ต่อมแบง่ ออกเป็น 2 แบบ
*ตอ่ มไร้ท่อ (endocrine gland)
ตอ่ มที่หลั่งสารท่ีเป็น hormone และไปมีผลตอ่
อวยั วะเป้าหมาย (target organ) โดยผา่ น
extracellular fluid เช่น กระแสเลอื ด
*ต่อมมีทอ่ (exocrine gland)
ตอ่ มทีห่ ลั่งสารและไปมผี ลตอ่ อวยั วะเป้าหมายโดย
ผ่านท่อลาเลียงของตนเอง ไม่ต้องผ่านกระแส
เลือด
ความแตกต่างระหวา่ งต่อมไร้ทอ่ และตอ่ มมที อ่
กลไกการออกฤทธิข์ องฮอรโ์ มน
• ออกฤทธ์ไิ ดโ้ ดยการจบั กบั ตัวรบั สัญญาณ (receptor)
ประเภทของฮอร์โมนแบง่ ตามโครงสร้างทางเคมี
ฮอรโ์ มนเปปไทดห์ รือโปรตนี (Polypeptide hormone)
ฮอร์โมนเอมีน (Amine hormone)
ฮอร์โมนสเตียรอยด์ (Steroid hormone)
ฮอรโ์ มน Hormone
• การทดลองของ อารโ์ นล เอ เบอร์โทลด์
(Arnold A. Berthold)
• กลุม่ ท่ี 1 ลูกไกท่ ่เี จริญเป็นไก่เพศผปู้ กติ
• กลุ่มที่ 2 ลกู ไก่เพศผูท้ ีถ่ ูกตดั อณั ฑะออก
• กลุม่ ท่ี 3 ลูกไก่เพศผูท้ ่ีมีการปลูกอัณฑะให้ใหม่
บทบาทของฮอร์โมน
• ควบคมุ metabolism ตา่ งๆ ภายในรา่ งกาย
• ควบคุมภาวะสมดลุ ต่างๆในร่างกาย
• ควบคุมการเจรญิ เติบโต
• ควบคมุ เกยี่ วกบั ระบบสบื พนั ธ์ุ การคลอดบตุ ร
และ การหล่ังนานม
• ควบคุมเก่ยี วกบั การปรับตัวของสง่ิ มชี วี ิตให้
เขา้ กับ สภาพแวดล้อม เชน่ Melatonin เปน็
ต้น
แหลง่ สรา้ งฮอรโ์ มน
1. ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ /ฮอร์โมนที่แท้จริง (glandular hormone / true
hormone)
- ต่อมไทรอยด์ ต่อมใตส้ มองสว่ นหน้า ฯลฯ
2. ฮอร์โมนจากเนือเยอ่ื (tissue hormone)
- เนอื เย่ือชันในของผนังกระเพาะอาหาร ลาไส้เลก็
3. ฮอรโ์ มนประสาท (neurohormone)
- เซลลป์ ระสาทในสมองสว่ นไฮโพทาลามสั
ฮอร์โมนประสาท (Neuro hormone)
• ฮอรโ์ มนประสาท (Neuro hormone)
• ทาหน้าที่ควบคุมของอวยั วะภายในรา่ งกายให้
อยู่ในสภาวะปกติ
ตอ่ มไรท้ อ่ ทจ่ี าเป็นตอ่ รา่ งกาย Essential endrocrine gland
• ถา้ ถกู ทาลายหรือผิดปกติ จะทาให้ดารงชวี ติ อย่ไู ม่ได้ ได้แก่
• parathyroid ตายเพราะขาด PTH ทาให้กลา้ มเนอื ทางานลม้ เหลว เกร็ง และชักกะตุก
• islets of Langerhans ตายเพราะขาดอนิ ซลู ิน ทาใหเ้ มตาบอลิซึมของกลูโคสไม่ดี เลือดเปน็
กรด การหายใจผดิ ปกติ
• adrenal cortex ขาด aldosterone ทาให้รา่ งกายเสยี สมดุลของแรธ่ าตุและนา ปริมาณเลอื ด
และความดนั ลดตา่ ลง
ตอ่ มไรท้ อ่ ทไี่ มจ่ าเปน็ ตอ่ รา่ งกาย non-essential endrocrine gland
