The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 63040111123, 2024-01-23 10:25:09

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

แผนการจัดการเรียนรู้เทอม1

26 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


27 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข


28 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยนำภาพต้นพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ให้นักเรียนสังเกตที่ลำต้น มี แนวภาพดังนี้ 2. สุ่มถามคำถามนักเรียน 2-3 คน โดยมีแนวคำถามดังนี้ - นักเรียนรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณใดเป็นลำต้น (ลำต้นมักมีสีเขียวหรือสีอื่นร่วม มีใบเจริญออกด้านข้างของลำต้นตรงตำแหน่งข้อที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะใบเลี้ยงเดี่ยว) - โครงสร้างของลำต้นประกอบด้วยเนื้อเยื่ออะไร (แนวคำตอบ : เนื้อเยื่อเจริญส่วนปลายยอด เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต จากเว็บ https://www.youtube.com/watch?v=BhW7JLLXWJs 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน เพื่อศึกษากิจกรรมโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามยาวละตัดตามขวาง โดยการส่องกล้องจุลทรรศน์ สมาชิกในกลุ่มมีบทบาทและหน้าที่ ดังนี้ 1) เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมโครงสร้างภายในของลำต้น 2) ทำการทดลอง 3) บันทึกผลการทำกิจกรรม 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตเนื้อเยื่อชนิดต่างๆและการจัดเรียงตัวของวาสคิวลาร์บันเดิลในลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และพืชใบเลี้ยงคู่แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร 4. นักเรียนบันทึกผลกิจกรรม โดยการวาดภาพโครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ที่ตัด ตามยาวและตัดตามขวาง ลงในสมุดบันทึก 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. สุ่มนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอภาพวาดโครงสร้างภายในของลำต้นหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนและ อภิปรายร่วมกัน 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายโครงสร้างภายในลำต้น โดยใช้สื่อ PowerPoint Presentationมีแนวคำถามร่วม ในการอภิปรายโครงสร้างภายในของลำต้น ดังนี้


29 - การจัดเรียงตัวของกลุ่มมัดท่อลำเลียง (Vascular bundle) ภายในลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ แตกต่างกันหรือไม่อย่างไร (แนวคำตอบ : แตกต่างกัน กลุ่มมัดท่อลำเลียงในลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะกระจายทั่วเนื้อเยื่อ แต่จะเรียง ตัวเป็นระเบียบในลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่) - วาสคิวลาร์แคมเบียม (Vascular cambium) ทำหน้าที่อะไร และเนื้อเยื่อชนิดนี้พบได้ในพืชชนิดใด (แนวคำตอบ : ทำหน้าที่แบ่งเซลล์ ทำให้เกิดเนื้อเยื่อท่อลำเลียง ส่วนมากพบในพืชใบเลี้ยงคู่) - ช่องพิธ (Pith cavity) พบได้ในพืชชนิดใด (แนวคำตอบ : พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ส่วนพิธ (Pith) ในลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่จะถูกแทนที่ด้วยไซเล็ม) 3. ครูนำภาพโครงสร้างภายในของลำต้นเมื่อตัดตามขวางมาให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามจากภาพโดยมีแนว คำถามดังนี้ ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 - ภาพที่ 1 เป็นภาพของเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในลำต้นชนิดใด (แนวตอบ :ลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว) - ภาพที่ 2 เป็นภาพของเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในลำต้นชนิดใด (แนวตอบ : ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่) 8.10 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อเยื่อเจริญปลายยอดกับการเติบโตปฐมภูมิของลำต้นและเนื้อเยื่อเจริญ ด้านข้างกับการเจริญเติบโตทุติยภูมิของลำต้น ครูเพิ่มเติมดังนี้ (เนื้อเยื่อเจริญปลายยอดทำหน้าที่แบ่งเซลล์ทำให้ลำต้นและกิ่งยาวขึ้น โดยมีเนื้อเยื่อภายใน ที่ประกอบด้วย เอพิเดอร์มิส ซึ่งพบในโครงสร้างระยะที่มีการเติบโตปฐมภูมิ ดังนั้นการเจริญเติบโตที่เกิดจากการแบ่งเซลล์ของ เนื้อเยื่อส่วนปลายนี้จัดเป็นการเติบโตปฐมภูมิส่วนเนื้อเยื่อเจริญด้านข้างทำหน้าที่แบ่งเซลล์ทำให้ลำต้นขยายขนาดใหญ่ขึ้น เนื้อเยื่อภายในลำต้นนี้มีเนื้อเยื่อท่อลำเลียงทุติยภูมิดังนั้นการเจริญเติบโตที่เกิดจากการแบ่งเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง จัดเป็นการเติบโตทฺติยภูมิ) 2. นักเรียนขยายความรู้เพื่อเชื่อโยงกับความรู้เดิมโดยการเปรียบเทียบเนื้อเยื่อชนิดต่างๆของรากและลำต้นของพืช ใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร โดยการบันทึกลงในใบงาน 8.11 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูใช้คำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน และสรุปความรู้ในหน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โครงสร้างภายใน ของลำต้น โดยมีแนวคำถามดังนี้ เช่น


30 - โครงสร้างบริเวณปลายยอด มีกี่อย่าง แล้วแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง - บอกข้อแตกต่างของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ที่เห็นได้อย่างชัดเจน 2. นักเรียนทำใบงานเรื่อง โครงสร้างภายในของพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทดลอง 5. สังเกตการณ์นำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอหน้าชั้นเรียน 6. ตรวจความถูกต้องของชิ้นงานโดยใช้แบบประเมินความรู้ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของดอก 2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง 3) กล้องจุลทรรศน์ 4) ต้นพืชชนิดต่าง ๆ 5) สื่อ PowerPoint Presentation 6) ใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายในลำต้น 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต


31 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้าง ภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและลำ ต้นพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวางได้ 2. นักเรียนสามารถระบุเนื้อเยื่อภายใน โครงสร้างของลำต้นพืชได้ -ตรวจแบบ บันทึกผลการ ทดลองและการ นำเสนอหน้าชั้น เรียน -ตรวจใบงาน เรื่อง โครงสร้าง ภายในลำต้น -แบบบันทึกผล การทดลอง -ใบงาน เรื่อง โครงสร้างภายใน ลำต้น ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ โครงสร้างภายในของลำต้นพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ได้ 2. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ โครงสร้างภายในรากและลำต้นได้ -การตอบคำถาม -ตรวจใบงาน -ข้อคำถาม -ใบงาน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70


32


33


34 แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง หน้าที่ของลำต้น เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ลำต้นพืชประกอบด้วย เนื้อเยื่อด้านข้าง ทำให้ลำต้นขยายขนาดใหญ่ขึ้น และภายในลำต้นมีเนื้อเยื่อลำเลียงทำ หน้าที่ลำเลียงน้ำและอาหาร นอกจากนี้ พืชบางชนิดมีลำต้นใต้ดินทำหน้าที่สะสมอาหาร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และชนิดของลำต้นได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของลำต้นแต่ละชนิดได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 หน้าที่ของลำต้น 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ


35 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ)


36 การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


37 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยนำภาพลำต้นพืช 2 ชนิด แสดงเป็น PowerPoint Presentation โดยมีแนว ภาพ ดังนี้ 2. ครูตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยมีแนวคำถามดังนี้ - นักเรียนรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณใดเป็นลำต้น (แนวคำตอบ : ลำต้นมักมีสีเขียวหรือสีอื่นร่วม มีใบเจริญออกด้านข้างของลำต้นตรงตำแหน่งเป็นข้อที่ เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะพืชใบเลี้ยงเดี่ยว) - ลำต้นแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบขึ้นอยู่กับผู้เรียน) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน และส่งตัวแทนออกมาจับฉลาก โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้ - กลุ่มที่จับฉลากได้หมายเลข 1 ศึกษาลำต้นเหนือดิน - กลุ่มที่จับฉลากได้หมายเลข 2 ศึกษาลำต้นใต้ดิน 2. นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรือเว็บไซต์ http://www.nana-bio.com/elearning/plant%20organ/stem02.html 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นลงในกระดาษชาร์ท โดยบอกลักษณะเด่นของลำต้น หน้าที่และ ชนิดของลำต้น พร้อมยกตัวอย่างของพืช แล้วนำเสนอหน้าชั้นเรียน 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่ออภิปรายและสรุปให้มีความเข้าใจร่วมกัน 2. ครูถามคำถามเพื่อสรุปในหัวข้อที่นักเรียนสืบค้น โดยมีแนวคำถามดังนี้ - หน้าที่พิเศษของลำต้นคืออะไร (แนวคำตอบ : หายใจ คายน้ำ สังเคราะห์ด้วยแสง สะสมอาหาร ลำต้นบางชนิดสามารถเปลี่ยนไปเป็นใบ เช่น กระบองเพชร) -มันฝรั่ง และ ถั่วลันเตา ลำต้นพืชชนิดใดที่ลำหน้าที่สะสมอาหาร


38 (แนวคำตอบ : มันฝรั่ง เพราะลำต้นของถั่วลันเตาเปลี่ยนไปเป็นมือเกาะ) 2. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับหน้าที่และชนิดของลำต้น ครูอิบายเพิ่มเติม โดยใช้สื่อ PowerPoint Presentation ควรสรุปได้ดังนี้ ลำต้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ลำต้นเหนือดิน เป็นต้นขนานอยู่เหนือพื้นดินทั่วๆไป ยัง พบลำต้นลักษณะอื่นๆที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างและทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป เช่น ลำต้นเกาะเลื้อย ลำต้นเลื้อยขึ้นสูง และลำต้น คล้ายใบ 2. ลำต้นใต้ดิน เป็นลำต้นที่เจริญอยู่ในระดับผิวดิน สามารถแบ่งออกได้หลาบแบบ เช่น เหง้า คอร์ม หัวกลีบ ทูเบอร์ 8.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูนำภาพตัวอย่างลำต้นชนิดต่างๆ เช่น พลูด่าง สนทะเล ขมิ้น แห้ว หอม มันฝรั่ง ให้นักเรียนดูอีกครั้ง พร้อมให้ สังเกตความแตกต่างของลำต้นแต่ละชนิด 2. นักเรียนเปรียบเทียบลักษณะของลำต้นแต่ละชนิดว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ลำต้นใต้ดิน ที่มี ลักษณะเป็นข้อปล้องชัดเจน ตามข้อมีใบสีน้าตาล เรียก เหง้า เป็นลำต้นใต้ดิน 3. สุ่มนักเรียน 3-4 คน ยกตัวอย่างพืชที่มีลำต้นเหนือดินและลำต้นใต้ดิน คนละ 1 ชนิด 8.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูตรวจแผนผังสรุปหน้าที่และชนิดของลำต้น 2. สังเกตการตอบคำถาม 3. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4. สังเกตพฤติกรรมการนำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอหน้าชั้นเรียน 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของดอก 2) สื่อ PowerPoint Presentation 3) กระดาษชาร์ท 4) ใบงาน เรื่อง หน้าที่และชนิดของลำต้น 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต


39 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และชนิด ของลำต้นได้ -ตรวจใบงาน เรื่อง หน้าที่และ ชนิดของลำต้น -การนำเสนอ หน้าชั้นเรียน -ใบงาน เรื่อง หน้าที่และชนิด ของลำต้น -แ บ บ ป ร ะ เ มิ น การนำเสนอหน้า ชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบความ แตกต่างของลำต้นแต่ละชนิดได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70


40


41


42 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของใบ เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สังเกตและอธิบายโครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ใบเป็นอวัยวะที่เจริญออกไปบริเวณด้านข้าง อยู่บริเวณด้านข้าง อยู่บริเวณข้อปล้องของลำต้นและกิ่ง ทำหน้าที่หลักในการสร้างอาหารโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างภายนอกและภายในใบพืชจากการตัดตามขวางได้ 2. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และชนิดของใบพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบการจัดเรียงของเส้นใบของพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 โครงสร้างและหน้าที่ของใบ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด


43 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


44 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยการถามคำถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมในเรื่องของโครงสร้างของลำต้น โดยมี แนวคำถามดังนี้


45 - ใบเป็นเนื้อเยื่อที่เจริญมาจากส่วนใดของต้นไม้ (แนวคำตอบ : ใบเป็นเนื้อเยื่อที่เจริญและพัฒนามาจากส่วนของตา ที่เกิดขึ้นที่ลำต้น กิ่ง หรือยอด) 2. ครูนำภาพตัวอย่างใบพืช โดยใช้สื่อ PPT ให้นักเรียนสังเกตและศึกษาโครงสร้างภายนอกของใบพืช (เป็นพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่) 3. ครูถามคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียน โดยมีแนวคำถามดังนี้ - ลักษณะของใบ 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร (แนวคำตอบ : พืชใบเลี้ยงคู่เส้นใบจะแยกออกจากเส้นกลางใบ และแตกแขนงเป็นร่างแห พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เส้นใบจะเรียงขนาน) - หน้าที่หลักสำคัญของใบพืชคืออะไร (แนวคำตอบ : สังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อผลิตอาหารให้กับพืช) - โครงสร้างของใบประกอบด้วยเนื้อเยื่ออะไร มีความสัมพันธ์กับการสังเคราะห์ด้วยแสงและการแลกเปลี่ยน แก๊สอย่างไร (คำตอบอาจมีได้หลากหลายซึ่งนักเรียนจะได้คำตอบหลังจากเรียนเรื่องโครงสร้างและ การเจริญเติบโต ของใบ) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม คละตามความสามารถ แต่ละกลุ่มศึกษาโครงสร้างภายนอกของใบพืชที่ครูให้ เตรียมมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว โดยสังเกตรูปร่างของแผ่นใบ ก้านใบ และลักษณะของเส้นใบ ของใบพืชแต่ละชนิด จากนั้น บันทึก ข้อมูลโดยการเปรียบเทียบระหว่างพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในรูปแบบของตารางเป็นรายบุคคล 2. นักเรียนสืบค้นและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชนิดและหน้าที่ของใบพืชนอกเหนือจากการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อทำใบงาน ที่ 1 เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของใบ 3. นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของใบพืชที่ตัดตามขวางและศึกษโดยศึกษาจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรือ เว็บไซต์https://www.slideshare.net/somycha/ss-64271101 ทำใบงานที่ 2 เรื่องโครงสร้างภายใน ของใบพืช - ศึกษาลักษณะโครงสร้างภายในของใบพืชที่ตัดตามขวาง - ศึกษาโครงสร้างภายในใบพืชว่าประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อกี่กลุ่ม อะไรบ้าง - ศึกษาหน้าที่ของเนื้อเยื่อแต่ละชนิดที่อยู่ภายในของใบพืช 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูถามคำถามนักเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างภายนอกและภายในของใบพืช โดยมีแนวคำถามดังนี้ - โครงสร้างภายนอกของใบพืชมีส่วนประกอบกี่ส่วน (แนวคำตอบประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ แผ่นใบ หูใบ) - โครงสร้างภายในของบพืชใบเลี้ยงคู่และใบเลี้ยงเดี่ยว ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อกี่กลุ่ม (แนวคำตอบ ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อ 3 กลุ่ม คือ เอพิเดอร์มิส วาสคิวบาร์บันเดิล และมีโซฟิลล์)


