 70-95 % ก่อนเร่มิ ทำหัตถการ ให้ผูป้ ว่ ยบว้ นปากด้วยนำ้ ยาบว้ นปากทีท่ นั ตแพทยสภาแนะนำ โดยให้อมกลัว้ ในชอ่ ง
ปาก 1 นาที แล้วบ้วนทง้ิ เพอ่ื ประสทิ ธภิ าพในการฆา่ เชอ้ื ยาจะมีประสิทธภิ าพในการควบคมุ เช้อื 4 ชวั่ โมงหลังใช้ น้ำยาบ้วน
ปากท่ีทนั ตแพทยสภาแนะนำ ไดแ้ ก่
1. 0.2% หรือ 0.5% Povidone Iodine
วิธีการเตรียม

เตรียมจาก Betadine ® Gargle 70 mg/ml ใหเ้ ปน็ 0.2% หรอื 0.5% Povidone Iodine
a) 0.2% Povidone Iodine (ครอบคลุมแบคทเี รยี และไวรสั )
: ใช้ Betadine ® Gargle 1 มิลลลิ ิตร ในนำ้ 30 มลิ ลิลติ ร
b) 0.5% Povidone Iodine (ครอบคลุมแบคทเี รยี ไวรสั และเช้ือรา)
: ใช้ Betadine ® Gargle 2 มิลลิลิตร ในนำ้ 30 มิลลิลติ ร

14

ขอ้ ควรระวงั
- ห้ามใช้ในผูป้ ว่ ยทม่ี ปี ระวตั แิ พ้ไอโอดีนและอาหารทะเล
- หา้ มใชใ้ นผู้ปว่ ยที่มีการทำงานของตอ่ มไทรอยด์ผิดปกติ
- ห้ามใชใ้ นผ้ปู ว่ ยโรคไต
- หา้ มใชใ้ นผู้ปว่ ยทไ่ี ดร้ บั การรักษาโรคด้วยลิเทยี ม
- ห้ามใช้ในผ้ปู ว่ ยตัง้ ครรภ์ ผ้ปู ่วยในระยะให้นมบตุ ร และผปู้ ่วยเดก็ อายตุ ำ่ กว่า 6 ปี
- ยามีอายกุ ารใชง้ าน 6 เดอื นหลังเปิดใช้
หากผู้ปว่ ยมขี อ้ ห้ามในการใช้นำ้ ยาบว้ นปากดังกล่าว ให้พจิ ารณาใช้นำ้ ยาบ้วนปากอยา่ งใดอย่างหนึ่งในขอ้ 2 หรอื 3

2. 1% hydrogen peroxide (H2 O2)
วธิ ีการเตรียม

เตรียมจาก
- 3% hydrogen peroxide ผสมกบั นำ้ เปล่าในอตั ราสว่ น 1:2 (H2 O2: นำ้ )
- 6% hydrogen peroxide ผสมกบั น้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:5 (H2 O2: นำ้ )
ขอ้ ควรระวัง
- อาจก่อใหเ้ กิดการระคายเคอื งค่อนข้างสงู จงึ ห้ามใชใ้ นผู้สูงอายุ ผู้ทีป่ ากแห้งนำ้ ลายนอ้ ยหรือมแี ผลใน

ชอ่ งปาก และผปู้ ่วยทีม่ ีแผลถอนฟนั
- หลกี เลยี่ งการใช้ในเด็กเล็ก หรือผปู้ ่วยทไี่ ม่สามารถควบคมุ การกลืนได้

3. 0.12% chlorhexidine (C-20 mouthwash)

ขอ้ ควรระวงั
- อาจเกดิ การระคายเคอื งในกรณที ผ่ี ้ปู ว่ ยทไ่ี มส่ ามารถควบคมุ การกลนื ได้ เชน่ ผปู้ ว่ ยเดก็ หรือผู้ปว่ ยสูงอายุ ให้ใช้
ผ้ากอ๊ ซหรอื สำลีชุบนำ้ ยาบว้ นปากเช็ดภายในชอ่ งปากแทนการบ้วนน้ำยา

15

คำแนะนำของทันตแพทยสภาการเตรียมเคร่ืองมือเพอ่ื ใชใ้ นการรักษาผปู้ ่วย

ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของ COVID19

เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการรกั ษาผูป้ ่วย หากเป็นเคร่อื งมือทีม่ กี ารใช้ซำ้ มขี อ้ พิจารณาดงั น้ี

• เครื่องมือที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการทำให้เกิดการติดเชื้อสูง ได้แก่ เครื่องมือทางศัลยกรรม ต้องผ่านการทำให้
ปลอดเชอื้ อย่างสมบรู ณ์ หรือหากไม่สามารถทำได้ ก็ควรเปน็ ชนิดท่ใี ชค้ รงั้ เดียวท้ิง

• เครื่องมือที่ทำให้เกดิ ความเสี่ยงในการทำให้ตดิ เชือ้ ปานกลาง ได้แก่ เครื่องมือที่นำเข้าสู่ชอ่ งปาก ต้องทำให้ปลอด
เช้ืออย่างสมบูรณห์ รือฆา่ เชือ้ ด้วยนำ้ ยาฆา่ เชอื้ ท่มี ีประสทิ ธิภาพสงู

• เครื่องมือท่ีทำให้เกดิ ความเสี่ยงในการติดเช้ือต่ำ ได้แก่ เครื่องมอื หรอื อุปกรณ์ทีอ่ ยูภ่ ายนอกช่องปาก ก่อนนำมาใช้
ซ้ำ ตอ้ งทำความสะอาดและฆา่ เชื้อดว้ ยสารฆา่ เชือ้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพปานกลาง ซึง่ สามารถฆา่ เชอ้ื วัณโรคได้

• ด้ามกรอฟัน (Handpiece) ก่อนนำมาใช้งานต้องทำให้ปลอดเชื้ออย่างสมบูรณ์เสมอ เมื่อเริ่มต้นงานในแต่ละวัน
กอ่ นต่อด้ามกรอฟันกับท่อนำ้ /ลม ให้เหยยี บสวิตช์ด้ามกรอฟนั นาน 2-3 นาที เพ่ือให้นำ้ ไหลผา่ นทำความสะอาดและ
ชะล้างสิ่งสกปรกและเชื้อจุลินทรีย์ที่ตกค้างใน Water line ออกก่อน และเมื่อสิ้นสุดการรักษาผู้ป่วยแต่ละราย ให้
เหยยี บสวิตช์ดา้ มกรอฟนั นาน 20-30 วินาทีเพือ่ ไลส่ งิ่ สกปรกออกจากท่อน้ำ/ลม โดยยังไมถ่ อดเขม็ กรอฟนั (Dental
bur) ออก จากน้ันจงึ ถอดดา้ มกรอฟันออกไปทำความสะอาดและทำใหป้ ลอดเช้ือ

การทำความสะอาดพนื้ ผิวสัมผสั ต่าง ๆ

พ้ืนผวิ ภายในคลินกิ ทันตกรรม สามารถจัดแบง่ ตามความเสย่ี งในการทำใหเ้ กิดการตดิ เชอ้ื ได้ 2 ประเภท ซ่งึ แตล่ ะ
ประเภทจะต้องดูแลกอ่ นและหลังการใชง้ านเพ่ือป้องกันไมเ่ กิดการตดิ เชื้อและแพรก่ ระจายเชอื้ แตกต่างกัน ดงั นี้

1. พ้นื ผวิ ที่สมั ผสั ในขณะให้การรกั ษาผู้ป่วย (Clinical Contact Surfaces) ไดแ้ ก่ พื้นผิวต่าง ๆ ท่ีทนั ตแพทย์ หรอื ผู้ชว่ ย
ทันตแพทย์ขา้ งยนู ติ ทำฟันมกั จะสมั ผสั ขณะใหก้ ารดูแลรกั ษาผ้ปู ว่ ย เชน่ ถาดทต่ี ิดมากบั ยนู ติ เพือ่ วางชดุ เคร่อื งมอื ที่ใช้ใน
การรักษา ดา้ มปรบั ไฟ ด้ามหวั ฉดี นำ้ และลม อ่างบ้วนปาก ปมุ่ ปรับเกา้ อี้ เปน็ ต้น พน้ื ผวิ เหลา่ น้จี ะเกิดการปนเปอื้ น
ภายหลงั การรักษาเสมอ ซ่งึ เกดิ ไดท้ งั้ จากละอองฝอยของสารคดั หล่ังท่ีกระเด็นและตกลง หรือจากการสัมผสั ของทันต
บคุ ลากร พนื้ ผวิ เหลา่ นต้ี อ้ งไดร้ ับการดูแลอย่างเหมาะสมทัง้ กอ่ นและหลังให้การรักษาผปู้ ่วยแตล่ ะราย ด้วยวิธีใดวิธีหน่งึ ใน
สองวิธดี ังนี้
a) การเช็ดทำความสะอาด แล้วตามด้วยการฆา่ เชื้อ โดยใชส้ ารฆ่าเชอ้ื ทมี่ ีประสทิ ธิภาพในการฆา่ เชือ้ ระดบั ปานกลาง
เชน่ โซเดยี มไฮโปคลอไรต์ 0.5% นาน 10 นาที หากเลือกใชน้ ้ำยาหรือสารฆา่ เชือ้ อน่ื ก็ต้องศึกษาวา่ สว่ นผสมควรเปน็
เทา่ ใด และทส่ี ารฆา่ เชอ้ื ต้องสัมผสั กับพื้นผวิ เป็นเวลานานเทา่ ใดจึงจะ มปี ระสิทธิภาพสงู สุด ทงั้ นีต้ ้องศกึ ษาเอกสาร
ของผ้ผู ลิตกอ่ นการใชง้ านทุกคร้ัง วิธีนี้ไมเ่ หมาะกบั พน้ื ผวิ ท่ีเป็นซอกหลืบหรือจดุ อับทกี่ ารทำความสะอาดเข้าไปไมถ่ ึง
b) การคลมุ พ้นื ผวิ ไดแ้ ก่ การเลอื กวัสดุที่บางและป้องกันของเหลวซมึ ผา่ น เช่น พลาสตกิ ทใ่ี ช้ห่ออาหาร (Plastic Wrap)
ถงุ พลาสตกิ มาคลมุ พนื้ ผิวท่ตี ้องการดูแลเพื่อไมใ่ หพ้ น้ื ผวิ ที่ไดร้ ับการปกคลุมน้ัน ๆ เกดิ การปนเปื้อนในระหว่างการ
ดูแลผปู้ ่วย กอ่ นการคลุมพื้นผวิ ต้องมัน่ ใจว่าพื้นผวิ นนั้ สะอาดและผ่าน การฆา่ เชอื้ แลว้ ดว้ ยนำ้ ยาฆ่าเช้ือทม่ี ี
ประสทิ ธภิ าพระดับปานกลาง ซงึ่ สามารถฆา่ เชอื้ วัณโรคได้ ภายหลงั การรักษาผู้ปว่ ยแตล่ ะราย ใหแ้ กะวสั ดุท่คี ลมุ
พน้ื ผิวออก โดยยังสวมถงุ มอื อยู่ จากน้นั ใหถ้ อดถงุ มือ ล้างมือใหส้ ะอาด และถ้าพน้ื ผิวท่คี ลุมไมเ่ กดิ การปนเปื้อนใดๆ ก็

16

ใหค้ ลมุ พื้นผิวสำหรับผ้ปู ่วยรายต่อไปได้เลย แต่หากมีการปนเป้อื นบริเวณใด กต็ อ้ งทำความสะอาดและฆา่ เชือ้ ก่อนที่
จะคลมุ พ้นื ผิวสำหรบั ผู้ปว่ ยรายตอ่ ไปเสมอ
หมายเหตุ: ต้องไมว่ างวสั ดุอุปกรณท์ ี่ไม่เก่ยี วขอ้ งกับการรักษาผ้ปู ว่ ยรายน้นั ๆ ในบรเิ วณทีใ่ ห้การรกั ษา เพอ่ื ปอ้ งกัน
การสะสมของเช้ือจุลนิ ทรยี แ์ ละเชอื้ ท่ีกอ่ ใหเ้ กิดโรค COVID-19 โดยไมจ่ ำเปน็ หรอื ถา้ จำเปน็ ตอ้ งวางในพ้ืนท่ีใหก้ ารรักษา
เมือ่ เสร็จส้ินการรกั ษาในผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายจะต้องนำไปทำให้ปลอดเชอื้ หรอื ฆา่ เชื้อ หรือเปล่ยี นวสั ดทุ ่ีคลมุ ใหมท่ ุกคร้งั
2. พนื้ ผิวทั่วไป เช่น ผนงั โตะ๊ เก้าอี้ ลน้ิ ชัก แปน้ พมิ พค์ อมพวิ เตอร์ พ้นื ห้อง เปน็ ตน้ จะมีโอกาสเกิดการ ปนเปอ้ื นจากละออง
ฝอยทม่ี เี ชือ้ จลุ ินทรียป์ ะปนลอ่ งลอยและตกลงมา สถานพยาบาลควรกำหนดให้มกี าร ดแู ลและทำความสะอาดตามระดับ
ความเสย่ี งในการปนเปือ้ นเชื้อ ดังนี้
a) พน้ื ผิวสมั ผสั ท่วั ไปท่ไี มม่ ีจดุ อบั เชน่ ผนงั โต๊ะ เกา้ อี้ ลิน้ ชัก แนะนำให้เชด็ ถทู ำความสะอาดดว้ ยนำ้ สบู่ หรือนำ้ ยาฆา่
เช้อื บ่อย ๆ
b) พน้ื ผวิ สัมผสั ท่ัวไปท่ีมีซอกหลบื เชน่ แปน้ พิมพ์คอมพิวเตอร์ แนะนำให้ใชว้ สั ดปุ ดิ คลมุ พืน้ ผวิ เชน่ Plastic Wrap และ
ควรเปลยี่ นบ่อยๆ
c) พื้นหอ้ งและพนื้ ผิวทว่ั ไปในสว่ นทผ่ี ปู้ ่วยน่งั รอ ควรทำความสะอาดทุก 1 ชวั่ โมง หรอื เพิม่ เป็นทุก 30 นาทหี ากมผี มู้ า
รับบรกิ ารจำนวนมาก โดยเฉพาะในจุดท่ีผู้มารับบริการมกั ใชม้ ือจบั หรือสัมผสั
หมายเหต:ุ ในกระบวนการฆ่าเชือ้ ตามพืน้ ผวิ ตา่ ง ๆ แนะนำใหใ้ ช้วิธีการเช็ด ไมแ่ นะนำใหใ้ ช้การฉีดพน่ หรอื สเปรย์
เนื่องจากละอองฝอยของสารฆา่ เชอ้ื จะมีผลตอ่ ระบบทางเดินหายใจของผทู้ ำงาน เพ่มิ โอกาสในการฟุง้ กระจายของ
เชอ้ื จุลินทรีย์ และอาจทำการฆา่ เชอ้ื ไดไ้ ม่ทวั่ ถึง
การทำให้ปราศจากเช้อื อยา่ งสมบรู ณ์

คอื การฆา่ เชอื้ โดยใช้เครอื่ งอบฆา่ เชอื้ ตา่ งๆ ดังน้ี

- เครือ่ งอบความดนั ไอน้ำ (Autoclave) อณุ หภมู ิ 121 องศาเซลเซยี ส นาน 15 นาที หรอื อณุ หภมู ิ 134 องศา
เซลเซียส นาน 3 นาที

- ตู้อบอากาศรอ้ น อุณหภมู ิ 160 องศาเซลเซยี ส นาน 60 นาที แต่มขี ้อเสยี คือ ใชเ้ วลานาน ทำให้เครื่องมือเสียเรว็ มาก
- ใชน้ ำ้ ยาเคมี เช่น อัลดไี ฮด์ ไอโอโดฟอร์ และคลอรอ็ กซ์มขี อ้ เสียบางประการคือ มีกดั กร่อน เครอ่ื งมือโลหะบางชนดิ

สารฆ่าเชือ้ (Disinfectant)

สารฆา่ เชือ้ มีความสามารถในการทำลายเชอ้ื ได้ 3 ระดบั คอื

1. สารฆ่าเชอื้ ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพสูง (High-level disinfectant) เป็นสารเคมีทส่ี ามารถทำลายไดท้ ง้ั แบคทเี รีย
(vegetative, mycobacteria, spore) เชือ้ รา และไวรสั จงึ เหมาะสำหรบั ใชท้ ำให้ปลอดเช้อื ในอปุ กรณท์ ี่ต้องการ
ปลอดเช้ืออย่างยิ่ง สารฆ่าเชอื้ ในกลุม่ นี้ ได้แก่
- กลตู าอัลดไี ฮด์ท่คี วามเขม้ ขน้ มากกว่า 2% ข้นึ ไป (Glutaraldehydel)
- คลอรีนไดออกไซด์ (Chlorine dioxide)
- ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซต์ (7.3% Hydrogenperoxide)
- กรดเพออะซติ ิก (0.08% Peracetic acid)
- ฟอร์มาลดไี ฮด์ (Formaldehyde) หรอื น้ำยาฟอร์มาลิน

17

2. สารฆา่ เชือ้ ที่มีประสิทธิภาพปานกลาง (Intermediate-level disinfectant) เปน็ สารเคมที ่สี ามารถทำลายเช้ือ
แบคทเี รีย ไมโครแบคทเี รยี รา และไวรสั บางชนดิ แต่ไม่สามารถทำลายสปอรข์ องจลุ ชีพและไวรสั ชนิด non-lipid
small size สารฆา่ เชอ้ื ในกลมุ่ น้ี ได้แก่
- เอทานอล (Ethanol) หรือไอโซโพรพานอล (Isopropanal) ทค่ี วามเข้มข้น 70% ขนึ้ ไป
- สารประกอบประเภทคลอรีน ได้แก่ ไฮเปอรค์ ลอรัสหรือคลอรนี ไดออกไซด์ (Chlorine compounds:
hypochlorous acid gaseous chlorine หรือ Chlorine dioxide)
- ฟนิ อลกิ (Phenolic)
- ไอโอโดฟอร์ (Iodophor)
- ทิงเจอร์ (Tincture)

3. สารฆา่ เชื้อท่มี ีประสิทธภิ าพตำ่ (Low-level disinfectants) เป็นสารเคมที ่ีสามารถทำลายเชอ้ื แบคทเี รยี ชนิด
vegetative form และเช้ือราได้ แต่ไมส่ ามารถทำลายเชอื้ ไมโครแบคทเี รยี และเชือ้ ไวรัส สารเคมีบางชนิดในกลุ่มนี้
เม่อื เพ่ิมความเข้มข้นขึ้นจะมคี ณุ สมบตั ิท่เี หมาะสำหรับใช้ฆา่ เชือ้ อปุ กรณ์ท่ไี ม่จำเป็นตอ้ งปลอดเช้ือมากนกั สารฆา่ เช้ือ
ในกลุ่มน้ี ได้แก่
- สารควอเทอร์นารแี อมโมเนยี ม (Quaternary ammonium compounds)
- คลอรเ์ ฮกซิดนี (Chlorhexidine)
- คลอโรไซลีนอล (Chloroxylenol)
- เซตรไิ มด์ (Cetrimide)
- เบนซาลโคเนยี มคลอไรต์ (Benzalkonium chloride)
อ้างอิง

1. https://www.thaidental.or.th/main/download/upload/upload-204211344051371.pdf
2. http://www.dent.chula.ac.th/upload/download/30/file_11_1041.pdf
3. https://www.mhesi.go.th/home/index.php/pr/news/1412-2020-04-20-08-48-14
4. https://www.royalthaident.org/source/announce/2563/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0

%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%
B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%20COVID-19.pdf

18

การใชด้ ูแลและการปลอดเช้ือยูนติ ทันตกรรม

ข้ันตอนการฝกึ ปฏิบัติ
1.อาจารยส์ าธิตการใช้งานและดูแลรกั ษายูนิตทันตกรรมสว่ นต่างๆ ไดแ้ ก่ เก้าอีผ้ ู้ป่วย เก้าอ้ที ันตแพทย์ อา่ งบว้ นปาก

ที่วางแก้วนำ้ กระบอกน้ำ ท่ีฉดี น้ำ 3 ทาง และโคมไฟ
2.อาจารยส์ าธิตการติดต้งั ใชง้ านด้ามกรอฟันเร็ว และด้ามกรอฟนั ช้าชนิดหักมุม (Contra angle handpiece)