• แม้ถกู ทาลายก็สามารถดารงชวี ิตอยู่ได้ แตม่ คี วามผิดปกตขิ องรา่ งกายเกิดขึน
• Pituitary gland
• adrenal medulla
• pineal gland
• Thymus gland
• Thyroid gland
ตาแหนง่ ของตอ่ มไรท้ ่อ (Endocrinepositon)
ตอ่ มไพเนยี ล(pineal gland)
ตอ่ มไพเนยี ล(pineal gland)
ต่อมไพเนียล(pineal gland)
• ฮอร์โมนท่ีสรา้ ง คอื เมลาโทนิน (melatonin)
• ยบั ยังการเจรญิ เติบโตของอวัยวะสบื พนั ธุ์
• ทาให้เปน็ หนมุ่ เปน็ สาวชา้ ลง
• โดย ระงบั การหลั่ง gonadothophin ให้
นอ้ ยลง
• ถ้าตอ่ มไพเนยี ลสร้างเมลาโทนินไมไ่ ด้
• ทาให้เป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกว่าปกติ
• ถา้ สรา้ งมากเกนิ ไป
• จะทาให้เป็นหนุ่มเปน็ สาวชา้ กว่าปกติ
ตอ่ มไพเนยี ล(pineal gland)
• จากการศึกษาสัตวท์ ี่ตาบอดหรอื นามาไวใ้ นที่มดื พบว่าต่อมไพเนยี ลสรา้ งฮอรโ์ มนออกมามาก
• ในทางตรงขา้ มถา้ นาสัตวม์ าอยู่ในทส่ี ว่างตลอดเวลาจะมผี ล ให้ต่อมนสี ร้างฮอรโ์ มนได้น้อยลง
• สรุป แสงสวา่ งมบี ทบาทตอ่ การทางานของต่อมไพเนยี ล
* melatonin ทางานตรงขา้ มกบั melanocyte stimulating hormone จากต่อมได้สมอง
ส่วนกลาง ทาใหส้ ขี องสัตว์มีสซี ดี ลง
สรปุ ตอ่ มไพเนียล(pineal gland)
• หลงั่ ฮอร์โมน melatonin
• ยับยงั gonadotrophin
• ถ้าตดั ตอ่ มนจี ะเป็นหนุ่มสาวเรว็ กวา่ ปกติ
• แสงสวา่ งยับยังการหลัง่
• ความมืดกระตนุ้ การหลง่ั
• ทาให้สตั วส์ ะเทินสะเทินบกสีซีดจาง
ต่อมใตส้ มอง Pituitary gland
• แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1. ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้
(anterior lobe of pituitary gland )
2. ตอ่ มใต้สมองสว่ นกลาง
(intermediated lobe of pituitary )
3. ต่อมใต้สมองส่วนหลงั
(posterior lobe of pituitary gland)
ต่อมใต้สมองสว่ นหนา้ (anterior lobe of pituitary gland)
ฮอรโ์ มนทสี่ ร้างจากตอ่ มใตส้ มองส่วนนี
1. โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone: GH หรือ
Somatotrophin Hormone : STH)
2. โกนาโดโทรฟิก (Gonadotrophic : GN)
-FSH, LH
3. โปรแลกติน (Prolactin : PRL)
4. Adrenocorticotropic hormone : ACTH
5. Thyroid stimulating hormone : TSH
Growth Hormone: (GH) or Somatotrophin Hormone : (STH)
• กระตนุ้ การเจริญของเนอื เยื่อตา่ งๆ ของ
รา่ งกาย โดยเฉพาะกระดกู
• เพิ่มอตั ราการสรา้ งโปรตนี