46 2. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายโครงสร้างภายนอกของใบพืชใบเลี้ยงคู่และใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยวโดยใช้สื่อ PPT เพื่อให้ ได้ข้อสรุปดังนี้ โครงสร้างภายนอกของใบประกอบด้วย ก้านใบ แผ่นใบ เส้นใบ หูใบ และโครงสร้างภายในของใบประกอบด้วย พร้อมกับเน้นให้นักเรียนบันทึกผลจากการสังเกตลักษณะภายนอกของใบเปรียบเทียบระหว่างพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในรูปแบบของตารางลงในสมุด 3. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายโครงสร้างภายในของใบพืชใบเลี้ยงคู่และใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ตัดตามขวางโดยครูใช้ สื่อ PPT เพื่อเฉลยใบงานเรื่อง โครงสร้างภายในของใบพืช มีการสุ่มนักเรียนเพื่อเฉลยใบงานร่วมด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปดังนี้ โครงสร้างภายในของใบประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 กลุ่ม คือ เอพิเดอร์มิส วาสคิวลาร์บันเดิล และมีโซฟิลล์ 5. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่ของใบ โดยได้ข้อสรุปดังนี้ ใบมีหน้าที่หลัก คือ สร้างอาหาร โดยกระบวนการสังเคราะห์แสง แลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำ นอกจากนี้ใบยังมีหน้าที่อื่นๆตามชนิดของใบ 8.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูถามคำถามเพื่อเชื่อมโยงกับความรู้เดิมของนักเรียนโดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - วาสคิวลาร์แคมเบียม (Vascular cambium) พบในอวัยวะใดของพืช (แนวคำตอบ : ราก ลำต้น และใบ) - โครงสร้างภายในลำต้นเมื่อตัดตามขวางของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ : ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่มีคอร์เทกซ์แคบชั้นสตีลมีการจัดเรียงตัวเป็นระเบียบ ส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีคอร์เทกซ์แคบ ชั้นสตีลเรียงตัวกระจาย) - ใบและลำต้นของกระบองเพชรแตกต่างไปจากพืชทั่วไปอย่างไร เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ใบของต้นกระบองเพชรลดรูปไปเป็นหนามเพื่อลดกระบวนการคายน้ำ และลำต้นมีลักษณะ อวบ บางชนิดเปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่คล้ายใบเขียว สามารถสังเคราะห์แสงได้) 8.9 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูถามคำถาม โดยมีแนวคำถามดังนี้ - ลักษณะภายนอกของใบที่เห็นสามารถจำแนกได้หรือไม่ว่า พืชชนิดใดเป็นพืชใบเลี้ยงคู่และพืชชนิด ใดเป็นพืชใบ เลี้ยงเดี่ยว - โครงสร้างภายในใบของพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร - โครงสร้างและการเรียงตัวของเซลล์ในเนื้อเยื่อชั้นต่าง สัมพันธ์กับหน้าที่ของใบหรือไม่ 1. ตรวจใบงาน เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของใบพืช 2. สังเกตการณ์ตอบคำถาม โดยประเมินจากความถูกต้องของการตอบคำถาม 3. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4. ประเมินความถูกต้องของชิ้นงาน โดยใช้แบบประเมินความรู้ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้


47 1) หนังสือเรียนชีววิทยา 2) ใบงาน เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของใบ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 3) สวนพฤกษศาสตร์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบาย โครงสร้างภายนอกและภายในใบพืช จากการตัดตามขวางได้ 2. นักเรียนสามารถบอกหน้าที่และ ชนิดของใบพืชได้ -ประเมินการ นำเสนอผลงาน หน้าชั้นเรียน -ตรวจใบงาน เรื่อง ชนิดและ หน้าที่ของใบ พืช -แบบประเมิน การนำเสนอ ผลงานหน้าชั้น เรียน -ใบงานที่ ชนิด และหน้าที่ของ ใบพืช ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ การจัดเรียงของเส้นใบของพืชแต่ละ ชนิดได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมายและสามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


48


49


50 แผนการจัดการเรียนรู้ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง การแลกเปลี่ยนแก๊ส และการคายน้ำของพืช เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต และอธิบายการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ในการสร้างอาหาร พืชต้องการแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นสารตั้งต้นในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ราก พืชดูดน้ำจากดินและลำเลียงไปยังส่วนต่าง ๆทางไซเล็ม ส่วนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์นั้นพืชได้รับจากกระบวนการแลกเปลี่ยน แก๊ส โดยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจะแพร่ผ่านเข้าไปในพืชทางรูปากใบ เรียกว่าการคายน้ำ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำของพืชได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1.นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ไดรับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การแลกเปลี่ยนแก๊ส และการคายน้ำของพืช 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด


51 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ)


52 การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


53 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) ขั้นนำ 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างภายในของใบพืช โดยใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนอภิปราย ร่วมกัน ดังนี้ - จากโครงสร้างภายในของใบพืชที่ได้ศึกษามาแล้ว เซลล์คุมอยู่บริเวณชั้นเนื้อเยื่อใด มีหน้าที่อะไร และมี ความสำคัญอย่างไร - นักเรียนคิดว่าปากใบของพืชเปรียบเสมือนอวัยวะใดของร่างกาย เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นนั้น (แนวคำตอบ ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของนักเรียน) 2. ครูนำเข้าสู่เนื้อหาเพื่อให้นักเรียนเห็นถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนแก๊สที่มีต่อการดำรงชีวิต ของพืช โดยใช้ คำถาม ดังนี้ - แก๊สที่พืชใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงและกระบวนการหายใจระดับเซลล์มีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ : แก๊สที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงคือ CO2 และแก๊สที่พืชใช้ใน กระบวนการ หายใจระดับเซลล์คือ O2 ) - พืชได้รับ CO2 และ O2 มาจากแหล่งใด (แนวคำตอบ : พืชจะได้รับ CO2 จากกระบวนการหายใจระดับเซลล์ และ O2 จากกระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสง) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม คละตามความสามรถ จากนั้นศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของปาก ใบในเวลากลางวัน และเวลากลางคืน โดยศึกษาจากเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=w5TMdyoL1Xg โดยศึกษาหัวข้อดังนี้ - การเปิดปิดของปากใบเป็นผลมาจากอะไร - ลักษณะของเซลล์คุมสัมพันธ์กับการเปิดปิดปากใบอย่างไร 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างพืชกับบรรยากาศจาก แหล่งเรียนรู้อินเทอร์เน็ต ซึ่งนักเรียนควรอธิบายได้ว่า พืชมีการแลกเปลี่ยนแก๊สกับบรรยากาศผ่านทางปากใบ เมื่อความเข้มข้นของแก๊สในอากาศภายนอก แตกต่างจากภายในใบพืช แก๊สจะแพร่จากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ำ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาการคายน้ำของพืช แล้วบันทึกข้อมูลลงในกระดาษรายงาน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ การคายน้ำของพืช หลังจากนั้นแลกเปลี่ยนความรู้ภายในกลุ่ม 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอและอธิบายความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนความรู้ภายในกลุ่ม 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกลไกลการเปิดปิดปากใบของพืช โดยครูใช้สื่อ PPT ในการอธิบาย ควร อภิปรายได้ว่า การเปิดปิดปากใบของพืชเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงความแต่งของเซลล์คุม ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการเคลื่อนที่เข้าและออกของโพแทสเซียมไอออนหรือสารต่างๆและการสะสมของซูโครส


