อุทยานแห่งชาติ
ภเู ก้า-ภพู านคำ�
พน้ื ท่ี 318.36 ตารางกโิ ลเมตร
ทต่ี งั้ ทท่ี �ำ การอทุ ยานแหง่ ชาติ : หมู่ 6 บ้านท่าศลิ า ต.บา้ นคอ้ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำ�ภู
การเดนิ ทาง : จากจังหวดั ขอนแก่นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น - อดุ รธานี) ถงึ บา้ น
คำ�แก่นคูณเลี้ยวซ้ายไปเข่ือนอุบลรัตน์ตามแนวทางหลวงหมายเลข 2109 ถึงอำ�เภออุบลรัตน์
แยกไปทางขวาตามทางหลวงหมายเลข 2146 ถงึ ทท่ี ำ�การอทุ ยานแหง่ ชาตภิ เู กา้ – ภพู านคำ� รวม
ระยะทาง 63 กโิ ลเมตร
หรือถ้ามาจากหนองบัวลำ�ภู เลี้ยวซ้ายที่บ้านวังหมื่น ไปตามทางหลวงหมายเลข
2146 (หนองบัวลำ�ภู – อำ�เภออุบลรัตน์) แยกซ้ายที่บ้านโสกจาน ถึงที่ทำ�การอุทยานแห่งชาติ
ภูเก้า – ภูพานคำ� รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร
201
กว่าจะเป็ นอุทยานแห่งชาติ
เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพ้ืนที่เป็นป่าสองส่วนคือป่าภูเก้า และป่าภูพานคำ� โดยแต่เดิมน้ันกรมป่าไม้ ได้พิจารณากำ�หนดให้พื้นท่ีป่า
บรเิ วณภูเกา้ เปน็ ป่าโครงการไมก้ ระยาเลยเพื่อใช้สอย ตามหนังสอื กรมป่าไม้ ท่ี กษ 0703/38 ลงวันที่ 5 มกราคม 2513 ซ่ึงตอ่ มาปา่ ภเู กา้
แห่งน้ี กระทรวงเกษตรและสหกรณไ์ ดป้ ระกาศใหเ้ ปน็ ปา่ สงวนแห่งชาติ “ป่าภเู ก้า” ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 490 (พ.ศ.2515) ลงวนั ท่ี 20
ตลุ าคม 2515 และเมอ่ื วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2524 นายสุพรรณ สุปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี ได้มีหนังสือกราบเรียน
ต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ใหพ้ ิจารณาจัดป่าสงวนแหง่ ชาตภิ ูเกา้ ทอ้ งทจ่ี งั หวดั อดุ รธานี เปน็ อุทยานแหง่ ชาติ สำ�นกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี
จึงมหี นังสือ สร .0107(งสส)/3782 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2524 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาเรื่อง ซึ่งรองอธิบดีกรมป่าไม้
(นายจำ�นงค์ โพธสิ าโร) ปฏิบตั ริ าชการแทนอธิบดกี รมป่าไม้ มีบนั ทึกท้ายหนังสอื กองอุทยานแหง่ ชาติ ท่ี กส 0708/1198 ลงวนั ที่ 8 เมษายน
2524 ให้สง่ เจา้ หนา้ ท่ไี ปสำ�รวจ กองอุทยานแหง่ ชาติ กรมป่าไมจ้ ึงไดม้ คี ำ�สัง่ ที่ 571 / 2524 สั่งให้นายวินยั ชลารักษ์ เจ้าพนกั งานป่าไม้ 4
ไปสำ�รวจหาข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งจากการสำ�รวจพบว่าป่าสงวนแห่งชาติภูเก้า ประกอบด้วยพันธุ์พืช สัตว์ป่า และจุดเด่นคือ มีทิวทัศน์
ที่สวยงามตามธรรมชาติ เหมาะสมทจ่ี ะจัดต้ังเปน็ อุทยานแห่งชาติ ตามหนงั สือรายงานการสำ�รวจเบอ้ื งตน้ ท่ี กส 0708 (ภพ)/257 ลงวนั ท่ี
29 กรกฎาคม 2524 และทางสภาตำ�บลโนนสงั จงั หวดั อดุ รธานี ได้
มหี นงั สอื ลงวนั ท่ี 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2526 สนบั สนนุ ใหด้ ำ�เนนิ การจดั ตง้ั
พน้ื ทด่ี งั กลา่ วเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ มมี ตใิ นคราวประชมุ ครง้ั ท่ี 2/2526
เมอ่ื วนั ท่ี 24 พฤษภาคม 2526 ใหก้ ำ�หนดพน้ื ทด่ี งั กลา่ ว เปน็ อทุ ยาน-
แหง่ ชาตไิ ด้
ต่อมา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเก้า (นายพิชา พิทยขจร
วฒุ ิ) ได้มหี นงั สอื ท่ี กษ 0713 (ภก)/8 ลงวันท่ี 8 กมุ ภาพันธ์ 2527
ขอผนวกพ้ืนท่ีทิวเขาภูพานคำ� บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ของเข่ือนอุบลรัตน์ ซึ่งมีสภาพป่าเต็งรังค่อนข้างสมบูรณ์ และมี
ทิวทัศน์ท่ีสวยงามรอบอ่างเก็บน้ําเข้าเป็นอุทยานแห่งชาติด้วย เพ่ือ
ให้เกิดประโยชน์สมบูรณ์ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึงได้มี
บริเวณบ้านพักยา่ นทที่ �ำ การอทุ ยานแหง่ ชาติ เข่อื นอุบลรัตน์
202
สวนหนิ หามต่าง แหล่งรอยตนี ไดโนเสาร์
ผาหินเรขาคณติ รูปสลกั โบราณบนภเู ก้า พิพธิ ภัณฑ์ไดโนเสาร์ใกลห้ นว่ ยฯ วังมน รอยตนี นายพราน
การดำ�เนินการประกาศพ้ืนท่ีดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยมีพระราชกฤษฎีกากำ�หนดบริเวณท่ีดินป่าภูเก้า ในท้องท่ีตำ�บลหัวนา ตำ�บล
นามะเฟือง อำ�เภอเมือง ตำ�บลบา้ นถ่ิน ตำ�บลโคกมว่ ง ตำ�บลพฒั นานคิ ม ตำ�บลโนนเมือง ตำ�บลหนองเรือ อำ�เภอโนนสัง จงั หวัดหนองบัวลำ�ภู
และท่ดี นิ ปา่ ภูพาน ในทอ้ งที่ตำ�บลกดุ ดู่ ตำ�บลโนนสัง ตำ�บลบ้านคอ้ ตำ�บลหนองเรือ ตำ�บลโคกใหญ่ อำ�เภอโนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลำ�ภู และ
ป่าโคกสูง ปา่ บ้านดง ในท้องที่ตำ�บลศรีสุขสำ�ราญ ตำ�บลนาคำ� ตำ�บลบ้านดง ตำ�บลเขอื่ นอบุ ลรตั น์ จังหวดั ขอนแกน่ เป็นอุทยานแหง่ ชาติ
พ.ศ. 2528 ซ่ึงประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102 ตอนที่ 130 ลงวนั ที่ 20 กันยายน 2528 ครอบคลุมพื้นท่ี 322 ตารางกิโลเมตร
นบั เป็นอุทยานแหง่ ชาตลิ ำ�ดับท่ี 50 ของประเทศไทย
ต่อมาในปี 2553 ได้มีการเพิกถอนพ้ืนที่บางส่วนเพ่ือก่อสร้างอ่างเก็บนํ้านํ้าบอลอันเน่ืองมาจากพระราชดำ�ริ ทำ�ให้คงเหลือพื้นที่
318.36 ตารางกิโลเมตร
ทวิ เขาภเู ก้าเปน็ ภเู ขาหินทราย ซึ่งมีชนั้ ของหนิ ทรายอย่ดู ้านบนระดบั ผิวดนิ โดยมีชัน้ ของหนิ ดนิ ดานปนหนิ ทรายเปน็ พืน้ ฐานด้านลา่ ง
มดี นิ ประเภทดนิ ลกู รัง และดินร่วนปนทราย กระจดั กระจายอยู่ท่วั ไป มีลักษณะเปน็ ทิวเขาสองชน้ั ช้นั นอกเปน็ ภูเขาสงู ลาดชันมาก ขณะท่ี
ไหลเ่ ขาดา้ นในไมช่ นั มากนกั
สว่ นภพู านคำ�เป็นแนวทวิ เขายาวตอ่ เนอ่ื งกันของทิวเขาภพู าน เรียงตวั กันตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ตะวันตกเฉียงใต้ มีความ
ลาดชันสูงในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ในเขตจังหวัดอุดรธานี) และลาดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ท่ีมีความชันตํ่ากว่า (ในเขตจังหวัด
