The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 63040111123, 2024-01-23 10:25:09

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

ก คำนำ การจัดการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อให้ สอดคล้องกับหลักการและบรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง และการ จัดทำ หลักสูตรระดับ รายวิชาเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ ที่เป็นกรอบในการจัดการศึกษาให้ สามารถพัฒนาและ ยกระดับ คุณภาพของผู้เรียนให้ดีขึ้น และช่วยให้ครูผู้สอนได้ศึกษาหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างเข้าใจ และส่งผลให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็ม ตามศักยภาพ หลักสูตรรายวิชา วิทยาศาสตร์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ฉบับนี้ ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสำคัญ สมรรถนะ คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ สำหรับการจัดทำหลักสูตร รายวิชาฉบับนี้ ผู้จัดทำได้ศึกษาและ วิเคราะห์จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) หลักสูตร สถานศึกษาและเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักสูตรรายวิชา วิทยาศาสตร์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องที่ช่วยให้ การจัดการศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป วรกมล บุราณเดช


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ง เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ง เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ง สาระวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม จ คุณภาพผู้เรียนเมื่อเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ช สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ฎ คุณลักษณะอันพึงประสงค์สำคัญของผู้เรียน ฎ ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ฏ คำอธิบายรายวิชา(รายวิชาเพิ่มเติม) ด โครงสร้างรายวิชา ถ โครงสร้างกำหนดการสอน น หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เนื้อเยื่อพืช 1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง โครงสร้างของราก 9 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง หน้าที่ของราก 17 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง โครงสร้างของลำต้น 25 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง หน้าที่ของลำต้น 34 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของใบ 42 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การแกลเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช 50 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง การลำเลียงน้ำของพืช 58 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง ธาตุอาหารของพืช 64 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง การลำเลียงอาหารของพืช 72 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 79 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 เรื่อง โครงสร้างคลอโรพลาสต์ 87 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 95 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 เรื่อง กลไกการตรึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของพืช 103


ค สารบัญ(ต่อ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 เรื่อง โฟโตเรสไพเรชัน 111 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 เรื่อง กลไกการเพิ่มความเข้มข้นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของพืช 118 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 127 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 เรื่อง โครงสร้างของดอกและชนิดของดอก 136 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 เรื่อง วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 144 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 เรื่อง การปฏิสนธิของพืชดอก 152 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 เรื่อง การงอกของเมล็ดพืช 160 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การตอบสนองของพืช แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสารเคมี 168 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม 176 ภาคผนวก


ง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้ง กระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็น หลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายที่สำคัญ ดังนี้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษา วิชา วิทยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี 4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมวลมนุษย์และ สภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและ การดำรงชีวิต 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และ การจัดการ ทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ 7. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ผู้เรียนจะได้เรียนรู้สาระสำคัญ ดังนี้ ✧ ชีววิทยา เรียนรู้เกี่ยวกับ การศึกษาชีววิทยา สารที่เป็นองค์ประกอบของ สิ่งมีชีวิต เซลล์ของ สิ่งมีชีวิต พันธุกรรมและการถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสร้างและการทำงานของ ส่วนต่าง ๆ ในพืชดอก ระบบและการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์และสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ✧ เคมี เรียนรู้เกี่ยวกับ ปริมาณสาร องค์ประกอบและสมบัติของสาร การเปลี่ยนแปลง ของสาร ทักษะและการแก้ปัญหาทางเคมี ✧ ฟิสิกส์ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติและการค้นพบทางฟิสิกส์แรงและการเคลื่อนที่ และพลังงาน


จ ✧ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ โลกและกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทาง ธรณีวิทยา ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนำไปใช้ประโยชน์การถ่ายโอนพลังงานความร้อนของโลก การ เปลี่ยนแปลงลักษณะลมฟ้าอากาศกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตร์กับมนุษย์ สาระวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์สาร ที่เป็น องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและ หน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์การแบ่งเซลล์และการหายใจระดับเซลล์ 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของ สารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิด เกี่ยวกับวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลาย ทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธาน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียง ของพืช การ สังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนอง ของพืช รวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ 4. เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊ส การลำเลียงสาร และการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การ สืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรม ของสัตว์รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 5. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียน สารใน ระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและ รูปแบบการเพิ่มของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและ ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ ประโยชน์และแนวทางการแก้ไขปัญหา สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของ สาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์รวมทั้งการนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์


ฉ 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมีปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกิริยาเคมีสมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมีการวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การคำนวณ ปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะ ในการอธิบาย ปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ธรรมชาติของคลื่น เสียงและ การได้ยิน ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกฎของ โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทน เป็นพลังงานไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำ แม่เหล็กไฟฟ้าและกฎ ของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ๔. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของวัสดุและ มอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิมีดีส ความตึงผิวและแรงหนืดของของเหลว ของไหลอุดมคติและสมการแบร์นูลลีกฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติและพลังงานในระบบ ทฤษฎี อะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะ ของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสีแรงนิวเคลียร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ ฟิสิกส์อนุภาค รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 1. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการศึกษาลำดับชั้นหิน ทรัพยากรธรณีแผนที่และการนำไปใช้ประโยชน์ 2. เข้าใจสมดุลพลังงานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวียนของน้ำ ใน มหาสมุทร การเกิดเมฆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง การ พยากรณ์อากาศ


ช 3. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และ ระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตำแหน่ง ดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสุริยะ รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ในการดำรงชีวิต คุณภาพผู้เรียนเมื่อเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้เรียนที่เรียนครบทุกผลการเรียนรู้ มีคุณภาพดังนี้ ❖ เข้าใจวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต สารที่เป็น องค์ประกอบ ของสิ่งมีชีวิต และปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ การใช้กล้องจุลทรรศน์ โครงสร้าง และหน้าที่ของเซลล์การลำเลียง สารเข้าและออกจากเซลล์การแบ่งเซลล์และการหายใจระดับเซลล์ ❖ เข้าใจหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดยีน บนออโตโซมและ โครโมโซมเพศ โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของดีเอ็นเอ การจำลองดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน การเกิดมิวเทชันในสิ่งมีชีวิต หลักการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานและข้อมูลที่ ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เงื่อนไขของภาวะสมดุลของ ฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ ของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิต กลุ่มแบคทีเรีย โพรทิสต์ พืช ฟังไจ และสัตว์การจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ และวิธีการเขียน ชื่อวิทยาศาสตร์ ❖ เข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของพืชทั้งราก ลำต้น และใบ การแลกเปลี่ยนแก๊ส การ คายน้ำ การลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร การลำเลียงอาหาร การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช กระบวนการสร้าง เซลล์สืบพันธุ์และการปฏิสนธิของพืชดอก การเกิดผลและเมล็ด บทบาทของสาร ควบคุมการเจริญเติบโตของ พืชและการประยุกต์ใช้และการตอบสนองของพืช ❖ เข้าใจกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการ ต่าง ๆ ของ สัตว์และมนุษย์ได้แก่ การย่อยอาหาร การแลกเปลี่ยนแก๊ส การเคลื่อนที่ การกำจัดของเสีย ออกจากร่างกาย ของสิ่งมีชีวิต ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์การทำงาน ของระบบประสาทและ อวัยวะรับความรู้สึก ระบบสืบพันธุ์การปฏิสนธิการเจริญเติบโต ฮอร์โมน และพฤติกรรมของสัตว์ ❖ เข้าใจกระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ความหลากหลาย ของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลง จำนวนประชากรมนุษย์ใน ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก แนวทางการป้องกันและแก้ไข ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม


