The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู วิชาพิมพ์อังกฤษเบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kungsuthera2514, 2021-11-08 00:12:20

คู่มือครู วิชาพิมพ์อังกฤษเบื้องต้น

คู่มือครู วิชาพิมพ์อังกฤษเบื้องต้น

คู่มือครหู นังสือเรียน

พมิ พอ์ งั กฤษเบื้องตน้
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
20200-1005

GPAS มาตรฐานสากลศตวรรษที่

5 21

STEPs

เสนอแนวทางการจัดกจิ กรรม
เน้นใหผ้ ้เู รียนสรา้ งความรู้
ใช้ความรผู้ ลติ ผลงาน
ใชก้ ระบวนการออกแบบการ
เรียนรแู้ บบ Backward Design
เป็นเปา้ หมาย
คุณภาพรายวชิ าใหผ้ ู้เรยี น
ผลิตความรู้ ตรวจสอบ
และประเมนิ ตนเอง

ออกแบบกจิ กรรมสร้างวินยั
โดยใช้สถานการณจ์ ริง

เน้นสร้างสมรรถนะ
ในศตวรรษที่ 21

สำ�นกั พิมพ์ บรษิ ทั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กดั

คู่มอื ครูหนังสอื เรยี น

พิมพ์องั กฤษเบอ้ื งต้น

20200-1005
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

สงวนลิขสทิ ธิ์ website :
สำ�นกั พิมพ์ บริษทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำ�กดั
พ.ศ. 2562 www.iadth.com

ส�ำ นกั พมิ พ์ บรษิ ัทพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กดั
1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ 10300
โทร. 0-2243-8000 (อตั โนมตั ิ 15 สาย), 0-2241-8999
แฟกซ์ : ทกุ หมายเลข, แฟกซอ์ ตั โนมัติ : 0-2241-4131, 0-2243-7666

ค�ำน�ำ

คูม่ ือครูรายวิชา พิมพอ์ งั กฤษเบื้องตน้ (รหสั วิชา 20200-1005) ฉบับนี้ สำ�นกั พมิ พ์ บริษัท
พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด จัดทำ�ข้ึนเพื่ออำ�นวยความสะดวกสำ�หรับครูหรือผู้สอน
ใช้เป็นแนวทางในการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและ
เกดิ ประสทิ ธผิ ลตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2562 สำ�นกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ควบคู่กับหนังสือเรียนท่ีสำ�นักพิมพ์ได้เรียบเรียงข้ึน
ตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำ�อธิบายรายวิชา ซึ่งผ่านการตรวจประเมิน
คณุ ภาพจากส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเปน็ ทเ่ี รียบรอ้ ยแลว้
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
แนวคิดส�ำ คญั ในการจดั ทำ�คมู่ ือครูฉบบั นี้ สำ�นกั พมิ พ์ บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)
จำ�กัด ได้ยึดแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่เน้นผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ
สร้างความรู้จากการปฏิบัติ และนำ�ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ โดยใช้กระบวนการจัด
การเรยี นรแู้ บบ GPAS 5 Steps และออกแบบหนว่ ยการเรยี นรแู้ บบ Backward Design เนน้ ผเู้ รยี น
แสดงออกและผลิตผลงานตามภาระงาน นำ�ผลงานและการแสดงออกของผู้เรียนมาใช้ประเมิน
ผลการเรียนตามจุดประสงค์รายวิชาในแต่ละหนว่ ยการเรียนรตู้ ลอดทั้งรายวชิ า เป็นการประเมิน
ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) สอดคล้องกับบริบทและการเปล่ียนแปลงของสังคม
และแนวคดิ การพฒั นาคนในศตวรรษท่ี 21 เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพของผเู้ รยี นใหส้ งู ขน้ึ ตามมาตรฐาน
สากล

ส�ำ นกั พมิ พ์ บริษทั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กัด ได้น�ำ รูปแบบและเทคนิควธิ จี ัดการ
เรียนรู้ตามแนวทางข้างต้น ไปทดลองใช้กับผู้เรียนในระดับต่างๆ แล้วปรากฏผลเป็นท่ีพอใจยิ่ง
ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ส่ือสาร และผลิตผลงานด้วยทีมงานที่ใช้จิตปัญญา
ในระดับสูง ผ่านการประเมินความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และค่านิยมในทุกด้าน สำ�นักพิมพ์
จงึ หวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ หากผสู้ อนไดใ้ ชค้ มู่ อื ครฉู บบั นคี้ วบคกู่ บั หนงั สอื เรยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จะชว่ ยให้
ผู้สอนด�ำ เนินกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามท่ีหลักสูตรฯ ก�ำ หนด
ชว่ ยยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาไทยใหท้ ดั เทยี มกับประเทศอื่นในที่สุด

สำ�นกั พมิ พ์ บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กัด

2 สดุ ยอดค่มู อื ครู

สารบัญ

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด หน้า
ค�ำ นำ� 2
คำ�ชีแ้ จง 5

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 27

ความรูเ้ บอื้ งต้นของการพิมพด์ ีดอังกฤษ 39

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2

โปรแกรมพื้นฐานทใ่ี ชใ้ นการพมิ พอ์ ังกฤษดว้ ยคอมพวิ เตอร ์

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 53

การพมิ พแ์ ป้นอกั ษร

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4

การพมิ พแ์ ป้นตวั เลข สัญลกั ษณ์ และการพมิ พแ์ ป้นเคร่ืองหมาย 69

สุดยอดคมู่ อื ครู 3

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 หนา้
85
การค�ำ นวณคำ�สุทธ ิ 93

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 107

การพิมพจ์ ดหมายธรุ กิจ

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7

การพิมพ์ทบทวนเพอ่ื เพ่มิ ทักษะและความช�ำ นาญ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

4 สดุ ยอดคู่มือครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด ค�ำช้แี จง

เพอื่ ใหส้ ามารถน�ำคมู่ อื ครไู ปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนในรายวชิ าควบคกู่ บั หนงั สอื เรยี น
ที่ส�ำนกั พิมพ์ บริษทั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกดั จัดท�ำขนึ้ ผสู้ อนควรได้ศกึ ษารายละเอยี ด
ค�ำชแี้ จงการใช้คมู่ อื ครู เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจและด�ำเนินการตามแนวทางท่เี สนอแนะไว้ในค่มู อื ครู
อย่างถกู วธิ ี ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดังน้ี
โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบส�ำคัญของคมู่ ือครู
คู่มอื ครูฉบบั นแ้ี บง่ โครงสร้างและองคป์ ระกอบของเนอ้ื หาไว้เปน็ 4 สว่ น ดังน้ี
ส่วนที่ 1 ส่วนน�ำ ประกอบด้วย
1.1 ความรคู้ วามเข้าใจเบอื้ งต้นก่อนน�ำคูม่ อื ครไู ปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน
1.2 ยุทธศาสตร์การยกระดับคุณภาพการศึกษาอาชีวศึกษาตามมาตรฐานสากล
ในศตวรรษท่ี 21
1.3 แนวคิดหลักการการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ระดับอาชีวศึกษา
โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากล
ในศตวรรษที่ 21
1.4 ค�ำแนะน�ำในการน�ำคมู่ ือครไู ปใช้ในการจัดการเรยี นการสอน
สว่ นท่ี 2 ส่วนแนะน�ำโครงสร้างของหนังสือเรียนทีใ่ ช้ค่กู บั ค่มู ือครูฉบบั นี้ ประกอบดว้ ย
2.1 ค�ำอธบิ ายรายวิชา พมิ พอ์ ังกฤษเบ้อื งต้น (รหัสวิชา 20200-1005)
จุดประสงคร์ ายวชิ า เพ่ือให้
1. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั การพมิ พ์องั กฤษ
2. มที ักษะในการพิมพอ์ ังกฤษแบบสมั ผัส
3. มีทกั ษะในการบ�ำรุงรกั ษาเครอ่ื ง
4. มีกิจนิสยั ท่ีดใี นการพิมพ์
สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั หลกั การพมิ พ์อังกฤษแบบสมั ผัส
2. พิมพส์ ัมผสั แปน้ พมิ พต์ า่ งๆ ตามหลกั การ
3. ค�ำนวณค�ำสทุ ธิตามหลกั เกณฑ์
4. พมิ พจ์ ดหมายธรุ กจิ ตามหลักการ
5. ดูแลรักษาเครอื่ งพิมพ์
ค�ำอธิบายรายวชิ า
ปฏิบตั เิ กยี่ วกบั หลักการพิมพ์อังกฤษแบบสัมผัส การพิมพแ์ ปน้ อกั ษร แปน้ ตัวเลข
สญั ลกั ษณ์ เครื่องหมาย การพมิ พ์ประโยค การค�ำนวณค�ำสุทธิ จดหมายธรุ กจิ และการบ�ำรุงรักษา
เครอ่ื งพมิ พด์ ีดหรือเคร่อื งคอมพิวเตอร์

สดุ ยอดคูม่ อื ครู 5

2.2 การจดั หนว่ ยการเรียนรู้

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ เรื่อง ชวั่ โมงการเรยี น หมายเหตุ

1 ความรู้เบื้องต้นของการพิมพ์ดดี อังกฤษ 4 สัปดาห์ที่ 1
(ชวั่ โมงท่ี 1-4)

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 2 โปรแกรมพื้นฐานท่ใี ช้ในการพมิ พอ์ ังกฤษ 4 สปั ดาห์ท่ี 2
ด้วยคอมพิวเตอร์ (ช่วั โมงท่ี 5-8)

3 การพิมพแ์ ป้นอักษร 24 สัปดาหท์ ี่ 3-8
(ช่ัวโมงท่ี 9-32)

4 การพมิ พแ์ ป้นตัวเลข สัญลักษณ์ 16 สัปดาหท์ ่ี 9-12
และการพมิ พ์แป้นเคร่อื งหมาย (ชัว่ โมงที่ 33-48)

5 การค�ำนวณค�ำสุทธ ิ 4 สัปดาห์ท่ี 13
(ชว่ั โมงท่ี 49-52)

6 การพมิ พ์จดหมายธรุ กิจ 12 สัปดาหท์ ี่ 14-16
(ชว่ั โมงที่ 53-64)

7 การพมิ พท์ บทวนเพอื่ เพ่ิมทกั ษะ 8 สปั ดาห์ท่ี 17-18
และความช�ำนาญ (ชวั่ โมงที่ 65-72)

รวมเวลาเรียน 72

ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรายหน่วยการเรียนรู้
ประกอบดว้ ย
3.1 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้รายหน่วยการเรียนรู้ดว้ ย GPAS 5 Steps
3.2 การบูรณาการกจิ กรรมการเรียนรู้
3.3 แผนการประเมินจดุ ประสงค์การเรยี นร้แู ละสมรรถนะประจ�ำหน่วย
สว่ นที่ 4 การออกแบบการเรียนรู้ระดับหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้
รายชวั่ โมง ประกอบดว้ ย
4.1 แนวทางการจดั การเรยี นรรู้ ะดบั หนว่ ยการเรยี นรทู้ กุ หนว่ ยการเรยี นรคู้ รบทง้ั รายวชิ า
4.2 แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ครบทุกหน่วย
การเรยี นรู้
4.3 เกณฑ์ประเมินคุณภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออก
ของผู้เรียนในแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้ครบทกุ หนว่ ยการเรียนรู้
4.4 ตัวอย่างผังกราฟิก แบบบันทึกรวบรวมข้อมูลและสรุปความรู้ความเข้าใจ
ส�ำหรบั ผู้เรยี นใชป้ ระกอบการเรียนการสอนทกุ หน่วยการเรยี นรู้

6 สุดยอดคมู่ อื ครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด นอกจากรายละเอียดทกี่ ลา่ วถึงในค่มู ือครฉู บับน้แี ลว้ ส�ำนกั พิมพ์ บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
จ�ำกดั ยังได้จัดท�ำ CD สอื่ สง่ เสรมิ การเรียนรใู้ นการเอือ้ ประโยชน์แกผ่ ู้สอนดังนี้
• ออกแบบหน่วยการเรยี นร้ทู กุ หนว่ ยการเรียนรู้ครบท้ังรายวชิ า
• แผนการจัดการเรียนรรู้ ายช่วั โมงในแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้ครบทุกหนว่ ยการเรยี นรู้
• เกณฑ์ประเมินคุณภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนในแต่ละ
หนว่ ยการเรยี นรู้ครบทกุ หน่วยการเรียนรู้
• ตวั อยา่ งผงั กราฟกิ แบบบนั ทกึ รวบรวมขอ้ มลู และสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจส�ำหรบั ผเู้ รยี นใชป้ ระกอบ
การเรยี นการสอนทุกหนว่ ยการเรยี นรู้

สุดยอดคมู่ ือครู 7

สว่ นนำ� สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

1.1 ความร้คู วามเข้าใจเบือ้ งต้นกอ่ นนำ� คมู่ อื ครูไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน

แนวคิดทิศทางในการจัดการเรียนร้เู พอื่ ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาไทย
การศึกษาไทยในปัจจุบันยึดแนวคิดที่ว่า “การศึกษาคือชีวิต” (Education is Life) โดยมีความเชื่อว่า
“ชีวิตต้องมีการเรียนรู้” ต้องพัฒนาทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และประสบการณ์ต่างๆ ทั้งด้านศาสนา
ศลิ ปะ วฒั นธรรม ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม สงั คมศาสตร์ มนษุ ยศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐศาสตร์
อย่างสมดุล ท้งั นี้เพอื่ ให้สามารถน�ำไปใช้ในการด�ำรงชวี ิต อย่รู ่วมกันได้อย่างมคี วามสขุ ปรชั ญาพนื้ ฐานและกรอบ
แนวคิดดังกลา่ วจึงมงุ่ พัฒนาชวี ติ ใหเ้ ป็น “มนษุ ย์ทส่ี มบูรณท์ ้งั ทางรา่ งกาย จิตใจ สตปิ ัญญา ความรู้ และคุณธรรม
มีจริยธรรมและวฒั นธรรมในการด�ำรงชีวติ สามารถอยรู่ ว่ มกับผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ”
ดังที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545
และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 6 และมาตรา 7 ดงั น้ี
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ท้ังทางร่างกาย จิตใจ
สตปิ ญั ญา ความรู้ และคณุ ธรรม มจี รยิ ธรรมและวฒั นธรรมในการด�ำรงชวี ติ สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
มาตรา 7 ในกระบวนการเรยี นรตู้ อ้ งมงุ่ ปลกู ฝงั จติ ส�ำนกึ ทถี่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย
ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม
และของประเทศชาติ รวมท้งั สง่ เสรมิ ศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรมของชาติ การกฬี า ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ภูมปิ ญั ญาไทย
และความรอู้ นั เปน็ สากล ตลอดจนอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม มคี วามสามารถในการประกอบอาชพี
ร้จู กั พง่ึ ตนเอง มีความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ใฝร่ ู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่อื ง
แนวการจดั การศึกษา
เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามความมุ่งหมายในการจัดการศึกษาท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 6 และมาตรา 7
ตามพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553
ดงั ทกี่ ล่าวถึงข้างต้น จงึ ไดม้ บี ทบัญญตั วิ ่าด้วยแนวการจดั การศกึ ษาตามมาตราดงั ตอ่ ไปน้ี
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
และถือว่าผู้เรียนมีความส�ำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มศกั ยภาพ
มาตรา 23 การจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ต้องเน้นความสำ�คัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ
การศกึ ษาในเร่อื งตอ่ ไปน้ี

8 สดุ ยอดคมู่ อื ครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด (1) ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และ
สังคมโลก รวมถึงความรู้เก่ียวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ
(2) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์
เร่อื งการจัดการ การบ�ำรงุ รักษา และการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอย่างสมดุลย่ังยืน
(3) ความรู้เกยี่ วกับศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม การกีฬา ภมู ิปญั ญาไทย และการประยกุ ตใ์ ช้ภมู ปิ ัญญา
(4) ความรแู้ ละทักษะดา้ นคณิตศาสตรแ์ ละด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอยา่ งถูกต้อง
(5) ความรแู้ ละทกั ษะในการประกอบอาชพี และการด�ำรงชีวติ อยา่ งมคี วามสขุ
มาตรา 24 การจดั กระบวนการเรียนรใู้ ห้สถานศกึ ษาและหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งด�ำเนนิ การดังต่อไปน้ี
(1) จัดเนื้อหา สาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยค�ำนึงถึง
ความแตกต่างระหว่างบุคคล
(2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกัน
และแกไ้ ขปัญหา
(3) จัดกิจกรรมให้ผเู้ รยี นได้เรียนร้จู ากประสบการณจ์ ริง ฝกึ การปฏบิ ตั ิใหท้ �ำได้ คดิ เป็น ท�ำเปน็ รักการอา่ น
และเกดิ การใฝ่รอู้ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง
(4) จดั การเรยี นการสอนโดยผสมผสานสาระความรตู้ า่ งๆ อยา่ งไดส้ ดั สว่ นสมดลุ กนั รวมทง้ั ปลกู ฝงั คณุ ธรรม
คา่ นิยมท่ดี งี าม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคไ์ วใ้ นทกุ วิชา
(5) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหผ้ สู้ อนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สอ่ื การเรยี น และอำ�นวยความสะดวก
เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้
ทัง้ นผี้ สู้ อนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากส่ือการเรยี นการสอนและแหลง่ วิทยาการประเภทต่างๆ
(6) จดั การเรยี นรใู้ หเ้ กดิ ไดท้ กุ เวลา ทกุ สถานท่ี มกี ารประสานความรว่ มมอื บดิ ามารดา ผปู้ กครอง และบคุ คล
ในชมุ ชนทกุ ฝา่ ย เพื่อรว่ มกันพฒั นาผ้เู รียนตามศกั ยภาพ
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ
การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตาม
ความเหมาะสมของแต่ละระดับ และรูปแบบการศึกษาให้สถานศึกษาใช้วิธีการท่ีหลากหลายในการจัดสรรโอกาส
การเขา้ ศึกษาตอ่ และใหน้ �ำ ผลการประเมินผู้เรยี นตามวรรคหนึง่ มาใช้ประกอบการพิจารณาดว้ ย
มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ รวมท้ังการส่งเสริมให้ผู้สอน
สามารถวจิ ยั เพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ที่เหมาะสมกับผ้เู รียนในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา
คุณลักษณะ สมรรถนะ และศักยภาพผู้เรียนท่ีเปน็ สากล
การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ในศตวรรษที่ 21 และเปน็ ไปตามปฏญิ ญาว่าด้วยการจดั การศกึ ษาของ UNESCO ได้แก่
Learning to know: หมายถงึ การเรยี นเพื่อให้มีความร้ใู นสิง่ ตา่ งๆ อันจะเป็นประโยชนต์ อ่ ไป ไดแ้ ก่ การรูจ้ ัก
การแสวงหาความรู้ การตอ่ ยอดความรู้ทม่ี ีอยู่ รวมท้ังการสรา้ งความรู้ข้นึ ใหม่

สุดยอดคูม่ ือครู 9

Learning to do: หมายถึงการเรียนเพ่ือการปฏิบัติหรือลงมือท�ำ ซึ่งน�ำไปสู่การประกอบอาชีพจากความรู้ สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ทไี่ ดศ้ ึกษามา รวมทงั้ การปฏิบตั ิเพ่อื สรา้ งประโยชนใ์ หส้ งั คม
Learning to live together: หมายถึงการเรียนรู้เพื่อการดำ�เนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข
ท้งั การดำ�เนินชวี ิตในการเรยี น ครอบครัว สังคม และการทำ�งาน
Learning to be: หมายถึงการเรยี นรู้เพอ่ื ใหร้ จู้ กั ตนเองอยา่ งถอ่ งแท้ ร้ถู งึ ศกั ยภาพ ความถนดั ความสนใจ
ของตนเอง สามารถใช้ความรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เลือกแนวทางการพัฒนาตนเอง
ตามศักยภาพ วางแผนการเรียนตอ่ การประกอบอาชพี ทสี่ อดคล้องกับศกั ยภาพของตนเองได้
ทัง้ นี้เพื่อพัฒนาผูเ้ รียนให้มคี ุณภาพ ทั้งในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลกเทียบเคยี งได้กับนานาอารยประเทศ
โดยม่งุ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนมีศักยภาพทสี่ ำ�คญั ดงั นี้
1. ความรู้พื้นฐานในยุคดิจิทัล (Digital-Age Literacy) มีความรู้พื้นฐานท่ีจำ�เป็นทางวิทยาศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา ข้อมูลสารสนเทศ และทัศนภาพ รู้พหุวัฒนธรรมและมีความตระหนักส�ำ นึก
ระดับโลก
2. ความสามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ (Inventive Thinking) มีความสามารถในการปรับตัว
สามารถจัดการสภาวการณท์ ่ีมคี วามซับซ้อน เปน็ บุคคลทใี่ ฝ่รู้ สามารถก�ำ หนดหรอื ตั้งประเดน็ ค�ำ ถาม (Hypothesis
Formulation) เพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารศกึ ษาคน้ ควา้ แสวงหาความรู้ มคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ ขอ้ มลู
สารสนเทศ และสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formulation) ใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคม
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ทักษะการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) ความสามารถในการรับและ
ส่งสาร การเลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ข้อมลู ขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตผุ ลและความถกู ต้อง มวี ัฒนธรรมในการใช้ภาษาถา่ ยทอด
ความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์
อันจะเป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังมีทักษะในการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา
ความขัดแย้งต่างๆ ตลอดจนสามารถเลือกใช้วิธีการส่ือสารที่มีประสิทธิภาพ โดยค�ำ นึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเอง
และสังคม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (Life Skill) ความสามารถในการนำ�กระบวนการต่างๆ ไปใช้
ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ประจ�ำ วนั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง การทำ�งานและอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม เขา้ ใจ
ความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม สามารถจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ
และน�ำ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ สามารถปรบั ตวั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมน�ำ ไปสกู่ ารใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คม การบรกิ ารสาธารณะ
(Public Service) รวมทง้ั การเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก (Global Citizen)
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills) การสืบค้นความรู้
จากแหล่งเรียนรู้ และวธิ กี ารที่หลากหลาย (Searching for Information) เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีดา้ นตา่ งๆ และมที ักษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยเี พอื่ การพฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรยี นรู้ การสอื่ สาร การทำ�งาน การแกป้ ญั หา
อยา่ งสรา้ งสรรค์ได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ุณธรรม

10 สุดยอดค่มู อื ครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด นอกจากนย้ี งั มผี กู้ ลา่ วถงึ ประสบการณจ์ รงิ ของผเู้ รยี นในยคุ ของการสอื่ สารโลกไรพ้ รมแดนบนความหลากหลาย
ของพหวุ ฒั นธรรม การเพม่ิ พนู สมรรถนะผเู้ รยี นใหส้ ามารถครองชวี ติ ในโลกยคุ ใหมน่ ้ี ควรประกอบไปดว้ ยสมรรถนะ
ส�ำ คญั ดงั นี้

1. การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม
2. การเป็นผูน้ �ำและมคี วามรบั ผิดชอบ
3. การท�ำงานเป็นทีมและการส่ือสาร
4. การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา
5. การมสี ว่ นรว่ มในสงั คมโลกและความรับผิดชอบต่อสงั คม
นอกเหนือจากสมรรถนะสำ�คัญท่ีกล่าวถึงข้างต้นแล้ว การดำ�รงชีวิตในโลกยุคใหม่ต้องเตรียมคนให้พัฒนา
ความรู้ ทักษะ เจตคติ และค่านิยมทุกด้าน ได้แก่ การเป็นนักประดิษฐ์สร้างสรรค์ เป็นผู้ประกอบการท่ีประสบ
ความส�ำ เรจ็ เปน็ คนทก่ี ระตอื รอื รน้ ทจี่ ะมสี ว่ นรว่ ม และเปน็ บคุ คลทเ่ี รยี นรตู้ ลอดชวี ติ ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบทเ่ี ปน็ สมรรถนะ
หลักที่สำ�คัญ คือความสามารถในการประดิษฐ์และสร้างสรรค์ ความสามารถในการส่ือสารในต่างวัฒนธรรม
ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดใหม่ในการพัฒนา
อาชวี ศกึ ษาไทย ทตี่ อ้ งจดั การศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งผปู้ ระกอบการทผี่ ลติ ผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ ไรข้ ดี จำ�กดั ดว้ ยนวตั กรรม
และเทคโนโลยีทก่ี า้ วหนา้ ทนั สมัยในโลกพหวุ ฒั นธรรมไรพ้ รมแดน

สุดยอดคมู่ ือครู 11

1.2 ยุทธศาสตรก์ ารยกระดับคุณภาพการศกึ ษาอาชีวศกึ ษาตามมาตรฐานสากล
ในศตวรรษท ี่ 21

