The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อรรคพล ห่วงจริง, 2020-10-13 15:49:20

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

ชุดการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่-๕_วรรณภา-สินศรชัยและอรรคพล-ห่วงจริง

๙๘

เร่อื ง ลกั ษณะของภาษา

๘. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
๘.๑ สอื่ การเรียนรู้
- หนังสอื เรียนหลักภาษาและการใช้ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕
- ใบงานท่ี ๓ การร้อยเรียงประโยค (๑), ใบงานท่ี ๔ การรอ้ ยเรยี งประโยค (๒)

๙. บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงชอ่ื …………………………………………..
(..............................................)

ตาแหน่ง .......................................................
วันท่ี……เดือน……………..พ.ศ……….

๙๙

๑๐๐

๑๐. บนั ทึกผลหลงั กระบวนการจัดการเรียนรู้
ผลการเรยี นรทู้ เี่ กิดข้ึนกับผเู้ รยี น

………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ปัญหา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงช่อื …………………………………………..
(นางสาววรรณภา สินศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจริง)
ตาแหนง่ ครู คศ.๑

วนั ท…่ี …เดือน……………..พ.ศ……….

๑๐๑

ใบงานที่ ๓
เรือ่ ง การรอ้ ยเรยี งประโยค (๑)

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคตอ่ ไปนี้ ประเภทละ ๒ ประโยค (คะแนนเต็ม ๑๒ คะแนน)

ชนิดของประโยค แต่งประโยค

๑. ประโยคที่เช่อื มด้วยคาสันธานหรือสนั ธานวลี ๑.
แลว้ มีเนอื้ ความคล้อยตามกัน ๒.

๒. ประโยคทเี่ ชือ่ มดว้ ยคาสันธานหรอื สนั ธานวลี ๑.

แล้วมีเนื้อความขัดแยง้ กัน ๒.

๓. ประโยคท่ีเช่ือมดว้ ยคาสนั ธานหรอื สนั ธานวลี ๑.

แลว้ มีเนอื้ ความให้เลอื กอยา่ งใดอย่างหนึ่ง ๒.

๔. ประโยคท่ีเชอ่ื มความดว้ ยคาสันธานหรือ ๑.

สันธานวลี แลว้ มเี น้ือความเปน็ เหตุเป็นผลกนั ๒.

๕. ประโยคท่เี ช่ือมความดว้ ยคาสันธานหรือ ๑.

สันธานวลี แลว้ แสดงความเกย่ี วขอ้ งกนั ทางเวลา ๒.

๖. ประโยคท่ีเชอ่ื มความด้วยคาสันธานหรือ ๑.
สนั ธานวลี แล้วแสดงความเกีย่ วขอ้ งกนั ๒.

ในดา้ นที่เปน็ เงื่อนไข

๑๐๒

ใบงานที่ ๔
เรอื่ ง การรอ้ ยเรยี งประโยค (๒)
คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นนาประโยคที่กาหนด เขียนลงในตารางให้ถูกตอ้ ง
๑. จริ เมธเคยไปเทย่ี วยุโรป แต่หลายคนไม่เคย
๒. ชลติ าชอบอา่ นหนงั สือ เธอคงไปงานสปั ดาหห์ นังสืออย่างมคี วามสขุ
๓. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาโครงงานภาษาไทย โครงงานภาษาไทยช่วยให้นักเรียนรู้จักการศึกษา
คน้ ควา้
๔. กางเกงขาส้ันตัวน้ันไม่เหมาะกับเธอหรอก ตัวน้ีดกี วา่
๕. ร้านนจ้ี าหนา่ ยอาหารชีวจติ อาหารชีวจติ ราคาไม่แพง
๖. แนนชอบทานอาหารญี่ปนุ่ แตป่ ยุ๋ ไม่ชอบ
๑. การซ้าคาหรือวลี

๒. การละคาหรอื วลี

๓. การแทนด้วยคาหรอื วลี

๑๐๓

แนวคาตอบใบงานที่ ๓
เรอื่ ง การร้อยเรยี งประโยค (๑)

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นแตง่ ประโยคตอ่ ไปน้ี ประเภทละ ๒ ประโยค (คะแนนเตม็ ๑๒ คะแนน)

ชนิดของประโยค แตง่ ประโยค

๑. ประโยคทีเ่ ชื่อมดว้ ยคาสนั ธานหรือสันธานวลี ๑.
แล้วมีเนอ้ื ความคลอ้ ยตามกนั ๒.

๒. ประโยคที่เชือ่ มด้วยคาสันธานหรือสนั ธานวลี ๑.

