เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพ้นื ท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
สารบัญ
คำนำ หนำ้
สำรบญั 1
1
สำรบญั ตำรำง 2
2
บทสรุปผู้บรหิ ำร 2
3
สว่ นที่ 1 เกี่ยวกบั โครงกำร 3
1.1. ความเปน็ มาของโครงการ 3
1.2. วตั ถปุ ระสงค์ 4
1.3. ขน้ั ตอน/วิธกี ารดาเนนิ งาน
1.4. กลุ่มเปา้ หมาย 11
1.5. งบประมาณดาเนนิ การ 15
1.6. ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินการ 24
1.7. ขอบเขตเนือ้ หา 31
1.8. ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั 40
1.9. ตวั ชวี้ ัดความสาเรจ็ โครงการ 44
51
ส่วนที่ 2 สรุปสำระสำคญั ในภำควิชำกำร/กิจกรรมกำรฝึกอบรม 54
2.1. วิชา “กิจกรรมกลมุ่ สัมพันธ์” 63
2.2. วชิ า “เรียนรู้ตาราบนดนิ : เดินชมพื้นท่ี” 68
2.3. วิชา “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากับการพัฒนาที่ย่ังยนื ” 75
2.4. วิชา “การแปลงปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ส่กู ารปฏบิ ัตฯิ ” 85
2.5. วชิ า “ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “ทฤษฎี บนั ได 9 ขัน้ สู่ความพอเพียง” 87
2.6. วชิ า “หลกั กสิกรรมธรรมชาติ” 97
2.7. วชิ า “ฝึกปฏิบตั ิฐานการเรียนรู้” 113
2.8. วชิ า “ถอดบทเรียนผา่ นส่ือ “วิถีภูมปิ ัญญาไทยกับการพง่ึ ตนเองฯ”
2.9. วิชา “สขุ ภาพพง่ึ ตน พัฒนา 3 ขมุ พลงั ”
2.10.วชิ า “จติ อาสาพัฒนาชุมชน เอาม้ือสามัคคี พฒั นาพื้นที่ตามหลกั ปรชั ญาฯ”
2.11.วิชา “การออกแบบเชงิ ภมู สิ ังคมไทยตามหลกั การพัฒนาภมู ิสงั คมฯ
2.12.วชิ า “Team Building (หาอยู่ หากนิ )
2.13.วิชา “การขับเคล่อื นสืบสานพระราชากลไก 357
2.14.วิชา “ยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่อื นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงฯ”
2.15.วิชา “ในหลวง ในดวงใจ”
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพื้นท่ี กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
สารบญั (ต่อ)
ส่วนที่ 3 หนา้
กำรประเมินโครงกำร
3.1 รปู แบบและวิธกี ารประเมนิ 116
3.2 การเก็บรวบรวมข้อมลู 117
3.3 การวิเคราะหข์ ้อมลู ........................................................................................................117
3.4 เกณฑก์ ารประเมิน.........................................................................................................117
3.5 ผลการประเมนิ ..............................................................................................................118
ภำาคผนวก
ภาพกจิ กรรม
ทะเบยี นรายชื่อผู้ข้าอบรม
ตารางการฝกึ อบรม
แบบประเมินโครงการ
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้ืนท่ี กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพียง
สารบัญตาราง
ตำรำงท่ี หน้ำ
ตอนท่ี ๑ ขอ้ มูลท่ัวไปของผเู้ ขำ้ อบรมโครงกำร 118
ตอนท่ี 2 ตำรำงท่ี ๑ แสดงข้อมลู ทั่วไปของผ้เู ข้ารับการฝกึ อบรม
ตอนท่ี 3 ควำมคิดเหน็ ต่อโครงกำร 119
ตำรำงที่ 2 แสดงการบรรลุวตั ถุประสงคข์ องโครงการ 120
ตอนที่ 4 ตำรำงที่ 3 แสดงความรู้ความเข้าใจดา้ นวิชาการ (ก่อนการฝกึ อบรม) 122
ตำรำงท่ี 4 แสดงความรู้ความเข้าใจดา้ นวิชาการ (หลังการฝึกอบรม) 124
ตำรำงท่ี 5 แสดงผลการนาความรู้ที่ไดร้ บั ไปใชป้ ระโยชน์
ควำมพึงพอใจต่อกระบวนกำร ขน้ั ตอนกำรใหบ้ รกิ ำร 126
ตำรำงท่ี 6 แสดงระดับความพึงพอใจต่อกระบวนการ ขั้นตอนการใหบ้ ริการ 127
ตำรำงท่ี 7 แสดงระดบั ความพงึ พอใจต่อวิทยากร 128
ตำรำงท่ี 8 แสดงระดบั ความพึงพอใจต่อเจา้ หน้าทผี่ ูใ้ หบ้ ริการ 129
ตำรำงท่ี 9 แสดงระดับความพงึ พอใจต่อการอานวยความสะดวก 130
ตำรำงท่ี 10 แสดงระดับความพงึ พอใจต่อคณุ ภาพการใหบ้ ริการ 131
ขอ้ เสนอแนะ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหม่บู ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ที่ กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
คานา
กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดสรรงบประมาณและมอบหมายให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนา
ชมุ ชนเพชรบุรี ดาเนนิ โครงการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียงประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกขับเคล่ือนในระดับพื้นที่ 1.1 สร้างแกนนาขับเคล่ือน
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดผู้นาการพัฒนา(Change Leader) ที่อยู่
ในชมุ ชน และนาการพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกับบริบทชุมชน และนาไปสู่สิ่งที่ชุมชนต้องการ ครัวเรือน
พฒั นาพื้นทีเ่ รยี นรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” มีความรู้ ความเข้าใจหลักการและแนวทางการพัฒนา
หมบู่ า้ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และสามารถเป็นแกนนาในการขับเคลื่อนการน้อม
นาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ “โคก หนอง
นา โมเดล” ในพื้นท่ีเป้าหมายได้
ในการน้ี ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการจานวน 4
รุ่นๆละ 5 วัน โดยกาหนดดาเนินการ รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564 ,รุ่นที่ 2
ระหวา่ งวนั ท่ี 22-26 กมุ ภาพันธ์ 2564 , รุน่ ท่ี 3 ระหว่างวันท่ี 1-5 มีนาคม 2564 และรุ่นท่ี 4
ระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี กลุ่มเป้าหมาย
จานวน 411 คนโดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้แทนครัวเรือนพัฒนาพ้ืนท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นา
โมเดล” ปี 2564 ในพื้นที่ให้บริการของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี จานวน 6 จังหวัด
ได้แก่จังหวัดนครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงครามและจังหวัดสมุทรสาคร
(ยกเว้นจังหวัดกาญจนบรุ ี) ซึง่ บดั นี้ได้ดาเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดทาเอกสารรายงานผล
การฝึกอบรม เพ่ือสรุปผลการดาเนินงานให้กรมฯและสถาบันการพัฒนาชุมชนทราบ และใช้
ประโยชนใ์ นสว่ นทเี่ กี่ยวข้องต่อไป
ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนเพชรบรุ ี
เมษายน 2564
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ท่ี กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
บทสรุปผู้บรหิ ำร
กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดสรรงบประมาณและมอบหมายให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี
ดาเนินโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้าง
และพัฒนากลไกขับเคล่ือนในระดับพ้ืนที่ 1.1 สร้างแกนนาขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื สง่ เสรมิ การใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นแนวทางในการพฒั นาหมู่บ้าน ให้มีระบบ
การบริหารจัดการชุมชนแบบบูรณาการทเี่ ขม้ แขง็ และพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนใหม้ ัน่ คง
กลุ่มเปา้ หมายจานวน 411 คน ผู้แทนครัวเรือนพัฒนาพื้นท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่สมัคร
ใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 411 แห่ง แห่งละ 1 คน รวมท้ังส้ิน 411
คน ของจังหวัดในพ้ืนท่ีให้บริการของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี จานวน 6 จังหวัด (ยกเว้นจังหงัด
กาญจนบุรี) ประกอบด้วย จังหวัดนครปฐม จานวน 54 คน ,ประจวบคีรีขันธ์ จานวน 173 คน ,เพชรบุรี
จานวน 76 คน ,ราชบรุ ี จานวน 83 คน,สมุทรสงคราม จานวน 20 คน และจังหวัดสมุทรสงคราม จานวน 5
คน และมีผู้เข้าร่วมสมทบอีกจานนวน 15 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทงั้ ส้ิน 426 คน
จากข้อมูลทั่วไปของผู้เข้ารับการฝึกอบรม จานวน 426 คน พบว่าผู้เข้าอบรมที่ตอบแบบสอบถาม
ทั้งหมด จานวน 246 คน แบ่งเป็นเพศชำย จานวน 251 คน คิดเป็นร้อยละ 58.92 และเป็นเพศหญิง
จานวน 175 คน คิดเป็นร้อยละ 41.08 ด้ำนอำยุ ผู้เข้าฝึกอบรมส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 51 ปีข้ึนไป
จานวน 175 คน คิดเป็นร้อยละ 41.08 รองมาคืออายุระหว่าง 41 – 50 ปี จานวน 131 คน คิดเป็น
ร้อยละ 30.75 อายุ 31.40 ปี จานวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 16.90 อายุระหว่าง 25-30 ปี จานวน
35 คน คิดเป็นร้อยละ 8.22 และอายุต่ากว่า 25 ปี จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 3.05 ตามลาดับ
ดำ้ นกำรศึกษำ พบวา่ ส่วนใหญม่ กี ารศกึ ษาต่ากวา่ ปรญิ ญาตรี จานวน 262 คน คดิ เป็นร้อยละ 61.50 รองมา
คือระดับปริญญาตรี จานวน 145 คน คิดเป็นร้อยละ 34.04 ระดับปริญญาโท จานวน 19คน คิดเป็นร้อย
ละ 4.46 ตามลาดับ ด้านตาแหน่ง ด้ำนตำแหน่ง ผู้ตอบแบบสอบถามมีตาแหน่งผู้นาชุมชนมากที่สุด จานวน
209 คน คิดเป็นร้อยละ 49.06 รองลงมาคือปราชญ์ชุมชน/เกษตรกร จานวน 94 คน คิดเป็นร้อยละ
22.07 และ อสม./อาสาสมคั รอน่ื ๆ จานวน 73 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.14
ผลกำรประเมนิ กำรฝึกอบรม
กอ่ นกำรฝกึ อบรม
1.แสดงผลการประเมินความเข้าใจและทักษะก่อนการฝึกอบรม จากการตอบแบบประเมินฯพบว่าผู้
เข้าอบรมที่ตอบแบบประเมินฯส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจและทักษะในการฝึกอบรมในภาพรวมอยู่ในระดับ
ปานกลาง มีค่าคะแนนเฉลี่ยรวม 2.53 โดยเน้ือหาวิชาที่มีความรู้ความเข้าใจมากที่สุด คือ หัวข้อวิชา "ใน
หลวง ในดวงใจ" อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉล่ีย 3.84 รองมาคือ Team Building ฝึกปฏิบัติการบริหาร
จัดการในภาวะวิกฤตหา อยู่หากิน อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าคะแนนเฉลี่ย 2.69 หัวข้อวิชา"สุขภาพพ่ึงตน
พัฒนา 3 ขุมพลัง" พลังกาย พลังใจ พลังปัญญาอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากันคือ 2.65
หวั ขอ้ การ นาเสนอยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ อยู่ในระดับปานกลาง
มีค่าคะแนนเฉล่ีย 2.57 หัวข้อวิชาการจัดทาแผนปฏิบัติการ "ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงสูก่ ารปฏบิ ัติ อยรู่ ะดับปานกลางมีค่าคะแนนเฉล่ีย 2.54 สาหรับวิชาท่ีมีความรู้ความเข้าใจน้อยที่สุดคือ
หัวข้อวิชา การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย ตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างย่ังยืน เพื่อการพึ่งตนเองและ
รองรบั ภัยพิบตั ิ อยู่ในระดับน้อย มคี ่าคะแนนเฉลี่ย 1.82
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพืน้ ที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
หลังฝกึ อบรม
แสดงผลการประเมินความเข้าใจและทักษะหลังการฝึกอบรม จากการตอบแบบประเมินฯพบว่า ผู้เข้า
อบรมท่ีตอบแบบประเมินฯส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจและทักษะในการฝึกอบรมในภาพรวมอยู่ใน
ระดับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ยรวม 4.41 โดยเน้ือหาวิชาที่มีความรู้ความเข้าใจมากท่ีสุด คือ หัวข้อวิชา "ใน
หลวง ในดวงใจ" อยู่ในระดับมากท่ีสุดมีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.91 รองมาคือ ฝึกปฏิบัติ "จิตอาสาพัฒนาชุมชน