ซ ❖ เข้าใจการศึกษาโครงสร้างอะตอมของนักวิทยาศาสตร์การจัดเรียงอิเล็กตรอน ในอะตอม สมบัติบางประการของธาตุและการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ พันธะเคมีสมบัติของสารที่มีความสัมพันธ์กับ พันธะเคมีกฎต่าง ๆ ของแก๊ส และสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอินทรีย์และประเภท และสมบัติของพอลิเมอร์ ❖ เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมีการคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับ ปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีและปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีสมดุล ในปฏิกิริยาเคมี และปัจจัยที่มีผลต่อสมดุลเคมีทฤษฎีกรด-เบส สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส สารละลายบัฟเฟอร์ปฏิกิริยารี ดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า ❖ เข้าใจข้อปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำปฏิบัติการเคมีการเลือกใช้อุปกรณ์ หรือเครื่องมือในการทำปฏิบัติการ หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยวัดด้วยการ ใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย การ คำนวณเกี่ยวกับมวลอะตอม มวลโมเลกุล และมวลสูตร ความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปริมาตรของแก๊สที่ STP การคำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตร โมเลกุลของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การ เตรียมสารละลาย และการบูรณาการความรู้และ ทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวันและการ แก้ปัญหาทางเคมี ❖ เข้าใจธรรมชาติของฟิสิกส์กระบวนการวัด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณที่เกี่ยวข้อง กับการ เคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ในแนวตรง แรงลัพธ์กฎการเคลื่อนที่ แรงเสียดทาน กฎความโน้มถ่วง สากล สนามโน้ม ถ่วง งาน กฎการอนุรักษ์พลังงานกล สมดุลกลของวัตถุ เครื่องกลอย่างง่าย โมเมนตัมและการดล กฎการ อนุรักษ์โมเมนตัม การชน และการเคลื่อนที่ในแนวโค้ง ❖ เข้าใจการเคลื่อนที่แบบคลื่น ปรากฏการณ์คลื่น การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบนและการ แทรกสอด หลักการของฮอยเกนส์การเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง ความเข้มเสียง และระดับเสียง การได้ยิน ภาพที่เกิดจากกระจกเงาและเลนส์ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสงและการมองเห็น แสงสี ❖ เข้าใจสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า กฎของคูลอมบ์ศักย์ไฟฟ้า ตัวเก็บประจุตัวต้านทาน และกฎ ของโอห์ม พลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้าน พลังงาน สนามแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็ก ไฟฟ้า ไฟฟ้า กระแสสลับ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ❖ เข้าใจผลของความร้อนต่อสสาร สภาพยืดหยุ่น ความดันในของไหล แรงพยุง ของไหลอุดม คติทฤษฎีจลน์ของแก๊ส แนวคิดควอนตัมของพลังงาน ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิ


ฌ ภาวะของคลื่นและอนุภาค การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสีกัมมันตภาพ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลังงาน นิวเคลียร์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน แรงภายในนิวเคลียส และการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค ❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ ของแผ่น ธรณีที่สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐานและธรณีโครงสร้างแบบต่าง ๆ หลักฐาน ทางธรณีวิทยาที่พบใน ปัจจุบันและการลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในอดีต สาเหตุ กระบวนการ เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึ นามิผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย สมบัติและการจำแนกชนิดของแร่ กระบวนการเกิดและการจำแนกชนิดหิน กระบวนการเกิดและ การสำรวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหิน การ แปลความหมายจากแผนที่ภูมิประเทศและแผนที่ ธรณีวิทยา และการนำข้อมูลทางธรณีวิทยาไปใช้ประโยชน์ ❖ เข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรับและปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์กระบวนการที่ ทำให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสู่ ศูนย์กลางและแรงเสียดทานที่มีต่อการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียน ของอากาศตามเขตละติจูด และผล ที่มีต่อภูมิอากาศ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแบ่งชั้นน้ำและการหมุนเวียน ของน้ำในมหาสมุทร รูปแบบการ หมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทร และผลของการหมุนเวียนของน้ำ ในมหาสมุทรที่มีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างเสถียรภาพ อากาศและการเกิดเมฆ การเกิดแนวปะทะอากาศ แบบต่าง ๆ และลักษณะลมฟ้าอากาศที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศและการพยากรณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้น จากแผนที่ อากาศและข้อมูลสารสนเทศ ❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่ สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซีโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดดาวฤกษ์และการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ความสัมพันธ์ระหว่างสีอุณหภูมิผิว และ สเปกตรัมของดาวฤกษ์วิธีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ด้วยหลักการแพรัลแลกซ์ วิวัฒนาการและการ เปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการ ดำรงชีวิต การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยกฎเคพเลอร์และ กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน โครงสร้างของดวงอาทิตย์การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลก การระบุ พิกัดของดาว ในระบบขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร เส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลา สุริ ยคติและการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก การสำรวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ


ญ ❖ ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง ตัว แปรต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจเลือก ตรวจสอบ สมมติฐานที่เป็นไปได้ ❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทาง วิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและ เชื่อถือได้สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่ การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจตรวจสอบตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ได้อย่างเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือก วัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการในการสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้อง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผล การสำรวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ❖ วิเคราะห์แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุป เพื่อตรวจสอบ กับสมมติฐานที่ตั้งไว้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำ ข้อมูลและนำเสนอข้อมูล ด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้จากผลการสำรวจ ตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ โดยมีหลักฐาน อ้างอิงหรือมีทฤษฎีรองรับ ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะ หาความรู้ โดยใช้เครื่องมือ และวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมี การเปลี่ยนแปลงได้ ❖ แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบ เกี่ยวกับผลของ การพัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น ❖ เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ❖ ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ใน ชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบ อาชีพ แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็นผลมาจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการพัฒนา เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงาน หรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ


ฎ ❖ แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากร ธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และ ประสบกรณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆเผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผลคุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ ข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเสี่ยงพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยี ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในต้านการเรียนรู้การสื่อสารการ ทำงานการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์สำคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้


