176 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การตอบสนองของพืช เวลา 6 ชั่วโมง เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่ เดือน พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ปัจจัยจากภายในและปัจจัยทางด้าน สิ่งแวดล้อมพืชจะเจริญเติบโตได้ดีนั้นต้องอาศัยการพึ่งพาทั้ง 2 ปัจจัยจึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา พืชสามารถ ตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกได้เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยอาจเรียกปัจจัยเหล่านี้ว่า สิ่งเร้า (Stimulus) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 2. นักเรียนสามารถนำเสนอผลการทดลองกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้เกี่ยวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายในและสิ่งเร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช สามารถนำมา ประยุกต์ใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิต และยืดอายุผลผลิตได้
177 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ)
178 การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา
179 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูนำภาพการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมมาให้นักเรียนร่วมกันทายว่า เป็นการตอบสนองของ พืชต่อสิ่งใด ตัวอย่างภาพ (แนวคำตอบ: เป็นการตอบสนองต่อแสง) 2. หลังจากนั้นครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่าบริเวณปลายยอดพืชจะโค้งหาแสงเนื่องจากมีฮอร์โมนชนิดใดเป็น ตัวกระตุ้น (แนวคำตอบ: ออกซิน (Auxin)) 3. ครูเกริ่นนำต่อไปว่าการโค้งงอของปลายยอดพืชแสดงให้เห็นว่าพืชมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้น และการ โค้งงอหรือการแสดงออกของพืชเกิดขึ้นได้เนื่องจากภายในเซลล์มีกระบวนการสื่อสารระหว่างเซลล์ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนในหัวข้อ ต่อไปนี้ 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งเร้าที่มีผลต่อพืชที่นักเรียนรู้จักมาคนละ 1 อย่าง (แนวคำตอบ: พิจารณาคำตอบของนักเรียน ตัวอย่างคำตอบเช่น แสง น้ำ ความชื้น สารเคมี แรงโน้มถ่วง การสัมผัส) 2. นักเรียนตอบคำถามครบทุกคนแล้ว ให้นักเรียนจับกลุ่ม 5-6 เพื่อให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูลจากแหล่งการ เรียนรู้ เช่น หนังสือเรียนชีววิทยา สื่ออินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับสิ่งเร้าที่นักเรียนตอบมานั้น จัดว่าเป็นสิ่งเร้าประเภทใด 3. สมาชิกภายในกลุ่มแบ่งภาระหน้าที่รับผิดชอบ โดยสมาชิกในกลุ่มมีบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ดังนี้ - สมาชิกคนที่ 1 : ทำหน้าที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์กิจกรรม เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อแรงโน้ม ถ่วงของโลก - สมาชิกคนที่ 2 : ทำหน้าที่อ่านวิธีการทำกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกภายในกลุ่มฟัง - สมาชิกคนที่ 3 และ 4 : ทำหน้าที่บันทึกผลการทำกิจกรรม - สมาชิกคนที่ 5 และ 6 : ทำหน้าที่นำเสนอผลที่ได้จากการทำกิจกรรม 4. ในระหว่างการทำกิจกรรมให้สมาชิกภายในกลุ่มตั้งคำถามขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ตนเองสงสัย แล้วให้สมาชิก ร่วมกันสืบค้นจากแหล่งข้อมูลเพื่อตอบคำถาม
