The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือนักดูดาว สถาบันวิจัยทางดาราศาสตร์แห่งชาติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jirasak, 2022-08-03 20:35:43

คู่มือนักดูดาว

คู่มือนักดูดาว สถาบันวิจัยทางดาราศาสตร์แห่งชาติ

Keywords: คู่มือนักดูดาว ดูดาว ดาราศาสตร์

A GUIDE TO

STARGAZING
ค่มู อื นกั ดูดาว

คู่มอื นักดดู าว

จดั ทำ� โดย : สถำบันวจิ ยั ดำรำศำสตร์แหง่ ชำติ (องค์กำรมหำชน)
260 หมู่ 4 ต.ดอนแกว้ อ.แม่รมิ จ.เชียงใหม่ 50180
โทรศัพท์ 053-121268-9 โทรสำร 053-121250

ขอ้ มูลทำงบรรณำนุกรมของหอสมุดแหง่ ชำติ

สถาบนั วิจัยดาราศาสตร์แหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน).
คู่มือนักดดู าว. -- เชียงใหม่ : ศูนย์บริการวชิ าการและสอื่ สารทางดาราศาสตร์ สถาบนั
วจิ ยั ดาราศาสตรแ์ ห่งชาติ (องคก์ ารมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม, 2565.
172 หนา้ .

1. การดูดาว. I. ชอื่ เรื่อง.

522.1
ISBN 978-616-584-039-2

ลิขสทิ ธข์ิ องสถำบันวจิ ยั ดำรำศำสตรแ์ ห่งชำติ (องคก์ ำรมหำชน)
พมิ พค์ รัง้ ที่ 1 : มกรำคม 2565

บรรณำธกิ ำรบริหำร จุลลดา ขาวสะอาด พัชรดิ า ยัง่ ยืนเจรญิ สขุ
ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ พสิ ิฏฐ นิธยิ านันท์
หัวหน้ำกองบรรณำธกิ ำร ธนกร อังค์วฒั นะ ฟ้าประกาย เจียรคปุ ต์
กองบรรณำธกิ ำร กรกมล ศรีบญุ เรอื ง มตพิ ล ตง้ั มติธรรม
เกวลนิ ทองโพธิใ์ หญ่ วทญั ญู แพทย์วงษ์
คมสันต์ ธรุ ี วันชะนะ สนิ ไพบูลย์
เจษฎา กรี ติภารัตน์ ศวัสกมล ปจิ ดี
ดนพุ ล มากจาด ศวิ รุต พลอยแดง
ธนกฤต สันตคิ ุณาภรต์ สิทธิพร เดอื นตะคุ
ธฤษพงศ์ ศริ ิบรู ณ์
ประณิตา เสพปันค�า
ปยิ วฒั น์ ทองทวี

คา� น�า

หากแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าในเวลากลางวัน สิ่งที่จะได้เห็นอยู่เป็นประจ�าคือท้องฟ้าสีฟ้าสดใส กับดวงอาทิตย์ท่ีส่อง
สว่างเจิดจ้าคอยให้ความอบอุ่นแก่พื้นโลกตลอดท้ังวัน จนกระท่ังถึงช่วงอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าจะเร่ิมเปล่ียนเป็นสีส้มแดง
ซงึ่ เปน็ ช่วงเปลี่ยนผา่ นระหวา่ งกลางวันและกลางคนื จากนนั้ ท้องฟา้ จะค่อย ๆ มืดลง อันเปน็ ชว่ งเวลาท่ีดวงดาวน้อยใหญ่
จะเริ่มปรากฏข้นึ มาแต่งแต้มทอ้ งฟ้าใหร้ ะยบิ ระยับไปดว้ ยวัตถทุ อ้ งฟา้ นานาชนิดตลอดท้ังคืน เมอื่ ถึงร่งุ เชา้ ท้องฟ้าจะค่อย ๆ
กลับมาสว่างอีกครั้ง แสงสนธยาจะค่อย ๆ บดบังแสงของดวงดาวให้เลือนหายไป และดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า
กลบั ขึน้ มา อนั เป็นสญั ญาณทบ่ี ง่ บอกวา่ เชา้ วันใหม่ไดเ้ ร่ิมต้นขึน้ แล้ว

“กลางวัน-กลางคืน” เป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนอยู่ทุกวันตราบที่โลกยังคงหมุนรอบตัวเอง ดวงอาทิตย์จะข้ึนจากขอบฟ้า
ทางทศิ ตะวันออกและตกลบั ขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเสมอ นน่ั คอื สิ่งทีเ่ ราค้นุ เคยและสงั เกตเห็นไดไ้ ม่ยากในเวลากลางวนั
แต่จะมีใครเคยสังเกตหรือไม่ว่า ดวงจันทร์ข้ึนและตกทางทิศไหน ดวงดาวน้อยใหญ่บนท้องฟ้าข้ึนและตกเช่นเดียวกับ
ดวงอาทิตยห์ รอื ไม่ ดาวแตล่ ะดวงบนท้องฟา้ เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร หรือมกี ลุม่ ดาวอะไรอยบู่ นท้องฟ้าบา้ ง คา� ถาม
เหลา่ นเ้ี ปน็ คา� ถามพน้ื ฐานส�าคัญท่ีผอู้ า่ นจะไดเ้ รียนรู้ภายในหนังสอื เลม่ นี้

หนังสือ “คู่มือนักดูดาว” เป็นการรวบรวมสาระส�าคัญท่ีเก่ียวกับการดูดาว เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจธรรมชาติของท้องฟ้า
และวัตถุต่าง ๆ ท่ีปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อหลัก เร่ิมต้ังแต่ความรู้พ้ืนฐานก่อนเริ่มดูดาว
ที่จะอธบิ ายถงึ กลไกการขึ้นและตกของวตั ถทุ ้องฟ้า ประเภทของวัตถุท้องฟ้า วธิ กี ารหาทิศด้วยกลุ่มดาว การวดั ระยะเชงิ มมุ
ด้วยร่างกาย ความหมายของกลุ่มดาวและดาวเรียงเด่น ระบบพิกัดท้องฟ้าและเส้นสมมติต่าง ๆ เป็นต้น จากน้ันจะเริ่ม
เข้าสู่ขั้นตอนวางแผนการดูดาวเพ่ือให้ผู้อ่านสามารถวางแผนและก�าหนดช่วงเวลาในการสังเกตการณ์ได้อย่างเหมาะสม
รวมถึงแนะน�าอุปกรณ์และเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยให้การดูดาวเป็นกิจกรรมท่ีสนุกและสร้างความประทับใจได้มากย่ิงขึ้น
และบทสุดท้ายจะมีเนื้อหาเก่ียวกับการสังเกตการณ์ท้องฟ้าจริงแบบจัดเต็ม ซึ่งจะแบ่งออกเป็นฤดูกาลต่าง ๆ รวมถึง
การสังเกตการณ์ดาวเคราะห์ และการสังเกตการณ์ทางช้างเผือก โดยข้อมูลในบทนี้อ้างอิงจากผู้สังเกตท่ีอยู่ ณ กรุงเทพฯ
ประเทศไทย ผู้อา่ นจึงสามารถน�าหนังสอื เล่มนไ้ี ปใช้ประกอบการดูดาวได้ทกุ ทใ่ี นประเทศไทย

การดูดาวเป็นกิจกรรมยามว่างท่ีสามารถเร่ิมต้นได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ ผู้สนใจก็สามารถเพลิดเพลินไปกับ
ดวงดาวบนท้องฟ้าได้ ซึ่งคงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยหากหนังสือเล่มนี้ได้มีส่วนเพิ่มคุณค่าและเติมเต็มกิจกรรมยามว่าง
ของทกุ ท่าน ใหส้ ามารถอธิบายสิง่ ต่าง ๆ ทเี่ กิดขึน้ บนทอ้ งฟา้ ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แม้ว่าดวงดาวบนท้องฟา้
อาจฟังดูเป็นส่ิงท่ีไกลตัวมนุษย์ แต่เช่ือหรือไม่ว่าดาวระยิบระยับน้อยใหญ่เหล่าน้ีคอยสร้างแรงบันดาลใจให้กับมนุษย์
มาโดยตลอด ไม่เพียงแต่ผู้คนที่อยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ แต่ยังรวมถึงแวดวงศิลปกรรมในสาขาต่าง ๆ
ดังปรากฏใหเ้ ห็นในภาพวาด ภาพถา่ ย บทกวี หรือบทเพลงตา่ ง ๆ ตั้งแต่สมัยอดตี จนถึงปจั จุบนั ดงั นนั้ คณะผู้เขยี นจึงตงั้ ใจ
ออกแบบให้หนังสือเล่มนี้สามารถเข้าถึงได้ทุกคน ไม่จ�าเป็นจะต้องมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์หรือดาราศาสตร์มาก่อน
กส็ ามารถเพลดิ เพลนิ ไปกบั การดดู าวได้ ดว้ ยการอธบิ ายทีเ่ ข้าใจง่าย พร้อมกับภาพประกอบเพ่ือชว่ ยเสริมความเข้าใจ