และสาธติ การดแู ลรกั ษาและทำใหป้ ลอดเช้ือดา้ มกรอฟันแบบหักมมุ โดยการหลอ่ ลืน่ น้ำมนั สาธิตแบบสเปรย์
และใชเ้ ครอ่ื งลา้ งและหลอ่ ลื่นด้ามกรอฟนั

3.นสิ ิตจบั คู่กนั ฝกึ ปฏิบตั ติ ามทอี่ าจารย์สาธติ โดยอาจารยช์ ว่ ยให้คำแนะนำ
4.อาจารยป์ ระเมินการฝึกปฏิบัติ โดยใหน้ ิสิตปฏิบัตใิ หด้ รู ายบุคคล และประเมินให้คะแนนการฝกึ ปฏบิ ัติ

เครอื่ งอดั อากาศทางทนั ตกรรม

https://images.app.goo.gl/n1MdpyWXLqcY2kqU8

สว่ นประกอบ
1. สว่ นอัดอากาศ (Compressor unit) ทำหนา้ ท่ีอดั อากาศเพื่อเข้าไปเก็บในส่วนเก็บอากาศเพ่อื นำมาใชง้ าน

ท่ีนิยมใช้ทั่วไปเปน็ แบบลูกสบู ประกอบด้วย ลกู สบู ล้นิ เขา้ -ออกของลม ข้อเหว่ียง ไส้กรองอากาศ วงลอ้ ทดรอบ
2. สว่ นให้กำลงั ในการผลติ อากาศอดั (Motor) เปน็ ต้นกำลังส่งแรงฉุดสว่ นอัดอากาศ โดยอาศยั สายพานส่งผ่านกำลัง
3. ส่วนเกบ็ อากาศ หรอื ถงั ลม เป็นส่วนที่เก็บอากาศท่ไี ด้จากสว่ นอดั อากาศส่งผา่ น Check valve เพื่อใหอ้ ากาศ

ไมไ่ หลย้อยกลบั ออกจากถังลม
4. Safety relief valve เปน็ วาลว์ ทีป่ ้องกันการอดั อากาศเกินพกิ ดั ของความจถุ ังลม เม่อื แรงดนั อากาศเกนิ พิกดั

วาลว์ น้ีจะเปดิ ระบายลมออกจากถงั ลม
5. Filter & Regulator ทำหน้าที่กรองฝุ่นผงและน้ำออกจากอากาศท่ีจะนำไปใชง้ าน พรอ้ มท้ังควบคุมแรงดนั ลม

ให้คงทนี่ ้ำทีป่ นมากบั อากาศจะถกู แยกและตกอยกู่ น้ ชุดกรองเพื่อระบายออกทงิ้

19

6. Pressure gauge ทำหน้าท่แี สดงคา่ ของแรงดนั ลมทีอ่ ยู่ในถัง
7. Automatic pressure switchเปน็ สวติ ช์ทีม่ ีหน้าทเี่ ปดิ กระแสไฟใหม้ อเตอร์ทำงานเม่ือความดนั ในถังลดลม
ต่ำกว่าพกิ ัดทต่ี ้ังไว้ (ปกติแรงดันอยูท่ ่ี 70 – 100 ปอนด์/ตารางนวิ้ )
8. Open/shut valve เป็นวาล์วปดิ -เปิด เพ่ือจา่ ยลมเข้าสยู่ นู ติ ทนั ตกรรม เมื่อเลกิ งานให้ปดิ วาล์ว
9. Drain valve วาลว์ ทอี่ ย่ทู ีส่ ่วนลา่ งสุดของถังลมใช้ระบายนำ้ ท่ีอยใู่ นถังลม
10. Breaker เป็นสะพานไฟเพือ่ เปิดกระแสไฟฟา้ เข้ามอเตอร์เพือ่ ให้เครอ่ื งอัดอากาศทำงานได้ เมอ่ื เลกิ ใช้งานใหป้ ดิ
Breaker
การใชง้ านและดแู ลรกั ษา

1. การเรมิ่ ตน้ ทำงานให้ตรวจสอบ Filter&Regulator โดยปลอ่ ยนำ้ ทิ้ง และเปดิ Open/shut valve เพ่อื ปล่อยลม
เขา้ สูย่ ูนติ โดย Drain valve ต้องปดิ ตรวจสอบสีน้ำมันและระดบั นำ้ มนั หลอ่ ลื่นไมต่ ำ่ กวา่ ขดี ทก่ี ำหนด (ประมาณครง่ึ หนึ่ง
ของชอ่ งตาแมว)

กรณสี นี ำ้ มันขนุ่ ดำหรือปรมิ าณตำ่ กวา่ ขดี กำหนดแจง้ เจา้ หน้าทเี่ พ่อื ดำเนินการเตมิ หรอื เปลย่ี นถ่ายน้ำมนั เครอ่ื งตาม
ความเหมาะสม (ปกติเปล่ยี นถ่ายทุก 6 – 12 เดือนตามการใชง้ าน) จากน้นั จึงเปดิ Breaker

2. เลิกงานให้ปดิ Breaker ปดิ Open/shut valve เปิด Drain valve เพอื่ ระบายนำ้ ในถงั (ในการระบายนำ้
ออกจากถังลมตอ้ งมีลมอยา่ งนอ้ ย 8 – 15 ปอนด/์ ตารางนวิ้ ในสว่ นของยูนติ ระบายลมที่ค้างโดยยก High power suction

3.ทุกเดอื นตรวจสอบดังน้ี
3.1 ดงึ หว่ งท่ี Safety relief valve เพอ่ื ให้ Safety relief valve พร้อมทำงาน

3.2 ถอดไส้กรองอากาศเขา้ เคร่ืองอดั อากาศ (Air intake filter) ออกมาเป่าทำความสะอาด

4. ตรวจสอบการตงึ ของสายพาน โดยปกติสายพานเมอื่ ใช้มอื กดจะหยอ่ นไดป้ ระมาณ 1 เซนตเิ มตร หากหยอ่ น
มากกว่า 1 นว้ิ ตอ้ งตัง้ ความตงึ สายพานโดยเลื่อนมอเตอร์ออกใหส้ ายพานตึง
เกา้ อ้ีผู้ป่วยและเก้าอ้ีทนั ตแพทย์

เกา้ อีผ้ ู้ป่วย สว่ นประกอบ

1. เกา้ อแี้ ละพนกั พิงหลังสามารถปรบั สูงต่ำและความเอยี งของพนกั พิงได้ที่สวติ ชค์ วบคุม
2. พนักพิงศีรษะ สามารถปรบั ระดับสูงตำ่ เพอื่ ให้ผูป้ ่วยนอนราบ กม้ เงยศรี ษะ โดยมปี มุ่ ปรับที่บรเิ วณพนกั พิง
ศีรษะหรือท่ีพนักพงิ หลงั
3. สวิตช์ควบคุม โดยปกติจะมแี ผงควบคมุ เป็นชดุ สวติ ชอ์ ยทู่ ่ี ถาดวางเคร่ืองมือ ทีบ่ รเิ วณพนกั พิง หรอื ทสี่ วติ ชเ์ ท้า
โดยมีปมุ่ ปรับดงั นี้
4. ปุม่ Set เป็นปมุ่ ทมี่ ีการปรบั ระดบั ความสูงของเกา้ อี้และความเอนของพนักพงิ ไว้แล้ว โดยปกตจิ ะปรับใหเ้ กา้ อส้ี งู
พอดีกบั ผู้รักษายูนติ นน้ั ๆ และใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบ เมือ่ กดปมุ่ นี้เก้าอแ้ี ละพนกั พงิ จะปรับมาท่ีตำแหนง่ ทีต่ ง้ั ไว้
5. ป่มุ Reset หรือ Auto return เปน็ ปมุ่ ทจี่ ะปรบั ใหเ้ ก้าออ้ี ยใู่ นตำแหนง่ ต่ำสุด และพนักพงิ ตั้งตรง
6. ปุม่ ปรบั พนกั พิงผู้ป่วย ใช้ปรับความเอนของพนกั พงิ ผู้ป่วย
7. ป่มุ ปรับความสูงของเก้าอผี้ ู้ป่วย ใช้ปรับความสงู ของเกา้ อผี้ ู้ป่วย
การใชแ้ ละดแู ลรกั ษา

1.หลงั เสร็จสิน้ การปฏบิ ัติงานประจำวันทำความสะอาดบรเิ วณใต้เกา้ อ้ี โดย

20

1.1 ปรบั เกา้ อใ้ี หอ้ ยใู่ นตำแหนง่ ท่สี งู สุด

1.2 กวาดเก็บเศษผง เศษวัสดุ ตลอดจนฝนุ่ ละออง

1.3 จัดเกบ็ ตวั เกา้ อใ้ี หอ้ ยู่ตำแหน่ง Auto-return หรือ Zero-position

2.สว่ นของเบาะหลงั เลิกงานให้ใชผ้ ้าชุบนำ้ หมาดๆ เชด็ ทำความสะอาด และพน่ น้ำยาฆา่ เช้อื ทิง้ ไว้ 10 นาที
และใชผ้ า้ สะอาดอกี ผืนชุบน้ำเช็ดน้ำยาออก

3.ทุกสปั ดาห์ใช้นำ้ ยาขดั ทำความสะอาดดูแลรักษาหนังขัดทำความสะอาด
4.สวติ ชค์ วบคมุ กรณีเปล่ียนผู้ป่วยใหใ้ ชน้ ้ำยาฆ่าเชือ้ ทำความสะอาดและฆา่ เชอ้ื และเม่ือเลกิ งานใชผ้ า้ ชบุ น้ำหมาดๆ
เช็ดทำความสะอาด และใช้นำ้ ยาฆา่ เช้อื เชด็ ฆา่ เชอื้ พื้นผวิ สำหรบั สวติ ชค์ วบคุมที่พนกั พงิ ทีเ่ ปน็ ปุม่ อาจมนี ้ำยาฆา่ เชอื้ ซึมลงไป
ทำใหก้ ดปมุ่ แลว้ ค้าง ให้ใช้ผ้ากอซชุบแอลกอฮอล์เชด็ กรณไี ม่ออกอาจใชส้ เปรยน์ ำ้ มนั หล่อลืน่ ดา้ มกรอฟันพน่ บรเิ วณสวิตช์
และเชด็ ออกเม่อื ซอ่ มเสรจ็
5.ระบบป้องกนั อันตรายที่จะเกดิ ขนึ้ กับยนู ิตผูป้ ว่ ยหรือผู้ให้การรกั ษา (Emergency stop) โดยระบบจะสั่งให้เกา้ อี้
ทำฟันหยุดทำงาน กรณที เี่ ก้าอผ้ี ู้ปว่ ยไปกดส่ิงกีดขวาง หรือผใู้ หก้ ารรกั ษาเหยยี บสวิตช์เท้าเพื่อใช้ดา้ มกรอฟนั อยา่ งไรกต็ าม
ระบบดงั กลา่ วไมไ่ ดค้ รอบคลมุ สว่ นต่างๆ ของยนู ติ ทันตกรรม ดงั นั้นการปรบั เกา้ อผ้ี ูป้ ่วยลงต้องระวังสิง่ กดี ขวาง เชน่
เกา้ อี้ทันตแพทย์ สว่ นต่างๆ ของรา่ งกายผู้ป่วยและผูใ้ หก้ ารรักษา
หลักการปรบั เกา้ อผี้ ู้ป่วย

1. การปรับพนักพงิ ปรับพนกั พงิ ใหเ้ อนในแนวราบ เพ่อื ลดการเกิด Venous Pool
2. การปรับ Head-rest สว่ นของ Head-rest ต้องรองรบั Occipital Prominence ของคนไข้และศรี ษะ
คนไขต้ อ้ งอยู่ในแนวราบ

3. การปรบั ระดบั สูง-ต่ำ ของตวั เก้าอ้ี ปากคนไข้ต้องอย่รู ะดับ ราวนม ของผู้ปฏิบัตงิ าน
เกา้ อที้ นั ตแพทย์ สว่ นประกอบ

1. เบาะนัง่
2. พนักพิง
3. ปุม่ ปรบั ความสูงเก้าอี้การปรับผใู้ หก้ ารรกั ษานงั่ บนเก้าอี้ ดงึ ปุ่มปรบั ขน้ึ กรณตี อ้ งการปรบั ขนึ้ ใหย้ กตวั ผ้ปู รบั ขนึ้
ให้สว่ นเกา้ อส้ี งู ขนึ้ ตาม กรณตี ้องการลดความสงู ใหก้ ดนำ้ หนักผู้ปรับลงเพอื่ ใหเ้ ก้าอีล้ งตำ่ เมือ่ ระดบั พอดีปล่อยปุม่ ปรบั
การใช้และดแู ลรักษา

1. ปรับพนักพิงและระดบั สงู ตำ่ เก้าอ้ี โดย การปรบั พนกั พิง(ถา้ เปน็ รุ่นทป่ี รับได)้ ปรับพนักพิงใหร้ องรบั ส่วนส่วน
Lumbar support ของผ้นู ั่ง และการปรับระดบั สูง-ตำ่ ของตัวเกา้ อี้ ปรับตัวเกา้ อ้ีให้ เข่าของผนู้ ั่งเปน็ มมุ ฉาก

2. หลังเลกิ งานให้ใชผ้ า้ ชบุ น้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด
โคมไฟสอ่ งปาก

ส่วนประกอบ

1. เสาโคมไฟส่องปาก เปน็ เสาท่ตี ิดกบั ตวั ยูนิตทนั ตกรรมมีหน้าท่เี ปน็ ทย่ี ึดของแขนโคมไฟสอ่ งปากทำใหส้ ามารถ
ปรับตำแหน่งโคมไฟสอ่ งปากในแนวระนาบได้

2. แขนโคมไฟสอ่ งปากมหี นา้ ทีใ่ นการปรบั ระยะห่างของโคมไฟกับจุดทจ่ี ะส่องสวา่ ง และปรบั ทศิ ทางการสอ่ งสวา่ ง

21

โคมไฟสอ่ งปาก
3. โคมไฟส่องปากประกอบดว้ ย
3.1 ด้ามจับโคมไฟ เป็นพลาสตกิ หรือโลหะไรส้ นมิ ท่ีสามารถทำความสะอาดฆา่ เช้อื ดว้ ยนำ้ ยาเคมีได้
3.2 สวิตชเ์ ปิด-ปดิ โคมไฟใชเ้ ปิดปดิ โคมไฟนอกจากนี้บางรุ่นยงั สามรถปรบั ความสว่างของการส่องสวา่ งได้

หลายระดบั โดยโยกสวติ ช์ไปมาสามารถทำความสะอาดและฆ่าเช้อื ดว้ ยนำ้ ยาเคมไี ด้

3.3Reflector เปน็ แผน่ กระจกโคง้ ท่ีเคลือบดา้ นหลังกระจกด้วยสารเคมี ช่วยใหส้ ะทอ้ นแสง ลดความรอ้ น
(Cold mirror) และสอ่ งสว่างในจดุ โฟกสั ทีต่ ้องการ โดยระยะโฟกสั จะอยู่ที่ 50 – 70 เซนติเมตร

3.4หลอดไฟเปน็ หลอดฮาโลเจน-ทังสเตน ขนาด 12 โวลต์ 45 – 50 วัตต์ หรือ 24 โวลต์ 60 – 150 วตั ต์
ตามแต่บรษิ ัทผผู้ ลติ ให้ความสว่าง 15,000 – 28,000 ลกั ซ์ ความรอ้ นทีจ่ ุดโฟกสั ไม่ตำ่ กวา่ 4,000 องศาเคลวิน
อายกุ ารใช้งานไมน่ อ้ ยกวา่ 2,000 ช่วั โมง

การใช้งานและดูแลรกั ษา

1.ปรบั ตำแหน่งระยะห่างโคมไฟกบั ชอ่ งปากผู้ปว่ ยใหเ้ หมาะสม คอื ประมาณ 50 – 70 เซนตเิ มตร จะให้
ความสว่างทีด่ ที ส่ี ดุ และปกติโคมไฟจะอยดู่ า้ นล่างของใบหนา้ ผปู้ ่วยสอ่ งในทศิ ทางเฉยี งขึน้ เล็กน้อยเข้าส่ชู อ่ งปากผู้ป่วย

2.เมอ่ื เปลย่ี นผปู้ ว่ ยและหลงั เลกิ งานให้ปิดโคมไฟและทำความสะอาดและฆา่ เช้ือดว้ ยน้ำยาเคมที ่ดี า้ มจบั โคมไฟ
และสวติ ช์

3.หลังเลิกงานทำความสะอาด Reflector โดยดา้ นหนา้ กระจกใชผ้ า้ ขนนุ่มชุบน้ำหมาดๆเชด็ ทำความสะอาด และใช้
ผ้าแหง้ เชด็ ตามเพ่อื ให้ใหเ้ ปน็ คราบหยดน้ำ สว่ นดา้ นหลังใช้ทีฉ่ ดี นำ้ 3 ทางพ่นลมเป่าทำความสะอาด

4.สะอาด หลีกเลีย่ งการสัมผัสละอองน้ำ น้ำมัน หรอื สารเคมี จะทำใหส้ ารเคมีทีเ่ คลือบไวห้ ลุดลอกออก
5.โคมไฟส่องปากบางร่นุ มพี ลาสตกิ ปิดกันน้ำ การกระเดน็ เปอื้ นหลอดไฟและReflector ให้ถอด
แผ่นพลาสตกิ ออกมาล้างนำ้ โดยใชน้ ว้ิ ลบู เชด็ คราบสกปรกออก และทำให้แห้งดว้ ยการเป่าลมจากTriple Syringe
6.การเปลย่ี นหลอดไฟห้ามใช้มือจับโดยตรงให้ใชผ้ ้าแห้งจบั ป้องกนั คราบนำ้ มันจากมอื ตดิ หลอดไฟ จะทำให้
อายุการใช้งานลดลง
7.ควรตรวจสอบความสวา่ งหากมคี วามสว่างนอ้ ยควรแจ้งเจ้าหนา้ ท่ใี ห้เปลยี่ น เนอ่ื งจากหลอดเสื่อมแตไ่ สห้ ลอด
ยงั ไม่ขาด
8.ตรวจสอบน๊อต/สกรทู ีย่ ดึ ข้อต่อต่างๆของด้ามจับโคมไฟหากหลวมแจง้ เจ้าหน้าที่ขันน๊อต/สกรใู หแ้ นน่
ระบบดดู น้ำลายที่ใช้อยู่ในคลินิกทันตกรรมมี 2 ระบบคอื ระบบทใี่ ชล้ ม (Air suction) และระบบที่ใชน้ ำ้ ว่ิงผา่ นและเกิด

แรงดันสญู ญากาศ(กาลกั น้ำ)ดดู นำ้ ลายได้ โดยชนดิ ทดี่ ดู ปริมาตรสูง (High volume suction) เปน็ ระบบทีใ่ ชล้ ม
และทด่ี ดู นำ้ ลายชนิดปริมาตรตำ่ ใชร้ ะบบน้ำ(รนุ่ Actus) หรือลม(รุ่น Xelene)

สว่ นประกอบ

1. ที่ดูดปรมิ าตรสงู (High volume suction) ใช้ดูดนำ้ ลายทตี่ ้องการความรวดเร็วในการดดู ท่อดูดมขี นาดใหญ่
ตอ่ เขา้ กับทอ่ โลหะทจี่ ะใสเ่ ข้าไปดดู น้ำลายในชอ่ งปากซงึ่ มกั ออกแบบให้โคง้ หกั มุมและท่ีปลายมียางซลิ ิโคนเพ่อื ใหไ้ มท่ ำอนั ตราย
ต่อเนอื้ เยื่อในช่องปากการควบคมุ การทำงานจะมไี มโครสวิตช์อยูท่ ที่ วี่ างทีด่ ูดนำ้ ลายเมื่อดึงท่ดี ูดนำ้ ลายออกจากที่วาง
ทีด่ ดู นำ้ ลายระบบดูดนำ้ ลายจะทำงานสารนำ้ ทถี่ ูกดดู ออกมาจากในชอ่ งปากผปู้ ่วยจะผ่านตะแกรงกรองดักสงิ่ แปลกปลอม
(Suction case)