นโยบายการบริหารจัดการอาชวี ศกึ ษา (นโยบาย 4 มติ )ิ
มติ ิท่ี 1 การสรา้ งโอกาสทางการศึกษา
มติ ทิ ่ี 2 การพฒั นาคุณภาพ
ยทุ ธศาสตร์การยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอาชวี ศึกษา
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดตามมาตรฐานสากลในศตวรรษที่ 21
1. สถานศึกษาอาชีวศึกษาจัดการศึกษาให้ตอบสนอง
2.1 ดา้ นคุณภาพผู้เรียน
2.1.1 เร่งยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้พร้อมเข้าสู่ ความตอ้ งการดา้ นการพฒั นาคนอาชวี ศกึ ษาทง้ั ในระดบั ประเทศ
ประชาคมอาเซยี น ภูมิภาคอาเซียน และประชาคมโลก โดยให้ความส�ำคัญกับ
2.1.2 ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ โดยยึดผู้เรียนเป็น คุณภาพผู้ส�ำเรจ็ อาชวี ศกึ ษาเปน็ ส�ำคญั
ศนู ย์กลาง 2. สถานศึกษาอาชีวศึกษามุ่งม่ันจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
2.1.3 ปรบั ปรงุ หลักสูตรอาชีวศกึ ษาทกุ ระดบั บรรลุจุดประสงค์และสมรรถนะรายวิชา พัฒนาไปสู่มาตรฐาน
2.1.4 ยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยผลการประเมิน วิชาชีพอาชีวศึกษาในระดับมาตรฐานสากล และวิสัยทัศน์
ระดับชาติ (V-Net) และการประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี เพือ่ การเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21
2.1.5 พฒั นาแนวทางการประเมินผ้เู รียนตามสภาพจริง 3. สถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาปฏริ ปู กระบวนการเรยี นรเู้ นน้ ผเู้ รยี น
2.1.6 ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเรียนการสอน และ เปน็ ส�ำคญั ตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล โดยประยกุ ต์
ฝกึ งานในสถานประกอบการ ใช้ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences; MI) และการจัด
2.1.7 พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นดว้ ยกจิ กรรมองคก์ ารวชิ าชพี การเรียนรู้ตามหลักการ Brain-Based Learning (BBL),
การบรกิ ารสังคม จิตอาสา และกฬี า Backward Design, GPAS 5 Steps ในการสรา้ งความรใู้ นระดบั
2.2 ด้านคุณภาพครู ความคิดรวบยอดและหลักการ ตรงตามมาตรฐานสากลและ
2.2.1 ก�ำหนดมาตรฐานสมรรถนะครอู าชวี ศกึ ษา วิสยั ทศั น์เพ่อื การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21
2.2.2 พัฒนาครโู ดยใชเ้ ครือขา่ ย/สมาคมวชิ าชีพ 4. สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น โดย
2.2.3 พัฒนาระบบนิเทศศึกษา ใชแ้ ผนการสอนตามแนวทางการออกแบบการเรยี นรู้ Backward
2.2.4 เร่งยกระดับวทิ ยฐานะ Design, GPAS 5 Steps และการประเมินตามสภาพจรงิ ด้วย
2.3 ดา้ นคณุ ภาพการเรยี นการสอน
2.3.1 วิจัยปฏิบัติการ เพ่ือพัฒนาระบบการเรียนรู้
สู่การเปน็ ผปู้ ระกอบการ มิติคุณภาพโดยใช้เกณฑ์ Rubrics เพ่ือให้เป็นยุทธศาสตร์
2.3.2 สง่ เสรมิ การพฒั นานวตั กรรมของผเู้ รยี นและผสู้ อน ประจ�ำห้องเรียน
2.3.3 ส่งเสริมนวตั กรรมการจัดการอาชีวศึกษา 5. สถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาสง่ เสรมิ การน�ำนวตั กรรมการจดั การ
- โรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (Project อาชีวศึกษามาใช้ ได้แก่ การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน
Based Learning และการประดิษฐค์ ิดคน้ ) (Project Based Learning) และการใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem
- วทิ ยาลยั เทคนคิ มาบตาพดุ (Constructionism) Based Learning) เพ่ือเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และ
- วทิ ยาลยั การทอ่ งเทยี่ วถลาง การบ่มเพาะค่านยิ มหลัก 12 ประการ ผ่านโครงงาน และสรา้ ง
2.3.4 จัดการเรียนการสอน English Program และ ความรู้ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติที่เป็น
Mini English Program ดา้ นอาชวี ศึกษา
2.3.5 น�ำระบบ ICT มาใช้เพื่อการเรียนการสอน รูปธรรม
2.4 ด้านคุณภาพสถานศกึ ษา 6. สถานศึกษาอาชีวศึกษาสร้างวัฒนธรรมการสร้างความรู้
“ปรับการเรียน เปลย่ี นการสอน ปฏิรปู การสอบ ใหท้ ันกับ (Knowledge Management; KM) ทั้งในระดับผู้เรียน ระดับ
ยคุ สมัยอย่างมีคณุ ภาพ” ผูส้ อน และระดบั ผ้บู ริหาร เพื่อพฒั นาสถานศึกษาอาชีวศกึ ษา

มติ ทิ ่ี 3 การสร้างประสทิ ธภิ าพในด้านการบริหาร เปน็ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรแู้ บบมอื อาชพี (Professional Learning
จัดการ Community) ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและวิสัยทัศน์
มิตทิ ี่ 4 ความร่วมมอื ในการจดั การอาชวี ศึกษา เพือ่ การเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21

12 สดุ ยอดคู่มอื ครู

1.3 แนวคดิ หลกั การการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นร้รู ะดบั อาชีวศกึ ษา
โดยใช้กระบวนการจัดการเรยี นรู้ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21

กระบวนการพัฒนาผู้เรียนสู่คุณภาพในศตวรรษท่ี 21 ตามมาตรฐานสากล กระบวนการเรียนรู้
แบบ GPAS 5 Steps การจัดการเรียนร้ทู ีเ่ น้นการพัฒนาทกั ษะการคดิ และสร้างความรโู้ ดยผเู้ รยี น
ดังได้กล่าวถึงแล้วในตอนต้นว่าโลกยุคใหม่ต้องเตรียมคนให้พัฒนาท้ังความรู้ ทักษะ เจตคติ และค่านิยม
อย่างสมดุลทุกด้านเพื่อการด�ำเนินชีวิต ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
อย่างสรา้ งสรรคย์ ่งั ยนื มกี ระบวนการคดิ วิเคราะห์ คดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ การแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ และริเร่ิม
ผลติ ผลงานดว้ ยเจตคตแิ ละคา่ นยิ มเพอ่ื ความยง่ั ยนื ของโลก จงึ เปน็ เปา้ หมายส�ำคญั ในการพฒั นาผเู้ รยี น โดยเฉพาะ
งานอาชีวศกึ ษาท่ีต้องสรา้ งคนเพื่อการแข่งขันในโลกอาชีพ ส�ำนกั พิมพ์ บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด
ไดน้ �ำนวตั กรรมกระบวนการจดั การเรยี นรทู้ เ่ี นน้ กระบวนการคดิ การสรา้ งความรู้ และการน�ำความรไู้ ปใชผ้ ลติ ผลงาน
ด้วยค่านิยมเพ่ือสังคมเพื่อโลก สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 โดยน�ำมาใช้ในการออกแบบการจัด
การเรยี นรู้ พฒั นาคู่มือครูในรายวชิ าตา่ งๆ มีนวตั กรรมท่ีเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ น่ี �ำมาประยกุ ต์ใชด้ ังนี้

ยุทธศาสตรก์ ารเรยี นรู้ 2002 ศตวรรษท่ี 21

Active Learning : Backward Design – GPAS 5 Steps
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
รว่ มกนั ประเมนิ รว่ มกนั สรา้ งทางเลอื ก
ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ประโยชน์ โทษ ตดั สนิ ใจเพมิ่ คณุ คา่ คาดหมายแนวโนม้
ผลตอ่ เนอ่ื ง เลอื่ กทด่ี กี วา่ สรา้ งภาพงาน
วจิ ารณ์ สรา้ งคา่ นยิ ม
โครงสรา้ งคา่ นยิ ม โครงสรา้ งการกระทา
(Structure of Value) (Structure of Acting)

รว่ มกนั จดั ขอ้ มลู ใหม้ คี วามหมาย รว่ มกนั ปฏบิ ตั จิ รงิ
จาแนก จัดกลมุ่ หาความสมั พนั ธ์ วางแผน งานนาสผู่ ล
ความคดิ รวบยอด ตดิ ตาม ปรับปรงุ จัดระบบ
(Structure of Thinking) การลงมอื ทาจรงิ ไชค้ วามรู้

encode (Performing)

รว่ มกนั รวบรวมขอ้ มลู decode
ฟัง อา่ น สงั เกต บนั ทกึ
เรม่ิ จากสงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ รว่ มกนั สรา้ งความรู้
(Experimental approach) คน้ พบหลกั การธรรมชาตไิ ดเ้ อง
ใชก้ ระบวนการคดิ ผลสรปุ
อยา่ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู จรงิ
การลงมอื ทาจรงิ สรา้ งความรู้
(Construction of Knowledge)

สรปุ รายงานผล เป้าหมาย Portfolio KA 12 3 4
การเรียนรู้
P Rubrics

สดุ ยอดค่มู อื ครู 13

ทักษะการคดิ และกระบวนการเรียนรู้ GPAS สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
กลุ่มนักวิชาการและนักการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้สังเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ GPAS มาจาก
แนวคิดทางพทุ ธศาสนาที่กล่าวถึง ปญั ญา 3 ดา้ น ได้แก่ 1. สตุ มยปัญญา ปญั ญาที่เกดิ จากการสดบั รู้ การเล่าเรยี น
หรอื ปญั ญาทเี่ กดิ จากปรโตโฆสะ 2. จนิ ตามยปญั ญา ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการคดิ พจิ ารณาหาเหตผุ ล หรอื ปญั ญาทเ่ี กดิ
จากโยนโิ สมนสกิ ารและ 3. ภาวนามยปญั ญา ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการฝกึ อบรมลงมอื ปฏบิ ตั ิ หรอื ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการ
ปฏบิ ตั บิ �ำ เพญ็ (พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตโฺ ต): 2548) และแนวคิดโครงสรา้ ง 3 ชัน้ แห่งปญั ญา (Three Story
Intellect) ที่ประกอบด้วยการรวบรวมข้อมูล (Gathering) การจัดกระทำ�ข้อมูล (Processing) และการประยุกต์ใช้
ข้อมูลความรู้ (Applying) (Jerry Goldberg: 1996, Art Costa: 1997, Robin Forgarty: 1997) รวมท้ังแนวคิด
การพัฒนาคนใหม้ ีบคุ ลิกภาพ การกำ�กับตนเอง (Self-Regulating) มาสงั เคราะหเ์ ปน็ โครงสรา้ งทักษะการคดิ GPAS
ดงั แผนภาพ

ดร.ศกั ด์ิสิน โรจน์สราญรมย์

แผนภาพโครงสรา้ งทักษะการคิด GPAS

จากโครงสรา้ งทกั ษะการคดิ นี้ สามารถน�ำมาก�ำหนดเปน็ กรดะรบ.ศวกั นดิ์สกนิ ารโรพจนฒั ส์ รนาาญทรมกั ยษ์ ะการคดิ โดยมกี ารก�ำกบั ตนเอง
(Self-Regulating) เป็นแกนในการพัฒนาทักษะดังแผนภูมิ

ดร.ศักด์ิสิน โรจน์สราญรมย์

แผนภูมิกระบวนการพฒั นาทักษะการคดิ

ความหมายของทักษะการคดิ ในโครงสรา้ ง GPAS
ทกั ษะการคดิ ในโครงสรา้ ง GPAS มที กั ษะทสี่ อดคลอ้ งกบั การจดั การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ทศิ ทางการศกึ ษาไทย
และหลักสตู รการเรยี นการสอนในทุกระดับการศึกษา ขอยกมาเป็นตวั อยา่ งดงั น้ี
ทักษะการคดิ ระดบั การรวบรวมขอ้ มลู (Gathering; G) ได้แก ่
1. การกำ�หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูล (Focusing Skill) หมายถึงการกำ�หนดขอบเขตการศึกษา
และมงุ่ ความสนใจไปในทศิ ทางตามจดุ ประสงคท์ ตี่ อ้ งการศกึ ษาใหช้ ดั เจน เพอ่ื ทจ่ี ะไดค้ ดั เลอื กเฉพาะขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

อ้างอิงพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต): 2548

14 สุดยอดคู่มอื ครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 2. การสงั เกตด้วยประสาทสมั ผัส (Observing) หมายถงึ การรับรแู้ ละรวบรวมขอ้ มูลเกีย่ วกบั ส่ิงใดส่ิงหน่งึ
โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ทงั้ 5 เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ายละเอยี ดเกย่ี วกบั สง่ิ นนั้ ๆ ซงึ่ เปน็ ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษท์ ไี่ มม่ กี ารใชป้ ระสบการณ์
และความคดิ เห็นของผูส้ งั เกตในการเสนอขอ้ มลู ขอ้ มลู จากการสงั เกตมที ั้งขอ้ มลู เชงิ ปริมาณและข้อมลู เชิงคุณภาพ
3. การเขา้ รหสั และบนั ทกึ ขอ้ มลู (Encoding & Recording) หมายถงึ กระบวนการประมวลขอ้ มลู ของสมอง
เม่ือรับสิ่งเร้าจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะได้รับการบันทึกไว้ในความจ�ำระยะส้ัน หากต้องการเก็บข้อมูลไว้ใช้
ตอ่ ๆ ไป ขอ้ มลู นน้ั จะตอ้ งเปลย่ี นรปู โดยการเขา้ รหสั (Encoding) เพอ่ื น�ำไปเกบ็ ไวใ้ นความจ�ำระยะยาว ซง่ึ จะสามารถ
เรยี กข้อมลู มาใชไ้ ดภ้ ายหลังโดยการถอดรหสั (Decoding)
4. การดึงข้อมูลเดิมมาใช้และย่อความ (Retrieving & Summarizing) หมายถึงการน�ำข้อมูลท่ีมีอยู่
น�ำกลบั มาใช้ใหมแ่ ละการจับใจความส�ำคญั ของเร่อื งท่ีตอ้ งการสรปุ แล้วเรียบเรียงให้กระชับครอบคลมุ สาระส�ำคัญ
ทกั ษะการคิดระดับการจดั กระท�ำขอ้ มูล (Processing; P)
1. การจ�ำแนก (Discriminating) หมายถึงการแยกแยะสิง่ ตา่ งๆ ตามมิตทิ ก่ี �ำหนด
2. การเปรียบเทียบ (Comparing) หมายถึงการค้นหาความเหมือนหรือความแตกต่างขององค์ประกอบ
ตง้ั แต่ 2 องค์ประกอบข้ึนไป เพือ่ ใชใ้ นการอธบิ ายเรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่ึงในเกณฑเ์ ดยี วกัน
3. การจดั กลมุ่ (Classifying)หมายถงึ การน�ำสง่ิ ตา่ งๆมาแยกเปน็ กลมุ่ ตามเกณฑท์ ไี่ ดร้ บั การยอมรบั ทางวชิ าการ
หรอื การยอมรับโดยทั่วไป
4. การจดั ล�ำดบั (Sequencing) หมายถงึ การน�ำขอ้ มลู หรอื เรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ขนึ้ มาจดั เรยี งใหเ้ ปน็ ล�ำดบั วา่ อะไร
มากอ่ น อะไรมาหลัง
5. การสรปุ เชอื่ มโยง (Connecting) หมายถงึ การบอกความสมั พนั ธท์ เี่ กย่ี วขอ้ งเชอ่ื มโยงกนั ของขอ้ มลู อยา่ ง
มคี วามหมาย
6. การไตร่ตรองด้วยเหตุผล (Reasoning) หมายถึงความสามารถในการบอกที่มาของสิ่งใดๆ หรือ
เหตกุ ารณใ์ ดๆ หรือสง่ิ ที่เปน็ สาเหตุของพฤติกรรมนนั้ ได้
7. การวิจารณ์ (Criticizing) หมายถึงการท้าทายและโต้แย้งข้อสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังเหตุผลท่ีโยง
ความคดิ เหล่าน้นั เพ่อื เปิดทางสู่แนวคดิ อน่ื ๆ ทอี่ าจเป็นไปได้
8. การตรวจสอบ (Verifying) หมายถึงการยืนยันหรือพิสูจน์ข้อมูลท่ีสังเกตรวบรวมมาตามความถูกต้อง
เป็นจรงิ
ทกั ษะการคิดระดับการประยุกต์ใช้ (Applying; A)
1. การใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์ (Creative) หมายถึงการน�ำความรู้ท่ีเกิดจากความเข้าใจไปใช้ใน
การสร้างสรรค์ส่ิงใหมห่ รอื แกป้ ญั หาทมี่ อี ย่ใู หด้ ีข้ึน
2. การวเิ คราะห์ (Analysis) หมายถงึ ความสามารถในการแยกแยะหลกั การ องคป์ ระกอบส�ำคญั หรอื สว่ นยอ่ ย
ตลอดจนหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสว่ นตา่ งๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง
3. การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึงการน�ำความรู้ที่ผ่านการวิเคราะห์มาผสมผสานสร้างสิ่งใหม่ที่มี
ลักษณะต่างจากเดมิ
4. การตดั สนิ ใจ (Decision Making) หมายถงึ การพจิ ารณาเลอื กทางเลอื กตงั้ แต่ 2 ทางเลอื กขน้ึ ไป ทางเลอื ก
หรือตัวเลือกน้ันอาจเป็นวัตถุส่ิงของหรือแนวปฏิบัติต่างๆ เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรือด�ำเนินการเพ่ือให้บรรลุ
ตามวัตถุประสงคท์ ี่ต้งั ไว้
5. การน�ำความรไู้ ปปรบั ใช้ (Transferring) หมายถงึ การถา่ ยโอนความรทู้ ม่ี อี ยไู่ ปปรบั ใชใ้ นสถานการณอ์ นื่
6. การแกป้ ญั หา (Problem Solving) หมายถงึ การวเิ คราะหส์ ถานการณท์ ย่ี าก เพอื่ จดุ ประสงคใ์ นการแกไ้ ข
สถานการณ์หรือขจัดใหป้ ญั หานน้ั หมดไป น�ำไปสสู่ ภาวะท่ีดีกว่าหรือมที างออก
7. การคดิ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ (Critical Thinking) หมายถงึ ความสามารถในการพจิ ารณา ประเมนิ และตดั สนิ
สงิ่ ตา่ งๆ หรอื เรอื่ งราวทเี่ กดิ ขนึ้ ทม่ี ขี อ้ สงสยั หรอื ขอ้ โตแ้ ยง้ โดยการพยายามแสวงหาค�ำ ตอบทม่ี คี วามสมเหตสุ มผล

สดุ ยอดค่มู ือครู 15

8. การคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) หมายถงึ ความสามารถในการคดิ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งไกลหลายทศิ ทาง สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
อย่างเป็นกระบวนการ โดยใช้จินตนาการท่ีหลากหลายเพ่ือก่อให้เกิดความแปลกใหม่ในการสร้าง ผลิต ดัดแปลง
งานต่างๆ ซ่ึงจะต้องเช่ือมโยงระหว่างประสบการณ์เก่ากับประสบการณ์ใหม่ ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้
ก็ตอ่ เมื่อผ้คู ิดมีอสิ ระทางความคิด
ทักษะการคิดระดับการก�ำกับตนเอง (Self-Regulating; S)
1. การตรวจสอบและควบคุมการคิด (Metacognition) หมายถึงการที่บุคคลรู้และเข้าใจถึงความคิด
ของตนเอง ไตร่ตรองก่อนกระท�ำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการประเมินการคิดของตนเองและใช้ความรู้น้ัน
ในการควบคมุ หรอื ปรบั การกระท�ำของตนเอง ซง่ึ ครอบคลมุ ถงึ การวางแผนการควบคมุ ก�ำกบั การกระท�ำของตนเอง
การตรวจสอบความกา้ วหนา้ และการประเมนิ ผล
2. การสร้างค่านิยมการคิด (Thinking Value) หมายถึงการคิดเพ่ือประโยชน์ในระดับต่างๆ ได้แก่
เพอ่ื ประโยชน์ตน กลุ่มตน เพือ่ สังคม และเพือ่ ประโยชน์ของประเทศชาติและโลก ทกุ องคป์ ระกอบ
3. การสร้างนิสัยการคิด (Thinking Disposition) หมายถึงลักษณะเฉพาะของการกระท�ำของคนที่มี
สติปัญญาเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา การตัดสินใจท่ีจะแก้ปัญหาจะไม่กระท�ำทันทีทันใดก่อนจะมีข้อมูลหลักฐาน
ชัดเจนเพยี งพอ นิสยั แห่งการคิด คอื รู้ว่าจะใช้ปัญญาท�ำอยา่ งไรในการหาค�ำตอบ นิสยั แห่งการคดิ ทด่ี คี วรมดี ังนี้
3.1 นิสัยการคดิ ทด่ี ีตอ้ งกลา้ เสยี่ งและผจญภยั (กล้าทจี่ ะคิด)
3.2 นสิ ยั การคดิ ท่ีดีต้องคิดแปลก คิดแยกแยะ ชตี้ วั ปญั หา คิดส�ำรวจไตส่ วน
3.3 นิสัยการคิดทด่ี ีต้องสรา้ งค�ำอธบิ ายและสร้างความเขา้ ใจ
3.4 นิสยั การคิดท่ดี ตี อ้ งสรา้ งแผนงานและมกี ลยุทธ์

3.5 นสิ ัยการคดิ ทดี่ ีต้องเปน็ การใชค้ วามระมัดระวงั ทางสตปิ ัญญา ใช้สตปิ ญั ญาอย่างรอบคอบ
บันได 5 ขั้นของการจดั การเรยี นรูส้ ู่มาตรฐานสากล (Five Steps for Student Development)
โรงเรียนมาตรฐานสากลได้ปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะและศักยภาพ
ความเปน็ สากล โดยจดั เปน็ หลักสูตรการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (Independent Study; IS) เปน็ เคร่ืองมือส�ำคญั
ของแนวคิดในการศึกษาตลอดชีวิต มีความมุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองเก่ียวกับ
ประเด็นท่ีอยูใ่ นความตอ้ งการและความสนใจอย่างเปน็ ระบบ เป็นการเพ่ิมพนู ความรู้ ความเขา้ ใจ อกี ท้งั ไดพ้ ัฒนา
ทักษะกระบวนการคิด ตระหนักถึงความส�ำคัญของกระบวนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และสามารถน�ำไป
ประยกุ ตใ์ ช้ในการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ได้ การศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง แบ่งเปน็ 3 สาระ ดังแผนภมู ิ

แผนภมู กิ ารจดั หลักสตู รการเรียนรู้ การศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง (Independent Study: IS)
16 สดุ ยอดคู่มอื ครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด IS 1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formulation) เป็นสาระ
ทมี่ งุ่ ใหผ้ เู้ รยี นก�ำหนดประเดน็ ปญั หา ตงั้ สมมตฐิ าน คน้ ควา้ แสวงหาความรู้ และฝกึ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์
และสร้างองคค์ วามรู้
IS 2 การสอ่ื สารและการน�ำเสนอ (Communication and Presentation) เปน็ สาระทมี่ งุ่ ใหผ้ เู้ รยี นน�ำความรู้
ทไ่ี ดร้ บั มาพฒั นาวธิ กี ารถา่ ยทอด สอ่ื สารความหมาย แนวคดิ ขอ้ มลู และองคค์ วามรู้ ดว้ ยวธิ กี ารน�ำเสนอทเ่ี หมาะสม
หลากหลายรูปแบบ และมปี ระสทิ ธภิ าพ
IS 3 การน�ำองคค์ วามรไู้ ปใชบ้ รกิ ารสงั คม (Social Service Activity) เปน็ สาระทมี่ งุ่ ใหผ้ เู้ รยี นน�ำองคค์ วามรู้
ประยกุ ตใ์ ชอ้ งคค์ วามรไู้ ปสกู่ ารปฏบิ ตั หิ รอื น�ำไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คม เกดิ การบรกิ ารสาธารณะ (Public Service)
กระบวนการส�ำคัญในการจัดการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองท้ัง 3 ระดับ (Independent Study; IS 1-3)
จัดกระบวนการเรียนรู้เปน็ “บนั ได 5 ขั้นของการจดั การเรียนรใู้ นโรงเรยี นมาตรฐานสากล (Five Steps for Student
Development)” ได้แก่
ขนั้ ท่ี 1 การต้ังประเด็นค�ำถามหรือการต้ังสมมติฐาน (Hypothesis Formulation) เป็นการฝึก
ให้ผู้เรียนรู้จักคิด สังเกต ต้ังค�ำถามอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ ซ่ึงจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ใน
การต้ังค�ำถาม (Learning to Question)
ข้ันท ่ี 2 การสบื คน้ ความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรแู้ ละสารสนเทศ (Searching for Information) เปน็ การฝกึ แสวงหา
ความรู้ ขอ้ มูล และสารสนเทศจากแหลง่ เรียนรอู้ ยา่ งหลากหลาย เชน่ หอ้ งสมดุ อนิ เทอร์เนต็ หรือจากการปฏบิ ัติ
ทดลอง เป็นตน้ ซ่งึ สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรใู้ นการแสวงหาความรู้ (Learning to Search)
ขนั้ ที่ 3 การสรา้ งองค์ความรู้ (Knowledge Formulation) เป็นการฝกึ ใหน้ �ำความรู้ ข้อมลู และสารสนเทศ
ทไี่ ด้จากการแสวงหาความรมู้ าอภิปราย เพอื่ น�ำไปสกู่ ารสรุปและสร้างสรรคอ์ งค์ความรู้ (Learning to Construct)
ข้ันที ่ 4 การสื่อสารและการน�ำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) เป็นการฝึกให้
ผเู้ รยี นน�ำความรทู้ ไ่ี ดม้ าสอื่ สารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ จะสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรแู้ ละมที กั ษะในการสอ่ื สาร
(Learning to Communicate)
ขนั้ ที่ 5 การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service) เป็นการนำ�ความรู้สู่การปฏิบัติ ซ่ึงผู้เรียน
จะตอ้ งเชอ่ื มโยงความรไู้ ปสกู่ ารสรา้ งประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมและชมุ ชนรอบตวั ตามวฒุ ภิ าวะของผเู้ รยี น ซงึ่ จะสง่ เสรมิ
ให้ผเู้ รียนมีจติ สาธารณะและบรกิ ารสงั คม (Learning to Service)
จากแนวคดิ การพฒั นาทกั ษะการคดิ GPAS และการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง IS 5 Steps ทกี่ ลา่ วถงึ ขา้ งตน้ ส�ำนกั พมิ พ์
บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ได้น�ำมาสังเคราะห์หลอมรวมเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่พัฒนา
ทกั ษะการคิดเน้นผูเ้ รียนสรา้ งความรู้ ใช้ความรผู้ ลติ ผลงาน เปน็ กระบวนการเรยี นรแู้ บบ GPAS 5 Steps ดงั น้ี
Step 1 Gathering (ข้ันรวบรวมขอ้ มลู )
Step 2 Processing (ขนั้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความร้)ู
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ขน้ั ปฏิบัตแิ ละสรุปความรู้หลงั การปฏบิ ัติ)
Step 4 Applying the Communication Skill (ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ)
Step 5 Self-Regulating (ข้นั ประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคณุ คา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ)

สุดยอดคู่มอื ครู 17

สรปุ ไดด้ งั แผนภมู ติ อ่ ไปน้ี สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