คณะผู้เขียนจึงอยากให้หนังสือเล่มน้ี เป็นหนังสือท่ีไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลในเชิงวิชาการ แต่ยังรวมถึงให้แรงบันดาลใจ
แกผ่ ้คู นท่ัวไป ให้หนั มาสนใจดาราศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตรม์ ากย่ิงขึ้น โดยอาศัยกิจกรรมการดูดาวเป็นสื่อกลางซ่ึงจะเปน็
จุดเร่ิมต้นของการสร้างความตระหนักต่อวิชาดาราศาสตร์ท่ีจะน�าไปสู่การยกระดับวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย
ในอนาคต

ศูนย์บรกิ ารวิชาการและส่อื สารทางดาราศาสตร์
สถาบันวิจัยดาราศาสตรแ์ หง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน)

A GUIDE TO STARGAZING 3

สารบัญ

บทท่ี 1 ความรู้ทว่ั ไปก่อนเรม่ิ ดูดาว 6 บทที่ 2 เริ่มวางแผนดูดาว 40

การขึ้นและตกของดาวบนท้องฟ้า 8 ฤดูกาลทเี่ หมาะสมสา� หรบั ดดู าว 42

การหาทิศ 11 เวลาในการเร่มิ ต้นดดู าว 45
ทศิ เหนอื
ทศิ ตะวนั ออก-ตะวนั ตก 11 เวลาขึ้น-ตกของดวงจนั ทร ์ 47
ทิศใต ้ 12
13 สถานทด่ี ดู าว 48
มอี ะไรอย่บู นทอ้ งฟ้าตอนกลางคืนบ้าง
ดาวฤกษ ์ 14 อปุ กรณพ์ ้ืนฐานส�าหรบั เรมิ่ ตน้ ดดู าว 50
ดาวเคราะห์ 14 แผนทด่ี าว 50
ดวงจนั ทร ์ 14 ไฟฉายแสงสแี ดง 51
ดาวตก 15 กลอ้ งสองตา 51
ดาวหาง 15 เลเซอร์ชด้ี าว 52
วตั ถุในห้วงอวกาศลึก 16 กลอ้ งโทรทรรศน์ 53
17
กล่มุ ดาว เทคนิคแและขอ้ ควรรู้กอ่ นเรมิ่ ดดู าว 58

ดาวเรยี งเด่น 24 บทท่ี 3 เรม่ิ ตน้ ดูดาว 60
แผนทดี่ าวฤดูหนาว
การวัดระยะเชงิ มมุ บนทอ้ งฟ้า 25 กล่มุ ดาวเด่นประจา� ฤดูหนาว 62
วตั ถหุ ้วงอวกาศลึกท่ีนา่ สนใจ 64
ค่าความสวา่ งของวตั ถุทอ้ งฟา้ 26 66
แผนทด่ี าวฤดใู บไม้ผลิ
สขี องดาวฤกษ์ 28 กลมุ่ ดาวเด่นประจ�าฤดูใบไม้ผลิ 72
ทรงกลมทอ้ งฟา้ และพิกดั ท้องฟา้ วัตถุห้วงอวกาศลึกทน่ี ่าสนใจ 74
33 76
เส้นสรุ ยิ ะวิถ ี 34
84
ระบบพกิ ัดทอ้ งฟา้ 36 แผนท่ีดาวฤดูร้อน 86
ระบบพกิ ดั ขอบฟ้า 38 กลมุ่ ดาวเดน่ ประจา� ฤดูร้อน 88
ระบบพิกดั ศูนย์สูตร 38 วัตถหุ ว้ งอวกาศลึกที่นา่ สนใจ
39 แผนที่ดาวฤดูใบไม้รว่ ง 94
96
กลมุ่ ดาวเด่นประจ�าฤดใู บไมร้ ่วง 98

วัตถุหว้ งอวกาศลึกที่น่าสนใจ

4 คมู่ ือนักดูดาว

การสังเกตการณ์ดาวเคราะห์ 102
ดาวเคราะหว์ งใน-ดาวเคราะห์วงนอก 104
สี ความสวา่ ง และช่วงเวลา 106
การแยกดาวเคราะห์จากดาวฤกษ ์ 107
ดาวเคราะห์ทีม่ องเหน็ ได้ด้วยตาเปลา่ 108
ดาวพุธ 108
ดาวศกุ ร ์ 109
ดาวอังคาร 110
ดาวพฤหสั บดี 111
ดาวเสาร์ 112

การสงั เกตการณ์ดวงจันทร์ 114
ขอ้ มลู ทัว่ ไป 114
การเกดิ ข้างขึ้น-ข้างแรม 115
พนื้ ผิวของดวงจันทร ์ 117
มองดวงจนั ทร์ผา่ นกลอ้ งโทรทรรศน์ 120

การสงั เกตการณท์ างชา้ งเผอื ก 126
เทคนิคสังเกตการณ์ทางช้างเผือก 128
ตารางสังเกตการณ์ใจกลางทางช้างเผือก 132
วิธีถา่ ยภาพทางช้างเผือก 134
รวมภาพถา่ ยทางช้างเผือก 136

ภาคผนวก 148
รายชือ่ กล่มุ ดาวทก่ี า� หนดอย่างเปน็ ทางการ 149
ข้อมูลฝนดาวตกประจา� ปีในประเทศไทย 152
ต�าแหน่งดาวเคราะห์ในป ี พ.ศ. 2565-2576 155
30 อันดบั ดาวฤกษท์ ี่สวา่ งท่ีสุด 161
ตารางข้อมูลวัตถขุ องเมซีเย 162

บรรณานกุ รม 171
เครดิตรูปภาพ 171

A GUIDE TO STARGAZING 5

1บทท่ี
ความรทู้ ั่วไปกอ่ นเริม่ ดูดาว
(Basics of Stargazing)

6 คู่มือนักดูดาว

A GUIDE TO STARGAZING 7

การขึ้นและตกของดาวบนท้องฟ้า

การเคลื่อนท่ีของวัตถุท้องฟ้าท้ังหมด ไม่ว่าจะเป็น ดวง
อาทิตย์ ดวงจันทร์ กลุ่มดาว หรือแม้กระทั่งวัตถุใน
ห้วงอวกาศลึก เกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก
ท�าให้วัตถุเหล่าน้ีเคล่ือนท่ีข้ึนทางทิศตะวันออก และตก
ทางทิศตะวันตกเสมอ แกนหมุนรอบตัวเองของโลกจะช้ี
ไปยงั “ข้ัวฟา้ เหนือ” เสมือนเป็นจุดหมุนของดาวทุกดวงบน
ทอ้ งฟา้

ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง วัตถุท่ีปรากฏบนท้องฟ้าจะ
เปลี่ยนแปลงต�าแหน่งไปเรื่อย ๆ ผู้สังเกตที่อยู่บนโลก
จงึ มองเห็นวตั ถทุ อ้ งฟ้าในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน วัตถุ
ท้องฟ้าใดท่ีอยู่ใต้ขอบฟ้าจะค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าเม่ือ
เวลาผ่านไป สว่ นวัตถใุ ดทเี่ คยปรากฏบนทอ้ งฟ้าจะคอ่ ย ๆ
ตกลับขอบฟ้าในทิศทางตรงกันข้าม บางวัตถุอาจอยู่บน
ท้องฟ้าตลอดไม่มีการขึ้น-ตก เราเรียกวัตถุเหล่านี้ว่า
“ดาวค้างฟ้า” (เช่น ดาวเหนือ) ในทางกลับกัน บางวัตถุ
อาจไมม่ โี อกาสโผล่พน้ จากขอบฟ้าเลย ข้ึนอยู่กับต�าแหน่ง
ละตจิ ดู ของผู้สงั เกต

นอกจากนี้ การท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ยังท�าให้
ผู้สังเกตเห็นต�าแหน่งกลุ่มดาวแต่ละคืนเปล่ียนแปลงไป
เรื่อย ๆ วนั ละประมาณ 1 องศา แมจ้ ะสังเกตการณ์ในเวลา
เดียวกันทุกวันก็ตาม ท�าให้แต่ละคืนเราเห็นวัตถุท้องฟ้า
แตกต่างกันไป