22

2. ทด่ี ดู ปรมิ าตรตำ่ ใชด้ ดู น้ำลายทตี่ อ้ งการความเร็วต่ำ การใช้งานจะต้องใช้แท่งพลาสติกดดู นำ้ ลาย (Saliva ejector)
มาต่อ การควบคมุ การทำงานจะมไี มโครสวติ ช์อย่ทู ท่ี วี่ างทีด่ ดู นำ้ ลายเม่ือดึงทดี่ ดู น้ำลายออกจากท่ีวางทด่ี ดู น้ำลายระบบดูด
น้ำลายจะทำงาน
การใชง้ านและดแู ลรักษา

1. ขณะปฏบิ ตั ิงานดดู นำ้ ลายในปากผปู้ ว่ ยต้องดดู นำ้ ตามเปน็ ระยะ เพื่อป้องกันการอุดตันของทอ่
2. เม่อื เปลย่ี นผ้ปู ่วยต้องดูดนำ้ ในแก้วน้ำผปู้ ว่ ยตามมากๆ และเชด็ ทำความสะอาดและฆา่ เช้อื บรเิ วณ
ด้ามจับก้านทด่ี ดู น้ำลายดว้ ยนำ้ ยาฆา่ เชอ้ื
3. หลังเลกิ งานใหล้ ้างตะแกรงกรองให้สะอาดเพื่อที่จะไดป้ ระสิทธิภาพการดูดทด่ี ี
4. ควรตรวจสอบ Suction case ว่าปิดฝาไดส้ นิท และ Suction caseเสียบสนิทไมม่ ลี มร่วั กรณีใสไ่ มส่ นทิ
จะทำใหท้ ่ีดดู นำ้ ลายปรมิ าตรสูงทำงานได้ไมด่ ี ห้ามดึง Suction caseออกมาล้างทั้งชดุ เนอื่ งจากการถอดใส่
หากไมท่ าวาสลินใหด้ ีจะใสย่ าก ใหถ้ อดเฉพาะตะแกรงกรองออกมาลา้ งทำความสะอาด
อา่ งบว้ นนำ้ ลาย สว่ นประกอบ

1. อ่างเซรามกิ เปน็ ทีร่ องรบั นำ้ ลาย จะมตี ะแกรงกรองเศษวสั ดุทีผ่ ปู้ ว่ ยบว้ นลงในอ่าง
2. กอ๊ กน้ำล้างอา่ งบว้ นน้ำลาย มีปมุ่ หมุน/กด เปดิ ปิดนำ้ ลา้ งอา่ งบ้วนนำ้ ลายเวลาผู้ปว่ ยบว้ นนำ้ ลาย
การใชง้ านและดูแลรักษา

1. ขณะทำการรกั ษาให้ผชู้ ่วยเปิดก๊อกน้ำลา้ งอ่างบ้วนน้ำลายเปน็ ระยะ
2. เม่ือเลิกงานให้เปดิ กอ๊ กน้ำลา้ งอ่างบว้ นน้ำลายรว่ มกบั เทนำ้ จากแกว้ นำ้ ผปู้ ว่ ยลา้ งทำความสะอาด
3. หลงั เลกิ งานให้ใช้นำ้ สบูแ่ ละฟองน้ำลา้ งอา่ งบ้วนปากให้สะอาด ราดนำ้ รว่ มกบั เปดิ กอ๊ กนำ้ ลา้ งอา่ งบว้ นน้ำลาย
ใหส้ ะอาด ปรบั ยนู ติ ใหส้ งู เพ่ือใหท้ ่อน้ำท้ิงในยูนติ ตรงไม่พบั งอและเกดิ การตกคา้ งของสิ่งสกปรก
4. กรณีมกี ลิ่นขน้ึ มาจากอ่างบว้ นปากอาจใชน้ ำ้ ยาฆา่ เชื้อล้างทำความสะอาดเป็นคร้ังคราวไป
ทีว่ างแกว้ นำ้

ส่วนประกอบ

1. ทว่ี างแก้วนำ้ พรอ้ มชุดควบคมุ เปน็ ทีว่ างแก้วน้ำ ข้างใต้มีชุดควบคมุ การเปิดปดิ ของโซลนิ อยดว์ าล์ว ในการเปิดปดิ นำ้
โดยใช้ระบบถ่วงนำ้ หนกั เม่ือน้ำหนักเพียงพอโซลนิ อยดว์ าล์วก็จะปดิ น้ำไมใ่ หไ้ หลลงแก้วน้ำ

2. ทอ่ นำ้ สำหรบั เตมิ ลงในแก้วนำ้ บว้ นปากต่อกบั ระบบนำ้ ยนู ิตเมอื่ โซลนิ อยดว์ าล์วเปดิ นำ้ ก็จะไหลจากทอ่ ลงแกว้ น้ำ
และปดิ เม่อื โซลินอยด์วาลว์ ปิดน้ำ
การใชง้ านและดูแลรักษา

1. หลงั เลิกงานล้างและเช็ดทำความสะอาดด้วยผา้ ชบุ น้ำหมาดๆ
2. กรณที ี่นำ้ ไมไ่ หลห้ามนำแกว้ น้ำวางท่ีทวี่ างแก้วน้ำเพราะเมื่อผูป้ ่วยบ้วนนำ้ น้ำในแก้วจะลดลงหรดื หมดเมอื่ นำไปวาง
สวติ ช์ก็จะทำงานตลอดเวลาจะทำให้ชดุ ควบคมุ ไหม้และเสยี หายได้
3. กรณีท่ีปรมิ าตรนำ้ ในแก้วไมเ่ หมาะสมให้แจง้ เจา้ หน้าท่ปี รบั ตัง้ ปรมิ าณนำ้ ใหเ้ หมาะสม
กระบอกน้ำอัดอากาศ

เปน็ ส่วนของยูนติ ทันตกรรมที่อยดู่ า้ นข้างบริเวณเสาโคมไฟส่องปากมหี นา้ ท่สี ง่ นำ้ จ่ายระบบดา้ มกรอฟนั และ

23

ที่ฉีดนำ้ สามทาง (Triple syringe) โดยอาศยั แรงอดั อากาศเข้าไปในกระบอกน้ำ เมอ่ื เปดิ วาลว์ แรงดันอากาศจะดันนำ้

ไปตามสายนำ้ เขา้ สรู่ ะบบ

สว่ นประกอบ
1. กระบอกน้ำ เปน็ ท่เี ก็บน้ำและอากาศท่ถี กู อดั เข้ามาในถัง
2. วาลว์ ปล่อยนำ้ และระบายแรงดนั อากาศ
3. สกรูปิดเปดิ สำหรบั เตมิ น้ำ
4. Pressure gauge บอกแรงดันในกระบอกนำ้ อัดอากาศ

การใชง้ านและดแู ลรักษา

1. การเตมิ นำ้ ใชน้ ำ้ กลั่น ให้ ปดิ Main switch ยนู ติ ปดิ วาลว์ ลมเข้าในกระบอกนำ้ แล้วจึงเติมน้ำประมาณ ¾
ของกระบอกเปิดวาล์วลมพร้อมใช้งาน

2. ลา้ งทำความสะอาดกระบอกนำ้ ทกุ 3เดอื นโดยเจา้ หน้าที่(ถงั น้ำรุน่ ใหม่จะออกแบบใหถ้ อดลา้ งง่ายสามารถถอดลา้ ง
ไดท้ กุ สัปดาห์)

3. กรณไี ม่ได้ใชง้ านยนู ิตเป็นเวลานานให้ระบายนำ้ ในกระบอกและในท่อระบบทั้งหมดเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อ
แบคทีเรีย และตะไครน่ ำ้ ในระบบนำ้ ยูนิต

ดา้ มกรอฟันและระบบควบคมุ

1. ดา้ มกรอฟนั ความเรว็ สูง
หมนุ เข็มกรอฟนั ดว้ ยแรงดันลม พน่ ทำให้กังหัน (Turbine) ภายในดา้ มกรอฟันซึง่ ยึดกับเขม็ กรอฟนั ด้วยจำปา

(chuck)เม่ือเหยียบสวิตชเ์ ทา้ จะทำให้โซลินอยด์วาล์ว/วาล์วลมเปดิ ให้ลมพ่นไปทีกังหันนอกจากนต้ี ้องมรี ะบบระบายความรอ้ น
จากการกรอฟนั ด้วยนำ้ ท่ฉี ดี พ่นโดยอาศัยแรงดนั ในกระบอกอัดอากาศ

ส่วนประกอบ
1. ดา้ มกรอฟนั มี 2 ชนิดตามชนิดของส่วนยึดกังหนั ใหท้ ำงานอยใู่ น Head casing ดงั น้ี
1.1 Ball bearing ส่วนยดึ เป็นลกู ปืน 2 ตลับบน-ลา่ งประคองกงั หนั ใหห้ มุน หากลูกปนื สกปรกหรือแตก

ก็จะมเี สียงดงั หรือไม่หมนุ ได้ ปัจจบุ นั ในคลินกิ ทนั ตกรรมมักใช้แบบน้ี เนื่องจากสามารถกดไดเ้ ล็กนอ้ ยขณะกรอ
1.2 Air bearing สว่ นของกังหันลอยอยู่ใน Head casing ดว้ ยลมทีอ่ อกแบบให้ประคองกังหนั ไว้ได้ ใช้น้อยลง

ไม่สามารถออกแรงกดไดเ้ พราะเขม็ กรอฟันจะหยดุ เนอ่ื งจากไม่ใชล้ กู ปนื จึงไม่จำเป็นตอ้ งใช้นำ้ มนั หลอ่ ลน่ื แตย่ งั ต้องล้าง
สงิ่ สกปรกภายใน Head casing ปัจจุบันในคลนิ กิ ทนั ตกรรมไมใ่ ช้รนุ่ น้แี ลว้

2. Connector ปัจจุบันทน่ี ิยมใชจ้ ะเปน็ แบบ Quick-joint (Rotor quick) ซง่ึ การถอดใส่ทำไดส้ ะดวกโดย
สว่ นปลายของ Rotor quick จะไปเสียบกบั ดา้ มกรอฟนั มียางตัวโอรูปวงแหวน(O-ring) ควบคมุ การจา่ ยน้ำลมเข้าดา้ ม
กรอฟันใหถ้ กู ช่องหากยางบน่ิ ขาด จะทำให้ระบบน้ำลมท่จี า่ ยเข้าส่ดู า้ มกรอฟนั ผิดปกติ

3. Hoses เป็นสว่ นของปลายสายทีจ่ ะมาต่อกับ Connector หากมีการร่วั ของแผน่ ยางรอง หรือขัน Hosesไมส่ นิทกบั
Connector จะทำให้เวลากรอฟันน้ำ/ลมรวั่ ออกบริเวณดังกลา่ ว

4. สวติ ช์เทา้ ควบคมุ การการทำงานดา้ มกรอฟัน
5. วาล์วปรับปริมาณนำ้ จะอยบู่ รเิ วณใต้ถาดวางเคร่ืองมอื ปรบั น้ำใหพ้ น่ นำ้ ทีเ่ ขม็ กรอฟันปรมิ าณเหมาะสม

24

การใช้งานและดแู ลรักษา

1. การใสถ่ อดด้ามกรอฟันจาก Quick-joint ตอ้ งใส่ให้ถกู ต้องมฉิ ะนั้นเวลากรอฟันด้ามกรอฟนั จะหลุดจาก Quick-
joint หรอื จะทำให้ O-ring บิน่ หรอื ขาดได้

2. การใส่ถอดเขม็ กรอฟัน การเดินดา้ มกรอฟันตอ้ งใส่เขม็ กรอฟันเสมอเพ่ือใหเ้ กิดการสมดลุ ของการหมนุ ของ Turbine
โดย

2.1 แบบใชค้ วามฝืด(Friction grip) ใสเ่ ข็มกรอแลว้ วางเข็มกรอบนทีถ่ อดใสเ่ ขม็ กรอฟัน และกดเขม็ กรอฟนั
ใหเ้ ขา้ ที่ กรณฝี ดื มากอาจเกิดจาก chuck สกปรก ใหพ้ น่ น้ำมนั หลอ่ ลนื่ บริเวณ chuck หากยงั ฝืดใหส้ ง่ เจา้ หนา้ ที่ใหถ้ อดลา้ ง

2.2 แบบ push buttonจะมีปมุ่ กดท่ีบริเวณ Head casing เวลาใส่-ถอดใหก้ ดป่มุ ค้างไวแ้ ละใส่-ถอด
ด้ามกรอฟัน จากนนั้ ปลอ่ ยปุ่มกด

3. การใชง้ านการกรอฟัน กอ่ นกรอฟนั ปรับน้ำและลมให้พอเหมาะ ใหป้ รมิ าณนำ้ หลอ่ เยน็ เพียงพอ และพน่ มา
ที่บรเิ วณ cutting edge ของเบอร์ ขณะกรอสงั เกตการหล่อลน่ื นำ้ วา่ ทิศทางน้ำไปหลอ่ เยน็ บริเวณทก่ี รอหรือไม่
กล่นิ ของฟันทกี่ รอหากมีกลิ่นผดิ ปกตใิ ห้ตรวจดกู ารหล่อเย็นการกรอไมค่ วรใช้แรงกดจะทำให้ด้ามกรอฟนั ชำรดุ ได้ง่าย
ถึงแม้จะเปน็ แบบ Ball bearing ก็ตาม

4. การดูแลรักษาและทำใหป้ ลอดเชอ้ื มีข้นั ตอนดังน้ี
4.1 เดินเครื่องพ่นนำ้ 20 วินาที โดยมเี ข็มกรอฟนั อย่ดู ว้ ย ภายหลงั ใหก้ ารรกั ษาผ้ปู ว่ ย
4.2 ถอดเขม็ กรอฟนั แล้วล้างดา้ มกรอฟนั ดว้ ยแปรงกับน้ำสบู่ แลว้ เช็ดใหแ้ หง้
4.3 ฉดี น้ำมนั หล่อล่ืนบรเิ วณดา้ นทา้ ยดา้ มกรอฟันและบรเิ วณท่ีเสียบเขม็ กรอเดินเครอ่ื งพน่ น้ำมนั ส่วนเกนิ ออก

โดยมเี ข็มกรอฟนั อยูด่ ว้ ย จากนั้นใชผ้ า้ เช็ดน้ำมันสว่ นเกนิ
4.4 ใสซ่ องซลี ส่งอบไอนำ้

2. ดา้ มกรอฟนั ชา้ ชนดิ หกั มมุ (Contra angle handpiece)ชนิดหักมุม
1. สว่ นใหก้ ำลังในการหมุน มี 2 แบบ
1.1 Micromotorทกี า้ นเสยี บดา้ มกรอฟนั จะมีมอเตอร์ขนาดเล็กใหก้ ำลังในการหมุนส่งผา่ แกนหมนุ ส่ดู ้าม

กรอฟนั การหมุนจะมีปุ่มท่ีถาดเครื่องมือเพ่อื ปรับให้ดา้ มกรอฟันหมนุ ตามเข็ม-ทวนเข็มนาฬกิ า

1.2 Air motor ทกี่ า้ นเสยี บจะมีกงั หันลมอยู่ เมอ่ื ใหล้ มผ่านกังหนั กจ็ ะหมุนแกนหมนุ สง่ แรงสดู่ า้ มกรอฟัน
มีปุม่ ปรบั ทด่ี า้ มเพื่อปรบั ทศิ ทางลมให้ดา้ มกรอฟันหมุนไปทางขวา(R)หรือหมนุ ไปทางซา้ ย(L)ปัจจบุ ันคลนิ ิกทันตกรรมใช้ระบบนี้

ทง้ั หมด

ดา้ มกรอฟันมีหลายแบบให้เลอื กใชม้ ากมายทน่ี ยิ มใชม้ ี 2 แบบคอื

1. ดา้ มกรอฟนั ตรง(Straight hand piece) สว่ นของด้ามกรอฟันและทิศทางการกรอฟนั เปน็ แนวเดยี วกนั
ใชก้ รอฟันปลอม กรอกระดกู ในการผ่าตดั
2. ด้ามกรอฟันหกั มมุ (Contra-angle hand piece) ส่วนของด้ามกรอฟนั และทิศทางการกรอฟนั เปน็ คนละแนว
โดยทำมมุ กับดา้ มกรอฟันเปน็ มมุ แหลม ใชก้ รอฟนั ท่ีตอ้ งการความรสู้ กึ สัมผสั ในการกรอ เชน่ การกำจัดรอยผุ เป็นต้น

การใชง้ านและการดูแลรักษา
1. การใส่ดา้ มกรอฟันกับส่วนให้กำลังการหมุนให้เสียบดา้ มกรอฟนั เข้าไปกบั กา้ นส่วนให้กำลงั จนดา้ มกรอฟนั ลอ็ กกบั

กา้ นเสียบ การถอดใหด้ งึ ออกมาตรงๆ ยกเวน้ บางรุ่น จะมีหมดุ ใหก้ ดคลายล็อกด้ามกรอฟันจากก้นส่วนส่งกำลงั

25

2. การถอดใสเ่ ขม็ กรอฟัน การใสเ่ ขม็ ใส่เข็มโดยใหร้ อยบากตรงกบั ตำแหน่งท่ลี ็อกเขม็ กรอฟันสามารถสบั เขา้ ลอ็ กได้
การถอดเขม็ กรอ ให้ดนั ทล่ี อ็ กเขม็ กรอฟนั ออกไปด้านขา้ ง และดึงเขม็ กรอฟนั ออกส่วนแบบpush button จะมปี มุ่ กดท่ี
บรเิ วณHead casing เวลาใส่-ถอดใหก้ ดปมุ่ ค้างไวแ้ ละใส่-ถอดดามกรอฟนั จากนน้ั ปลอ่ ยปุม่ กด

3. การดูแลรักษาและทำให้ปลอดเช้ือมีขน้ั ตอนดงั นี้
3.1 ลา้ งด้วยแปรงกับน้ำสบแู่ ลว้ เชด็ ใหแ้ ห้ง
3.2 ฉีดนำ้ มันหลอ่ ล่นื บรเิ วณด้านทา้ ยและที่เสียบดา้ มกรอฟนั (แบบ push button) แลว้ เช็ดนำ้ มนั

ส่วนเกนิ ออก
3.3 ใส่ซองซีลส่งอบไอน้ำ

สรปุ ข้ันตอนขบวนการปลอดเช้อื ในคลินกิ ทนั ตกรรมเพื่อการเรียนการสอน

1. การเตรยี มยนู ติ ก่อนเร่ิมปฏบิ ตั งิ าน
1.1 ใช้ขวดสเปรยท์ ี่บรรจนุ ำ้ ยา zeta-3 ฉีดพ่นส่วนตา่ งๆของยนู ิตทำฟนั ท้ิงไว้ 3-5 นาที แล้วใช้สำลีแผน่

หรอื ผา้ สะอาดเช็ดให้แห้ง ดงั รายการตอ่ ไปน้ี
เกา้ อี้ผปู้ ่วยสว่ นทเี่ ปน็ เบาะหนังท่วี างแขนผู้ป่วย และสวิตช์ปรับเก้าอ้ี
เกา้ อโี้ อเปอเรเตอร์
ถาดวางเครื่องมอื และดา้ มจบั ถาดวางเครือ่ งมือ รวมถงึ สวิตชป์ ิด – เปดิ ยนู ติ ทด่ี ฟู ิลม์
ถาดวางดา้ มกรอฟนั
อ่างบว้ นปากผูป้ ่วย

1.2 นำสำลแี ผ่นชุบน้ำยา zeta-3 หมาดๆ หรอื ใช้ zeta-3 wipe(แผน่ เช็ดฆา่ เชอื้ ) โดยใช้ผา้ กอซ 2 ช้นิ ชุบน้ำยาzeta-
3 หมาดๆ ชิน้ ท1่ี เชด็ คราบสกปรกดา้ นนอกออกชิ้นท่ี 2 เชด็ ซ้ำอีกคร้ังท้ิงไว้ 3-5 นาที โดยเชด็ อปุ กรณด์ งั ต่อไปนี้

ดา้ มจับโคมไฟสอ่ งปาก
ดา้ มกรอฟนั ความเรว็ สงู และความเรว็ ต่ำ
ท่เี ป่าลมและนำ้ สามทาง (Triple syringe)