180 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนส่งตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลจากการทำกิจกรรม และอธิบายข้อสงสัยที่สมาชิกภายใน กลุ่ม ตั้งคำถาม และนำเสนอผลจากการสืบค้นคำตอบ 2. ครูพิจารณาผลจากการทำกิจกรรมและผลจากการสืบค้นข้อสงสัยในขั้นตอนการทำกิจกรรมของนักเรียน 3. ครูเสริมและเพิ่มเติมข้อมูล หากข้อมูลที่นักเรียนออกมานำเสนอยังไม่สมบูรณ์ 4. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลจากการทำกิจกรรม 5. นักเรียนร่วมกันตอบท้ายกิจกรรม และเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม โดยมีแนวคำถามดังนี้ - การทดลองนี้ควรมีสมมติฐานอย่างไร - ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุมคืออะไร - หากไม่ใช้พลาสติกดำมาคลุมกล่อง นักเรียนคิดว่าจะได้ผลการทดลองเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร 8.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของตนเองให้นักเรียนตอบคำถามในกรอบ Topic Question โดยนักเรียนและครูร่วมกัน อภิปรายคำตอบที่ถูกต้อง - ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้แก่อะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (แนวคำตอบ: สารเคมีหรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช และสภาพแวดล้อม เช่น แสง น้ำหรือ ความชื้น แรงโน้มถ่วง และการสัมผัส) - พืชตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือปัจจัยที่มากระตุ้นอย่างไร (แนวคำตอบ: ใช้กระบวนการสื่อสารระหว่างเซลล์ โดยเซลล์พืชจะมีการรับสัญญาณ ส่งสัญญาณ และ ตอบสนองต่อสิ่งเร้า) - เพราะเหตุใดปลายยอดพืชจึงเอนเข้าหาแสง และปลายรากพืชจึงเจริญไปในทิศทางเดียวกับแรงโน้มถ่วง (แนวคำตอบ: เพราะปลายยอดพืชมีการตอบสนองต่อแสง (Positive phototropism) ส่วนรากพืช ตอบสนองต่อแรงโน้มถ่วง (Positive geotropism) 8.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม โดยมีแนวคำถามดังนี้ - ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้แก่อะไรบ้าง จงยกตัวอย่าง - พืชตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือปัจจัยที่มากระตุ้นอย่างไร - เพราะเหตุใดปลายยอดพืชจึงเอนเข้าหาแสง และปลายรากพืชจึงเจริญไปในทิศทางเดียวกับแรงโน้มถ่วง - การหุบและบานของดอกบัวเป็นการตอบสนองของพืชต่อเร้าชนิดใด เหมือนหรือแตกต่างกับการหุบและกางใบ ของต้นไมยราบอย่างไร - การเคลื่อนไหวแบบแนสติก (Nastic movement) คืออะไร
181 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา 2) อุปกรณที่ใช้ในการทดลอง 3) ตัวอย่างภาพดอกทางตะวัน 4) สื่อ PowerPoint Presentation 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับสิ่ง เร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของพืชได้ -ต ร ว จ แ บ บ บันทึกผลการ ทดลองและการ นำเสนอหน้าชั้น เรียน -แบบบันทึกผล การทดลอง ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถนำเสนอผลการ ทดลองกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -การสังเกต -แ บ บ ป ร ะ เ มิ น คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70
182
183
184 ภาคผนวก
185
186
187
188
189
190
191 ใบงานที่ 1.3.5 เรื่อง หน้าที่และชนิดของลำต้น คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิจารณาคำถาม และนำคำศัพท์ที่กำหนดให้มาตอบคำถามให้ถูกต้อง Creeping stem Tuber Bulb Rhizome Tendril climber Twinter Corm Root climber Cladophyll Stem spine Climbing stem 1. ลำต้นที่ประกอบด้วยข้อและปล้อง ซึ่งปล้องมีตาที่บุ๋มลงไป เช่น มันฝรั่ง ตอบ 2. ลำต้นที่เปลี่ยนแปลงไปคล้ายใบ ทำหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสงได้ ตอบ 3. ลำต้นอ่อน ตั้งตรงไม่ได้ ต้องเลื้อยไปบนผิวดิน เช่น แตงโม ตอบ 4. ลำต้นตั้งตรงมีลักษณะอวบใหญ่ มีใบชูขึ้นสูง เช่น เผือก แห้ว ตอบ 5. ลำต้นตั้งตรง มีข้อปล้องสั้นมากด้านล่างของลำต้นมีรากเป็นกระจุก เช่น หอม ตอบ 6. ลำต้นอยู่ใต้ดิน เห็นข้อปล้อง ตามข้อมีใบสีน้ำตาล เช่น ขิง ข่า ตอบ 7. ลำต้นไต่ขึ้นสูงไปตามหลัก หรือต้นไม้ที่อยู่ติดกัน เช่น เฟื่องฟ้า พลูด่าง ตอบ 8. ลำต้นพันหลักเป็นเกลียวขึ้นไป เช่น เถาวัลย์ ตอบ 9. ลำต้นเปลี่ยนเป็นหนาม เช่น มะนาว ส้มชนิดต่าง ๆ ตอบ