ขอนแกน่ ) มลี ักษณะคลา้ ยช้อน บรเิ วณทิศตะวนั ออกเฉยี งใตเ้ ป็นอ่างที่ราบตํ่าล่มุ นาํ้ พอง ซ่ึงกลายเป็นทะเลสาบหลังสรา้ งเขื่อนอุบลรตั น์ และ
เป็นทีต่ ั้งของท่ีทำ�การอุทยานแห่งชาติภูเกา้ – ภพู านคำ�
203
ไปจังหวดั หนองบัวลำภู ไปจังหวัดหนองบวั ลำภู
ภเู กา วัดตาดครี ว� ัน 4022
ตนาำ้ดตโตกน บา นถิ�น ภูพานคำ
บา นวงั มน โสกกา นเหลอื ง
ตาดนหำ้ ตนิ กแตก ตนาำ้ ดตฟกา
2146
บา นโคกสะอาด
ไปอำเภอศร�บุญเร�อง บานโสกจาน
อ.โนนสงั
บา นคอ
3002
ท่ที ำภกเูากราอ-ุทภยูพาานนแคหำงชาติ
บานบอนกเขา
เข่อ� นอบุ ลรตั น บานหนองขาม
อำเภออุบลรัตน ไปจงั หวดั ขอนแกน
2109
ไปจงั หวัดขอนแกน
204
น้�ำ ตกตาดโตน
ท่ีตั้ง : หมู่ 4 บา้ นหนองเล้าขา้ ว ต.บ้านถิน่ อ.โนนสัง จ.หนองบวั ลำ�ภู
พิกัด : 243979E 1878909N
การเข้าถึง : อยู่ในส่วนของภูเก้า ติดกับบริเวณวัดตาดคีรีวัน โดยเร่ิมจาก
ที่ทำ�การอุทยานแห่งชาติเล้ียวซ้ายมาตามทางหลวงหมายเลข 2146 ไปเร่ือย ๆ
จนถึงสามแยกบ้านโสกจาน เลี้ยวขวา (เลี้ยวซ้ายจะไปโนนสัง) ถนนสายน้ีจะเป็น
สายโนนสัง - หนองบัวลำ�ภู (ทางหลวงหมายเลข 2146) ไปจนถึงบ้านถ่ินซึ่งเป็น
ตำ�บลขนาดใหญ่ จะมีทางเลี้ยวซ้าย เพื่อข้ึนภูเก้า จะเจอด่านตรวจของอุทยาน-
แห่งชาติ เลยด่านตรวจไปราว 500 เมตร จะเจอวัดตาดครี วี นั เขา้ ไปในวดั จอดรถ
ใกล้พระอโุ บสถ แล้วเดินไปทางซา้ ย จะมที างเดนิ เข้าไปราว 100 เมตร เจอศาลา
รมิ ลำ�ธาร
205
ลักษณะ : น้ําตกตาดโตน เป็นน้ําตกขนาดเล็ก ท่ีเกิดจากแหล่งรับนํ้าบนภูเก้าไหลลงมารวมกัน ไหลตามร่องเขาจนมาถึงตำ�แหน่งนํ้าตก
นํ้าท่ีล้นฝายออกมาจะไหลลงร่องหินต่างระดับสูงไม่มากราว 2 - 3 เมตรลดหลั่นกันลงมาลักษณะคล้ายแก่งน้ําแล้วจึงไหลผ่านวัดลงไปใน
พ้นื ราบนอกภู บรรยากาศทวั่ ไปรม่ ร่นื ดว้ ยรม่ เงาของตน้ ไม้รมิ ลำ�ห้วย
พระอุโบสถวัดตาดคีรีวัน ตดิ กับนำ�้ ตกตาดโตน
206
นำ�้ ตกตาดฟา้
ท่ีตั้ง : หมู่ 9 บ้านชัยมงคล ต.โคกมว่ ง อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลำ�พู
พิกัด : 230005E 1872238N
207
การเขา้ ถึง : จากน้าํ ตกตาดโตนขึน้ มาบนภเู กา้ จนไปเจอทางแยก เลี้ยวซา้ ย ไปทางบา้ นดงบาก ว่งิ ไปตามทางหลายกิโล จนมีทางแยกเขา้
บ้านชัยมงคล เล้ียวขวาไปจนถงึ บ้านชยั มงคล จะมีทางเล็ก ๆ เขา้ ไปในไร่นาชาวบา้ น รถไปจนสุดทาง แลว้ เดนิ เทา้ ราว 100 เมตร ถึงนาํ้ ตก
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกท่ีตกลงจากหน้าผาหินท่ีมีเว้ิงด้านล่าง ผาหินสูงราว 4 เมตร หน้าผากว้างราว 20 เมตร โดยผาจะเอียงไปทางด้าน
นาํ้ ตก นา้ํ จึงไหลไปรวมกนั และตกลงทางดา้ นทต่ี ํ่ากว่าไม่ไดแ้ ผก่ ระจายแต่อยา่ งใด มนี ้ําเฉพาะในหน้าฝน
208
น้�ำ ตกตาดหินแตก
ท่ีตั้ง : หมู่ 9 บา้ นชยั มงคล ต.โคกม่วง อ.โนนสงั จ.หนองบัวลำ�ภู
พิกัด : 229097E 1871684N
การเขา้ ถึง : อยใู่ นหมู่บ้านชัยมงคลเหมือนนํา้ ตกตาดฟ้า เพียง
แตน่ ํ้าตกตาดหนิ แตกนี้ตอ้ งไปทวี่ ดั ลานนํา้ ตกอยูต่ ดิ วดั
ลักษณะ : นํ้าตกนี้เกิดจากลำ�ห้วยบอง ท่ีจะไหลลงอ่างเก็บ
นํ้าลำ�พะเนียง โดยเป็นลำ�ห้วยใหญ่ไหลผ่านลานหินมาถึงตรง
บรเิ วณทห่ี ินหักแยกออกมาเป็นแนวยาว กว้างราว 30 เมตร แต่
สงู ราว 4 เมตร ด้านปลายนํ้าเป็นกองหนิ ระเกะระกะในฤดูฝนจึง
เป็นแก่งหินโดยปริยาย ด้านบนมีการเทปูนทำ�ถนนไปยังฝ่ังตรง
ขา้ มไปยงั หมูบ่ า้ นด้านใน เกิดเปน็ ฝายนํา้ ลน้ เล็ก ๆ
209
หนา้ นำ�้ นำ�้ จะเจ่งิ ขงั จนต้องนั่งเรอื ขา้ มไปฝั่งท่ตี ัง้ น�ำ้ ตก
210
อุทยานแห่งชาติ
ภจู องนายอย
พื้นท่ี 318.36 ตารางกิโลเมตร
ทต่ี งั้ ทที่ ำ�การอทุ ยานแหง่ ชาติ : หมู่ 3 บ้านแก้งเรือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย
จ.อบุ ลราชธานี
การเดนิ ทาง : ใชท้ างหลวงหมายเลข 24 บรุ รี มั ย์ - สรุ นิ ทร์ - ศรษี ะเกษ พอถงึ แยกกนั ทรลกั ษณ์
เล้ยี วซ้ายเข้ามาตามถนน 221 จนถึงบ้านภูมิซรอล เล้ยี วซ้ายไปตามถนน 2248 จนเข้าเขต
จงั หวดั อบุ ลราชธานี ผา่ นอำ�เภอนา้ํ ยนื - อำ�เภอปณุ ฑรกิ ผา่ นทางแยกเขา้ แกง่ ลำ�ดวน ไปจนถงึ
บา้ นแกง้ เรอื ง (กอ่ นถงึ อำ�เภอนาจะหลวย ราว 10 กโิ ลเมตร) จะมที างแยกขวาเขา้ อทุ ยานแหง่ ชาติ
เขา้ ไปตามทางราว 4 กโิ ลเมตร ถงึ ทท่ี ำ�การอทุ ยานแหง่ ชาติ
211
หลักเขตแดน บนภูผาด่าง หรอื ถา้ มาจากอบุ ลราชธานี ใหใ้ ชเ้ สน้ ทาง อบุ ลราชธานี - อำ�เภอวารนิ ชำ�ราบ
- อำ�เภอเดชอดุ ม - อำ�เภอนา้ํ ยนื - อำ�เภอนาจะหลวย ระยะทางรวม 140 กโิ ลเมตร
เลยอำ�เภอนาจะหลวยประมาณ 10 กโิ ลเมตร จะถงึ บา้ นแกง้ เรอื งซง่ึ มที างแยกซา้ ยเขา้
อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ชน่ กนั
กว่าจะเป็ นอทุ ยานแห่งชาติ
สืบเนื่องจาก ร.ต.ท.ณรงค์ เทวคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด
อุบลราชธานี ได้มีหนังสือลงวันท่ี 15 พฤศจิกายน 2525 ถึงกรมสืบเนื่องจาก
ร.ต.ท.ณรงค์ เทวคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหนังสือ
ลงวันท่ี 15 พฤศจกิ ายน 2525 ถึงกรมปา่ ไม้ เสนอโครงการพฒั นาปา่ ภจู องนายอย
เดินเที่ยวภหู นิ ดา่ ง ทงุ่ ดอกไมพ้ ลาญป่าชาด
เวงิ้ ผาบนภผู าด่าง หลักแดนลาว บนภูหนิ ดา่ ง
212
พลาญกงเกวียน พาหนะขึน้ ภหู นิ ด่าง
ต้นจองหรอื สำ�รอง ทีม่ าของช่ืออุทยานฯ
ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามความต้องการของราษฎรอำ�เภอนาจะหลวย และอำ�เภอใกล้เคียงในจังหวัดอุบลราชธานี เพ่ือป้องกันรักษาป่า
ท่ีมคี วามอุดมสมบูรณ์ และสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติทส่ี วยงามไวเ้ ปน็ สถานที่ท่องเทย่ี วพกั ผ่อนหยอ่ นใจ กองอุทยานแหง่ ชาติ กรมปา่ ไม้
จึงมคี ำ�สั่งท่ี 116/2526 ลงวันที่ 19 มกราคม 2526 ให้นายอนศุ กั ดิ์ ศรที องแดง เจา้ พนักงานปา่ ไม้ 3 ไปทำ�การสำ�รวจพน้ื ท่ดี งั กลา่ ว