54 3. นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างพืชกับบรรยากาศโดยครูใช้คำถามเพื่ออธิบาย เพิ่มเติมดังนี้ - ถ้าความเข้มข้นของ CO2 ในใบพืชต่ำกว่าบรรยากาศ การแพร่ของ CO2 ระหว่างใบพืชกับบรรยากาศจะเป็น อย่างไร (แนวคำตอบ : เมื่อความเข้มข้นของ CO2 ในใบพืชต่ำกว่าในบรรยากาศ ดังนั้น CO2 จึงแพร่จากอากาศ ภายนอกเข้าสู่ใบพืช) 4. นักเรียนและครูอภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปดังนี้ พืชคายน้ำทางปากใบเป็นส่วนใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อความชื้นสัมพัทธ์ ในอากาษต่ำกว่าภายในพืชโดยกรคายน้ำทำมห้เกิดแรงดึงจากการคายน้ำซึ่งช่วยในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช 5. นักเรียนและครูอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำของพืช โดยครูใช้คำถามดังนี้ - ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการคายน้ำของพืช และปัจจัยเหล่านั้นมีผลอย่างไร (แนวคำตอบ : ความชื้นสัมพัทธ์ ลม อุณหภูมิ ปริมาณ) 8.8 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนตอบคำถามชวนคิด โดยมีแนวคำถามดังนี้ - พืชทั่วไปเมื่ออยู่ในบริเวณที่มี CO2 สูงกว่าปกติ จะทำให้พืชเปิดรูปากใบแคบลง การที่ปัจจุบัน บรรยากาศของ โลกมี CO2 ซึ่งเป็นแก๊สเรือยกระจกเพิ่มมากขึ้น การคายน้ำของพืชจะได้รับผลกระทบอย่างไ - หากตัดใบพืชออกจนหมด พืชยังคงคายน้ำได้หรือไม่ อย่างไร - แสงมีผลต่อการเปิด-ปิดของปากใบพืชอย่างไร - ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการคายน้ำของพืช และปัจจัยเหล่านั้น 8.9 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูใช้แนวคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยมีแนวคำถามดังนี้ - เซลล์คุม (Guard cell) และปากใบของสาหร่ายหางกระรอก และใบกระเพรามีความเหมือนและ แตกต่างกัน อย่างไร - อัตราการคายน้ำของต้นมะม่วงในเวลาเช้าและบ่ายมีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร 2. ครูประเมินผลจากการตอบคำถาม 3. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน โดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชา ชีววิทยา 2) สื่อ PPT เรื่อง กลไกลการเปิดปิดปากใบ การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - อินเทอร์เน็ต


55 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายการ แลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำของพืช ได้ -ประเมินจาก การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. .นักเรียนสามารถวิเคราะห์ปัจจัยที่ มีผลต่อการคายน้ำของพืชได้ -ประเมินจาก การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีรับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ไดรับมอบหมาย -การสังเกต -แบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


56


57


58 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง การลำเลียงน้ำของพืช เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล และอธิบายกลไกการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด พืชมีระบบลำเลียงเพื่อใช้ลำเลียงน้ำ แร่ธาตุต่างๆจากดินไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช โดยการลำเลียงน้ำใช้ท่อลำเลียง เรียกว่า ไซเล็ม ( Xylem) เมื่อพืชสร้างอาหารแล้วก็จะลำเลียงไปสู่ส่วนต่างๆของพืชโดยอาศัยท่อลำเลียง เรียกว่า โฟลเอ็ม ( Phloem ) โดยระบบการลำเลียงน้ำและอาหารแตกต่างกันระหว่างพืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว การคายน้ำ มีส่วนช่วยใน การลำเลียงน้ำของพืช 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการลำเลียงน้ำของพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบรูปแบบการลำเลียงน้ำแบบอโพพลาสต์และแบบซิมพลาสต์ได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 โครงสร้างและหน้าที่ของใบ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร


59 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


60 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมให้กับนักเรียนว่า น้ำ ธาตุอาหาร และอาหารที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแลงล้วนมี ความสัญต่อการดำรงชีวิตชีวิตของพืช 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถามโดยมีแนวคำถามดังนี้


61 - เนื้อเยื่อท่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุของพืชคืออะไร (แนวตอบ: ท่อไซเล็ม (Xylem)) 3. ครูถามให้นักเรียนคิดต่อไปว่า “พืชขนาดใหญ่หรือพืชที่มีความสูงมากจำเป็นต้องมีท่อลำเลียงน้ำ (Xylem) หรือไม่ เพราะเหตุใด” (แนวตอบ: จำเป็น เพราะท่อลำเลียงน้ำหรือไซเล็ม (Xylem) ใช้สำหรับลำเลียงน้ำและธาตุอาหารจากราก ไปยังส่วนต่าง ๆ) 4. ครูถามคำถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการแพร่และการออสโมซิส โดยมีแนวคำถามดังนี้ - การเคลื่อนที่ของน้ำโดยออสโมซิสเป็นผลมาจากอะไร (แนวคำตอบ : เป็นผลจากความแตกต่างของความเข้มข้นของสารละลาย) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน คละตามความสามารถ จากนั้นแต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับการ เคลื่อนที่ของน้ำด้วยชลศักย์ (Water potential) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาการลำเลียงน้ำเข้าสู่ไซเล็ม โดยใช้ แอป 3D Augmented Reality เพื่อสแกนดูภาพ 3 มิติ ของการลำเลียงน้ำเข้าสู่ไซเล็ม 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาการลำเลียงน้ำภายในไซเล็มจากหนังสือเรียน หรือเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต พร้อมสรุป ใจความสำคัญ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลลงในกระดาษรายงาน โดยการวาดภาพประกอบ พร้อม อธิบายการลำเลียงข้องน้ำเข้าสู่ไซเล็ม เตรียมนำเสนอหน้าชั้นเรียน 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่ออภิปรายและสรุปให้มีความเข้าใจร่วมกัน 2. ครูถามคำถามเพื่อสรุปในหัวข้อที่นักเรียนสืบค้น โดยมีแนวคำถาม ดังนี้ - รูปการลำเลียงน้ำแบบอโพพลาสต์และแบบซิมพลาสต์แตกต่างกันอย่างไร - ปรากฏการณ์กัตเตชัน (Guttation) จะเกิดขึ้นในสภาวะใด 3. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายอธิบายได้ว่า การลำเลียงน้ำในรากมี 3 แบบ และสามารถใช้ภาพวาด อธิบายได้ว่า เมื่อน้ำเข้าสู่เซลล์แล้วเคลื่อนที่จากเซลล์หนึ่งทางพลาสโมเดสมาตา เรียกการลำเลียงแบบนี้ว่า ซิมพลาสต์ ส่วนการลำเลียงน้ำ แบบอโพพลาสต์ น้ำจะไม่ผ่านเข้าสู่เซลล์ แต่จะเคลื่อนที่ไปตามผนังเซลล์หรือช่องว่างระหว่างเซลล์ที่ติดกัน และการลำเลียงน้ำ แบบทรานส์เมมเบรนน้ำจะเคลื่อนที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ 4. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายการลำเลียงน้ำภายในไซเล็ม โดยสรุปได้ว่า การเคลื่อนที่ของน้ำในไซเล็มเป็นกา รดคลื่อนที่ในแนวดิ่ง โดยน้ำจะเคลื่อนที่จากรากขึ้นสู่ด้านบนโดยอาศัยการซึมตามรูเล็ก แรงดึงจากการคายน้ำ และความดันราก 8.6 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนตอบคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง โดยครูถามคำถามแล้วให้นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดบันทึกของตนเอง แล้วให้นักเรียนเสนอคำตอบของตนเอง โดยมีแนวคำถามดังนี้ - แคสพาเรียนสติปในชั้นเอนโดเดอร์มิสส่งผลต่อการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืชอย่างไร 2. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทเกี่ยวกับการลำเลียงน้ำของพืชลงในสมุดบันทึก


62 8.7 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูประเมินจากการตอบคำถาม 2. ครูประเมินจากการนำเสนอจากผลงานและการนำเสนอหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจแบบฝึกหัดท้ายบท 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 3) แอป 3D Augmented Reality 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการ ลำเลียงน้ำของพืชได้ -การนำเสนอ หน้าชั้นเรียน -แบบประเมิน การนำเสนอหน้า ชั้นเรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบรูปแบบ การลำเลียงน้ำแบบอโพพลาสต์และ แบบซิมพลาสต์ได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีรับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย -การสังเกต -แบบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


63


64 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง ธาตุอาหารของพืช เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล อธิบายความสำคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารที่สำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของ พืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด พืชจำเป็นต้องมีการใช้ธาตุอาหาร ซึ่งดูดมาจากดินโดยรากและลำเลียงผ่านไปกับน้ำ เพื่อนำไปสร้างอาหารใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ดังนั้นธาตุอาหารมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพืช 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายความสำคัญของธาตุอาหารที่มีต่อพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบลักษณะของพืชที่ขาดธาตุอาหารชนิดต่างๆ ได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และงานที่ไดรับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ธาตุอาหารของพืช 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ 5.2.2 ทักษะการสังเกต


65 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


66 3 ห่วง ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยการตั้งคำถามเพื่อทดสอบความรู้เดิม โดยการสุ่มถามนักเรียนจำนวน 1-2 คน โดยมีแนวคำถามดังนี้ - จงยกตัวอย่างธาตุที่นักเรียนรู้จักในชีวิตประจำวัน มา 2-3 ตัวอย่าง พร้อมบอกประโยชน์ของธาตุเหล่านั้นมา พอสังเขป (แนวคำตอบขึ้นอยู่กับผู้เรียน)


67 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยการเปรียบเทียบร่างกายของมนุษย์เหมือนกับต้นไม้ 1 ต้น แล้วให้นักเรียน ระดมความคิดว่า ถ้าหากร่างกายมนุษย์ไม่ได้รับสารอาหารจะมีลักษณะเป็นอย่างไร 3. นักเรียนร่วมกันทายคำตอบว่าลักษณะต้นไม้ ใน PowerPoint Presentation เรื่อง ลักษณะต้นไม้ที่ขาดธาตุ อาหาร นั้น ขาดธาตุอาหารชนิดใดโดยมีแนวภาพดังนี้ 4. ครูเฉลย และให้คะแนนนักเรียนที่ตอบถูกคนละ 2 คะแนน (แนวคำตอบ: ภาพ A ธาตุแคลเซียม (Ca)) : ภาพ B ธาตุไนโตรเจน (N)) ภาพ C ธาตุฟอสฟอรัส (P)) ภาพ D ธาตุโพแทสเซียม (K) ภาพ E ธาตุแมกนีเซียม (Mg) ภาพ F ธาตุกำมะถัน (S) 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่และความสำคัญของธาตุที่มีต่อพืชจาก แหล่งการเรียนรู้ ต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรือ หนังสือเรียนชีววิทยา โดยให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทน ออกมาจับสลากหมายเลข 1-13 โดยแต่ละ หมายเลขให้ศึกษาธาตุอาหาร ดังนี้ - ธาตุแคลเซียม (Ca) - ธาตุไนโตรเจน (N) - ธาตุฟอสฟอรัส (P) - ธาตุโพแทสเซียม (K) - ธาตุแมกนีเซียม (Mg) - ธาตุกำมะถัน (S) - ธาตุเหล็ก (Fe) - ธาตุคลอรีน (Cl) A B C D E F