แลว้ มเี นอ้ื ความขดั แย้งกัน ๒.

๓. ประโยคที่เช่อื มด้วยคาสนั ธานหรือสันธานวลี ๑.

แล้วมีเนือ้ ความใหเ้ ลือกอยา่ งใดอย่างหนึ่ง ๒.

๔. ประโยคท่เี ช่อื มความด้วยคาสนั ธานหรอื ๑.

สนั ธานวลี แล้วมเี นื้อความเปน็ เหตุเป็นผลกัน ๒.

๕. ประโยคทีเ่ ชือ่ มความดว้ ยคาสนั ธานหรือ ๑.

สันธานวลี แล้วแสดงความเก่ยี วข้องกนั ทางเวลา ๒.

๑.

๑๐๔

๖. ประโยคท่ีเชอ่ื มความด้วยคาสนั ธานหรอื ๒.
สนั ธานวลี แลว้ แสดงความเกยี่ วข้องกนั
ในดา้ นที่เปน็ เงอื่ นไข

(อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของคร)ู

๑๐๕

แนวคาตอบใบงานท่ี ๔
เรื่อง การร้อยเรยี งประโยค (๒)

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนนาประโยคท่ีกาหนด เขยี นลงในตารางให้ถกู ตอ้ ง

๑. จิรเมธเคยไปเท่ยี วยโุ รป แต่หลายคนไม่เคย
๒. ชลติ าชอบอา่ นหนงั สือ เธอคงไปงานสัปดาห์หนงั สอื อย่างมคี วามสุข
๓. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาโครงงานภาษาไทย โครงงานภาษาไทยช่วยให้นักเรียนรู้จักการศึกษา
ค้นคว้า
๔. กางเกงขาส้นั ตวั นัน้ ไมเ่ หมาะกับเธอหรอก ตวั น้ดี ีกว่า
๕. รา้ นนีจ้ าหนา่ ยอาหารชีวจิต อาหารชวี จติ ราคาไมแ่ พง
๖. แนนชอบทานอาหารญป่ี นุ่ แต่ปยุ๋ ไม่ชอบ

๑. การซา้ คาหรอื วลี ๓. ครมู อบหมายให้นกั เรียนทาโครงงาน
ภาษาไทย โครงงานภาษาไทยช่วยใหน้ ักเรียน
๒. การละคาหรอื วลี รู้จักการศึกษาค้นคว้า
๓. การแทนดว้ ยคาหรอื วลี
๕. รา้ นนจ้ี าหน่ายอาหารชวี จติ อาหารชีวจติ
ราคาไม่แพง

๑. จิรเมธเคยไปเที่ยวยุโรป แตห่ ลายคนไม่เคย

๖. แนนชอบทานอาหารญ่ปี ุ่น แตป่ ุ๋ยไมช่ อบ

๒. ชลิตาชอบอา่ นหนงั สอื เธอคงไปงาน
สปั ดาห์หนงั สืออย่างมคี วามสขุ

๔. กางเกงขาสัน้ ตวั นั้นไมเ่ หมาะกับเธอหรอก
ตัวนีด้ ีกวา่

๑๐๖

๑๐๗

ตารางแสดงคะแนน
ใบงานท่ี ๓ เรอ่ื ง การร้อยเรยี งประโยค (๑)

เลขท่ี ชือ่ – สกลุ คะแนน (๑๒) หมายเหตุ
ใบงานที่ ๔









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖

๑๐๘

๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๐๙

๑๑๐

ตารางแสดงคะแนน
ใบงานที่ ๔ เรอ่ื ง การร้อยเรยี งประโยค (๒)

เลขท่ี ช่อื – สกลุ คะแนน (๖) หมายเหตุ
ใบงานท่ี ๕









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖

๑๑๑

๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๑๒

๑๑๓

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
คาชี้แจง ใหค้ รปู ระเมนิ การนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการทีก่ าหนด

แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๔ ๓ ๒๑

๑ เน้ือหาละเอียดชดั เจน
๒ ความถกู ต้องของเนื้อหา
๓ ภาษาที่ใช้เข้าใจงา่ ย
๔ ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการนาเสนอ
๕ วธิ กี ารนาเสนอผลงาน

รวม

ลงช่อื ...........................................ผู้ประเมิน
(นางสาววรรณภา สนิ ศรชัย)
(นายอรรคพล หว่ งจริง)

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน

ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องบางส่วน ให้ ๓ คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพรอ่ งมาก ให้ ๑ คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

