10.2 จรวดกบั ยานขนสง่ อวกาศ
ก จรวด ยานขนส่งอวกาศ
(เมื่อเสรจ็ ภารกจิ จรวด (เป็นยานทนี่ าดาวเทียม (สามารถทาภารกิจระหว่าง
แตล่ ะส่วนจะถูกเผาไหม้ ยานอวกาศ หรืออนื่ ๆ โลกกับอวกาศไดห้ ลายครั้ง)
ในช้ันบรรยากาศ) เข้าไปไว้ในวงโคจร
ของโลกหรือในอวกาศ)
แผนภาพความคิดเปรยี บเทยี บ จรวดกับยานขนส่งอวกาศ
10.3 ดาวเทียมกับสถานีอวกาศ
ดาวดเาทวียเมทยี ม สสถถาานนอี อี ววกกาาศศ
(เป็นอุปกรณ์ท่ีถูกส่งขนึ้ ไป (โคจรรอบโลก (เปน็ ที่พักและท่ีทางานของ
เพ่ือทาภารกจิ บางอยา่ ง ศกึ ษาคน้ ควา้ ผทู้ ่ีตอ้ งอย่ใู นวงโคจรของโลก
เชน่ สื่อสาร พยากรณ์อากาศ) เก่ียวกับอากาศ) หรอื ในอวกาศเปน็ เวลา
นาน ๆ)
แผนภาพความคิดเปรียบเทยี บ ดาวเทยี มกับสถานีอวกาศ
11. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์และอภปิ รายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการพัฒนาความก้าวหนา้ ของ
เทคโนโลยีอวกาศ แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยเขียนเปน็ แผนภาพความคิด
12. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สรุปผลการทากจิ กรรมและสรปุ สง่ิ ท่ีเขา้ ใจเปน็ ความรรู้ ่วมกนั เกี่ยวกับ
ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี วกาศว่า เทคโนโลยีอวกาศเรม่ิ จากความต้องการของมนุษยใ์ นการสารวจ
วตั ถทุ อ้ งฟา้ โดยใชต้ าเปลา่ กล้องโทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปสู่การขนสง่ เพื่อสารวจอวกาศดว้ ยจรวดและ
ยานขนส่งอวกาศ และยังคงพัฒนาอยา่ งต่อเน่ือง ปัจจุบนั มีการนาเทคโนโลยอี วกาศบางประเภทมาประยุกต์ใช้
ในชีวติ ประจาวัน เชน่ การใช้ดาวเทยี มเพื่อการสือ่ สาร การพยากรณอ์ ากาศ หรือการสารวจ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การใชอ้ ุปกรณว์ ัดชพี จรและการเต้นของหวั ใจ หมวกนริ ภยั ชุดกีฬา
สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)
2. แบบฝึกหัดรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)
3. ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิดวเิ คราะห์รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
4. วดี ิทัศนเ์ กย่ี วกบั การพฒั นาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ (ยานขนสง่ อวกาศ ดาวเทยี ม
สถานอี วกาศ และยานอวกาศ)
5. ใบงานที่ 21 เรอ่ื ง ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ
6. แหลง่ การเรียนรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรียน
การประเมนิ การเรยี นรู้
1. ประเมนิ ความรู้ เร่ือง ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยอี วกาศ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ การปฏิบัติการทากจิ กรรม และการสืบสอบข้อมลู (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านซ่ือสัตย์สจุ รติ ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ ม่นั ในการทางาน (A)
ด้วยแบบประเมนิ
แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)
แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ารทากจิ กรรม
รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32
1. การทากิจกรรม ทากิจกรรมตามวิธกี าร ทากจิ กรรมตามวิธีการ ทากิจกรรมตามวธิ ีการ ทากจิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง
ตามแผนทกี่ าหนด และข้นั ตอนท่ีกาหนดไว้ และข้ันตอนท่กี าหนดไว้ และขน้ั ตอนทก่ี าหนดไว้ ตามวธิ ีการและขัน้ ตอน
อยา่ งถกู ตอ้ งด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง มกี ารปรบั ปรุง โดยมีครหู รือผูอ้ ่ืน ที่กาหนดไว้ ไมม่ ีการ
มีการปรับปรงุ แกไ้ ข แกไ้ ขบา้ ง เป็นผแู้ นะนา ปรบั ปรงุ แก้ไข
เปน็ ระยะ
2. การใชอ้ ปุ กรณ์ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื
และ/หรือเคร่ืองมอื เคร่ืองมอื ในการทา เคร่อื งมือในการทา เครอ่ื งมือในการทา เครอ่ื งมือในการทา
กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกต้อง กจิ กรรมไมถ่ ูกตอ้ ง
ตามหลกั การปฏิบัติ ตามหลักการปฏิบตั ิ โดยมีครหู รือผูอ้ ืน่ และไม่มคี วามคล่องแคล่ว
และคล่องแคล่ว แต่ไม่คล่องแคลว่ เป็นผู้แนะนา ในการใช้
3. การบันทกึ ผล บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ
การทากิจกรรม อยา่ งถกู ต้อง มีระเบยี บ อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เป็นระเบียบ ไม่มกี ารระบหุ น่วย
มีการระบหุ นว่ ย มกี าร มีการระบุหนว่ ย ไม่มีการระบุหน่วย และไมเ่ ปน็ ไปตาม
อธบิ ายขอ้ มูลให้เห็น มีการอธิบายข้อมลู และไม่มีการอธิบายขอ้ มลู การทากจิ กรรม
ความเชือ่ มโยงเป็นภาพรวม ใหเ้ ห็นถงึ ความสมั พันธ์ ใหเ้ ห็นถึงความสมั พันธ์
เปน็ เหตเุ ป็นผล และเปน็ ไป เป็นไปตามการ ของการทากจิ กรรม
ตามการทากิจกรรม ทากิจกรรม
4. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู
และการนาเสนอ อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ อย่างเปน็ ระบบ อย่างไม่เป็นระบบ
มกี ารเชอื่ มโยงใหเ้ หน็ มีการจาแนกขอ้ มลู มีการยกตวั อยา่ งเพ่มิ เตมิ และมกี ารนาเสนอ
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ให้เห็นความสมั พันธ์ ใหเ้ ข้าใจงา่ ย และนาเสนอ ไม่ส่อื ความหมาย
ด้วยแบบต่าง ๆ อยา่ งชัดเจน นาเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ แตย่ ัง และไม่ชัดเจน
ถกู ตอ้ ง ได้ แต่ยังไมช่ ัดเจน ไมช่ ัดเจนและไม่ถกู ตอ้ ง
รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1
32
5. การสรุปผล สรปุ ผลการทากจิ กรรม สรุปผลการทากจิ กรรมได้ สรุปผลการทากิจกรรมได้ สรุปผลการทากิจกรรม
การทากจิ กรรม ได้อย่างถกู ตอ้ ง กระชับ
ชดั เจน และครอบคลมุ ถูกต้อง แต่ยังไมค่ รอบคลมุ โดยมีครหู รอื ผ้อู นื่ แนะนา ตามความรู้ที่พอมีอยู่
ข้อมูลจากการวเิ คราะห์
ท้ังหมด ขอ้ มลู จากการวิเคราะห์ บา้ ง จงึ สามารถสรปุ โดยไม่ใช้ขอ้ มูล
ทงั้ หมด ได้ถกู ตอ้ ง จากการทากิจกรรม
6. การดแู ลและการเกบ็ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรอื ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไมด่ ูแลอุปกรณ์และ/
อปุ กรณ์และ/หรือ เคร่ืองมือในการทา เครื่องมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา หรอื เครือ่ งมือในการทา
กิจกรรม และมกี าร กิจกรรม มีการ กิจกรรม และไม่สนใจ
เคร่ืองมอื กจิ กรรม และมกี าร
ทาความสะอาด ทาความสะอาด ทาความสะอาด ทาความสะอาด
แต่เก็บไม่ถูกตอ้ ง รวมทงั้ เก็บไม่ถูกต้อง
และเก็บอยา่ งถกู ต้อง อย่างถกู ต้อง แต่เกบ็ ต้องให้ครูหรอื ผู้อ่ืน
แนะนา
ตามหลักการ และแนะนา ไม่ถกู ต้อง
ใหผ้ ูอ้ ื่นดูแลและ
เกบ็ รกั ษาได้ถูกต้อง
แบบประเมนิ การสืบสอบขอ้ มลู
รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1
32
1. การวางแผนคน้ ควา้ วางแผนทีจ่ ะค้นคว้าขอ้ มลู วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าข้อมูล วางแผนที่จะค้นคว้าข้อมูล ไม่มกี ารวางแผนท่จี ะ
ขอ้ มูลจาก จากแหล่งการเรียนรู้ จากแหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการเรยี นรู้ ค้นควา้ ขอ้ มลู จาก
แหลง่ การเรียนรู้
แหล่งการเรยี นรู้ ที่หลากหลาย เชือ่ ถอื ได้ ทห่ี ลากหลายและเหมาะสม โดยมคี รูหรือผูอ้ ื่น
และมีการเชอื่ มโยงให้เหน็ แต่ไมม่ กี ารเชือ่ มโยง แนะนาบ้าง อยา่ งเป็นระบบ
เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น ใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม
ถึงความสมั พันธ์ของ
วิธกี ารทั้งหมด
2. การเก็บรวบรวม เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มูล
ข้อมูล ตามแผนที่กาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไมม่ ีการคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ
ทกุ ประการ ประเมนิ ขอ้ มลู และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมินเพ่อื คัดเลือก
3. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู อย่าง
และการนาเสนอ อย่างเปน็ ระบบ อย่างเป็นระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ
มีการเชอ่ื มโยงใหเ้ ห็น จาแนกข้อมูลให้เห็น มกี ารยกตวั อยา่ งเพมิ่ เตมิ นาเสนอไม่ส่ือความหมาย
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ความสัมพันธ์ นาเสนอ ให้เข้าใจงา่ ยและนาเสนอ และไมช่ ัดเจน
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ อย่างชดั เจน ด้วยแบบตา่ ง ๆ ด้วยแบบตา่ ง ๆ
ถูกต้อง ได้อย่างถูกต้อง แต่ยงั ไมถ่ ูกตอ้ ง
4. การสรปุ ผล สรปุ ผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรปุ ผลได้อยา่ งกระชับ สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรปุ ผลโดยไมใ่ ช้ขอ้ มลู