สำ� นกั พมิ พ์ บริษทั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด

การน�ำกระบวนการเรยี นรู้ GPAS 5 Steps ไปใช้ในการออกแบบการเรยี นรู้
กระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps สอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการทางเชาว์ปัญญาของเพียเจต์
(Jean Piaget) และของวีก๊อทสก้ี (Semyonovich Vygotsky) เป็นรากฐานส�ำคัญของทฤษฎีการสร้างความรู้
ด้วยตนเอง (Constructivism) ท่ีเน้นการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนคิดลงมือท�ำและสรุปความรู้ด้วยตนเอง โดยการปะทะ
สัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท�ำให้ผู้เรียนมีข้อมูลและมุมมองหลากหลาย
น�ำไปสู่การปรับโครงสร้างความรู้ ความคิดรวบยอด หรือหลักการส�ำคญั ทศ่ี กึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (Independent
Study) เป็นแนวทางที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้งในแง่ความสนใจ ประสบการณ์ วิธีการ
เรียนรู้ และการให้คุณค่าความรู้ท่ีผู้เรียนแต่ละคนสร้างขึ้นอย่างมีความหมายเพื่อน�ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ต่อตนเอง ชุมชน และสังคมโลก การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เป็นกระบวนการ “Acting on” ไม่ใช่
“Taking in” กล่าวคือเป็นกระบวนการท่ีผู้เรียนจะต้องจัดกระท�ำกับข้อมูลไม่ใช่เพียงรับข้อมูลเข้ามา และนอกจาก
กระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมอง (Internal Mental Interaction) แล้วยังเป็น
กระบวนการทางสงั คมอีกดว้ ย การสร้างความร้จู งึ เป็นกระบวนการทง้ั ดา้ นสติปญั ญาและสังคมควบคกู่ นั การเรียน
การสอนตอ้ งเปลีย่ นจาก “Instruction” ไปเปน็ “Construction” คือเปลี่ยนจาก “การให้ความรู”้ เปน็ “การใหผ้ ้เู รยี น
สร้างความรู้ ใช้ความรู้ผลิตผลงาน” ซ่ึงการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแนวคิดน้ี คือการออกแบบ
การเรยี นรแู้ บบ Backward Design แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คอื
ขนั้ ตอนที่ 1 ก�ำหนดเปา้ หมายการเรียนรูท้ ่สี ะท้อนผลการเรียนรู้ ซ่ึงบอกให้ทราบวา่ ตอ้ งการให้ผเู้ รียนรอู้ ะไร
และสามารถท�ำอะไรไดเ้ มื่อจบหน่วยการเรยี นรู้

18 สดุ ยอดค่มู อื ครู

ขั้นตอนที่ 2 ก�ำหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้
ตามเปา้ หมายการเรยี นรู้
ข้ันตอนที่ 3 ออกแบบกระบวนการ/กิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเป้าหมาย
การเรียนรู้
(รายละเอยี ดไดเ้ สนอแนะไวใ้ นค�ำแนะน�ำในการน�ำคู่มือครไู ปใชจ้ ดั การเรยี นการสอน)
การประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assessment)
การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ เปน็ ทางเลอื กหนงึ่ ในการประเมนิ ผลการเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง
และปฏบิ ตั จิ รงิ สามารถน�ำไปสกู่ ารพฒั นาผเู้ รยี นอยา่ งแทจ้ รงิ สามารถประเมนิ ความสามารถทกั ษะการคดิ ขนั้ สงู ทซ่ี บั ซอ้ น
ตลอดจนความสามารถในการแกป้ ญั หาและการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ นการผลติ ผลงานชน้ิ งานตา่ งๆ ได้ วธิ กี ารประเมนิ ผล
ดังกล่าวเป็นการประเมินผลเชิงบวกเพ่ือค้นหาความสามารถ จุดเด่น และความก้าวหน้าของผู้เรียน รวมท้ังให้
ความชว่ ยเหลอื แกผ่ ู้เรียนในจุดท่ีต้องพัฒนาให้สูงข้ึนตามศักยภาพ เป็นเคร่ืองมือประเมินผลที่มีประสิทธิภาพที่ใช้
ในการประเมินผลเพ่ือพัฒนาผู้เรียน (Formative Evaluation) หรืออีกนัยหน่ึงเรียกว่า Assessment for Learning
รวมทง้ั สามารถใช้ในการประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation) หรอื Assessment of Learning ในสถานการณ์
การเรียนการสอนท่ีใกล้เคียงชวี ิตจรงิ
การประเมินผลตามสภาพจริงจะมีความต่อเน่ืองในการให้ข้อมูลเชิงคุณภาพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สอนได้ใช้
เป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการสอนให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลได้ และท่ีส�ำคัญมีการจัดการเรียนการสอนจาก
แนวคิดทีเ่ ปล่ยี นไปจากเดิมไปส่กู ารจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ดงั ตารางตอ่ ไปนี้
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ตารางเปรยี บเทียบกระบวนการเรยี นการสอนจากแนวคดิ เดิมและแนวคิดใหม่

แนวคดิ เดิม แนวคดิ ใหม่

1. วางแผนโดยยึดพฤตกิ รรมเปน็ หลกั 1. วางแผนจากส่ิงที่ผู้เรียนอยากรู้และอยากท�ำ
2. สอนไปตามหัวข้อของเน้อื หา ในกรอบของหนว่ ยการเรยี นรู้
3. มีจุดประสงคก์ วา้ งๆ 2. เกิดการเรยี นรู้ท่ลี ึกซ้งึ
4. มักเนน้ เพยี ง 1-2 สมรรถภาพและวิธกี ารเรียน 3. มจี ดุ ประสงคท์ ีช่ ดั เจน
5. ผสู้ อนเป็นผู้ด�ำเนินการ 4. ใช้สมรรถภาพและวิธกี ารเรยี นท่ีหลากหลาย
6. ยดึ ต�ำราเรยี นเปน็ หลัก 5. ผู้เรียนมีความต้องการเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด
7. ใชก้ ฎเกณฑบ์ ังคบั เสมอๆ การศกึ ษาและการเรยี นรู้
8. ภาระงานและกระบวนการถกู แบง่ เป็นสว่ นยอ่ ย 6. ใช้แหล่งการเรียนรู้
9. ผเู้ รยี นปฏบิ ตั งิ านโดยไมท่ ราบจดุ มงุ่ หมายทชี่ ดั เจน 7. สนองความต้องการของผเู้ รยี นอยา่ งเหมาะสม
10. ประเมินผลครัง้ เดยี วเมอ่ื จบบทเรียน 8. ภาระงานและกระบวนการรวมอยู่ด้วยกัน
11. ผู้สอนเป็นผปู้ ระเมิน 9. ผูเ้ รียนปฏบิ ัตงิ านโดยมจี ดุ มุ่งหมายทช่ี ัดเจน
12. ผูส้ อนร้เู กณฑ์การประเมินแต่ผู้เดยี ว 10. ประเมินผลตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติจนส้ินสุด
13. ประเมินผลเฉพาะภาคความรู้ ภาระงาน
11. ผู้เชย่ี วชาญเร่อื งนัน้ เป็นผู้ประเมิน
12. ผู้สอนและผเู้ รียนรู้เกณฑก์ ารประเมนิ ทงั้ สองฝ่าย
13. ประเมนิ ผลทง้ั ความรู้ ความเขา้ ใจ และกระบวนการ
ทผ่ี ู้เรยี นน�ำความรตู้ า่ งๆ มาประยุกตใ์ ช้

อ้างองิ จาก Kentucky Department of Education, 1998 “How to Develop a Standard-Based Unit of Study” p3.

สุดยอดคู่มอื ครู 19

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ เปน็ ทางเลอื กอกี ทางหนง่ึ ส�ำหรบั การวดั และการประเมนิ ผลซงึ่ เขา้ มามบี ทบาททดแทน สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
แบบทดสอบมาตรฐานซ่ึงส่วนใหญ่เป็นแบบทดสอบเลือกตอบที่ไม่สามารถวัดและประเมินผลความรู้และทักษะได้
ลักษณะส�ำคญั ของการประเมนิ ตามสภาพจรงิ มอี งคป์ ระกอบส�ำคญั ดังนี้
1. เป็นงานปฏิบัติท่ีมีความหมาย (Meaningful Task) งานท่ีให้ผู้เรียนปฏิบัติต้องเป็นงานที่สอดคล้อง
กับชวี ติ ประจ�ำวัน เป็นเหตุการณ์จริงมากกว่ากจิ กรรมทจ่ี �ำลองขน้ึ เพ่อื ใชใ้ นการทดสอบ
2. เปน็ การประเมนิ รอบดา้ นดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย(MultipleAssessment)เปน็ การประเมนิ ผเู้ รยี นทกุ ดา้ น
ทงั้ ความรู้ความสามารถและทกั ษะตลอดจนคณุ ลกั ษณะนสิ ยั โดยใชเ้ ครอื่ งมอื ทเ่ี หมาะสมสอดคลอ้ งกบั วธิ แี หง่ การเรยี นรู้
และพฒั นาการของผู้เรียน เน้นใหผ้ เู้ รียนตอบสนองด้วยการแสดงออก สรา้ งสรรค์ ผลิต หรอื ท�ำงาน ในการประเมิน
ของผู้สอนจึงต้องประเมินหลายๆ ครั้ง ด้วยวิธีการที่หลากหลายและเหมาะสม เน้นการลงมือปฏิบัติมากกว่า
การประเมนิ ด้านองค์ความรู้
3. ผลผลิตมีคุณภาพ (Quality Products) ผู้เรียนจะมีการประเมินตนเองตลอดเวลาและพยายามแก้ไข
จุดด้อยของตนเอง จนกระท่ังได้ผลงานที่ผลิตข้ึนอย่างมีคุณภาพ ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจในผลงานของตนเอง
มีการแสดงผลงานของผู้เรียนต่อสาธารณชน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อ่ืนได้เรียนรู้และชื่นชม จากการจัดกิจกรรม
การเรยี นการสอน ผเู้ รยี นมโี อกาสเลอื กปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามความพงึ พอใจ นอกจากนยี้ งั จ�ำเปน็ ตอ้ งมมี าตรฐานของงาน
หรือสภาพความส�ำเร็จของงานที่เกิดจากการก�ำหนดร่วมกันระหว่างผู้สอน ผู้เรียน และอาจรวมถึงผู้ปกครองด้วย
มาตรฐานหรอื สภาพความส�ำเรจ็ ดังกลา่ วจะเปน็ สง่ิ ทชี่ ่วยบ่งบอกว่างานของผู้เรยี นมีคณุ ภาพอย่ใู นระดบั ใด
4. ใช้ความคดิ ระดับสูง (Higher-Order Thinking) ในการประเมินตามสภาพจรงิ ผสู้ อนตอ้ งพยายามให้
ผู้เรียนแสดงออกหรือผลิตผลงานขึ้นมา ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินทางเลือก
ลงมอื กระท�ำ ตลอดจนการใชท้ กั ษะการแกป้ ญั หาเมอื่ พบปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ซง่ึ ตอ้ งใชค้ วามสามารถในการคดิ ระดบั สงู
5. มีปฏสิ ัมพันธท์ างบวก (Positive Interaction) ผ้เู รยี นต้องไมร่ ู้สกึ เครียดหรือเบ่ือหน่ายต่อการประเมิน
ผู้สอน ผู้ปกครอง และผู้เรียนต้องมีความร่วมมือที่ดีต่อกันในการประเมิน และการใช้ผลการประเมินแก้ไข
ปรบั ปรุงผเู้ รยี น
6. งานและมาตรฐานตอ้ งชัดเจน (Clear Tasks and Standard) งานและกิจกรรมที่จะให้ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิ
มีขอบเขตชัดเจน สอดคลอ้ งกับจุดหมายหรือสภาพท่ีคาดหวังความตอ้ งการท่ีให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว
7. มกี ารสะท้อนตนเอง (Self-Reflections) ตอ้ งมีการเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนแสดงความรู้สกึ ความคิดเห็น
หรือเหตุผลต่อการแสดงออก การกระท�ำหรือผลงานของตนเองว่าท�ำไมถึงปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ ท�ำไมถึงชอบ
และไมช่ อบ
8. มคี วามสมั พนั ธก์ บั ชวี ติ จรงิ (Transfer into Life) ปญั หาทเี่ ปน็ สงิ่ เรา้ ใหผ้ เู้ รยี นไดต้ อบสนองตอ้ งเปน็ ปญั หา
ทส่ี อดคลอ้ งกบั ชวี ติ ประจ�ำวนั พฤตกิ รรมทปี่ ระเมนิ ตอ้ งเปน็ พฤตกิ รรมทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ในชวี ติ ประจ�ำวนั ทง้ั ทสี่ ถานศกึ ษา
และทีบ่ ้านดังนน้ั ผู้ปกครองผ้เู รยี นจงึ นับว่ามบี ทบาทเปน็ อยา่ งย่ิงในการประเมินตามสภาพจริง
9. เปน็ การประเมนิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (Ongoing or Formative) ตอ้ งประเมนิ ผเู้ รยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดเวลา
และทุกสถานท่ีอย่างไม่เปน็ ทางการ ซง่ึ จะท�ำใหเ้ หน็ พฤติกรรมที่แทจ้ รงิ เห็นพัฒนาการ คน้ พบจุดเดน่ และจดุ ดอ้ ย
ของผ้เู รยี น
10. เปน็ การบรู ณาการความรู้(IntegrationofKnowledge)งานทใี่ หผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั นิ นั้ ควรเปน็ งานทต่ี อ้ งใช้
ความรู้ ความสามารถ และทกั ษะทเี่ กดิ จากการเรยี นรใู้ นหลายสาขาวชิ า ลกั ษณะส�ำคญั ดงั กลา่ วจะชว่ ยแกไ้ ขจดุ ออ่ นของ
การจดั การเรยี นรแู้ ละการประเมนิ ผลแบบเดมิ ทพ่ี ยายามแยกยอ่ ยจดุ ประสงคอ์ อกเปน็ สว่ นๆ และประเมนิ ผลเปน็ เรอ่ื งๆ
ดงั นนั้ ผเู้ รยี นจงึ ขาดโอกาสทจี่ ะบรู ณาการความรแู้ ละทกั ษะจากวชิ าตา่ งๆ เพอ่ื ใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านหรอื แกป้ ญั หาทพี่ บ
ซึ่งสอดคล้องกับชีวติ ประจ�ำวนั หรือปัญหานน้ั ตอ้ งใส่ความรู้ ความสามารถ และทกั ษะจากหลายๆ วชิ ามาชว่ ยใน
การท�ำงานหรอื แก้ไขปัญหา

20 สุดยอดค่มู ือครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด1.4 ค�ำแนะน�ำในการนำ� ค่มู ือครไู ปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน

สว่ นประกอบของคมู่ อื ครู
คูม่ ือครมู อี งค์ประกอบสำ�คญั 3 ส่วน ดังน้ี
ส่วนที่ 1 กระบวนการจัดการเรียนการสอนสำ�หรับครู คอื สว่ นทน่ี �ำ เสนอในเอกสารฉบับนี้ ประกอบด้วย
สาระส�ำ คญั 3 รายการ คอื
1. รูปแบบ เทคนิควิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ คู่มือครูฉบับนี้นำ�เสนอ “กระบวนการจัดการเรียนรู้
แตล่ ะหน่วยดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps” แต่ละ Steps น�ำ เสนอขน้ั ตอน/วิธดี �ำ เนินกจิ กรรมส�ำ คัญ
ที่เป็นหัวใจสำ�คัญของการจัดการเรียนรู้แต่ละข้ันตอนที่เน้นการเรียนรู้ตามแนวคิด “ผู้เรียนร่วมกันสร้างความรู้
ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์และลงมือปฏิบัตินำ�ความรู้ไปใช้ผลิตผลงานและตรวจสอบตนเอง” โดยยึดเน้ือหา
ในหน่วยการเรยี นรูท้ ี่กำ�หนดในหนงั สือเรยี นเปน็ หลัก

ถ้าหนังสือเรียนหน่วยใดมีเนื้อหาสาระท่ีจัดให้เรียนรู้ในหลายความคิดรวบยอดแตกต่างกัน หรือจำ�นวน
หัวเรอ่ื งมากจนไมส่ ามารถใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ให้ครอบคลมุ หัวเรือ่ งทงั้ หมดในหน่วยนัน้ ได้
จะจัดดำ�เนนิ การออกแบบการเรียนรู้แยกเปน็ เรอ่ื งๆ 2 หรือ 3 เรอ่ื ง เพอื่ ใชก้ ระบวนการ GPAS 5 Steps ให้จบ
เน้ือหาน้นั ตามความแตกตา่ งของความคดิ รวบยอดหรอื หัวขอ้ เรือ่ ง แตจ่ ะรวมการประเมินไวใ้ นหน่วยเดียวกนั ตาม
ต้นฉบบั หนังสือเรียนเพื่อไมใ่ หส้ บั สนในการประเมนิ จดุ ประสงคป์ ระจ�ำ หน่วยการเรยี นรู้ ดังรายละเอียดในเอกสาร
2. การบูรณาการการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทุกหน่วยการเรียนรู้ได้นำ�เสนอ “การบูรณาการกิจกรรม
การเรียนรู้” ไว้ต่อจากคำ�แนะนำ�ในการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ หรือหากเน้ือหา
ในหน่วยการเรียนรู้ถูกแบ่งกลุ่มหัวข้อเนื้อหาเป็นหลายเร่ืองเพ่ือจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps
แยกจากกัน ก็ให้มีการน�ำ เสนอ “การบูรณาการกิจกรรมการเรียนรู้” ทุกหัวข้อเร่ือง กิจกรรมบูรณาการการเรียนรู้
มหี วั ขอ้ สำ�คัญดงั นี้
2.1 สมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ไดแ้ ก่ ความตระหนกั ร้ใู นตน (Personal Spirit) การคดิ (Thinking)
การแกป้ ญั หา (Problem Solving) การท�ำ งานเปน็ ทมี (Team) การสอื่ สาร (Communication) และอน่ื ๆ ซงึ่ จดั บรู ณาการ
เข้าไปในกระบวนการจัดกิจกรรมแต่ละข้ันตอน เช่น การให้ผู้เรียนทำ�งานและเรียนรู้เป็นกลุ่ม ผลัดเปล่ียนกัน
แบง่ บทบาทหนา้ ทใี่ หร้ บั ผดิ ชอบในกลมุ่ เรยี นรรู้ ว่ มกนั คดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หา และประเมนิ ตนเอง ซงึ่ จดั ไวใ้ นกจิ กรรม
การเรียนรทู้ กุ หนว่ ยการเรียนร้แู ลว้
2.2 การเรยี นรสู้ อู่ าเซยี น สว่ นใหญเ่ นน้ ไปทก่ี ารบรู ณาการคำ�ศพั ทภ์ าษาองั กฤษเกย่ี วกบั เนอ้ื หาทก่ี ำ�หนด
ใหใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ พม่ิ พนู ความรภู้ าษาองั กฤษ และมเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ การสอื่ สารดว้ ยภาษาองั กฤษ
ซง่ึ เปน็ ภาษากลางทใี่ ชส้ อื่ สารในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น และอาจจดั ใหศ้ กึ ษาภมู ปิ ระเทศ ภมู ปิ ญั ญา ศลิ ปะ วฒั นธรรม
การปกครอง และงานอาชีพของประเทศในอาเซยี น ในประเดน็ ท่สี อดคล้องกบั เนือ้ หาในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ันๆ
2.3 ทกั ษะชวี ติ เปน็ การบรู ณาการทง้ั ความรใู้ นสาระทเี่ รยี น ทกั ษะและคา่ นยิ มไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ จรงิ
หรือสถานการณ์จำ�ลองในกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ หรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต
และพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำ�เร็จ ได้แก่ การสร้างมนุษยสัมพันธ์ การรู้จักตนเองและเรียนรู้ผู้อื่น การคิด
แก้ปัญหาและตัดสินใจเชิงบวก ซึ่งช่วยพัฒนาด้วยจิตปัญญาให้ผู้เรียนเฉพาะส่วนท่ีสอดคล้องกับเน้ือหาในหน่วย
การเรียนรู้
2.4 คา่ นยิ มหลกั 12 ประการ เน้นการปลูกฝงั จริยธรรมค่านิยมทด่ี ีงามตามลักษณะทด่ี ขี องคนไทย โดย
เลอื กมาใชแ้ ตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรดู้ ว้ ยการใหผ้ เู้ รยี นไดต้ ระหนกั ถงึ จรยิ ธรรม คา่ นยิ มทเ่ี ลอื กมาก�ำ หนดในกระบวนการ
จัดกิจกรรมท่ีสัมพันธก์ บั เน้อื หาในหน่วยท่เี รยี นและกระบวนการเรียนร้ทู กุ ข้ันตอน

สุดยอดคูม่ อื ครู 21

2.5 กิจกรรมท้าทาย เป็นกิจกรรมเสริมความถนัด ความสนใจของผู้เรียนท่ีเพิ่มเติมจากกิจกรรมใน สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
หนว่ ยการเรยี นรซู้ ง่ึ อาจทำ�เปน็ กลมุ่ หรอื รายบคุ คลกไ็ ด้ กจิ กรรมทา้ ทายจะเปน็ สว่ นเตมิ เตม็ ความรทู้ กั ษะของผเู้ รยี น
เสริมสร้างสมรรถนะให้สูงข้ึนต่อเน่ืองจากกิจกรรมในหน่วยการเรียนรู้ ผู้เรียนท่ีสนใจสามารถใช้เวลานอกหน่วย
การเรยี นรู้ปฏบิ ัติกจิ กรรมน้ีด้วยความรับผดิ ชอบของตน
3. แผนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้และสมรรถนะประจำ�หน่วย เป็นส่วนที่ออกแบบไว้สำ�หรับ
ผู้สอนใช้ในการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ เน้นการประเมินสภาพจริง (Authentic
Assessment) โดยนำ�เอาภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนท่ีปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ตามข้ันตอน
ของกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ท่ีสอดคล้องสัมพันธ์กับจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้
แต่ละหน่วยมากำ�หนดระดับคุณภาพหรือคะแนนในภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนแต่ละเรื่องตามท่ี
ออกแบบไว้ เพ่ือสรปุ ผลการประเมนิ ในหนว่ ยการเรยี นรู้นนั้ ดงั นี้
3.1 ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนระหว่างเรียน ได้แก่ ภาระงานในการรวบรวมข้อมูล
(G; Gathering) การวิเคราะห์ขอ้ มลู สรุปความรู้ความเข้าใจ (P; Processing และ A; Applying and Constructing
Knowledge) การนำ�เสนอผลการนำ�ไปใช้และสรุปความรู้ความเข้าใจ (A; Applying the Communication Skill)
ที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละขั้นตอน ส่วนใหญ่เป็นการประเมินเชิงคุณภาพจัดระดับคุณภาพไว้
4 ระดบั คอื ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) และตอ้ งปรบั ปรงุ (1) และอาจใหค้ า่ นํา้ หนกั แต่ละรายการคดิ เปน็ คะแนน
ท้งั น้ี ขนึ้ อย่กู ับผสู้ อนจะพจิ ารณาเพมิ่ เตมิ ใหเ้ หมาะสมกับบริบทของการจดั การเรียนรู้
3.2 ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ อยู่ในขั้นการประเมินตนเองเพ่ือเพ่ิมคุณค่า
บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ (S; Self-Regulating) ไดแ้ ก่ คะแนนจากผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
คะแนนจากผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ คะแนนจากผลการประเมนิ ตนเอง และคะแนนจากแบบทดสอบ
(ศกึ ษาเอกสารในเล่มประกอบ)
ส่วนที่ 2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ระดับหน่วยการเรียนรู้ ในส่วนน้ีได้นำ�กระบวนการจัด
การเรียนรู้สำ�หรับผู้สอน ในส่วนท่ี 1 มาขยายให้เห็นรายละเอียดในวิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ชัดเจนมากข้ึน
โดยประยกุ ต์ใช้แนวทางการออกแบบการเรียนรแู้ บบ Backward Design ของ Grant Wiggins and Jay McTighe
ก�ำ หนดไว้ 3 ขัน้ ตอน ได้แก่
ข้ันตอนที่ 1 ก�ำ หนดเปา้ หมายคณุ ภาพผ้เู รียน (Stage 1-Desired Results) ในการออกแบบการเรยี นรู้
ระดับหนว่ ยการเรียนรู้ ในท่นี ไ้ี ด้ก�ำ หนดเปา้ หมายคณุ ภาพผูเ้ รียนเป็นเปา้ หมายยอ่ ยๆ ไว้ ดงั น้ี
1. ความคดิ รวบยอด/ความเขา้ ใจทค่ี งทน
2. สาระการเรยี นรู้
3. สมรรถนะประจ�ำ หนว่ ย
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ขนั้ ตอนท่ี 2 กำ�หนดหลกั ฐานรอ่ งรอยภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผเู้ รยี นส�ำ หรับการประเมนิ
(Stage 2-Assessment Evidence) ในที่น้ไี ด้กำ�หนดสาระส�ำ คัญในการประเมนิ ผล ได้แก่
1. วธิ ีประเมินทีส่ อดคลอ้ งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ในหน่วยการเรยี นรู้ ได้แก่ ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออก
ของผเู้ รียน แยกเปน็
• ภาระงาน/ช้ินงานระหวา่ งเรียน
• ภาระงาน/ชิ้นงานรวบยอดในหน่วยการเรยี นรู้