ผลการสำ�รวจ ปรากฏว่าสภาพพ้ืนที่เป็นป่าสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าหลายชนิดชุกชุม และมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ตาม
รายงานการสำ�รวจ ท่ี กส 0713 (ภจ)/พเิ ศษ ลงวนั ท่ี 12 เมษายน 2526 เพ่ือเปน็ การสนองตอบความตอ้ งการของราษฎรทจ่ี ะอนุรกั ษ์ปา่
ภูจอง - นายอยไว้ ตอ่ มานายเคน ประคำ�ทอง ราษฎรอำ�เภออดุ มเดช จังหวัดอุบลราชธานี ไดม้ หี นงั สือลงวันท่ี 1 มิถนุ ายน 2526 ถึงรฐั มนตรี
ช่วยวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรง่ รดั การจดั ตง้ั อทุ ยานแหง่ ชาตแิ หง่ น้ี กองอทุ ยานแหง่ ชาตจิ งึ ไดเ้ รง่ รดั สำ�รวจหาขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ เหน็ วา่
พื้นท่ีป่าภูจอง-นายอยมีสภาพทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงามเหมาะที่จะจัดต้ังเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามหนังสือวนอุทยานภูจอง ท่ี กห
0713 (ภจ)/77 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2527
กองอุทยานแห่งชาติ กรมปา่ ไม้ ได้นำ�เสนอคณะกรรมการอทุ ยานแหง่ ชาติ ซ่ึงได้มีมตกิ ารประชมุ คร้งั ท่ี 3/2527 เมือ่ วนั ที่ 12 กนั ยายน
2527 เห็นชอบใหก้ ำ�หนดพน้ื ทป่ี า่ ดงั กลา่ วเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ โดยไดม้ พี ระราชกฤษฎกี ากำ�หนดบรเิ วณทด่ี นิ ปา่ ภจู อง - นายอยในทอ้ งทตี่ ำ�บล
213
หว้ ยข่า อำ�เภอบุณฑริก ตำ�บลนาจะหลวย อำ�เภอนาจะหลวย และตำ�บลโดมประดิษฐ์ อำ�เภอนา้ํ ยืน จังหวัดอบุ ลราชธานี ให้เปน็ อุทยานแห่ง
ชาติ ซึ่งประกาศไวใ้ นราชกจิ จานุเบกษา เล่ม 104 ตอนที่ 103 ลงวนั ท่ี 1 มถิ ุนายน 2530 เป็นอทุ ยานแหง่ ชาติลำ�ดับที่ 53 ของประเทศ มี
เนื้อท่ีประมาณ 686 ตารางกโิ ลเมตร
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย มีเน้ือท่ีครอบคลุมบางส่วนของอำ�เภอบุณฑริก อำ�เภอนาจะหลวย และอำ�เภอน้ํายืน จังหวัด
อบุ ลราชธานี มอี าณาเขตติดตอ่ กับประเทศลาว และประเทศกัมพูชา พนื้ ท่ีป่าอย่ใู นส่วนหนึง่ ของทวิ เขาพนมดงรัก พืน้ ทส่ี ่วนใหญ่เป็นทร่ี าบ
และเนนิ เขาซ่ึงลาดไปทางทิศใต้ ประกอบดว้ ยภูเขาเล็ก ๆ สลบั ซับซ้อนมากมาย เชน่ ภูจองนายอย ภจู องนา้ํ ซับ ภูจนั ทรแ์ ดง ภพู ลาญยาว มี
ความสงู เฉลี่ยประมาณ 300 – 600 เมตร จากระดับนา้ํ ทะเลสภาพป่าโดยทัว่ ไปเป็น ปา่ ดิบแล้ง ปา่ เบญจพรรณ และป่าเตง็ รงั มพี รรณไมข้ น้ึ
อยหู่ นาแน่น ประมาณ 75 เปอรเ์ ซ็นต์ ของพ้ืนที่ อุทยานแห่งชาตภิ จู องนายอย มีสภาพธรรมชาตทิ ี่งดงาม มสี ภาพปา่ สมบูรณ์ ในพ้ืนทพ่ี บ
“ต้นจอง” หรือต้นสำ�รองจำ�นวนมากอนั เปน็ ท่ีมาของชือ่ อุทยานแหง่ ชาติ สว่ น “นายอย” มาจากคำ�วา่ นา้ํ ยอ้ ย ทแี่ สดงถึงความอุดมสมบูรณ์
ของแหลง่ ต้นน้าํ ลำ�ธาร มนี ำ้ �ไหลยอ้ ยลงมาตามเพิงผาที่อยู่ใกลน้ า้ํ ตก และมีลำ�นา้ํ สายนา้ํ สำ�คัญตา่ ง ๆ เชน่ ลำ�โดมน้อย ลำ�โดมใหญ่ หว้ ยหลวง
ภายในอทุ ยานแหง่ ชาตภิ จู องนายอยนอกจากยังคงสภาพเปน็ ปา่ ทึบและมีสัตวป์ า่ ชกุ ชุมแล้ว ยังมภี ูหินดา่ ง ซ่ึงเป็นบรเิ วณแนวหน้าผาสูงใหญ่
มองเหน็ ทิวทัศนใ์ นพ้ืนท่ปี า่ ของฝั่งลาวและกัมพชู าไดเ้ ปน็ อย่างด ี ทง้ั ยังมลี านหินปุ่มและทุ่งดอกไมใ้ นฤดฝู นอีกดว้ ย
214
ไปอำเภอบณุ ฑร�ก
ไปบา นภูมซิ รอล อำเภอนาจะหลวย
น้ำตก
เขตรกั ษาพันธสุ ตั วป า ยอดโดม
แกงศลิ าทิพย
แกบงาเรนอ� ง ภหู นิ ดา ง
น้ำตกปะโอนละออ
อภทุ ูจยทอาีท่ งนำนแกาหายงรชอายติ นำ้ ตกหว ยหลวง
2248 พลทางุ ญดอปกาไชมา ด น้ำตกสราร�ภริ มย
แกง กะเลา
น้ำตกเกง�ิ แมฟอง
หนว ยพท� ักษ(อพทุ ลยาาญนสแหูง)ง ชาติที่ ภจ.2
215
น�ำ้ ตกแกง่ กะเลา
ท่ีต้ัง : หมู่ 3 บ้านแกง้ เรือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
พิกัด : 48P 529818E 1596004N
การเขา้ ถึง : อยู่ทางด้านเหนอื ของน้าํ ตกหว้ ยหลวง โดยจากท่ที ำ�การใชถ้ นน
ในอุทยานแห่งชาติท่ีไปน้ําตกห้วยหลวง ไปตามทางก่อนถึงลานจอดรถน้ําตก
หว้ ยหลวงราว 500 เมตร จะมีทางแยกขวาเขา้ ไปราว 300 เมตร ถึงริมลำ�ธาร
หา่ งจากที่ทำ�การอุทยานแหง่ ชาตริ าว 2.5 กิโลเมตร
ลักษณะ : เป็นแก่งหินกลางลำ�ธารห้วยหลวงท่ีมีธารนํ้าไหลแผ่กว้าง ไหล
ลาดหลน่ั ตกลงมาเปน็ แกง่ น้าํ อยู่ 2 - 3 บริเวณ ใกล้ ๆ กนั มชี น้ั หนิ ลานหนิ
อยู่กลางแกง่ บรรยากาศรายรอบด้วยตน้ ไม้น้อยใหญ่ มีลานทรายรมิ นํ้า ผทู้ ม่ี า
ท่องเท่ยี วจงึ นิยมมาเล่นนา้ํ กันมาก
216
น�้ำ ตกสราลภี ริ มย์
ท่ีต้ัง : หมู่ 3 บ้านแก้งเรอื ง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อบุ ลราชธานี
พิกัด : 48P 530253E 1595023N
ลักษณะ : เดินเทา้ เลาะลำ�หว้ ยจากแก่งกะเลาไปทางปลายนํา้ ราว 100 เมตร
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกเล็ก ๆ อีกสายท่ีไหลลงมาบรรจบกับลำ�ห้วยหลวง เป็นลานหินกว้าง ช้ันนํ้าตกสูงประมาณ 2 เมตร หน้ากว้างราว
10 เมตร ตกลงมาแล้วยังเป็นแก่งน้ําที่นํ้าไหลผ่านกองหินต่อเน่ืองไปอีกเป็นทางยาวราว 10 เมตร มีต้นเสม็ดขาวขึ้นบริเวณน้ําตกทำ�ให้
บรรยากาศรม่ รื่น
217
น้ำ�ตกหว้ ยหลวง
หรอื นำ้�ตกบักเตว
ท่ีต้ัง:หมู่3บา้ นแก้งเรอื งต.นาจะหลวยอ.นาจะหลวยจ.อุบลราชธานี
พิกัด : 48P 529946E 1596352N
การเข้าถึง : ใช้ถนนในอุทยานแห่งชาติเข้าไปยังน้ําตกห้วยหลวง
ราว 3 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถ และมีศูนยบ์ รกิ ารนกั ทอ่ งเทย่ี วอยู่ แลว้
เดนิ ลงบันไดลงหบุ ไปราว 150 เมตร ถึงชน้ั ลา่ งนา้ํ ตก
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกขนาดใหญ่ ท่ีตกลงมาจากเวิ้งหน้าผาหินทราย
ท่ีเป็นเว้ิงกว้าง สูงราว 40 เมตร ตกลงมาชั้นเดียว ด้านล่างเป็นแอ่ง
นา้ํ กว้างและเปน็ ลานทรายรมิ นา้ํ มีตน้ ไม้ขน้ึ บนลานทรายห่าง ๆ ในฤดู
ฝนน้าํ ตกมคี วามรนุ แรง เกดิ เป็นละอองนา้ํ ฟุง้ อยเู่ ตม็ ทั้งหุบเขา