กระชับ ชดั เจน และ แตย่ งั ไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไมช่ ดั เจน และไมถ่ ูกต้อง
ครอบคลมุ มีเหตผุ ล ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู
ทอ่ี ้างอิงจากการสืบสอบ จากการวิเคราะห์
ได้ ทง้ั หมด
5. การเขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงานได้
ตรงตามจดุ ประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์
ถกู ตอ้ งและชดั เจน อยา่ งถกู ต้องและชดั เจน โดยส่อื ความหมายได้ ตามตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา
และมกี ารเชื่อมโยง แตข่ าดการเรยี บเรยี ง
ใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม โดยมีครหู รือผอู้ ่ืนแนะนา ไมถ่ ูกตอ้ งและไมช่ ัดเจน
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา
บันทึกหลงั การสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)
วนั ที่บันทึก
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 6
เรือ่ ง ศกึ ษาความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ : 2
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรียน 1 ช่วั โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ปฏิสมั พันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่สี ง่ ผลต่อสง่ิ มชี วี ติ
และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
ตัวชวี้ ัด อธิบายพฒั นาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายความหมายและหนา้ ท่ีของดาวเทียม ยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และสถานีอวกาศได้ (K)
2. จัดทาอนิ โฟกราฟกิ (infographic) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ อยา่ งรวมพลงั
ดว้ ยความมุง่ ม่นั และต้ังใจได้ (P)
3. มคี วามม่งุ มนั่ และตัง้ ใจ (A)
สาระการเรียนรู้
เทคโนโลยอี วกาศเร่ิมจากความต้องการของมนุษย์ในการสารวจวตั ถุท้องฟ้าโดยใชต้ าเปลา่ กล้องโทรทรรศน์
และได้พัฒนาไปสกู่ ารขนส่งเพ่ือสารวจอวกาศดว้ ยจรวดและยานขนสง่ อวกาศ และยังคงพัฒนา
อยา่ งต่อเน่ือง
สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหนา้ ชัน้ เรียน
2. ความสามารถในการคดิ
- การสังเกต การคิดวเิ คราะห์ การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ การสรา้ งคาอธบิ าย การอภปิ ราย
การสื่อความหมาย การสบื สอบข้อมูล และการทากิจกรรมทดลองโดยใช้กระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปัญหาขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- กระบวนการกลุ่ม
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การสบื สอบข้อมลู จากเทคโนโลยสี ารสนเทศ
- การนาเสนอผลงานโดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ซ่อื สัตย์สจุ ริต
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทางาน
คาถามสาคญั
(-)
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
• ข•้ันป• ฏ•บิ ัต•แิ ล•ะส•รปุ •ค•วา•มร•หู้ ล•ังก•าร•ปฏ•บิ ัต•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•1. •นกั •เร•ยี น•แต่ละกลุ่มรว่ มกันอย่างรวมพลังวางแผน ออกแบบ และเขยี นอนิ โฟกราฟกิ (infographic)
เกี่ยวกบั ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จดั ทาเปน็ ชน้ิ งาน
การวางแผน ออกแบบ สรปุ เปน็ อนิ โฟกราฟิก เปน็ การสรา้ งเสรมิ ทักษะศตวรรษท่ี 21
ดา้ นการคดิ วิเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ และการส่ือสาร
2. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ทเี่ ข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดงั นี้
เทคโนโลยอี วกาศเรมิ่ จากความต้องการของมนุษย์ในการสารวจวัตถทุ อ้ งฟ้าโดยใช้ตาเปลา่
กลอ้ งโทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปส่กู ารขนส่งเพ่ือสารวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนสง่ อวกาศ
และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
• ข•ั้นส•อื่ ส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)
3. ผ้แู ทนนักเรียนแต่ละกลุม่ นาเสนออนิ โฟกราฟิก (infographic) ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี
อวกาศ โดยวิธจี ัดกิจกรรม Team Game Tournament: TGT โดยจดั แยกให้สมาชกิ กลมุ่ ของตนกระจายไป
ทกุ กล่มุ ไปรับฟังการนาเสนอ และตอบขอ้ ซกั ถามของกล่มุ อ่ืน
4. นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายสรุปเกีย่ วกบั วธิ กี ารทางาน ใหเ้ หน็ การคดิ เชิงระบบและวธิ กี ารทางาน
ทม่ี ีแบบแผน
• ข•นั้ ป•ระ•เม•ินเ•พอื่ •เพ•่ิมค•ุณ•ค่า•บร•ิกา•รส•งั ค•มแ•ละ•จ•ิตส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)
•5. •นกั•เร•ยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ทากจิ กรรมวิทยาศาสตรส์ ร้างสรรค์สู่ความเขา้ ใจอาเซียน ดงั นี้
แต่ละกลุ่มรว่ มกนั อย่างรวมพลงั วางแผน สืบสอบข้อมลู วา่ ในประเทศไทย
และประเทศสมาชิกอาเซยี นมีการสรา้ งเทคโนโลยีอวกาศหรือไม่ อยา่ งไร
และมกี ารใชป้ ระโยชน์อย่างไร รวบรวมข้อมลู แลว้ ออกแบบนาเสนอข้อมูลให้นา่ สนใจ
จดั เป็นมุมอาเซียนศึกษา
6. นักเรยี นร่วมกนั คดั เลือกผลงานท่ดี ีเดน่ แลว้ นาไปเผยแพรใ่ นเวบ็ ไซต์ หรือเฟซบ๊กุ (facebook)
ของโรงเรยี น เพื่อเผยแพร่ความร้ทู างสอื่ ออนไลน์ให้ผู้ท่ีสนใจเขา้ ชม
การเผยแพร่ความรู้ในเว็บไซต์ หรอื เฟซบุ๊ก (facebook) สรา้ งเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21
ด้านความรอบรู้ในเทคโนโลยีสารสนเทศ
7. นกั เรียนรว่ มกนั จดั แสดงผลงานของนักเรียนเพ่ือเป็นแรงจูงใจใหน้ กั เรียนผลิตผลงานทีด่ ี และได้เหน็
ผลงานทีห่ ลากหลายของเพ่ือน เปน็ การเปิดความคดิ ของนักเรียนให้กว้างข้ึน
8. นกั เรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขัน้ ตอนตา่ ง ๆ ท่เี รียนมาในวนั นี้มจี ดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบ้าง
มคี วามสงสัย ความอยากรู้อยากเหน็ ในเร่ืองใด ใหร้ ะบุ
9. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี นและหลังการทากจิ กรรม
ในประเดน็ ต่อไปน้ี
สิ่งทีน่ กั เรียนได้เรยี นรู้ในวนั นคี้ อื อะไร
นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มกิจกรรมในกล่มุ มากนอ้ ยเพยี งใด
เพอ่ื นนักเรียนในกลุม่ มีส่วนรว่ มกจิ กรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด
นักเรยี นพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพยี งใด
นกั เรียนจะนาความรูท้ ี่ไดน้ ีไ้ ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมท่วั ไป
ได้อยา่ งไร
จากนน้ั แลกเปลีย่ นตรวจสอบขน้ั ตอนการทางานทกุ ขัน้ ตอนวา่ จะเพม่ิ คณุ คา่ ไปสู่สงั คม
เกดิ ประโยชน์ตอ่ สังคมให้มากขึน้ กว่าเดิมในขน้ั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในครงั้ ต่อไป
สือ่ การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ของสถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)
2. แบบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)
3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พฒั นาการคดิ วิเคราะห์รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)
4. แหล่งการเรยี นร้ทู งั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
การประเมนิ การเรยี นรู้
1. ประเมนิ ความรู้ เร่ือง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินช้นิ งาน อนิ โฟกราฟิก (infographic) ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ (P)
ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านซื่อสัตย์สุจริต ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มัน่ ในการทางาน (A)
ด้วยแบบประเมิน
แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)
แบบประเมนิ ช้นิ งาน อนิ โฟกราฟิก
รายการการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ
การจดั กระทาและ 432 1
นาเสนออนิ โฟกราฟกิ
จดั กระทาและนาเสนอ จัดกระทาและนาเสนอ จดั กระทาและนาเสนอ จดั กระทาและนาเสนอ
อนิ โฟกราฟิกได้
อินโฟกราฟิก อนิ โฟกราฟิก อินโฟกราฟิกได้ แต่ไมส่ อดคล้องกบั
หวั ข้อเร่ืองท่ีกาหนด
ไดส้ มั พนั ธก์ ันและถูกต้อง ไดส้ มั พนั ธก์ บั หัวขอ้ เรื่อง ตามหวั ข้อเร่อื ง โดยมีครู
ตามหัวขอ้ เร่อื งท่ีกาหนด ท่กี าหนด มกี ารออกแบบ หรอื ผอู้ ื่นให้คาแนะนา
มกี ารวางแผน มีการ มีความคิดริเรม่ิ
ออกแบบ และมีความคิด แตไ่ มม่ ีการเชอื่ มโยง
สร้างสรรค์ มกี ารเช่ือมโยง ให้เหน็ เปน็ ภาพรวม
ใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา
บันทึกหลงั การสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)