ฏ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ชื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตาม บริบทและจุดเน้นของตนเอง ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียง ของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการ ตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การ สังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการ ตอบสนองของพืช รวมทั้งนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1. อธิบายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืช และเขียนแผนผังเพื่อสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืช - เนื้อเยื่อพืชแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ เนื้อเยื่อเจริญ และเนื้อเยื่อถาวร เนื้อเยื่อเจริญแบ่งเป็นเนื้อเยื่อ เจริญส่วนปลาย เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ และเนื้อเยื่อ เจริญด้านข้าง เนื้อเยื่อถาวรเปลี่ยนแปลงมาจาก เนื้อเยื่อเจริญ เนื้อเยื่อถาวรอาจแบ่งได้เป็น 3 ระบบ คือ ระบบ เนื้อเยื่อผิว ระบบเนื้อเยื่อพื้น และระบบ เนื้อเยื่อ ท่อลำเลียง ซึ่งทำหน้าที่ต่างกัน 2. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่ จากการตัดตามขวาง - ราก คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่ ใต้ ระดับผิวดิน ทำหน้าที่ยึดหรือค้ำจุนให้พืช เจริญเติบโตอยู่กับที่ได้และยังมีหน้าที่สำคัญใน การ ดูดน้ำและธาตุอาหารในดิน เพื่อส่งไปยังส่วน ต่าง ๆ


ฐ ของพืช โครงสร้างภายในของรากระยะการเติบโต ปฐมภูมิเมื่อตัดตามขวางจะเห็นโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ชั้น เรียงจากด้านนอกเข้าไป คือ ชั้นเอพิเดอร์มิส ชั้นคอร์เทกซ์และชั้นสตีล ในชั้นสตีล 3. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืช ใบ เลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง - ลำต้น คือ ส่วนแกนของพืชที่โดยทั่วไปเจริญ อยู่ เหนือระดับผิวดินถัดขึ้นมาจากราก ทำหน้าที่ สร้าง ใบและชูใบ ลำเลียงน้ำ ธาตุอาหาร และ อาหารที่พืช สร้างขึ้นส่งไปยังส่วนต่าง ๆ โครงสร้างภายในของลำ ต้นระยะการเติบโตปฐมภูมิเมื่อตัดตามขวางจะเห็น โครงสร้างแบ่งเป็น ๓ ชั้น เรียงจากด้านนอกเข้าไป 4. สังเกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวาง - ใบมีหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสง แลกเปลี่ยนแก๊ส และคายน้ำ ใบของพืชดอกประกอบด้วย ก้านใบ แผ่นใบ เส้นกลางใบ และเส้นใบ พืชบางชนิดอาจ ไม่ มีก้านใบ ที่โคนก้านใบอาจพบหรือไม่พบหูใบ โครงสร้างภายในของใบตัดตามขวาง ประกอบด้วย เนื้อเยื่อ ๓ กลุ่ม ได้แก่ เอพิเดอร์มิส มีโซฟิลล์และ เนื้อเยื่อท่อลำเลียง 5. สืบค้นข้อมูล สังเกต และอธิบายการแลกเปลี่ยน แก๊สและการคายน้ำของพืช - พืชมีการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำผ่านทาง ปากใบเป็นส่วนใหญ่ ปากใบพบได้ที่ใบและ ลำต้น อ่อน เมื่อความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ภายนอกต่ำกว่า ความชื้นสัมพัทธ์ภายในใบพืช ทำให้น้ำภายในใบพืช ระเหยเป็นไอออกมาทาง รูปากใบ เรียกว่า การคาย น้ำ - ความชื้นในอากาศ ลม อุณหภูมิสภาพน้ำในดิน ความเข้มของแสง เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำ ของพืช 6. สืบค้นข้อมูล และอธิบายกลไกการลำเลียงน้ำ และธาตุอาหารของพืช 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสำคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อ การ เจริญเติบโตของพืช - พืชดูดน้ำและธาตุอาหารต่าง ๆ จากดิน โดยเซลล์ ขนรากแล้วลำเลียงผ่านชั้นคอร์เทกซ์เข้าสู่ เนื้อเยื่อ ลำเลียงน้ำในชั้นสตีลซึ่งเป็นการดูดน้ำจากดิน สู่ เนื้อเยื่อลำเลียงน้ำในแนวระนาบ และลำเลียง ไปยัง ส่วนต่าง ๆ ของพืชในแนวดิ่ง ในสภาวะปกติการ ลำเลียงน้ำจากรากสู่ยอด ของพืชอาศัยแรงดึงจาก การคายน้ำ ร่วมกับ แรงโคฮีชัน แรงแอดฮีชัน ใน


ฑ ภาวะที่บรรยากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูงมาก จนไม่ สามารถเกิดการคายน้ำได้ตามปกติน้ำที่ เข้าไปใน เซลล์รากจะทำให้เกิดแรงดันเรียกว่า แรงดันราก ทำ ให้เกิดปรากฏการณ์กัตเตชั่น 8. อธิบายกลไกการลำเลียงอาหารในพืช - อาหารที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง จากแหล่งสร้าง จะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นซูโครส และ ลำเลียงผ่านทางท่อโฟลเอ็ม โดยอาศัยกลไก การ ลำเลียงอาหารในพืชซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงดันน้ำ ไปยัง แหล่งรับ 9. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาที่ได้จากการ ทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแส - การศึกษาค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ในอดีต ทำ ให้ได้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วย แ ส ง ม า เ ป ็ น ล ำ ด ั บ ข ั ้ น จ น ไ ด ้ ข ้ อ ส ร ุ ป ว่ า คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ เป็นวัตถุดิบที่พืชใช้ใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง และผลผลิต ที่ได้คือ น้ำตาล ออกซิเจน 10. อธิบายขั้นตอนที่เกิดขึ้นในกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงมี๒ ขั้นตอน คือ ปฏิกิริยาแสง และการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ปฏิกิริยาแสงเป็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนพลังงานแสง เป็น พลังงานเคมีโดยแสงออกซิไดส์โมเลกุลสารสีที่ไทลา คอยด์ของคลอโรพลาสต์ทำให้เกิดการ ถ่ายทอด อิเล็กตรอน ได้ผลิตภัณฑ์เป็น ATP และ NADPH+ H+ ในสโตรมาของคลอโรพลาสต์ การตรึง คาร์บอนไดออกไซด์เกิดในสโตรมา โดยใช้RuBP และเอนไซม์รูบิสโก ได้สารที่ประกอบด้วย คาร์บอน ๓ อะตอม คือ PGA โดยใช้ATP และ NADPH ที่ได้ จากปฏิกิริยาแสงไปรีดิวซ์สารประกอบคาร์บอน ๓ อะตอม ได้เป็นน้ำตาล ที่มีคาร์บอน ๓ อะตอม คือ PGAL ซึ่งส่วนหนึ่ง จะถูกนำไปสร้าง RuBP กลับคืน เ ป ็ น ว ั ฏ จ ั ก ร โ ด ย พ ื ช C3 จ ะ ม ี ก า ร ต รึ ง คาร์บอนไดออกไซด์ด้วย วัฏจักรคัลวินเพียงอย่าง เดียว 11. เปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM - พืช C4 ตรึงคาร์บอนอนินทรีย์๒ ครั้ง ครั้งแรก เกิดขึ้นที่เซลล์มีโซฟิลล์โดย PEP และเอนไซม์เพบ