8 คูม่ อื นักดดู าว

แผนภาพแสดงการข้ึนและตกของดาวบนท้องฟ้าเม่ือผู้สังเกตอยู่ ณ ต�าแหน่งละติจูดต่าง ๆ

A GUIDE TO STARGAZING 9

แคสซโิ อเปีย

ดาวเหนือ

หมเี ล็ก

หมีใหญ่

10 ค่มู ือนักดูดาว

การหาทิศ

ในตอนกลางวันเราสามารถหาทิศทางคร่าว ๆ ได้จากการเคล่ือนท่ีของดวงอาทิตย์ กล่าวคือ
ดวงอาทิตย์จะข้ึนทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก แต่อย่างไรก็ดี ต�าแหน่งท่ีดวงอาทิตย์
ข้นึ -ตกจะเฉยี งไปทางเหนอื หรอื ทางใต้เล็กนอ้ ย ข้นึ อยกู่ บั วา่ เป็นช่วงเดอื นใด และหากเร่มิ ต้นดดู าว
ในตอนกลางคืนหลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปแล้ว เราจะไม่สามารถหาทิศทาง
ด้วยวิธีนี้ได้ จึงจ�าเป็นจะต้องใช้กลุ่มดาวในการระบุทิศทางแทน ดังน้ี

ทิศเหนือ

ส�าหรับประเทศทีอ่ ยู่ซกี โลกเหนือจะนิยมหาทิศโดยใช้ “ดาวเหนอื (Polaris)” ซ่งึ เปน็ ดาวฤกษ์ท่ีอยู่
ในกลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor) สามารถน�าทางไปยังทิศเหนือได้แม่นย�า เน่ืองจากเป็นดาวที่
อยู่ใกล้ขั้วฟ้าเหนือมากที่สุด มกี ลุ่มดาวเดน่ ที่สามารถใชค้ น้ หาดาวเหนือได้ ดังนี้

กลมุ่ ดำวหมใี หญ่ (Ursa Major) กลมุ่ ดำวแคสซิโอเปีย (Cassiopeia)

กลุ่มดาวน้ีมีดาวสว่างเรียงกัน 7 ดวง บางคน กลุ่มดาวนี้ประกอบด้วยดาวสว่าง 5 ดวง
อาจเห็นเป็นรูปกระบวยตักน้�า (Big Dipper) เรียงกันคล้ายตวั อักษร M คนไทยจนิ ตนาการ
หากเราลากเส้นตรงผ่านดาวสองดวงแรก เปน็ “กลุ่มดาวคา้ งคาว” โดยหากลากเส้นตรง
บรเิ วณปากกระบวย จากดาวเมอแรก(Merak) จากปีกค้างคาวทั้งสองข้างขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผ่านดาวดูเบ (Dubhe) แล้วลากเส้นตรงไปอีก เส้นตรงสองเส้นจะตัดกันจดุ หนงึ่ เม่ือลากเสน้
ประมาณ 4 เทา่ ของระยะหา่ ง ดาวสองดวงน้ี ตรงจากจดุ ตดั ผา่ นดาวนาวี (Navi) มาเร่ือย ๆ
จะน�าทางไปยงั ดาวเหนือได้ จะน�าทางไปยังดาวเหนอื ได้

A GUIDE TO STARGAZING 11

กลุ่มดำวนำยพรำน (Orion)

กลุ่มดาวน้ีมีดาวสว่างเด่น 8-9 ดวง มีขนาดใหญ่และสามารถจดจา� ไดง้ า่ ย มดี าวสว่าง 3 ดวงที่
เรียงกันเป็นเส้นตรงกลางล�าตัวนายพราน เป็นเข็มขัดของนายพราน หากลากเส้นจากดาวที่อยู่
ใต้เข็มขัดนายพราน ผ่านดาวท่ีอยู่ต�าแหน่งศีรษะนายพราน จะได้เส้นตรงท่ีชี้ไปยังดาวเหนือ

ทศิ ตะวันออก-ตะวันตก

กล่มุ ดำวนำยพรำน (Orion)

ดาวสว่าง 3 ดวงที่เรียงกันเป็นเส้นตรงหรือ
บริเวณเข็มขัดนายพราน จะเป็นบริเวณเส้น
แบ่งท้องฟ้าซีกเหนือและซีกใต้พอดี เรียกว่า
เส้นศูนย์สูตรฟ้า ดังนั้น หากเห็นกลุ่มดาว
นายพรานก�าลังข้ึนจากขอบฟ้า ดาวท้ังสาม
ดวงก็จะอยู่ในแนวทิศตะวันออกพอดี และ
หากกลุ่มดาวนายพรานก�าลังตกลับขอบฟ้า
ดาวทั้งสามดวงก็จะเรียงตัวในแนวทิศตะวันตก
พอดี

12 คู่มือนกั ดูดาว

ทิศใต้

กลมุ่ ดำวกำงเขนใต้ (Crux) และกลุ่มดำวคนครง่ึ ม้ำ (Centaurus)

บริเวณขั้วฟ้าใต้จะไม่มีดาวสว่างท่ีเป็นจุดอ้างอิงเหมือนข้ัวฟ้าเหนือ แต่เราสามารถหาข้ัวฟ้าใต้
คร่าว ๆ ได้โดยใช้กลุ่มดาวกางเขนใต้ และกลุ่มดาวคนครึ่งม้า โดยเร่ิมจากลากเส้นตรงจากปลาย
กางเขนแนวตั้ง ไปตัดกับเส้นสมมติที่ลากตั้งฉากกับดาวสว่าง 2 ดวงในกลุ่มดาวคนคร่ึงม้า จุดตัด
ของเส้นตรงทั้ง 2 เส้น จะเป็นบริเณท่ีใกล้เคียงกับขั้วฟ้าใต้

* ประเทศไทยไม่สามารถมองเหน็ ขวั้ ฟ้าใต้ได้ เนื่องจากประเทศไทยอยู่ซีกโลกเหนอื

A GUIDE TO STARGAZING 13

มีอะไรอยูบ่ นทอ้ งฟ้า
ตอนกลางคนื บ้าง ?

1. ดาวฤกษ์ (Star)

ดาวฤกษ์ คือ วัตถุท่ีมีแสงสว่างในตัวเองเช่นเดียวกับ
ดวงอาทิตย์ มีจ�านวนมากท่ีสุดบนท้องฟ้า มีดาวซิริอุส
(Sirius) เป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้าตอนกลางคืน
ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมที ง้ั ความสว่าง ขนาด สี รวมถึงระยะหา่ ง
จากโลกทแ่ี ตกต่างกนั เรียงตัวอยูบ่ นท้องฟา้ เกิดเป็นกลมุ่ ดาว
ตามจินตนาการของแต่ละวัฒนธรรม

ดาวฤกษ์ในธรรมชาติมีท้ังดาวเดี่ยวแบบดวงอาทิตย์ของ
เราและระบบของดาวฤกษ์ 2 ดวงท่ีโคจรรอบกัน เรียกว่า
“ระบบดาวคู่ (Binary Star)” หรืออาจมากกว่า 2 ดวง
(Multiple star system) นักดาราศาสตร์คาดว่าประมาณ
ครึ่งหน่ึงของดาวฤกษ์ทั้งหมดในกาแล็กซีทางช้างเผือกเป็น
ระบบดาวคู่

2. ดาวเคราะห์ (Planet)

ดาวเคราะห์ คือ วัตถุท่ีไม่มีแสงสว่างในตัวเอง โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ ในระบบ
สุรยิ ะของเรามดี าวเคราะหท์ ง้ั หมด 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร
ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน มีดวงอาทิตย์เป็น
ศูนยก์ ลาง

ในการสังเกตการณ์ดาวเคราะห์ด้วยตาเปล่า จะสามารถมองเห็นได้
5 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์

ดาวแต่ละดวงจะมีต�าแหน่งปรากฏบนท้องฟ้าเปล่ียนไปเรื่อย ๆ
ตามแนวเส้นสุริยวิถี

14 คมู่ ือนกั ดูดาว

3. ดวงจันทร์ (The Moon)

ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารเพียงหน่ึงเดียวของโลก เป็นวัตถุท่ีสว่างที่สุด
ในท้องฟ้าตอนกลางคืน แสงสว่างท่ีเราเห็นจากดวงจันทร์เป็นแสง
จากดวงอาทิตย์ท่ีกระทบพื้นผิวดวงจันทร์ แล้วสะท้อนมายังโลก
ดวงจันทร์มกี ารเปลยี่ นแปลงเสย้ี วสวา่ ง เรียกวา่ เฟสดวงจนั ทร์
ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองโดยมีคาบการหมุนเท่ากับคาบการโคจรรอบ
โลก จึงหันด้านเดียวเข้าหาโลกเสมอ พ้ืนผิวที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต
สามารถสังเกตการณ์ได้ง่าย หากใช้กล้องโทรทรรศน์ก็จะเห็น
รายละเอียดบนพื้นผิวได้ชัดเจนย่ิงขึ้น

