47
2.4 การจัดฟนั (orthodontic treatment) เพื่อแกไ้ ขการสบฟนั ทผ่ี ดิ ปกติ ทันตบุคลากร
ควรมีความรูเ้ บ้อื งตน้ เพอื่ ใหค้ ำแนะนำและส่งตอ่ ผูป้ ว่ ยใหไ้ ดร้ ับการรกั ษาทีเ่ หมาะสมได้
2.5 การแกไ้ ขการสบฟนั (occlusal adjustment) เพ่ือแกไ้ ขปัญหาขัดขวางการสบฟัน
(occlusal interference) ใหผ้ ปู้ ว่ ยมรี ะนาบการสบฟันท่ีเหมาะสม ซ่งึ ก่อนทำการแก้ไขการสบฟนั ทันตบคุ ลากร
ควรมคี วามรู้เบอื้ งตน้ เพอ่ื ใหค้ ำแนะนำและสง่ ต่อผู้ป่วยใหไ้ ดร้ ับการรกั ษาทเี่ หมาะสมได้ เนอ่ื งจากผ้ทู ำการรกั ษาต้อง
มคี วามรู้ ประสบการณ์ ความเช่ียวชาญ เพอื่ ท่ีจะสามารถให้การรกั ษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตลอดถึงเตรยี มชอ่ งปาก
ใหเ้ หมาะสมต่อการบูรณะหรอื ใสฟ่ ันปลอมในขนั้ ตอ่ ไป
2.6 การควบคมุ ฟนั ผุ (caries control) เชน่ การเคลือบหลุมรอ่ งฟนั การทำ preventive
resin restoration (PRR) การตรวจหาเชอื้ กอ่ โรคฟนั ผุในช่องปาก การแนะนำอาหารท่ปี อ้ งกนั การผขุ องฟนั ได้เปน็ ตน้
2.7 การแนะนำการรักษาสุขภาพช่องปาก (Home-care instruction) ได้แก่ การสอน
แปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟนั รวมถึงการรักษาสุขภาพชอ่ งปากด้วยวธิ กี ารอ่ืนๆ
3.การรกั ษาโดยการดดั แปลงแก้ไขใหถ้ กู ตอ้ ง
3.1 การรกั ษาทางทันตกรรมหตั ถการ (operative treatment) เชน่ การอุดฟัน 34(OD)
3.2 การรกั ษาทางทันตกรรมประดษิ ฐ์ (prosthetic treatment) เช่น แนะนำใสฟ่ นั ปลอม
ทดแทนฟนั ท่ีหายไป
4. การเรยี กกลบั มาเพื่อตรวจและบำรงุ รักษาเปน็ ระยะ เช่น Recall ทกุ 6 เดือน
การส่งตอ่ ผปู้ ่วย
ในการใหก้ ารรักษาผปู้ ่วยนั้น การรกั ษาบางอยา่ งผตู้ รวจอาจไมส่ ามารถใหก้ ารรักษาได้ อนั เนอ่ื งจากมีขอ้ จำกดั
ตา่ งๆ เชน่ อปุ กรณก์ ารรักษาไม่เหมาะสม ความสามารถในการใหก้ ารรกั ษาของผตู้ รวจ ผูต้ รวจควรสง่ ตอ่ ผูป้ ว่ ย
ให้ผู้ทีส่ ามารถใหก้ ารรกั ษาผปู้ ่วยได้เพื่อใหผ้ ู้ปว่ ยไดร้ บั การรักษาเหมาะสมทส่ี ุด ให้นสิ ติ ระบตุ ำแหน่งฟนั
และประเภทการรักษาทีจ่ ะทำการส่งตอ่
ขอ้ แนะนำ
❖ บันทึกวา่ แนะนำ (advised) การรกั ษา กรณที น่ี สิ ติ เห็นวา่ ผปู้ ่วยควรไดร้ บั การรกั ษาอย่าง
อืน่ เพม่ิ เติม เชน่ การใส่ฟนั ปลอม การรักษารากฟนั การผ่าฟันคดุ ซงึ่ ผู้ปว่ ยรับทราบคำอธิบายแต่อาจ
ยังไม่ตดั สนิ ใจรบั การรักษาในทันที หากผปู้ ว่ ยตดั สินใจรบั การรกั ษาให้บันทึกในชอ่ งการสง่ ตอ่ ผปู้ ่วย
❖ บันทกึ ว่าส่งตอ่ (refer) กรณีนิสติ ได้อธบิ ายความจำเป็นทต่ี ้องไปพบแพทยห์ รือทันตแพทย์
เพ่อื รับการรกั ษาต่อหรือเตรยี มผ้ปู ว่ ยก่อนมารบั การรกั ษา ทง้ั นผ้ี ปู้ ว่ ยทราบขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั การอธบิ าย
และตดั สินใจที่จะเขา้ รับการรกั ษาดังกลา่ ว
❖ การแนะนำการรักษา ผ้ปู ว่ ยอาจจะเห็นดว้ ยหรือไม่กไ็ ด้ แตก่ ารสง่ ตอ่ นสิ ิตควรอธิบาย
ผู้ปว่ ยใหเ้ ข้าใจความจำเปน็ หรือวิธกี ารรักษา คา่ รักษาครา่ วๆ บคุ คลหรือสถานทที่ ี่ผู้ป่วยจะเข้ารบั การรักษา
ลำดับการรกั ษาในผูป้ ว่ ย
ใหน้ ิสิตวางแผนการรกั ษาผปู้ ่วยในแต่ละคร้งั ทผี่ ้ปู ว่ ยมารับบรกิ าร โดยระบุตำแหน่งฟันและชนดิ ของการรกั ษา
เรยี งตามลำดบั กอ่ นหลัง
47
48
Plaque Control Record (PCR)
ในการวัดปรมิ าณคราบจลุ นิ ทรีย์ทฟี่ ันในชอ่ งปาก ให้นิสติ บนั ทึกตำแหน่งทมี่ กี ารตดิ สแี ละไม่ตดิ สียอ้ มฟนั
ครงั้ และวนั ทีท่ ำการวดั และคำนวณคา่ PCR เป็นเปอรเ์ ซ็นต์
บนั ทึกการรักษา
ในการรกั ษาผูป้ ่วยแต่ละคร้งั นสิ ติ ต้อง บนั ทกึ วนั ทีท่ ำการรกั ษา ระบซุ ฟี่ ันหรือตำแหน่งท่ีทำการรกั ษาผปู้ ว่ ย
ยาท่ีจ่ายใหก้ ับผ้ปู ว่ ย โดยบนั ทึกรายละเอยี ดในการรกั ษา ชนิด ขนาด จำนวน วธิ กี ารใช้ยาท่ไี ด้จ่ายใหก้ บั ผู้ป่วย
และหากมปี ญั หาเกดิ ขนึ้ ขณะทำการรกั ษาซ่ึงเกี่ยวเนอื่ งจากการให้การรกั ษา ใหน้ สิ ติ บันทกึ ไวด้ ้วย
ในช่องนัดครัง้ ต่อไปใหน้ สิ ิตลงตำแหน่งฟันและชนดิ ของการรกั ษาที่จะให้กบั ผู้ป่วยพรอ้ มทัง้ ระบวุ ันที่ เวลาท่ีนัดผปู้ ว่ ย
เม่อื บันทกึ ข้อมลู ต่างๆเรยี บรอ้ ยแลว้ ให้ลงช่อื นสิ ติ และให้อาจารยผ์ คู้ มุ คลนิ กิ ลงชื่อกำกับ
การตรวจอย่างยอ่
ให้นิสติ บนั ทึกขอ้ มลู การซกั ประวัติ การตรวจทางคลนิ ิก การวนิ ิจฉัย และการวางแผนการรกั ษาลงในแบบฟอรม์
Screening Chart ซง่ึ รายละเอยี ดจะนอ้ ยกว่าการตรวจแบบสมบรู ณ์ แต่ท้งั นีใ้ ห้นิสติ พงึ ระลกึ ว่าขอ้ มูลทกุ อยา่ ง
ในการตรวจแบบสมบรู ณ์น้นั เป็นประโยชน์ต่อการรักษา ดงั นนั้ แม้วา่ การบันทึกในการตรวจอย่างยอ่ จะมีรายละเอียดน้อยกวา่
แต่ในการซกั ประวัติและตรวจก็จำตอ้ งใชพ้ ืน้ ฐานจากการตรวจแบบสมบรู ณ์ คือ
ซักถามและตรวจใหไ้ ดข้ ้อมลู ครอบคลมุ ต่อการรกั ษาที่จะใหก้ ับผปู้ ่วย
สำหรบั การวางแผนการรกั ษาในการตรวจประเภทน้ใี หน้ สิ ติ วางแผนการรกั ษาเป็นลำดบั โดยประกอบดว้ ย
1. การรกั ษาโรคตามระบบตา่ งๆของร่างกาย (Systemic treatment)
ขัน้ ตอนนก้ี ารจัดการเชน่ เดยี วกบั ในการตรวจแบบสมบูรณ์
2. การรักษาแบบเรง่ ดว่ น (Emergency หรือ Urgent Treatment )
สำหรับการตรวจอยา่ งยอ่ อาจมหี รอื ไม่มีขัน้ ตอนนกี้ ไ็ ด้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กบั ความเรง่ ด่วนของปญั หาทางทนั ตกรรมทีพ่ บในผู้ป่วย และอาจใช่หรอื ไม่ใชอ่ าการสำคญั ท่ีนำผู้ป่วยมารบั การ
รกั ษาก็ได้
ขอ้ แนะนำ
❖ หากมภี าวะเรง่ ดว่ นทีค่ วรไดร้ บั การรักษาก่อนอาการสำคญั ที่ทำใหผ้ ปู้ ่วยมารบั การรักษาควร
อธิบายความสำคัญหรอื ความจำเปน็ ที่ตอ้ งไดร้ ับการแก้ไขกอ่ น หรอื การเลอื่ นการรกั ษาออกไปใหผ้ ปู้ ว่ ยเขา้ ใจ ”
3. การรักษาทางทนั ตกรรมด้านตา่ งๆ
ขั้นตอนนีส้ ามารถวางแผนการรักษาแบบเลือกใหเ้ หมาะสมกับผู้ปว่ ยแต่ละรายได้ (Elective Treatment)
โดยวางแผนการรกั ษาตามเป็นประเภทของการรกั ษาตามลำดับก่อนหลงั
การตรวจแบบฉกุ เฉินหรอื เรง่ ดว่ น
เป็นการตรวจเม่ือผ้ปู ว่ ยมีอาการสำคญั ทเี่ ปน็ ปญั หาทันตกรรมเรง่ ด่วนซึง่ ตอ้ งได้รบั การแกไ้ ข เชน่
ฟนั ที่ผุและปวดมากหรือมกี ารตดิ เชอ้ื หากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดการแพรก่ ระจายหรอื ลกุ ลามมากขึ้น
การวางแผนการรักษาใหบ้ นั ทึกเปน็ ขัน้ ตอนเหมือนการตรวจอยา่ งยอ่ แต่ในการตรวจแบบฉุกเฉินน้จี ะมีขนั้ ตอนการรกั ษา
แบบเรง่ ดว่ นเสมอและการรกั ษาในข้นั ตอนน้จี ะตอ้ งสามารถรกั ษาอาการสำคญั ใหก้ บั ผปู้ ว่ ยได้
Recheckคือ การนดั ผปู้ ว่ ยกลบั มาเพ่ือตดิ ตามผลการรักษาทไี่ ดท้ ำเสรจ็ สน้ิ ไปแลว้ เช่น การบรู ณะฟนั บริเวณ
คอฟนั ซึ่งก่อนรกั ษาผูป้ ่วยมอี าการเสยี วฟนั มากเม่ือดื่มน้ำเยน็ หรือการแปรงฟนั เม่อื นิสติ บรู ณะไปเรยี บรอ้ ยแลว้
ควรจะนัดหมายเพ่อื ตดิ ตามผลรักษาดงั กลา่ วในเวลาทีเ่ หมาะสม เชน่ 1 วัน 3 วนั หรือ 1 สัปดาห์ เปน็ ต้น
48
49
Recall คอื การนดั ใหผ้ ูป้ ่วยกลบั มาตรวจและบำรงุ รักษาเปน็ ระยะๆ เพอ่ื คงสภาพท่ดี ีนนั้ ไว้ เม่ือผปู้ ว่ ย
ได้รับการรกั ษาตามแผนการรักษาครบถ้วนแลว้ เชน่ Recall ทกุ ๆ 6 เดือน ในกรณีความเส่ียงสงู จะ Recall บ่อยขนึ้ ทกุ ๆ 3เดือน
❖ เพือ่ ให้ง่ายตอ่ การนดั หมายและการจดจำสำหรับผูใ้ หก้ ารรกั ษาและผปู้ ว่ ย ควรระบุเดือนท่นี ดั กลบั มาตรวจ
ตามระยะเวลาดว้ ย เชน่ recall ทุก 6 เดอื น (ต.ค. 53) เมื่อเวลาผ่านไปเนิน่ นาน หากมีการเปลย่ี นผูใ้ หก้ ารรักษา
หรือเป็นผใู้ หก้ ารรักษาคนเดมิ กจ็ ะชว่ ยใหเ้ ราสามารถประเมินความร่วมมือในการรกั ษาของผู้ปว่ ยไดง้ ่ายขึ้น
“Recheck all restorations and periodontal status, Recall every 6 months (oct’ 2010)”
ขอ้ พงึ ระลึกกอ่ นเชญิ อาจารยต์ รวจงาน
❖ ข้อมลู ผ้ปู ว่ ยเบ้ืองต้น คือ สง่ิ จำเปน็ ทีต่ ้องรายงานใหอ้ าจารยท์ ราบทกุ ครั้ง เชน่ ผปู้ ว่ ยหญิงไทย
อายุ 20 ปี สถานภาพนสิ ิต ภมู ิลำเนา จ.ขอนแกน่ มาพบด้วยอาการสำคัญคอื ......................
❖ กรณีเชญิ ตรวจงานขูดหินปนู นสิ ติ ต้องก้ันนำ้ ลายกอ่ นเชญิ อาจารยต์ รวจงาน
❖ การเชิญอาจารยต์ รวจงานเกา่ หรืองานค้าง ใหน้ ิสิตรายงานข้นั ตอนเดมิ ดว้ ยทกุ ครง้ั เช่น
o ครัง้ ท่ี 1 : เชิญอาจารย์ตรวจงาน beginning check งานขดู หินปนู ฟันหน้าลา่ งคะ่
o ครง้ั ท่ี 2 : เชิญอาจารยต์ รวจงานขูดหินปนู ฟันหนา้ ลา่ งคะ่
▪ (อ.ตรวจและแนะนำใหข้ ดู บรเิ วณซ่ี 31/32 เพ่มิ )
o ครัง้ ท่ี 3 : เชญิ อาจารย์ ตรวจงานแก้ไขขูดหนิ ปนู ฟันหนา้ ลา่ ง ซี่ 31/32 ค่ะ
❖ ทกุ ครั้งทอี่ าจารย์พบวา่ เครอื่ งมือสกปรก อาจารย์อาจจะพจิ ารณาไมต่ รวจงานใหน้ สิ ติ
การวินจิ ฉยั สภาวะปรทิ นั ต์
นสิ ิตตอ้ งทำการวินิจฉยั ภาวะโรคปริทันตข์ องผู้ป่วยโดยดอู าการทางคลนิ ิกรว่ มกับการใช้ Periodontal probe
วดั ร่องลึกปรทิ ันต์ ดังน้ี
✔ สภาพเหงอื กอกั เสบที่สัมพนั ธ์กับปรมิ าณแผ่นคราบจลุ นิ ทรยี ์ ไม่พบรอ่ งลึกปรทิ นั ต์ ใหต้ รวจดู
สภาพเหงือกโดยรวมและวินจิ ฉยั เปน็ Dental plaque induced gingival diseaseอวยั วะปรทิ ันตท์ ต่ี รวจพบมี
ร่องลกึ ปริทนั ต์ มฟี นั โยก มกี ารทำลายของกระดูกหมุ้ รากฟนั ใหก้ ารวินิจฉยั เป็น Periodontitis
49
50
แบบช่วยบันทกึ การตรวจ วนิ จิ ฉยั และวางแผนการรกั ษาทางทันตกรรม
ช่ือ-นามสกุล ผู้ป่วย.....................................................................เลขทีบ่ ัตร................................ว/ด/ป....................
การตรวจฟัน
ฟนั ซ่ี Diagnosis Tx Seq. ฟนั ซ่ี Diagnosis Tx Seq.
18 38
17 37
16 36
15 55 35 75
14 54 34 74
13 53 33 73
12 52 32 72
11 51 31 71
21 61 41 81
22 62 42 82
23 63 43 83
24 64 44 84
25 65 45 85
26 46
27 47
28 48
บรรยายสภาพเหงือก...................................................................................................................................................................
…………...............................................................................................................................................................................
…………...............................................................................................................................................................................
การวินจิ ฉัยเหงือก…………......................................................................................................................................................
การสบฟนั ................................................................................................................................................................
การวางแผนการรกั ษาทางทนั ตกรรม
1. Systemic Treatment………………………………………………………………..................................................
2. Urgent Treatment ...................................................................................................................................................
3. Elective Treatment
ลำดับท.ี่ ............ Tx………………………………………………………………………………………..
ลำดับท่ี............ Tx………………………………………………………………………………………..
ลำดับท…ี่ …… Tx………………………………………………………………………………………..
4. Preventive Treatment
Sealant……………………………………...……………………………………….........................................
