The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อรรคพล ห่วงจริง, 2020-10-13 15:49:20

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

ชดุ การสอนรายวิชาภาษาไทย
ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕

จัดทาโดย
นางสาววรรณภา สินศรชัย รหัสนักศกึ ษา ๖๑๑๓๑๑๐๙๐๑๐
นายอรรคพล ห่วงจรงิ รหัสนกั ศกึ ษา ๖๑๑๓๑๑๐๙๐๓๓

นกั ศึกษาชัน้ ปที ่ี ๓ คณะครศุ าสตร์ สาขาวชิ าภาษาไทย

ท่ีปรึกษา
อาจารย์ ผศ.ดร.อินทริ า รอบรู้

ส่วนหนึ่งของรายวิชา EDP ๓๑๐๒
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศกึ ษา

ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

คานา

ชุดการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ ชุดน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา EDP ๓๑๐๒ นวัตกรรมและ
เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา มีเน้ือหาเกี่ยวกับแนวทางการจัดการเรียนการสอนใหแ้ ก่นักเรียน ตรงตาม
สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย และสาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั
พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดาเนินการจัดทาขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ใน
เรื่องหลักภาษาไทย และวรรณคดี อีกท้ังยังเป็นการเพ่มิ พูนทกั ษะทางภาษาไทย ตลอดจนส่งเสริมเจตคติที่ดตี ่อ
การเรียนวิชาภาษาไทย

ชุดการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ ชุดน้ีจะไม่ประสบความสาเร็จหากไม่มีอาจารย์ ผศ.ดร.อินทิรา
รอบรู้ เป็นผู้ช้ีแนะและคอยให้คาปรึกษาเกี่ยวกับงาน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดการสอนหลักภาษาไทย
เรื่อง การร้อยเรียงประโยค และวรรณดีและวรรณกรรม เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ชุดนี้ จะเป็น
ประโยชนต์ อ่ การเรียนร้สู าหรับผูเ้ รียนตลอดจนเปน็ แนวทางในการพฒั นาการเรยี นการสอนแก่ผู้ท่ีสนใจต่อไป

คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั หนา้

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี ๑
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ๒๓
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ ๔๖
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓
๗๖
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ การรอ้ ยเรยี งประโยค ๗๖
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ ๙๕
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ ๑๒๒
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ๑

วชิ าภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี เวลา ๖ ช่วั โมง
เรอ่ื ง การวเิ คราะหเ์ น้ือหา เวลา ๒ ชวั่ โมง
ผสู้ อน นางสาววรรณภา สินศรชัย

นายอรรคพล ห่วงจริง

๑. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี ผแู้ ตง่ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ลกั ษณะคาประพันธ์ ร่ายยาว ยกคาถา

บาลีขึ้นเปน็ หลักกอ่ น สลับกับร่าย มคี าถาบาลีแทรกสลบั เปน็ ระยะ (ลักษณะรา่ ย บทหนงึ่ จะมกี ีว่ รรคกไ็ ด้ วรรค
หนง่ึ ๆ จะมคี าต้ังแต่ ๖ คาขนึ้ ไป มบี ังคับเฉพาะสัมผสั ระหว่างวรรคเท่าน้นั รา่ ยยาวเรือ่ ง มหาเวสสันดรชาดกนี้
แต่งเป็นร่ายยาวสาหรับใช้เทศน์ “ชาดก” หมายถึง เร่ืองราวของพระโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์ หมายถึง ผู้ซ่ึง
บาเพ็ญบารมี เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติต่อไป) ชาดกจึงหมายถึงเรื่องราวในอดีตชาติของ
พระพุทธเจ้านน่ั เอง

การศึกษาเร่ือง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี จะต้องวิเคราะห์วิจารณ์เร่ืองตามหลักการวิจารณ์
เบื้องตน้ และจาเปน็ ตอ้ งร้คู าศพั ทท์ ี่ปรากฏอยูใ่ นเร่อื ง เพ่อื ความเขา้ ใจในเน้อื หา

๒. ตวั ชี้วัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ ตัวชีว้ ดั
ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ

นามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง
ม.๔-๖/๑ วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบื้องต้น

๒.๒ จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. วเิ คราะหว์ ิจารณเ์ ร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มทั รี ตามหลักการวิจารณเ์ บือ้ งตน้ ได้ (K, P)
๒. สรุปเนื้อหาและอธิบายความหมายของคาศัพท์ต่าง ๆ ในเรื่อง มหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีได้

(K, P)
๓. เหน็ ความสาคญั ของวรรณคดีไทย (A)

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
๑) หลักการวิเคราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดีเบื้องตน้
- จดุ มุง่ หมายการแตง่ วรรณคดี



- การพิจารณารูปแบบของวรรณคดี
- การพจิ ารณาเนอื้ หาและกลวธิ ีในวรรณคดี
- การวเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดี

๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการตคี วาม
- ทักษะการวิเคราะห์
- ทักษะกระบวนการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ
๔.๓ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
- กระบวนการทางานกลมุ่
- กระบวนการปฏิบัติ

๕. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
- มวี ินยั
- ใฝเ่ รียนรู้
- มงุ่ ม่ันในการทางาน
- รักความเป็นไทย

๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรูแ้ บบรว่ มมอื : เทคนิคค่คู ดิ สี่สหาย

ชัว่ โมงที่ ๑
ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
๑. ครเู ขยี นคาจากเร่ือง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี บนกระดานแลว้ ใหน้ ักเรียนรว่ มกันบอก

ความหมายของคา เช่น ปารชิ าติ ทพิ ากร กเลวระ สุราลยั อินทรยี ์ มหาบรุ ษุ ไตรภพ อัสนี อุฏฐาการ
ดรุณเรศ ชาตอิ าชาไนย พลิ าป

๒. ครูตรวจสอบความถกู ต้องและอธบิ ายเพม่ิ เติม
๓. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “นกั เรยี นคิดวา่ การรคู้ วามหมายของคา ประโยค มีผลดี
ต่อการศกึ ษาเรื่องนนั้ ๆ อย่างไร”

(พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของคร)ู



ขน้ั สอน
๑. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ และร่วมกนั ศึกษาความรู้เรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรี จากหนังสือเรยี น

แลว้ สารวจค้นหาคาศพั ท์ยากและความหมายของคาศพั ท์ตา่ ง ๆ ท่ปี รากฏในเรอ่ื ง จากหนงั สือเรยี น
พจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ห้องสมุดโรงเรยี นยันศรีพิทยาสรรพ์ ห้องสมดุ กลุ่มสาระการ
เรียนร้ภู าษาไทย และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

๒. นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ ผลดั กนั อธบิ ายคาศพั ทแ์ ละความหมาย ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา
ใหเ้ พอ่ื นในกลมุ่ ฟัง แลว้ ซักถามขอ้ สงสัย และอธิบายจนทกุ คนในกลมุ่ มีความเขา้ ใจชัดเจนตรงกัน

๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั วเิ คราะหว์ จิ ารณเ์ รอ่ื ง มหาเวสสนั ดร ชาดก กณั ฑม์ ทั รี
ในประเด็นต่อไปนี้

๑) จดุ มุ่งหมายในการแตง่
๒) รปู แบบในการแตง่
๓) เนื้อหาสาระ
๔) กลวิธีในการแตง่
๕) การใชถ้ อ้ ยคาภาษาในการแตง่
๔. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนนาเสนอผลการสรุปเน้ือหาเรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี หน้า
ชั้นเรียน
๕. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั ทาใบงานท่ี ๑ เร่อื ง การวเิ คราะหเ์ นือ้ หาเรือ่ ง มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี โดยใหส้ มาชกิ แต่ละคนหาคาตอบดว้ ยตนเองจนครบทุกข้อ จากนั้นจับคู่กบั เพ่ือน
ในกลมุ่ ผลดั กนั อธบิ ายคาตอบของตนเอง (สมาชกิ อีกคู่หนง่ึ ในกล่มุ กป็ ฏิบตั กิ ิจกรรมเช่นเดียวกนั )
๖. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (๔ คน) ผลัดกันอธิบายคาตอบของคตู่ นเองให้เพอื่ นอกี คหู่ น่ึงภายในกลุม่ ฟัง
เพือ่ หาข้อสรุปของคาตอบ แลว้ บนั ทกึ ลงในใบงานท่ี ๑ เสร็จแล้วใหต้ รวจสอบความเรยี บร้อย
๗. ครูสมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ เฉลยคาตอบในใบงานท่ี ๑ หน้าชนั้ เรยี น จากนัน้ เก็บรวบรวมใบ
งานส่งครู

ขั้นสรุป
๑. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหาและคาศพั ท์จากเรอื่ ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

ดงั น้ี
เน้ือเร่อื ง กลา่ วถึง ร่งุ เชา้ พระนางมัทรี เขา้ ป่าหาผลไม้ "เกิดเหตแุ ปลกประหลาดมหัศจรรย์ ผลไมเ้ ผือก

มันช่างหายากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงมัน ลูกจันทน์ ล้ินจ่ี น้อยหน่า สาล่ี ละมุด พุทรา ไม่มีให้เก็บเหมือน
ดังกับวันก่อน นางรีบย้อนกลับเคหา ก็เกิดพายุใหญ่ จนมืดคร้ึมไปท่ัวทั้งป่า ท้องฟ้า สีแดงปานเลือดละเลง ทั้ง
แปดทิศปรากฎมืดมนไปหมดอย่างไม่เคยมี พระนางทรงห่วงหน้าพะวงหลัง เกรงจะมีภัยแต่พระเวสสันดร กัณ
หาและชาลี พระนางมัทรีรีบยกหาบใส่บ่ารีบเดินทาง พอถึง ช่องแคบระหว่างเขาคีรี เป็นตรอกน้อยรอย



วิถีทางท่ีเฉพาะจะต้องเสด็จผ่าน ก็พบกับสองเสือสามสัตว์มานอนสกัดหน้า เทวดาสามองค์แปลงร่างเป็น
ราชสีห์ เสือเหลือง เสือโคร่งสกัดทางนางไว้เพ่ือมิให้พระนางมัทรีติดตามกัณหา ชาลีได้ทัน แต่ถึงกระนั้น เม่ือ
ยามทุกข์เข้าบีบคั้น ความรักลูก ความห่วงพระภัสดา พระนางจึงก้มกราบวิงวอน ขอหนทางต่อพญาสัตว์ท้ัง
สาม เม่ือได้หนทางแล้ว พระนางก็รีบเสดจ็ กลับอาศรม เมื่อมาถึงอาศรม ไม่พบกัณหา ชาลี พระนางก็ร้องเรียก
หาวา่ "ชาลี กณั หา แม่มา ถึงแล้ว เหตุไฉนไยพระลกู แกว้ จึงไมม่ ารับเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนรอ่ นชะไรสิพร้อม
เพรยี ง เจ้าเคยว่ิงระรี่เรียงเคยี งแข่งกันมารบั พระมารดา เคยแยม้ สรวลสารวจรา่ ระร่ืนเรงิ รีบรับเอาขอคาน แล้ว
ก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลี ก็จะรับเอาผลไม้ แม่กัณหาก็จะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระ
เพลาพลาง เจ้าเคยฉอเลาะแม่ต่าง ๆ ตามประสาทารกเจริญใจฯ" บัดน้ีลูกรักทั้งคู่ไปไหนเสีย จึงมิมารับแม่เล่า
ครั้นเข้าไปถามพระเวสสันดรก็ถูกตัดพ้อต่อวา่ ต่าง ๆ จนพระนางมัทรีถึงวิสัญญีภาพสลบลง พระเวสสันดรทรง
ปฐมพยาบาลจนพระนางมัทรฟี น้ื แลว้ จงึ แจ้งความจริงว่า พระองค์ได้ทรงยกลกู รกั ชายหญิงทัง้ สอง มอบให้แกช่ ู
ชกไปแลว้ ต้งั แต่เมอื่ วาน พระนางกอ็ นโุ มทนาซง่ึ ทานนนั้ ดว้ ย

คาศพั ท์ คาอธบิ ายศัพท์
กระลี เหตรุ า้ ย
กเลวระ ซากศพ
ชี นักบวช ในทีน่ ห้ี มายถงึ พระเวสสันดร
เตม็ เดือด เดือดเต็มที่ หมายถงึ โกรธจดั
เถ่อื น ป่า
ทรามคะนอง กาลงั คะนอง หมายถึง กาลงั ซน
ทุเรศ ไกล ในความว่า “จากบรุ ที เุ รศมา”
น่าหลากใจ น่าประหลาดใจ
นิง่ มธั ยสั ถ์ ประหยดั ถ้อยคา ไมย่ อมพดู
บรจิ ารกิ าการ ผทู้ ่ที าหนา้ ท่ีหญงิ รบั ใช้ ผทู้ ท่ี าหน้าท่ภี รรยาในที่น้หี มายถงึ พระนางมัทรี

ปริภาษณา บรภิ าษ กล่าวโทษ
พญาพาฬมฤคราช ราชาแห่งสัตว์ร้าย ราชาแห่งสัตว์ท่ีกินสัตว์อื่นเป็น อาหาร หมายถึง สัตว์
ร้ายทั้งสมอันเป็นร่างแปลงของเทพยดาสามองค์ท่ีแปลงร่างตามคาสั่งของพระ
อินทร์ที่ให้มาสกัดก้ันพระนางมัทรีไม่ให้ขัดขวางการบาเพ็ญบุตรทานบารมีของ
พระเวสสันดร สัตว์ร้ายทั้งสาม ได้แก่ พญาไกรสรราชสีห์ พญาเสือโคร่งและ
พญาเสอื เหลือง