เอาม้ือสามัคคี พัฒนาพื้นท่ีตามหลักทฤษฎีใหม่" อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าคะแนนเฉล่ีย 4.51 หัวข้อหลัก
กสิกรรมธรรมชาติ และหัวข้อวิชา Team Building ฝึกปฏิบัติการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตหา อยู่หากิน
อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากันคือ 4.50 หัวข้อวิชา "สุขภาพพึ่งตน พัฒนา 3 ขุมพลัง" พลังกาย
พลังใจพลังปัญญา อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.40 และหัวข้อถอดบทเรียนผ่านส่ือ "วิถีภูมิปัญญา
ไทยกับการพ่ึงตนเองในภาวะวิกฤติ" อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.40 สาหรับวิชาที่มีความรู้ความ
เข้าใจน้อยที่สุดคือหัวข้อวิชา การจัดทาแผนปฏิบัติการ "ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งสกู่ ารปฏิบัตอิ ยใู่ นระดบั มาก มีค่าคะแนนเฉลีย่ 4.24
2. แสดงผลการประเมินประโยชน์ของหัวข้อวิชาต่อการนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานจากการ
ตอบแบบสอบถามพบว่าผู้เข้าอบรมทต่ี อบแบบสอบถามส่วนใหญม่ ีความคิดเห็นต่อระดับการนาไปใช้ประโยชน์
ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ยรวม 4.39 โดยหัวข้อวิชาที่มีระดับการใช้ประโยชน์มาก
ท่ีสุด คอื หัวข้อวิชา "ในหลวง ในดวงใจ" อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าคะแนนเฉล่ีย 4.87 รองมาคือ หัวข้อวิชา
Team Building ฝึกปฏิบัติการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตหา อยู่หากิน อยู่ในระดับมากท่ีสุด มีค่าคะแนน
เฉล่ีย 4.47 หัวข้อวิชา ถอดบทเรียนผ่านสื่อ "วิถีภูมิปัญญาไทยกับการพึ่งตนเอง ในภาวะวิกฤต อยู่ในระดับ
มาก มีค่าคะแนนเฉล่ีย 4.46 หัวข้อวิชาเข้าใจ ฝึกปฏิบัติ "จิตอาสาพัฒนาชุมชน เอามื้อสามัคคี พัฒนาพื้นท่ี
ตามหลกั ทฤษฎใี หม่" อยู่ในระดบั มาก มีคา่ คะแนนเฉล่ีย 4.41 หวั ข้อวิชา การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สู่การปฏิบัติแบบเป็นขั้นเป็นตอน และ หัวข้อวิชาหลักกสิกรรมธรรมชาติ อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉล่ีย
เท่ากันคือ 4.40 และหัวข้อวิชา"สุขภาพพึ่งตน พัฒนา 3 ขุมพลัง" พลังกาย พลังใจ พลังปัญญา อยู่ในระดับ
มาก มคี า่ คะแนนเฉล่ีย 4.39 ตามลาดบั สาหรับวชิ าที่มีระดับการใชป้ ระโยชน์ต่อการนาความรู้ไปปรับใช้ในการ
ปฏิบัติงานน้อยที่สุดคือ การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย ตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อการ
พ่ึงตนเองและรองรบั ภัยพิบัติ อยู่ในระดบั มาก มคี ่าคะแนนเฉลยี่ เท่ากนั คอื 4.20
3. ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจต่อกำรบริหำรหลักสูตรและกำรบริหำรโครงกำร ในภาพรวม
พบวา่ แสดงผลการประเมินความพึงพอใจต่อโครงการ ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจต่อโครงการใน
ภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าคะแนนเฉล่ียรวม 4.41 โดยประเด็นท่ีผู้เข้ารับการอบรมมีความ พึงพอใจ
ในด้านตา่ งๆ เรยี งจากมาก ไปหา น้อย ดงั น้ี
1. - อาหาร เครื่องด่นื และสถานท่ี คา่ คะแนนเฉล่ยี 4.62 (ระดบั มากท่สี ดุ )
- เจา้ หน้าทีผ่ ู้ให้บรกิ ารมีความสภุ าพ ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.62 (ระดับมากทส่ี ดุ )
2. -การสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ ค่าคะแนนเฉลีย่ 4.57 (ระดับมากทีส่ ดุ )
-เจา้ หนา้ ที่สนบั สนุน ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.57 (ระดบั มากทส่ี ุด)
3. ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากโครงการ/กิจกรรมม ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.56 (ระดับมากที่สุด)
4. ความเหมาะสมของสถานท่ี ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.54 (ระดับมากทีส่ ุด)
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ที่ กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.49 (ระดับมาก)
6.- ความรอบรู้ในเนอื้ หาวชิ าของวทิ ยากร ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.42 (ระดับมาก)
- การเปดิ โอกาสใหซ้ กั ถามและแสดงความคดิ เห็น ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.42 (ระดบั มาก)
8 การประสานงาน คา่ คะแนนเฉลี่ย 4.41 (ระดบั มาก)
9.- การตอบคาถามของเจา้ หน้าที่ฯ คา่ คะแนนเฉลี่ย 4.40 (ระดับมาก)
- สิง่ ทไ่ี ดร้ บั จากโครงการฯตรงกับความคาดหวัง คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.40 (ระดบั มาก)
10. สามารถนาส่งิ ที่ได้รับการเรยี นรไู้ ปปรบั ใชใ้ นงาน คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.39 (ระดับมาก)
11. ไดร้ บั ความรู้ แนวคดิ ทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆ ค่าคะแนนเฉลยี่ 4.38 (ระดับมาก)
12. การจัดลาดบั ขั้นตอนกจิ กรรม ค่าคะแนนเฉลีย่ 4.36 (ระดับมาก)
13. การแตง่ กายของวิทยากร คา่ คะแนนเฉลีย่ 4.33 (ระดบั มาก)
17. สัดส่วนระหว่างการฝกึ อบรมภาคทฤษฎีกบั ปฏบิ ตั ิ คา่ คะแนนเฉลีย่ 4.31 (ระดบั มาก)
18. การอานวยความสะดวกโสตทัศนปู กรณ์ คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.30 (ระดบั มาก)
19. การอานวยความสะดวกด้านเอกสาร คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.23 (ระดบั มาก)
20. ความเหมาะสมของระยะเวลา คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.14 (ระดับมาก)
21. ความเหมาะสมของช่วงระยะเวลา คา่ คะแนนเฉล่ีย 4.12 (ระดบั มาก)
4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ จำกผเู้ ขำ้ รับกำรฝกึ อบรม
ดำ้ นวิทยำกร
- วทิ ยากรทุกคนมีมนุษย์สัมพนั ธ์ดีมาก น่ารกั ทกุ คน และอธั ยาศยั ดี ใหค้ วามร่วมมือ และเป็น
กนั เองดมี าก
- วิทยากรมีความรู้ความสามารถและมีทักษะในการรวบรวมความสนใจของผู้เข้าอบรมให้
รวมกนั เป็นหน่งึ เดยี วได้ สามารถแก้ไขปญั หาไดท้ กุ สถานการณ์
- เจา้ หนา้ ท่ที ุกคนดีมาก เปน็ กนั เอง ช่วยเหลือ แนะนาการปฏบิ ัติทีด่ ีมาก
- วทิ ยากรใจดี เตม็ ใจใหค้ วามรู้ และสามารถตอบคาถามได้ กจิ กรรมสนกุ สนานดี
- ประทบั ใจวทิ ยากร ดูแลดีในทกุ เร่ืองๆ สอนเข้าใจงา่ ย ใจดี เปน็ กนั เอง ขอบคณุ มากคบั
ดำ้ นหลกั สตู ร
- เป็นหลักสูตรทดี่ ี มสี าระนาไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้จรงิ ควรจัดอีกตอ่ ไป
- ขอใหม้ ีการอบรมอย่างนอ้ี ย่างต่อเนื่อง
- ชอบกิจกรรมนมี้ าก ควรมกี ารอบรมอกี ครัง้
- อยากใหม้ กี ารอบรมแบบน้อี กี
- การเรยี นรูเ้ ปน็ ขนั้ เป็นตอนทีส่ ามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด้จริง
- ได้รับความรจู้ ากฐานเรยี นรู้โดยมีวทิ ยากรสอนแบบเปน็ กันเอง เข้าใจง่าย
- กิจกรรมพอดี เหมาะสม ไม่เคร่งครัด หรือตึงเกนิ ไป
- มีการจดั กิจกรรมได้เหมาะสม ชัดเจน ตรงตามวตั ถุประสงค์ ได้รับความรู้ในฐานฯต่างๆ
- ได้รับความรู้และแนวทางการปฏิบัติอื่นๆที่เป็นประโยชน์ เป็นแนวทางการปฏิบัติได้จริง ที่
สาคญั คือ
- สามารถนาไปปฏิบัติในการสรา้ งความมัน่ คงทางอาหารได้จรงิ
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพ้นื ท่ี กจิ กรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
- ควรให้มีการจัดการอบรมรุ่นต่อไป เพ่ือการพัฒนาพื้นท่ีชุมชน และขยายวงกว้างออกไป
เพื่อให้เกดิ รปู ธรรม
- ควรมีการตดิ ตามผล และใหค้ าแนะนาจนเราทาได้จรงิ
- ก่อนอบรมไมเ่ ข้าใจและไมเ่ ขา้ ใจบางเร่ือง แตพ่ ออบรมจบเขา้ ใจและไดค้ วามรู้มากขน้ึ
- ได้รับความรู้และแนวทางการปฏิบัติอื่นๆท่ีเป็นประโยชน์ เป็นแนวทางการปฏิบัติได้จริง ที่
สาคญั คอื ไดพ้ ลงั มากๆ
- พงึ พอใจทุกเร่ืองในโครงการนี้ พร้อมกบั ได้รบั ประสบการณใ์ หม่ๆจากกิจกรรม
ด้ำนบริกำร
- ในห้องนอนแอรเ์ ยน็ ไปนิด
- สถานทด่ี ีคะ
- ขอบคณุ จากใจและหวั ใจ ผนู้ า อช.
- ควรปรับปรงุ การประสานงาน ของเจา้ หน้าทแี่ ละวทิ ยากร
- อาหารอร่อย
- ทาใหด้ แี ตย่ ังมปี ญั หาอยู่บา้ งก็ค่อยปรับปรุงต่อไป ให้กาลงั ใจ
ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบำย
หลักสูตรน้ีผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้ความสนใจ มีความมุ่ง ตั้งใจ ในการฝึกอบรมเป็นอย่างดี เพราะ
กิจกรรมที่ได้รับมีประโยชน์โดยตรงและสามารถนาไปปรับใช้ได้จริงในการปรับพื้นที่ในการทาโคก หนองนา
โมเดล และเป็นกิจกรรมที่บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอย่างมาก เน่ืองจากกลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการ
ฝึกอบรม มีความสนใจ และใฝ่รู้ หัวไว ใจสู้ พร้อมท่ีจะดาเนินการด้วยพละกาลังของตัวเอง และทุนของตัวเอง
และมีความสนใจท่ีอยากกลับไปทาในพื้นท่ีของตัวเอง ให้เป็นในรูปแบบโคก หนองนา ฉะนั้นหลักสูตรของ
กรมการพัฒนาชุมชนทุกหลักสูตรท่ีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้นาชุมชนหรือภาคประชาชนทั่วไป อยากเป็นส่วนหน่ึง
ของกลุ่มเป้าหมายที่กรมการพัฒนาชุมชนจัดดาเนินการข้ึนในรูปแบบน้ี เพราะเชื่อว่าหลักสูตรท่ีเกิดจากความ
สนใจ และต้ังใจจริง ยอ่ มนาไปสู่ผลสาเร็จของการดาเนินการจรงิ มากกวา่ หลกั สูตรท่ีเกดิ จากการผลักดันท่ีไม่ได้
เกดิ จากความตอ้ งการ
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพืน้ ท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ส่วนที่ ๑
เกี่ยวกบั โครงการ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
๑
สว่ นท่ี 1
บทนา
1เก่ยี วกับโครงกำร
1.1 ควำมเป็นมำ
สถานการณ์โลกในปัจจุบัน มีความผันแปรสูงท้ังในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี ซ่ึง
ล้วนส่งผลถงึ ประเทศไทยทเี่ รมิ่ เปล่ียนจากสงั คมเกษตรสู่สังคมอตุ สาหกรรม อกี ทง้ั ประเทศไทยเป็นประเทศที่มี
ระบบเศรษฐกิจแบบเปิด การค้าระหว่างประเทศจึงมีบทบาทสาคัญในฐานะกลไกในการพัฒนาและนาความ
เจริญร่งุ เรอื งมาสูป่ ระเทศ รวมทง้ั มสี ว่ นสาคัญในการผลักดนั ให้เศรษฐกจิ ของประเทศขยายตวั อย่างรวดเรว็
ซ่ึงเศรษฐกิจและการค้าของไทยในระยะที่ผ่านมาขยายตัวในอัตราที่สูงมาก แต่จากสถานการณ์
เศรษฐกิจและการค้าของโลกท่ีกาลังเปล่ียนแปลงไป ได้มีการนามาตรการใหม่ๆ มาเป็นข้ออ้างในการกีดกัน
การค้ามากขนึ้ ผู้ทีส่ ามารถเข้าถึงทรัพยากรไดม้ ากกวา่ กส็ ามารถสรา้ งความมงั่ คัง่ ได้มากกว่า กล่าวคือ “คนรวย
ก็รวยขึ้น คนจนก็จนลง” เกิดเป็นปัญหาความเหลื่อมล้าด้านรายได้ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ท้ังในส่วนของ
เศรษฐกจิ สงั คม และการเมือง
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไทยให้บรรลุวิสัยทัศน์
“ประเทศมีความม่ันคง มั่งค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง” จึงเป็นการพัฒนาให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีความสุข สร้างพ้ืนฐานการพึ่งตนเอง
ลดความเหลื่อมล้าในระดับครัวเรือน ชุมชน และส่งผลให้ประเทศมีความเข้มแข็ง ในการใช้ความสามารถ
บริหารจัดการชีวิตและบริหารจัดการชุมชน ส่งเสริมการสร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมความ
เสมอภาคและเป็นธรรม
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการน้อมนาแนวพระราชดารัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปสู่การปฏิบัติ เพ่ือการพัฒนาที่สมดุลเป็นธรรมและมีภูมิคุ้มกัน