Fluoride therapy ……………………………………………...........................................................................
5. Refer .........................................................................................................................................................................
6. Recheck……………………………………………………………………………................................................
50
51
[ตัวอย่าง Complete Chart]
แบบฟอรม์ การตรวจ การวินิจฉัยโรค และการวางแผนการรกั ษาทางทนั ตกรรม
คลินิกทนั ตกรรมเพือ่ การศกึ ษา วิทยาลยั การสาธารณสุขสิรินธร จงั หวดั ขอนแก่น
ชื่อ-สกลุ ผู้ปว่ ย...............ด.ช.ใจกลา้ รักเรยี น....................อาย.ุ .........8.........ปี เพศ ชาย หญงิ
ทีอ่ ยู่.........789 ถ.ประชาสโมสร อ.เมอื ง จ.ขอนแก่ 40000....เบอรโ์ ทรศัพท.์ ......043-237238.........
ภูมลิ ำเนา.....จ.ขอนแก่น.....อาชพี .......นกั เรยี น.....สถานภาพการสมรส โสด สมรส หยา่ ร้าง
สิทธิประโยชน์ในการรักษา ☑ บัตรประกันสขุ ภาพ ประกนั สงั คม เบิกได้ ไม่มี อ่ืนๆ (ระบุ)....
อาการสำคญั (Chief complaint) : ........ปวดฟนั กรามแทบ้ นซา้ ยซที่ ่ี 1
เวลามเี ศษอาหารตดิ และเสียวฟันมากเวลาดม่ื น้ำเย็นมาประมาณ 3 วันแล้ว
ประวตั ทิ างการแพทย(์ Medical history) :
1. ผปู้ ่วยมสี ุขภาพแขง็ แรงดี ☑ใช่ ไม่ใช่ (ระบ)ุ ...............................
2. ผปู้ ว่ ยเคยพกั รกั ษาตวั ในโรงพยาบาล ☑ใช่ ไม่ใช่ (ระบุ).................อาหารเปน็ พิษ
3. ผปู้ ่วยกำลงั อยรู่ ะหว่างการรกั ษาโดยแพทย์ ใช่ ☑ไมใ่ ช่ (ระบ)ุ ...................................
4. ผู้ป่วยเคยได้รับอุบตั เิ หตุบริเวณใบหน้าและขากรรไกร ใช่ ☑ไม่ใช่ (ระบุ)...............................
5. ผปู้ ว่ ยกำลังรับประทานยาประจำอยู่ ใช่ ☑ไมใ่ ช่ (ระบุ).....................................
6. ผปู้ ว่ ยเคยมีประวตั ิแพย้ า ใช่ ☑ไม่ใช่ (ระบ)ุ .......................................
7. ผปู้ ่วยเคยมปี ระวัติแพ้อาหาร ใช่ ☑ไม่ใช่ (ระบุ).......................................
8. ผู้ปว่ ยกำลังตั้งครรภอ์ ยู่ ใช่ ☑ไม่ใช่ (ระบ)ุ ................................
9. ผปู้ ่วยเคยได้รบั การฉายรังสรี ักษา ใช่ ☑ไมใ่ ช่ (ระบุ)...............................
10. ผู้ป่วยมีประวตั ขิ องโรคหรอื ปญั หาต่อไปน้ี ไมม่ ี
โรคหัวใจ โรคเลือด โรคไขร้ หู ม์ าตคิ โรคปอด โรคตับ
โรคไต เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง โรคผวิ หนงั ☑ โรคภมู ิแพ้
โรคไทรอยด์ มะเร็ง โรคทางเดนิ อาหาร โรคผวิ หนงั ขอ้ อักเสบ
โรคเอดส์ หอบหดื โรคทางเพศสมั พันธ์ ชัก โรคทางจติ
โรคเครียด ความผดิ ปกติทางสมองและ/หรือสตปิ ญั ญา การฟัง การพูด
การมองเหน็ อ่ืนๆ (ระบุ).แพ้อากาศเยน็ จะมอี าการหายใจลำบาก ระคายคอ น้ำมกู
ประวัติทางครอบครัว(Family history) : ...บิดาเป็นเบาหวาน ไดร้ บั การรกั ษาจากแพทยม์ าประมาณ 5 ปแี ล้ว
ควบคมุ น้ำตาลในเลอื ดไดด้ ี ปจั จบุ นั ยงั ไดร้ บั ยาอยู่ สขุ ภาพแขง็ แรงด.ี .
ประวตั สิ ่วนตวั และสงั คม(Personal and social history) : ...ชอบดดู นิ้ว กดั เลบ็ กัดปากกา ดืม่ นำ้ อดั ลม
ประวัตทิ างทันตกรรม(Dental history) : ...................เคยอดุ ฟนั ถอนฟัน……………..
ลงลายมอื ช่ือผู้ป่ วย หรือ ผ้ปู กครองหากผ้ปู ่ วยยังไม่บรรลนุ ิตภิ าวะ
ลงชอ่ื ...............................................................ผู้ปว่ ย/ผปู้ กครอง วันเดอื นปี......................................
51
52
สญั ญาณชีพ(Vital signs) : ความดันโลหติ (Blood pressure) : 90/60 มม.ปรอท
อัตราการเต้นของชีพจร (Pulse rate) : ............90............ครัง้ /นาที
ซ่ฟี ัน/ การตรวจทางคลินิก Radioluc
ตำแหน่ง involved
Deep dental caries nearly exposed pulp at occlusal surface, pulp hor
26O positive to exploration,negative to percussion, no tooth mobility. lamina d
History of sharp pain due to food impaction and hypersensitive
16OL dentine due to cold drink for 3 days. พบเงาโปร
(พบฟันผลุ ึกใกล้โพรงประสาทฟนั บนดา้ นocclusal occlusal
มีอาการเสยี วฟันเมอ่ื ตรวจดว้ ย explorer เคาะไม่มอี าการใดๆ ฟนั ไม่โยก มม.PDL s
ผู้ป่วยให้ประวัติว่าปวดแหลมฟนั ซน่ี ี้เวลามเี ศษอาหารตดิ ไม่พบมกี า
เม่ือเอาเศษอาหารออกกห็ ายปวด และเสียวฟันมากเวลาดมื่ น้ำเยน็ Radioluc
มีอาการมาประมาณ 3 วันแลว้ ) involved
Small dental caries at occluso-lingual surfaces without any PDL spac
symptoms. (พบฟันผุขนาดเล็กบนดา้ น occluso-lingualไม่มีอาการใดๆ) resorptio
พบเงาโปร
55 Retained root, no sinus tract opening without any symptoms occlusal
(ฟนั ผเุ หลอื แต่รากฟนั ไมพ่ บรูเปดิ หนอง ไมม่ อี าการใดๆ ) Radioluc
mm2 , wi
52
2
อัตราการหายใจ (Respiratory rate) : .........20............ครั้ง/นาที
อณุ หภมู ริ า่ งกาย (Body temperature) : ...........37.4.........องศาเซลเซยี ส
การแปลผลทางภาพถ่ายรังสี การวินิจฉัยโรค ทางเลอื กในการรักษา
cent area at occlusal surface Reversible pulpitis with 26(O)Filling
d 1/3 inner dentine nearly mesial asymptomatic apical
rn. Normal PDL space, intact
dura, no root resorption. periodontitis
ร่งรังสีใกล้โพรงประสาทฟนั บนดา้ น Enamel caries 16OL Observe, OHI
ห่างจาก mesial pulp horn 0.5 Chronic apical abscess 55Extraction
space ปกติ lamina dura ต่อเนอ่ื ง
ารละลายของรากฟนั
cent area at occlusal surface
d outer half of enamel. Normal
ce, intact lamina dura, no root
on.
ร่งรงั สลี ึกถงึ ช้ัน enamel บนด้าน
รากฟนั ปกติ อวยั วะปรทิ ันต์ปกติ
cent at periapical area size 3x3
idening PDL space, discontinuous
2
53
ซีฟ่ นั / การตรวจทางคลนิ กิ
ตำแหน่ง
lamina d
undernea
พบเงาโปร
ขนาดเสน้ ผ
กว้างขึน้ la
และพบมหี
54 Sound tooth without any symptoms.
53 (ฟันปกติ ไมพ่ บฟันผุ ไมม่ ีอาการใดๆ)
52-64 Dental caries exposed dentine at labial surface without any
area 65 symptoms. (พบฟนั ผลุ กึ ถึงชน้ั dentine บนดา้ น labial ไม่มอี าการใดๆ)
Sound tooth without any symptoms.
ฟนั ปกติ ไม่พบฟันผุ ไมม่ ีอาการใดๆ
Normal edentulous ridge without any symptoms, history of
extraction.สนั เหงอื กปกติ ไมม่ อี าการใดๆ
ผูป้ ่วยให้ประวตั วิ า่ เคยได้รับการถอนฟนั ซีน่ ี้มากอ่ น
36 Sound tooth with deep pits and fissures without any symptoms
ฟันปกติ มหี ลุมและร่องฟนั ลึก ไมม่ ีอาการใดๆ
53
3
การแปลผลทางภาพถา่ ยรงั สี การวนิ ิจฉัยโรค ทางเลือกในการรกั ษา
dura. Have tooth bud of 15 Sound tooth -
ath.
รง่ รังสรี อบปลายรากฟัน
ผา่ ศนู ยก์ ลาง 3 มม.PDL space
amina dura ไมต่ ่อเนื่อง
หนอ่ ฟันแทห้ า่ งจากปลายรากฟนั 1 มม.
-
- Dental caries 53Filling
- Sound teeth -
- Normal edentulous area area 651.
ใส่เคร่ืองมือเพอ่ื กันชอ่ งว่าง
ให้ฟนั แท้
Space Maintainer (SM)
2.
ติดตามดูอาการ(observe)
- Sound tooth 36Sealant
with deep pits and fissures
3
54
ซี่ฟัน/ การตรวจทางคลินกิ
ตำแหนง่
75 Partial dislodged amalgam filling at occluso-mesial surfaces,
irregular margin with secondary caries, positive to exploration,
positive to air stimulation, negative to percussion. (พบวสั ดุอดุ ฟนั
อมลั กมั เก่า บนดา้ น occluso-mesial แตกออกบางสว่ น ขอบไม่เรยี บมฟี นั ผใุ ต้วสั ดุเขย่ี
ตดิ เป่าเสียว เคาะไมเ่ จ็บ)
74,73 ฟนั ปกติ ไม่พบฟนั ผุ ไมม่ อี าการใดๆ
32 Enamel fracture at incisal surface exposed dentine without any
symptoms. History of car accident for 1 week ago
(พบฟันแตกบรเิ วณ incisal ลกึ ถงึ ชัน้ dentine ไม่มีอาการใดๆ จากอบุ ตั เิ หตทุ างรถยนต์
เม่อื สปั ดาหก์ ่อน)
31-83 Sound tooth without any symptoms.
ฟนั ปกติ ไมพ่ บฟนั ผุ ไม่มีอาการใดๆ
84OD Distal marginal ridge discoloration without any symptoms. Radioluce
(พบ enamel มีการเปลยี่ นสีบนสันรมิ ฟนั ด้าน occluso-distal ไม่มอี าการใดๆ) involved 1
space, inta
resorption
85OM Mesial marginal ridge discoloration without any symptoms พบเงาโ
(พบ enamel มีการเปลี่ยนสบี นสันริมฟนั ด้าน occluso-mesialไม่มีอาการใดๆ)
Radioluce
surfaces i
54
4 การวนิ ิจฉยั โรค ทางเลือกในการรกั ษา
การแปลผลทางภาพถา่ ยรงั สี Improper restoration with Re-filling
secondary caries
-
- Sound teeth -
- Uncomplicated Filling
crown fracture -
Filling
- Sound teeth
Proximal caries Filling
ent area at occluso-distal surfaces
1/3 outer dentine. Normal PDL Proximal caries
act lamina dura, no root
n.
โปรง่ รังสีบนดา้ น distal ลกึ ถงึ DEJ
ent area at occluso-mesial
involved 1/3 outer dentine. Normal
4
55
ซี่ฟนั / การตรวจทางคลินกิ
ตำแหนง่
PDL spac
resorption
พบเงาโป
46O Large and deep dental caries nearly exposed pulp at occlusal Radioluce
surface, positive to exploration, air stimulation, and percussion. superimpo
Not response to heat or cold test. Hx. of spontaneous dull pain space, not
at night for 10 days. lesion ,no
(พบฟนั ผุขนาดใหญ่ทะลุโพรงประสาทฟันบนด้าน occlusal มอี าการเสยี วฟันเมือ่ ตรวจ
ด้วย explorer เป่าลมเสียว มีอาการเจบ็ หรอื ตึงเมื่อคลำหรอื เคาะ ผู้ป่วยใหป้ ระวัติวา่ เคยมี ถึงชั้นโพรงป
อาการปวดตื้อท่ีฟันตอนกอ่ นนอนเมอื่ ประมาณ 10 วันก่อน ปจั จุบนั มอี าการปวดฟันมากขึน้
space หน
เพราะมเี ศษอาหารเข้าไปตดิ เสมอ)
ตอ่ เน่ือง ไม
การละลายข
ลงชอื่ .................................................................นิสติ
วนั เดอื น ปี ..................................................
55
5
การแปลผลทางภาพถา่ ยรงั สี การวินิจฉยั โรค ทางเลือกในการรกั ษา
ce, intact lamina dura, no root Irreversible pulpitis with 1. RCT
n. symptomatic apical 2. Extraction
ปร่งรังสบี นดา้ น mesial ลึกถงึ DEJ periodontitis
ent area at occlusal surface
osed with pulp, widening PDL
t intact lamina dura, no periapical
o root resorption. พบเงาโปรง่ รังสีลึก
ประสาทฟันบนดา้ น Occlusal PDL
นาตัวขน้ึ เลก็ น้อย lamina dura ไม่
ม่พบมีเงาโปรง่ รงั สบี ริเวณรากฟัน ไม่พบมี
ของรากฟัน
ลงชือ่ .......................................................................อาจารย์
วนั เดอื น ปี ..................................................
5
56
สภาพปรทิ ันต(์ Periodontal status):.......Gingiva is red, round margin, edematous IDP, soft consistency,
easily bleeding on probing, no pocket formation, no gingival recession, no tooth mobility.
Having moderate subgingival & supragingival dental plaque and dental calculus deposit,
especially lingual surfaces of anterior teeth.
คำแปล เหงือกมสี แี ดง ขอบเหงือกมนกลม เหงอื กสามเหลี่ยมระหว่างฟนั บวม กดน่ิม มเี ลือดออกง่าย
เมอ่ื ใช้เครื่องมือตรวจวดั รอ่ งลึกปรทิ ันต์ ไมพ่ บร่องลกึ ปรทิ นั ต์ ไม่พบเหงือกรน่ ไมพ่ บฟันโยก พบการสะสม
ของคราบจุลนิ ทรีย์และหนิ นำ้ ลายท้งั เหนือเหงือกและใต้เหงอื กระดบั เล็กนอ้ ยโดยทั่วไป.......
การวินจิ ฉัยสภาพปรทิ ันต(์ Diagnosis of periodontal status) :
........Dental plaque induced gingival disease..................................................
การวางแผนการรกั ษาโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis Treatment)
…..Gingivitis Treatment……..
ความสัมพนั ธข์ องการสบฟนั (Occlusal relationship) : ....Angle’s class I malocclusion................
การวางแผนการรักษา(Treatment plan) :
1. การรกั ษาโรคตามระบบตา่ งๆของรา่ งกาย (Systemic treatment) : .................-................
2. การรักษาข้ันเตรียมการ (Preparatory treatment) :
☑ศลั ยกรรมชอ่ งปาก (Oral surgery) : ......Extraction 55..........................................
☑การรักษาคลองรากฟัน (Endodontic treatment): ......แนะนำRCT 46..................
☑ การรกั ษาปรทิ นั ต์ (Periodontal treatment) : ......Scaling FM...............................
☑ การควบคมุ ฟันผุ (Caries control) : ......PRR 16, Sealant 36...............................
☑ การแนะนำรกั ษาสขุ ภาพช่องปาก (Home-care instruction) : ......การแปรงฟนั .........
⬜อื่นๆ :...........................................................................................
3. การรกั ษาโดยการดดั แปลงแก้ไขให้ถูกต้อง (Corrective treatment) :
☑การรักษาทางทันตกรรมหัตถการ (Operative treatment) : ...
....................26 (O), 53 (La), 75 (OM), 32 (I), 84 (OD), 85 (OM)....................
⬜การรกั ษาทางทนั ตกรรมประดษิ ฐ์ (Prosthetic treatment)
:................................................................................................................................................
4. การเรยี กกลบั มาเพอื่ ตรวจและบำรุงรกั ษาเปน็ ระยะ (Periodic recall examination and maintenance treatment) :
.......................Recall ทุก 6 เดอื น…….Recall every 6 months
5. การสง่ ตอ่ ผ้ปู ว่ ย(Refer): ...........RCT46. ............................................................................
ลงชอื่ .......................................................นสิ ติ ลงช่ือ .........................................................อาจารย์
วนั เดือน ปี ......................................... วนั เดอื น ปี ..................................................