192
193 1. จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. เนื้อเยื่อพืชแบ่งตามคุณสมบัติของเซลล์ที่เป็นองค์ประกอบได้ 2 ประเภท คือ 1.1...............................หมายถึง……………………………………………………………………………………………………………. 1.2...............................หมายถึง……………………………………………………………………………………………………………. 2. เนื้อเยื่อเจริญ (………………….....................) จำแนกตามระยะต่างๆของการเจริญเติบโตได้ …….. ประเภท คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ระบบเนื้อเยื่อถาวร (……………………………………) แบ่งตามระยะการเจริญเติบโตได้ ….. ระบบ ได้แก่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ระบบเนื้อเยื่อพื้น มีเนื้อเยื่อชนิดใดบ้าง……………………………………………………………………………………….………. 5. ระบบเนื้อเยื่อผิว มีเนื้อเยื่อชนิดใดบ้าง………………………………………………………………………………………………… 6. ระบบเนื้อเยื่อลำเลียง มีเนื้อเยื่อชนิดใดบ้าง……………………………………………………………………………………….… 7. เปลือกหุ้มเมล็ดที่แข็งๆหรือผลไม้ที่มีเนื้อสากๆ เช่น สาลี่ พุทรา มักพบเนื้อเยื่อชนิดใดเป็นองค์ประกอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 8. พาเรงคิมาที่มี Chloroplast สะสมอยู่ เรียก………………………………………………………………………………………. 9. ……………………..เป็นเนื้อเยื่อที่อยูรอบนอกสุดของส่วนต่างๆของพืช มักจะมีเพียงชั้นเดียวประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างแบน 10. ........................เป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงมีรูปร่างของเซลล์เป็นทรงกระบอก
194 ใบงาน เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของคลอโรพลาสต์ ตอนที่ 1 โครงสร้างคลอโรพลาสต์ คำชี้แจง : พิจารณาภาพโครงสร้างของคลอโรพลาสต์ แล้วเติมคำตอบลงในตาราง 1. ___________________ 2. ___________________ 3. ___________________ 4. ___________________ 5. ___________________ 6. ___________________ 7. ___________________ 8. ___________________ 1 2 3 4 5 6 7 8
195 ใบงาน เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของคลอโรพลาสต์ ตอนที่ 2 สารสีในสิ่งมีชีวิต คำชี้แจง : จงเติมเครื่องหมาย + และ - ลงในตารางที่กำหนดให้ หากสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นมีสารสีเป็นองค์ประกอบให้เติม เครื่องหมาย + หากไม่มีให้เติมเครื่องหมาย – สารสีที่พบในสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ สิ่งมีชีวิต คลอโรฟิลล์ แคโรทีนอยด์ ไฟโคบิลิน แบคเทอริโอคลอโรฟิลล์ A B C D A B C D มอส สาหร่ายสีเขียว สารหร่ายสีแดง ไซยาโนแบคทีเรีย กรีนแบคทีเรีย
196 แบบทดสอบเก็บคะแนน เรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง 1. ออกซิเจนที่เกิดขึ้นในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงนั้นเกิดมาจาก ก. H2O ข. CO2 ค. อากาศ ง. โมเลกุลของคลอโรฟีลล์ 2. หน้าที่พื้นฐานของปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสงในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง คือข้อใด ก. สร้าง ATP และ NADPH ข. สร้าง NADPH ที่ใช้ในกระบวนการหายใจ ค. เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมีใน PGAL ง. สร้างกลูโคสที่มีพลังงานสูงจาก CO2 และ H2O 3. รงควัตถุที่พบอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์ด้วยแสงได้ทุกชนิด คือ ก. คลอโรฟิลล์ ข. แคโรทีนอยด์ ค. ไฟโคบิลิน ง. แบคทีริโอคลอโรฟิลล์ 4. แสงสีที่พืชนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง น้อยที่สุดคือ ก. ส้ม ข. เขียว ค. น้ำเงิน ง. แดง 5. ข้อใดคือสารอินทรีย์ที่พืชสร้างขึ้น ก. ไขมัน ข. คาร์โบไฮเดรต ค. วิตามิน ง. โปรตีน 6. พลังงานแสงที่คลอโรฟิลล์ เอ บี และแคโรทีนอยด์ดูดไว้ถูกพืชนำไปใช้ในกระบวนการใด ก. หายใจ ข. คายน้ำ ค. ลำเลียง ง. สังเคราะห์ด้วยแสง