๑๘-๒๐ ดมี าก

๑๑๔

๑๔-๑๗ ดี
๑๐-๑๓ พอใช้
ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรุง

แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คล

พฤติกรรมทป่ี ระเมนิ

เลข ชือ่ - สกุล ความ ความมี ความ ความมี รวม
ที่ รบั ผดิ ชอบ วินยั ซอื่ สัตย์ นา้ ใจ

๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๑๕

๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

เกณฑก์ ารวัดคะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรม ดงั น้ี

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรงุ
คะแนน
๓๒ ๑

เกณฑ์การวัดคะแนนรวมระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

ระดบั คณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรบั ปรุง
คะแนน ๙ - ๑๒ ๕ - ๘ ๑-๔

๑๑๖

๑๑๗

แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาชีแ้ จง ๑. ให้ผู้ประเมนิ ใส่คะแนนในชว่ งตามความเหมาะสมและตามความเป็นจรงิ

๒. ความหมายของระดบั คะแนน

๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ = ปรบั ปรงุ

เกณฑ์การผ่านไดค้ ะแนน ๑๘ คะแนนหรอื ร้อยละ ๘๐

พฤติกรรม

เล ชอ่ื – สกลุ ความ การตงั้ ใจ การแสดง การรับฟงั รวม
ขที่ ของผรู้ ับการประเมนิ ร่วมมอื ทางาน ความ ความ ๒๐
คิดเห็น คดิ เห็น

๕๕ ๕ ๕



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๑๑๘

๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๑๙

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

เลข ซ่ือ ัสต ์ย
ที่ ชอ่ื – สกุล สุจริต
ีมวิ ันย
ใฝ่เรียนรู้
่มุง ่ัมนใน
การทางาน

รวม
คะแนน
ผ่าน / ไ ่มผ่าน

๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔

๑๒๐

๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๒๑

เกณฑ์การใหค้ ะแนนคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
๑. ซื่อสัตย์สจุ รติ
๓๒๑
๒. มีวินยั
ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม
๓. ใฝ่เรียนรู้
๔. มุ่งมั่นในการทางาน ห้องด้วยความซื่อตรง ห้องด้วยความซื่อตรง ห้องด้วยความซื่อตรง

แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม

ข้อตกลง ข้อตกลง ขอ้ ตกลง

ของหอ้ งในระดบั ดี ของห้องในระดับ ของหอ้ ง ในระดบั พอใช้

ปานกลาง

ปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ตรง กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ

ต่อเวลาในการปฏิบัติ ตรงต่อเวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ

กิจกรรมต่าง ๆ ใน ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ

ระดบั ดี ในระดับปานกลาง ในระดับพอใช้

มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ

เรียนและกระตือรอื ร้น เรียนและกระตือรอื รน้ เรียนและกระตือรือรน้

ต่อการเรียน ในระดบั ดี ตอ่ การเรียน ต่อการเรยี น

ในระดบั ปานกลาง ในระดบั พอใช้

มีความต้ังใจ อดทน มีความต้ังใจ อดทน มีความตั้งใจ อดทน

และพยายามในการ และพยายามในการ และพยายามในการ

ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ ท า ง า น ท่ี ไ ด้ รั บ ท า ง า น ท่ี ไ ด้ รั บ

มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมาย มอบหมายไม่เต็มที่

ความสามารถ ในบางครง้ั

ความหมายระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๙ – ๑๒ = ๓
๒ หมายถงึ พอใช้ เกณฑ์ระดับคะแนน ๕ –๘ = ๒
๑ หมายถึง ปรับปรุง เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๑– ๔ = ๑

เกณฑ์การผ่าน ไดค้ ะแนน ๑ ข้นึ ไป

ลงช่อื ...........................................ผู้ประเมิน
(นางสาววรรณภา สนิ ศรชยั )
(นายอรรคพล หว่ งจรงิ )

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ ๑๒๒

วชิ าภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๒ การรอ้ ยเรยี งประโยค เวลา ๕ ชัว่ โมง
เรอื่ ง ถอ้ ยคาสานวน เวลา ๑ ช่วั โมง
ผสู้ อน นางสาววรรณภา สินศรชัย

นายอรรคพล ห่วงจรงิ

๑. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
คาคือเสียงพูดหรือตัวอักษรท่ีถ่ายทอดออกมาเพ่อื ใช้สื่อความหมาย แบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ ๗ ชนิด

สานวนคือกลุ่มคาหรือประโยคท่ีใช้กล่าวเพ่ือเปรียบเทียบความหมายและสถานการณ์ การสื่อสารในภาษาไทย
ต้องนาคามารอ้ ยเรยี งเปน็ ประโยคและมักจะสอดแทรกสานวน เพือ่ ใหก้ ารสื่อสารชัดเจนตรงตามวตั ถปุ ระสงค์