ฒ คาร์บอกซิเลส ได้สารประกอบที่มีคาร์บอน ๔ อะตอม คือ OAA ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลง ทางเคมี ได้สารประกอบที่มีคาร์บอน ๔ อะตอม คือ กรดมา ลิก ซึ่งจะถูกลำเลียงไปจนถึงเซลล์บันเดิลชีทและ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในคลอโรพลาสต์เพื่อใช้ ในวัฏจักรคัลวินต่อไป พืช CAM มีกลไกในการตรึง คาร์บอนไดออกไซด์คล้ายพืช C4 แต่มีการตรึง คาร์บอนอนินทรีย์ทั้ง ๒ ครั้งในเซลล์เดียวกัน โดย เซลล์มีการตรึง คาร์บอนอนินทรีย์ครั้งแรกในเวลา กลางคืน และปล่อยออกมาในเวลากลางวันเพื่อใช้ใน วัฏจักรคัลวินต่อไป 12. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปปัจจัยความเข้ม ของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์และ อุณหภูมิที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืช - ปัจจัยที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง เช่น ความ เข้มของแสง ความเข้มข้นของ คาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิปริมาณน้ำในดิน ธาตุอาหาร อายุใบ 13. อธิบายวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก - พืชดอกมีวัฏจักรชีวิตแบบสลับ ประกอบด้วย ระยะที่สร้างสปอร์เรียก ระยะสปอโรไฟต์(2n) และ ระยะที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เรียก ระยะแกมีโทไฟต์(n) ส่วนประกอบของดอกที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ โดยตรงคือชั้นเกสรเพศผู้และชั้นเกสรเพศเมีย ซึ่ง จำนวนรังไข่เกี่ยวข้องกับการเจริญเป็นผล ชนิดต่าง ๆ 14. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้าง เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และ อธิบายการปฏิสนธิของพืชดอก - พืชดอกสร้างไมโครสปอร์และเมกะสปอร์ซึ่งอาจ สร้างในดอกเดียวกันหรือต่างดอกหรือต่างต้นกัน การสร้างไมโครสปอร์ของพืชดอกเกิดขึ้นโดย ไมโค รสปอร์มาเทอร์เซลล์แบ่งเซลล์แบบ ไมโอซิสได้ไมโค รสปอร์โดยไมโครสปอร์นี้แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้ ๒ เซลล์คือ ทิวบ์เซลล์และเจเนอเรทิฟเซลล์เมื่อมี การถ่ายเรณูไปตกบน ยอดเกสรเพศเมีย ทิวบ์เซลล์ จะงอกหลอดเรณูและเจเนอเรทิฟเซลล์แบ่งไมโทซิส ได้เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้๒ เซลล์ 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่าง การใช้ ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมล็ด และผล - ภายหลังการปฏิสนธิออวุลจะมีการเจริญ และ พัฒนาไปเป็นเมล็ด และรังไข่จะมีการเจริญ และ พัฒนาไปเป็นผล โครงสร้างของเมล็ดประกอบด้วย


ณ เปลือกเมล็ด เอ็มบริโอ และเอนโดสเปิร์ม โครงสร้าง ของผล ประกอบด้วย ผนังผล และเมล็ด ซึ่งแต่ละ ส่วน ของโครงสร้างจะมีประโยชน์ต่อพืชเองและต่อ สิ่งมีชีวิตอื่น 16. ทดลอง และอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผล ต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของเมล็ด และ บอกแนวทางในการแก้สภาพพักตัว ของเมล็ด - เมล็ดที่เจริญเต็มที่จะมีการงอกโดยมีปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด เช่น น้ำหรือความชื้น ออกซิเจน อุณหภูมิและแสง เมล็ดบางชนิด สามารถ งอกได้ทันทีแต่เมล็ดบางชนิดไม่สามารถ งอกได้ทันที เพราะอยู่ในสภาพพักตัว เมล็ดบางชนิดมีสภาพพัก ตัวเนื่องจากมีปัจจัย บางประการที่มีผลยับยั้งการ งอกของเมล็ด ซึ่งสภาพพักตัวของเมล็ดสามารถ แก้ไขได้หลายวิธีตามปัจจัยที่ยับยั้ง 17. สืบค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าที่ของ ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรด แอบไซซิก และอภิปรายเกี่ยวกับ การนำไปใช้ ประโยชน์ทางการเกษตร 18. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกับ สิ่ง เร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืช - พืชสร้างสารควบคุมการเจริญเติบโตหลายชนิด ที่ ส่วนต่าง ๆ ซึ่งสารนี้เป็นสิ่งเร้าภายในที่มีผล ต่อการ เจริญเติบโตของพืชเช่น ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอ เรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิก แสงสว่าง แรง โน้มถ่วงของโลก สารเคมีและน้ำ เป็นสิ่งเร้าภายนอก ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืช ความรู้เกี่ยวกับ การตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายใน และสิ่งเร้าภายนอกที่ มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืช สามารถนำมา ประยุกต์ใช้ควบคุม การเจริญเติบโตของพืช เพิ่ม ผลผลิต และยืดอายุผลผลิตได้


ด คำอธิบายรายวิชา(รายวิชาเพิ่มเติม) ว30243 ชีววิทยา 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก วัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ของพืชดอก การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของผลและเมล็ด โครงสร้างและหน้าที่ของราก โครงสร้างและ หน้าที่ของลำต้น โครงสร้างและหน้าที่ของใบ การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช การลำเลียงน้ำของพืช ธาตุอาหารของพืช การลำเลียงอาหารของพืช ศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช C3 เปรียบเทียบกลไกการตรึง คาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C4และ พืช CAM ปัจจัยบางประการที่มีผลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง สาร ควบคุมการเจริญเติบโตของพืชการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม ศึกษาการตอบสนองของพืช การตอบสนอง ของพืชในลักษณะการเคลื่อนไหว และการตอบสนองต่อภาวะเครียด โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืช และเขียนแผนผังเพื่อสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืช 2. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืช ใบเลี้ยงคู่ จากการตัดตามขวาง 3. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้าง ภายในของลําต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลําต้นพืช ใบเลี้ยง คู่จากการตัดตามขวาง 4.สังเกต และอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืช จากการตัดตามขวาง 5. สืบค้นข้อมูล สังเกต และอธิบายการแลกเปลี่ยน แก๊สและการคายน้ําของพืช 6. สืบค้นข้อมูล และอธิบายกลไกการลําเลียงน้ำ และธาตุอาหารของพืช 7. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสำคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อการ เจริญเติบโตของพืช 8. อธิบายกลไกการลำเลียงอาหารในพืช


ต 9. สืบค้นข้อมูล และสรุปการศึกษาที่ได้จากการ ทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 11. เปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM 12. สืบค้นข้อมูลอภิปรายและสรุปปัจจัยความเข้ม ของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ และ อุณหภูมิที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 13 อธิบายวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก 14. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้าง เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบาย การปฏิสนธิของพืชดอก 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผลและยกตัวอย่างการใช้ ประโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมล็ด และผล 16. ทดลองและอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ดสภาพพักตัวของเมล็ดและบอก แนวทางในการแก้สภาพพักตัวของเมล็ด 17. สืบค้นข้อมูลอธิบายบทบาทและหน้าที่ของ ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรด แอบไซซิก และอภิปรายเกี่ยวกับการนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 18. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกับ สิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืช รวมทั้งหมด 18 ผลการเรียน