นํ้าตกแห่งน้ีอยู่ในหมวดหินภูพาน ประกอบด้วยหินทราย
หินทรายเนื้อกรวด สีเทาปนขาว เม็ดขนาดปานกลางถึงหยาบ ขนาด
ชั้นหนา แสดงการวางเฉียงระดับ ที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอน
218
ในสภาพแวดล้อมและทางน้ําประสานสายและแบบทางน้ําโค้งตวดั ในสภาพอากาศท่คี อ่ นข้างร้อนชื้น ในยคุ ครเี ทเชยี สตอนปลาย (ประมาณ
97 - 65 ลา้ นปกี ่อน) ลักษณะของหน้าผาเกิดจากการยกตวั ของเปลือกโลกหลังตะกอนแข็งตวั เป็นหนิ จึงมีรอยแตกในเนอ้ื หนิ เมอ่ื น้ําไหลผา่ น
รอยแตก จงึ เกดิ การกัดเซาะใหก้ ร่อนและผุพังไป ส่วนที่ผสุ ลายก็จะถกู สายนํา้ พัดพาออกไป เปน็ หาดทรายดา้ นล่าง หินทรายสว่ นท่แี ข็งแรง
และผุพงั ง่าย เปน็ ปจั จัยทำ�ให้หนิ ทรายเกิดเปน็ รูปรา่ งต่าง ๆ จากการกระทำ�ของนํ้า ส่วนท่ผี พุ งั งา่ ยกจ็ ะกร่อนคอดเว้าเข้าไป ส่วนท่ีแข็งแรง
ทนทานกวา่ กจ็ ะกลายเป็นชะง่อนผายน่ื ออกไป นอกจากนั้นตามลำ�ธารน้าํ ยังเกดิ มีกมุ ภลกั ษณเ์ กดิ ขนึ้ มากมายอกี ด้วย
219
น�้ำ ตกปะโอนละออ
ท่ีตั้ง : หมู่ 3 บา้ นแก้งเรอื ง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
พิกัด : 48P 529944E 1596344N
การเขา้ ถึง : เดินตอ่ จากนา้ํ ตกหว้ ยหลวง จะมที างเดนิ เลยี บลำ�หว้ ยฝง่ั ซา้ ยของลำ�หว้ ย ไปราว 100 เมตร
ลักษณะ : เปน็ น้าํ ตกขนาดเล็กทสี่ ายนํา้ ตกลงจากลานหนิ กวา้ งราว 20 เมตร ตกลงยงั แอ่งน้ํากว้างเบอื้ งล่างชนั้ เดียว สูงราว 4 เมตร ด้านบน
เหนือนา้ํ ตกยังเป็นแกง่ นาํ้ เล็ก ๆ ไหลลดหล่นั กนั ลงมากอ่ นจะตกลงไปเป็นช้ันนํา้ ตกปะโอนละออ
220
แก่งศลิ าทพิ ย์
ท่ีต้ัง : หมู่ 3 บา้ นแก้งเรอื ง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อบุ ลราชธานี
พิกัด : 48P 527471E 1597621N
การเข้าถึง : จากทางหลวงหมายเลข 2248 ท่ีมาจากน้ํายืน เลี้ยวเข้ามาตามถนน
เข้าอุทยานแห่งชาติ ก่อนถึงด่านเกบ็ ค่าบรกิ าร ราว 100 เมตร มที างเดินเท้าแยกซา้ ย
เข้าไปตามทางลำ�ลองในป่าราว 2.9 กโิ ลเมตร จนถงึ รมิ ลำ�ห้วย
ลักษณะ : เป็นแก่งนํ้าตอนปลายของลำ�ธารห้วยหลวงท่ีจะอยู่ในเขตอุทยานแห่ง
ชาติก่อนจะไหลออกไปนอกเขต จะเป็นแก่งน้ํากว้างกลางลำ�ธารขนาดใหญ่ ไหลตก
ลดหล่ันกนั มาเปน็ แกง่ เลก็ แกง่ น้อย สูงสุดราว 2 เมตร ลานหินในลำ�ธารมหี ลมุ “กมุ ภ-
ลักษณ”์ เกดิ ขึ้นหลายแห่ง เหมาะกบั การมาเล่นน้าํ แต่ความนยิ มสทู้ แ่ี ก่งกะเลาไมไ่ ด้
ซง่ึ นกั ท่องเทย่ี วจะมากกวา่
221
น้�ำ ตกเก้ิงแม่ฟอง
ท่ีตั้ง : หนว่ ยพิทกั ษ์อุทยานแห่งชาตทิ ี่ ภจ.2 (พลาญสูง) ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
พิกัด : 48P 535802E 1595023N
การเข้าถึง : เดินทางจากแก่งกะเลา โดยข้ามแก่งกะเลา เขา้ ไปตามทางลำ�ลองในป่า ซ่ึงทางคอ่ นขา้ งยาก
บางชว่ งเปน็ รอ่ งลกึ บางชว่ งขน้ึ เนนิ ดนิ ไปราว 18 กโิ ลเมตร ถงึ หนว่ ยพทิ กั ษอ์ ทุ ยานแหง่ ชาตทิ ่ี ภจ.2 (พลาญสงู )
จากหน่วยพทิ กั ษ์อทุ ยานแหง่ ชาติ ไปตามทางลำ�ลอง ซ่งึ ตอ้ งเดนิ เทา้ ไปราว 4 กโิ ลเมตร ถงึ น้ําตก
222
ลักษณะ : นาํ้ ตกเกิง้ แม่ฟอง อยกู่ ลางปา่ ลึกอันอดุ มสมบรู ณ์ เกิดจากลำ�โดมน้อย โดยสายนํ้าไหลผา่ นแก่งหินด้านบน แลว้ จึงไหลตกลงจาก
หนา้ ผาหนิ สงู ประมาณ 10 เมตร ตกลงชน้ั เดยี ว รอบบรเิ วณมตี น้ ไมข้ น้ึ กนั รม่ รน่ื ใกล้ ๆ มเี พงิ หนิ ทรายขนาดใหญเ่ คยเปน็ ทพ่ี กั ของ ผกู้ อ่ การรา้ ย
คอมมวิ นิสต์ในอดตี
นอกจากน้นั ยังมนี าํ้ ตกถา้ํ บอนและแกง่ สนสามพันปีอยู่ในพืน้ ทด่ี ้วย
223
อุทยานแห่งชาติ
ภผู าเทิบ
พน้ื ท่ี 48.50 ตารางกโิ ลเมตร
ทต่ี ง้ั ทท่ี �ำ การอทุ ยานแหง่ ชาติ : หมู่ 5 บ้านคอนสาย ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มกุ ดาหาร
การเดนิ ทาง : หา่ งจากอำ�เภอเมอื ง จงั หวดั มกุ ดาหาร ประมาณ 17 กโิ ลเมตร โดยเดนิ ทาง
ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2034 สายมุกดาหาร - อำ�เภอดอนตาล ประมาณ 15
กิโลเมตร แลว้ เล้ยี วขวาอีก 2 กิโลเมตร จะถงึ อุทยานแหง่ ชาตภิ ผู าเทบิ
224
กว่าจะเป็ นอทุ ยานแห่งชาติ
ในปี 2527 กองอทุ ยานแหง่ ชาติ ได้รบั รายงานจากป่าไมจ้ งั หวัดมกุ ดาหาร ตามหนังสอื ท่ี มห 009/6913 ลงวันที่ 24 เมษายน 2527
วา่ จงั หวดั ได้รบั นโยบายจาก ฯพณฯ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำ�เนินการอนรุ ักษ์ปา่ ใกล้จงั หวดั และอำ�เภอตา่ ง ๆ ใน
รูปแบบอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน หรือสวนรุกขชาติ เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจังหวัดได้สำ�รวจสภาพพ้ืนท่ีท่ีเหมาะสมควร
จัดตง้ั เปน็ อุทยานแหง่ ชาติหรือวนอุทยานแลว้
225
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้มีคำ�สง่ั ท่ี 1260/2527 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2527 ใหน้ ายเชดิ ชยั นิลมั ภาชาติ เจ้าพนกั งานธรุ การ 4
และนายพงษ์ศักดิ์ จกั รกลุ พนักงานพิทกั ษป์ า่ ไปดำ�เนนิ การสำ�รวจหาข้อมูลเบ้อื งตน้ ในท้องท่ตี ำ�บลบ้านแก้ง อำ�เภอดอนตาล ตำ�บลนาสีนวน
อำ�เภอเมอื ง จังหวัดมุกดาหาร จากรายงานการสำ�รวจตามหนังสอื ลงวนั ที่ 22 ตุลาคม 2527 ปรากฏว่า บรเิ วณภนู างหงษ์ ภูถํา้ พระ ภหู ลังเส
ภหู นิ เทิบ และภมู โน อยูใ่ นเขตปา่ สงวนแห่งชาติดงบงั อ้ี เนอ้ื ที่ประมาณ 49.26 ตารางกิโลเมตร มสี ภาพเปน็ ภูเขาสูงชัน เป็นทิวเขาตดิ ต่อกัน
มปี ่าเบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั มหี น้าผาสูง ลานหินกวา้ ง - ยาว ประกอบดว้ ยหนิ รูปรา่ งต่าง ๆ วางซอ้ นทับกนั อยู่ รวมทั้งมีเพงิ ถํา้ หินทราย
กองอทุ ยานแหง่ ชาตไิ ด้มหี นงั สือ ท่ี กษ 0713/4655 ลงวนั ท่ี 11 ธนั วาคม 2527 เสนอกรมป่าไมเ้ ห็นควรจดั ตั้งเป็นอทุ ยานแห่งชาติ
และมีคำ�สงั่ กรมป่าไม้ท่ี 1951/2527 ลงวันท่ี 13 ธันวาคม 2527 ใหน้ ายศักดิ์สทิ ธ์ิ พลทรพั ย์ศริ ิ เจ้าพนักงานปา่ ไม้ 3 ไปดำ�เนินการจัดต้ัง