56
57
ปฏบิ ตั กิ ารท่ี 3
การถ่ายภาพรังสแี ละการแปลผลภาพรงั สี
3.1 การถ่ายภาพรังสี
แผนการสอนการถา่ ยภาพรังสี
วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรรู้ ายปฏบิ ตั กิ ารเมือ่ เรยี นจบปฏบิ ตั กิ ารนีแ้ ลว้ นสิ ติ สามารถ
บรรลุวตั ถุประสงค์รายวชิ าตามรายขอ้ ดังนี้
ข้อที1่ .อธบิ ายส่วนประกอบของฟิลม์ และการเลือกใช้ถ่ายภาพรังสีในชอ่ งปากโดยใชเ้ ทคนคิ ท่ีถูกตอ้ งลา้ งฟิลม์ และ
แปลผลภาพรงั สี ไดถ้ กู ต้องตามหลกั วชิ าการ (LO 2.3, 3.1 ,3.3)
ข้อที่ 2. ตรวจและวนิ จิ ฉัยโรคโพรงประสาทฟนั และเนือ้ เยอื่ รอบปลายรากฟัน โรคเนื้อเย่ือออ่ นในชอ่ งปาก
ที่พบบอ่ ยไดถ้ กู ต้องตามหลกั วิชาการ (LO3.1, 3.3)
ข้อท่7ี .สามารถทำความสะอาดเคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นงานทนั ตกรรม จดั เกบ็ และทำให้ปราศจากเชอื้ ไดถ้ กู ตอ้ ง
ตามหลักวชิ าการ(LO1.2,1.3 ,2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ข้อท่ี 8.มีพฤตกิ รรมทางดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสทิ ธผิ ู้ใช้บริการ ความมวี นิ ยั ซ่อื สตั ย์ รับผดิ ชอบ
มีเจตคติ และเปน็ แบบอยา่ งทดี่ แี ก่ผอู้ ืน่ (LO1.1, 1.2, 1.3 ,4.2)
วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม เพอื่ ใหน้ สิ ติ สามารถ
1. ถ่ายภาพรังสีในช่องปากโดยใชเ้ ทคนิคทถ่ี กู ต้องได้
2. ลา้ งฟิลม์ เอกซเรยไ์ ดถ้ ูกต้องตามขน้ั ตอนและมคี ุณภาพ
3. เรยี งฟลิ ์มและจดั เก็บฟลิ ์มเอกซเรยท์ ่ถี า่ ยแลว้ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
4. เขียนใบส่ังยาถา่ ยภาพรงั สไี ดอ้ ย่างถกู ต้อง 1 ใบ
วสั ดุอปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการเรยี นการสอน
1. ถาดเครอื่ งมือ (Shallow tray)
2. Needle holder 1 ตัว
3. Cotton pliers 1 ตวั
4. ทหี่ นบี ฟลิ ์ม (Film hanger) 1 ตัว
5. ฟิล์มเอกซเรย์ เบอร์ 2 3 ฟลิ ์ม
6. กระดาษกดั สำหรับถ่ายภาพรงั สแี บบไบตว์ ิง 1 ตวั
7. ถงุ พลาสติกใสขนาดพอดกี ับ Film (นสิ ติ เตรยี มมาเอง) 10 ถงุ
8. ถงุ มือแบบใช้ครั้งเดียวทิง้ 1 คู่
9. ใบสั่งยา 1 ใบ
10. ใบประวัตกิ ารรักษาผปู้ ว่ ย OPD Card
58
ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิ
1. จดั กล่มุ นสิ ิตฝึกปฏิบตั กิ ารถ่ายภาพรังสี 1 กลุ่มจำนวน 10-12 คนตามกลมุ่ พรคี ลนิ กิ ซง่ึ จดั คไู่ ว้แล้วและแบ่ง
หนา้ ที่กนั เป็น operatorผ้ถู ่ายภาพรงั สแี ละคนไขส้ มมตุ ิ และสลับกนั ในคร้ังต่อไป
2. อาจารย์ 1 คน ดูแลการถา่ ยภาพรงั สีของน.ศ.
3. นิสติ แตล่ ะคน จดั เตรยี มเครือ่ งมือตามรายการ “วสั ดอุ ุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการเรยี นการสอน”
4. ปฏิบตั งิ านตาม “ขั้นตอนการทำงาน”
กจิ กรรมของอาจารยป์ ระจำกลมุ่ ปฏิบตั ิการ
1. ดแู ลนิสติ ในกล่มุ ทร่ี ับผดิ ชอบ
2. อธบิ ายขัน้ ตอนการทำงานในปฏบิ ตั ิการนี้
3. แนะนำเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ในการถ่ายภาพรังสชี อ่ งปาก
4. สาธิตการจัดตำแหนง่ ผ้ปู ว่ ย และการปอ้ งกนั อนั ตรายจากรังสี
5. สาธิตตำแหน่งการวางกระบอกรงั สแี ละการวางฟลิ ์มในปากคนไข้
6. สาธติ การถ่ายภาพรังสแี บบ Periapical film และ แบบ Bitewing technique
7. สาธิตการลา้ งฟลิ ม์
8. ใหค้ ำแนะนำ แนะแนวทาง และสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ัตงิ านนสิ ติ แต่ละคน
9. ใหค้ ะแนนในใบประเมนิ ปฏบิ ตั กิ ารและคะแนนพฤตกิ รรมนสิ ติ แต่ละคน
กิจกรรมของนิสติ
1. ศึกษาขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงานจากคมู่ ือปฏิบตั กิ ารคลนิ กิ ทนั ตกรรมเบ้อื งตน้
2. อา่ นการถา่ ยภาพรงั สใี นชอ่ งปาก จากหนังสือ “ทันตรังส”ี ก่อนฝกึ ปฏบิ ัตกิ าร
3. จัดเตรียมเคร่อื งมือตามรายการ “วัสดุอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการเรียนการสอน” ไปทห่ี ้องจ่ายกลางเพ่อื เบกิ
ชดุ ถ่ายภาพรังสี (ชุดเอกซเรย์ และฟลิ ์ม เอกซเรย์ เบอร์ 2 คนละ 3 ฟลิ ์ม หากถ่ายเสีย ตอ้ งถา่ ยซอ่ ม ใหเ้ บิกเพ่ิมได้
อกี ไมเ่ กนิ คนละ 3ฟลิ ม์ หากยงั ถ่ายไมไ่ ด้ ครบตามตำแหนง่ ท่ตี อ้ งการต้องชำระค่าซือ้ ฟลิ ม์ คนละ 50บาท
4. เชญิ อาจารยต์ รวจ เพ่ือเริม่ งาน (Beginning check)
5. ปฏบิ ัติงานตาม “ข้นั ตอนการทำงาน”
6. ฝกึ เขียนใบสงั่ ยาคา่ เอกซเรย์
7. บนั ทึกกิจกรรมประจำวัน และบัตรOPD
8. ล้างชุดเครอื งมือ เชด็ ใหส้ ะอาด นำส่งคืนทีห่ อ้ งจา่ ยกลาง
ส่ือการเรียนการสอน
1. คู่มอื ปฏบิ ัตกิ ารคลนิ ิกทันตกรรมเบอื้ งต้น
2. ตำราเอกสารวิชาการที่เกยี่ วขอ้ ง
3. ฟิล์มเอกซเรย์
การประเมินผล 80 คะแนน
1. คะแนนจากแบบประเมินทกั ษะการฝกึ ปฏบิ ตั ถิ า่ ยภาพรังส(ี 3ภาพถ่ายเองและตามโจทย์1ภาพ) 10 คะแนน
2. คะแนนจากแบบประเมินพฤตกิ รรมประจำวนั 20 คะแนน
3. คะแนนจากแบบประเมินการดแู ลรักษาเครอื่ งมือ
(ประเมินทกุ วนั ของสัปดาห์ทีม่ ีปฏบิ ตั กิ าร)
59
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. ผูเ้ รยี นตอ้ งเขา้ เรียนอยา่ งน้อย ร้อยละ80 ของเวลาเรียน
2 . ผูเ้ รียนต้องไดค้ ะแนนในแบบประเมินทักษะแตล่ ะปฏิบตั กิ าร ตง้ั แต6่ 0%ขนึ้ ไปจึงจะมีสิทธิข์ อประเมินผลการเรียน
3. ผเู้ รียนตอ้ งได้คะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวันตัง้ แต่60%ขึน้ ไปจงึ จะมีสิทธิ์ขอประเมนิ ผลการเรยี น
4. ผู้เรียนตอ้ งได้คะแนนรวมในแบบประเมนิ การดแู ลรกั ษาเครือ่ งมือ ตงั้ แต่60%ข้ึนไปจึงจะมสี ทิ ธข์ิ อประเมนิ ผลการเรียน
ขั้นตอนการทำงาน
1.นสิ ติ จบั คกู่ นั visit 1เพื่อถา่ ยภาพรงั สีในช่องปาก คนละ 3 ฟลิ ม์
▪ ถ่ายภาพรังสรี อบปลายราก เทคนคิ การแบ่งครงึ่ มุม (Periapical film with bisecting technique)
บริเวณ ฟันกรามแท้บนซท่ี ี่ 1 จำนวน 1 ฟิล์ม
▪ ถ่ายภาพรังสรี อบปลายราก เทคนคิ การแบง่ ครง่ึ มุม (Periapical film with bisecting technique)
บรเิ วณฟนั หนา้ ล่างซีแ่ รก จำนวน 1 ฟิล์ม
▪ ถา่ ยภาพรงั สดี า้ นประชิดฟนั (bitewing technique) บรเิ วณฟันกรามกับฟันกรามนอ้ ยล่าง จำนวน 1
ฟลิ ์ม
2.หยิบกระดาษกดั สำหรบั ถ่ายภาพรงั สีเทคนคิ ไบตว์ งิ 1 ชิ้น (โดยใช้ transfer forceps)
ขน้ั ตอนการถา่ ยภาพรงั สี
1. เปดิ main switch ปรบั Exposure time ใหเ้ หมาะสมตามขนาดรา่ งกายของผ้ปู ว่ ยและตำแหน่งฟัน
2. ทำความสะอาดเคร่อื งถา่ ยภาพรังสีโดยใชส้ ำลชี บุ นำ้ ยาฆา่ เช้อื ZETA 3 และห่อหุ้มพ้นื ผิวทำงาน กระบอกรงั สี
ปุ่มปรับปรมิ าณรงั สี แทน่ กดรงั สี ด้วยพลาสติกหอ่ อาหาร
3. ปรบั ตำแหน่งผปู้ ว่ ยใหถ้ กู ตอ้ งและสวมเสือ้ ตะก่วั ให้กบั ผู้ป่วย
4. ปรับกระบอกรงั สคี รา่ วๆ เชญิ อาจารยต์ รวจการปรับกระบอกรงั สีและตำแหน่งผปู้ ว่ ย
5. ลา้ งมือด้วยนำ้ สบฆู่ า่ เช้ือและเช็ดมอื ให้แหง้
6. วางฟิล์มในปากผู้ปว่ ยโดยใช้ Needle holder และให้ Identification dot อยู่ทางด้านบดเคย้ี วเสมอ
ยกเว้นการถ่ายรงั สีเทคนิคไบตว์ ิงให้ dot ของฟลิ ม์ หนั ข้นึ ดา้ นบนเสมอ
7. ปรบั กระบอกรังสีวัดมมุ แนวระนาบและมมุ แนวดง่ิ ให้ถกู ต้องจดั กระบอกรงั สใี ห้คลมุ ฟลิ ม์
เชิญอาจารยต์ รวจงาน
8. กดสวติ ช์ถ่ายภาพรังสี จากน้นั นำฟลิ ์มออกจากชอ่ งปาก
9. ถอดเสอื้ ตะกว่ั ใหผ้ ปู้ ่วย แล้วนำไปเก็บ
10. นำฟลิ ์มท่ีถา่ ยไปแชใ่ นนำ้ ยา Sodium hypochloride 5.25% เจือจาง 1:10เป็นเวลา 1 นาที จากน้ัน
ถา่ ยนำ้ ยาลงในแกว้ เปล่าอกี ใบก่อนจะนำฟลิ ์มไปลา้ งน้ำสะอาด และเช็ดแหง้ เพ่อื นำไปลา้ งฟลิ ม์ ในข้นั ตอนต่อไป
11. ขณะรอฟลิ ์มแชน่ ำ้ ยาSodium hypochloride ให้แกะพลาสตกิ หุ้มอาหารออกจากบริเวณทำงานท้ังหมด
และเปลีย่ นพลาสติกหมุ้ ใหม่ เพอ่ื ใช้ในการถา่ ยผปู้ ว่ ยคนต่อไป
12. ปิด main switch เกบ็ กระบอกรงั สี
13. ลา้ งมือและฟลิ ์มด้วยนำ้ สบแู่ ละล้างนำ้ ให้สะอาด แลว้ จึงซับใหแ้ หง้
14. ฆ่าเช้อื บรเิ วณกระบอกรงั สโี ดยใช้สำลีชบุ นำ้ ยาฆ่าเชื้อ ZETA 3
15. เช็ดเบาะนั่งผปู้ ่วยเช็ดดว้ ยผงซักฟอก และตามด้วยผา้ ชบุ น้ำและเช็ดแหง้
60
ขน้ั ตอนการลา้ งฟิลม์
1. เปล่ยี นถุงมือคู่ใหมก่ อ่ นจะทำการลา้ งฟลิ ์ม
2. เตรียมฟิลม์ เอกซเรยท์ ถี่ า่ ยแล้วและท่ีหนีบฟลิ ์ม (Film hanger) ไปยงั ห้องมดื เพอ่ื ลา้ งฟลิ ม์
3. แกะท่ีห่อฟิล์มและใชท้ หี่ นบี ฟลิ ม์ หนีบที่ Identification dot จมุ่ ฟลิ ์มในน้ำยาสรา้ งภาพ (Developer)
ประมาณ 15-20วนิ าที ล้างน้ำ 10-15 วินาที จมุ่ นำ้ ยาคงสภาพ (Fixer) ประมาณ 2 นาที ล้างนำ้ 10-15 วนิ าที
แลว้ นำมาให้อาจารยต์ รวจงานล้างฟลิ ม์
(เวลาในการจมุ่ นำ้ ยาอาจเปล่ียนแปลงตามอายกุ ารใชง้ านควรตรวจดูขณะลา้ งฟลิ ม์ ในห้องมดื วา่ ใช้ไดห้ รอื ไม)่
4. เป่าฟลิ ม์ ให้แห้งโดยใช้ลมจากคอมเพรสเซอรห์ นา้ ห้องเอกซเรย์ ใหแ้ หง้ หมาดๆจากนั้นผึ่งฟิลม์ เอกซเรย์
ไว้กับขอบถาดและลา้ งฟิลม์ เอกซเรยท์ ีเ่ หลอื ตอ่ ไปเสร็จแลว้ ควรนำฟลิ ม์ ใหอ้ าจารยป์ ระเมินทันที
ขอ้ แนะนำ
❖ ควรถ่ายภาพรงั สีให้ครบทง้ั 5 ฟิล์ม แลว้ จึงเร่มิ ขั้นตอนการล้างฟลิ ม์
❖ ทดลองล้างครง้ั แรก 1 ฟิลม์ กอ่ น
หมายเหตุ หากนิสิตถา่ ยภาพรังสีเปน็ ฟลิ ม์ ที่ 3 ในตำแหนง่ เดิม ตอ้ งชำระเงินคา่ ฟลิ ม์ ๆละ50
บาทและถูกหกั คะแนนคุณภาพงานถา่ ยภาพรังสี
การจัดเกบ็ ฟลิ ม์ เอกเรย์
1. เรียงและจดั เก็บฟลิ ม์ เอกซเรยบ์ นแผ่นพลาสตกิ ใส โดยนำมาเรยี งตามตำแหนง่ ของฟนั ในชอ่ งปาก2.
2.ติดกระดาษกาวยน่ ทีม่ มุ ล่างของแผ่นพลาสติก พร้อมเขียนชื่อผู้ถา่ ยและผปู้ ่วย
3.ฟลิ ์มจดั เรยี งเสรจ็ แลว้ สง่ อาจารย์ประจำกลมุ่ 1 ชดุ และนสิ ติ เกบ็ ไวก้ ับบัตรผูป้ ว่ ย 1 ชุดเพอื่ ฝกึ แปลผลภาพรงั สี
และการวนิ จิ ฉัยโรค
4.หลงั จากอาจารยใ์ ห้คะแนนแลว้ ใหน้ สิ ิตนำไปเก็บไวเ้ พ่ือใช้สำหรับปฏบิ ตั ิการอา่ นฟลิ ์มตอ่ ไป
ตวั อย่าง การเขียนบัตร รบ.1 ต.13 เพ่อื ส่งต่อผู้ป่วยมารับบรกิ ารถา่ ยภาพรงั สี
วัน / เดือน / ปี ตำแหนง่ ฟัน ผลการ x-rays การรกั ษา นสิ ิต อาจารย์
การวินจิ ฉยั โรค วรี ะยทุ ธ อ.รชั นีวรรณ
วีระยุทธ อ.รัชนีวรรณ
9ส.ค.63 16,41 Reversible pulpitis Refered to x-ray for periapical techniques2 film. อ.รชั นวี รรณ
อ.รชั นวี รรณ
44,45 R/O Initial Refered to x-ray for bitewing technique 1 film.
proximal caries
16,41 x-rayed Periapical film with bisecting technique
2 film. วีระยุทธ
44,45 x-rayed with bitewing technique 1 film.
วีระยทุ ธ
61
ตัวอยา่ ง การเขียนใบสงั่ ยาสำหรับการถา่ ยภาพรงั สี .ใหย้ น่ื ใบส่งั ยาที่หอ้ งยา วสส.ขก.