พระราชสมการ พระราชาผู้ออกบวช เป็นคาทีพ่ ะนางมัทรีเรยี กพระเวสสนั ดร

พรา้ ๕
พฤกษาลดาวัลย์
มีดขนาดใหญ่
พน้ื ปรมิ ณฑล ไม้เลื้อยหรือไม้เถา แต่ในท่ีนี้หมายถึงไม้ผล ซึ่งอาจหมายถึง ต้นไม้ที่ออกลูก
มงั สงั ออกผลแล้วตาย เช่น กล้วย หรือหมายถึง ต้นไม้ในป่าท่ีมักถูกคนเดินทางเอา
มัจฉรยิ ธรรม มดี ตัดกิง่ หรอื รานก่งิ ทมี่ ีผลไม้ไป เป็นการทาร้ายต้นไมน้ ัน้ ๆ ทาให้ตายได้ง่าย
มาเลศ
มจุ ลินท์ พืน้ ทีโ่ ดยรอบ ในท่ีน้ีหมายถงึ อาณาบริเวณ
มงั สะ เนือ้
มนู มอง ความตระหน่ี
เมิล มาลี ดอกไม้
ไม่มเี นตร สระใหญ่ในป่าหมิ พานต์ เปน็ ท่ที ีห่ งสอ์ าศยั อยู่
ยบั “ปราศจาก มจุ ลนิ ท์” หมายความว่าไปจากสระมุจลินท์
ยุบลสาร มากมาย
ระแนง มองดู
ศโิ รเพฐน์ ไมม่ ตี า ในท่นี ี้หมายความว่า ไมเ่ ห็นหนทาง หาทางออกไมไ่ ด้
พงั ทลาย ในความวา่ “อกของใครจะอาภัพยับพกิ ลเหมือนอกของมทั รี”
สองรา
สตั พธิ รัตน์ ขา่ ว
เรยี งราย ในความวา่ “ดง่ั บุคคลเอาแก้วมาระแนง”
แสรกคาน ผ้าโพกศรี ษะ ในท่ีนห้ี มายถึงศรี ษะ “บา่ ยศิโรเพฐน์”
คือ เอนศรี ษะลง
หนอ่ กษัตริย์ สองคน คาว่า “รา” เป็นภาษาถ่นิ ล้านนา แปลว่า เราทง้ั คู่
หนา้ ฉาน แก้ว ๗ ประการ ได้แก่ ทอง เงิน มุกดาหาร ทับทิม ไพฑูรย์ เพชร และแก้ว
อุฏฐาการ ประพาฬ
สาแหรกและคาน ซ่ึงเป็นเคร่ืองหาบ สาแหรกคือเคร่ืองใส่ของสาหรับหาบ
ปกตทิ าด้วยหวาย ส่วนคานคอื ไม้คานซึง่ ใชค้ อนสาแหรกตรงปลายไม้ทัง้ สองข้าง

เช้ือสายกษตั ริย์ ในท่ีน้หี มายถงึ พระนางมทั รผี ู้เป็นพระธดิ าของกษัตรยิ ม์ ัททราช

หนา้ ทนี่ ัง่ ในที่นห้ี มายถงึ ตรงหน้าพระอาศรมท่ีพระเวสสันดรประทับอยู่

ลกุ ขน้ึ



๗. การวัดและประเมนิ ผล

วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์
รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี ๑ ใบงานท่ี ๑ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์

ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน
ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
การทางานรายบุคคล

สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรม
การทางานกลุ่ม

สังเกตความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์

๘. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
๘.๑ ส่ือการเรยี นรู้
- หนงั สือเรยี นภาษาไทย วรรณคดีวจิ ักษ์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕
- พจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
- ใบงานที่ ๑ เรื่อง การวเิ คราะห์เนอ้ื หาเรือ่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี



๙. บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงช่อื …………………………………………..
(..............................................)

ตาแหนง่ .......................................................
วันที่……เดอื น……………..พ.ศ……….



๑๐. บนั ทึกผลหลงั กระบวนการจดั การเรียนรู้
ผลการเรยี นรทู้ ่ีเกิดขนึ้ กับผเู้ รยี น

………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ปัญหา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงชือ่ …………………………………………..
(นางสาววรรณภา สนิ ศรชัย)
(นายอรรคพล หว่ งจรงิ )
ตาแหน่ง ครู คศ.๑

วนั ท…ี่ …เดอื น……………..พ.ศ……….



ใบงานที่ ๑
เร่ือง การวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาเรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี

คาช้แี จง ให้นกั เรียนศึกษาเร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรี แล้วเขียนอธิบายตามประเดน็
ที่กาหนด (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน)

๑. จุดมุง่ หมายในการแตง่

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๒. รูปแบบในการแต่ง

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๓. เนอื้ หาสาระ

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๑๐

๔. กลวิธกี ารแตง่

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๕. การใชถ้ อ้ ยคาภาษาในการแต่ง

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๑๑

แนวคาตอบใบงานที่ ๑
เรอื่ ง การวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาเรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ทั รี

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนศึกษาเรอื่ ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี แลว้ เขียนอธบิ ายตามประเด็น
ทกี่ าหนด (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

๑. จดุ ม่งุ หมายในการแตง่

เจา้ พระยาพระคลงั (หน) แต่งข้นึ ในสมยั รัชกาลท่ี ๑ เพอื่ ซ่อมเรอ่ื ง มหาเวสสนั ดร
ชาดก
ท่สี ญู หายไปในระหวา่ ง เสยี กรงุ ครัง้ ที่ ๒ ใช้สาหรบั เทศนม์ หาชาติ

๒. รูปแบบในการแต่ง

แต่งเป็นคาประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยยาวทมี่ คี าถาบาลนี า ประดบั ด้วยคาถาจานวน ๙๐
พระคาถา ใชร้ ปู แบบคาประพันธ์ได้เหมาะสมกบั เนอ้ื หาสาระ ทาใหซ้ าบซง้ึ ในความรักของแม่

๓. เนื้อหาสาระ

ความรกั และความหว่ งใยทีแ่ มม่ ตี อ่ ลูก เปน็ ความรกั ที่ยิ่งใหญ่ การพลัดพรากจากลูก
นาความเศร้าโศกมาสแู่ ม่ อยา่ งหาทเี่ ปรียบไมไ่ ด้

๑๒

๔. กลวิธกี ารแต่ง

กวีผูกเร่ืองใหเ้ ป็นเหตสุ ุดวิสยั มีสตั วร์ ้ายมาขวางทางในป่า ทาใหพ้ ระนางมัทรกี ลบั มา
ผิดเวลาไมไ่ ดพ้ บหน้าลกู แลว้ ถกู พระเวสสันดรต่อวา่ จงึ เที่ยวตามหาลูกไปทัว่ ปา่ เศรา้ โศก
พระทัยจนสลบลง แต่เมอ่ื ทรงทราบว่า พระเวสสันดร ใหล้ กู เปน็ ทานไปแลว้ กอ็ นุโมทนา
ในบุตรทานบารมี