กับผลกระทบการเปล่ียนแปลงทั้งจากภายในชุมชน ประเทศและภายนอกจากสังคมโลก ท่ีจะส่งผล ต่อ
ครอบครัว การเตรียมความพร้อมแต่ละครัวเรือนให้ได้รับการพัฒนา อย่างบูรณาการตามแนวทางเศรษฐกิจ
พอเพียงและศาสตร์พระราชา โดยสอดคล้องกับภูมิสังคมท่ีแต่ละพ้ืนท่ีมีความแตกต่างกันของปัจจัยพ้ืนฐาน
ด้านศักยภาพ วิถีชีวิต วัฒนธรรมและอัตตลักษณ์ ตัวอย่างเช่น การบริหารจัดการน้าและพื้นที่การเกษตรด้วย
“โคก หนอง นา โมเดล” ด้านการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้บริหารจัดการน้าและ
พืน้ ท่กี ารเกษตร ผสมผสานกับภมู ิปญั ญาพน้ื บ้านไดอ้ ย่างสอดคลอ้ งกัน
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงกำร
เพื่อให้เกิดผู้นาการพัฒนา(Change Leader) ท่ีอยู่ในชุมชน และนาการพัฒนาให้สอดคล้องกับ
บริบทชุมชน และนาไปสู่ส่ิงท่ีชุมชนต้องการ ครัวเรือนพัฒนาพ้ืนที่เรียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” มีความรู้
ความเข้าใจหลักการและแนวทางการพัฒนาหมู่บ้านตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถเป็น
แกนนาในการขับเคลื่อนการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่การปฏิบัติใน
รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพ้นื ท่เี ป้าหมายได้
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพืน้ ที่ กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
2
1.3 ขัน้ ตอนและวิธีกำรดำเนนิ กำร
1.3.1 ข้ันเตรยี มกำร
1.3.1.1 ประชุมเจ้าหน้าท่ีศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี เพ่ือเตรียมความพร้อมใน
การจัดฝกึ อบรมตามแผนปฏบิ ัตงิ าน
1.3.1.2 มอบหมายผู้รบั ผดิ ชอบ จัดทาโครงการและคาส่งั แต่งต้งั คณะทางาน
1.3.1.3 จัดทาแผนปฏบิ ัตงิ านโครงการ
1.3.1.4 จดั ประชุมคณะทางานตามคาส่ัง ช้แี จงทราบในประเด็น ดังนี้
1) รายละเอียดการดาเนินงานตามโครงการ
2) เนอ้ื หาหลกั สตู ร
3) ตารางการฝกึ อบรมตามหลักสูตร
4) จดั เตรยี มประสานวิทยากร
5) ประสานสถานที่เพ่อื จัดกิจกรรม เอามือ้
6) มอบหมายหน้าที่ความรบั ผิดชอบคณะทางานตามคาส่ัง
1.3.1.5 ประสานแผนการดาเนินงานกับสถาบันการพฒั นาชุมชน กรมการพัฒนาชมุ ชน เพอ่ื
ประสานจงั หวัดในพื้นท่ีใหบ้ ริการเพื่อแจง้ กลมุ่ เป้าหมายเข้ารับการฝกึ อบรมตามแผนปฏบิ ตั กิ าร
1.3.1.6 ประสานความรว่ มมอื กบั จังหวดั ในพน้ื ที่ใหบ้ ริการ เพ่ือเตรียมความพรอ้ มและ
ซกั ซ้อมความเข้าใจในการสง่ กลมุ่ เป้าหมายเขา้ รบั การฝึกอบรม
1.3.2 ขัน้ ตอนระหวำ่ งดำเนินกำร
1.3.2.1 ดาเนินการฝึกอบรมโครงการฯ ตามกาหนด
1.3.2.2 ประชุมทมี งานและผูเ้ ก่ียวข้องในแตล่ ะวนั ท้งั ดา้ นวชิ าการและบริหารโครงการ
1.3.2.3 ดูแลอานวยความสะดวกแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในด้านต่างๆ ทั้งในขณะฝึกอบรม
และเมื่อจบการฝกึ อบรมในแต่ละวนั
1.3.3 ขัน้ หลงั ดำเนินกำร
1.3.3.1 ประเมินผลโครงการ/สรปุ รายงานผลการดาเนนิ งาน
1.3.3.2 รายงานผลการดาเนนิ งานในระบบ BPM
1.4 กลุ่มเป้ำหมำยเข้ำรับกำรอบรม จำนวนทงั้ สน้ิ 411 คน ดังน้ี
1.4.1 จงั หวดั นครปฐม จานวน 54 คน
1.4.2 จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ จานวน 173 คน
1.4.3 จังหวัดเพชรบุรี จานวน 76 คน
1.4.4 จังหวัดราชบรุ ี จานวน 83 คน
1.4.5 จงั หวดั สมทุ รสงคราม จานวน 20 คน
1.4.6 จังหวัดสมทุ รสาคร จานวน 5 คน
1.5 งบประมำณดำเนนิ กำร
งบประมาณดาเนนิ การจากกรมการพฒั นาชุมชน จานวน 4 ร่นุ เป็นเงินทงั้ ส้นิ 1,849,500 บาท
(หน่ึงลา้ นแปดแสนสีห่ ม่นื เก้าพนั ห้าร้อยบาทถ้วน)
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพนื้ ที่ กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
3
1.6 ระยะเวลำดำเนินกำร
รุ่นท่ี 1 ดาเนินการระหวา่ งวนั ที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564
รุ่นที่ 2 ดาเนนิ การระหว่างวนั ที่ 22-26 กมุ ภาพนั ธ์ 2564
รุ่นท่ี 3 ดาเนินการระหว่างวนั ท่ี 1-5 มนี าคม 2564
รนุ่ ที่ 4 ดาเนนิ การระหวา่ งวนั ที่ 8-12 มนี าคม 2564
1.7 ขอบเขตเนอื้ หำหลกั สูตรและกจิ กรรมเสริมคณุ คำ่
7.1.1 ขอบเขตเนื้อหำหลักสตู ร ประกอบด้วย 3 ดำ้ นคอื
1) Knowledge
- เข้าใจ เขาถงึ พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากบั การพัฒนาทีย่ ั่งยืน
- การออกแบบเชงิ ภูมสิ ังคมไทยตามหลักการพฒั นาภูมิสังคมอยา่ งยั่งยืน
- หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง “ทฤษฎีบนั ได 9 ข้นั สู่ความพอเพยี ง”
- หลักกสิกรรมธรรมชาติ
- การขบั เคลอื่ นสบื สานศาสตร์พระราชา ตามกลไก 357
2) Attitude
- กจิ กรรมกล่มุ สมั พันธ์
- เรียนรู้ตาราบนดนิ จากพ้นื ท่ีตน้ แบบ
- สขุ ภาพพ่งึ ตน พฒั นา 3 ขุมพลัง พลงั กาย พลังใจ พลังปัญญา
- ทีม Building หาอยู่ หากนิ
3) Skill
- จิตอาสาพฒั นาชุมชน เอาม้ือสามัคคี พฒั นาพ้ืนทต่ี ามหลกั ทฤษฎีใหม่
- ฝกึ ปฏบิ ัติฐานการเรยี นรู้
- ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารสร้างหุ่นจาลอง การจัดการพืน้ ท่ตี ามหลักทฤษฎใี หม่ ประยุกตส์ โู่ ค หนอง นา
โมเดล
- ยทุ ธศาสตร์การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏบิ ัติ
7.1.2 กจิ กรรมเสริมคุณคำ่ ประกอบด้วย
1) กิจกรรมหนา้ เสาธง สวดมนตไ์ หว้พระ ปฏญิ าณตน พจิ ารณาอาหาร
2) กจิ กรรมกตญั ญูตอ่ สถานที่
3) ตักบาตรถวายอาหารคาว/อาหารแห้งแดพ่ ระภกิ ษุ จานวน 9 รปู
1.8 ผลทีค่ ำดว่ำจะไดร้ บั
ครัวเรือนพฒั นาพนื้ ท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” มีความรู้ ความเข้าใจหลักการ แนวทางการ
พัฒนาหมบู่ า้ นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอพยี งและสามารถเป็นแกนนาในการขับเคลื่อนการน้อมนาหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและทฤษฎีใหมก่ ารปฏิบัติในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นท่ีเป้าหมาย
ได้
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหม่บู า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
4
1.9 ตวั ชวี้ ัดควำมสำเร็จโครงกำร
1.9.๑ เชิงปริมำณ
1.9.1.1 กลุ่มเป้าหมายได้รับการฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบ
เศรษฐกจิ พอเพียง รปู แบบ โคก หนอง นา โมเดล จานวน 411 คน
1.9.1.2 เกิดการพฒั นา (Change Leader) ที่อยู่ในชุมชน และนาการพัฒนาให้สอดคล้องกับ
บรบิ ทชุมชนและนาไปสู่สง่ิ ท่ีชุมชนต้องการ จานวน 411 คน
1.9.1.3 ร้อยละ 90 ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ในหลักการแนวทางการพัฒนา
หม่บู า้ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1.9.๒ เชงิ คุณภำพ
ครัวเรือนพฒั นาพน้ื ทเ่ี รียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการ แนวทาง
การพฒั นาหมู่บ้านตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถเป็นแกนนาในการขับเคล่ือนการน้อมนา
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ใน
พืน้ ทีเ่ ปา้ หมายได้
2. แต่งตั้งคณะทำงำน
ตามคาสง่ั ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชมุ ชน ที่2/2564 ลงวนั ที่ 27 เดือนมกราคม พ.ศ. 2564
3. รำยช่อื ทีมวทิ ยำกร
3.1. รำยชือ่ วิทยำกร
3.1.1 วิชำ “เรียนรู้ตำรำบนดนิ
วทิ ยำกร: นางสาววาสนา ยดึ เหนย่ี ว นักวชิ าการพัฒนาชุมชนชานาญการและทมี ศพช.เพชรบุรี
ประเด็นเน้ือหำกำรเรยี นรู้
1. ศึกษา สารวจพน้ื ที่
2. บนั ทึกผลการเรียนรูต้ ามประเดน็ ตา่ งๆ
3. แลกเปลี่ยนเรียนร้เู พิม่ เตมิ
3.1.2 วชิ ำ”เข้ำใจ เข้ำถึง พัฒนำ ศำสตร์พระรำชำกบั กำรพัฒนำที่ยัง่ ยนื
วิทยำกร: นายธรรมนญู ไขว้พนั ธ์ุ ผู้อานวยการศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบรุ ี
ประเดน็ เนื้อหำกำรเรียนรู้
1. หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. หลกั การทรงงาน “เข้าใจ เข้าถงึ พฒั นา” พระราชดารสั ของ ร.9
3. บันได 9 ขนั้ สู่ความพอพียง
4. เรยี นรกู้ ารกรณตี ัวอย่าง “โคก หนอง นา โมเดล”
3.1.3 วชิ ำ “กำรแปลงปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง สูก่ ำรปฏิบตั ิแบบเปน็ ขั้นเปน็ ตอน
วทิ ยำกร: นายธรรมนญู ไขวพ้ ันธ์ุ ผู้อานวยการศูนยศ์ ึกษาและพฒั นาชมุ ชนเพชรบุรี
ประเดน็ เนอื้ หำกำรเรียนรู้
1. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
2. เกษตรทฤษฎีใหม่
3. โคก หนอง นา โมเดล
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ที่ กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
5
4. บันได 9 ขัน้
3.1.4 วิชำ “หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งบันได 9 ขั้น สคู่ วำมพอเพยี ง
วิทยำกร: นายธรรมนูญ ไขวพ้ ันธุ์ ผู้อานวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบรุ ี
ประเด็นเนือ้ หำกำรเรยี นรู้
1. หลักคิด “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง”
2. พระราชดาริ “ทฤษฎีใหม”่ การบริหารจัดการตามข้นั ตอน
3. เศรษฐกิจพอเพยี งความเข้มแขง็ ทเ่ี ป็นรูปธรรมตามวถิ วี ฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาและภมู สิ งั คม
3.1.5 วชิ ำ “หลกั กสิกรรมธรรมชำติ”
วทิ ยำกร: นางขวัญตา พ่วงทอง นักวิชาการพัฒนาชมุ ชนชานาญการ
ประเดน็ เนื้อหำกำรเรยี นรู้
1 แนวคิดการคนื ชวี ติ ให้แผน่ ดิน
2. แนวคิด ความเปน็ จริงแหง่ ปญั หาภัยทุนนยิ ม
3. แนวทาง วิธกี ารใชก้ ระบวนการจัดการดนิ นา้ ป่า และครัวเรอื นตามแนวปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงเพือ่ ชุมชน คนอยู่กับปา่
4. หัวใจหลักกสิกรรมธรรมชาติ กบั ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
3.1.6 วชิ ำ “ฝึกปฏิบตั ิฐำนกำรเรยี นรู้”
วิทยำกร: นางขวัญตา พ่วงทอง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชานาญการและทีมวิทยากร ศพช.
เพชรบรุ ี
ประเด็นเนื้อหำกำรเรียนรู้
1. เรียนรู้ฐานคนรักษ์ป่า,ฐานคนรักพระแม่ธรณี,ฐานคนรักษ์ดิน,ฐานคนรักษ์น้า,ฐานคนรักษ์
พระแม่โพสพ,ฐานคนมีไฟ,ฐานคนหัวคันนาทองคา,ฐานคนรักษ์สุขภาพ,ฐานคนมีน้ายา,ฐานปุ๋ยน้าหมักชีวภาพ
และฐานเสวยี นไม้ไผ่
2. สรุปผลกิจกรรมท่ีร่วมกนั ทา
3.1.7 วิชำ “ถอดบทเรียนผ่ำนส่ือ “วิถีภูมิปัญญำไทยกับกำรพึ่งตนเองในภำวะวิกฤต
(พ่อบญุ เล่ยี ม บตุ รจันทรำ)
วทิ ยำกร : นางสาวอัญชษิ ฐา สิงห์สุทศั น์ นักทรัพยากรบุคคลชานาญการ
ประเดน็ เนอื้ หำกำรเรียนรู้
1. ผลกระทบจุดเปลยี่ นของสังคมไทย
2. แนวคดิ ในการพัฒนาเกษตรกรรมยง่ั ยืน
3. แนวคดิ ในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ
4. แนวคดิ ในการพฒั นาพง่ึ พาตนเอง
5. กรณีศกึ ษา “พอ่ เลยี่ ม บตุ รจนั ทา” ปราชญช์ าวบา้ นแห่งบ้านสวนฮอนซอน
3.1.8 วิชำ “พฒั นำ 3 ขุมพลงั พลังกำย พลังใจ พลงั สติปัญญำ”
วิทยำกร : นางสาววาสนา ยึดเหนี่ยว นกั วชิ าการพัฒนาชมุ ชนชานาญการ
ประเดน็ เน้อื หำกำรเรยี นรู้
1. กรพัฒนาพลังกาย การพัฒนาพลงั ใจ การพฒั นาพลงั ปัญญา
2. แนวคิดการพฒั นาเพ่ือพึ่งตนเองของเกษตรกร
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพื้นที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
6
3. กรปรบั เปล่ยี นชีวติ ตามสถานการณ์
3.1.9 วชิ ำ “จิตอำสำพฒั นำ เอำมือ้ สำมัคคี พฒั นำพ้นื ทต่ี ำมหลักทฤษฎใี หม่”
วิทยำกร : นายอนุสรณ์ กาญจนวนิชย์ นักทรัพยากรบุคคลชานาญการ ทีมวิทยากร ศพช.
