The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทย์ หน่วย 5 ผสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anongnat2526, 2022-09-18 11:44:59

แผนวิทย์ หน่วย 5 ผสาน

แผนวิทย์ หน่วย 5 ผสาน

หนว่ ยการเรยี นร1ูท้ ี่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ

เวลาเรยี น 10 ชว่ั โมง

แผนผังการเรยี นร้แู บบบูรณาการ ภาษาไทย
 แสดงความคดิ เหน็ ฟงั สรุปสาระสาคญั
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ และจับใจความ
 ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ  พดู แสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถาม
 อา่ นและสะกดคาถกู ตอ้ ง
 เขยี นตอบคาถามกจิ กรรมการทดลอง

เทคโนโลยีอวกาศ

ศลิ ปะ : ทศั นศิลป์ ภาษาตา่ งประเทศ : ภาษาองั กฤษ
 คาศพั ท์เก่ียวกบั เทคโนโลยอี วกาศ
 ออกแบบภายในยานอวกาศ
ในสภาพไร้นาหนกั

 ออกแบบชุดอวกาศ

ตัวชี้วดั

อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชน์
ในชวี ติ ประจาวัน จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ (ว 3.1 ป.6/2)

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1

เรอ่ื ง ประดิษฐก์ ล้องโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสงอยา่ งงา่ ย : 1

ชนั ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี

ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทงั ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุริยะทีส่ ่งผลต่อส่ิงมชี ีวติ
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี

ตัวชว้ี ัด อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. บอกส่วนประกอบและหลกั การทางานของกล้องโทรทรรศน์ได้ (K)
2. ปฏิบตั ิกจิ กรรม ประดิษฐก์ ล้องโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงอย่างงา่ ย อย่างรวมพลงั ด้วยความใฝ่รู้

และมงุ่ มั่น (P)
3. มคี วามใฝร่ แู้ ละมุง่ ม่นั (A)

สาระการเรยี นรู้

เทคโนโลยีอวกาศเร่มิ จากความต้องการของมนุษยใ์ นการสารวจวัตถทุ ้องฟ้าโดยใช้ตาเปลา่ โดยพฒั นา
อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการสงั เกตวัตถุบนท้องฟ้าท่ีไม่สามารถมองเห็นดว้ ยตาเปลา่ หรือช่วยให้มองเห็นเป็นภาพ
ขนาดใหญท่ ช่ี ดั เจนขึน เรยี กว่า กลอ้ งโทรทรรศน์ ส่วนประกอบทส่ี าคัญของกล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสง
คอื เลนส์นูนทีม่ ีขนาดไมเ่ ทา่ กัน 2 อนั โดยเลนส์ท่มี เี ส้นผ่านศนู ยก์ ลางน้อยกว่าจะอย่ใู กล้ตา

สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
- การอธบิ าย การเขียน การพูดหน้าชันเรียน

2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การสร้างคาอธิบาย การอภิปราย การสอื่ ความหมาย
การทากิจกรรมทดลองโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- การแก้ปญั หาขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- กระบวนการกลุ่ม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
(-)

คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อย่อู ย่างพอเพยี ง
3. ม่งุ มน่ั ในการทางาน

คาถามสาคญั

กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงมสี ว่ นประกอบสาคญั อะไรบ้าง และมหี ลกั การทางานอย่างไร

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ขั้น•สงั•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มลู • (G• a•th•eri•ng•)

1. นกั เรยี นเขา้ สู่บทเรียนเกี่ยวกับความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ โดยร่วมกันตอบคาถามกระตุ้น
ความคิด ดงั นี

1.1 บดิ าแห่งวงการวทิ ยาศาสตร์ของไทยคือใคร
(พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว รชั กาลที่ 4)
1.2 เพราะเหตุใดพระองค์ทา่ นจึงได้รบั การยกย่องให้เปน็ พระบดิ าแห่งวงการวทิ ยาศาสตร์
ของไทย
(ทรงทานายการเกดิ สรุ ยิ ุปราคาที่ตาบลหวา้ กอ จงั หวัดประจวบคีรขี ันธไ์ ดอ้ ย่างแม่นยา)
1.3 อปุ กรณ์ท่ีพระองค์ทา่ นทรงใช้ในการศึกษาคน้ คว้าเกี่ยวกับการเกิดสรุ ยิ ุปราคาในครังนัน
คืออะไร
(กลอ้ งโทรทรรศน)์
2. นกั เรยี นร่วมกันสงั เกตภาพกล้องโทรทรรศนช์ นดิ หักเหแสง แล้วรว่ มกันตอบคาถามสาคัญ
กระตนุ้ ความคิด ดงั นี

กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสง
2.1 กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงมีส่วนประกอบสาคญั อะไรบา้ ง และมีหลักการทางานอย่างไร
(ตวั อยา่ งคาตอบ กล้องโทรทรรศนช์ นดิ หกั เหแสง ประกอบดว้ ยเลนส์นนู 2 อนั ขนาดไม่เท่ากัน
วางอยู่ในแนวเดียวกนั โดยเลนสท์ ่ีมีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางนอ้ ยกวา่ อย่ใู กลต้ า)
2.2 เราจะประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์แบบงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งไร
(ตามประสบการณ์การเรียนรู้ของผูเ้ รยี น)
3. นกั เรยี นรว่ มกนั คาดคะเนคาตอบของคาถามขา้ งต้น

4. นกั เรียนศกึ ษาค้นคว้า และรวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกับความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ
จากหนังสือเรียน หรือแหลง่ การเรียนรอู้ ืน่ ๆ อยา่ งหลากหลาย

5. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรยี นเกง่ ปานกลาง และอ่อน
(หรอื จะแบ่งกลุ่มดว้ ยวิธีการต่าง ๆ เพ่มิ เติมได้) โดยแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อยา่ งรวมพลังศึกษาวิธีทาและ
ปฏิบัติกจิ กรรมเร่ือง ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงอยา่ งงา่ ย ตามขนั ตอน ดงั นี

5.1 ทบทวนบทบาทหนา้ ท่ขี องสมาชิกในกลุม่ ว่าต้องทาหนา้ ท่อี ยา่ งไรบา้ งในการดาเนนิ การ
ด้วยกระบวนการทางานกลุ่ม เชน่ หวั หนา้ กลุ่ม มหี น้าที่ …………………….. ผ้จู ดบนั ทกึ มหี นา้ ท่ี …………………….
ผเู้ สนอรายงาน มีหน้าที่ ………………….. อ่นื ๆ …………………..

กจิ กรรมกล่มุ และการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เปน็ การสรา้ งเสรมิ ทักษะศตวรรษที่ 21

ดา้ นการร่วมมือทางานเปน็ ทีม การคดิ แก้ปัญหา และรับผดิ ชอบตอ่ ผลงานร่วมกัน

5.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อ วสั ดุอุปกรณ์ สาหรับการปฏิบัติกจิ กรรมว่าครบถ้วน
เหมาะสมท่จี ะใชใ้ นการปฏิบตั ิกจิ กรรมเพยี งใด

6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอย่างรวมพลังศึกษาวธิ กี ารทากิจกรรมเร่อื ง ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์
ชนิดหักเหแสงอย่างงา่ ย

7. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ก่อนทากจิ กรรม โดยร่วมกนั ตอบคาถาม
กอ่ นทากิจกรรม ดงั นี

7.1 คาถามสาคัญของการทดลองนีคืออะไร
(กล้องโทรทรรศนช์ นิดหกั เหแสงมีส่วนประกอบสาคัญอะไรบา้ ง และมีหลักการทางานอย่างไร)
7.2 นักเรียนคดิ วา่ ภาพท่ีเกดิ จากการมองวตั ถุผ่านเลนส์นนู 2 อัน ทอ่ี ยู่ในแนวเดียวกนั จะมี
ลักษณะอย่างไร
(ตวั อย่างคาตอบ ภาพทีเ่ กดิ จากการมองวัตถุผา่ นเลนส์นนู 2 อนั ท่อี ยู่ในแนวเดยี วกนั จะเปน็ ภาพ
หัวกลบั กบั วัตถ)ุ
8. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อย่างรวมพลังลงมือทากจิ กรรมตามขันตอนที่กาหนดในใบกจิ กรรม
เรอื่ ง ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสงอยา่ งง่าย และบนั ทึกผลการทากิจกรรม
9. หลังจากนักเรียนทากจิ กรรมและบันทึกผลการทากจิ กรรมแล้ว ผูแ้ ทนนกั เรียน
แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าชันเรียน เพอ่ื แลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ นั

10•. •ข(•นGั้นกั•aเครt•ดิhยี วนe•ิเrแคiตnร•ล่gาะ)ะ•กหล์แ•ุม่ลร•ะว่สม•รกปุ ัน•คววิเ•าคมร•ราะู้ •ห(P์ •อroภ•cิปeร•sาsยi•nแgล•)ะแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับผลการทากิจกรรม

โดยรว่ มกันตอบคาถามหลงั ทากจิ กรรม ดงั นี
10.1 กลอ้ งโทรทรรศนช์ นิดหักเหแสงมีสว่ นประกอบสาคัญอะไรบา้ ง
(กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสง ประกอบดว้ ยเลนส์นนู 2 อนั ขนาดไม่เทา่ กันวางอยู่ในแนว

เดยี วกัน)
10.2 เมอ่ื ถือเลนสน์ ูน 2 อัน ให้อยูใ่ นแนวเดยี วกนั ขนาดและลักษณะภาพทีเ่ กิดจากการมองวัตถุ

ผา่ นเลนส์ โดยถือเลนสน์ นู ทมี่ ีขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 2.5 เซนตเิ มตรใกลต้ า กับถือเลนส์นูนทม่ี ีขนาดเสน้ ผา่ น
ศนู ยก์ ลาง 5 เซนติเมตรใกล้ตา ขนาดและลักษณะภาพเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร

(ภาพท่ีเกดิ จากการมองวตั ถผุ ่านเลนส์นนู 2 อันท่อี ยู่ในแนวเดียวกนั ภาพมีลักษณะหัวกลับกบั วัตถุ
ส่วนขนาดของภาพเมื่อถือเลนส์นนู ท่มี ขี นาดเส้นผ่านศนู ย์กลาง 2.5 เซนติเมตรใกลต้ า ภาพจะมีขนาดใหญก่ ว่า
มองด้วยตาเปลา่ และเมื่อถือเลนส์นนู ทม่ี ขี นาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 5 เซนติเมตรใกล้ตา ภาพจะมีขนาดเลก็ กวา่
มองด้วยตาเปลา่ )

10.3 การมองวัตถุผ่านเลนสน์ นู 2 อนั ท่มี ขี นาดไม่เทา่ กัน ควรวางเลนส์อย่างไร
จงึ จะทาให้เหน็ ภาพขนาดใหญ่และชดั ที่สดุ

(ใหเ้ ลนสน์ ูนทมี่ ีขนาดเล็กอยู่ใกลต้ า และเลนสน์ ูนทีม่ ีขนาดใหญอ่ ยู่ใกล้วตั ถุโดยจดั วางให้เลนส์นูน 2 อัน
อยู่ในแนวเดยี วกนั )