4. ดาวตก (Meteor)

ดาวตก คอื วตั ถขุ นาดเลก็ ในอวกาศ ท่ถี กู โลกดึงดูดเขา้ มา เกดิ การเสียดสีกับชน้ั บรรยากาศจนเผา
ไหม้แล้วเกิดแสงสว่างข้ึน ส่วนมากเป็นวัตถุขนาดเล็กมากท่ีไม่สามารถตรวจจับได้ล่วงหน้า และ
จะเผาไหม้จนหมดไปในช้นั บรรยากาศ หากมขี นาดใหญม่ ากพอ อาจเผาไหมไ้ มห่ มด แล้วตกสู่พ้ืน
โลก กลายเป็น “อุกกาบาต (Meteorite)”
นอกจากน้ี หากโลกโคจรตดั ผา่ นบรเิ วณทเ่ี คยเกดิ การชนกันของดาวเคราะห์น้อยในอดตี หรอื เศษ
ฝุ่นจากดาวหางท่ีท้ิงไว้ในอวกาศ ช่วงเวลาน้ันจะมีอัตราการเกิดดาวตกสูง เรียกว่า “ฝนดาวตก
(Meteor Shower)” อาจพบดาวตกไดต้ ั้งแต่ 50 ถงึ 100 ดวงตอ่ ชวั่ โมง

ภาพถ่ายฝนดาวตกคนคู่ (Geminids)

5. ดาวหาง (Comet)

ดาวหาง คือ วัตถุจ�าพวกน้�าแข็ง มีจุดก�าเนิดมาจากเมฆออร์ต (Oort Cloud) และแถบไคเปอร์
(Kuiper Belt) ซ่ึงเป็นบริเวณขอบนอกของระบบสรุ ิยะ มขี นาดท่ีหลากหลายตัง้ แตไ่ มก่ ก่ี ิโลเมตรถงึ
ขนาดใหญห่ ลายรอ้ ยกิโลเมตร มีองคป์ ระกอบเปน็ นา้� แขง็ คารบ์ อนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์
มีเทน และแอมโมเนีย ปะปนอยู่กบั หนิ และฝนุ่

เมอื่ ดาวหางโคจรเขา้ มาใกลด้ วงอาทติ ยม์ ากขน้ึ รงั สจี ากดวงอาทติ ยจ์ ะทา� ใหน้ า�้ แขง็ ระเหดิ ฟงุ้ ออกมา
เป็นแก๊สห่อหุ้มใจกลาง (นิวเคลียส) ของดาวหาง เรียกว่า “โคมา” (Coma) จากน้ันลมสุริยะ
จะเป่าให้ฝุ่นและแกส๊ เหล่าน้พี งุ่ ออกไป เกดิ เปน็ หาง 2 ประเภท ได้แก่

1. หางฝุ่น (Dust tail) เป็นส่วนที่ฟุ้งและสว่างที่สุด ทิศทางสอดคล้องกับทิศทางการโคจร
ของดาวหาง

2. หางแก๊ส หรือหางไอออน (Ion tail) เป็นหางที่ไม่สว่างมาก มีทิศทางตรงข้ามกับ
ดวงอาทิตย์เสมอ

หางแกส๊

นิวเคลยี ส หางฝนุ่
โคมา ดาวหางนโี อไวส์ (C/2020 F3 (NEOWISE))

16 คูม่ ือนักดูดาว

6. วัตถุหว้ งอวกาศลึก (Deep-Sky Object)

วตั ถุห้วงอวกาศลกึ คอื วัตถุท้องฟ้าใด ๆ ทีไ่ มไ่ ดอ้ ยู่ในระบบสรุ ยิ ะของเรา และไม่ใชด่ าวฤกษ์เดี่ยว
ส่วนมากมีความสว่างค่อนข้างน้อย ต้องอาศัยกล้องสองตา หรือกล้องโทรทรรศน์ช่วยในการ
สงั เกตการณ์ แบ่งเปน็ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ กระจุกดาว เนบิวลา และกาแล็กซี

กระจกุ ดาว (Star Cluster)

กระจกุ ดาว คอื กลมุ่ ของดาวฤกษท์ ่อี ยู่ดว้ ยกันดว้ ยแรงโนม้ ถว่ ง สามารถแบ่งได้เปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่
กระจกุ ดาวเปิด และกระจกุ ดาวทรงกลม

กระจกุ ดำวเปิด (Open Cluster)

เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์ท่ีมีสมาชิกเพียงไม่กี่
ร้อยดวง รวมตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วงแบบ
หลวม ๆ มีรูปร่างไม่แน่นอน ส่วนมากเป็น
ดาวฤกษส์ ีขาว-ฟา้ อายนุ อ้ ย

กระจกุ ดาวลูกไก่ (Pleiades, M45)

กระจุกดำวทรงกลม
(Globular Cluster)

เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์จ�านวนตั้งแต่
หมื่นดวงข้ึนไป รวมตัวกันด้วยแรง
โน้มถ่วงอย่างหนาแน่น มีรูปร่าง
เป็นทรงกลม สว่ นมากเป็นดาวฤกษ์
สสี ม้ -แดงท่มี ีอายุมาก
กระจุกดาวโอเมกาเซนทอรี
(Omega Centauri)

A GUIDE TO STARGAZING 17

เนบิวลา (Nebula)

เนบิวลา เป็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สในอวกาศที่อาจเป็นท้ังต้นก�าเนิดของดาวฤกษ์ และอาจเป็นซาก
ของดาวฤกษ์ทตี่ ายแลว้ แบง่ เปน็ 4 ประเภท ดงั นี้

เนบิวลำเปล่งแสง (Emission Nebula)

เป็นเนบิวลาท่ีแก๊สเรืองแสงขึ้นเมื่อได้รับพลังงาน
จากการแผ่รงั สีของดาวใกล้เคยี ง

เนบิวลาดอกกหุ ลาบ (Rosette Nebula)

เนบวิ ลำสะท้อนแสง
(Reflection Nebula)

เป็นเนบิวลาที่ไม่ได้เปล่งแสงด้วยตัวเอง แต่สว่าง
ขึ้นเพราะสะทอ้ นแสงจากดาวฤกษ์ใกลเ้ คยี ง
เนบวิ ลาหวั หัวแมม่ ด (Witch Head Nebula)

เนบิวลำมืด (Dark Nebula)

เป็นฝุ่นและแกส๊ หนาทบึ มีอณุ หภมู ิตา�่ และไมม่ ีแสง
สว่าง เราสามารถเหน็ รปู ร่างของเนบวิ ลามืดได้โดย
อาศยั แสงจากดาวฤกษ์ฉากหลงั

เนบิวลาหัวม้า (Horse Head Nebula)

18 คูม่ ือนกั ดูดาว

เนบวิ ลำดำวเครำะห์
และซำกซูเปอรโ์ นวำ
(Planetary Nebula and
Supernova Remnant)

เ ป ็ น ซ า ก ด า ว ฤ ก ษ ์ ท่ี สิ้ น อ า ยุ ขั ย
มวลของดาวฤกษ์กระจัดกระจายไป
ในอวกาศและเปล่งแสงออกมา

เนบิวลารูปเกลยี ว (Helix Nebula)

กาแลก็ ซี (Galaxy)

กาแล็กซี เป็นวัตถุท่ีประกอบด้วยดาวฤกษ์ กระจุกดาว ฝุ่นแก๊สระหว่างดาว ซากดาวฤกษ์ และ
สสารมืด มหี ลายประเภทแบ่งตามรูปทรง เช่น กาแลก็ ซที รงรี กาแลก็ ซีกังหนั กาแล็กซกี ังหนั มีคาน
และกาแล็กซไี ร้รปู ร่าง

กาแลก็ ซีแอนโดรเมดา (Andromeda Galaxy, M31)