กระทรวงสาธารณสขุ
ใบสัง่ ยา
วทิ ยาลัยการสาธารณสขุ สิรนิ ธรจงั หวดั ขอนแกน่
ชือ่ -นามสกลุ ...... นายศรลาม . เทพพทิ ัก….. อายุ ..........26...... ปี
ทอี่ ย.ู่ .......................................................... วนั เดือน ปี .. 9ส.ค.63
การวินจิ ฉยั โรค 44,45 R/O Iinitial proximal caries เลขทบี่ ตั ร …………
16,41 Reversible pulpitis จำนวน ราคา
สิทธิการรับบริการ
บตั รประกันสุขภาพถว้ นหน้า (บตั รทองฯ รพ.ขอนแก่น)
เลขทีบ่ ตั รประชาชน ----
บัตรประกนั สงั คมเลขท่ี ----
ข้าราชการ/เจา้ หน้าทขี่ องรัฐ/พนักงานรฐั วิสาหกิจ
อ่ืนๆ
รายการ
- ค่าบริการผปู้ ว่ ยนอก ในเวลาราชการ/นอกเวลาราชการ
- ค่าถ่าย x-ray 3ฟิล์ม 150บ.
นิสิตผทู้ ำการรกั ษา หมาก ปรญิ ญ์ รวม 150 บ.
ผู้ส่ังยา อ.รชั นีวรรณ ผ้จู ่ายยา ผูร้ ับเงนิ
ใบเสร็จรบั เงนิ เลม่ ที่ เลขที่
62
ปฏบิ ัตกิ ารที่ 3 (ต่อ)
3.2การแปลผลภาพรงั สแี ละวินจิ ฉยั โรค
แผนการสอนการแปลผลภาพรังสแี ละวินจิ ฉัยโรค
วัตถุประสงค์การเรยี นรรู้ ายปฏิบตั กิ ารเมือ่ เรยี นจบปฏบิ ัติการนแี้ ล้ว นิสติ สามารถ
บรรลวุ ตั ถุประสงคร์ ายวิชาตามรายขอ้ ดังน้ี
ข้อท1ี่ .อธบิ ายสว่ นประกอบของฟลิ ม์ และการเลือกใช้ ถ่ายภาพรงั สใี นช่องปากโดยใช้เทคนคิ ท่ถี กู ต้อง
ลา้ งฟลิ ม์ และแปลผลภาพรังสี ไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ( LO 2.3, 3.1 ,3.3)
ขอ้ ท่ี 2. ตรวจและวนิ ิจฉัยโรคโพรงประสาทฟนั และเนอื้ เย่อื รอบปลายรากฟัน โรคเน้อื เยื่อออ่ นในชอ่ งปาก
ที่พบบอ่ ยได้ถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ (LO 3.1, 3.3)
ข้อท่7ี .สามารถทำความสะอาดเครอ่ื งมือที่ใช้ในงานทนั ตกรรม จัดเกบ็ และทำให้ปราศจากเชื้อได้ถกู ตอ้ งตาม
หลกั วชิ าการ(LO 1.2,1.3 ,2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ที่ 8. มพี ฤติกรรมทางดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสิทธผิ ้ใู ชบ้ รกิ าร ความมวี ินัย ซือ่ สตั ย์ รับผดิ ชอบ
มีเจตคติ และเปน็ แบบอยา่ งที่ดแี กผ่ ้อู นื่ (LO 1.1, 1.2, 1.3 ,4.2)
วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เพ่อื ให้นิสติ สามารถ
1. อ่านผลภาพถ่ายรังสไี ดต้ รงกบั ตำแหน่งฟนั จรงิ
2. อ่านลักษณะกายวิภาคปกติท่พี บบนภาพถา่ ยรงั สีในช่องปากไดถ้ กู ต้อง
3. อา่ นลักษณะผิดปกติและพยาธิสภาพท่พี บบอ่ ยบนภาพถ่ายรงั สีในชอ่ งปากได้ถกู ตอ้ ง
4. เขียนบรรยายภาพรงั สีและวนิ ิจฉัยโรคได้ถูกตอ้ ง
วัสดอุ ปุ กรณ์ที่ใช้ในการเรยี นการสอน
1. กล่องดูฟิล์ม(View Box) 1 กล่อง/กลมุ่
2. ฟลิ ์มที่ไดจ้ ากการถา่ ยภาพรังสี 3 ฟลิ ม์ /คน
3. ฟลิ ม์ ตัวอย่างลกั ษณะทผ่ี ดิ ปกติ
4. ฟลิ ์มตัวอยา่ ง เพ่อื ฝกึ เขียนการแปลผลภาพถา่ ยรงั สี 1 ฟลิ ม์ /คน
5. แบบประเมินการถา่ ยภาพรังสีและแปลผล จำนวน 4 ฟลิ ์ม 1 ชุด/คน
ทถี่ า่ ยภาพรังสีคตู่ นเอง
ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิ
1. แบ่งนิสิต เปน็ กลุ่มๆ ละ 10-12คน
2. visitท่ี 1หลงั จากถา่ ยภาพรงั สีเสรจ็ แลว้ อ่านและแปลผลภาพรงั สโี ดยเตรยี ม ภาพรังสที ี่ตนเอง
ถา่ ยไว้ในปฏบิ ัติการที3่ .1จำนวน 3filmนำมาใช้อ่านและแปลผล รวมทัง้ film ตวั อยา่ งทอี่ าจารย์ประจำกลมุ่
สอนการอ่านและแปลผลฟลิ ม์
3.จดั เตรยี มคมู่ อื การเตรยี มความพรอ้ ม โดยใชแ้ บบประเมนิ การถา่ ยภาพรงั สแี ละแปลผล
มาใชอ้ า่ นและแปลผลภาพรังสี
4. นิสติ แตล่ ะคนฝกึ ดูและอา่ นฟิลม์ ตวั อย่างตามการสาธติ ของอาจารย์
63
5.นสิ ิตเชิญอาจารย์ ตรวจการอ่านฟลิ ม์ ของตนเอง จากกล่องดฟู ิลม์ (ประกอบด้วยการอา่ นลกั ษณะกายวิภาค
ปกติและลักษณะท่ผี ดิ ปกติ)
6.นิสติ อา่ นฟิล์มภาพรังสตี วั อยา่ ง พร้อมเขียนบรรยายภาพรังสี และวนิ จิ ฉัยโรคโดยใชแ้ บบประเมินการถา่ ยภาพ
รงั สแี ละแปลผลทตี่ นเองไดถ้ า่ ยภาพรงั สีของค่ตู นทกุ ฟลิ ์มแล้ว สง่ อาจารยป์ ระจำกลมุ่
กิจกรรมของอาจารย์
1. ดูแลนสิ ติ ในกลุ่มทร่ี บั ผดิ ชอบ
2. อธบิ ายข้นั ตอนการทำงานในปฏิบตั ิการน้ี
3. สาธติ การอ่านฟลิ ์มซ่ีฟนั ลกั ษณะกายวภิ าคปกติ และลกั ษณะผดิ ปกตทิ พ่ี บบ่อย ในฟิลม์ ตวั อยา่ ง
4. ใหค้ ำแนะนำ และสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบตั งิ านนิสติ แตล่ ะคน
5. ให้คะแนนในใบประเมนิ ปฏิบัติการแบบประเมินการถ่ายภาพรังสี ของนิสติ คนละ 3film และFilm ท่ีมี
พยาธสิ ภาพท่อี าจารยป์ ระจำกลุ่มให้เพมิ่ เตมิ และแปลผลและคะแนนพฤตกิ รรมนสิ ติ แตล่ ะคน
กิจกรรมของนิสติ
1. ศกึ ษาขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ านจากคมู่ ือปฏิบัติการคลินกิ ทนั ตกรรมเบือ้ งตน้
2. อา่ นการแปลผลภาพถา่ ยรงั สจี ากหนงั สือ “ทนั ตรงั ส”ี ก่อนฝึกปฏิบตั ิการ
3. จดั เตรียมเคร่อื งมือตามรายการ “วัสดอุ ุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการเรยี นการสอน”
4. ปฏิบัติงานตาม “ขนั้ ตอนการทำงาน”
ส่อื การเรียนการสอน
1. คู่มือปฏบิ ตั กิ ารคลินกิ ทนั ตกรรมเบอ้ื งตน้
2. หนงั สอื เรียนทันตรังสวี ิทยาสำหรบั ทันตาภบิ าล
3. ฟลิ ์มตัวอย่าง
4. กลอ่ งดฟู ิลม์
การประเมนิ ผล 20 คะแนน
1. คะแนนจากแบบประเมนิ ทักษะอา่ นฟิล์มและวนิ จิ ฉยั โรค 10 คะแนน
2. คะแนนจากแบบประเมนิ พฤตกิ รรมประจำวนั 20 คะแนน
3. คะแนนจากแบบประเมินการดแู ลรกั ษาเครือ่ งมือ
(ประเมนิ ทกุ วันของสัปดาหท์ ม่ี ปี ฏิบัติการ)
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. ผเู้ รยี นตอ้ งเข้าเรยี นอยา่ งน้อย ร้อยละ80 ของเวลาเรยี น
2 . ผเู้ รียนตอ้ งได้คะแนนในแบบประเมนิ ทกั ษะแต่ละปฏบิ ตั ิการ ต้ังแต6่ 0%ขน้ึ ไปจงึ จะมีสิทธ์ขิ อประเมินผลการเรยี น
3. ผู้เรยี นต้องได้คะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวันต้งั แต่60%ขึน้ ไปจงึ จะมีสทิ ธ์ขิ อประเมนิ ผลการเรยี น
4. ผู้เรยี นต้องไดค้ ะแนนรวมในแบบประเมนิ การดูแลรกั ษาเคร่ืองมอื ตงั้ แต6่ 0%ขึ้นไปจงึ จะมสี ทิ ธิข์ อประเมินฯ
64
ตัวอย่างแบบประเมินการถา่ ยภาพรงั สีและแปลผล
อ.ท.พ.พรี ะ รุ่งวิทยาธร
ภาพรงั สใี นช่องปาก
การมารับการรักษาทางทนั ตกรรมแม้วา่ จะเปน็ การมาตรวจฟนั คร้งั แรกหรอื มาพบตามนัดนน้ั แตล่ ะครง้ั ไม่จำเปน็
ตอ้ งเอกซเรย์ฟนั ทกุ ครั้งข้นึ อย่กู บั ความจำเปน็ การพิจารณาวา่ ส่งต้องสง่ เอกเรยฟ์ นั หรือไม่ ทำโดยพจิ ารณาจากการตรวจ
ในช่องปาก การซักประวัติ ภาพรังสีทเ่ี คยมี และการประเมนิ สภาวะสุขภาพชอ่ งปากและรา่ งกาย โดยนาํ มาประกอบกนั
เพือ่ พิจารณาความเหมาะสมหรือความจำเปน็
อาการสำคญั (Chief complaint) หมายถงึ อาการท่ีเปน็ สาเหตนุ ำผปู้ ่วยมาโรงพยาบาล โดยระบุอาการหลัก
เพียงอาการเดยี วและระยะเวลาทเ่ี จ็บปว่ ย เชน่ “ปวดฟนั มา 1 สัปดาห”์ ควรใชค้ ำพดู เดิมของผ้ปู ่วย ไม่ควรแปลความหมาย
หรอื ระบวุ า่ เป็นชอื่ โรค
Chief complain ที่เกยี่ วกบั การสง่ ถา่ ยภาพรงั สี
1. ปวดฟัน อาการปวดฟนั เกดิ ขึน้ ไดห้ ลายลกั ษณะ ต้งั แต่ระดับไม่รุนแรงไปจนถงึ รุนแรง เปน็ อาการท่ีสามารถ
เป็นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1.1 ฟันผุในระยะแรกของฟันผนุ ัน้ ผู้ปว่ ยจะไมม่ ีอาการใดๆ แต่ถา้ สว่ นท่ีผุนน้ั ลึกมากขนึ้ ผปู้ ว่ ยจะเรมิ่ มี
อาการเสยี วฟนั เวลาดื่มน้ำร้อน, นำ้ เยน็ บางครั้งผปู้ ่วยอาจจะรสู้ ึกปวดฟันข้นึ มาในขณะเค้ียวอาหาร เนอื่ งจากมี
เศษอาหารไปตดิ อยู่ในรทู ่ีผุนัน้ หากตรวจดใู นชอ่ งปากแล้วไม่พบตำแหน่งทีเ่ ปน็ สาเหตุของอาการปวด หรอื ตำแหนง่ นั้น
อยทู่ ดี่ า้ นประชิดซ่ึงไมม่ าสามารถมองเห็นจากในชอ่ งปากได้ ควรพิจารณาถ่ายภาพรังสบี รเิ วณนั้นๆ
1.2 การอกั เสบของเนอ้ื เย่อื ในโพรงประสาทฟนั สว่ นใหญม่ กั จะเป็นผลจากฟันทผ่ี ลุ ึกมาก จนกระทง่ั ทะลุ
โพรงประสาทฟัน ซง่ึ จะอยู่ในสว่ นของรากฟนั และอาจพบไดใ้ นฟันสกึ , ฟนั รา้ วหรือแตกลึกถึงโพรงประสาทฟนั ซึง่ จะทำให้
เกดิ อาการอักเสบและตดิ เช้ือของเน้ือเยื่อในโรงประสาทฟนั ทำใหเ้ กดิ อาการปวดฟันขึ้นมาได้ โดยผปู้ ว่ ยมักจะมีอาการ
ปวดฟนั ขน้ึ มาเองโดยไมต่ อ้ งมีสิ่งกระตุ้น โดยเฉพาะเวลากลางคืน ผปู้ ่วยจะมอี าการปวดฟันมากและปวดอยู่นาน บางครั้งตอ้ ง
กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอากรปวดแต่ถา้ ยาแกป้ วดหมดฤทธผิ์ ู้ปว่ ยกม็ กั จะมีอาการปวดกลับมาใหมอ่ ีกครง้ั ในกรณีนคี้ วรถา่ ย
ภาพรังสีเพ่อื ใช้ในการประเมนิ แนวทางในการรกั ษาต่อไป
1.3 ปลายรากอกั เสบเป็นหนอง ถา้ การอกั เสบของเนื้อเยือ้ ในโพรงประสาทฟันฟนั เป็นอย่นู าน โรคอาจจะลุกลาม
ไปท่ีปลายรากฟนั ทำใหเ้ กิดการตดิ เชอ้ื และเป็นหนองบริเวณปลายรากฟัน ผ้ปู ว่ ยอาจมีอาการปวดฟันขณะเคยี้ วหรือไม่มี
กไ็ ด้ในกรณีน้คี วรถา่ ยภาพรงั สีเพ่อื ใชใ้ นการประเมินแนวทางในการรกั ษาต่อไป
1.4 โรคเหงอื กอกั เสบและปริทันตอ์ ักเสบ มกั มสี าเหตุมาจากคราบหนิ นำ้ ลายหรือหินปนู จะทำใหเ้ หงือกอักเสบ
ปวดและปวดฟันได้ ผ้ปู ่วยมักมีอาการปวดหนบึ ๆ หรอื ปวดรำคาญ รว่ มกับแปรงฟนั มีเลือดออก ถ้าเปน็ มากๆ ฟนั จะโยก
หากไม่พบวา่ มฟี ันโยกหรอื ร่องลึกปรทิ นั ตห์ รอื มหี นองจากเหงอื กไมม่ ีความจำเปน็ ทตี่ อ้ งถา่ ยภาพรังสี หากพบอาจพิจารณา
ถา่ ยภาพรังสเี พอื่ ประเมนิ ความรุนแรงโรคและพจิ ารณาการทางเลือกการรกั ษา
2. เหงือกบวม มีหนอง
2.1 เหงือกเปน็ หนองจากโรคเหงือกอักเสบและปริทนั ต์อกั เสบ (ดู 1.4 )
65
2.2 มีตมุ่ หนองบรเิ วณเหงอื ก เกดิ จากปลายรากอกั เสบเป็นหนองลุกลามไปทป่ี ลายรากฟนั ทำให้เกิดการ
ตดิ เช้อื และเปน็ หนองสะสมบรเิ วณปลายรากฟันทำใหเ้ กดิ แรงดันจนเกิดเปน็ ตมุ่ หนองบรเิ วณเหงือก ในกรณีนค้ี วร
ถ่ายภาพรังสเี พ่ือใช้ในการประเมินแนวทางในการรกั ษาตอ่ ไป
3. มาถอนฟันหรือผ่าฟนั คดุ
ในงานถอนฟนั และผา่ ฟันคดุ น้นั ภาพเอกซเรยม์ ปี ระโยชน์มากตงั้ แตก่ ารวินจิ ฉยั โรคก่อนถอนฟัน การศกึ ษา
รายละเอียดของฟันเช่นความโค้งงอของรากฟนั ขนาดของรอยผุซึง่ จะสง่ ผลใหฟ้ นั แตกไดง้ า่ ยขณะถอนฟัน ลักษณะและ
ตาํ แหน่งของฟนั คดุ ว่าอยู่ใกลก้ บั กายวภิ าคที่สาํ คัญหรือไม่ เชน่ อยูใ่ กล้กับโพรงอากาศแก้ม เสน้ ประสาทขากรรไกรลา่ ง เปน็ ตน้
และภาพรงั สยี ังใช้ในการติดตามผลการถอนฟนั ในกรณีทเี่ กดิ ปญั หาหรอื ภาวะแทรกซ้อนหลงั ถอนฟนั เช่น รากฟันหกั
แผลถอนฟันไม่หาย
ตวั อย่างการอ่านภาพรงั สี
Radiograph finding : Radiolucent area at distal surface of
tooth 35
จากรูป พบเงาดำจากฟันผุท่ฟี นั ซ่ี 35 ดา้ น Distal
การอา่ นภาพรงั สี 35D Dental caries
Radiograph finding :Radiolucent area at distal surface of
tooth 46
จากรปู พบเงาดำจากฟนั ผุท่ีฟันซ่ี 46 ดา้ น Distal
การอ่านภาพรงั สี 46D Dental caries
Radiograph finding :Radiolucent area at occlusal surface of
tooth 47
จากรปู พบเงาดำจากฟันผุท่ฟี นั ซ่ี 47 ดา้ น Occlusal
การอ่านภาพรังสี 47O Dental caries
66
Radiograph finding :: Radiolucent area size 3x3 mm. at
apical of tooth 25
จากรปู พบเงาดำขนาด 3x3 มิลลเิ มตร ทป่ี ลายรากฟนั ซ่ี 25
การอา่ นภาพรังสี 25 Radiolucent area at apical size 3x3 mm.