บรเิ วณดงั กล่าวเป็นอทุ ยานแห่งชาติ ซงึ่ ไดม้ หี นงั สือ ท่ี กษ 0713 (มห)/1 ลงวนั ท่ี 30 มกราคม 2528 รายงานการสำ�รวจพืน้ ทด่ี งั กลา่ ววา่
มีความเหมาะสมที่จะจดั ต้ังเป็นอทุ ยานแห่งชาติ ใหก้ องอุทยานแห่งชาตดิ ำ�เนินการต่อไป
ในระหว่างการดำ�เนินการจัดต้ังอุทยานแห่งชาติน้ัน ได้มีราษฎรคัดค้านและต่อต้านการจัดตั้ง เน่ืองจากมีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บหา
ของปา่ และการเลยี้ งสัตว์ในพ้นื ท่ี ซงึ่ เจ้าหนา้ ที่ทเี่ กยี่ วข้องฝ่ายตา่ ง ๆ ไดแ้ ก้ปญั หาดังกลา่ วจนเป็นทเ่ี ขา้ ใจ และทางสภาตำ�บลบ้านแกง้ ไดม้ ีมติ
ยืนยนั และสนบั สนนุ ใหท้ างราชการประกาศเป็นอทุ ยานแห่งชาติ
จังหวัดมุกดาหารได้นำ�เสนอเข้าท่ีประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้จังหวัด ครั้งท่ี 2/2530 เม่ือวันท่ี 22
กรกฎาคม 2530 ได้มีมติสนับสนุนให้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ซ่ึงคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติคราวประชุมคร้ังท่ี 1/2530
เม่ือวันท่ี 18 มิถุนายน 2530 เห็นชอบให้กำ�หนดพ้ืนท่ีดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติได้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำ�หนดบริเวณที่ดินป่าดง
บังอ้ี ในท้องที่ตำ�บลศรีบุญเมือง ตำ�บลคำ�อาฮวน ตำ�บลดงเย็น ตำ�บลนาสีนวน อำ�เภอเมือง และตำ�บลบ้านแก้ง อำ�เภอดอนตาล จังหวัด
มกุ ดาหาร เป็นอทุ ยานแหง่ ชาติมุกดาหาร ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 105 ตอนท่ี 235 ลงวนั ท่ี 28 ธันวาคม 2531 นบั เปน็ อทุ ยาน
แหง่ ชาตลิ ำ�ดบั ที่ 59 ของประเทศ เนอ้ื ท่ปี ระมาณ 48.50 ตารางกโิ ลเมตร
226
ตอ่ มาเมอ่ื วนั ท่ี 31 พฤษภาคม พ.ศ.2549 กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื ไดพ้ จิ ารณาชอ่ื อทุ ยานแหง่ ชาตใิ หม้ คี วามเหมาะสม
สอดคล้องกับจุดเด่น และศักยภาพที่สำ�คัญของพ้ืนที่ท่ีจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงเปลี่ยนชื่อจากอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นอุทยาน
แหง่ ชาติภูผาเทบิ จนปจั จบุ นั
ในปี 2546 ได้มีการเพิกถอนพื้นท่ีทับซ้อนวัดรอยพระบาทภูมโนรมย์ (ร้าง) ให้กับกรมศาสนาในการบูรณะซ่อมแซมให้พัฒนาเจริญ
ร่งุ เรอื ง ทำ�ให้อุทยานแห่งชาติคงเหลือพ้ืนที่ 48.39 ตารากโิ ลเมตร
พน้ื ทข่ี องอทุ ยานแหง่ ชาตภิ ผู าเทบิ นน้ั เปน็ ภเู ขาสงู ทวิ เขาตดิ ตอ่ กนั คอื ภนู างหงษ์ ภถู า้ํ พระ ภหู ลงั เส ภหู นิ เทบิ ภหู มากยาง ภโู ปง่ ภมู โน
มยี อดเขาภูจอมศรีเป็นยอดเขาทสี่ ูงที่สุด คือ สงู ประมาณ 420 เมตร จากระดบั ทะเล มีสภาพทเี่ ปน็ จุดเด่นคือลานหินทรายท่ีกวา้ งใหญ่ เปน็
เนนิ หินท่สี ามารถเห็นทิวทัศน์ได้เปน็ อย่างดี และมีหนิ รูปร่างต่าง ๆ มากมาย เป็นแหลง่ กำ�เนิดของแมน่ า้ํ หลายสาย เช่น ห้วยตาเหลอื ก ห้วย
สงิ หว้ ยสะพาย ห้วยเรือ หว้ ยบอน ห้วยช้างชน ห้วยไค้ และหว้ ยมะเล ปา่ เตง็ รังกบั ลานหนิ ในพ้ืนท่ี ทำ�ใหเ้ กิดเป็นสวนหินกลางปา่ ย่งิ ในฤดู
ฝน ตัง้ แต่เดือนมถิ ุนายนไปจนถงึ เดอื นตลุ าคม จะมีดอกไมป้ ่าผลดั กันผลดิ อกตกแต่งพนื้ ท่อี ย่างสวยงาม โดยเฉพาะชว่ งตอ่ ฤดหู นาวตามพน้ื
ชายปา่ จะมีดอกไมด้ นิ นานาชนดิ ออกดอกอยา่ งสวยงาม
ภูผาเทิบขึ้นชื่อในเร่ืองของประติมากรรมหินตามธรรมชาติท่ีมีรูปร่างแปลกตา ทั้งรูปจระเข้ มงกุฎ เก๋งจีน จานบิน หินบางก้อนเป็น
เพงิ ผาทส่ี ามารถหลบแดดหลบฝนได้ ภาษาทอ้ งถน่ิ เรยี กหนิ ลกั ษณะนว้ี า่ “เทบิ ” ภผู าเทบิ จงึ แทบเปน็ สญั ลกั ษณข์ องจงั หวดั มกุ ดาหารไปโดยปรยิ าย
หินทรายภผู าเทบิ จดั อยู่ในหมวดหินภพู าน กลมุ่ หนิ โคราช อายุ 110 ล้านปี การท่ีหนิ มรี ปู ร่างต่าง ๆ นนั้ เกิดจากการผพุ งั สึกกร่อนตาม
ธรรมชาติของชัน้ หินทมี่ ีความทนทานตอ่ การผกุ รอ่ นไม่เทา่ กัน น้าํ ลม และสภาพแวดลอ้ ม เปน็ ตวั เรง่ ให้หนิ ผพุ งั เรว็ ขนึ้ หินทรายภูผาเทบิ มสี ี
ขาวขนุ่ สีนํ้าตาลแกมแดง เนื้อเม็ดทรายมีขนาดปานกลางถึงหยาบ และมักมีชั้นกรวดขนาดเล็กบาง ๆ ปะปนอยู่ด้วย จึงทำ�ให้ทนต่อการ
ผุพังได้ดีกว่า ทำ�ให้หินมีรูปทรงที่ย่ืนออกมาเป็นเพิง ในขณะท่ีส่วนโค้งเว้าเข้าไปจะเป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด มีความคงทนน้อยกว่า
จึงผสุ ลายไปงา่ ยกว่าน่นั เอง
227
ไปจงั หวัดนครพนม สปป.ลาว
212 2034 แมน ้ำโขง
เมอื งมกุ ดาหาร
212
ไปอำเภอนิคมคำสรอย
อางเกบ็ น้ำหวยสิงห 2034
อุทยทภาี่ทูผนำาแกเหทางบิ รชาติ ไปอำเภอดอนตาล
ลานมจุ ลนิ ท
นำ้ ตกภำ้ พระ
228
น้�ำ ตกถำ้�พระ
ท่ีต้ัง : หมู่ 5 บ้านคอนสาย ต.นาสนี วน อ.เมอื ง มกุ ดาหาร
พิกัด : 48Q 477913E 1816056N
การเข้าถึง : เดินเท้าจากที่ทำ�การอทุ ยานแห่งชาติไปทางลานหินมุจลนิ ท์ เลยลานหนิ มจุ ลินทไ์ ปจนถงึ นา้ํ ตกเป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตร
เป็นเส้นทางเดินทเ่ี ดินเล่นได้สบาย ๆ
ลักษณะ : เปน็ นาํ้ ตกท่ตี กลงมาจากหนา้ ผาหินช้ันเดียวในแนวดง่ิ สงู ราว 20 เมตร สายนา้ํ จะแผ่กระจายเตม็ ลานหิน แล้วตกลงในผืนปา่ รอบ
บริเวณ มีนํา้ มากในชว่ งฤดูฝน ตง้ั แต่เดือนกรกฎาคม - กนั ยายน ในฤดแู ล้งจะไมม่ ีนา้ํ ด้านบนของนํ้าตก มีพระพทุ ธรปู ปูนปน้ั และพระพุทธ
รปู ไมแ้ กะสลกั มอี ายนุ ับรอ้ ยปที ่ชี าวบา้ นนำ�มาเปน็ พทุ ธบชู า และเป็นทีม่ าของชือ่ นา้ํ ตกแหง่ น้ีด้วย
นอกจากนย้ี งั มนี า้ํ ตกวงั เดอื นหา้ นา้ํ ตกผามะนาว และนา้ํ ตกหว้ ยชา้ งชน ซง่ึ จะปรากฏเปน็ นา้ํ ตกหลงั ฝนตกใหม่ ๆ และในชว่ งฤดฝู นเทา่ นน้ั
229
ภูผาม่าน
อุทยานแห่งชาติ
ภผู ามา่ น
พืน้ ท่ี 350 ตารางกโิ ลเมตร
ทต่ี งั้ ทท่ี �ำ การอทุ ยานแหง่ ชาติ : ต.นาหนองท่มุ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นประมาณ 117 กิโลเมตร โดยเริ่ม