A GUIDE TO STARGAZING 19

DEEP SKY OBJECTS แคตตาล็อกของเมซีเย
Messier Catalogue

20 ค่มู ือนักดูดาว

แคตตาลอ็ กของเมซีเย คือ รายการวตั ถหุ ว้ งอวกาศลกึ ทเ่ี รมิ่ บนั ทึกในปี ค.ศ. 1771 โดยนักดาราศาสตร์
ชาวฝรั่งเศส ชาร์ล เมซีเย (Charles Messier) ประกอบด้วยวัตถุท้องฟ้าจ�านวน 110 วัตถุ (M1 ถึง
M110) เป็นแคตตาล็อกที่นิยมส�าหรับนักดาราศาสตร์สมัครเล่นในการฝึกค้นหาวัตถุห้วงอวกาศลึก

A GUIDE TO STARGAZING 21





กลมุ่ ดาว (Constellation)
กลมุ่ ดาว คอื กลมุ่ ของดาวฤกษท์ เี่ รยี งตวั อยบู่ นทอ้ งฟา้ เชอื่ มตอ่ กนั เปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ ถกู ก�าหนดอย่าง
เป็นทางการโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติ (International Astronomy Union) หรือ IAU
จ�านวนทง้ั สิน้ 88 กล่มุ ดาว

ชื่อกลุ่มดาวทางซีกฟ้าเหนือส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมกรีกที่เก่ียวข้องกับเทพเจ้า
ของชาวกรีก เช่น กลุ่มดาวแอนโดรเมดา กลุ่มดาวเพอร์ซีอุส กลุ่มดาวนายพราน ฯลฯ ส่วนชื่อ
กลุ่มดาวทางซีกฟ้าใต้จะได้รับอิทธิพลมาจากนักเดินทาง ส่วนใหญ่จึงเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ
เช่น กลุ่มดาวนาฬิกา กลุ่มดาวกล้องโทรทรรศน์ กลุม่ ดาวเข็มทศิ ฯลฯ

กลุ่มดาวทั้ง 88 กลุ่มนี้ มี 12 กลุ่มดาวท่ีดวงอาทิตย์เคล่ือนผ่านใน 1 ปี กลุ่มดาวเหล่าน้ี เรียกว่า
“กลมุ่ ดาวจกั รราศี (Zodiac Constellation)” ประกอบดว้ ย

1. กล่มุ ดาวแพะทะเล (Capricornus) 7. กลุ่มดาวปู (Cancer)

2. กลมุ่ ดาวคนแบกหมอ้ น�้า (Aquarius) 8. กลมุ่ ดาวสงิ โต (Leo)

3. กลมุ่ ดาวปลาคู่ (Pisces) 9. กลุม่ ดาวหญงิ สาว (Virgo)

4. กลมุ่ ดาวแกะ (Aries) 10. กล่มุ ดาวคนั ชั่ง (Libra)

5. กลุ่มดาวววั (Taurus) 11. กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius)

6. กลมุ่ ดาวคนคู่ (Gemini) 12. กลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius)

เกร็ดความรู้

กลมุ่ ดาวท้งั 88 กลุ่มน้ี เห็นไดแ้ คบ่ นโลกนีเ้ ท่าน้ัน

ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมีระยะหา่ งจากโลกที่แตกต่างกันออกไป เชน่ ดาวฤกษ์ในกลุม่ ดาวนายพราน แมด้ าว
จะเรียงตัวบนท้องฟ้าอยู่ใกล้กัน แต่ดาวแต่ละดวงมีระยะห่างจากโลกแตกต่างกันตั้งแต่ 243 ถึง 1,360
ปีแสง ดังนั้น หากเราย้ายไปดูดาวบนดาวดวงอื่น เราก็จะเห็นดาวบนท้องฟ้าในมุมมองท่ีแตกต่างจาก
มุมมองบนโลก

24 คมู่ ือนักดูดาว

ดาวเรยี งเด่น (Asterism)

ดาวเรียงเด่น คือ ดาวฤกษ์ท่ีเรียงกันเป็นรูปร่างท่ีชัดเจน เช่ือมต่อกันเป็นรูปร่างต่าง ๆ ตาม
จินตนาการ ภาพทีจ่ ินตนาการจะเป็นไปตามวถิ ชี วี ิตและความเชื่อของแต่ละวัฒนธรรม นอกจากนี้
หลาย ๆ วัฒนธรรมยังมีเร่ืองราวนิทานดาวที่ผูกเร่ืองจากรูปร่างของกลุ่มดาว เช่น กระบวยใหญ่
ดาวไถ สามเหลี่ยมฤดูหนาว สามเหล่ยี มฤดรู ้อน เป็นต้น

A GUIDE TO STARGAZING 25

การวัดระยะเชิงมุมบนทอ้ งฟา้

ในการวัดระยะห่างระหวา่ งดวงดาวบนท้องฟา้ น้นั เราไมส่ ามารถหยิบเอาไมบ้ รรทัดข้นึ มาวัดได้ว่า
ดาวสองดวงมีระยะห่างกันเท่าใด เรานิยมวัดออกมาเป็น ระยะเชิงมุม (Angular Distance) ท่ีมี
หน่วยเป็นองศา (Degree) เช่น เราบอกว่า ดาว A อยู่ห่างจาก ดาว B เป็นระยะทาง 5 องศา
หรอื บอกวา่ ดวงจนั ทร์เตม็ ดวงมีขนาด 0.5 องศา และเราสามารถใช้รา่ งกายของเราในการวดั ระยะ
เชงิ มุมได้ ดงั นี้

1o 2o 5o 10o 15o 22o

1. ยื่นมือออกไปจนสุดแขน แล้วท�ามือเป็นรูปต่าง ๆ ดังภาพด้านบน
เช่น นิ้วก้อยแทนค่าขนาดเชิงมุมประมาณ 1 องศา

ก�าปั้นแทนค่าขนาดเชิงมุมประมาณ 10 องศา
2. เล็งไปท่ีเป้าหมายที่ต้องการวัดขนาด


15o

26 คู่มือนักดูดาว

25o

15o
10o

5o

กลุ่มดาวหมีใหญ่

A GUIDE TO STARGAZING 27

ความสวา่ งของวตั ถทุ ้องฟา้

การบอกค่าความสว่างของวัตถุบนท้องฟ้า เราจะนิยมใช้ ค่าอันดับความสว่างปรากฏ หรือ
แมกนิจูดปรากฏ (Apparent Magnitude) เป็นปริมาณท่ีไม่มีหน่วย วัตถุท่ีมีค่าอันดับความสว่าง
ปรากฏน้อยจะสว่างมาก ส่วนวัตถุท่ีมีค่าอันดับความสว่างปรากฏมากจะสว่างน้อย แต่ละค่า
อันดบั ความสว่างปรากฏจะมคี วามสวา่ งตา่ งกันประมาณ 2.5 เทา่

ตัวอยา่ งเชน่ ดาว A มีค่าอันดับความสวา่ งปรากฏ 1.0
ดาว B มคี ่าอนั ดบั ความสว่างปรากฏ 2.0
ดาว C มีคา่ อนั ดับความสว่างปรากฏ 6.0

หมายความวา่ ดาว A สว่างกวา่ ดาว B ประมาณ 2.5 เท่า
ดาว B สว่างกว่าดาว C ประมาณ 40 เทา่
ดาว A สว่างกว่าดาว C ประมาณ 100 เทา่

หากสังเกตการณ์ด้วยตาเปล่าในขณะท่ีท้องฟ้ามืดสนิท ตามนุษย์จะมองเห็นวัตถุท้องฟ้าได้มาก
ท่ีสุดท่ีค่าอันดับความสว่างปรากฏประมาณ 6.0 วัตถุท่ีสว่างน้อยกว่านี้จะไม่สามารถมองเห็นได้
จ�าเป็นตอ้ งใชก้ ลอ้ งสองตาหรอื กลอ้ งโทรทรรศน์เพื่อเพม่ิ ขดี จา� กดั ในการสงั เกตการณ์

28 คูม่ ือนักดูดาว

ระยะทางเป็นอีกปัจจัยส�าคัญท่ีส่งผลต่อค่าอันดับความสว่างปรากฏของวัตถุ ดวงอาทิตย์มีค่า
อันดับความสว่างปรากฏน้อยท่ีสุดนั่นเป็นเพราะว่า ดวงอาทิตย์อยู่ใกล้เรามากกว่าดาวฤกษ์
ดวงอื่น ซ่ึงที่จริงแล้วยังมีดาวฤกษ์ดวงอื่นท่ีมีท้ังขนาดและก�าลังส่องสว่างที่มากกว่าดวงอาทิตย์
อกี มากมาย แตเ่ นอ่ื งจากอยหู่ า่ งจากโลกแตกตา่ งกนั จงึ มคี วามสวา่ งปรากฏบนทอ้ งฟา้ แตกตา่ งกนั