๒. ตวั ชวี้ ดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ ตวั ช้วี ัด
ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของ

ภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ม.๔-๖/๒ ใชค้ าและกลมุ่ คาสร้างประโยคตรงตามวัตถุประสงค์
ม.๔-๖/๖ อธบิ ายและวิเคราะหห์ ลักการสร้างคาในภาษาไทย

๒.๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. อธบิ ายความหมายคาและสานวนได้ (K)
๒. ใช้คาและสานวนสื่อความหมาย (K, P)
๓. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการใช้สานวนใหเ้ หมาะสมกบั ความหมายและสถานการณ์ (A)

๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๑) การใชค้ าและสานวนชนดิ ต่าง ๆ
๒) การใช้คาและสานวนสรา้ งประโยคตามเจตนาของผ้สู ่งสาร

๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร
๔.๒ ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการจาแนกประเภท

๑๒๓

- ทักษะการประยุกต์
- ทกั ษะการสงั เคราะห์
๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
- กระบวนการทางานกลุ่ม
- กระบวนการนาไปใช้

๕. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มีวนิ ยั
- ใฝ่เรียนรู้
- มุ่งมั่นในการทางาน
- รักความเป็นไทย

๖. กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ ีสอนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ : เทคนคิ คู่คดิ สี่สหาย

ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น
ครูถามนกั เรยี นวา่ คา สานวน ประโยค มคี วามหมายอย่างไร

ขั้นสอน
๑. ใหน้ กั เรียนอ่านคาบนกระดาน แล้วช่วยกันจาแนกวา่ บตั รคาใดเปน็ คา

บัตรคาใดไม่เป็นคา พรอ้ มอธบิ ายเหตผุ ล เช่น บตั รคา คาวา่

นกั เลง แกว้
พอ่ มยุ่
สจั วิญ
กิ รตั ตกิ าล

จาแนกไดด้ ังนี้
กิ วญิ ไมเ่ ป็นคาเพราะไมม่ ีความหมาย
นักเลง พ่อ สัจ แก้ว มุ่ย รตั ติกาล เปน็ คาเพราะมคี วามหมาย
๒ . ใหน้ กั เรียนช่วยกันอธบิ ายความหมายของคาที่จาแนกมา
นกั เลง หมายถงึ ๑. ผ้ฝู กั ใฝใ่ นสง่ิ นัน้ ๆ เช่น นกั เลงหนงั สอื นักเลงกลอน

๑๒๔

๒. ผ้เู กะกะระราน

สัจ หมายถึง ความจรงิ ความจรงิ ใจ

แก้ว หมายถงึ ๑. หินแข็งใส แลลอดเขา้ ไปข้างในได้ ได้แก่ จาพวก เพชร พลอย ๒. ภาชนะ

ทที่ าด้วยแกว้ สาหรับใส่น้ากนิ

๓. สงิ่ ท่เี คารพนับถอื ยงิ่

๔. ส่ิงที่มีค่ามาก เป็นท่ีรัก หรือดีเย่ียม เช่น นางแก้ว ลูกแก้ว ม้าแก้ว ๕. ชื่อ

นก

๖. ชือ่ ตวั หนอน ซ่งึ เปน็ ตัวออ่ นของผีเสื้อ

๗. ชื่อต้นไม้

๘. ชอ่ื ปลาทะเล

มุ่ย หมายถงึ อาการทย่ี ิ้มไม่ออกเพราะไม่พอใจ

รัตตกิ าล หมายถึง เวลากลางคืน

(พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)

๓. ให้นกั เรียนศึกษาความรู้เรอ่ื ง คา แลว้ ร่วมกนั สรปุ ความเข้าใจ เกี่ยวกบั ความหมายของคา

เป็นแผนภาพความคดิ ดังนี้

ความหมายของคา

ความหมายเทียบเคยี งกับคา
ความหมายเฉพาะ

ความหมาย ตามตัว
ความหมาย นยั ประหวัด
ความหมาย
ความหมาย เชงิ อปุ มา
นัยตรง

เหมือนกัน
คล้ายกัน

ตรงข้ามกนั
ครอบคลุมคาอน่ื

๑๒๕

๔. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันยกตวั อย่างคาแตล่ ะประเภทเพมิ่ เติม
๕. ให้นักเรยี นศกึ ษาความ๎รูเรอ่ื ง การใช้คา ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้