26

ดา้ มจบั ทีด่ ดู น้ำลายความเรว็ ตำ่ และสงู
1.3 ใช้ พลาสตกิ คลุมปดิ (Wrap) พันด้ามจับโคมไฟ และด้ามจบั ท่ดี ดู น้ำลายความเร็วตำ่ และสงู

1.4 จัดเตรียมวัสดเุ คร่ืองมือในการรักษา

2. ช่วงเปลี่ยนผปู้ ่วยเมอื่ ทำการรกั ษาผปู้ ่วยรายแรกเสร็จแลว้

2.1 ใช้ที่ดูดน้ำลายความเร็วสูงและทดี่ ูดน้ำลายความเร็วตำ่ ดูดน้ำในแก้วนำ้ ประมาณ 1-2 แกว้
เพอ่ื กำจัดคราบเลอื ด และน้ำลายท่ตี กคา้ งในท่อ

2.2 เปดิ นำ้ อา่ งบว้ นปาก ลา้ งทำความสะอาด

2.3 แกะวัสดคุ ลมุ ปิดออก และเปล่ียนวัสดุใหม่

2.4นำสำลีแผ่นชุบนำ้ ยาzeta-3 หมาดๆหรือใช้zeta-3 wipe(แผน่ เชด็ ฆ่าเชือ้ ) โดยใชผ้ ้ากอซ 2 ช้ินชุบนำ้ ยาzeta-3
หมาดๆชนิ้ ท่ี1 เชด็ คราบสกปรกดา้ นนอกออกช้ินท่ี 2 เช็ดซ้ำอีกครงั้ ทง้ิ ไว้ 3-5 นาที โดยเช็ดอุปกรณด์ งั ต่อไปนี้

ทว่ี างดา้ มกรอฟันความเรว็ สงู และความเร็วตำ่
ด้ามจบั กรอฟันช้าส่วนส่งกำลงั และ สายตอ่ ดา้ มกรอฟันเรว็ (Quick joint)
ทว่ี างท่ีเปา่ ลมและน้ำสามทาง (Triple syringe)
ทเ่ี ปา่ ลมและนำ้ สามทาง (Triple syringe)
ที่วางทด่ี ดู นำ้ ลายความเร็วต่ำและสูง
2.5ใหเ้ ปลีย่ นผ้าคลุมถาดวางเคร่อื งมือบนยูนิตทุกครง้ั การฆ่าเชือ้ ในแตล่ ะวันใหท้ ำเมอื่ จะเรมิ่ ทำการรกั ษาผ้ปู ว่ ย

คนเเรก , เมือ่ เปลย่ี นผู้ปว่ ยทกุ ครงั้ และทำอีกคร้งั เมอ่ื ให้การรักษาผ้ปู ว่ ยคนสุดท้ายเสรจ็

3 .การฆา่ เช้ือเมอ่ื รักษาผู้ปว่ ยคนสดุ ทา้ ยเสรจ็ ใหท้ ำเหมือนในข้นั ตอนการเตรียมยนู ติ สว่ นท่ีเพิ่มเติม คอื

3.1 ใช้ท่ีดดู น้ำลายความเรว็ สงู และท่ดี ดู น้ำลายความเรว็ ต่ำ ดูดน้ำในแก้วนำ้ ประมาณ 1-2 แกว้
เพ่ือกำจัดคราบเลอื ด และนำ้ ลายทีต่ กคา้ งในทอ่

3.2 ดูแลรกั ษาดา้ มกรอฟนั ความเรว็ สงู และด้ามกรอฟันชนิดหกั มมุ

3.3 นำเคร่อื งมือทกุ อยา่ ง ยกเว้นดา้ มกรอฟนั แช่ในนำ้ ผสมน้ำยาล้างจาน กอ่ นนำไปลา้ งทำความสะอาดตามปกติ

3.4ทำความสะอาดพ้ืนผิวตา่ งๆ ตามขนั้ ตอนการกำจดั สิง่ ตกคา้ งและการฆ่าเชอ้ื ดงั กล่าวมาแลว้ ในขอ้ 1

3.5 แผน่ กันหนา้ (Face shield) ลา้ งด้วยน้ำสบู่ แล้วใช้ผ้าเช็ดใหแ้ หง้ ใช้ขวดสเปรย์ท่บี รรจนุ ำ้ ยาzeta-3
ฉีดพ่นทิ้งไว้3-5 นาทแี ลว้ ล้างด้วยนำ้ สบูแ่ ล้วใช้ผ้าเช็ดให้แหง้

3.6 เคร่อื งมือท่ีแชน่ ำ้ ผสมนำ้ ยาลา้ งจานแลว้ ใหล้ ้างทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง ชุดอดุ -ถอน-ขดู หนิ น้ำลาย

ให้จดั ใส่ถาด ห่อผ้าใหเ้ รียบรอ้ ยเพ่ือทำใหป้ ราศจากเช้อื ด้วยการนง่ึ autoclave ตอ่ ไป

27

3.7 เครอื่ งมอื ท่ีต้องแช่ในน้ำยา zeta-3 เช่น Dappen glass, Mouth prop, Plastic instrument, rubber cup
เมื่อแชค่ รบตามเวลาทกี่ ำหนดแลว้ ให้นำไปผา่ นนำ้ กล่ัน เช็ดด้วยผ้าทป่ี ราศจากเชอ้ื ก่อนนำไปใชง้ านหรอื เก็บไว้ในCotton
container ในลิ้นชัก

3.8 เขม็ กรอฟัน ลา้ งทำความสะอาดด้วยแปรงขนออ่ นชบุ นำ้ สบู่ เชด็ ใหแ้ หง้ แลว้ นำไปผ่านนำ้ ยากันสนิม
แลว้ เปา่ ลมให้แห้ง จดั ใสล่ งถาดแก้วแลว้ สง่ อบฆ่าเชอ้ื ด้วยความร้อนแห้ง (hot air oven)

3.9 ถอดปลายทด่ี ูดน้ำลายออกแล้วปฏบิ ัตดิ งั นี้
- ทีด่ ดู นำ้ ลายความเรว็ สูง แช่ในน้ำผสมนำ้ ยาล้างจาน ประมาณ 10 นาทแี ล้วจงึ ลา้ งเหมอื น

เคร่ืองมอื ท่ัวไป
- ส่วนท่อดูดน้ำลายความเรว็ ตำ่ ทที่ ำจากพลาสตกิ ใหใ้ ชแ้ ล้วทงิ้ ลงในถังขยะติดเชอ้ื

3.10ให้นสิ ติ ใช้ผ้าห่อเคร่อื งมือปูบนถาดวางเครื่องมอื ของยนู ติ กอ่ นการรกั ษาผปู้ ว่ ย เมอื่ รกั ษาผู้ปว่ ยเสร็จ
ใหเ้ ก็บผา้ ห่อเครอ่ื งมือซกั และเบกิ ผ้าผืนใหม่ทห่ี อ้ งจ่ายกลางเพ่ือห่อเครื่องมือกอ่ นสง่ ฆ่าเชอ้ื

3.11 อ่างบ้วนปากและตะแกรงกรอง หลังเลกิ งานใหล้ า้ งทำความสะอาดด้วยนำ้ สบู่ทกุ วนั

การปฏิบัตติ ัวเพอื่ ควบคุมและปอ้ งกันการติดเชื้อในคลนิ ิก
1.เปลย่ี นรองเท้าก่อนเขา้ คลนิ กิ ทกุ ครั้งรองเท้าในคลินกิ หา้ มใสอ่ อกนอกคลนิ ิก
2.สวมเสอ้ื คลุมขณะปฏบิ ตั งิ าน
3.ล้างมือใหส้ ะอาดก่อนและหลังใส่ถุงมือทกุ ครั้ง
4.ใส่ถงุ มือผา้ ปดิ ปากหมวกคลมุ ผมและแผน่ กันหนา้ ในขณะทำงานทกุ ครั้งโดยเฉพาะทมี่ ีการฟ้งุ กระจายกระเด็นของเลือด
น้ำลาย และเศษวสั ดุ
5.ล้างมือทกุ ครั้งทส่ี มั ผัสกับน้ำลายและเลือดของผปู้ ่วยกอ่ นจะไปสัมผัสกับอุปกรณ์วสั ดเุ ครื่องมือเครอ่ื งใช้ในคลนิ ิกเช่นสมดุ
ดนิ สอ คาบเิ นตสวิตชต์ ่างๆปากคีบ (forceps) ชนดิ ต่างๆวัสดทุ ันตกรรมต่างๆ
6.การใชป้ ากคบี จับเครอื่ งมืออุปกรณ์ท่ปี ราศจากเชอื้ ให้จับด้วยความระมดั ระวังระวงั การปนเปอื้ นอยา่ ใหส้ ่วนปลายสัมผัสกบั
ส่งิ ที่ ไมป่ ราศจากเชอื้ เช่นสมั ผสั ขอบโต๊ะขอบคาบเิ นตหรือขอบนอกของdressing drum การจบั ถาดใสเ่ คร่อื งมอื ให้จับบริเวณ
ขอบไมว่ างน้วิ ลงในถาดทง้ั ท่ใี ส่หรอื ไมใ่ ส่ถงุ มือ
7.การหยิบถ่ายวัสดุเครื่องมือที่ปราศจากเชื้อให้ทำด้วยความระมัดระวังและใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการ
ปนเปอ้ื น ไมพ่ ูดคยุ กนั ขณะเปิดภาชนะทีป่ ราศจากเชอื้ แล้วไม่เปิดทิง้ ไว้นานเกนิ จำเป็นใชง้ านเสรจ็ แลว้ รบี ปดิ ทนั ที

28

8. การหยบิ จบั ต้องวสั ดุเคร่ืองมือตา่ งๆอย่าจับบรเิ วณท่ีเป็นจุดใช้งาน (working point) หรอื บรเิ วณที่จะตอ้ งสมั ผสั

กับเน้อื เยื่อโดยตรงควรจับบรเิ วณขอบหรือสว่ นทไ่ี มไ่ ด้ใช้งานโดยตรงหรือสมั ผัสกบั เน้ือเยอ่ื เชน่

-เข็มกรอฟัน (bur) ควรจับทกี่ า้ น

-กระบอกฉดี ยาชนิดแก้ว (glass syringe) ตวั ลูกสบู ควรจบั ทีส่ ่วนปลายไมค่ วรจบั ทต่ี รงแกนกลาง

-การเปดิ ปดิ ไฟควรใชห้ ลังมอื

-การเปดิ ฝากระปกุ สำลีควรใชน้ ้ิวกอ้ ยเกี่ยว

-การจับถาดบรเิ วณขอบตอ้ งไม่ลำ้ เขา้ ไปจับในตวั ถาด -

การจบั เคร่อื งมอื ตา่ งๆเมอ่ื ล้างมอื สะอาดแลว้ ควรหลกี เล่ยี งการจบั บรเิ วณทตี่ ้องการการปราศจากเช้อื มากทีส่ ดุ เพือ่ เปน็ การลด

การปนเปื้อน

9.การทำความสะอาดโดยทัว่ ไปตอ้ งเช็ดถไู ปทางเดยี วไม่ถกู ลับไปกลบั มาเพราะจะทำใหเ้ กดิ การปนเปอ้ื นของเช้อื โรคดังนนั้ จึง

ควรเรมิ่ ทำความสะอาดโดยการเชด็ ออกจากสว่ นที่ตอ้ งการใหส้ ะอาดท่สี ุดไปยงั สว่ นที่ต้องการใหส้ ะอาดน้อยกวา่ เชน่ การเชด็
ด้ามกรอฟนั (Handpieces) และTripple syringeควรเชด็ จากปลายไปสโู่ คนสำหรับการเตรียมสำลชี บุ แอลกอฮอล์

ใหร้ ินจากขวดไมจ่ มุ่ สำลลี งในขวดนำ้ ยา

10.ในบริเวณทป่ี ราศจากเช้ือการหยิบจบั ต้องมีการปอ้ งกันหรือมตี วั กลางเสมอเชน่ การหยิบเคร่ืองมือปราศจากเชื้อตอ้ งใช้

sterilizing forceps หรอื dressing forceps

11.บริเวณท่ปี ราศจากเชือ้ ต้องหยบิ จับต้องเฉพาะจดุ ไม่ควานไปท่วั หรอื หยบิ แบ่งมาใช้เฉพาะงานแยกทำเป็นส่วนๆไมป่ ะปนกัน
เพื่อป้องกันการปนเปื้อนทั้งหมดเชน่ การคีบสำลีผา้ กอซหยิบเฉพาะชน้ิ ไมค่ วรให้ปากคีบไปโดนสว่ นอนื่ ๆ

12.นิสิตต้องวิเคราะห์และตรวจสอบขั้นตอนการทำงานว่ามีขนั้ ตอนการทำงานอย่างไรข้ันตอนไหนก่อนหลังขั้นตอนใดท่ตี อ้ ง

การความสะอาดปราศจากเช้ือขั้นตอนใดไมต่ อ้ งการเพอื่ จะไดร้ ะมดั ระวงั และควบคมุ การตดิ เช้อื ได้วา่ สง่ิ ใดจับต้องได้
ส่ิงใดตอ้ งลา้ งมือใหส้ ะอาดกอ่ นสิง่ ใดทีป่ นเปื้อน

13.เมอ่ื สัมผัสสงิ่ ท่ีปนเปือ้ นเช่นน้ำลายเลือดของผปู้ ่วยกอ่ นไปสมั ผสั สงิ่ อ่นื ต้องลา้ งมอื ทุกครัง้

14เมื่อต้องสมั ผสั สิง่ ทไี่ มไ่ ดฆ้ ่าเชอื้ เช่นโต๊ะเกา้ อส้ี มดุ ดนิ สอปากกาบตั รเอกสารเวชระเบยี นอืน่ ๆควรสวมถงุ มือปรุงอาหารทบั ถุง
มืออีกชนั้ และถา้ จะต้องกลับไปทำงานซ่งึ ต้องมกี ารสมั ผสั กบั เครอื่ งมอื ทีป่ ราศจากเชือ้ อีกต้องถอดถุงมอื ปรงุ อาหารท่คี ลมุ ทบั
ออกกอ่ น จึงจะหยิบเครือ่ งมอื ทีป่ ราศจากเช้อื

การทำความสะอาด การฆา่ เชอ้ื และการทำให้เคร่ืองมอื ปราศจากเชื้อ

1. เครอื่ งมอื ทกุ ชนดิ เชน่ ชุดตรวจฟนั อดุ ฟนั ขดู หนิ ปนู ถอนฟันแก้วน้ำ ถ้วยทิ้งสำลี ยกเวน้ หวั กรอเรว็
หวั กรอชา้ หัวขูดหินนำ้ ลายใหแ้ ชใ่ นน้ำผสมนำ้ ยาล้างจานลา้ งเคร่ืองมือโดยสวมถงุ มอื ชนดิ หนาทุกคร้ังเพือ่ ปอ้ งกัน

29

อนั ตรายที่อาจเกดิ จากของมคี มทม่ิ แทงเนือ้ เยือ่

2.หลังล้างเครือ่ งมอื สะอาดแล้ว เช็ดใหแ้ ห้งและจัดชุด ห่อผา้ ใหแ้ นน่ หนา เขยี นชอ่ื นามสกลุ และรหสั ยนู ิตท่ีน่งั
ติดดว้ ยเทปกาว นำใส่หอ่ ผา้ ที่เขียนชื่อนามสกุ ลของผสู้ ่งใหเ้ รยี บร้อยใหน้ ิสติ ที่มหี น้าท่นี ำเครอ่ื งมอื ทั้งหมด ไปส่งอบฆา่ เชือ้ หอ้ ง
Supplyกอ่ น 12.30 น.ในวนั ท่ีมกี ารเรยี นการสอน และไปรบั เคร่อื งมือทัง้ หมดกลับมากลบั มาจากหอ้ ง Supply กลาง ในวันศุกร์
(ตอ้ ง Scan ส่ง ทุกคร้ัง) แล้วนำมาสง่ ใหเ้ จ้าหนา้ ทห่ี อ้ งจ่ายกลางเพ่อื ใช้สำหรบั การเรียนการสอน สปั ดาหถ์ ดั ไป

3. เคร่ืองมอื อุปกรณต์ า่ งๆ ทเี่ บิกเพ่มิ จากหอ้ งจา่ ยกลาง เชน่ ชดุ ฉีดยาชาเคร่ืองมือถอนฟันหลังทำการลดเชอื้

และลา้ งสะอาดตามขั้นตอนดงั ทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งต้น ใหส้ ่งคืนหอ้ งจา่ ยภายในวนั ทีป่ ฏิบตั ิงานทนั ที

- ผ้าเช็ดมอื ใหเ้ ปลีย่ นทกุ ครงั้ เมอ่ื เปลย่ี นผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายหรอื เม่ือผา้ เปียก

- หฟู งั (stethoscope) ให้เชด็ สว่ นหฟู งั และดา้ นทใ่ี ชฟ้ ังเสยี งดว้ ยสำลีชบุ อลั กอฮอลล์

- เครอื่ งขูดหินนำ้ ลายไฟฟ้า เมอ่ื เลกิ ใชง้ านแลว้ ให้ทำความสะอาดโดยเดนิ นำ้ ผ่านดา้ มและหัวขูดเปน็ เวลา20 วนิ าที
แลว้ ถอดหวั ขดู ออกและฆ่าเช้อื บรเิ วณดา้ มจบั เครอ่ื งขูดหนิ นำ้ ลาย โดยใชผ้ า้ กอซ 2 ชิน้ ชุบนำ้ ยา zeta-3 หมาดๆชิน้ ที1่
เชด็ คราบสกปรกดา้ นนอกออก ช้ินที่ 2 เชด็ ซำ้ อกี คร้งั ทง้ิ ไว้ 3-5 นาทีก่อนสง่ คนื ห้องจา่ ยกลางคลินกิ ภายในวันที่เบกิ

4เขม็ กรอฟันท่ีใช้งานแล้วหลงั จากล้างทำความสะอาดใหซ้ บั และนำไปผ่านน้ำยาโซเดยี มไนไตรดจ์ ากนนั้ ซับแล้ว
เปา่ ลมใหแ้ ห้งอกี ครง้ั กอ่ นนำใสจ่ านแกว้ (Glass plate)ท่มี ฝี าปดิ ส่งอบ hot air oven ท่หี ้อง Supply เขม็ กรอฟันที่ไมไ่ ด้
ใชง้ านนานเกิน 3 วนั ตอ้ งส่งอบใหม่

“เขม็ กรอฟนั ท่ลี ้างไมส่ ะอาด เชด็ ไม่แห้ง จะทำใหม้ ไี อนำ้ เกาะและทำให้เกดิ สนมิ ความคมของเข็มกรอฟนั ลดลง ”

5เครื่องมือที่เป็นยาง แกว้ พลาสตกิ เชน่ rubber cup , bristle brush ถาดหลมุ พกู่ นั หลังการใชง้ านแลว้
ล้างใหส้ ะอาดซับให้แห้ง นำไปแชใ่ นน้ำยา zeta-3 ประมาณ ในภาชนะทม่ี ฝี าปดิ จากนั้นนำไปผา่ นน้ำกลั่น
กอ่ นใชง้ านเช็ดให้แห้งด้วยสำลหี รอื ผา้ กอซแห้งท่ีปราศจากเช้อื

6. กระปุกสำลตี อ้ งเทสำลีออกก่อน,Tray cylinder, sterilizing forceps, dressing forceps ตอ้ งสง่ อบฆา่ เชือ้

ทกุ วนั หลังจากรักษาผปู้ ่วยเสร็จ

7. ดา้ มกรอความเร็วสงู (Airotor Handpiece) และด้ามกรอฟนั ช้าชนดิ หักมุม (Contra angle handpiece)
เม่อื เชด็ สะอาดแลว้ ใหน้ ำไปฆา่ เชือ้ และหล่อลื่น ตามขน้ั ตอนดงั ทก่ี ล่าวไปแลว้ ข้างต้น