Radiograph finding : Amalgam filling at teeth 36, 37
จากรูป พบวสั ดุอดุ อะมลั กัมที่ฟนั ซี่ 36 ดา้ น Occluso-distal และ 37
ด้านOccluso-mesial
การอา่ นภาพรงั สี 36OD, 37OM Amalgam Filling
การอา่ นภาพรงั สี 35OD Composite filling
Radiograph finding : Composite filling at tooth 35
จากรูป พบวัสดอุ ดุ คอมโพสติ ที่ฟนั ซ่ี 35 ด้าน Occluso-distal
Radiograph finding : Radiolucent area under teeth 25 filling
จากรปู พบเงาดำใต้วสั ดุอุดทฟ่ี นั ซี่ 25 ดา้ นDistal
การอ่านภาพรังสี 25D Secondary caries
Radiograph finding: Radiopaque area at cervical of lower anterior teeth
จากรูป พบเงาขาวบรเิ วณคอฟันหนา้ ล่าง
การอ่านภาพรงั สี Calculus deposited at lower anterior teeth
67
Radiograph finding: Tooth 16 restoration with crown
จากรปู พบครอบฟันท่ีฟันซ่ี 16
การอ่านภาพรังสี 16 Crown
Radiograph finding: Tooth 36 have previously
endodontic treatment
จากรูป พบการรกั ษารากฟันทีฟ่ นั ซี่ 36
การอ่านภาพรังสี 36 Previously treated tooth
Radiograph finding: Dental implant at 25 area
จากรูป พบการรกั ษาดว้ ยรากเทียมทต่ี ำแหน่งฟันซี่ 25
การอ่านภาพรังสี 25 Implant
68
Intraoral radiograph การเขียนแปลผลและอธบิ ายภาพถา่ ยรังสี
อ. ทพญ.พิชญา จารุรัชตพนั ธ์ุ
Radiographic interpretation
Periapical radiograph shows 45 having radiopaque restorative
material in pulp chamber and root canal with radiolucency of
gap at cervical area, having radiopaque of overfilled of root
canal treatment material associated with ill-defined, ovoid,
periapical radiolucent lesion (approximately 0.5x0.8 cm in size)
which is continuous with PDL space at distal aspect of root,
widening PDL space at mesial aspect of root, intact lamina
dura.
Periapical radiograph demonstrating area of upper left anterior
teeth, having homogeneous radiopaque material at the crown
and root canal of upper left lateral incisor (22) associated with
a round, well-defined, non-corticated, unilocularperiapical
radiolucent lesion, which is approximately 5 mm in size,
discontinuous lamina dura, normal PDL space. At upper left
central incisor (21), having radiopaque of restorative material at
mesial involve 2/3 dentin and radiolucent lesion at distal
involve 2/3 dentin, discontinuous lamina dura, normal PDL
space.
Periapical radiograph shows 45 having radiopaque of
restorative material at occluso-distal surface, single conical
root, completed root formation, intact lamina dura, normal
PDL space, no periapical lesion. 46 having radiopaque of
restorative material at mesio-occluso-distal surface with
overhang margin at mesial aspect, 2 divergent roots,
completed root formation, widening PDL space, intact lamina
dura , except mesial aspect of roots are accentuation, no
periapical lesion. 47 having radiopaque of restorative material
at mesio-occlusal surface, 2 convergent roots, completed root
formation, loss of lamina dura and PDL space, having ill-
defined, ovoid periapical radiolucent lesion at mesial root,
horizontal bone loss between 14-15 and vertical bone loss at
distal of 47.
69
Periapicalradiograph demonstrating tooth buds of 13 and 23
covered with dental sac, located at apical area of 22,21,11,12
without root resorption.
Bitewing radiograph demonstrating no proximal caries at upper
and lower right posterior teeth, normal crestal bone.
Bitewing radiograph demonstrating upper and lower right
posterior teethhaving radiopaque of metal-like restorative
material atocclusal surface of 17,16,45,46,47 and radiopaque
ofrestorative material atbuccal or lingual surface of46,no
proximal caries, normal crestal bone.
Bitewing film demonstrating proximal caries at distal surface of
24 involved outer third of dentin, mesial and distal of 25
nearly exposed pulp and involved middle third of dentin
respectively, distal of 34 involved outer half of enamel, distal
of 35 involved inner half of enamel. 26 having radiopaque
material (metal-like) at occluso-mesial surface throughout the
pulp chamber and radiopaque material at occluso-distal
surface together with carious like lesion at gingival margin.37
having radiopaque material (metal-like) at occlusal surface and
proximal caries at mesial surface involved DEJ. 36 having
radiopaque material (metal-like) at occlusal surface ,proximal
caries at mesial and distal surface nearly exposed pulp and
involved middle third of dentin respectively.
70 involve DEJ (dentino-enamel junction) exposed pulp
enamelจะแบ่งเป็ น dentinจะแบ่งเป็น outer(1/3),
outer, inner half middle(2/3), inner third
https://pocketdentistry.com/12-diagnosis-and-management-of-
dental-caries/
Periapical film shows 25 having radiolucent lesion at mesial
and distal surface involve inner third of dentin, single conical
root, completed root formation, superimposed with floor of
maxillary sinus, discontinuous lamina dura, normal PDL space.
36 having metal-like radiopaque material at occlusal surface, 2
convergent roots, completed root formation, superimposed
with floor of maxillary sinus, discontinuous lamina dura,
normal PDL space.
Periapical radiograph demonstrating 46 having full coverage,
metal-like, radiopaque restorative material at crown, regular
margin and non-homogenous radiopaque of root canalmaterial
in mesial and distal roots especially at apical and middle third
of mesial root together with radiopaque of overfilled of mesial
root canal treatment material(approximately 2 mm length)
associated with well define, corticated, ovoid, periapical
radiolucent lesion (approximately 2.5 mm in size) which is
continuous with PDL space.
Periapical radiograph demonstrating right mandibular third
molar which is uneruped tooth, mesio-angulation, class 2 dept
C, associated with an ovoid, well-defined, non-corticated,
unilocularpericoronal radiolucent lesion, which is
approximately 1.5 cm in greatest dimension, located at
posterior region of right mandible, superimposed with inferior
alveolar canal, widening PDL space of mesial root of right
mandibular second molar.
71
https://www.researchgate.net/figure/Winters-
classification_fig1_284440170
https://www.slideshare.net/DentalLibrary/impaction-72241867
72
Periapical radiograph demonstrating right maxillary third molar
full eruption, vertical angulation, having 3 convergent root,
completed root formation, sinus approximation (SA).
https://www.mycenters.com/oral-
surgeon/impacted-canines/
http://www.exodontia.info/Wisdom_Tooth_Impaction_Classific
ation.html
Periapical radiograph demonstrating 31 having 75% horizontal
bone loss at mesial and75% vertical bone loss at distal,
discontinuous lamina dura, widening PDL space.
32 having vertical bone loss about 70% at mesial and vertical
total bone loss at distal, discontinuous lamina dura, normal
PDL space.
33 having vertical bone loss about 90% at mesial and
horizontal bone loss about 65% at distal, discontinuous lamina
dura, widening PDL space.
73
Periapical radiograph demonstrating 16 radiolucency at mesio-
occlusal surface exposed pulp, margin of lesion extending
throughout alveolar crest, having 3 divergent roots, complete
root formation, superimposed with floor of maxillary sinus,
intact lamina dura, normal PDL space, no periapical lesion.
Periapical radiograph demonstrating
37 large radiolucent lesion at
occluso-mesial surface exposed
pulp, margin of lesion extending
throughout alveolar crest, having 2
convergent roots, complete root
formation, intact lamina dura,
widening PDL space at apical third
of root
74
75
76
ปฏิบตั ิการที่ 4
การลา้ งมือและใสถ่ ุงมอื ผ่าตัดดว้ ยวธิ ีปราศจากเชอื้
แผนการสอน
วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรรู้ ายปฏิบัตกิ ารเมือ่ เรียนจบปฏิบตั ิการน้แี ล้ว นสิ ติ สามารถ
บรรลุวตั ถุประสงคร์ ายวชิ าตามรายข้อดังนี้
ขอ้ ที่7.สามารถทำความสะอาดเครอื่ งมือทีใ่ ช้ในงานทันตกรรม จดั เกบ็ และทำให้ปราศจากเช้อื ได้ถกู ตอ้ ง
ตามหลกั วชิ าการ(LO1.2,1.3 ,2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ท่ี 8.มีพฤตกิ รรมทางด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสทิ ธผิ ใู้ ช้บรกิ าร ความมีวนิ ัย ซอื่ สตั ย์ รบั ผดิ ชอบ
มีเจตคติ และเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแกผ่ ้อู ื่น (LO1.1, 1.2, 1.3 ,4.2)
วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เพื่อให้นสิ ติ สามารถ
1. ลา้ งมอื และเช็ดมือดว้ ยเทคนคิ ปลอดเชือ้ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
2. ใส่ถงุ มอื ผา่ ตดั ตามหลักวิชาการท่ถี กู ตอ้ ง
3. ตรวจสอบความชำรดุ ของถงุ มือไดอ้ ย่างถกู ต้อง
วัสดุและเคร่ืองมือ
1. ถงุ มอื sterile และถุงมือใช้ครง้ั เดยี วทิ้ง ตามขนาดมอื ของนสิ ติ
2. สบู่ลา้ งมอื ฆา่ เชอ้ื (Hibiscrub®) หรือน้ำยาลา้ งมอื ที่จดั เตรียมไว้
3. ผา้ เชด็ มือสะอาดท่ที ำใหป้ ราศจากเชื้อแล้ว
ข้ันตอนการปฏิบตั ิ
1. ปฏิบตั ิการนใ้ี ชร้ ว่ มกับปฏิบตั กิ ารฉดี ยาชา
2. นิสติ ทเ่ี ปน็ Operator ในวันน้ัน เชญิ อาจารย์ตรวจเพอ่ื เริม่ งาน (Beginning check)
3. ล้างมืออยา่ งถกู วิธี 7 ขัน้ ตอน
4. สวมถงุ มอื Sterile
5. เตรยี มอปุ กรณก์ ารฉดี ยาชา (รายละเอยี ดในปฏบิ ตั กิ ารฉดี ยาชา)
กิจกรรมของอาจารย์
1. อาจารย์ประจำกลมุ่ รบั ผิดชอบดแู ลนสิ ิตแต่ละกลมุ่ ที่รับผดิ ชอบ
2. อธบิ ายขั้นตอนการทำงานในปฏบิ ตั กิ ารน้ี
3. สาธิตการล้างมือและการใส่ถุงมอื Sterile
4. ให้คำแนะนำ แนะแนวทาง และสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านนิสติ แต่ละคน
5. ใหค้ ะแนนในใบประเมนิ ปฏบิ ัตกิ ารและคะแนนพฤติกรรมนสิ ติ แตล่ ะคน
กิจกรรมของนสิ ติ
1. ศึกษาคน้ คว้า ทบทวนความรู้ภาคทฤษฎี
2. ศึกษาขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ านจากคมู่ อื ปฏบิ ตั กิ ารคลินิกทันตกรรมเบ้ืองต้น
77
3. ทำตามขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ านโดยเบิกจากห้องจา่ ยกลาง คือถุงมอื ผา่ ตัดขนาดทนี่ สิ ติ ใช้ saliva Ejector
4. เชญิ อาจารยต์ รวจงาน
5. ปฏบิ ตั ติ ามขั้นตอนการฉดี ยาชา
6. หลังจากเสร็จปฏบิ ัตกิ ารตอ้ งล้างเครอ่ื งมอื เชด็ ให้แหง้ ห่อใหเ้ รียบรอ้ ยและสง่ คืนหอ้ งจ่ายกลาง
สือ่ การเรียนการสอน
1. คมู่ ือปฏิบัตกิ ารคลนิ กิ ทันตกรรมเบอื้ งตน้
2. ตำราเอกสารวิชาการท่ีเกยี่ วขอ้ ง
3. ถงุ มอื sterile และถุงมอื ใช้ครั้งเดยี วแล้วทิง้
การประเมินผล(ประเมินรว่ มกบั ปฏบิ ัติการฉดี ยาชาเฉพาะท)่ี 20 คะแนน
1. คะแนนจากแบบประเมินผลการฝกึ ปฏิบัติลา้ งมอื และสวมถงุ มอื Sterile
2. คะแนนจากแบบประเมินพฤติกรรมประจำวัน 10 คะแนน
3. คะแนนจากแบบแบบประเมนิ การดแู ลรักษาเคร่ืองมอื 20 คะแนน
(ประเมินทุกวันสดุ ทา้ ยของสัปดาห์ที่มปี ฏิบัติการ)
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ผเู้ รียนตอ้ งเขา้ เรยี นอยา่ งนอ้ ย รอ้ ยละ80 ของเวลาเรยี น
2 . ผู้เรยี นต้องได้คะแนนในแบบประเมินทกั ษะแตล่ ะปฏบิ ตั ิการ ตง้ั แต่60%ข้นึ ไปจึงจะมสี ิทธ์ขิ อประเมนิ ผลการเรียน
3. ผู้เรียนต้องไดค้ ะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวันต้ังแต่60%ขึ้นไปจงึ จะมสี ทิ ธิ์ขอประเมนิ ผลการเรยี น
4. ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนนรวมในแบบประเมินการดแู ลรกั ษาเคร่ืองมือ ต้ังแต6่ 0%ขนึ้ ไปจึงจะมีสทิ ธ์ขิ อประเมินผลการเรียน
ขน้ั ตอนการทำงาน