เพชรบรุ ี และทมี วทิ ยากร ครพู าทา
ประเด็นเนอ้ื หำกำรเรียนรู้
1. การทากจิ กรรมร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมพลังกนั ในการประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี ง การพฒั นาพนื้ ที่ตามหลักทฤษฎใี หม่
2. สรุปบทเรยี นและผลกจิ กรรมทรี่ ว่ มกันทา
3.1.10 วิชำ “กำรออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงย่ังยืน เพ่ือ
กำรพง่ึ ตนเองและรองรบั ภยั พิบัติ”
วิทยำกร : นายตอ่ วงศ์ ปยุ้ พนั ธวงษ์ นักวชิ าการอิสระ จากการศูนยก์ ารเรยี นรูบ้ า้ นไร่ยายลมิ้
ประเด็นเนื้อหำกำรเรยี นรู้
1. สถานการณแ์ ละภาวะวิกฤตของโลก ประเทศ ชมุ ชน (น้า อาหาร พลังงาน)
2. วิกฤตการณ์ด้านอาหาร สถานการณ์การขาดแคลนดา้ นอาหาร
3. วกิ ฤตดา้ นพลงั งาน การขาดแคลนพลงั งาน
3.1.11 วชิ ำ “กำรฝกึ ปฏิบตั ิกำรสร้ำงหุน่ จำลอง กำรจัดกำรพื้นที่ตำมหลักทฤษีใหม่ประยุกต์สู่
โคก หนอง นำ โมเดล”
วิทยำกร : นายต่อวงศ์ ปุ้ยพันธวงษ์ นักวิชาการอิสระ จากการศูนย์การเรียนรู้บ้านไร่ยายลิ้ม /
ทีมวิทยากศพช.เพชรบุรี และทมี วิทยากร ครพู าทา
ประเด็นเนื้อหำกำรเรียนรู้
1. ศาสตร์พระราชาด้านการบรหิ ารจัดการทรัพยากรดนิ นา้ ป่า
2. คน กลไกลสาคัญในการบริหารจดั การพนื้ ที่อย่างย่ังยนื ตามศาสตร์พระราชา
3. หลักคดิ พนื้ ฐานการออกแบบตามหลกั ภมู สิ งั คม (Geosocial
4. การคานวณการจัดการนา้ ฝนในพน้ื ท่ี
5. แนวคดิ การออกแบบและฝึกปฏิบัติการเขียนแบบตามหลัก “โคก หนอง นา”
3.1.12 วิชำ “Team Building ฝึกปฏบิ ตั ิกำรบริหำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤต หำอยู่ หำกิน”
วิทยำกร : จ.ส.อ.ภัธภาม ทองมีสิทธ์ิ เจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษา /ทีมวิทยากศพช.เพชรบุรี และ
ทมี วิทยากร ครูพาทา
ประเด็นเนอ้ื หำกำรเรียนรู้
1. การทากิจกรรมแบบพ่ึงตนเอง และใชท้ รัพยากรท่มี ีอยา่ งจากัดให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด
ดารงชวี ิตในภาวะวิกฤติ/การประสบภัยพบิ ัติ/วางแผนการทางานเปน็ ทีม ฝึกวินยั และคุณธรรม
2. การดารงชวี ติ ในภาวะวิกฤต/ิ การประสบภยั พิบัติ
3. รจู้ ักการวางแผนการทางานเป็นทีม ไดฝ้ ึกวินัยและคุณธรรม
4. ความหมาย/เป้าหมาย/รูปแบบ/ความสาคัญ Team Building
5. กตกิ าการทากจิ กรรม /สภาพพื้นทใ่ี นการดาเนนิ กิจกรรม
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพื้นที่ กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
7
3.1.13 วชิ ำ “กำรขับเคลื่อนสบื สำนศำสตร์พระรำชำ กลไก 357”
วิทยำกร : นายธรรมนญู ไขวพ้ นั ธ์ พัฒนาการจังหวัดเพรบุรี
ประเดน็ เนือ้ หำกำรเรยี นรู้
1. กลไกการขับเคลือ่ นสบื สานศาสตร์พระราชา กลไก 357
2. ทฤษฎีใหมก่ วา่ 40 ทฤษฎีตามศาสตร์พระราชา
3.1.14 วิชำ “ยุทธศำสตร์กำรขับเคลอื่ นปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ำรปฏิบตั ิ”
วิทยำกร : นายธรรมนูญ ไขว้พันธ์ พัฒนาการจังหวัดเพรบุรี/นางขวัญตา พ่วงทอง นักวิชาการ
พฒั นาชมุ ชนชานาญการ
ประเด็นเน้ือหำกำรเรยี นรู้
1. การกาหนดยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสู่การปฏิบตั สิ ถานท่ี
จริง
2. นาเสนอ/แลกเปลย่ี นเรียนรู้
3.1.15 วิชำ “ในหลวง ในดวงใจ”
วิทยำกร : นางขวัญตา พ่วงทอง นกั วิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ /ทมี วิทยากร ศพช.เพชรบุรี
ประเดน็ เนอื้ หำกำรเรยี นรู้
พระราชกรณยี กิจของพระบามทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราชบรม
นาถบพิตร (รชั กาลที่9) ส่พู ระราชปณิธานของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรีสนิ ทรมหาวชิรา
ลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพื้นที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
ส่วนท่ี ๒
สรุปเนือ้ หาวชิ าการ
กิจกรรมและผลการดาเนนิ กจิ กรรม
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพื้นท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
9
ส่วนท่ี 2
สรุปเนอ้ื หำวชิ ำกำร กจิ กรรมและผลกำรดำเนนิ กิจกรรม
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี ดาเนินการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ กิจกรรม
ย่อยที่ 1-1 สรา้ งแกนนาขับเคล่อื นหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตร เพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรม
สูร่ ะบบเศรษฐกจิ พอเพยี งรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล จานวน 4 รุ่นๆละ 5 วัน โดยกาหนดดาเนินการ รุ่น
ท่ี 1 ระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564 ,รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2564 , รุ่นที่ 3
ระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2564 และร่นุ ที่ 4 ระหวา่ งวนั ที่ 8-12 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนา
ชุมชนเพชรบรุ ี กลุ่มเป้าหมายจานวน 411 คนโดยกลมุ่ เป้าหมายเปน็ ผู้แทนครัวเรอื นพฒั นาพ้ืนท่ีเรียนรู้ “โคก
หนอง นา โมเดล” ในพ้ืนท่ีให้บริการของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี จานวน 6 จังหวัด ได้แก่จังหวัด
นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงครามและจังหวัดสมุทรสาคร (ยกเว้นจังหวัดกาญจนบุรี)
โดยสรุปสาระสาคญั ในการฝกึ อบรมภาควชิ าการ และการจัดกิจกรรมตามหลักสตู ร ดังนี้
เนอ้ื หาหลักสูตร ประกอบดว้ ย 14 เน้ือหาวชิ าหลัก 3 กจิ กรรมเสริมคุณค่า ดงั นี้
เน้ือหำวชิ ำหลัก
1) กจิ กรรมกลมุ่ สัมพันธ์
2) เรยี นรู้ตาราบนดนิ :กิจกรรมเดินชมพืน้ ที่
3) เข้าใจ เข้าถึง พฒั นา ศาสตรพ์ ระราชากับการพฒั นาทยี่ ัง่ ยืน
4) การแปลงปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสูก่ ารปฏบิ ตั ิแบบเปน็ ขนั้ เป็นตอน
5) ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “ทฤษฎีบนั ได 9 ข้นั สคู่ วามพอเพียง”
6) หลักกสกิ รรมธรรมชาติ
7) ฝกึ ปฏิบัติฐานการเรียนรู้
8) ถอดบทเรียนผา่ นสือ่ “วถิ ีภมู ิปญั ญาไทยกบั การพงึ่ ตนเองในภสวะวกิ ฤต
9) พฒั นา 3 ขมุ พลัง พลังกาย พลังใจ พลังสตปิ ญั ญา
10) จติ อาสาพฒั นา เอาม้ือสามัคคี พฒั นาพื้นที่ตามหลักทฤษฎใี หม่
11) การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างย่ังยืน เพื่อการ
พงึ่ ตนเองและรองรบั ภยั พิบัติ
12) การฝึกปฏิบัติการสร้างหุ่นจาลอง การจัดการพ้ืนท่ีตามหลักทฤษีใหม่ประยุกต์สู่โคก
หนอง นา โมเดล
13) Team Building ฝึกปฏิบัตกิ ารบรหิ ารจัดการในภาวะวกิ ฤต หาอยู่ หากิน
14) การขบั เคล่ือนสบื สานศาสตรพ์ ระราชา กลไก 357
15) ยุทธศาสตร์การขับเคล่อื นปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การปฏบิ ตั ิ
16) ในหลวง ในดวงใจ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ท่ี กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
10
กจิ กรรมเสริมคุณคำ่
1) กจิ กรรมหน้าเสาธง ปฏญิ าณตน สวดมนตไ์ หว้พระ บทพิจารณาอาหาร
2) กิจกรรมกตญั ญูต่อสถานท่ี
3) ตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง พระภิกษุ 9 รูป
กระบวนกำรเรียนรู้
1) ให้ผ้เู รียนเป็นศูนยก์ ลาง เน้นการเรียนรแู้ บบมีส่วนร่วม
2) วทิ ยากรให้ความรู้ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ และเตมิ เต็มความรู/้ ฝกึ ปฏิบัติ (เช้าบรรยาย
บา่ ยพาทา ค่าสรุป)
เทคนิค/วธิ กี ำร
1) บรรยายประกอบสือ่ Power Point
2) เวทีแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
3) สอ่ื วีดที ศั น์
4) แบ่งกลุ่มระดมสมองและฝึกปฏิบตั ิ
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมกล่มุ สมั พันธ์ 11
1. วิทยำกร นายอนสุ รณ์ กาญจนวณิชย์ ตาแหนง่ นักทรัพยากรบคุ คลชานาญการ
จ.ส.อ.ภัธภาม ทองมสี ทิ ธิ์ ตาแหนง่ เจา้ พนักงานโสตทศั นศกึ ษาชานาญงาน
นายวเิ ชษฐ์ เพชรรัตน์ ตาแหน่งพนักงานราชการทั่วไป(นักทรัพยากรบคุ คล)
2. วัตถุประสงค์
๑) เพ่ือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเป้าหมายด้วยกันและทีมวิทยากรเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีใน
การเรียนรู้
๒) เพอ่ื แบ่งกลมุ่ ในการรว่ มกจิ กรรมในแตล่ ะรายวชิ า
3. ระยะเวลำ 1 ชัว่ โมง
4. ประเด็นเน้อื หำวิชำ
1) สรา้ งความสมั พนั ธ์ ทาความรจู้ ัก
2) ตัง้ กลุ่มเรียนรู้ 5 กลุม่ ผ้าสแี ละ ธงสปี ระจากลมุ่
3) หาความคาดหวัง
5. เทคนิค/วธิ ีกำร
1) การสร้างบรรยายให้แนะนาตัวเอง “เพลงสวัสดี” ต่อด้วยกติกาการร่วม การให้ยา 3 เม็ดเม็ดท่ี 1
การให้โอกาส เม็ดท่ี 2 ให้ความรัก เม็ดที่ 3 ให้ความร่วมมือ ให้ความร่วมมือเป็นน้าไม่ล้นแก้ว พร้อมท่ีจะรับ
ความรใู้ หมๆ่
2) บัตรคา หาความคาดหวัง