8. อ่างบว้ นปากและตะแกรงกรอง หลังเลิกงานใหล้ ้างทำความสะอาดด้วยนำ้ สบูท่ ุกวนั

9. ผา้ ปราศจากเชื้อทีใ่ ชว้ างเครื่องมือในคาบิเนตใหส้ ง่ ซักและอบ ทุกสัปดาห์ ๆ ละ 1 คร้งั

10. ขยะ ขยะทเี่ ป็นของมีคม เชน่ เข็มฉีดยา ใบมดี ให้ทง้ิ ในแกลลอนพลาสตกิ ทม่ี ีฝาปดิ สว่ นขยะตดิ เชือ้ อืน่ ๆ

ให้ทิง้ ลงในถุงขยะติดเช้ือสีแดง

11. เครอ่ื งฉายแสง

30

● ก่อนใช้งาน เชด็ ดว้ ยสำลีแผ่นชบุ น้ำยา zeta-3 หมาดๆ บรเิ วณ ท่อนำแสง ดา้ มจบั สวติ ซ์
แผน่ กนั แสง ทง้ิ ไว้ 1 นาที

● หลงั ใช้งานเสรจ็ เชด็ ด้วยสำลแี ผน่ ชุบนำ้ ยา zeta-3 หมาดๆ บริเวณ ทอ่ นำแสง ดา้ มจับ
สวิตซ์ แผ่นกนั แสง เกบ็ สายไฟใหเ้ รียบร้อย ส่งคืนหอ้ งจ่ายกลาง

12. เครือ่ งขูดหินน้ำลาย

ก่อนใช้งาน

● เช็ดดว้ ยสำลแี ผน่ ชบุ น้ำยา zeta-3 หมาดๆ บริเวณดา้ มขดู หินนำ้ ลาย ปมุ่ สวิตซแ์ ละสายต่าง ๆ
● เดนิ เครอ่ื งพ่นน้ำทงิ้ ประมาณ 20 วนิ าที
● ต้งั ด้ามขูดหินนำ้ ลายขึ้นในแนวดงิ่ เดนิ เคร่อื งเพือ่ ใหน้ ้ำ เต็มประบอก แลว้ จึงใสห่ ัวขดู P 10
ลงในดา้ มขดู หนิ นำ้ ลาย

● เดนิ เครือ่ งเพ่ือทดสอบปรมิ าณนำ้ ให้พ่นลงตรงปลายหัวขดู P 10หลงั จากการใชง้ าน
● ถอดหวั ขูด P10 ออก เดินเครื่องพ่นน้ำทิ้ง ประมาณ 20 วินาที
● เช็ดดว้ ยสำลแี ผ่นชบุ น้ำยา zeta-3 หมาดๆ บรเิ วณด้ามขดู หนิ น้ำลาย ป่มุ สวติ ซ์และสายต่าง ๆ
● เกบ็ สายไฟให้เรยี บรอ้ ย ส่งคืนหอ้ งจ่ายกลาง
13. ภาชนะใส่เครอ่ื งมอื sterile Tray cylinder Dressing & Sterilizing forceps ต้องทำการ Re-sterile ทุกสปั ดาห์

14. การกำจดั ขยะ

วัสด/ุ อปุ กรณ์ การกำจดั ขยะ
ทงิ้ ในถงุ ขยะตดิ เช้ือสีแดง ทิ้งในภาชนะที่ไม่สามารถแทงทะลุ มฝี าปิด

ถุงมือยางแบบใช้แลว้ ท้ิง (disposable gloves) /

หมวกกระดาษ /

แผน่ กระดาษอนามัยสำหรับปิดปาก (mask) /

ผ้ากอ๊ ซและสำลีมว้ นที่เปอ้ื นเลอื ดและนำ้ ลาย /

ท่ดี ูดนำ้ ลายความเร็วตำ่ (saliva suction) /

ไหมสีดำสำหรบั เยบ็ แผล /

กระดาษคาร์บอนสำหรับเช็คจดุ สบสงู /

ใบมดี ผา่ ตัด (surgical blade) /

เข็มฉดี ยาชา (local anesthetic injection) /

หลอดยาชาเฉพาะท่ี (local anesthetic drug) /

31

15 การส่งเครื่องมือฆ่าเชอื้ ให้นิสิตแบ่งหนา้ ที่หมนุ เวยี นการนำเครือ่ งมอื ไปส่งอบฆ่าเช้ือและรบั กลบั มาจาก ทห่ี อ้ ง Supply
กลางเพอ่ื สง่ คืนเจา้ หนา้ ทห่ี ้องจ่ายกลาง เก็บไวใ้ ชใ้ นสัปดาหต์ อ่ ไป

หมายเหตุ

เวลาส่งอบเครอื่ งมอื เพอื่ ฆ่าเชือ้ หลงั เสร็จปฏบิ ตั กิ าร12.30 น.
เวลารับเคร่อื งมอื ที่ฆา่ เชอ้ื แล้ว คือ 08.00 น.ของวนั ถัดมา

ให้นสิ ิตจัดเวรรับผดิ ชอบนำเครือ่ งมือไปส่งทห่ี ้อง Supplyกลาง
และรบั กลับมาส่งคนื ให้ท่หี ้องจ่ายกลางกอ่ น 08.30น.ของวันศุกร์

โดยต้อง Scan QR Codeในการคนื เครอื่ งมอื
และจัดเกบ็ เขา้ ช่องวางเครื่องมอื ใหเ้ รยี บร้อย

32

ปฏบิ ัติการที่ 2
การซักประวัติ คัดกรอง การตรวจ การวนิ ิจฉยั โรคและวางแผนการรกั ษา

แผนการสอน
วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรรู้ ายปฏบิ ตั กิ ารเมือ่ เรียนจบปฏิบตั กิ ารนแ้ี ลว้ นิสติ สามารถ

บรรลุวตั ถปุ ระสงค์รายวิชาตามรายข้อดงั น้ี
ข้อท่ี 2. ตรวจและวินิจฉัยโรคโพรงประสาทฟนั และเนื้อเยอ่ื รอบปลายรากฟัน โรคเน้ือเยอื่ ออ่ นในช่องปาก

ท่พี บบอ่ ยได้ถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ ( LO 3.1, 3.3)
ขอ้ ท4่ี .วางแผนการรักษาทางทันตกรรมแนะนำหรือส่งตอ่ ผ้ปู ว่ ยเพอื่ ใหไ้ ดร้ บั การรกั ษาตอ่ ได้อยา่ งถกู ตอ้ งตาม

หลกั วชิ าการและมีความเหมาะสม(LO 2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ท6ี่ .บนั ทกึ ผลการซักประวัติ การตรวจ วางแผนรักษาทางทันตกรรมและการรกั ษาลงในเวชระเบียน

ตามขอ้ เทจ็ จรงิ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง(LO 2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ที7่ .สามารถทำความสะอาดเครอื่ งมือท่ีใชใ้ นงานทนั ตกรรมจดั เกบ็ และทำให้ปราศจากเช้ือไดถ้ ูกตอ้ งตาม

หลกั วิชาการ(LO 1.2,1.3 ,2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ข้อท่ี8. มพี ฤตกิ รรมทางด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสิทธผิ ใู้ ชบ้ ริการ ความมวี นิ ยั ซื่อสตั ย์ รบั ผดิ ชอบ

มเี จตคติ และเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแกผ่ อู้ ื่น (LO 1.1, 1.2, 1.3 ,4.2)

วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เพอื่ ให้นิสติ สามารถ
1. สมั ภาษณป์ ระวตั ผิ ู้ปว่ ยทางการแพทย์และทางทนั ตกรรม คดั กรองผปู้ ว่ ยทางทันตกรรม ในสถานการณ์

การระบาดของ COVID -19ได้ถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการและเหมาะสม
2. ตรวจสภาพช่องปาก บรรยายและวนิ จิ ฉัยโรคในช่องปากได้ถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ
3. วางแผนการรกั ษาได้ถกู ตอ้ ง เหมาะสม
4. บันทึกผลการซักประวตั แิ ละการตรวจไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถว้ น
5. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของการวดั สญั ญาณชพี ได้
6. อธบิ ายหลักการและขั้นตอนการวดั สญั ญาณชพี ได้ถูกตอ้ ง
7. บอกอุปกรณท์ ่ีใช้ในการวัดสญั ญาณชีพไดถ้ กู ตอ้ ง
8. สามารถวดั สญั ญานชพี ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง

วัสดุอุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการเรียนการสอน
1. ชดุ ตรวจรา่ งกายไดแ้ ก่ Stethoscope ,thermometer และ Sphigmomanometer
2. แบบฟอร์มการตรวจและวางแผนการรักษาทางทนั ตกรรมในค่มู อื บทท2่ี
3. Periodontal probe
4. ชดุ ตรวจ
5. ใบประวตั ิการรกั ษาผปู้ ว่ ย OPD Card
6. Saliva ejector

32

33

ข้ันตอนการปฏบิ ตั งิ าน
1. แบง่ นสิ ิตออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ10-12 คน
2. นสิ ิตจบั คู่กัน เพอ่ื สลับกนั เปน็ ผ้ปู ว่ ยสมมติ (ครั้งแรกใหต้ กลงกันเองวา่ ใครจะเปน็ operatorใครจะเป็น

patient สว่ นคร้งั ท่สี องให้สลบั กนั
3. จัดเตรียมเคร่ืองมอื ตามรายการ “วัสดุอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นการเรียนการสอน”
4. ปฏิบัติงานตาม “ข้นั ตอนการทำงาน”
5. บันทกึ การให้การรักษาลงในในใบประวตั กิ ารรักษาผู้ปว่ ย OPD Card

กิจกรรมของอาจารย์
1. รบั ผิดชอบดแู ลนสิ ติ ในกล่มุ ประจำวนั
2. อธิบายขัน้ ตอนการปฏิบตั งิ านในปฏิบตั ิการนี้
3. ใหค้ ำแนะนำ ชี้แนะแนวทางเมอื่ มปี ัญหาและสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานนสิ ติ แตล่ ะคน
4. ให้คะแนนในใบประเมนิ ปฏบิ ตั กิ ารและคะแนนพฤตกิ รรมนสิ ิตแตล่ ะคน

กจิ กรรมของนสิ ติ
1. ศกึ ษาค้นคว้า ทบทวนความรภู้ าคทฤษฎี
2. ศกึ ษาข้ันตอนการปฏบิ ตั งิ านจากคมู่ อื ปฏิบตั ิการคลนิ ิกทันตกรรมเบ้อื งตน้
3. เบกิ จากหอ้ งจา่ ยกลาง คอื ชดุ ตรวจ 1ชดุ , Perio dontal Probe1ช้นิ ,แกว้ น้ำ2ใบและ
saliva ejector เครอ่ื งวัดความดนั Stethoscope, Thermometerและ Sphygmomanometer
4. ปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงาน
5. เชิญอาจารยต์ รวจงาน
6. บนั ทกึ การรักษาลงในใบประวตั ิการรกั ษาผู้ปว่ ย (OPD Card)
7. หลงั จากทำงานเสร็จ ต้อง ล้างเครอ่ื งมือ เชด็ ใหแ้ หง้ ถ้ามีผ้าหอ่ เครื่องมือมาด้วยตอ้ งหอ่ กลับ

ใหเ้ รยี บร้อย นำไปสง่ คืนทห่ี ้องจ่ายกลาง

สื่อการเรยี นการสอน
1. คมู่ อื ปฏบิ ตั กิ ารคลินิกทนั ตกรรมเบอื้ งตน้
2. ตำราเอกสารวิชาการท่ีเกย่ี วขอ้ ง
3. Stethoscope Thermometer และ Sphygmomanometer
4. แบบฟอร์มการตรวจและวางแผนการรักษาทางทันตกรรมในภาคผนวก 2 คูม่ ือปฏิบตั กิ าร

การประเมนิ ผล

1. คะแนนจากแบบประเมิน การคัดกรองผ้ปู ว่ ย การวัดสัญญาณชพี (VITAL SIGNS) 20 คะแนน

2. คะแนนจากแบบประเมนิ ทักษะการตรวจและวางแผนการรกั ษา 20 คะแนน

3. คะแนนจากแบบประเมินพฤตกิ รรมประจำวนั 10 คะแนน

4. คะแนนจากแบบประเมินการดูแลรักษาเครอ่ื งมือ 20 คะแนน

(ประเมินทุกวนั ทม่ี ีปฏิบตั ิการ)

33

34

เกณฑ์การประเมินผล
1. ผเู้ รยี นตอ้ งเข้าเรยี นอย่างนอ้ ย รอ้ ยละ80 ของเวลาเรยี น
2 . ผูเ้ รียนต้องได้คะแนนในแบบประเมนิ ทักษะแต่ละปฏบิ ตั กิ าร ตั้งแต่60%ขน้ึ ไปจงึ จะมสี ทิ ธ์ขิ อประเมนิ ผลการเรยี น
3. ผู้เรยี นต้องได้คะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวนั ตง้ั แต่60%ขึน้ ไปจงึ จะมสี ิทธิข์ อประเมินผลการเรยี น
4. ผเู้ รยี นตอ้ งได้คะแนนรวมในแบบประเมนิ การดูแลรกั ษาเคร่อื งมอื ตั้งแต่60%ขน้ึ ไปจงึ จะมสี ิทธ์ิขอประเมนิ ผลการเรียน

ขน้ั ตอนการทำงาน
1. นสิ ิตทีม่ รี ายชอื่ คกู่ นั สลับกันเป็นผูต้ รวจและผู้ปว่ ยตามที่กำหนดในตารางการฝึกแล้วบันทึกขอ้ มลู ทีไ่ ดล้ งใน
แบบฟอรม์ Complete Chart .ในภาคผนวก 2 ของ คู่มอื ปฏบิ ตั กิ าร
2. ฝึกสมั ภาษณป์ ระวตั ผิ ้ปู ว่ ยสมมตุ ิ ได้แก่ อาการสำคญั สัมภาษณป์ ระวตั ทิ างการแพทย์
ประวัตทิ างครอบครัว ประวตั สิ ว่ นตัวและสงั คม และประวตั ิทางทนั ตกรรม คัดกรองผู้ปว่ ยทางทันตกรรม
ในสถานการณก์ ารระบาดของ COVID -19ได้ถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการและเหมาะสม
3. สัมภาษณป์ ระวัตผิ ู้ป่วยทางการแพทยแ์ ละทางทันตกรรม
4. ฝกึ ตรวจวดั สญั ญาณชพี (Vital sign) ในผปู้ ่วยสมมตุ ิ บันทึกลงในชอ่ งอาการทต่ี รวจพบ

สาระสำคญั (Concept)
การคดั กรองผปู้ ่วย
ในสถานการณ์ทโี่ รค COVID-19 กำลงั ระบาดและยงั ไมส่ ามารถควบคุมโรคได้ การคัดกรองผปู้ ่วยท่ีจะเขา้ รบั การ

รกั ษาทางทันตกรรมเป็นสง่ิ ทจ่ี ำเปน็ เนอื่ งจากโรคนีต้ ดิ ต่อไดง้ ่าย ตดิ ตอ่ ไดท้ างอากาศและสามารถแพรก่ ระจายได้ท้ังก่อน
แสดง อาการ ขณะมีอาการและหลงั จากไมม่ ีอาการแลว้ (ในกรณที ย่ี งั แพรเ่ ชื้อได้ต่อหลงั หมดอาการ) ทันตแพทยจ์ ึงตอ้ งให้
ความสำคญั กับการคดั กรองผู้ป่วยซง่ึ จะช่วยลดความเสีย่ งในการตดิ เชอ้ื หรือแพรก่ ระจายเชือ้ ต่อไปยงั ผปู้ ่วยรายอ่ืน ๆ และ
ผ้เู กย่ี วขอ้ ง

การคัดกรองนี้อาศัยความรจู้ ากรายงานผ้ปู ว่ ยทั้งในดา้ นอุบตั ิการณ์ประวัติ และอาการทส่ี ำคัญของโรคนี้นำมา
ทำเปน็ แบบสอบถามใหผ้ ู้ป่วยตอบหรือใหเ้ จา้ หน้าทเ่ี ปน็ ผซู้ กั ถาม แบบสอบถามน้ปี ระกอบดว้ ย

1. ประวตั ไิ ด้แก่ ประวัตกิ ารเดินทางจากตา่ งประเทศในช่วง 2 สัปดาหก์ ่อนหรอื ประวตั กิ ารสมั ผัสหรอื อย่ใู กลช้ ิด
กบั ผปู้ ว่ ยโรค COVID-19 หรอื ประวัติที่เกีย่ วข้องหรือมาจากบริเวณท่มี ีการตดิ เชอื้ เปน็ กลมุ่ ก้อน (Cluster)

2. อาการที่อาจเปน็ อาการของโรคไดแ้ ก่ มไี ข้ ไอแห้ง แมไ้ มม่ ีน้ำมูกหรอื เจบ็ คอ ซึ่งเป็นอาการของโรคตดิ เชอ้ื ทาง
เดนิ หายใจ แมไ้ มม่ ีอาการอ่นื ๆ กม็ ีความจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพอื่ ใหก้ ารวินิจฉยั แยกโรค COVID19 จากโรคไข้หวดั ใหญ่
ชนดิ อ่ืน ๆ กอ่ น นอกจากน้ี ยงั มอี าการทเี่ ปน็ ลักษณะเดน่ ของโรคนไ้ี ด้แกก่ ารหายใจลำบากหอบ เหนอ่ื ยหรือมกี ารอักเสบ
ติดเชือ้ ทปี่ อดโดยไมท่ ราบสาเหตุ จมกู ไมไ่ ด้กลิ่นหรอื ได้กลิน่ นอ้ ยลงล้ินไมร่ ู้รสหรอื รับรสได้ลดลง หากพบอาการ
อยา่ งหนึง่ อยา่ งใดเหล่านตี้ ้องปรกึ ษาแพทยโ์ ดยเรว็ เพื่อให้การวนิ ิจฉยั ก่อน

3. การวัดอณุ หภมู ริ ่างกายผูป้ ่วยเปน็ สง่ิ ทคี่ วรทำ ซ่งึ ทำไดไ้ ม่ยากโดยใช้เคร่อื ง Thermoscan หรอื เครอื่ งวัด
อุณหภูมิแบบไมส่ มั ผัสร่างกายผปู้ ่วย เช่น เครื่องวดั อุณหภูมิหน้าผาก หากพบผปู้ ว่ ยมอี ณุ หภมู เิ กิน37.5 องศาเซลเซียส
ควรสง่ พบแพทยเ์ พื่อใหต้ รวจวนิ จิ ฉัยหาสาเหตขุ องไขก้ ่อนทีจ่ ะตรวจรกั ษาทางทันตกรรมยกเวน้ ในรายที่มีการตดิ เช้ือใน
บริเวณช่องปากและใบหน้าซึง่ อาจจะมีไขร้ ว่ มด้วยในรายเชน่ น้ี ถือเปน็ กรณเี ร่งดว่ นทจี่ ำเป็นต้องใหก้ ารรักษาก่อน

โดยสรปุ ผู้ป่วยหรือผทู้ ี่มาน่ังรอทกุ รายเม่ือเขา้ มาในพน้ื ทขี่ องคลินกิ ทันตกรรม ตอ้ งผ่านการตรวจวดั ไข้ เพ่อื ให้

34

35
ม่ันใจว่าไมม่ ีไขส้ งู เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส และต้องทำการถมู ือใหท้ ัว่ ทกุ ซอกดว้ ยแอลกอฮอล์ 70-80% สวมมาสก์
หรือหนา้ กากอนามัยตลอดเวลาทอ่ี ยู่ในคลนิ ิก (ยกเวน้ ขณะรับการรกั ษา) และควรแนะนำผ้ปู ่วยไมส่ มั ผัสพน้ื ผิวใด ๆ
ในระหว่างน่ังรอการคดั กรองผปู้ ว่ ย ผู้ปว่ ยทุกรายตอ้ งไดร้ ับการคดั กรองประเมนิ ความเส่ียงตามนิยามผสู้ งสยั ตดิ เช้อื ไวรสั
SARS-CoV-2 ทุกคร้งั ก่อนรบั การรักษาทางทนั ตกรรม หากพบว่าผปู้ ว่ ยมีประวตั ิหรืออาการอยา่ งใดอย่างหนึ่ง
ตามแบบคดั กรอง หรอื มีอณุ หภูมริ า่ งกายสูงเกนิ 37.5 องศาเซลเซยี ส ควรส่งปรึกษาแพทย์ก่อนและใหห้ ลกี เล่ยี งการ
ทำหตั ถการในช่องปาก ยกเว้นในรายที่มีความจำเป็น ฉุกเฉินหรือเรง่ ดว่ นเทา่ นั้น โดยพิจารณาตามศักยภาพของ
สถานพยาบาลและต้องใหก้ ารรกั ษาดว้ ยความระมดั ระวงั พรอ้ มท้ังปฏบิ ตั ติ ามมาตรการปอ้ งกันการตดิ เชื้ออย่างเคร่งครดั
เอกสารบนั ทกึ การคัดกรองควรมีลายมือช่ือ-นามสกลุ ผู้คดั กรองและผถู้ กู คดั กรอง โดยจัดเกบ็ ไวใ้ นระบบเวชระเบยี น
ของผปู้ ว่ ยแบบบันทึกการคัดกรองสามารถดาวนโ์ หลดได้จากเว็บไซต์ของทนั ตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ

อา้ งอิง

1. https://www.thaidental.or.th/main/download/upload/upload-204211344051371.pdf
2. http://www.dent.chula.ac.th/upload/download/30/file_11_1041.pdf
3. https://www.mhesi.go.th/home/index.php/pr/news/1412-2020-04-20-08-48-14
4. https://www.royalthaident.org/source/announce/2563/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81

%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%
E0%B8%A3%E0%B8%A1%20COVID-19.pdf

35

36
ตวั อยา่ งแบบคัดกรองจากทนั ตแพทยสมาคมแหง่ ประเทศไทย

36

37

สัญญาณชพี (vital signs)

เป็นสัญญาณทีบ่ ง่ บอกถึงการมีชีวิตของสงิ่ มีชวี ติ คา่ ของสัญญาณชีพจะช่วยในการประเมินการเปลยี่ นแปลงภาวะสุขภาพของ

บุคคลนน้ั ๆ การวัดสัญญาณชีพต้องปฏิบัติดว้ ยความรอบคอบเพื่อใหไ้ ด้ค่าทถ่ี ูกต้อง เที่ยงตรง

ชีพจรPulse เป็นการขยายตวั และหดตวั ของหลอดโลหติ ดงสว่ นปลายๆ เปน็ จงั หวะตามคล่ืนความดันทม่ี าจาก
หลอดโลหิตแดงใหญ่ใกลห้ ัวใจ ตรวจไดท้ ี่ ข้อมือ ข้อศอก หลงั เทา้ ขา้ งคอ ขาหนบี ปกติ 60-100 คร้ังต่อนาที

ปัจจัยทมี อี ิทธพิ ลต่อชพี จร
1) อายุ เมื่ออายุเพิม่ ข้ึนอัตราการเตน้ ของชพี จรจะลดลง ในผูใ้ หญ่อตั ราการเตน้ ของชพี จร 60-100 เฉลีย่ 80 ครั้งต่อนาที
(bpm)
2) เพศ หลงั วัยรุ่น ค่าเฉลยี่ ของอตั ราการเตน้ ของชพี จรของผู้ชายจะตำ่ กวา่ หญิงเล็กน้อย
3) การออกกำลงั กาย อัตราการเตน้ ของชีพจรจะเพิ่มขน้ึ เม่ือออกกาลังกาย
4) ไข้ อัตราการเต้นของชพี จรเพม่ิ ข้นึ เพอื่ ปรับตวั ใหเ้ ข้ากบั ความดันเลือดทต่ี ่ำลง ซึง่ เป็นผลมาจากเส้นเลือดสว่ นปลาย
ขยายตัวทําใหอ้ ณุ หภูมริ ่างกายสงู ขน้ึ (เพ่ิม metabolic rate)
5) ยา ยาบางชนิด ลดอตั ราการเตน้ ของชีพจร เชน่ ยาโรคหัวใจ เชน่ digitalis ลดอัตราการเตน้ ของชพี จร (กระต้นุ
parasympathetic)
6) Hemorrhage การสญู เสยี เลอื ดจะมผี ลทําใหเ้ พิ่มการกระต้นุ ระบบประสาทซิมพาธิตคิ ทําให้อัตราการเตน้ ของชีพจร
สูงขน้ึ
7) ความเครียด เมอ่ื เครียดจะกระตุ้น sympathetic nervous เพมิ่ การเต้นของชพี จรความกลัว, ความวิตกกังวล
และอาการเจบ็ ปวด กระต้นุ ระบบประสาทซมิ พาธิตคิ
8) ทา่ ทาง เมือ่ อยใู่ นท่ายืนหรอื น่งั ชีพจรจะเตน้ เพิ่มขน้ึ (เรว็ ขึ้น) ทา่ นอนชีพจรจะลดลง

อัตราการเต้นของชพี จรปกติ
ทารกแรกเกิด ถึง 1 เดอื น ประมาณ 120-160 ครง้ั ตอ่ นาที
1-12 เดอื น ประมาณ 80 – 140 ครั้งต่อนาที
12 เดอื น-2 ปี ประมาณ 80 – 130 คร้ังต่อนาที
2 – 6 ปี ประมาณ 75 – 120 ครั้งตอ่ นาที
6 – 12 ปี ประมาณ 75 – 110 ครงั้ ต่อนาที
วัยรุ่น-วัยผ้ใู หญ่ ประมาณ 60 – 100 คร้ังต่อนาที

อตั ราการหายใจ Respiratory Rateวัดจำนวนการหายใจตอ่ นาทปี กติประมาณ 16-20 คร้ังตอ่ นาที
ให้สงั เกตชนดิ ของการหายใจ ซ่งึ อาจเป็น thoracic , abdominal, thoracoabdominal obstructive,
restrictive หรือใชก้ ล้ามเนอื้ ชว่ ยหายใจ
1) การนับการหายใจเข้าและออกนับเป็น 1ครงั้ สังเกตใน 1 นาที
2) หน่วยวัดการหายใจ เป็นครง้ั ตอ่ นาที
3) วัดการหายใจขณะผูป้ ่วยพักและไมร่ ะวงั เกยี วกบั การหายใจ
4) ชว่ งปกตขิ องอตั ราการหายใจ ตามอายุ

37

38

4.1) ทารกแรกเกดิ (newborn) ประมาณ 35-40 ครั้งต่อนาที
4.2) ทารก (6 เดือน) ประมาณ 30-50 ครง้ั ตอ่ นาที
4.3) อายุ 2 ปี ประมาณ 25-32 ครั้งต่อนาที
4.4) เดก็ ประมาณ 20-30 คร้ังต่อนาที
4.5) วยั รุ่น ประมาณ 16-19 ครั้งต่อนาที
4.6) ผู้ใหญ่ ประมาณ 16-20 ครัง้ ต่อนาที

อณุ หภูมริ ่างกาย Body Temperature
อุณหภูมิของรา่ งกายเป็นความสมดลุ ระหวา่ งความร้อนท0ี รา่ งกายผลติ ข้ึนกับความร้อนทสี่ ูญเสยี ไปจากร่างกาย
(การควบคุมอณุ หภูมิ - Thermoregulation) ชนิดของอณุ หภูมริ า่ งกาย มี 2 ชนดิ
1 อณุ หภมู ิภายใน (Core body temperature)
1.1) เปน็ อุณหภมู ิ deep tissues ของร่างกาย ไดแ้ ก่ ศรี ษะ (cranium) และ ทรวงอก (thoracic), abdominal
และ pelvic cavities
1.2) มกี ารเปลีย่ นแปลงเพยี งเล็กนอ้ ยในผ้ใู หญ่ Critical range or set point = 36.7 ถงึ 37 องศาเซลเซียส
2 อณุ หภมู ิบรเิ วณผวิ (Surface temperature)
2.1) เปน็ อณุ หภมู ทิ ผี่ วิ หนังและชน้ั ไขมัน
2.2) มกี ารเปล่ยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา ข้ึนอยู่กับการไหลเวียนเลอื ดทผ่ี ิวหนงั และจํานวนของการสูญเสียความร้อน
ให้กบั สง่ิ แวดล้อมภายนอก ในผูใ้ หญ่ทีสขุ ภาพดสี ามารถเปลย่ี นแปลงไดก้ ว้าง อยูร่ ะหวา่ ง 20 ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส
นิยมใชว้ ดั ทางปากแตจ่ ะวดั ทางรักแร้หรอื ทวารหนกั กไ็ ดส้ ำหรับคนทพ่ี กั ผอ่ นในเตียงตัง้ แตต่ ำสดุ 35.8 องศา
แตค่ นทีท่ ำงานอาจมีคา่ ถึง 37.1 องศา อุณหภมู ิทางทวารหนักจะสงู กว่าทางปาก0.3 องศา ถา้ วัดทางรักแรจ้ ะต่ำกวา่
วดั ทางปาก 0.5 องศา อณุ หภมู ขิ องคนปกติแตล่ ะบุคคลจะเปลีย่ นแปลงได้
อณุ หภูมริ า่ งกายปกตแิ ต่ละวัย
1) เดก็ ทารก 36.1 –37.7 องศาเซลเซยี ส
2) เดก็ 37-37.6 องศาเซลเซียส
3) ผ้ใู หญ่ 36.5-37.5 องศาเซลเซยี ส
4) ผสู้ งู อายุ 36-36.9 องศาเซลเซยี ส
ความดนั โลหติ Blood Pressure แรงดนั ของเลอื ดทีก่ ระทบกับผนังของหลอดเลือดแดง ความดนั ของเลือดทวี่ ัดมี
2 อยา่ ง
1) Systolic pressure เป็นความดันทเ่ี กิดจากการหดรดั ตัวของหัวใจห้องล่างดา้ นซา้ ยเพื่อฉดี เลือดออก
จากหวั ใจ จงึ เปน็ ความดนั ทสี่ ูงสดุ
2) Diastolic pressure เปน็ ความดนั ทว่ี ดั เม่อื หวั ใจห้องลา่ งดา้ นซา้ ยพักจึงเปน็ ความดนั ท่ตี ่ำสดุ
2.1) หนว่ ยวดั มลิ ลเิ มตรปรอท (mm.Hg)
2.2) เลขตัวบนของเลขเศษสว่ น (Systolic pressure)
2.3) เลขตัวล่างเลขเศษสว่ น (Diastolic pressure)
2.4) Pulse pressure คา่ ความแตกตา่ งระหว่าง systolic และ diastolic pressure (คา่ ปกติประมาณ 30-50)

38

39

ความดนั เมื่อหวั ใจบีบตวั ปกตมิ คี า่ 90-139 mmHg และความดันเม่อื หัวใจคลายตัว ปกติมคี ่า 60-89 mmHg

คา่ ความดนั sysytolic คา่ ความดนั ตวั ล่าง diastolic

ค่าความดันทต่ี ้องการ <120 และ <80
optimal

ค่าความดนั ปกติ 120-129 และหรือ 80-84
normal

คา่ ความดันปกตแิ ตส่ ูง 130-149 และหรือ 85-89
high normal

ความดันสงู ระดับ1 150-169 และหรือ 90-99
grade1hypertension

ความดันสงู ระดับ2 170-189 และหรอื 100-109
grade2hypertension

ความดนั สงู ระดับ3 >180 และหรอื >110
grade3hypertension

ความดันสูงตวั บน >140 และ <90
isolated hypertension

การตรวจสญั ญาณชีพได้แก่

3.1 อัตราการเตน้ ของชีพจร

3.2 อัตราการหายใจ

3.3 อณุ หภมู ริ า่ งกาย

3.4 ความดนั โลหติ

ตวั อยา่ งการบันทกึ สัญญานชพี ที่วัดได้

Vital signs:

T = 37.1 0C Oralหมายถึง อณุ ภูมิรา่ งกาย 37องศาเซลเซยี ส วดั ทางปาก

P = 70 / min regular (radial artery) หมายถงึ การเตน้ ของชพี จร 70คร้ังต่อนาทวี ัดที่เส้นเลือดแดง เรเดยี ล

RR = 18 / minหมายถงึ อัตราการหายใจ 18 ครั้งตอ่ นาที

BP = 82 / 59 mmHg Right arm หมายถึงความดันโลหติ ขณะที่ หวั ใจบีบตวั 82

มลิ ลเิ มตรปรอทและความดันขณะทหี่ วั ใจคลายตัว 59 มลิ ลเิ มตรปรอท วัดจากแขนขา้ งขวา

การตรวจอวัยวะในชอ่ งปาก
อ. ทพ.ธวิน เรียวเรอื งแสงกลุ

ได้แก่ ฟนั ริมฝีปาก เพดาน เหงือก ลนิ้ พ้ืนชอ่ งปาก กระพ้งุ แกม้ คอหอยหลงั ชอ่ งปาก วา่ มีพยาธสิ ภาพหรือ
ความผันแปร (Variation) อะไรบา้ งและบันทกึ ลงในแบบฟอร์มการตรวจและวางแผนการรักษาทางทนั ตกรรม
ลงช่ือนสิ ติ และให้อาจารย์ลงชอื่ กำกับ
การตรวจฟนั (examination of teeth)

โดยท่วั ไปจะทำการตรวจฟนั ภายหลังจากการตรวจเนื้อเย่ืออ่อนในชอ่ งปากแลว้ โดยแบง่ การตรวจออกเป็น

39

40

2 ขนั้ ตอนใหญ่ๆคือ การตรวจสภาพท่วั ไปของฟนั ที่มีในช่องปากโดยใชก้ ารดู (inspection) และการตรวจฟันแตล่ ะซี่
อยา่ งละเอยี ดโดยการดแู ละใช้เครอื่ งมอื เขี่ย (exploration) หรือวัดความลึกของร่องเหงือก (gingival sulcus)

การตรวจสภาพทั่วไปของฟัน (dental orientation examination) เปน็ การตรวจโดยการดรู ว่ มกับการใช้
กระจกส่องปาก ซง่ึ ประกอบดว้ ยการดจู ำนวนฟันท่เี หลอื อยู่ สี ขนาด รปู ร่าง โครงสรา้ งของฟัน ระดบั ของอนามยั
ชอ่ งปาก ฟนั ผุลุกลาม (extensive decay) หินนำ้ ลาย (calculus) และการเรยี งตัวของฟัน

การตรวจจำนวนฟัน การตรวจจำนวนฟนั ที่ขึน้ มาในช่องปาก ซึง่ อาจจะพบฟนั บางซที่ ่ีหายไป (missing) หรอื
มฟี ันเกนิ (supernumerary tooth) ในกรณพี บว่าฟนั หายไปควรซักประวัติเพอ่ื ให้ทราบสาเหตขุ องการไม่พบฟันบางซี่
ในชอ่ งปาก การถอนฟนั จำนวนหลายซี่ในชอ่ งปากนอกจากจะทำใหท้ ราบว่าผูป้ ว่ ยเสี่ยงต่อการเกดิ โรคฟันผุ (dental caries)
หรอื ปรทิ ันตอ์ กั เสบ (periodontitis) แล้ว ยังทำใหค้ าดว่าผปู้ ว่ ยจะมารักษาฟนั เม่ือมีปญั หาเท่านน้ั ซ่งึ จะเป็นขอ้ มลู ประกอบ
ในการวางแผนการรกั ษาต่อไป นอกจากนก้ี ารหายไปของฟนั บางซี่ หรือทกุ ซ่ี (partial or complete anodontia)
ในช่องปากอาจเกดิ จากการพัฒนาการของฟนั ทีผ่ ิดปกตบิ างซที่ ำใหเ้ กดิ ฟนั หายตงั้ แตก่ ำเนิด (congenital missing)
และยงั สามารถพบไดใ้ นกลมุ่ อาการท่มี ีความผิดปกติของพฒั นาการ (developmental syndrome) อย่างไรกต็ าม
ควรถา่ ยภาพรังสปี ระกอบเนือ่ งจากบางครั้งอาจพบฟนั ยังไม่ข้ึน (uneruption) หรือฟนั ชน (impaction) หรือฟนั คดุ ฟนั ฝัง
(embedded) อยู่ในขากรรไกรได้

การตรวจสี ขนาด รูปรา่ ง และโครงสรา้ งของฟัน
สี : ควรสังเกตสขี องฟัน ซ่งึ อาจมสี าเหตแุ ตกต่างกันทที่ ำให้สีฟนั ผดิ ปกติ โดยอาจเป็นฟนั นำ้ นมคงอยนู่ าน
กว่าปกติ เปน็ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งฟนั ตามสรรี วิทยา หรือเป็นความผดิ ปกติของฟัน ซงึ่ อาจพบในบางตำแหน่งหรือ
โดยท่ัวไปการเปลย่ี นสีของฟนั อาจเป็นการเปล่ยี นแปลงทางสรรี วิทยา (physiology) หรอื พยาธิวิทยา (pathology)
ทำใหเ้ กดิ ความผดิ ปกติ ซง่ึ อาจเกดิ ในฟนั (intrinsic) หรอื นอกฟัน (extrinsic) ก็ได้ การใหก้ ารวินจิ ฉยั ขึ้นกบั การซกั ประวตั ิ
การตรวจทางคลินิกและการตรวจเพม่ิ เตมิ อื่นๆ โดยการเปลย่ี นแปลงทางสรรี วทิ ยาจะพบวา่ เม่อื อายมุ ากขึน้ ฟนั จะมสี เี หลอื ง
หรอื เหลอื งอมเทามากข้นึ เนอ่ื งจากมกี ารสกึ ของเคลือบฟันทำให้มคี วามหนาลดลง และมีการสรา้ งเนือ้ ฟนั ทตุ ยิ ภมู ิ (secondary
dentine) มากข้นึ การเปลี่ยนแปลงของสีฟนั ที่เกดิ จากพยาธิวทิ ยาอาจพบในฟันหลายซ่ี หรือบางซ่ี
การพบฟนั เปล่ียนสจี ำนวนหลายซใี่ นช่องปากอาจเป็นผลจากมกี ารสะสมของเมด็ สีในขณะทีฟ่ นั กำลงั สร้าง
หรือสรา้ งสมบรู ณแ์ ล้ว เช่น เม็ดสที ีเ่ ป็นผลจากเมด็ โลหติ แดงแตก (hemolysis) หรอื ดีซา่ น (Jaundice) ซงึ่ อาจทำใหฟ้ ันมีสเี ขยี ว
น้ำตาลเหลือง หรือเหลอื งสม้ และสมี ักจะหายไปเมือ่ ไม่มโี รคแล้ว นอกจากนัน้ อาจเกิดจากความผดิ ปกตใิ นการสรา้ งฟัน เชน่
การสร้างเคลอื บฟนั ไมส่ มบรู ณ์ (amelogenesis imperfecta) เนื้อฟันกำเนดิ สรา้ งไมส่ มบรู ณ์ (dentinogenesis imperfecta)
การเจรญิ พร่องของเคลือบฟัน (enamel hypoplasia) หรอื ฟนั ตกกระ (dental fluorosis)
ขนาด : ของฟนั มคี วามแตกตา่ งกนั ในแต่ละบุคคล ฟันบางซอ่ี าจมคี วามผดิ ปกติเชน่ สภาพฟนั ใหญ่ (macrodontia)
หรอื สภาพฟันเล็ก (microdontia) เป็นต้น โดยฟนั ท่ีมกั พบวา่ มีสภาพฟันเลก็ ไดแ้ กฟ่ ันตดั ซขี่ ้าง (lateral incisor) ฟันกรามนอ้ ย
และฟนั กรามซท่ี ี่สาม (third molar) นอกจากนั้นอาจพบในฟนั ท่ีเป็นฟนั เกนิ ได้
รูปร่างและโครงสร้าง : ของฟนั ทีผ่ ดิ ปกตอิ าจเกดิ ขนึ้ ในขณะท่มี ีการพฒั นาการ (development) ของฟนั
ซ่งึ อาจเป็นผลจากสงิ่ แวดล้อม (environment) หรอื ความผดิ ปกติทางพนั ธุกรรม (genetic) หรอื เกิดขนึ้ จากปจั จัย
ภายนอกภายหลงั การขนึ้ ของฟันแลว้
ระดบั อนามัยชอ่ งปาก : อาจประเมินไดจ้ ากการสะสมของเศษอาหารในชอ่ งปาก ปริมาณแผ่นคราบจลุ ินทรยี ์
สภาวะเหงอื กอักเสบและกล่นิ ปาก ผ้ทู ่ีมีอนามยั ชอ่ งปากท่ีไมด่ ี มีโอกาสพบฟันผุ และโรคเหงือกอกั เสบหรือปริทันต์อกั เสบได้
อยา่ งไรก็ตาม อาจไมม่ คี วามสัมพนั ธก์ ันเสมอไปควรตรวจในช่องปากอีกคร้ัง
ฟันผุหรือวัสดอุ ดุ ฟนั : การตรวจพบฟนั ผุจำนวนมากในช่องปากไมว่ า่ จะมีระดบั อนามัยช่องปากดีหรอื ไม่ก็ตาม
ชี้ใหเ้ หน็ วา่ อาจมปี ัจจัยอน่ื ทเ่ี กยี่ วข้อง เช่น พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร อตั ราการหลั่งของน้ำลายลดลง (hyposalivation)