อนั ดับ วตั ถุ อันดบั วตั ถุ
ความสวา่ ง ความสว่าง
ปรากฏสูงสดุ ดวงอาทิตย์ ปรากฏสูงสุด ดาวเสาร์
ดวงจนั ทร์เตม็ ดวง ดาวเวกา
-26.7 -0.7 ดาวบีเทลจุส
ดาวศกุ ร์ ดาวสไปกา
-12.5 ดาวพฤหสั บดี 0.03 กระจุกดาวลูกไก่
ดาวอังคาร ดาวเหนือ
-4.5 0.5 กาแล็กซแี อนโดรเมดา
ดาวพุธ เนบวิ ลานายพราน
-2.7 ดาวซิรอิ ุส 1.0
ดาวคาโนปุส
-2.0 1.6

-1.5 2.0

-1.5 3.4

-1.0 4.0

ทั้งนี้ ในการที่จะเปรียบเทียบความสว่างของดาว จ�าเป็นจะต้องก�าจัดตัวแปรระยะทางออกไป
จึงเป็นที่มาของค่าอันดับความสว่างสัมบูรณ์ หรือแมกนิจูดสัมบูรณ์ (Absolute Magnitude)
คา� นวณโดยยา้ ยวตั ถไุ ปไวท้ ร่ี ะยะหา่ ง 10 พารเ์ ซก หรอื ประมาณ 32 ปแี สง แลว้ จงึ คา� นวณคา่ แมกนจิ ดู
ออกมา สามารถนา� ไปใชเ้ ปรยี บเทยี บความสวา่ งของวตั ถุท้องฟ้าไดอ้ ยา่ งแท้จริง

A GUIDE TO STARGAZING 29

เกร็ดความรู้

ระยะทางทางดาราศาสตร์

หน่วยดำรำศำสตร์ (Astronomical Unit, AU) คือ หน่วยของระยะทางที่ก�าหนดให้ 1 AU
มีค่าเท่ากับระยะห่างเฉลย่ี จากโลกถึงดวงอาทติ ย์ หรือมคี ่าประมาณ 150 ลา้ นกิโลเมตร นยิ มใช้
ในการบอกระยะหา่ งภายในระบบสุรยิ ะ
ปีแสง (Light Year) คือ ระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทาง 1 ปี มีค่าประมาณ 9.461 ล้านล้าน
กิโลเมตร หรือประมาณ 63,241 AU นิยมใช้ในการบอกระยะห่างทางดาราศาสตร์ท่ีอยู่ไกล
ออกไปจากระบบสุรยิ ะ
พำร์เซก (Parsec) คือ หน่วยวัดระยะทางที่มีค่าเท่ากับความสูงของสามเหลี่ยมมุมฉากที่มี
เส้นฐานยาว 1 AU และมีมุมยอด 1 พิลิปดา โดย 1 พาร์เซก มีค่าเท่ากับ 206,265 AU หรือ
เท่ากับ 3.26 ปีแสง นิยมใช้ในงานวิจัยทางดาราศาสตร์

Alpha Centauri A
Proxima Centauri
Alpha Centauri B

30 ค่มู ือนกั ดูดาว

ดาวฤกษท์ ี่ใกลร้ ะบบสุรยิ ะมากที่สดุ 6 ปีแสง

4 ปีแสง

2 ปีแสง
เมฆออร์ต
ดวงอาทิตย์

32 คู่มือนักดูดาว

สีของดาวฤกษ์

ดาวบนท้องฟ้ามีสีแตกต่างกัน นักดาราศาสตร์จ�าแนกประเภทดาวฤกษ์ตามสีจากสเปกตรัม
แบ่งเป็น 7 ประเภท ได้แก่ O B A F G K และ M สีของดาวฤกษ์จะข้ึนอยู่กับอุณหภูมิพ้ืนผิว
สแี ดงจะมอี ณุ หภมู นิ อ้ ยทส่ี ดุ และสนี า้� เงนิ จะมอี ณุ หภมู สิ งู ทสี่ ดุ เชน่ ดวงอาทติ ยจ์ ดั อยใู่ นสเปกตรมั G
มีสีเหลือง อุณหภูมิพื้นผิวประมาณ 5,000 เคลวิน ดาวซิริอุสจัดอยู่ในสเปกตรัม A มีสีฟ้า-ขาว
อุณหภูมิพ้ืนผิวประมาณ 10,000 เคลวิน ดาวบีเทลจุสจัดอยู่ในสเปกตรัม M มสี ีแดง อุณหภมู พิ น้ื
ผิวประมาณ 3,600 เคลวิน เปน็ ตน้

เกรด็ ความรู้

ดาวฤกษส์ เี ขยี ว กับ ดาวฤกษส์ ีม่วง หายไปไหน ?

สี เ ขี ย ว เ ป ็ น สี ที่ อ ยู ่ ต ร ง ก ล า ง แ ถ บ
สเปกตรัม ดาวที่มีความเข้มแสงสี
เขียวสูงสุด จะเปล่งแสงสีอ่ืนผสมกนั
ในสัดส่วนที่เท่ากัน เราจึงไม่เห็นดาว
สีเขียวแต่เป็นสีขาว-เหลืองแทน

ส�าหรับดาวท่ีมีความเข้มแสงสีม่วง
สูงสุด จะมีสีน้�าเงินที่มีความเข้มแสง
รองลงมา อย่างไรก็ตาม ตามนุษย์ไว
ต่อแสงสีฟา้ -สีน�้าเงินมากที่สุด เราจึง
ไมเ่ หน็ ดาวสมี ว่ งแตเ่ ปน็ สฟี า้ -นา�้ เงนิ แทน

A GUIDE TO STARGAZING 33

ทรงกลมทอ้ งฟ้าและพกิ ดั ท้องฟ้า

34 ค่มู ือนักดูดาว

การเคลื่อนทีข่ องทรงกลมทอ้ งฟา้

ทรงกลมท้องฟ้า เป็นทรงกลมสมมติท่ีใช้อธิบายการเคล่ือนที่ของวัตถุท้องฟ้า ผู้สังเกต
จากโลกจะเห็นดาวเคล่ือนที่ขึ้นจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก แท้จริงแล้วเกิดจาก
การหมุนรอบตัวเองของโลกในทิศตรงข้าม การหมุนรอบตัวเองของโลก 1 รอบหรือ
360 องศา ใช้เวลา 24 ช่ัวโมง ดังนั้น เราจึงเห็นดาวฤกษ์เคล่ือนที่ไปตามทรงกลม
ท้องฟ้าด้วยอัตราเร็ว 15 องศาต่อชั่วโมง

หากเราต่อแกนหมุนของโลก ออกไปท่ีทรงกลมท้องฟ้าทั้งสองด้าน จะได้จุดสมมติ
เรียกว่า ข้ัวฟ้าเหนือ (North Celestial Pole) และข้ัวฟ้าใต้ (South Celestial Pole) เป็น
เหมือนจุดหมนุ ของดาวบนทรงกลมท้องฟ้า ดาวทุกดวงจะเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมล้อม

รอบจุดหมุนน้ี ซ่ึงจะเป็นวงกลมที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป ขึน้ อยกู่ ับระยะหา่ ง
จากขว้ั ฟา้ ทงั้ สองดา้ น ขวั้ ฟา้ เหนขื องโลกจะชไ้ี ปใกลด้ าวฤกษส์ วา่ งดวงหนง่ึ ดาวดวง
ดังกล่าวจึง แทบจะไม่เปลี่ยนต�าแหน่งบนท้องฟ้าเลย สามารถใช้น�าทางไปยังทิศ
เหนือไดต้ ลอดทัง้ คนื คือ ดาวเหนือ หรอื ดาวโพลารสิ (Polaris)

หากขยายเสน้ ศนู ยส์ ูตรโลกออกไปบนทรงกลมท้องฟา้ โดยรอบ เราจะไดเ้ ส้นสมมติ
เรยี กว่าเส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial Equator) เป็นเส้นแบง่ ทอ้ งฟา้ ออกเปน็ 2 สว่ น
คอื ซีกฟา้ เหนือ (Northern Hemisphere) และซีกฟา้ ใต้ (Southern Hemisphere)
เชน่ เดียวกบั เส้นศนู ยส์ ตู รโลกทแ่ี บ่งโลกออกเป็นซีกโลกเหนือและซกี โลกใต้

ในการสังเกตการณ์จรงิ เราจะไม่สามารถมองเห็นทรงกลมทอ้ งฟา้ ไดท้ ง้ั หมด แนวรอย
ต่อระหว่างท้องฟ้าและพน้ื โลกรอบตัวเรา เรียกวา่ เสน้ ขอบฟา้ (Horizon) เป็นเสมอื นเส้น
รอบวงบนพน้ื ราบ ท่มี ตี ัวเราเปน็ จุดศูนยก์ ลาง

