๔๗
ในกรณที ม่ี ผี ปู ระสงคจ ะฟอ งคดปี กครองหลายคนในเหตเุ ดยี วกนั บคุ คลเหลา นนั้
อาจย่ืนคําฟองรวมกันเปนฉบับเดียว โดยจะมอบหมายใหผูฟองคดีคนใดเปนผูแทนของผูฟองคดี
ทุกคนในการดําเนินคดีตอไปก็ได ในกรณีเชนวานี้ใหถือวาการกระทําของผูแทนผูฟองคดีในกระบวน
พจิ ารณาผูกพนั ผูฟองคดีทกุ คน
การฟองคดไี มตอ งเสยี คาธรรมเนยี มศาล เวน แตก ารฟองคดีขอใหส่ังใหใชเงนิ
หรอื สง มอบทรพั ยส นิ อนั สบื เนอ่ื งจากคดตี ามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๓) หรอื (๔) ใหเ สยี คา ธรรมเนยี มศาล
ตามทุนทรัพยใ นอตั ราตามที่ระบุไวในตาราง ๑ ทายประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพง สําหรับ
คดีทีม่ ีคําขอใหป ลดเปลือ้ งทุกขอันอาจคํานวณเปนราคาเงนิ ได
ในการดําเนินกระบวนพิจารณา คูกรณีจะดําเนินการท้ังปวงดวยตนเอง
หรอื จะมอบอาํ นาจใหท นายความหรอื บคุ คลอน่ื ซง่ึ มคี ณุ สมบตั ติ ามระเบยี บของทป่ี ระชมุ ใหญต ลุ าการ
ในศาลปกครองสูงสดุ กําหนดเพ่ือฟองคดีหรือดาํ เนินการแทนได”
สาํ หรบั วธิ กี ารยนื่ คาํ ฟอ งนน้ั จะยน่ื ดว ยตนเองหรอื มอบอาํ นาจใหผ อู นื่ ยน่ื แทน
หรอื จะสง ทางไปรษณยี ลงทะเบยี นกไ็ ด ตามมาตรา ๔๖
“ÁÒμÃÒ ôö คําฟองใหย่ืนตอพนักงานเจาหนาที่ของศาลปกครอง ในการน้ี
อาจย่ืนคําฟองโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนก็ได และเพ่ือประโยชนในการนับอายุความ ใหถือวา
วนั ทส่ี ง คําฟองแกเ จาพนกั งานไปรษณียเปนวนั ทยี่ น่ื คําฟอ งตอศาลปกครอง”
õ.ó ¼¿ŒÙ ͇ §¤´μÕ ŒÍ§à»¹š ¼ÙŒ·ÁèÕ Õ¤ÇÒÁÊÒÁÒöμÒÁ¡®ËÁÒÂ
โดยหลกั แลว ผฟู อ งคดตี อ งเปน ผทู มี่ คี วามสามารถในการทาํ นติ กิ รรมตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย หากผูฟองคดีมีขอบกพรองในเร่ืองความสามารถก็จะตองดําเนินการแกไข
ตามที่ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยบ ัญญัติไว
õ.ô ¼ŒÙ¿Í‡ §¤´ÕμÍŒ §à»š¹¼ŒÙÁÕÊÔ·¸Ô¿Í‡ §¤´Õ
ผฟู องคดตี องเปนผูมีสทิ ธฟิ อ งคดตี ามท่บี ัญญัตไิ วใ นมาตรา ๔๒ แหง พระราช
บัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ กลาวคือ จะตองเปนผูที่ไดรับ
ความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดจากการกระทํา
หรืองดเวนการกระทําอยางหนึ่งอยางใดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐ หรือมี
ขอโตแยงเก่ียวกบั สัญญาทางปกครอง หรอื กรณีอืน่ ใดที่อยใู นเขตอํานาจของศาลปกครอง ซ่ึงในความ
เปน จรงิ สว นใหญแ ลว ผเู สยี หายในคดปี กครองกค็ อื ประชาชนทว่ั ไปทไ่ี ดร บั ความเดอื ดรอ นหรอื เสยี หาย
จากการกระทําทางปกครอง แตหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐก็อาจเปนผูเสียหาย
และฟอ งคดปี กครองได เชน กัน
สาํ หรบั กรณีความรับผดิ ทางละเมิดหรอื ความรับผดิ อยา งอืน่ ของฝายปกครอง
หรือสัญญาทางปกครองนั้น มีความชัดเจนอยูในตัววา “ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงได” นั้น จะตองเปนผูท่ีถูก “โตแยงสิทธิ”
เทาน้ัน เพราะตองเปน “ผูทรงสิทธิ” โดยสภาพ และสิทธิของเขาถูกโตแยงดวยการกระทําละเมิด
หรอื การไมปฏิบัติตามสัญญาของฝา ยปกครอง หรืออสงั หารมิ ทรพั ยข องเขาถกู เวนคืน
๔๘
ในคดเี กยี่ วกบั การละเลยตอ หนา ท่ี หรอื ปฏบิ ตั หิ นา ทล่ี า ชา เกนิ สมควร คงถอื หลกั
เดียวกับคดีเก่ียวกับความชอบดวยกฎหมายของการกระทําทางปกครอง สวนคดีท่ีกฎหมายกําหนด
ใหอยูในเขตอํานาจของศาลปกครองน้ัน ยอมข้ึนอยูกับกฎหมายในเร่ืองน้ัน ๆ แตก็ตองพิจารณา
เปรียบเทียบกับกรณีท่ีกลา วมาขา งตน ดวยวา มลี กั ษณะคลา ยคลึงหรือแตกตา งกนั เพยี งใด
แตสําหรับคดีท่ีกฎหมายกําหนดใหฝายปกครองฟองคดีตอศาลเพื่อบังคับให
บุคคลตองกระทําหรือละเวนกระทําอยางหนึ่งอยางใด ไมมีประเด็นตองพิจารณาถึงความหมายของ
คาํ วา “ผูมสี ว นไดเสีย” เพราะผูฟอ งคดีก็คือฝา ยปกครองและเปน การฟอ งคดตี ามท่กี ฎหมายกาํ หนด
õ.õ μÍŒ §Â¹è× ¿Í‡ §ÀÒÂã¹ÃÐÂÐàÇÅÒ·กèÕ าํ ˹´
“ÁÒμÃÒ ôù การฟอ งคดปี กครองจะตอ งยนื่ ฟอ งภายในเกา สบิ วนั นบั แตว นั ทร่ี ู
หรอื ควรรถู งึ เหตแุ หง การฟอ งคดี หรอื นบั แตว นั ทพ่ี น กาํ หนดเกา สบิ วนั นบั แตว นั ทผี่ ฟู อ งคดไี ดม หี นงั สอื
รองขอตอหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐเพื่อใหปฏิบัติหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนด
และไมไดรับหนังสือช้ีแจงจากหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐหรือไดรับแตเปนคําช้ีแจง
ทผี่ ูฟองคดีเห็นวา ไมม เี หตผุ ล แลวแตกรณี เวนแตจ ะมีบทกฎหมายเฉพาะกําหนดไวเปน อยา งอืน่ ”
กรณที ฟ่ี อ งขอใหศ าลเพกิ ถอนกฎหรอื คาํ สงั่ ทางปกครองตอ งฟอ งภายใน ๙๐ วนั
นบั แตว นั ทรี่ หู รอื ควรรถู งึ เหตแุ หง การฟอ งคดี เชน ฟอ งคดเี พกิ ถอนคาํ สงั่ ลงโทษทางวนิ ยั ตอ งฟอ งภายใน
๙๐ วนั นบั แตว ันท่ที ราบผลการวนิ จิ ฉัยอทุ ธรณ เปนตน
กรณีฟองเกี่ยวกับเจาหนาท่ีของรัฐละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดให
ตอ งปฏบิ ตั หิ รอื ปฏบิ ตั หิ นา ทด่ี งั กลา วลา ชา เกนิ สมควรตอ งยนื่ ฟอ งภายใน ๙๐ วนั นบั แตว นั ทพี่ น กาํ หนด
๙๐ วัน นับแตวันที่ผูฟองคดีมีหนังสือรองขอตอหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
เพื่อใหปฏิบัติหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดและไมไดรับหนังสือชี้แจงจากหนวยงานหรือเจาหนาที่
ดังกลา ว หรือไดร ับแตเปนคําชแ้ี จงทเ่ี ห็นวาไมม เี หตุผล หรอื มีกฎหมายเฉพาะกาํ หนดไวเ ปน อยางอื่น
“ÁÒμÃÒ õñ การฟอ งคดตี ามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๓) ใหย นื่ ฟอ งภายในหนงึ่ ป
และการฟองคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) ใหยื่นฟองภายในหาป นับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุ
แหง การฟอ งคดี แตไ มเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตแุ หงการฟอ งคดี”
กรณีคดีเกี่ยวกับการกระทําละเมิดหรือความรับผิดอยางอ่ืนของหนวยงาน
ทางปกครองหรอื เจาหนา ที่ของรัฐ ใหย ่ืนฟองภายใน ๑ ป
กรณคี ดพี ิพาทเกีย่ วกบั สญั ญาทางปกครองตอ งฟอ งภายใน ๕ ป นับแตว ันที่
รหู รอื ควรรถู งึ เหตุแหง การฟอ งคดี แตไมเ กิน ๑๐ ป นบั แตวนั ทีม่ ีเหตุแหง การฟองคดี
อยางไรก็ตาม ถาเปนคดีเก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือ
สถานะของบุคคลจะย่ืนฟองเม่ือใดก็ได และในบางกรณีถาคูกรณีมีคําขอหรือศาลปกครองเห็นเองวา
คดีท่ีย่ืนฟองเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีแลวนั้น จะเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุ
จําเปนอื่น ศาลปกครองจะรับไวพ ิจารณาก็ได ตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง
๔๙
“ÁÒμÃÒ õò การฟองคดีปกครองท่ีเกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะ
หรือสถานะของบคุ คลจะยืน่ ฟอ งคดีเมือ่ ใดกไ็ ด
การฟอ งคดปี กครองทย่ี นื่ เมอื่ พน กาํ หนดเวลาการฟอ งคดแี ลว ถา ศาลปกครอง
เห็นวาคดีท่ีย่ืนฟองน้ันจะเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่นโดยศาลเห็นเองหรือคูกรณี
มคี าํ ขอ ศาลปกครองจะรับไวพ ิจารณาก็ได”
õ.ö ¡‹Í¹¿‡Í§¤´Õ»¡¤ÃͧμŒÍ§ดําà¹Ô¹¡ÒÃᡌ䢤ÇÒÁà´×ʹÌ͹ ËÃ×ÍàÊÕÂËÒÂ
μÒÁ¢¹éÑ μ͹ËÃ×ÍÇ¸Ô Õ¡Ò÷¡Õè ®ËÁÒÂกํา˹´äÇสŒ ําËÃºÑ ¡Òùѹé àÊÂÕ ¡Í‹ ¹
ในกรณที ม่ี กี ฎหมายกาํ หนดขนั้ ตอนหรอื วธิ กี ารสาํ หรบั การแกไ ขความเดอื ดรอ น
หรอื เสยี หายในเรอ่ื งใดไวโ ดยเฉพาะ การฟอ งคดปี กครองในเรอ่ื งนนั้ จะกระทาํ ไดต อ เมอ่ื มกี ารดาํ เนนิ การ
ตามขน้ั ตอนและวธิ กี ารดังกลาว และไดมกี ารสง่ั การตามกฎหมายน้ันหรอื มิไดม ีการสง่ั การภายในเวลา
อันสมควรหรือภายในเวลาทกี่ ฎหมายนั้นกาํ หนด
ในกรณขี องคดสี ญั ญาและละเมดิ หรอื ความรบั ผดิ อยา งอนื่ นนั้ ไมม บี ทบญั ญตั ใิ ด
บังคับใหเอกชนผูฟองคดีตองขอใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐรับผิดทางละเมิด
หรอื ตามสัญญาเสียกอน ดวยเหตนุ ้ี เอกชนผเู สยี หายจงึ สามารถฟองคดลี ะเมิดตอ ศาลปกครองไดเ ลย
ถาเปนกรณที ่เี ขาขายตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๓)
õ.÷ ¡ÒÃชําÃФҋ ¸ÃÃÁà¹ÕÂÁÈÒÅ
โดยทว่ั ไปการฟอ งคดปี กครองไมต อ งเสยี คา ธรรมเนยี มศาล แตถ า เปน การฟอ งคดี
ขอใหศาลส่ังใหใชเงินหรือสงมอบทรัพยสินอันสืบเนื่องจากคดีพิพาทเกี่ยวกับการทําละเมิด
หรือความรับผิดอยางอ่ืนของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ หรือคดีพิพาทเกี่ยวกับ
สญั ญาทางปกครองตอ งเสยี คา ธรรมเนยี มศาลในอตั ราตามทรี่ ะบไุ วใ นตาราง ๑ ทา ยประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความแพง เวน แตทศ่ี าลมคี ําสั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาล
๕๐
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ Ô
Ç¸Ô »Õ ¯ºÔ ÑμÔÃÒª¡Ò÷ҧ»¡¤Ãͧ
¾.È. òõóù
ÀÁÙ ¾Ô ÅÍ´ØÅÂà´ª ».Ã.
ãËäŒ ÇŒ ³ Çѹ·Õè ò÷ ¡Ñ¹ÂÒ¹ ¾.È. òõóù
໚¹»·‚ èÕ õñ ã¹ÃªÑ ¡ÒÅ»˜¨¨ØºÑ¹
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ
ใหป ระกาศวา
โดยที่สมควรมีกฎหมายวา ดวยวิธปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดยคาํ แนะนําและยินยอม
ของรัฐสภา ดังตอไปน้ี
ÁÒμÃÒ ñ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙”
ÁÒμÃÒ ò๑ พระราชบัญญตั ิน้ใี หใ ชบ ังคับเม่ือพนกาํ หนดหน่งึ รอยแปดสบิ วนั นับแตวนั ถดั
จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตน ไป
ÁÒμÃÒ ó วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามกฎหมายตาง ๆ ใหเปนไปตามท่ีกาํ หนด
ในพระราชบญั ญตั นิ ี้ เวน แตใ นกรณที ก่ี ฎหมายใดกําหนดวธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครองเรอื่ งใดไวโ ดยเฉพาะ
และมีหลักเกณฑที่ประกันความเปนธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไมตาํ่ กวาหลักเกณฑ
ที่กาํ หนดในพระราชบัญญัตินี้
ความในวรรคหน่ึงมิใหใชบังคับกับข้ันตอนและระยะเวลาอุทธรณหรือโตแยงท่ีกําหนดใน
กฎหมาย
ÁÒμÃÒ ô พระราชบญั ญตั ินี้มใิ หใชบ ังคบั แก
(๑) รฐั สภาและคณะรฐั มนตรี
(๒) องคกรทใี่ ชอํานาจตามรัฐธรรมนญู โดยเฉพาะ
(๓) การพิจารณาของนายกรฐั มนตรีหรือรฐั มนตรีในงานทางนโยบายโดยตรง
(๔) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดาํ เนินงานของเจาหนาท่ีในกระบวนการ
พิจารณาคดี การบงั คบั คดี และการวางทรัพย
๑ ราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๓/ตอนที่ ๖๐ ก/หนา ๑/๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๙
๕๑
(๕) การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เรอื่ งรอ งทกุ ขแ ละการสงั่ การตามกฎหมายวา ดว ยคณะกรรมการ
กฤษฎกี า
(๖) การดําเนินงานเกี่ยวกับนโยบายการตางประเทศ
(๗) การดําเนินงานเกี่ยวกับราชการทหารหรือเจาหนาท่ีซึ่งปฏิบัติหนาท่ีทางยุทธการ
รวมกับทหารในการปองกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอก
และภายในประเทศ
(๘) การดาํ เนนิ งานตามกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา
(๙) การดําเนินกิจการขององคการทางศาสนา
การยกเวนไมใหนําบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัติน้ีมาใชบังคับแกการดาํ เนินกิจการใด
หรือกับหนวยงานใดนอกจากท่ีกาํ หนดไวในวรรคหนึ่ง ใหตราเปนพระราชกฤษฎีกาตามขอเสนอของ
คณะกรรมการวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ÁÒμÃÒ õ ในพระราชบญั ญัติน้ี
“วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” หมายความวา การเตรียมการและการดาํ เนินการของ
เจาหนาที่เพื่อจัดใหมีคาํ สั่งทางปกครองหรือกฎ และรวมถึงการดําเนินการใด ๆ ในทางปกครองตาม
พระราชบัญญตั ินี้
“การพิจารณาทางปกครอง” หมายความวา การเตรียมการและการดําเนินการของ
เจา หนาทเี่ พือ่ จดั ใหม ีคาํ สงั่ ทางปกครอง
“คําสง่ั ทางปกครอง” หมายความวา
(๑) การใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาที่ท่ีมีผลเปนการสรางนิติสัมพันธขึ้นระหวาง
บคุ คลในอันท่ีจะกอ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมผี ลกระทบตอสถานภาพของสิทธหิ รือหนา ท่ี
ของบุคคล ไมวาจะเปนการถาวรหรือชั่วคราว เชน การส่ังการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัย
อุทธรณ การรบั รอง และการรบั จดทะเบียน แตไมหมายความรวมถึงการออกกฎ
(๒) การอ่ืนทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
“กฎ” หมายความวา พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ขอ บญั ญตั ทิ อ งถนิ่
ระเบยี บ ขอ บังคับ หรือบทบัญญัติอนื่ ทีม่ ผี ลบังคบั เปน การทั่วไป โดยไมมงุ หมายใหใ ชบ งั คบั แกกรณีใด
หรือบุคคลใดเปน การเฉพาะ
“คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พิพาท” หมายความวา คณะกรรมการท่จี ัดต้งั ข้นึ ตามกฎหมาย
ทม่ี ีการจัดองคก รและวิธพี จิ ารณาสําหรับการวินจิ ฉยั ชข้ี าดสิทธิและหนา ทตี่ ามกฎหมาย
“เจาหนาท่ี” หมายความวา บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล ซ่ึงใชอาํ นาจหรือ
ไดร บั มอบใหใ ชอ าํ นาจทางปกครองของรฐั ในการดาํ เนนิ การอยา งหนง่ึ อยา งใดตามกฎหมาย ไมว า จะเปน
การจัดตั้งขนึ้ ในระบบราชการ รฐั วิสาหกิจหรือกจิ การอ่นื ของรฐั หรอื ไมกต็ าม
๕๒
“คูกรณี” หมายความวา ผยู นื่ คําขอหรือผคู ัดคา นคําขอ ผอู ยูในบงั คับหรอื จะอยูในบงั คับ
ของคําสั่งทางปกครอง และผูซึ่งไดเขามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองเนื่องจากสิทธิของผูน้ัน
จะถูกกระทบกระเทอื นจากผลของคาํ ส่ังทางปกครอง
ÁÒμÃÒ ö ใหนายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมีอาํ นาจออก
กฎกระทรวงและประกาศ เพื่อปฏบิ ตั ิการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศน้ัน เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว ใหใชบงั คบั ได
ËÁÇ´ ñ
¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃÇÔ¸»Õ ¯ÔºμÑ ÃÔ Òª¡Ò÷ҧ»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ÷ ใหมีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกวา “คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง” ประกอบดว ยประธานกรรมการคนหนงึ่ ปลดั สาํ นกั นายกรฐั มนตรี ปลดั กระทรวงมหาดไทย
เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี เลขาธกิ ารคณะกรรมการขา ราชการพลเรอื น เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า
และผทู รงคณุ วฒุ อิ กี ไมนอยกวา หาคนแตไ มเกินเกาคนเปน กรรมการ
ใหค ณะรฐั มนตรแี ตง ตงั้ ประธานกรรมการและกรรมการผทู รงคณุ วฒุ ิ โดยแตง ตงั้ จากผซู ง่ึ มี
ความเชยี่ วชาญในทางนติ ศิ าสตร รฐั ประศาสนศาสตร รฐั ศาสตร สังคมศาสตร หรือการบริหารราชการ
แผน ดนิ แตผนู น้ั ตองไมเ ปน ผูดาํ รงตาํ แหนง ทางการเมอื ง
ใหเ ลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี าแตง ตง้ั ขา ราชการของสาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
เปนเลขานกุ ารและผชู วยเลขานุการ
ÁÒμÃÒ ø ใหก รรมการซงึ่ คณะรฐั มนตรแี ตง ตงั้ มวี าระดํารงตาํ แหนง คราวละสามป กรรมการ
ซึ่งพนจากตาํ แหนงอาจไดรับแตง ต้ังอกี ได
ในกรณที กี่ รรมการพน จากตําแหนง ตามวาระ แตย งั มไิ ดแ ตง ตง้ั กรรมการใหม ใหก รรมการนนั้
ปฏบิ ัตหิ นา ทีไ่ ปพลางกอ นจนกวาจะไดแ ตง ตั้งกรรมการใหม
ÁÒμÃÒ ù นอกจากการพน จากตาํ แหนง ตามวาระตามมาตรา ๘ กรรมการซง่ึ คณะรฐั มนตรี
แตงตงั้ พนจากตาํ แหนง เมอื่ คณะรฐั มนตรีมมี ตใิ หออกหรือเมื่อมีเหตหุ นงึ่ เหตุใดตามมาตรา ๗๖