6. สรุปผลกำรดำเนนิ กำรได้ ดงั นี้
1) วิทยากรสร้างบรรยายแนะนาตัวเองด้วย “เพลงสวัสดี” ต่อด้วยกติกการอยู่ร่วม การให้ยา 3 เม็ด
เมด็ ที่ 1 การใหโ้ อกาส เมด็ ท่ี 2 ใหค้ วามรกั เมด็ ท่ี 3 ให้ความร่วมมือ ให้ความร่วมมือเป็นน้าไม่ล้นแก้ว พร้อม
ทีจ่ ะรบั ความรูใ้ หมๆ่
2) ปรบมอื ใสร่ หัส “ขอบคุณ” “สวัสดี” “พร้อม”
3) กิจกรรมเกม ปรบมือกัน ตามเพลงประกอบ “ปรบมือกัน 2 คน สนุกสุดล้นสวนเสเฮฮา ปรบมือ
กันเถิดหนาสวนเสเฮฮา ปรบกัน 2 เพิ่มจานวนขึ้น 4 คน 5 คน 6 คน และเข้ากระบวนการจัดกลุ่ม ชาย -
หญงิ นั่งจดั กลมุ่ เรยี งอายุ นับ 1-5 ดกลมุ่ ๆ ละ 18-20 คน นัง่ แถวตอน 5 กลุม่ เรียงหนา้ กระดาน
4) กจิ กรรมถอดอายุ-และตาแหนง่ จากผู้ทม่ี อี ายสุ งู สุด หรือน้อยสุด เก็บใส่ โถวิเศษ เก็บอายุ และให้
สัญญากันว่า เราจะมีอายุเท่ากัน มีตาแหน่งเดียวกัน คือผู้นา ทากิจกรรมต่างๆ กระฉับกระเฉง ช่วยเหลือดูแล
กนั มคี วามสามัคคี มวี นิ ัย เหมือนกนั ไม่เอาอายมุ า-ตาแหน่งมาเปน็ อปุ สรรคในการทากิจกรรม
5) พิธี รับผ้าสีพันคอ “สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีชมพู สีม่วง” หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัช
การท่ี 9 และรัชกาลที่ 10 โดยวิทยากรกาหนดสีให้แต่ละกลุ่ม และรับผ้าสีหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ตาม
ธรรมเนียมปฏิบัติ เสมือนหน่ึงรับพระราชทานผ้าสีต่อหน้าพระพักตร์ และส่งให้กับสมาชิกกลุ่มแต่ละคนจน
ครอบ ทุกคนวางไว้บน ฝ่ามือขวา แล้วหลับตาลง พร้อมราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ตามคากล่าววิทยากร
และต้งั จติ อธฐิ าน ดังน้ี
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพนื้ ที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
12
“เพ่ือระลึกถึงพระมหำกรุณำธิคุณของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่รัชกำรท่ี 9 ที่ท่ำนได้มอบ
แนวทำง แสงสว่ำงที่เป็นทำงรอดให้กับพวกเรำ ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงท่ีท่ำนได้ทรงมอบเป็น
ของขวัญ มอบเป็นควำมรัก และในวันน้ีเรำจะต้ังใจฝึกฝนเอำจริงเอำจัง ท่ีจะทำให้แผ่นดินน้ีรอดพ้นจำก
วิกฤต มคี วำมพอเพยี งมคี วำมสุขอย่ำงย้ังยนื ขอใหท้ ุกท่ำนต้ังจติ อธิฐำน” ตั้งจิตอธิฐานครบั
เม่ือผเู้ ขา้ ฝึกอบรมลมื ตาขึน้ วทิ ยากรแนะนาการจัดเตรียมผ้าสีพันคอพร้อมผูกไว้ท่ีคอตามสีของตนเอง
หลงั จากนั้นทกุ คนผูกผ้าสคี รบทกุ คน วิทยากรออกคาสง่ั ใส่รหัส “พร้อม” และให้แต่ละสี นั่งเป็นวงกลมแนะนา
ตนเองในกลุ่ม จนครบโดยวิธีขานช่อื บูมกลมุ่ ให้ตั้งช่ือหมู่บ้าน คัดเลือก ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และน้อง
เล็ก(เลขา) และให้ผู้ใหญ่บ้านได้แสดงวิสัยทัศน์ จนครบทุกกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่ม คิดคาขวัญประจากลุ่ม เพลง
ประจากลุ่ม ท่าเต้นประกอบเพลงประจากลุ่ม นาเสนอวิทยากรอย่างสนุกสนานและจดจาได้ เพ่ือนาไปใช้ใน
กิจกรรมเขา้ ฐานการเรียนรู้ในวันถัดไป
6) เชิญผู้ใหญ่บ้านมารับธงสีประจากลุ่ม จากผู้อานวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี หรือ
ผู้ช่วยผู้อานวยการ และให้เลือก กานัน โดยให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละกลุ่มแสดง นโยบาย และวิสัยทัศน์ และ
โหวตเสยี ง ขา้ งมาก จนไดก้ านัน และใหก้ ลา่ วทักทายขอบคุณ
7) ค้นหาความคาดหวัง ต่อการเรียนรู้/เพื่อน (กติกาการอยู่ร่วมกัน) /วิทยากร /กระดาษสี 3 สี
เหลอื ง ความคาดหวังต่อการเรียนรู้ สชี มพู ความคาดหวงั ต่อเพอื่ น สีเขียว ความคาดหวังต่อวิทยากร และสรุป
ความคาดหวัง ดังนี้
รุ่นที่ 1
1. ควำมคำดหวังต่อกำรเรียนรู้ -การปลกู ป่า 5 ระดบั
-การทาปุ๋ยหมกั
-การจัดการเรื่องน้า -การเพาะปลูกทถ่ี กู วิธี -โคก หนอง นา โมเดล
-การหม่ ดนิ
-การนาความรู้ไปปรบั ใช้ -ทฤษบี นั ได 9 ขน้ั -ประสบการณ์ความรู้
-ต่อยอดเกษตรของตนเอง
-เกษตรพัฒนาย่ังยืน -มอี าชีพ -การออกแบบพ้นื ที่
- โคก หนอง นา โมเดล
-เขาใจหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง -หลักปฏิบัติ โคก หนอง นา -การบรหิ ารจดั การ
-พฒั นาท่ีดนิ ของตนเอง -รู้เรอ่ื งการจัดการ ดนิ นา้ ป่า
-มคี วามรูไ้ ปต่อยอดและถา่ ยทอดได้ -นาความรไู้ ปพฒั นาต่อยอด
2. คำมคำดหวังต่อเพอ่ื นผเู้ ข้ำรับกำรฝึกอบรม
-มคี วามสามคั คี -มีเพือ่ น -ไดเ้ ครอื ขา่ ย
-ดู แ ล ผู้ เ ข้ า อ บ ร ม ต ล อ ด ก า ร
-ได้แบ่งปันความรู้ -ช่วยเหลือดูแลกัน
3. ควำมคำดหวังต่อวทิ ยำกร
- มคี วามรู้มีความเชียวชาญ -ถ่ายทอดความรดู้ ี
อบรม
- แกป้ ญั หาขอ้ สงสยั ได้
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ท่ี กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพียง
13
รุน่ ท่ี 2
1.ควำมคำดหวังต่อกำรเรยี นรู้
-หลักกสกิ รรมธรรมชาติ -พฒั นาที่ดิน -เพ่อื นาความรไู้ ปใช้
-แนวทางการใช้ชวี ติ -เศรษฐกจิ พอเพยี ง
-ทาปุ๋ยอินทรยี ์ -เข้าใจการพัฒนาพนื้ ทีต่ ้นแบบให้ดขี ึ้น
-มีความรู้ โคก หนอง นา -แนวทางการออกแบบพ้นื ท่ี
-ทาเกษตรได้ถูกต้อง -นาความร้ไู ปพฒั นา -เศรษฐกิจพอเพียง
-สามารถนาไปปฏบิ ตั ิได้จริง -ความรู้ โคก หนอง นา โมเดล -ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
-เกษตรทฤษฎใี หมเ่ ศรษฐกิจพอเพียง
-ทฤษฎีบันใด 9 ข้ัน
2.ควำมคำดหวังต่อเพื่อนผเู้ ขำ้ รบั กำรฝกึ อบรม
-มติ รภาพ -อยดู่ ว้ ยกันตลอด 5 วัน 4 คืน -เพ่อื น/เครอื ข่าย
3.ควำมคำดหวังตอ่ วทิ ยำกร -ถ่ายทอดความรู้ ไมเ่ ครยี ด -ร่วมกิจกรรมด้วยตลอดการ
- เป็นกนั เอง ยม้ิ แย้ม - วทิ ยากรมีความรู้ความสามารถ
ฝึกอบรม
รนุ่ ท่ี 3
1.ควำมคำดหวังตอ่ กำรเรยี นรู้
-เกษตรทฤษฎใี หม่ -มีความรไู้ ปถา่ ยทอดกบั เครือข่าย -ปฏบิ ตั ิตามความรู้ไดจ้ รงิ
-นาความรู้พฒั นาตนเองและชมุ ชน -การออกแบบเชงิ ภมู ิสงั คม -หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ
-ความรู้ โคก หนอง นา -การเรยี นรูเ้ รอื่ งป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
-การออกแบบพืน้ ท่ี -การพฒั นา ปรบั ปรุง สิ่งแวดลอ้ ม
-ความรดู้ า้ นการทาเกษตร -การปฏบิ ัติมากว่าทฤษฎี -ปลูกพืชปลอดสารพิษ
-เกษตรทฤษฎีใหม่ -คืนชวี ติ ให้แผน่ ดนิ -ไดจ้ ัดพน้ื ท่ใี ห้เป็นระบบ
-ความรทู้ ่ีดแี บบแผนการพฒั นา -การบารุงดิน หม่ ดนิ แห้งชาม นา้ ชาม
2.ควำมคำดหวังตอ่ เพ่อื นผ้เู ขำ้ รับกำรฝกึ อบรม
-เพื่อนดอี ยดู่ ้วยกนั ตลอดโครง -มติ รภาพ เครอื ข่ายสามคั คี
3.ควำมคำดหวังต่อวิทยำกร
- สอนดไี มเ่ ครียด -สาธิตการสอนให้เข้าใจ -วิทยากรเก่งสอดแทรกรกิจกรรม
สนุกๆ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
14
รนุ่ ที่ 4
1.ควำมคำดหวงั ต่อกำรเรยี นรู้
-เศรษฐกิจพอเพียง -โคก หนอง นา โมเดล -ออกแบบพืน้ ที่
-การจดั การนา้ ในพืน้ ท่ี
-การทาป๋ยุ หมัก -ไดเ้ รียนรู้ดว้ ยการปฏิบัตจิ ริง -กสิกรรมธรรมชาติ
-ทฤษฎใี หม่ -ตอ่ ยอดความรู -เกษตรทฤษฎีใหม่
- แหง้ ชาม น้าชาม
-เรียนรู้พื้นท่ีตน้ แบบศนู ย์ฝกึ อบรม -การปลูกไม้ 5 ระดบั
-การทานาขา้ ว -การทาปยุ๋ นา้
-การทานา้ หมกั 7 รส -ได้จัดพนื้ ทใี่ ห้เป็นระบบ
2.ควำมคำดหวังตอ่ เพอื่ นผู้เข้ำรบั กำรฝกึ อบรม
-อยู่ดว้ ยกนั ตลอด -รกั สามคั คี มติ รภาพ -สนุกสนาน
-ให้ความร่วมมือ
-ไม่เครยี ด -ไมห่ นี ไม่โดด
-วทิ ยากรเนน้ ปฏิบัติ
3.ควำมคำดหวงั ตอ่ วทิ ยำกร
-วทิ ยากรเปน็ กนั เอง -สนกุ สนาน
-มคี วามรอบรู้ -ยิ้มเยม้ เป็นกันเอง
8) จัดเวรรับผิดชอบประจาวัน 1) กลุ่มสีแดง ปลุกเพื่อน (ส่งตัวแทนเชิญธงชาติ ตัวแทนนาไหว้พระ
กล่าวคาปฏิญาณ พิจารณาอาหาร ) / 2) กลุ่มสีเหลือง/ 3) กลุ่มสีเขียว 4) กลุ่มสีชมพู และ 5) กลุ่มสีม่วง
ตามลาดับ
9) จบลงด้วยเพลงสามัคคี ผู้นา “พวกเรำผู้นำนี่หนำ เรำมำร่วมสำมัคคี (ซ้ำ 3 คร้ัง) ร่วมแรง
ร่วมใจ (ช้ำ 2 ครั้ง) สำมัคคยี งิ่ ใหญ่ เฮ๊”
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
กิจกรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ที่ กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
15
วชิ ำ เรียนรู้ ตำรำบนดิน : กจิ กรรมเดินชมพน้ื ท่ี
1.วิทยำกร นางสาววาสนา ยึดเหนีย่ ว ตาแหนง่ นักวชิ าการพัฒนาชมุ ชนชานาญการ
2. วัตถุประสงค์
1) เพื่อสารวจและศึกษาเรียนรูต้ าราจากผนื ดนิ จากพื้นทีศ่ ูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี
2) เพือ่ วิเคราะหแ์ ละนาเสนอสงิ่ ทสี่ ังเกตเห็นและสงิ่ ท่ีไดจ้ ากการลงพนื้ ทใี่ นการเรยี นรู้
3. ระยะเวลำ 2 ช่ัวโมง (15.00 น. – 17.00 น.)
4. ประเดน็ เนอื้ หำวชิ ำ
5. เทคนิค/วธิ ีกำร
1) ส่อื Power point
2) แบง่ กลมุ่ ลงพื้นท่ีศึกษาเรียนรูข้ ้อมูลภายในพื้นที่ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชมุ ชนเพชรบุรี(ศพช.