๕. การใชถ้ อ้ ยคาภาษาในการแต่ง

ใช้พรรณนาโวหารได้ซาบซงึ้ กนิ ใจ มกี ารเล่นคาสัมผสั เลน่ เสยี ง ใชส้ านวนโวหาร
เปรยี บเทียบ ใหข้ อ้ คดิ คติเตือนใจแก่ผู้อา่ น

๑๓

ตารางแสดงคะแนน
ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง การวิเคราะห์เน้อื หา เรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

เลขท่ี ชื่อ – สกุล คะแนน (๑๐) หมายเหตุ
ใบงานท่ี ๑









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗

๑๔

๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๕

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาชแ้ี จง ให้ครปู ระเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการทก่ี าหนด

แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๔ ๓ ๒๑

๑ เนือ้ หาละเอียดชดั เจน
๒ ความถูกตอ้ งของเน้อื หา
๓ ภาษาท่ใี ชเ้ ขา้ ใจงา่ ย
๔ ประโยชน์ทไี่ ด้จากการนาเสนอ
๕ วิธกี ารนาเสนอผลงาน

รวม

ลงช่อื ...........................................ผ้ปู ระเมิน
(นางสาววรรณภา สินศรชยั
(นายอรรคพล ห่วงจริง)

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ ๓ คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ ๒ คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘-๒๐ ดมี าก

๑๔-๑๗ ดี

๑๐-๑๓ พอใช้

ต่ากว่า ๑๐ ปรับปรุง

๑๖

แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล

พฤติกรรมที่ประเมนิ

เลข ช่ือ - สกลุ ความ ความมี ความ ความมี รวม
ที่ รับผิดชอบ วนิ ัย ซอ่ื สัตย์ น้าใจ

๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕

๑๗

๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

เกณฑ์การวัดคะแนนระดบั คณุ ภาพของแต่ละพฤตกิ รรม ดงั น้ี

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรุง
คะแนน
๓๒ ๑

เกณฑก์ ารวัดคะแนนรวมระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรุง
คะแนน ๙ - ๑๒ ๕ - ๘ ๑-๔

๑๘

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาช้แี จง ๑. ให้ผ้ปู ระเมนิ ใส่คะแนนในช่วงตามความเหมาะสมและตามความเปน็ จรงิ

๒. ความหมายของระดับคะแนน

๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ = ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารผ่านไดค้ ะแนน ๑๘ คะแนนหรอื ร้อยละ ๘๐

พฤตกิ รรม

เล ชอ่ื – สกุล ความ การ การแสดง การรับฟงั รวม
ขที่ ของผรู้ ับการประเมิน รว่ มมอื ต้งั ใจ ความ ความ ๒๐
ทางาน คิดเหน็ คดิ เห็น

๕๕ ๕ ๕



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๑๙

๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๒๐

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

เลข ซ่ือ ัสต ์ย
ท่ี ช่ือ – สกลุ สุจริต
ีมวิ ันย
ใฝ่เรียนรู้
่มุง ่ัมนใน
การทางาน

รวม
คะแนน
ผ่าน / ไ ่มผ่าน

๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔

๒๑

๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๒๒

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ
๑. ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
๓๒๑
๒. มวี ินัย
ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพ่ือนร่วม
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มุง่ มนั่ ในการทางาน ห้องด้วยความซื่อตรง ห้องด้วยความซ่ือตรง ห้องด้วยความซื่อตรง

แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม

ข้อตกลง ข้อตกลง ขอ้ ตกลง

ของห้องในระดบั ดี ของห้องในระดับ ของหอ้ ง ในระดับพอใช้

ปานกลาง

ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ตรง กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบียบ

ต่อเวลาในการปฏิบัติ ตรงต่อเวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ

กิจกรรมต่าง ๆ ใน ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ

ระดับดี ในระดบั ปานกลาง ในระดบั พอใช้

มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ

เรยี นและกระตือรือรน้ เรียนและกระตือรอื ร้น เรียนและกระตอื รือรน้

ตอ่ การเรยี น ในระดับดี ตอ่ การเรยี น ตอ่ การเรียน

ในระดบั ปานกลาง ในระดับพอใช้

มีความต้ังใจ อดทน มีความตั้งใจ อดทน มีความต้ังใจ อดทน

และพยายามในการ และพยายามในการ และพยายามในการ

ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ ท า ง า น ท่ี ไ ด้ รั บ ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ

มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมาย มอบหมายไมเ่ ตม็ ที่

ความสามารถ ในบางคร้ัง

ความหมายระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี เกณฑร์ ะดับคะแนน ๙ – ๑๒ = ๓
๒ หมายถงึ พอใช้ เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๕ –๘ = ๒
๑ หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๑– ๔ = ๑

เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนน ๑ ขนึ้ ไป

ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมนิ
(นางสาววรรณภา สินศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจรงิ )

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ ๒๓

วิชาภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ทั รี เวลา ๖ ชว่ั โมง
เรอ่ื ง การประเมนิ คุณค่าและสงั เคราะหข์ อ้ คดิ เวลา ๒ ชวั่ โมง
ผสู้ อน นางสาววรรณภา สนิ ศรชยั

นายอรรคพล ห่วงจริง

๑. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การศึกษาเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี จะต้องวิเคราะห์ลักษณะเด่น ประเมินคุณค่าด้าน
วรรณศลิ ป์ และสังเคราะห์ข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอ่าน เพื่อนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ โดยเฉพาะความรักของแมท่ ี่
มีต่อลูก ลูกคือแก้วตาดวงใจของผู้เป็นพ่อแม่ "ลูก ดีเป็นท่ีช่ืนใจของพ่อแม่ ลูกแย่ พ่อแม่ช้าใจ" รักใครเล่าจะ
เท่าพ่อแม่รัก ห่วงใดเล่าจะเท่าพ่อแม่ห่วง หวงใดเล่าจะเท่าพ่อแม่หวง ให้ใครเล่าจะเท่าพ่อแม่ให้ เพราะฉะน้ัน
พงึ เป็นลกู แกว้ ลูกขวญั ลกู กตญั ญู ทช่ี าวโลกชืน่ ชม พรหมกส็ รรเสรญิ ฯ

๒. ตวั ชีว้ ดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

๒.๑ ตวั ชวี้ ัด
ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน

ชวี ิต และมนี ิสยั รกั การอา่ น
ม.๔-๖/๔ คาดคะเนเหตุการณจ์ ากเร่ืองท่ีอา่ น และประเมนิ คา่ เพ่ือนาความรคู้ วามคิดไปใชต้ ดั สินใจ

แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชวี ิต
ม.๔-๖/๙ มีมารยาทในการอา่ น
ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราว

ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ม.๔-๖/๑ เขียนสอื่ สารในรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรียงถูกตอ้ ง มี

ขอ้ มูลและสาระสาคญั ชดั เจน
ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ

ความรู้สึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ม.๔-๖/๕ พูดในโอกาสตา่ ง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แยง้ โนม้ น้าวใจ และเสนอแนวคิดใหม่

ดว้ ยภาษาถกู ต้องเหมาะสม
ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็น

คณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง

๒๔

ม.๔-๖/๒ วิเคราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดีเช่อื มโยงกับการเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละวถิ ีชีวติ
ของสังคมในอดตี

ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ปข์ องวรรณคดีและวรรณกรรม
ในฐานะที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ

ม.๔-๖/๔ สังเคราะหข์ อ้ คิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง

๒.๒ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. วิเคราะหล์ กั ษณะเด่นของเรอื่ ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี เชอื่ มโยงกบั การเรียนรู้ทาง

ประวตั ิศาสตร์และวถิ ีชวี ิตของสังคมในอดตี ได้ (K, P)
๒. วิเคราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์จากเร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ทั รี ได้ (K, P)
๓. สังเคราะหข์ อ้ คิดท่ไี ดจ้ ากการอ่านเรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรีได้ (K, P)
๔. นาข้อคดิ ที่ไดจ้ ากเร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี ไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ได้ (P)
๕. เห็นความสาคัญของวรรณคดไี ทย (A)

๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑) การอา่ นจับใจความจากสอ่ื ตา่ ง ๆ
๒) การเขียนสอ่ื สารในรปู แบบตา่ ง ๆ
๓) การพดู ในโอกาสต่าง ๆ
๔) การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเกยี่ วกับเหตกุ ารณ์ประวตั ิศาสตร์ และวถิ ีชีวติ ของ

สังคมในอดีต
๕) การวิเคราะห์ และประเมนิ คุณคา่ วรรณคดี (ด้านวรรณศิลป์ ด้านสังคม และวฒั นธรรม)
๖) การสังเคราะห์วรรณคดี
๗) มารยาทในการอา่ น

๔. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
๔.๑ ความสามารถในการสอ่ื สาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการเชื่อมโยง
- ทกั ษะการวิเคราะห์
- ทักษะการสังเคราะห์
- ทกั ษะการประเมิน
- ทักษะการประยกุ ต์ใช้ความรู้

๒๕

๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- กระบวนการทางานกลุ่ม
- กระบวนการปฏิบตั ิ

๕. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
- มีวนิ ยั
- ใฝ่เรยี นรู้
- มุง่ ม่ันในการทางาน
- รักความเป็นไทย

๖. กิจกรรมการเรียนรู้
วิธสี อนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ช่ัวโมงที่ ๑
ขั้นท่ี ๑ กระตุ้นความสนใจ
๑. ครสู นทนากบั นักเรียนเรอ่ื ง ความรักระหวา่ งแมก่ บั ลูก
๒. ครูส่มุ นักเรยี น ๒ คน ออกมาเลา่ เกยี่ วกับความประทับใจท่ีมตี อ่ ความรักของแม่
๓. ครใู หน้ ักเรยี นสรปุ เน้ือหาเรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี เพ่อื ทบทวนความรู้
๔. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิดวา่ “ในสังคมปัจจบุ ันมแี มอ่ ยา่ งพระมทั รหี รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด”
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของครู)

ข้นั ที่ ๒ สารวจคน้ หา
๑. นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑) ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เกย่ี วกบั บท
วิเคราะหเ์ ร่ือง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี จากหนงั สือเรยี น และใบความรู้ เรื่อง รสวรรณคดี ในประเดน็ ท่ี
ครกู าหนด ดงั นี้

๑) ลักษณะเดน่ ของเรอ่ื งทีเ่ กยี่ วข้องกับวถิ ชี ีวิตไทย
๒) คุณคา่ ด้านเนือ้ หา ดา้ นวรรณศลิ ป์ และดา้ นสังคม
๓) ข้อคดิ ท่ไี ด้
๔) แนวทางในการนาข้อคิดไปปรบั ใชใ้ นชีวติ จริง
๕) โวหารภาพพจน์ และ รสวรรณคดี
๒. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “นกั เรยี นมขี อ้ เสนอแนะอยา่ งไร ในการอา่ น เพอ่ื
การวิเคราะห์วจิ ารณ์”
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของครู)

ขั้นท่ี ๓ อธบิ ายความรู้

๒๖

๑. สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายความรู้ตามประเดน็ ทีค่ รูกาหนด แลว้ สรปุ
เปน็ องคค์ วามรู้ของกลุ่ม

๒. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนนาเสนอความรูห้ นา้ ชน้ั เรียน ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งและอธบิ าย
เพม่ิ เตมิ

๓. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “นกั เรยี นคิดวา่ ตอนใดของเรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก
กัณฑ์มัทรี ใหอ้ ารมณส์ ะเทอื นใจมากทส่ี ุด เพราะเหตใุ ด”

(พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพินจิ ของครู)

ช่วั โมงท่ี ๒

ขน้ั ที่ ๔ ขยายความเขา้ ใจ

๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง คุณค่าและข้อคิดเรือ่ ง มหาเวสสนั ดร
ชาดก กณั ฑ์มทั รี

๒. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “การวิเคราะหส์ ังเคราะห์เกย่ี วขอ้ งกับการอ่านจับใจความ

สาคญั หรอื ไม่ อยา่ งไร”

(พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครู)

ขน้ั ที่ ๕ ตรวจสอบผล
๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอคาตอบในใบงานที่ ๒ หน้าชนั้ เรียน ครแู ละเพอ่ื นนักเรยี น
ชว่ ยกนั ตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งและใหข้ ้อเสนอแนะ
๒. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปความร้เู กีย่ วกับคุณค่าและขอ้ คดิ เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี
ดังนี้

๑) คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์
๑.๑ ใช้ถ้อยคาไพเราะ มีการเล่นคา เล่นสัมผัสอักษร มีการใช้โวหารภาพพจน์ และการ

พรรณนาใหเ้ กดิ ความรสู้ ึกทล่ี ะเอยี ดอ่อน รวมท้งั เกดิ จินตนาภาพชดั เจน
๒) คณุ คา่ ดา้ นสงั คม
๒.๑ สะท้อนให้เหน็ คา่ นยิ มแนวโลกตุ รธรรมของประชาชนวา่ มีความปรารถนาจะบรรลุสัมมา

สัมโพธิญาณ
๒.๒ เร่ืองพระมหาเวสสันดรชาดก เป็นวรรณกรรมที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึง

เป็นภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม และค่านิยมของคนในยุคน้ัน ๆ ได้ดีว่า มีการซื้อขายบุคคล
เป็นทาส นิยมการบริจาคทานเพ่ือหวังบรรลุนิพพาน มีความเช่ือเร่ืองลางบอกเหตุ เชื่อเรื่องอานาจของเทวดา
ฟา้ ดนิ ต่าง ๆ นอกจากน้ี ยงั แสดงภาพชวี ติ ในชนบทเก่ยี วกับการละเลน่ และการเลน่ ซ่อนหาของเด็ก ๆ

๒.๓ ให้แง่คิดเกี่ยวกบั บทบาทหน้าท่ีของผู้หญิงในฐานะทีเ่ ปน็ แม่และเป็นภรรยาทด่ี ี ซึ่งเปน็ ส่ิง
สาคญั เหนือสิง่ อนื่ ใด

๒.๔ ข้อคิด คตธิ รรม ท่ีสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ของทุกคนได้ เก่ียวกับการเป็นคู่สามี
ภรรยาที่ดี การเสียสละ เป็นคุณธรรมที่น่ายกย่อง และการบริจาคทาน เป็นการกระทาท่ีสมควรได้รับการ
อนโุ มทนา

๒๗

๓. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “นกั เรยี นคิดวา่ ในปจั จบุ ันความเชือ่ เรอ่ื งลางรา้ ยตามทพ่ี บ
ในเรือ่ งยังคงมอี ยหู่ รอื ไม่ อย่างไร”

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของคร)ู

๗. การวัดและประเมนิ ผล

วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์
รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ ๒ ใบงานท่ี ๒ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทางานกลุ่ม

สังเกตความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวนิ ัย แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ
ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่ันในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

๘. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

๘.๑ สอ่ื การเรียนรู้
- หนังสือเรียนภาษาไทย วรรณคดวี จิ ักษ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕
- ใบงานท่ี ๒ คุณค่าและข้อคดิ เรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี
- ใบความรู้ เรอื่ ง รสวรรณคดี

๒๘

๙. บันทึกขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………..
(..............................................)

ตาแหน่ง .......................................................
วนั ที่……เดือน……………..พ.ศ……….

๒๙

๑๐. บนั ทกึ ผลหลังกระบวนการจัดการเรยี นรู้
ผลการเรียนรทู้ ่ีเกิดขนึ้ กับผ้เู รยี น

………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………………..
(นางสาววรรณภา สินศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจรงิ )
ตาแหนง่ ครู คศ.๑

วันท…ี่ …เดอื น……………..พ.ศ……….

๓๐

ใบความรู้ เร่อื ง รสวรรณคดี

รสวรรณคดีไทย
รสวรรณคดไี ทย แบ่งได้ ๔ ชนิด

๑. เสาวรจนยี ์ (บทชมโฉม)
คือ การเล่าชมความงามของตัวละครในเรอ่ื ง อาจเป็นตวั ละครทเี่ ป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ ซ่ึงการชม
น้ีอาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาทราชวังหรือความเจริญรุ่งเรืองของ
บ้านเมอื ง เชน่

บทชมนางเงอื ก ซ่ึงติดตามพ่อแมม่ าเพื่อพาพระอภัยมณหี นนี างผเี สื้อสมุทร จากเรอื่ ง พระอภัยมณี

หนอ่ กษัตรยิ ์ทศั นานางเงอื กน้อย ดแู ชม่ ชอ้ ยโฉมเฉลาทั้งเผา้ ผม

ประไพพักตรล์ ักษณ์ล้าล้วนขาคม ท้งั เนือ้ นมนวลเปลง่ ออกเต่งทรวง

ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด ดงั สรุ างค์นางนาฏในวงั หลวง

พระเพลนิ พิศคดิ หมายเสยี ดายดวง แลว้ หนกั หนว่ งนึกทจ่ี ะหนไี ป

(พระอภัยมณี : สุนทรภ)ู่

๒. นารปี ราโมทย์ (บทเกี้ยว โอโ้ ลม)

คือ การกล่าวแสดงความรัก ท้ังการเก้ียวพาราสีกันในระยะแรก ๆ หรือการพรรณนาบทโอ้โลมปฏิโลม
ก่อนจะถึงบทสงั วาสนัน้ ดว้ ย เช่น

ถึงมว้ ยดินส้ินฟ้ามหาสมทุ ร ไมส่ นิ้ สุดความรกั สมัครสมาน

แมน้ เกิดในใตฟ้ า้ สธุ าธาร ขอพบพานพศิ วาสไม่คลาดคลา

แม้นเนอื้ เยน็ เปน็ หว้ งมหรรณพ พี่ขอพบศรสี วัสดิเ์ ปน็ มัจฉา

แมน้ เป็นบวั ตวั พ่เี ปน็ ภมุ รา เชยผกาโกสุมปทมุ ทอง

เจา้ เปน็ ถ้าอาไพขอใหพ้ ี่ เปน็ ราชสหี ส์ มสูเ่ ปน็ คสู่ อง

จะตดิ ตามทรามสงวนนวลละออง เปน็ ค่คู รองพศิ วาสทุกชาติไป

(พระอภัยมณี : สนุ ทรภู่)

๓. พโิ รธวาทัง (บทตดั พอ้ )

คือ การกลา่ วข้อความแสดงอารมณไ์ ม่พอใจ ตัง้ แตเ่ รอ่ื งเล็กนอ้ ยไปจนถึงเรอ่ื งใหญ่ ตงั้ แต่ไมพ่ อใจ โกรธ
ตดั พ้อ ประชดประชนั กระทบกระเทียบเปรยี บเปรย เสียดสี และดา่ ว่าอยา่ งรนุ แรง เช่น

คร้งั นเ้ี สยี รกั ก็ไดร้ ู้ ถงึ เสียร้กู ็ไดเ้ ชาวน์ท่ีเฉาฉงน

เป็นชายหมิน่ ชายต้องอายคน จาจนจาจากอาลยั ลาน

(เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

๓๑

บทตดั พ้อที่แสดงท้งั อารมณ์รักและแค้นของ องั คาร กัลยาณพงศ์ จากบทกวี “เสียเจา้ ”

จะเจ็บจาไปถงึ ปรโลก ฤๅรอยโศกรรู้ ้างจางหาย

จะเกดิ กีฟ่ า้ มาตรมตาย อย่าหมายวา่ จะใหห้ วั ใจ

(องั คาร กลั ยาณพงศ)์

๔. สลั ลาปงั คพไิ สย (บทโศก)

คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลัยรัก เช่น บทโศกของนางวันทอง จากเร่ืองขุนช้าง
ขุนแผน ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี ซึ่งคร่าครวญอาลัยรักต้นไม้ในบ้านขุนช้าง อันแสดงให้เห็นว่านางไม่
ตอ้ งการตามขนุ แผนไป แต่ท่ตี ้องไปเพราะขุนแผนรา่ ยมนต์สะกด ก่อนลาจากไป นางไดร้ ่าลาต้นไมก้ ่อน