ÁÒμÃÒ ñð ใหสาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทําหนาที่เปนสํานักงานเลขานุการของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม การศึกษาหาขอมูล
และกิจการตาง ๆ ท่ีเกี่ยวกับงานของคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
ÁÒμÃÒ ññ คณะกรรมการวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครองมอี าํ นาจหนาท่ี ดังตอไปนี้
(๑) สอดสองดูแลและใหคาํ แนะนําเก่ียวกับการดาํ เนินงานของเจาหนาท่ีในการปฏิบัติ
ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
(๒) ใหคาํ ปรึกษาแกเจาหนาท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ตามท่ีบุคคล
ดงั กลาวรองขอ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑทีค่ ณะกรรมการวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครองกําหนด
๕๓
(๓) มหี นงั สอื เรยี กใหเ จา หนา ทหี่ รอื บคุ คลอนื่ ใดมาชแ้ี จงหรอื แสดงความเหน็ ประกอบการ
พิจารณาได
(๔) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือประกาศตาม
พระราชบัญญตั นิ ี้
(๕) จัดทํารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ีเสนอคณะรัฐมนตรีเปน
ครง้ั คราวตามความเหมาะสมแตอ ยา งนอ ยปล ะหนงึ่ ครง้ั เพอ่ื พฒั นาและปรบั ปรงุ การปฏบิ ตั ริ าชการทาง
ปกครองใหเ ปน ไปโดยมคี วามเปน ธรรมและมีประสิทธิภาพยิง่ ข้ึน
(๖) เร่ืองอื่นตามท่คี ณะรฐั มนตรหี รอื นายกรัฐมนตรมี อบหมาย
ËÁÇ´ ò
คําʧÑè ·Ò§»¡¤Ãͧ
ÊÇ‹ ¹·Õè ñ
਌Ò˹ŒÒ·Õè
ÁÒμÃÒ ñò คาํ ส่งั ทางปกครองจะตอ งกระทําโดยเจา หนา ท่ีซึ่งมีอาํ นาจหนาทีใ่ นเร่ืองนน้ั
ÁÒμÃÒ ñó เจา หนาทดี่ งั ตอ ไปนจี้ ะทําการพิจารณาทางปกครองไมได
(๑) เปน คกู รณีเอง
(๒) เปนคูหมนั้ หรอื คสู มรสของคูก รณี
(๓) เปน ญาติของคกู รณี คอื เปน บุพการีหรือผูสบื สันดานไมวาชัน้ ใด ๆ หรือเปน พีน่ อ ง
หรือลูกพลี่ กู นองนับไดเ พียงภายในสามชั้น หรอื เปนญาตเิ กยี่ วพนั ทางแตงงานนับไดเพียงสองชน้ั
(๔) เปนหรือเคยเปนผแู ทนโดยชอบธรรมหรอื ผูพ ิทกั ษห รอื ผูแ ทนหรือตวั แทนของคกู รณี
(๕) เปน เจาหนีห้ รือลกู หนี้ หรือเปนนายจา งของคกู รณี
(๖) กรณีอน่ื ตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ ñô เมอื่ มกี รณตี ามมาตรา ๑๓ หรอื คกู รณคี ดั คา นวา เจา หนา ทผ่ี ใู ดเปน บคุ คลตาม
มาตรา ๑๓ ใหเจาหนาท่ีผูน้ันหยุดการพิจารณาเร่ืองไวกอน และแจงใหผูบังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไป
ชัน้ หนงึ่ ทราบ เพ่อื ทผ่ี ูบ งั คบั บัญชาดังกลาวจะไดมคี าํ สงั่ ตอไป
การยนื่ คําคดั คา น การพจิ ารณาคาํ คดั คา น และการสง่ั ใหเ จา หนา ทอี่ น่ื เขา ปฏบิ ตั หิ นา ทแ่ี ทน
ผูทถี่ ูกคดั คา นใหเ ปนไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ ñõ เมื่อมีกรณีตามมาตรา ๑๓ หรอื คกู รณีคดั คา นวา กรรมการในคณะกรรมการ
ท่ีมีอํานาจพิจารณาทางปกครองคณะใดมีลักษณะดังกลาว ใหประธานกรรมการเรียกประชุม
คณะกรรมการเพื่อพิจารณาเหตุคัดคานน้ัน ในการประชุมดังกลาวกรรมการผูถูกคัดคานเม่ือไดชี้แจง
ขอ เท็จจรงิ และตอบขอ ซักถามแลว ตอ งออกจากทป่ี ระชมุ
๕๔
ถา คณะกรรมการทม่ี อี ํานาจพจิ ารณาทางปกครองคณะใดมผี ถู กู คดั คา นในระหวา งทก่ี รรมการ
ผถู กู คดั คา นตอ งออกจากทป่ี ระชมุ ใหถ อื วา คณะกรรมการคณะนน้ั ประกอบดว ยกรรมการทกุ คนทไ่ี มถ กู
คดั คา น
ถาที่ประชุมมีมติใหกรรมการผูถูกคัดคานปฏิบัติหนาที่ตอไปดวยคะแนนเสียงไมนอยกวา
สองในสามของกรรมการทไ่ี มถ กู คดั คา น กใ็ หก รรมการผนู นั้ ปฏบิ ตั หิ นา ทตี่ อ ไปได มตดิ งั กลา วใหก ระทาํ
โดยวิธลี งคะแนนลับและใหเ ปนที่สดุ
การยน่ื คาํ คดั คา นและการพจิ ารณาคาํ คดั คา นใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารทก่ี ําหนด
ในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ ñö ในกรณีมีเหตุอ่ืนใดนอกจากท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๑๓ เก่ียวกับเจาหนาท่ี
หรือกรรมการในคณะกรรมการท่ีมีอาํ นาจพิจารณาทางปกครองซึ่งมีสภาพรายแรงอันอาจทําให
การพิจารณาทางปกครองไมเปนกลาง เจาหนาที่หรือกรรมการผูน้ันจะทาํ การพิจารณาทางปกครอง
ในเรอ่ื งนนั้ ไมได
ในกรณตี ามวรรคหนง่ึ ใหดาํ เนินการดงั น้ี
(๑) ถา ผนู นั้ เหน็ เองวา ตนมกี รณดี งั กลา ว ใหผ นู น้ั หยดุ การพจิ ารณาเรอ่ื งไวก อ นและแจง ให
ผูบงั คับบญั ชาเหนอื ตนขึน้ ไปช้นั หน่ึงหรอื ประธานกรรมการทราบ แลวแตก รณี
(๒) ถา มคี กู รณคี ดั คา นวา ผนู นั้ มเี หตดุ งั กลา ว หากผนู นั้ เหน็ วา ตนไมม เี หตตุ ามทคี่ ดั คา นนน้ั
ผนู น้ั จะทําการพจิ ารณาเรอ่ื งตอ ไปกไ็ ดแ ตต อ งแจง ใหผ บู งั คบั บญั ชาเหนอื ตนขนึ้ ไปชน้ั หนงึ่ หรอื ประธาน
กรรมการทราบ แลว แตก รณี
(๓) ใหผ บู งั คบั บญั ชาของผนู น้ั หรอื คณะกรรมการทมี่ อี ํานาจพจิ ารณาทางปกครองซง่ึ ผนู น้ั
เปน กรรมการอยมู คี าํ สง่ั หรอื มมี ตโิ ดยไมช กั ชา แลว แตก รณี วา ผนู นั้ มอี ํานาจในการพจิ ารณาทางปกครอง
ในเรอื่ งนน้ั หรือไม
ใหนาํ บทบัญญตั ิมาตรา ๑๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๕ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่
มาใชบ ังคับโดยอนุโลม
ÁÒμÃÒ ñ÷ การกระทาํ ใด ๆ ของเจาหนาท่ีหรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอาํ นาจ
พิจารณาทางปกครองที่ไดกระทาํ ไปกอนหยุดการพิจารณาตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๖ ยอมไม
เสยี ไป เวน แตเ จา หนา ทผี่ ูเขา ปฏบิ ัติหนา ทีแ่ ทนผูถูกคัดคา นหรือคณะกรรมการทีม่ อี าํ นาจพจิ ารณาทาง
ปกครอง แลว แตกรณี จะเห็นสมควรดําเนนิ การสว นหน่ึงสวนใดเสียใหมก ็ได
ÁÒμÃÒ ñø บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๑๖ ไมใหนํามาใชบังคับกับกรณีที่มี
ความจาํ เปนเรงดวน หากปลอยใหลาชาไปจะเสียหายตอประโยชนสาธารณะหรือสิทธิของบุคคล
จะเสยี หายโดยไมมที างแกไ ขได หรอื ไมมเี จา หนาทอี่ น่ื ปฏบิ ตั หิ นาท่ีแทนผูน้นั ได
ÁÒμÃÒ ñù ถาปรากฏภายหลังวาเจาหนาที่หรือกรรมการในคณะกรรมการท่ีมีอํานาจ
พิจารณาทางปกครองใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะตองหามหรือการแตงตั้งไมชอบดวยกฎหมาย
๕๕
อันเปนเหตุใหผูนั้นตองพนจากตาํ แหนง การพนจากตาํ แหนงเชนวานี้ไมกระทบกระเทือนถึงการใดที่
ผนู น้ั ไดปฏบิ ัติไปตามอํานาจหนา ท่ี
ÁÒμÃÒ òð ผูบงั คับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่งตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๖ ให
หมายความรวมถึง ผูซึ่งกฎหมายกําหนดใหมีอํานาจกาํ กับหรือควบคุมดูแลสําหรับกรณีของเจาหนาที่
ที่ไมม ผี ูบังคบั บัญชาโดยตรง และนายกรัฐมนตรีสําหรับกรณีที่เจา หนาท่ผี นู ั้นเปน รัฐมนตรี
ÊÇ‹ ¹·Õè ò
¤Ù‹¡Ã³Õ
ÁÒμÃÒ òñ บุคคลธรรมดา คณะบคุ คล หรอื นติ ิบคุ คล อาจเปน คูกรณใี นการพิจารณา
ทางปกครองไดตามขอบเขตท่ีสิทธิของตนถูกกระทบกระเทือนหรืออาจถูกกระทบกระเทือนโดยมิอาจ
หลีกเลีย่ งได
ÁÒμÃÒ òò ผูมีความสามารถกระทาํ การในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได
จะตองเปน
(๑) ผซู ึ่งบรรลนุ ติ ภิ าวะ
(๒) ผูซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะกาํ หนดใหมีความสามารถกระทาํ การในเร่ืองท่ีกาํ หนดได
แมผนู นั้ จะยังไมบรรลนุ ิตภิ าวะหรือความสามารถถกู จาํ กดั ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย
(๓) นติ บิ ุคคลหรอื คณะบุคคลตามมาตรา ๒๑ โดยผูแทนหรอื ตวั แทน แลว แตก รณี
(๔) ผูซึ่งมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผูซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกิจจา
นุเบกษากําหนดใหมีความสามารถกระทําการในเรื่องที่กาํ หนดได แมผูน้ันจะยังไมบรรลุนิติภาวะ
หรอื ความสามารถถกู จาํ กดั ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
ÁÒμÃÒ òó ในการพิจารณาทางปกครองที่คูกรณีตองมาปรากฏตัวตอหนาเจาหนาท่ี
คกู รณีมสี ิทธินาํ ทนายความหรือที่ปรกึ ษาของตนเขามาในการพจิ ารณาทางปกครองได
การใดทที่ นายความหรอื ทป่ี รกึ ษาไดท ําลงตอ หนา คกู รณใี หถ อื วา เปน การกระทาํ ของคกู รณี
เวนแตค กู รณจี ะไดค ัดคานเสยี แตใ นขณะนนั้
ÁÒμÃÒ òô คกู รณอี าจมหี นงั สอื แตง ตง้ั ใหบ คุ คลหนงึ่ บคุ คลใดซง่ึ บรรลนุ ติ ภิ าวะกระทาํ การ
อยางหนึ่งอยางใดตามท่ีกําหนดแทนตนในกระบวนการพิจารณาทางปกครองใด ๆ ได ในการนี้
เจาหนาที่จะดาํ เนินกระบวนพิจารณาทางปกครองกับตัวคูกรณีไดเฉพาะเมื่อเปนเรื่องที่ผูน้ันมีหนาท่ี
โดยตรงที่จะตองทําการน้นั ดวยตนเองและตองแจงใหผูไ ดร ับการแตงตงั้ ใหกระทาํ การแทนทราบดว ย
หากปรากฏวาผูไดรับการแตงตั้งใหกระทาํ การแทนผูใดไมทราบขอเท็จจริงในเร่ืองนั้น
เพียงพอหรือมีเหตุไมควรไววางใจในความสามารถของบุคคลดังกลาวใหเจาหนาท่ีแจงใหคูกรณีทราบ
โดยไมชกั ชา
๕๖
การแตงต้ังใหกระทําการแทนไมถือวาสิ้นสุดลงเพราะความตายของคูกรณีหรือการ
ทค่ี วามสามารถหรอื ความเปน ผแู ทนของคกู รณเี ปลย่ี นแปลงไป เวน แตผ สู บื สทิ ธติ ามกฎหมายของคกู รณี
หรือคูกรณีจะถอนการแตง ตัง้ ดังกลาว
ÁÒμÃÒ òõ ในกรณีทีม่ กี ารย่ืนคําขอโดยมีผูลงช่อื รว มกันเกินหาสิบคนหรอื มคี กู รณีเกิน
หา สบิ คนยน่ื คาํ ขอทม่ี ขี อ ความอยา งเดยี วกนั หรอื ทํานองเดยี วกนั ถา ในคําขอมกี ารระบใุ หบ คุ คลใดเปน
ตัวแทนของบุคคลดังกลา วหรอื มีขอความเปนปริยายใหเขา ใจไดเชนนน้ั ใหถ ือวา ผูที่ถูกระบุชอื่ ดงั กลาว
เปน ตวั แทนรว มของคกู รณเี หลา นัน้
ในกรณีที่มีคูกรณีเกินหาสิบคนยื่นคาํ ขอใหมีคาํ สั่งทางปกครองในเร่ืองเดียวกัน โดยไมมี
การกําหนดใหบุคคลใดเปนตัวแทนรวมของตนตามวรรคหน่ึง ใหเจาหนาที่ในเรื่องน้ันแตงตั้งบุคคลท่ี
คูกรณฝี า ยขา งมากเหน็ ชอบเปน ตวั แทนรวมของบุคคลดังกลา ว ในกรณนี ใ้ี หนํามาตรา ๒๔ วรรคสอง
และวรรคสาม มาใชบังคบั โดยอนโุ ลม
ตวั แทนรว มตามวรรคหนงึ่ หรือวรรคสองตองเปน บุคคลธรรมดา
คกู รณจี ะบอกเลกิ การใหต วั แทนรว มดําเนนิ การแทนตนเมอ่ื ใดกไ็ ดแ ตต อ งมหี นงั สอื แจง ให
เจาหนา ทีท่ ราบและดําเนินการใด ๆ ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองตอไปดว ยตนเอง
ตวั แทนรว มจะบอกเลกิ การเปน ตวั แทนเมอื่ ใดกไ็ ด แตต อ งมหี นงั สอื แจง ใหเ จา หนา ทที่ ราบ
กับตองแจง ใหค ูกรณที ุกรายทราบดวย
ʋǹ·Õè ó
¡ÒþԨÒóÒ
ÁÒμÃÒ òö เอกสารท่ียื่นตอเจาหนาที่ใหจัดทําเปนภาษาไทย ถาเปนเอกสารท่ีทําขึ้น
เปนภาษาตางประเทศ ใหคูกรณีจัดทําคําแปลเปนภาษาไทยท่ีมีการรับรองความถูกตองมาใหภายใน
ระยะเวลาทเ่ี จา หนา ทกี่ าํ หนด ในกรณนี ใ้ี หถ อื วา เอกสารดงั กลา วไดย นื่ ตอ เจา หนา ทใ่ี นวนั ทเี่ จา หนา ทไ่ี ดร บั
คําแปลนนั้ เวน แตเ จา หนา ทจี่ ะยอมรบั เอกสารทที่ ําขนึ้ เปน ภาษาตา งประเทศ และในกรณนี ใี้ หถ อื วา วนั
ท่ีไดย ่ืนเอกสารฉบับท่ีทาํ ข้ึนเปนภาษาตา งประเทศเปนวนั ที่เจาหนา ทไ่ี ดรับเอกสารดังกลาว
การรับรองความถูกตองของคําแปลเปนภาษาไทยหรือการยอมรับเอกสารที่ทาํ ขึ้นเปน
ภาษาตา งประเทศ ใหเ ปนไปตามหลักเกณฑและวิธกี ารทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ ò÷ò ใหเจาหนาท่ีแจงสิทธิและหนาที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง
ใหค กู รณที ราบตามความจําเปนแกกรณี
๒ มาตรา ๒๗ แกไ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
๕๗
เมอื่ มผี ยู น่ื คําขอเพอ่ื ใหเ จา หนา ทมี่ คี าํ สงั่ ทางปกครอง ใหเ ปน หนา ทขี่ องเจา หนา ทผ่ี รู บั คําขอ
ทจี่ ะตอ งดําเนนิ การตรวจสอบความถกู ตอ งของคาํ ขอและความครบถว นของเอกสาร บรรดาทมี่ กี ฎหมาย
หรือกฎกาํ หนดใหตอ งยืน่ มาพรอมกบั คําขอ หากคําขอไมถกู ตอ ง ใหเจาหนา ทีด่ งั กลาวแนะนาํ ใหผยู ื่น
คําขอดาํ เนนิ การแกไ ขเพม่ิ เตมิ เสยี ใหถ กู ตอ ง และหากมเี อกสารใดไมค รบถว นใหแ จง ใหผ ยู นื่ คาํ ขอทราบ
ทันทีหรือภายในไมเกินเจ็ดวันนับแตวันท่ีไดรับคาํ ขอ ในการแจงดังกลาวใหเจาหนาที่ทาํ เปนหนังสือ
ลงลายมือช่ือของผูรับคําขอและระบุรายการเอกสารที่ไมถูกตองหรือยังไมครบถวนใหผูย่ืนคาํ ขอทราบ
พรอมทั้งบนั ทึกการแจง ดงั กลาวไวใ นกระบวนพจิ ารณาจัดทาํ คาํ สั่งทางปกครองน้นั ดว ย
เมอ่ื ผยู น่ื คาํ ขอไดแ กไ ขคําขอหรอื จดั สง เอกสารตามทร่ี ะบใุ นการแจง ตามวรรคสองครบถว น
แลว เจา หนา ทจี่ ะปฏเิ สธไมด ําเนนิ การตามคาํ ขอเพราะเหตยุ งั ขาดเอกสารอกี มไิ ด เวน แตม คี วามจําเปน
เพื่อปฏิบัติใหถูกตองตามกฎหมายหรือกฎและไดรับความเห็นชอบจากผูบังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไป
ช้ันหนึ่งตามมาตรา ๒๐ ในกรณีเชนนั้นใหผูบังคับบัญชาดังกลาวดาํ เนินการตรวจสอบขอเท็จจริง
โดยพลนั หากเหน็ วา เปนความบกพรอ งของเจาหนา ท่ีใหด ําเนนิ การทางวนิ ยั ตอ ไป
ผยู นื่ คาํ ขอตอ งดาํ เนนิ การแกไ ขหรอื สง เอกสารเพมิ่ เตมิ ตอ เจา หนา ทภี่ ายในเวลาทเี่ จา หนา ที่
กาํ หนดหรือภายในเวลาท่ีเจาหนาที่อนุญาตใหขยายออกไป เมื่อพนกําหนดเวลาดังกลาวแลว หาก
ผูยื่นคาํ ขอไมแกไขหรือสงเอกสารเพ่ิมเติมใหครบถวน ใหถือวาผูยื่นคาํ ขอไมประสงคที่จะใหเจาหนาท่ี
ดาํ เนินการตามคําขอตอไป ในกรณีเชนน้ันใหเจาหนาที่สงเอกสารคืนใหผูยื่นคําขอพรอมทั้งแจงสิทธิ
ในการอุทธรณใหผูยื่นคาํ ขอทราบ และบนั ทึกการดําเนนิ การดงั กลาวไว
ÁÒμÃÒ òø ในการพิจารณาทางปกครอง เจาหนาท่ีอาจตรวจสอบขอเท็จจริงไดตาม
ความเหมาะสมในเรื่องน้นั ๆ โดยไมต อ งผูกพันอยกู ับคําขอหรือพยานหลักฐานของคูกรณี
ÁÒμÃÒ òù เจาหนาท่ีตองพิจารณาพยานหลักฐานที่ตนเห็นวาจาํ เปนแกการพิสูจน
ขอเทจ็ จริง ในการนี้ ใหร วมถงึ การดําเนนิ การดงั ตอไปน้ี
(๑) แสวงหาพยานหลกั ฐานทุกอยา งท่ีเกี่ยวของ
(๒) รับฟงพยานหลักฐาน คาํ ช้ีแจง หรือความเห็นของคูกรณีหรือของพยานบุคคลหรือ
พยานผเู ชย่ี วชาญทค่ี กู รณกี ลา วอา ง เวน แตเ จา หนา ทเี่ หน็ วา เปน การกลา วอา งทไ่ี มจ ําเปน ฟมุ เฟอ ยหรอื
เพอ่ื ประวงิ เวลา
(๓) ขอขอ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ จากคกู รณี พยานบุคคล หรือพยานผเู ช่ียวชาญ
(๔) ขอใหผ คู รอบครองเอกสารสง เอกสารที่เกี่ยวขอ ง
(๕) ออกไปตรวจสถานที่
คูกรณีตองใหความรวมมือกับเจาหนาท่ีในการพิสูจนขอเท็จจริง และมีหนาที่แจง
พยานหลกั ฐานทีต่ นทราบแกเจา หนา ที่
พยานหรือพยานผูเชี่ยวชาญท่ีเจาหนาท่ีเรียกมาใหถอยคําหรือทาํ ความเห็นมีสิทธิไดรับ
คาปว ยการตามหลกั เกณฑและวธิ ีการที่กาํ หนดในกฎกระทรวง
๕๘
ÁÒμÃÒ óð ในกรณที คี่ าํ สง่ั ทางปกครองอาจกระทบถงึ สทิ ธขิ องคกู รณี เจา หนา ทตี่ อ งให
คูกรณีมีโอกาสที่จะไดทราบขอเท็จจริงอยางเพียงพอและมีโอกาสไดโตแยงและแสดงพยานหลักฐาน
ของตน
ความในวรรคหนึ่งมิใหนํามาใชบังคับในกรณีดังตอไปนี้ เวนแตเจาหนาท่ีจะเห็นสมควร
ปฏิบัตเิ ปน อยา งอ่ืน
(๑) เมอื่ มคี วามจําเปน รบี ดว นหากปลอ ยใหเ นนิ่ ชา ไปจะกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายอยา งรา ยแรง
แกผ หู นงึ่ ผูใดหรือจะกระทบตอ ประโยชนสาธารณะ
(๒) เมื่อจะมีผลทาํ ใหระยะเวลาท่ีกฎหมายหรือกฎกาํ หนดไวในการทาํ คําส่ังทางปกครอง
ตอ งลาชาออกไป
(๓) เม่ือเปนขอ เทจ็ จรงิ ท่คี กู รณีนั้นเองไดใหไ วในคําขอ คําใหการหรือคําแถลง
(๔) เม่ือโดยสภาพเห็นไดชัดในตัววาการใหโอกาสดงั กลาวไมอ าจกระทาํ ได
(๕) เมอ่ื เปน มาตรการบังคบั ทางปกครอง
(๖) กรณอี ื่นตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง
หามมิใหเจาหนาท่ีใหโอกาสตามวรรคหนึ่ง ถาจะกอใหเกิดผลเสียหายอยางรายแรงตอ
ประโยชนสาธารณะ
ÁÒμÃÒ óñ คูกรณีมีสิทธิขอตรวจดูเอกสารที่จําเปนตองรูเพ่ือการโตแยงหรือช้ีแจงหรือ
ปอ งกนั สทิ ธขิ องตนได แตถ า ยงั ไมไ ดท าํ คําสง่ั ทางปกครองในเรอื่ งนน้ั คกู รณไี มม สี ทิ ธขิ อตรวจดเู อกสาร