197 7. การตรึง CO2 2 ครั้ง ที่พบในพืช C4 เกิดขึ้นที่ใดบ้าง ก. palisade cell ข. Spongy cell ค. Epidermis cell ง. mesophyll จ. Bundle sheath cell 1. ก , ข 2. ค , ง 3. ง , จ 4. ข , จ 8. พืชชนิดใดที่สามารถเพิ่มอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงขึ้นได้เรื่อยๆ ตราบจนความเข้มของแสง เท่าความเข้มกลางแจ้ง ก. พืชทะเลทราย ข. พืช C3 ค. พืช C4 ง. พืชน้ำ 9. พืชชนิดใดมีอัตราการเกิด Photorespiration สูง ก. ข้าวโพด อ้อย ข. ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ค. ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ง. กระบองเพรช อ้อย 10. สารที่เสถียรชนิดแรกที่เกิดในพืช C4 คือสารชนิดใด ก. RuBP ข. OAA ข. PGA ง. PEP 11. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับพืช C3 C4 และ CAM ก. กระบองเพรชเป็นพืช C3 ข. พืช C3 เป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี ค. พืช CAM จะปิดปากใบตอนกลางวัน ง. ผักกาด ผักคะน้า ใช้ PEP ในการตรึงคาร์บอน 12. สารที่ทำหน้าที่รับอิเล็กตรอนตัวสุดท้ายของการถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร (Non-cyclic eletron transfer) ของปฏิกิริยาใช้แสง คือสารใด ก. ATP ข. Ferredoxin ค. NADP+ ง. NADPH + H+ 13. การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักรในปฏิกิริยาใช้แสงเกี่ยวข้องกับระบบแสงใด ก. P450 ข. P680 ค. P700 ง. ทั้ง P680 และ P700 14. ข้อใดไม่จำเป็นในการถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็น วัฏจักรของปฏิกิริยาแสง
198 ก. ADP ข. น้ำ ค. ไซโตโครม ง. คลอโรฟิลล์ 15. ในการสังเคราะห์ด้วยแสงไม่จำเป็นต้องใช้อะไร ก. CO2 ข. O2 ค. แสง ง. อุณภูมิคงที่ 16. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฎจักรเกี่ยวข้องกับระบบแสง 1 และ 2 ข. การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฎจักรเกี่ยวข้องกับระบบแสง 1 เท่านั้น ค. การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฎจักรได้ ATP และ NADPH ง. การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฎจักรจะไม่เกิด O2 17. พืชแตกต่างกับสัตว์คือ พืชสามารถ ก. ขับถ่ายได้ ข. เจริญเติบโตได้ ค. ผลิต CO2 และ O2 ได้ ง. ปรับปรุงตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ 18. กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเกิดขึ้นในเวลาใด ก. เฉพาะกลางวันที่มีแดดจัด ข. ตลอดเวลาที่มีแสงสว่าง ค. กลางคืนน้อยกว่ากลางวัน ง. กลางวันเท่านั้น 19. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ก. แสงและความเข้มข้นแสง ข. อุณหภูมิ ค. ความเข้มข้นของ CO2 ง. สภาพของโพโตพลาสซึม 20. ส่วนใดของคลอโรพลาสต์ที่มีเอนไซม์เกี่ยวกับกระบวนการสังเคราห์ด้วยแสง ก. คลอโรฟิลล์ ข. กรานุม ค. เยื่อไทลาคอยด์ ง. สโตรมา
199
200
201 สอบเก็บคะแนนครั้งที่ 3 เรื่องการสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต 1. ข้อความใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก ก. สปอโรไฟต์มีโครโมโซม n สร้างสปอร์โดยการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ข. สปอโรไฟต์มีโครโมโซม 2n สร้างสปอร์โดยการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส ค. แกมีโทไฟต์มีโครโมโซม n สร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดยการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส ง. แกมีโทไฟต์มีโครโมโซม 2n สร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดยการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส 2. ข้อใดเป็นลักษณะสำคัญของยอดเกสรเพศเมีย ก. อยู่บริเวณโคนดอกเท่านั้น ข. อยู่ด้านในสุด มองเห็นเด่นชัด ค. เป็นแผ่นบางๆมีกลิ่นหอมช่วยล่อแมลง ง. เป็นตุ่ม มีรสหวาน มีสารเหนียวหรือขนช่วยดักจับเรณู 3. ข้อใดเป็นดอกสมบูรณ์เพศทั้งหมด ก. กล้วยไม้ ข้าว ข. มะเขือ มะละกอ ค. ตำลึง ทานตะวัน ง. ฟักทอง ปัตตาเวีย 4. ดอกฟักทองมีรังไข่อยู่บริเวณใด ก. ใต้วงกลีบ ข. ใต้ฐานดอก ค. กึ่งใต้วงกลีบ ง. เหนือฐานดอก 5. ข้อใดคือกระบวนการแบ่งเซลล์ของสปอร์มาเทอร์เซลลเพื่อสร้างเรณู ก. ไมโทซิส ข. ไมโอซิส ค. ไมโทซิสก่อนไมโอซิส ง. ไมโอซิสก่อนไมโทซิส 6. เมกะสปอร์มาเทอร์เซลล์แบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้เมกะสปอร์ กี่เซลล์ ก. 1 เซลล์ ข. 2 เซลล์ ค. 3 เซลล์ ง. 4 เซลล์
202 7. โครงสร้างทั้งหมดที่ได้จากการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่าอะไร ก. เรณู ข. เอ็มบริโอ ค. ไมโครสปอร์ ง. เซลล์ทิวบ์ 8. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับโครงสร้างภายในถุงเอ็มบริโอ ก. เซลล์ไข่อยู่บริเวณตรงกลาง มี 2 นิวเคลียส ข. โพสาร์นิวคลีไอเป็นเซลล์ที่อยู่ระหว่างซินเนอร์จิด ค. เซลล์ที่อยู่ตรงข้ามกับเซลล์ไข่มีจำนวน 3 เซลล์ เรียกว่า แอนติโพแดล ง. เซลล์ที่ข้างกับเซลล์ไข่ เรียกว่า แอนติโพแดล 9. ข้อใดไม่ใช่ข้อดีของการถ่ายเรณูข้ามต้น ก. เกิดการปฏิสนธิได้สูงกว่า ข. ได้ต้นลูกที่ปรับตัวได้ดีกส่า ค. ได้ต้นลูกที่สืบพันธุ์ได้ดีกว่า ง. ได้ต้นลูกที่มีลักษณะที่หลากหลายกว่า 10. พืชในข้อใดไม่มีลักษณะการงอกโดยชูใบเลี้ยงขึ้นมาเหนือดิน ก. ข้าว ข. พริก ค. ละหุ่ง ง. มะขาม 11. กะลามะพร้าวคือส่วนประกอบของผลในข้อใด ก. ผนังผลชั้นใน ข. ผนังผลชั้นนอก ค. ผนังผลชั้นกลาง ง. ผนังผลระหว่างชั้นกลางกับชั้นใน 12. ข้อใดจัดเป็นผลเดี่ยว ผลกลุ่ม ผลรวม ตามลำดับ ก. มังคุด ลำไย มะม่วง ข. น้อยหน่า ลำไย มังคุด ค. สับปะรด องุ่น น้อยหน่า ง. มะม่วง สตรอว์เบอร์รี ขนุน 13. จาวมะพร้าวคือส่วนประกอบใดของเมล็ด ก. รังไข่
203 ข. เอ็มบริโอ ค. เอนโดสเปิร์ม ง. เปลือกหุ้มมล็ด 14. ข้อความใดอธิบายความหมายของคำว่า “เมล็ด” ได้เหมาะสม ก. เป็นส่วนที่หิ่อหุ้มเอ็มบริโอและมีอาหารอยู่ล้อมรอบ ข. เป็นส่วนที่อยู่ภายในเซลล์ ค. เป็นสปอที่เปลี่ยนมาเป็นแกมีโทไฟต์ ง. เป็นแกรมีโทไฟต์ที่เปลี่ยนมาเป็นสปอโรไฟต์ 15. ข้อใดคือส่วนประกอบของเมล็ดที่พบได้ทั้งในเมล็ดถั่วและเมล็ดข้าวโพด ก. แรดิเคิลและใบเลี้ยง ข. แรดิเคิลและโคลีโอไรซา ค. เอนโดสเปิร์มและโคลีออพไทล์ ง. โคลีออพไทล์และโคลีโอไรซา 16. ข้อใดแสดงลำดับการงอกของเมล็ดถั่วแดงได้ถูกต้อง ก. เอพิคอทิล ไฮโพคอทิล แรดิเคิล ข. ไฮโพคอทิล เอพิคอทิล แรดิเคิล ค. แรดิเคิล ไฮโพคอทิล เอพิคอทิล ง. แรดิเคิล เอพิคอทิล แรดิเคิล 17. สภาวะใดไม่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ดพืชทั่วไป ก. แสงเพียงพอสำหรับใบเลี้ยง ข. ออกซิเจนเพียงพอต่อกระบวนการหายใจ ค. น้ำเพียงพอทำให้เมล็ดอ่อนนุ่ม ง. อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการทำงานของเอนไซน์ 18. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุการพักตัวของเมล็ด ก. เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งและหนาเกินไป ข. เอ็มบริโอยังเจริญไม่เต็มที่ ค. เมล็ดบางชนิดมีสารยับยั้การงอก ง. อณหภมิภายนอกสูงหรือต่ำเกินไป 19. สารเคมีในข้อใดที่ใช้กระตุ้นการงอกของเมล็ดได้ ก. เอทิลีน ข. ออกซืน ค. ซูเบอริน
204 ง. แอบไซซิก 20. การปฏิสนธิของพืชเกิดขึ้นที่บริเวณใดก. อับละอองเรณูข. ยอดเกสรเพศผู้ค. เอนโดสเปิร์มง. ถุงเอ็มบริโอ
205
1
1