เพชรบุรี)
3) การเตมิ เต็มใหข้ ้อคดิ และข้อเสนอแนะ จากวิทยากร
6. สรปุ ผลกำรดำเนินกำรและผลกำรเรยี นรู้
วิทยากรแนะนาตัวพูดคุยสร้างบรรยากาศให้เกิดความเป็นกันเอง และช้ีแจงแนวทางการดาเนิน
กจิ กรรม ดังนี้
1) แบ่งพ้ืนที่ของศพช.เพชรบุรี เป็น 5 ข้อมูลการเรียนรู้เพ่ือเป็นแหล่งศึกษาพ้ืนท่ีของผู้เข้าอบรมท่ี
แบ่งกลุ่มสไี วแ้ ลว้ จากกิจกรรมการปรับฐานการเรียนรู้ จานวน 5 กลุม่ สี ดงั น้ี
1.1) การสารวจดิน มอบหมาย กลมุ่ สแี ดง
1.2) การสารวจน้า มอบหมาย กลมุ่ สเี หลือง
1.3) การสารวจปา่ มอบหมาย กลมุ่ สีเขียว
1.4) การสารวจบา้ นพกั (หมบู่ ้าน) มอบหมาย กล่มุ สีชมพู
1.5) การสารวจสภาพทวั่ ไป มอบหมาย กลมุ่ สีมว่ ง
2) กาหนดระยะเวลาในการสารวจพืน้ ท่ีตามทกี่ าหนดเปน็ เวลา 50 นาที
3) กาหนดกตกิ าและมอบหมายแตล่ ะกลมุ่ สีในการเดินทางสารวจพน้ื ที่ ดงั นี้
3.1) ดู สงั เกต และฟงั การให้ขอ้ มูลจากวิทยากรประจาพื้นที่ท่ีกาหนด
3.2) ไม่ตัดสิน แนะนา ช้ีแนะหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ในขณะท่ีรับฟังการให้ข้อมูลและการ
สารวจพนื้ ทฯ่ี
3.3) ให้แตล่ ะกลมุ่ สีนาสงิ่ ทอ่ี ยใู่ นพ้ืนท่ีทก่ี าหนดให้สารวจนั้นๆ มากลุ่มละ 1 ชิ้น
3.4) เมือ่ ได้ยินสัญญาณให้ทุกกลุ่มกลับมารวมกันท่ีห้องฝึกอบรมโดยเรว็
4) หลังหมดเวลา 50 นาทีในการสารวจพ้ืนที่แล้วให้สัญญาณนกหวีด เพื่อให้แต่ละกลุ่มสีกลับมา
รวมกนั ที่หอ้ งฝกึ อบรม
5) ให้แตล่ ะกลุม่ สรี ่วมกันระดมสมองเพื่อสรุปข้อมลู การสารวจพน้ื ทีต่ ามประเดน็ ท่ีกาหนด ดังน้ี
5.1) จากการสารวจพื้นที่ ท่านได้พบเห็นอะไรบ้าง ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับพ้ืนท่ีท่ีท่านได้ลง
พ้นื ท่ีสารวจข้อมลู อย่างไรบ้าง
5.2) ส่ิงท่ีท่านนามาจากการสารวจพ้ืนที่ 1 ชิ้น คืออะไร เพราะเหตุใดจึงนาส่ิงน้ันมา (โปรด
อธิบาย)
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ที่ กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
16
6) มอบอุปกรณ์ (กระดาษฟลปิ ชาร์ท , ปากกาเคมี 2 หัว) ให้แต่ละกลุ่มในการระดมสมองสรุปข้อมูล
ทไ่ี ด้จากการสารวจพ้ืนท่ีของตนเอง ตามประเด็นที่กาหนดลงในกระดาษฟลิปชาร์ท กาหนดเวลาให้ 20 นาที
หลังจากนั้นคัดเลือกตัวแทนกลุ่มนาเสนอข้อมูล ใช้เวลากลุ่มละไม่เกิน 5 นาที (หากกลุ่มสีใดทางานเสร็จก่อน
ให้กลบั มานั่งท่ีและใส่รหสั “พร้อม” เพือ่ รอการนาเสนอ)
หลังจากครบเวลาท่ีกาหนดแล้ว ให้กลุ่มที่พร้อมนาเสนอ ออกมานาเสนอข้อมูลท่ีได้ร่วมกันระดม
สมองตามประเด็นท่ีกาหนด และเมื่อแต่ละกลุ่มได้สลับกันออกมานาเสนอข้อมูลฯ แล้ว วิทยากรได้สรุปข้อมูล
ของแต่ละกลุ่ม พร้อมกับแนะนา ใหข้ อ้ คิด และเติมเตม็ ข้อมูลบางส่วนให้แก่ผู้เข้าฝึกอบรมอีกครั้ง ซ่ึงแต่ละกลุ่ม
ได้นาเสนอขอ้ มลู จากการสารวจพื้นทที่ ี่กาหนด สรปุ ได้ดงั นี้
รุ่นที่ 1
สรปุ ขอ้ มูลกำรสำรวจพ้นื ทขี่ องแตล่ ะกลุ่มสแี ละแตล่ ะพื้นท่ี ดงั น้ี
กลมุ่ สแี ดง สำรวจสภำพดิน
สิ่งท่ีกลุ่มสีแดงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า จากการไปสารวจพื้นท่ี
และอธบิ ายลกั ษณะของดินภายในศพช.เพชรบุรี มีหลายแบบตามพ้ืนที่ต่างๆ โดยวิทยากรนาไปดูหลายจุด แต่
ละจุดก็มีลักษระท้ังท่ีเหมือนหรือใกล้เคียงกัน และแบบท่ีต่างกัน มีทั้งดินดาน ดินทรายขี้เป็ด ดินเหนียว ดิน
ลูกรัง ซ่ึงแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันเนื่องจากมีการถมที่ มีการทาถนน มีการขุดบ่อ ทาให้ได้เห็นว่าดิน
แตกต่างกัน แตโ่ ดยท่ัวไปถือว่าเป็นดินท่ีไมค่ ่อยอดุ มสมบูรณท์ ่จี ะปลูกพชื ผักสักเทา่ ใดนัก
ขอ้ แนะนาคือ ให้มีการปลูกต้น ปอเทอื งแลว้ ไถกลบ เพ่ือใหด้ นิ มสี ภาพดขี นึ้
สิง่ ท่ีนำมำจำกพน้ื ที่
ก้อนดินเหนียวที่มีต้นหญ้าข้ึน เพราะอยากให้เพ่ือนๆมองเป็นมุมมองท่ีน่าคิด คือแม้ว่าดินจะไม่
เหมาะกับการปลูกพืชผักหรือการทาเกษตร แต่ก็จะสามารถปรับปรุงได้ เหมือนกับต้นหญ้าที่สามารถ
เจริญเติบโตได้ปรับตัวได้ถึงแม้จะเป็นดินที่ไม่ได้เหมาะสมในการเจริญเติบโต คนเราก็เช่นกัน ควรปรับตัว
ยืดหยุ่นให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสุข
กลมุ่ สเี หลือง สำรวจนำ้
ส่งิ ทกี่ ลุ่มสีเหลอื งไดพ้ บเหน็ และกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรีมีระบบ
การระบายน้าแบบคลองส่งน้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยรับน้ามาแบบคลองชลประทานจากเข่ือนแก่ง
กระจาน มีการไหลเวียนอยใู่ นพ้นื ที่ ท้ังคลองส่งน้า และสระน้าภายในศูนย์ โดยบางพ้ืนท่ีมีการกระจายน้าแบบ
ระบบคลองไสไ้ ก่ ศูนย์มีนา้ มากถึง 1 ใน 3 ของพน้ื ท่ี มคี วามอุดมสมบรู ณ์เรอ่ื งน้ามาก
พื้นทเี่ ปน็ บรเิ วณทีม่ ีน้ามากเกนิ ไป หากตอ้ งการมีพื้นทีเ่ พาะปลกู กค็ วรถมพื้นที่ใหเ้ ป็นพ้ืนดินให้มากข้นึ
ส่งิ ทน่ี ำมำจำกพืน้ ท่ี
น้ำจำกสระ 1 แก้ว เพ่ือแสดงให้เห็นว่าในน้าน้ันมีสภาพเป็นกรด เพราะมีหินปูนมาก หาก
ต้องการปรับสภาพน้าใหด้ ขี นึ้ วธิ ีที่เคยใชค้ อื การบาบัดน้าโดยธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมากพอสมควร
จะใช้ความอดทนในการรอผล วิธีที่ใช้คือใช้น้าหมักรสจืด หรือปลูกผักกระเฉด ผักกระฉูด เป็นวิธีธรรมชาติ
บาบัดน้าไดว้ ิธีหนงึ่
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ท่ี กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
17
กลุม่ สเี ขยี ว สำรวจพนื้ ทป่ี ่ำ
สิ่งท่ีกลุ่มสีเขียวได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า พ้ืนที่ศพช.เพชรบุรีมี
ความอดุ มสมบูรณ์มาก เป็นพ้นื ท่ีท่ีนา่ อยอู่ าศัย มีพ้ืนที่ในการปลูกต้นไม้กระจายไปในพื้นที่บริเวณต่างๆ มีทั้งไม้
เล็กไม้ใหญ่ปะปนกันไป บางต้นเป็นไม้ยืนต้นที่หายากในปัจจุบัน ควรที่จะมีการเพาะหรือขยายพันธ์ุไว้ใช้
ประโยชน์ในอนาคต
สงิ่ ที่นำมำจำกพน้ื ที่
ก่ิงมะขาม เน่ืองจากเห็นว่าตน้ มะขามมีประโยชนม์ ากมายหลายอย่าง ต้งั แต่ใบออ่ น ใชท้ าอาหาร
ใบแก่ ทาสมุนไพรในการรักษาโรค เช่นนามาเป็นส่วนประกอบในลูกประคบ ใบแก่ท่ีร่วม นามาทาปุ๋ย ฝัก
อ่อน นามาทาอาหาร เช่นใชต้ านา้ พริก ฝักแก่ นามาปรุงอาหาร /บารงุ ผวิ เมล็ด เปน็ ยาถา่ ยพยาธิ ใช้โรยเป็น
แนวร้ัวบ้าน ต้น ทาเขียงหรือการนามาก่อสร้างบ้านเรือนท่ีอยู่อาศัย รวมทั้งให้ร่มเงา ถือเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน
และมีประโยชนน์ านัปการ
ข้อเสนอแนะ จากการท่ีได้เห็นการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ จึงอยากให้ทดลองทานาแบบไฮโดรโปรนิกส์ ว่าจะ
สามารถทาได้หรือไม่
กลมุ่ สีชมพู สำรวจพ้ืนทห่ี มู่บำ้ น (บ้ำนพกั )
ส่ิงทก่ี ลุม่ สชี มพูไดพ้ บเหน็ และกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี มีบ้านพัก
ทเี่ ป็นทัง้ บา้ นพกั รับรองผู้ใหญ่ บ้านพักข้าราชการ บา้ นพักเจา้ หน้าที่ และอาคารสาหรับให้ผู้เข้ามาอบรมพัก ซ่ึง
ที่บ้านพักแต่ละหลังจะมีการปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานทุกบ้าน รวมท้ังมีการนาไปแบ่งปันแลกเปลี่ยน
กันด้วย บ้านพักจะมีพ้ืนท่ีการแบ่งเป็นโซนของแต่ละบ้าน ในส่วนของบ้านและอาคารหอพักก็จะกระจายอยู่
ภายในพื้นท่ีของ ศพช.เพชรบุรี เปรียบเสมือนบ้านหรือครัวเรือนในชุมชน ที่มีบ้านพักผู้อานวยการเป็นบ้าน
ผูใ้ หญ่บ้านท่ีคอยดูแลลกู บา้ นภายใน ศพช.เพชรบุรี
สิง่ ทน่ี ำมำจำกพืน้ ท่ี
มะนำว เปน็ พืช/ผลไมท้ มี่ ีประโยชน์มากมาย สามารถนามาทายา ทาอาหาร ทาน้าเครื่องด่ืมเม่ือ
ด่ืมแล้วจะร้สู ึกสดชื่น ลดไขมนั ตา้ นอนมุ ลู อิสระ ต้านมะเร็ง
ขอ้ แนะนา การปลกู มะนาวถา้ หากปลูกในรองบ่อจะสามารถควบคุมดูแลกว่าได้ง่ายแต่ควรเป็นรองแบบเปิดก้น
รอง แนะนาใหใ้ ช้นา้ หนกั อนิ ทรยี ์สงั เคราะหแ์ ส่งฉดี พน่ บ่อยๆ จะออ กดอกท้งั ปี
กลมุ่ สีมว่ ง สำรวจสภำพพ้ืนทที่ ว่ั ไป
สิ่งท่ีกลุ่มสีม่วงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี มีพื้นที่
ประมาณ 50 ไร่ ทิศเหนือติดกับสานักงานขนส่งสาขาชะอา ทิศใต้ติดสานักทางหลวงชนบทท่ี 4 เพชรบุรี ทิศ
ตะวันออกตดิ กบั พ้นื ที่ราชพัสดุที่เปน็ ชุมชนท่ีอยู่อาศัยของชาวบ้าน ทิศตะวันตก ติดกับพื้นที่โรงเรียนนิคมสร้าง
ตนเอง และศนู ย์ดูแลเดก็ เล็กเทศบาลนายาง โดยมกี ารแบ่งพน้ื ที่ เปน็ อาคารต่างๆ เช่น อาคารฝึกอบรม อาคาร
หอพัก อาคารสานกั งาน โรงอาหาร โรงยิม รวมท้ังที่ฐานการเรยี นร้ขู องศนู ย์ ท่ีกระจายอยู่ภายในพ้นื ที่ของศูนย์
สิ่งที่นำมำจำกพ้นื ท่ี คอื ต้นตาล(เล็กๆ) เพราะถอื เป็นสญั ลกั ษณข์ องจังหวัดเพชรบุรี และเป็นพืชที่
มปี ระโยชนม์ ากมาย เช่น ต้น นามาแปรรปู เปน็ อปุ กรณ์เคร่ืองใชต้ า่ งๆ ใบ นามาทาหลังคาบ้านหรือที่อยู่อาศัย
ของสตั ว์ ผลแก่ –ผลสด นามาทาอาหาร เช่น ทาขนม ทานสด แกงหัวตาล งวงตาลได้น้าตาลสด และนามา
แปรรูปเปน็ นา้ ตาลปีป
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้ืนท่ี กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
18
ข้อเสนอแนะ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรีมีจุดแข็งคือ เป็นพื้นท่ีอุดมสมบูรณ์ เดินทางสะดวก สภาพ