ถ โครงสร้างรายวิชา รายวิชา ชีววิทยา3 รหัสวิชา ว30243 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 60 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 1.5 หน่วยกิต ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ ผล การเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบ ยอด เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 โครงสร้างและ การเจริญเติบโต ของพืชดอก สาระชีววิทยา : 3. เข้าใจส่วนประกอบ ของพืช การแลกเปลี่ยน แก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอก และการเจริญเติบโต และการตอบสนองของ พืช รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ข้อที่ 1-8 พืชดอกมีเนื้อเยื่อ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเจริญ และเนื้อเยื่อถาวร เนื้อเยื่อ เจริญ ราก คือ ส่วนแกนของ พืชที่ทั่วไปเจริญอยู่ใต้ระดับ ผิวดิน ค้ำจุนให้พืช มีหน้าที่ สำคัญในการดูดน้ำและธาตุ อาหารในดิน เพื่อส่งไปยัง ส่วนต่างๆ ลำต้น คือ ส่วนแกนของ พืชที่โดยทั่วไปเจริญอยู่ เหนือระดับผิวดินถัดขึ้นมา จากราก ทำหน้าที่ สร้างใบและชูใบ ลำเลียงน้ำ ธาตุอาหาร ใบมีหน้าที่สังเคราะห์ด้วย แสง แลกเปลี่ยนแก๊สและ คายน้ำใบของพืชดอก ประกอบด้วย ก้านใบ แผ่นใบ เส้นกลางใบ และ เส้นใบ 26 15 2 การสังเคราะห์ ด้วยแสง สาระชีววิทยา : 3. เข้าใจส่วนประกอบ ของพืช การแลกเปลี่ยน พืชจะใช้แสงใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วย แสง โดยจะมีวัตถุดิบหลักที่ สำคัญคือ CO2 จะได้ผลผลิต 18 15


ท แก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอก และการเจริญเติบโต และการตอบสนองของ พืช รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ข้อที่ 9- 12 เป็น O2 และน้ำตาล บริเวณ ที่เกิดการสังเคราะห์แสงอยู่ ภายในเซลล์พืชอยู่ที่คลอโร พลาสต์ กระบวนการสังเคราะห์ แสงประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ ปฏิกิริยาแสงและการ ตรึงคาร์บอน 3 การสืบพันธุ์ของ พืชดอกและการ เจริญเติบโต สาระชีววิทยา : 3. เข้าใจส่วนประกอบ ของพืช การแลกเปลี่ยน แก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอก และการเจริญเติบโต และการตอบสนองของ พืช รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ข้อที่ 13- 16 ส่วนประกอบของดอก ที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ โดยตรง คือชั้นเกสรเพศผู้ และชั้นเกสรเพศเมีย พืชดอกมีวัฏจักรชีวิต แบบสลับ ประกอบด้วย สปอโรไฟต์และแกมีโทไฟต์ การปฏิสนธิของพืชดอก เป็นการปฏิสนธิคู่ โดยคู่หนึ่ง เป็นการรวมกันของสเปิร์ม เซลล์เซลล์หนึ่ง กับเซลล์ไข่ได้ อีกคู่หนึ่งเป็น การรวมกันของสเปิร์ม เซลล์อีกเซลล์หนึ่งกับโพลาร์ นิวคลิโอไทด์ ภายหลังการปฏิสนธิรัง ไข่จะมีการเจริญและพัฒนา ไปเป็นผล และออวุลจะมี การเจริญและ พัฒนาไปเป็นเมล็ด 10 10 4 การตอบสนอง ของพืช สาระชีววิทยา : พืชสร้างสารควบคุมการ เจริญเติบโตหลายชนิด 6 10


ธ 3. เข้าใจส่วนประกอบ ของพืช การแลกเปลี่ยน แก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืช การสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอก และการเจริญเติบโต และการตอบสนองของ พืช รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ข้อที่17- 18 ที่ส่วนต่าง ๆ ซึ่งสารนี้เป็นสิ่ง เร้าภายในที่มีผล ต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และ กรดแอบไซซิก แสงสว่าง แรงโน้มถ่วง ของโลก สารเคมีและน้ำ เป็นสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อ การเจริญเติบโต ของพืช ความรู้เกี่ยวกับการ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายใน และสิ่งเร้าภายนอกที่มีผล ต่อการเจริญเติบโต ของพืช สามารถนำมา ประยุกต์ใช้ควบคุม การเจริญเติบโตของพืช เพิ่ม ผลผลิต และยืดอายุ ผลผลิตได้ รวมคะแนนระหว่างเรียน 70 คะแนนทดสอบ 30 รวมทั้งสิ้น 60 100


น โครงสร้างกำหนดการสอน รายวิชา ชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว30243 หน่วยกิต 1.5 ที่ หน่วยการ เรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) ชิ้นงาน/ ภาระงาน น้ำหนัก คะแนน หมาย เหตุ 1 โครงสร้างและ หน้าที่ของพืช ดอก เนื้อเยื่อพืช 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 15 คะแนน อวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะ ของพืช 13 ใบงาน แบบฝึกหัด 5 การแลกเปลี่ยนแก๊สและกา รายน้ำของพืช 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 การลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร ของพืช 4 ใบงาน แบบฝึกหัด 4 การลำเลียงอาหารของพืช 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 2 การสังเคราะห์ ด้วยแสง การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการสังเคราะห์ด้วย แสง 2 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 15 คะแนน โครงสร้างคลอโรพลาสต์ 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 กระบวนการสังเคราะห์ด้วย แสง 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 กลไกลการตรึงคาร์บอนได ออกไซต์ของพืช 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 โฟโตเรสไพเรชัน 2 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 กลไกการเพิ่มความเข้มข้น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของ พืช 2 ใบงาน แบบฝึกหัด 3 ปัจจัยที่มีผลการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืช 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2


บ 3 การสืบพันธุ์ ของพืชดอก และการ เจริญเติบโต วัฏจักรชีวิตของพืชดอก 1 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 10 คะแนน การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืช ดอก 4 ใบงาน แบบฝึกหัด 3 การปฏิสนธิของพืชดอก 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 2 การงอกของเมล็ดพืช 5 ใบงาน แบบฝึกหัด 3 4 การตอบสนอง ของพืช การตอบสนองของพืชต่อ สารเคมี 3 ใบงาน แบบฝึกหัด 5 10 การตอบสนองของพืชต่อ คะแนน สิ่งแวดล้อม 2 ใบงาน แบบฝึกหัด 5 กำหนดการให้คะแนน สัดส่วน คะแนนระหว่างรายวิชา ชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว32243 หน่วยกิต 1.5 ช่วงเวลา รายการเก็บคะแนน คะแนนเต็ม หมายเหตุ ก่อนกลางภาค โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 15 การสังเคราะห์ด้วยแสง 15 กลางภาค 20 หลังกลางภาค สมดุลเคมี การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต เจริญเติบโต 10 การตอบสนองของพืช 10 ปลายภาค 30 รวมคะแนน 100