• เพ่ิมการสลายไขมนั
• เพิม่ ระดับนาตาลในเลอื ด
Growth Hormone: (GH) or Somatotrophin Hormone : (STH)
• ถ้าขาดฮอร์โมนนีในวยั เดก็ จะเปน็ โรคเตีย • แตถ่ ้าขาดในผู้ใหญ่จะเปน็ โรคซมิ มอน
แคระ (Dwarfism) (Simmon’s Disease)
Growth Hormone: (GH) or Somatotrophin Hormone : (STH)
• ถา้ มีฮอรโ์ มนนมี ากเกนิ ไป ในวัยเดก็ จะเป็นโรค • แต่ถา้ มีมากในผใู้ หญ่ จะเป็นโรคอะโครเมกาลี
ยักษ์ (Gigantism) (Acromegaly)
โกนาโดโทรฟิก (Gonadotrophic)
• ประกอบดว้ ยฮอรโ์ มน 2 ชนดิ คอื
1. ฟอลลิเคลิ สตมิ ิวเลทงิ ฮอรโ์ มน (Follicle Stimulating Hormone : FSH)
2. ลทู ิไนซิง ฮอร์โมน (Luteinizing Hormone : LH)
FSH ; LH
• เพศหญิง
• ฮอรโ์ มน FSH กระตุน้ การเจรญิ ของฟอลลิเคลิ
ของรงั ไขข่ ณะฟอลลิเคิลเจริญจะสรา้ งและหล่งั
ฮอร์โมน Estrogen
• ฮอรโ์ มน LH กระตุ้นใหต้ กไข่
• เกิดคอร์ปัสลเู ทยี ม (corpus luteum)
• สรา้ งฮอร์โมน progesterone
• เพื่อรองรบั การฝังตัวของเอ็มบริโอ
FSH ; LH
• เพศชาย
• ฮอรโ์ มน FSH กระตนุ้ การเจริญเตบิ โตของ
หลอดสร้างอสจุ ิ และอัณฑะ
• ฮอรโ์ มน LH กระตนุ้ กลุม่ อินเตอร์สติเชี่ยล
เซลล์ (interstitial cell) หรือ เซลล์เลตด์ กิ
(Leydig cell)
• ที่แทรกอยู่ระหวา่ งหลอดสรา้ งอสุจิในอัณฑะให้
สร้างฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน
(testosterone)
• เรียก LH อีกชอื่ วา่ “Interstitial Cell
Stimulating Hormone” (ICSH)
โพรแลกตนิ (Prolactin : PRL)
• ผหู้ ญงิ ตังครรภ์ ระดบั โพรแลคตินจะเพิ่มขนึ
และพอเด็กคลอดออกมาแล้ว
• ระดับโพรแลคตินท่ีสูงมากๆ นันจะทาใหม้ ี
การ***กระตนุ้ การสร้างนานมเมอ่ื มลี กู นัน่ เอง
Adrenocorticotropic hormone : ACTH
• มหี นา้ ท่ีกระตุ้นการเจรญิ เติบโตและการสรา้ ง
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชันนอก
• กระตนุ้ การปลอ่ ยกรดไขมันออกจากเย่ือไขมนั
• กระตุน้ การหล่ัง GH จากตอ่ มใตส้ มองส่วน
หน้า
• กระตนุ้ รงควัตถุเมลานนิ (Melanin) ภายใน
เซลลท์ ี่ผวิ หนงั ของสตั ว์เลอื ดเย็น เชน่ กบ ให้
ขยายตวั มีสีเขม้ มากขนึ
Melanocyte Stimulating Hormone : MSH
thyroid stimulating hormone (TSH)
ทาหนา้ ท่ีกระต้นุ ใหต้ อ่ มไทรอยด์ (Thyroid
gland)
สรา้ งฮอรโ์ มน thyroxine
โดยไปกระตนุ้ การเพิ่ม ไอโอดนี เขา้ ตอ่ ม
ไทรอยด์
เพ่ือใหร้ ่างกายเผาผลาญอาหาร
ตอ่ มใต้สมองสว่ นกลาง