อนั เปนตนรา งคาํ วินิจฉัย
การตรวจดูเอกสาร คาใชจายในการตรวจดูเอกสาร หรือการจัดทําสําเนาเอกสาร
ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธกี ารท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ óò เจาหนาที่อาจไมอนุญาตใหตรวจดูเอกสารหรือพยานหลักฐานได ถาเปน
กรณที ต่ี อ งรักษาไวเ ปน ความลับ
ÁÒμÃÒ óó เพื่อประโยชนในการอาํ นวยความสะดวกแกประชาชน ความประหยัดและ
ความมปี ระสทิ ธภิ าพในการดําเนนิ งานของรฐั ใหค ณะรฐั มนตรวี างระเบยี บกาํ หนดหลกั เกณฑแ ละวธิ กี าร
เพ่ือใหเ จาหนาทก่ี าํ หนดเวลาสาํ หรบั การพิจารณาทางปกครองขน้ึ ไวต ามความเหมาะสมแกกรณี ทั้งน้ี
เทา ทีไ่ มขัดหรือแยง กบั กฎหมายหรอื กฎในเร่อื งนั้น
ในกรณที กี่ ารดาํ เนนิ งานในเรอื่ งใดจะตอ งผา นการพจิ ารณาของเจา หนา ทม่ี ากกวา หนง่ึ ราย
เจาหนา ทีท่ ่ีเกย่ี วขอ งมหี นาท่ตี อ งประสานงานกันในการกาํ หนดเวลาเพ่ือการดําเนินงานในเรื่องน้ัน
๕๙
ʋǹ·èÕ ô
û٠ẺáÅмŢͧคําÊÑ觷ҧ»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ óô คาํ สงั่ ทางปกครองอาจทําเปน หนงั สอื หรอื วาจาหรอื โดยการสอ่ื ความหมาย
ในรูปแบบอน่ื ก็ได แตต อ งมีขอความหรือความหมายทชี่ ดั เจนเพยี งพอทีจ่ ะเขา ใจได
ÁÒμÃÒ óõ ในกรณที คี่ ําสงั่ ทางปกครองเปน คําสง่ั ดว ยวาจา ถา ผรู บั คาํ สงั่ นน้ั รอ งขอและ
การรอ งขอไดก ระทาํ โดยมเี หตอุ นั สมควรภายในเจด็ วนั นบั แตว นั ทม่ี คี าํ สงั่ ดงั กลา ว เจา หนา ทผ่ี อู อกคาํ สงั่
ตอ งยืนยันคาํ สัง่ นนั้ เปน หนงั สือ
ÁÒμÃÒ óö คาํ สง่ั ทางปกครองทท่ี าํ เปน หนังสอื อยางนอ ยตอ งระบุ วัน เดอื น และปท ่ี
ทําคาํ สง่ั ชือ่ และตาํ แหนงของเจา หนา ทีผ่ ูทําคาํ สั่ง พรอมทั้งมีลายมอื ช่อื ของเจา หนา ท่ผี ทู ําคาํ ส่ังนั้น
ÁÒμÃÒ ó÷ คาํ ส่ังทางปกครองที่ทาํ เปนหนังสือและการยืนยันคําส่ังทางปกครองเปน
หนงั สอื ตอ งจัดใหมีเหตุผลไวด วย และเหตผุ ลนัน้ อยางนอยตองประกอบดว ย
(๑) ขอเทจ็ จรงิ อนั เปน สาระสําคัญ
(๒) ขอกฎหมายท่ีอางอิง
(๓) ขอพิจารณาและขอสนับสนุนในการใชดุลพินิจ
นายกรัฐมนตรีหรือผูซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายอาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กําหนดใหค ําสงั่ ทางปกครองกรณหี นงึ่ กรณใี ดตอ งระบเุ หตผุ ลไวใ นคาํ สง่ั นน้ั เองหรอื ในเอกสารแนบทา ย
คําสั่งนั้นก็ได
บทบญั ญัตติ ามวรรคหน่ึงไมใชบ งั คับกบั กรณดี ังตอไปนี้
(๑) เปนกรณีท่ีมีผลตรงตามคําขอและไมกระทบสทิ ธิและหนาทข่ี องบคุ คลอื่น
(๒) เหตผุ ลนน้ั เปนทร่ี ูกนั อยแู ลวโดยไมจ ําตองระบุอีก
(๓) เปน กรณที ี่ตอ งรักษาไวเ ปนความลับตามมาตรา ๓๒
(๔) เปน การออกคาํ สงั่ ทางปกครองดว ยวาจาหรอื เปน กรณเี รง ดว น แตต อ งใหเ หตผุ ลเปน
ลายลกั ษณอกั ษรในเวลาอันควรหากผูอ ยูในบงั คบั ของคําสัง่ นั้นรองขอ
ÁÒμÃÒ óø บทบัญญัติตามมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ วรรคหน่ึง มิใหใชบังคับ
กับคําสั่งทางปกครองที่กาํ หนดในกฎกระทรวง ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีกาํ หนด
ในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ óù การออกคาํ สงั่ ทางปกครองเจา หนา ทอ่ี าจกาํ หนดเงอื่ นไขใด ๆ ไดเ ทา ทจี่ ําเปน
เพอื่ ใหบรรลุวัตถุประสงคข องกฎหมาย เวนแตกฎหมายจะกาํ หนดขอจํากัดดลุ พนิ จิ เปนอยา งอ่นื
การกําหนดเงื่อนไขตามวรรคหน่ึง ใหหมายความรวมถึงการกําหนดเง่ือนไขในกรณี
ดงั ตอ ไปนี้ ตามความเหมาะสมแกกรณีดว ย
(๑) การกําหนดใหสทิ ธหิ รอื ภาระหนา ทีเ่ ริ่มมผี ลหรือสิ้นผล ณ เวลาใดเวลาหนงึ่
(๒) การกาํ หนดใหก ารเรมิ่ มผี ลหรอื สน้ิ ผลของสทิ ธหิ รอื ภาระหนา ทตี่ อ งขน้ึ อยกู บั เหตกุ ารณ
ในอนาคตท่ไี มแนนอน
๖๐
(๓) ขอสงวนสิทธิท่ีจะยกเลิกคําสงั่ ทางปกครอง
(๔) การกาํ หนดใหผูไดรับประโยชนตองกระทาํ หรืองดเวนกระทําหรือตองมีภาระหนาที่
หรือยอมรับภาระหนาที่หรือความรับผิดชอบบางประการ หรือการกําหนดขอความในการจัดใหมี
เปลีย่ นแปลง หรอื เพิม่ ขอกําหนดดังกลา ว
ÁÒμÃÒ óù/ñó การออกคาํ สั่งทางปกครองเปนหนังสือในเรื่องใด หากมิไดมีกฎหมาย
หรือกฎกําหนดระยะเวลาในการออกคาํ สงั่ ทางปกครองในเร่ืองนนั้ ไวเปนประการอ่ืน ใหเจาหนา ท่อี อก
คําสง่ั ทางปกครองนนั้ ใหแ ลว เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทเี่ จา หนา ทไ่ี ดร บั คําขอและเอกสารถกู ตอ ง
ครบถว น
ใหเ ปนหนาท่ีของผบู ังคับบัญชาชัน้ เหนือขน้ึ ไปของเจา หนาที่ ทีจ่ ะกาํ กับดแู ลใหเ จา หนาที่
ดาํ เนนิ การใหเปน ไปตามวรรคหนงึ่
ÁÒμÃÒ ôð คาํ สง่ั ทางปกครองทอ่ี าจอทุ ธรณห รอื โตแ ยง ตอ ไปไดใ หร ะบกุ รณที อ่ี าจอทุ ธรณ
หรอื โตแ ยง การยน่ื คําอทุ ธรณห รอื คาํ โตแ ยง และระยะเวลาสาํ หรบั การอทุ ธรณห รอื การโตแ ยง ดงั กลา ว
ไวด วย
ในกรณีท่ีมีการฝาฝนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ใหระยะเวลาสําหรับการอุทธรณหรือการ
โตแยงเริ่มนับใหมตั้งแตวันท่ีไดรับแจงหลักเกณฑตามวรรคหน่ึง แตถาไมมีการแจงใหมและระยะเวลา
ดังกลา วมรี ะยะเวลาส้นั กวาหน่ึงป ใหข ยายเปนหนึ่งปน บั แตว ันท่ไี ดร บั คาํ สง่ั ทางปกครอง
ÁÒμÃÒ ôñ คาํ สั่งทางปกครองที่ออกโดยการฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามหลักเกณฑ
ดงั ตอ ไปนี้ ไมเปนเหตใุ หค ําสั่งทางปกครองนน้ั ไมส มบรู ณ
(๑) การออกคาํ สงั่ ทางปกครองโดยยงั ไมม ผี ยู นื่ คําขอในกรณที เ่ี จา หนา ทจี่ ะดําเนนิ การเอง
ไมไ ดนอกจากจะมผี ูยืน่ คําขอ ถา ตอมาในภายหลงั ไดม กี ารยนื่ คําขอเชนนัน้ แลว
(๒) คาํ สง่ั ทางปกครองทีต่ องจัดใหม ีเหตุผลตามมาตรา ๓๗ วรรคหนงึ่ ถาไดม กี ารจดั ใหมี
เหตผุ ลดงั กลาวในภายหลัง
(๓) การรบั ฟง คกู รณที จ่ี าํ เปน ตอ งกระทําไดด ําเนนิ การมาโดยไมส มบรู ณ ถา ไดม กี ารรบั ฟง
ใหสมบรู ณใ นภายหลงั
(๔) คาํ ส่งั ทางปกครองที่ตองใหเจาหนาท่อี น่ื ใหค วามเห็นชอบกอ น ถา เจา หนา ทน่ี ้นั ไดให
ความเห็นชอบในภายหลัง
เม่ือมกี ารดําเนินการตามวรรคหน่ึง (๑) (๒) (๓) หรอื (๔) แลว และเจา หนาที่ผมู คี าํ สัง่ ทาง
ปกครองประสงคใหผลเปนไปตามคาํ ส่ังเดิมใหเจาหนาท่ีผูน้ันบันทึกขอเท็จจริงและความประสงค
ของตนไวในหรือแนบไวกบั คําส่ังเดิมและตอ งมหี นังสือแจงความประสงคของตนใหค ูก รณีทราบดว ย
๓ มาตรา ๓๙/๑ เพมิ่ โดยพระราชบัญญัติวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
๖๑
กรณีตาม (๒) (๓) และ (๔) จะตองกระทาํ กอนสิ้นสดุ กระบวนการพจิ ารณาอทุ ธรณต าม
สวนท่ี ๕ ของหมวดนี้ หรอื ตามกฎหมายเฉพาะวาดว ยการนนั้ หรอื ถาเปน กรณีท่ีไมตอ งมีการอุทธรณ
ดังกลาวก็ตองกอนมีการนําคําสั่งทางปกครองไปสูการพิจารณาของผูมีอํานาจพิจารณาวินิจฉัย
ความถูกตองของคําสัง่ ทางปกครองน้นั
ÁÒμÃÒ ôò คําสงั่ ทางปกครองใหม ผี ลใชย นั ตอ บคุ คลตง้ั แตข ณะทผ่ี นู นั้ ไดร บั แจง เปน ตน ไป
คําสั่งทางปกครองยอมมีผลตราบเทาท่ียังไมมีการเพิกถอนหรือส้ินผลลงโดยเงื่อนเวลา
หรือโดยเหตุอืน่
เม่ือคําส่ังทางปกครองส้ินผลลง ใหเจาหนาที่มีอํานาจเรียกผูซ่ึงครอบครองเอกสารหรือ
วตั ถอุ นื่ ใดทไี่ ดจ ดั ทาํ ขน้ึ เนอื่ งในการมคี าํ สง่ั ทางปกครองดงั กลา ว ซงึ่ มขี อ ความหรอื เครอ่ื งหมายแสดงถงึ
การมอี ยูของคําสงั่ ทางปกครองนน้ั ใหสง คนื สงิ่ นัน้ หรอื ใหนาํ สงิ่ ของดังกลาวอันเปนกรรมสทิ ธขิ์ องผนู ้นั
มาใหเ จา หนา ทจ่ี ัดทาํ เครอ่ื งหมายแสดงการส้ินผลของคาํ ส่งั ทางปกครองดงั กลาวได
ÁÒμÃÒ ôó คาํ สง่ั ทางปกครองทม่ี ขี อ ผดิ พลาดเลก็ นอ ยหรอื ผดิ หลงเลก็ นอ ยนน้ั เจา หนา ที่
อาจแกไ ขเพ่ิมเติมไดเสมอ
ในการแกไ ขเพมิ่ เตมิ คาํ สงั่ ทางปกครองตามวรรคหนงึ่ ใหแ จง ใหผ ทู เ่ี กยี่ วขอ งทราบตามควร
แกก รณี ในการน้ี เจาหนาท่อี าจเรียกใหผ ทู ี่เกี่ยวของจัดสงคาํ สั่งทางปกครอง เอกสารหรอื วตั ถุอน่ื ใดที่
ไดจดั ทําข้ึนเนือ่ งในการมคี าํ ส่งั ทางปกครองดงั กลาวมาเพ่ือการแกไขเพ่มิ เตมิ ได
ʋǹ·Õè õ
¡ÒÃÍ·Ø ¸Ã³คําʧèÑ ·Ò§»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ôô ภายใตบ งั คบั มาตรา ๔๘ ในกรณที ค่ี ําสง่ั ทางปกครองใดไมไ ดอ อกโดยรฐั มนตรี
และไมม กี ฎหมายกาํ หนดขน้ั ตอนอทุ ธรณภ ายในฝา ยปกครองไวเ ปน การเฉพาะ ใหค กู รณอี ทุ ธรณค าํ สง่ั
ทางปกครองน้ันโดยยื่นตอเจาหนาที่ผูทาํ คําสั่งทางปกครองภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีตนไดรับแจง
คําส่ังดังกลาว
คาํ อุทธรณตองทาํ เปนหนังสือโดยระบุขอโตแยงและขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายที่อางอิง
ประกอบดว ย
การอทุ ธรณไ มเ ปน เหตใุ หท เุ ลาการบงั คบั ตามคําสง่ั ทางปกครอง เวน แตจ ะมกี ารสงั่ ใหท เุ ลา
การบงั คับตามมาตรา ๖๓/๒ วรรคหนง่ึ ๔
๔ มาตรา ๔๔ วรรคสาม แกไ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตวิ ิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๖๒
ÁÒμÃÒ ôõ ใหเ จา หนา ทตี่ ามมาตรา ๔๔ วรรคหนง่ึ พจิ ารณาคําอทุ ธรณแ ละแจง ผอู ทุ ธรณ
โดยไมชักชา แตตองไมเกินสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับอุทธรณ ในกรณีท่ีเห็นดวยกับคําอุทธรณไมวา
ทงั้ หมดหรอื บางสว นกใ็ หด าํ เนนิ การเปลยี่ นแปลงคาํ สง่ั ทางปกครองตามความเหน็ ของตนภายในกาํ หนด
เวลาดังกลา วดวย
ถา เจา หนา ทตี่ ามมาตรา ๔๔ วรรคหนงึ่ ไมเ หน็ ดว ยกบั คาํ อทุ ธรณไ มว า ทง้ั หมดหรอื บางสว น
ก็ใหเรงรายงานความเห็นพรอมเหตุผลไปยังผูมีอํานาจพิจารณาคาํ อุทธรณภายในกาํ หนดเวลาตาม
วรรคหนง่ึ ใหผ มู อี ํานาจพจิ ารณาคําอทุ ธรณพ จิ ารณาใหแ ลว เสรจ็ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว นั ทต่ี นไดร บั
รายงาน ถา มเี หตุจําเปน ไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาว ใหผมู อี ํานาจพจิ ารณา
อุทธรณมีหนังสือแจงใหผูอุทธรณทราบกอนครบกําหนดเวลาดังกลาว ในการนี้ ใหขยายระยะเวลา
พิจารณาอทุ ธรณอ อกไปไดไ มเ กินสามสบิ วนั นบั แตว นั ท่คี รบกําหนดเวลาดงั กลา ว
เจา หนาท่ผี ใู ดจะเปนผูมีอาํ นาจพิจารณาอทุ ธรณต ามวรรคสองใหเ ปนไปตามท่ีกาํ หนดใน
กฎกระทรวง
บทบัญญัตมิ าตรานี้ไมใ ชกบั กรณที ่ีมีกฎหมายเฉพาะกาํ หนดไวเ ปนอยา งอ่ืน
ÁÒμÃÒ ôö ในการพจิ ารณาอทุ ธรณ ใหเ จา หนา ทพี่ จิ ารณาทบทวนคาํ สง่ั ทางปกครองได
ไมว า จะเปน ปญ หาขอ เทจ็ จรงิ ขอ กฎหมาย หรอื ความเหมาะสมของการทําคําสง่ั ทางปกครอง และอาจมี
คําสั่งเพิกถอนคําส่ังทางปกครองเดิมหรือเปล่ียนแปลงคําส่ังน้ันไปในทางใด ท้ังนี้ ไมวาจะเปนการ
เพิ่มภาระหรือลดภาระหรือใชดุลพินิจแทนในเรื่องความเหมาะสมของการทําคาํ ส่ังทางปกครองหรือ
มขี อกาํ หนดเปนเงื่อนไขอยา งไรกไ็ ด
ÁÒμÃÒ ô÷ การใดที่กฎหมายกาํ หนดใหอุทธรณตอเจาหนาที่ซ่ึงเปนคณะกรรมการ
ขอบเขตการพิจารณาอุทธรณใหเปนไปตามกฎหมายวาดวยการนั้น สําหรับกระบวนการพิจารณาให
ปฏบิ ตั ิตามบทบญั ญตั ิ หมวด ๒ นี้ เทาทีไ่ มข ัดหรอื แยงกบั กฎหมายดงั กลาว
ÁÒμÃÒ ôøõ คาํ สั่งทางปกครองของบรรดาคณะกรรมการตาง ๆ ไมวาจะจัดตั้งข้ึน
ตามกฎหมายหรือไม ใหคูกรณีมีสิทธิโตแยงตอคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขตามกฎหมายวาดวย
คณะกรรมการกฤษฎกี าไดท ง้ั ในปญ หาขอ เทจ็ จรงิ และขอ กฎหมาย ภายในเกา สบิ วนั นบั แตว นั ทไี่ ดร บั แจง
คําสงั่ นน้ั แตถ า คณะกรรมการดงั กลา วเปน คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าท สทิ ธกิ ารอทุ ธรณแ ละกําหนด
เวลาอทุ ธรณ ใหเปนไปตามทบ่ี ญั ญตั ใิ นกฎหมายวาดวยคณะกรรมการกฤษฎกี า
๕ มาตรา ๔๘ ยกเลิกโดยผลของมาตรา ๘๗ เน่ืองจากมีการจัดต้ังศาลปกครองแลว โดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
๖๓
ÊÇ‹ ¹·Õè ö
¡ÒÃà¾¡Ô ¶Í¹คําÊÑ§è ·Ò§»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ôù เจา หนา ทหี่ รอื ผบู งั คบั บญั ชาของเจา หนา ทอ่ี าจเพกิ ถอนคาํ สง่ั ทางปกครองได
ตามหลกั เกณฑในมาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓ ไมวาจะพนขัน้ ตอนการกาํ หนดใหอุทธรณ
หรือใหโ ตแยงตามกฎหมายน้หี รือกฎหมายอ่นื มาแลวหรือไม
การเพกิ ถอนคําสงั่ ทางปกครองทมี่ ลี กั ษณะเปน การใหป ระโยชนต อ งกระทาํ ภายในเกา สบิ วนั
นับแตไดรูถึงเหตุท่ีจะใหเพิกถอนคาํ สั่งทางปกครองนั้น เวนแตคําส่ังทางปกครองจะไดทําข้ึนเพราะ
การแสดงขอความอันเปนเท็จหรือปกปดขอความจริงซ่ึงควรบอกใหแจงหรือการขมขูหรือการชักจูงใจ
โดยการใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใดที่มชิ อบดวยกฎหมาย
ÁÒμÃÒ õð คําสงั่ ทางปกครองทไี่ มช อบดว ยกฎหมายอาจถกู เพกิ ถอนทงั้ หมดหรอื บางสว น
โดยจะใหมีผลยอนหลังหรือไมยอนหลังหรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหน่ึงตามท่ีกําหนดได
แตถาคําส่ังน้ันเปนคําสั่งซึ่งเปนการใหประโยชนแกผูรับ การเพิกถอนตองเปนไปตามบทบัญญัติ
มาตรา ๕๑ และมาตรา ๕๒
ÁÒμÃÒ õñ การเพกิ ถอนคาํ สง่ั ทางปกครองทไี่ มช อบดว ยกฎหมายซงึ่ เปน การใหเ งนิ หรอื ให
ทรพั ยส นิ หรอื ใหป ระโยชนท อ่ี าจแบง แยกได ใหค าํ นงึ ถงึ ความเชอื่ โดยสจุ รติ ของผรู บั ประโยชนใ นความคงอยู
ของคําส่งั ทางปกครองน้นั กบั ประโยชนสาธารณะประกอบกัน
ความเชื่อโดยสุจริตตามวรรคหน่ึงจะไดรับความคุมครองตอเมื่อผูรับคําส่ังทางปกครอง
ไดใ ชป ระโยชนอ นั เกดิ จากคาํ สง่ั ทางปกครองหรอื ไดด ําเนนิ การเกยี่ วกบั ทรพั ยส นิ ไปแลว โดยไมอ าจแกไ ข
เปลย่ี นแปลงไดห รือการเปลย่ี นแปลงจะทําใหผูน้นั ตอ งเสยี หายเกนิ ควรแกกรณี
ในกรณีดงั ตอ ไปนี้ ผรู ับคําสัง่ ทางปกครองจะอางความเช่อื โดยสจุ ริตไมได
(๑) ผนู นั้ ไดแ สดงขอ ความอนั เปน เทจ็ หรอื ปกปด ขอ ความจรงิ ซงึ่ ควรบอกใหแ จง หรอื ขม ขู
หรอื ชกั จงู ใจโดยการใหทรพั ยส นิ หรอื ใหประโยชนอนื่ ใดทีม่ ชิ อบดว ยกฎหมาย
(๒) ผนู นั้ ไดใ หข อ ความซงึ่ ไมถ ูกตองหรอื ไมครบถวนในสาระสําคญั
(๓) ผูน้ันไดรูถึงความไมชอบดวยกฎหมายของคําสั่งทางปกครองในขณะไดรับคําสั่งทาง
ปกครองหรอื การไมร นู ัน้ เปน ไปโดยความประมาทเลนิ เลอ อยางรา ยแรง
ในกรณีท่ีเพิกถอนโดยใหมีผลยอนหลัง การคืนเงิน ทรัพยสินหรือประโยชนท่ีผูรับคาํ ส่ัง
ทางปกครองไดไป ใหนําบทบัญญัติวาดวยลาภมิควรไดในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาใช
บังคับโดยอนโุ ลม โดยถา เมื่อใดผูรับคาํ สงั่ ทางปกครองไดรูถ งึ ความไมชอบดว ยกฎหมายของคําสัง่ ทาง
ปกครองหรือควรไดรูเชนน้ันหากผูน้ันมิไดประมาทเลินเลออยางรายแรงใหถือวาผูน้ันตกอยูในฐานะ
ไมสุจริตตั้งแตเวลาน้ันเปนตนไป และในกรณีตามวรรคสาม ผูนั้นตองรับผิดในการคืนเงิน ทรัพยสิน
หรอื ประโยชนทไ่ี ดรบั ไปเตม็ จํานวน
๖๔
ÁÒμÃÒ õò คําสง่ั ทางปกครองทไ่ี มช อบดว ยกฎหมายและไมอ ยใู นบงั คบั ของมาตรา ๕๑
อาจถกู เพกิ ถอนทง้ั หมดหรอื บางสว นได แตผ ไู ดร บั ผลกระทบจากการเพกิ ถอนคาํ สง่ั ทางปกครองดงั กลา ว
มสี ทิ ธไิ ดร บั คา ทดแทนความเสยี หายเนอ่ื งจากความเชอ่ื โดยสจุ รติ ในความคงอยขู องคําสง่ั ทางปกครองได
และใหน ําความในมาตรา ๕๑ วรรคหนง่ึ วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม แตต อ งรอ งขอ
คา ทดแทนภายในหน่ึงรอ ยแปดสิบวันนับแตไ ดรับแจงใหทราบถึงการเพิกถอนนั้น
คาทดแทนความเสียหายตามมาตราน้ีจะตองไมสูงกวาประโยชนท่ีผูนั้นอาจไดรับ
หากคําสัง่ ทางปกครองดงั กลา วไมถ ูกเพิกถอน
ÁÒμÃÒ õó คําสงั่ ทางปกครองทช่ี อบดว ยกฎหมายซง่ึ ไมเ ปน การใหป ระโยชนแ กผ รู บั คําสงั่
ทางปกครองอาจถกู เพกิ ถอนทง้ั หมดหรอื บางสว นโดยใหม ผี ลตง้ั แตข ณะทเ่ี พกิ ถอนหรอื มผี ลในอนาคต