1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง เนื้อเยื่อพืช เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของเนื้อเยื่อพืชและเขียนแผนผังเพื่อสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด พืชดอกประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ราก ลำต้น ใบ และดอก ซึ่งอวัยวะเหล่านี้ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่ทำ หน้าที่แตกต่างกัน โดยเนื้อเยื่อพืชแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือเนื้อเยื่อเจริญและเนื้อเยื่อถาวร โดยเนื้อเยื่อเจริญแบ่งออกได้ เป็น เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ และเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง ส่วนเนื้อเยื่อถาวรเปลี่ยนแปลงจากเนื้อเยื่อเจริญ เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ แบ่งออกได้เป็น 3 ระบบ คือ ระบบเนื้อเยื่อผิว ระบบเนื้อเยื่อพื้น และระบบเนื้อเยื่อท่อลำเลียง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะและหน้าที่ของเนื้อเยื่อพืชได้ 2. นักเรียนสามารถระบุบริเวณที่พบเนื้อเยื่อเจริญและระบบเนื้อเยื่อถาวรของพืชดอกได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถจำแนกประเภทและเขียนแผนผังสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืชได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย


2 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 เนื้อเยื่อพืช 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ)


3 การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


4 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เนื้อเยื่อพืช 2. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนเกี่ยวกับโครงสร้างของพืชแล้วนำภาพต้นไผ่และต้นมะม่วงมาให้นักเรียน เปรียบเทียบภาพทั้งสอง แล้วครูถามคำถามนักเรียน ดังนี้ - จากภาพลำต้นของต้นไผ่กับต้นมะม่วงแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ: ขึ้นอยู่กับผู้เรียน) - โครงสร้างภายในของพืชมีการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อในแต่ละอวัยวะอย่างไร และสัมพันธ์กับ การทำหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆอย่างไร (แนวคำตอบ ขึ้นอยู่กับผู้เรียน) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูถามคำถามนักเรียน “อวัยวะของพืชมีอะไรบ้าง แล้วทำหน้าที่สัมพันธ์กันอย่างไร”จากนั้นให้นักเรียน ร่วมกันสืบค้นข้อมูล จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรือหนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 เพื่อตอบคำถาม 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน โดยให้แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของพืช ในประเด็นดังต่อไปนี้ - ศึกษาเนื้อเยื่อเจริญของพืช - ศึกษาคำศัพท์เฉพาะของเนื้อเยื่อเจริญของพืช 3. ให้แต่ละคนทำใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของพืช ชั่วโมงที่ 2 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลจากการทำใบงานที่ 1 เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของพืช โดยอธิบาย ว่า เนื้อเยื่อ เจริญของพืชดอกแบ่งตามเนื้อเยื่อพืชมี 3 ประเภท ได้แก่ เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลาย (Apical meristem) เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ (Intercalary meristem) และเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (Lateral meristem) เนื้อเยื่อเจริญ (Meristem) เป็นเนื้อเยื่อที่มีสมบัติ การแบ่งเซลล์ได้ ทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างไม่มีสิ้นสุด โดยเนื้อเยื่อเหล่านี้จะเจริญต่อไปจนกระทั่งทำหน้าที่เฉพาะ เรียกว่า เนื้อเยื่อถาวร (Permanent tissue) โดยมียีนหรือสารพันธุกรรมเป็นตัวกำหนดรูปร่าง ขนาด และหน้าที่ให้สอดคล้องกับ โครงสร้างเฉพาะส่วนต่าง ๆ ของพืช 2. ครูใช้สื่อจาก PowerPoint Presentation เรื่องเนื้อเยื่อเจริญและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของพืช และระบุว่ามี เนื้อเยื่อบริเวณใดเป็นเป็นองค์ประกอบ 3. ครูถามนักเรียนว่า “การเจริญเติบโตปฐมภูมิ (Primary growth) ส่งผลอย่างไรกับพืช” จากนั้นสุ่ม นักเรียน ออกมาอธิบายคำตอบ


5 4. ครูจับคู่ให้นักเรียนโดยการสุ่มเลขที่ จากนั้นให้นักเรียนออกมาจับสลากหน้าชั้นเรียน จากนั้นครูจะชี้แจง รายละเอียดว่า “ถ้าผู้ใดได้สีแดงจะเป็นฝ่ายถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง (H.O.T.S.) และถ้าผู้ใดได้สีขาวจะต้องเป็นผู้ตอบ คำถาม” จากนั้นครูให้คนที่จับได้สีขาวนำเสนอคำตอบของคู่ตนเอง พร้อมเสนอแนวคำตอบของตนเองร่วมกับของเพื่อน โดยมี แนวคำถามดังนี้ - พืชจะมีลักษณะเป็นอย่างไรหากพืชมีเพียงเนื้อเยื่อเจริญ และพืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ (แนวคำตอบ: พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยมีแนวคำตอบว่า หากพืชมีเพียงเนื้อเยื่อเจริญ (Meristem) พืช จะเจริญแบ่งเซลล์อย่างไม่มีสิ้นสุด ไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ไม่มีหน้าที่เฉพาะ พืชดังกล่าวจึงไม่มีอวัยวะและไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ ได้) ชั่วโมงที่ 3 8.4 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลผ่านแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เรื่อง ระบบเนื้อเยื่อถาวร (Permanent tissue) โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ละกลุ่ม ดังนี้ - กลุ่มที่ 1 ศึกษาหัวข้อ ระบบเนื้อเยื่อผิว (Epidermal tissue system) - กลุ่มที่ 2 ศึกษาหัวข้อ ระบบเนื้อเยื่อพื้น (Ground tissue system) - กลุ่มที่ 3 ศึกษาหัวข้อ ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง (Vascular tissue system) 2. ให้แต่ละกลุ่มทำใบงานที่ 2 เรื่อง ระบบเนื้อเยื่อถาวรของพืช โดยให้แต่ละกลุ่มมีหน้าที่ ดังนี้ - กลุ่มที่ 1 ทำตอนที่ 1 ระบบเนื้อเยื่อผิว (Epidermal tissue system) - กลุ่มที่ 2 ทำตอนที่ 2 ระบบเนื้อเยื่อพื้น (Ground tissue system) - กลุ่มที่ 3 ทำตอนที่ 3 ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง (Vascular tissue system) 8.5 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลจากการทำใบงานที่ 1.1.2 เรื่อง ระบบเนื้อเยื่อถาวรของพืช โดยนำภาพ เนื้อเยื่อพืชตัวอย่างมาให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามว่าบริเวณที่ชี้เป็นเนื้อเยื่อชนิดใด ตัวอย่างคำถาม เช่น บริเวณ A และ B คือ เนื้อเยื่ออะไร (แนวตอบ: บริเวณ A คือ สเกลอเรงคิมา (Sclerenchyma) เนื่องจากมีผนังเซลล์ค่อนข้างหนาส่วน บริเวณ B คือ พาเรงคิมา (Parenchyma) เนื่องจากเซลล์ค่อนข้างกลม มีผนังเซลล์หนาบาง สม่ำเสมอกันทั้งเซลล์) A B