มขี นาดเลก็ เห็นชัดในสัตว์ครง่ึ บกครง่ึ นา ผลิตฮอรโ์ มน
เพียงชนิดเดียว คือ Melanocyte Stimulating
Hormone: MSH
• ในสตั วเ์ ลียงลูกดว้ ยนม MSH จะกระตุน้ การ
สรา้ งเมลานนิ เช่นกนั
• แต่การเปล่ียนสผี ิวเกดิ ขึนเพยี งชว่ั คราวและ
คอ่ นข้างช้า
ในสัตว์เลอื ดเยน็ กระตุน้ รงควตั ถเุ มลานนิ
(Melanin) ในเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte)
ทาใหผ้ วิ สเี ขม้ ขึน พบในสตั วพ์ วกปลา สัตวค์ ร่งึ
บกครงึ่ นา และสัตวเ์ ลือยคลาน
Posterior lobe (สว่ นหลงั )
ต่อมใตส้ มองส่วนหลงั
ต่อมไร้ท่อที่ไม่แทจ้ รงิ เพราะสร้างฮอร์โมนเองไม่ได้ แตร่ บั ฮอรโ์ มนมาจาก
**นิวโรซีครีทอรเี ซลล์ (Neurosecretory cell) ของไฮโพทาลามสั ได้แก่
วาโซเพรสซนิ (Vasopressin) หรือแอนติไดยเู รตกิ ฮอรโ์ มน (Antidiuretic Hormone : ADH)
การควบคุมการดูดนากลับของทอ่ หนว่ ยไต เพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือด
เพ่อื รกั ษาสมดุลของนาในรา่ งกาย
หากมี ADH ในเลอื ดนอ้ ยเกินไป จะเกดิ โรคเบาจืด คือมนี าในปัสสาวะมากกว่าปกติ
ออกซิโทซนิ (Oxytocin)
กระตุ้นการหดตัวของกลา้ มเนอื เรยี บ
กล้ามเนือมดลกู บีบตวั ขณะคลอดบุตร กลา้ มเนอื รอบตอ่ มนานมบีบตัวให้นานมหล่งั ออกมาเลยี งลกู อ่อน
สรุป ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหลงั
1. Vasopressin หรอื Anti-diuretic
hormone : ADH
- เพ่มิ การดดู กลับนา
- เพม่ิ การบบี ตวั ของหลอดเลือด
2. Oxytocin
- ทาให้เกดิ การหลั่งนานม
- ทาใหก้ ล้ามเนอื มดลกู บีบตัว เร่งการคลอด
ต่อมใต้สมองสว่ นหนา้ (anterior lobe of pituitary gland)
ฮอรโ์ มนทสี่ ร้างจากตอ่ มใตส้ มองส่วนนี
1. โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone: GH หรือ
Somatotrophin Hormone : STH)
2. โกนาโดโทรฟิก (Gonadotrophic : GN)
-FSH, LH
3. โปรแลกติน (Prolactin : PRL)
4. Adrenocorticotropic hormone : ACTH
5. Thyroid stimulating hormone : TSH
ตอ่ มไทรอยด์ (Thyroid gland)
• เปน็ ตอ่ มไร้ท่อขนาดใหญท่ ่สี ุด ลกั ษณะ
เป็นพู 2 พู
• กลุ่มเซลล์ภายในตอ่ มไทรอยด์ สรา้ ง
ฮอร์โมนได้ 2 กลุ่ม คอื
• ไทรอกซิน (Thyroxin)
• แคลซโิ ทนิน (Calcitonin)
ไทรอกซิน (Thyroxin)
• เปน็ ฮอรโ์ มนทส่ี รา้ งจากกรดอะมโิ น ไทโรซิน
(tyrosine) + ไอโอดนี **
• บรเิ วณท่สี ร้างฮอรโ์ มนนี คอื ไทรอยดฟ์ อลลเิ คลิ