ไปถงึ ขณะใดขณะหนงึ่ ตามทกี่ าํ หนดได เวน แตเ ปน กรณที ค่ี งตอ งทาํ คาํ สง่ั ทางปกครองทม่ี เี นอื้ หาทาํ นอง
เดยี วกนั นั้นอีก หรือเปนกรณีท่ีการเพิกถอนไมอาจกระทําไดเพราะเหตอุ ่ืน ท้ังนี้ ใหคาํ นงึ ถึงประโยชน
ของบคุ คลภายนอกประกอบดว ย
คาํ ส่ังทางปกครองท่ีชอบดวยกฎหมายซึ่งเปนการใหประโยชนแกผูรับคาํ ส่ังทางปกครอง
อาจถูกเพิกถอนท้ังหมดหรือบางสวนโดยใหมีผลตั้งแตขณะที่เพิกถอน หรือมีผลในอนาคตไปถึง
ขณะใดขณะหน่งึ ตามทีก่ ําหนดไดเฉพาะเมือ่ มีกรณีดงั ตอ ไปน้ี
(๑) มกี ฎหมายกําหนดใหเ พกิ ถอนไดห รอื มขี อ สงวนสทิ ธใิ หเ พกิ ถอนไดใ นคําสง่ั ทางปกครอง
น้ันเอง
(๒) คําสั่งทางปกครองน้ันมีขอกาํ หนดใหผูรับประโยชนตองปฏิบัติ แตไมมีการปฏิบัติ
ภายในเวลาทก่ี าํ หนด
(๓) ขอเท็จจริงและพฤติการณเปลี่ยนแปลงไป ซ่ึงหากมีขอเท็จจริงและพฤติการณเชนนี้
ในขณะทําคําส่ังทางปกครองแลวเจาหนาที่คงจะไมทําคาํ ส่ังทางปกครองน้ัน และหากไมเพิกถอน
จะกอใหเ กดิ ความเสียหายตอ ประโยชนสาธารณะได
(๔) บทกฎหมายเปลย่ี นแปลงไป ซงึ่ หากมบี ทกฎหมายเชน นใ้ี นขณะทําคาํ สงั่ ทางปกครองแลว
เจาหนาท่ีคงจะไมทาํ คาํ สั่งทางปกครองน้ัน แตการเพิกถอนในกรณีนี้ใหกระทาํ ไดเทาที่ผูรับประโยชน
ยังไมไดใชประโยชน หรือยังไมไดรับประโยชนตามคําส่ังทางปกครองดังกลาว และหากไมเพิกถอน
จะกอใหเกดิ ความเสียหายตอประโยชนส าธารณะได
(๕) อาจเกดิ ความเสยี หายอยา งรา ยแรงตอ ประโยชนส าธารณะหรอื ตอ ประชาชนอนั จาํ เปน
ตอ งปอ งกันหรอื ขจดั เหตุดังกลาว
ในกรณีท่ีมีการเพิกถอนคําสั่งทางปกครองเพราะเหตุตามวรรคสอง (๓) (๔) และ (๕)
ผูไดรับประโยชนมีสิทธิไดรับคาทดแทนความเสียหายอันเกิดจากความเช่ือโดยสุจริตในความคงอยู
ของคาํ สง่ั ทางปกครองได และใหนํามาตรา ๕๒ มาใชบ งั คับโดยอนุโลม
๖๕
คาํ สงั่ ทางปกครองทชี่ อบดว ยกฎหมายซง่ึ เปน การใหเ งนิ หรอื ใหท รพั ยส นิ หรอื ใหป ระโยชน
ที่อาจแบงแยกได อาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางสวนโดยใหมีผลยอนหลังหรือไมมีผลยอนหลัง
หรอื มีผลในอนาคตไปถงึ ขณะใดขณะหนง่ึ ตามที่กาํ หนดไดใ นกรณีดงั ตอ ไปน้ี
(๑) มไิ ดป ฏบิ ตั หิ รอื ปฏบิ ตั ลิ า ชา ในอนั ทจ่ี ะดําเนนิ การใหเ ปน ไปตามวตั ถปุ ระสงคข องคําสงั่
ทางปกครอง
(๒) ผไู ดร บั ประโยชนม ไิ ดป ฏบิ ตั หิ รอื ปฏบิ ตั ลิ า ชา ในอนั ทจ่ี ะดําเนนิ การใหเ ปน ไปตามเงอ่ื นไข
ของคําสง่ั ทางปกครอง
ทั้งนี้ ใหนําความในมาตรา ๕๑ มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม
ʋǹ·èÕ ÷
¡ÒâÍãËŒ¾¨Ô ÒóÒãËÁ‹
ÁÒμÃÒ õô เมอ่ื คกู รณมี คี ําขอ เจา หนา ทอี่ าจเพกิ ถอนหรอื แกไ ขเพม่ิ เตมิ คาํ สงั่ ทางปกครอง
ทีพ่ นกําหนดอุทธรณตามสวนที่ ๕ ไดใ นกรณดี งั ตอไปนี้
(๑) มีพยานหลักฐานใหม อนั อาจทาํ ใหขอ เทจ็ จรงิ ทีฟ่ ง เปน ยตุ แิ ลว นนั้ เปลย่ี นแปลงไปใน
สาระสาํ คัญ
(๒) คูกรณีท่ีแทจริงมิไดเขามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองหรือไดเขามาใน
กระบวนการพิจารณาคร้ังกอนแลว แตถูกตัดโอกาสโดยไมเปนธรรมในการมีสวนรวมในกระบวนการ
พิจารณาทางปกครอง
(๓) เจา หนาที่ไมมีอํานาจทจี่ ะทาํ คําสั่งทางปกครองในเร่ืองนนั้
(๔) ถาคําส่ังทางปกครองไดออกโดยอาศัยขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายใดและตอมา
ขอ เทจ็ จรงิ หรือขอกฎหมายนัน้ เปล่ยี นแปลงไปในสาระสาํ คัญในทางที่จะเปนประโยชนแ กคูกรณี
การยน่ื คําขอตามวรรคหนง่ึ (๑) (๒) หรอื (๓) ใหก ระทาํ ไดเ ฉพาะเมอื่ คกู รณีไมอ าจทราบ
ถึงเหตนุ ้นั ในการพจิ ารณาคร้ังท่ีแลว มากอ นโดยไมใชค วามผิดของผูนัน้
การย่ืนคาํ ขอใหพิจารณาใหมตองกระทาํ ภายในเกาสิบวันนับแตผูนั้นไดรูถึงเหตุซ่ึงอาจ
ขอใหพิจารณาใหมได
๖๖
ʋǹ·Õè ø
¡Òúѧ¤Ñº·Ò§»¡¤Ãͧö
ÁÒμÃÒ õõ÷ (ยกเลิก)
ÁÒμÃÒ õöø (ยกเลิก)
ÁÒμÃÒ õ÷ù (ยกเลกิ )
ÁÒμÃÒ õøñð (ยกเลกิ )
ÁÒμÃÒ õùññ (ยกเลิก)
ÁÒμÃÒ öðñò (ยกเลิก)
ÁÒμÃÒ öññó (ยกเลกิ )
ÁÒμÃÒ öòñô (ยกเลิก)
ÁÒμÃÒ öóñõ (ยกเลิก)
ËÁÇ´ ò/ñ
¡Òú§Ñ ¤Ñº·Ò§»¡¤Ãͧñö
ʋǹ·èÕ ñ
º··ÇèÑ ä»
ÁÒμÃÒ öó/ññ÷ การบังคบั ทางปกครองไมใ ชบงั คบั กับหนว ยงานของรัฐดว ยกนั เวนแต
จะมีกฎหมายกาํ หนดไวเ ปนอยางอ่นื
๖ สวนที่ ๘ การบังคับทางปกครอง มาตรา ๕๕ ถึง มาตรา ๖๓ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗ มาตรา ๕๕ ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๘ มาตรา ๕๖ ยกเลกิ โดยพระราชบัญญัติวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๙ มาตรา ๕๗ ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๐ มาตรา ๕๘ ยกเลิกโดยพระราชบัญญตั ิวธิ ปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๑ มาตรา ๕๙ ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญัติวิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๒ มาตรา ๖๐ ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญตั ิวธิ ปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๓ มาตรา ๖๑ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัตวิ ธิ ีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๔ มาตรา ๖๒ ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญัติวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๕ มาตรา ๖๓ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัตวิ ธิ ปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๖ หมวด ๒/๑ การบังคับทางปกครอง มาตรา ๖๓/๑ ถึง มาตรา ๖๓/๒๕ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๗ มาตรา ๖๓/๑ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๖๗
ÁÒμÃÒ öó/òñø เจาหนาท่ีผูทาํ คาํ สั่งทางปกครองมีอํานาจท่ีจะพิจารณาใชมาตรการ
บังคับทางปกครองเพ่ือใหเปนไปตามคําสั่งของตนไดตามบทบัญญัติในหมวดนี้ เวนแตจะมีการส่ังให
ทุเลาการบังคับไวกอนโดยเจาหนาท่ีผูทาํ คําส่ังน้ันเอง ผูมีอํานาจพิจารณาคาํ อุทธรณ หรือผูมีอาํ นาจ
พจิ ารณาวินิจฉัยความถูกตอ งของคําสง่ั ทางปกครองดงั กลา ว
เจา หนา ทตี่ ามวรรคหนง่ึ จะมอบอํานาจใหเ จา หนา ทซ่ี งึ่ อยใู ตบ งั คบั บญั ชาหรอื เจา หนา ทอ่ี นื่
เปน ผูดาํ เนินการก็ไดต ามหลักเกณฑแ ละวธิ กี ารทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
ใหเ จา หนา ทต่ี ามวรรคหนงึ่ หรอื วรรคสองใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองเพยี งเทา ทจี่ าํ เปน
เพื่อใหบรรลตุ ามวัตถุประสงคของคาํ ส่งั ทางปกครอง โดยกระทบกระเทอื นผูอยใู นบังคบั ของคาํ สง่ั ทาง
ปกครองนอยทสี่ ดุ
ÁÒμÃÒ öó/óñù ถา บทกฎหมายใดกาํ หนดมาตรการบงั คบั ทางปกครองไวโ ดยเฉพาะแลว
หากเจา หนา ทเี่ หน็ วา การใชม าตรการบงั คบั นนั้ จะเกดิ ผลนอ ยกวา มาตรการบงั คบั ตามหมวดนี้ เจา หนา ที่
จะใชมาตรการบงั คับทางปกครองตามหมวดน้แี ทนกไ็ ด
ÁÒμÃÒ öó/ôòð ในการใชม าตรการบังคับทางปกครองแกบุคคลใด หากบุคคลน้นั ถึงแก
ความตาย ใหด ําเนนิ การบงั คบั ทางปกครองตอ ไปได ถา บคุ คลนนั้ มที ายาทผรู บั มรดกหรอื ผจู ดั การมรดก
ใหถือวา ทายาทผูรบั มรดกหรือผจู ัดการมรดกเปนผอู ยูในบังคับของมาตรการบงั คับทางปกครองนัน้
ในกรณีที่ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองตาย ใหแจงมาตรการบังคับทาง
ปกครองไปยงั ทายาทผรู บั มรดกหรอื ผจู ดั การมรดก แลว แตก รณี โดยใหร ะยะเวลาอทุ ธรณก ารใชม าตรการ
บังคบั ทางปกครองเร่ิมนบั ใหมต้ังแตวันทท่ี ายาทผูรบั มรดกหรือผูจ ัดการมรดกไดร ับแจง เม่อื ปรากฏวา
(๑) ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองตายกอนสิ้นสุดระยะเวลาอุทธรณ
การใชม าตรการบังคับทางปกครองและไมไ ดยื่นอุทธรณการใชมาตรการบงั คับทางปกครอง
(๒) ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองตายหลังสิ้นสุดระยะเวลาอุทธรณ
การใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองและไมไ ดย นื่ อทุ ธรณก ารใชม าตรการบงั คบั ทางปกครอง เนอื่ งจากมี
พฤติการณท จ่ี าํ เปนอนั มไิ ดเ กิดจากความผิดของผูน น้ั
ในกรณีท่ีเปนการใชมาตรการบังคับทางปกครองแกนิติบุคคลใด หากนิติบุคคลน้ัน
สน้ิ สภาพ โอนกจิ การ หรอื ควบรวมกจิ การ ใหด าํ เนนิ การบงั คบั ทางปกครองตอ ไปได โดยใหแ จง มาตรการ
บังคับทางปกครองไปยังผูชาํ ระบัญชี หรือนิติบุคคลที่รับโอนกิจการหรือเกิดจากการควบรวมกิจการ
แลวแตกรณี ทั้งนี้ โดยไมจาํ ตองออกคาํ ส่ังทางปกครองใหมแกบุคคลหรือนิติบุคคลดังกลาวอีก
และใหนําหลกั เกณฑเร่อื งระยะเวลาในการอทุ ธรณตามวรรคสองมาใชบงั คับดวยโดยอนุโลม
๑๘ มาตรา ๖๓/๒ เพิม่ โดยพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๑๙ มาตรา ๖๓/๓ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัติวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๐ มาตรา ๖๓/๔ เพมิ่ โดยพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๖๘
ÁÒμÃÒ öó/õòñ ในกรณที บ่ี ทบญั ญตั ใิ นหมวดนหี้ รอื กฎหมายอน่ื มไิ ดก ําหนดเปน อยา งอนื่
ผูอ ยูใ นบงั คับของมาตรการบงั คบั ทางปกครองอาจอทุ ธรณก ารใชมาตรการบังคบั ทางปกครองนนั้ ได
การอุทธรณการใชมาตรการบังคับทางปกครองใหใชหลักเกณฑและวิธีการเดียวกับการ
อุทธรณคาํ สง่ั ทางปกครองตามสวนท่ี ๕ การอทุ ธรณค ําสงั่ ทางปกครอง ในหมวด ๒ คําสง่ั ทางปกครอง
ÁÒμÃÒ öó/öòò บทบญั ญตั ใิ นหมวดนมี้ ใิ หใ ชบ งั คบั กบั การบงั คบั ตามคาํ สงั่ ทางปกครอง
ท่ีกาํ หนดใหชาํ ระเงินหรือใหกระทําหรือละเวนกระทําในกรณีที่หนวยงานของรัฐไดฟองคดีตอศาลและ
ศาลไดม คี าํ พิพากษาใหช ําระเงนิ หรอื ใหก ระทาํ หรือละเวน กระทาํ แลว
เมื่อศาลไดรับฟองคดีตามวรรคหนึ่งไวแลว หามมิใหเจาหนาที่ดําเนินการตามสวนท่ี ๒
การบงั คบั ตามคาํ สงั่ ทางปกครองทกี่ ําหนดใหช ําระเงนิ และสว นท่ี ๓ การบงั คบั ตามคาํ สงั่ ทางปกครองที่
กําหนดใหก ระทาํ หรอื ละเวน กระทาํ เวน แตจ ะไดม กี ารถอนฟอ ง หรอื ศาลมคี ําสง่ั จําหนา ยคดจี ากสารบบ
ความเพราะเหตอุ ่ืน ท้ังน้ี ไมก ระทบตอการดําเนินการตามมาตรการบังคับทางปกครองท่เี จาหนา ทไี่ ด
ดาํ เนนิ การไปกอ นทีศ่ าลไดร ับฟอ งคดี และใหเจาหนา ทีด่ ําเนินการตามมาตรการบงั คับทางปกครองใน
สวนนัน้ ตอไปจนแลว เสรจ็
ÊÇ‹ ¹·Õè ò
¡Òúѧ¤ºÑ μÒÁคําÊè§Ñ ·Ò§»¡¤Ãͧ·Õèกํา˹´ãËชŒ าํ ÃÐà§Ô¹
ñ. ¡Òúѧ¤ºÑ â´Âà¨ÒŒ ˹ŒÒ·Õè¢Í§Ë¹‹Ç§ҹ¢Í§Ã°Ñ
ÁÒμÃÒ öó/÷òó ในกรณีที่เจาหนาท่ีมีคาํ สั่งทางปกครองท่ีกาํ หนดใหชาํ ระเงิน ถาถึง
กาํ หนดแลวไมมีการชาํ ระโดยถูกตองครบถวน ใหเจาหนาที่ผูทําคาํ สั่งทางปกครองมีหนังสือเตือน
ใหผูน้ันชาํ ระภายในระยะเวลาที่กาํ หนดแตตองไมนอยกวาเจ็ดวัน ถาไมมีการปฏิบัติตามคาํ เตือน
เจา หนา ทม่ี อี าํ นาจใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองโดยยดึ หรอื อายดั ทรพั ยส นิ ของผนู น้ั และขายทอดตลาด
เพ่อื ชําระเงินใหค รบถวนได
ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองตามวรรคหนึ่ง ใหแตงตั้งเจาพนักงานบังคับทาง
ปกครองเพือ่ ดําเนนิ การยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรพั ยส นิ ตอไป
เจาหนาท่ีผูออกคําส่ังใชมาตรการบังคับทางปกครอง และการแตงตั้งเจาพนักงานบังคับ
ทางปกครอง ใหเปน ไปตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
๒๑ มาตรา ๖๓/๕ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั ิวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๒ มาตรา ๖๓/๖ เพิม่ โดยพระราชบัญญัติวิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๓ มาตรา ๖๓/๗ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญัติวิธีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๖๙
ÁÒμÃÒ öó/øòô หนว ยงานของรฐั ทอ่ี อกคาํ สัง่ ใหชาํ ระเงนิ ตอ งดําเนนิ การยึดหรืออายัด
ทรัพยสนิ ภายในสิบปน บั แตว ันทค่ี าํ ส่ังทางปกครองทีก่ ําหนดใหช ําระเงินเปน ทีส่ ดุ
คาํ สัง่ ทางปกครองทกี่ ําหนดใหช ําระเงินเปนที่สดุ ในกรณดี ังตอไปนี้
(๑) ไมม ีการอทุ ธรณค ําสั่งตอเจาหนา ทฝี่ ายปกครองภายในระยะเวลาอุทธรณ
(๒) เจาหนาท่ีผูมีอาํ นาจพิจารณาอุทธรณมีคาํ วินิจฉัยยกอุทธรณ และไมมีการฟองคดี
ตอ ศาลภายในระยะเวลาการฟอ งคดี
(๓) ศาลมีคําสงั่ หรอื คําพพิ ากษายกฟอ ง หรือเพกิ ถอนคําสงั่ บางสว น และคดถี ึงทสี่ ุดแลว
หากหนว ยงานของรฐั ทอ่ี อกคาํ สงั่ ใหช ําระเงนิ ไดย ดึ หรอื อายดั ทรพั ยส นิ แลว แตย งั ไมไ ดร บั
ชาํ ระเงนิ ครบถวน และลว งพนกําหนดเวลาตามวรรคหนึง่ จะยดึ หรืออายดั ทรัพยสนิ เพมิ่ เตมิ อกี มิได
การขายทอดตลาดหรอื จําหนา ยโดยวธิ อี นื่ ซง่ึ ทรพั ยส นิ ของผอู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบงั คบั
ทางปกครองทถี่ กู ยดึ หรอื อายดั ไวภ ายในกําหนดเวลาตามวรรคหนง่ึ เพอื่ ชาํ ระเงนิ รวมทงั้ คา ธรรมเนยี ม
คาตอบแทน หรือคาใชจา ยอน่ื ในการบงั คับทางปกครอง ใหก ระทําไดแมล ว งพน ระยะเวลาดงั กลาว
ÁÒμÃÒ öó/ùòõ กรณีท่ีมีการอุทธรณการใชมาตรการบังคับทางปกครองและขอทุเลา
การบังคับตามมาตรการดังกลาว เจา หนาท่ผี อู อกคาํ สั่งใชมาตรการบังคับทางปกครอง หรือผมู อี าํ นาจ
พจิ ารณาคําอทุ ธรณ อาจสงั่ ใหม กี ารทเุ ลาการบงั คบั ทางปกครองไวก อ นกไ็ ด โดยมอี าํ นาจกาํ หนดเงอ่ื นไข
ใหผอู ยูใ นบงั คับของมาตรการบงั คับทางปกครองตองปฏบิ ัตดิ วยกไ็ ด
ÁÒμÃÒ öó/ñðòö เพ่ือประโยชนในการบังคับทางปกครอง ใหเจาหนาที่ผูออกคําสั่งใช
มาตรการบงั คบั ทางปกครองมอี าํ นาจ
(๑) มีหนังสือสอบถามสถาบันการเงิน สหกรณออมทรัพย สหกรณเครดิตยูเนียน
ตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย กรมที่ดิน กรมการขนสงทางบก กรมทรัพยสินทางปญญา หรือ
หนวยงานอื่นของรัฐที่มีหนาที่ควบคุมทรัพยสินที่มีทะเบียน เก่ียวกับทรัพยสินของผูอยูในบังคับ
ของมาตรการบงั คบั ทางปกครอง
(๒) มหี นงั สอื ขอใหน ายทะเบียน พนกั งานเจา หนา ที่ หรือบคุ คลอนื่ ผูม อี ํานาจหนา ท่ีตาม
กฎหมาย ระงบั การจดทะเบยี นหรอื แกไ ขเปลยี่ นแปลงทางทะเบยี นทเ่ี กย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของผอู ยใู นบงั คบั
ของมาตรการบงั คบั ทางปกครองไวเ ปน การชวั่ คราวเทา ทจี่ าํ เปน เนอ่ื งจากมเี หตขุ ดั ขอ งทที่ ําใหไ มอ าจยดึ
หรอื อายดั ทรพั ยส นิ ไดท นั ที และเมอื่ เหตขุ ดั ขอ งสน้ิ สดุ ลงใหแ จง ยกเลกิ หนงั สอื ดงั กลา ว ทง้ั น้ี ตอ งปฏบิ ตั ิ
ตามหลักเกณฑเกี่ยวกับการระงับการจดทะเบียนหรือแกไขเปล่ียนแปลงทางทะเบียนตามกฎหมาย
วาดว ยการน้นั
๒๔ มาตรา ๖๓/๘ เพิม่ โดยพระราชบัญญัตวิ ธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๕ มาตรา ๖๓/๙ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๖ มาตรา ๖๓/๑๐ เพ่มิ โดยพระราชบัญญตั วิ ิธปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๐
หนว ยงานตาม (๑) ทใ่ี หข อมลู แกเ จาหนาท่ีผอู อกคําสัง่ ใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองใน
การดําเนินการตาม (๑) ใหถือวาไมเปนความผิดตามกฎหมายวาดวยธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมาย
วา ดวยหลกั ทรัพยและตลาดหลักทรัพย และกฎหมายอื่น
ผูใดไมปฏิบัติตามหนังสือของเจาหนาที่ผูออกคําสั่งใชมาตรการบังคับทางปกครองตาม
วรรคหน่ึงโดยไมมีเหตุผลอันสมควร ผูน้ันมีความผิดฐานขัดคาํ ส่ังเจาพนักงานตามประมวลกฎหมาย
อาญา
ÁÒμÃÒ öó/ññò÷ ในการสืบหาทรัพยสินของผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทาง
ปกครอง หนว ยงานของรฐั ทอี่ อกคําสงั่ ใหช ําระเงนิ อาจรอ งขอใหส ํานกั งานอยั การสงู สดุ หรอื หนว ยงานอน่ื
ดาํ เนินการสืบหาทรัพยสินแทนได โดยใหห นวยงานดงั กลาวมอี ํานาจตามมาตรา ๖๓/๑๐ ดวย