ลาดวนเอ๋ยจะดว่ นไปก่อนแล้ว ทงั้ เกดแก้วพกิ ุลย่สี นุ่ สี
จะโรยรา้ งห่างกล่ินมาลี จาปีเอย๋ กีป่ จี ะมาพบ

(พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย)

สนุ ทรภู่ครา่ ครวญถงึ รชั กาลท่ี ๒ ซง่ึ สวรรคต แล้วเปน็ เหตุให้สุนทรภ่ตู อ้ งตกระกาลาบาก เพราะไม่เปน็ ที่
โปรดปรานของรชั กาลท่ี ๓ ตอ้ งระเห็จเตรด็ เตรไ่ ปอาศยั ในทต่ี า่ ง ๆ ขณะลอ่ งเรือผ่านพระราชวัง สนุ ทรภู่ ซง่ึ
ราลกึ ความหลงั กค็ ร่าครวญอาลัยถงึ อดตี ทเี่ คยรงุ่ เรอื ง

เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ล่ินสคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสรืน่ ช่นื นาสา
สนิ้ แผน่ ดนิ สน้ิ รสสุคนธา วาสนาเราก็สน้ิ เหมอื นกล่ินสคุ นธ์

(สุนทรภู่ : จากนิราศภูเขาทอง)

๓๒

ใบงานท่ี ๒
เร่ือง คณุ คา่ และขอ้ คดิ เร่อื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี

คาช้แี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

๑. เร่ือง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี มลี กั ษณะเดน่ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับวิถไี ทยในอดตี อย่างไร

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๒. มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี สะท้อนภาพประวตั ิศาสตรไ์ ทยอย่างไร

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๓. เรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ัทรี มคี ณุ คา่ ทางวรรณศิลป์อยา่ งไร

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๓๓

๔. เรือ่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี ใหข้ ้อคิดทน่ี าไปใช้ในชีวติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งไร

..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

๓๔

แนวคาตอบใบงานที่ ๒
เรือ่ ง คุณคา่ และขอ้ คดิ เรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

๑. เรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี มลี ักษณะเด่นทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั วิถีไทยในอดีตอยา่ งไร
เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี สะทอ้ นให้เห็นวิถชี วี ิตในสมยั อดีต ดงั น้ี
๑) ค่านิยมเกย่ี วกับสังคมไทย ในสมัยโบราณถือว่าภรรยาเปน็ สมบัติของสามี สามมี สี ทิ ธ์ิ
ในตัวภรรยา ภรรยาต้องดูแลปรนนิบัติสามี ส่วนลกู เปน็ สมบตั ขิ องพอ่ แม่ ตอ้ งเคารพเชอ่ื ฟงั
พอ่ แมย่ กลกู ใหค้ นอ่นื ได้
๒) ความเชื่อของคนไทย คนไทยเช่ือเรื่องโชคลาง เมื่อมีอะไรผิดเพี้ยนไปจากทเ่ี คยเป็นก็ถอื
เปน็ โชคลาง

๒. มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ัทรี สะท้อนภาพประวตั ศิ าสตรไ์ ทยอย่างไร

เจ้าพระยาพระคลัง (หน) แตง่ เร่ือง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ในสมยั รัชกาลที่ ๑
สะทอ้ นใหเ้ ห็นว่า ทรงใหค้ วามสาคัญกบั พระพุทธศาสนา โปรดใหม้ ีการทาสงั คายนา ชาระ
สะสางระเบยี บวนิ ัยสงฆ์ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้กวสี ร้างวรรณกรรม ทเ่ี กยี่ วกบั ศาสนาหลายเร่อื ง
ลักษณะงานทอ่ี อกมาจงึ เป็นงานเขียนที่ประณตี มีความสวยงามเป็นแบบอยา่ งท่ดี งี าม

๓. เรอื่ ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ใหข้ อ้ คิดทีน่ าไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้อยา่ งไร

ขอ้ คิดจากเรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑม์ ทั รี คอื ความรักของแมเ่ ป็นรกั ท่ยี งิ่ ใหญ่ไมม่ ี
ใครมาเทียบได้ ลกู จงึ ต้องดแู ล ตอบแทนบญุ คณุ ของทา่ น

๓๕

๔. เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี มีคณุ คา่ ทางวรรณศลิ ปอ์ ยา่ งไร

เจ้าพระยาพระคลงั (หน) แต่งเรือ่ ง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ได้รบั การยกยอ่ งว่า
แต่งไดด้ เี ย่ียมไม่มสี านวนของผใู้ ดสู้ได้ มคี ณุ คา่ ทางวรรณศลิ ป์ ดังนี้

๑) การสรรคา กวีได้เลอื กใช้ถ้อยคา ดังน้ี
- การใช้ถ้อยคาให้เกิดอารมณส์ ะเทอื นใจ เชน่ การใช้ถอ้ ยคาราพึงราพนั เป็นการราพงึ

ราพันผ่านตวั ละครท่ีให้อารมณค์ วามรู้สกึ สะเทือนใจ การใช้ถ้อยคาสานวนเชงิ ตัดพอ้ ทาให้เกิด
อารมณ์เวทนาสงสาร บบี คนั้ จติ ใจผู้อา่ น การใชถ้ ้อยคาแสดงอารมณห์ งึ หวงใหเ้ จ็บแคน้ เพื่อดบั
อารมณ์โศกเศรา้ การใช้คาซา้ และคาเรียบง่ายเปน็ การใชค้ างา่ ยซ้า ๆ กนั เพอื่ บรรยายธรรมชาติ
หรอื บุคคลให้เดน่ ข้ึน

๒) การใช้โวหาร กวเี ลือกใชส้ านวนโวหารใหเ้ กดิ จินตภาพ ดังนี้
๒.๑ การใชอ้ ุปมาโวหารท่เี ปรยี บเทยี บอารมณค์ วามรสู้ กึ ของพระนางมัทรี
๒.๒ การใช้สานวนสภุ าษติ ทาใหเ้ กดิ แงค่ ดิ แก่ผู้อ่าน

(อยู่ในดุลยพินจิ ของครู)

๓๖

ตารางแสดงคะแนน
ใบงานที่ ๒ เรอ่ื ง คุณคา่ และขอ้ คิด เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี

เลขท่ี ชอื่ – สกลุ คะแนน (๑๐) หมายเหตุ
ใบงานท่ี ๒









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗

๓๗

๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๓๘

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
คาชี้แจง ใหค้ รปู ระเมินการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการท่กี าหนด

แล้วขีด ✓ ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน
๔ ๓ ๒๑

๑ เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน
๒ ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
๓ ภาษาทใี่ ช้เข้าใจงา่ ย
๔ ประโยชนท์ ไ่ี ด้จากการนาเสนอ
๕ วิธีการนาเสนอผลงาน