ต้นจากอำ�เภอชุมแพ ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าไปทางหล่มสัก ถึงอำ�เภอคอนสาร
เลย้ี วขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 201 มงุ่ หนา้ เมอื งเลย เลยแยกเขา้ อำ�เภอผานกเคา้ ไปราว
10 กโิ ลเมตร ถึงทางเขา้ อุทยานแหง่ ชาตทิ างซา้ ยมือ เขา้ ไปอีกราว 3 กิโลเมตร ถงึ ทท่ี ำ�การ
อทุ ยานแห่งชาต ิ
230
ภาพ : ฤทัยรัตน์ วงษค์ ุย
สองภูแหง่ อีสานจากจดุ ชมพระอาทติ ย์ข้ึนบรเิ วณทที่ �ำ การอทุ ยานแห่งชาติ ซ้ายภเู วยี ง (ขอนแก่น) ขวาภูส�ำ เภา (ชยั ภมู )ิ
กว่าจะเป็ นอุทยานแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน แต่เดิมเคยเป็นพื้นท่ีที่
สมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ผลจาก
การทำ�สัมปทานป่าไม้ทำ�ให้พื้นป่าและจำ�นวนสัตว์ป่า
ลดลงอย่างรวดเร็ว กรมป่าไม้จึงได้มีคำ�ส่ังที่ 1473/2532
ลงวันที่ 27 กันยายน 2532 มอบหมายให้ นายพนม
พงษ์สุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ 4 ให้สำ�รวจเพ่ิมเติมและ
จดั ต้ังพื้นทีป่ า่ ดงลาน อำ�เภอชมุ แพ จังหวัดขอนแกน่ และ
ปา่ ภูเปอื ย อำ�เภอภูกระดึง จังหวัดเลย และพ้นื ทีป่ ่าใกล้
เคียงเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ จากการสำ�รวจพื้นทีพ่ บว่า เปน็
พ้ืนท่ีแหล่งต้นน้ําลำ�ธาร และมีจุดเด่นทางธรรมชาติหลาย ผานกเคา้ มองจากทางด้านสถานวี จิ ยั ถ�ำ้ ลายแทง
แห่ง โดยเฉพาะถ้ําและนํ้าตก พ้ืนท่ีสวนใหญ่ เป็นทิวเขาหินปูนท่ีมีความสูงชันสลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาว สลับกับที่ราบลุ่มเชิงเขาสูงจาก
ระดับทะเลปานกลางประมาณ 200 - 1,000 เมตร เปน็ แนวทวิ เขาทอดยาวจากอทุ ยานแห่งชาตนิ า้ํ หนาวเปรยี บเสมอื นปราการธรรมชาติกน้ั
แดนระหว่างอำ�เภอภูกระดึง จังหวัดเลย และอำ�เภอภผู าม่าน อำ�เภอชมุ แพ จังหวดั ขอนแกน่ โดยมี “ภูฮี” เป็นยอดเขาทสี่ งู ทีส่ ดุ ในพ้นื ที่โดย
มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 1,000 เมตร ด้านทิศเหนือมีลำ�ห้วยที่สำ�คัญหลายสายไหลลงสู่ลำ�นํ้าพอง และไหลลงสู่ลำ�นํ้า
231
ภายในบริเวณทที่ ำ�การอทุ ยานแห่งชาติ
รปู วาดก่อนประวตั ศิ าสตร์ที่ถ้�ำ ลายแทง
ถำ้�นาคราช
เชญิ ทางด้านทศิ ใต้ สว่ นบริเวณทอ้ งท่ีป่าสงวนแหง่ ชาตปิ า่ ภเู ปอื ย ท้องทอ่ี ำ�เภอภูกระดึง จงั หวดั เลย มสี ภาพพน้ื ที่เปน็ ภเู ขาสูงชนั และตดิ ตอ่
กนั เป็นทวิ เขายาวบางแหง่ เปน็ ที่ราบกว้างและมนี ํ้าซึมตลอดปี สว่ นบรเิ วณทอ้ งทีป่ า่ สงวนแหง่ ชาติป่าดงลาน ทอ้ งทอี่ ำ�เภอชุมแพ และอำ�เภอ
ภูผามา่ น จงั หวัดขอนแกน่ พืน้ ท่สี ว่ นมากเป็นภเู ขาหนิ ปนู และภเู ขาขนาดเลก็ ตดิ ตอ่ กนั หลายทิว
ทางราชการจึงมีประกาศกฤษฎีกา กำ�หนดให้รวมพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติภูเปือย อำ�เภอภูกระดึง จังหวัดเลย เข้ากับพ้ืนที่ป่าสงวน
แหง่ ชาตดิ งลาน ทอ้ งท่อี ำ�เภอชุมแพ กง่ิ อำ�เภอภผู าม่าน จงั หวัดขอนแก่น จดั ตัง้ เปน็ อทุ ยานแห่งชาตภิ ผู ามา่ น ในปี พ.ศ.2534 โดยไดพ้ ระราช
กฤษฏกี ากำ�หนดบรเิ วณทด่ี นิ ปา่ ดงลาน ในทอ้ งทต่ี ำ�บลนาหนองทมุ่ อำ�เภอชมุ แพ และตำ�บลหว้ ยมว่ ง ตำ�บลวงั สวาบ ตำ�บลนาฝาย ตำ�บลภผู ามา่ น
กง่ิ อำ�เภอภูผาม่าน อำ�เภอชุมแพ จังหวดั ขอนแกน่ และป่าภูเปอื ย ในท้องทต่ี ำ�บลภกู ระดงึ ตำ�บลศรฐี าน อำ�เภอภกู ระดึง จังหวัดเลย เน้ือที่
โดยประมาณ 350 ตารางกโิ ลเมตร เป็นอุทยานแหง่ ชาติ โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 108 ตอนท่ี 215 ลงวนั ที่ 8 ธนั วาคม 2534
จดั เป็นอทุ ยานแหง่ ชาตลิ ำ�ดับท่ี 72 ของประเทศ
232
ไปอำเภอเมืองเลย
201
อุทยานแหง ชาตภิ ูกระดงึ 2019 ภอูกำรเภะดองึ
รา นเจกิม
ผานกเคา
บานนายาง นำ้ ตกผาสามยอด
น้ำตกตาดฮอง บา นนานอย หนวยพ�ทักษ นาถค้ำราช ผาถพ้ำวง
อุทยานแหงชาติที่ ภม.2
(นายางใต)
น้ำตกผาผง้ึ นำ้ ตกพลาญทอง ผนา้ำมตา กน
บานซำผกั หนาม
นำ้ ตกสันคะยวน อุทยภทาูผี่ทนาำแมกหาาง นรชาติ
ไปอำเภอนำ้ หนาว บา นดงมะไฟ นท้ำิดตมกี นไท้ำรตคกู ถำ้ ภูตาหลอ
ไปอำเภอหลมสัก ตนา้ำดตฟกา อบต.วังสวาบ
บา นดงสะคราน
นำ้ ผดุ ตาดเตา
นำ้ ตก
บานโคกมน ตาดใหญ
2216 ถำ้ คางคาว
อำเภอภผู ามา น 201
บานหวยสนามทราย 2361 บานหนองเข�ยด
12
ไป คอนสาร-ชุมแพ
233
น้ำ�ตกตาดใหญ่
ท่ีตั้ง : หมู่ 7 บ้านดงสะคร่าน ต.วังสวาบ
อ.ภูผามา่ น จ.ขอนแก่น
พิกัด : 796597E 1850536N
การเข้าถึง : ถ้ามาจากทางชุมแพ ใช้
ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าไปทางหล่มสัก
จะผ่านแยกอำ�เภอคอนสาร และก่อนเข้า
ถึงด่านตรวจอุทยานแห่งชาติน้ําหนาว จะ
มีทางแยกห้วยสนามทรายทางขวามือ ไป
จนถึงแยกบ้านโคกมน เล้ียวขวา (มีป้ายบอก
ปากทาง) เข้าไปตามทางหลัก จนถึงบ้าน
ดงมะไฟ ไปตามทางสายหลกั ในหมบู่ า้ น บางชว่ ง
บอกทางไปบ้านดงสะคร่าน จนหลุดออกมา
234
ท้ายหม่บู า้ น ห่างไปราว 1.5 กโิ ลเมตร มปี า้ ยทางขวามอื บอกทางเข้านํา้ ตกตาดใหญ่ ไปตามทางราว 2 กิโลเมตร ขา้ มฝายนํ้าล้นแลว้ เลย้ี วขวา
ตรงหัวฝาย เป็นลานจอดรถ แลว้ เดนิ ไปยงั ลำ�หว้ ย น้าํ ตกจะมีไปตลอดลำ�หว้ ย
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกท่ีเกิดจากห้วยตาดฟ้าไหลกัดเซาะไปตามรอยแตกของช้ันหินดินดานท่ีแทรกสลับกับหินโคลนสีดำ� ที่เป็นลักษณะโค้ง
เว้า ย่ิงลงไปลึกจะโคง้ มากจนแคบ น้าํ ตกจะไหลลงมาเร่ือย ๆ ตามลกั ษณะการกัดเซาะของนา้ํ เป็นชั้น ๆ ตอ่ เนอื่ งกนั มาเรอ่ื ย ๆ แบบบนั ได
บางชน้ั กอ็ าจจะชนั บางชน้ั กแ็ คเ่ อยี งไหล เปน็ ระยะทางยาวรว่ มร้อยเมตร ก่อนจะไปชนั มากเอาในชว่ งปลายหน้าผา ซง่ึ จะตกลงไปยังหบุ เขา
ด้านล่างเปน็ แนวดงิ่ สูงราว 40 เมตร แล้วตกไหลไปในร่องห้วยตอ่ ไป ซึ่งขั้นลา่ งจะเห็นช้ันหนิ เรียงตวั กนั ชัดเจน