ในกรณีที่หนวยงานของรัฐที่ออกคาํ ส่ังใหชําระเงินไมมีเจาหนาท่ีในการดําเนินการสืบหา
ทรพั ยส นิ และหากจาํ นวนเงนิ ทต่ี อ งชําระตามมาตรการบงั คบั ทางปกครองนน้ั มมี ลู คา ตง้ั แตส องลา นบาท
ข้ึนไปหรือตามมูลคาที่กําหนดเพิ่มขึ้นโดยกฎกระทรวง หนวยงานของรัฐอาจมอบหมายใหเอกชน
สืบหาทรพั ยส นิ แทนได
ใหเ อกชนทส่ี บื พบทรพั ยส นิ ไดร บั คา ตอบแทนไมเ กนิ รอ ยละสองครงึ่ จากเงนิ หรอื ทรพั ยส นิ
ท่ไี ดม าจากการยึด อายัด หรอื ขายทอดตลาดทรัพยส นิ ทสี่ บื พบได ทง้ั น้ี จํานวนเงินคาตอบแทนสงู สดุ
ตองไมเกินหน่ึงลานบาทตอจาํ นวนเงินที่ตองชําระตามคาํ ส่ังทางปกครองในเรื่องนั้น หรือตามจํานวน
ทีก่ าํ หนดเพิ่มข้ึนโดยกฎกระทรวง
หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารคดั เลือกเอกชนทีส่ บื หาทรพั ยสิน การกาํ หนดคาตอบแทน และวิธี
การจา ยคา ตอบแทนตามวรรคสาม ใหเ ปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ öó/ñòòø ขนั้ ตอนและวธิ ปี ฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การยดึ การอายดั และการขายทอดตลาด
ทรัพยสินใหเปนไปตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่กฎกระทรวงไมไดกาํ หนดเร่ืองใดไว
ใหน าํ บทบัญญัตใิ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพงมาใชบ ังคับโดยอนุโลม โดยใหถอื วา
(๑) เจา หน้ตี ามคําพพิ ากษา หมายถึง หนวยงานของรัฐทีอ่ อกคาํ สงั่ ใหช าํ ระเงิน
(๒) ลูกหนต้ี ามคําพิพากษา หมายถงึ ผูอยูใ นบงั คับของมาตรการบังคับทางปกครอง
(๓) อํานาจของศาลในสว นทเี่ กย่ี วกบั การบงั คบั คดี เปน อาํ นาจของหวั หนา หนว ยงานของรฐั
ท้ังนี้ ตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
(๔) เจาพนกั งานบังคบั คดี หมายถงึ เจา พนักงานบังคบั ทางปกครอง
ÁÒμÃÒ öó/ñóòù การโตแยงหรือการใชสิทธิทางศาลเก่ียวกับการยึด การอายัด และ
การขายทอดตลาดทรัพยส นิ โดยผอู ยูใ นบังคับของมาตรการบงั คับทางปกครอง รวมทงั้ บคุ คลภายนอก
ผูมสี ว นไดเ สียเก่ยี วกับทรัพยสนิ ทีถ่ กู ยดึ หรืออายัด ใหเสนอตอ ศาล ดังตอ ไปนี้
๒๗ มาตรา ๖๓/๑๑ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๘ มาตรา ๖๓/๑๒ เพ่ิมโดยพระราชบัญญตั วิ ิธีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๒๙ มาตรา ๖๓/๑๓ เพิม่ โดยพระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๑
(๑) ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศ
ศาลเยาวชนและครอบครัว หรือศาลชาํ นัญพิเศษอื่น แลวแตกรณี ซ่ึงเปนศาลท่ีมีเขตอํานาจ
ในการพจิ ารณาพิพากษาคดีเกย่ี วกบั คาํ สัง่ ทม่ี ีการบงั คับทางปกครองน้นั
(๒) ศาลปกครอง สาํ หรับกรณอี น่ื ทไี่ มอยูภายใตบังคบั (๑)
ÁÒμÃÒ öó/ñôóð กรณที เี่ จา หนต้ี ามคาํ พพิ ากษาในคดอี น่ื ไดม กี ารยดึ ทรพั ยส นิ หรอื อายดั
สทิ ธเิ รยี กรอ งอนื่ ใดของผอู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบงั คบั ทางปกครองเพอ่ื นาํ เงนิ มาชําระตามคําพพิ ากษา
ใหหนว ยงานของรัฐที่ออกคาํ สง่ั ใหชาํ ระเงินมีสทิ ธขิ อเขาเฉล่ยี ไดเชน เดยี วกับเจา หนต้ี ามคาํ พิพากษา
ò. ¡Òú§Ñ ¤ºÑ â´Â਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹º§Ñ ¤ºÑ ¤´Õ
ÁÒμÃÒ öó/ñõóñ ในกรณีที่มีการบังคับใหชําระเงินและคําส่ังทางปกครองท่ีกําหนดให
ชําระเงินเปนท่ีสุดแลว หากหนวยงานของรัฐที่ออกคาํ ส่ังใหชาํ ระเงินประสงคใหเจาพนักงานบังคับคดี
ในสังกดั กรมบังคบั คดีดาํ เนินการบังคับใหเปน ไปตามคําสั่งทางปกครองดงั กลาว ใหย ืน่ คาํ ขอฝายเดียว
ตอศาลภายในสบิ ปน ับแตว ันทคี่ าํ สั่งทางปกครองท่กี ําหนดใหชาํ ระเงนิ เปนท่ีสุด เพือ่ ใหศาลออกหมาย
บงั คบั คดเี พอื่ บงั คบั ใหเ ปน ไปตามคําสงั่ ทางปกครองนนั้ โดยระบจุ าํ นวนเงนิ ทผี่ อู ยใู นบงั คบั ของมาตรการ
บังคับทางปกครองยังมิไดชําระตามคําสั่งทางปกครอง ทั้งน้ี ไมวาหนวยงานของรัฐยังไมไดบังคับ
ทางปกครองหรือไดดําเนินการบังคับทางปกครองแลว แตยังไมไดรับชําระเงินหรือไดรับชาํ ระเงิน
ไมครบถวน
เมอ่ื หนว ยงานของรฐั ยน่ื คาํ ขอตามวรรคหนง่ึ ถา ศาลเหน็ วา คาํ สงั่ ทางปกครองทกี่ าํ หนดให
ชาํ ระเงนิ เปน ทส่ี ดุ แลว ใหศ าลออกหมายบงั คบั คดตี งั้ เจา พนกั งานบงั คบั คดแี ละแจง ใหเ จา พนกั งานบงั คบั คดี
ทราบเพื่อดําเนินการตอไป โดยใหถือวาหนวยงานของรัฐที่ออกคาํ ส่ังใหชาํ ระเงินเปนเจาหน้ีตาม
คาํ พพิ ากษา และใหถ อื วาผูอยูใ นบังคบั ของมาตรการบงั คบั ทางปกครองเปนลูกหน้ตี ามคาํ พิพากษา
เมื่อศาลออกหมายบังคับคดีแลว ใหหนวยงานของรัฐติดตอกรมบังคับคดี พรอมท้ังมี
หนังสือแจงใหผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองทราบวาศาลไดตั้งเจาพนักงานบังคับคดี
เพอื่ ดาํ เนินการบงั คบั คดแี ลว
เพอื่ ประโยชนใ นการบงั คบั คดตี ามวรรคหนง่ึ ใหถ อื วา ศาลจงั หวดั ศาลแพง ศาลแพง กรงุ เทพใต
ศาลแพง ธนบรุ ี หรอื ศาลแพงอ่ืนในกรุงเทพมหานคร แลวแตกรณี ท่ีผูอยูในบงั คบั ของมาตรการบงั คบั
ทางปกครองมีภูมิลาํ เนาอยูในเขตศาล หรือท่ีทรัพยสินที่ถูกบังคับทางปกครองน้ันต้ังอยูในเขตศาล
มีอํานาจวินิจฉัยช้ีขาด หรือทําคําส่ังในเร่ืองใด ๆ อันเกี่ยวดวยการบังคับคดี และเปนศาลที่มีอาํ นาจ
ในการบังคับคดี
๓๐ มาตรา ๖๓/๑๔ เพิม่ โดยพระราชบญั ญตั ิวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๑ มาตรา ๖๓/๑๕ เพมิ่ โดยพระราชบัญญตั วิ ธิ ีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๒
กรณีคาํ ขอซึ่งอาจย่ืนตอศาลไดมากกวาหน่ึงศาล ไมวาจะเปนเพราะภูมิลําเนาของผูอยู
ในบังคับของมาตรการบงั คบั ทางปกครองกด็ ี เพราะที่ต้ังของทรัพยสนิ ท่ถี กู บังคบั ทางปกครองกด็ ี หรอื
เพราะมผี อู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบงั คบั ทางปกครองหลายคนในมลู หนท้ี เี่ กยี่ วขอ งกนั กด็ ี จะยนื่ คําขอ
ตอศาลใดศาลหน่ึงเชน วา นัน้ ก็ได
หนวยงานของรฐั ตามมาตราน้ี หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม หรอื สวนราชการท่ี
เรยี กชอื่ อยา งอนื่ และมฐี านะเปน กรม ราชการสว นภมู ภิ าค ราชการสว นทอ งถน่ิ และหนว ยงานอน่ื ของรฐั
ตามทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง
ÁÒμÃÒ öó/ñöóò ในกรณีท่ีคาํ ส่ังทางปกครองท่ีกําหนดใหชาํ ระเงินเปนท่ีสุดแลว และ
ตอมาผูอยูในบังคับของคําสั่งทางปกครองขอใหพิจารณาคาํ สั่งทางปกครองที่เปนที่สุดแลวน้ันใหม
หรือฟองคดีตอศาลเพ่ือใหพิจารณาเก่ียวกับคําสั่งทางปกครองที่เปนที่สุดแลวน้ันใหม หรือขอใหศาล
พิจารณาคดีใหมและหนวยงานของรัฐที่ออกคําส่ังใหชําระเงินหรือศาลมีคาํ ส่ังใหรับคําขอหรือไดรับ
คําฟอ งไวพ จิ ารณา ผอู ยใู นบงั คบั ของคําสง่ั ทางปกครองอาจยน่ื คาํ รอ งตอ ศาลทม่ี อี ํานาจในการออกหมาย
บงั คบั คดตี ามมาตรา ๖๓/๑๕ เพอ่ื ขอใหส งั่ งดการบงั คบั คดไี วก อ น หากศาลพจิ ารณาคํารอ งแลว มคี ําสง่ั
ใหงดการบังคับคดี ใหศาลสงคาํ ส่ังนั้นไปใหเจาพนักงานบังคับคดีทราบ และใหเจาพนักงานบังคับคดี
งดการบงั คบั คดไี วภ ายในระยะเวลาหรอื เงอ่ื นไขตามทศี่ าลกําหนด รวมทง้ั สง คาํ บอกกลา วงดการบงั คบั คดี
ใหหนว ยงานของรัฐท่อี อกคาํ ส่งั ใหช ําระเงินและบุคคลภายนอกผูมีสว นไดเสียทราบโดยไมช ักชา
ถา หนว ยงานของรฐั ทอี่ อกคาํ สง่ั ใหช าํ ระเงนิ ยน่ื คาํ รอ งวา อาจไดร บั ความเสยี หายจากการยนื่
คาํ รองตามวรรคหนึ่งและมีพยานหลักฐานเบ้ืองตนแสดงวาคํารองนั้นไมมีมูลและยื่นเขามาเพ่ือประวิง
การบงั คบั คดี ศาลมอี าํ นาจสัง่ ใหผอู ยใู นบังคับของคําสั่งทางปกครองวางเงินหรอื หาประกันตามทศี่ าล
เหน็ สมควรภายในระยะเวลาทศี่ าลจะกําหนด เพอื่ เปน ประกนั การชําระคา สนิ ไหมทดแทนแกห นว ยงาน
ของรฐั สาํ หรบั ความเสยี หายทอ่ี าจไดร บั เนอื่ งจากเหตเุ นนิ่ ชา ในการบงั คบั คดอี นั เกดิ จากการยน่ื คํารอ งนนั้
หรือกําหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุมครองอยางใด ๆ ตามท่ีเห็นสมควรก็ได ถาผูอยูในบังคับของคาํ ส่ัง
ทางปกครองไมปฏบิ ตั ิตามคาํ สั่งศาล ใหศ าลสง่ั ใหด ําเนนิ การบงั คบั คดตี อ ไป
ในกรณตี ามวรรคหนงึ่ หากหนว ยงานของรฐั ทอี่ อกคําสงั่ ใหช ําระเงนิ หรอื ศาลทม่ี เี ขตอํานาจ
ในการพจิ ารณาพพิ ากษาคดเี กย่ี วกบั คําสงั่ ทางปกครองทกี่ ําหนดใหช ําระเงนิ ไดม คี ําสง่ั ใหท บทวนคาํ สง่ั
ทางปกครองทเี่ ปน ทสี่ ดุ นนั้ ใหม ใหห นว ยงานของรฐั ทอี่ อกคําสงั่ ใหช ําระเงนิ ยน่ื คาํ รอ งตอ ศาลทม่ี อี าํ นาจ
ออกหมายบังคับคดีตามมาตรา ๖๓/๑๕ เพื่อเพิกถอนการบังคับคดีท่ีไดดาํ เนินการไปแลว ในกรณีท่ี
ศาลเห็นวาเปนการพนวิสัยท่ีจะใหคูความกลับสูฐานะเดิม หรือเมื่อศาลเห็นวาไมจําเปนที่จะบังคับ
ใหเปนไปตามหมายบังคับคดีตอไป เพื่อประโยชนแกคูความหรือบุคคลภายนอก ใหศาลมีอํานาจส่ัง
อยา งใด ๆ ตามท่ีศาลเห็นสมควร และแจง ใหเ จา พนกั งานบงั คบั คดที ราบ
๓๒ มาตรา ๖๓/๑๖ เพิม่ โดยพระราชบัญญตั ิวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๓
ÁÒμÃÒ öó/ñ÷óó เพื่อประโยชนในการบังคับคดี ใหนาํ ความในมาตรา ๖๓/๑๐ และ
มาตรา ๖๓/๑๑ มาใชบังคับกับการสืบหาทรัพยสินของผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครอง
ดว ย
ÁÒμÃÒ öó/ñøóô หนวยงานของรัฐท่ีออกคําสั่งใหชําระเงินตองดําเนินการสืบทรัพย
แลวแจงใหเจาพนักงานบังคับคดีทราบพรอมเอกสารหลักฐานท่ีเก่ียวของเพ่ือใหเจาพนักงานบังคับคดี
ดาํ เนินการเพ่ือใหมีการยึดหรืออายัดทรัพยสินภายในสิบปนับแตวันที่คาํ ส่ังทางปกครองท่ีกําหนด
ใหชาํ ระเงนิ เปน ท่ีสุด และใหน าํ ความในมาตรา ๖๓/๘ วรรคสามและวรรคสี่ มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม
มใิ หน าํ ระยะเวลาระหวา งการงดการบงั คบั คดตี ามคาํ สง่ั ศาลตามมาตรา ๖๓/๑๖ วรรคหนงึ่
มานบั รวมในระยะเวลาสบิ ปตามวรรคหน่ึง
ÁÒμÃÒ öó/ñùóõ เม่ือศาลออกหมายบังคับคดีและแตงตั้งเจาพนักงานบังคับคดีแลว
การดาํ เนินการบังคับใหเปนไปตามคําสั่งทางปกครองที่กําหนดใหชาํ ระเงิน ใหเปนไปตามประมวล
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพง
ʋǹ·Õè ó
¡Òúѧ¤ºÑ μÒÁคําÊÑ§è ·Ò§»¡¤Ãͧ·èÕกาํ ˹´ãË¡Œ ÃÐทาํ ËÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡ÃÐทาํ
ÁÒμÃÒ öó/òðóö ในสวนนี้
“คา ปรบั บงั คบั การ” หมายความวา คา ปรบั ทเ่ี จา หนา ทส่ี งั่ ใหผ ทู ฝี่ า ฝน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั
ทางปกครองทก่ี ําหนดใหก ระทําหรอื ละเวน กระทาํ ชําระเปน รายวนั ไปจนกวา จะยตุ กิ ารฝา ฝน คาํ สง่ั หรอื
ไดม ีการปฏิบตั ิตามคาํ สง่ั แลว ไมวาจะเปนคาปรบั ท่ีกําหนดโดยพระราชบัญญตั นิ หี้ รอื โดยกฎหมายอื่น
ÁÒμÃÒ öó/òñó÷ คาํ สั่งทางปกครองท่ีกําหนดใหกระทาํ หรือละเวนกระทาํ ถาผูอยูใน
บังคับของคาํ ส่ังทางปกครองฝาฝนหรือไมปฏิบัติตาม เจาหนาท่ีอาจใชมาตรการบังคับทางปกครอง
อยา งหนง่ึ อยางใด ดังตอ ไปน้ี
(๑) เจาหนาท่ีเขาดาํ เนินการดวยตนเองหรือมอบหมายใหบุคคลอื่นกระทาํ การแทน
โดยผอู ยใู นบงั คบั ของคาํ สงั่ ทางปกครองจะตอ งชดใชค า ใชจ า ยและเงนิ เพมิ่ รายวนั ในอตั รารอ ยละยส่ี บิ หา
ตอ ปข องคาใชจายดังกลา วแกห นว ยงานของรฐั ทเ่ี จา หนาทีน่ ั้นสงั กัด
(๒) ใหม กี ารชําระคา ปรบั บงั คบั การตามจาํ นวนทสี่ มควรแกเ หตแุ ตต อ งไมเ กนิ หา หมนื่ บาท
ตอวัน
๓๓ มาตรา ๖๓/๑๗ เพิม่ โดยพระราชบญั ญัตวิ ิธีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๔ มาตรา ๖๓/๑๘ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๕ มาตรา ๖๓/๑๙ เพิ่มโดยพระราชบัญญตั ิวธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๖ มาตรา ๖๓/๒๐ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั ิวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๗ มาตรา ๖๓/๒๑ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๔
เจาหนาท่ีระดับใดมีอาํ นาจกาํ หนดคาปรับบังคับการจํานวนเทาใด สําหรับในกรณีใด
ใหเ ปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีท่ีมีความจําเปนท่ีจะตองบังคับการโดยเรงดวนเพ่ือปองกันมิใหมีการกระทําท่ีขัด
ตอกฎหมายที่มีโทษทางอาญาหรือมิใหเกิดความเสียหายตอประโยชนสาธารณะ เจาหนาท่ีอาจใช
มาตรการบังคับทางปกครองโดยไมตองออกคําส่ังทางปกครองท่ีกําหนดใหกระทําหรือละเวนกระทํา
กอนก็ได แตท้ังนี้ ตอ งกระทาํ โดยสมควรแกเหตุและภายในขอบเขตอํานาจหนาท่ขี องตน
ÁÒμÃÒ öó/òòóø กอ นใชมาตรการบังคบั ทางปกครองตามมาตรา ๖๓/๒๑ เจา หนา ที่
จะตอ งมคี ําเตอื นเปน หนงั สอื ใหม กี ารกระทําหรอื ละเวน กระทาํ ตามคาํ สง่ั ทางปกครองภายในระยะเวลา
ทกี่ ําหนดตามสมควรแกกรณี คําเตือนดงั กลา วจะกําหนดไปพรอ มกบั คาํ สั่งทางปกครองก็ได
คําเตอื นน้นั จะตอ งระบุ
(๑) มาตรการบังคับทางปกครองที่จะใชใหชัดแจง แตจะกําหนดมากกวาหน่ึงมาตรการ
ในคราวเดียวกนั ไมได
(๒) คา ใชจ า ยและเงนิ เพม่ิ รายวนั ในการทเ่ี จา หนา ทเี่ ขา ดําเนนิ การดว ยตนเองหรอื มอบหมาย
ใหบุคคลอื่นกระทาํ การแทน หรือจาํ นวนคา ปรบั บังคับการ แลว แตกรณี
การกําหนดคา ใชจ า ยในคําเตอื น ไมเ ปน การตดั สทิ ธทิ จ่ี ะเรยี กคา ใชจ า ยเพม่ิ ขนึ้ หากจะตอ ง
เสยี คา ใชจ ายจรงิ มากกวาท่ีไดกาํ หนดไว
ÁÒμÃÒ öó/òóóù เจาหนาท่ีจะตองใชมาตรการบังคับทางปกครองตามที่กําหนดไว
ในคาํ เตือนตามมาตรา ๖๓/๒๒ การเปลี่ยนแปลงมาตรการจะกระทําไดก็ตอเมื่อปรากฏวามาตรการ
ที่กาํ หนดไวไมบ รรลุตามวตั ถุประสงค
ถา ผอู ยใู นบงั คบั ของคําสงั่ ทางปกครองตอ สขู ดั ขวางการบงั คบั ทางปกครอง เจา หนา ทอ่ี าจใช
กําลงั เขา ดาํ เนนิ การเพอ่ื ใหเ ปน ไปตามมาตรการบงั คบั ทางปกครองได แตต อ งกระทาํ โดยสมควรแกเ หตุ
ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เจาหนาที่อาจแจงขอ
ความชว ยเหลอื จากเจาพนกั งานตํารวจได
ÁÒμÃÒ öó/òôôð ในกรณไี มม กี ารชําระคา ปรบั บงั คบั การ คา ใชจ า ย หรอื เงนิ เพมิ่ รายวนั
โดยถูกตอ งครบถวน ใหเ จา หนา ทีด่ ําเนินการบงั คบั ทางปกครองตามสวนที่ ๒ ตอไป
ÁÒμÃÒ öó/òõôñ การฟอ งคดโี ตแ ยง การบงั คบั ทางปกครองตามสว นน้ี ใหเ สนอตอ ศาล
ทมี่ เี ขตอาํ นาจในการพจิ ารณาพพิ ากษาคดีเกีย่ วกบั คําส่งั ทม่ี กี ารบังคับทางปกครองนั้น
๓๘ มาตรา ๖๓/๒๒ เพ่ิมโดยพระราชบญั ญัตวิ ธิ ีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๓๙ มาตรา ๖๓/๒๓ เพ่มิ โดยพระราชบญั ญัตวิ ธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๔๐ มาตรา ๖๓/๒๔ เพิ่มโดยพระราชบญั ญตั ิวิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๔๑ มาตรา ๖๓/๒๕ เพมิ่ โดยพระราชบญั ญัตวิ ิธีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
๗๕
ËÁÇ´ ó
ÃÐÂÐàÇÅÒáÅÐÍÒÂ¤Ø ÇÒÁ
ÁÒμÃÒ öô กาํ หนดเวลาเปน วนั สปั ดาห เดอื น หรอื ปน น้ั มใิ หน บั วนั แรกแหง ระยะเวลานนั้
รวมเขาดวย เวนแตจ ะไดเ รม่ิ การในวนั นน้ั หรอื มีการกําหนดไวเปนอยา งอน่ื โดยเจาหนา ท่ี
ในกรณีท่ีเจาหนาที่มีหนาท่ีตองกระทาํ การอยางหน่ึงอยางใดภายในระยะเวลาที่กําหนด
ใหนบั วนั ส้ินสดุ ของระยะเวลาน้ันรวมเขา ดว ยแมว าวันสุดทา ยเปนวันหยดุ ทําการงานสาํ หรับเจาหนาที่
ในกรณีที่บุคคลใดตองทําการอยางหน่ึงอยางใดภายในระยะเวลาที่กําหนดโดยกฎหมาย
หรือโดยคาํ สั่งของเจาหนาที่ ถาวันสุดทายเปนวันหยุดทาํ การงานสําหรับเจาหนาท่ีหรือวันหยุดตาม
ประเพณีของบุคคลผูรับคาํ สั่ง ใหถือวาระยะเวลานั้นสิ้นสุดในวันทํางานท่ีถัดจากวันหยุดน้ัน เวนแต
กฎหมายหรอื เจา หนา ทที่ ี่มคี ําสัง่ จะกาํ หนดไวเ ปนอยางอื่น
ÁÒμÃÒ öõ ระยะเวลาที่กําหนดไวในคาํ สั่งของเจาหนาท่ีอาจมีการขยายอีกได และ
ถา ระยะเวลานน้ั ไดส น้ิ สดุ ลงแลว เจา หนา ทอ่ี าจขยายโดยกาํ หนดใหม ผี ลยอ นหลงั ไดเ ชน กนั ถา การสน้ิ สดุ