วนั ที่บันทึก
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7
เรอื่ ง ออกแบบชุดอวกาศ : 1
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะทส่ี ง่ ผลต่อส่ิงมีชีวิต
และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยี
ตัวชี้วัด อธบิ ายพฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายการดารงชวี ติ ของมนุษยใ์ นอวกาศได้ (K)
2. ปฏิบัตกิ ิจกรรม ออกแบบชุดอวกาศ อย่างรวมพลงั ด้วยความมุ่งม่ัน ตงั้ ใจ และรบั ผดิ ชอบได้ (P)
3. ออกแบบและประดษิ ฐ์แบบจาลอง ชดุ อวกาศ จากวสั ดุในท้องถิ่นได้ (P)
4. มคี วามมุง่ ม่ัน ตงั้ ใจ และรับผดิ ชอบ (A)
สาระการเรยี นรู้
นักบนิ อวกาศต้องสวมชุดอวกาศเม่ือออกไปปฏบิ ัตงิ านนอกยานอวกาศ เพือ่ ป้องกันรงั สีที่เป็นอนั ตราย
ต่าง ๆ และความร้อนจากดวงอาทติ ย์ นอกจากน้ชี ุดอวกาศยงั สามารถปรบั ความดันและอณุ หภูมิ
ใหเ้ หมาะสมกบั รา่ งกายได้อีกดว้ ย
การอยู่ในอวกาศในสภาพที่ไร้น้าหนักเป็นเวลานาน จะทาให้กลา้ มเน้ืออ่อนแรงและระบบหมนุ เวยี นเลือด
ผิดปกติ มนษุ ย์อวกาศจึงตอ้ งออกกาลังกายอยู่เสมอ
สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธิบาย การเขียน การพูดหนา้ ชน้ั เรียน
2. ความสามารถในการคดิ
- การสังเกต การคิดวเิ คราะห์ การเปรียบเทยี บ การจัดระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ
การสร้างคาอธิบาย การอภปิ ราย การส่อื ความหมาย การสืบสอบข้อมลู และการทากจิ กรรม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ัญหาขณะปฏิบัติกจิ กรรม
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
- กระบวนการกลมุ่
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การสบื สอบข้อมูลจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. อย่อู ยา่ งพอเพียง
3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
คาถามสาคัญ
มนุษย์ดารงชวี ติ อยู่ในอวกาศได้อยา่ งไร
การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
•ข้ัน•สัง•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มลู • (G• a•th•eri•ng•)
1. นกั เรียนชมวดี ิทศั นเ์ ก่ยี วกับการเดินทางออกไปนอกโลกของนกั บินอวกาศ และการดารงชวี ติ ของ
นักบินอวกาศในอวกาศ แลว้ ร่วมกันตอบคาถามสาคญั กระตุ้นความคดิ ดังนี้
1.1 มนษุ ยด์ ารงชวี ิตอยู่ในอวกาศไดอ้ ย่างไร
(ตัวอย่างคาตอบ มนุษย์อวกาศต้องสวมชุดอวกาศ จึงสามารถดารงชวี ติ อยใู่ นอวกาศได้)
1.2 นักบินอวกาศมีความหมายวา่ อย่างไร
(นักบินอวกาศ หมายถึง มนุษยอ์ วกาศหรือคนท่ีได้รับการฝึกโดยเฉพาะเพื่อให้เดินทางไปปฏิบตั ิ
ภารกจิ ในอวกาศ)
1.3 การออกไปสารวจอวกาศนั้น นักบินอวกาศจะตอ้ งเตรียมตัวอยา่ งไรบ้าง
(ตวั อย่างคาตอบ เตรียมร่างกายให้แข็งแรง สมบูรณ์ และออกกาลังกายอย่เู สมอ เน่อื งจากการอยู่
ในอวกาศในสภาพท่ีไรน้ ้าหนกั เปน็ เวลานาน จะทาใหก้ ลา้ มเน้อื อ่อนแรงและระบบหมุนเวียนเลอื ดผิดปกติ
นอกจากนเี้ ม่ือออกไปนอกโลกแลว้ จะตอ้ งออกกาลังกายอยู่เสมออีกดว้ ย)
2. นกั เรียนร่วมกนั คาดคะเนคาตอบของคาถามข้างต้น
3. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน
(หรือจะแบ่งกล่มุ ดว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ เพมิ่ เติมได้) โดยแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอย่างรวมพลังศึกษาวิธีทา
และปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 5.3 เรอื่ ง ออกแบบชุดอวกาศ ในใบงานที่ 22 ตามขั้นตอน ดังน้ี
3.1 ทบทวนบทบาทหนา้ ที่ของสมาชกิ ในกลมุ่ วา่ ต้องทาหนา้ ทีอ่ ยา่ งไรบา้ งในการดาเนินการ
ด้วยกระบวนการทางานกลุ่ม เช่น หวั หน้ากลุม่ มีหน้าท่ี ......................... ผู้จดบนั ทึก มหี น้าที่ ...........................
ผูเ้ สนอรายงาน มหี น้าท่ี .......................... อื่น ๆ ...............................
กิจกรรมกลุ่ม และการปฏบิ ัติกจิ กรรม เป็นการสร้างเสริมทักษะศตวรรษท่ี 21
ด้านการรว่ มมือทางานเป็นทีม การคิดแกป้ ญั หา และรับผิดชอบต่อผลงานรว่ มกัน
3.2 ตรวจสอบความพร้อมของส่ือ วสั ดุอปุ กรณ์ สาหรับการปฏิบัติกจิ กรรมว่าครบถว้ น
เหมาะสมท่ีจะใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมเพยี งใด
4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอย่างรวมพลังศึกษาวิธีการทากจิ กรรมท่ี 5.3 เรอ่ื ง ออกแบบชุดอวกาศ
ในใบงานที่ 22
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นก่อนทากจิ กรรม โดยรว่ มกนั ตอบคาถาม
ก่อนทากิจกรรม ดังนี้
5.1 คาถามสาคญั ในการทากิจกรรมคืออะไร
(มนษุ ย์ดารงชีวิตอยใู่ นอวกาศได้อยา่ งไร)
5.2 มนษุ ย์ดารงชีวติ อยู่ในอวกาศไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
(ตัวอยา่ งคาตอบ ไม่ได้ เพราะในอวกาศไม่มีอากาศ อุณหภูมิ แรงโนม้ ถว่ ง และความดัน
ทพี่ อเหมาะ และยังมอี ันตรายจากรงั สี เศษอกุ กาบาต)
5.3 เหตใุ ดมนุษย์จงึ ต้องการเดนิ ทางออกสอู่ วกาศ
(ตัวอย่างคาตอบ เพื่อใหส้ ามารถศึกษาดาวและอวกาศ เพื่อนาความร้ทู ่ไี ด้รับมาใชป้ ระโยชน์ และ
แสวงหาแหล่งทรพั ยากรแห่งใหมส่ าหรบั ประชากรมนุษยท์ ีเ่ พมิ่ จานวนขึ้นอย่างรวดเรว็ )
6. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกนั อย่างรวมพลังลงมือทากิจกรรมตามขัน้ ตอนท่ีกาหนดในใบงานท่ี 22
เร่อื ง ออกแบบชดุ อวกาศ และบันทึกผลการทากจิ กรรมในใบงานที่ 22
7. หลงั จากนักเรียนทากิจกรรมและบันทึกผลการทากิจกรรมในใบงานที่ 22 แล้ว ผแู้ ทนนักเรยี น
แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอการทากจิ กรรมหน้าชนั้ เรียน เพ่ือแลกเปล่ยี นเรียนรู้กนั
•(ขGน้ั•aคt•ดิhวe•เิrคinร•gา)ะ•หแ์• ล•ะส•รปุ •คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
8• . •นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลการนาเสนอของแต่ละกลุ่มในประเด็น ดังน้ี
ความเหมือนและความแตกต่างในการสบื สอบ
เพิม่ ประเดน็ ใหค้ รบถว้ น
9. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันวเิ คราะห์ อภปิ ราย และแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับผลการทากิจกรรม
โดยร่วมกันตอบคาถามหลงั ทากจิ กรรม ดังน้ี
9.1 ปัจจัยในการดารงชวี ติ ของมนุษย์ทีไ่ ม่มีในอวกาศไดแ้ กส่ ่ิงใดบ้าง
(นา้ อาหาร อากาศ)
9.2 ชุดสาหรบั การดารงชวี ติ ในอวกาศทน่ี ักเรยี นออกแบบขน้ึ ควรคานงึ ถึงปจั จัยในการดารงชีวิต
ในอวกาศในเรอื่ งใดบ้าง อย่างไร
(การดารงชวี ติ ในอวกาศของมนษุ ยจ์ าเป็นตอ้ งมกี ารสร้างปัจจัยต่าง ๆ ท่จี าเปน็ ในการดารงชีวิตของ
มนุษย์จึงไม่มีในอวกาศ เชน่ อากาศ ความดัน อุณหภมู ิ ความช้นื นา้ ด่ืม และอาหารไวใ้ นยานอวกาศหรือสถานี
อวกาศ ซง่ึ เปน็ เหมือนพนื้ ท่เี ฉพาะท่ีจัดไว้สาหรบั การดารงชวี ติ ของมนุษย์ในอวกาศ นักบินอวกาศจึงสามารถ
สวมใสเ่ ครื่องแต่งกายปกติได้ เนอ่ื งจากสภาพแวดล้อมภายในยานอวกาศได้ถกู จัดใหเ้ หมือนกับบนพ้ืนโลก
รวมถงึ อาหารซ่ึงต้องเปน็ อาหารสาเรจ็ รปู ท่ที าให้แห้งเพ่ือลดมวล หากเป็นอาหารเหลวก็ต้องบรรจุในภาชนะ
ทม่ี หี ลอดดดู นา้ ดื่มน้าใช้บนยานอวกาศเปน็ ส่ิงท่ีมีจากดั จึงจาเปน็ ต้องมีกระบวนการผลิต และแปรสภาพน้า
ทใี่ ช้แล้ว รวมทั้งปัสสาวะ เพอ่ื นากลับมาดืม่ หรือใช้ไดอ้ ีกครัง้ หนงึ่ )
9.3 มนุษย์มโี อกาสดารงชีวติ ในอวกาศได้ตลอดชีวติ หรือไม่ เพราะเหตุใด
(ไมส่ ามารถดารงชีวิตไดต้ ลอดไป เนอื่ งจากปจั จัยต่าง ๆ ที่ผลติ ขึ้นในชุดอวกาศมีอยู่อยา่ งจากัด
ยอ่ มมวี นั หมดไปหรือเสอื่ มสภาพไป)
9.4 สรุปผลการทากจิ กรรมได้ว่าอยา่ งไร
(มนษุ ย์อวกาศต้องสวมชุดอวกาศเม่ือออกไปปฏิบตั งิ านนอกยานอวกาศ เพ่ือป้องกนั รงั สีทีเ่ ป็น
อันตรายต่าง ๆ และความร้อนจากดวงอาทติ ย์ นอกจากนี้ยังสามารถปรบั ความดนั และอณุ หภมู ิให้เหมาะสม
กบั รา่ งกายได้อีกดว้ ย)
10. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันคิดวเิ คราะห์เพ่ิมเติม เพื่อเสริมสรา้ งสมรรถนะสาคัญดา้ นการคิด
โดยอ่านสถานการณ์ และรว่ มกันตอบคาถาม ดงั นี้
ในขณะทย่ี านเคล่ือนที่ไปในอวกาศ กานต์ร้สู ึกตวั เบามาก เหมือนไม่มนี า้ หนัก อปุ กรณ์ต่าง ๆ
ที่ไม่ถกู ยึดไว้ ก็คงจะไมม่ นี า้ หนกั เชน่ กัน กานต์เหน็ อปุ กรณ์หลายอย่างลอยอย่นู ่ิง ๆ จนกว่าจะถกู ผลกั ให้
เคลื่อนท่ีไปทางใดทางหน่ึง
10.1 ถ้านักเรียนโยนลูกบอลข้ึนไปในอากาศ ลูกบอลจะตกลงมาสู่พื้นโลก เหตใุ ดจงึ เป็นเช่นนน้ั
(เพราะโลกมีแรงดึงดดู )
10.2 เพราะเหตุใดผลไม้ทีห่ ลดุ จากต้นจงึ ตกลงส่พู น้ื โลก
(เพราะโลกมแี รงดึงดูด)
10.3 ถ้ากานต์อยบู่ นโลก กานตจ์ ะรู้สกึ วา่ ตวั เองมีน้าหนักหรือไม่ เพราะเหตุใด
(มี เพราะมแี รงดงึ ดดู ของโลกกระทาตอ่ กานต์ (กานต์ถูกโลกดงึ ดูดไว)้ )