ภมู ิอากาศดี จดุ ด้อยคอื เชื้อโรคทอี่ าจมาจากขน้ี กพิราบ ทม่ี ีอยจู่ านวนมาก
รนุ่ ที่ 2
สรปุ ขอ้ มูลกำรสำรวจพืน้ ท่ขี องแต่ละกล่มุ สแี ละแต่ละพื้นท่ี ดังนี้
กลมุ่ สแี ดง สำรวจสภำพดนิ
สง่ิ ที่กลุม่ สแี ดงไดพ้ บเหน็ และกำรอธิบำยขอ้ มูลจำกวทิ ยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี มีลักษณะ
เป็นดินกระด้าง แต่ละสถานท่ีมีลักษณะท่ีแตกต่างกันไปตามกิจกรรม บางแห่งลักษณะแข็งเป็นดินดาน บาง
แห่งมีลักษณะเป็นดินขี้เป็นทีเป็นเม็ดทรายปนกรวด บางแห่งมีลักษณะเป็นความเป็นดินปนทราย บางส่วน
เป็นดินทเ่ี กดิ จากการทบั ถมของตะกอนต่างๆในชว่ งหน้าฝนที่มีประมาณน้ามาก ซ่ึงมักเกิดในบริเวณท่ีเป็นพื้นท่ี
ลมุ่ จึงมีการทบั ถมของตะกอนเป็นเวลานาน.ทาใหบ้ ริเวณนี้มีสภาพดินร่วนดีกว่าบริเวณอ่ืน แต่ในส่วนใหญ่ที่พบ
คือเป็นดินไม่อุดมสมบูรณ์ หากจะทาการเพาะปลูกบริเวณใด ให้นาฟางมาโรย แล้วรดด้วยน้าหมักจุลินทร์รส
จืดหรือจุลนิ ทรยี ส์ งั เคราะห์แสง
สงิ่ ที่นำมำจำกพน้ื ท่ี
ดินแบบก้อน 2 ชนิด คือ ก้อนดินเหนียว และดินร่วนปนทราย สาเหตุที่นามาเพราะอยากให้
เพื่อนเห็นลักษณะของดินด้วยตา และอยากให้เพื่อนๆ ให้ความสาคัญในการบารุงดูแลรักษาดินที่เป็นงานหลัก
ของการทาเกษตรกรรมของประเทศไทย
กลมุ่ สีเหลอื ง สำรวจนำ้ สรปุ ไดว้ า่ ศพช.เพชรบุรมี ีระบบน้าท่ีเปน็ ธรรมชาตทิ อ่ี ดุ มสมบูรณ์ โดยการ
สง่ มาจากเขอื่ นแกง่ กระจาน มกี ารถา่ ยเทระบบน้าจากสระแต่ละลกู ไปอยา่ งต่อเนอื่ งกัน มีการทาฝายชะลอน้า
ไว้ในคลองส่งน้าภายใน ศพช.เพชรบุรี มีระบบไหลเวียนน้าน้าจากคลองส่งน้า และสระน้าภายในบริเวณ
นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีการกักเก็บน้าในระบบการรักษาความชุ่มชื้นของพ้ืนท่ีในลักษณะของการทาคลองไส้ไก่
ในพ้ืนท่ีการทากิจกรรมโคก หนองนา โมเดล หลังจากน้ันส่งออกไปบริเวณนอกพื้นท่ี ลงไปสู่พ้ืนท่ีทานาและ
เพาะปลกู ของชาวบ้าน ต่อไป
ขอ้ แนะนำ ควรมีการปลูกพชื ทส่ี ามารถอุม้ นา้ ได้ เช่นกลว้ ย
สิ่งที่นำมำจำกพ้ืนที่ คือ น้ำหมักจุลินทรีย์สังเครำะห์แสง เนื่องจากได้พบเห็นว่า ศูนย์มีการใช้
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงในบริเวณต่างๆ ซ่ึงน้าหมักน้ีมีประโยชน์ในการทาเกษตรกรรมมาก มีประโยชน์ในการ
ช่วยย่อยสลายซากพืชซากสตั ว์ บารงุ ต้นพชื
กลมุ่ สเี ขียว สำรวจพ้นื ท่ีป่ำ
ส่ิงที่กลุ่มสีเขียว สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรีมี พ้ืนที่ป่า5 ระดับ ที่ไม่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่เนื่องจาก
สภาพดินไม่เหมาะในการปลูกพืช มกี ารปลกู ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างในพ้ืนท่ี แต่ละพื้นท่ีจะมีการจัดโซน
การปลูกต้นไม้แต่ละประเภทตามความเหมาะสม จากสภาพพื้นดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์ ทาให้ต้นไม้เจริญเติบโต
ได้ไมด่ เี ทา่ ทีค่ วร
ข้อแนะนา คือ ให้ปรึกษาหมอดินอาสาในการพัฒนาปรับปรุงดิน อาจใช้วิธีการแกล้งดิน หรือเรียนรู้จาก
กลมุ่ ชุดดนิ 40 ของกรมพฒั นาทด่ี นิ มาช่วยแกไ้ ข
สิ่งที่นำมำจำกพื้นที่
ใบไม้แห้ง เพราะสามารถนามาใชใ้ นการทาปุ๋ยบารงุ ดนิ บารงุ พชื ได้
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพน้ื ท่ี กจิ กรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
19
กลุ่มสชี มพู สำรวจพืน้ ที่หมู่บำ้ น (บำ้ นพัก) สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรีมีการจัดพ้ืนท่ีสาหรับอาคาร
บ้านพักต่างๆไว้อย่างมีระเบียบ มีถนนเชื่อมระหว่างบ้าน โดยมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่วมเงาทาให้เกิดความร่มร่ืน
บ้านพักข้าราชการ เรือน/บ้านรับรอง และบ้านพักลูกจ้างประจาและคนงานแยกออกจากกัน บ้านพักแต่ละ
หลังจะมีการปลูกพืชผักสวนครัวไว้ที่บ้าน ซึ่งแต่ละบ้านก็จะปลูกมากน้อยต่างกัน โดยมีการจัดระเบียบบ้านไว้
สวยงามนา่ อย่มู าก
ข้อแนะนำ ต้นไม้ใหญ่ ควรมีการตัดกิ่งบ้าง เพราะในหน้ามรสุมอาจเกิดเหตุก่ิงไม่หัก โค่นทับสายไฟ ทาให้เกิด
อนั ตรายตอ่ ชีวติ และทรัพยส์ ินได้
สงิ่ ทนี่ ำมำจำกพน้ื ที่
คอื ฟาง เนอื่ งจากสามารถถือมาไดง้ า่ ย ทสี่ าคญั คือ ฟางมีประโยชนม์ ากมายหลายอย่าง เช่นนามา
บารุงดิน ปรับสภาพดิน ควบคุมวัชพืช รวมท้ังเป็นอาหารสัตว์ในหน้าแล้ง อีกทั้งยังนามาใช้ในการเพาะเห็ดได้
อกี ดว้ ย
กล่มุ สมี ว่ ง สำรวจสภำพพ้ืนท่ที ั่วไป
ส่ิงท่ีกลุ่มสีม่วงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่าในพื้นท่ี ศพช.เพชรบุรีมี
การบริหารจัดการพ้ืนที่ ดังน้ีเพชรบุรี ได้มีการจัดพื้นท่ีเป็นบริเวณต่างๆ เช่น บริเวณบ้านพัก บริเวณหอพัก
อาคารอบรม อาคารสานักงาน อาคารโรงอาหาร มีกิจกรรมฐานเรียนรู้กระจายอยู่ภายในพ้ืนที่ ศพช.เพชรบุรี
ใช้ระบบนา้ อุปโภคบรโิ ภคทเ่ี ปน็ ทงั้ ระบบประปา และระบบน้าบาดาล ซ่ึงบ้านพักแต่ละบ้านสามารถเลือกใช้น้า
ได้ตามต้องการของเจ้าของบ้าน เขตติดต่อของ ศพช.เพชรบุรี ทิศเหนือติดสานักงานขนส่งจังหวัดเพชรบุรี
(สาขาชะอา) ทิศตะวันออกติดพ้ืนท่ีชุมชนซึ่งเป็นพื้นที่เขตราชพัสดุ ทิศตะวันตก ติดศูนย์ดูแลเด็กเล็กเทศบาล
นายาง และทิศใต้ติดสานักงานทางหลวงชนบทท่ี 4 เพชรบุรี โดยศพช.เพชรบุรี ได้มีการจัดพื้นที่เป็นบริเวณ
ต่างๆ เช่น บริเวณบ้านพัก บริเวณหอพัก อาคารอบรม อาคารสานักงาน อาคารโรงอาหาร มีกิจกรรมฐาน
เรยี นรู้กระจายอยู่ภายในพ้นื ที่
ส่ิงที่นำมำจำกพ้ืนท่ีคือ ไม่ไผ่ สาเหตุที่นามาเนื่องจากไม้ไผ่มีประโยชน์มากมาย ต้ังแต่เป็นหน่อ
เป็น ลาต้นแก่จัดสามารถนามาเป็นเครื่องใช้ต่างๆ เป็นอุปกรณ์ใส่อาหาร เช่นกระบอกน้า ทาข้าวหลาม ทารั้ว
ทาท่อี ยู่อาศัย เปน็ แนวกนั ลม เป็นต้น
รุ่นท่ี 3
สรุปขอ้ มลู กำรลงสำรวจพ้ืนท่ีศพช.เพชรบรุ ีของแต่ละกลุ่มสแี ละแต่ละพ้ืนท่ี ดังนี้
กลมุ่ สแี ดง สำรวจสภำพดิน
ส่ิงท่ีกลุ่มสีแดงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า สภาพดินของ ศพช.
เพชรบุรีเป็นดินกระด้าง มีลักษณะเป็นดินดาน แข็งขุดไม่ลง บางแห่งมีหินและกรวดปะปนอยู่ ซึ่งไม่เหมาะสม
สาหรับการปลูกพืช ทาให้ต้นไม้ภายในบริเวณนี้ บางชนิด ไม่เจริญเติบโต มีสภาพแคระแกรน แต่เนื่องจากมี
ความอุดมสมบูรณ์ของน้า จึงทาให้พอมีความชุ่มช้ืนในดินท่ีจะช่วยให้พืชบางชนิด สามารถเติบโตได้หากปลูก
ใกล้พ้ืนท่ีทม่ี ีนา้ อยูใ่ กล้
สง่ิ ทน่ี ำมำจำกพ้ืนท่ี
ก้อนดิน เนื่องจากต้องการให้เพื่อที่เข้าอบรมท่ีไม่ได้ไปศึกษาเรื่องสภาพดิน ได้เห็นภาพชัดเจน
ยิ่งข้ึน หากมองในสภาพโดยรวม อาจมองว่าเป็นพ้ืนท่ีอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่โดยสภาพจริง
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพื้นท่ี กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
20
แล้ว ใต้พน้ื ดนิ มอี ุดมสมบูรณ์ เนอื่ งจากไมใ่ ช่พน้ื ทใี่ นการทาเกษตร แต่เปน็ ลักษณะของพื้นท่ีหน่วยงานราชการที่
ตอ้ งมกี ารก่อสรา้ ง มีการทากิจกรรมต่างๆ และอาจเป็นเพราะการอยู่ใกล้ทะเล หรืออาจเป็นพ้ืนท่ีทะเลมาก่อน
เมื่อหลายรอ้ ยหลายพันปี
กลมุ่ สีเหลือง สำรวจนำ้
สิ่งท่ีกลุ่มสีเหลืองได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า โดยท่ัวไป น้าบนโลก
ใบน้ี มี 2 ประเภทคอื น้าจืด และน้าเค็ม ในส่วนของศพช.เพชรบุรีมีระบบน้าที่ดีมาก มีระบบการระบายน้าที่
เหมาะสม มีการทาน้าพุในสระรอบอาคารเพ่ือเพิ่มอากาศให้น้า ลดการเน่าเสียของน้า น้า โดยได้รับการส่งน้า
มาจากเขอ่ื นแก่งกระจาน ซ่ึงเป็นเขื่อนท่ีดูแลระบบน้าของจังหวัดเพชรบุรี โดยการส่งน้าลงสู่คลองชลประทาน
หลายสายเพ่ือทาการเกษตรได้ตลอดปี ช่วงหน้าฝนก็จะมีประมาณน้ามาก และอาจมีเหตุน้าท่วมพื้นท่ี แต่
สามารถระบายน้าไดเ้ รว็ ไมท่ ่วมขังนาน สามารถระบายน้าไดเ้ รว็ ถอื เป็นจุดแขง็ เร่ืองนา้ ของพ้ืนที่ ศพช.เพชรบุรี
ในการทาการเกษตร และถือวา่ เป็นพนื้ ที่ทม่ี ีสภาพแวดล้อมทด่ี อี ย่างยิง่
สง่ิ ทีน่ ำมำจำกพนื้ ท่ี
ดอกจอก นามาเพราะ ดอกจอกมีอย่ใู นพน้ื ที่ที่เป็นน้าของศูนย์ ซึ่งดอกจอกมีประโยชน์ในการให้ร่ม
เงาพกั อาศัยแก่สัตวน์ า้ รากสามารถดูดซับสารพษิ และตะกอนในนา้ แต่โทษคอื หากมีจานวนมากเกินไปทาให้
ขัดขวางการไหลของน้า สัตว์น้าขาดอากาศหายใน ข้อเสนอแนะ จึงให้นามาข้ึนมาทาเป็นปุ๋ย หรือห่มดิน โดย
วางไวร้ อบๆ โคนตน้ ไม้เพื่อสร้างความชุม่ ชนื้ ใหแ้ กต่ น้ ไม้ได้
กล่มุ สเี ขียว สำรวจพน้ื ทีป่ ่ำ
สิง่ ทก่ี ลุ่มสเี ขยี วได้พบเห็นและกำรอธบิ ำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรีมีพ้ืนท่ีป่า
ส่วนวหน่ึงที่เป็นโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้าฯ เป็นการ
ปลูกตน้ ไมห้ ายาก และประเภทป่า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อย่าง โดยภายในพื้นท่ี ศพช.เพชรบุรี จัดให้มีการปลูก
ป่า 5 ระดับ ไม้สงู ไมก้ ลาง ไมเ้ ตย้ี ไมเ้ รย่ี ดิน และไม้หัวใต้ดิน กระจายอยู่ในบริเวณต่างๆตามกิจกรรมท่ี ศพช.