๑) ใช้คาให้ตรงตามความนยิ ม
๒) ใช้คาให้เหมาะสมกบั กาลเทศะและบคุ คล
๓) ไม่ควรใชค้ าขดั แย้งกนั ในประโยค
๔) เลือกใช้คาใหห้ ลากหลายไม่ซา้ ซากแลว้ ร่วมกันสรปุ ความเขา้ ใจพร้อมยกตัวอย่างเพิม่ เตมิ
๖. ให้นกั เรียนช่วยกันสร้างประโยค โดยใชค้ าใหเ้ หมาะสมกับบุคคลตามสถานการณ์
๗. ครูยกคาทีม่ คี วามหมายคลา้ ยกนั ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่มหาเพ่มิ เตมิ และจาแนกความหมาย
ยกตวั อยา่ งประโยคท่ีใชค้ าเหลา่ นั้น สุม่ ออกมานาเสนอ
กลมุ่ ๑ ดก ชุก ชุม ลน้ หลาม อุดมสมบรู ณ์
กลุม่ ๒ ชิม ซด จบิ งับ เล็ม
กลุ่ม ๓ ชืน้ ชุ่มชื้น เฉอะแฉะ เจ่งิ นอง เปยี กโชก
กลุ่ม ๔ ต่อย กดั ฉก ขวดิ ตะปบ
กลุ่ม ๕ เครอื ทะลาย พวง ชอ่ ฝกั
๘. นกั เรยี นศึกษาความหมาย ทม่ี าของสานวนไทย ทง้ั สานวนคลอ้ งจองและไมค่ ลอ้ งจอง

ข้ันสรปุ
๑. ครูยกตัวอยา่ งการนาสานวนไปใชใ้ นการพูดหรือเขยี น ให้ถกู ตอ้ งตามความหมาย
๒. นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๕ เรอ่ื ง การใชส้ านวนสร้างประโยค
๓. ครตู รวจใบงาน เฉลย และร่วมกันสรุปบทเรียน
๔. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น

๗. การวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมอื เกณฑ์
วิธกี าร ใบงานท่ี ๕ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบทดสอบหลังเรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ ๕ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๒
ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ การทางานรายบคุ คล
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล การทางานกลมุ่

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ

๑๒๖

สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมั่น แบบประเมินคุณลักษณะอัน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ในการทางาน และรักความเปน็ ไทย พึงประสงค์

๘. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
๘.๑ สอื่ การเรียนรู้
- หนังสอื เรยี นหลกั ภาษาและการใชภ้ าษาเพือ่ การส่ือสาร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๕
- ใบงานที่ ๕ เร่ือง การใช้สานวนสร้างประโยค

๑๒๗

๙. บนั ทกึ ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………
……………………………………………………………………………..................………………………………………………..……………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................……………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงชือ่ …………………………………………..
(..............................................)

ตาแหนง่ .......................................................
วันที่……เดอื น……………..พ.ศ……….

๑๒๘

๑๐. บนั ทกึ ผลหลังกระบวนการจัดการเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้ท่เี กิดขึน้ กับผู้เรียน

………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………………....................................…………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………....................................………………………………………………………………

ลงช่อื …………………………………………..
(นางสาววรรณภา สนิ ศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจริง)
ตาแหนง่ ครู คศ.๑

วนั ท…่ี …เดอื น……………..พ.ศ……….

๑๒๙

ใบงานที่ ๕
เรอื่ ง การใชส้ านวนสร้างประโยค

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนเลอื กสานวนท่ีสนใจ ๕ สานวนมาแต่งประโยค สานวนละ ๑ ประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง
พรอ้ มทงั้ อธบิ ายความหมายของสานวนเหลา่ นนั้ (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)

ตัวอยา่ ง
๐. สานวน เล็กพรกิ ขหี้ นู

ประโยค เดก็ คนนเี้ ล็กพรกิ ขหี้ นูจรงิ ๆ เรียนก็เกง่ เลน่ ดนตรี เล่นกฬี าก็เย่ียมมากทากจิ กรรมทุกอยา่ ง
ความหมาย เล็กแต่เกง่ กลา้ สามารถ

๑. สานวน ……………………..
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๒. สานวน ………………………
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๓. สานวน ............................

ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๑๓๐

๔. สานวน ………………………

ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๕. สานวน ............................

ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๑๓๑

แนวคาตอบใบงานที่ ๕
เรอ่ื ง การใชส้ านวนสร้างประโยค
คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นนเลือกสานวนท่ีสนใจ ๕ สานวนมาแตง่ ประโยค สานวนละ ๑ ประโยคให้ถกู ตอ้ ง
พรอ้ มทงั้ อธิบายความหมายของสานวนเหล่านัน้ (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน)
ตัวอย่าง
๐. สานวน เล็กพรกิ ข้ีหนู
ประโยค เดก็ คนน้เี ลก็ พรกิ ขห้ี นจู ริง ๆ เรียนก็เกง่ เลน่ ดนตรี เล่นกฬี าก็เย่ยี มมากทากจิ กรรมทุกอยา่ ง
ความหมาย เลก็ แตเ่ ก่งกลา้ สามารถ

๑. สานวน ……………………..

ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๒. สานวน ………………………
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๓. สานวน ............................
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๑๓๒

๔. สานวน ………………………
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

๕. สานวน ............................
ประโยค .........................................................................................................................
ความหมาย ......................................................................................................................

(อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของคร)ู

๑๓๓

แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒
การรอ้ ยเรยี งประโยค

คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงคาตอบเดยี ว

๑. ประโยคต่อไปนี้เป็นประโยคชนดิ ใด

อาหารจานน้ีอรอ่ ย และ มปี ระโยชน์สาหรบั รา่ งกาย

ก. ประโยคท่ีเช่อื มด้วยคาสันธานหรือสนั ธานวลแี ล้วมใี จความขดั แยง้ กนั
ข. ประโยคที่เช่อื มดว้ ยคาสนั ธานหรือสันธานวลแี ลว้ มใี จความคลอ้ ยตามกัน
ค. ประโยคท่ีเชอื่ มดว้ ยคาสนั ธานหรือสันธานวลแี ล้วมใี จความเป็นเหตุเปน็ ผลกนั
ง. ประโยคท่เี ชื่อมด้วยคาสันธานหรือสันธานวลีแล้วมใี จความให้เลือกอยา่ งใดอย่างหนง่ึ

๒. ประโยคต่อไปนเี้ ป็นประโยคชนดิ ใด

จะไปเรียนว่ายนา้ หรอื ไมก่ ็ เล่นดนตรีอยูท่ ่ีบา้ น

ก. ประโยคที่เชื่อมดว้ ยคาสันธานหรือสันธานวลแี ล้วมีใจความขัดแยง้ กนั
ข. ประโยคทเ่ี ชอ่ื มด้วยคาสันธานหรือสนั ธานวลแี ล้วมใี จความคล้อยตามกนั
ค. ประโยคท่ีเช่อื มดว้ ยคาสันธานหรือสนั ธานวลแี ล้วมีใจความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลกัน
ง. ประโยคทเ่ี ช่อื มดว้ ยคาสนั ธานหรอื สนั ธานวลแี ลว้ มใี จความให้เลือกอย่างใดอยา่ งหนง่ึ

๓. ประโยคตอ่ ไปนเ้ี ป็นประโยคชนดิ ใด

พมิ เป็นคนขยัน ฉะนน้ั จึง สอบชงิ ทุนไปต่างประเทศได้
มาก

ก. ประโยคทีเ่ ชอ่ื มดว้ ยคาสนั ธานหรอื สันธานวลแี ลว้ มใี จความขัดแยง้ กัน
ข. ประโยคที่เชื่อมดว้ ยคาสันธานหรอื สนั ธานวลีแลว้ มใี จความคล้อยตามกัน
ค. ประโยคทเี่ ชือ่ มดว้ ยคาสนั ธานหรอื สันธานวลีแลว้ มใี จความเป็นเหตเุ ป็นผลกัน
ง. ประโยคที่เชอ่ื มดว้ ยคาสันธานหรอื สันธานวลีแล้วมีใจความให้เลือกอยา่ งใดอย่างหนึ่ง

๑๓๔

๔. ประโยคต่อไปนี้เปน็ ประโยคชนดิ ใด

เขามีฐานะดมี าก แต่ ไม่เออื้ เฟอื้ เผอ่ื แผต่ อ่ ผอู้ ่นื

ก. ประโยคท่ีเช่ือมด้วยคาสนั ธานหรือสันธานวลีแล้วมีใจความขดั แย้งกัน
ข. ประโยคทเ่ี ชอื่ มด้วยคาสันธานหรอื สนั ธานวลแี ล้วมีใจความคลอ้ ยตามกนั
ค. ประโยคทเ่ี ชอื่ มดว้ ยคาสันธานหรอื สนั ธานวลแี ลว้ มีใจความเปน็ เหตุเปน็ ผลกนั
ง. ประโยคทเ่ี ช่อื มด้วยคาสันธานหรือสนั ธานวลีแล้วมีใจความให้เลือกอยา่ งใดอย่างหน่ึง