10.4 เพราะเหตุใด เมื่ออยู่ในอวกาศกานตแ์ ละอุปกรณ์ต่าง ๆ จงึ มีสภาพไร้นา้ หนัก
(เพราะไม่มแี รงดึงดูดของโลกมากระทาต่อกานต์และอปุ กรณต์ ่าง ๆ)
11. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันฟังอธิบายเพิม่ เติมเกยี่ วกบั สภาพในอวกาศของมนุษย์อวกาศ แล้วสรปุ
ให้ไดป้ ระเดน็ ดังน้ี
สภาพไร้น้าหนัก หมายถึง สภาพทีเ่ หมือนไมม่ ีแรงดึงดูดของโลกกระทาต่อวัตถุ ในสภาวะน้ี
วตั ถุในยานอวกาศจะไม่มแี รงดงึ ตัวเองให้ลงบนพ้นื ท่ีรองรบั
ความดนั และอุณหภมู ิ อากาศเบาบางมาก ความดันอากาศจึงตา่ มาก ทาให้ค่าความดันเลือด
มากกว่าความดันอากาศ หลอดเลือดอาจแตกและถึงแก่ความตายได้ มนุษย์อวกาศจงึ ต้องสวมชดุ อวกาศ
ตลอดเวลา
12. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันสรุปผลการทากจิ กรรมและสรุปสิ่งที่เขา้ ใจเปน็ ความรู้รว่ มกันเกย่ี วกบั
การออกแบบชดุ อวกาศ โดยเขียนเปน็ แผนภาพความคดิ
(ตัวอย่างแผนภาพความคดิ )
สามารถปรบั ความดัน
และอุณหภูมิได้
สามารถปอ้ งกันรังสีและ ชุดอวกาศ มถี ังออกซิเจน
ความรอ้ นในอวกาศได้ พร้อมท่อสาหรับหายใจ
มที ่ีเกบ็ อปุ กรณส์ าหรับ มเี ครอ่ื งมอื ส่ือสาร
ทดลองทางวทิ ยาศาสตร์
แผนภาพความคิด ชุดอวกาศ
สือ่ การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)
2. แบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6
ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
3. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้พฒั นาการคดิ วเิ คราะหร์ ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
4. วีดิทศั นเ์ ก่ยี วกับการเดินทางออกไปนอกโลกของนกั บินอวกาศ และการดารงชวี ิตของนักบินอวกาศ
ในอวกาศ
5. ใบงานที่ 22 เรื่อง ออกแบบชุดอวกาศ
6. แหลง่ การเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น
การประเมินการเรยี นรู้
1. ประเมนิ ความรู้ เร่ือง การดารงชวี ติ ของมนุษยใ์ นอวกาศ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ การปฏิบตั ิการทากิจกรรม และการสบื สอบข้อมลู (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง มงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)
ด้วยแบบประเมนิ
แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)
แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ารทากจิ กรรม
รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32
1. การทากิจกรรม ทากิจกรรมตามวิธกี าร ทากจิ กรรมตามวิธีการ ทากิจกรรมตามวธิ ีการ ทากจิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง
ตามแผนทกี่ าหนด และข้นั ตอนท่ีกาหนดไว้ และข้นั ตอนทีก่ าหนดไว้ และข้นั ตอนทกี่ าหนดไว้ ตามวธิ ีการและขัน้ ตอน
อยา่ งถกู ตอ้ งด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง มกี ารปรบั ปรงุ โดยมคี รหู รอื ผอู้ นื่ ทก่ี าหนดไว้ ไมม่ ีการ
มีการปรับปรงุ แกไ้ ข แก้ไขบา้ ง เป็นผูแ้ นะนา ปรับปรงุ แก้ไข
เปน็ ระยะ
2. การใชอ้ ปุ กรณ์ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรอื ใช้อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื
และ/หรือเคร่ืองมอื เคร่ืองมอื ในการทา เครอื่ งมือในการทา เครื่องมือในการทา เครอ่ื งมือในการทา
กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมได้อย่างถกู ต้อง กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกต้อง กจิ กรรมไมถ่ ูกตอ้ ง
ตามหลกั การปฏิบัติ ตามหลักการปฏบิ ตั ิ โดยมคี รูหรือผู้อ่นื และไม่มคี วามคล่องแคล่ว
และคล่องแคล่ว แตไ่ มค่ ลอ่ งแคล่ว เป็นผแู้ นะนา ในการใช้
3. การบันทกึ ผล บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ
การทากิจกรรม อยา่ งถกู ต้อง มีระเบยี บ อยา่ งถูกตอ้ ง มีระเบียบ แต่ไมเ่ ป็นระเบียบ ไม่มกี ารระบหุ น่วย
มีการระบหุ นว่ ย มกี าร มีการระบุหนว่ ย ไมม่ ีการระบหุ น่วย และไมเ่ ปน็ ไปตาม
อธบิ ายขอ้ มูลให้เห็น มีการอธบิ ายข้อมลู และไม่มีการอธบิ ายขอ้ มลู การทากจิ กรรม
ความเชือ่ มโยงเป็นภาพรวม ใหเ้ หน็ ถงึ ความสัมพนั ธ์ ใหเ้ หน็ ถึงความสัมพันธ์
เปน็ เหตเุ ป็นผล และเปน็ ไป เป็นไปตามการ ของการทากิจกรรม
ตามการทากิจกรรม ทากิจกรรม
4. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู
และการนาเสนอ อย่างเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไม่เป็นระบบ
มกี ารเชอื่ มโยงใหเ้ หน็ มีการจาแนกขอ้ มลู มกี ารยกตัวอยา่ งเพ่มิ เตมิ และมกี ารนาเสนอ
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ให้เหน็ ความสัมพนั ธ์ ให้เข้าใจง่าย และนาเสนอ ไม่ส่อื ความหมาย
ด้วยแบบต่าง ๆ อยา่ งชัดเจน นาเสนอดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แตย่ ัง และไม่ชัดเจน
ถกู ตอ้ ง ได้ แต่ยังไม่ชดั เจน ไม่ชัดเจนและไม่ถกู ตอ้ ง
รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32
5. การสรุปผล สรปุ ผลการทากิจกรรม สรุปผลการทากจิ กรรม สรุปผลการทากิจกรรมได้ สรปุ ผลการทากิจกรรม
การทากจิ กรรม ได้อย่างถกู ตอ้ ง กระชบั ได้ถกู ต้อง แต่ยงั ไม่ โดยมคี รหู รอื ผ้อู น่ื ตามความรทู้ ี่พอมีอยู่
ชดั เจน และครอบคลมุ ครอบคลมุ ขอ้ มูล แนะนาบา้ ง จงึ สามารถ โดยไม่ใช้ข้อมูล
ข้อมูลจากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะหท์ ้งั หมด สรุปไดถ้ ูกตอ้ ง จากการทากิจกรรม
ท้ังหมด
6. การดแู ลและการเกบ็ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอปุ กรณแ์ ละ/หรือ ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื ไมด่ ูแลอปุ กรณ์และ/
อปุ กรณ์และ/หรือ เคร่ืองมือในการทา เครอ่ื งมือในการทา เคร่อื งมอื ในการทา หรือเคร่ืองมือในการทา
เครอ่ื งมอื กจิ กรรม และมกี าร กจิ กรรม และมกี าร กจิ กรรม มีการ กิจกรรม และไม่สนใจ
ทาความสะอาด ทาความสะอาด ทาความสะอาด ทาความสะอาด
และเก็บอยา่ งถูกตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง แต่เก็บ แตเ่ กบ็ ไมถ่ กู ตอ้ ง รวมทัง้ เกบ็ ไม่ถูกต้อง
ตามหลักการ และแนะนา ไม่ถกู ต้อง ตอ้ งใหค้ รูหรือผอู้ น่ื
ใหผ้ ูอ้ ื่นดูแลและ แนะนา
เกบ็ รกั ษาได้ถูกตอ้ ง
แบบประเมนิ การสืบสอบข้อมลู
รายการการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32
1. การวางแผนคน้ ควา้ วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าขอ้ มูล วางแผนทีจ่ ะค้นควา้ ขอ้ มูล วางแผนทจี่ ะค้นควา้ ขอ้ มูล ไม่มีการวางแผนทจ่ี ะ
ขอ้ มูลจาก จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหลง่ การเรยี นรู้ จากแหลง่ การเรยี นรู้ คน้ คว้าข้อมลู จาก
แหลง่ การเรียนรู้
แหล่งการเรยี นรู้ ที่หลากหลาย เช่ือถอื ได้ ทห่ี ลากหลายและเหมาะสม โดยมีครูหรอื ผอู้ ื่น
และมีการเชือ่ มโยงให้เหน็ แตไ่ มม่ ีการเช่อื มโยง แนะนาบ้าง อยา่ งเป็นระบบ
เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น ใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม
ถึงความสมั พันธข์ อง
วิธกี ารทั้งหมด
2. การเก็บรวบรวม เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เกบ็ รวบรวมข้อมูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู
ข้อมูล ตามแผนที่กาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ โดยไม่มีการคดั เลอื ก เปน็ ระยะ ขาดการ
ทกุ ประการ ประเมินขอ้ มูล และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก
3. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู อยา่ ง
และการนาเสนอ อยา่ งเป็นระบบ อย่างเป็นระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ป็นระบบ และ
มีการเชื่อมโยงใหเ้ ห็น จาแนกขอ้ มลู ให้เหน็ มีการยกตัวอยา่ งเพิ่มเตมิ นาเสนอไมส่ ื่อความหมาย
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ความสัมพันธ์ นาเสนอ ให้เข้าใจงา่ ยและนาเสนอ และไม่ชดั เจน
ดว้ ยแบบต่าง ๆ อย่างชดั เจน ด้วยแบบต่าง ๆ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ
ถูกตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แตย่ ังไมถ่ กู ต้อง
4. การสรปุ ผล สรปุ ผลไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สรปุ ผลได้อยา่ งกระชับ สรปุ ผลไดก้ ระชับ สรปุ ผลโดยไมใ่ ชข้ อ้ มูล
กระชับ ชัดเจน และ แต่ยงั ไม่ชัดเจนและ กะทดั รัด แตไ่ มช่ ัดเจน และไม่ถกู ต้อง
ครอบคลมุ มเี หตุผล ไมค่ รอบคลุมข้อมลู
ทอ่ี า้ งอิงจากการสืบสอบ จากการวิเคราะห์
ได้ ทงั้ หมด
5. การเขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงานได้
ตรงตามจดุ ประสงค์ ตรงตามจุดประสงค์
ถกู ตอ้ งและชดั เจน อยา่ งถกู ต้องและชัดเจน โดยส่อื ความหมายได้ ตามตวั อย่าง แต่ใช้ภาษา