ตามระยะเวลาเดมิ จะกอใหเกิดความไมเ ปนธรรมท่ีจะใหส ิน้ สุดลงตามนั้น
ÁÒμÃÒ öö ในกรณที ผี่ ใู ดไมอ าจกระทําการอยา งหนงึ่ อยา งใดภายในระยะเวลาทก่ี าํ หนด
ไวในกฎหมายไดเพราะมีพฤติการณท่ีจําเปนอันมิไดเกิดข้ึนจากความผิดของผูน้ัน ถาผูน้ันมีคาํ ขอ
เจาหนาที่อาจขยายระยะเวลาและดําเนินการสวนหนึ่งสวนใดท่ีลวงมาแลวเสียใหมก็ได ทั้งน้ี ตองย่ืน
คําขอภายในสิบหาวนั นับแตพ ฤตกิ ารณเ ชนวานนั้ ไดส นิ้ สุดลง
ÁÒμÃÒ ö÷ เม่ือมีการอุทธรณตามบทบัญญัติในสวนที่ ๕ ของหมวด ๒ แหงพระราช
บัญญัติน้ี หรือการยื่นคําขอตอคณะกรรมการวินิจฉัยขอพิพาทหรือคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกข
ตามกฎหมายวาดวยคณะกรรมการกฤษฎีกาเพ่ือใหวินิจฉัยชี้ขาดแลวใหอายุความสะดุดหยุดอยูไมนับ
ในระหวา งนั้นจนกวา การพิจารณาจะถึงท่ีสดุ หรือเสร็จไปโดยประการอน่ื แตถาเสร็จไปเพราะเหตถุ อน
คําขอหรือทิ้งคาํ ขอใหถ ือวา อายุความเรยี กรองของผยู ืน่ คาํ ขอไมเคยมีการสะดุดหยุดอยเู ลย
ËÁÇ´ ô
¡ÒÃᨧŒ
ÁÒμÃÒ öø บทบญั ญตั ใิ นหมวดนมี้ ใิ หใ ชบ งั คบั กบั การแจง ซง่ึ ไมอ าจกระทาํ โดยวาจาหรอื
เปน หนงั สอื ไดห รอื มกี ฎหมายกาํ หนดวธิ กี ารแจงไวเปนอยา งอ่ืน
ในกรณคี าํ สงั่ ทางปกครองทแี่ สดงใหท ราบโดยการสอื่ ความหมายในรปู แบบอน่ื ตามทกี่ าํ หนด
ในกฎกระทรวง ใหม ผี ลเม่อื ไดแจง
๗๖
ÁÒμÃÒ öù การแจงคําสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอยางอ่ืนที่เจาหนาที่
ตองแจงใหผูท่ีเก่ียวของทราบอาจกระทําดวยวาจาก็ได แตถาผูน้ันประสงคจะใหกระทาํ เปนหนังสือ
ก็ใหแ จง เปนหนังสือ
การแจงเปนหนังสือใหสงหนังสือแจงตอผูนั้น หรือถาไดสงไปยังภูมิลาํ เนาของผูน้ันก็ให
ถอื วา ไดรบั แจง ตั้งแตใ นขณะทีไ่ ปถึง
ในการดาํ เนินการเรอ่ื งใดท่ีมกี ารใหท อ่ี ยไู วกับเจาหนา ทไ่ี วแลว การแจงไปยังท่อี ยูด ังกลาว
ใหถอื วาเปนการแจงไปยังภมู ิลาํ เนาของผูนั้นแลว
ÁÒμÃÒ ÷ð การแจงเปน หนังสอื โดยวธิ ใี หบ ุคคลนําไปสง ถา ผูรับไมย อมรบั หรือถา ขณะ
นาํ ไปสงไมพบผูรับ และหากไดสงใหกับบุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะท่ีอยูหรือทํางานในสถานที่น้ัน หรือ
ในกรณที ผี่ นู นั้ ไมยอมรบั หากไดวางหนงั สอื นัน้ หรอื ปด หนังสอื นนั้ ไวใ นท่ซี ึ่งเหน็ ไดง าย ณ สถานท่ีน้นั
ตอ หนาเจาพนักงานตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวงทไ่ี ปเปน พยานกใ็ หถ ือวาไดร บั แจงแลว
ÁÒμÃÒ ÷ñ การแจงโดยวิธีสงทางไปรษณียตอบรับใหถือวาไดรับแจงเมื่อครบกาํ หนด
เจ็ดวนั นบั แตวันสง สาํ หรับกรณภี ายในประเทศ หรือเม่อื ครบกําหนดสบิ หาวันนับแตวันสงสําหรบั กรณี
สง ไปยงั ตางประเทศ เวนแตจ ะมกี ารพสิ ูจนไ ดวาไมมีการไดรบั หรอื ไดรับกอ นหรอื หลังจากวนั นัน้
ÁÒμÃÒ ÷ò ในกรณีที่มีผูรับเกินหาสิบคนเจาหนาท่ีจะแจงใหทราบต้ังแตเริ่มดําเนินการ
ในเร่ืองน้ันวาการแจงตอบุคคลเหลาน้ันจะกระทาํ โดยวิธีปดประกาศไว ณ ท่ีทําการของเจาหนาที่และ
ทีว่ า การอําเภอที่ผรู บั มภี ูมิลําเนากไ็ ด ในกรณนี ี้ใหถือวาไดรับแจงเมื่อลวงพนระยะเวลาสบิ หาวนั นบั แต
วนั ทีไ่ ดแ จง โดยวิธดี งั กลา ว
ÁÒμÃÒ ÷ó ในกรณีที่ไมรูตัวผูรับหรือรูตัวแตไมรูภูมิลาํ เนาหรือรูตัวและภูมิลําเนา แตมี
ผรู บั เกนิ หนงึ่ รอ ยคน การแจง เปน หนงั สอื จะกระทาํ โดยการประกาศในหนงั สอื พมิ พซ งึ่ แพรห ลายในทอ งถนิ่
น้ันกไ็ ด ในกรณนี ีใ้ หถอื วา ไดรบั แจงเม่ือลวงพน ระยะเวลาสิบหาวนั นับแตวันทไ่ี ดแจงโดยวิธีดงั กลา ว
ÁÒμÃÒ ÷ô ในกรณมี เี หตจุ าํ เปน เรง ดว นการแจง คําสงั่ ทางปกครองจะใชว ธิ สี ง ทางเครอื่ ง
โทรสารกไ็ ด แตต อ งมหี ลกั ฐานการไดส ง จากหนว ยงานผจู ดั บรกิ ารโทรคมนาคมทเ่ี ปน สอ่ื ในการสง โทรสารนน้ั
และตองจัดสงคาํ ส่ังทางปกครองตัวจริงโดยวิธีใดวิธีหนึ่งตามหมวดน้ีใหแกผูรับในทันทีที่อาจกระทาํ ได
ในกรณีนี้ใหถือวาผูรับไดรับแจงคําสั่งทางปกครองเปนหนังสือตามวัน เวลา ที่ปรากฏในหลักฐานของ
หนวยงานผูจัดบริการโทรคมนาคมดังกลาว เวนแตจะมีการพิสูจนไดวาไมมีการไดรับหรือไดรับกอน
หรอื หลงั จากนน้ั
๗๗
ËÁÇ´ õ
¤³Ð¡ÃÃÁ¡Ò÷ÁèÕ อÕ ํา¹Ò¨ดาํ à¹Ô¹¡ÒþԨÒóҷҧ»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ÷õ การแตง ตง้ั กรรมการในลกั ษณะทเ่ี ปน ผทู รงคณุ วฒุ ใิ หแ ตง ตงั้ โดยระบตุ วั บคุ คล
ÁÒμÃÒ ÷ö นอกจากพน จากตําแหนงตามวาระ กรรมการพน จากตาํ แหนง เมอ่ื
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เปนบุคคลลมละลาย
(๔) เปน คนไรความสามารถหรือคนเสมอื นไรค วามสามารถ
(๕) ไดรับโทษจาํ คุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก เวนแตเปนความผิดลหุโทษหรือ
ความผิดอันไดกระทาํ โดยประมาท
(๖) มีเหตุตอ งพนจากตําแหนงกอ นครบวาระตามกฎหมายวา ดวยการนน้ั
ÁÒμÃÒ ÷÷ ในกรณที กี่ รรมการพน จากตาํ แหนง กอ นวาระ ผมู อี ํานาจแตง ตง้ั อาจแตง ตง้ั
ผูอ่ืนเปนกรรมการแทนได และใหผูที่ไดรับแตงต้ังใหดาํ รงตําแหนงแทนอยูในตําแหนงเทากับวาระ
ทเ่ี หลืออยขู องผูซ งึ่ ตนแทน
ในกรณที มี่ กี ารแตง ตงั้ กรรมการเพมิ่ ขนึ้ ในระหวา งทกี่ รรมการซงึ่ แตง ตงั้ ไวแ ลว ยงั มวี าระอยู
ในตาํ แหนง ใหผ ทู ไี่ ดร บั แตง ตง้ั ใหเ ปน กรรมการเพม่ิ ขน้ึ อยใู นตําแหนง เทา กบั วาระทเี่ หลอื อยขู องกรรมการ
ที่ไดร บั แตง ต้งั ไวแ ลว
ÁÒμÃÒ ÷ø ภายใตบ งั คบั มาตรา ๗๖ การใหก รรมการในคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าท
พนจากตําแหนงกอนครบวาระจะกระทํามิได เวนแตกรณีมีเหตุบกพรองอยางยิ่งตอหนาที่หรือ
มคี วามประพฤตเิ สื่อมเสียอยางรา ยแรง
ÁÒμÃÒ ÷ù ภายใตบังคับมาตรา ๑๕ วรรคสอง การประชุมของคณะกรรมการตองมี
กรรมการมาประชมุ อยา งนอ ยกงึ่ หนงึ่ จงึ จะเปน องคป ระชมุ เวน แตบ ทบญั ญตั แิ หง กฎหมายหรอื กฎหรอื
คําสั่งท่จี ดั ใหม คี ณะกรรมการชุดน้นั จะกําหนดไวเปน อยา งอนื่
ในกรณีมีกรรมการครบที่จะเปนองคประชุมได แตการพิจารณาเรื่องใดถาตองเลื่อนมา
เพราะไมค รบองคป ระชุม ถา เปน การประชมุ ของคณะกรรมการซ่งึ มใิ ชค ณะกรรมการวินิจฉัยขอพิพาท
หากไดม กี ารนดั ประชมุ เรอ่ื งนน้ั อกี ภายในสบิ สว่ี นั นบั แตว นั นดั ประชมุ ทเ่ี ลอ่ื นมา และการประชมุ ครงั้ หลงั น้ี
มีกรรมการมาประชุมไมนอยกวาหน่ึงในสามของจาํ นวนกรรมการท้ังหมด ใหถือวาเปนองคประชุม
แตท ้งั นตี้ อ งระบคุ วามประสงคใ หเ กดิ ผลตามบทบญั ญตั ินี้ไวในหนังสือนัดประชุมดวย
ÁÒμÃÒ øð การประชุมใหเปน ไปตามระเบยี บการทคี่ ณะกรรมการกาํ หนด
การนัดประชุมตองทําเปนหนังสือและแจงใหกรรมการทุกคนทราบลวงหนาไมนอยกวา
สามวนั เวน แตก รรมการนนั้ จะไดท ราบการบอกนดั ในทปี่ ระชมุ แลว กรณดี งั กลา วนจ้ี ะทําหนงั สอื แจง นดั
เฉพาะกรรมการทไ่ี มไ ดมาประชุมก็ได
๗๘
บทบญั ญตั ใิ นวรรคสองมใิ หน ํามาใชบ งั คบั ในกรณมี เี หตจุ ําเปน เรง ดว นซงึ่ ประธานกรรมการ
จะนัดประชุมเปน อยางอน่ื กไ็ ด
ÁÒμÃÒ øñ ประธานกรรมการมอี ํานาจหนา ทดี่ าํ เนนิ การประชมุ และเพอ่ื รกั ษาความเรยี บรอ ย
ในการประชุม ใหประธานมอี ํานาจออกคําสงั่ ใด ๆ ตามความจาํ เปนได
ถาประธานกรรมการไมอยูในที่ประชุมหรือไมสามารถปฏิบัติหนาที่ไดใหรองประธาน
กรรมการทําหนา ทแี่ ทน ถา ไมมรี องประธานกรรมการหรือมีแตไ มส ามารถปฏบิ ัติหนา ท่ไี ด ใหก รรมการ
ที่มาประชมุ เลอื กกรรมการคนหน่ึงขน้ึ ทําหนาทีแ่ ทน
ในกรณที ี่ประธานกรรมการมหี นาที่ตอ งดาํ เนินการใด ๆ นอกจากการดาํ เนนิ การประชมุ
ใหนําความในวรรคสองมาใชบงั คบั โดยอนุโลม
ÁÒμÃÒ øò การลงมติของที่ประชมุ ใหถือเสียงขา งมาก
กรรมการคนหน่ึงใหมีหน่ึงเสียงในการลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธานในที่
ประชมุ ออกเสยี งเพิม่ ข้ึนอีกเสยี งหนึง่ เปนเสยี งชข้ี าด
เร่ืองใดถาไมม ีผูคัดคา น ใหป ระธานถามท่ีประชมุ วามีผูเหน็ เปน อยา งอนื่ หรือไม เมอื่ ไมมี
ผูเ หน็ เปนอยา งอื่น ใหถ อื วา ที่ประชุมลงมตเิ ห็นชอบในเรือ่ งน้นั
ÁÒμÃÒ øó ในการประชมุ ตองมีรายงานการประชุมเปน หนังสือ
ถามีความเห็นแยงใหบันทึกความเห็นแยงพรอมท้ังเหตุผลไวในรายงานการประชุม
และถากรรมการฝายขา งนอ ยเสนอความเหน็ แยงเปนหนังสือก็ใหบนั ทึกความเหน็ แยง นน้ั ไวดวย
ÁÒμÃÒ øô คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าทตอ งมลี ายมอื ชอ่ื ของกรรมการ
ที่วินจิ ฉัยเรือ่ งน้ัน
ถา กรรมการคนใดมคี วามเหน็ แยง ใหม สี ทิ ธทิ าํ ความเหน็ แยง ของตนรวมไวใ นคําวนิ จิ ฉยั ได
º·à©¾ÒСÒÅ
ÁÒμÃÒ øõ ใหถ อื วา ระเบยี บสาํ นกั นายกรฐั มนตรวี า ดว ยการปฏบิ ตั ริ าชการเพอื่ ประชาชน
ของหนวยงานของรฐั พ.ศ. ๒๕๓๒ เปนระเบยี บท่คี ณะรัฐมนตรีวางขนึ้ ตามมาตรา ๓๓ แหงพระราช
บญั ญัตินี้
ÁÒμÃÒ øö บรรดาคําขอเพื่อใหมีคําสั่งทางปกครองที่เจาหนาที่ไดรับไวกอนท่ีพระราช
บญั ญตั นิ ใี้ ชบ งั คบั ใหเ จา หนา ทที่ าํ การพจิ ารณาคําขอดงั กลา วตามหลกั เกณฑท กี่ ฎหมายหรอื กฎสําหรบั
เรอ่ื งน้ันไดก ําหนดไว
๗๙
ÁÒμÃÒ ø÷ เม่ือไดมีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้นแลว บทบัญญัติมาตรา ๔๘ ใหเปน
อนั ยกเลิก
ผูร ับสนองพระบรมราชโองการ
บรรหาร ศลิ ปอาชา
นายกรฐั มนตรี
ËÁÒÂàËμØ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญตั ฉิ บบั นี้ คอื โดยทก่ี ารดาํ เนนิ งานทางปกครองใน
ปจ จบุ นั ยงั ไมม หี ลกั เกณฑแ ละขน้ั ตอนทเ่ี หมาะสม จงึ สมควรกําหนดหลกั เกณฑแ ละขนั้ ตอนตา ง ๆ สาํ หรบั
การดําเนนิ งานทางปกครองขน้ึ เพอื่ ใหก ารดําเนนิ งานเปน ไปโดยถกู ตอ งตามกฎหมาย มปี ระสทิ ธภิ าพใน
การใชบ ังคบั กฎหมายใหสามารถรกั ษาประโยชนส าธารณะได และอาํ นวยความเปนธรรมแกประชาชน
อกี ทง้ั ยงั เปน การปอ งกนั การทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ จงึ จําเปน ตอ งตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ÇÔ ¸Ô »Õ ¯ÔºμÑ ÃÔ Òª¡Ò÷ҧ»¡¤Ãͧ (©ºÑº·Õè ò) ¾.È. òõõ÷ôò
ÁÒμÃÒ ò พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
เปน ตน ไป
ËÁÒÂàËμØ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉิ บบั นี้ คอื โดยท่ีเปน การสมควรแกไ ขเพิม่ เตมิ
กฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเพื่อกําหนดหลักเกณฑในการจัดทําคําสั่งทางปกครอง
ใหม ปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื รกั ษาประโยชนส าธารณะและอาํ นวยความเปน ธรรมแกป ระชาชน อกี ทง้ั ยงั เปน
การปองกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ จึงจําเปนตองตราพระราชบญั ญตั นิ ี้
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ÔÇÔ¸Õ»¯ÔºÑμÔÃÒª¡Ò÷ҧ»¡¤Ãͧ (©ººÑ ·Õè ó) ¾.È. òõöòôó
ÁÒμÃÒ ò พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
เปน ตนไป เวนแตบทบัญญตั ิมาตรา ๖๓/๑๕ มาตรา ๖๓/๑๖ มาตรา ๖๓/๑๗ มาตรา ๖๓/๑๘ และ
มาตรา ๖๓/๑๙ ใหใชบ งั คับเมอื่ พน กาํ หนดหน่งึ รอยแปดสบิ วันนบั แตวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน ตน ไป
ÁÒμÃÒ ö ในกรณที ค่ี ําสง่ั ทางปกครองทก่ี ําหนดใหช าํ ระเงนิ ใดเปน ทสี่ ดุ แลว เปน เวลาเกนิ
หนง่ึ ปใ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ งั คบั ใหห นว ยงานของรฐั ทอี่ อกคําสง่ั นน้ั ดําเนนิ การบงั คบั ทางปกครอง
ตามพระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ้ี
ตอไป โดยจะดาํ เนินการตามมาตรา ๖๓/๑๕ ไดตอเมื่อเปนคาํ ส่ังทางปกครองท่ีกาํ หนดใหชาํ ระเงิน
ซ่งึ มลี ักษณะตามท่กี ําหนดในกฎกระทรวง
๔๒ ราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๓๑/ตอนที่ ๘๙ ก/หนา ๑/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
๔๓ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม ๑๓๖/ตอนท่ี ๖๙ ก/หนา ๑๑๕/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
๘๐
ÁÒμÃÒ ÷ บรรดาคดเี กยี่ วกบั การโตแ ยง การใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองซงึ่ คา งพจิ ารณา
อยูในศาลใดในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหศาลน้ันดาํ เนินกระบวนพิจารณาและมีคําพิพากษา
ตอไปจนคดีนน้ั ถงึ ท่ีสุด
ÁÒμÃÒ ø ใหกรมบงั คบั คดี สํานกั งาน ก.พ.ร. สาํ นักงาน ก.พ. สาํ นักงบประมาณ และ
หนว ยงานอนื่ ทเี่ กย่ี วขอ งรว มกนั จดั ทาํ โครงสรา งกรมบงั คบั คดี กรอบอตั รากาํ ลงั ขา ราชการและพนกั งาน
ราชการ และกาํ หนดงบประมาณ รวมทง้ั การดําเนนิ การอน่ื ใดอนั จาํ เปน เพอ่ื รองรบั การดาํ เนนิ การตาม
อาํ นาจหนาท่ีของกรมบังคับคดีตามพระราชบัญญัติน้ีภายในหกสิบวันนับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้
ใชบ งั คับ
ÁÒμÃÒ ù บรรดากฎหรือคําส่ังใด ๆ ที่ไดออกโดยอาศัยอํานาจตามความในพระราช
บัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่ใชบังคับอยูในวันกอนวันที่พระราชบัญญัติน้ี
ใชบังคับ ใหยังคงใชบังคับตอไปไดเพียงเทาที่ไมขัดหรือแยงกับพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่งึ แกไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิน้ี จนกวาจะมีกฎหรอื คําส่ังใด ๆ ที่ออก
ตามพระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซง่ึ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั นิ ี้
ใชบงั คับ
การดําเนนิ การออกกฎตามวรรคหนง่ึ ใหด ําเนนิ การใหแ ลว เสรจ็ ภายในหนงึ่ รอ ยแปดสบิ วนั
นบั แตวันท่พี ระราชบัญญัตนิ ใ้ี ชบ ังคบั หากไมส ามารถดําเนินการได ใหน ายกรัฐมนตรรี ายงานเหตผุ ลท่ี
ไมอ าจดาํ เนินการไดต อ คณะรัฐมนตรีเพ่ือทราบ
ÁÒμÃÒ ñð ใหน ายกรัฐมนตรรี กั ษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี
ËÁÒÂàËμØ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพระราชบญั ญัติฉบับนี้ คือ โดยทปี่ จจบุ ันบทบญั ญัติเกยี่ วกบั
การบังคับทางปกครองตามกฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองยังไมมีประสิทธิภาพในการ
บงั คบั ใช โดยเฉพาะการบงั คบั ตามคาํ สง่ั ทางปกครองทกี่ ําหนดใหช ําระเงนิ ซง่ึ กฎหมายวา ดว ยวธิ ปี ฏบิ ตั ิ
ราชการทางปกครองกําหนดใหน าํ วิธกี ารยึด การอายดั และการขายทอดตลาดทรพั ยส ินตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลม จึงไมมีรายละเอียดวิธีปฏิบัติและระยะเวลาใน
การบังคับทางปกครองท่ีชัดเจน ซ่ึงกอใหเกิดความไมเปนธรรมแกผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครอง ประกอบกับเจาหนาที่ของหนวยงานของรัฐสวนใหญไมมีความเชี่ยวชาญในการยึด
การอายดั และการขายทอดตลาดทรพั ยส นิ อกี ทงั้ ไมม บี ทบญั ญตั ทิ ใี่ หอ ํานาจแกเ จา หนา ทใ่ี นการสบื หา
ทรัพยสินและมอบหมายใหห นว ยงานอนื่ หรือเอกชนดาํ เนนิ การแทนได สงผลใหไมสามารถบงั คบั ตาม
คาํ สง่ั ทางปกครองทกี่ ําหนดใหช ําระเงนิ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพและรฐั ตอ งสญู เสยี รายไดใ นทส่ี ดุ ดงั นน้ั
สมควรปรบั ปรงุ หลกั เกณฑใ นการบงั คบั ทางปกครองเพอื่ ใหช ดั เจน มปี ระสทิ ธภิ าพ และเปน ธรรมยง่ิ ขน้ึ
จึงจาํ เปนตอ งตราพระราชบัญญัติน้ี
๘๑
พมิ พม าดา/เพ่ิมเตมิ
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒
นสุ รา/ตรวจ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒
ภูมิกิต/ิ ปรบั ปรุง
๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ภัทรานษิ ฐ/ ตรวจ
๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒
๘๒
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞÑμÔ
¨Ñ´μé§Ñ ÈÒÅ»¡¤ÃͧáÅÐÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤ´Õ»¡¤Ãͧ
¾.È. òõôò
ÀÁÙ ¾Ô ÅÍ´ÅØ Âà´ª ».Ã.