6 2. ครูอธิบายเพิ่มเติม โดยใช้ สื่อPowerPoint Presentation เรื่องเนื้อเยื่อถาวร โดยได้ใจความว่า เนื้อเยื่อ ถาวรแบ่งตามหน้าที่ได้ 3 ระบบ ได้แก่ ระบบเนื้อเยื่อผิว ระบบเนื้อเยื่อพื้น ระบบเนื้อเยื่อท่อลำเลียง จากนั้นครูใช้รูปภาพใน หนังสือเรียนซึ่งแสดงเนื้อเยื่อถาวร 8.6 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนทำแผนผังสรุปชนิดของเนื้อเยื่อพืช พร้อมทั้งบอกหน้าที่และความสำคัญของเนื้อเยื่อลงใน แผนผัง 8.7 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูใช้แนวคำถาม Topic Question เพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน และสรุปความรู้ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - เนื้อเยื่อเจริญแตกต่างกับเนื้อเยื่อถาวรอย่างไร จงยกตัวอย่างเนื้อเยื่อแต่ละชนิด - เนื้อเยื่อถาวรชนิดหนึ่ง มีน้ำตาลสะสมอยู่ ผนังเซลล์มีความหนาบางสม่ำเสมอ เนื้อเยื่อชนิดนี้คือ เนื้อเยื่ออะไร - เนื้อเยื่อในลำต้นของต้นไผ่กับต้นถั่วมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร - เนื้อเยื่อไซเล็ม (Xylem) และโฟลเอ็ม (Phloem) ทำหน้าที่อะไร และประกอบด้วยเซลล์อะไรบ้าง 2. ครูตรวจแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 3. ครูตรวจใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของพืช 4. ครูตรวจใบงาน เรื่อง ระบบเนื้อเยื่อถาวรของพืช 5. ครูประเมินผังมโนทัศน์ 7. ครูสังเกตการณ์มีส่วนร่วมในการตอบคำถามเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของดอก 2) ใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของพืช 3) ใบงาน เรื่อง ระบบเนื้อเยื่อถาวรของพืช 5) Powerpoint Presentation เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญ เนื้อเยื่อถาวรและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของพืช 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต


7 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะ และหน้าที่ของเนื้อเยื่อพืชได้ 2. นักเรียนสามารถระบุบริเวณที่พบ เนื้อเยื่อเจริญและระบบเนื้อเยื่อของพืช ดอกได้ -การตอบคำถาม -ตรวจใบงานที่ 2 เรื่อง ระบบ เนื้อเยื่อถาวร -ตรวจใบงานที่ 1 เรื่อง เนื้อเยื่อ เจริญของพืช - ตรวจใบงานที่ 2 เรื่อง ระบบ เนื้อเยื่อถาวร ของพืช -ข้อคำถาม -ใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อถาวรของ พืช -ใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อเจริญของ พืช -ใบงาน เรื่อง เนื้อเยื่อถาวรของ พืช ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถจำแนกประเภท และเขียนแผนผังสรุปชนิดของเนื้อเยื่อ พืชได้ -ตรวจแผนผัง สรุปชนิดของ เนื้อเยื่อพืช -แผนผังสรุปชนิด ของเนื้อเยื่อพืช ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีรับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


8


9 แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างของราก เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด รากพืชประกอบด้วย เนื้อเยื่อเจริญปลายรากและเนื้อเยื่อลำเลียง ทำหนาที่ดูดน้ำและธาตุอาหารภายในดิน และทำหน้าที่พิเศษ เช่น รากหายใจ รากสะสมอาหาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวางได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง ได้ 2. นักเรียนสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนของกิจกรรมการทดลองได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 โครงสร้างภายในของรากที่ตัดตามยาวและรากตัดตามขวาง 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด


10 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ)


11 การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


12 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยนำภาพแสดงเป็น PowerPoint Presentation เรื่อง การเจริญของ รากต้นถั่ว โดยมีแนวภาพ ดังนี้ 2. สุ่มนักเรียนประมาณ 3-4 คน เพื่อตอบคำถามคนละ 1 ข้อ โดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - การเจริญของรากต้นถั่วมีแนวโน้มเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ: รากของต้นถั่วยาวขึ้นและมีขนาดใหญ่มากขึ้น) - รากของต้นถั่วประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อประเภทใด จงยกตัวอย่างชนิดของเนื้อเยื่อมาอย่างน้อย 1 ชนิด ตัวอย่าง (แนวคำตอบ: เนื้อเยื่อเจริญ (Meristem) ได้แก่ เนื้อเยื่อเจริญปลายราก (Apical meristem)) - รากทำหน้าที่อะไรบ้างนอกจากดูดน้ำและธาตุอาหาร (แนวคำตอบ: พิจารณาคำตอบของนักเรียน ตัวอย่าง เช่น สะสมอาหาร หายใจพยุงลำต้น) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนสืบค้นข้อมูล หรือศึกษาเนื้อหาและโครงสร้างภายในของปลายรากที่ตัดตามยาวและตัดตามขวางใน หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 2. ครูถามคำถามนักเรียนว่าโครงสร้างภายในของปลายรากที่ตัดตามยาวแบ่งออกเป็นกี่บริเวณ ได้แก่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ : 4 บริเวณ ได้แก่ บริเวณเปลี่ยนสภาพและเจริญเต็มที่ของเซลล์ บริเวณยึดตามยาวของเซลล์ บริเวณการแบ่งเซลล์ และหมวกราก ) 3. ครูถามนักเรียนว่าโครงสร้างภายในรากที่ตัดตามขวางขวางแบ่งออกเป็นกี่ชั้น ได้แก่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ : 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นนอกสุด หรือเอพิเดอร์มิส (Epidermis) ชั้นถัดเข้ามา หรือชั้นคอร์เทกซ์ (Cortex) และชั้นในสุด หรือชั้นสตีล (Stele)) 8.3 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เพื่อทำกิจกรรม ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ในหนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 โครงสร้างภายในของปลายรากพืช โดยสมาชิกในกลุ่มมีหน้าที่ ดังนี้ 1. เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม โครงสร้างภายในของปลายรากพืช