22 สุดยอดคมู่ ือครู

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 2. เกณฑป์ ระเมนิ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรจู้ ากภาระงาน/ชน้ิ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี นระหวา่ งเรยี น กำ�หนด
เป็นระดับคุณภาพ 4 ระดับ ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น มีคำ�อธิบายเกณฑ์การประเมินแต่ละระดับทุกจุดประสงค์
การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้ประเมินสามารถประเมินได้เที่ยงตรงสอดคล้องกับความเป็นจริง ได้นำ�เสนอในหน่วย
การเรยี นรูท้ กุ หน่วยอยา่ งละเอียด
ข้นั ตอนที่ 3 ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ (Stage 3-Learning Plan) ในท่ีน้ไี ด้กำ�หนดกระบวนการเรียนรู้
ทเี่ นน้ ทกั ษะการคดิ การปฏบิ ตั จิ รงิ ทผ่ี เู้ รยี นเปน็ ผสู้ รา้ งความรู้ ใชค้ วามรผู้ ลติ ผลงาน ดว้ ยกระบวนการ GPAS 5 Steps
ดังนี้
Step 1 Gathering (ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู )
Step 2 Processing (ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความร้)ู
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ขัน้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลังการปฏิบัติ)
Step 4 Applying the Communication Skill (ขน้ั ส่อื สารและนำ�เสนอ)
Step 5 Self-Regulating (ขนั้ ประเมินเพ่อื เพิม่ คณุ คา่ บริการสงั คมและจติ สาธารณะ)
รายละเอียดน�ำ เสนอใน CD ส่ือสง่ เสริมการเรยี นรูท้ ี่ใชค้ ู่กับเอกสารฉบับน้ี
ส่วนท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ ได้จัดทำ�เป็นแผนรายชั่วโมงที่แสดงรายละเอียดการดำ�เนินกิจกรรม
แตล่ ะขน้ั ตอนตาม GPAS 5 Steps ใหช้ ดั เจนมากขนึ้ ผสู้ อนสามารถปรบั ใชใ้ หเ้ ขา้ กบั บรบิ ทของผเู้ รยี นและหอ้ งเรยี น
แตล่ ะแหง่ ในแต่ละโอกาส ในแผนการจัดการเรียนร้ไู ดน้ ำ�เสนอรายละเอยี ดดงั นี้
1. สาระส�ำ คัญของเรอื่ งหรือเนอ้ื หาท่ีเรียน
2. ค�ำ ถามทผี่ สู้ อนใชถ้ ามผเู้ รยี นเพอ่ื กระตนุ้ ใหแ้ สวงหาขอ้ มลู ค�ำ ตอบ หรอื ขอ้ สรปุ ดว้ ยตนเองในแตล่ ะขนั้ ตอน
ในชวั่ โมงสอน
3. แบบบนั ทกึ ผังกราฟิก (Graphic Organizers) ท่ใี ห้ผเู้ รียนนำ�ไปใช้ในขั้นตอนตา่ งๆ ของการจัดการเรียนรู้
ตามกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps เช่น ผังกราฟิกในการสังเกตรวบรวมและบันทึกข้อมูล ผังกราฟิก
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรปุ ความรู้ในรปู แบบตา่ งๆ เปน็ ต้น
4. สื่ออุปกรณ์และแหล่งเรยี นรู้ สำ�หรับผสู้ อนและผู้เรยี นทีจ่ ะหาความรู้เพิ่มเติมในเน้ือหาแต่ละหน่วย
5. กจิ กรรมเสนอแนะ ส�ำ หรบั ผสู้ อนเสรมิ ความรแู้ ละทกั ษะใหก้ บั ผเู้ รยี นทม่ี จี ดุ เดน่ ทจ่ี ะเรยี นรใู้ หเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
6. บันทึกหลังสอน สำ�หรับผู้สอนประเมินการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผน เป็นแบบบันทึกการประเมิน
เชิงระบบประกอบดว้ ยหวั ข้อส�ำ คัญ คือ
• ความพรอ้ มก่อนดำ�เนนิ กจิ กรรม (สอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์ การเขา้ ช้นั เรียน พื้นฐานความรู้เดิมของผเู้ รยี น)
• บรรยากาศการเรยี นรู้ (ความสนใจ ปฏสิ มั พนั ธใ์ นหอ้ ง ความราบรน่ื ในการด�ำ เนนิ กจิ กรรมการเรยี นการสอน)
• ผลการเรยี นรู้ (จ�ำ นวนผเู้ รยี นทมี่ ผี ลงานระหวา่ งเรยี นและผลการประเมนิ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคแ์ ตล่ ะระดบั
ผูเ้ รียนทเ่ี ปน็ ผนู้ ำ� ผูเ้ รยี นท่ตี อ้ งให้ความสนใจเพิ่มเตมิ )
• แนวทางการพฒั นาในคร้งั ตอ่ ไป (ส่ิงทต่ี ้องยตุ ิ สิง่ ทนี่ ำ�มาใชต้ อ่ ส่ิงทต่ี ้องปรับปรุงเพิม่ เตมิ )
รายละเอียดน�ำ เสนอใน CD ส่อื ส่งเสริมการเรียนรทู้ ี่ใชค้ ู่กบั เอกสารฉบับน้ี
หมายเหต:ุ สว่ นท่ี 2 และสว่ นที่ 3 ทางส�ำนกั พมิ พ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ไดจ้ ัดท�ำเปน็
ไฟล์เอกสาร Word บันทึกลงในแผ่น CD ผู้สอนสามารถคัดลอก ดัดแปลง หรือปรับเปล่ียน
รายละเอียดเพื่อน�ำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา
ตรงตามความตอ้ งการความพรอ้ ม และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคนหรอื แตล่ ะหอ้ งเรยี น

สดุ ยอดคู่มือครู 23

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดพฒั นาความน�ำ ข้อมูลมาจ�ำ แนกสร้างความรขู้ ้ันสูง คอืคดิ ออกแบบ
สามารถในการ จัดกลมุ่ วิเคราะห์ ความรู้ระดับคุณธรรม หลายๆ แบบ
เก็บข้อมูล พิสูจน์ ทดลอง จริยธรรม โดยใหน้ �ำ เพอื่ สรา้ ง
รวบรวมขอ้ มูลจาก วิจยั ให้เห็นล�ำ ดับ ผลการคดิ ของตนเอง ทางเลือกหรือ
การฟัง การอา่ น ความสำ�คัญและ มาไตรต่ รองวา่ วธิ ีคิด เพ่ือหาวิธี
การดูงาน การส�ำ รวจ ความสัมพนั ธ์ ดังกล่าวจะน�ำ ไป หลายๆ วิธี
การสัมภาษณ์ เชอื่ มโยง ใหร้ ู้วา่ ส่ผู ลส�ำ เร็จหรอื ไม่ ทจ่ี ะนำ�ความรู้
การไปดเู หตกุ ารณ์ อะไรคือปัญหา สง่ ประโยชน์ถึงสงั คม ไปปฏบิ ตั ใิ ห้
หรอื สถานการณ์ ที่แทจ้ ริง อะไรคือ สาธารณะและ เตม็ ศกั ยภาพ
ที่เกิดขน้ึ จริง เพ่อื นำ� สาเหตุท่นี ำ�สู่ปัญหา สิง่ แวดลอ้ มหรอื ไม่ และงดงาม
ขอ้ มลู ไปจัดกระทำ� เกิดผลกระทบ ถา้ ไมถ่ ึงจะปรบั และนำ�ผลไปสู่
ใหเ้ กดิ ความหมาย จากปญั หา ตรงไหน อย่างไร ความส�ำ เร็จ
ผ่านกระบวนการ หาวธิ ีแกป้ ญั หา จงึ จะเปน็ ไปตาม แบบคงทน
คิดวิเคราะห์ แนวทางป้องกนั วตั ถปุ ระสงค์ จึงกล้า อย่างมลี ำ�ดบั
สาเหตไุ ม่ให้ วิจารณ์ กลา้ เสนอแนะ ขัน้ ตอน เพอื่ การ
เกิดข้นึ และ อยา่ งสร้างสรรค์ ตรวจสอบทม่ี ี
ไม่นำ�สู่ปัญหา รบั ฟงั ขอ้ เสนอแนะ ประสทิ ธิภาพ
ข้อวิจารณ์ จากเพ่ือน และแกป้ ัญหาใน
ครู พอ่ แม่ อยา่ งมี แต่ละขัน้ ตอนได้
เหตผุ ล ทบทวน ตรงวตั ถุประสงค์
ปรบั ปรงุ ดว้ ยความยินดี
มีคา่ นิยมในความเปน็
ประชาธิปไตยเสมอ

ออกแบบ
Activeคณุ ธปรรระมเมคิน่านยิ ม
สวงั ิเเคครราาะะหห์ ์

ขอ้ มลู แผนการสอน ค่มู ือครู Active Learning ตามแนว

สรปุ รายงานผล เป้าหมายการเรยี นรู้ Portfolio

24 สุดยอดคูม่ อื ครู

สามารถคิด กอ่ นลงมอื ปฏิบัติ การปฏิบตั ทิ ีด่ จี ึงต้องปฏบิ ัติ เมือ่ งานส�ำ เร็จ รจู้ กั
ตัดสินใจเลือก น�ำ แนวคิดและ ตามแผนทว่ี างไว้ ผ่าน ประเมนิ งานทัง้ ด้วย
แนวทางหรือ ตดั สนิ ใจมาจดั การวเิ คราะห์ การไตรต่ รอง เหตุผลควบค่กู ับการ
วธิ ที ่ดี ีท่สี ดุ ที่ ลำ�ดบั ขั้นตอน ไวอ้ ยา่ งดแี ล้ว การปฏบิ ัติ ประเมนิ ตนเองเสมอ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดน�ำ ไปสูค่ วาม การทำ�งานจรงิ จึงเป็นการพัฒนาถ้ากระบวนการนน้ั
ส�ำ เรจ็ ได้จรงิ เพ่อื สามารถ การทำ�งานรว่ มกบั ผ้อู น่ื หรอื น�ำ ไปสู่ผลจริง ก็จะ
น�ำ ประโยชน์ ดำ�เนนิ งานไป ท�ำ งานเปน็ ทีม ท่ตี ้องมกี าร น�ำ กระบวนการน้ัน
ไปสสู่ ังคม ตามแผนการคิด จัดการแบง่ งานให้ตรงตาม ไปพัฒนาหรือ
สาธารณะ ที่ผา่ นการ ความถนัด แชร์ความคดิ ท�ำ งานในกลุ่มสาระ
สิง่ แวดล้อม ไตรต่ รองมา ประสบการณ์ ร้จู ักรับฟงั อน่ื ๆ เพอื่ ใหไ้ ดง้ าน
เปน็ วธิ ที ่ี อยา่ งดีแลว้ และ รจู้ กั เสนอแนะ มคี ่านยิ ม ทม่ี ีคุณภาพและ
ค้มุ คา่ เพอื่ พสิ ูจนใ์ ห้ แสดงออกเปน็ ประชาธิปไตย คุณค่าเพมิ่ ขึ้นเสมอ
ตัง้ อยู่บน เหน็ ว่าส่ิงทคี่ ดิ ร้จู กั อดทน ขยัน รับผดิ ชอบ ขัน้ ตอนใดที่มีจุดอ่อน
หลกั การของ ไว้เมอ่ื น�ำ ไป ในหน้าที่การทำ�งานหรือ กต็ ้องปรบั ปรงุ
ปรัชญา ปฏิบัติจริงแล้ว ปฏบิ ัติ มงุ่ หวังเพ่ือให้ ใหด้ ยี ง่ิ ขึ้น เมอ่ื ได้
เศรษฐกิจ สามารถด�ำ เนิน ไดง้ านที่ดขี ้นึ เพอื่ ประโยชน์ กระบวนการทด่ี ีแล้ว
พอเพียง การได้ตาม ของสังคมสว่ นรวมที่กว้างไกล กส็ รุปกระบวนการ
ทีค่ ิดไวห้ รอื ไม่ ขนึ้ ค�ำ นึงถึงผลกระทบ นน้ั ใหเ้ ปน็ หลกั การ
เพอ่ื น�ำ ไปสู่ ต่อสาธารณะและสง่ิ แวดลอ้ ม พฒั นางานท่ดี ีของ
การแกป้ ัญหา มากยงิ่ ข้ึน อกี ท้งั ยังน�ำ กรอบ ตนเอง เปน็ เครอ่ื งมอื
และพฒั นาการ ความคดิ มาปฏิบัติเพือ่ การเรยี นรู้
เกบ็ ข้อมูลและ การออกแบบ สร้างนวตั กรรม ใชเ้ รยี นรขู้ อ้ มูลได้
การคิดตอ่ ไป ดว้ ยสื่อเทคโนโลยไี ด้อยา่ ง ทกุ โอกาสท่ัวโลก
ทัดเทียมกบั ความเป็นสากล และทกุ สถานการณ์
ทกุ เงื่อนไข
วางแผน ได้ตลอดชวี ติ

Learningตดั สนิ ใจ ปฏิบัติ

Backward Design ใชก้ ระบวนการ GPAS 5 Steps ความรู้

AKP 123 4 ประเมินตนเอง เพม่ิ ค่านิยม คุณธรรม

Rubrics

สดุ ยอดค่มู ือครู 25

การศกึ ษาในศตวรรษท่ี ๒๑ - Thailand 4.0

หนง่ึ คาถามมหี ลายคาตอบ คน้ หาคณุ ธรรม คา่ นิยม ลงมือทา
ค้นหาความรู้ดว้ ยตนเอง ประเมนิ ตนเอง / ร้จู ักตนเอง เรยี นให้รจู้ ริง
พัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ จิตสานกึ ตอ่ โลก เศรษฐกิจ เรียนร้จู ากการทางาน
คิดสกู่ ารสรา้ งนวัตกรรม ธรุ กจิ การประกอบการ ทาโครงงาน
ตกผลึกความเปน็ ผนู้ า ความเป็นพลโลก สุขภาพ ส่ิงแวดลอ้ ม ทาเปน็ ทมี
พัฒนาความสามารถการใช้ คดิ เชิงวพิ ากษ์และการแกป้ ญั หา คน้ หาวธิ กี าร
สื่อ / สารสนเทศ ความร่วมมือในการทางาน ใชก้ ระบวนการสรา้ งความรู้
ความรับผดิ ชอบตอ่ การเปน็ ผนู้ า เกดิ ทกั ษะครบทกุ ด้าน
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด ใช้ทกั ษะเรียนรู้ขา้ มวฒั นธรรม
การเพ่มิ ผลผลิต สรา้ งนวัตกรรม
นาเสนอจาก After Action
Review (AAR)
เกิดทักษะพน้ื ฐานดา้ นเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสอื่ สาร ICT
สือ่ สารมากกวา่ 2 ภาษา

ประเมินเพือ่ การพัฒนาและเพม่ิ คา่ นยิ ม คณุ ธรรม

สถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ(พว.) เข้าใจความรูท้ ั้งสามมิติและหลากหลาย ดร.ศักดส์ิ ิน โรจน์สราญรมย์
ประเมินเพอื่ การพัฒนาความรู้ท้งั สามมติ ิ

26 สุดยอดคูม่ ือครู

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1

1 ความรเู้ บอ้ื งต้นของการพมิ พ์ดีดอังกฤษ ความรู้เบ้อื งต้น
ของการพิมพ์ดดี อังกฤษ
สาระสำาคัญ
การพิมพ์สัมผัสเป็นการพิมพ์โดยใช้น้ิวท้ัง 10 น้ิว ดีดหรือพิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้นอักษร เป็นทักษะพื้นฐาน สาระการเรียนรู้
ในการพฒั นาการพมิ พ ์ ไมว่ า่ จะพมิ พด์ ว้ ยเครอื่ งพมิ พด์ ดี ธรรมดา พมิ พด์ ว้ ยเครอื่ งพมิ พด์ ดี ไฟฟา้ หรอื พมิ พด์ ว้ ยแปน้ พมิ พ์
คอมพวิ เตอร ์ (Keyboard) 1. ประวัติความเป็นมาของเคร่ืองพิมพ์ดีด
ภาษาองั กฤษ (หนังสอื เรยี น หนา้ 3)
สาระการเรียนรู้ 2. ส่วนต่างๆ ของเคร่ืองพิมพ์ดีด (หนังสือเรียน
1. ประวัตคิ วามเป็นมาของเคร่ืองพมิ พ์ดีดภาษาอังกฤษ หน้า 4)
2. สว่ นต่างๆ ของเครื่องพมิ พ์ดีด 3. เครื่องคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของ
3. เครื่องคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ (หนงั สอื เรยี น หน้า 5-9)
4. หลกั การพมิ พส์ มั ผสั 4. หลักการพิมพ์สัมผสั (หนังสือเรยี น หน้า 10-11)
5. การบำารุงรักษาเคร่อื งพมิ พ์ดดี และเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 5. การบ�ำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ดีดและเครื่อง
คอมพวิ เตอร์ (หนังสือเรียน หนา้ 11-12)

สมรรถนะประจ�ำหน่วย

1. แสดงความรเู้ บ้ืองตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ
2. พมิ พ์สมั ผสั แปน้ พิมพต์ า่ งๆ ตามหลักการ

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. บอกประวัติความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ดีด
ภาษาอังกฤษได้
2. บอกส่วนตา่ งๆ ของเครื่องพมิ พ์ดีดได้
3. อธิบายองคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ได้
4. บอกหลักการพิมพ์สัมผสั ได้
5. บอกวิธีการบ�ำรุงรักษาเคร่ืองพิมพ์ดีดและเครื่อง
คอมพิวเตอรไ์ ด้

สดุ ยอดคูม่ ือครู 27

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

การประเมนิ ผล สมรรถนะประจำาหน่วย
1. แสดงความรเู้ บือ้ งต้นของการพมิ พ์ดดี อังกฤษ
ภาระงาน/ชนิ้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี น 2. พมิ พส์ มั ผสั แป้นพิมพ์ตา่ งๆ ตามหลักการ

ภาระงาน/ชิน้ งานระหวา่ งเรยี น จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. ผงั กราฟกิ แสดงการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั 1. บอกประวตั คิ วามเป็นมาของเครอื่ งพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษได้
ประวัติความเป็นมาของเคร่ืองพิมพ์ดีด 2. บอกสว่ นตา่ งๆ ของเคร่อื งพมิ พด์ ดี ได้
ภาษาอังกฤษ ส่วนต่างๆ ของเครื่องพิมพ์ดีด 3. อธบิ ายองค์ประกอบของคอมพิวเตอรไ์ ด้
เคร่ืองคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของ 4. บอกหลักการพมิ พส์ ัมผสั ได้
คอมพิวเตอร์ หลักการพิมพ์สัมผัส และ 5. บอกวิธีการบำารุงรกั ษาเคร่อื งพิมพด์ ีดและเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
การบ�ำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ดีดและเคร่ือง
คอมพวิ เตอร์ ผังสาระการเรียนรู้
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ประวัติความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ดีด ความร้เู บ้อื งต้น ประวัติความเป็นมาของเครอ่ื งพมิ พด์ ีดภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ ส่วนต่างๆ ของเคร่ืองพิมพ์ดีด ของ ส่วนตา่ งๆ ของเครื่องพิมพด์ ดี
เคร่ืองคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของ เครอื่ งคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ หลักการพิมพ์สัมผัส และ การพมิ พด์ ดี องั กฤษ หลักการพิมพส์ ัมผสั
การบ�ำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ดีดและเครื่อง การบาำ รงุ รักษาเครือ่ งพิมพ์ดีดและเครอื่ งคอมพิวเตอร์
คอมพวิ เตอร์
3. การน�ำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ 2 พิมพอ์ ังกฤษเบ้ืองตน้
เก่ียวกับประวัติความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ดีด
ภาษาอังกฤษ ส่วนต่างๆ ของเคร่ืองพิมพ์ดีด ค่านิยมหลัก 12 ประการ
เครื่องคอมพิวเตอร์และองค์ประกอบของ • มรี ะเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผ้นู อ้ ยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
คอมพิวเตอร์ หลักการพิมพ์สัมผัส และ • ใฝห่ าความรู้ หม่นั ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม
การบ�ำรุงรักษาเคร่ืองพิมพ์ดีดและเคร่ือง • รจู้ กั ดำ� รงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดำ� รสั
คอมพวิ เตอร์ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
ภาระงาน/ชน้ิ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรียนรู้ บรมนาถบพิตร (รัชกาลท่ี 9) ภายใต้ 3 ห่วง 2 เงอื่ นไข 4 มติ ิ คอื มีเหตุผล
1. ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ พอประมาณ และมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี ี ภายใตค้ วามรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั )
2. ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และคุณธรรม (ซอื่ สัตย์สุจรติ ขยันอดทน สตปิ ญั ญา แบ่งปนั ) ซึ่งจะน�ำไปสู่
3. ผลการประเมนิ ตนเอง เศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม สมดลุ พรอ้ มรบั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง

28 สุดยอดคมู่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St1. ประวตั คิ วามเปน็ มาของเครอ่ื งพมิ พด์ ดี ภาษาองั กฤษ ep 1 ข้ันรวบรวมขอ้ มูล

เฮนรี่ มิล วิศวกรชาวอังกฤษ สร้างเครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษเครื่องแรก ชื่อว่า “Writing Machine” จดทะเบียน Gathering

สิทธิบัตร เมื่อ พ.ศ. 2237 แต่สร้างเพียงเครื่องเดียว ต่อมาวิลเลียม ออสติน บิท วิศวกรชาวเยอรมัน ได้นำาแนวคิดของ 1. ผู้สอนอธิบายเนื้อหาของหน่วยการเรียนรู้
ผ่านทางส่ือ PowerPoint บนกระดาน และ
เฮนรี่ มิล มาประดิษฐ์เครื่องเขียนหนังสือชื่อว่า “Typographer” มีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมทำาด้วยไม้ วิธีพิมพ์ต้องหมุน ผเู้ รยี นศกึ ษาเนอ้ื หาจากหนงั สอื ประกอบการเรยี น
วชิ าพิมพ์องั กฤษเบอื้ งต้น
แป้นตัวอักษรที่ต้องการจะพิมพ์ เมื่อพบแล้วจึงกดลงบนกระดาษ 2. ผู้สอนสาธิตวิธีการพิมพ์ ท่านั่ง การวางน้ิว
การเคาะแป้นอักษร
Chistopher Latham Shone นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์ 3. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ร่วมกัน
ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น
เครื่องพิมพ์ดีดขึ้นใช้ชื่อว่า Type-writer แต่ไม่เป็นที่สนใจมากนัก ต่อมาใน หนงั สอื อนิ เทอร์เน็ต วารสาร ฯลฯ เกีย่ วกบั
ความรู้เบ้ืองต้นของการพิมพ์ดีดอังกฤษ
พ.ศ. 2416 จึงได้ขายลิขสิทธิ์ให้แก่บริษัท E. Remington & Sons และได้ผลิต ในหัวข้อต่างๆ โดยจับสลากเลือกหัวข้อ
ตามท่ีก�ำหนด (ศึกษารายละเอียดหัวข้อจาก
เครื่องพิมพ์ดีดแบบมาตรฐานออกสู่ตลาดใน พ.ศ. 2447 แผนการจดั การเรยี นร้)ู
4. แต่ละกลุ่มบันทึกผลการศึกษาตามหัวข้อ
Edward B. Hers and Lewis C. Mayers สร้างเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อ ที่ก�ำหนดลงในผังกราฟิก (เลือกออกแบบและ
ใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของขอ้ มลู )
Royal เป็นเครื่องพิมพ์ดีดอีกแบบหนึ่งที่ใช้แรงกดแป้นอักษรน้อย ทำาให้พิมพ์ ดังตวั อย่าง

ได้รวดเร็ว ในประเทศสหรัฐอเมริกามีเครื่องพิมพ์ดีด 5 ยี่ห้อ คือรอยัล เรมิงตัน ภาพท ี่ 1.1 เคร่ืองพมิ พด์ ดี

ไอบีเอ็ม สมิธโคโรนา และอันเดอร์วูธ

เครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาได้พัฒนาเป็นเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าระบบ

อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Typewriter) พิมพ์ได้รวดเร็ว ควบคุมด้วยระบบไมโครโพรเซสเซอร์ ทำางานโดยอัตโนมัติ

สามารถแก้ไขคำาผิด แทรกข้อความ พิมพ์กำาหนดคอลัมน์ พิมพ์กึ่งกลาง ขีดเส้นใต้ มีความเร็วในการพิมพ์

15 ตวั อกั ษร/วนิ าท ี มแี ปน้ พมิ พอ์ กั ษร 48 ตวั สามารถทาำ ใหเ้ ปน็ ตวั หนา ตวั เอน ตวั ยกกาำ ลงั หรอื ตวั หอ้ ยทา้ ยได ้ มหี นว่ ยความจาำ

12,000–28,000 ตัวอักษร จอภาพ LCD มีระบบผลึกเหลวที่ง่ายต่อการอ่าน การแก้ไขและพิสูจน์อักษร เครื่องพิมพ์ดีด

อเิ ลก็ ทรอนกิ สบ์ างเครือ่ งสามารถสง่ ขอ้ ความจากเครือ่ งหนึง่ ไปยงั อกี เครือ่ งหนึง่ ดว้ ยตวั อกั ษรทีม่ คี ณุ ภาพ สามารถนาำ ไปใชง้ าน

ได้ทันทีโดยไม่ต้องพิมพ์ใหม่ เชื่อมต่อกับจอไมโครคอมพิวเตอร์ได้ โดยเครื่องพิมพ์ดีดจะทำาหน้าที่เป็นทั้งแป้นพิมพ์และ

เครื่องพิมพ์ ขณะเดียวกันก็สามารถออนไลน์ไปยังอีกที่หนึ่งได้

ภาพท ี่ 1.2 พัฒนาการของเครือ่ งพมิ พ์ดีด

3 ความรเู้ บอื้ งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) หมายถึงชิป (chip) ที่ใช้ในหน่วย
ประมวลผลของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ไมโครโพรเซสเซอรท์ ี่รจู้ กั กันดี ไดแ้ ก่
ย่ีหอ้ Motorola 68030 68040 ทีใ่ ชก้ บั เคร่อื งแมคอนิ ทอชของบรษิ ัทแอปเปลิ
ส่วนท่ใี ชก้ ับเครือ่ งพซี มี ีชอ่ื ว่า Intel 286, 386, 486 และ Pentium

สุดยอดคู่มอื ครู 29

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

2. สว่ นต่างๆ ของเคร่อื งพมิ พด์ ีด
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
1 2 3 4 5 6 7

30 98
29 28 10
27
26 11
12
25 - TAB + 13
24 14
15
23 16

22

21 20 19 18 17

หมายเลข 1 ปุม่ กาำ หนดระยะบรรทดั หมายเลข 2 แผงนาำ กระดาษ
หมายเลข 3 ปุ่มกั้นระยะซา้ ย หมายเลข 4 แนวกาำ หนดระดับบรรทดั
หมายเลข 5 ฝาครอบลูกยางใหญ่ หมายเลข 6 ป่มุ กนั้ ระยะขวา
หมายเลข 7 ก้านคลายกระดาษ หมายเลข 8 ปมุ่ ล้างแครข่ วา
หมายเลข 9 ปมุ่ เลื่อนแครข่ วา หมายเลข 10 ปุม่ บดิ ลกู บดิ ขวา
หมายเลข 11 รางทับกระดาษ หมายเลข 12 ลกู ยางรางทบั กระดาษ
หมายเลข 13 คนั ส่งผ้าหมกึ หมายเลข 14 ปมุ่ ต้ังระยะจาำ กดั ตอน
หมายเลข 15 แป้นถอยหลัง หมายเลข 16 ปมุ่ ปรบั นำ้าหนกั การพมิ พ์
หมายเลข 17 แป้นยกแครข่ วา หมายเลข 18 คานเวน้ วรรค
หมายเลข 19 คานกดต้ังระยะจาำ กัดตอน หมายเลข 20 แป้นยกแคร่ซา้ ย
หมายเลข 21 แป้นล็อกอกั ษรบน หมายเลข 22 ปมุ่ ปรับผา้ หมึกพิมพ์
หมายเลข 23 แปน้ ขออักษร หมายเลข 24 ปุ่มลบระยะจำากัดตอน
หมายเลข 25 ก้านปดั แคร่ หมายเลข 26 ปมุ่ บิดลกู บดิ ซา้ ย
หมายเลข 27 ป่มุ กาำ หนดระยะบรรทดั หมายเลข 28 ก้านฟรีระยะบรรทดั
หมายเลข 29 ปุ่มเลอื่ นแครซ่ ้าย หมายเลข 30 ปมุ่ ล้างแคร่ซ้าย