นกั ธรณีจัดให้เป็นหมหู่ นิ ตาดฟา้ หมวดหนิ ห้วยหินลาด มอี ายุในช่วงไทรแอสซกิ ตอนปลาย มอี ายรุ าว 248 ล้านป ี (กอ่ นยุคไดโนเสาร)์
เปน็ หินตะกอนทต่ี กตะกอนบนภาคพน้ื ทวปี ทเ่ี กา่ แกท่ ส่ี ุดในภาคอีสาน
235
น�้ำ ตกตาดทดิ มี
ท่ีต้ัง : หมู่ 7 บ้านดงสะคร่าน ต.วังสวาบ อ.ภูผาม่าน
จ.ขอนแกน่
พิกัด : 47Q 797755E 1851718N
การเข้าถึง : จากบ้านดงมะไฟ มุ่งหน้าไปบ้านดงสะคร่าน
ผ่านทางเข้านํ้าตกตาดใหญ่ ไปราว 4 - 5 กิโลเมตร ถึงบ้าน
ดงสะคร่าน ก่อนจะข้ามสะพานไปบ้านดงสะคร่าน จะมีทาง
ขวามอื ลงไปในลำ�ธาร จอดรถรมิ ลำ�หว้ ยจะเหน็ นา้ํ ตกอยดู่ า้ นหนา้
ลักษณะ : เกดิ จากลำ�ห้วยตาดฟ้า เป็นนํา้ ตกหนิ ดินดานและ
หินโคลนแทรกสลับกัน ลักษณะหินคล้ายกับที่นํ้าตกตาดใหญ่
ตกลงมาช้ันเดียวตกลงมาจากหนา้ ผาสงู ราว 10 เมตร ลงส่แู อ่ง
เบ้ืองล่างและไหลต่อไปเป็นชั้นเล็ก ๆ ตามแนวหินดินดาน ท่ี
ลดหล่นั กนั น้ําตกมีนาํ้ ในหน้าฝน
236
หินบริเวณน้ีเป็นหมู่หินตาดฟ้า หมวดหินห้วยลาด ประกอบ
ไปด้วยหินโคลน หินดินดานสีเทาดำ� แสดงช้ันชัดเจน ชั้นล่างถึงปาน
กลางแทรกสลบั กนั ดว้ ยหนิ ปนู และหนิ ทราย สเี ทาดำ� อายปุ ระมาณ 230
- 200 ลา้ นปี (ยคุ ไทรแอสสคิ ตอนปลาย) โดยตะกอนทส่ี ะสมตวั ในทะเลสาบ
น้ําจืด หนองน้ํา หรือบึงนํ้า ผ่านกระบวนการทางธรณีจนเป็นหินชั้น
หรอื หินตะกอน (สว่ นใหญ่จะเปน็ หินดินดานและหนิ โคลน) ตอ่ มาเกิด
การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ อนทุ วปี ชานไทยชนกบั แผน่ อนทุ วปี อนิ โดจนี ทำ�ให้
หินทรายบริเวณนี้ยกตัว เกิดเป็นภูเขาขึ้นมาเม่ือประมาณ 40 ล้านปี
มาแล้ว เกดิ เป็นลานหนิ โคลนทีม่ ีความลาดเอียงเล็กน้อย ช้ันหนิ คดโค้ง
เกิดรอบแตกและรอยเลื่อน แล้วเกิดกระบวนการผุพังของหินโคลน
อันเกดิ จากนํา้ ลม และแสงแดด ทำ�ให้เน้อื หนิ ผุกร่อน แตกหลุด แลว้
ส่วนที่ผุกร่อนก็ไหลไปตามทางนํ้า เกิดเป็นผาชันบริเวณน้ําตก โดย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดในช่วงเวลาของยุคควอเทอร์นารี (ประมาณ
1.8 ลา้ นปีมาแล้ว - ปัจจบุ นั )
237
น้ำ�ตกตาดฟา้
ท่ีตั้ง : หมู่ 7 บ้านดงสะคร่าน ต.วังสวาบ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
พิกัด : 47Q 798990E 1852635N
การเขา้ ถึง : จากบ้านดงสะคร่าน จะมีทางแยกในหมู่บ้านไปนํ้าตกตาดฟ้า ห่างหมู่บ้านไปราว 1 กิโลเมตร
ลักษณะ : เกิดจากนํ้าในลำ�ห้วยตาดฟ้ากัดเซาะไปตามรอยแตกในชั้นหิน บริเวณนํ้าตกเป็นหินโคลนสีเทาดำ� ขนาดบางถึงหนา อยู่ใน
หมวดหินห้วยหินลาด มีอายุไทรแอสสิคตอนปลาย (ประมาณ 230 - 208 ล้านปีก่อน) เป็นหินตะกอนที่ตกตะกอนในภาคพื้นทวีปเก่า
แก่ที่สุดในภาคอีสาน สายนํ้าไหลตกลงมาเป็นหลายชั้นเล็ก ๆ ต่อเนื่องกัน ความสูงทั้งหมด ประมาณ 15 เมตร กว้างราว 15 เมตร ด้าน
บนเป็นแอ่งนํ้าที่ชาวบ้านมากั้นทำ�เป็นฝายเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นของต้นไม้รายรอบบริเวณ
238
นำ�้ ตกไทรคู่
ท่ีตั้ง : หมู่ 6 บ้านวังใหม่ ต.วังสวาบ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
พิกัด : 47Q 800430E 1850637N
การเข้าถึง : ถ้ามาตามทางลำ�ลองจากบ้านดงสะคร่าน (นํ้าตกตาดฟ้า
และตาดทดิ มี) มงุ่ หน้าไปอำ�เภอภผู าม่าน จะผ่านจดุ ชมทิวทัศน์ดงสะคร่าน
แล้วจึงเป็นทางลงเนินเขา ผ่านบริเวณที่เรียกว่ากิ่วคอหมาลงมาไม่ไกล
จะมีทางเดินเล็ก ๆ ทางซ้ายมือ เดินผ่านป่าไผ่ ลงเนินไปราว 100 เมตร
ถึงชั้นบนนํ้าตก ถ้าจะลงชั้นล่างจะมีทางเลาะเลียบ ลงไปได้
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกหินที่ตกลาดไหลลงค่อนข้างชันลงไปยังหุบห้วยด้าน
ล่าง หน้านํ้าตกแคบ การตกไหลลาดระยะทางราว 80 เมตร สูงราว 30
เมตร ตกลงไปแล้วจึงไหลไปเป็นระยะทางราว 30 เมตร แล้วตกไหลลง
ชั้นหน้าผาหินสูงราว 5 เมตร อีกครั้งในแนวดิ่ง ก่อนจะไหลลงในลำ�ธาร
หุบห้วยต่อไป
239
น้�ำ ตกสนั คะยวนหรอื น้ำ�ตกตาดยายไฮ
ท่ีตั้ง : บ้านวังกกแก้ว ต.วังสวาบ อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
พิกัด : 47Q 801459E 1854530N
การเขา้ ถึง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (ชุมแพ - หล่มสัก) ไปจนถึงอำ�เภอคอนสาร เลี้ยวขวา เข้าไปตามถนน 201 (คอนสาร - เมือง
เลย) ไปจนเห็นสามแยกซ้ายมือเข้าอำ�เภอภูผาม่าน เข้าไปถึงตัวอำ�เภอ แล้วใช้ทางหลักไปทางนํ้าผุดตับเต่า ผ่านบ้านนาฝาย ถึงบ้านวัง
ผาดำ� (ไปนํ้าผุดหุบตับเต่าทางขวา) ไม่เลี้ยวเข้านํ้าผุด ตรงไปตามทาง จะไปเจอสามแยก มีหน่วยป้องกันรักษาป่าด้านหน้า (ทางซ้ายจะ
ไปโรงโม่หิน แล้วออกถนนหมายเลข 12 ได้) เลี้ยวขวา จะถึงบ้านวังใหม่ (มีทางเลี้ยวซ้ายขึ้นไปบ้านดงสะคร่าน - ตาดฟ้า ออกสู่อำ�เภอ
นํ้าหนาวได้) ตรงไปจะผ่าน อบต.วังสวาบ เลย อบต.ไปไม่นาน จะมีทางซ้ายมือ (ถ้าตรงไปจะไปถํ้าภูตาหลอ) เข้าไปตามทางซ้าย ไปจน
สุดทางจะติดไร่อ้อย เดินเลียบไร่อ้อย (มีลำ�ห้วยทางซ้าย) จนทะลุไร่อ้อยจะเข้าป่าไผ่ แล้วเดินขึ้นเนินป่าไผ่บางช่วง จะได้ยินเสียงนํ้าตก
แล้ววกลงเจอลำ�ธารนํ้าตก
240
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกที่เรียกกันหลายชื่อ ตาดยายไฮ สันคะยวน ห้วยสะเค ห้วยหม้อแตก แต่เป็นที่เดียวกันทั้งหมด เป็นนํ้าตกที่ตกลงมา
จากหน้าผาหินสูงราว 30 เมตร เอียงลาดเกือบ 90 องศา ตกลงมาแบบไหลลาดลงมาตามหน้าผานํ้าตก ลงมาชั้นเดียวลงยังแอ่งนํ้าเบื้อง
ล่าง ก่อนจะไหลลอดผ่านกองหินออกไป ผ่านไร่อ้อยแล้วเข้าหมู่บ้าน
241
น�้ำ ตกพลาญทอง
ท่ีตั้ง : หมู่ 11 บ้านซำ�ผักหนาม ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ
จ.ขอนแก่น
พิกัด : 47Q 815211E 1855038N
การเข้าถึง : จากที่ทำ�การอุทยานแห่งชาติ เลี้ยวขวา
ไปทางหมู่บ้านซำ�ผักหนาม จนถึงทางแยกข้างโรงเรียน
เลี้ยวซ้ายเข้าไป 200 เมตร ถึงลานจอดรถเหนือนํ้าตก
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกหินปูน มีหลายชั้น แต่ละชั้นทิ้ง
ระยะห่างกัน 5 - 20 เมตร มีความสูงตั้งแต่ 1 - 5 เมตร