ãËŒäÇŒ ³ Ç¹Ñ ·Õè õ μÅØ Ò¤Á ¾.È. òõôò
໚¹»‚·èÕ õô ã¹ÃѪ¡ÒÅ»¨˜ ¨Øº¹Ñ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ
ใหป ระกาศวา
โดยทเ่ี ปน การสมควรใหม กี ฎหมายวา ดว ยการจดั ตงั้ ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ นึ้ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอมของ
รฐั สภา ดงั ตอไปนี้
ÁÒμÃÒ ñ พระราชบญั ญตั นิ เี้ รยี กวา “พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณา
คดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒”
ÁÒμÃÒ òñ พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ ชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
เปนตน ไป
ÁÒμÃÒ ó ในพระราชบัญญัตินี้
“หนว ยงานทางปกครอง” หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม สว นราชการที่เรียกชอ่ื
อยางอ่ืนและมีฐานะเปนกรม ราชการสวนภูมิภาค ราชการสวนทองถ่ิน รัฐวิสาหกิจท่ีต้ังข้ึน
โดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหนวยงานอ่ืนของรัฐ และใหหมายความรวมถึง
หนว ยงานที่ไดร บั มอบหมายใหใ ชอ ํานาจทางปกครองหรอื ใหด าํ เนินกิจการทางปกครอง
“เจา หนาที่ของรฐั ” หมายความวา
(๑) ขา ราชการ พนกั งาน ลกู จา ง คณะบคุ คล หรอื ผทู ป่ี ฏบิ ตั งิ านในหนว ยงานทางปกครอง
(๒) คณะกรรมการวินจิ ฉัยขอ พพิ าท คณะกรรมการหรือบุคคลซง่ึ มีกฎหมายใหอาํ นาจใน
การออกกฎ คําส่งั หรือมตใิ ด ๆ ทม่ี ผี ลกระทบตอ บุคคล และ
(๓) บคุ คลทอี่ ยใู นบงั คบั บญั ชาหรอื ในกํากบั ดแู ลของหนว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ที่
ของรฐั ตาม (๑) หรอื (๒)
“คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าท” หมายความวา คณะกรรมการทจ่ี ดั ตง้ั ขน้ึ ตามกฎหมาย
ทม่ี กี ารจดั องคก รและวิธพี ิจารณาสาํ หรบั การวนิ ิจฉัยชี้ขาดสทิ ธแิ ละหนา ทต่ี ามกฎหมาย
๑ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม ๑๑๖/ตอนที่ ๙๔ ก/หนา ๑/๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๒
๘๓
“ตุลาการศาลปกครอง” หมายความวา ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และตุลาการ
ในศาลปกครองชนั้ ตน
“ก.ศป.” หมายความวา คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
“ก.บ.ศป.”๒ หมายความวา คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง
“ก.ขป.”๓ หมายความวา คณะกรรมการขา ราชการฝา ยศาลปกครอง
“คูกรณี” หมายความวา ผูฟองคดี ผูถูกฟองคดี และใหหมายความรวมถึงบุคคล
หนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาที่ของรัฐซ่ึงเขามาเปนคูกรณีดวยการรองสอด ไมวาจะโดยความ
สมัครใจเองหรือโดยถูกคําส่ังศาลปกครองเรียกเขามาในคดี ท้ังนี้ เนื่องจากเปนผูมีสวนไดเสีย หรือ
อาจถกู กระทบจากผลแหง คดนี น้ั และเพอื่ ประโยชนแ หง การดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณา ใหร วมถงึ ผมู สี ทิ ธิ
กระทําการแทนดว ย
“คาํ ฟอ ง” หมายความวา การเสนอขอ หาตอ ศาลไมว า จะไดเ สนอตอ ศาลปกครองชน้ั ตน หรอื
ศาลปกครองสูงสุด ไมวาจะไดเสนอในขณะท่ีเริ่มคดีโดยคาํ ฟองหรือคาํ รองขอ หรือเสนอในภายหลัง
โดยคําฟองเพ่ิมเติมหรือแกไข หรือฟองแยง หรือโดยสอดเขามาในคดีไมวาดวยความสมัครใจ หรือ
ถูกบงั คับ หรอื โดยมคี าํ ขอใหพิจารณาใหม
“กฎ” หมายความวา พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ขอ บญั ญตั ทิ อ งถน่ิ
ระเบียบ ขอบังคบั หรอื บทบญั ญตั อิ ื่นทมี่ ีผลบงั คับเปน การทัว่ ไป โดยไมม งุ หมายใหใ ชบ งั คับแกกรณีใด
หรอื บุคคลใดเปน การเฉพาะ
“สัญญาทางปกครอง” หมายความรวมถึง สัญญาท่ีคูสัญญาอยางนอยฝายใดฝายหน่ึง
เปน หนว ยงานทางปกครองหรอื เปน บคุ คลซงึ่ กระทําการแทนรฐั และมลี กั ษณะเปน สญั ญาสมั ปทาน สญั ญา
ทใี่ หจัดทาํ บริการสาธารณะ หรือจดั ใหมีสิ่งสาธารณปู โภคหรอื แสวงประโยชนจ ากทรัพยากรธรรมชาติ
“ประโยชนแกสว นรวม”๔ หมายความวา ประโยชนต อสาธารณะหรอื ประโยชนอันเกดิ แก
การจดั ทาํ บรกิ ารสาธารณะหรอื การจดั ใหม สี งิ่ สาธารณปู โภค หรอื ประโยชนอ นื่ ใดทเี่ กดิ จากการดาํ เนนิ การ
หรอื การกระทาํ ทมี่ ลี กั ษณะเปน การสง เสรมิ หรอื สนบั สนนุ แกป ระชาชนเปน สว นรวม หรอื ประชาชนสว นรวม
จะไดร บั ประโยชนจากการดําเนนิ การหรือการกระทําน้ัน
ÁÒμÃÒ ô ใหป ระธานศาลปกครองสงู สดุ รักษาการตามพระราชบญั ญัตินี้
๒ มาตรา ๓ นยิ ามคาํ วา “ก.บ.ศป.” เพิม่ โดยพระราชบญั ญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง (ฉบับที่ ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๓ มาตรา ๓ นิยามคาํ วา “ก.ขป.” เพิ่มโดยพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๔ มาตรา ๓ นยิ ามคาํ วา “ประโยชนแกส วนรวม” เพม่ิ โดยพระราชบัญญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง
(ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๑
๘๔
ÁÒμÃÒ õõ บรรดาระเบียบ ขอบังคับ หรือประกาศที่ออกโดยที่ประชุมใหญตุลาการใน
ศาลปกครองสูงสดุ หรอื โดย ก.ศป. หรอื โดย ก.ศป. โดยความเหน็ ชอบของท่ปี ระชุมใหญต ุลาการใน
ศาลปกครองสงู สดุ หรอื โดย ก.บ.ศป. หรอื โดย ก.ขป. เมอ่ื ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว ใหใ ชบ งั คบั ได
ÁÒμÃÒ öö ระเบยี บของทป่ี ระชมุ ใหญต ลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ตามมาตรา ๔๔ และ
มาตรา ๔๖ มาตรา ๖๐/๑ มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๕/๑ มาตรา ๗๕/๒ และมาตรา ๗๕/๔
ตอ งสง ใหส ภาผูแทนราษฎรในวันทอ่ี อกระเบียบดังกลาว เพื่อใหส มาชกิ สภาผแู ทนราษฎรตรวจสอบได
ถาตอมามีการเสนอญัตติและสภาผูแทนราษฎรมีมติภายในสามสิบวันนับแตวันที่สงระเบียบดังกลาว
ใหสภาผูแทนราษฎรดวยคะแนนเสียงไมนอยกวาก่ึงหน่ึงของจํานวนสมาชิกท้ังหมดเทาที่มีอยู
ใหย กเลกิ ระเบยี บใดไมว า ทง้ั หมดหรอื บางสว น ใหท ป่ี ระชมุ ใหญต ลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ดาํ เนนิ การ
ใหเ ปนไปตามน้นั
กาํ หนดวนั ตามวรรคหน่ึงใหห มายถงึ วนั ในสมัยประชมุ
ËÁÇ´ ñ
¡ÒèѴμ§éÑ áÅÐà¢μอํา¹Ò¨ÈÒÅ»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ÷ ศาลปกครองแบง ออกเปนสองช้ัน คือ
(๑) ศาลปกครองสูงสดุ
(๒) ศาลปกครองชัน้ ตน ไดแ ก
(ก) ศาลปกครองกลาง
(ข) ศาลปกครองในภมู ภิ าค
ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองช้ันตนอาจแบงเปนแผนกหรือหนวยงานท่ีเรียกช่ือ
อยางอ่ืน และจะใหมีอาํ นาจในคดีประเภทใดหรือคดีในทองท่ีใดซ่ึงอยูในเขตอาํ นาจของแตละศาลน้ัน
แยกตางหากโดยเฉพาะก็ได ท้ังน้ี ใหออกเปนประกาศประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบ
ของ ก.บ.ศป.๗
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุดตามวรรคสอง เมื่อไดประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แลว ใหใชบังคับได๘
๕ มาตรา ๕ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญตั จิ ดั ตัง้ ศาลปกครองและวธิ ีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๖ มาตรา ๖ แกไ ขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑
๗ มาตรา ๗ วรรคสอง แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๘ มาตรา ๗ วรรคสาม เพมิ่ โดยพระราชบัญญตั จิ ดั ตัง้ ศาลปกครองและวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔
๘๕
ÁÒμÃÒ ÷/ñù ในกรณีที่มีการจัดต้ังแผนกหรือหนวยงานที่เรียกช่ืออยางอื่นข้ึนใน
ศาลปกครองสงู สดุ หรอื ศาลปกครองชน้ั ตน ใด ใหม ตี ลุ าการหวั หนา แผนกหรอื ตลุ าการหวั หนา หนว ยงาน
ที่เรียกชื่ออยางอื่นนั้น แผนกหรือหนวยงานละหนึ่งคน เพื่อรับผิดชอบงานของแผนกหรือหนวยงาน
ดงั กลา ว ท้งั นี้ เปน ไปตามหลักเกณฑที่ ก.บ.ศป. กาํ หนด
ÁÒμÃÒ ø ใหจ ดั ตง้ั ศาลปกครองสงู สดุ ขน้ึ มที ต่ี งั้ ในกรงุ เทพมหานครหรอื ในจงั หวดั ใกลเ คยี ง
ใหจ ดั ตง้ั ศาลปกครองกลางขน้ึ มที ต่ี ง้ั ในกรงุ เทพมหานครหรอื ในจงั หวดั ใกลเ คยี ง โดยมเี ขต
ตลอดทอ งที่กรงุ เทพมหานคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบรุ ี จงั หวัดปทมุ ธานี จงั หวัดราชบรุ ี จังหวดั
สมทุ รปราการ จังหวดั สมุทรสงคราม และจังหวัดสมทุ รสาคร
ในระหวางท่ีศาลปกครองในภูมิภาคยังมิไดมีเขตอํานาจในทองที่ใดใหศาลปกครองกลาง
มเี ขตอาํ นาจในทองทน่ี นั้ ดวย
บรรดาคดที เี่ กดิ ขน้ึ นอกเขตอาํ นาจศาลปกครองกลางตามวรรคสองและวรรคสามจะยน่ื ฟอ ง
ตอศาลปกครองกลางกไ็ ด ท้งั นี้ ใหอยใู นดุลพนิ จิ ของศาลน้นั ที่จะไมรับพจิ ารณาพพิ ากษาคดีท่ยี น่ื ฟอ ง
เชน น้นั ได เวน แตคดที ่ีโอนมาตามหลักเกณฑข องการพิจารณาคดปี กครอง
การจัดต้ังและการกําหนดเขตอาํ นาจของศาลปกครองในภูมิภาค ใหกระทําโดย
พระราชบัญญัติ โดยคาํ นึงถึงปริมาณคดีและการบริหารบุคลากรของศาลปกครอง โดยจะกาํ หนด
ใหเขตอาํ นาจศาลปกครองในภมู ภิ าคครอบคลมุ เขตการปกครองหลายจังหวัดกไ็ ด
ศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองในภมู ิภาค จะเปดทําการเมือ่ ใด
ใหป ระธานศาลปกครองสงู สดุ โดยความเหน็ ชอบของ ก.บ.ศป. ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษากําหนดวนั
เปดทาํ การของศาลปกครอง๑๐
ÁÒμÃÒ ø/ñññ การเปล่ยี นแปลงเขตทองท่ที ีศ่ าลปกครองช้นั ตน มเี ขตอํานาจ ในกรณที ี่มี
ความจําเปนเพ่ือประโยชนในการอาํ นวยความยุติธรรมแกประชาชน โดยคํานึงถึงสิทธิในการเขาถึง
กระบวนการยตุ ธิ รรม การบรหิ ารจดั การคดี และระยะเวลาพจิ ารณาพพิ ากษาคดี ใหก ระทาํ โดยขอ เสนอ
ของ ก.บ.ศป. และตราเปนพระราชกฤษฎีกา
ÁÒμÃÒ ù ศาลปกครองมอี ํานาจพิจารณาพิพากษาหรอื มีคําสงั่ ในเรือ่ งดงั ตอ ไปน้ี
(๑) คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การทห่ี นว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ทข่ี องรฐั กระทาํ การโดยไมช อบ
ดว ยกฎหมายไมว า จะเปนการออกกฎ คาํ ส่ังหรือการกระทาํ อ่ืนใดเนื่องจากกระทําโดยไมม อี าํ นาจหรอื
นอกเหนอื อาํ นาจหนา ทหี่ รอื ไมถ กู ตอ งตามกฎหมาย หรอื โดยไมถ กู ตอ งตามรปู แบบขน้ั ตอน หรอื วธิ กี าร
อนั เปน สาระสําคญั ทก่ี าํ หนดไวส าํ หรบั การกระทํานน้ั หรอื โดยไมส จุ รติ หรอื มลี กั ษณะเปน การเลอื กปฏบิ ตั ิ
๙ มาตรา ๗/๑ แกไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญัติจัดตงั้ ศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๑๐มาตรา ๘ วรรคหก แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๑๑มาตรา ๘/๑ เพ่ิมโดยพระราชบญั ญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดปี กครอง (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๖
ที่ไมเปนธรรม หรือมีลักษณะเปนการสรางขั้นตอนโดยไมจําเปนหรือสรางภาระใหเกิดกับประชาชน
เกนิ สมควร หรอื เปนการใชด ลุ พินจิ โดยมิชอบ
(๒) คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การทห่ี นว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ทข่ี องรฐั ละเลยตอ หนา ท่ี
ตามทีก่ ฎหมายกาํ หนดใหตองปฏิบตั ิ หรือปฏิบัตหิ นา ทีด่ ังกลา วลา ชาเกินสมควร
(๓) คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การกระทําละเมดิ หรอื ความรบั ผดิ อยา งอนื่ ของหนว ยงานทางปกครอง
หรอื เจา หนา ทขี่ องรฐั อนั เกดิ จากการใชอ าํ นาจตามกฎหมาย หรอื จากกฎ คาํ สงั่ ทางปกครอง หรอื คําสง่ั อน่ื
หรือจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชา
เกินสมควร
(๔) คดีพพิ าทเกย่ี วกบั สัญญาทางปกครอง
(๕) คดที มี่ กี ฎหมายกาํ หนดใหห นว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ทข่ี องรฐั ฟอ งคดตี อ ศาล
เพอื่ บงั คับใหบ ุคคลตอ งกระทําหรอื ละเวน กระทาํ อยางหนง่ึ อยางใด
(๖) คดีพิพาทเกีย่ วกบั เรื่องทม่ี กี ฎหมายกาํ หนดใหอ ยใู นเขตอาํ นาจศาลปกครอง
เร่ืองดังตอไปนไี้ มอยใู นอํานาจศาลปกครอง
(๑) การดาํ เนนิ การเกยี่ วกบั วินยั ทหาร
(๒) การดาํ เนินการของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการ
ฝายตุลาการ
(๓) คดีท่ีอยูในอาํ นาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร
ศาลทรัพยสนิ ทางปญญาและการคาระหวางประเทศ ศาลลม ละลาย หรือศาลชาํ นญั พเิ ศษอ่นื
ÁÒμÃÒ ñð ศาลปกครองชน้ั ตน มอี ํานาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดที อ่ี ยใู นอํานาจศาลปกครอง
เวนแตค ดที ่อี ยูในอาํ นาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองสงู สดุ
ÁÒμÃÒ ññ ศาลปกครองสงู สุดมอี าํ นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี ดงั ตอไปนี้
(๑) คดพี พิ าทเกยี่ วกบั คําวนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ พพิ าทตามทท่ี ปี่ ระชมุ ใหญ
ตลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ ประกาศกาํ หนด
(๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบดวยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎท่ีออกโดย
คณะรฐั มนตรี หรือโดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี
(๓) คดีที่มีกฎหมายกําหนดใหอยูใ นอํานาจศาลปกครองสูงสดุ
(๔) คดีที่อทุ ธรณคาํ พพิ ากษาหรอื คาํ สง่ั ของศาลปกครองช้นั ตน
๘๗
ËÁÇ´ ò
μÅØ Ò¡ÒÃÈÒÅ»¡¤Ãͧ
ÁÒμÃÒ ññ/ññò ขาราชการศาลปกครอง มีดังน้ี
(๑) ขาราชการตุลาการศาลปกครอง คือ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดตามมาตรา ๑๒
ตุลาการในศาลปกครองชั้นตนตามมาตรา ๑๗ และตุลาการประจาํ ศาลปกครองชั้นตนซึ่งไดรับ
การแตงตัง้ ตามมาตรา ๑๙
(๒) ขา ราชการฝา ยศาลปกครอง คอื ขา ราชการในสาํ นกั งานศาลปกครองซง่ึ ไดร บั การแตง ตงั้
ตามมาตรา ๗๘ หรือมาตรา ๗๘/๑ หรือไดรบั การบรรจแุ ละแตงตง้ั ตามมาตรา ๘๗
ÁÒμÃÒ ñòñó ในศาลปกครองสงู สดุ ใหมีตําแหนง ตุลาการศาลปกครอง ดังตอ ไปน้ี
(๑) ประธานศาลปกครองสูงสดุ
(๒) รองประธานศาลปกครองสงู สดุ
(๓) ตุลาการหัวหนา คณะศาลปกครองสูงสุด
(๔) ตลุ าการศาลปกครองสูงสุด
(๕) ตุลาการศาลปกครองสูงสดุ ท่เี รียกชือ่ อยา งอนื่ ตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด
ทง้ั นี้ ตามจํานวนท่ี ก.ศป.กําหนด
การกําหนดตําแหนง ตามวรรคหนงึ่ (๕) ให ก.ศป. กาํ หนดวา จะใหเ ทยี บเทา กบั ตําแหนง ใด
ตามวรรคหนง่ึ (๒) (๓) หรอื (๔) ไวใ นประกาศดงั กลา วดว ย และเมอ่ื ไดป ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว
ใหใชบ งั คับได
ÁÒμÃÒ ñó ผูที่จะไดรับแตงต้ังเปนตุลาการในศาลปกครองสูงสุดตองมีคุณสมบัติ
ดงั ตอไปนี้
(๑) มีสญั ชาติไทย
(๒) มอี ายไุ มต ่ํากวาส่สี ิบหาป
(๓) เปนผูทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร รัฐศาสตร รัฐประศาสนศาสตร เศรษฐศาสตร
สังคมศาสตร หรอื ในการบริหารราชการแผน ดิน ทง้ั นี้ ตามหลักเกณฑที่ ก.ศป.กําหนด และ
(๔) มีคุณสมบตั ิอ่ืนอยางหน่ึงอยางใด ดังตอไปนี้
(ก) เปน หรอื เคยเปน กรรมการรา งกฎหมาย กรรมการวนิ จิ ฉยั รอ งทกุ ข หรอื กรรมการ
กฤษฎีกา
(ข) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหนงไมตาํ่ กวาตุลาการหัวหนาคณะ
ศาลปกครองชน้ั ตน
๑๒ มาตรา ๑๑/๑ เพิม่ โดยพระราชบญั ญัติจดั ตงั้ ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๑๓ มาตรา ๑๒ แกไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิจดั ตง้ั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดปี กครอง (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔
๘๘
(ค) รบั ราชการหรอื เคยรบั ราชการในตําแหนง ไมต ํา่ กวา ผพู พิ ากษาศาลฎกี าหรอื เทยี บเทา
หรือตลุ าการพระธรรมนญู ศาลทหารสูงสุด
(ง) รับราชการหรือเคยรับราชการในตาํ แหนงไมตา่ํ กวาอัยการพิเศษประจําเขตหรือ
เทียบเทา
(จ) รับราชการหรือเคยรับราชการในตาํ แหนงไมตํ่ากวาอธิบดีหรือเทียบเทาหรือ
ตําแหนง อ่ืนในหนวยงานของรัฐที่เทียบเทาตามท่ี ก.ศป. ประกาศกาํ หนด
(ฉ) เปนหรือเคยเปนผูสอนวิชาในสาขานิติศาสตร รัฐศาสตร รัฐประศาสนศาสตร
เศรษฐศาสตร สังคมศาสตร หรือวิชาที่เก่ียวกับการบริหารราชการแผนดินในสถาบันอุดมศึกษา และ
ดาํ รงตาํ แหนง หรอื เคยดํารงตําแหนงศาสตราจารยห รือศาสตราจารยพิเศษ
(ช) เปนหรือเคยเปนผูประกอบวิชาชีพทนายความไมนอยกวายี่สิบป และมี
ประสบการณใ นคดปี กครองตามหลักเกณฑท ่ี ก.ศป. ประกาศกําหนด
ÁÒμÃÒ ñô ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ตอ งไมม ลี กั ษณะตอ งหา มในขณะดาํ รงตําแหนง
ดงั ตอไปน้ี
(๑) เปนขา ราชการอื่นซ่งึ มตี ําแหนงหรือเงนิ เดอื นประจํา
(๒) เปนพนักงานหรอื ลกู จา งของหนว ยงานของรัฐหรือบุคคลใด
(๓) เปนผดู าํ รงตาํ แหนง ในทางการเมอื ง สมาชกิ สภาทอ งถิ่น ผบู ริหารทองถ่ิน กรรมการ
หรือผดู าํ รงตําแหนง ที่รบั ผิดชอบในการบริหารพรรคการเมอื ง สมาชิกพรรคการเมือง หรอื เจาหนาทใี่ น
พรรคการเมอื ง
(๔) เปนกรรมการในรัฐวิสาหกิจ
(๕) เปน กรรมการในหนวยงานของรฐั เวนแตจ ะไดร บั อนมุ ัตจิ าก ก.ศป.
(๖) เปน กรรมการ ผจู ดั การ หรอื ทปี่ รกึ ษา หรอื ดํารงตาํ แหนง อน่ื ใดทม่ี ลี กั ษณะงานคลา ยกนั
ในหางหุนสว นบรษิ ัท
(๗) เปนทนายความหรือประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอยางอ่ืนหรือดาํ รงตาํ แหนงหรือ
ประกอบการใด ๆ อนั ขดั ตอการปฏิบตั หิ นา ทต่ี ามระเบยี บท่ี ก.ศป. กําหนด
ÁÒμÃÒ ñõñô การแตง ตง้ั ตลุ าการศาลปกครองสงู สดุ ก.ศป. อาจดําเนนิ การไดโ ดยวธิ กี าร
ดังตอไปน้ี
(๑) พิจารณาเลื่อนตุลาการในศาลปกครองชั้นตนซ่ึงดํารงตําแหนงไมตา่ํ กวาตุลาการ
หัวหนาคณะศาลปกครองชั้นตน โดยคํานึงถึงหลักอาวุโส ความรูความสามารถ ความรับผิดชอบ
ความเหมาะสม ประวัติ และผลงานการปฏบิ ัติราชการ
๑๔ มาตรา ๑๕ แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตจิ ัดต้ังศาลปกครองและวธิ พี ิจารณาคดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๘๙
(๒) พิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งมิไดดํารงตาํ แหนงตุลาการศาลปกครองในขณะนั้น
โดยมคี ุณสมบตั ิตามมาตรา ๑๓ และมีความเหมาะสมทจ่ี ะแตง ต้ังเปน ตุลาการศาลปกครองสงู สดุ
การแตงต้ังตุลาการศาลปกครองสูงสุดตามวรรคหนึ่ง ใหคํานึงถึงสัดสวนของผูท่ีไดรับ
การคดั เลอื กตามวรรคหนงึ่ (๒) โดยใหม จี ํานวนไมน อ ยกวา หนง่ึ ในหา ของจาํ นวนตลุ าการในศาลปกครอง
สงู สุดท้ังหมด
ให ก.ศป. เสนอรายช่ือผูไดรับการเลื่อนตามวรรคหน่ึง (๑) หรือไดรับการคัดเลือกตาม
วรรคหน่ึง (๒) ตอนายกรัฐมนตรี และใหนายกรัฐมนตรีนาํ รายชื่อดังกลาวเสนอขอความเห็นชอบ
ตอวุฒิสภาภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีไดรับรายช่ือ เม่ือไดรับความเห็นชอบแลวใหนายกรัฐมนตรี
นําความกราบบงั คมทูลเพ่ือทรงพระกรณุ าโปรดเกลาฯ แตง ต้งั
การดาํ เนินการตามวรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) ใหเปนไปตามระเบียบท่ี ก.ศป. กําหนด
โดยความเห็นชอบของท่ปี ระชุมใหญตลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ
ÁÒμÃÒ ñõ/ññõ ให ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคนหนึ่ง
เปน ประธานศาลปกครองสงู สดุ แลว เสนอชอ่ื ตอ นายกรฐั มนตรี และใหน ายกรฐั มนตรนี ําเสนอขอความเหน็ ชอบ
ตอ วฒุ สิ ภาภายในสบิ หา วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั การเสนอชอ่ื เมอ่ื ไดร บั ความเหน็ ชอบแลว ใหน ายกรฐั มนตรี
นาํ ความกราบบังคมทลู เพื่อทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตง ตงั้
การแตงตั้งและการเลื่อนตุลาการในศาลปกครองสูงสุดใหดาํ รงตาํ แหนงรองประธาน
ศาลปกครองสงู สดุ ตลุ าการหวั หนา คณะศาลปกครองสงู สดุ และตลุ าการศาลปกครองสงู สดุ หรอื ตําแหนง
ทเ่ี ทยี บเทา ให ก.ศป. พจิ ารณาคดั เลอื กแลว เสนอรายชอื่ ตอ นายกรฐั มนตรเี พอื่ นาํ ความกราบบงั คมทลู
เพอ่ื ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตง ตง้ั
วธิ กี ารคดั เลอื กประธานศาลปกครองสงู สดุ รองประธานศาลปกครองสงู สดุ ตลุ าการหวั หนา
คณะศาลปกครองสงู สดุ และตลุ าการศาลปกครองสงู สดุ หรอื ตาํ แหนง ทเ่ี ทยี บเทา ใหเ ปน ไปตามระเบยี บ
ที่ ก.ศป. กาํ หนดโดยความเหน็ ชอบของทปี่ ระชมุ ใหญต ุลาการในศาลปกครองสูงสดุ
ÁÒμÃÒ ñõ/òñö ประธานศาลปกครองสูงสุดมีวาระการดาํ รงตําแหนงส่ีป นับแตวันที่
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตง ตัง้ และใหดาํ รงตําแหนงไดเ พียงวาระเดียว
ในกรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุดดํารงตําแหนงครบวาระ และยังไมพนจากตาํ แหนง
ตลุ าการศาลปกครองตามมาตรา ๒๑ (๓) ใหแ ตง ตง้ั ผนู นั้ ดาํ รงตาํ แหนง ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ใน
ตําแหนง อนื่ ตามที่ ก.ศป. กําหนด โดยใหไ ดร บั เงนิ เดอื นและเงนิ ประจาํ ตาํ แหนง ในอตั ราทไี่ มต ํ่ากวา เดมิ