10.4 สรปุ ผลการทดลองไดว้ ่าอยา่ งไร
(เมอื่ มองวัตถผุ า่ นเลนส์นูน 2 อันที่อยู่ในแนวเดยี วกนั โดยวางเลนส์นนู ที่มีขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง
เลก็ กว่าไวใ้ กล้ตา และวางเลนส์นูนทม่ี ขี นาดเส้นผ่านศนู ย์กลางใหญก่ ว่าใกล้วัตถุ จะเห็นภาพทม่ี ีขนาดใหญ่กว่า
มองด้วยตาเปลา่ ภาพจะมีลักษณะหัวกลับกบั วัตถุ)
11. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันฟงั อธิบายแล้วรว่ มกันวเิ คราะห์ และอภิปรายเพิ่มเติมเก่ียวกบั การพัฒนา
คณุ ภาพของกลอ้ งโทรทรรศน์
12. นักเรียนรว่ มกันสรุปผลการทากิจกรรมและสรุปสิ่งทเี่ ข้าใจเป็นความรู้ร่วมกันเกีย่ วกับกล้อง
โทรทรรศน์ว่า เม่ือมองวัตถผุ ่านเลนสน์ ูน 2 อันท่ีอยู่ในแนวเดียวกัน โดยวางเลนส์นูนที่มีขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลาง
เล็กกวา่ ไวใ้ กล้ตา และวางเลนสน์ ูนทีม่ ีขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางใหญ่กว่าใกลว้ ัตถุ จะเห็นภาพทม่ี ีขนาดใหญก่ วา่
มองดว้ ยตาเปล่า ภาพจะมลี ักษณะหัวกลับกับวตั ถุ

สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั ประถมศึกษาปีที่ 6

ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชันประถมศึกษาปที ี่ 6

ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

3. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้พฒั นาการคิดวเิ คราะห์รายวชิ าพืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชันประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

4. ภาพ กลอ้ งโทรทรรศนช์ นดิ หักเหแสง

5. เลนส์นนู ขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 2.5 เซนตเิ มตร 1 อัน

6. เลนส์นนู ขนาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 5 เซนตเิ มตร 1 อนั

7. ใบกิจกรรม เร่ือง ประดษิ ฐ์กล้องโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงอย่างง่าย

8. แหลง่ การเรยี นรูท้ ังภายในและภายนอกโรงเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ

นักเรยี นลองทากจิ กรรมต่อไปนี
กิจกรรม ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศนช์ นดิ หกั เหแสงอย่างง่าย

วัสดอุ ุปกรณ์ 1 อัน
1 อัน
1. เลนสน์ ูน ขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 2.5 เซนติเมตร
2. เลนสน์ ูน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร

วิธีทา

1. แบง่ กลุม่ แตล่ ะกลุม่ รว่ มกันถือเลนสน์ ูนทีม่ ีขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 2.5 เซนตเิ มตร ไวใ้ กล้ตา
และถือเลนสน์ นู ทม่ี ีขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 5 เซนติเมตร หา่ งออกไป แตอ่ ยู่ในแนวเดียวกนั
แลว้ มองวตั ถทุ ่ีอยู่ไกล ๆ ผ่านเลนส์นูนทัง 2 อนั

2. เลื่อนเลนส์นูนทีม่ ขี นาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร ไปมาจนมองเหน็ ภาพชัดเจน สงั เกตขนาดและ
ลักษณะของภาพ

3. ทาข้อ 1 และ 2 ซา แตใ่ หเ้ ลนส์นูนท่ีมขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 5 เซนตเิ มตร อยู่ใกลต้ า
และเลนส์นนู ทม่ี ีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 2.5 เซนติเมตร อยูไ่ กลตา

4. แต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการทดลอง

การทดลอง กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสงอย่างง่าย

คาถามกอ่ นทากิจกรรม

1. คาถามสาคญั ในการทดลองคอื อะไร
(กลอ้ งโทรทรรศนช์ นดิ หกั เหแสงมสี ว่ นประกอบสาคัญอะไรบ้างและมหี ลักการทางานอย่างไร)

2. นักเรยี นคดิ ว่าภาพท่ีเกิดจากการมองวัตถุผา่ นเลนสน์ ูน 2 อัน ที่อย่ใู นแนวเดยี วกันจะมลี กั ษณะ
อย่างไร
(ตัวอยา่ งคาตอบ ภาพท่เี กดิ จากการมองวตั ถผุ า่ นเลนสน์ นู 2 อัน ท่อี ยู่ในแนวเดียวกันจะเปน็ ภาพ
หวั กลบั กับวัตถุ

บนั ทึกผลการทากิจกรรม

ตาราง ขนาดและลกั ษณะภาพที่เกิดจากการมองวตั ถผุ ่านเลนสน์ นู 2 อนั ทอ่ี ยู่ในแนวเดียวกัน

การทดลอง ขนาดภาพ ลกั ษณะภาพ

1. เมื่อมองวัตถผุ ่านเลนสน์ ูน 2 อนั ทอ่ี ยู่ใน ภาพมขี นาดใหญ่กว่ามอง หัวกลบั กับวตั ถุ

แนวเดยี วกนั โดยเลนส์นนู ทม่ี ขี นาด ด้วยตาเปลา่

เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 2.5 เซนตเิ มตร

อยใู่ กล้ตา

2. เม่อื มองวัตถผุ า่ นเลนส์นูน 2 อัน ที่อยู่ใน ภาพมขี นาดเล็กกวา่ มอง หัวกลบั กบั วตั ถุ

แนวเดยี วกนั โดยเลนส์นูนทม่ี ขี นาด ด้วยตาเปลา่

เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 5 เซนตเิ มตร

อยใู่ กล้ตา

คาถามหลงั ทากิจกรรม

1. กล้องโทรทรรศนช์ นดิ หักเหแสงมีสว่ นประกอบสาคัญอะไรบา้ ง
(กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสงประกอบดว้ ยเลนสน์ นู 2 อัน ขนาดไมเ่ ทา่ กนั วางอยใู่ นแนวเดียวกัน)

2. เม่ือถือเลนสน์ ูน 2 อนั ให้อยู่ในแนวเดยี วกนั ขนาดและลักษณะภาพทเ่ี กิดจากการมองวัตถผุ า่ นเลนส์
โดยถอื เลนส์นนู ที่มีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 2.5 เซนตเิ มตรใกลต้ า กบั ถือเลนส์นูนทีม่ ีขนาด
เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 5 เซนติเมตรใกลต้ า ขนาดและลักษณะภาพเหมอื นหรือแตกตา่ งกันอย่างไร
(ภาพท่ีเกดิ จากการมองวัตถผุ ่านเลนส์นูน 2 อนั ทอ่ี ยใู่ นแนวเดยี วกัน ภาพมีลักษณะหัวกลบั กบั วตั ถุ
สว่ นขนาดของภาพเม่ือถือเลนสน์ นู ทมี่ ขี นาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 2.5 เซนติเมตร ใกล้ตา ภาพจะมี
ขนาดใหญ่กวา่ มองดว้ ยตาเปล่า และเม่ือถือเลนส์นนู ทีม่ ีขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 5 เซนติเมตรใกล้ต
ภาพจะมีขนาดเล็กกวา่ มองด้วยตาเปล่า)

3. การมองวตั ถุผ่านเลนส์นนู 2 อนั ท่มี ีขนาดไมเ่ ท่ากนั ควรวางเลนสอ์ ยา่ งไร จงึ จะทาใหเ้ หน็
ภาพขนาดใหญ่และชัดทสี่ ุด
(ให้เลนส์นูนทีม่ ีนาดเล็กอยูใ่ กลต้ า และเลนส์นนู ท่ีมีขนาดใหญอ่ ยใู่ กลว้ ัตถุโดยจัดวางให้เลนสน์ นู
2 อนั อยใู่ นแนวเดียวกัน)

4. สรปุ ผลการทดลองได้วา่ อยา่ งไร
(เม่อื มองวตั ถผุ ่านเลนส์นูน 2 อันท่ีอยูใ่ นแนวเดยี วกนั โดยวางเลนสน์ นู ท่มี ีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
เล็กกวา่ ไวใ้ กลต้ า และวางเลนสน์ ูนท่มี ขี นาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางใหญก่ ว่าใกลว้ ตั ถุ จะเหน็ ภาพทม่ี ี
ขนาดใหญ่กวา่ มองดว้ ยตาเปล่า ภาพจะมีลกั ษณะหวั กลับกับวัตถุ)

จงทากจิ กรรมอยา่ งรวมพลงั ดว้ ยความใฝ่รู้และมุ่งม่นั

กิจกรรมเสนอแนะ

นักเรียนลองทากิจกรรมต่อไปนี
กิจกรรม ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสงอย่างง่าย

วัสดอุ ุปกรณ์ 1 อัน
1 อัน
1. เลนสน์ ูนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เซนตเิ มตร
2. เลนส์นนู ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 5 เซนติเมตร

วธิ ที า

1. แบ่งกลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันถือเลนส์นนู ท่มี ีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 2.5 เซนติเมตร ไวใ้ กลต้ า
และถือเลนสน์ นู ท่มี ขี นาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 5 เซนตเิ มตร ห่างออกไป แตอ่ ยู่ในแนวเดยี วกนั
แล้วมองวตั ถทุ ี่อยู่ไกล ๆ ผ่านเลนสน์ ูนทงั 2 อัน

2. เล่ือนเลนส์นนู ทีม่ ีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5 เซนตเิ มตร ไปมาจนมองเหน็ ภาพชัดเจน สังเกตขนาดและ
ลกั ษณะของภาพ

3. ทาขอ้ 1 และ 2 ซา แต่ใหเ้ ลนส์นนู ท่ีมีขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 5 เซนตเิ มตร อย่ใู กล้ตา
และเลนสน์ ูนท่ีมีขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลาง 2.5 เซนติเมตร อยไู่ กลตา

4. แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลการทดลอง

การทดลอง กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสงอย่างงา่ ย

คาถามก่อนทากิจกรรม

1. คาถามสาคัญในการทดลองคอื อะไร
(กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงมีสว่ นประกอบสาคญั อะไรบ้าง และมีหลกั การทางานอยา่ งไร)

2. นักเรยี นคดิ ว่าภาพท่ีเกิดจากการมองวัตถผุ า่ นเลนส์นนู 2 อนั ท่อี ยใู่ นแนวเดยี วกนั จะมลี ักษณะ
อยา่ งไร
(ตวั อยา่ งคาตอบ ภาพท่เี กดิ จากการมองวตั ถผุ ่านเลนส์นูน 2 อัน ท่อี ยู่ในแนวเดียวกนั
จะเป็นภาพหวั กลบั กบั วตั ถุ)

บนั ทึกผลการทากิจกรรม

ตาราง ขนาดและลักษณะภาพทีเ่ กดิ จากการมองวตั ถุผา่ นเลนสน์ นู 2 อัน ทีอ่ ยู่ในแนวเดียวกัน

การทดลอง ขนาดภาพ ลักษณะภาพ

1. เม่ือมองวัตถุผ่านเลนสน์ ูน 2 อนั ทีอ่ ยู่ใน ภาพมขี นาดใหญ่กว่ามอง หวั กลบั กับวัตถุ

แนวเดยี วกนั โดยเลนสน์ ูนที่มีขนาด ด้วยตาเปล่า

เส้นผ่านศนู ย์กลาง 2.5 เซนติเมตร

อยู่ใกลต้ า

2. เมอื่ มองวัตถผุ ่านเลนสน์ นู 2 อนั ทีอ่ ยู่ใน ภาพมีขนาดเล็กกว่ามอง หัวกลับกบั วัตถุ