13 2. ทำการทดลอง 3. บันทึกผลการทำกิจกรรมโดยการวาดภาพ 2. นำผลจากการทำกิจกรรมมาสืบค้นข้อมูล หรือศึกษาจากหนังสือเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างภายในรากที่ตัด ตามยาวและตัดตามขวาง โดยแต่ละบริเวณเรียกว่าอะไร แล้วบันทึกข้อมูลโดยการวาดภาพลงในสมุดบันทึก 8.4 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. สุ่มนักเรียน 2-3 กลุ่มมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนและอภิปรายผลการทำ กิจกรรมร่วมกัน 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปผลการทดลอง ซึ่งควรสรุปได้ดังนี้ โครงสร้างภายในของรากของพืชใบ เลี้ยงคู่ที่ตัดตามขวาง และรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีโครงสร้างภายในราก 3 บริเวณเหมือนกัน คือ เอพิเดอร์มิส คอร์เทกซ์และสตีล แต่จำนวนแฉกในพืชใบเลี้ยงคู่มีจำนวนแฉกน้อยกว่า และการจัดเรียงตัวของท่อลำเลียงเป็นระเบียบมากกว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ส่วนโครงสภายในรากที่จัดตามยาว มี 4 บริเวณ ได้แก่ บริเวณเปลี่ยนสภาพและเจริญเต็มที่ของเซลล์ บริเวณยึดตามยาวของ เซลล์ บริเวณการแบ่งเซลล์ และหมวกราก 8.5 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูถามคำถามท้ายกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - โครงสร้างภายในของรากจากการตัดตามขวางในพืชใบเลียงคู่และใบเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันหรือแตกต่าง อย่างไร - จากการศึกษาโครงสร้างภายในของรากระยะที่มีการเจริญเติบโตปฐมภูมิของพืชใบเลี้ยงคู่และรากพืชใบเลี้ยง เดี่ยว เนื้อเยื่อชั้นใดบ้างที่มีลักษณะคล้ายกัน 2. นักเรียนทำใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายในของราก 8.10 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูตรวจใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายในของราก 2. ครูประเมินผลการทำกิจกรรม 3. ครูประเมินจากการตอบคำถาม 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของดอก 2) ใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายในของรากพืช 3) สื่อ PowerPoint Presentation เกี่ยวกับประเภทของรากและการเจริญของรากพืช 4) วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม การเจริญของรากพืช 5) วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม ตอนที่ 1 โครงสร้างภายในของปลายรากพืช 6) วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรม ตอนที่ 2 โครงสร้างภายในราก


14 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้าง ภายในของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและราก พืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวางได้ -ตรวจผลการทำ กิจกรรม -ใบรายงานผล การกิจกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ โครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัด ตามขวางได้ 2. นักเรียนสามารถปฏิบัติตามขั้นตอน ของกิจกรรมการทดลองได้ -การตอบคำถาม -ตรวจใบงาน เรื่อง โครงสร้าง ภายในของราก พืช -การสังเกต -ข้อคำถาม -ใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายใน ของรากพืช -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


15


16


17 แผนการจัดการเรียนรู้ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง หน้าที่ของราก เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด รากพืชประกอบด้วย เนื้อเยื่อเจริญปลายรากและเนื้อเยื่อลำเลียง ทำหนาที่ดูดน้ำและธาตุอาหารภายในดิน และทำหน้าที่พิเศษ เช่น รากหายใจ รากสะสมอาหาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และชนิดของรากแต่ละชนิดได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบประเภทของรากแต่ละชนิดได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 หน้าที่ของรากแต่ละชนิด 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ


18 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


19 ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูนำภาพแสดงเป็น PowerPoint Presentation เกี่ยวกับประเภทของรากพืช โดยมีแนว ภาพดังนี้


20 ภาพ A ภาพ B 2. ครูถามคำถามนักเรียนโดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - จากภาพ รากทั้งสองมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร - ภาพซ้ายเป็นรากประเภทใด - ภาพขวาเป็นรากประเภทใด - ภาพ A เป็นรากที่มีแหล่งกำเนิดมาจากอะไร - ภาพ B เป็นรากที่มีแหล่งกำเนิดมาจากอะไร (แนวคำตอบขึ้นอยู่กับผู้เรียน) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. แบ่งกลุ่มนักเรียน ออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน แล้วให้นักเรียนเลือกหัวหน้ากลุ่มในแต่ ละกลุ่ม 2. นักเรียนส่งหัวหน้ากลุ่มออกมาจับฉลากหัวข้อที่จะศึกษาเกี่ยวกับรากพิเศษหรือรากวิสามัญ โดยแบ่งออกเป็น 6 ชนิด 1) รากเกาะ 2) รากฝอย 3) รากค้ำ 4) รากอากาศ 5) รากหายใจ 6) รากสะสมอาหาร 1. นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูลในหัวข้อที่กลุ่มตนเองได้ โดยบอกลักษณะเด่นและยกตัวอย่างของรากพืชชนิด นั้นๆ ลงในกระดาษชาร์ท ชั่วโมงที่ 2 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนและอภิปรายผลการทำ กิจกรรมร่วมกัน 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความรู้ในการทำผลกิจกรรมร่วมกัน ครูอธิบายเพิ่มเติม โดยใช้สื่อ PowerPoint Presentation เกี่ยวกับประเภทของราก ได้ข้อสรุปดังนี้ รากแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ รากปฐมภูมิเป็นรากที่เกิดมาจากรากแรกเกิด รากทุติยภูมิเป็รากที่เจริญตากรากแก้ว รากพิเศษหรือรากวิสามัญ เป็นรากที่ เกิดจากกิ่ง ใบ หรือลำต้น ท่รถแบ่งแยกเป็นชนิดต่างๆตามรูปร่างและหน้าที่


21 8.5 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูถามคำถามเพื่อขยายความเข้าใจ โดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - รากปฐมภูมิและรากทุติยภูมิมีความแตกต่างกันอย่างไร - รากแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร 2. นักเรียนยกตัวอย่างพืชที่มีรากชนิดต่างๆ และหน้าที่ของรากชนิดนั้นๆ เช่น รากสะสมอาหารเป้นรากทำหน้าที่ สะสมอาหาร ตัวอย่างพืช แคร์รอต มันเทศ มันสำปะหลัง 8.10 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูตรวจผลงาน และประเมินจากการนำเสนอหน้าชั้นเรียน 2. ครูประเมินจากการตอบคำถาม 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของดอก 2) กระดาษชาร์ท 3) สื่อ PowerPoint Presentation เกี่ยวกับประเภทของราก 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และ ชนิดของรากแต่ละชนิดได้ - ตรวจผลการ นำเสนอหน้า ชั้นนเรียน -แบบประเมิน ความถูกต้องของ ผลงาน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ ประเภทของรากแต่ละชนิดได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) -การสังเกต


22 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


23


24


25 แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างของลำต้น เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ลำต้นพืชประกอบด้วย เนื้อเยื่อด้านข้าง ทำให้ลำต้นขยายขนาดใหญ่ขึ้น และภายในลำต้นมีเนื้อเยื่อลำเลียงทำ หน้าที่ลำเลียงน้ำและอาหาร นอกจากนี้ พืชบางชนิดมีลำต้นใต้ดินทำหน้าที่สะสมอาหาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตาม ขวางได้ 2. นักเรียนสามารถระบุเนื้อเยื่อภายในโครงสร้างของลำต้นพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ได้ 2. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบโครงสร้างภายในรากและลำต้นได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 โครงสร้างของลำต้น 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน


Click to View FlipBook Version