68 - ธาตุโบรอน (B) - ธาตุสังกะสี(Zn) - ธาตุแมกกานีส (Mn) - ธาตุทองแดง (Cu) - ธาตุโมลิบดินัม (Mo) 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่และความสำคัญของธาตุที่มีต่อพืช หน้าชั้น เรียน 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลจากการนำเสนอ แล้วให้นักเรียนสรุปหน้าที่ความสำคัญของธาตุแต่ละชนิดที่ เพื่อนนำเสนอลงในสมุดบันทึกของตนเอง 3. นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธาตุอาหารโดยมีแนวคำถามดังนี้ - นักเรียนคิดว่า ธาตุอาหารมีความสำคัญกับพืชหรือไม่ - นักเรียนคิดว่า พืชสามารถขาดธาตุอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งได้หรือไม่ - นักเรียนสามารถสรุปได้หรือไม่ว่า ธาตุอาหารแบ่งออกเป็นกี่ประเภท 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “พืชนำธาตุอาหารที่อยู่ภายในดินไปใช้ในรูปของสารละลาย ซึ่งจะถูกลำเลียงเข้าสู่ท่อไซเล็ม (Xylem) ไปยังเซลล์ต่างๆ ของพืช ธาตุอาหารที่พืชลำเลียงเขาไปในไซเล็มนั้นเป็นสาร อนินทรีย์ ที่ประกอบด้วยธาตุอาหารหลายชนิด ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของพืช” 8.5 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนทำแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ธาตุอาหารของพืช บนกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม โดยสืบค้นข้อมูล จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่นอินเทอร์เน็ต หรือ หนังสือเรียนชีววิทยา 2. นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม โดยมีแนวคำถามดังนี้ - การเคลื่อนที่ของน้ำแบบอโพพลาสต์ (Apoplasmic pathway) เกิดขึ้นเมื่อใด และมีลักษณะอย่างไร - การเคลื่อนที่ของน้ำแบบซิมพลาสต์(Simplast) เกิดขึ้นเมื่อใด และมีลักษณะอย่างไร - พลาสโมเดสมาตา (Plastmodesmata) คืออะไร - ธาตุอาหารชนิดใดบ้างที่พืชต้องการในปริมาณมากและน้อย ตามลำดับ 8.6 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูประเมินจากการตอบคำถาม 2. ครูประเมินผังมโนทัศน์ เรื่อง ธาตุอาหารของพืช 3. ครูประเมินจากการนำเสนอหน้าชั้นเรียน 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม


69 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนชีววิทยา 2) สื่อ PowerPoint เรื่อง ต้นไม้ที่ขาดสารอาหาร 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องปฏิบัติการทดลองชีววิทยา 2) อินเทอร์เน็ต 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัด/เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายความสำคัญ ของธาตุอาหารที่มีต่อพืชได้ -การนำเสนอ หน้าชั้นเรียน -แบบประมินการ นำเสนอหน้าชั้น เรียน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 2. ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบ ลักษณะของพืชที่ขาดธาตุอาหารชนิด ต่างๆ ได้ -การตอบคำถาม -ข้อคำถาม ผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 70 3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีรับผิดชอบต่อหน้าที่และ งานที่ได้รับมอบหมาย -การสังเกต --แบประเมิน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ได้รับคะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึ้นไป


70


71


72 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา 3 ว30243 ภาคเรียนที่ 1/2566 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เวลา 26 ชั่วโมง เรื่อง การลำเลียงอาหารของพืช เวลา 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาววรกมล บุราณเดช ปฏิบัติการสอน วันที่……เดือน………………พ.ศ. 2566 1. สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ สาระชีววิทยา 3. เข้าใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายน้ำของพืช การลำเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วย แสง การสืบพันธุ์ของพืชดอกและการเจริญเติบโต และการตอบสนองของพืช รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ อธิบายกลไกการลำเลียงอาหารในพืช 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การสร้างอาหารของพืชเกิดจากกระบวนกรสังเคราะห์ด้วยแสงจนได้ผลผลิตเป็นน้ำตาล และมักสะสมอยู่ในรูปของ แป้ง ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต การสร้างอาหารของพืชส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ใบ แล้วลำเลียงอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการลำเลียงอาหารของพืชได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคิด (P) 1. นักเรียนสามารถวิเคราะห์โครงสร้างของพืชดอกพืชได้ 3.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความรับผิดชอบแต่หน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การลำเลียงอาหารของพืช 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.2.1 ทักษะการสำรวจ


73 5.2.2 ทักษะการสังเกต 5.2.3 ทักษะการจัดกลุ่ม 5.2.4 ทักษะการเปรียบเทียบ 5.5.5 ทักษะการจำแนกประเภท 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. จุดเน้นสู่การพัฒนาผู้เรียน ( เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรู้นี้) ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) R1– Reading (อ่านออก) R2– (W) Riting (เขียนได้) R3 – (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น) C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) C2 - Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และ ภาวะผู้นำ) C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทัน สื่อ) C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) C8 – Change (ทักษะการเปลี่ยนแปลง) L1 – Learning (ทักษะการเรียนรู้) L2 – Leadership (ทักษะความเป็นผู้นำ) การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนรู้ คุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียงที่เกิดกับผู้เรียน (2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ) 2 เงื่อนไข 3 ห่วง เงื่อนไขความรู้ รู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว เช่น การพัฒนาตนให้เป็นคนดี การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ และการพัฒนาครอบครัว เงื่อนไขคุณธรรม ใช้ความรู้สติปัญญา ความซื่อสัตย์สุจริต ความขยันอดทน ความตั้งใจ ความเมตตากรุณา