แนวเดียวกนั โดยเลนสน์ ูนท่ีมขี นาด ด้วยตาเปล่า

เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 5 เซนตเิ มตร

อยใู่ กล้ตา

คาถามหลงั ทากจิ กรรม

1. กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงมสี ่วนประกอบสาคัญอะไรบา้ ง
(กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หกั เหแสง ประกอบด้วยเลนส์นูน 2 อัน ขนาดไมเ่ ทา่ กนั
วางอยู่ในแนวเดยี วกนั )

2. เมอื่ ถือเลนส์นนู 2 อัน ให้อยู่ในแนวเดยี วกนั ขนาดและลักษณะภาพท่ีเกิดจากการมองวัตถุผา่ นเลนส์
โดยถอื เลนสน์ นู ท่มี ีขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 2.5 เซนติเมตรใกล้ตา กับถือเลนสน์ ูนทีม่ ีขนาด
เส้นผา่ นศูนย์กลาง 5 เซนติเมตรใกล้ตา ขนาดและลักษณะภาพเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
(ภาพทเ่ี กิดจากการมองวัตถุผ่านเลนส์นูน 2 อัน ที่อยใู่ นแนวเดียวกนั ภาพมลี กั ษณะหวั กลับกบั วตั ถุ
สว่ นขนาดของภาพเม่ือถือเลนสน์ ูนท่ีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เซนตเิ มตรใกล้ตา ภาพจะมี
ขนาดใหญ่กว่ามองด้วยตาเปล่า และเมื่อถือเลนส์นูนทมี่ ีขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลาง 5 เซนติเมตร
ใกล้ตา ภาพจะมขี นาดเลก็ กว่ามองดว้ ยตาเปลา่ )

3. การมองวตั ถุผ่านเลนส์นูน 2 อัน ท่มี ขี นาดไมเ่ ท่ากนั ควรวางเลนส์อยา่ งไร จึงจะทาใหเ้ ห็น
ภาพขนาดใหญ่และชัดทส่ี ดุ
(ใหเ้ ลนสน์ ูนที่มีขนาดเลก็ อยใู่ กล้ตา และเลนสน์ ูนท่ีมีขนาดใหญอ่ ยใู่ กลว้ ัตถุ โดยจดั วางให้เลนสน์ ูน
2 อัน อย่ใู นแนวเดียวกัน)

4. สรปุ ผลการทดลองไดว้ ่าอย่างไร
(เม่ือมองวัตถผุ า่ นเลนส์นูน 2 อันท่ีอยู่ในแนวเดยี วกัน โดยวางเลนส์นูนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง
เลก็ กว่าไว้ใกลต้ า และวางเลนส์นนู ทีม่ ขี นาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าใกลว้ ตั ถุ จะเหน็ ภาพท่ีมี
ขนาดใหญ่กว่ามองดว้ ยตาเปล่า ภาพจะมลี ักษณะหวั กลบั กับวัตถุ)

จงทากิจกรรมอย่างรวมพลัง ดว้ ยความใฝ่รู้และมุ่งม่ัน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง ส่วนประกอบและหลักการทางานของกลอ้ งโทรทรรศน์ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินการปฏบิ ตั ิการทากจิ กรรมการทดลอง (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพียง มุง่ ม่ันในการทางาน (A)

ด้วยแบบประเมิน

แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)

แบบประเมินการปฏบิ ตั ิการทากจิ กรรมการทดลอง

รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32

1. การทากจิ กรรม ทากจิ กรรมการทดลอง ทากจิ กรรมการทดลอง ทากิจกรรมการทดลอง ทากิจกรรมการทดลอง
การทดลอง ตามวิธกี ารและขนั ตอน ตามวธิ กี ารและขันตอน ตามวิธกี ารและขันตอน ไม่ถูกตอ้ งตามวธิ ีการ
ตามแผนทีก่ าหนด ทกี่ าหนดไว้อยา่ งถูกต้อง ทก่ี าหนดไว้ด้วยตนเอง ทก่ี าหนดไว้ โดยมคี รู และขนั ตอนทีก่ าหนดไว้
ด้วยตนเอง มกี ารปรับปรงุ มกี ารปรบั ปรุงแก้ไขบา้ ง หรือผอู้ น่ื เป็นผู้แนะนา ไมม่ กี ารปรบั ปรุงแก้ไข
แกไ้ ขเปน็ ระยะ

2. การใชอ้ ุปกรณ์ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรอื ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ
และ/หรอื เคร่อื งมือ เคร่ืองมือในการทา เครอื่ งมอื ในการทา เครอ่ื งมอื ในการทา เครื่องมอื ในการทา
กิจกรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง
ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ต้อง ไดอ้ ย่างถกู ต้อง โดยมีครู ไม่ถูกต้องและไมม่ ี
ตามหลักการปฏบิ ัติ ตามหลักการปฏิบัติ หรอื ผ้อู ื่นเป็นผแู้ นะนา ความคล่องแคล่ว
และคลอ่ งแคลว่ แตไ่ มค่ ล่องแคล่ว ในการใช้

3. การบันทึกผล บันทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไมค่ รบ

การทากิจกรรม อย่างถูกตอ้ ง มรี ะเบยี บ อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แตไ่ มเ่ ปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบุหนว่ ย
การทดลอง มกี ารระบหุ น่วย มีการ มกี ารระบุหน่วย มีการ
อธิบายขอ้ มูลให้เห็น อธบิ ายข้อมูลใหเ้ ห็น ไม่มีการระบหุ น่วย และไม่เป็นไปตาม
ความเช่ือมโยงเป็นภาพรวม ถงึ ความสมั พันธ์
เปน็ เหตเุ ปน็ ผล และเป็นไป เป็นไปตามการทา และไม่มีการอธบิ ายข้อมลู การทากจิ กรรม
ตามการทากิจกรรม กจิ กรรมการทดลอง ใหเ้ ห็นถึงความสัมพันธ์ การทดลอง
การทดลอง ของการทากิจกรรม

การทดลอง

4. การจัดกระทาขอ้ มูล จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู อย่าง

และการนาเสนอ อยา่ งเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มกี าร อยา่ งเป็นระบบ ไม่เป็นระบบ และมีการ

มีการเช่อื มโยงใหเ้ ห็น จาแนกขอ้ มลู ให้เหน็ มีการยกตวั อยา่ งเพ่ิมเตมิ นาเสนอไม่สื่อความหมาย

เป็นภาพรวม และนาเสนอ ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ ให้เข้าใจงา่ ย และนาเสนอ และไมช่ ดั เจน
ด้วยแบบต่าง ๆ
ด้วยแบบตา่ ง ๆ อย่างชัดเจน ด้วยแบบต่าง ๆ ได้

ถูกตอ้ ง แตย่ ังไมช่ ดั เจน แต่ยังไมช่ ัดเจน

และไมถ่ กู ตอ้ ง

รายการการประเมิน 4 ระดบั คุณภาพ 1
32
สรปุ ผลการทากจิ กรรม
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทากจิ กรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม การทดลองตามความรู้
ที่พอมอี ยู่ โดยไมใ่ ช้
การทากิจกรรม การทดลอง การทดลอง การทดลองได้ โดยมคี รู ข้อมลู จากการทากจิ กรรม
หรอื ผู้อนื่ แนะนาบา้ ง การทดลอง
การทดลอง ได้อย่างถกู ต้อง กระชับ ได้ถูกตอ้ ง แตย่ งั
ไม่ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/
ชดั เจน และครอบคลมุ ไม่ครอบคลุมข้อมลู จงึ สามารถสรุปไดถ้ กู ตอ้ ง หรอื เครื่องมอื ในการทา
ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะหท์ งั หมด กิจกรรมการทดลอง
และไม่สนใจทาความ
ทงั หมด สะอาด รวมทงั เก็บ
ไมถ่ กู ต้อง
6. การดแู ลและการเกบ็ ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรอื ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื

อปุ กรณ์และ/หรือ เคร่อื งมอื ในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เครอ่ื งมอื ในการทา
กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง
เครื่องมอื กิจกรรมการทดลอง

และมีการทาความสะอาด และมีการทาความสะอาด มีการทาความสะอาด
และเกบ็ อย่างถกู ตอ้ ง อย่างถูกต้อง แต่เกบ็ แต่เกบ็ ไม่ถูกตอ้ ง

ตามหลักการ และแนะนา ไม่ถูกต้อง ต้องใหค้ รหู รือผอู้ ่นื
ให้ผู้อน่ื ดูแลและเกบ็ รักษา แนะนา
ได้ถกู ตอ้ ง

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

เรอื่ ง ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงอย่างงา่ ย : 2

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อสง่ิ มีชีวติ
และการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยี
ตวั ชี้วัด
ว 3.1 ป.6/2 อธบิ ายพฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
มาใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. บอกส่วนประกอบและหลกั การทางานของกล้องโทรทรรศน์ได้ (K)
2. ประดษิ ฐ์ส่ิงประดษิ ฐ์ กล้องโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสงอยา่ งง่าย อยา่ งรวมพลงั ด้วยความมุ่งม่ัน

ตง้ั ใจ และพอเพียงได้ (P)
3. มีความมุง่ มัน่ ตัง้ ใจ และพอเพยี ง (A)

สาระการเรยี นรู้

เทคโนโลยอี วกาศเรม่ิ จากความตอ้ งการของมนุษยใ์ นการสารวจวตั ถทุ อ้ งฟ้าโดยใชต้ าเปล่า โดยพฒั นา
อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการสังเกตวตั ถุบนทอ้ งฟ้าท่ีไมส่ ามารถมองเห็นด้วยตาเปลา่ หรอื ช่วยให้มองเหน็ เปน็ ภาพ
ขนาดใหญท่ ีช่ ัดเจนขน้ึ เรียกว่า กลอ้ งโทรทรรศน์ สว่ นประกอบทส่ี าคญั ของกล้องโทรทรรศนช์ นิดหักเหแสง
คือ เลนส์นนู ท่ีมีขนาดไมเ่ ท่ากัน 2 อัน โดยเลนสท์ ี่มีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางน้อยกวา่ จะอยู่ใกล้ตา

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการสือ่ สาร
- การอธบิ าย การเขียน การพดู หน้าชัน้ เรียน

2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การสร้างคาอธิบาย การอภปิ ราย การสอ่ื ความหมาย
การทากจิ กรรมทดลองโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ัญหาขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
- กระบวนการกล่มุ

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
(-)

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน

คาถามสาคัญ

(-)

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้

• ข•ั้นป• ฏ•บิ ัต•แิ ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•้หู ล•ังก•าร•ปฏ•ิบัต•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•1.•น•กั เร•ยี น•เช่อื มโยงความรกู้ บั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยนักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั

อยา่ งรวมพลังวางแผน ออกแบบ วาดภาพและระบายสี และประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ กล้องโทรทรรศน์
ชนิดหักเหแสงอย่างง่าย โดยใชเ้ ลนส์นูนท่มี ีขนาดไม่เท่ากนั 2 อัน และวสั ดุอ่นื ๆ ทีห่ าได้ในท้องถิ่น
จดั ทาเปน็ ชิน้ งาน