ชั้นบนสุดตกเป็นแนวดิ่ง สูงราว 5 เมตร ก่อนจะไหลลง
ไปเป็นชั้นต่าง ๆ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นด้วยพืชพรรณ
242
ต่าง ๆ ในช่วงนํ้าหลากจะสวยมาก นํ้าจะมากในฤดูฝน ในหน้าแล้ง นํ้าจะน้อยจนอาจไม่มี
นํ้าตกพลาญทอง เป็นชั้นหินที่ถูกเคลือบด้วยหินปูนนํ้าจืดที่เกิดจากสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนตที่ละลายมากับนํ้า หินพื้นที่
เป็นหินทรายสีนํ้าตาล ของชุดหินห้วยส้ม อายุคาร์บอนิฟอรัสตอนปลาย (ประมาณ 320 - 285 ล้านปีก่อน)
243
น้�ำ ตกผามา่ น
ท่ีตั้ง : ทเ่ี ดยี วกบั ทท่ี ำ�การอทุ ยานแหง่ ชาติ หมู่ 11 บา้ นซำ�ผกั หนาม ต.นาหนองทมุ่
อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
พิกัด : 47Q 816638E 1855265N
การเข้าถึง : อยู่ด้านหลังที่พักนักท่องเที่ยวที่เป็นกระท่อม เดินไปก็ได้หรือถ้า
นำ�รถยนต์ไปจอดรถหน้าที่พักกระท่อม ก็มองเห็นนํ้าตกที่ห่างไปราว 30 เมตร
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกหินปูนเล็ก ๆ สูงราว 4 เมตร ตกไหลลาดลงมาเป็นระยะ
ทางราว 15 เมตร เป็นลำ�ธารนํ้าตกใกล้ที่พักนักท่องเที่ยว ทางอุทยานแห่งชาติ
จัดสถานที่เป็นที่พักผ่อน มีที่นั่งพักผ่อน ใต้ร่มเงาไม้ที่ร่มรื่น แต่มีนํ้าเฉพาะฤดูฝน
244
น�ำ้ ตกผาสามยอด
ท่ีต้ัง : หมู่ 4 บ้านผาสามยอด ต.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย
พิกัด : 47Q 813086E 1863088N
การเข้าถึง : เริ่มที่ผานกเค้า ใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ไปทางภูกระดึงราว
200 เมตร เมื่อข้ามลำ�ห้วยแบ่งเขตจังหวัดไปแล้ว เลยร้านเจ๊กิมไปราว 70 เมตร
เยื้องกันจะมีทางแยก เข้าบ้านสามยอด เข้าไปตามทาง จะข้ามแม่นํ้า แล้วเข้า
เขตบ้านสามยอด ตรงไปเรื่อย ๆ จะมีช่วงขึ้นเนิน ให้จอดชิดซ้าย จะเห็นลำ�ธาร
นํ้าเล็ก ๆ ไหลมาจากทางสวนซ้ายมือ ถ้าสวนปิดให้ เดินไปตามคันคูนํ้าไปราว
100 เมตร จะเห็นนํ้าตก แต่ถ้าสวนเขาเปิด ขอเขาเข้าไปแล้วเดินลัดสวนไปจน
ถึงหัวนํ้าตกได้
245
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกหินปูนมีสองชั้นใหญ่ ๆ ชั้นล่างสุดเป็นผาหินปูนที่ตกต่อเนื่องกันมาเป็นชั้นเล็ก ๆ ในแนวดิ่ง สูงราว 12 เมตร ผา
หินปนู จะเปน็ เวิ้ง ๆ หลายอนั แต่ถา้ ไต่ปีนขึ้นไปเหนือนํ้าตกจะเห็นเป็นชั้นเลก็ ๆ สงู ราว 2 เมตร อีกหน่ึงชนั้ กอ่ นจะตกลงเป็นช้นั สูง ด้านล่าง
ดา้ นบนเป็นลำ�ธารน้าํ ไหลผ่านมาในธารหินปูน มชี ้ันเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นระยะ ๆ สองฝง่ั ธารนาํ้ เปน็ ไรม่ ะขามหวานของชาวบ้าน
246
น�ำ้ ตกตาดผึ้ง
ท่ีตั้ง : หมู่ 5 บ้านนายางใต้ ต.ภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย
พิกัด : 47Q 807112E 1860174N
การเข้าถึง : ใช้ทางหลวงหมายเลย 201 จากผานกเค้ามุ่งหน้าทาง
เมืองเลย เลยย่านผานกเค้าไปราว 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกเข้าทาง
ซ้ายมือ เข้าไปเรื่อย ๆ สังเกตซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางเข้าสวนนํ้า
ภูกระดึง ผ่านบ้านห้วยตะมะไปจนเข้าเขตบ้านนายางใต้ จะมีทาง
เลี้ยวซ้ายเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภม.2 (นายางใต้) ราว
1 กิโลเมตร ผ่านหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เลยเข้าไปตามทาง
ลำ�ลอง จะเป็นไร่มะขาม จนไปทะลุออกไร่ข้าวโพด และมีชายป่า
247
(2 กิโลเมตร จากหน่วยพิทักษ์อุทยาน
แห่งชาติ) จอดรถ แล้วเดินลงลำ�ธารนํ้า
ทางจะตัดวกลงธารนํ้าตกชั้นล่างสุด
ลักษณะ : เป็นนํ้าตกหินปูนที่มีต้นไม้
ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณนํ้าตก ทำ�ให้มองทาง
อากาศไม่เห็น นํ้าตกช้ันล่างสุดเป็นนํ้าตก
หินปูน สูงราว 4 เมตร ตกลงมาหลาย
ชั้นย่อย ลดหลั่นกันลงมา หน้าผานํ้าตก
กวา้ งราว 40 เมตร แตถ่ า้ ปนี ขน้ึ มาชน้ั บน
ของน้าํ ตก กจ็ ะเห็นเป็นลำ�หว้ ยขนาดใหญ่
เดินทวนนํ้าก็จะเจอ ชั้นนํ้าตกหินปูน
เตี้ย ๆ อีกหลายชั้น ทิ้งระยะห่าง ๆ กัน
ตลอดเส้นทาง ยาวนับร้อยเมตร
248
นำ�้ ตกตาดฮอ้ ง
ท่ีตั้ง : ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย
พิกัด : 791278E 1860300N
การเข้าถึง : เดินทางจากทางหลวงหมายเลข 201 เลย – ภูกระดึง
และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 ไปประมาณ 7 กิโลเมตร
เพื่อเข้าสู่ตัวอำ�เภอภูกระดึง ผ่านตัวอำ�เภอมาไม่ไกลจะมีทางเลี้ยวซ้าย
ไปตามเส้นทาง รพช. (เลี้ยวก่อนถึงด่านเก็บค่าบริการเข้าอุทยาน-
แห่งชาติภูกระดึง ทางเลี้ยวอยู่ตรงข้าม อบต.) จากบ้านหนองอีเลิง
ระยะทาง 12 กิโลเมตร ก็จะถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภด.3
249
(นาน้อย) จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เลยไปตามทางอีก 11 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถ แล้วเดินเท้าราว 400 เมตร ถึงชั้นบนนํ้าตก
ถ้าจะลงด้านล่าง จะมีทางเดินอ้อมแล้วไต่บันไดลงไปรวมระยะทางจากชั้นบนราว 200 เมตร
ลักษณะ : ขึ้นกับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภม.2 (นายางใต้) เป็นนํ้าตกที่แบ่งแดนกันระหว่างอุทยานแห่งชาติภูกระดึงและ
อุทยานแหง่ ชาตภิ ผู ามา่ น คนละฝง่ั ของลำ�หว้ ย เปน็ นํ้าตกทต่ี กลงชน้ั เดยี วใหญ่ ๆ (ชน้ั บนเหมอื นเปน็ หนิ ในแมน่ า้ํ หกั ลง สงู ราว 2 เมตร) สูง
ประมาณ 45 เมตร กว้างประมาณ 80 เมตร ไหลลงมาจากภูกระดึงทางหุบเขาด้านตะวันตกเฉียงเหนือ สองฝั่งของตาดฮ้อง เกิดจากการ
กัดเซาะของห้วยตาดฮ้องตามรอยแตกของหิน จนหินบางส่วนพังทลายและหักตกกลายเป็นหน้าผาสูงชัน ในฤดูฝนนํ้ามากจนเกิดเสียง
กึกก้องเป็นที่มาของชื่อนํ้าตกตาดฮ้อง
หินที่นํ้าตกตาดฮ้องเป็นหมวดหินภูกระดึง และเป็นหินตอนล่างของหมวดภูกระดึง ประกอบด้วยหินทราย หินทรายปนกรวด
สีแดงปนม่วง ก้อนกรวด ประกอบด้วยหินปูนและแร่ควอตซ์
250