และมกี ารเชื่อมโยง แต่ขาดการเรยี บเรียง
ใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม โดยมีครหู รือผู้อนื่ แนะนา ไม่ถูกต้องและไม่ชัดเจน
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา
บันทึกหลงั การสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)
วนั ที่บันทึก
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 8
เรื่อง ออกแบบชุดอวกาศ : 2
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ปฏสิ ัมพนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะที่ส่งผลตอ่ สงิ่ มชี ีวิต
และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
ตัวชีว้ ดั อธบิ ายพฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั จากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายการดารงชวี ิตของมนุษย์ในอวกาศได้ (K)
2. สร้างแบบจาลองชุดอวกาศ อยา่ งรวมพลัง ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพอเพียงได้ (P)
3. ออกแบบและประดษิ ฐ์แบบจาลอง ชุดอวกาศ จากวัสดุในท้องถิน่ ได้ (P)
4. มคี วามม่งุ ม่ัน ต้งั ใจ และพอเพียง (A)
สาระการเรียนรู้
นักบินอวกาศต้องสวมชดุ อวกาศเม่ือออกไปปฏิบตั ิงานนอกยานอวกาศ เพ่อื ป้องกันรงั สที ่ีเป็นอนั ตราย
ตา่ ง ๆ และความร้อนจากดวงอาทิตย์ นอกจากน้ชี ุดอวกาศยังสามารถปรับความดนั และอุณหภมู ิ
ให้เหมาะสมกบั ร่างกายไดอ้ ีกด้วย
การอยู่ในอวกาศในสภาพท่ีไร้นา้ หนักเป็นเวลานาน จะทาให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และระบบหมุนเวียนเลือด
ผิดปกติ มนษุ ย์อวกาศจึงตอ้ งออกกาลงั กายอย่เู สมอ
สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธิบาย การเขียน การพูดหน้าชั้นเรยี น
2. ความสามารถในการคดิ
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การสรา้ งคาอธบิ าย การอภิปราย การสือ่ ความหมาย การทากจิ กรรม
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
- การแก้ปัญหาขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
- กระบวนการกลมุ่
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
(-)
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อย่อู ย่างพอเพียง
3. ม่งุ มั่นในการทางาน
คาถามสาคัญ
(-)
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
• ข•้นั ป• ฏ•บิ ตั •แิ ล•ะส•รปุ •ค•วา•มร•หู้ ล•ังก•าร•ปฏ•บิ ตั•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•1. •นกั•เร•ยี น•เชอ่ื มโยงความรู้กบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม
ร่วมกันอย่างรวมพลังวางแผน ออกแบบ วาดภาพและระบายสี และสร้างแบบจาลอง ชุดอวกาศ
จากวสั ดุเหลือใชใ้ นท้องถนิ่ จัดทาเปน็ ชิน้ งาน
(ตัวอยา่ งภาพวาดและระบายสแี บบจาลอง)
แบบจาลองชุดอวกาศ
การประดิษฐ์แบบจาลองจากวัสดเุ หลือใชใ้ นทอ้ งถน่ิ เปน็ การบรู ณาการหลกั ปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง บูรณาการ STEM สร้างเสริมค่านิยมหลกั 12 ประการ
ด้านดารงตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. นักเรียนร่วมกันสรปุ สงิ่ ที่เข้าใจเป็นความรรู้ ว่ มกนั ดงั น้ี
นกั บินอวกาศต้องสวมชดุ อวกาศเม่ือออกไปปฏบิ ตั ิงานนอกยานอวกาศ เพื่อปอ้ งกันรังสีท่ีเป็น
อันตรายต่าง ๆ และความร้อนจากดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ชดุ อวกาศยงั สามารถปรับความดนั และอุณหภูมิ
ใหเ้ หมาะสมกบั ร่างกายได้อีกด้วย
การอยู่ในอวกาศในสภาพที่ไร้นา้ หนักเปน็ เวลานาน จะทาให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
และระบบหมนุ เวียนเลอื ดผิดปกติ มนษุ ย์อวกาศจงึ ตอ้ งออกกาลงั กายอยู่เสมอ
• ข•้นั ส•่ือส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)
3. ผแู้ ทนนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอแบบจาลอง ชุดอวกาศ โดยวิธจี ัดกจิ กรรม Team Game
Tournament: TGT โดยจดั แยกใหส้ มาชกิ กลมุ่ ของตนกระจายไปทุกกลุ่มไปรบั ฟังการนาเสนอ
และตอบขอ้ ซกั ถามของกลุม่ อ่ืน
4. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เกี่ยวกบั วิธีการทางานให้เหน็ การคิดเชิงระบบและวธิ ีการทางาน
ท่มี แี บบแผน
• ข•้ันป•ระ•เม•ินเ•พอ่ื •เพ•่ิมค•ุณ•คา่ •บร•ิกา•รส•งั ค•มแ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)
•5. •นกั•เร•ยี นรว่ มกนั จดั ประกวดแบบจาลองในแบบเดนิ ชมนิทรรศการท่ีลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน
เพื่อเผยแพรค่ วามรใู้ ห้เพ่ือนนักเรยี นในโรงเรยี นเดนิ ชม และคัดเลือกผลงานทีด่ เี ดน่ มอบให้
หอ้ งวิทยาศาสตร์ เพ่อื ใช้เป็นสื่อการเรยี นการสอนต่อไป
6. นกั เรยี นร่วมกันจดั แสดงผลงานของนักเรยี นเพ่ือเปน็ แรงจงู ใจใหน้ กั เรียนผลติ ผลงานท่ดี ี และไดเ้ หน็
ผลงานทห่ี ลากหลายของเพื่อน เป็นการเปิดความคิดของนักเรยี นให้กว้างข้นึ
7. นักเรยี นตรวจสอบหรือประเมินขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ทเี่ รยี นมาในวันน้ีมีจดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบ้าง
มีความสงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอื่ งใด ใหร้ ะบุ
8. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรยี นและหลังการทากจิ กรรม
ในประเดน็ ต่อไปน้ี
ส่ิงทนี่ ักเรยี นได้เรียนรู้ในวันนค้ี อื อะไร
นกั เรียนมสี ่วนรว่ มกจิ กรรมในกลมุ่ มากน้อยเพยี งใด
เพอ่ื นนักเรยี นในกลมุ่ มสี ่วนรว่ มกจิ กรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด
นกั เรียนพึงพอใจกบั การเรยี นในวนั นห้ี รือไม่ เพยี งใด
นักเรยี นจะนาความรู้ท่ีไดน้ ี้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไป
ไดอ้ ย่างไร
จากน้ันแลกเปลีย่ นตรวจสอบขน้ั ตอนการทางานทุกขัน้ ตอนว่าจะเพมิ่ คณุ ค่าไปส่สู ังคม
เกดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คมให้มากขึ้นกวา่ เดมิ ในขนั้ ตอนใดบ้าง สาหรับการทางานในครัง้ ต่อไป
สื่อการเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6
ของสถาบันพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)
2. แบบฝึกหดั รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิดวิเคราะหร์ ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
4. แหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน
การประเมนิ การเรยี นรู้
1. ประเมินความรู้ เรื่อง การดารงชวี ติ ของมนุษย์ในอวกาศ (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินชิ้นงาน แบบจาลอง ชุดอวกาศ (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งม่ันในการทางาน (A)
ด้วยแบบประเมิน
แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics)
แบบประเมินชิ้นงาน แบบจาลอง/สิง่ ประดิษฐ์ดว้ ยวัสดใุ นท้องถ่นิ หรือวัสดเุ หลือใช้ในบ้าน
รายการการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ
1. การวางแผน
4321
ในการออกแบบ
วางแผนในการออกแบบ วางแผนทีจ่ ะออกแบบ วางแผนทีจ่ ะออกแบบ วางแผนท่จี ะออกแบบ
2. การเลือกใชว้ สั ดุ
ในทอ้ งถนิ่ / อยา่ งคดิ สรา้ งสรรค์ อยา่ งคิดริเรมิ่ และ อยา่ งเหมาะสม แตไ่ มม่ ี ตามแบบอยา่ ง โดยไมม่ ี
วัสดุเหลอื ใช้ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ หรอื
เหมาะสม มีความละเอยี ด เหมาะสม มีความละเอียด ไมม่ ีความละเอยี ด และ ออกแบบตามท่ีครแู นะนา
3. การประดิษฐต์ าม ไมม่ ีการเชื่อมโยงให้เหน็
แผนที่ออกแบบ และมีการเชอ่ื มโยงใหเ้ หน็ แตไ่ มม่ กี ารเชอ่ื มโยงใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม
4. การนาเสนอ เปน็ ภาพรวม แสดงให้เห็น เปน็ ภาพรวม
แบบจาลอง/
สิ่งประดิษฐ์ ถงึ ความสมั พนั ธข์ อง และไมแ่ สดงให้เห็นถึง
5. การดแู ลและการ วธิ กี ารทั้งหมด ความสัมพันธ์ของวธิ ีการ
เกบ็ อุปกรณ์และ/
หรือเครอ่ื งมอื เลือกใช้วสั ดใุ นท้องถิ่น เลือกใช้วัสดุในทอ้ งถ่นิ เลือกใช้วสั ดุในท้องถิ่น ไมใ่ ช้วัสดใุ นทอ้ งถิน่
ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ ได้อย่างคิดริเริม่ ราคาถูก ไดร้ าคาถกู และสามารถ แตใ่ ชว้ สั ดุที่มีราคาแพง
ดว้ ยตนเอง ราคาถูก และสามารถใช้งานได้ ใช้งานได้
และสามารถใช้งาน
ไดอ้ ยา่ งทนทาน
ประดิษฐต์ ามแผนท่ี ประดิษฐ์ตามแผนท่ี ประดิษฐ์ตามแผนที่ ประดิษฐข์ ้ามขั้นตอน
ออกแบบอย่างเป็นขน้ั ตอน ออกแบบอย่างเป็นข้ันตอน ออกแบบอย่างเป็นข้ันตอน และไม่มกี ารปรับปรุง
ดว้ ยความคลอ่ งแคล่ว ดว้ ยความคล่องแคล่ว แต่มีการแกไ้ ขปรบั ปรุง
มกี ารปรับปรงุ เป็นระยะ ๆ มีการปรบั ปรงุ บ้าง เป็นระยะบ้าง
นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/ นาเสนอแบบจาลอง/
สงิ่ ประดิษฐ์ สิ่งประดษิ ฐ์ สง่ิ ประดษิ ฐไ์ ด้ สง่ิ ประดษิ ฐ์