40

41

ซึง่ อาจเปน็ ผลจากโรคของต่อมน้ำลาย โรคทางระบบบางอย่าง การไดร้ บั ยาบางชนิดทมี่ ผี ลต่อการทำหนา้ ทีข่ องตอ่ มน้ำลาย
หรอื การฉายรังสรี ักษามะเรง็ บริเวณศีรษะและลำคอ ซึ่งทำให้เกดิ ฟนั ผุจากการฉายรงั สี (radiation caries) เป็นตน้
ซ่งึ ควรทำการประเมนิ เพ่ือเป็นสว่ นหนึ่งในการวางแผนการรกั ษาตอ่ ไป นอกจากนน้ั การตรวจพบฟันผหุ ลายๆซี่ ยังสะท้อน
ใหเ้ หน็ ถงึ การไมไ่ ดร้ ับการรักษาทางทันตกรรมเป็นประจำในชว่ งทีผ่ า่ นมา ซ่งึ จะต้องเพม่ิ ความรอบคอบในการตรวจหาฟันผุ
ตามดา้ นต่างๆของฟนั ใหม้ ากข้นึ

การสงั เกตเห็นรอยแตกของตัวฟนั ที่เปน็ ผลจากการไดร้ บั ภยันตราย (trauma) ควรตรวจความผดิ ปกตอิ ่ืนท่ีสังเกตเหน็
ไดย้ ากกวา่ เชน่ ฟนั ตาย โรครอบปลายรากฟัน รากฟันตาย หรือฟนั โยกทอี่ าจพบดว้ ย นอกจากน้ันการตรวจพบฟนั แตกหลายๆซ่ี
อาจเปน็ ผลจากการใชฟ้ ันไมถ่ กู วิธีหรอื โรคลมชกั ก็ได้

การเรยี งตวั ของฟัน : อาจมผี ลตอ่ การเกิดโรคในชอ่ งปาก เช่น ฟนั ทไ่ี มม่ คี สู่ บที่ย่ืนยาวออกมา (supereruption)
หรือฟันซอ้ นเก เป็นปจั จัยหนึง่ ทีท่ ำให้ง่ายต่อการเกดิ โรคฟันผุและปรทิ นั ต์อกั เสบ
ดังนน้ั อาจพิจารณาความจำเป็นในการจัดฟนั ตอ่ ไป

การตรวจฟนั ผุ
การตรวจฟันแต่ละซตี่ อ้ งตรวจทกุ ด้านโดยการดแู ละการเขยี่ ดว้ ยเครอื่ งมอื ตรวจเพ่ือหาฟนั ผุ โดยเฉพาะ
บรเิ วณหลุมและร่อง (pit and fissure) บนด้านบดเคีย้ ว (occlusal) ของฟันซ่ึงเป็นตำแหนง่ ทีเ่ กดิ ฟนั ผุได้ง่าย
โดยลักษณะของฟันผอุ าจมีการเปล่ยี นสีชองฟนั เปน็ สขี าวข่นุ (chalky white) หรือคลำ้ ขึน้ (dark discoloration) หรอื
มโี พรง (cavitation) ซง่ึ ถ้าใชเ้ ครอื่ งมอื เขย่ี แล้วเครื่องมือติดเข้าไปในตำแหนง่ ทม่ี กี ารสญู เสยี แรธ่ าตุ (decalcified site)
กจ็ ะเปน็ การยืนยนั ว่ามฟี ันผุเกิดขน้ึ ได้อย่างชัดเจน
การตรวจดา้ นแก้ม และด้านล้ินมกั มองดว้ ยตา ยกเวน้ บรเิ วณทีม่ ีเหงอื กร่น หรอื หลมุ ดา้ นแกม้ ของฟัน (buccal pit)
ซง่ึ ไวตอ่ การเกดิ ฟนั ผุ ควรใชเ้ ครอื่ งมอื เขีย่ เชน่ เดียวกับการตรวจดา้ นบดเคยี้ วของฟัน โดยทว่ั ไปลักษณะการเกดิ ฟันผุดา้ นแกม้
หรือดา้ นลนิ้ ในบริเวณท่ีเปน็ พน้ื ผิวท่เี รียบมักเห็นเปน็ สีขาวขุ่นเน่อื งจากมกี ารสญู เสียแรธ่ าตุ ซึง่ จะเห็นได้ชักเมอ่ื เปา่ ผวิ ฟนั บริเวณ
น้ันใหแ้ หง้
การตรวจโดยการเข่ียผวิ ฟันด้านแกม้ หรอื ดา้ นล้ินควรควบคุมการใชเ้ คร่อื งมอื ให้ดแี ละมีการวางนวิ้ ใหม้ น่ั คงเพือ่ ป้องกนั
การล่ืนไถลของเครื่องมือทจี่ ะพลาดไปทำอันตรายตอ่ เนอ้ื เย่อื ข้างเคียงได้ผ้ทู ี่มฟี นั ผุบรเิ วณทเี่ ป็นพ้ืนผิวเรียบด้านแกม้ หรือดา้ นล้ิน
อาจมคี วามสัมพันธก์ บั ภาวะปากแห้ง (xerostomia) เช่น การได้รบั ยาบางชนดิ การฉายรังสีรักษามะเรง็ บริเวณศรี ษะ
และลำคอเปน็ ตน้ หรอื มีการดม่ื เครอื่ งดื่มท่มี กี รดคาร์บอเนตเป็นประจำ
การตรวจฟนั ผุบรเิ วณพืน้ ผิวระหวา่ งซอกฟนั (interproximal surface) ควรมีการตรวจโดยการเขยี่ ร่วมด้วย
โดยใช้เคร่อื งมอื ทีม่ ปี ลายเลก็ แหลมเขย่ี ใตจ้ ดุ สมั ผสั (contact point) ในทศิ ทางเข้าหาตวั ฟนั และเฉียงขึ้นดา้ นบน
หรอื ใช้การเป่าลมเขา้ บรเิ วณซอกฟันเพือ่ ดูการตอบสนองของฟันด้วย ซงึ่ ถ้ามีฟันผุทล่ี กึ มักมอี าการเสียวเมอ่ื เปา่ ลม
อยา่ งไรก็ตามบางครงั้ อาจไม่สามารถสอดเครอื่ งมอื เข้าไปได้จงึ ต้องใชก้ ารถ่ายภาพรงั สรี อบปลายรากฟนั
(periapical) หรอื แบบกัดปกี (bitewing) ร่วมด้วย ซึง่ อาจมขี ้อจำกดั ในฟันทีม่ ีการเรยี งตวั ผดิ ปกติ หรอื มีวสั ดุอดุ เดมิ
อย่อู าจทำให้ไมเ่ ห็นฟนั ผุ การตรวจฟนั ผุบรเิ วณซอกฟนั ของฟนั หน้าอาจใชห้ ลักการสอ่ งผา่ นแสง (transillumination)
โดยใชเ้ ส้นใยนำแสง (fiber optic light) ในการทำใหแ้ สงสอ่ งผา่ นทางดา้ นแก้มของฟัน และใช้กระจกสอ่ งปาก
ดกู ารหักเหของแสงทางด้านเพดานหรอื ด้านลน้ิ หรอื ใชแ้ สงไฟจากเก้าอ้ที ำฟัน จะทำใหเ้ ห็นบรเิ วณทแ่ี สงไมส่ ามารถ
ผา่ นไดเ้ ป็นสดี ำ ซึง่ บง่ บอกวา่ เปน็ ฟนั ผุ อยา่ งไรก็ตามในบรเิ วณท่ีมกี ารสะสมของสภี ายนอกบรเิ วณผิวฟัน
จะทำใหก้ ารตรวจโดยวธิ นี ีม้ องเหน็ ไดย้ ากข้ึน
การตรวจฟันทไ่ี ด้รบั การบรู ณะแลว้
ฟนั ที่ไดร้ บั การบรู ณะแลว้ ควรมกี ารบนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึก
ลกั ษณะของการบรู ณะฟันในอดีตจะชใี้ ห้เหน็ ถงึ ความเอาใจใสแ่ ละประสบการณข์ องผู้ป่วยในการดแู ลสขุ ภาพช่องปาก

41

42

ซึง่ มคี วามสำคญั ในการพจิ ารณาวางแผนการรักษาต่อไป ผ้ทู ่ีมวี ัสดุอุดฟันทไี่ ด้รบั การขัดผวิ วัสดุเป็นอยา่ งดี มกี ารใสฟ่ นั ปลอม
ที่ถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ มกั เป็นผทู้ ีม่ คี วามใสใ่ จในการดแู ลสขุ ภาพช่องปาก และมีทศั นคติทด่ี ตี อ่ การรกั ษาทางทนั ตกรรม
การตรวจพบฟันผุกลับซ้ำ (recurrent caries) มกั พบไดน้ อ้ ย ในขณะท่ผี ทู้ ีม่ ีวสั ดบุ รู ณะทไี่ มด่ ี มรี อยแตกหรือมีการรวั่ ซึม
แสดงให้เหน็ ถงึ ความไม่ใส่ใจในการดูแลสขุ ภาพช่องปาก ดังนน้ั ควรตรวจหาฟันผุกลบั ซำ้ ใตข้ อบวัสดุหรอื การเกิดฟันผใุ หม่
ในฟนั ซอี่ ื่นๆ

การตรวจฟันทบ่ี รู ณะดว้ ยโลหะเชน่ อะมัลกมั (amalgam) สามารถมองเหน็ ไดช้ ัดด้วยตา แต่ฟนั ที่บรู ณะดว้ ย
พอรซ์ เลน (porcelain) หรอื คอมโพสิต (composite) มกั มองเห็นได้ยากตอ้ งใช้เคร่อื งมอื เขี่ยหาขอบของวสั ดุ
หรอื ลากผา่ นผิววสั ดุเบาๆจะรสู้ ึกว่าพ้นื ผิวของวสั ดุมีความหยาบ หรอื เป็นมัน การตรวจฟนั ท่มี กี ารบรู ณะตอ้ งดรู ูปร่าง
เค้ารปู (contour) ความแนบของขอบวสั ดกุ ับฟัน และการสบฟนั ดว้ ย การเขีย่ บรเิ วณขอบวสั ดจุ ะชว่ ยในการตรวจ
หาการรั่วซมึ ของวัสดุหรอื ฟนั ผกุ ลบั ซำ้

การใชเ้ สน้ ใยขัดฟนั (flossing) เสน้ บางๆที่ไมม่ ขี ผ้ี ้ึงเคลอื บผา่ นบริเวณซอกฟัน
จะช่วยตรวจความแน่นทางด้านประชิดของฟนั ทีส่ มั ผสั กนั และขอบวสั ดุทางดา้ นใกลเ้ หงือกด้วย
ซ่งึ ถ้าเสน้ ใยขัดฟนั สามารถผา่ นไดอ้ ย่างง่ายหรือมีลักษณะเป็นขุย หรอื ขาดง่าย เน่อื งจากเสยี ดสกี ับขอบดา้ นเหงือกของ
วัสดอุ ดุ เกิน (overhanging) ควรทำการบูรณะใหม่ เนื่องจากจะทำใหม้ เี ศษอาหารตดิ ซอกฟนั และมเี หงือกอักเสบได้ง่าย

ข้อแนะนำ

❖ การตรวจฟัน แนะนำใหต้ รวจตาม quardrant เรมิ่ จากฟันซ่ี 18 ถึง 28 และ 38 ถงึ 48
ตามลำดบั ถ้าตรวจพบฟันไมผ่ ุ ให้เขียนบรรยายวา่ Sound tooth

❖ กรณีจำเป็นต้องสง่ x-ray เพมิ่ เตมิ ให้เขียนคำวินิจฉัยเบอื้ งตน้ ลงในแบบฟอร์มการตรวจ
ด้วยดนิ สอโดยใชค้ ำวา่ Rule Out หรือ R/Oแปลวา่ สงสยั วา่ จะเปน็ เช่น R/O Impaction หมายถึง สงสยั เป็น
ฟนั คดุ เม่อื ถา่ ยภาพรงั สแี ล้ว ใหแ้ ปลผลภาพรังสีใหเ้ รยี บรอ้ ย และเขยี นคำวนิ ิจฉยั ที่ได้ดว้ ยปากกาแทนดินสอ

❖ กรณีตรวจพบการสบฟนั ทผี่ ดิ ปกติ จำเปน็ ต้องไดร้ บั การรกั ษาทางทันตกรรมจัดฟัน ตอ้ งชแ้ี จง
ผปู้ ว่ ยใหท้ ราบถงึ ปัญหาและแนะนำการรกั ษาทีเ่ หมาะสมแกผ่ ูป้ ่วย เม่ือผู้ปว่ ยรับทราบและเขา้ ใจดี ใหบ้ ันทึกใน
การวางแผนการรกั ษาคือ แนะนำจัดฟนั

5. ตรวจและวินิจฉยั การสบฟนั ในผปู้ ว่ ยท่มี ฟี ันกรามแท้ซ่ีท่ี 1 ขึน้ แล้ว บนั ทกึ ลงในชอ่ งอาการท่ีตรวจพบโดย
วนิ จิ ฉัยการสบฟันตามการจัดแบ่งของ Angle’s classification

6. ใช้ Periodontal probe วัดรอ่ งเหงือกของฟันหน้าบนและลา่ ง ฟันกรามบนและลา่ งในแต่ละ sextant
อย่างละ 1 ซ่ี (16, 11, 26, 31, 36 และ 46) และบันทกึ ลงในแบบฟอรม์ การตรวจและวางแผนการรกั ษาทางทนั ตกรรม
ขอ้ แนะนำ

❖ ก่อนทำการวัดรอ่ งลกึ ปรทิ ันต์ควรตรวจดชู อ่ งสเกลวัดของ periodontal probe ว่าแตล่ ะ
ช่องมขี นาดเทา่ ไร และในการวัดควรใช้แรงในการสอดเครอ่ื งมือทีพ่ อเหมาะ ไม่ควรกดเคร่อื งมอื จนเกิดแรงดันเขา้ ไปใน
เน่ือเยอ่ื

7. ใหก้ ารวนิ จิ ฉยั โดยรวบรวมข้อมลู จากอาการสำคญั การซักประวตั ิ และอาการทต่ี รวจพบทงั้ หมดบนั ทกึ ไว้ใน
สมุดบนั ทกึ

8. วางแผนการรกั ษาแบบสมบรู ณ์บนั ทึกลงในแบบฟอรม์ การตรวจและวางแผนการรักษาทางทนั ตกรรม
ลงชื่อนิสิตและใหอ้ าจารยล์ งชอ่ื กำกบั
นิสิตควรวางแผนการรักษาร่วมกับผปู้ ว่ ยสมมตุ ิและบนั ทึกลงในบัตรใหเ้ สรจ็ ก่อนเรมิ่ ทำงานอน่ื ต่อไป

42

43

ขอ้ แนะนำ
❖ นิสติ ควรฝกึ สงั เกตสิ่งผดิ ปกติ หรือสง่ิ ท่แี ตกตา่ งจากการเรียน โดยสามารถปรกึ ษา ขอคำแนะนำ

และเรียนรู้ คำวินจิ ฉัยเพ่ิมเติมจากอาจารยไ์ ด้

❖ การสัมภาษณป์ ระวตั ิ การตรวจและบรรยายรอยโรคทีถ่ กู ต้อง ครบถว้ นจะช่วยใหน้ สิ ติ
สามารถวินจิ ฉยั โรค ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

9. บนั ทึกการรักษาลงในแบบบนั ทึกการรกั ษา (Treatment record) ทกุ ครั้งทใี่ หก้ ารรกั ษา เช่น
การสอนแปรงฟัน ใช้ไหมขดั ฟัน การขูดหินปูน รวมทงั้ การนัดผู้ปว่ ยในคร้ังต่อไป ลงช่ือนิสติ และใหอ้ าจารยล์ งช่อื กำกบั

ชนดิ ของการตรวจมี 3 แบบ ไดแ้ ก่
1. การตรวจแบบสมบรู ณ์(Complete examination) เป็นการซักถามประวตั ขิ องผปู้ ่วยและตรวจทางคลนิ ิกทง้ั ภายนอก

และในช่องปากทงั้ หมดโดยละเอยี ด
2. การตรวจอย่างย่อ(Screening examination) เปน็ การตรวจในช่องปากและอวัยวะทเี่ กย่ี วข้องบางตำแหน่ง

โดยไม่ต้องการความละเอียดมากนกั ทั้งนีข้ ้ึนอย่กู ับดลุ ยพนิ ิจของผู้ตรวจ เป็นการตรวจท่ีใชเ้ มื่อเวลา เศรษฐกิจ
ตลอดจนความชำนาญของผตู้ รวจไม่เอ้อื อำนวยให้ทำการตรวจอยา่ งสมบูรณไ์ ด้

3. การตรวจแบบฉุกเฉนิ หรือเร่งด่วน(Emergency examination) เปน็ การตรวจเฉพาะส่วนท่ีเกีย่ วขอ้ งกับ
อาการสำคญั ของผปู้ ว่ ย ใช้ตรวจในกรณที ีผ่ ูป้ ว่ ยมีอาการหรอื อย่ใู นภาวะฉกุ เฉนิ และตอ้ งการการตรวจรกั ษาโดยรีบดว่ น
เพื่อกำจัดสาเหตแุ ละบรรเทาอาการทีเ่ กิดขึน้ ในขณะนัน้

การตรวจแบบสมบรู ณ์
การซักประวัติผู้ป่วย

1. อาการสำคญั (Chief complaint) คือ อาการหรือความไมส่ บายต่างๆท่ชี กั นำผ้ปู ่วยมาพบผูใ้ ห้การรกั ษา
เป็นคำอธบิ ายอาการผดิ ปกตทิ ่ีเกดิ ข้นึ ไม่ใชก่ ารวนิ ิจฉัยโรคของผู้ปว่ ยหรอื ความต้องการของผ้ปู ่วย
อาการทีพ่ บบ่อยในทางทนั ตกรรม เชน่ ความเจ็บปวด เปน็ แผลของเยือ่ เมือก ปวดแสบปวดรอ้ น มีเลือดออก ฟนั หายไป
ฟันถกู ถอนไป ปัญหาเกี่ยวกบั การบดเค้ียว ฟันขน้ึ ช้า ปากแหง้ นำ้ ลายมากเกินไป การรบั รสไมด่ ี
มีการบวมในชอ่ งปากหรอื นอกชอ่ งปาก เปน็ ตน้ การเขยี นบนั ทกึ อาการสำคญั ควรมีรายละเอียดเข้าใจงา่ ย
บอกตำแหนง่ และระยะเวลาทเี่ ปน็ ใชภ้ าษาสน้ั กระชับตรงไปตรงมา เช่น ปวดฟนั กรามน้อยลา่ งซา้ ยซ่ที ส่ี องเวลามเี ศษอาหาร
ตดิ มา 3 วนั แล้ว
ขอ้ แนะนำ

❖ อาการสำคญั ไม่ใชค่ วามต้องการในการเขา้ รับการรักษาของผู้ป่วยนสิ ิตตอ้ งพยายามซกั ถามถึง
สาเหตขุ องปัญหาทีท่ ำให้ผู้ป่วยมาพบทันตบุคลากร

❖ ความต้องการขูดหนิ ปนู การขูดหนิ ปูนคือการรกั ษา ดังนน้ั สาเหตุทน่ี ำมารบั การรกั ษาอาจ
เป็นเพราะ มีกล่นิ ปาก แปรงฟนั มีเลอื ดออก รสู้ กึ ฟนั ไมส่ ะอาด รสู้ กึ ไมม่ ่นั ใจเวลาย้มิ พูดคยุ ฯลฯ