(ตัวอยา่ งภาพวาดและระบายส)ี

เลนส์ขนาดเล็ก เลนสข์ นาดใหญ่
เลนส์ขนาดเลก็ เลนสข์ นาดใหญ่

ไมไ้ ผเ่ จาะรู

ตวั อย่างกล้องโทรทรรศน์ทีป่ ระดษิ ฐโ์ ดยนกั เรยี น
(ให้คะแนนอปุ กรณ์ทน่ี ักเรียนสรา้ งจากความชดั เจนของภาพที่ปรากฏในกล้องโทรทรรศน์ของ
นักเรียน และให้คะแนนความคิดสร้างสรรค)์

การประดิษฐส์ ง่ิ ประดิษฐ์จากวัสดุเหลอื ใช้ในทอ้ งถ่นิ เปน็ การบรู ณาการหลักปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง บรู ณาการ STEM สร้างเสริมค่านยิ มหลัก 12 ประการ
ด้านดารงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

2. นักเรียนร่วมกันสรปุ ส่ิงที่เข้าใจเปน็ ความรูร้ ว่ มกัน ดงั น้ี
 เทคโนโลยีอวกาศเรมิ่ จากความต้องการของมนุษยใ์ นการสารวจวัตถุทอ้ งฟ้าโดยใช้ตาเปลา่

โดยพฒั นาอุปกรณท์ ี่ใช้ในการสงั เกตวตั ถบุ นท้องฟา้ ที่ไม่สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ หรือชว่ ยใหม้ องเหน็ เปน็
ภาพขนาดใหญ่ทชี่ ดั เจนขึ้น เรียกว่า กล้องโทรทรรศน์ ส่วนประกอบทสี่ าคัญของกล้องโทรทรรศน์ชนิดหกั เหแสง
คือ เลนส์นนู ที่มีขนาดไม่เท่ากัน 2 อนั โดยเลนส์ที่มเี สน้ ผ่านศูนย์กลางน้อยกวา่ จะอยใู่ กล้ตา

• ข•ั้นส•อ่ื ส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)

3. ผแู้ ทนนักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอสิ่งประดิษฐ์ กลอ้ งโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงอย่างง่าย
โดยวธิ จี ดั กจิ กรรม Team Game Tournament: TGT โดยจดั แยกใหส้ มาชิกกลุม่ ของตนกระจาย
ไปทุกกลุ่มไปรับฟังการนาเสนอ และตอบข้อซักถามของกลุ่มอน่ื

4. นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรุปเกย่ี วกบั วิธกี ารทางานให้เหน็ การคดิ เชิงระบบและวธิ กี ารทางาน
ทม่ี แี บบแผน

• ข•ั้นป•ระ•เม•นิ เ•พอ่ื •เพ•่ิมค•ณุ •คา่ •บร•ิกา•รส•งั ค•มแ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)

•5. •นัก•เร•ยี นร่วมกนั จัดประกวดแบบจาลองในแบบเดนิ ชมนทิ รรศการที่ลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน

เพอื่ เผยแพร่ความรใู้ หเ้ พ่ือนนักเรยี นในโรงเรียนเดนิ ชม และคดั เลอื กผลงานทดี่ เี ด่นมอบให้ห้องวทิ ยาศาสตร์
เพอ่ื ใชเ้ ปน็ สื่อการเรียนการสอนตอ่ ไป

6. นักเรียนร่วมกนั จัดแสดงผลงานของนักเรยี นเพ่ือเปน็ แรงจงู ใจให้นกั เรยี นผลติ ผลงานที่ดี
และไดเ้ ห็นผลงานที่หลากหลายของเพอื่ น เปน็ การเปดิ ความคดิ ของนกั เรียนให้กว้างขึ้น

7. นักเรียนตรวจสอบหรือประเมินขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ทเี่ รียนมาในวนั นมี้ จี ดุ เดน่ จดุ บกพร่องอะไรบ้าง
มีความสงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอ่ื งใด ใหร้ ะบุ

8. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี นและหลังการทากิจกรรม
ในประเดน็ ต่อไปน้ี

 สง่ิ ที่นักเรียนได้เรยี นรู้ในวันนี้คืออะไร
 นกั เรยี นมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพียงใด
 เพื่อนนักเรียนในกลุ่มมีสว่ นรว่ มกิจกรรมในกล่มุ มากน้อยเพียงใด
 นกั เรยี นพงึ พอใจกบั การเรียนในวันนห้ี รือไม่ เพยี งใด
 นกั เรยี นจะนาความรู้ที่ไดน้ ไ้ี ปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไป

ไดอ้ ยา่ งไร
จากน้นั แลกเปล่ียนตรวจสอบขนั้ ตอนการทางานทกุ ขน้ั ตอนวา่ จะเพ่ิมคุณคา่ ไปสสู่ ังคม
เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คมให้มากขน้ึ กวา่ เดมิ ในขั้นตอนใดบ้าง สาหรบั การทางานในครง้ั ต่อไป

สือ่ การเรียนรู/้ แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

2. แบบฝกึ หัดรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พฒั นาการคดิ วเิ คราะหร์ ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

4. แหลง่ การเรยี นรทู้ ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมนิ การเรยี นรู้

1. ประเมินความรู้ เร่ือง ส่วนประกอบและหลักการทางานของกลอ้ งโทรทรรศน์ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ ชิน้ งาน สง่ิ ประดษิ ฐ์ กลอ้ งโทรทรรศนช์ นดิ หักเหแสงอยา่ งง่าย (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มุ่งมัน่ ในการทางาน (A)

ดว้ ยแบบประเมนิ

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ ช้ินงาน แบบจาลอง/ส่ิงประดิษฐด์ ้วยวสั ดใุ นท้องถ่นิ หรือวัสดเุ หลือใช้ในบ้าน

รายการการประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1. การวางแผน วางแผนในการออกแบบ วางแผนทจ่ี ะออกแบบ วางแผนท่จี ะออกแบบ วางแผนท่จี ะออกแบบ
ในการออกแบบ
อยา่ งคิดสรา้ งสรรค์ อยา่ งคิดรเิ ริม่ และ อย่างเหมาะสม แตไ่ มม่ ี ตามแบบอยา่ ง โดยไม่มี
2. การเลอื กใช้วสั ดุ
ในท้องถ่นิ / เหมาะสม มคี วามละเอียด เหมาะสม มีความละเอยี ด ความคดิ สร้างสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ หรอื
วสั ดเุ หลือใช้
และมีการเชื่อมโยงใหเ้ หน็ แตไ่ มม่ กี ารเช่ือมโยงให้เหน็ ไมม่ ีความละเอยี ด และ ออกแบบตามทีค่ รแู นะนา
3. การประดิษฐ์ตาม
แผนทอ่ี อกแบบ เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น เป็นภาพรวม ไม่มกี ารเชื่อมโยงให้เหน็

4. การนาเสนอ ถึงความสัมพันธ์ของ และไมแ่ สดงให้เห็นถึง เปน็ ภาพรวม
แบบจาลอง/
ส่ิงประดิษฐ์ วิธกี ารท้ังหมด ความสัมพันธ์ของวิธีการ

5. การดแู ลและการ เลือกใช้วัสดใุ นท้องถ่ิน เลือกใช้วัสดุในทอ้ งถ่ิน เลือกใชว้ สั ดุในทอ้ งถิ่น ไมใ่ ช้วัสดุในทอ้ งถ่นิ
เก็บอุปกรณ์และ/
หรือเครือ่ งมอื ได้อย่างสรา้ งสรรค์ ไดอ้ ย่างคดิ รเิ รม่ิ ราคาถกู ได้ราคาถูก และสามารถ แต่ใช้วสั ดทุ ี่มรี าคาแพง

ดว้ ยตนเอง ราคาถูก และสามารถใชง้ านได้ ใชง้ านได้

และสามารถใช้งาน

ไดอ้ ยา่ งทนทาน

ประดษิ ฐต์ ามแผนที่ ประดษิ ฐต์ ามแผนท่ี ประดิษฐ์ตามแผนท่ี ประดิษฐข์ ้ามขน้ั ตอน

ออกแบบอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน ออกแบบอย่างเปน็ ข้ันตอน ออกแบบอย่างเปน็ ข้ันตอน และไม่มีการปรับปรงุ

ด้วยความคล่องแคล่ว ด้วยความคลอ่ งแคล่ว แต่มีการแกไ้ ขปรับปรุง

มีการปรับปรุงเปน็ ระยะ ๆ มกี ารปรบั ปรุงบา้ ง เป็นระยะบ้าง

นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/

สิง่ ประดษิ ฐ์ ส่งิ ประดิษฐ์ ส่ิงประดิษฐไ์ ด้ สง่ิ ประดิษฐ์

โดยนาไปใช้ได้จรงิ โดยนาไปใชไ้ ด้จรงิ แต่ไม่ชดั เจน ต้องมีการ ที่ไม่สามารถนาไปใชไ้ ด้

ถกู ต้อง น่าสนใจ ถกู ตอ้ ง นา่ สนใจ ยกตวั อยา่ งเพ่มิ เตมิ ไมส่ ่อื ความหมาย

และชดั เจน มีการเช่ือมโยง และชดั เจน แต่ไมม่ ี ให้เขา้ ใจง่าย ไมช่ ดั เจน

ใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม การเชือ่ มโยงใหเ้ หน็

เปน็ ภาพรวม

ดูแล เก็บ และทาความ ดูแล และทาความสะอาด ดแู ล เกบ็ และ ไมด่ ูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื

สะอาดอุปกรณแ์ ละ/ อุปกรณแ์ ละ/หรอื ทาความสะอาด เครอ่ื งมือในการออกแบบ

หรอื เครอื่ งมอื ในการ เครอ่ื งมอื ในการออกแบบ อุปกรณ์และ/หรือ และประดษิ ฐ์ ไมส่ นใจ

ออกแบบและประดษิ ฐ์ และประดิษฐ์ เคร่อื งมือในการออกแบบ ทาความสะอาด

อย่างถูกต้องตามหลกั การ อย่างถกู ต้อง และประดิษฐ์ แตไ่ มถ่ ูกต้อง และเกบ็ ไมถ่ ูกต้อง

และแนะนาใหผ้ ู้อน่ื ดูแล แตเ่ ก็บไมถ่ ูกต้อง

และเกบ็ รักษาได้ถกู ต้อง

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3

เร่อื ง บังคับทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ีของจรวด : 1

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี

ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะท่สี ง่ ผลต่อสง่ิ มีชวี ติ
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ชี้วดั
ว 3.1 ป.6/2 อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศ
มาใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั จากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความหมายและหน้าท่ีของจรวดได้ (K)
2. ปฏบิ ัติกจิ กรรม การเคลื่อนที่ของจรวด อย่างรวมพลัง ดว้ ยความมุ่งม่นั และตงั้ ใจได้ (P)
3. เปรียบเทยี บการเคลอ่ื นที่ของลูกโปง่ และจรวดได้ (P)
4. มีความมงุ่ ม่นั และตงั้ ใจ (A)