คือ สญั ลักษณ์ของจุดวสนั ตวิษวุ ัต (Vernal Equinox) เปน็ จุดตัดระหวา่ งเสน้ สรุ ยิ วถิ ีและเส้นศนู ยส์ ตู รฟา้

A GUIDE TO STARGAZING 35

เสน้ สุริยวถิ ี

ดวงอาทติ ย์มีการเปลีย่ นตา� แหน่งบนทอ้ งฟา้ ตลอดท้ังปี เป็นผลจากการทโ่ี ลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์
และมีแกนหมนุ รอบตัวเองทเี่ อียง 23.5 องศาจากแกนต้ังฉากระนาบวงโคจรรอบดวงอาทติ ย์ ทา� ให้
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ดวงอาทิตย์จะเคล่อื นไปจากเส้นศนู ย์สตู รท้องฟา้ เปน็ มมุ ระหวา่ ง 23.5 องศา
เหนือและ 23.5 องศาใต้ เกดิ เปน็ เสน้ สมมตบิ นท้องฟา้ เรียกว่า เส้นสรุ ิยวถิ ี (Ecliptic)
บนทรงกลมท้องฟ้าจะมีจุดตัดระหว่างเส้นสุริยวิถีและเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้าอยู่ 2 จุด เรียกว่า
จุดวิษวุ ตั (Equinox) หากดวงอาทิตยอ์ ยู่ในตา� แหน่งน้ี จะเปน็ วันทกี่ ลางวนั และกลางคนื ยาวนานเทา่
กัน จดุ แรกตรงกับชว่ งวนั ที่ 20 - 23 มนี าคมของทกุ ปี เรยี กวา่ วสนั ตวิษวุ ัต (Vernal Equinox) และจดุ
ทส่ี องตรงกับชว่ งวนั ที่ 20 - 23 กันยายนของทกุ ปี เรยี กวา่ ศารทวษิ ุวตั (Autumnal Equinox)

*ศารทวิษุวตั อ่านว่า สาด-ทะ-วิ-สุ-วดั

36 คมู่ ือนกั ดดู าว

เส้นสุริยวิถีจะตัดผ่านกลุ่มดาวจักรราศี 12 กลุ่ม ในแต่ละเดือนดวงอาทิตย์จะเคล่ือนที่
เปล่ียนต�าแหน่งไปตามกลุ่มดาวประจ�าเดือนนั้น เช่น เดือนมกราคม ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัว
ไปอยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัวไปอยู่ในกลุ่มดาว
คนแบกหม้อนา้� เป็นแบบนีไ้ ปเรื่อย ๆ จนครบท้ังหมด 12 กลมุ่ ดาว เป็นระยะเวลา 1 ปีพอดี

เกร็ดความรู้
ดาวเคราะห์และดวงจันทร์ก็เคล่ือนที่เปลี่ยนต�าแหน่งอยู่ในแนวเส้นสุริยวิถีเช่นกัน ดาวเคราะห์จะมี

ระยะหา่ งเชงิ มมุ จากเส้นสรุ ิยวิถไี ม่เกนิ 10 องศา ขณะทด่ี วงจนั ทร์จะมีระยะห่างไม่เกนิ 5 องศา

A GUIDE TO STARGAZING 37

ระบบพิกดั ทอ้ งฟา้

ในทางดาราศาสตร์ จะใชร้ ะบบพกิ ดั ทอ้ งฟา้ ในการระบตุ �าแหน่งบนท้องฟา้ สามารถทา� ไดห้ ลายวธิ ี
ตามความเหมาะสมและการใชง้ านที่แตกตา่ งกนั ออกไป ดงั นี้

พกิ ัดขอบฟ้า (Horizontal Coordinate)

ระบบพิกัดท่ีใชร้ ะบตุ า� แหนง่ ของวตั ถุท้องฟา้ ที่อ้างองิ จากขอบฟา้ ของผ้สู งั เกต เปน็ วิธกี ารพื้นฐานที่
สะดวกท�าความเข้าใจได้ง่ายและเปน็ ทน่ี ิยมส�าหรับผ้ทู เี่ รม่ิ ตน้ ดดู าว ประกอบด้วย

มุมทิศ (Azimuth) เป็นมุมในแนวราบรอบ มุมเงย (Altitude) เปน็ มมุ แนวด่ิง มีค่าระหว่าง
ตวั ผู้สังเกต มีค่าระหว่าง 0 ถึง 360 องศา เร่ิม 0 ถงึ 90 องศา วัดจากเส้นขอบฟ้า (0 องศา)
วัดจากทิศเหนือ (0 องศา) ไปตามขอบฟ้า สูงข้ึนไปจนถึงจุดเหนือศรี ษะ (90 องศา)
ทางทิศตะวนั ออก (90 องศา) ทิศใต้ (180 องศา)
ทิศตะวันตก (270 องศา) และกลบั มาทที่ ิศเหนือ
(360 องศา) อกี ครั้ง

38 คมู่ ือนกั ดูดาว

พกิ ัดศนู ย์สตู ร (Equatorial Coordinate)

ระบบพิกัดที่ใช้ระบุต�าแหน่งของวัตถุท้องฟ้าที่อ้างอิงจากการเคล่ือนท่ีของทรงกลมท้องฟ้า
เป็นระบบพิกัดมาตรฐานท่ีใช้กนั ท่วั โลก ประกอบด้วย

ไรต์แอสเซนชนั (Right Ascension หรอื RA) เดคลเิ นชนั (Declination หรือ Dec) เป็นเสน้
เป็นเส้นตามแนวข้ัวฟ้าเหนือ-ขั้วฟ้าใต้บน สมมติตามแนวขนานกับเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า
ทรงกลมท้องฟ้า คล้ายกับเส้นลองจิจูดบนโลก คล้ายกับเส้นละติจูด บนทรงกลมโลก เริ่มต้น
แบ่งโดยใช้อัตราการหมุนรอบตัวเองของ จากเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า 0o ไปยังจุดขั้วฟ้า
โลก จึงมีหน่วยเป็นชั่วโมง (h) นาที (m) และ เหนอื ที่ +90o และจากเส้นศูนย์สตู รทอ้ งฟา้ 0o
วินาที (s) เสน้ แรกคือ เส้น 0h 0m 0s เร่ิมตน้ ท่ี ไปยังจดุ ข้วั ฟา้ ใตท้ ี่ -90o
จดุ วสันตวษิ วุ ัต (Vernal Equinox) ในกล่มุ ดาว
ปลาคู่ เส้นชั่วโมงถัดไป คือ เส้น 1h 0m 0s
อยู่ห่างไปทางทิศตะวันออก 15o เป็นเช่นนี้ไป
เรื่อย ๆ จนครบ 360o จึงวนกลับมาท่ีเส้น 0h
0m 0s อีกครง้ั

A GUIDE TO STARGAZING 39

2บทที่
เรม่ิ วางแผนดดู าว
(Planning for Stargazing)

40 ค่มู ือนักดูดาว

A GUIDE TO STARGAZING 41

ฤดูกาลทเ่ี หมาะสมส�าหรับการดูดาว

ฤดูกาลและสภาพอากาศถือเปน็ ปัจจัยทีส่ า� คญั ตอ่ การวางแผนดดู าว ประเทศไทยแบง่ ฤดกู าลเปน็
3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว โดยฤดูกาลที่เหมาะสมในการดูดาวมากท่ีสุดคือ
ฤดูหนาว เนื่องจากมีสภาพอากาศปลอดโปร่ง ทัศนวิสัยเหมาะแก่การสังเกตการณ์ รองลงมาคือ
ฤดูร้อน แต่บางช่วงอาจมีเมฆหรือเกิดพายุฤดูร้อนได้ ส่วนฤดูฝน มักมีอุปสรรคจากฝนฟ้าคะนอง
และมีเมฆบดบังท้องฟ้า อย่างไรก็ตามในบางคร้ังหลังจากฝนตกและไม่มีเมฆแล้ว ท้องฟ้าจะ
ปลอดโปร่งมาก เพราะนา�้ ฝนจะชะลา้ งฝุน่ ในบรรยากาศลงมาจนหมด

ฤดูกาลทางดาราศาสตร์

การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ท�าให้กลุ่มดาวและวัตถุท้องฟ้าในแต่ละวันเปล่ียนแปลงไป
เร่อื ย ๆ รวมถงึ ดวงอาทิตย์ทีค่ อ่ ย ๆ เคล่ือนเปลยี่ นกลุ่มดาวไปตามเส้นสุริยวิถี ในทางดาราศาสตร์จะ
ก�าหนดฤดกู าลตามตา� แหน่งของดวงอาทติ ย์บนเส้นสุรยิ วิถี ดังนี้