โดยนาไปใช้ไดจ้ ริง โดยนาไปใชไ้ ดจ้ ริง
แตไ่ มช่ ดั เจน ต้องมกี าร ที่ไมส่ ามารถนาไปใชไ้ ด้
ถกู ตอ้ ง น่าสนใจ ถกู ต้อง น่าสนใจ ยกตวั อย่างเพิม่ เติม ไมส่ อื่ ความหมาย
ให้เข้าใจง่าย ไมช่ ัดเจน
และชัดเจน มกี ารเช่อื มโยง และชัดเจน แตไ่ ม่มี
ใหเ้ ห็นเปน็ ภาพรวม การเช่ือมโยงใหเ้ ห็น
เป็นภาพรวม
ดแู ล เก็บ และทาความ ดูแล และทาความสะอาด ดูแล เกบ็ และ ไมด่ ูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ
เครือ่ งมอื ในการออกแบบ
สะอาดอุปกรณแ์ ละ/ อปุ กรณแ์ ละ/หรือ ทาความสะอาด
หรอื เคร่ืองมือในการ เคร่ืองมือในการออกแบบ อปุ กรณ์และ/หรือ และประดิษฐ์ ไมส่ นใจ
ออกแบบและประดิษฐ์ และประดษิ ฐ์ เคร่ืองมอื ในการออกแบบ ทาความสะอาด
อย่างถูกต้องตามหลักการ อยา่ งถกู ต้อง และประดษิ ฐ์ แตไ่ ม่ถูกต้อง และเกบ็ ไมถ่ กู ตอ้ ง
และแนะนาใหผ้ ูอ้ ่นื ดแู ล แตเ่ กบ็ ไม่ถกู ต้อง
และเก็บรักษาไดถ้ กู ต้อง
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา
บันทึกหลงั การสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)
วนั ที่บันทึก
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9
เร่ือง การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ : 1
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ังปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะท่สี ง่ ผลต่อสิง่ มีชีวติ
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี
ตัวชี้วดั อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายพัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศได้ (K)
2. ยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ (K)
3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ อยา่ งรวมพลงั ด้วยความมงุ่ ม่ัน ต้ังใจ และรบั ผิดชอบได้ (P)
4. มคี วามมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจ และรับผิดชอบ (A)
สาระการเรียนรู้
ปจั จุบนั มีการนาเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั เชน่ การใชด้ าวเทียม
เพอ่ื การสอ่ื สาร การพยากรณ์อากาศ หรือการสารวจทรัพยากรธรรมชาติ การใชอ้ ุปกรณ์วดั ชีพจร
และการเตน้ ของหวั ใจ หมวกนริ ภัย ชดุ กฬี า
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธบิ าย การเขียน การพดู หน้าชัน้ เรียน
2. ความสามารถในการคิด
- การสังเกต การคดิ วเิ คราะห์ การเปรียบเทียบ การจัดจาแนก การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ
การสร้างคาอธบิ าย การอภปิ ราย การส่อื ความหมาย การสืบสอบข้อมูล และการทากจิ กรรม
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปัญหาขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
- กระบวนการกลุ่ม
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- การสืบสอบข้อมูลจากเทคโนโลยสี ารสนเทศ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มุ่งมั่นในการทางาน
คาถามสาคัญ
ปัจจบุ ันมนษุ ย์พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศเพ่ือประโยชนใ์ นเรอื่ งใด
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
•ข้ัน•สงั•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มูล• (G• a•th•eri•ng•)
1. นักเรยี นชมวีดิทัศน์การพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศ แล้วตอบคาถามสาคัญกระตนุ้ ความคิด ดงั น้ี
1.1 ปัจจุบันมนษุ ย์พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพ่ือประโยชนใ์ นเรือ่ งใด
(ตัวอยา่ งคาตอบ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ทีไ่ ม่สามารถทาได้บนโลก ทาใหต้ อ้ งทาการทดลองที่
สถานีอวกาศ การติดต่อสื่อสาร การหาแหลง่ พลงั งานใหม่นอกโลก)
2. นักเรยี นร่วมกนั คาดคะเนคาตอบของคาถามข้างต้น
3. นกั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ และรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศในปจั จุบัน
จากหนงั สือเรียน หรอื แหล่งการเรยี นรู้อื่น ๆ อย่างหลากหลาย
4. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรียนเกง่ ปานกลาง และอ่อน (หรอื จะ
แบ่งกลุม่ ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ เพิ่มเตมิ ได้) โดยแต่ละกลุ่มรว่ มกันอยา่ งรวมพลงั ศึกษาวิธที าและปฏบิ ัตกิ ิจกรรมที่
5.4 เรือ่ ง การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ในใบงานที่ 23 ตามขนั้ ตอน ดังน้ี
4.1 ทบทวนบทบาทหน้าทข่ี องสมาชกิ ในกลมุ่ ว่าต้องทาหนา้ ทีอ่ ย่างไรบ้างในการดาเนินการด้วย
กระบวนการทางานกลุ่ม เช่น หัวหน้ากลุ่ม มหี น้าท่ี ............................ ผู้จดบนั ทึก มหี น้าท่ี ...........................
ผู้เสนอรายงาน มหี นา้ ที่ ............................ อื่น ๆ .............................
กิจกรรมกลุ่ม และการปฏบิ ัติกิจกรรม เปน็ การสร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21
ดา้ นการรว่ มมือทางานเปน็ ทีม การคดิ แกป้ ัญหา และรับผดิ ชอบต่อผลงานร่วมกัน
4.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อ วัสดอุ ปุ กรณ์ สาหรบั การปฏิบัตกิ ิจกรรมว่าครบถว้ น
เหมาะสมทจ่ี ะใช้ในการปฏิบตั ิกิจกรรมเพียงใด
5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอย่างรวมพลงั ศึกษาวิธีการทากิจกรรมท่ี 5.4 เร่ือง การพฒั นา
เทคโนโลยีอวกาศ ในใบงานที่ 23
6. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั แสดงความคิดเห็นก่อนทากจิ กรรม โดยร่วมกนั ตอบคาถามก่อนทา
กิจกรรม ดังน้ี
6.1 คาถามสาคัญในการทากิจกรรมคอื อะไร
(ปจั จุบนั มนุษย์พฒั นาเทคโนโลยอี วกาศเพอื่ ประโยชน์ในเร่ืองใด)
6.2 นกั เรียนสนใจเทคโนโลยอี วกาศในเรอ่ื งใด เพราะเหตใุ ด
(ข้นึ อยู่กับความสนใจของนักเรยี น)
6.3 เทคโนโลยีอวกาศทนี่ ักเรยี นศึกษาเป็นเทคโนโลยอี วกาศประเภทใด
(ข้นึ อยู่กับความสนใจของนกั เรียน)
6.4 เพราะเหตุใดจึงต้องมีเทคโนโลยีอวกาศชนิดน้ัน ๆ
(ขน้ึ อยู่กบั ความสนใจของนกั เรียน)
7. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกันอย่างรวมพลงั ลงมือทากิจกรรมตามขัน้ ตอนทก่ี าหนดในใบงานที่ 23
เรอ่ื ง การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ และบนั ทึกผลการทากจิ กรรมในใบงานท่ี 23
8. หลงั จากนักเรยี นทากิจกรรมและบันทกึ ผลการทากิจกรรมในใบงานท่ี 23 แลว้ ผู้แทนนักเรยี น
แต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน เพื่อแลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ นั
•(ขG้นั•aคt•ดิhวe•ิเrคinร•gา)ะ•ห์แ• ล•ะส•รุป•คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
9•. •นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลการนาเสนอของแตล่ ะกลมุ่ ในประเด็น ดังน้ี
ความเหมอื นและความแตกต่างในการสืบสอบ
เพม่ิ ประเด็นให้ครบถว้ น
10. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั วเิ คราะห์ อภิปราย และแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั ผลการทากิจกรรม
โดยร่วมกันตอบคาถามหลังทากิจกรรม ดังนี้
10.1 เทคโนโลยอี วกาศท่ีพัฒนาขึ้นในปัจจุบันส่วนใหญเ่ ป็นเทคโนโลยีอวกาศประเภทใด
(ขน้ึ อยู่กบั ประเดน็ ทศ่ี ึกษา)
10.2 การพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศในปจั จบุ นั มีจุดประสงค์ใดบา้ ง
(ขึ้นอยู่กับประเด็นทศี่ ึกษา)
10.3 มนุษย์ได้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศในเรื่องใดบา้ ง
(ขนึ้ อยู่กับประเดน็ ทศี่ ึกษา)
10.4 เพราะเหตุใดการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศจงึ ต้องอาศยั ความร่วมมอื จากหลากหลายประเทศ
(การพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศต้องใช้ความรู้จากหลากหลายศาสตร์ ซึ่งแต่ละประเทศอาจมคี วาม
เช่ียวชาญทแ่ี ตกต่างกัน นอกจากนีก้ ารพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศยงั อาศยั งบประมาณสงู มาก จึงต้องอาศยั
งบประมาณจากหลากหลายประเทศ)
10.5 สรุปผลการทากิจกรรมได้วา่ อยา่ งไร
(ในปัจจบุ นั ประเทศตา่ ง ๆ สง่ ดาวเทียมไปโคจรรอบโลกเป็นจานวนมาก ดาวเทียมแต่ละดวงจะมี
ขนาด รูปรา่ ง และการทางานทแี่ ตกต่างกนั เชน่ ดาวเทียมทใี่ ชเ้ พื่อการสือ่ สาร ดาวเทียมสาหรับการพยากรณ์
อากาศ)
11. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันคดิ วิเคราะห์เพิ่มเตมิ เพอ่ื เสริมสรา้ งสมรรถนะสาคัญดา้ นการคิด
โดยร่วมกนั สงั เกตภาพ และตอบคาถาม ดงั น้ี
ดาวเทยี มสปตุ นิกทาการทดลอง ดาวเทียมไทรอส ดาวเทียมทหารและจารกรรม
ทางด้านวิทยาศาสตร์ เพือ่ การพยากรณ์อากาศ เพอ่ื ใช้ในการทหาร
ดาวเทียมแลนด์แซต ดาวเทยี มไทยคม
สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ เพื่อรับสง่ คลื่นวิทยุโทรทศั น์
11.1 ถ้าต้องการตดิ ตามการเคลื่อนตวั และความรนุ แรงของพายุควรใชด้ าวเทียมชื่ออะไร
(ไทรอส)
11.2 ในการถ่ายทอดฟุตบอลโลกควรเลอื กใชบ้ รกิ ารดาวเทยี มดวงใด
(ไทยคม)
11.3 ในการสารวจหาแหล่งแร่ดบี ุกใช้ดาวเทยี มชอ่ื อะไร
(แลนด์แซต)
11.4 ถา้ ตอ้ งการทดลองปลกู พืชในทที่ ่ไี ม่มอี ากาศใช้ดาวเทียมดวงใด
(สปตุ นิก)
11.5 ถา้ ต้องการสารวจสภาพส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ แหลง่ นา้ เสยี ใชด้ าวเทียมชอ่ื อะไร
(แลนด์แซต)
11.6 ถา้ ต้องการทราบทีต่ ง้ั กองทหารของฝ่ายตรงขา้ มใช้ดาวเทยี มดวงใด
(ทหารและจารกรรม)
11.7 ประเทศไทยใชป้ ระโยชน์จากดาวเทียมในดา้ นใดบา้ ง
(ตวั อย่างคาตอบ พยากรณอ์ ากาศ ติดต่อส่ือสาร สารวจทรัพยากรธรรมชาต)ิ
12. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั สรุปผลการทากจิ กรรมและสรปุ ส่ิงท่เี ขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั เกี่ยวกับ
ประโยชน์ของการพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศ โดยเขียนเป็นแผนภาพความคดิ
(ตวั อย่างแผนภาพความคิด)
1. สารวจสภาวะแวดล้อมของโลก ดาว
วตั ถใุ นทอ้ งฟ้า และอวกาศ
2. สารวจความแปรปรวนของลมฟา้ อากาศ
ความหนาแนน่ ของอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศ
และการเปล่ยี นแปลงสภาพอากาศตา่ ง ๆ
บนผิวโลก ทาให้สามารถเตรียมพรอ้ มรับมือกับ
สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีอาจเกิดข้ึนได้
ประโยชน์ 3. สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ ท้งั แหลง่ นา้ ปา่ ไม้
ของการพัฒนา ภเู ขา และเขตแดนของภูมิประเทศ โดยถ่ายภาพ
เทคโนโลยอี วกาศ พน้ื ผวิ โลกจากดาวเทยี ม ทาใหท้ ราบวา่ ปัจจบุ ันโลก
มกี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งไรบ้าง
4. ปฏิบัตกิ ารทดลองและวจิ ยั ทางวิทยาศาสตร์
บางอยา่ งทีไ่ ม่สามารถทาการทดลองหรือวจิ ัย
ไดบ้ นโลก
5. ทาให้โลกมคี วามเจรญิ ก้าวหน้าและพัฒนา
ทางด้านเทคโนโลยี มีการสือ่ สารและโทรคมนาคม
ทง่ี ่าย สะดวก และรวดเร็วมากขึ้นโดยเทคโนโลยี
ดา้ นดาวเทยี มสอื่ สาร
แผนภาพ ประโยชนข์ องการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
13. นกั เรียนคดิ ประเมินเพอื่ เพ่ิมคุณค่า โดยรว่ มกนั ยกตวั อยา่ งประโยชนข์ องการนาเทคโนโลยอี วกาศ
มาใช้
(ตัวอย่างคาตอบ ใชใ้ นการสารวจขอ้ มลู ของวตั ถุในทอ้ งฟา้ ทาให้ได้เรยี นรู้เกีย่ วกับวตั ถุในท้องฟา้ และ
อวกาศเพ่มิ ข้นึ และมีประโยชนใ์ นการพฒั นาเทคโนโลยใี นด้านการสารวจทรัพยากรธรรมชาติด้านการสื่อสาร
ดา้ นการพยากรณ์อากาศ ด้านการแพทย์ ดา้ นการทหาร และอนื่ ๆ)
14. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วางแผน ศึกษา สืบสอบข้อมูลเกย่ี วกับภารกจิ ของแบบจาลอง
เทคโนโลยอี วกาศทส่ี นใจประดิษฐ์ และเขียนสรุปในกระดาษขนาด A4 ตามหัวข้อตอ่ ไปน้ี
14.1 แบบจาลองประเภทใด
14.2 แบบจาลองชือ่ อะไร
14.3 ภารกิจของแบบจาลองนนั้ คืออะไร
14.4 ทาภารกิจครงั้ ล่าสดุ เมื่อใด
14.5 ภาพของแบบจาลองน้นั
ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
3. ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิดวเิ คราะห์รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)
4. วดี ทิ ัศน์การพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ
5. ภาพ ดาวเทยี มสปตุ นิก
6. ภาพ ดาวเทยี มไทรอส
7. ภาพ ดาวเทียมทหาร
8. ภาพ ดาวเทียมแลนด์แซต
9. ภาพ ดาวเทียมไทยคม
10. กระดาษขนาด A4
11. ใบงานท่ี 23 เร่ือง การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ
12. ใบกิจกรรม เรื่อง การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ
13. แหลง่ การเรียนรทู้ งั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ
นักเรยี นลองทากิจกรรมต่อไปน้ี
กจิ กรรม การใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ
วิธที า
1. แบ่งกลมุ่ แตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศึกษา สืบค้นข้อมลู เก่ียวกบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศ
ในชวี ิตประจาวนั จากน้นั ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ 1 ตัวอย่าง
พรอ้ มภาพประกอบ แล้วบนั ทึกผล
2. แตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั นาเสนอผลการทากจิ กรรม
คาถามกอ่ นทากจิ กรรม
1. คาถามสาคญั ในการทากิจกรรมคอื อะไร
(เทคโนโลยอี วกาศมปี ระโยชน์อย่างไรบา้ ง)
2. นกั เรียนรจู้ ักเทคโนโลยีอวกาศอะไรบ้าง
(ตวั อย่างคาตอบ ดาวเทียม จรวด)
3. นักเรียนคดิ ว่าเทคโนโลยีอวกาศนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวันไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร
(ตวั อย่างคาตอบ ได้ โดยเทคโนโลยอี วกาศบางประเภทสามารถนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจานวนั ได้
เชน่ การใช้ดาวเทยี มเพื่อการส่ือสาร การพยากรณ์อากาศ)
บันทึกผลการทากิจกรรม
เทคโนโลยอี วกาศทศี่ ึกษาคืออะไร มกี ารนามาใชป้ ระโยชน์อยา่ งไร
(เทคโนโลยอี วกาศท่ีศกึ ษา คือ ดาวเทยี ม เป็นสงิ่ ประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขน้ึ แล้วส่งไปโคจรรอบโลกเพ่ือใช้
ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ศึกษาสภาพแวดล้อมของโลกและสภาพอวกาศของโลก ใช้ในการส่ือสาร
การพยากรณ์อากาศ การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทยี มทหารและจารกรรม)
คาถามหลังทากิจกรรม
1. เทคโนโลยีอวกาศที่ศกึ ษาคืออะไร
(ดาวเทยี ม)
2. เทคโนโลยอี วกาศดังกล่าวถกู นามาใช้ประโยชนอ์ ย่างไร
(ดาวเทยี มเปน็ เทคโนโลยอี วกาศทสี่ รา้ งขึ้นเพ่ือใช้ประโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ ตามวัตถุประสงคใ์ น
การใชง้ านของดาวเทียม เชน่ ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มของโลกและสภาพอวกาศของโลกใช้
ในการสือ่ สาร การพยากรณ์อากาศ การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมทหารและจารกรรม)
3. สรปุ ผลการทากิจกรรมไดว้ า่ อย่างไร
(ดาวเทยี มเปน็ เทคโนโลยีอวกาศที่ถกู นามาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั ด้านตา่ ง ๆ เช่น
ศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มของโลกและสภาพอวกาศของโลก ใช้ในการส่ือสาร การพยากรณ์อากาศ
การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงดาวเทียมทหารและจารกรรม)
จงทากิจกรรมอย่างรวมพลงั ด้วยความใฝร่ แู้ ละมุ่งมั่น
กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนลองทากจิ กรรมตอ่ ไปน้ี
กิจกรรม การใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยอี วกาศ
วิธีทา
1. แบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา สบื ค้นข้อมูลเกย่ี วกับการใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยอี วกาศ
ในชีวติ ประจาวนั จากน้นั ยกตัวอย่างการใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศ 1 ตวั อยา่ ง
พร้อมภาพประกอบ แลว้ บันทึกผล
2. แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั นาเสนอผลการทากจิ กรรม
คาถามก่อนทากจิ กรรม
1. คาถามสาคญั ในการทากจิ กรรมคอื อะไร
(เทคโนโลยอี วกาศมปี ระโยชน์อย่างไรบ้าง)
2. นักเรยี นรู้จกั เทคโนโลยีอวกาศอะไรบ้าง
(ตัวอยา่ งคาตอบ ดาวเทยี ม จรวด)
3. นักเรียนคิดว่าเทคโนโลยอี วกาศนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้หรอื ไม่ อยา่ งไร
(ตวั อย่างคาตอบ ได้ โดยเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทสามารถนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันได้
เช่น การใชด้ าวเทยี มเพ่ือการสอ่ื สาร การพยากรณ์อากาศ)
บันทึกผลการทากิจกรรม (ตวั อยา่ งคาตอบ)
(ภาพดาวเทียม)
เทคโนโลยีอวกาศทศ่ี ึกษาคอื อะไร มีการนามาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร
(เทคโนโลยอี วกาศทศี่ ึกษา คือ ดาวเทียม เปน็ สงิ่ ประดิษฐท์ ่ีมนษุ ยส์ ร้างข้นึ แลว้ ส่งไปโคจรรอบโลก
เพื่อใช้ประโยชนใ์ นด้านต่าง ๆ เช่น ศึกษาสภาพแวดล้อมของโลกและสภาพอวกาศของโลก ใช้ในการส่ือสาร
การพยากรณอ์ ากาศ การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมทหารและจารกรรม)
คาถามหลังทากิจกรรม (ตัวอย่างคาตอบ)
1. เทคโนโลยอี วกาศทีศ่ กึ ษาคอื อะไร
(ดาวเทยี ม)
2. เทคโนโลยีอวกาศดงั กลา่ วถูกนามาใช้ประโยชน์อย่างไร
(ดาวเทยี มเป็นเทคโนโลยีอวกาศที่สรา้ งขน้ึ เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารใชง้ าน
ของดาวเทียม เชน่ ศึกษาสภาพแวดลอ้ มและสภาพอวกาศของโลก ใช้ในการส่ือสาร การพยากรณ์อากาศ
การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมทหารและจารกรรม)
3. สรปุ ผลการทากิจกรรมไดว้ า่ อย่างไร
(ดาวเทียมเป็นเทคโนโลยอี วกาศทถ่ี ูกนามาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันดา้ นต่าง ๆ เช่น
ศึกษาสภาพแวดล้อมและสภาพอวกาศของโลก ใช้ในการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ
การสารวจทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงดาวเทียมทหารและจารกรรม)
จงทากิจกรรมอย่างรวมพลงั ดว้ ยความใฝร่ แู้ ละมุ่งมน่ั
การประเมนิ การเรียนรู้
1. ประเมินความรู้ เรอ่ื ง พฒั นาการของเทคโนโลยีอวกาศ (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินการปฏบิ ัติการทากิจกรรม และการสบื สอบข้อมูล (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง ม่งุ ม่นั ในการทางาน (A)
ด้วยแบบประเมนิ
แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics)
แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ารทากจิ กรรม
รายการการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32
1. การทากิจกรรม ทากิจกรรมตามวิธกี าร ทากจิ กรรมตามวธิ ีการ ทากิจกรรมตามวิธกี าร ทากจิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง
ตามแผนทกี่ าหนด และข้นั ตอนท่ีกาหนดไว้ ตามวิธีการและขัน้ ตอน
อยา่ งถกู ตอ้ งด้วยตนเอง และขนั้ ตอนทีก่ าหนดไว้ และขั้นตอนทก่ี าหนดไว้ ท่ีกาหนดไว้ ไมม่ ีการ
มีการปรับปรงุ แกไ้ ข ปรบั ปรงุ แก้ไข
เปน็ ระยะ ด้วยตนเอง มกี ารปรบั ปรุง โดยมคี รูหรือผูอ้ ื่น
แกไ้ ขบา้ ง เปน็ ผ้แู นะนา
2. การใชอ้ ปุ กรณ์ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรอื ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรอื
และ/หรือเคร่ืองมอื เคร่ืองมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา เครอื่ งมือในการทา เครอ่ื งมือในการทา
กิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมไมถ่ ูกตอ้ ง
ตามหลกั การปฏิบัติ ตามหลกั การปฏิบัติ โดยมีครูหรือผ้อู นื่ และไม่มคี วามคล่องแคล่ว
และคล่องแคล่ว แต่ไม่คล่องแคล่ว เป็นผแู้ นะนา ในการใช้
3. การบันทกึ ผล บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บันทึกผลไม่ครบ
ไมม่ ีการระบหุ น่วย
การทากิจกรรม อยา่ งถกู ต้อง มีระเบยี บ อยา่ งถกู ต้อง มีระเบยี บ แตไ่ มเ่ ป็นระเบียบ
มีการระบหุ นว่ ย มกี าร มกี ารระบหุ นว่ ย ไม่มีการระบหุ นว่ ย และไมเ่ ปน็ ไปตาม
อธบิ ายขอ้ มูลให้เห็น มีการอธิบายขอ้ มลู
ความเชือ่ มโยงเป็นภาพรวม ให้เห็นถงึ ความสัมพนั ธ์ และไมม่ กี ารอธิบายข้อมลู การทากจิ กรรม
ให้เหน็ ถึงความสมั พันธ์
เปน็ เหตเุ ป็นผล และเปน็ ไป เป็นไปตามการทากิจกรรม ของการทากิจกรรม
ตามการทากิจกรรม
4. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู
และการนาเสนอ อย่างเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ อย่างไม่เป็นระบบ
มกี ารเชอื่ มโยงใหเ้ ห็น มกี ารจาแนกขอ้ มลู มีการยกตวั อยา่ งเพ่มิ เตมิ และมีการนาเสนอ
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ใหเ้ หน็ ความสัมพนั ธ์ ให้เข้าใจง่าย และนาเสนอ ไม่ส่อื ความหมาย
ด้วยแบบต่าง ๆ อย่างชัดเจน นาเสนอดว้ ยแบบตา่ ง ๆ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แตย่ งั และไม่ชัดเจน
ถกู ตอ้ ง ได้ แต่ยังไมช่ ดั เจน ไม่ชัดเจนและไมถ่ กู ต้อง
รายการการประเมิน 4 ระดบั คุณภาพ 1
32 สรุปผลการทากิจกรรม
ตามความรทู้ ่ีพอมอี ยู่
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทากิจกรรมได้ สรุปผลการทากจิ กรรม สรปุ ผลการทากจิ กรรม โดยไมใ่ ช้ข้อมลู
จากการทากิจกรรม
การทากิจกรรม อย่างถกู ต้อง กระชับ ได้ถูกต้อง แตย่ งั ไม่ ได้ โดยมีครหู รอื ผูอ้ น่ื
ไมด่ แู ลอปุ กรณ์และ/
ชดั เจน และครอบคลมุ ครอบคลมุ ขอ้ มูล แนะนาบ้าง จึงสามารถ หรือเครอื่ งมอื ในการทา
กจิ กรรม และไม่สนใจ
ขอ้ มูลจากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ท้งั หมด สรุปได้ถูกต้อง ทาความสะอาด
รวมทั้งเก็บไมถ่ ูกต้อง
ท้ังหมด
6. การดูแลและการเกบ็ ดแู ลอปุ กรณ์และ/หรือ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรือ
อปุ กรณแ์ ละ/หรือ เครือ่ งมอื ในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เคร่อื งมือในการทา
เครือ่ งมอื กจิ กรรม และมีการ กิจกรรม และมกี าร กจิ กรรม มีการ
ทาความสะอาด ทาความสะอาด ทาความสะอาด
และเกบ็ อย่างถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง แต่เกบ็ แตเ่ กบ็ ไม่ถกู ต้อง
ตามหลักการ และแนะนา ไม่ถกู ตอ้ ง ตอ้ งให้ครูหรือผู้อ่ืน
ให้ผอู้ นื่ ดูแลและ แนะนา
เกบ็ รักษาไดถ้ กู ตอ้ ง
แบบประเมนิ การสืบสอบขอ้ มลู
รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1
32
1. การวางแผนคน้ ควา้ วางแผนทีจ่ ะค้นคว้าขอ้ มลู วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าข้อมูล วางแผนที่จะค้นคว้าข้อมูล ไม่มกี ารวางแผนท่จี ะ
ขอ้ มูลจาก จากแหล่งการเรียนรู้ จากแหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการเรยี นรู้ ค้นควา้ ขอ้ มลู จาก
แหล่งการเรยี นรู้ ที่หลากหลาย เชือ่ ถอื ได้ ทห่ี ลากหลายและเหมาะสม โดยมคี รูหรือผูอ้ ื่น แหลง่ การเรียนรู้
และมีการเชอื่ มโยงให้เหน็ แต่ไมม่ กี ารเชือ่ มโยง แนะนาบ้าง อยา่ งเป็นระบบ
เป็นภาพรวม แสดงให้เห็น ใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม
ถึงความสมั พันธ์ของ
วิธกี ารทั้งหมด
2. การเก็บรวบรวม เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมลู เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มูล
ข้อมูล ตามแผนที่กาหนด โดยคดั เลอื กและ/หรือ
ทกุ ประการ ประเมนิ ขอ้ มลู โดยไมม่ ีการคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ
และ/หรอื ประเมินขอ้ มลู ประเมินเพ่อื คัดเลือก
3. การจดั กระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู อย่าง
และการนาเสนอ อย่างเปน็ ระบบ อย่างเป็นระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และ
มีการเชอ่ื มโยงใหเ้ ห็น จาแนกข้อมูลให้เห็น มกี ารยกตวั อยา่ งเพมิ่ เตมิ นาเสนอไม่ส่ือความหมาย
เป็นภาพรวม และนาเสนอ ความสัมพันธ์ นาเสนอ ให้เข้าใจงา่ ยและนาเสนอ และไมช่ ัดเจน
ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ อย่างชดั เจน ด้วยแบบตา่ ง ๆ ด้วยแบบตา่ ง ๆ
ถูกต้อง ได้อย่างถูกต้อง แต่ยงั ไมถ่ ูกตอ้ ง
4. การสรปุ ผล สรปุ ผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรปุ ผลได้อยา่ งกระชับ สรปุ ผลไดก้ ระชบั สรปุ ผลโดยไมใ่ ช้ขอ้ มลู
กระชับ ชดั เจน และ แตย่ งั ไม่ชดั เจนและ กะทัดรดั แต่ไมช่ ดั เจน และไมถ่ ูกต้อง
ครอบคลมุ มีเหตผุ ล ไมค่ รอบคลมุ ข้อมลู
ทอ่ี ้างอิงจากการสืบสอบ จากการวิเคราะห์
ได้ ท้งั หมด
5. การเขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงานได้
ตรงตามจดุ ประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์ โดยส่อื ความหมายได้ ตามตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา
ถกู ตอ้ งและชดั เจน อยา่ งถกู ต้องและชดั เจน โดยมีครหู รือผอู้ ่ืนแนะนา ไมถ่ ูกตอ้ งและไมช่ ัดเจน
และมกี ารเชื่อมโยง แตข่ าดการเรยี บเรยี ง
ใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา
บันทึกหลงั การสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)
วนั ที่บันทึก
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เทคโนโลยีอวกาศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10
เรอ่ื ง การพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ : 2
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทัง้ ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลตอ่ สิ่งมีชวี ติ
และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ชว้ี ดั อธิบายพฒั นาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.6/2 มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศได้ (K)
2. ยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ (K)
3. สร้างแบบจาลองเทคโนโลยอี วกาศทส่ี นใจ อย่างรวมพลัง ด้วยความมุ่งมัน่ ตั้งใจ และพอเพียงได้ (P)
4. มคี วามมงุ่ ม่นั ตัง้ ใจ และพอเพียง (A)
สาระการเรียนรู้
ปจั จบุ ันมีการนาเทคโนโลยอี วกาศบางประเภทมาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน เช่น การใช้ดาวเทยี ม
เพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ หรือการสารวจทรัพยากรธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์วัดชีพจร
และการเตน้ ของหัวใจ หมวกนริ ภัย ชดุ กฬี า