สาระการเรยี นรู้

จรวดเป็นยานพาหนะทีใ่ ช้สาหรบั สง่ ดาวเทยี มขน้ึ ไปโคจรในระดับสูงหรอื สง่ ยานอวกาศไปนอกโลก
การเคล่ือนทข่ี องจรวดเกิดจากแรงกิรยิ าจากการปลดปล่อยแก๊สรอ้ นออกทางปลายท่อด้านลา่ ง
ทาให้เกดิ แรงปฏกิ ริ ยิ าท่ีขบั เคล่อื นจรวดขึ้นสอู่ ากาศ แรงท้งั สองน้ีมีขนาดเทา่ กัน แต่มีทิศทางตรงกนั ขา้ ม

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหนา้ ช้นั เรยี น

2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคดิ วิเคราะห์ การเปรียบเทยี บ การสรา้ งคาอธบิ าย การอภปิ ราย การสอ่ื ความหมาย
การทากิจกรรมทดลองโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ญั หาขณะปฏิบัติกจิ กรรม

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
- กระบวนการกลุ่ม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
(-)

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
3. มุง่ ม่ันในการทางาน

คาถามสาคัญ

จรวดเคล่ือนท่ีไดอ้ ย่างไร

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ขนั้ •สงั•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ข้อ•มูล• (G• a•th•eri•ng•)

1. นักเรยี นเข้าส่บู ทเรยี นเก่ยี วกับการเคล่อื นทขี่ องจรวด โดยตอบคาถามสาคญั กระตุ้นความคิด ดังน้ี
1.1 มนุษยเ์ ดินทางไปยงั อวกาศได้อยา่ งไร
(ตวั อย่างคาตอบ มนุษยเ์ ดนิ ทางไปยังอวกาศได้โดยใช้จรวด)
1.2 จรวดเคลื่อนทไ่ี ดอ้ ยา่ งไร
(ตัวอยา่ งคาตอบ จรวดเคล่ือนทโี่ ดยการระเบดิ ของเช้ือเพลงิ ทอ่ นสุดท้าย ทาใหเ้ กิดแกส๊ พุ่งไปทาง

ด้านหลงั ซึ่งจะผลกั ดนั ให้จรวดเคล่อื นท่ีไปข้างหน้า)
2. นักเรยี นร่วมกันคาดคะเนคาตอบของคาถามข้างต้น
3. นักเรียนศึกษาค้นคว้า และรวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั ความหมายและหนา้ ที่ของจรวด

จากหนงั สือเรียนหรือแหลง่ การเรียนรู้อน่ื ๆ อยา่ งหลากหลาย
4. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรยี นเก่ง ปานกลาง และอ่อน

(หรอื จะแบ่งกลมุ่ ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้) โดยแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อย่างรวมพลังศึกษาวธิ ที าและปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรมที่ 5.1 เรอื่ ง การเคลื่อนทข่ี องจรวด ในใบงานที่ 20 ตามข้นั ตอน ดังนี้

4.1 ทบทวนบทบาทหน้าทขี่ องสมาชกิ ในกล่มุ วา่ ต้องทาหน้าที่อยา่ งไรบ้างในการดาเนินการ
ดว้ ยกระบวนการทางานกลุ่ม เชน่ หัวหนา้ กลมุ่ มหี น้าท่ี ………………… ผจู้ ดบันทกึ มหี น้าท่ี ……………….
ผ้เู สนอรายงาน มหี น้าที่ …………………. อื่น ๆ ……………….

กิจกรรมกลุม่ และการปฏิบตั ิกิจกรรม เปน็ การสรา้ งเสริมทักษะศตวรรษที่ 21
ด้านการรว่ มมือทางานเปน็ ทีม การคดิ แกป้ ญั หา และรบั ผิดชอบต่อผลงานรว่ มกัน

4.2 ตรวจสอบความพร้อมของส่ือ วสั ดุอุปกรณ์ สาหรับการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมวา่ ครบถ้วน
เหมาะสมทีจ่ ะใช้ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพยี งใด

5. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อย่างรวมพลงั ศึกษาวธิ ีการทากจิ กรรมท่ี 5.1 เร่อื ง การเคล่ือนท่ี
ของจรวด ในใบงานที่ 20

6. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ก่อนทากิจกรรม โดยร่วมกนั ตอบคาถาม
ก่อนทากิจกรรม ดงั นี้

6.1 คาถามสาคัญในการทดลองคืออะไร
(จรวดเคล่อื นท่ีได้อยา่ งไร)
6.2 ลกู โป่งขยายขนาดข้ึนได้อยา่ งไร
(แรงลมเป่าเข้าไปในลกู โป่ง)
6.3 นกั เรยี นคิดวา่ เมื่อปลอ่ ยปากลูกโป่งออกแล้วจะเกิดอะไรขึน้
(ลูกโป่งเคลอื่ นทไ่ี ปในอากาศอยา่ งอสิ ระไรท้ ิศทาง)
6.4 นกั เรยี นคิดวา่ จะทาอย่างไรใหล้ ูกโป่งเคล่ือนท่ีได้นานท่ีสุด
(เปา่ ลมเขา้ ไปในลูกโป่งใหม้ ากทส่ี ดุ )
7. นกั เรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกันอย่างรวมพลังลงมือทากิจกรรมตามขั้นตอนท่กี าหนดในใบงานท่ี 20
เรอ่ื ง การเคล่ือนที่ของจรวด และบันทึกผลการทากิจกรรมในใบงานที่ 20
8. หลงั จากนักเรียนทากจิ กรรรมและบนั ทึกผลการทากิจกรรมในใบงานที่ 20 แลว้ ผู้แทนนกั เรียน
แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรียน เพือ่ แลกเปล่ียนเรยี นร้กู ัน

9. •น•ักข(•Gเน้ั•รaียคtน•ดิhแวe•ติเrคi่ลnร•ะgาก)ะ•ลหมุ่ แ์•รลว่ •ะมสก•รนั ุปว•คิเคว•ราามะ•รหู้ •์ (อPภ•rิปo•รcาeย•ssแi•nลgะ•)แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับผลการทากิจกรรม

โดยรว่ มกันตอบคาถามหลงั ทากจิ กรรม ดงั นี้
9.1 ลูกโป่งในกิจกรรมน้เี ปรยี บเทียบได้กับสว่ นใดของจรวด
(ถังเชื้อเพลงิ )
9.2 ลกู โปง่ เคล่อื นท่ีไปในอากาศไดอ้ ย่างไร
(แรงดนั จากลมท่ีพน่ ออกทางปากลูกโปง่ )
9.3 ขนาดของลูกโปง่ มีผลอย่างไรตอ่ การเคลือ่ นท่ีและเวลาท่ีอยู่ในอากาศ
(ลูกโป่งยงิ่ มีขนาดใหญ่ จะยิ่งเคลื่อนทเี่ ร็ว และอยู่ในอากาศเปน็ เวลานานกวา่ )
9.4 สรุปผลการทดลองไดว้ า่ อย่างไร
(การระเบดิ ของเชือ้ เพลงิ ในจรวดท่อนสุดทา้ ยทาให้เกิดแก๊สพุ่งออกไปทางด้านหลงั ผลักดันให้จรวด

เคลอ่ื นที่ไปข้างหนา้ คลา้ ยกับการเคลือ่ นทีข่ องลกู โป่งในการทดลองน)้ี

9.5 จากกจิ กรรมการประดษิ ฐจ์ รวดพลงั ลูกโปง่
1) จรวดทบ่ี งั คับทศิ ทางการเคลื่อนทใี่ นแนวดง่ิ ไดด้ ี มลี ักษณะอยา่ งไร
(ข้ึนอยู่กบั ลกั ษณะของจรวด)
2) จรวดท่เี คลอ่ื นทใ่ี นแนวด่ิงได้สูงทสี่ ดุ มีลักษณะอย่างไร
(ขึ้นอยู่กับลกั ษณะของจรวด)

9.6 ผลการแขง่ ขันจรวดพลงั ลูกโป่งของกลุ่มเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด
(ข้นึ อยู่กบั ผลการแข่งขัน)
10. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสรปุ ผลการทากิจกรรมและสรปุ สิง่ ท่เี ขา้ ใจเป็นความรู้รว่ มกนั เกย่ี วกับ
การเคล่อื นทีข่ องจรวดวา่ การระเบดิ ของเชอ้ื เพลงิ ในจรวดท่อนสุดทา้ ยทาใหเ้ กิดแก๊สพุ่งออกไปทางด้านหลัง
ผลกั ดันใหจ้ รวดเคลือ่ นที่ไปขา้ งหนา้ คล้ายกับการเคล่อื นท่ีของลูกโป่งในการทดลองนี้

สื่อการเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้

1. หนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6

ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. แบบฝึกหัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6

ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พฒั นาการคดิ วิเคราะหร์ ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

4. กระดาษฟลปิ ชาร์ต

5. ลูกโป่ง 2 ลกู

6. กระดาษแข็ง 1 แผ่น

7. เทปกาว 1 มว้ น

8. กรรไกร 1 เลม่

9. สายวัด 1 เส้น

10. ใบงานที่ 20 เร่ือง การเคล่อื นทีข่ องจรวด

11. ใบกจิ กรรม เร่ือง การเคล่ือนท่ขี องจรวด

12. แหลง่ การเรยี นร้ทู ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ

นักเรยี นลองทากจิ กรรมตอ่ ไปนี้

กิจกรรม การเคลอื่ นทีข่ องจรวด

วัสดอุ ุปกรณ์ 1 ลูก
ลูกโปง่

วิธีทา การทดลอง การเคลื่อนทีข่ องจรวด

1. แบ่งกลุ่ม แต่ละกลมุ่ รว่ มกันเป่าลูกโปง่ ให้ขนาดใหญ่
เตม็ ท่ี จากนน้ั ใชม้ ือหนบี จับปากลกู โปง่
แลว้ ค่อย ๆ คลายมือใหล้ มออกมาเล็กน้อย
สังเกตทิศทางการเคลื่อนท่ขี องลม แลว้ บนั ทกึ ผล

2. ปล่อยมอื ใหล้ ูกโป่งเคลื่อนท่ี สังเกตทิศทาง
การเคล่ือนทข่ี องลูกโปง่ แลว้ บนั ทึกผล

3. แต่ละกลุม่ นาเสนอผลการทดลอง

คาถามก่อนทากิจกรรม

1. คาถามสาคญั ในการทดลองคอื อะไร
(จรวดเคลอ่ื นทีไ่ ด้อย่างไร)

2. การทดลองนี้มวี ัตถปุ ระสงคอ์ ยา่ งไร
(เพื่อศกึ ษาการเคลื่อนท่ีของลูกโปง่ )

3. นกั เรียนคดิ วา่ ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ของลูกโปง่ กบั จรวดเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
(ตวั อยา่ งคาตอบ ทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของลูกโป่งกับจรวด มีทิศทางเหมอื นกนั โดยลกู โป่งจะเคลือ่ นทไ่ี ป
ในทศิ ทางตรงข้ามกับลมทอี่ อกจากลกู โป่งและจรวดจะเคล่อื นทีไ่ ปในทิศทางตรงกนั ข้ามกับไอร้อนจาก
การเผาไหม้ของเช้อื เพลิง)