4 พิมพอ์ งั กฤษเบอ้ื งตน้

30 สดุ ยอดค่มู อื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

3. เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St ep 2 ข้นั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรุปความรู้

3.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ Processing

คอมพิวเตอร์ หมายถึงอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์ใช้เป็นเคร่ืองมือช่วยจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ 1. ผู้เรียนร่วมกันน�ำข้อมูลท่ีได้รวบรวมจาก
ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ท่ีใช้แทนความหมายในสิ่งต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถกำาหนดชุดคำาส่ังหรือโปรแกรม แหล่งเรยี นรตู้ ่างๆ เช่น หนังสอื อนิ เทอรเ์ น็ต
ลว่ งหนา้ ได ้สามารถทาำ งานไดห้ ลายรปู แบบ และนาำ ไปประยกุ ตใ์ ชง้ านไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวางทง้ั ดา้ นการแพทย ์การศกึ ษา อตุ สาหกรรม วารสาร ฯลฯ เกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นของ
การคา้ และความบนั เทิง การพิมพ์ดีดอังกฤษ ที่ทุกกลุ่มศึกษาค้นคว้า
คอมพวิ เตอรจ์ าำ แนกตามความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มลู และความเรว็ ในการประมวลผล ไดแ้ ก ่ ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร ์ มาจ�ำแนกและโยงสัมพันธ์ข้อมูลเก่ียวกับ
(Super Computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) และ สาระสำ� คญั ของแตล่ ะหวั ข้อให้ครบถ้วน
ไมโครคอมพวิ เตอร ์(Micro Computer) ซง่ึ มคี วามสามารถในการประมวลผลและการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ทลี่ ดหลนั่ กนั ลงมา โดยเฉพาะ 2. แต่ละกลุ่มเขียนสรุปความรู้ตามโครงสร้าง
เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ท่ีใช้งานท่ัวไปมีทั้งแบบติดตั้งใช้งานอยู่กับท่ีบนโต๊ะทำางาน (Desktop Computer) และแบบ เนื้อหาที่เชื่อมโยงได้เป็นผังกราฟิกความคิด-
เคลือ่ นยา้ ย (Portable Computer) พกพาตดิ ตวั ได ้ โดยอาศัยพลงั งานไฟฟา้ จากแบตเตอร่ี คอมพิวเตอรแ์ บง่ เปน็ ชนิดต่างๆ รวบยอดของความรู้เบ้ืองต้นของการพิมพ์ดีด
ไดด้ ังต่อไปน้ี อังกฤษ ดงั ตัวอยา่ ง
3.1.1 คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) เป็น
คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพ่ือใช้บนโต๊ะ โดยท่ัวไปจะมีขนาดใหญ่
และมีประสิทธิภาพมากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดอื่นๆ คอมพิวเตอร์
ต้ังโต๊ะประกอบด้วยช้ินส่วนที่แยกออกจากกัน เช่น จอภาพ เมาส์ คีย์บอร์ด1
ทเ่ี ชื่อมตอ่ กับตวั เครอ่ื ง

ภาพท่ี 1.4 คอมพิวเตอรต์ ง้ั โตะ๊

3.1.2 คอมพวิ เตอรแ์ ลป็ ทอ็ ป (Laptop Computer) เปน็ คอมพวิ เตอร์
ส่วนบุคคลแบบเคล่ือนที่ได้ มีน้ำาหนักเบา มีขนาดเล็ก และมีหน้าจอที่บางหรือ
เรยี กว่า คอมพวิ เตอร์โนต้ บกุ๊ (Notebook Computer) แล็ปทอ็ ปทำางานไดโ้ ดยใช้
แบตเตอรหี่ รอื ไฟบา้ น สามารถทาำ งานไดท้ กุ ท ี่ โครงสรา้ งของแลป็ ทอ็ ปจะเปน็ การรวม
ส่วนประกอบต่างๆ ไว้ด้วยกนั และใชห้ นา้ จอในลักษณะเปน็ บานพบั

ภาพท ี่ 1.5 คอมพวิ เตอร์แลป็ ท็อป

3.1.3 แท็บเล็ต2 (Tablet) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีขนาด ภาพท่ี 1.6 แทบ็ เล็ต 3. แต่ละกลุ่มน�ำข้อมูลจากผังกราฟิกสรุป
เล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พกพาง่าย น้ำาหนักเบา ส่ังงานด้วยการสัมผัส ความคิดรวบยอดของความรู้เบ้ืองต้นของ
หน้าจอและคีย์บอร์ดเสมือน ปรับหมนุ จอได้อัตโนมตั ิ แบตเตอรใ่ี ช้งานไดน้ านกวา่ การพมิ พด์ ีดองั กฤษ ทัง้ 5 จุดประสงค์การเรยี นรู้
คอมพวิ เตอรพ์ กพาทว่ั ไป ระบบปฏบิ ตั กิ ารมที งั้ ทเี่ ปน็ Android, iOS และ Windows มาช่วยกันอภิปรายผังกราฟิกข้อสรุปให้เข้าใจ
ตรงกันทกุ คน
1 คียบ์ อรด์ (ราชบณั ฑติ ยสถานใช ้ แผงแปน้ อกั ขระ = Keyboard)
2 แท็บเล็ต (ราชบณั ฑติ ยสถานใช้ เคร่อื งอา่ นพกิ ัด = Tablet)

5 ความรเู้ บอื้ งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

คอมพิวเตอรแ์ ล็ปทอ็ ปแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ทวั่ ไป คอื จอภาพเปน็ ลกั ษณะ
จอแอลซีดี และจอมีทัชแพดท่ีใช้สำ�หรับควบคุมการทำ�งานของลูกศรบริเวณ
หนา้ จอ

สดุ ยอดคู่มอื ครู 31

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ep 3 หขน้ัลปงั ฏกบิารัตปแิ ฏลิบะสัตริ ปุ ความรู้

AthpeplKyninogwlaenddgeConstructing

ผเู้ รยี นนำ� ขอ้ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจทไี่ ดจ้ ากการเรยี นรรู้ ว่ มกนั
ในกล่มุ เขยี นรายการปฏบิ ตั ติ ามท่ีสรุปได้
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St 3.1.4 คอมพิวเตอร์มือถือหรือเครื่องช่วยงานส่วนบุคคลแบบ
ดจิ ิทลั หรอื PDA (Personal Digital Assistant) เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีใชพ้ กพา
มปี ระโยชนใ์ นการบนั ทกึ หรอื เตอื นการนดั หมาย บนั ทกึ ทอี่ ยแู่ ละหมายเลขโทรศพั ท ์

รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ ทำางานด้วยแบตเตอร่ี มีหน้าจอสัมผัสท่ีใช้งานได้โดยใช้

นิว้ มือหรอื ปากกาสไตลัส

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มือถือแบบ PDA นี้ถูกรวมการใช้งาน ภาพท่ี 1.7 คอมพิวเตอร์มอื ถือ

เข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนท่ีในลักษณะของ Smart Phone ทำาให้โทรศัพท์เคลื่อนที่

สามารถทำางานต่างๆ ได้มากขึ้น โดยอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น โทรศัพท์

ท่ีใชร้ ะบบปฏิบัตกิ าร iOS หรือ Android
3.2 หลกั การทาำ งานของคอมพวิ เตอร์
คอมพวิ เตอร์เปน็ เครื่องอิเลก็ ทรอนกิ สแ์ บบอตั โนมตั ิ ทำาหน้าทเี่ สมอื นสมองกล ใช้สำาหรบั แก้ปัญหาตา่ งๆ ทง้ั งา่ ย

หรอื ซับซอ้ นด้วยวธิ ีทางคณติ ศาสตร ์ ประกอบไปด้วยอปุ กรณ์ทท่ี าำ งานตามหนา้ ที ่ 4 ส่วน คอื
3.2.1 หน่วยรบั เข้า (Input Unit) ทาำ หน้าทร่ี บั ขอ้ มูลจากหน่วยรับข้อมูล เชน่ คียบ์ อรด์ หรือเมาส์
3.2.2 หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ทาำ หนา้ ทป่ี ระมวลผลกับข้อมูล เพือ่ แปลงใหอ้ ยใู่ น
รปู อ่ืนตามทีต่ ้องการ
3.2.3 สว่ นแสดงผล3 (Output Unit) ทาำ หน้าท่แี สดงผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายงั หนว่ ยแสดงผลลัพธ์
เชน่ เคร่ืองพิมพ์ หรือจอภาพ
3.2.4 หน่วยความจำา (Memory Unit)
เครอ่ื งคอมพวิ เตอรจ์ ะทำาการเกบ็ ผลลพั ธจ์ ากการประมวลผล Memory

ไวใ้ นหนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู เพอ่ื ใหส้ ามารถนาำ มาใชใ้ หมไ่ ดใ้ นอนาคต Input Output
คอมพิวเตอร์จะรับข้อมูลผ่านอุปกรณ์ Unit Central
รบั เขา้ ทใ่ี ชส้ าำ หรบั สง่ั งานคอมพวิ เตอร ์ สง่ ใหห้ นว่ ยประมวลผล Processing Unit Unit

ทำาการประมวลผล โดยเปรียบเทียบกับข้อมูลท่ีอยู่ในหน่วย ALU CU

ความจำา หรือเกบ็ ผลการประมวลผลไวแ้ ลว้ นาำ มาแสดงผล ภาพท่ ี 1.8 การทำางานของคอมพวิ เตอร์
หน่วยประมวลผลกลาง (Central

Processing Unit: CPU) เปน็ สว่ นทใ่ี ชค้ าำ นวณและควบคมุ การทาำ งานตา่ งๆ ของคอมพวิ เตอร ์ ประกอบดว้ ย หนว่ ยคาำ นวณและ

ตรรกะ (Arithmetic-Logical Unit: ALU) คาำ นวณโดยใชเ้ ลขฐาน 2 เปรยี บเสมอื นหวั ใจของคอมพวิ เตอร์ และหนว่ ยควบคมุ

การทำางาน (Control Unit: CU) เป็นส่วนที่ใช้เชื่อมต่อแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน มีหน้าท่ีอ่านข้อมูลคำาส่ังท่ีอยู่ภายใน

หนว่ ยความจาำ หรอื ทไี่ ดจ้ ากอปุ กรณร์ บั เขา้ ทาำ การแปลความหมายและสง่ ไปประมวลผลใน ALU จากนน้ั นาำ ผลทไ่ี ดไ้ ปจดั เกบ็ ใน

หนว่ ยความจำาหรืออุปกรณส์ ่งออก และมหี นา้ ที่ควบคุมลาำ ดบั การทำางานของแตล่ ะขั้นตอนให้อย่ใู นเวลาท่เี หมาะสม
1) หนว่ ยความจำา (Memory Unit) เป็นสว่ นทเี่ กบ็ ขอ้ มลู (Data) และคาำ สงั่ (Instructions) โดยขอ้ มลู
ภายในหน่วยความจำาจะถูกแบง่ เปน็ สว่ นเล็กๆ เทา่ กัน แต่ละสว่ นมีทีอ่ ย ู่ (Address) เพอ่ื ใชเ้ ขา้ ถึงขอ้ มูลท่ถี ูกจัดเก็บเอาไว้
2) หน่วยรับเขา้ (Input Unit) เป็นสว่ นท่ีรบั ข้อมูลจากอปุ กรณ์รบั เขา้ ตา่ งๆ มาแปลงให้เปน็ สัญญาณท่ี
เหมาะสมเพื่อสง่ ให้หนว่ ยประมวลผล

3 ส่วนแสดงผล (ราชบัณฑติ ยสถานใช้ หน่วยส่งออก = Output Unit)

6 พิมพ์องั กฤษเบ้อื งต้น

3) หน่วยแสดงผล (Output Unit) เป็นส่วนที่นำาผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลออกไปให้อุปกรณ์
ส่งออกแสดงผล
3.3 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู มีลักษณะเป็นชิป องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ทำาให้
ขนาดเลก็ ทำ�จากซลิ คิ อน ภายในจะประกอบดว้ ยวงจร
จำ�นวนมากท่ีคอยรบั สญั ญาณขอ้ มลู เพือ่ ประมาณผล คอมพิวเตอร์สามารถทำางานได้อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วย
เลขฐาน 2 คอื ระบบเลขทมี่ สี ญั ลกั ษณเ์ พยี ง 2 ตวั คอื 0 กบั 1
แนวคดิ เรอ่ื งซอฟตแ์ วรป์ รากฏครง้ั แรกในเรยี งความของแอลนั ทวั รงิ องคป์ ระกอบต่างๆ ดังน ้ี
ซึ่งได้รบั การยกยอ่ งให้เปน็ บดิ าของวิทยาการคอมพวิ เตอร์ 3.3.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นอุปกรณ์ท่ี
ประกอบข้ึนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร ์ มีลักษณะเป็นโครงร่าง

สามารถมองเห็นดว้ ยตาและสัมผสั ได ้ เชน่ จอภาพ คยี ์บอร์ด

เครอ่ื งพมิ พ ์ เมาส์
3.3.2 ซอฟต์แวร์ (Software) คือชดุ คำาส่ังหรือ
โปรแกรมท่ีใช้ควบคุมการทำางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ภาพท่ี 1.9 ฮารด์ แวร์

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้
1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือ
ชดุ คาำ สง่ั หรอื โปรแกรมทค่ี วบคมุ การทาำ งานของคอมพวิ เตอร ์ เปน็ สอ่ื กลาง Software

ระหว่างโปรแกรมประยุกต์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพ่ือช่วยในการจัดการ System Application
ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยโปรแกรมท่ีแบ่งตามหน้าที่ Software Software
การทาำ งาน ดงั น้ี

(1) OS (Operating System) ทาำ หน้าทคี่ วบคมุ Package User
Program Program
การใชง้ านส่วนตา่ งๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์
(2) Translation Program ทาำ หน้าทีใ่ นการแปล

โปรแกรมหรอื ชดุ คาำ สงั่ ทเี่ ขยี นดว้ ยภาษาทไี่ มใ่ ชภ่ าษาเครอ่ื ง ภาษาระดบั สงู ภาพท่ ี 1.10 ประเภทของซอฟตแ์ วร์

ตา่ งๆ ให้เป็นภาษาทเี่ คร่ืองสามารถเขา้ ใจและนำาไปปฏิบตั ไิ ด้

(3) Utility Program ทาำ หน้าทีใ่ นการอาำ นวยความสะดวกให้กับผูใ้ ชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร ์ ให้สามารถ

ทาำ งานไดส้ ะดวก รวดเร็วและงา่ ยข้นึ

(4) Diagnostic Program ทำาหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการทำางานของอุปกรณ์ต่างๆ ของ

เครือ่ งคอมพิวเตอร์
2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำาส่ังหรือโปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาเพ่ือให้
เคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ำางานตามท่ผี ูใ้ ชต้ ้องการ ซ่ึงแบง่ ได้ดังน้ ี

(1) User Program เป็นโปรแกรมท่ีผู้ใช้เขียนมาใช้เอง โดยใช้ภาษาระดับสูงทางคอมพิวเตอร์ เช่น

ภาษา C, COBOL, Java หรือ FORTRAN เพ่ือให้ได้โปรแกรมทส่ี ามารถทาำ งานไดต้ ามทตี่ ้องการ เชน่ โปรแกรมระบบบญั ชี

โปรแกรมควบคุมสินคา้ คงคลัง โปรแกรมแฟ้มทะเบยี นประวัติ โปรแกรมคาำ นวณภาษ ี โปรแกรมเงินเดือน

(2) Package Program คือโปรแกรมสำาเร็จรูปที่สร้างหรือเขียนขึ้นมาโดยบริษัทต่างๆ พร้อมจะ

นาำ ไปใชง้ านไดท้ นั ท ี เชน่ โปรแกรมทางดา้ นการประมวลผลคำา สามารถจดั ทาำ เอกสาร รายงาน จดหมาย หนงั สอื ตา่ งๆ โปรแกรม

ทางด้านตารางงาน เปน็ โปรแกรมทใ่ี ช้ในการคำานวณข้อมูล มลี กั ษณะเป็นตาราง โปรแกรมทางด้านฐานขอ้ มูล เป็นโปรแกรม

7 ความรเู้ บอ้ื งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

32 สดุ ยอดคูม่ อื ครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5 . ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด Stทีท่ าำ งานทางด้านการจัดการฐานข้อมลู ชว่ ยจัดเกบ็ ข้อมลู แก้ไข ค้นหา เพมิ่ เติม รวมทงั้ การจดั เรียงข้อมูล โปรแกรมทางดา้ นep 4 ขัน้ ส่ือสารและนำ� เสนอ
การจดั การรปู ภาพ โปรแกรมเกม และโปรแกรมทางดา้ นการตดิ ต่อสอื่ สาร
3.3.3 บคุ ลากร4 (Peopleware) หมายถึงบุคคลท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั คอมพวิ เตอร์ในดา้ นต่างๆ แบ่งได ้ 4 กลมุ่ ได้แก่ CApopmlyminugnitchaetion Skill
1) ผู้จัดการระบบ (System Manager) เป็นผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ของหน่วยงาน 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอให้กลุ่มอ่ืนรับรู้ด้วยเทคนิควิธี
2) นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) เป็นผู้ท่ีศึกษาระบบงานเดิมหรือระบบงานใหม่และ ท่ีเหมาะสม บูรณาการการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกในการ
ทาำ การวเิ คราะหค์ วามเหมาะสม ความเปน็ ไปไดใ้ นการใชค้ อมพวิ เตอรก์ บั ระบบงาน เพอื่ ใหโ้ ปรแกรมเมอรเ์ ปน็ ผทู้ เ่ี ขยี นโปรแกรม นำ� เสนอผลงาน
ให้กบั ระบบงาน 2. สมาชิกกลุ่มอื่นร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นจากการ
3) โปรแกรมเมอร์5 (Programmer) เป็นผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำางานตาม นำ� เสนอของแตล่ ะกลมุ่ ในประเดน็ เรอื่ งความถกู ตอ้ งครอบคลมุ
ความตอ้ งการของผใู้ ช ้ โดยเขียนตามแผนผงั ท่นี กั วเิ คราะห์ระบบได้เขยี นไว ้ ในเรื่องความรู้เบ้ืองต้นของการพิมพ์ดีดอังกฤษและให้
4) ผใู้ ช้ (User) เป็นผู้ใชง้ านคอมพวิ เตอร์ทั่วไป ทีต่ ้องเรียนรู้วิธีการใช้เครอ่ื งและวธิ ีการใช้งานโปรแกรม ข้อเสนอแนะ
เพื่อให้โปรแกรมท่มี ีอย่สู ามารถทาำ งานได้ตามท่ตี ้องการ
3.3.4 ขอ้ มูล (Data) เปน็ สิง่ ทีต่ ้องป้อนเข้าไปในคอมพวิ เตอร์ พรอ้ มกบั โปรแกรมท่โี ปรแกรมเมอร์เขียนขน้ึ เพื่อ บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ผลติ ผลลพั ธท์ ตี่ อ้ งการออกมา ขอ้ มลู ทส่ี ามารถนาำ มาใชก้ บั คอมพวิ เตอรไ์ ด ้ เชน่ ขอ้ มลู ตวั เลข (Numeric Data) ขอ้ มลู ตวั อกั ษร การทำ� งานเป็นทมี ทมี ละ 3-5 คน ฝึกการคดิ วเิ คราะห์
(Text Data) ข้อมลู เสยี ง (Audio Data) ขอ้ มูลภาพ (Images Data) และขอ้ มลู ภาพเคล่อื นไหว (Video Data) การแก้ปัญหา

3.4 สื่อท่ีใชใ้ นการบันทกึ ข้อมูล
ส่ือบันทึกข้อมูล เป็นหน่วยความจำาสำารองที่อยู่ภายในและภายนอกเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ใช้บันทึกและเก็บรักษา

ขอ้ มูลไวใ้ ช้ในอนาคต ส่อื ทใ่ี ชใ้ นการบันทกึ ขอ้ มูล ในปจั จุบนั มีหลายชนิดดังนี้

3.4.1 ฮาร์ดดิสก์6 (Hardisk) เป็นหน่วยเก็บข้อมูลขนาดความจุสูง
ซง่ึ มอี ยใู่ นเครอื่ งคอมพวิ เตอรพ์ ซี ี ขนาดความจขุ องฮารด์ ดสิ กม์ ตี ง้ั แตเ่ มกะไบตจ์ นถงึ

กกิ ะไบต ์ ปกตแิ ลว้ เมอื่ เปดิ เครอ่ื งใชง้ านคอมพวิ เตอรจ์ ะทาำ การโหลดโปรแกรมดอส

และโปรแกรมจดั การระบบทสี่ าำ คัญจากฮารด์ ดสิ กล์ งในหน่วยความจำา RAM
3.4.2 ซดี รี อม (CD-ROM: Compact Disc Read Only Memory)
และดีวดี ี (Digital Versatile Disc: DVD)
ซดี -ี อาร ์ (CD-R) หรือซีด-ี อาร์ดบั บลิว (CD-RW) จะมีการฉาบ ภาพที่ 1.11 ฮาร์ดดสิ ก์

ผิวสารเคมีบางอย่างท่ีไวต่อแสงมาก เม่ือทำาการฉายแสงเลเซอร์ลงไปตกกระทบ

สารเคมีทเ่ี คลอื บจะทำาการซึมซบั ข้อมูลจากแสงได้อย่างรวดเรว็

ดีวีดี (Digital Versatile Disc: DVD) เป็น

แผ่นสาำ รองข้อมูลท่ีได้รับความนยิ มสำาหรบั การบันทึกข้อมลู เนื่องจาก

สามารถเก็บข้อมูลไดเ้ ปน็ จาำ นวนมาก ลกั ษณะของแผ่นดีวีดจี ะเหมอื น

แผน่ ซดี ี มีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางขนาด 120 มม. และหนา 1.2 มม. แตว่ ิธี

การบนั ทึกขอ้ มูลตา่ งกนั ภาพที่ 1.12 ซดี ีรอมและดีวีดี

4 บคุ ลากร (ราชบัณฑติ ยสถานใช้ สว่ นบุคลากร = Peopleware)
5 โปรแกรมเมอร ์ (ราชบณั ฑติ ยสถานใช ้ นกั เขยี นโปรแกรม = Programmer)
6 ฮาร์ดดสิ ก ์ (ราชบณั ฑติ ยสถานใช ้ จานบันทึกแบบแข็ง = Hard Disk)

8 พมิ พ์อังกฤษเบือ้ งต้น

หน่วยความจำ�ชนิดนี้อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูล แผ่นดีวีดีนั้นจะใช้แสงเลเซอร์สีแดงขนาด 640 นาโนเมตร ส่วนแผ่นซีดีจะใช้แสงอินฟราเรดขนาด
ไดใ้ นตำ�แหน่งต่างๆ อย่างอสิ ระและรวดเร็วพอสมควร 780 นาโนเมตร หรือแสงที่มีความถี่ต่ำากว่าสีแดง บันทึกข้อมูลและความลึกของร่องที่ใช้เก็บข้อมูลบนแผ่นซีดีมีขนาด
0.834 ไมครอน มีความจขุ อ้ มลู ได้เพียง 0.8 กิกะไบต์ แผน่ บันทึกขอ้ มลู แบบดวี ดี ีมีขนาด 0.40 ไมครอน และสามารถจขุ อ้ มลู
ได ้ 4.7 กิกะไบต์
แผ่นดีวีด-ี อาร์ (DVD-R) สามารถบนั ทกึ ไดค้ รัง้ เดยี วเชน่ เดยี วกับแผน่ ซีดี-อาร ์ สว่ นแผ่นดวี ดี -ี อาร์ดับบลิว
(DVD-RW) ทาำ งานเหมือนแผ่นดวี ีดี-อาร์ (DVD-R) แตส่ ามารถบันทึกและลบทง้ิ ได้ประมาณ 1,000 ครัง้ การบันทกึ ข้อมลู ลง
แผ่นดีวีดีน้ันทำาเช่นเดียวกับแผ่นซีดีแบบ CD-R หรือ CD-RW คือใช้โปรแกรมช่วยในการบันทึกและใช้เครื่องบันทึกข้อมูล
ลงแผน่ ดวี ดี ีเปน็ ตัวบนั ทกึ
3.4.3 หน่วยความจำาประเภทแฟลช (Flash Memory) การทำางานคล้ายกบั หน่วยความจาำ DRAM, SDRAM
หรือ RDRAM สามารถเขียนและแก้ไขข้อมูลได้ตลอดเวลา ข้อมูลท่ีถูกบันทึกลงไปในหน่วยความจำาจะยังคงอยู่จนกว่าจะ
ทำาการลบข้อมูลน้ันทิ้งไป เหมาะสำาหรับอุปกรณ์ท่ีต้องมีการเคล่ือนย้าย พกพาได้สะดวก หน่วยความจำาประเภทน้ี
มคี วามทนทานและเสียหายได้ยากกวา่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมลู ประเภทอืน่

ภาพท ่ี 1.13 หน่วยความจาำ ประเภทแฟลช

3.5 หลักการใชค้ อมพวิ เตอร์ให้มปี ระสิทธิภาพ
3.5.1 ปรับสภาพบรรยากาศและอณุ หภูมิของห้องปฏบิ ตั กิ ารให้สบายไมร่ ้อนหรอื ไม่หนาวจนเกนิ ไป
3.5.2 น่งั ให้ห่างจากจอภาพประมาณ 45–60 เซนติเมตร ขอบจอภาพอยูร่ ะดับสายตา
3.5.3 ใช้เก้าอ้ีที่ปรับสงู ตาำ่ ได ้ เพ่ือให้การน่งั พิมพใ์ นท่าท่ีสบาย
3.5.4 วางข้อมือใหอ้ ยูใ่ นตาำ แหนง่ ทเี่ ป็นธรรมชาต ิ ไม่ควรเอยี งข้อมือไปทางซา้ ยหรือทางขวา
3.5.5 ยกแป้นทอ่ี ยูข่ า้ งใต้แปน้ คีย์บอรด์ ขึน้ เพือ่ ความสะดวกสบายในการพิมพ์
3.5.6 วางคยี บ์ อร์ดและเมาสอ์ ย่ใู นระดบั เดยี วกนั
3.5.7 เลอื กใช้คียบ์ อร์ดและเมาส์ที่มีคุณภาพดี
3.5.8 หม่ันเอาใจใส่ในการรกั ษาความสะอาดของเครอื่ งคอมพิวเตอร์สมำ่าเสมอ
3.5.9 ปรบั ค่าความสว่างของจอภาพ (Brightness) และความคมชดั (Contrast) ใหพ้ อเหมาะ
3.5.10 เม่ือมีอาการเมื่อยล้าสายตา ควรมองไปยังที่ที่อยู่ไกลๆ เพ่ือเป็นการพักสายตาและหาทัศนียภาพ
ที่สบายตา