Thyroglobulin เป็นโปรตนี สารตั้งต้นของฮอร์โมนไทรอยด์
ไทรอกซิน (Thyroxin)
- ควบคมุ อัตราเมทาบอลซิ มึ ในการใช้
ออกซินเจนสลายอาหารใหเ้ กดิ พลังงาน
- ควบคมุ การเจรญิ เติบโตของร่างกายโดยเฉพาะ
พฒั นาการของสมอง
- ถา้ หากขาดฮอร์โมนนใี นเด็ก เป็นโรค ครีตนิ ซิ มึ
(cretinism)
- ขาดฮอรโ์ มนนใี นผู้ใหญ่ เปน็ โรค มิกซีดีมา
(myxedema)
- โรคคอพอก simple goiter
- คอพอกเป็นพษิ Toxic goiter
ครตี ินิซมึ (cretinism)
ขาดฮอร์โมน Thyroxin ในเด็ก
ดา้ นสตปิ ัญญาดอ้ ยมาก
ปญั ญาอ่อน แขน ขาสัน
หนา้ และมอื บวม
ผวิ หยาบแหง้ ผมบาง
ไม่เจรญิ เตบิ โต
รปู รา่ งเตยี แคระ
ซ่งึ แตกตา่ งจากเดก็ ท่ขี าดโกรทฮอรโ์ มน
โรคมิกซดี ีมา myxedema
ขาดฮอร์โมน Thyroxin ในผูใ้ หญ่
เหนื่อยงา่ ย
นาหนกั เพ่มิ
ทนความหนาวไม่ได้
ไม่มแี รง
ผมและผวิ หนงั แหง้
หัวใจโต ซมึ เช่อื งชา
ความจาเสื่อม
โรคคอพอก (simple goiter)
รา่ งกายไดร้ ับไอโอดีนไมเ่ พยี งพอ
ส่งผลให้มีการผลติ ไทรอกซินได้น้อย
ทาใหต้ อ่ มใตส้ มองสว่ นหน้าหล่งั TSH
เพิ่มมากขนึ เพื่อไปกระต้นุ ต่อมไทรอยด์
ใหส้ รา้ งฮอร์โมนไทรอกซินเพ่มิ มากขนึ
จนต่อมไทรอยดท์ างานมากเกนิ ไป
ต่อมจะขยายขนาดโตขึน
การรักษา
• อาหาทะเล
• ผ่าตัด
คอพอกเป็นพษิ Toxic goiter, Hyperthyroidism หรอื Graves'disease
• เกิดจากต่อมไทรอยด์ มกี ารสรา้ งฮอรโ์ มน thyroxine
ออกมามากเกิน
• ต่อมไทรอยดจ์ ะโตขึนและมีอาการตาโปน
• เมแทบอลิซมึ สูง หวั ใจเต้นเรว็ ความดนั สงู
• เหน่อื ยง่าย
• หงุดหงดิ ฉนุ เฉียวง่าย
• กินอาหารมากแต่ผอม
วธิ รี กั ษา
1. กินยายับยงั การสร้างฮอร์โมน
2. ผา่ ตัดเอาบางส่วนของต่อมออก
3. กนิ ไอโอดนี ทเ่ี ปน็ สารกมั มนั ตรังสเี พ่อื ทาลาย
เซลลท์ สี่ รา้ งฮอร์โมน
ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland)
• กระตนุ้ เมทามอรโ์ ฟซสิ
• ของสัตว์สะเทินนาสะเทนิ บก
• ใหล้ ูกออ๊ ดเปลี่ยนเปน็ กบ
การเปลี่ยนแปลงเมื่อไดร้ ับไทรอกซนิ ปกติ
การเปล่ยี นแปลงเมื่อได้รบั ไทรอกซนิ ท่ีมากเกนิ
การเปลี่ยนแปลงเมื่อไมไ่ ดร้ ับไทรอกซนิ
แคลซโิ ทนิน (Calcitonin)
มหี นา้ ที่ ลดระดบั แคลเซยี มในเลือดใหต้ า่ ลง
ถา้ ในเลือดมีระดบั แคลเซยี มสงู กว่าปกติ
1. เพมิ่ การสะสม แคลเซยี มทกี่ ระดกู
2. ลดการดดู แคลเซียมกลบั จากไต
(ขบั แคลเซยี มทิงทางนาปสั สาวะ)
3. ลดการดูดซึมแคลเซยี มท่ีลาไสเ้ ลก็
(เพอ่ื ไมใ่ หแ้ คลเซยี มถกู ดูดเขา้ สู่กระแสเลอื ด)