บันทึกผลการทากิจกรรม

ตาราง ผลการทดลองทิศทางการเคลอ่ื นทีข่ องลมและลกู โป่ง

การทดลอง ทศิ ทางการเคล่อื นที่

1. การเคล่อื นที่ของลมท่ีออกจากลูกโปง่ เคลอ่ื นในทิศทางตรงขา้ มกบั ลูกโปง่

2. การเคลอ่ื นที่ของลูกโปง่ เคลอ่ื นในทิศทางตรงข้ามกับลมทอี่ อกจากลกู โปง่

คาถามหลังทากิจกรรม

1. ทิศทางการเคลื่อนทขี่ องลมท่อี อกจากลกู โป่งเป็นอย่างไร
(เคลือ่ นทใ่ี นทิศตรงข้ามกบั ลูกโปง่ )

2. ทศิ ทางการเคลื่อนท่ีของลูกโปง่ เป็นอย่างไร
(เคล่ือนท่ีในทิศตรงข้ามกับลมทอ่ี อกจากลกู โปง่ )

3. ทิศทางการเคลื่อนท่ีของลมทอ่ี อกจากลกู โป่งกับการเคลื่อนทข่ี องลกู โป่งสมั พันธก์ ันอย่างไร
(ทิศทางการเคคลื่อนทีข่ องลมที่ออกจากลูกโป่งจะเคล่อื นท่ีไปในทศิ ทางตรงกันข้ามกบั การเคลื่อนท่ี
ของลกู โป่ง)

4. จรวดมที ิศทางการเคล่ือนท่ีเหมอื นลกู โปง่ หรือไม่ อย่างไร
(เหมอื น คือ จรวดจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกนั ข้ามกับไอรอ้ นจากการเผาไหม้ของเชอื้ เพลงิ )

5. สรปุ ผลการทดลองได้วา่ อย่างไร
(ลกู โปง่ จะเคลื่อนท่ีไปในทิศทางตรงกันข้ามกบั การเคล่อื นท่ีของลมทีอ่ อกจากลกู โปง่ ซงึ่ จรวดมีทศิ
ทางการเคล่อื นที่เหมือนลูกโปง่ โดยจรวดจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกนั ข้ามกบั ไอร้อนจากการ
เผาไหมข้ องเชือ้ เพลงิ )

จงทากิจกรรมอยา่ งรวมพลัง ด้วยความรับผิดชอบและใฝ่รู้

กิจกรรมเสนอแนะ

นกั เรยี นลองทากจิ กรรมต่อไปน้ี

กิจกรรม การเคล่อื นทขี่ องจรวด

วัสดุอุปกรณ์ 1 ลูก
ลูกโป่ง

วธิ ีทา การทดลอง การเคลอ่ื นทข่ี องจรวด

1. แบ่งกลุ่ม แตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั เป่าลกู โปง่ ให้ขนาดใหญ่
เต็มท่ี จากนั้นใช้มือหนีบจับปากลกู โปง่
แลว้ คอ่ ย ๆ คลายมือให้ลมออกมาเล็กน้อย
สังเกตทิศทางการเคลื่อนท่ขี องลม แลว้ บันทกึ ผล

2. ปล่อยมือใหล้ ูกโป่งเคลื่อนที่ สังเกตทิศทาง
การเคลอื่ นทีข่ องลูกโปง่ แล้วบนั ทึกผล

3. แต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการทดลอง

คาถามก่อนทากจิ กรรม

1. คาถามสาคัญในการทดลองคอื อะไร
(จรวดเคลื่อนทีไ่ ด้อย่างไร)

2. การทดลองนม้ี ีวัตถปุ ระสงค์อย่างไร
(เพอ่ื ศึกษาการเคล่ือนทขี่ องลูกโปง่ )

3. นักเรยี นคดิ วา่ ทศิ ทางการเคลอื่ นท่ีของลูกโป่งกับจรวดเหมือนหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร
(ตวั อยา่ งคาตอบ ทศิ ทางการเคลอื่ นท่ีของลูกโป่งกับจรวดมีทศิ ทางเหมอื นกนั โดยลูกโป่งจะเคลอื่ นท่ี
ไปในทิศทางตรงข้ามกบั ลมท่ีออกจากลูกโป่งและจรวดจะเคลอื่ นที่ไปในทิศทางตรงกนั ข้ามกบั แกส๊ ร้อน
จากการเผาไหมข้ องเชอื้ เพลิง)

บนั ทกึ ผลการทากิจกรรม

ตาราง ผลการทดลองทิศทางการเคลื่อนทข่ี องลมและลกู โป่ง

การทดลอง ทศิ ทางการเคลอื่ นที่

1. การเคลือ่ นท่ีของลมที่ออกจากลูกโป่ง เคล่อื นในทิศทางตรงขา้ มกับลูกโปง่

2. การเคลื่อนท่ีของลูกโปง่ เคล่ือนในทิศทางตรงขา้ มกับลมท่ีออกจากลกู โปง่

คาถามหลังทากิจกรรม

1. ทศิ ทางการเคลื่อนท่ีของลมที่ออกจากลกู โปง่ เป็นอยา่ งไร
(เคลอ่ื นท่ีในทิศตรงขา้ มกบั ลูกโปง่ )

2. ทิศทางการเคลื่อนที่ของลูกโปง่ เป็นอย่างไร
(เคลื่อนท่ีในทิศตรงขา้ มกับลมทอี่ อกจากลกู โป่ง)

3. ทศิ ทางการเคลื่อนทข่ี องลมที่ออกจากลูกโปง่ กับการเคลอ่ื นทีข่ องลูกโปง่ สมั พนั ธ์กนั อย่างไร
(ทิศทางการเคลอื่ นที่ของลมท่ีออกจากลกู โป่งจะเคล่ือนที่ไปในทศิ ทางตรงกันขา้ มกับการเคลอ่ื นท่ี
ของลกู โป่ง)

4. จรวดมที ศิ ทางการเคล่ือนท่ีเหมือนลกู โป่งหรือไม่ อย่างไร
(เหมอื น คือ จรวดจะเคลอ่ื นที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกบั แกส๊ ร้อนจากการเผาไหมข้ องเช้ือเพลงิ )

5. สรุปผลการทดลองไดว้ า่ อย่างไร
(ลกู โปง่ จะเคลื่อนท่ีไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลื่อนที่ของลมท่ีออกจากลูกโป่ง ซงึ่ จรวด
มที ิศทางการเคลอื่ นท่ีเหมอื นลกู โปง่ โดยจรวดจะเคล่อื นท่ีไปในทิศทางตรงกันขา้ มกับแก๊สร้อน
จากการเผาไหมข้ องเชื้อเพลงิ )

จงทากจิ กรรมอย่างรวมพลัง ด้วยความมงุ่ ม่ันและมวี ินยั

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เร่ือง จรวด (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินการปฏบิ ัตกิ ารทากจิ กรรมการทดลอง (P) ด้วยแบบประเมนิ
3. ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ มั่นในการทางาน (A)

ดว้ ยแบบประเมนิ

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมินการปฏบิ ัตกิ ารทากิจกรรมการทดลอง

รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1
32

1. การทากิจกรรม ทากิจกรรมการทดลอง ทากจิ กรรมการทดลอง ทากจิ กรรมการทดลอง ทากจิ กรรมการทดลอง
การทดลอง ตามวิธกี ารและขั้นตอน ตามวิธกี ารและข้ันตอน ตามวธิ กี ารและขน้ั ตอน ไม่ถกู ต้องตามวิธกี าร
ตามแผนทกี่ าหนด ท่กี าหนดไวอ้ ยา่ งถูกต้อง ท่กี าหนดไว้ด้วยตนเอง ท่ีกาหนดไว้ โดยมีครู และขัน้ ตอนท่ีกาหนดไว้
ด้วยตนเอง มกี ารปรบั ปรุง มกี ารปรับปรงุ แก้ไขบา้ ง หรือผอู้ น่ื เป็นผู้แนะนา ไมม่ กี ารปรบั ปรุงแกไ้ ข
แกไ้ ขเป็นระยะ

2. การใชอ้ ุปกรณ์ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรอื
และ/หรือเครอื่ งมือ เครอ่ื งมือในการทา เครอื่ งมือในการทา เครือ่ งมือในการทา เครื่องมอื ในการทา
กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง
ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยมีครู ไม่ถกู ต้องและไมม่ ี

ตามหลักการปฏบิ ตั ิ ตามหลักการปฏบิ ัติ หรือผู้อน่ื เปน็ ผู้แนะนา ความคล่องแคลว่
และคลอ่ งแคล่ว แต่ไมค่ ล่องแคลว่ ในการใช้

3. การบนั ทกึ ผล บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลไม่ครบ

การทากจิ กรรม อย่างถูกตอ้ ง มรี ะเบียบ อยา่ งถูกตอ้ ง มรี ะเบียบ แต่ไมเ่ ปน็ ระเบียบ ไม่มีการระบหุ นว่ ย
การทดลอง มกี ารระบุหนว่ ย มกี าร มกี ารระบุหนว่ ย มกี าร ไม่มกี ารระบุหน่วย และไมเ่ ปน็ ไปตาม
อธิบายข้อมลู ใหเ้ ห็น อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถงึ และไม่มกี ารอธบิ ายขอ้ มูล การทากจิ กรรม

ความเชือ่ มโยงเป็นภาพรวม ความสัมพนั ธ์ ใหเ้ หน็ ถึงความสมั พันธ์ การทดลอง
เปน็ เหตเุ ปน็ ผล และเป็นไป เปน็ ไปตามการทา ของการทากิจกรรม

ตามการทากจิ กรรม กจิ กรรมการทดลอง การทดลอง
การทดลอง

4. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู อยา่ ง

และการนาเสนอ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างเป็นระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมีการ

มกี ารเช่ือมโยงให้เห็น จาแนกขอ้ มลู ใหเ้ ห็น มีการยกตวั อยา่ งเพ่ิมเตมิ นาเสนอไม่ส่ือความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนาเสนอ ความสัมพันธ์ นาเสนอ ให้เขา้ ใจงา่ ย และนาเสนอ และไมช่ ดั เจน

ดว้ ยแบบต่าง ๆ อย่างชดั เจน ด้วยแบบตา่ ง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ
ถกู ตอ้ ง แต่ยงั ไม่ชัดเจน แตย่ งั ไม่ชัดเจน

และไมถ่ ูกต้อง

รายการการประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32
สรุปผลการทากิจกรรม
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทากจิ กรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม การทดลองตามความรู้
ท่ีพอมอี ยู่ โดยไม่ใช้
การทากิจกรรม การทดลอง การทดลอง การทดลองได้ โดยมคี รู ข้อมูลจากการทากจิ กรรม
หรือผู้อืน่ แนะนาบ้าง การทดลอง
การทดลอง ได้อยา่ งถกู ต้อง กระชับ ไดถ้ ูกตอ้ ง แตย่ งั
ไมด่ ูแลอุปกรณแ์ ละ/
ชดั เจน และครอบคลมุ ไม่ครอบคลุมขอ้ มลู จึงสามารถสรุปได้ถูกตอ้ ง หรอื เครอื่ งมือในการทา
ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ท้ังหมด กิจกรรมการทดลอง
และไม่สนใจทาความ
ทั้งหมด สะอาด รวมทง้ั เกบ็
ไม่ถกู ตอ้ ง
6. การดแู ลและการเกบ็ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ดูแลอุปกรณ์และ/หรอื

อปุ กรณ์และ/หรือ เครอื่ งมือในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เครือ่ งมือในการทา
กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง
เครื่องมอื กิจกรรมการทดลอง