9 ความรเู้ บอ้ื งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

สดุ ยอดคูม่ อื ครู 33

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

Step 5 บขน้ัรปิกราระเสมังนิ คเพมแื่อลเพะจิ่มิตคสุณาคธา่ารณะ 4. หลกั การพมิ พส์ มั ผสั

สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัดSelf-Regulating 4.1 ทา่ นัง่ พิมพ์

1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบ 4.1.1 นั่งตัวตรง คอต้ัง ไม่งอหลัง ไม่นั่งไขว่ห้าง ปล่อยแขนตามสบาย ไม่เกร็งข้อศอก เท้าวางราบกับพื้น
ความรู้ความเข้าใจของตนเอง หลังจากรับฟัง ทง้ั 2 ขา้ ง เท้าข้างใดขา้ งหนึ่งเยอื้ งไปขา้ งหน้าเล็กน้อย
การน�ำเสนอของสมาชิกกลุ่มอ่ืนว่าถูกต้อง 4.1.2 เก้าอ้ที ใ่ี ชน้ ัง่ พมิ พด์ ีดหรอื พมิ พค์ อมพวิ เตอร์ควรปรบั สงู ตา่ำ ไดต้ ามตอ้ งการ
ครอบคลุมเพียงใด มีสิ่งใดบ้างท่ีต้องปรับปรุง 4.1.3 นัง่ หา่ งจากขอบโตะ๊ ประมาณ 1 คืบ
เพมิ่ เตมิ ปรบั ชน้ิ งาน ผงั กราฟกิ ความคดิ รวบยอด
ของกลมุ่ ตนใหส้ มบรู ณแ์ ละบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ 4.2 การวางมือและนิ้วบนแปน้ อักษร
ทีก่ �ำหนด
2. ผเู้ รยี นแตล่ ะคนทำ� กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 4.2.1 ขอ้ มือต่ำา น้วิ โค้ง
(หนังสือเรียน หน้า 12) แลกเปลี่ยนกันตรวจ 4.2.2 วางนว้ิ ลงบนแป้นเหย้า ดังน้ี
และรวบรวมคะแนน เพื่อสรุปผลการเรียน
เมอ่ื จบหน่วยการเรยี นรู้ มอื ซา้ ย นิว้ ก้อย วางที่แป้นอักษร A มือขวา น้ิวช ี้ วางท่ีแป้นอักษร J
3. น�ำเสนอผลการปฏิบัติงานแสดงในป้ายนิเทศ น้ิวนาง วางที่แป้นอกั ษร S นวิ้ กลาง วางท่ีแป้นอกั ษร K
หรอื เผยแพรส่ หู่ อ้ งเรยี นอนื่ หรอื สาธารณะ และ นิว้ กลาง วางทแ่ี ป้นอักษร D นว้ิ นาง วางที่แป้นอักษร L
ก�ำหนดแนวทางการพัฒนาตนเอง นิว้ ช้ ี วางท่ีแปน้ อกั ษร F นิว้ กอ้ ย วางที่แปน้ อกั ษร ;
แป้นเหย้า (Home Keys) หมายถึงแป้นอักษร ซึง่
ใช้เป็นท่พี กั นิ้วมือระหว่างพมิ พ์ 4.3 การดีดแปน้ อกั ษรหรอื การเคาะแปน้ อักษรบนเครอื่ งพิมพ์ดดี

การปัดแคร่ คือการข้ึนบรรทัดใหม่ ในการพิมพ์งาน 4.3.1 วางปลายน้ิวลงบนแป้นเหย้า
ด้วยเคร่ืองพิมพ์ดีด เม่ือพิมพ์งานไปจนหมด 4.3.2 ดดี หรือเคาะบนแปน้ อกั ษรทต่ี ้องการเบาๆ นมุ่ นวล (ไมใ่ ชก่ ารกดนิ้วหรือจิม้ นิว้ )
บรรทัด (ซึ่งหมายถึงพิมพ์ถึงการกั้นระยะหลัง) 4.3.3 ยกเฉพาะนิ้วที่ดดี หรือเคาะข้ึนอยา่ งรวดเรว็
แล้วจะได้ยินเสียงกริ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้ 4.3.4 อย่าวางข้อมอื ลงบนขอบเคร่ืองพมิ พด์ ีดหรอื ขอบของคีย์บอรด์
ปัดแคร่ขนึ้ บรรทัดใหมไ่ ดแ้ ล้ว 4.3.5 การปัดแคร่ ใชม้ ือซ้ายเหยยี ดนิ้วทง้ั 4 ให้ตรง งอน้วิ หัวแมม่ อื ปลายนิว้ ชี้แตะด้ามปดั แคร่

4.4 การวางตน้ ฉบบั

4.4.1 วางเอกสารหรือแบบพิมพไ์ ว้ขวามือ ใหห้ วั เอกสารหรอื ต้นฉบบั เอียงไปทางขวามือเล็กน้อย
4.4.2 สายตามองที่เอกสารหรือแบบพิมพ์
4.4.3 การฝึกพิมพ์สัมผัสไม่ควรท่องจำาแล้วพิมพ์ ไม่ควรพิมพ์จนจบประโยคแล้วหันกลับมาดู เพราะจะทำาให้
การพฒั นาดา้ นการพมิ พไ์ มก่ า้ วหนา้ การพมิ พส์ มั ผสั ทด่ี ผี พู้ มิ พต์ อ้ งมสี มาธ ิ มใี จจดจอ่ อยกู่ บั งานทพี่ มิ พ ์ ตาตอ้ งมองทแ่ี บบพมิ พ์
เสมอและเคลอ่ื นไหวมอื อย่างต่อเนอื่ ง พมิ พ์ไดจ้ ังหวะสมำา่ เสมอ

4.5 การปฏบิ ัตติ นในการใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์

4.5.1 ตรวจความพรอ้ มของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เปิดเครอื่ ง และโปรแกรมทใ่ี ช้ในการพมิ พ์
4.5.2 น่ังพิมพ์ในท่าท่ีถูกต้อง วางแขนให้พอดีกับลำาตัวเพื่อการก้าวนิ้วได้สะดวกและคล่องแคล่ว วางนิ้วท่ี
แปน้ เหยา้ เคาะแป้น สืบนวิ้ ใหถ้ กู ต้อง
4.5.3 ฝึกพิมพ์ ควรฝึกท้ังความเร็วและความแม่นยำาควบคู่กัน ฝึกการเคลื่อนไหวน้ิวให้เร็วและเคาะคีย์บอร์ด
เพยี งเบาๆ ใหม้ นี าำ้ หนกั ที่เหมาะสม

10 พมิ พ์อังกฤษเบอ้ื งตน้

34 สุดยอดคูม่ ือครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5 . ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

4.5.4 การพมิ พพ์ ฒั นาความเร็วทุกครงั้ ใหต้ งั้ ใจพมิ พใ์ หด้ ที ี่สดุ ทักษะชีวิต
4.5.5 การสร้างทักษะความเร็วด้วยการจับเวลา ควรเน้นการพิมพ์ให้ถูกต้องโดยการสร้างความเร็ว และ ฝึ กการประสานงาน การท�ำงานเป็นทีม
ความแมน่ ยาำ ไปพรอ้ มๆ กนั สง่ิ ทส่ี าำ คญั ทสี่ ดุ คอื ตอ้ งพมิ พใ์ หผ้ ดิ นอ้ ยทสี่ ดุ และการฝกึ พมิ พจ์ ะตอ้ งระมดั ระวงั จงั หวะการพมิ พ์ โดยร่วมกันศึกษาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
และนาำ้ หนกั ในการดีดตัวอกั ษรใหส้ มาำ่ เสมอ ในเร่ืองความรู้เบื้องต้นของการพิมพ์ดีดอังกฤษ
ตามหัวข้อต่างๆ ท่ีได้รับมอบหมาย และร่วมกัน
4.6 เทคนิคการพมิ พเ์ ร็ว สรปุ ขอ้ มลู จากนน้ั สง่ ตวั แทนออกมานำ� เสนอขอ้ มลู
หน้าชั้นเรยี น
4.6.1 วางน้ิวให้ถกู ต้อง จาำ แป้นอกั ษรใหแ้ มน่ ยำา สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
4.6.2 ตงั้ ใจพมิ พแ์ ป้นอกั ษรทุกแป้นอย่างมสี มาธิ
4.6.3 กา้ วน้วิ ใหเ้ รว็ ขึน้ ดว้ ยความมั่นใจในการพมิ พ์
4.6.4 เคาะแป้นตวั อกั ษรโดยใช้บริเวณหวั นว้ิ งมุ้ กดบนแปน้ อกั ษร
4.6.5 ไม่ควรให้ข้อมือตกติดขอบเครื่อง ให้ข้อมืออยู่ขนานกับขอบเครื่อง ตามองแบบพิมพ์ การมองแบบพิมพ์
ใหม้ องเปน็ คำา ไม่ควรมองทีละดีดหรือทลี ะตัวอกั ษร

5. การบาำ รงุ รกั ษาเครื่องพมิ พด์ ีดและเครือ่ งคอมพิวเตอร์

5.1 เครอ่ื งพิมพ์ดีด

การบาำ รงุ รักษาเครือ่ งพิมพ์ดีด ไดแ้ ก่
5.1.1 การบาำ รงุ รกั ษาประจาำ วนั (ในช่ัวโมงเรียน)
1) เปดิ ผ้าคลมุ เครื่องแล้วพบั ใหเ้ รียบรอ้ ย
2) ตรวจความเรียบรอ้ ยของเครื่องพิมพ์ดีดก่อนใช้งานทุกคร้ัง
3) หลงั จากเลิกใช้งานควรใช้แปรงขนอ่อนๆ ปัดฝ่นุ ใหส้ ะอาด และทำาความสะอาดใตเ้ ครอื่ งพิมพด์ ดี
4) ปรบั ปุ่มสมั ผสั หนกั เบาใหอ้ ยใู่ นตำาแหนง่ เบาทีส่ ดุ
5) ล้างแท็บท่ีตง้ั ไว้ทัง้ หมด
6) เปิดคันโยกฟรรี ะยะบรรทดั
7) เปิดคันโยกฟรกี ระดาษ
8) เล่ือนก้ันหน้าและกน้ั หลงั มาไว้ในตำาแหน่งจุดกงึ่ กลางแคร่
9) ใช้ผ้าคลุมเครอื่ งให้เรียบรอ้ ยและเลอ่ื นเกา้ อ้เี กบ็ ไวใ้ ห้เรยี บรอ้ ย
5.1.2 การบำารงุ รักษาประจาำ สปั ดาห์
1) ใช้แปรงทองเหลอื งแปรงบริเวณหนา้ ตัวอกั ษรเบาๆ เพ่ือป้องกนั ตัวอักษรหลุด
2) ใชผ้ า้ สะอาดชุบแอลกอฮอลเ์ ชด็ ไปตามแนวยาวของลกู ยางใหญ่
5.1.3 การบำารงุ รักษาประจาำ เดือน
1) ใชน้ ำ้ามนั หลอ่ ล่ืนหยอดตามจดุ ตา่ งๆ เช่น รอ่ งทางเดนิ ลกู ปนื แคร่
2) ตรวจเชก็ ผา้ หมกึ โดยการทดลองพมิ พว์ า่ ตวั อกั ษรชดั เจนหรอื ไม ่ ถา้ ตวั อกั ษรจางควรเปลย่ี นผา้ หมกึ ใหม่
3) ใช้เครื่องเปา่ เปา่ ฝนุ่ ออกจากเครือ่ งพมิ พด์ ีด
5.1.4 การบำารงุ รักษาประจาำ ปี
ถอดเครอ่ื งล้างคราบน้าำ มนั เศษกระดาษ เศษผงออกจากเครือ่ งใหห้ มด แล้วหยอดน้าำ มันหลอ่ ลนื่ ใหม่

11 ความรเู้ บอ้ื งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

เรียนรู้ค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับเน้ือหา ค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้
ต่างๆ และทบทวนค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยฝึกใช้ค�ำศัพท์ดังกล่าวในการ
นำ� เสนอผลงานในขนั้ ท่ี 4

สุดยอดคู่มือครู 35

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ผ้าใยไมโครไฟเบอร์ เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ผลิตจาก 5.2 เครอ่ื งคอมพิวเตอร์
โพลีเอสเตอร์ ใช้วิธีหลอมแล้วฉีดรีดเส้นใยจาก
หัวฉีดสปินเนอเร็ต ลักษณะความละเอียดของผ้า การบาำ รงุ รกั ษาเครอื่ งคอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่
ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของรสู ปนิ เรอเรต็ มคี ณุ สมบตั อิ อ่ นนมุ่ 5.2.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware)
กว่าผ้า ใช้ทำ�ความสะอาดพ้ืนผิวที่ต้องการป้องกัน 1) การทาำ ความสะอาดจอภาพ (Monitor) ปดิ เครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ หเ้ รยี บรอ้ ย แลว้ ฉดี นา้ำ ยาทาำ ความสะอาด
การเกดิ รอย ลงบนผา้ ที่ชุบนาำ้ หมาดๆ เช็ดทขี่ อบจอคอมพวิ เตอร์ ไม่ควรใหน้ าำ้ หยดลงไปขา้ งในจอ หากเปน็ จอแบบ LCD (Liquid Crystal
Disk Cleanup คอื การทำ�ความสะอาดฮารด์ ดสิ ก์ โดย Display) ใชผ้ ้านมุ่ ชบุ นำา้ พอหมาด เช็ดซ้าำ ดว้ ยผ้าแห้ง หรอื ใช้ผ้าใยไมโครไฟเบอร์
ลบไฟลท์ ไี่ มจ่ ำ�เป็นตอ่ การใช้งานออกจากฮารด์ ดิสก์ 2) Mouse ใช้ผา้ ชบุ น้าำ หมาดๆ เชด็ หรอื ใชน้ า้ำ ยาลา้ งทำาความสะอาดเช็ด
การ Scan Disk เป็นการตรวจสอบ ซ่อมแซม พ่นื้ ท่ี 3) CASE ควรใช้เคสที่ระบายความร้อนได้ดี ใช้ผา้ ชบุ นำา้ หมาดๆ เช็ด หรือใชน้ า้ำ ยาล้างทาำ ความสะอาดเชด็
ทีอ่ าจกลายเป็นพน้ื ท่ีเสยี 4) คีย์บอร์ด ควรนำาคีย์บอร์ดควำ่าลงแล้วเคาะฝุ่นละอองที่ติดตามซอกออก อย่างน้อยเดือนละ 1 คร้ัง
Disk Defragment คือการจัดข้อทูลท่ีบันทึกลงใน ใชน้ ้าำ ยาเช็ดทาำ ความสะอาด เพอ่ื ใหส้ ามารถกดป่มุ ไดค้ ล่องแคล่ว
ฮารด์ ดสิ กใ์ หเ้ ปน็ ระเบยี บ สะดวกตอ่ การเรยี กหาขอ้ มลู 5.2.2 ซอฟตแ์ วร ์ (Software)
1) ลบไฟล7์ ทีไ่ มจ่ ำาเปน็ ด้วย Disk Cleanup
เฉลยอยู่ใน CD สือ่ ส่งเสรมิ การเรียนรู้ 2) ลบไฟล์จาก Recycle Bin
ภาคผนวกหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 3) ซอ่ มแซมดสิ ก์ดว้ ย Scan Disk
4) จัดเรยี งขอ้ มูลในดสิ กด์ ว้ ย Disk Defragment
5) ทาำ การ Backup ข้อมูลอยู่เสมอ อยา่ งน้อยเดอื นละ 1 คร้งั ไมว่ า่ จะ Backup ไว้ในแผน่ CD หรอื ถา่ ย
ขอ้ มูลไปไวใ้ นฮาร์ดดิสกอ์ ่นื
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ

คำาช้ีแจง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเปน็ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะเฉพาะด้านความร้-ู ความจาำ เพ่ือใช้ในการตรวจสอบ
ความเข้าใจตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

คำาสั่ง จงตอบคำาถามตอ่ ไปนี้

1. จงอธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มาของเครือ่ งพิมพด์ ดี ภาษาองั กฤษ โดยสังเขป
2. จงยกตวั อยา่ งส่วนต่างๆ ของเครื่องพมิ พด์ ีด 10 ชิ้น พร้อมอธบิ าย
3. จงอธิบายองค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ โดยสงั เขป
4. จงอธิบายหลักการพมิ พ์สมั ผสั ท่ีผูเ้ รียนควรปฏิบัต ิ โดยสงั เขป
5. จงเขียนผังความคิดเรื่องวิธีการบำารุงรักษาเครื่องพิมพ์ดีดและการบำารุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมยกตัวอย่าง
ประกอบ

7 ไฟล ์ (ราชบณั ฑติ ยสถานใช ้ แฟ้ม, แฟม้ ข้อมลู = File)

12 พมิ พ์อังกฤษเบื้องต้น

36 สุดยอดคูม่ ือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่ผู้สอน
ให้ผู้เรียนปฏิบัติทุกข้อหรือเลือกปฏิบัติเป็นบางข้อ
คำาชแี้ จง กจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรปู้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝ่ี กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ตามความเหมาะสม โดยผู้สอนให้คะแนนการทำ�
เพอ่ื ใหเ้ กดิ สมรรถนะในการเรยี นร ู้สามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทงั้ ในและนอกสถานทตี่ ามความเหมาะสมกบั ผเู้ รยี นและ กิจกรรมตามเกณฑ์ของใบสรุปผลการทำ�กิจกรรม
ส่ิงแวดล้อมของสถานศกึ ษา และสามารถนำ�ผลการทำ�กิจกรรมไปเทียบกับ
การให้คะแนนกับตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
1. ใหผ้ ูเ้ รยี นแบง่ ออกเป็น 4 กลุ่ม จับสลากเลอื กหวั ขอ้ ท่กี าำ หนด ร่วมกนั ศึกษาขอ้ มูลจากแหล่งเรียนร้ตู า่ งๆ เช่น หนงั สอื ของเน้อื หากบั จดุ ประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชา
อนิ เทอร์เน็ต วารสาร ฯลฯ รว่ มกนั สรุปข้อมูลและส่งตัวแทนออกมานำาเสนอขอ้ มูลหน้าชัน้ เรยี น กลมุ่ ละ 3-5 นาที และจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมได้
กลุ่มท่ ี 1 ประวัติความเปน็ มาของเครื่องพิมพด์ ีดภาษาองั กฤษ ผู้สอนพิจารณาคำ�ผิดตามหลักเกณฑ์การพิจารณา
กลมุ่ ที ่ 2 ส่วนตา่ งๆ ของเคร่อื งพิมพด์ ีด คำ�ท่ถี อื ว่าเปน็ คำ�ผดิ
กลุม่ ท่ี 3 เครือ่ งคอมพิวเตอรแ์ ละองคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์
กลุม่ ท่ี 4 หลักการพมิ พส์ มั ผัส
2. ให้ผูเ้ รยี นฝกึ การวางนิ้ว และเคาะนว้ิ บนแปน้ พิมพ์ตามที่ผู้สอนขานบอก
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
มอื ซ้าย น้ิวกอ้ ย วางทีแ่ ปน้ อักษร A มอื ขวา นวิ้ ชี้ วางท่แี ปน้ อกั ษร J
น้ิวนาง วางทีแ่ ปน้ อกั ษร S นว้ิ กลาง วางทแ่ี ปน้ อกั ษร K
นิว้ กลาง วางท่ีแปน้ อักษร D นว้ิ นาง วางทแ่ี ป้นอักษร L
นว้ิ ช ้ี วางท่แี ป้นอักษร F นว้ิ กอ้ ย วางท่ีแปน้ อักษร ;

สรปุ ผลการทำากจิ กรรม

คำาชี้แจง ให้ผเู้ รียนประเมินผลการทาำ กจิ กรรม โดยเขียนเครือ่ งหมาย ✓ลงในชอ่ ง ตามความเป็นจริง

ความร ู้ (K) ทกั ษะ (P) คุณลักษณะ (A) เกณฑก์ ารประเมิน
ทำาเครอื่ งหมาย ✓
ความรู ้ ความเขา้ ใจ การปฏบิ ัติงานที่ได้รบั การมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ใน ในแตล่ ะตอน 3 ขอ้
การนำาไปใช ้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสร็จตามเวลา การปฏิบัติกิจกรรม คือ ผ่านการประเมิน
การสงั เคราะห ์ ทกี่ าำ หนด
การประเมนิ ค่า ความมวี ินัย ตรงต่อเวลา 1. ความรู้ (K)
การศึกษาค้นคว้า การปฏบิ ัตงิ านดว้ ยความ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ผ่าน ไม่ผ่าน
การแสวงหาแหล่งขอ้ มลู ละเอียด รอบคอบ ปลอดภัย ในการทำางาน
และการรวบรวมข้อมลู เรียบรอ้ ย สวยงาม 2. ทกั ษะ (P)
การแสดงความคดิ เหน็ ความสมบรู ณข์ องงาน ประพฤติตนดว้ ยความ ผ่าน ไม่ผา่ น
อย่างมเี หตุผล หรอื แสดง ถกู ต้องตามศีลธรรม
ขั้นตอนและกระบวนการ การปฏบิ ตั งิ านที่ทาำ ให้เกิด อันดีงาม 3. คุณลักษณะ (A)
ทาำ กิจกรรม สมรรถนะแก่ผเู้ รียน ผ่าน ไมผ่ ่าน
การหาประสบการณ์ เจตคตทิ ่ีดใี นการปฏบิ ัติ
ความรู้ใหม่ ทกั ษะการวางแผน การคิด กิจกรรม
สร้างสรรค ์ การออกแบบ
การผลติ ความพอเพยี งและความ
พอประมาณ
การตัดสนิ ใจในการแกป้ ญั หา

หมายเหต ุ เกณฑ์การประเมนิ ผลการทาำ กิจกรรม มวี ตั ถุประสงค์เพ่ือประเมนิ วา่ ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้ตามบริบทตา่ งๆ หรือไม ่
โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คอื ความร้หู รอื พุทธิพสิ ยั = Knowledge (K) ทักษะหรอื ทกั ษะพิสยั = Practice (P) คุณลักษณะหรอื จติ พิสัย
= Attitude (A)

13 ความรเู้ บอื้ งตน้ ของการพมิ พด์ ดี องั กฤษ

กิจกรรมท้าทาย
ให้ผู้เรียนฝึกวิเคราะห์เก่ียวกับข้อแตกต่างระหว่างการพิมพ์สัมผัส
ด้วยเครอื่ งพิมพด์ ดี และการพมิ พ์สมั ผสั ด้วยคอมพิวเตอร์

สุดยอดคมู่ อื ครู 37

ตารางสรปุ คะแนนการประเมินจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
และสมรรถนะประจำ� หน่วย

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความรู้เบอ้ื งต้นของการพมิ พ์ดีดองั กฤษ

คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรยี นรู้
1. สงวนลิขสิท ิ์ธ บริ ัษทพัฒนาคุณภบอกประวั ิตความเ ็ปนมาของเครื่องพิม ์พ ีดดภาษา ัองกฤษไ ้ดาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
2. บอก ่สวนต่างๆ ของเค ื่รองพิม ์พ ีดดไ ้ดชน้ิ งาน/การแสดงออก รวม
3. อธิบายอง ์คประกอบของคอม ิพวเตอ ์รไ ้ดท่กี �ำหนดในหนว่ ยการเรยี นรูห้ รอื หน่วยย่อย
4. บอกห ัลกการ ิพมพ์ ัสม ัผสไ ้ด
5. บอกวิ ีธการบ�ำ ุรง ัรกษาเค ่ืรอง ิพมพ์ ีดดและเค ่ืรอง
คอมพิวเตอ ์รได้
ภาระงาน/ชนิ้ งานระหวา่ งเรยี น
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมลู เก่ยี วกับประวัติ
ความเป็นมาของเคร่ืองพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ
สว่ นตา่ งๆ ของเครอ่ื งพมิ พด์ ดี เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์และ
องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ หลกั การพมิ พส์ มั ผสั และ
การบำ�รุงรกั ษาเครื่องพิมพ์ดีดและเคร่ืองคอมพวิ เตอร์
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติ
ความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ
สว่ นตา่ งๆ ของเครอ่ื งพมิ พด์ ดี เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ละ
องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ หลกั การพมิ พส์ มั ผสั และ
การบำ�รุงรกั ษาเครอื่ งพิมพด์ ดี และเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ประวัติความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ
สว่ นตา่ งๆ ของเครอ่ื งพมิ พด์ ดี เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละ
องคป์ ระกอบของคอมพวิ เตอร์ หลกั การพมิ พส์ มั ผสั และ
การบำ�รงุ รกั ษาเคร่ืองพมิ พด์ ีดและเครอื่ งคอมพิวเตอร์
การประเมนิ รวบยอด
1. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
2. ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้
3. ผลการประเมินตนเอง

รวม

หมายเหต:ุ คะแนนการประเมนิ จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ขู นึ้ อยู่กับการออกแบบแผนการจัดการเรียนรขู้ องผสู้ อน
38 สุดยอดคมู่ อื ครู

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean

หน่วยการเรียนรทู้ ี่สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดโปรแกรมพ้ืนฐานที่ใช้ใน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2
การพมิ พอ์ งั กฤษดว้ ยคอมพิวเตอร์
2 โปรแกรมพนื้ ฐานที่ใช้ในการ
พมิ พอ์ งั กฤษดว้ ยคอมพวิ เตอร์
สาระสาำ คญั
โปรแกรมประมวลผลคำ�หรือโปรแกรม Word Processing เป็นโปรแกรมที่มีคว�มส�ม�รถ สาระการเรียนรู้
ด้�นก�รจัดพิมพ์เอกส�ร จัดรูปแบบได้ต�มต้องก�ร และโปรแกรม Microsoft Word เป็นโปรแกรมประมวลผลคำ�
ที่ช่วยสร้�งเอกส�รได้อย่�งมีประสิทธิภ�พ เหม�ะกับง�นด้�นก�รพิมพ์เอกส�รทุกชนิด และยังมีคว�มส�ม�รถใน 1. โปรแกรมพ้ืนฐานท่ีใช้ในการพิมพ์อังกฤษ
ก�รตรวจสอบ ทบทวน แกไ้ ข ปรบั ปรงุ คว�มถกู ตอ้ งในก�รพิมพ์เอกส�รได้เปน็ อย�่ งดี ด้วยคอมพิวเตอร์ (หนงั สอื เรียน หน้า 16-30)
2. การดูแลรักษา ตรวจสอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์
สาระการเรยี นรู้ (หนงั สือเรียน หน้า 30-33)
1. โปรแกรมพนื้ ฐ�นที่ใชใ้ นก�รพมิ พ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์
2. ก�รดแู ลรักษ� ตรวจสอบเคร่อื งคอมพิวเตอร์ สมรรถนะประจ�ำหนว่ ย

1. แสดงความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมพื้นฐานท่ีใช้
ในการพิมพอ์ ังกฤษด้วยคอมพวิ เตอร์
2. ประยกุ ตค์ วามรเู้ กย่ี วกบั โปรแกรมพนื้ ฐานท่ีใช้
ในการพิมพ์อังกฤษมาใช้ในชีวิตประจ�ำวัน
และการประกอบอาชพี ได้

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายโปรแกรมพนื้ ฐานทใ่ี ชใ้ นการพมิ พอ์ งั กฤษ
ด้วยคอมพิวเตอรไ์ ด้
2. ดูแลรักษา ตรวจสอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์
กอ่ นเรยี นได้

การประเมนิ ผล 3. การน�ำเสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ
เก่ียวกับโปรแกรมพ้ืนฐานที่ใช้ในการพิมพ์
ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผ้เู รยี น อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์ และการดูแลรักษา
การตรวจสอบเครอื่ งคอมพวิ เตอร์
ภาระงาน/ชน้ิ งานระหว่างเรยี น ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหน่วยการเรยี นรู้
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมพื้นฐานที่ใช้ 1. ผลการปฏิบัติกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
ในการพิมพ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์ และการดูแลรักษา การตรวจสอบ 2. ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้
เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 3. ผลการประเมินตนเอง
2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั โปรแกรมพน้ื ฐานทใี่ ชใ้ นการพมิ พ์
อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์ และการดูแลรักษา การตรวจสอบเครื่อง สุดยอดค่มู ือครู 39
คอมพิวเตอร์

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ep 1 ขนั้ รวบรวมข้อมลู

Gathering
St
1. ผู้สอนอธิบายเน้ือหาของหน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะประจาำ หน่วย
ผ่านทางส่ือ PowerPoint บนกระดาน และสงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด 1. แสดงคว�มรเู้ กีย่ วกับโปรแกรมพน้ื ฐ�นทใ่ี ช้ในก�รพิมพ์อังกฤษด้วยคอมพวิ เตอร์
ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจากหนังสือประกอบ 2. ประยุกตค์ ว�มร้เู กย่ี วกบั โปรแกรมพน้ื ฐ�นท่ีใชใ้ นก�รพิมพ์องั กฤษม�ใชใ้ นชวี ิตประจ�ำ วัน
การเรยี นวิชาพิมพ์อังกฤษเบ้อื งตน้ และก�รประกอบอ�ชพี ได้
2. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ร่วมกัน
ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น จุดประสงค์การเรยี นรู้
หนังสือ อินเทอร์เน็ต วารสาร ฯลฯ เรื่อง 1. อธิบ�ยโปรแกรมพื้นฐ�นทใี่ ชใ้ นก�รพิมพ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์ได้
โปรแกรมพื้นฐานที่ใช้ในการพิมพ์อังกฤษด้วย 2. ดูแลรักษ� ตรวจสอบเคร่อื งคอมพิวเตอร์กอ่ นเรยี นได้
คอมพวิ เตอร์ และการดแู ลรกั ษา การตรวจสอบ
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ผังสาระการเรยี นรู้ โปรแกรมพน้ื ฐ�นทีใ่ ชใ้ นก�รพิมพอ์ งั กฤษ
3. แต่ละกลุ่มบันทึกผลการศึกษาตามหัวข้อ ดว้ ยคอมพวิ เตอร์
ทกี่ ำ� หนดลงในผงั กราฟิก (เลือกออกแบบและ โปรแกรม ก�รดแู ลรกั ษ� ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์
ใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของขอ้ มลู ) พ้ืนฐานที่ใช้ใน
ดงั ตวั อยา่ ง การพิมพอ์ ังกฤษ
ดว้ ยคอมพวิ เตอร์

15 โปรแกรมพ้นื ฐานท่ีใชใ้ นการพมิ พ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์

40 สุดยอดคู่มอื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

1. โปรแกรมพน้ื ฐานทใี่ ช้ในการพมิ พ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St ep 2 ข้นั คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความรู้

โปรแกรมประมวลผลค�ำ หรือเรยี กว�่ โปรแกรม Word Processing เป็นโปรแกรมท่มี คี ว�มส�ม�รถด�้ นก�รจดั พมิ พ์ Processing
เอกส�ร จดั รปู แบบไดต้ �มตอ้ งก�ร และโปรแกรม Microsoft Word เปน็ โปรแกรมประมวลผลค�ำ แบบพเิ ศษชว่ ยสร้�งเอกส�ร
ได้อย่�งมีประสิทธิภ�พ เหม�ะกับง�นด้�นก�รพิมพ์เอกส�รทุกชนิด และยังมีคว�มส�ม�รถในก�รตรวจสอบ ทบทวน แก้ไข 1. ผู้เรียนร่วมกันน�ำข้อมูลที่ได้รวบรวมจาก
ปรับปรุงคว�มถกู ตอ้ งในก�รพิมพเ์ อกส�รได้ แหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ เช่น หนงั สอื อนิ เทอร์เน็ต
โปรแกรม Microsoft Word 2010 เป็นโปรแกรมในชุด Microsoft Office 2010 เปน็ โปรแกรมง�นส�ำ นกั ง�นของบรษิ ทั วารสาร ฯลฯ เรอ่ื งโปรแกรมพนื้ ฐานทใี่ ชใ้ นการ
Microsoft ทไี่ ดร้ บั คว�มนยิ มม�ก เนอ่ื งจ�กมคี ว�มส�ม�รถในก�รจดั ก�ร ตกแตง่ เอกส�รทหี่ ล�กหล�ย หลงั จ�กตดิ ตงั้ โปรแกรม พิมพ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์ และการดูแล
แลว้ ส�ม�รถเรยี กใชโ้ ปรแกรมไดจ้ �กค�ำ สง่ั Start/All Program/Microsoft Office/Microsoft Word 2010 จะปร�กฏหน�้ ต�่ ง รักษา การตรวจสอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์
โปรแกรมทีม่ ีส่วนประกอบต่�งๆ ดงั น้ี ทท่ี กุ กลมุ่ ศกึ ษาคน้ ควา้ มาจำ� แนกและโยงสมั พนั ธ์
ข้อมูลเก่ียวกับสาระส�ำคัญของแต่ละหัวข้อ
ให้ครบถว้ น
2. แตล่ ะกลมุ่ เขยี นสรปุ ความรตู้ ามโครงสรา้ งเนอื้ หา
ท่ีเช่ือมโยงได้เป็นผังกราฟิกความคิดรวบยอด
ของความรู้เรื่องโปรแกรมพื้นฐานท่ีใช้ในการ
พมิ พอ์ งั กฤษดว้ ยคอมพวิ เตอร์ และการดแู ลรกั ษา
ตรวจสอบเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ดงั ตวั อย่าง

ภ�พท่ ี 2.1 สว่ นประกอบโปรแกรม Microsoft Word 2010 3. แต่ละกลุ่มน�ำข้อมูลจากผังกราฟิ กสรุป
ความคิดรวบยอดของโปรแกรมพ้ืนฐานท่ีใช้
1.1 ส่วนประกอบของหนา้ จอโปรแกรม ในการพิมพ์อังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์
ทง้ั 2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรมู้ าชว่ ยกนั อภปิ ราย
1.1.1 File Tab แทบ็ 1คำ�สั่งในกลมุ่ ของก�รจดั ก�รไฟล์ ผังกราฟิกข้อสรปุ ใหเ้ ข้าใจตรงกันทกุ คน
1.1.2 Quick Access Toolbar รวมค�ำ ส่งั ที่ใชง้ �นบ่อยส�ม�รถเพ่ิมเตมิ ได้
1.1.3 Ribbon ร�ยก�รคำ�สง่ั ทีอ่ ยู่ในแทบ็ ต่�งๆ
1.1.4 Title Bar เป็นส่วนแสดงชื่อของโปรแกรมและชื่อไฟล์เอกส�รที่กำ�ลังทำ�ง�นอยู่ อ�จจะปร�กฏชื่อเป็น
Document 1, 2, 3...
1.1.5 Control Button เปน็ ปมุ่ ควบคมุ หน�้ ต�่ งโปรแกรม มอี ยู่ 3 ปุ่ม ได้แก่
1) ปุม่ Minimize เป็นปุ่มส�ำ หรับก�รยอ่ หน�้ ต่�งโปรแกรมไปเกบ็ ไวท้ ี ่ Taskbar

1 แทบ็ (ร�ชบณั ฑิตยสถ�นใช้ จดุ ต้ังระยะ = Tab)

16 พิมพอ์ ังกฤษเบอื้ งต้น

โปรแกรม คอื ชุดคำ�สั่งทีเ่ ป็นระบบสง่ั งานใหค้ อมพิวเตอรท์ ำ�งาน

สดุ ยอดคมู่ ือครู 41

1 . ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ep 3 หขน้ัลปงั ฏกบิารตั ปิแฏลิบะสตั ริ ปุ ความรู้

AthpeplKyninogwlaenddgeConstructing

ผเู้ รยี นนำ� ขอ้ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจทไ่ี ดจ้ ากการเรยี นรรู้ ว่ มกนั
ในกลุม่ เขยี นรายการปฏิบัติตามท่สี รปุ ได้
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St 2) ป่มุ Restore หรือ Maximize ส�ำ หรบั ยอ่ หรอื ขย�ยหน�้ ต�่ งโปรแกรมใหเ้ ตม็ จอภ�พ
3) ปุ่ม Close หรือปมุ่ ใช้ปดิ หน้�ต�่ งโปรแกรมหรือเอกส�รทกี่ ำ�ลงั ท�ำ ง�นอยู่
1.1.6 Navigation Pane หน�้ ต่�งแสดงหวั ข้อในเอกส�ร ช่วยในก�รจัดลำ�ดับและค้นห�หวั ข้อในเอกส�ร
1.1.7 Cursor ตำ�แหน่งพิมพอ์ กั ษรหรอื แทรก
1.1.8 Document Window พน้ื ทีท่ �ำ ง�นเปน็ พ้นื ท่สี �ำ หรบั พมิ พ์เอกส�ร โปรแกรมจะแสดงออกม�ในลักษณะ
เหมือนกับหน�้ กระด�ษ
1.1.9 Status bar2 เป็นสว่ นแสดงสถ�นะก�รทำ�ง�นของโปรแกรม
1.1.10 Document Map ใช้แสดงหน�้ เอกส�รในรปู แบบต�่ งๆ
1.1.11 Zoom ใช้ยอ่ ขย�ยหน้�เอกส�ร
1.2 รบิ บอน
ริบบอน (Ribbon) ถูกพัฒน�ขึ้นม�แทนคำ�สั่งท่ีประกอบด้วยแท็บท่ีมีคำ�ส่ังต�มกลุ่มก�รใช้ง�น ส�ม�รถทำ�ง�น
ได้ทันทีดังนี้
1.2.1 File เป็นแทบ็ ทรี่ วมคำ�สง่ั ที่ใช้จัดก�รไฟล์ ใช้แทนปุ่ม Office Button ใน MS-Word 2007 เช่น ค�ำ ส่ัง
บันทึก เปดิ ไฟล์ ปดิ ไฟล์ สร้�งเอกส�รใหม่หรอื ออกจ�กโปรแกรม ดงั ภ�พท ี่ 2.2

ภ�พท่ี 2.2 ค�ำ ส่ังในแทบ็ File

2 Status bar (ร�ชบณั ฑิตยสถ�นใช ้ แถบสถ�นภ�พ = Status bar)

17 โปรแกรมพ้นื ฐานทใ่ี ช้ในการพิมพอ์ ังกฤษด้วยคอมพิวเตอร์

1.2.2 Home เป็นแท็บที่รวมริบบอนท่ีใช้ง�นบ่อยๆ เอ�ไว้ เช่น ก�รจัดก�รหน้�ของเอกส�ร รูปแบบตัวอักษร
ดังภ�พท ี่ 2.3

รบิ บอน (Ribbon) เปน็ แถบเครอ่ื งมอื ทแ่ี สดงคำ�สงั่ ตา่ งๆ ภ�พที่ 2.3 ค�ำ สั่งในแทบ็ Home
แบง่ ออกเปน็ แท็บๆ แต่ละแท็บจะมชี ุดคำ�สงั่ ใชง้ าน 1.2.3 Insert เป็นแท็บท่ีเก่ียวกับก�รแทรกรูปภ�พหรือเลขหน้�ลงในเอกส�ร Chart หรือสัญลักษณ์พิเศษ
ดงั ภ�พท่ ี 2.4

ภ�พท ่ี 2.4 คำ�สง่ั ในแทบ็ Insert
1.2.4 Page Layout เปน็ แทบ็ ส�ำ หรบั จดั รปู แบบโครงสร�้ งหน�้ เอกส�ร เชน่ ก�รก�ำ หนดขน�ด ก�รว�งแนวกระด�ษ
ระยะขอบของเอกส�รและก�รใส่สีพ้ืน ดงั ภ�พท่ี 2.5

ภ�พที ่ 2.5 คำ�สั่งในแท็บ Page Layout
1.2.5 References เป็นแทบ็ ท่เี ก่ียวกับก�รจัดหน�้ ส�รบญั ก�รแทรก Footnote ของเอกส�ร ดงั ภ�พท ี่ 2.6

ภ�พท ี่ 2.6 ค�ำ สั่งในแท็บ References
18 พิมพ์อังกฤษเบื้องตน้

42 สดุ ยอดคู่มือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

ep 4 ขนั้ สอ่ื สารและน�ำเสนอ

ACpopmlyminugnitchaetion Skill
สงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด St 1.2.6 Mailings เปน็ แท็บคำ�สงั่ ทเ่ี ก่ียวกับก�รสร้�งจดหม�ยเวียน (Mail Merge) และ Labels ดังภ�พที่ 2.7

ภ�พท่ ี 2.7 ค�ำ สง่ั ในแทบ็ Mailings 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอให้กลุ่มอ่ืนรับรู้ด้วยเทคนิควิธี
1.2.7 Review เป็นแทบ็ ท่มี คี �ำ สั่งเก่ยี วกับก�รตรวจสอบเอกส�ร เช่น ก�รตรวจสอบค�ำ ผดิ หรอื ก�รใส่หม�ยเหตุ ท่ีเหมาะสม บูรณาการการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกในการ
ของเอกส�ร ก�รนับค�ำ และแปลคว�มหม�ย ดังภ�พท ่ี 2.8 นำ� เสนอผลงาน
2. สมาชิกกลุ่มอ่ืนร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นจากการ
ภ�พท่ ี 2.8 ค�ำ ส่งั ในแทบ็ Review นำ� เสนอของแตล่ ะกลมุ่ ในประเดน็ เรอื่ งความถกู ตอ้ งครอบคลมุ
1.2.8 View เปน็ แทบ็ ค�ำ สง่ั แสดงผลของโปรแกรม เชน่ ก�รตง้ั ค�่ มมุ มองของเอกส�ร ก�รขย�ยเอกส�ร ก�รแสดง ในเร่ืองโปรแกรมพื้นฐานที่ใช้ในการพิมพ์อังกฤษด้วย
ไมบ้ รรทัด Gridlines ย่อขย�ย ดงั ภ�พท ่ี 2.9 คอมพิวเตอร์ และใหข้ ้อเสนอแนะ

ภ�พท ่ี 2.9 ค�ำ ส่งั ในแท็บ View

19 โปรแกรมพื้นฐานทใ่ี ช้ในการพิมพ์อังกฤษดว้ ยคอมพิวเตอร์

1.3 การสร้างเอกสารใหม่
1.3.1 การสรา้ งไฟลใ์ หมก่ อ่ นเปดิ โปรแกรม ส�ม�รถสร�้ งไฟลเ์ อกส�รใหมไ่ ดเ้ สมอ โดยคลกิ ขว�ใหป้ ร�กฏเมนลู ดั
แล้วเลือก New เลอื กค�ำ สัง่ เอกส�ร Microsoft Word Document จะได้ไฟลเ์ อกส�รใหมใ่ นชือ่ ว�่ New Microsoft Word
Document ในโฟล์เดอรท์ ่ีสร้�งนั้น ดังภ�พท ่ี 2.10

ภ�พที ่ 2.10 ก�รสร�้ งไฟล์ใหมก่ ่อนเปิดโปรแกรม
1.3.2 การเปดิ โปรแกรมและไฟลเ์ อกสารใหม ่ ใหเ้ ปดิ โปรแกรม Microsoft Word จ�กเมน ู Start/All Programs/
Microsoft Office/Microsoft Word 2010 หรือดบั เบิลคลิก3ปุม่ ไอคอนโปรแกรม Microsoft Word 2010 โปรแกรมจะเปิด
พรอ้ มกบั ไฟลเ์ อกส�รใหม่ในช่ือ Document1 ดงั ภ�พท่ี 2.11

ภ�พท ่ี 2.11 ก�รเปิดโปรแกรมและไฟลเ์ อกส�รใหม่
3 ดบั เบิลคลกิ (ร�ชบัณฑติ ยสถ�นใช้ คลิกคลกิ = Double-click)

20 พมิ พอ์ งั กฤษเบ้ืองตน้

สุดยอดคู่มือครู 43

1. ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต

ep 5 ขัน้ ประเมนิ เพื่อเพ่มิ คณุ คา่
บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
1.3.3 การเปิดไฟล์เอกสารใหม่หลังจากเปิดใช้งานในแฟ้มอ่ืนแล้ว ในขณะท่ีทำ�ง�นกับแฟ้มเอกส�รอยู่และสงวนลิขสิท ิธ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด StSelf-Regulating
ต้องก�รท่ีจะเปิดแฟ้มเอกส�รใหม่ข้ึนม�ทำ�ง�นด้วย ให้คลิกแท็บ File คลิกคำ�สั่ง New จ�กน้ันคลิกเลือก Blank
document และคลิก Create ก็จะได้เอกส�รเปล่�ช่ือ Document2 และห�กทำ�ซ้ำ�แบบเดิมอีกก็จะได้เอกส�รเปล่�ช่ือ 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ
Document3 Document4 ไปเรอื่ ยๆ ดังภ�พท ่ี 2.12 ของตนเอง หลังจากรับฟังการน�ำเสนอของสมาชิกกลุ่มอ่ืน
วา่ ถกู ตอ้ งครอบคลมุ เพยี งใด มสี งิ่ ใดบา้ งทต่ี อ้ งปรบั ปรงุ เพมิ่ เตมิ
ภ�พท ่ี 2.12 ก�รเปดิ ไฟลเ์ อกส�รใหมห่ ลงั จ�กเปดิ ใชง้ �นในแฟ้มอ่ืนแลว้ ปรบั ชนิ้ งาน ผงั กราฟกิ ความคดิ รวบยอดของกลมุ่ ตนใหส้ มบรู ณ์
ห�กตอ้ งก�รเปิดเอกส�รจ�ก Templates4 ให้คลิกแท็บ File คลกิ ค�ำ สั่ง New จ�กนั้นคลกิ เลือก Sample และบันทึกในแบบบันทึกทก่ี ำ� หนด
templates จะปร�กฏตวั อย�่ ง Templates ม�ให้เลือกรูปแบบท่ีต้องก�ร และคลกิ Create ดงั ภ�พท่ี 2.13 2. ผเู้ รยี นแตล่ ะคนทำ� กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ (หนงั สอื เรยี น
หน้า 34) แลกเปล่ียนกันตรวจ และรวบรวมคะแนน เพื่อ
สรปุ ผลการเรียนเมอ่ื จบหน่วยการเรยี นรู้
3. น�ำเสนอผลการปฏิบัติงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผยแพร่
สหู่ อ้ งเรยี นอน่ื หรอื สาธารณะ และกำ� หนดแนวทางการพฒั นา
ตนเอง

ภ�พท ี่ 2.13 ก�รเปิดเอกส�รจ�ก Templates 1.4 การบนั ทึกเอกสาร
4 Templates (ร�ชบัณฑิตยสถ�นใช ้ แผ่นแบบ = Template) เมอ่ื เปดิ โปรแกรมและพมิ พง์ �นเอกส�ร ห�กมคี ว�มประสงคท์ จ่ี ะบนั ทกึ เอกส�ร (save) เกบ็ ไวใ้ นสอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู ต�่ งๆ
ส�ม�รถปฏิบัติได้ดงั ต่อไปนี้
21 โปรแกรมพน้ื ฐานทใ่ี ช้ในการพมิ พอ์ งั กฤษดว้ ยคอมพวิ เตอร์ 1.4.1 การบันทึกไฟล์เปิดใหม่ ก�รเปิดโปรแกรมพิมพ์ง�นใหม่จะได้ช่ือไฟล์ว่� Document1 และเม่ือต้องก�ร
บันทึกไฟล์ให้คลิกแท็บ File เลอื กค�ำ สง่ั Save หรอื Save as หรือคลกิ ปุ่มบนั ทึกท่เี ปน็ รูปแผน่ ดสิ ก์ทแ่ี ถบเคร่ืองมือดว่ นกไ็ ด ้
Templates คอื รปู แบบสำ�เรจ็ รปู หรอื แบบฟอรม์ ทสี่ ามารถนำ�ขอ้ มลู จะปร�กฏไดอะลอ็ กบอ็ กซ ์ Save As ข้นึ ม�ใหเ้ ลอื กต�ำ แหนง่ ทตี่ ้องก�รบนั ทึก แล้วตั้งชือ่ ไฟลใ์ นชอ่ ง File name เลือกชนดิ
มาใส่ไว้ในแบบฟอรม์ ท่มี ใี ห้ เพอ่ื ความสะดวกและรวดเรว็ เอกส�รในชอ่ ง Save as type โดยปกติจะเปน็ ชนิด Word Document ทมี่ นี �มสกุลเปน็ (*.docx) หรอื ห�กตอ้ งก�รเปลย่ี น
ชนดิ ของไฟลท์ เ่ี ปน็ เอกส�รใหส้ �ม�รถใชไ้ ดก้ บั MS-Word 97-2003 ทมี่ นี �มสกลุ เปน็ (*.doc) ใหเ้ ลอื กชนดิ ของไฟลเ์ ปน็ Word
97-2003 document ดังภ�พที ่ 2.14

*.docx คอื นามสกลุ ของไฟลเ์ อกสารของโปรแกรม Microsoft Word ภ�พท่ ี 2.14 ก�รบนั ทกึ ไฟลเ์ ปิดใหม่
เวอร์ชนั 2007 ขึ้นไป 1.4.2 การบันทึกไฟล์เก่า เม่ือเปิดง�นเก่�ขึ้นม�พิมพ์ง�น แล้วต้องก�รท่ีจะบันทึกไฟล์ ส�ม�รถดำ�เนินก�รได้
4 รปู แบบ ดังน้ี
1) การบันทกึ ไฟลเ์ ก่าในทอ่ี ยูแ่ ละช่อื เดมิ ให้คลิกแท็บ File คลิกคำ�สง่ั Save หรอื คลิกปุม่ บนั ทกึ ทเ่ี ป็น
รูปแผน่ ดสิ ก์แถบเครอ่ื งมอื ดว่ นกไ็ ด้
2) การบันทึกไฟล์เก่าในที่อยู่ใหม่แต่ช่ือเดิม ให้คลิกแท็บ File คลิกคำ�สั่ง Save As จะปร�กฏ
ไดอะล็อกบ็อกซ์ Save As ขึ้นม� ให้ไปตำ�แหนง่ ท่ีอยทู่ ี่ตอ้ งก�รบนั ทกึ แล้วคลกิ ปมุ่ Save
3) การบันทึกไฟล์เก่าในที่อยู่เดิมแต่ชื่อใหม่ ให้คลิกแท็บ File คลิกคำ�ส่ัง Save As จะปร�กฏ
ไดอะลอ็ กบ็อกซ ์ Save As ขึน้ ม� ใหเ้ ปล่ียนชอื่ ไฟล์ในช่องช่อื แฟม้ (File name) แล้วคลกิ ป่มุ Save

22 พิมพ์องั กฤษเบือ้ งตน้

44 สุดยอดคู่มือครู

A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

4) การบันทึกไฟล์เก่าในท่ีอยู่ใหม่แต่ช่ือใหม่ ให้คลิกแท็บ File คลิกคำ�สั่ง Save As จะปร�กฏ ไดอะล็อกบ็อกซ์หรือไดอะล็อก จะปรากฏข้ึนเม่ือผู้ใช้ต้องการ
ไดอะล็อกบ็อกซ์ Save As ขึ้นม� ให้ไปตำ�แหน่งที่อยู่ท่ีต้องก�รบันทึกแล้วเปล่ียนชื่อไฟล์ในช่องชื่อแฟ้ม เสร็จแล้วคลิกปุ่ม กำ�หนดค่าต่างๆ ให้กับโปรแกรม
Save
1.5 การเปดิ เอกสารเกา่
ก�รเปดิ ไฟลเ์ อกส�รเก�่ เพอ่ื น�ำ ม�แกไ้ ข เพม่ิ เตมิ ขอ้ มลู หรอื จดั พมิ พ ์ จะตอ้ งท�ำ ก�รเปดิ โปรแกรม Microsoft Word
ข้ึนม�ก่อน จ�กนั้นให้คลิกแทบ็ File คลกิ คำ�สง่ั Open จะปร�กฏไดอะลอ็ กบ็อกซ์ Open ขน้ึ ม� ให้คลิกเลือกต�ำ แหน่งที่อยู่ของ
ไฟลเ์ อกส�ร และคลกิ เลอื กไฟลเ์ อกส�รทต่ี อ้ งก�ร ห�กยงั มโี ฟลเดอรย์ อ่ ยตอ่ ไปอกี ใหด้ บั เบลิ คลกิ ทโ่ี ฟลเดอรย์ อ่ ยนนั้ เพอ่ื แสดง
ไฟล์ท่ตี อ้ งก�ร ดังภ�พที ่ 2.15
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ภ�พท ี่ 2.15 ก�รเปิดเอกส�รเก่�
นอกจ�กนี้ก�รเปิดไฟล์เอกส�รเก่�ที่เคยใช้ง�นคร้ังล่�สุดได้อย่�งรวดเร็ว ทำ�ได้โดยคลิกแท็บ File คลิกคำ�ส่ัง
Recent แลว้ คลกิ เลอื กร�ยชือ่ ไฟล์เอกส�รเก่�ทีป่ ร�กฏท�งด้�นขว�ของเมน ู ใหค้ ลิกเปิดไฟล์ไดท้ ันที ดังภ�พที ่ 2.16