รวม

ลงชือ่ ...........................................ผู้ประเมิน
(นางสาววรรณภา สินศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจรงิ )

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ ๔ คะแนน

ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งบางสว่ น ให้ ๓ คะแนน

ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘-๒๐ ดีมาก

๑๔-๑๗ ดี

๑๐-๑๓ พอใช้

ตา่ กว่า ๑๐ ปรับปรุง

๓๙

แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล

พฤติกรรมที่ประเมนิ

เลข ช่ือ - สกลุ ความ ความมี ความ ความมี รวม
ที่ รบั ผิดชอบ วนิ ัย ซอ่ื สัตย์ น้าใจ

๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕

๔๐

๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

เกณฑก์ ารวดั คะแนนระดบั คณุ ภาพของแต่ละพฤตกิ รรม ดงั น้ี

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรุง
คะแนน
๓๒ ๑

เกณฑ์การวัดคะแนนรวมระดับคณุ ภาพ ดังนี้

ระดบั คณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรุง
คะแนน ๙ - ๑๒ ๕ - ๘ ๑-๔

๔๑

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาช้แี จง ๑. ให้ผ้ปู ระเมนิ ใส่คะแนนในช่วงตามความเหมาะสมและตามความเปน็ จรงิ

๒. ความหมายของระดับคะแนน

๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ = ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารผ่านไดค้ ะแนน ๑๘ คะแนนหรอื ร้อยละ ๘๐

พฤตกิ รรม

เล ชอ่ื – สกุล ความ การ การแสดง การรับฟงั รวม
ขที่ ของผรู้ ับการประเมิน รว่ มมอื ต้งั ใจ ความ ความ ๒๐
ทางาน คิดเหน็ คดิ เห็น

๕๕ ๕ ๕



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๔๒

๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๔๓

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

เลข ซ่ือ ัสต ์ย
ท่ี ช่ือ – สกลุ สุจริต
ีมวิ ันย
ใฝ่เรียนรู้
่มุง ่ัมนใน
การทางาน

รวม
คะแนน
ผ่าน / ไ ่มผ่าน

๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔

๔๔

๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๔๕

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ
๑. ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
๓๒๑
๒. มวี ินัย
ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพ่ือนร่วม
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มุง่ มนั่ ในการทางาน ห้องด้วยความซื่อตรง ห้องด้วยความซ่ือตรง ห้องด้วยความซื่อตรง

แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม

ข้อตกลง ข้อตกลง ขอ้ ตกลง

ของห้องในระดบั ดี ของห้องในระดับ ของหอ้ ง ในระดับพอใช้

ปานกลาง

ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ตรง กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบียบ

ต่อเวลาในการปฏิบัติ ตรงต่อเวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ

กิจกรรมต่าง ๆ ใน ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ

ระดับดี ในระดบั ปานกลาง ในระดบั พอใช้

มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ

เรยี นและกระตือรือรน้ เรียนและกระตือรอื ร้น เรียนและกระตอื รือรน้

ตอ่ การเรยี น ในระดับดี ตอ่ การเรยี น ตอ่ การเรียน

ในระดบั ปานกลาง ในระดับพอใช้

มีความต้ังใจ อดทน มีความตั้งใจ อดทน มีความต้ังใจ อดทน

และพยายามในการ และพยายามในการ และพยายามในการ

ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ ท า ง า น ท่ี ไ ด้ รั บ ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ

มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมาย มอบหมายไมเ่ ตม็ ที่

ความสามารถ ในบางคร้ัง

ความหมายระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี เกณฑร์ ะดับคะแนน ๙ – ๑๒ = ๓
๒ หมายถงึ พอใช้ เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๕ –๘ = ๒
๑ หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๑– ๔ = ๑

เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนน ๑ ขนึ้ ไป

ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมนิ
(นางสาววรรณภา สินศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจรงิ )

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ ๔๖

วิชาภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี เวลา ๖ ชวั่ โมง
เรื่อง การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทรา่ ย เวลา ๒ ชวั่ โมง
ผู้สอน นางสาววรรณภา สนิ ศรชยั

นายอรรคพล ห่วงจริง

๑. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
ร่าย คือ คาประพันธ์ประเภทร้อยกรองแบบหน่ึงท่ีแต่งงา่ ยที่สุด และมีฉันทลักษณ์น้อยกว่า ร้อยกรอง

ประเภทอื่น ถ้าพิจารณาให้ดจี ะพบว่าร่ายมีลักษณะใกล้เคียงกับคาประพันธ์ประเภทร้อยแก้วเพยี งแต่กาหนดท่ี
คล้องจองและบงั คับวรรณยุกต์ในบางแหง่ ร่ายมีส่ีประเภทเรียงลาดบั ตามการกาเนิดจากกอ่ นไปหลังไดแ้ ก่ ร่าย
ยาว รา่ ยโบราณ ร่ายด้ัน และร่ายสุภาพ

๒. ตวั ชวี้ ัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๒.๑ ตัวชวี้ ดั
ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแกป้ ัญหา

ในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รกั การอา่ น
ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว และบทร้อยกรองไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไพเราะและเหมาะสมกับเรอ่ื ง

ทอ่ี า่ น
ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั

ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ม.๔-๖/๔ แตง่ บทรอ้ ยกรอง

๒.๒ จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. อธิบายลักษณะคาประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยได้ (K, P)
๒. แตง่ คาประพนั ธ์ประเภทร่ายได้ (P)
๓. เหน็ คุณคา่ ของศิลปะการประพนั ธ์ (A)

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
๑) แต่งบทร้อยกรอง
- ร่าย

๔๗

๒) การอ่านรา่ ย

๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์
- ทกั ษะการเขียน
- ทักษะการประเมนิ
๔.๓ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- กระบวนการทางานกลมุ่
- กระบวนการปฏบิ ัติ

๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- มวี นิ ัย
- ใฝ่เรียนรู้
- มุ่งมัน่ ในการทางาน
- รักความเปน็ ไทย

๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ชั่วโมงท่ี ๑
ขนั้ ที่ ๑ กระตนุ้ ความสนใจ
๑. ครสู นทนากบั นกั เรียนเรือ่ ง การแตง่ มหาเวสสนั ดรชาดก การอา่ นคาประพนั ธ์ประเภทร่าย เพื่อ

ทบทวนความรูเ้ ดิม
๒. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรื่อง คาประพนั ธป์ ระเภทร่าย จากน้นั ถามนกั เรียนว่า คาประพันธ์ประเภท

ร่าย มลี กั ษณะอยา่ งไร
๓. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั คาประพนั ธ์ประเภทร่าย
๔. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ “รา่ ยมลี กั ษณะใกลเ้ คียงกับคาประพันธ์

ประเภทใด”
(พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของคร)ู


Click to View FlipBook Version