และมกี ารทาความสะอาด และมีการทาความสะอาด มกี ารทาความสะอาด
และเก็บอย่างถกู ต้อง อย่างถูกตอ้ ง แต่เกบ็ แต่เก็บไม่ถกู ตอ้ ง

ตามหลักการ และแนะนา ไมถ่ กู ต้อง ตอ้ งใหค้ รหู รอื ผ้อู ื่น
ให้ผอู้ ่ืนดแู ลและเกบ็ รกั ษา แนะนา
ได้ถูกต้อง

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 4

เร่อื ง บังคับทิศทางการเคลอ่ื นทขี่ องจรวด : 2

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทั้งปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสุริยะที่สง่ ผลตอ่ ส่ิงมีชีวิต
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี
ตัวชวี้ ัด
ว 3.1 ป.6/2 อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
มาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั จากขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายความหมายและหนา้ ท่ีของจรวดได้ (K)
2. ประดิษฐส์ ิง่ ประดิษฐ์ จรวดอย่างงา่ ย อยา่ งรวมพลัง ดว้ ยความมงุ่ ม่นั ตงั้ ใจ และพอเพียงได้ (P)
3. มีความมุ่งม่นั ตั้งใจ และพอเพียง (A)

สาระการเรยี นรู้

จรวดเป็นยานพาหนะท่ใี ชส้ าหรบั สง่ ดาวเทียมขน้ึ ไปโคจรในระดบั สูงหรอื ส่งยานอวกาศไปนอกโลก
การเคลอื่ นทขี่ องจรวดเกิดจากแรงกิริยาจากการปลดปลอ่ ยแกส๊ รอ้ นออกทางปลายท่อดา้ นล่าง
ทาใหเ้ กิดแรงปฏกิ ิริยาที่ขบั เคลื่อนจรวดข้ึนสอู่ ากาศ แรงทั้งสองนี้มีขนาดเท่ากนั แตม่ ีทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหนา้ ชัน้ เรียน

2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การสร้างคาอธิบาย การอภปิ ราย การส่อื ความหมาย การทากจิ กรรม
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปญั หาขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
- กระบวนการกลุ่ม

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
(-)

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อยา่ งพอเพียง
3. มุ่งมัน่ ในการทางาน

คาถามสาคัญ

(-)

การจดั กิจกรรมการเรียนรู้

• ข•ั้นป• ฏ•บิ ัต•แิ ล•ะส•รปุ •ค•วา•มร•ู้หล•ังก•าร•ปฏ•บิ ตั•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•1.•น•กั เร•ยี น•เชอื่ มโยงความรกู้ บั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยนกั เรียน

แต่ละกลุม่ รว่ มกันอย่างรวมพลงั วางแผน ออกแบบ วาดภาพและระบายสี และประดษิ ฐ์จรวด
อยา่ งงา่ ย จากวัสดเุ หลือใช้ในท้องถ่นิ จดั ทาเป็นชน้ิ งาน

การประดิษฐ์สิง่ ประดิษฐจ์ ากวัสดเุ หลือใชใ้ นท้องถิน่ เปน็ การบรู ณาการหลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง บูรณาการ STEM สร้างเสรมิ คา่ นยิ มหลัก 12 ประการ
ด้านดารงตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

2. นกั เรียนร่วมกนั สรุปสง่ิ ท่เี ข้าใจเปน็ ความรู้ร่วมกัน ดังนี้
 จรวดเปน็ ยานพาหนะที่ใชส้ าหรับส่งดาวเทียมขึน้ ไปโคจรในระดับสูงหรือส่งยานอวกาศ

ไปนอกโลก การเคล่ือนท่ีของจรวดเกิดจากแรงกิรยิ าจากการปลดปล่อยแกส๊ ร้อนออกทางปลายทอ่ ด้านลา่ ง
ทาให้เกิดแรงปฏกิ ิรยิ าท่ีขบั เคลื่อนจรวดขึ้นสอู่ ากาศ แรงทัง้ สองนมี้ ขี นาดเท่ากนั แตม่ ีทิศทางตรงกนั ขา้ ม

• ข•้ันส•ือ่ ส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)

3. ผแู้ ทนนกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอสง่ิ ประดิษฐ์ จรวดอยา่ งง่าย โดยวิธจี ดั กิจกรรม Team Game
Tournament: TGT โดยจัดแยกให้สมาชิกกลุ่มของตนกระจายไปทุกกลมุ่ ไปรับฟังการนาเสนอ
และตอบขอ้ ซักถามของกลุ่มอ่ืน

4. นกั เรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกย่ี วกับวิธกี ารทางานให้เห็นการคดิ เชงิ ระบบและวิธีการทางาน
ทีม่ ีแบบแผน

• ข•นั้ ป•ระ•เม•นิ เ•พือ่ •เพ•ิ่มค•ุณ•คา่ •บร•ิกา•รส•งั ค•มแ•ละ•จ•ิตส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)
•5. •นัก•เร•ียนร่วมกนั จดั ประกวดสงิ่ ประดิษฐ์ในแบบเดินชมนทิ รรศการที่ลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน

เพ่ือเผยแพรค่ วามรู้ใหเ้ พื่อนนักเรียนในโรงเรียนเดนิ ชม และคัดเลอื กผลงานทดี่ เี ด่นมอบให้หอ้ งวทิ ยาศาสตร์
เพือ่ ใชเ้ ปน็ สอ่ื การเรยี นการสอนต่อไป

6. นกั เรยี นรว่ มกันจดั แสดงผลงานของนักเรียนเพ่ือเป็นแรงจูงใจให้นักเรยี นผลติ ผลงานทีด่ ี และไดเ้ หน็
ผลงานที่หลากหลายของเพ่ือน เป็นการเปิดความคิดของนักเรียนใหก้ ว้างขึ้น

7. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขั้นตอนต่าง ๆ ท่เี รยี นมาในวนั นีม้ ีจุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง
มีความสงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรอื่ งใด ใหร้ ะบุ

8. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลังการทากิจกรรม
ในประเดน็ ต่อไปน้ี

 สิง่ ทนี่ ักเรียนได้เรียนรใู้ นวันนี้คอื อะไร
 นักเรยี นมสี ว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด
 เพือ่ นนักเรยี นในกลุ่มมีสว่ นร่วมกจิ กรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด
 นักเรยี นพงึ พอใจกับการเรียนในวนั นห้ี รือไม่ เพียงใด
 นกั เรียนจะนาความร้ทู ี่ได้น้ีไปใช้ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทวั่ ไป

ไดอ้ ย่างไร
จากน้ันแลกเปล่ียนตรวจสอบข้ันตอนการทางานทกุ ขน้ั ตอนว่าจะเพม่ิ คุณค่าไปสสู่ ังคม
เกดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คมให้มากขึ้นกว่าเดมิ ในข้นั ตอนใดบ้าง สาหรับการทางานในครัง้ ต่อไป

สือ่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้

1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ของสถาบันพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝกึ หดั รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6
ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้พฒั นาการคดิ วเิ คราะห์รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

4. แหลง่ การเรยี นร้ทู ้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรอื่ ง จรวด (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ ชน้ิ งาน สิ่งประดิษฐ์ จรวดอยา่ งง่าย (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง มงุ่ มั่นในการทางาน (A)

ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics)

แบบประเมินชิ้นงาน แบบจาลอง/สิง่ ประดิษฐ์ดว้ ยวัสดใุ นทอ้ งถ่นิ หรือวัสดเุ หลือใช้ในบ้าน

รายการการประเมนิ 4 ระดับคณุ ภาพ 1
32

1. การวางแผน วางแผนในการออกแบบ วางแผนทีจ่ ะออกแบบ วางแผนทีจ่ ะออกแบบ วางแผนท่จี ะออกแบบ
ในการออกแบบ
อยา่ งคดิ สรา้ งสรรค์ อยา่ งคิดริเรมิ่ และ อยา่ งเหมาะสม แตไ่ มม่ ี ตามแบบอยา่ ง โดยไมม่ ี
2. การเลือกใชว้ สั ดุ
ในทอ้ งถนิ่ / เหมาะสม มีความละเอยี ด เหมาะสม มีความละเอียด ความคดิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ หรอื
วัสดุเหลอื ใช้
และมีการเชอ่ื มโยงใหเ้ หน็ แตไ่ มม่ กี ารเชื่อมโยงใหเ้ หน็ ไมม่ ีความละเอยี ด และ ออกแบบตามท่ีครแู นะนา
3. การประดิษฐต์ าม
แผนที่ออกแบบ เปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น เปน็ ภาพรวม ไมม่ ีการเชื่อมโยงให้เหน็

4. การนาเสนอ ถงึ ความสมั พนั ธข์ อง และไมแ่ สดงให้เห็นถึง เป็นภาพรวม
แบบจาลอง/
สิ่งประดิษฐ์ วธิ กี ารทั้งหมด ความสัมพันธ์ของวธิ ีการ

5. การดแู ลและการ เลือกใช้วสั ดใุ นท้องถิ่น เลือกใช้วัสดใุ นทอ้ งถ่นิ เลือกใช้วสั ดุในท้องถิ่น ไมใ่ ช้วัสดใุ นทอ้ งถิน่
เกบ็ อุปกรณ์และ/
หรือเครอ่ื งมอื ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ ได้อย่างคดิ ริเริม่ ราคาถูก ไดร้ าคาถูก และสามารถ แตใ่ ชว้ สั ดุที่มีราคาแพง

ดว้ ยตนเอง ราคาถูก และสามารถใช้งานได้ ใช้งานได้

และสามารถใช้งาน

ไดอ้ ยา่ งทนทาน

ประดิษฐต์ ามแผนท่ี ประดิษฐ์ตามแผนท่ี ประดิษฐต์ ามแผนที่ ประดิษฐข์ ้ามขั้นตอน

ออกแบบอย่างเป็นขน้ั ตอน ออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน ออกแบบอย่างเป็นข้ันตอน และไม่มกี ารปรับปรุง

ดว้ ยความคลอ่ งแคล่ว ดว้ ยความคล่องแคล่ว แต่มีการแกไ้ ขปรบั ปรุง

มกี ารปรับปรงุ เป็นระยะ ๆ มีการปรบั ปรงุ บ้าง เป็นระยะบ้าง

นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/

สงิ่ ประดิษฐ์ สิ่งประดษิ ฐ์ สง่ิ ประดษิ ฐไ์ ด้ สง่ิ ประดษิ ฐ์

โดยนาไปใช้ไดจ้ ริง โดยนาไปใช้ไดจ้ รงิ แตไ่ มช่ ดั เจน ต้องมกี าร ที่ไมส่ ามารถนาไปใชไ้ ด้

ถกู ตอ้ ง น่าสนใจ ถกู ต้อง น่าสนใจ ยกตวั อยา่ งเพิม่ เติม ไมส่ อื่ ความหมาย

และชัดเจน มกี ารเช่อื มโยง และชัดเจน แตไ่ มม่ ี ให้เข้าใจง่าย ไมช่ ัดเจน

ใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม การเช่ือมโยงใหเ้ ห็น

เป็นภาพรวม

ดแู ล เก็บ และทาความ ดูแล และทาความสะอาด ดูแล เกบ็ และ ไมด่ ูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ

สะอาดอุปกรณแ์ ละ/ อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ทาความสะอาด เครือ่ งมอื ในการออกแบบ