วสนั ตวิษวุ ัต (Vernal Equinox)
20-23 มีนาคม

ครีษมายัน (Summer Solstice)
20-23 มิถุนายน

42 คูม่ อื นกั ดูดาว ศารทวิษวุ ัต (Autumnal Equinox)
20-23 กนั ยายน

วสนั ตวษิ วุ ตั : 20-23 มีนำคมของทกุ ปี ครีษมำยัน : 20-23 มถิ นุ ำยนของทุกปี
ดวงอาทิตย์จะอยู่ที่ต�าแหน่งมุมเดคลิเนชัน ดวงอาทิตย์จะอยู่ท่ีต�าแหน่งมุมเดคลิเนชัน
0 องศา เรยี กวา่ วสนั ตวษิ วุ ตั (Vernal Equinox) 23.5 องศาเหนือ เรยี กวา่ ครีษมายัน (Summer
เป็นวันที่กลางวันและกลางคืนยาวนานเท่า Solstice) เป็นวันท่ีกลางวันยาวนานท่ีสุดใน
กันเป็นจุดเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิของประเทศทาง รอบปี เป็นจุดเริ่มต้นฤดูร้อนของประเทศทาง
ซีกโลกเหนอื ซีกโลกเหนือ

ศำรทวษิ ุวัต : 20-23 กันยำยนของทกุ ปี เหมำยนั : 20-23 ธันวำคมของทุกปี
ดวงอาทิตย์จะอยู่ที่ต�าแหน่งมุมเดคลิเนชัน ดวงอาทิตย์จะอยู่ท่ีต�าแหน่งมุมเดคลิเนชัน
0 องศา เรียกว่า ศารทวิษุวัต (Autumnal 23.5 องศาใต้ เรียกว่า เหมายัน (Winter
Equinox) เป็นวันท่ีกลางวันและกลางคืน Solstice) เป็นวันที่กลางคืนยาวนานท่ีสุดใน
ยาวนานเท่ากนั เปน็ จุดเร่ิมต้นฤดใู บไม้รว่ งของ รอบปี เป็นจุดเร่ิมต้นฤดูหนาวของประเทศ
ประเทศทางซกี โลกเหนอื ทางซีกโลกเหนือ

ฤดูกาลทางดาราศาสตร์มีความส�าคัญในการช่วยให้จดจ�ากลุ่มดาวและวัตถุท้องฟ้าได้ง่ายข้ึน
เน่ืองจากแต่ละฤดูกาลจะมีกลุ่มดาวหรือดาวเรียงเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ประจ�าฤดูกาลน้ัน
เช่น ในประเทศทางซีกโลกเหนือ จะมี “สามเหล่ียมฤดูหนาว” เป็นสัญลักษณ์ประจ�าฤดูหนาว
ทางดาราศาสตร์ที่จะสังเกตการณ์ได้ตลอดท้ังคืนในช่วงฤดูหนาว “สามเหลี่ยมฤดูร้อน”
สัญลักษณ์ประจ�าฤดูร้อนทางดาราศาสตร์ที่จะสังเกตการณ์ได้ตลอดทั้งคืนในช่วงฤดูร้อน เป็นต้น

ดังน้นั ในการวางแผนสงั เกตการณ์
ควรพิจารณาด้วยว่า กลุ่มดาวและวตั ถุ
ท้องฟ้าท่สี นใจนั้นจะปรากฏบนทอ้ งฟ้า

ในช่วงฤดูกาลใด

เหมายัน (Winter Solstice)
20-23 ธันวาคม

A GUIDE TO STARGAZING 43

44 คู่มือนักดูดาว

เวลาในการเริ่มตน้ ดดู าว

เวลาที่เหมาะสมส�าหรับการเริ่มต้นดูดาว คือ หลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าเป็นต้นไป
ดวงอาทติ ยจ์ ะมเี วลาขนึ้ -ตกเปลี่ยนไปในแตล่ ะเดือน สมั พนั ธก์ บั ฤดกู าลและละตจิ ูดของผู้สงั เกตใน
ช่วงฤดูหนาวดวงอาทิตย์จะขึ้นช้าและตกเร็ว ขณะที่ฤดูร้อนดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็วและตกช้า และ
แม้ว่าดวงอาทิตย์จะตกลับขอบฟ้าไปแล้ว ท้องฟ้าจะยังไม่มืดสนิทไปในทันที ยังคงหลงเหลือ แสง
สนธยา (Twilight) ที่จะคอ่ ย ๆ จางหายไปตามดวงอาทิตย์

ดังนั้น ในการวางแผนดูดาว ต้องค�านึงถึงแสงสนธยาด้วย หากวัตถุ

ที่ต้องการสังเกตการณ์มีความสว่างมาก เช่น ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์
กอ็ าจไม่จ�าเป็นตอ้ งรอให้ท้องฟา้ มดื สนทิ แต่หากตอ้ งการสังเกตการณ์

วัตถุในห้วงอวกาศลึกท่ีมีความสว่างน้อยมาก ๆ ก็จ�าเป็นจะต้องรอ

ให้แสงสนธยาจางหายไปจนหมด จะเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ช่ัวโมง

หลงั จากดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปแลว้ เช็คเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์

A GUIDE TO STARGAZING 45

46 คู่มือนักดูดาว

เวลาข้นึ -ตกของดวงจันทร์

“ดวงจันทร์” เป็นวัตถุท่ีสว่างที่สุดบนท้องฟ้ายามค�่าคืน แสงของดวงจันทร์ส่งผลกระทบต่อ
การสังเกตการณ์วัตถุท้องฟ้าอืน่ ๆ ดงั นน้ั ในการวางแผนดูดาวจงึ จา� เปน็ ตอ้ งพิจารณาเวลาการข้นึ
ตกของดวงจันทร์ เพื่อหลีกเลีย่ งแสงสวา่ งทีอ่ าจบดบังวัตถุทอ้ งฟา้ ทเ่ี ราต้องการสงั เกตการณ์

เกร็ดความรู้

หากต้องการจัดกิจกรรมดูวัตถุท้องฟ้าและดวงจันทร์ในช่วงหัวค่�า
ควรเลอื กชว่ งทเ่ี ปน็ ดวงจันทร์ข้างขน้ึ 1- 5 ค่�า เนื่องจากดวงจันทร์
จะตกลับขอบฟ้าตามหลังดวงอาทิตย์ภายในไม่กี่ช่ัวโมง และ
ปรากฏเปน็ เสีย้ วสว่างเพยี งพอให้สงั เกตการณไ์ ด้

เช็คเวลาข้ึน-ตกดวงจันทร์

A GUIDE TO STARGAZING 47

สถานท่ีดูดาว

สถานท่ีที่เหมาะส�าหรับดูดาว ควรเป็นพื้นที่ท่ีมีท้องฟ้ามืดสนิท ห่างไกลจากแสงรบกวน
เช่น แสงจากตัวเมือง หรือแสงจากชุมชน และควรเป็นพื้นท่ีโล่งกว้าง มองเห็นขอบฟ้าได้ทุกด้าน
เน่ืองจากจะสามารถสังเกตการณ์ดาวเหนือท่ีเป็นจุดหมุนของท้องฟ้า รวมถึงมองเห็นขอบฟ้า
ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่สามารถใช้อธิบายการข้ึน-ตกของวัตถุท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

แสงรบกวนจากอาคารบา้ นเรอื นสง่ ผลใหท้ อ้ งฟา้ พนื้ หลงั สวา่ งกว่าวตั ถทุ ้องฟา้ จงึ มองเหน็ ดาวฤกษ์ท่ี
มีความสว่างน้อยหรือวัตถุในห้วงอวกาศลึก เช่น กาแล็กซี เนบิวลา หรือกระจุกดาวได้ยากข้ึน
อย่างไรกต็ าม หากไมส่ ามารถหลีกเล่ียงแสงรบกวนได้ กย็ ังสามารถสงั เกตวตั ถุท่มี คี วามสวา่ งมาก
ได้ เชน่ ดาวเคราะห์ และดวงจนั ทร์ เป็นตน้

48 คู่มือนักดูดาว

ภาพถา่ ยกล่มุ ดาวนายพราน ในสภาวะแสงรบกวนมาก
ภาพถ่ายกลมุ่ ดาวนายพราน ในสภาวะแสงรบกวนน้อย


Click to View FlipBook Version