1.นสิ ติ เตรียมถงุ มอื sterile, สบลู่ า้ งมือฆ่าเชือ้ (Hibiscrub®)
หรอื นำ้ ยาลา้ งมอื และผา้ เช็ดมือสะอาดทที่ ำให้ปราศจากเชอื้ ใหเ้ รยี บรอ้ ย
2.อาจารย์สาธติ วธิ กี ารลา้ งมือ เช็ดมือ ใส่ถงุ มือผ่าตดั วธิ ีการถอดถงุ มือ
และวิธกี ารตรวจสอบถงุ มอื ว่ามกี ารชำรุดหรือไม่
3.นสิ ิตฝกึ ปฏบิ ตั ิ
o การลา้ งมือและเชด็ มือ
o การใสแ่ ละถอดถงุ มือ
o การล้างทำความสะอาดถุงมือ
o การตรวจสอบถุงมือ
ล้างมืออยา่ งถกู วธิ ี 7 ขน้ั ตอนและการสวมถงุ มอื Sterile
การลา้ งมอื และการสวมถงุ มือท่ีถกู วิธจี ะทำให้ป้องกันการสัมผัสกบั เลอื ด และสารคดั หลั่ง ลดการแพรก่ ระจายเชื้อ
จากมือบคุ ลากรไปสู่ผปู้ ่วย และยงั สามารถ ลดการสมั ผสั กบั เชอ้ื จลุ ชพี จากตวั ผู้ปว่ ยไดอ้ กี ดว้ ย แต่ การสวมถงุ มือไมส่ ามารถ
ทดแทนการลา้ งมือได้ เน่อื งจากว่า ถุงมืออาจมีรรู ั่ว มรี อยฉกี ขาดเลก็ ๆ ท่มี องไม่เหน็ ดงั นนั้ ก่อนและหลงั สวมถงุ มือ
ตอ้ งลา้ งมอื อยา่ งถูกวิธที ุกครั้ง
78
การล้างมือ 7 ขน้ั ตอน
ลา้ งมือ 7 ข้ันตอน
- ฝา่ มือถูกนั
- ฝ่ามอื ถหู ลังมือและนวิ้ ถซู อกนวิ้
- ฝา่ มอื ถูฝา่ มอื และนิว้ ถูซอกนิ้ว
- หลงั นิว้ มือถูฝ่ามอื
- ถูน้วิ หัวแมม่ ือโดยรอบดว้ ยฝา่ มือ
- ปลายนิว้ มอื ถูขวางฝา่ มอื
- ถูรอบขอั มอื
https://multimedia.anamai.moph.go.th/infographics/wash-hands-7-steps/
79
ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ
การสวมถงุ มือ sterile วิธี Opened Method
1. ล้างมอื ใหส้ ะอาด7 ขั้นตอน
2. วางซองถุงมอื ท่ีแห้งสะอาดและอยสู่ ูงกวา่ เอว ถา้ เกิดวางต่ำกว่านถ้ี ือวา่ ถุงมือปนเปือ้ น
3. คล่ซี องถุงมอื ออกอยา่ งระมัดระวัง ไมใ่ ห้ซองถุงมอื ออกมาภายนอกเผยอด้านนอกของซองถงุ มอื ดูใหร้ อยพบั ของ
ซองถุงมอื อยดู่ ้านในใสถ่ งุ มอื ข้างทถี่ นัดก่อนใช้มอื ข้างท่จี ะสวมถุงมือหยิบดา้ นบนของปลอกถุงมอื
4. ควำ่ มอื อกี ขา้ งหน่งึ หยบิ ถุงมือตรงรอยพับตลบขอบถงุ มอื โดยให้หวั นวิ้ มืออยู่ดา้ นใน นิ้วที่เหลอื วางอยูบ่ นขอบ
พับตลบของถุงมือ
5. หยบิ ถุงมือขน้ึ มา หงายมอื ท่ีจะสวมแลว้ สอดลงไปในถุงมือ แยกนว้ิ เขา้ ไปในน้ิวของถุงมือแล้วดึงถุงมือออก
6. สวมถุงมืออกี ขา้ งหนึ่ง โดยใชม้ ือข้างทจ่ี ะสวมถงุ มอื เปดิ ปลอกถงุ มือข้ึน
7. ใช้มือท่สี วมถงุ มอื แล้วหยบิ ถุงมือโดยสอดนว้ิ ทัง้ 4 เข้าไปในระหว่างรอยพบั ตลบของถุงมือ หงายมอื สอดลง
ไปในถงุ มอื แยกนว้ิ ลงไปในนิว้ ของถงุ มือ แลว้ ดงึ ถงุ มอื ข้ึนใหข้ อบของ ถงุ มอื คลุมขอ้ มือเสอ้ื
8. สอดน้วิ ท้ัง 4 เขา้ ไประหวา่ งรอยพลบั ตลบของถงุ มือข้างท่ีใสค่ รัง้ แรก ตลบขอบถงุ มือให้ คลมุ ขอ้ มือเสอ้ื
80
การถอดถุงมอื ที่ใชแ้ ลว้
1. จับขอบถุงมือด้านนอกตลบลงมาคอ่ ยๆ ดงึ ถุงมอื ดา้ นนอกตรงขอ้ มือให้ด้านในของถุงมือตลบกลบั ออกมาอย่ดู า้ นนอก
2. ใชม้ อื ขา้ งท่ยี งั สวมถุงมือ ถอื ถุงมอื ข้างทีถ่ อดแล้ว
3. ใช้นิ้วมอื ข้างที่ถอดถงุ มอื แล้วสอดเขา้ ดา้ นในของถงุ มือ แลว้ ดึงออกด้วยน้ิวมอื
4. ทิง้ ถงุ มือในภาวะรองรบั
5. ล้างมือให้สะอาดแลว้ เช็ดใหแ้ ห้ง
ขัน้ ตอนการถอดถุงมือทใ่ี ช้แลว้
ควรเตรยี มความรู้ให้พร้อมกอ่ นการลงมอื ฉดี ยาชา
https://images.app.goo.gl/TzNf9dLTVjheHvAb6
81
ปฏบิ ัตกิ ารที่ 5
การฉีดยาชาเฉพาะที่ (Local infiltration technique)
แผนการสอน
วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรรู้ ายปฏบิ ัตกิ ารเมือ่ เรยี นจบปฏิบัตกิ ารน้ีแลว้ นิสิตสามารถ
บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์รายวิชาตามรายข้อดงั น้ี
1. เลือกชนดิ ยาชาเฉพาะท่ี ปรมิ าณยาชาทีจ่ ะใช้และใช้เทคนคิ ฉีดยาชาในผปู้ ว่ ยสมมตุ ไิ ด้ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ
และมีความเหมาะสม โดยตระหนกั ถงึ อันตรายจากการใชย้ าชาดว้ ยความรบั ผิดชอบ (LO ขอ้ 1.1,1.2,1.3,2.3,3.1,3.4,5.3,6.4)
5. ใหก้ ารรกั ษาทางทันตกรรม ไดแ้ ก่ การบูรณะฟนั การขดู หินปนู เคลอื บหลมุ ร่องฟนั เคลอื บฟลูออไรด์
และให้ทนั ตสขุ ศกึ ษาเฉพาะราย รวมถึงการถอนฟันและเย็บแผลในผ้ปู ่วยสมมุตภิ ายใตห้ ลกั การปอ้ งกนั และควบคมุ การแพร่
กระจายการตดิ เชอ้ื ได้ถกู ต้องและเหมาะสมตามหลกั วิชาการดว้ ยความรับผดิ ชอบ (LO ข้อ 1.1,1.2,1.3,2.3,3.1,3.4,5.3
,6.4)
6. บันทึกผลการซกั ประวตั ิ การตรวจ วางแผนรักษาทางทันตกรรมและการรกั ษาลงในเวชระเบียน ตามขอ้ เทจ็ จริง
ได้อย่างถูกตอ้ ง (LO ขอ้ 1.1,1.2,1.3,2.3,3.1,3.4,5.3,6.4)
7. สามารถทำความสะอาดเคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในงานทันตกรรม จดั เก็บและทำให้ปราศจากเชอ้ื ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลัก
วิชาการ(LO ขอ้ 1.1,1.2,1.3,1.5 ,2.3, 6.4)
8. มพี ฤตกิ รรมทางดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสิทธิผู้ใชบ้ รกิ าร ความมวี ินัย ซ่อื สตั ย์ รับผดิ ชอบ มเี จตคติ
และเปน็ แบบอย่างที่ดแี กผ่ อู้ ่ืน (LO ข้อ 1.1,1.2,1.3,1.5, 6.4)
วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เพื่อใหน้ ิสิตสามารถ
1. เตรียมเครือ่ งมือในการฉีดยาชาไดอ้ ย่างถูกต้อง
2. ใชย้ าชาแบบทาเฉพาะทไ่ี ด้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3. ฉดี ยาชาแบบ Supraperiosteal injection และ Local infiltration technique ได้ถกู วิธแี ละทำใหเ้ กิดอาการ
การชาเพียงพอสำหรับถอนฟนั
4. ทดสอบและประเมินการชา รวมทง้ั สามารถแกไ้ ขกรณีไมเ่ กดิ อาการชาทเี่ หมาะสมได้
วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการเรียนการสอน
1. ชดุ ตรวจ 1 ชดุ
2. สำลีปัน้ เปน็ ก้อนเลก็ 4 ก้อน
3. สำลสี ำหรับกันนำ้ ลาย 2 กอ้ น
4. ยาชา (2% Mepivacaine with 1:100000 epinephrine) 2 หลอด
5. กระบอกยาชา (Syringe) 1 อนั
6. เขม็ ขนาด Gauge 27 ยาว 21 mm 1 อัน
7. ถงุ มือปลอดเช้อื (Sterile glove) 1 คู่
8. topical anesthesia ชนิดพน่ (sprays)/เจล(gel)
9. บัตรผปู้ ว่ ย OPD CARD
82
10. ภาชนะใส่ เขม็ ฉดี ยา หลอดยาชาและขยะติดเชื้อ
11. saliva Ejector 1ชนิ้
12. แกว้ นำ้ 2ใบ
ข้นั ตอนการปฏิบตั ิ
1. แบ่งนิสติ ออกเป็นกลุ่มๆ ละ 10-12 คน
2.นสิ ติ จบั ค่กู นั เพือ่ สลบั กนั เป็นผปู้ ว่ ยสมมตุ ิ
3.จดั เตรยี มเคร่ืองมอื ตามรายการ “วัสดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการเรยี นการสอน”
4. ปฏบิ ตั ิงานตาม “ขนั้ ตอนการทำงาน”
กิจกรรมของอาจารย์
1. อาจารยป์ ระจำกล่มุ รบั ผดิ ชอบดูแลนสิ ิตแตล่ ะกลมุ่ ท่รี ับผดิ ชอบ
2. อธบิ ายข้ันตอนการทำงานในปฏบิ ตั กิ ารน้ี
3. สาธติ การล้างมอื และการใส่ถงุ มอื Sterile
4. สาธติ การฉดี ยาชาในฟันกรามบน/ฟนั หน้าล่าง
5. ใหค้ ำแนะนำ แนะแนวทาง และสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัตงิ านนสิ ติ แตล่ ะคน
6. ใหค้ ะแนนในใบประเมินปฏิบัติการและคะแนนพฤติกรรมนสิ ติ แตล่ ะคน
กิจกรรมของนสิ ติ
1.ศกึ ษาคน้ ควา้ ทบทวนความรภู้ าคทฤษฎีเช่นกายวภิ าคศาสตร์ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการฉีดยาชาบริเวณใบหนา้ และขากรรไกร
เภสัชวทิ ยาของยาชาเฉพาะที่ เทคนคิ การฉีดยาชาเฉพาะทที่ างทนั ตกรรม
2. ศกึ ษาขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ านจากคมู่ อื ปฏบิ ตั ิการคลินิกทนั ตกรรมเบอ้ื งตน้
3. ปฏิบัตติ ามข้ันตอนการทำงาน โดยเบกิ จากหอ้ งจ่ายกลาง คอื ชดุ ฉดี ยาชา เขม็ สั้น ยาชา ถุงมือผา่ ตัด
Saliva Ejector **หมายเหตุ ถ้ามกี ารสลบั กนั ฉดี ยาชา นสิ ิตต้องเบิก มา 2ชดุ หา้ มใช้รว่ มกนั เดด็ ขาด***
4. เชญิ อาจารยต์ รวจงาน
5. บันทึกผลการปฏบิ ตั งิ าน
6. บนั ทกึ เวชระเบยี น
7. หลังจากทำงานเสร็จ ตอ้ ง ล้างเครอ่ื งมือ เช็ดให้แหง้ ถ้ามผี ้าหอ่ เคร่อื งมอื มาดว้ ยต้องหอ่ กลบั ใหเ้ รียบร้อย
นำไปส่งคืนท่หี ้องจ่ายกลาง
สอ่ื การเรียนการสอน 30 คะแนน
1. คู่มอื ปฏบิ ัติการคลินิกทนั ตกรรมเบอื้ งต้น 20 คะแนน
2. ตำราเอกสารวชิ าการทเี่ ก่ยี วข้อง
3. หนังสอื เรียนทนั ตศลั ยศาสตร์
การประเมินผล (คะแนนพฤติกรรมประเมินรว่ มกบั ปฏบิ ัติที่ 4 การลา้ งมือฯ)
1.คะแนนจากแบบแบบประเมินทกั ษะการฉีดยาชา
2.คะแนนจากแบบแบบประเมนิ การดแู ลรักษาเครอ่ื งมือ
(ประเมนิ ทกุ วันสดุ ทา้ ยของสัปดาหท์ ่มี ีปฏบิ ตั ิการ)
83
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. ผู้เรยี นต้องเข้าเรยี นอย่างนอ้ ย รอ้ ยละ80 ของเวลาเรียน
2 . ผเู้ รียนตอ้ งไดค้ ะแนนในแบบประเมนิ ทักษะแต่ละปฏบิ ตั ิการ ตงั้ แต6่ 0%ข้ึนไปจึงจะมสี ิทธข์ิ อประเมินผลการเรียน
3. ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวนั ตัง้ แต่60%ขึน้ ไปจงึ จะมสี ทิ ธิ์ขอประเมนิ ผลการเรยี น
4. ผเู้ รียนตอ้ งได้คะแนนรวมในแบบประเมินการดูแลรักษาเคร่อื งมอื ตั้งแต6่ 0%ข้ึนไปจึงจะมีสิทธข์ิ อประเมินผลการเรียน
ขน้ั ตอนการทำงาน
1. นิสิตจับคกู่ ันเพ่ือฉีดยาชาโดยสมมตุ ิว่าต้องการถอนฟันกรามบนซ่ที ี่ 1 (กำหนดใหเ้ ลอื กฟันซ่ี 16หรอื ซี่ 26 )
และฟนั หนา้ ลา่ ง(ฟนั ซ่ี 31 หรอื 41) กรณที ี่ไม่พบฟันซี่ดงั กล่าวพจิ ารณาใช้ฟันซ่ถี ัดไปไดต้ ามความเหมาะสม
2. นิสิตเตรยี มวัสดเุ ครื่องมอื ตามหัวขอ้ “วสั ดุอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการเรยี นการสอน” ยกเวน้ สำลีปน้ั เป็นก้อนเลก็
3. ล้างมอื ด้วยเทคนคิ การปราศเชอื้ และใสถ่ งุ มอื ปราศจากเช้ือ (Surgical glove) เตรียมสำลีปั้นเปน็ ก้อนเล็ก 4 กอ้ น
4. อาจารยส์ าธิต การใช้ยาชาเฉพาะทีแ่ บบทาพืน้ ผิว( topical anesthesia) สำหรบั การฉดี ยาชาแบบ
Supraperiosteal injection และ Local infiltration technique โดยเช็ดบรเิ วณเนอ้ื เยอื่ ที่ตอ้ งการฉดี ยาชาเฉพาะที่
ดว้ ยสำลีแหง้ จากนั้นใช้สำลีก้อนเล็กที่เตรยี มไวป้ ้ายยาชาและนำมาทาบรเิ วณเนอื้ เยอื่ ทแ่ี หง้ ทิง้ ไว้ประมาณ 1-2 นาที
หรือตามคำแนะนำของบรษิ ัทผผู้ ลติ ยาชาแบบทาพนื้ ผวิ นน้ั จากนัน้ สังเกตลักษณะพ้นื ผวิ ที่ทาเมื่อครบเวลา ซง่ึ จะพบวา่
เนอ้ื เยอ่ื บรเิ วณนนั้ จะมีลักษณะซดี ลงและแหง้
5. อาจารยส์ าธิต การฉดี ยาชาในฟนั กรามบนซบ่ี นและฟนั หนา้ ล่าง
6. นสิ ติ ฝกึ ฉดี ยาชาในฟนั กรามบนและฟนั หน้าลา่ ง โดยอาจารยค์ วบคมุ อย่างใกลช้ ดิ
7. นสิ ติ ลงบนั ทกึ การรกั ษาในบัตร OPD Card ตามตัวอยา่ ง
8. หลังจากเสรจ็ ปฏบิ ตั กิ ารต้องลา้ งเคร่อื งมอื เชด็ ให้แห้ง หอ่ ให้เรยี บรอ้ ยและสง่ คืนหอ้ งจ่ายกลาง
เน้อื หา
วธิ กี ารฉดี ยาชา
ดา้ นแกม้ (Buccal) ฉดี ยาชาดว้ ยเทคนิค Supraperiosteal injection technique โดยดึงริมฝปี ากบริเวณฟนั
ที่จะฉีดยาชาใหเ้ รยี บตึง หนั bevel ของเขม็ ใหท้ ิศทางเลยี บเขา้ หากระดกู แทงเขม็ ลงไปที่ mucobuccal fold ของฟันซ่ี
ที่ตอ้ งการใหช้ าโดยทแ่ี นวกระบอกยาชาขนานหรือ เอยี ง 45 องศากับแนวแกนฟัน ความลึกของการแทงเขม็ ประมาณ
2-3 ม.ม. เดินยาชาประมาณ 0.6-1.0 ม.ล.(ประมาณ 1/3 ถึง 1/2 ของหลอดยาชา)ดว้ ยอตั ราเรว็ 1-2 มล./นาที
รูปแสดงทศิ ทางและตำแหนง่ ในการฉีดยาชาด้วยเทคนคิ Supraperiosteal injection technique
84
ดา้ นเพดาน (Palatal) ฉีดยาชาเทคนิค Local Infiltration technique โดยใหผ้ ู้ปว่ ยอา้ ปากกวา้ งและเงยหนา้
หนั bevel ของเขม็ ใหท้ ิศทางเลียบเขา้ หากระดกู แทงเขม็ ไปยังเหงอื กยึดของฟันซ่ีตอ้ งการให้ชา โดยหา่ งจากขอบเหงือก
ประมาณ 0.5-1 ซม.กระบอกยาชาเอยี งทำมมุ 45 องศากับเพดานปาก แทงเขม็ ให้สัมผสั กระดกู ลกึ ประมาณ 2-3 ม.ม.
เดนิ ยาชาประมาณ 0.2-0.3 มล.ดว้ ยอตั ราเรว็ 1-2 มล./นาที หรือจนเหงอื กซีด ทดสอบการชา
รปู แสดงทศิ ทางและตำแหน่งในการฉีดยาชาด้วยเทคนิค Local Infiltration technique
การทดสอบอาการมี 2 ข้นั ตอน คอื
1.สอบถามอาการชาจากผ้ปู ่วย ดว้ ยวาจา แล้วจึง
2.ทดสอบ โดยใชป้ ลาย explorer กดเข้าไปในร่องเหงือกของฟันซน่ี ั้นแล้วผู้ป่วยไมร่ ูส้ ึกเจบ็ กรณีทผี่ ู้ปว่ ยไมช่ า พิจารณา
ฉดี ยาชาเพม่ิ ดว้ ยเทคนิคเดมิ หรือฉดี เทคนิคอนื่ เพ่มิ เตมิ (Periodontal ligament injection หรอื Intrapulpal injection)
ซงึ่ ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากอาจารยป์ ระจำกลุ่มกอ่ น**
ข้อแนะนำ
❖ การฉีดยาชาที่ดี กอ่ นฉีดยาชา ควรทดสอบการเดินยาในปลอก ประมาณ 1-2 หยด และควรมีการ rest บนฟัน
หรอื คางของผู้ปว่ ยเพื่อให้กระบอกฉีดยาชาและเขม็ ฉีดอยูน่ ่ิงในตำแหน่งทเ่ี ราตอ้ งการ
❖ ส่งิ สำคญั คือ ความรู้ ท่าทางและบุคลิกภาพของผ้ใู หก้ ารรกั ษา จะชว่ ยใหผ้ ู้ป่วยลดความวติ กกงั วลในการฉดี ยาชา
ตัวอยา่ ง การบันทึกการรักษาในบตั รผ้ปู ่วย OPD CARD
วัน / เดอื น / ปี ตำแหน่งฟนั ผลการ x-rays การรักษา นิสติ อาจารย์
(เขียนชือ่ ตวั บรรจง) ก้องภพ
การวนิ จิ ฉัยโรค น้ำหนงึ่
7ก.ย.63 16,41 L.A. 2% Mepivacainewith 1:105
epinephrine 1.8 ml.