๕. “เดนิ เรว็ ๆ ซ”ิ ข้อความนีเ้ ปน็ ประโยคบอกใหท้ าชนดิ ใด
ก. แสดงคาสั่ง
ข. เจตนาจะใหท้ า
ค. ขอรอ้ งไม่ให้ทา
ง. ออ้ นวอน ขอรอ้ ง

๖. “ห้ามนาสนุ ขั เขา้ มาในรา้ นอาหาร” ข้อความนี้เปน็ ประโยคบอกให้ทาชนดิ ใด
ก. แสดงคาสง่ั
ข. เจตนาจะใหท้ า
ค. ขอรอ้ งไม่ใหท้ า
ง. ออ้ นวอน ขอร้อง

๗. คาวา่ “ขึ้น” ในประโยคใดหมายถงึ นยิ ม นับถือ
ก. นา้ มนั ขนึ้ ราคาทกุ วัน
ข. พระรปู นีม้ ีคนขึน้ มาก
ค. พระจันทร์ขา้ งข้นึ ทอแสงนวลอรา่ มตา
ง. หมอดูทานายวา่ ปนี ้เี ขาดวงดที าอะไรก็ขน้ึ

๘. ข้อใดเป็นการร้อยเรียงประโยคแบบการเช่อื ม
ก. นารีไมม่ าโรงเรียนเธอคงไม่สบาย
ข. เธอชอบร้องเพลงแตฉ่ ันไมช่ อบ
ค. หนังสอื เลม่ นอี้ า่ นสนกุ ดแี ละมสี ารประโยชน์
ง. ฉันซอ้ื รองเทา้ กับกระเปา๋ ใหม่สว่ นรองเท้ากับกระเปา๋ เก่ากย็ กใหน้ ้องไปใช้

๑๓๕

๙. ข้อใดเปน็ การร้อยเรยี งประโยคแบบการซ้าคาหรอื วลี
ก. นารไี มม่ าโรงเรียนเธอคงไมส่ บาย
ข. เธอชอบร้องเพลงแต่ฉนั ไมช่ อบ
ค. หนงั สือเล่มนี้อา่ นสนกุ ดีและมีสารประโยชน์
ง. ฉันซอื้ รองเทา้ กบั กระเป๋าใหมส่ ่วนรองเทา้ กบั กระเป๋าเกา่ ก็ยกใหน้ อ้ งไปใช้

๑๐. ข้อใดเป็นการร้อยเรยี งประโยคแบบการละคาหรอื วลี
ก. นารีไมม่ าโรงเรียนเธอคงไมส่ บาย
ข. เธอชอบร้องเพลงแตฉ่ นั ไมช่ อบ
ค. หนังสือเล่มนีอ้ า่ นสนกุ ดแี ละมสี ารประโยชน์
ง. ฉนั ซอ้ื รองเท้ากบั กระเปา๋ ใหมส่ ่วนรองเท้ากบั กระเป๋าเก่าก็ยกให้น้องไปใช้

๑๑. สานวนในขอ้ ใด หมายถงึ “ไมย่ อมเสยี เปรยี บกนั แกเ้ ผด็ ใหส้ าสมกัน”
ก. เพชรตัดเพชร
ข. ตาต่อตาฟันตอ่ ฟัน
ค. ขนมพอสมน้ายา
ง. ขมิน้ กับปูน

๑๒. สานวนในข้อใด หมายถึง “แนะนาคนโงไ่ มม่ ปี ระโยชน์”
ก. เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ข. ตกั น้ารดหวั ตอ
ค. สซี อใหค้ วายฟงั
ง. ฟังหไู วห้ ู

๑๓. “เอามือซุกหีบ” มีความหมายตรงกับขอ้ ใด
ก. แกว่งเท้าหาเส้ยี น รนหาเร่อื งเดอื ดร้อน
ข. หาเรอื่ งเดอื ดรอ้ นหรอื ความลาบากใส่ตัวโดยใช่ที่
ค. ลดตัวลงไปแลกกบั คนทม่ี ีฐานะตา่ กวา่
ง. โตต้ อบหรือทะเลาะกบั คนพาลหรือคนทม่ี ีฐานะต่ากวา่ เปน็ การไม่สมควร

๑๔. สานวนใดมีความหมายเชน่ เดยี วกบั “ไก่ได้พลอย”
ก. ลงิ ได้แก้ว
ข. หวั ลา้ นไดห้ วี

๑๓๖

ค. ตาบอดไดแ้ วน่
ง. ก่ิงทองใบหยก

๑๕. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สานวน
ก. จนแตม้
ข. จนมุม
ค. จนตรอก
ง. จนทรพั ย์