23 โปรแกรมพืน้ ฐานทใ่ี ช้ในการพิมพอ์ งั กฤษดว้ ยคอมพวิ เตอร์

ค่านิยมหลัก 12 ประการ ภ�พท่ี 2.16 ก�รเปดิ ไฟล์เอกส�รเก�่ ท่เี คยใช้ง�นครั้งล�่ สดุ
• มีระเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยรจู้ กั การเคารพผูใ้ หญ่
• ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรียนท้ังทางตรงและทางอ้อม 1.6 การปิดเอกสาร
• รู้จักด�ำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก�รปิดเอกส�ร (Close) เป็นก�รปิดเฉพ�ะไฟล์ที่เปิดข้ึนม�พิมพ์ง�น ไม่ได้ปิดโปรแกรม Microsoft Word
ตามพระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ท�ำ ได้ด้วยก�รคลกิ แทบ็ File คลกิ คำ�สั่ง Close กรณยี ังไมไ่ ด้บันทึกก�รท�ำ ง�น โปรแกรมจะเปดิ กล่องโต้ตอบเตอื นว�่ ต้องก�ร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) บันทึกก่อนปิดหรือไม่ ห�กต้องก�รบันทึกให้คลิกปุ่ม Save ห�กไม่ต้องก�รบันทึกให้คลิกปุ่ม Don’t Save หรือต้องก�ร
ภายใต้ 3 หว่ ง 2 เงื่อนไข 4 มิติ คอื มเี หตุผล พอประมาณ กลับไปพิมพ์ง�นตอ่ คลิกปุ่ม Cancel ดงั ภ�พท ่ี 2.17
และมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี ี ภายใตค้ วามรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั )
และคุณธรรม (ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ขยันอดทน สติปัญญา แบ่งปนั ) ภ�พท่ี 2.17 กลอ่ งข้อคว�มเตอื นก�รบันทึกง�นกอ่ นปิดโปรแกรม
ซง่ึ จะนำ� ไปสู่ เศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม สมดุล
พรอ้ มรบั ต่อการเปลยี่ นแปลง 1.7 การออกจากโปรแกรม
เมื่อต้องก�รออกจ�กโปรแกรม หรอื เลกิ ก�รท�ำ ง�นใดๆ ควรทำ�ก�รบันทกึ ง�นกอ่ นทกุ คร้งั แตห่ �กลืมบนั ทกึ และ
ออกจ�กโปรแกรมจะมคี �ำ เตอื นใหบ้ นั ทกึ เชน่ เดยี วกบั ก�รปดิ ไฟล ์ ก�รออกจ�กโปรแกรม Microsoft Word ท�ำ ไดโ้ ดยคลกิ แทบ็
File คลิกคำ�สงั่ Exit หรือคลกิ ปุม่ (Close) ท่ ี Control Button ดงั ภ�พที ่ 2.18

24 พมิ พอ์ งั กฤษเบื้องตน้

สุดยอดคู่มือครู 45

1 . ขGั้นaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2. ขP้ันrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
การทำ� งานเป็นทมี ทีมละ 3-5 คน ฝึกการคดิ วเิ คราะห์
การแกป้ ญั หา

ภ�พที่ 2.18 ก�รออกจ�กโปรแกรม สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

1.8 การปรับแตง่ และจดั รูปแบบเอกสาร
ก�รปรับแต่งและจัดรูปแบบเอกส�ร เพื่อให้เอกส�รท่ีได้ถูกต้อง สวยง�ม ตรงต�มคว�มต้องก�ร มีร�ยละเอียด
ดังน้ี
1.8.1 การจดั หน้าเอกสาร
1) การกำาหนดขนาดกระดาษ เพื่อเลือกขน�ดกระด�ษให้เหม�ะสมกับง�น ตรงกับคว�มต้องก�ร
ไดโ้ ดยคลกิ แทบ็ Page Layout แลว้ คลกิ Size จ�กนนั้ เลอื กก�ำ หนดขน�ดของกระด�ษต�มตอ้ งก�ร โดยก�รก�ำ หนดขน�ดของ
กระด�ษนัน้ จะมผี ลกับเอกส�รทง้ั ไฟล ์ ดงั ภ�พท่ ี 2.19

ภ�พที่ 2.19 ก�รก�ำ หนดขน�ดกระด�ษ 2) การจัดยอ่ หน้า หรอื Paragraph กำ�หนดไดจ้ �กเส้นไม้บรรทัด (Ruler) เปน็ วธิ ที ท่ี ำ�ให้ง�นเอกส�ร
25 โปรแกรมพนื้ ฐานทีใ่ ชใ้ นการพิมพอ์ ังกฤษด้วยคอมพวิ เตอร์ ส�ม�รถปรับตั้งระยะก้ันหน�้ ย่อหน�้ และก้ันหลงั ได้อย�่ งรวดเรว็ ห�กไมม่ เี สน้ ไมบ้ รรทัด (Ruler) ให้คลกิ แทบ็ View แลว้ ทำ�
เครอ่ื งหม�ยถูก 3 หน�้ Ruler จ�กน้นั ให้เลือกช่วงขอ้ มูลทีต่ ้องก�รจัดรปู แบบยอ่ หน�้ แลว้ นำ�เม�ส์ไปชีท้ ส่ี ัญลักษณ ์ Indent
46 สุดยอดคมู่ ือครู บนไมบ้ รรทดั แล้วล�กไปว�งตำ�แหนง่ ท่ตี อ้ งก�ร ดงั ภ�พท ่ี 2.20

ภ�พท่ี 2.20 เคร่ืองหม�ยกนั้ หน้�กน้ั หลงั บนเสน้ ไม้บรรทดั
นอกจ�กน้ียังส�ม�รถจัดรูปแบบ Paragraph
ไดด้ ้วยก�รก�ำ หนดค�่ ตวั เลขท ี่ Paragraph Ribbon ของแทบ็
Page Layout ดังภ�พที่ 2.21

ภ�พที ่ 2.21 ก�รจดั ย่อหน้�ด้วย Paragraph ในแท็บ Page Layout

ในส่วนของก�รกำ�หนดค่� Indent ในช่อง Left
เป็นก�รกำ�หนดค่�กั้นหน้� และในช่อง Right เป็นก�รกำ�หนด
ค่�กั้นหลัง ส่วนก�รกำ�หนดค่� Spacing เป็นก�รกำ�หนด
ระยะห่�งระหว่�งย่อหน้�ท่ีช่อง Before เป็นก�รกำ�หนดค่�ก่อน
ยอ่ หน�้ ทเ่ี ลอื ก ทชี่ อ่ ง After เปน็ ก�รก�ำ หนดค�่ หลงั ยอ่ หน�้ ทเี่ ลอื ก
หรือคลิกขว�ที่ย่อหน้�หรือ Paragraph นั้นๆ แล้วเลือกคำ�ส่ัง
Paragraph จะปร�กฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Paragraph ดังภ�พ
ที่ 2.22

ภ�พท ่ี 2.22 ไดอะล็อกบ็อกซ์กำ�หนดค่� Paragraph
26 พมิ พ์อังกฤษเบื้องต้น

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรf-ะRเมeินgเพuื่อlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

Alignment หม�ยถงึ ก�รจัดว�งข้อคว�มชิดซ�้ ย กึง่ กล�งหรือชดิ ขว� ทักษะชีวิต
Indentation หม�ยถงึ ก�รก�ำ หนดกัน้ หน้� (Left) กน้ั หลงั (Right) ฝกึ การประสานงาน การทำ� งานเปน็ ทมี โดยรว่ มกนั ศกึ ษาขอ้ มลู
Spacing หม�ยถงึ ก�รก�ำ หนดระยะห�่ งระหว�่ งยอ่ หน�้ ชอ่ ง Before คอื ระยะกอ่ นยอ่ หน�้ ทเี่ ลอื ก กบั After จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในเรื่องโปรแกรมพื้นฐานท่ีใช้ในการ
คือระยะหลังย่อหน้�ทีเ่ ลอื ก พมิ พ์องั กฤษด้วยคอมพวิ เตอร์ ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย และรว่ มกนั
Line spacing หม�ยถงึ ก�รก�ำ หนดระยะห่�งระหว่�งบรรทัด สรุปขอ้ มูล จากนัน้ สง่ ตวั แทนออกมานำ� เสนอข้อมลู หน้าชนั้ เรียน
3) การจัดแนวหน้าเอกสาร บ�งครั้งจำ�เป็นจะต้องกำ�หนดแนวหน้�กระด�ษเป็นแนวตั้งเรียกว่�
Portrait และแนวนอน เรยี กว่� Landscape ดว้ ยก�รคลกิ แท็บ Page Layout คลิกท่ ี Orientation แล้วเลอื ก Portrait หรือ
Landscape ต�มตอ้ งก�ร ดงั ภ�พท ี่ 2.23
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ภ�พที ่ 2.23 ก�รจดั แนวหน้�กระด�ษ

1.9 การเลือกขอ้ ความ
ก�รเลือกข้อคว�มหรอื ช่วงข้อคว�ม เป็นวธิ กี �รเริม่ ตน้ กอ่ นก�รกระท�ำ ส่งิ ใดตอ่ ไปกับข้อคว�มน้ันๆ มวี ธิ ีก�รเลอื ก
ชว่ งขอ้ คว�มแบบต่�งๆ ดังน้ี
1.9.1 การเลอื กขอ้ ความเปน็ ชว่ ง โดยน�ำ เม�สไ์ ปว�งในขอ้ มลู ทต่ี อ้ งก�รเปน็ รปู ตวั I แลว้ ล�กเม�สค์ ลมุ ชว่ งขอ้ มลู นนั้
1.9.2 การเลือกขอ้ มูลแบบทั้งบรรทดั โดยน�ำ เม�สไ์ ปว�งหน�้ บรรทัดของข้อมลู ทีต่ ้องก�ร ให้เปน็ รูป แล้วคลิก
1.9.3 การเลือกข้อมูลแบบท้ังย่อหน้า โดยนำ�เม�ส์ไปว�งหน้�บรรทัดของข้อมูลท่ีต้องก�ร ให้เป็นรูป แล้ว
ดับเบิลคลิก
1.9.4 การเลอื กขอ้ มลู แบบทง้ั หลายบรรทดั โดยน�ำ เม�สไ์ ปว�งหน�้ บรรทดั ของขอ้ มลู ทต่ี อ้ งก�ร ใหเ้ ปน็ รปู แลว้
ล�กเม�ส์ขนึ้ หรือลง
1.9.5 การเลือกขอ้ มลู หมดทง้ั เอกสาร โดยนำ�เม�สไ์ ปว�งหน้�บรรทดั ของข้อมลู ท่ีต้องก�ร ให้เป็นรูป แล้วคลิก
เม�สป์ ุ่มซ้�ย 3 ครง้ั ตดิ ต่อกัน

27 โปรแกรมพนื้ ฐานทใ่ี ชใ้ นการพมิ พอ์ งั กฤษด้วยคอมพวิ เตอร์

ภ�พท ่ี 2.24 แสดงตวั อย่�งก�รเลอื กขอ้ คว�ม และสญั ลักษณ์ที่ปร�กฏ

1.10 การปรับแต่งตวั อกั ษร
ก�รปรับแต่งตัวอักษรเป็นก�รกำ�หนดหัวข้อ เน้นข้อคว�มทำ�ให้เกิดคว�มน่�สนใจ เช่น ก�รเลือกรูปแบบ
ตวั อกั ษร กำ�หนดขน�ดอักษร ตวั หน� ตัวเอยี ง ขีดเส้นใต้ ตัวหอ้ ย ตวั ยก เนน้ ขอ้ คว�มและก�ำ หนดสตี ัวอักษรต�่ งๆ ส�ม�รถ
ก�ำ หนดค่�ในกลุม่ คำ�ส่ัง Font ของแทบ็ Home ดงั ภ�พท ่ี 2.25

ภ�พที่ 2.25 แสดงคำ�ส่งั Font ท่ใี ชใ้ นก�รปรับแตง่ ตัวอักษร

1.11 การใส่ลำาดับหวั ขอ้
ก�รใส่ลำ�ดับหัวข้อเพื่อแสดงลำ�ดับมีทั้งแบบเป็นตัวเลขลำ�ดับและแบบใช้สัญลักษณ์ ส�ม�รถใส่เลขเข้�ไป
โดยตรงได้ แต่จะประสบปัญห�เม่ือมีก�รปรับเลื่อนลำ�ดับหรือเปลี่ยนหัวข้อต่�งๆ ดังน้ันก�รใส่ลำ�ดับหัวข้อจึงเป็นรูปแบบ
ท่ีสะดวก ส�ม�รถทำ�ได้โดยเลือกชว่ งขอ้ คว�มท่ตี อ้ งก�รใส่ล�ำ ดบั หวั ข้อ จ�กน้นั คลิกเลอื กรูปแบบล�ำ ดบั หวั ข้อจ�กแทบ็ Home
ดงั ภ�พท่ ี 2.26

28 พมิ พอ์ ังกฤษเบอ้ื งตน้

สดุ ยอดคู่มอื ครู 47

1. ขG้ันaรtวhบeรrวiมnขg้อมูล 2 . ขPั้นrคoิดcวeิเsคsรiาnะหg์และสรุปความรู้

บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต

รอบรู้อาเซียนและโลก

asean

เรียนรู้ค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีเก่ียวข้องกับเน้ือหา ค้นคว้า
จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และทบทวนค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษจาก
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ผ่ี า่ นมา โดยฝกึ ใชค้ ำ� ศพั ทด์ งั กลา่ วในการน�ำเสนอ
ผลงานในขั้นท่ี 4
ภ�พท่ี 2.26 แสดงคำ�ส่ังใส่ลำ�ดบั หัวข้อสงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด

Increase Indent เปน็ ก�รเลอื่ นข้อมูลเข้�ไป ทำ�เป็นหัวขอ้ ย่อย
Decrease Indent เปน็ ก�รเลอื่ นข้อมูลออก ทำ�เป็นหวั ข้อใหญ่
Bullets เป็นก�รกำ�หนดสญั ลกั ษณ์นำ�หน้�หวั ขอ้
Numbering เปน็ ก�รก�ำ หนดเลขล�ำ ดับน�ำ หน�้ หัวข้อ
Multilevel List เปน็ ก�รก�ำ หนดสัญลกั ษณ์หรอื เลขลำ�ดับแบบหล�ยระดับ

1.12 การจัดตำาแหนง่ ข้อความ
ก�รจัดตำ�แหน่งข้อคว�มเป็นก�รกำ�หนดข้อคว�มในย่อหน้�ให้ชิดด้�นใดด้�นหนึ่งของหน้�กระด�ษภ�ยใน
ขอบเขตของเอกส�ร โดยเลือกให้ชดิ ด�้ นซ้�ย-ขว�เสมอกนั ท้งั 2 ด้�น หรอื จัดแบบกระจ�ย ซ่งึ ปกตขิ ้อคว�มจะถกู จดั ชิดซ�้ ย
เสมอและส�ม�รถจดั เป็นแบบอื่นได ้ ดงั ภ�พท่ ี 2.27

ภ�พท่ี 2.27 แสดงค�ำ สั่งจัดต�ำ แหนง่ ขอ้ คว�ม

1.13 การตรวจทานเอกสาร
ในก�รพมิ พง์ �นเอกส�รเมอ่ื มคี �ำ ทขี่ ดี เสน้ ใตส้ แี ดงขน้ึ แสดงว�่ เปน็ ค�ำ ทพี่ มิ พผ์ ดิ ต�มหลกั ในพจน�นกุ รม แทท้ จี่ รงิ
แล้วคำ�ๆ น้ันอ�จไม่ใช่คำ�ท่ีผิดเสมอไป ข้ึนอยู่กับว่�คำ�ๆ นั้นพจน�นุกรมรู้จักหรือไม่ แต่อย่�งน้อยก็ทำ�ให้เป็นท่ีสังเกตและ
สะดดุ ต� ห�กตอ้ งก�รตรวจสอบข้อคว�ม
1.14 การแก้ไขคาำ ผิด
ก�รแก้ไขคำ�ผิดท่ีเกิดจ�กก�รพิมพ์ในเอกส�ร สังเกตได้จ�กเส้นสีแดงหยักใต้คำ�หรือข้อคว�มส�ม�รถคลิกขว�
เพ่อื เลอื กค�ำ ที่น่�จะถูกต�มค�ำ แนะนำ�ของโปรแกรมไดท้ นั ที ดงั ภ�พท่ ี 2.28

29 โปรแกรมพ้ืนฐานทใี่ ชใ้ นการพมิ พอ์ ังกฤษด้วยคอมพวิ เตอร์

ฮารด์ แวร์ คอื อุปกรณค์ อมพิวเตอรต์ ่างๆ ท่จี บั ต้องได้และมองเห็น ภ�พที ่ 2.28 ก�รแก้ไขค�ำ ผิด
ห�กมีประโยคใดท่ีขีดเส้นใต้สีเขียว หม�ยคว�มว่�มีปัญห�เก่ียวกับก�รจัดช่องไฟของข้อคว�มในย่อหน้�น้ัน
ให้คลกิ ขว�ที่เสน้ ใตน้ ัน้ จะปร�กฏเมนลู ัดขึ้นใหเ้ ลือกข้อคว�มจ�กร�ยก�รข้�งบน โปรแกรมจะจดั ขอ้ คว�มในประโยคใหใ้ หม่

2. การดแู ลรกั ษา ตรวจสอบเครื่องคอมพวิ เตอร์

ก�รดแู ลรกั ษ�เครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้ เปน็ สง่ิ ทคี่ วรปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจ�ำ เพอ่ื ใหท้ ร�บถงึ สภ�พของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์
คว�มพร้อมใชง้ �นและขอ้ บกพร่องต�่ งๆ เพอื่ ก�รแกไ้ ขไดท้ ันท่วงทดี ังนี้
2.1 การดแู ลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพวิ เตอร์
2.1.1 สภาพภายนอก ควรทำ�คว�มสะอ�ดอย�่ งน้อยสปั ด�ห์ละ 1 ครั้ง เพ่ือไม่ให้สง่ิ สกปรกไปรบกวนก�รทำ�ง�น
ของเคร่ือง และฝุ่นละอองเป็นอีกส�เหตุหนึ่งที่ทำ�ให้ฮ�ร์ดแวร์ต่�งๆ เสียห�ยได้เร็วข้ึน เน่ืองจ�กฝุ่นละอองจะเข้�ไปขัดขว�ง
ท�งเดินของกระแสไฟฟ้�บนแผงวงจร ทำ�ให้ฮ�ร์ดแวร์ทำ�ง�นได้ไม่เต็มที่หรือทำ�ง�นติดขัด นอกจ�กน้ียังเป็นตัวปิดกั้นไม่ให้
คว�มร้อนระบ�ยออกไปได้
2.1.2 สายไฟ สายสญั ญาณต่างๆ ควรตรวจสอบว่�หลวมหรอื ชำ�รดุ หรอื ไม ่ หรือห�กมีอ�ก�รไฟติดๆ ดับๆ บอ่ ย
ใหร้ บี แก้ไขหรอื เปลีย่ นใหม่
2.1.3 พืน้ ทวี่ า่ งบนฮาร์ดดสิ ก ์ ควรตรวจสอบพ้นื ที่ในฮ�รด์ ดิสกว์ ่�เหลือเท่�ใด โดยเฉพ�ะ Drive C: ซ่งึ เป็นที่เก็บ
โปรแกรม ท�ำ ไดโ้ ดยก�รเปดิ My Computer จ�กนน้ั ด ู Free Space ใน Drive C: ห�กเหลอื นอ้ ยกว�่ 500 MB ใหท้ �ำ ก�รส�ำ รอง
ขอ้ มลู ไวใ้ นส่อื อน่ื แทน นอกจ�กน้นั ควรใชโ้ ปรแกรมทำ�คว�มสะอ�ดดิสกอ์ ย�่ ง Disk Cleanup ช่วยอีกท�งหนงึ่

30 พมิ พอ์ งั กฤษเบอ้ื งต้น

48 สุดยอดคมู่ อื ครู

A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ A4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรf-ะRเมeินgเพu่ือlaเพtiิ่มnคgุณค่า

pplying and Constructing the Knowledge pplying the Communication Skill

ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก

Bad Sector เป็นการแสดงให้เห็นข้อบกพร่องของฮาร์ดดิสก์
เน่ืองจากการชนของหัวอ่าน ทำ�ให้ความเร็วในการหมุนหรือ
การอา่ นลดลง
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดภ�พท ่ี 2.29 สถ�นะพน้ื ที่ของฮ�ร์ดดิสก์

2.1.4 ตรวจสอบสภาพฮาร์ดดิสก์ คือก�รตรวจสอบฮ�ร์ดดิสก์ว่�มีจุดไหนเสียหรือไม่ โดยใช้โปรแกรม Disk
Defragment ว่�ฮ�รด์ ดสิ ก์ม ี Bad Sector หรือไม่ ห�กมแี นะนำ�ใหส้ �ำ รองข้อมูลและเปลย่ี นฮ�รด์ ดสิ กใ์ หม่
2.1.5 ตรวจสอบไวรสั ควรจะต้องมีก�รตรวจสอบอย�่ งสม�่ำ เสมอ อย�่ งน้อยสัปด�ห์ละ 1 คร้งั และควรอปั เดต
โปรแกรม Anti-Virus ใหท้ ันสมยั อยูเ่ สมอ
2.1.6 การปิดคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่ส�ม�รถช่วยประหยัดพลังง�นแต่ยังช่วยให้แน่ใจว่�ข้อมูล
ได้รับก�รบันทึกแล้ว และเป็นก�รช่วยรักษ�คอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยม�กย่ิงข้ึนด้วย ที่สำ�คัญคือคอมพิวเตอร์จะเร่ิมทำ�ง�น
ไดอ้ ย�่ งรวดเรว็ เมอ่ื เปิดใช้คร้ังต่อไป ดว้ ยก�รคลกิ ปุ่ม Start จ�กนัน้ คลกิ ปมุ่ Shut down ทม่ี ุมขว�ล�่ ง ดังภ�พท่ี 2.30

ภ�พที ่ 2.30 ก�รใชค้ �ำ สัง่ ปดิ เครื่อง Shut down
คอมพิวเตอร์จะหยุดพักก�รทำ�ง�น Windows จะบันทึกง�นโดยอัตโนมัติ หน้�จอปิดลง และเสียงจ�ก
พดั ลมของคอมพวิ เตอร์เงยี บลง

31 โปรแกรมพื้นฐานท่ีใช้ในการพิมพ์องั กฤษดว้ ยคอมพิวเตอร์

2.2 โปรแกรมบำารุงรกั ษาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
2.2.1 Disk Cleanup เปน็ โปรแกรมช่วยก�ำ จัดขอ้ มลู ทไ่ี ม่ถกู ใช้ง�น ซง่ึ อ�จเป็นข้อมูลทสี่ ร้�งขึ้นชว่ั คร�วระหว�่ ง
ก�รใช้โปรแกรมแล้วไม่ได้ถูกลบท้ิงเม่ือเลิกใช้ หรือข้อมูลท่ีมีอยู่ซำ้�ซ้อนแต่เก็บในต่�งตำ�แหน่งกัน ไฟล์ข้อมูลของระบบ
ปฏบิ ัตกิ �รท่ีไม่ไดใ้ ช้แลว้ ซ่ึงไฟล์เหล�่ นี้จะทำ�ให้เปลืองเนอ้ื ท่ีบันทกึ ในดสิ ก ์ และยงั อ�จกระทบต่อประสิทธภิ �พก�รใชง้ �น
โปรแกรม Disk Cleanup จะตรวจสอบข้อมูลไฟลป์ ระเภทต่�งๆ และให้ผู้ใช้ไดเ้ ลอื กว�่ ตอ้ งก�รลบข้อมลู
กลมุ่ ใดออกจ�กระบบ หรือใหเ้ ลอื กแยกเปน็ ไฟล์ว�่ ไฟลใ์ ดต้องก�รลบออกบ้�ง โดยจะแสดงชอื่ ไฟลอ์ อกม�ใหเ้ ลือก

Utility เปน็ โปรแกรมท่ีใชจ้ ัดการระบบดูแลบำ�รุงรกั ษา ภ�พที ่ 2.31 ตัวเลือกไดรฟเ์ พอื่ ก�ร Cleanup ภ�พท่ี 2.32 แสดงตัวเลือกเพอ่ื ก�รลบไฟล์
เพื่อเพ่มิ ประสิทธภิ าพการทำ�งานของคอมพวิ เตอร์ และก�รประมวลผลเพอ่ื ก�ร Cleanup

ตัวอย่�งโปรแกรมประเภทนี ้ เช่น Disk Cleanup ในกลมุ่ Accessory ของ Windows โปรแกรม Clean
Sweep
2.2.2 Disk Defragmenter เป็นโปรแกรมช่วยจัดระเบียบข้อมูลในดิสก ์ หลังจ�กที่มีก�รเปล่ียนแปลงข้อมูล
ต่�งๆ เช่น มีก�รลบไฟล์ หรือเพ่ิมข้อมูล ข้อมูลใหม่จะถูกกระจ�ยไปยังเนื้อท่ีว่�งในดิสก์ ข้อมูลจึงไม่ต่อเนื่องกัน ก�รเล่ือน
หวั อ่�นขอ้ มูลข�้ มไปม� ทำ�ให้ประสทิ ธภิ �พในก�รอ�่ นขอ้ มลู ไฟล์น้นั ลดลง
ก�รจัดเก็บไฟล์ท่ีอยู่แบบกระจ�ยน้ันเป็นผลท่ีเกิดขึ้นจ�กก�รทำ�ง�นต�มปกติ เรียกว่� ไฟล์ที่แบ่ง
แยกออกเป็นช้ินเล็กน้อย (Fragmented file) คือไฟล์ที่ส่วนต่�งๆ ของไฟล์กระจ�ยไม่ต่อเนื่องกันอยู่บนดิสก์ โปรแกรม
Disk Defragmenter เป็นโปรแกรม Utility ทีท่ ำ�ก�รจดั ต�ำ แหนง่ เน้อื ที่ในแตล่ ะไฟลใ์ ห้ม�อยูต่ ่อเนอื่ งกนั เพ่ือเพิ่มคว�มเรว็ ใน
ก�รเข้�ถึงข้อมูลในดิสก์ และบ�งโปรแกรมยังจัดตำ�แหน่งไฟล์ให้เหม�ะสมกับก�รใช้ง�น โดยดูจ�กโอก�สในก�รถูกใช้ง�น
ม�กน้อยเพียงใด ห�กเป็นกลุ่มไฟล์ท่ีจะถูกเรียกใช้ง�นบ่อยก็อ�จนำ�ม�ว�งเรียงกันในตำ�แหน่งใกล้กัน เพ่ือไม่ให้หัวอ่�นดิสก์
ต้องเลอ่ื นต�ำ แหน่งไปไกลม�ก เป็นตน้

32 พมิ พ์อังกฤษเบอ้ื งตน้

สุดยอดคู่มือครู 49


Click to View FlipBook Version