หมายเหตุ (ช่อื ของยาชาอาจเปล่ยี นไปให้สังเกตุข้างหลอดแล้วจึงเขียนชอื่ )
85
ปฏิบัตกิ ารท่ี 6
การใหท้ ันตสุขศึกษาขา้ งเกา้ อี้ และการขูดหินนำ้ ลาย
แผนการสอน
วัตถปุ ระสงค์การเรยี นรรู้ ายปฏบิ ตั กิ ารเมอ่ื เรียนจบปฏิบตั กิ ารน้แี ล้ว นิสิตสามารถ
บรรลวุ ตั ถุประสงคร์ ายวชิ าตามรายขอ้ ดังน้ี
ขอ้ ที่ 5. ใหก้ ารรกั ษาทางทันตกรรม การขดู หินปูน และให้ทนั ตสขุ ศึกษาเฉพาะราย ในผู้ปว่ ยสมมุตภิ ายใตห้ ลกั การ
ปอ้ งกนั และควบคมุ การแพร่กระจายการตดิ เชื้อไดถ้ กู ต้องและเหมาะสมตามหลกั วิชาการดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ(2.3, 3.1 ,3.3
,6.2,6.4)
ข้อที่ 6. บันทกึ ผลการซักประวตั ิ การตรวจ วางแผนรกั ษาทางทนั ตกรรมและการรักษาลงในเวชระเบียน ตาม
ข้อเทจ็ จรงิ ได้อยา่ งถูกต้อง(2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ท่ี 7. สามารถทำความสะอาดเครื่องมือทใ่ี ชใ้ นงานทันตกรรม จัดเกบ็ และทำใหป้ ราศจากเชอื้ ไดถ้ กู ตอ้ งตาม
หลักวิชาการ(1.2,1.3 ,2.3, 3.1 ,3.3,6.2,6.4)
ขอ้ ท่ี 8. มพี ฤตกิ รรมทางด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม การเคารพสิทธิผู้ใช้บรกิ าร ความมวี ินัย ซ่อื สตั ย์ รบั ผดิ ชอบ
มเี จตคติ และเปน็ แบบอยา่ งที่ดีแกผ่ ู้อ่นื (1.1, 1.2, 1.3 ,4.2)
วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เพอ่ื ใหน้ ิสติ สามารถ
1.ตรวจ ประเมนิ สภาวะปรทิ นั ต์ และวางแผนการรกั ษาให้เหมาะสมแก่ผู้ป่วยได้
2. ตดิ ต้งั เครือ่ งขดู หนิ นำ้ ลายแบบ ultrasonic ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
3. ใช้เคร่ืองขูดหนิ น้ำลายแบบ ultrasonic ในช่องปากผปู้ ว่ ยสมมติได้ อยา่ งน้อย 1 Sextant
4. ใช้เคร่ืองมือ hand scaler ขดู หนิ น้ำลาย ในชอ่ งปากผปู้ ่วยสมมติ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
5. ให้ความรู้และแนะนำการดูแลสขุ ภาพชอ่ งปากด้วยวธิ ตี า่ งๆตามหลักวิชาการ เพอ่ื ควบคมุ แผน่ คราบ
จุลนิ ทรยี ์ในชอ่ งปากได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม
6. ประเมินพฤตกิ รรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผปู้ ่วยได้
วัสดอุ ุปกรณ์ที่ใช้ในการเรยี นการสอน 1
1. ชดุ ตรวจ 1
2. ชดุ ขดู หนิ ปนู 1
3. เครอ่ื งขดู หนิ ปนู (ultrasonic scaler) 1
4. แปรงสีฟนั ส่วนบุคคล 2
5. กระจกส่องหนา้ 1
6. แบบจำลองฟันและแปรงสฟี ัน 1
7. สยี ้อมฟนั 1
8. ไหมขดั ฟัน 1
9. ผงขดั ฟัน 1
10. ภาพพลกิ ความรู้เก่ียวกับทนั ตสุขภาพ 1
11. Rubber cup
86
12. ดา้ มกรอฟันชา้ ชนดิ หกั มมุ (Contra angle handpiece) 1
13. Saliva Ejector 1
14. แกว้ น้ำ 2
ข้ันตอนการปฏิบตั ิ
1. แบ่งนสิ ิตเป็น กลุ่มๆ ละ 10-12คนนิสติ จับคู่ สลับกนั เป็นผู้ปว่ ยสมมุติ
2.หลงั จากขูดหนิ น้ำลายเสรจ็ ทง้ั ปาก ให้นสิ ิตขดั ฟนั ด้วยผงขัดฟัน
3. นสิ ิตท่ีเปน็ ผใู้ หก้ ารรักษา จดั เตรียมเครื่องมอื ตามรายการ “วัสดุอปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการเรยี น
การสอน”
4.ปฏบิ ตั งิ านตาม “ขัน้ ตอนการทำงาน”
กิจกรรมของอาจารย์
1. ดแู ลนิสติ ในกลุ่มทร่ี บั ผดิ ชอบ
2. อธบิ ายข้นั ตอนการทำงานในปฏบิ ตั ิการน้ี
3. สาธติ การใชเ้ ครอื่ งมือขดู หนิ นำ้ ลาย (Hand scale)
4. สาธิตตดิ ตงั้ เครือ่ งขูดหนิ น้ำลายแบบ ultrasonic
5. ตรวจงาน ให้คำแนะนำ และสังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานนสิ ติ แตล่ ะคน
6. ใหค้ ะแนนในใบประเมินปฏิบัตกิ ารและคะแนนพฤตกิ รรมนสิ ติ แตล่ ะคน
กิจกรรมของนิสติ
1. ศึกษาขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงานจากคมู่ อื ปฏบิ ัตกิ ารคลนิ ิกทันตกรรมเบอื้ งต้น
2. อ่านเอกสารประกอบการสอน ”การขดู หินนำ้ ลาย” ก่อนฝึกปฏบิ ตั กิ าร
3. จดั เตรยี มเครอ่ื งมอื ตามรายการ “วัสดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการเรยี นการสอน”โดยเบิกจากหอ้ งจ่ายกลาง คอื
ชุดตรวจ 1 ชดุ ชุดขดู หนิ ปูน 1 ชุด แกว้ นำ้ 2ใบ และดา้ มกรอฟนั ช้าชนิดหกั มุม (Contra angle handpiece) 1อนั
หากในvisit ทีฝ่ ึกให้นสิ ิตมกี ารเปลย่ี นคนไข้ คอื ให้ สลบั กนั เองเปน็ operatorและ คนไข้ หลังจากSterile พน้ื ผิว ยูนิต
บริเวณการทำงาน จะต้องเบกิ ชดุ ตรวจ 1 ชุด ชดุ ขูดหนิ ปนู 1 ชดุ แกว้ นำ้ 2ใบ และด้ามกรอฟันชา้ ชนดิ หักมุม
(Contra angle handpiece) 1อัน ใหมอ่ กี 1ชุด หลงั จากทำงานเสรจ็ ตอ้ งล้างเครอื่ งมือ เช็ดใหแ้ ห้งหอ่ เคร่อื งมือกลับ
ไปส่งคนื ท่หี อ้ งจา่ ยกลาง
**ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของ COVID19 จงึ ให้ใช้การแปรงฟันและไหมขัดฟนั แทนการขดั ดว้ ยRubber Cup
4. เชิญอาจารยต์ รวจ เพอ่ื เร่ิมงาน (Beginning check)
5. ปฏิบตั ิงานตาม “ขัน้ ตอนการทำงาน”
6. บนั ทกึ บตั รผู้ป่วย OPD CARD
7. เขียนใบสงั่ ยา
8. หลังจากทำงานเสร็จ ต้อง ลา้ งเคร่อื งมือ เช็ดให้แหง้ ถ้ามีผ้าหอ่ เครอ่ื งมือมาดว้ ยต้องหอ่ กลบั ให้เรยี บรอ้ ย
นำไปส่งคนื ทีห่ ้องจ่ายกลาง
ส่อื การเรียนการสอน
1. คู่มอื ปฏบิ ัติการคลนิ กิ ทนั ตกรรมเบอ้ื งต้น
2. ตำราเอกสารวิชาการท่ีเกยี่ วขอ้ ง
3. หนงั สอื เรียนทนั ตกรรมปอ้ งกนั
4. เอกสารประกอบการสอน “การขดู หินน้ำลาย”
87
การประเมินผล
1.คะแนนจากแบบแบบประเมนิ ทกั ษะการขดู หนิ นำ้ ลายและให้ทันตสุขศกึ ษา 25 คะแนน
2.คะแนนจากแบบแบบประเมินทกั ษะการขูดหนิ น้ำลายและให้ทนั ตสุขศึกษา 30 คะแนน
3คะแนนจากแบบประเมินพฤติกรรมประจำวนั วนั ละ 10 คะแนน
4คะแนนจากแบบแบบประเมนิ การดแู ลรักษาเคร่อื งมอื 20 คะแนน
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
1. ผ้เู รยี นตอ้ งเขา้ เรียนอยา่ งน้อย ร้อยละ80 ของเวลาเรยี น
2 . ผเู้ รยี นต้องได้คะแนนในแบบประเมนิ ทักษะแต่ละปฏิบตั กิ าร ตัง้ แต6่ 0%ข้นึ ไปจึงจะมีสิทธิ์ขอประเมินผลการเรยี น
3. ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนนรวมพฤตกิ รรมประจำวันตง้ั แต่60%ขึ้นไปจงึ จะมีสทิ ธ์ขิ อประเมนิ ผลการเรยี น
4. ผู้เรียนต้องไดค้ ะแนนรวมในแบบประเมินการดูแลรกั ษาเครื่องมอื ต้ังแต่60%ขึ้นไปจงึ จะมีสทิ ธ์ิขอประเมินผลการเรยี น
ขนั้ ตอนการทำงาน
1. งานรักษาโรคเหงอื กอักเสบ
1. การเรม่ิ ต้นทำงาน (Beginning check) มีข้ันตอนดังน้ี
1.1 กรอกข้อมลู ของผปู้ ว่ ยในใบปริมาณงานใหค้ รบทกุ ช่อง
1.2 ปรับตำแหนง่ ผปู้ ่วยนอนราบคลุมผา้ คลมุ คนไขเ้ ตรยี มชดุ ตรวจและจดั ใหเ้ ป็นระเบยี บ
1.3 ใหน้ สิ ติ ทำการตรวจสภาวะปรทิ ันตอ์ ีกคร้งั
(เนอื่ งจากนสิ ติ .ไดต้ รวจสภาพช่องปากและวางแผนการรกั ษามากอ่ นแลว้ อาจทำการตรวจสภาวะปรทิ นั ตค์ ร่าวๆอกี ครงั้ )
จากน้นั บนั ทกึ คำวนิ จิ ฉยั สภาวะปรทิ ันตล์ งในชอ่ ง Diagnosis ในใบปริมาณงานใหถ้ กู ตอ้ ง
1.4 เชญิ อาจารยต์ รวจงานข้นั ตอน beginning check เพ่อื ประเมินสภาพเหงอื กผปู้ ว่ ย
โดยนสิ ิตรายงานสภาวะปริทนั ตแ์ ละวินิจฉัยสภาวะปรทิ ันต์ใหแ้ ก่อาจารย์ฟงั
1.5 จากน้ันอาจารยจ์ ะเป็นผ้เู ป็นผูล้ งชนดิ ของงานวา่ เป็น Gingivitis หรอื Oral prophylaxis ถา้ เป็น
Gingivitis ใหล้ งปริมาณ R ดว้ ย (Gingivitis มีหนว่ ย 0.5-1 R / Oral Prophylaxisไม่มหี น่วย) อาจารย์เซน็ ชอ่ื กำกบั ในชอ่ ง
Beginning check
2. การใหท้ นั ตสขุ ศกึ ษาขา้ งเก้าอ้ี
2.1 เรม่ิ ต้นดว้ ยการพดู คยุ ปญั หาในชอ่ งปากของผปู้ ว่ ย (นิสติ ควรใหผ้ ปู้ ว่ ยส่องกระจกเพือ่ ตรวจดูสภาพ
ช่องปากของตนเองด้วย วา่ มีโรคในชอ่ งปากอะไรอยบู่ ้าง โดยชีจ้ ดุ ที่เปน็ โรคใหผ้ ปู้ ว่ ยไดเ้ ห็น) จากนน้ั อธบิ าย สาเหตุ อาการ
ผลเสยี การเกดิ โรคทผ่ี ูป้ ่วยเป็นอยู่ โดยใช้ส่อื ทนั ตสขุ ศกึ ษาประกอบการให้ความรู้
2.2 จากนน้ั สอบถามถึงพฤติกรรมในการดูแลสขุ ภาพช่องปากของผู้ป่วย เช่น การแปรงฟนั
การใช้ไหมขัดฟันของผูป้ ว่ ยว่าเคยใชห้ รอื ไม่ และทำอยา่ งไร เพ่อื ประเมินทกั ษะในการดแู ลสขุ ภาพช่องปากของผู้ปว่ ย
จากน้นั สอนการแปรงฟนั และใช้ไหมขดั ฟันใหผ้ ้ปู ว่ ยดว้ ยวิธีท่ีเหมาะสมให้แกผ่ ู้ป่วย โดยฝกึ ปฏบิ ตั ิในแบบจำลองฟนั กอ่ น(ใน
model )
2.3 ทำการย้อมสีแผน่ คราบจลุ ินทรีย์ โดยใช้สำลกี ้อนๆ เล็กชบุ สียอ้ มฟนั หมาดๆ ทาลงบนฟันเน้นทา
บริเวณรอบคอฟนั ส่วนทีต่ ดิ กบั เหงอื ก นับการตดิ สีเฉพาะบริเวณคอฟนั (1/3 Cervical) โดยแบง่ ฟนั แต่ละซ่ี เปน็ 4 ดา้ น
คอื ด้านใกล้กลาง ไกลกลาง ชดิ แก้มและชิดลนิ้ บนั ทึกจุดตดิ สยี ้อมฟันลงในใบแบบบันทึกคา่ PCR เริ่มจาก เซคแตนท์ ที่ 1
ถงึ 6 ตามลำดับ คำนวณคา่ คราบจลุ นิ ทรีย์ (PCR) แล้วเชญิ อาจารยต์ รวจ
2.4 จากนน้ั ปรบั ผ้ปู ่วยลกุ น่ัง ชี้ให้ผ้ปู ว่ ยทราบถึงจุดท่ตี ิดสยี อ้ มฟัน ฝกึ ทกั ษะการแปรงฟันและ
88
การใชไ้ หมขดั ฟันในช่องปากจริง
2.5 เม่ือผ้ปู ่วยไดฝ้ กึ การแปรงฟนั และใชไ้ หมขดั ฟันจนสามารถปฏิบัตไิ ด้ ในระดบั ทีน่ า่ พอใจแล้ว
ให้นิสิตเชิญอาจารย์ประเมนิ การแปรงฟันและใชไ้ หมขดั ฟนั ของผู้ปว่ ย
87 65 ตัวอยา่ งการบันทกึ จุดตดิ สยี ้อมฟันใบแบบบนั ทึกคา่ PCR 8
BUCCAL
4 3 21 1 2 3 4 5 6 7
Lingual
87 65 4 3 21 1 2 3 4 5 6 7 8
BUCCAL
การคำนวณค่า ค่า PCR มีหน่วยเปน็ % หาไดจ้ าก = จำนวนดา้ นทตี่ ิดสีทั้งหมด x 100
4 x จำนวนซี่ฟนั ทตี่ รวจ
จากตวั อยา่ ง พบวา่ ฟนั ทต่ี รวจมี 28 ซ่ี มีจุดที่ตดิ สีทั้งหมด 86 จดุ แสดงว่า
การสงั เกต ขณะฝึกทกั ษะการแปรงฟนั และการใช้ไหมขัดฟนั ของผปู้ ่วย
▪ สังเกตการจับแปรงสฟี ัน การวางแปรง มุมท่แี ปรง การขยบั ขนแปรง โดยเฉพาะการแปรงดา้ นแกม้
ในฟนั หลังบนและการแปรงด้านลน้ิ ในฟันหลังลา่ ง
▪ ให้ผู้ปว่ ยฝึกใช้ไหมขัดฟัน นิสติ ควรสังเกตผูป้ ว่ ยตั้งแต่การนำเสน้ ไหมเขา้ ซอกฟัน การโอบรอบฟนั
ทศิ ทางการเคลื่อนทีข่ ณะทำความสะอาดฟัน และทักษะในการใชไ้ หมขัดฟัน โดยเฉพาะบรเิ วณฟันหลงั
▪ นิสิตดูการควบคมุ ทศิ ทางการเคลอื่ นทข่ี องไหมขดั ฟนั จากการใช้นิ้วมอื ทัง้ สองขา้ ง
▪ ถา้ ผปู้ ว่ ยมีฟันซ้อนเก ใหเ้ น้นการใช้ไหมขัดฟันบรเิ วณฟนั ซ้อนเกเป็นพิเศษ
▪ พิจารณาการเลือกซ้ือเครือ่ งมอื ทำความสะอาดบรเิ วณซอกฟันให้เหมาะสมกบั ผู้ปว่ ยแต่ละราย
เชน่ ผ้ปู ่วยมีชอ่ งฟันหา่ ง อาจแนะนำใหใ้ ชแ้ ปรงซอกฟนั เปน็ ตน้