๑๓๗

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๒
การร้อยเรยี งประโยค

ขอ้ คาตอบ
๑ข
๒ง
๓ค
๔ก
๕ก
๖ค
๗ข
๘ค
๙ก
๑๐ ข
๑๑ ข
๑๒ ค
๑๓ ข
๑๔ ก
๑๕ ง

๑๓๘

ตารางแสดงคะแนน
ใบงานท่ี ๕ เรอ่ื ง การใชส้ านวนสรา้ งประโยค

เลขที่ ช่อื – สกลุ คะแนน (๑๐) หมายเหตุ










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗

๑๓๙

๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๔๐

แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล

พฤติกรรมที่ประเมนิ

เลข ชอ่ื - สกุล ความ ความมี ความ ความมี รวม
ที่ รับผดิ ชอบ วินัย ซอ่ื สัตย์ นา้ ใจ

๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๒



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕

๑๔๑

๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

เกณฑ์การวัดคะแนนระดบั คุณภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรม ดังน้ี

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรบั ปรงุ
คะแนน
๓๒ ๑

เกณฑ์การวดั คะแนนรวมระดับคณุ ภาพ ดงั นี้

ระดับคณุ ภาพ ดี ปานกลาง ปรบั ปรุง
คะแนน ๙ - ๑๒ ๕ - ๘ ๑-๔

๑๔๒

แบบประเมินพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาชีแ้ จง ๑. ให้ผู้ประเมนิ ใส่คะแนนในชว่ งตามความเหมาะสมและตามความเป็นจรงิ

๒. ความหมายของระดบั คะแนน

๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ = ปรบั ปรงุ

เกณฑ์การผ่านไดค้ ะแนน ๑๘ คะแนนหรอื ร้อยละ ๘๐

พฤติกรรม

เล ชอ่ื – สกลุ ความ การตงั้ ใจ การแสดง การรับฟงั รวม
ขที่ ของผรู้ ับการประเมนิ ร่วมมอื ทางาน ความ ความ ๒๐
คิดเห็น คดิ เห็น

๕๕ ๕ ๕



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๑๔๓

๒๒
๒๓
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๔๔

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

เลข ซ่ือ ัสต ์ย
ที่ ชอ่ื – สกุล สุจริต
ีมวิ ันย
ใฝ่เรียนรู้
่มุง ่ัมนใน
การทางาน

รวม
คะแนน
ผ่าน / ไ ่มผ่าน

๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔

๑๔๕

๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙
๓๐
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕

๑๔๖

เกณฑ์การใหค้ ะแนนคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
๑. ซื่อสัตย์สจุ รติ
๓๒๑
๒. มีวินยั
ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วม
๓. ใฝ่เรียนรู้
๔. มุ่งมั่นในการทางาน ห้องด้วยความซ่ือตรง ห้องด้วยความซื่อตรง ห้องด้วยความซื่อตรง

แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม

ข้อตกลง ข้อตกลง ขอ้ ตกลง

ของหอ้ งในระดับดี ของห้องในระดับ ของหอ้ ง ในระดับพอใช้

ปานกลาง

ปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง

กฎเกณฑ์ ระเบียบ ตรง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ

ต่อเวลาในการปฏิบัติ ตรงต่อเวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ

กิจกรรมต่าง ๆ ใน ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ

ระดบั ดี ในระดบั ปานกลาง ในระดับพอใช้

มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ มีความสนใจในการ

เรียนและกระตอื รือร้น เรยี นและกระตอื รือร้น เรียนและกระตือรอื ร้น

ต่อการเรียน ในระดับดี ต่อการเรียน ตอ่ การเรยี น

ในระดบั ปานกลาง ในระดบั พอใช้

มีความต้ังใจ อดทน มีความตั้งใจ อดทน มีความตั้งใจ อดทน

และพยายามในการ และพยายามในการ และพยายามในการ

ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ ท า ง า น ที่ ไ ด้ รั บ

มอบหมายอย่างเต็ม มอบหมาย มอบหมายไมเ่ ตม็ ท่ี

ความสามารถ ในบางคร้งั

ความหมายระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี เกณฑร์ ะดับคะแนน ๙ – ๑๒ = ๓
๒ หมายถงึ พอใช้ เกณฑ์ระดับคะแนน ๕ –๘ = ๒
๑ หมายถงึ ปรับปรุง เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๑– ๔ = ๑

เกณฑ์การผ่าน ได้คะแนน ๑ ข้ึนไป

ลงช่ือ...........................................ผู้ประเมิน
(นางสาววรรณภา สนิ ศรชยั )
(นายอรรคพล ห่วงจรงิ )


Click to View FlipBook Version