หรอื เคร่ืองมือในการ เคร่ืองมือในการออกแบบ อปุ กรณ์และ/หรือ และประดิษฐ์ ไมส่ นใจ

ออกแบบและประดิษฐ์ และประดษิ ฐ์ เคร่ืองมอื ในการออกแบบ ทาความสะอาด

อย่างถูกต้องตามหลักการ อยา่ งถกู ต้อง และประดษิ ฐ์ แตไ่ ม่ถูกต้อง และเกบ็ ไมถ่ กู ตอ้ ง

และแนะนาใหผ้ ูอ้ ่นื ดแู ล แตเ่ กบ็ ไม่ถกู ต้อง

และเก็บรักษาไดถ้ กู ต้อง

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5

เรอื่ ง ศึกษาความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ : 1

ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทีส่ ง่ ผลต่อสง่ิ มชี ีวิต
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี

ตวั ชว้ี ดั อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายความหมายและหน้าที่ของดาวเทียม ยานอวกาศ ยานขนส่งอวกาศ และสถานีอวกาศได้ (K)
2. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ อย่างรวมพลงั ด้วยความมุง่ มน่ั และตง้ั ใจได้ (P)
3. สืบสอบข้อมลู เกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศได้ (P)
4. มีความม่งุ มน่ั และตั้งใจ (A)

สาระการเรยี นรู้

เทคโนโลยอี วกาศเร่ิมจากความตอ้ งการของมนุษย์ในการสารวจวตั ถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า กลอ้ งโทรทรรศน์
และได้พฒั นาไปสกู่ ารขนส่งเพื่อสารวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนส่งอวกาศ และยังคงพัฒนาอย่าง
ต่อเน่ือง

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหนา้ ชัน้ เรยี น

2. ความสามารถในการคดิ
- การสังเกต การสารวจ การคิดวิเคราะห์ การเปรยี บเทียบ การจัดระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ
การสร้างคาอธิบาย การอภปิ ราย การสื่อความหมาย การสืบสอบข้อมูล และการทากิจกรรม
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปัญหาขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
- กระบวนการกลุ่ม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- การสบื สอบข้อมูลจากเทคโนโลยีสารสนเทศ

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ซือ่ สัตย์สุจรติ
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ มนั่ ในการทางาน

คาถามสาคญั

มนษุ ย์พัฒนาเทคโนโลยอี วกาศใดบา้ ง เพอ่ื ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ขัน้ •สงั•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ข้อ•มูล• (G• a•th•eri•ng•)

1. นกั เรยี นชมวดี ิทศั น์เก่ียวกบั การพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ (ยานขนส่งอวกาศ
ดาวเทยี ม สถานีอวกาศ และยานอวกาศ) แลว้ รว่ มกันตอบคาถามสาคญั กระตุน้ ความคิด ดังนี้

1.1 มนษุ ยพ์ ฒั นาเทคโนโลยอี วกาศใดบ้าง เพ่ือประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
(ตวั อยา่ งคาตอบ กลอ้ งโทรทรรศน์ จรวด ยานขนส่งอวกาศ และมกี ารนาเทคโนโลยอี วกาศ
บางประเภทมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน เชน่ การใช้ดาวเทยี มเพื่อการส่ือสาร การพยากรณ์อากาศ
หรอื การสารวจทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์วัดชีพจรและการเต้นของหวั ใจ หมวกนิรภัย ชุดกีฬา)
1.2 ดาวเทียมคืออะไร
(ดาวเทียม คือ สง่ิ ประดิษฐ์ทม่ี นุษยส์ รา้ งขน้ึ แล้วส่งไปโคจรรอบโลก เพ่ือประโยชน์ในด้านต่าง ๆ)
1.3 ดาวเทียมมีกี่ประเภท อะไรบา้ ง
(ดาวเทียมมี 3 ประเภท ได้แก่ 1. ดาวเทียมด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ 2. ดาวเทยี มสอื่ สาร
และ 3. ดาวเทียมเพอ่ื การพัฒนาการใช้เฉพาะทาง เช่น เพื่อการพยากรณ์อากาศ เพื่อสารวจทรพั ยากร
ดาวเทียมจารกรรม)
1.4 ยานอวกาศคอื อะไร
(ยานอวกาศ คือ ส่ิงประดิษฐท์ ม่ี นุษยส์ ร้างขนึ้ เพื่อสง่ ออกไปสารวจสง่ิ ตา่ ง ๆ ในอวกาศ)
1.5 ยานขนสง่ อวกาศคืออะไร
(ยานขนส่งอวกาศ หรอื กระสวยอวกาศ คือ ยานชนดิ หน่ึงที่สามารถเดินทางไปและกลับ
ระหว่างโลกกับอวกาศได้หลายครัง้ )
1.6 สถานอี วกาศคอื อะไร
(สถานอี วกาศ คือ ยานอวกาศขนาดใหญท่ ่ีโคจรอยรู่ อบโลก เพ่ือใหม้ นุษยใ์ ชเ้ ปน็ ทพ่ี ักและ
ทางานวิจยั ทดลองด้านต่าง ๆ)
2. นักเรยี นรว่ มกนั คาดคะเนคาตอบของคาถามข้างตน้

3. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ 4 กลุ่ม คละเพศ และคละนักเรยี นเกง่ ปานกลาง และออ่ น (หรือจะแบง่ กลุม่ ด้วย
วธิ กี ารตา่ ง ๆ เพมิ่ เติมได้) โดยแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันอย่างรวมพลังศกึ ษาวธิ ีทาและปฏิบตั กิ ิจกรรมท่ี 5.2 เร่อื ง
ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ ในใบงานท่ี 21 ตามขั้นตอน ดังน้ี

3.1 ทบทวนบทบาทหน้าท่ขี องสมาชกิ ในกลุม่ ว่าต้องทาหนา้ ทอ่ี ยา่ งไรบา้ งในการดาเนนิ การด้วย
กระบวนการทางานกล่มุ เช่น หวั หนา้ กลุม่ มีหน้าที่ ............................ ผู้จดบันทกึ มหี น้าที่ .............................
ผู้เสนอรายงาน มหี นา้ ท่ี ...........................อน่ื ๆ …………………………..

กิจกรรมกล่มุ และการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เป็นการสร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21
ด้านการรว่ มมือทางานเป็นทมี การคิดแก้ปัญหา และรับผิดชอบต่อผลงานร่วมกัน

3.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อ วสั ดอุ ุปกรณ์สาหรับการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมว่าครบถ้วน เหมาะสม
ทีจ่ ะใช้ในการปฏบิ ัติกจิ กรรมเพียงใด

4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อย่างรวมพลงั ศึกษาวิธกี ารทากิจกรรมท่ี 5.2 เรอื่ ง ความก้าวหน้าของ
เทคโนโลยอี วกาศ ในใบงานที่ 21

5. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ก่อนทากจิ กรรม โดยร่วมกันตอบคาถาม
กอ่ นทากิจกรรม ดงั นี้

5.1 คาถามสาคญั ในการทากจิ กรรมคืออะไร
(มนุษย์พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศใดบา้ ง เพ่ือประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน)
5.2 เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร
(ตัวอยา่ งคาตอบ เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ท่ีพัฒนาขึ้นเพ่ือใชใ้ นการศึกษาทางดาราศาสตร)์
5.3 เหตุใดจงึ ตอ้ งมกี ารพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ
(ตัวอยา่ งคาตอบ สนองความตอ้ งการใฝร่ ู้ของมนษุ ย์)
5.4 เทคโนโลยีอวกาศในปัจจบุ ันที่นกั เรยี นรู้จกั มีอะไรบ้าง
(ตัวอยา่ งคาตอบ สถานอี วกาศนานาชาติ ดาวเทียมไทยคม)
6. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั อย่างรวมพลงั ลงมือทากจิ กรรมตามข้นั ตอนทกี่ าหนดในใบงานที่ 21
เรือ่ ง ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยอี วกาศ และบนั ทกึ ผลการทากิจกรรมในใบงานท่ี 21
7. หลังจากนกั เรยี นทากจิ กรรมและบันทกึ ผลการทากิจกรรมในใบงานท่ี 21 ผูแ้ ทนนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่
ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น เพอื่ แลกเปลยี่ นเรียนรูก้ นั

•(ขG้ัน•aคt•ดิhวe•ิเrคinร•gา)ะ•หแ์• ล•ะส•รุป•คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
8•. น• กั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลการนาเสนอของแต่ละกลุ่มในประเด็น ดังน้ี

 ความเหมอื นและความแตกต่างในการสืบสอบ
 เพม่ิ ประเด็นใหค้ รบถ้วน
9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์ อภิปราย และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ผลการทากิจกรรม
โดยรว่ มกนั ตอบคาถามหลังทากจิ กรรม ดังน้ี
9.1 นิทรรศการที่จัดขนึ้ มีหวั ข้อวา่ อะไร เพราะเหตุใด
(เทคโนโลยีอวกาศ เพราะเปน็ การนาเสนอข้อมลู สารสนเทศจากการศึกษาเทคโนโลยีอวกาศ)
9.2 เพราะเหตุใด มนุษย์จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ
(ตัวอย่างคาตอบ ตอบสนองความสนใจใฝ่รู้ของมนษุ ย)์
9.3 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศในปัจจุบันมุ่งเนน้ ประโยชน์ในเรื่องใด
(ตวั อย่างคาตอบ แสวงหาแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาติแหง่ ใหมข่ องมนุษย์)
9.4 สรุปผลการทากจิ กรรมได้วา่ อยา่ งไร
(เทคโนโลยอี วกาศเร่ิมจากความตอ้ งการของมนษุ ย์ในการสารวจวัตถทุ อ้ งฟา้ โดยใช้ตาเปล่า
กลอ้ งโทรทรรศน์ และไดพ้ ฒั นาไปสู่การขนส่งเพื่อสารวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนสง่ อวกาศ และยังคง
พฒั นาอย่างต่อเน่ือง ปจั จุบนั มีการนาเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั เช่น
การใช้ดาวเทยี มเพ่ือการสื่อสาร การพยากรณอ์ ากาศ หรือการสารวจทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้อปุ กรณ์
วดั ชพี จรและการเตน้ ของหวั ใจ หมวกนิรภยั ชดุ กฬี า)
10. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั คดิ วเิ คราะห์และอภิปรายเพ่มิ เติม เพ่อื เสริมสร้างสมรรถนะด้านการคิด
โดยเปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกต่างของสง่ิ ต่อไปน้ี แล้วเขียนเป็นแผนภาพความคดิ
10.1 กล้องโทรทรรศน์ชนดิ หักเหแสงกับกลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ

กลอ้ งโทรทรรศน์ กกลล้อ้องงโโททรรททรรรรศศนน์ ์
ชนิดหักเหแสง ออววกกาาศศ

(อยภู่ ายในโลก (ช่วยขยายภาพ (โคจรอยูใ่ นอวกาศ
ภาพอาจจะถกู รบกวน วตั ถทุ ่อี ยู่ไกลได้) ภาพคมชัด ไมถ่ ูกรบกวน
โดยชั้นบรรยากาศ โดยช้นั บรรยากาศของโลก)
ของโลก)

แผนภาพความคิดเปรยี บเทยี บ กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงกบั กล้องโทรทรรศน์อวกาศ


Click to View FlipBook Version