2. ประวตั ทิ างการแพทย์(Medical history) ได้จากการซกั ถามผปู้ ว่ ยถงึ ประวตั ิการเจบ็ ปว่ ยทผี่ า่ นมาและ
ในปจั จบุ นั เช่น สุขภาพโดยทว่ั ไปของผูป้ ่วย โรคที่ผู้ปว่ ยเคยเปน็ และโรคทีเ่ ป็นอยู่ในปจั จบุ ัน และการรกั ษา ยาที่ไดร้ บั
ในปจั จุบัน การแพ้ยา แพ้อาหาร หากมขี ้อมลู เพิ่มเตมิ ใหบ้ นั ทึกลงในชอ่ ง (ระบุ) เชน่ ระบุชอื่ ยาหรือชนดิ อาหารที่แพ้
เคยได้รับรงั สรี ักษาทบ่ี รเิ วณใบหนา้ เมือ่ 5 ปที ีแ่ ล้ว ในกรณที ีผ่ ูป้ ่วยเคยเป็นโรคหรอื มอี าการโรคอยใู่ นปจั จบุ นั
ควรซักถามรายละเอียดเกยี่ วกบั โรคนนั้ ระยะเวลาที่เปน็ โรค ระยะเวลาท่ีหายจากอาการของโรค ผู้ใหก้ ารรกั ษา

43

44

ยาทไ่ี ดร้ ับ ความถ่ีในการพบแพทย์ เปน็ ต้น บันทึกลงในช่อง (ระบ)ุ ด้วย
ข้อแนะนำ

❖ การซกั ถามเกย่ี วกับโรคทางระบบ หากผปู้ ่วยบอกวา่ “ ไมม่ ี ” ไมไ่ ดห้ มายความวา่ ผูป้ ว่ ยไมไ่ ดเ้ ปน็
โรคใดโรคหนึง่ ผู้ปว่ ยอาจมีหรือไมม่ อี าการนำอยบู่ ้างแตไ่ มเ่ คยได้รับการตรวจรา่ งกายมาก่อนหรอื ต้งั ใจปกปดิ ข้อมูลท่ีแทจ้ รงิ
เพอ่ื ทจ่ี ะไดร้ ับการรกั ษา ดงั นั้นนสิ ติ ควรบนั ทกึ ว่า ผูป้ ว่ ยปฏเิ สธโรคทางระบบ

❖ หากผปู้ ว่ ยให้ประวตั ิเกยี่ วกบั การแพย้ า อาหารหรอื สารเคมีนสิ ติ ควรซักถามถงึ สาเหตุที่สงสยั ชอื่
ยา อาหารหรอื สารเคมี อาการแพ้ยาทเี่ กิดขนึ้ ดว้ ยว่าเป็นอยา่ งไร อะไรทท่ี ำใหอ้ าการดีขึน้ หรอื แยล่ ง “

3. ประวัติทางครอบครวั (Family history)
เป็นขอ้ มูลประวัตกิ ารเจ็บป่วยหรือความผดิ ปกติของคนในครอบครัวของผูป้ ว่ ยรวมถึงผู้ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ้ งทางสายโลหติ

4. เดียวกนั กบั ผู้ปว่ ยซง่ึ ไมไ่ ด้อยู่ในครอบครัวเดียวกัน
5. ประวัตสิ ่วนตวั และประวตั ทิ างสงั คม(Personal and social history) เปน็ ขอ้ มูลเกีย่ วกับสภาพความเปน็
อยู่ สภาพจิตใจ ฐานะทางการเงนิ นิสัยบางอย่าง เช่น นอนกดั ฟัน ชอบกดั เลบ็ กดั ปากกา
6. ประวตั ทิ างทันตกรรม(Dental history) เปน็ ข้อมูลเกย่ี วกบั ประวตั ิการรกั ษาทางทันต กรรมทผ่ี ู้ป่วย
เคยได้รบั การรักษามาในอดตี ชนดิ ของการรกั ษาท่เี คยไดร้ บั รวมถึงปญั หาท่ีเคยเกดิ ข้ึนระหว่างและหลงั ไดร้ บั การรักษา

รายงานการตรวจ
1. ซ่ฟี นั /ตำแหน่ง ใหร้ ะบซุ ฟ่ี ันหรือตำแหน่งทีท่ ำการตรวจ เช่น 11 หรอื area 24 - 27
2. การตรวจทางคลินกิ บันทึกลกั ษณะทางคลนิ กิ ทีต่ รวจพบในฟนั หรอื ตำแหน่งทรี่ ะบุไว้

ใหเ้ ขียนบรรยายเปน็ ภาษาไทยโดยละเอยี ด การตรวจทางคลินกิ ทีใ่ ชบ้ อ่ ย ไดแ้ ก่
2.1 การดูดว้ ยตา เปน็ การประเมินสุขภาพของร่างกายด้วยสายตาของผตู้ รวจโดยการสงั เกตดูส่วนต่างๆ เช่น

สีของผวิ หนัง สขี องเยอื่ เมอื กในชอ่ งปาก รปู ร่างและสดั สว่ นของอวัยวะตา่ งๆ ของรา่ งกาย
การเคล่อื นไหวขณะทำหน้าทขี่ องอวัยวะต่างๆ

2.2 การคลำ
อาศัยความรสู้ ึกสมั ผสั จากมือหรือปลายนิว้ ของผู้ตรวจโดยอาศยั ความชำนาญเปรยี บเทยี บกบั อวัยวะปกติ
วธิ กี ารคลำมีหลายวิธีขน้ึ กับอวยั วะท่ตี อ้ งการตรวจ วธิ กี ารตา่ งๆ ไดแ้ ก่

2.2.1 Bimanual palpationใช้ในการตรวจอวัยวะทเ่ี คล่อื นไหวได้ เชน่ บริเวณพ้ืนของช่องปาก
การตรวจหานวิ่ ในต่อมน้ำลาย วิธกี ารตรวจใหใ้ ช้นวิ้ ของมือทงั้ สองข้างตรวจคลำและสมั ผัสอวัยวะทต่ี ้องการตรวจ
ในลักษณะทน่ี ้ิวมอื ขา้ งหนงึ่ พยายามตรงึ อวยั วะนนั้ ให้อยู่กบั ทแ่ี ละนว้ิ มืออีกข้างหนงึ่ กดคลำและสมั ผสั
หรือกลิ้งอวยั วะนนั้ เพ่อื ท่จี ะกำหนดตำแหนง่ บอกขนาด ความออ่ นแข็ง หรือความรูส้ กึ ตอบสนองของอวัยวะนน้ั

2.2.2 Bidigital palpationใชน้ ้ิว 2 น้ิวของมอื ขา้ งเดียวกันในการตรวจ โดยมากใชน้ ิว้ หวั แม่มอื และ
นว้ิ ช้ี อวัยวะทีต่ รวจ เช่น ริมฝปี าก กระพุ้งแก้ม กล้ามเนอื้

2.2.3 Bilateral palpationใช้มือท้งั สองขา้ งตรวจอวัยวะชนดิ เดยี วกันทมี่ ที ง้ั สองข้างของรา่ งกาย
เพือ่ เปรียบเทยี บอวยั วะข้างหน่ึงกบั อีกขา้ งหนึง่ ซ่ึงเปน็ ปกติ การตรวจวธิ ีนี้ ผ้ตู รวจจะตอ้ งมคี วามรู้ทางกายวภิ าค
และสรีรวทิ ยาของอวยั วะนนั้ เป็นอย่างดี จงึ จะสามารถแยกได้ว่าเกิดความผดิ ปกติขน้ึ หรอื ไม่ อวยั วะทต่ี รวจ เช่น ต่อมนำ้ ลาย
กลา้ มเนื้อ กระดกู การทำงานของข้อต่อขากรรไกร

2.3 การเคาะ อาจใชน้ ิ้วมือของผูต้ รวจหรอื เครอ่ื งมอื เคาะด้วยแรงพอสมควรตอ่ อวัยวะท่ีต้องการตรวจ
เพื่อท่จี ะฟงั เสียงและการตอบสนองของผปู้ ่วย มี 2 วธิ ี ไดแ้ ก่

44

45

2.3.1 การเคาะโดยตรง(direct percussion) ใชน้ ้วิ มอื หรอื เครื่องมือเคาะลงไปท่อี วัยวะทต่ี อ้ งการ
ตรวจ อวยั วะทต่ี รวจ เชน่ ฟนั กล้ามเนือ้ กระดูก

2.3.2 การเคาะโดยออ้ ม(indirect percussion) กระทำโดยวางแนบน้ิวมอื ข้างหน่งึ ไว้บนอวัยวะ
ทต่ี อ้ งการตรวจแลว้ ใชน้ ิว้ มืออีกขา้ งหน่งึ เคาะลงบนนว้ิ มอื นนั้ เปน็ จงั หวะติดๆกนั 2 ครัง้ โดยเคาะขยับขอ้ มือ กระตุกนิ้วกลบั
ทุกคร้งั

2.4 การสอดเครื่องมือ เชน่ การใช้ explorer ในการตรวจหารอยผุ การใช้ periodontal probe
ในการตรวจวดั รอ่ งเหงือกเพอ่ื ประเมนิ สภาพอวยั วะปริทนั ต์

2.5 การตรวจดกู ารโยกของฟัน โดยการวางเครื่องมอื หนงึ่ บนฟันด้านใกลแ้ กม้ และอีกวางอีกเครือ่ งมอื หนึง่
บนดา้ นใกล้ลนิ้ แลว้ ใชแ้ รงขนาดพอสมควรกดเครอื่ งมือดนั ฟนั ในแนวใกล้แกม้ -ใกล้ล้นิ เพอื่ ตรวจดกู ารโยกของฟัน เครื่องมือ
ทใ่ี ช้ เช่น ด้าม explorer ด้าม periodontal probe

2.6 การตรวจทางคลนิ กิ อน่ื ๆ ได้แก่ การฟังใช้ในการฟังเสียงที่เกิดข้นึ จากการทำงานของรา่ งกายหรือการ
เคล่ือนไหวของอวัยวะ เชน่ เสียงการทำงานของข้อตอ่ ขากรรไกร เสยี งลมหายใจของผปู้ ่วย การดดู (aspiration)
เพอ่ื ตรวจดูของเหลวทีอ่ ยูใ่ นอวยั วะท่ตี ้องการตรวจ การทดสอบอุณหภมู ิ การทดสอบด้วยกระแสไฟฟา้ การกระต้นุ ดว้ ยลม
จาก triple syringe เพ่อื ประเมินความมชี วี ติ ของฟนั การตรวจโดยวธิ ี diascopy เป็นการตรวจเนอื้ เย่อื โดยใช้สไลด์แก้ว
กดบนรอยโรคสแี ดงหรือมว่ งคลำ้ เพ่ือดวู ่าเพ่อื ดูวา่ เป็นรอยโรคของเสน้ เลอื ดหรือเกิดจากสาเหตอุ นื่

3. การแปลผลทางภาพถา่ ยรงั สี บันทกึ ผลทางภาพถ่ายรงั สี บรรยายลกั ษณะของฟนั หรอื ตำแหน่งท่ีตรวจ
รวมถงึ ลักษณะของอวัยวะหรือบรเิ วณท่เี กย่ี วข้องซึ่งปรากฏในภาพถา่ ยรังสี

4. การวนิ ิจฉยั โรค ระบคุ ำวนิ ิจฉัยฟันหรอื ตำแหน่งทีต่ รวจ
5. ทางเลอื กในการรักษา ให้เขียนลงทางเลือกในการรกั ษาที่เปน็ ไปไดท้ งั้ หมดสำหรบั ฟนั หรอื ตำแหน่งที่
ตรวจ
6. สภาพปรทิ นั ต์ เขียนบรรยายสภาพอวยั วะปรทิ นั ต์ทีต่ รวจพบโดยละเอยี ด ลกั ษณะการบรรยาย ได้แก่
สแี ละลกั ษณะของเหงอื กโดยทัว่ ไป ลักษณะของขอบเหงือก เหงือกสามเหลีย่ มระหวา่ งฟัน ซี่ฟนั ท่โี ยก ตำแหน่งเหงือกร่น
ตำแหนง่ และระดบั ปริมาณของหนิ นำ้ ลายและคราบจุลินทรยี ์ทีเ่ กาะฟนั
7. การวนิ จิ ฉัยสภาพปรทิ นั ต์ ระบคุ ำวนิ จิ ฉัยสภาพปริทนั ตข์ องผู้ปว่ ย
8. ความสมั พนั ธข์ องการสบฟัน ใช้ระบบการจำแนกของแองเกิล (Angle’s classification)
ซง่ึ จะใชต้ ำแหนง่ ของฟนั กรามถาวรซีท่ ี่ 1 เปน็ หลักในการจำแนกประเภทการสบฟนั แบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท ได้แก่

8.1 Class I ฟนั กรามถาวรซี่ที่ 1 บนและลา่ งสบในตำแหน่งทีเ่ หมาะสม คอื ปมุ่ ฟันดา้ นใกลแ้ ก้มใกลก้ ลาง
(mesiobuccal cusp) ของฟันกรามบนซ่ีท่ี 1 สบอยใู่ นรอ่ งด้านแก้ม (buccal groove) ของฟันกรามล่างซแ่ี รก
ในกรณที ่ีมีฟนั ซ่อี ่นื ๆผดิ ปกตไิ ป เชน่ มฟี ันหมุน ซอ้ นเก ล้มเอียง ฟันห่าง จะทำใหเ้ กดิ การสบฟนั ผดิ ปกติประเภทท่ี 1 (Class I
malocclusion)

8.2 Class II เป็นการสบฟนั ผิดปกตโิ ดยร่องด้านแกม้ ของฟันกรามล่างซท่ี ี่ 1 สบอยดู่ า้ นหลังต่อปุ่มฟัน
ด้านใกลแ้ กม้ ใกล้กลางเท่ากบั หรอื มากกวา่ ความกวา้ งของ 1 ปุม่ ฟนั (cusp) แบ่งได้อีกเปน็ 3 ประเภท คือ

8.2.1 Class II division 1 เปน็ การสบฟนั แบบ Class II รว่ มกับการมีฟันตดั หน้าบนยนื่
ออกมากกว่าปกติ

8.2.2 Class II division 2 เปน็ การสบฟนั แบบ Class II ร่วมกับการมีฟันตดั หนา้ ซ่กี ลาง
บนอยู่ในตำแหนง่ เกือบปกติหรือมตี ัวฟนั เอยี งเข้าดา้ นเพดานเลก็ น้อย ฟนั ตัดบนซ่ีข้างจะยนื่ ออก

8.2.3 Class II subdivision เปน็ การสบฟันแบบ Class II ที่พบเพยี งข้างเดยี ว
8.3 Class III เป็นการสบฟันผดิ ปกตโิ ดยรอ่ งด้านแก้มของฟนั กรามล่างซท่ี ่ี 1 สบอยดู่ ้านหนา้ ตอ่

45

46

ปุ่มฟนั ด้านใกลแ้ กม้ ใกลก้ ลางเทา่ กบั หรอื มากกว่าความกวา้ งของ 1 ปุม่ ฟันถา้ ฟันกรามซที่ ี่ 1 ขา้ งหนึ่งสบเปน็ Class III
ส่วนอกี ขา้ งเป็น Class I จดั เป็น Class III subdivision
การวางแผนการรกั ษา

เม่ือทำการซักประวัติ ตรวจและวนิ ิจฉยั เรียบรอ้ ยแลว้ ใหว้ างแผนการรักษา
โดยมขี ัน้ ลำดับการวางแผนเพอ่ื ใหก้ ารรักษาผปู้ ่วย ประกอบด้วย

1. การรักษาโรคตามระบบตา่ งๆของรา่ งกาย (systemic treatment)
2. การรักษาขน้ั เตรยี มการ (preparatory treatment)
3. การรกั ษาโดยการดดั แปลงแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง (corrective treatment)
4. การเรียกกลบั มาเพือ่ ตรวจและบำรงุ รักษาเป็นระยะ (periodic recall examination and maintenance
treatment)
1.การรกั ษาโรคตามระบบตา่ งๆของร่างกาย

คอื การจดั การโรคทางระบบที่ผู้ปว่ ยเป็นอยูห่ รอื มีประวตั ิ ไมว่ ่าจะได้รับการรกั ษาอยหู่ รือไมก่ ต็ าม
ประเมินความเสย่ี ง ภาวะแทรกซอ้ นทอี่ าจเกิดขนึ้ จากสภาวะโรคทีผ่ ปู้ ว่ ยเปน็ อยู่ หรอื อาจเกดิ จากการรักษาทางทนั ตกรรม
เชน่ การใชย้ าชาเฉพาะที่ ความเครียด วิตกกงั วล เพื่อให้ผ้ปู ่วยไดร้ บั การรกั ษาทางทนั ตกรรมอยา่ งปลอดภยั
หากผปู้ ่วยมโี รคทางระบบหรอื สงสยั ว่าอาจจะมคี วรปรกึ ษาอาจารย์ทนั ตแพทยท์ นั ทีเพ่อื ส่งผ้ปู ว่ ยไปพบแพทยก์ อ่ นการรกั ษา
ทางทันตกรรม
ขอ้ แนะนำ

❖ หตั ถการที่ทำให้เกดิ ความเครียด มเี ลอื ดออกมาก ทำให้เกดิ ความเจ็บปวด ตอ้ งใช้ยาชา โรค
หรอื สภาวะทีน่ สิ ติ ควรให้ความสำคญั ในการสมั ภาษณ์ประวตั ิ ไดแ้ ก่ โรคระบบหลอดเลือดและหวั ใจ ระบบเลอื ด
การแพ้ยาหรอื สารเคมี ประวตั ิการใช้ยา การรกั ษาและการผา่ ตดั ”

❖ การตรวจวดั สญั ญาณชพี จำเปน็ ตอ้ งทำทกุ ครง้ั ในผ้ปู ่วยอายุ 35 ปีข้ึนไป หรือผู้ป่วยที่มคี วามเส่ยี งหรือนา่ สงสยั ”
การจัดการในข้นั ตอนนีป้ ระกอบดว้ ย

1.1 การสง่ ต่อผปู้ ว่ ยไปให้แพทยเ์ พือ่ ประเมนิ โรคในระบบตา่ งๆของรา่ งกายที่ปรากฏจากประวตั ิ
ผ้ปู ว่ ยหรอื การตรวจพบทางคลนิ ิกและเพ่ือรบั การรักษา

1.2 การประเมนิ การรกั ษาโรคตามระบบต่างๆของรา่ งกายทม่ี ผี ลกระทบกระเทือนถงึ การวาง
แผนการรักษาทางทนั ตกรรม

1.3 การให้ยาปฏิชีวนะหรือยาระงับปวดแก่ผปู้ ่วยก่อนการรักษาทางทันตกรรมโดยมีขอ้ บง่ ชีจ้ าก
ประวัติ

1.4 การใหก้ ารรักษาโรคตดิ เช้อื ในชอ่ งปาก
2. การรกั ษาขน้ั เตรยี มการ

เป็นการรกั ษาขั้นเตรยี มการเพอ่ื การแก้ไขท่ีถูกต้อง
ถึงแม้ว่าวิธกี ารรักษาตา่ งๆในขน้ั ตอนน้ีจะมลี กั ษณะเป็นการรักษาแบบแกไ้ ขกต็ าม
แต่กเ็ ปน็ การรกั ษาเพ่อื เตรียมชอ่ งปากให้พรอ้ มท่ีจะทำการดัดแปลงแก้ไขและบรู ณะทีถ่ กู ต้องเหมาะสมในขนั้ ต่อไป
การรกั ษาในขัน้ น้ไี ด้แก่

2.1 ศัลยกรรมในช่องปาก (oral surgery) เชน่ การถอนฟัน 18
2.2 การรกั ษาคลองรากฟัน (endodontic treatment) เชน่ แนะนำรกั ษาคลองรากฟนั 24
2.3 การรกั ษาโรคปรทิ ันต์ (periodontal therapy) เช่น การขดู หินปนู ทั้งปาก

46


Click to View FlipBook Version