๑๕ มาตรา ๑๕/๑ เพิม่ โดยพระราชบญั ญัตจิ ดั ต้งั ศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๑๖ มาตรา ๑๕/๒ เพ่มิ โดยพระราชบญั ญตั ิจัดต้งั ศาลปกครองและวิธีพจิ ารณาคดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๙๐
ในกรณที ปี่ ระธานศาลปกครองสงู สดุ ลาออกจากตาํ แหนง กอ นครบวาระตามวรรคหนง่ึ และ
ยงั ไมพ น จากตําแหนง ตลุ าการศาลปกครองตามมาตรา ๒๑ (๓) ก.ศป. อาจแตง ตง้ั ผนู น้ั ใหด ํารงตําแหนง
ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดในตาํ แหนงอื่น โดยใหไดรับเงินเดือนและเงินประจําตาํ แหนงในอัตราที่
ก.ศป. กําหนดกไ็ ด
ÁÒμÃÒ ñö ผซู งึ่ ไดร บั ความเหน็ ชอบจากวฒุ สิ ภาใหด ํารงตาํ แหนง ตลุ าการในศาลปกครอง
สงู สดุ ผใู ดมลี กั ษณะตอ งหา มตามมาตรา ๑๔ ตอ งลาออกจากการทเ่ี ปน บคุ คลซงึ่ มลี กั ษณะตอ งหา มหรอื
แสดงหลกั ฐานใหเ ปน ทเ่ี ชอื่ ไดว า ตนไดเ ลกิ ประกอบอาชพี หรอื วชิ าชพี หรอื การใด ๆ อนั มลี กั ษณะตอ งหา ม
ดังกลาวแลว ตอ นายกรัฐมนตรีภายในสิบหาวนั นบั แตว ันท่วี ฒุ ิสภาใหค วามเห็นชอบ
ÁÒμÃÒ ñ÷ñ÷ ในศาลปกครองชั้นตนแตละศาล ใหมีตําแหนงตุลาการศาลปกครอง
ดงั ตอ ไปน้ี
(๑) อธบิ ดศี าลปกครองชั้นตน
(๒) รองอธิบดีศาลปกครองช้นั ตน
(๓) ตุลาการหัวหนาคณะศาลปกครองช้ันตน
(๔) ตุลาการศาลปกครองชั้นตน
(๕) ตลุ าการศาลปกครองชัน้ ตนทเ่ี รียกช่ืออยางอนื่ ตามท่ี ก.ศป. ประกาศกําหนด
ทัง้ น้ี ตามจํานวนท่ี ก.ศป.กาํ หนด
การกําหนดตาํ แหนง ตามวรรคหนง่ึ (๕) ให ก.ศป. กาํ หนดวา จะใหเ ทยี บเทา กบั ตําแหนง ใด
ตามวรรคหนงึ่ ไวในประกาศดังกลา วดวย และเมอื่ ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คับได
ÁÒμÃÒ ñø ผูท่ีจะไดรับแตงตั้งเปนตุลาการในศาลปกครองชั้นตนตองมีคุณสมบัติ
ดังตอ ไปน้ี
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายไุ มตํา่ กวา สามสิบหา ป
(๓) เปนผูทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร รัฐศาสตร รัฐประศาสนศาสตร เศรษฐศาสตร
สงั คมศาสตร หรือในการบรหิ ารราชการแผนดนิ ทัง้ น้ี ตามหลักเกณฑท ี่ ก.ศป. กําหนด และ
(๔) มคี ุณสมบตั อิ ่นื อยางหนง่ึ อยางใด ดงั ตอ ไปนี้
(ก)๑๘ (ยกเลิก)
(ข) รบั ราชการหรอื เคยรบั ราชการไมน อ ยกวา สามปใ นตําแหนง พนกั งานคดปี กครอง
ในระดับที่ ก.ศป. กําหนด
๑๗ มาตรา ๑๗ แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัตจิ ดั ตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดปี กครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔
๑๘ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ก) ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญัติจดั ต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๙๑
(ค)๑๙ รบั ราชการหรอื เคยรบั ราชการไมน อ ยกวา สามปใ นตําแหนง ไมต าํ่ กวา ผพู พิ ากษา
ศาลชัน้ ตนหรอื เทยี บเทา ซึ่งไดรบั เงนิ เดอื นในชน้ั ๓ หรอื ตุลาการพระธรรมนญู ศาลทหารกลาง
(ง) รับราชการหรือเคยรับราชการไมนอยกวาสามปในตําแหนงอัยการจังหวัดหรือ
เทยี บเทา
(จ)๒๐ รบั ราชการหรอื เคยรบั ราชการไมน อ ยกวา สามปใ นตําแหนง ไมต ํ่ากวา ขา ราชการ
พลเรอื น ระดบั ๘ หรอื ขา ราชการพลเรอื นประเภทวชิ าการ ระดบั ชาํ นาญการพเิ ศษ ประเภทอํานวยการ
หรือประเภทบริหาร หรือปฏิบัติงานหรือเคยปฏิบัติงานไมนอยกวาสามปในตําแหนงท่ีเทียบเทา
ตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด ในหนวยงานของรัฐ องคการมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจท่ีต้ังข้ึนโดย
พระราชบัญญตั ิหรือพระราชกฤษฎกี า
(ฉ) เปนหรือเคยเปนผูสอนวิชาในสาขานิติศาสตร รัฐศาสตร รัฐประศาสนศาสตร
เศรษฐศาสตร สังคมศาสตร หรือวิชาท่ีเก่ียวกับการบริหารราชการแผนดินในสถาบันอุดมศึกษา
และดํารงตาํ แหนงหรือเคยดาํ รงตาํ แหนงไมต่ํากวารองศาสตราจารยหรือรองศาสตราจารยพิเศษ
ไมน อยกวาสามป
(ช)๒๑ สําเรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโทหรอื ปรญิ ญาเอกดา นนติ ศิ าสตรส าขากฎหมาย
มหาชน และรับราชการในหนว ยงานของรฐั หรอื ปฏบิ ัตงิ านในหนวยงานของรฐั องคก ารมหาชน หรือ
รัฐวิสาหกิจท่ีตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา เปนเวลาไมนอยกวาสิบปนับแตสําเร็จ
การศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท หรือไมนอยกวาหกปน ับแตสาํ เร็จการศกึ ษาระดับปรญิ ญาเอก
(ซ) เปนหรือเคยเปนผูประกอบวิชาชีพทนายความไมนอยกวาสิบสองป และ
มปี ระสบการณในคดปี กครองตามหลักเกณฑที่ ก.ศป. ประกาศกาํ หนด
ใหนาํ ความในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๖ มาใชบ งั คบั แกตุลาการในศาลปกครองชน้ั ตน
โดยอนุโลม
ÁÒμÃÒ ñùòò ให ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๘ และ
มีความเหมาะสมท่ีจะแตงตั้งเปนตุลาการประจาํ ศาลปกครองชั้นตน โดยวิธีการสอบคัดเลือก
การทดสอบความรู หรือการคัดเลือก ท้ังนี้ ตามระเบียบที่ ก.ศป. กําหนดโดยความเห็นชอบของที่
ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสงู สดุ
๑๙ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ค) แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
(ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๒๐ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (จ) แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
(ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๒๑ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ช) แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
(ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๒๒ มาตรา ๑๙ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัตจิ ดั ตั้งศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๙๒
การฝกอบรมและการปฏิบัติหนาที่ของตุลาการประจําศาลปกครองช้ันตนใหเปนไปตาม
ระเบียบท่ี ก.ศป. กาํ หนด
ให ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกตุลาการประจําศาลปกครองชนั้ ตนซึง่ ผานการฝกอบรมตาม
หลกั สตู รที่ ก.ศป. กาํ หนด และผลการฝก อบรมเปน ไปตามมาตรฐานของ ก.ศป. วา เปน ผมู คี วามซอื่ สตั ย
สจุ รติ ความรคู วามสามารถ ความรบั ผดิ ชอบ และความประพฤตเิ หมาะสมทจี่ ะเปน ตลุ าการศาลปกครอง
เพอื่ แตง ตงั้ เปน ตลุ าการศาลปกครองชน้ั ตน แลว เสนอรายชอ่ื ตอ นายกรฐั มนตรี เพอ่ื นาํ ความกราบบงั คมทลู
เพื่อทรงพระกรณุ าโปรดเกลาฯ แตง ต้งั
ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นตนผูใดไมเหมาะสมที่จะเปนตุลาการศาลปกครองชั้นตน
หรอื ผลการฝก อบรมไมเ ปน ไปตามมาตรฐานของ ก.ศป. ใหป ระธานศาลปกครองสงู สดุ โดยความเหน็ ชอบ
ของ ก.ศป. มีอํานาจสั่งใหออกจากราชการ หรือดาํ เนินการเพ่ือใหมีการโอนไปเปนขาราชการฝาย
ศาลปกครองได
ใหนําความในมาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๕ วรรคหน่ึง และมาตรา ๒๖
มาใชบังคับกับตลุ าการประจาํ ศาลปกครองชัน้ ตนโดยอนโุ ลม
ÁÒμÃÒ ñù/ñòó การยายและการเล่ือนตุลาการในศาลปกครองชั้นตนใหดาํ รงตําแหนง
อธบิ ดศี าลปกครองชนั้ ตน รองอธบิ ดศี าลปกครองชน้ั ตน ตลุ าการหวั หนา คณะศาลปกครองชน้ั ตน และ
ตลุ าการศาลปกครองชน้ั ตน หรอื ตําแหนง ท่ีเทียบเทา ให ก.ศป. พิจารณาคัดเลอื กแลว เสนอรายชื่อตอ
นายกรัฐมนตรเี พ่ือนําความกราบบงั คมทลู เพ่ือทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตงตั้ง
วธิ กี ารคดั เลอื กอธบิ ดศี าลปกครองชน้ั ตน รองอธบิ ดศี าลปกครองชน้ั ตน ตลุ าการหวั หนา คณะ
ศาลปกครองชั้นตน และตุลาการศาลปกครองชั้นตน หรือตาํ แหนงท่ีเทียบเทา ใหเปนไปตาม
ระเบียบ ที่ ก.ศป. กาํ หนดโดยความเห็นชอบของทป่ี ระชุมใหญต ลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ
ÁÒμÃÒ òð กอนเขารับหนาท่ีตุลาการศาลปกครองคร้ังแรก ตุลาการศาลปกครอง
ตอ งถวายสัตยป ฏญิ าณตอพระมหากษตั รยิ ด ว ยถอ ยคาํ ดงั ตอไปนี้
“ขา พระพทุ ธเจา (ชอ่ื ผปู ฏิญาณ) ขอถวายสตั ยปฏิญาณวา ขาพระพทุ ธเจา จะจงรกั ภกั ดี
ตอพระมหากษัตรยิ และจะปฏบิ ตั หิ นาที่ในพระปรมาภไิ ธยดว ยความซ่ือสัตยสจุ ริต โดยปราศจากอคติ
ทงั้ ปวง เพื่อใหเกดิ ความยุติธรรมแกป ระชาชน และความสงบสุขแหง ราชอาณาจกั ร ท้งั จะรกั ษาไวแ ละ
ปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุขตามรัฐธรรมนูญ
แหง ราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทกุ ประการ”
ÁÒμÃÒ òñ ตลุ าการศาลปกครองพนจากตาํ แหนง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
๒๓ มาตรา ๑๙/๑ เพ่ิมโดยพระราชบัญญตั จิ ัดตงั้ ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดปี กครอง (ฉบบั ที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๙๓
(๓) ส้ินปงบประมาณท่ีตุลาการศาลปกครองผูน้ันมีอายุครบหกสิบหาปบริบูรณ เวนแต
จะผานการประเมินสมรรถภาพใหดาํ รงตําแหนงตอ ไปตามมาตรา ๓๑
(๔) ขาดคณุ สมบัติหรือมีลักษณะตอ งหา มตามมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๘
(๕) เปนบคุ คลลม ละลาย
(๖) เปนคนไรความสามารถหรือคนเสมือนไรความสามารถ วิกลจริต หรือจิตฟนเฟอน
ไมสมประกอบ
(๗) เปนโรคหรือมีกายหรือจิตใจไมเหมาะสมที่จะเปนตุลาการศาลปกครองตามท่ีระบุไว
ในประกาศท่ี ก.ศป. กาํ หนดโดยไดร ับความเห็นชอบของท่ปี ระชุมใหญต ลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ
(๘) ถูกสั่งใหอ อกจากราชการตามมาตรา ๒๒
(๙) ถูกไลอ อกตามมาตรา ๒๓
(๑๐)๒๔ โอนไปรบั ราชการเปนขา ราชการฝา ยศาลปกครองหรอื ขาราชการฝายอน่ื
การพนจากตาํ แหนงตามวรรคหนึ่ง ใหนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณา
โปรดเกลาฯ ใหพนจากตาํ แหนง เวนแตการพนจากตาํ แหนงตามวรรคหนึ่ง (๑) (๓) (๘) และ (๙)
ใหน ําความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงทราบ๒๕
ÁÒμÃÒ òòòö ตุลาการศาลปกครองตองประพฤติตนตามวินัยแหงการเปนตุลาการ
ศาลปกครองตามที่ ก.ศป. กาํ หนด
ก.ศป. อาจมมี ตใิ หต ลุ าการศาลปกครองผใู ดออกจากราชการตามกฎหมายวา ดว ยบาํ เหนจ็
บาํ นาญขาราชการหรือกฎหมายวาดวยกองทุนบาํ เหน็จบํานาญขาราชการ แลวแตกรณี ไดในกรณีที่
กฎหมายดังกลาวบัญญัติใหผูถูกสั่งใหออกมีสิทธิไดรับบาํ เหน็จบํานาญ แตการใหออกจากราชการ
เพือ่ รบั บาํ เหนจ็ บํานาญเหตุทดแทนใหท าํ ไดในกรณดี งั ตอ ไปนดี้ ว ย
(๑) ปฏิบัติหนาที่บกพรองอยางรายแรงหรือประพฤติตนไมสมควรตามที่กําหนดในวินัย
แหง การเปนตุลาการศาลปกครอง
(๒) หยอ นความสามารถในอนั ทจ่ี ะปฏบิ ตั หิ นา ทรี่ าชการ หรอื เจบ็ ปว ยไมอ าจปฏบิ ตั หิ นา ที่
ราชการไดโ ดยสมาํ่ เสมอแตไมถงึ เหตุทพุ พลภาพ
(๓) ไดร บั โทษจําคกุ โดยคาํ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ าํ คกุ ในความผดิ อนั ไดก ระทําโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
๒๔ มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๑๐) เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐
๒๕ มาตรา ๒๑ วรรคสอง แกไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัติจดั ตง้ั ศาลปกครองและวธิ ีพิจารณาคดปี กครอง (ฉบับท่ี ๑๐)
พ.ศ. ๒๕๖๑
๒๖ มาตรา ๒๒ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๑๐)
พ.ศ. ๒๕๖๑
๙๔
ในกรณที ่ี ก.ศป. มีมตใิ หตลุ าการศาลปกครองพน จากตําแหนงตามมาตรา ๒๑ วรรคหน่งึ
(๔) (๕) (๖) หรอื (๗) ใหมีสทิ ธไิ ดรบั บาํ เหนจ็ บํานาญเหตทุ ดแทนตามกฎหมายวา ดว ยบาํ เหนจ็ บาํ นาญ
ขาราชการหรอื กฎหมายวา ดวยกองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขา ราชการ แลวแตกรณี ดวย
ÁÒμÃÒ òó ก.ศป. อาจมีมติไลต ลุ าการศาลปกครองออกไดใ นกรณี ดงั ตอ ไปนี้
(๑) ทุจริตตอหนาทร่ี าชการ
(๒) กระทาํ ผิดวนิ ัยอยางรา ยแรงตามทก่ี ําหนดในวนิ ยั แหง การเปนตลุ าการศาลปกครอง
(๓) ไดรับโทษจาํ คุกโดยคาํ พิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก เวนแตในความผิดอันไดกระทาํ
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ÁÒμÃÒ òó/ñò÷ ในกรณีท่ีขาราชการตุลาการศาลปกครองกระทําผิดวินัยไมถึงข้ันที่จะ
ตองใหออกหรือไลออก ก.ศป. อาจมีมติใหลงโทษงดเล่ือนตาํ แหนง หรืองดเล่ือนเงินเดือนเปนเวลา
ไมเกนิ สามป หรอื ถา มเี หตสุ มควรปรานีจะส่ังลงโทษเพียงภาคทัณฑ และจะใหทําทณั ฑบนเปน หนงั สอื
หรอื วากลาวตักเตือนดว ยกไ็ ด
การแตง ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน วธิ กี ารสอบสวน และสทิ ธขิ องผถู กู กลา วหาและบคุ คล
ท่ีเก่ียวของ ใหเปนไปตามระเบียบที่ ก.ศป. กําหนดโดยความเห็นชอบของท่ีประชุมใหญตุลาการใน
ศาลปกครองสูงสุด
ÁÒμÃÒ òô ในการพิจารณาใหขาราชการตุลาการศาลปกครองพนจากตําแหนงโดย
ถูกสั่งใหออกจากราชการตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง (๑) หรือ (๒) หรือตามมาตรา ๒๒ วรรคสาม
ประกอบกับมาตรา ๒๑ วรรคหนงึ่ (๔) หรือ (๗) หรอื โดยถกู ไลอ อกตามมาตรา ๒๓ (๑) หรอื (๒) ให
ก.ศป. แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ประกอบดวย ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดหรือตุลาการใน
ศาลปกครองชั้นตนจาํ นวนส่ีคน และเลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรือนหรือรองเลขาธิการ
คณะกรรมการขาราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรือนมอบหมายจํานวน
หน่งึ คนเปน กรรมการเพอ่ื ทาํ การสอบสวน๒๘
ในการสอบสวนใหคณะกรรมการสอบสวนมีอํานาจเรียกใหหนวยงานทางปกครองหรือ
บคุ คลใดใหข อเทจ็ จรงิ ใหถอ ยคํา หรือใหสง เอกสารหลกั ฐานท่เี กยี่ วกับเรื่องทสี่ อบสวนได
ในระหวา งการสอบสวนหรอื พจิ ารณาตามวรรคหนงึ่ ถา ก.ศป. เหน็ วา การใหผ ถู กู สอบสวน
หรอื พจิ ารณาปฏบิ ตั หิ นาท่ีตอไปจะเปนการเสียหายแกราชการจะมีมติใหพ ักราชการก็ได
การใหพ กั ราชการนนั้ ใหพ กั ตลอดเวลาทส่ี อบสวนหรอื พจิ ารณา เมอ่ื สอบสวนหรอื พจิ ารณา
เสร็จแลว ถาปรากฏวาผูถูกใหพักราชการมิไดกระทําการตามท่ีถูกสอบสวนหรือพิจารณา ก็ใหผูนั้น
คงอยูใ นราชการตามเดิม
๒๗ มาตรา ๒๓/๑ เพิม่ โดยพระราชบัญญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๒๘ มาตรา ๒๔ วรรคหนึง่ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญัติจดั ต้ังศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดีปกครอง (ฉบับท่ี ๑๐)
พ.ศ. ๒๕๖๑
๙๕
วิธีการสอบสวนและสิทธิของผูถูกกลาวหาและบุคคลที่เก่ียวของใหเปนไปตามระเบียบท่ี
ก.ศป. กําหนดโดยความเห็นชอบของท่ปี ระชุมใหญตลุ าการในศาลปกครองสงู สุด
ÁÒμÃÒ òô/ñòù ขา ราชการตลุ าการศาลปกครองซง่ึ มาจากขา ราชการฝา ยศาลปกครอง
ขา ราชการพลเรอื น ขา ราชการฝา ยอน่ื หรอื เจา หนา ทขี่ องหนว ยงานอน่ื ของรฐั ผใู ดมกี รณกี ระทําผดิ วนิ ยั
อยกู อนวันที่ไดร ับแตงตง้ั เปน ขาราชการตุลาการศาลปกครอง ให ก.ศป. เปนผูพิจารณาดาํ เนนิ การทาง
วินัยแกผูนั้นตามบทบัญญัติเก่ียวกับวินัยแหงการเปนตุลาการศาลปกครองโดยอนุโลม แตถาเร่ืองอยู
ระหวางการสืบสวนหรือสอบสวนทางวินัยกอนวันที่ไดรับแตงตั้งก็ใหสืบสวนหรือสอบสวนตอไปตาม
กฎหมายทใี่ ชบ งั คบั อยใู นขณะทกี่ ระทาํ ความผดิ จนแลว เสรจ็ แลว สง เรอื่ งให ก.ศป. พจิ ารณาดาํ เนนิ การ
ทางวินัยตอไปตามบทบัญญัติเกี่ยวกับวินัยแหงการเปนตุลาการศาลปกครองโดยอนุโลม และในกรณี
ทจี่ ะตอ งสงั่ ลงโทษทางวนิ ยั ใหพ จิ ารณาตามความผดิ และลงโทษตามบทบญั ญตั เิ กยี่ วกบั วนิ ยั ของขา ราชการ
ฝา ยศาลปกครองกฎหมายวา ดว ยระเบยี บขา ราชการพลเรอื น กฎหมายวา ดว ยระเบยี บขา ราชการฝา ยอนื่
หรอื กฎหมายเกย่ี วกบั วนิ ยั ของเจา หนา ทข่ี องหนว ยงานอนื่ ของรฐั ทใ่ี ชบ งั คบั อยใู นขณะทกี่ ระทาํ ความผดิ นนั้
แลวแตกรณี โดยอนุโลม
ÁÒμÃÒ òõóð ตุลาการศาลปกครองผูใดพนจากตาํ แหนงไปโดยมิไดมีความผิดและมิใช
เปน การพน จากตาํ แหนง ตามมาตรา ๒๑ วรรคหนงึ่ (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) หรอื (๙) ก.ศป. อาจพจิ ารณาคดั เลอื ก
ผูน้ันใหกลับเขารับราชการเปนตุลาการศาลปกครองในตําแหนงไมสูงกวาตาํ แหนงเดิมหรือเทียบเทา
ก็ได ถาผูนนั้ มีคุณสมบตั ติ ามมาตรา ๑๓ หรอื มาตรา ๑๘ วรรคหนง่ึ แลวแตกรณแี ละยังมีอายไุ มครบ
หกสบิ หา ปบ รบิ รู ณใ นวนั สนิ้ ปง บประมาณนนั้ หรอื ยงั มอี ายไุ มค รบเจด็ สบิ ปบ รบิ รู ณใ นวนั สน้ิ ปง บประมาณนนั้
ในกรณีท่ีเปนผูซ่ึงที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกใหไปดํารงตาํ แหนงตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ ท้ังน้ี หากผูนั้นมีอายุครบเกณฑที่จะตองประเมินสมรรถภาพตามมาตรา ๓๑
วรรคหนึ่งแลว แตยังไมเคยผานการประเมินสมรรถภาพ ใหจัดใหมีการประเมินสมรรถภาพได แมจะ
มอี ายลุ วงเลยการประเมินสมรรถภาพตามมาตรา ๓๑ วรรคหนงึ่ แลว ก็ตาม
ตลุ าการศาลปกครองซงึ่ โอนไปดาํ รงตาํ แหนง เลขาธกิ ารสํานกั งานศาลปกครอง ถา ตอ งโอน
กลบั เขา ดาํ รงตาํ แหนงตุลาการศาลปกครองเพราะเหตทุ ีค่ รบวาระการดาํ รงตําแหนงตามมาตรา ๗๘/๑
วรรคสอง หรือยื่นความประสงคขอโอนกลับกอนครบวาระ และผูนั้นมคี ุณสมบัติตามมาตรา ๑๓ หรอื
มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แลวแตกรณี ให ก.ศป. พิจารณาใหความเห็นชอบใหดํารงตาํ แหนงในลาํ ดับ
อาวุโสทเ่ี คยครองโดยใหไดร ับเงนิ เดอื น เงนิ ประจําตําแหนง และประโยชนต อบแทนอ่นื ในช้นั เดยี วกบั
ตลุ าการศาลปกครองทีอ่ ยูใ นลําดับอาวโุ สเทา กนั ในขณะท่ีผูน ้นั ดาํ รงตําแหนงตลุ าการศาลปกครอง
๒๙ มาตรา ๒๔/๑ เพมิ่ โดยพระราชบัญญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองและวธิ ีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบบั ท่ี ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๓๐ มาตรา ๒๕ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๐)
พ.ศ. ๒๕๖๑
๙๖
ในกรณที ผี่ ซู งึ่ ไดร บั การคดั เลอื กใหก ลบั เขา รบั ราชการตามวรรคหนง่ึ หรอื ผซู งึ่ ไดร บั ความเหน็ ชอบ
ใหโอนกลับเขาดาํ รงตาํ แหนงตุลาการศาลปกครองตามวรรคสอง มีลักษณะตองหามตามมาตรา ๑๔
ใหนาํ ความในมาตรา ๑๖ หรือมาตรา ๑๘ วรรคสอง แลวแตก รณี มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม
ใหน ําความในมาตรา ๑๕ วรรคสาม หรือมาตรา ๑๙ วรรคสาม แลว แตกรณี มาใชบังคับ
แกก ารคดั เลอื กใหก ลบั เขา รบั ราชการเปน ตลุ าการศาลปกครองตามวรรคหนงึ่ หรอื การโอนกลบั เขา ดาํ รง
ตําแหนง ตุลาการศาลปกครองตามวรรคสอง โดยอนุโลม
ÁÒμÃÒ òö ตุลาการศาลปกครองผูใดประสงคจะลาออกจากราชการ ใหย่ืนหนังสือ
ขอลาออก เมือ่ ประธานศาลปกครองสูงสดุ สงั่ อนุญาตแลวใหถ ือวา พนจากตําแหนง
ในกรณที ต่ี ลุ าการศาลปกครองลาออกเพอ่ื ดํารงตําแหนง ทก่ี ําหนดโดยรฐั ธรรมนญู ตําแหนง
ทางการเมือง หรอื เพ่ือสมัครรับเลือกต้ัง ใหการลาออกมีผลต้ังแตว ันท่ผี ูน้ันลาออก
นอกจากกรณตี ามวรรคสอง ถาประธานศาลปกครองสูงสุดเหน็ วาจําเปน เพ่อื ประโยชน
แกทางราชการ จะยบั ยัง้ การอนุญาตใหลาออกไวเปน เวลาไมเ กินสามเดือน นับแตวันทขี่ อลาออกกไ็ ด
ÁÒμÃÒ òö/ñóñ การโอนขาราชการตุลาการศาลปกครองผูใดไปเปนขาราชการ
ฝายศาลปกครองหรือขาราชการฝายอื่น ใหประธานศาลปกครองสูงสุดส่ังไดเมื่อขาราชการตุลาการ
ศาลปกครองผูน ั้นยินยอมและไดร ับความเหน็ ชอบจาก ก.ศป.
ÁÒμÃÒ ò÷ การยายตุลาการศาลปกครองผูใดไปดํารงตาํ แหนงอื่นในศาลปกครอง
จะตองไดรับความยินยอมจากตุลาการศาลปกครองผูน้ัน และใหประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจ
แตง ตงั้ ได โดยความเหน็ ชอบของ ก.ศป.ตามระเบยี บที่ ก.ศป.กําหนดโดยความเหน็ ชอบของทป่ี ระชมุ ใหญ
ตลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ
ความในวรรคหน่ึงมิใหใชบังคับกับการเล่ือนตาํ แหนงใหสูงข้ึน หรือเปนการยายประจาํ ป
หรือเปนกรณีที่อยูในระหวางถูกดาํ เนินการทางวินัย หรือตกเปนจาํ เลยในคดีอาญาท่ีศาลมีคาํ ส่ัง
ประทบั ฟองแลว
ÁÒμÃÒ òø ประธานศาลปกครองสูงสุดตองรับผิดชอบใหงานของศาลปกครองเปนไป
โดยเรยี บรอ ยตามระเบยี บที่ ก.ศป. กาํ หนด โดยความเหน็ ชอบของทปี่ ระชมุ ใหญต ลุ าการในศาลปกครอง
สงู สุด หรอื ระเบียบท่ี ก.บ.ศป. กําหนด แลว แตก รณี โดยมรี องประธานศาลปกครองสูงสุดชว ยปฏิบัติ
หนาทตี่ ามทป่ี ระธานศาลปกครองสูงสดุ มอบหมาย๓๒
อธบิ ดศี าลปกครองชนั้ ตน ตอ งรบั ผดิ ชอบใหง านของศาลนน้ั เปน ไปโดยเรยี บรอ ยตามระเบยี บ
ท่ี ก.ศป. กาํ หนด โดยความเหน็ ชอบของทีป่ ระชุมใหญต ลุ าการในศาลปกครองสูงสุด หรอื ระเบียบท่ี
๓๑ มาตรา ๒๖/๑ เพิ่มโดยพระราชบญั ญตั ิจัดตง้ั ศาลปกครองและวิธีพจิ ารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐
๓๒ มาตรา ๒๘ วรรคหนึง่ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติจัดต้งั ศาลปกครองและวิธพี ิจารณาคดปี กครอง (ฉบับท่ี ๙)
พ.ศ. ๒๕๖๐