74 ความพอประมาณ นักเรียนวิเคราะห์การปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาที่มีผล ต่อการพัฒนาตนและครอบครัวได้ เจริญรุ่งเรืองอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล นักเรียนรู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง การปฏิบัติตนตามหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาที่มีผลต่อการ พัฒนาตนและครอบครัวได้ การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว นักเรียนเห็นความสำคัญของการ ปฏิบัติตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและ ครอบครัว ตามหลักแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ ผลลัพธ์ อยู่อย่างพอเพียง...สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ มิติวัตถุ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติวัฒนธรรม ความรู้ มีความรู้ในการเลือกใช้ ทรัพยากรให้คุ้มค่าและ ประหยัด มีความรู้ในการวางแผนและ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ทักษะ มีทักษะในการใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า เลือกใช้ ทรัพยากรได้เหมาะสม มีทักษะในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีทักษะในการ นำเสนอและแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน มีทักษะในการรักษา สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว มีการเรียนรู้วัฒนธรรมและ หลักธรรม มาใช้ในการ ดำรงชีวิตในสังคม ค่านิยม มีความตระหนักในเรื่อง ของการใช้สิ่งของหรือ ทรัพยากรต่างๆที่มีให้ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความตระหนักและ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกัน รับฟังความเห็นซึ่ง กันและกัน ตระหนักความสำคัญ ของสิ่งแวดล้อม มีการเรียนรู้วัฒนธรรมใน การอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุข 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5Es Instructional Model) 8.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยนำลูกบอลมา 1 ลูก จากนั้นเปิดเพลงขึ้นมา1 เพลง แล้วให้นักเรียนส่ง ลูกบอลต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเพลงหยุด ลูกบอลอยู่ที่นักเรียนคนใด ให้นักเรียนคน นั้นยืนขึ้น แล้วตอบคำถาม 2. ครูถามคำถาม โดยมีแนวคำถามดังนี้ - เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารของพืชได้แก่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ: เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารของพืชได้แก่ เนื้อเยื่อลำเลียงโฟลเอ็ม (Phloem) ซึ่ง ประกอบด้วย ซีฟทิวบ์ (Sieve tube member) และเซลล์คอมพา-เนียน (Companion cell))


75 8.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม ตามความสมัครใจ เพื่อศึกษาเนื้อหา เรื่อง การลำเลียงน้ำ ของพืช แล้วให้แต่ ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมาจับสลากหมายเลข 1-3 โดยแต่ละหมายเลขให้แต่ละกลุ่มศึกษาหัวข้อต่อไปนี้ หมายเลข 1 : ศึกษาการพองของเปลือกของลำต้นเหนือรอยควั่น หมายเลข 2 : ศึกษาการลำเลียงน้ำตาลในพืชโดยใช้ 14C (คาร์บอน-14) หมายเลข 3 : ศึกษาการลำเลียงอาหารภายในท่อโฟลเอ็ม (Phloem) โดยเพลี้ยอ่อน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปสาระสำคัญของหัวข้อที่ศึกษาลงในกระดาษ A4 โดยสมาชิกทุกคนจะต้องมี ข้อสรุปเป็น ของตนเอง 3. นักเรียนศึกษา เรื่อง กลไกการลำเลียงอาหารของพืช จากวีดิทัศน์ เรื่อง การลำเลียงอาหารในโฟลเอ็ม เตรียม นำเสนอหน้าชั้นเรียน 8.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอสาระสำคัญหน้าชั้นเรียน 2. ขณะที่ตัวแทนกลุ่มนำเสนอข้อมูล ให้นักเรียนในห้องเขียนคำถามที่ตนเองสงสัย หรือตั้งคำถาม ลงในสมุดบันทึก ของตนเอง 3. ครูสุ่มนักเรียน 5-6 คน อ่านคำถามของตนเอง แล้วให้กลุ่มนักเรียนที่นำเสนอตอบคำถามและ อธิบายคำตอบของ เพื่อนให้เข้าใจ 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “การสร้างอาหารของพืชเกิดจากการกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจน ได้ผลผลิตเป็น น้ำตาล และมักสะสมอยู่ในรูปแบบของแป้ง ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต การสร้างอาหารของพืชส่วน ใหญ่จะเกิดขึ้นที่ใบ และลำเลียง อาหรไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช” 5. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม เรื่อง กลไกการลำเลียงอาหารของพืช โดยมีประเด็นหลักในการอภิปราย ดังนี้ 1) สามารถยกตัวอย่างการลำเลียงสารอาหารของพืชที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ 2) อธิบายกลไกที่ทำให้เกิดการลำเลียงสารอาหารของพืชได้ 8.6 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก 2. นักเรียนตอบคำถามท้าหน่วย โดยให้นักเรียนลอกโจทย์และตอบคำถามลงในสมุดบันทึกของตนเองโดยมีแนว คำถาม ดังนี้ - ทิศทางการลำเลียงน้ำกับอาหารของพืชเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร - การลำเลียงอาหารและการลำเลียงน้ำของพืชเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร - พืชลำเลียงอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ในรูปแบบใด 8.7 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูประเมินจากการตอบคำถามท้ายหน่วย 2. ครูประเมินจากการนำเสนอหน้าชั้นเรียน


Click to View FlipBook Version