ข้อแนะนำ
● ขณะท่ผี ู้ปว่ ยฝกึ แปรงฟันและใชไ้ หมขดั ฟัน นิสิตต้องสงั เกตอย่างใกลช้ ดิ ถา้ พบวา่ ใช้ไมถ่ ูกตอ้ งควรช้แี จงและ
แนะนำสง่ิ ท่ีถกู ต้องทนั ที ไม่ควรปลอ่ ยให้ผ้ปู ว่ ยทำผิดพลาดไปเรอื่ ย
● เชิญอาจารยฟ์ ังการให้ทันตสุขศกึ ษากับผูป้ ว่ ยตามหลกั การใหท้ ันตสขุ ศกึ ษาข้างเก้าอ้ี (ทส.) ทกุ ขั้นตอน
ในระหว่างการใหค้ วามรู้
● นิสิตควรกระตุ้นให้ผ้ปู ว่ ยตระหนกั ถงึ ผลดีของการดแู ลชอ่ งปากทถ่ี กู ตอ้ งและผลเสียทเี่ กดิ ขนึ้ เมอ่ื เราปลอ่ ยปละ
ละเลยไม่ดูแลสุขภาพชอ่ งปาก
3. การขดู หนิ นำ้ ลาย
3.1 เริ่มฝกึ การขูดหินนำ้ ลาย โดยขดู ทีละเซกแตนท์
(ให้นิสิตทบทวนเกีย่ วกับเคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการขดู ในแตล่ ะบรเิ วณ การวางมมุ ของเครอื่ งมือ การ rest ในและนอกช่องปาก)
89
หลงั ขดู เสรจ็ ต้องไม่มหี ินนำ้ ลายท้งั เหนือเหงือกและใตเ้ หงือกตกคา้ งอยู่และไมท่ ำใหเ้ กดิ ความชอกช้ำแกเ่ หงอื ก
ใชส้ ำลีสะอาดก้นั น้ำลายระหว่างทำงานทุกครั้ง ควรเตรยี มสำลีชุบแอลกอฮอลว์ างในถาดเพ่ือเช็ดกระจกสอ่ งปาก
และเครือ่ งมอื ให้สะอาดอยู่เสมอ
3.2 การตรวจความสะอาดของการขูดหนิ น้ำลาย
กอ่ นตรวจความสะอาดหลังขูด ควรล้างและเป่าฟันและเหงอื กใหแ้ ห้ง กัน้ สำลี เพอ่ื ใหส้ ามารถตรวจ
หนิ น้ำลายได้งา่ ยขน้ึ
หนิ นำ้ ลายเหนือเหงอื ก ใช้เครอ่ื งมอื ตรวจหาหนิ นำ้ ลายคอื explorer รว่ มกับใชก้ ระจกสอ่ งปากดูดว้ ย
ลากผา่ นรอ่ งเหงือกเบาๆ เมื่อพบเศษหินน้ำลายจะรสู้ ึกสะดุดทมี่ ือ เมื่อเปรียบเทียบกับผิวฟนั ท่สี ะอาด
หนิ น้ำลายใตเ้ หงือก จะไมส่ ามารถมองด้วยตาเปลา่ เห็น การตรวจจงึ ต้องอาศยั ทกั ษะของการสัมผสั
โดยต้องตรวจโดยใช้ Explorer เข่ียหาจากร่องเหงือกขนึ้ มาทีค่ อฟนั ทิศทางการตรวจควรเข่ยี หลายๆทศิ ทาง เช่นในแนวดิง่
แนวนอน แนวเฉยี ง โดยใหป้ ลาย explorer ตั้งฉากกับผิวฟนั เสมอ
3.3 การใช้เครื่องขดู หินน้ำลายอลั ตราโซนกิ (Ultrasonic scaler ) ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของ
COVID19 ทนั ตแพทยสภายงั แนะนำใหง้ ดการขดู ดว้ ยเครอื่ งฯเพอ่ื ลดการฟุ้งกระจาย
ถ้าในสถานการณ์ปกติไมม่ ีการแพร่ระบาด หรอื มเี ครอ่ื งExternal Oral Suction ระบบอากาสไหลเวยี นที่ได้
มาตราฐานแนะนำให้ใช้ในผูป้ ่วยทมี่ หี นิ น้ำลายเหนอื เหงอื กปานกลางคอ่ นข้างมากกอ่ นการใช้การขูดด้วยมอื (hand scaler)
เพ่ือลดปรมิ าณหนิ นำ้ ลายลงและทำใหก้ ารขดู ด้วยมือทำได้งา่ ยขน้ึ โดยนสิ ติ ตอ้ งไดร้ บั การอนญุ าตจากอาจารย์ทค่ี วบคมุ กอ่ น
3.4 เม่อื จะเชญิ อาจารยต์ รวจงาน ควรล้างหรือเช็ดคราบเลือดทตี่ ัวฟนั เหงอื ก(ดา้ นที่ขดู ) และเคร่อื งมือ
ใหส้ ะอาด เปล่ยี นสำลกี ้นั น้ำลายก้อนใหม่ หากมหี ินน้ำลายหลงเหลืออยู่ นสิ ติ ตอ้ งแก้ไขให้เรียบร้อยจนกวา่ อาจารย์จะ
ตรวจงานผ่าน นิสติ จึงจะสามารถเริม่ ขูดหินปูนในเซกแตนท์ต่อไป
3.5 เมอ่ื ใกลห้ มดเวลาปฏิบัตงิ าน นสิ ติ ต้องขดั ฟันดว้ ยผงพิวมสิ ในบริเวณทีข่ ดู หินปนู ใหเ้ รยี บรอ้ ยพรอ้ มเชญิ
อาจารย์ตรวจงาน โดย
⮚ การขดั ตอ้ งสามารถกำจัดคราบจลุ ินทรยี แ์ ละคราบสีออกได้หมด โดยเฉพาะบริเวณ
distolingual และ distobuccal นิสิตตอ้ งใช้กระจกส่องตรวจเสมอ
⮚ ควรขดั ฟนั ดว้ ยผงขดั ผสมฟลอู อไรด์ (ใชผ้ ง pumice ผสมกบั ยาสีฟันทม่ี ีส่วนผสมของฟลูออไรด์)
ทกุ ครัง้ หลังขูดหินน้ำลายเสร็จในแต่ละวนั เพ่ือกำจัดรอยขดี ขว่ นบนผวิ ฟันและตรวจเศษหนิ น้ำลายท่หี ลงเหลืออยู่ได้ง่าย
ถ้าพบว่ามีหนิ นำ้ ลายหลงเหลืออยใู่ ห้กำจัดออกให้สะอาดเชญิ อาจารย์ตรวจความสะอาดอกี คร้ัง
⮚ ***หมายเหต*ุ ** เนอื่ งจากยังอย่ใู นสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ COVID19 และยังไม่มวี ัคซีนทใ่ี นการรกั ษา
⮚ ข้ันตอนการขดั ฟัน จึงให้เปล่ียนไปเปน็ การแปรงฟนั และใชไ้ หมขัดฟันแทน
⮚ เขียนบัตรบันทกึ การรกั ษาผปู้ ่วยให้เรียบร้อยตามตัวอยา่ งดา้ นท้ายนำใบปริมาณงานพร้อมลงวนั
ทใ่ี นทุกขน้ั ตอนทป่ี ฏบิ ัตงิ าน ใหอ้ าจารยต์ รวจและเซน็ ชอ่ื กำกับใหเ้ รยี บร้อย
ข้อแนะนำ
● Explorer ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการตรวจ ควรมีลกั ษณะที่บาง ไม่หนา
จะทำใหส้ ามารถถ่ายทอดความรสู้ กึ ของหินนำ้ ลายทหี่ ลงเหลืออยู่ มาท่นี ิ้วมือไดด้ ีย่ิงข้นึ
● เคร่ืองขูดหนิ นำ้ ลายสามารถใชไ้ ดก้ ับผู้ปว่ ยทุกคน ยกเวน้ ผู้ปว่ ยโรคหวั ใจท่ีใสเ่ คร่อื งควบคมุ จังหวะการเต้นของ หวั ใจ
(Cardiac peace-maker )
90
● ผูป้ ว่ ยโรคติดเช้ือหรอื มีความเสย่ี ง ท่สี ามารถแพร่กระจายเชอ้ื หรอื รบั เชอื้ ผ่านน้ำลายและเลอื ด เช่น Hepatitis B
,AIDS นิสติ ตอ้ งใช้เคร่ืองดูดน้ำลายความเรว็ สงู โดยปฏิบัติงานตามหลักการ universal precaution อย่างเข้มงวด
4. การตรวจประเมินสภาพเหงือกซำ้ หลงั ขูดหินน้ำลาย (Recheck)
หลงั จากขูดหินปนู ท้งั ปากเสรจ็ เรียบรอ้ ยแลว้ ประมาณ 1-2 สัปดาหต์ ่อมา ให้นสิ ิตนดั ผปู้ ว่ ยมาประเมนิ
ผลการรักษา โดย
ตรวจสภาพเหงือก ใหน้ ิสติ เชญิ อาจารยต์ รวจประเมินสภาพเหงอื กของผปู้ ่วย ซงึ่ เหงือกต้องมลี ักษณะปกติ
ไมม่ ีการอักเสบของเหงือกไม่มหี ินน้ำลายทั้งบนตวั ฟนั และใตเ้ หงอื กหลงเหลอื อยู่
⮚ เมอื่ อาจารยต์ รวจแลว้ ทำการย้อมคราบจลุ ินทรยี ์ โดย ค่า PCR ตอ้ งมีคา่ ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 25
จึงจะผา่ นการประเมนิ
⮚ ในกรณที ่ี วัดคา่ PCR ได้มากกวา่ รอ้ ยละ 25 แตจ่ ากการตรวจช่องปากไม่พบว่ามหี ินนำ้ ลายข้ึนใหม่
และไม่พบการอักเสบของเหงือกหรอื มีการอักเสบของเหงอื กแคเ่ พียงเลก็ นอ้ ย ให้ผูป้ ่วยได้แปรงฟันและใช้ไหมขดั ฟัน
เพื่อเปน็ การประเมนิ ทักษะทางทนั ตสุขภาพหลงั จากทไ่ี ด้ใหค้ วามรู้รว่ มกบั การขูดหินน้ำลายใหแ้ ลว้ ผู้ปว่ ยควรแปรงฟนั
และใชไ้ หมไดด้ ว้ ยตนเองไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง และมคี วามชำนาญจนถึงระดบั ที่ไมต่ ้องมกี ารแนะนำทักษะใดๆเพิ่มเติมอกี จึงจะถอื วา่
ผ่านขนั้ ตอนTooth brushing and flossing satisfiedและผา่ นการ Recheck
⮚ กรณีทตี่ รวจประเมนิ ชอ่ งปากแล้วพบวา่ ยังมหี ินน้ำลายหลงเหลืออยู่ หรอื มีหินน้ำลายขนึ้ มาใหม่
ใหท้ ำการขูดหินนำ้ ลายซ้ำอีกครั้ง ตามขัน้ ตอนท1่ี -3 แล้วจงึ นดั ผู้ป่วยมาประเมนิ สภาพเหงอื กอกี 1-2 สัปดาหต์ อ่ ไป
(ดแู ผนผงั การ Recheck)
ขอ้ แนะนำ***ห้ามนิสติ ยอ้ มคราบจลุ นิ ทรยี ์กอ่ นเชิญอาจารยต์ รวจสภาพเหงือกเนือ่ งจากการยอ้ มสีฟันจะทำให้ไมส่ ามารถตรวจ
สภาพของเหงือกได้ว่ามกี ารอกั เสบหรือไม่***
ตวั อยา่ งการบนั ทกึ การรักษา
ขดู หนิ น้ำลาย คร้งั แรก กรณขี ดู 3 เซกแตนทบ์ น
วัน / เดือน / ปี ตำแหนง่ ฟนั ผลการ x-rays การรกั ษา นิสติ อาจารย์
23ก.ค63 การวนิ จิ ฉยั โรค
FM. PCR =56.8 % Educated and motivated, tooth-brushed & flossed. (เขียนชอ่ื ตัวบรรจง) อ.รัชนวี รรณ
s1,s2,s3 อ.รชั นวี รรณ
Scaled and polished completely. ดาริกา
ดารกิ า
ขูดหนิ นำ้ ลาย การรกั ษาครั้งที่ 2 กรณขี ูดเซกแตนทล์ ่างตอ่ และขดู เสรจ็ ทง้ั ปาก
วนั / เดือน / ปี ตำแหนง่ ฟัน ผลการ x-rays การรกั ษา นสิ ติ อาจารย์
การวนิ จิ ฉัยโรค Educated and motivated, tooth-brushed & flossed. (เขยี นชือ่ ตวั บรรจง) อ.รัชนีวรรณ
อ.รัชนีวรรณ
27ก.ค63 FM PCR = 35.8 % Scaled completely. ดารกิ า อ.รัชนีวรรณ
Scaled and polished completely. ดาริกา
s4,s5,s6 ดาริกา อาจารย์
FM. การรักษา
นสิ ิต อ.รชั นีวรรณ
การรกั ษาคร้งั ท่ีทำการ recheck ผ่าน Brushing & flossing satisfied checked out completely.
(เขียนชอ่ื ตวั บรรจง)
วนั / เดอื น / ปี ตำแหนง่ ฟนั ผลการ x-rays
การวนิ ิจฉยั โรค ดาริกา
3ส.ค.60 FM PCR = 24.9 %
91
ตวั อยา่ ง การเขยี นใบส่ังยาค่ารกั ษาโรคเหงอื กอักเสบ
(กรณีเปน็ คนไข้ของนสิ ติ ในคลนิ กิ เพอื่ การศกึ ษาไมม่ คี ่าใชจ้ ่าย)
กระทรวงสาธารณสขุ
ใบสั่งยา
วิทยาลยั การสาธารณสุขสิรนิ ธรจงั หวดั ขอนแก่น
ชื่อ-นามสกลุ ...... นายศรลาม . เทพพิทกั ….. อายุ ..........26...... ปี
ที่อย.ู่ .......................................................... วัน เดือน ปี .. 9ส.ค.63
การวินิจฉยั โรค dental plaque induced gingival diseases เลขที่บตั ร …………
สิทธกิ ารรับบรกิ าร
บัตรประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ (บตั รทองฯ รพ.ขอนแก่น)
เลขท่ีบตั รประชาชน ----
บตั รประกนั สงั คมเลขที่ ----
ขา้ ราชการ/เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั /พนกั งานรฐั วิสาหกจิ
อื่นๆ
รายการ จำนวน ราคา
- คา่ บรกิ ารผปู้ ่วยนอก ในเวลาราชการ/นอกเวลาราชการ
- คา่ รักษาโรคเหงอื กอกั เสบ 600
นสิ ิตผทู้ ำการรักษา ดาริกา รวม 600 บ.
ผู้สงั่ ยา อ.รัชนีวรรณ ผู้จา่ ยยา ผู้รบั เงิน
ใบเสร็จรบั เงินเลม่ ท่ี เลขที่
92
ขนั้ ตอนการขดู หนิ น้ำลาย
⮚ ***หมายเหต*ุ ** เนื่องจากยงั อยู่ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ COVID19 และยงั ไมม่ ีวัคซนี ท่ีในการรกั ษา
⮚ ขน้ั ตอนการขัดฟัน จงึ ให้เปล่ียนไปเป็นการแปรงฟันและใชไ้ หมขดั ฟันแทน
1. Beginning check เขยี นใบสงั่ ยาและสมดุ บนั ทกึ ปรมิ าณงาน เชญิ อาจารย์ตรวจ
2. Chair side Instruction
การรักษาครง้ั แรก ให้เชญิ อาจารย์ประเมนิ สภาพเหงือก
เชญิ อาจารย์ฟังและประเมินการให้ทันตสขุ ศึกษาแก่ผูป้ ่วย
นิสติ คำนวณค่า PCR ท้ังปาก เชิญอาจารยต์ รวจ
การรักษาคร้งั ต่อมา ยอ้ มคราบจุลินทรีย์ท้ังปาก คำนวณ PCR
เชิญ อาจารย์ตรวจให้ทันตสขุ ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ในส่วนท่ีผู้ป่วยยังปฏบิ ตั ิไม่ได้
3. ขดู หนิ นำ้ ลาย ขูดหนิ นำ้ ลายทีละเซกแตนท์ กั้นนำ้ ลาย เชญิ อาจารยต์ รวจ
เมือ่ ขูดเสรจ็ ทกุ เซกแตนท์ (ทัง้ ปาก) เชญิ อาจารยต์ รวจ
4. ขัดฟันท้งั ปาก ขดั ฟันดว้ ย ผงขัดผสมฟลูออไรด์ เชิญอาจารย์ตรวจ
⮚ ***หมายเหต*ุ ** เน่ืองจากยงั อยใู่ นสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID19 และยงั ไม่มีวคั ซนี ทีใ่ นการรักษา
⮚ ข้นั ตอนการขัดฟัน จึงใหเ้ ปลย่ี นไปเปน็ การแปรงฟนั และใชไ้ หมขัดฟนั แทน