เพชรบุรกี าหนดดาเนนิ การ แตบ่ างพืน้ ท่ีพบวา่ มกี ารบารุงดิน และการใช้เศษหญ้าแห้ง และฟางมากองรอบโคน
ตน้ ไม้ หรอื ทเี่ รยี กว่าการ “หม่ ดิน”อีกด้วย
สิ่งที่นำมำจำกพื้นที่ คือ จั่นมะพร้าว เป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของต้นมะพร้าวท่ีมีประโยชน์
มากมายหลายอยา่ ง เชน่ ทาไม้แปรรูปเป็นท่ีอยู่อาศัย ใบทาเป็นเครื่องจักสาน ทาขนม ก้านทาไม้กวาด จ่ันให้
น้าตาลมะพรา้ ว นามาแปรรูปเปน็ นาตาลมะพร้าว
กลุ่มสีชมพู สำรวจพื้นที่หมู่บ้ำน (บ้ำนพัก) สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรีมีการแบ่งลักษณะของ
บ้านพักเป็นบ้านพักข้าราชการ บ้านท่ีเป็นเรือนแถวของลูกจ้างประจาและคนงาน มีบ้านรับรอง เปรียบเป็น
หมู่บ้านแห่งหน่ึง มีการทาป้ายช่ือเจ้าของบ้านแต่ละหลังไว้อย่างชัดเจน มีการตบแต่งถนนในหมู่บ้านด้วยไม้ไผ่
อยา่ งเปน็ ระเบียบ โดยมีบ้านพักผอู้ านวยการศพช.เพชรบุรี เปรียบเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้าน ท่ีดูแลบ้านแต่ละหลังใน
ชุมชน บ้านแตล่ ะหลังจะมีการปลกู ผักสวนครวั ไวร้ ับประทานเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่สามารถเป็นตัวอย่างในการ
ดาเนินชีวิตของประชาชนทัว่ ไปได้
สิ่งที่นำมำจำกพ้ืนท่ี ก้อน EM Ball เนื่องจากเห็นว่าศพช.เพชรบุรี มีการทา อีเอ็มบอล คาดว่า
คงจะนามาใช้ในการปรบั สภาพนา้ หรืออาจนามาใชป้ ระโยชนอ์ ่ืนๆของทางศพช. ท่ีน่าจะมีประโยชน์สาหรับคน
เข้าอบรมอยา่ งเรามาก ทที่ างคณะวทิ ยากรอาจจะใหข้ ้อมูลเราในการเรยี นรู้วนั ต่อไป
กลุ่มสีม่วง สำรวจสภำพพ้ืนท่ีท่ัวไป สรุปได้ คือสภาพท่ัวไปของพ้ืนที่ศพช.เพชรบุรี มีความสงบ
ร่มรื่น มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษทางอากาศและทางเสียง มีอาณาเขตคือ ทิศเหนือติดสานักงานขนส่ง
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพืน้ ท่ี กจิ กรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
21
จังหวัดเพชรบุรี (สาขาชะอา) ทิศตะวันออกติดพ้ืนท่ีชุมชนซ่ึงเป็นพื้นที่เขตราชพัสดุ ทิศตะวันตก ติดศูนย์ดูแล
เด็กเล็กเทศบาลนายาง และทิศใต้ติดสานักงานทางหลวงชนบทท่ี 4 เพชรบุรี บริเวณต่างๆของพ้ืนที่มีการ
จัดเป็นฐานเรียนรู้ต่างๆที่ มีการจัดพ้ืนท่ีเป็นพื้นที่ต้นแบบโคก หนอง นา โมเดล จานวน 2 แปลง มีอาคาร
สถานที่ต่างๆเช่น อาคารอบรม อาคารหอพัก อาคารสานักงาน บ้านพักข้าราชการและลูกจ้าง เป็น
สภาพแวดล้อมทด่ี ีและเหมาะสม
สงิ่ ท่ีนำมำจำกพืน้ ท่ี
ลกู มะเขอื เปราะ เป็นพืชผักท่ีสามารถปลุกได้ง่าย มีผลผลิตในระยะยาวถ้ามีการปรับปรุงดิน หรือ
ดูแลท่ีดี สามารถนามาทาเป็นส่วนผสมของอาหารได้เกือบทุกอย่าง สามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย เป็นพืชผักท่ีคน
ส่วนใหญ่คิดถึงเป็นอนั ดบั แรกๆ
รุ่นท่ี 4
สรุปข้อมูลกำรสำรวจพ้นื ทขี่ องแต่ละกลุ่มสีและแต่ละพน้ื ท่ี ดงั น้ี
กลมุ่ สแี ดง สำรวจสภำพดนิ
ส่ิงที่กลุ่มสีแดงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า จากการไปสารวจพื้นท่ี
และอธิบายลักษณะของดินภายในศพช.เพชรบุรี มีหลายแบบแตกต่างกันไปตามพื้นท่ี มีทั้งดินกระด้าง แข็ง
เหนียว และดินร่วนปนทราย ที่เรียกว่าดินขี้เป็ด โดยวิทยากรนาไปดู แต่ละจุดก็มีลักษณะทั้งที่เหมือนหรือ
ใกล้เคียงกัน แตโ่ ดยท่วั ไปถอื ว่าเปน็ ดินท่ไี ม่คอ่ ยอดุ มสมบรู ณไ์ มเ่ หมาะทจี่ ะปลูกพชื ผัก แต่เห็นว่ามีการนาดินมา
ผสม และปรบั วธิ กี ารในการเพาะปลูก โดยการบกเป็นแปลงสาหรับปลูกผกั
ข้อแนะนาคือ ควรมกี ารรปรบั สภาพดนิ ให้เหมาะสม หากต้องการทาเกษตรกรรม โดยการทาปุ๋ยบารุงดิน หรือ
ใชต้ ัวช่วยอนื่ ในการปรับปรงุ เช่น การปลกู ปอเทอื งไถกลบ
สงิ่ ท่ีนำมำจำกพนื้ ที่
ดินจำกกำรลงสำรวจพ้ืนที่ 3 แบบ เน่ืองจากต้องการให้เพื่อนผู้เข้าอบรมเห็นว่าดินแต่ละพื้นท่ี
ของ ศพช.เพชรบรุ ี ว่าแต่ละจดุ มสี ภาพดินท่ีแตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เหมาะในการทาการเพาะปลูก หาก
เพื่อนๆมีข้อมูลในการปรับปรุงดินจะได้ให้คาแนะนา ศพช.เพชรบุรีและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์กับ
เพอ่ื นๆผู้เข้าอบรม
กลมุ่ สีเหลอื ง สำรวจน้ำ สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี ได้รับน้ามาจากจากเขื่อนแก่งกระจาน มีระบบ
การระบายนา้ แบบคลองส่งน้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีการไหลเวียนอยู่ในพื้นท่ี ท้ังคลองส่งน้าท่ีเรียกว่า
เหมืองส่งน้า และสระน้าภายในศูนย์ จานวน 3 ลูก โดยบางพื้นที่มีการกระจายน้าแบบระบบคลองไส้ไก่ ใน
พื้นท่ี ศูนยม์ ีพื้นทน่ี า้ มากถงึ 1 ใน 3 ของพืน้ ท่ี มีความอดุ มสมบูรณเ์ รอื่ งน้ามาก ถอื เปน็ เรอื่ งดใี นการเพาะปลูก
แต่เนือ่ งจากสภาพดินไมอ่ ุดมสมบูรณ์ จงึ ทาใหก้ ารเพาะปลกู ไมม่ ปี ระสทิ ธิภาพทด่ี ี
สิง่ ท่ีนำมำจำกพืน้ ที่
ดอกจอก เนื่องจำกสำมำรถช่วยในกำรดูดซับสำรเคมีที่มำกับน้ำ และช่วยให้สัตว์น้ามาร่มเงา
และถ้ามีจานวนมาก ก็สามารถนามาทาปยุ๋ หมกั ได้
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพืน้ ท่ี กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
22
กลมุ่ สเี ขียว สำรวจพน้ื ที่ปำ่
สิ่งท่ีกลุ่มสีเขียวได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า พื้นท่ีศพช.เพชรบุรีมี
ความอดุ มสมบรู ณ์มีการปลกู ต้นไม้ ท่เี ป็นป่า 5 ระดับ ท้ังไม้ยืนต้น ไปจนถึงประเภท ไม้ล้มลุก ไม้สูง ไม้กลาง
ไม้เต้ยี ไม้เรี่ยดิน และไมใ้ ตด้ นิ กระจายอยู่ภายในบรเิ วณพืน้ ที่ ศพช.เพชรบรุ ี
สิ่งท่ีนำมำจำกพื้นที่ ผลมะฮอกกานี เนื่องจำกเป็นพืชเศรษฐกิจ ประเภทไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้สูง
สามารถนามาใช้ประโยชน์ในการสร้างเปน็ ทอี่ ยู่อาศยั ได้
กลุ่มสีชมพู สำรวจพื้นที่หมู่บ้ำน (บ้ำนพัก) สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี มีบ้านพักท่ีเป็นท้ังบ้านพัก
รับรองผใู้ หญ่ บ้านพักข้าราชการ บ้านพักเจ้าหน้าท่ี และอาคารสาหรับให้ผู้เข้ามาอบรมพัก ซึ่งท่ีบ้านพักแต่ละ
หลังจะมีการปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานทุกบ้าน รวมทั้งมีการนาไปแบ่งปันแลกเปล่ียนกันด้วย บ้านพัก
จะมีพ้ืนท่ีการแบ่งเป็นโซนของแต่ละบ้าน ในส่วนของบ้านและอาคารหอพักก็จะกระจายอยู่ภายในพื้นที่ของ
ศพช.เพชรบรุ ี เปรยี บเสมอื นบ้านหรือครัวเรอื นในชุมชน ท่มี ีบา้ นพักผูอ้ านวยการเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้านท่ีคอยดูแล
ลกู บา้ นภายใน ศพช.เพชรบุรี นอกจากน้ี วิทยากรยังใหค้ วามรู้วา่ บ้านพักมีปัญหาเก่ียวกับนกพิราบ ลิงที่
ชอบมารอื้ ค้น และการมาเก็บพชื ผักท่ีปลูกไว้ไปกิน จึงแนะนาว่า ควรทาตาข่ายกันนกพิราบและลิง แต่คงต้อง
ใช้ตน้ ทนุ สงู
สงิ่ ที่นำมำจำกพืน้ ที่
มะขำม เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์มาก ท้ังใบอ่อน ใบแก่ ฝักอ่อนฝักแก่ ลาต้นทาท่ีอยู่
อาศัย ทาเขียง แต่ใบท่ีร่วงจะเป็นปัญหามากหากไปหล่นบนหลังคาบ้าน เนื่องจากใบมะขามมีสภาพเป็นกรด
หากมีจานวนมากอาจทาใหห้ ลังคาร่ัวได้
กล่มุ สีมว่ ง สำรวจสภำพพื้นที่ทั่วไป
สิ่งท่ีกลุ่มสีม่วงได้พบเห็นและกำรอธิบำยข้อมูลจำกวิทยำกร สรุปได้ว่า ศพช.เพชรบุรี มีพ้ืนที่
ประมาณ 50 ไร่ ทิศเหนือติดกับสานักงานขนส่งสาขาชะอา ทิศใต้ติดสานักทางหลวงชนบทท่ี 4 เพชรบุรี ทิศ
ตะวนั ออกตดิ กบั พนื้ ที่ราชพสั ดุทเ่ี ป็นชุมชนท่ีอยู่อาศัยของชาวบ้าน ทิศตะวันตก ติดกับพื้นที่โรงเรียนนิคมสร้าง
ตนเอง และศูนย์ดูแลเด็กเล็กเทศบาลนายาง มีอาคารต่างๆอยู่ภายในศูนย์ เช่นอาคารหอพักสร้างใหม่ 2
อาคาร คือ อาคารเพ็ชร์บุรี และ อาคาร พริบพรี ซ่ึงมีที่มาจากช่ือเดิมของจังหวัดเพชรบุรี ภายในศูนย์มี
อาคารตา่ งๆ มศี ูนยเ์ รยี นรตู้ า่ งๆ มีแปลงทาโคก หนอง นา 2 แปลง อาคารบ้านพักข้าราชการ บ้านพักคนงาน
บา้ นพกั รับรอง ระบบสาธารณปู โภคคือน้า มี 2 ระบบ คือ ประปาสว่ นภมู ิภาค และ ระบบน้าบาดาล
ข้อแนะนา ควรมกี ารทาท่อระบายน้าเพื่อป้องกนั การเซาะของนา้ รอบๆกาแพง
สิ่งที่นำมำจำกพื้นท่ี คือ แหนแดง ช่วยตรึงไนโตรเจนในอากาศ ควบคุมวัชพืชใต้น้า เป็นอาหาร
สัตว์ แต่หากมาเกนิ ไปจะปดิ ก้นั ทางเดนิ นา้ จงึ ควรนามาทาปุย๋
จากการฝึกอบรมท้ัง 4 รุ่น เมื่อมีการนาเสนอข้อมูลจากการสารวจศึกษาพ้ืนท่ีของแต่ละกลุ่มแล้ว
วทิ ยากรได้สรุปข้อมูลที่ไดน้ าเสนอ พรอ้ มเตมิ เตม็ และสอบถามข้อมูลต่างๆเพ่ือแลกเปล่ียนข้อคิดเห็นระหว่าง
ผู้เข้าอบรม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ให้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมในการสอบถามข้อมูลต่างๆจากการ
สารวจพนื้ ที่ หรอื แสดงขอ้ คดิ เหน็ เพ่มิ เติม อกี ด้วย
สรุปผลกำรเรียนรู้ จากการสังเกตพบว่า ผู้เข้าอบรมท้ัง 4 รนุ่ มีความสนใจในกิจกรรม ตั้งใจในการฟังข้อมูล
และใหค้ วามสาคัญในการศกึ ษาข้อมลู ทีก่ าหนด เนือ่ งจากเป็นการลงพ้ืนทจี่ รงิ ได้เปล่ียนบรรยากาศการเรียนรู้ที่
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้ืนท่ี กจิ กรรมย่อยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
23
เป็นการลงพื้นที่จริง ได้สัมผัสจริง ได้เห็นบรรยากาศจริง จึงรู้สึกมีความตื่นเต้น สนุกสนาน ซึ่งถือเป็น
การศึกษาตาราบนดิน ที่จะสามารถเรียนรู้และนาไปปรับใช้ในการใช้เป็นพื้นฐานในการศึกษาพ้ืนท่ีของตนเอง
ว่ามีลักษณะสภาพอย่างไร และควรจะใช้วิธีการใดในการปรับปรุงแก้ไข ออกแบบอย่างไรให้มีความเหมาะสม
รวมทั้งยังได้รับข้อมูลท่ีเป็นความรู้ของสิ่งท่ีกาหนดให้สารวจจากวิทยากรประจาพ้ืนที่และกา รเติมเต็มจาก
วิทยากรหลัก ทาให้ผู้เข้าอบรมทุกคนได้ศึกษาเรียนรู้ข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ร่วมกัน ได้มีการแสดงความคิดเห็น
และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ข้อมูลที่สามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นพืน้ ที่ของตนเองใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ท่ี กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
24
วิชำ เข้ำใจ เข้ำถงึ พัฒนำ” ศำสตร์พระรำชำกับกำรพัฒนำทีย่ ั่งยืน
1. วิทยำกร รนุ่ ที่ 1 - 2 นายธรรมนญู ไขวพ้ ันธุ์ ตาแหนง่ ผู้อานวยการศนู ย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนเพชรบุรี
รุน่ ท่ี 3 - 4 นายธรรมนญู ไขวพ้ นั ธ์ุ ตาแหน่ง พฒั นาการจังหวดั เพชรบรุ ี
2. วตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ศาสตร์พระราชากับการพัฒนาที่ย่ังยืนและ
หลกั การทรงงาน ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง”
3. ระยะเวลำ 2 ชว่ั โมง
4. ประเด็นเนอ้ื หำวิชำ
1) หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2) หลักการทรงงาน “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” พระราชดารสั ของ ร.9
3) บันได 9 ขั้น สู่ความพอเพียง
๔) เรียนรู้ “โคก หนอง นา โมเดล”
5. เทคนิค/วธิ ีกำร
1) การบรรยายประกอบสื่อ PowerPoint
2) การต้ังคาถามเพื่อการแลกเปลยี่ นประสบการณ์
6. สรุปผลกำรดำเนินกำร
การสืบสานศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ย่ังยืน เป็นกระบวนการนาศาสตร์พระราชาไปสู่การ
ปฏิบัติให้เกิดผล หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการนาความรู้ในศาสตร์ทั้ง ๓ ด้าน หรือ ๓ มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อม สู่การพัฒนาประเทศให้ม่ันคง ยั่งยืน ไปสู่การปฏิบัติจริง หรือเดินตามรอยเท้าพ่อ
ในการปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ประกอบด้วย การนาองค์ความรู้ ด้านการ
กาหนดเป้าหมายของการเรียนรู้หรือการพัฒนางาน องค์ความรู้ด้านเนื้อหา ความรู้จากโครงการพระราชดาริ
และอื่น ๆ รวมท้ังการนาองค์ความรู้ในวิธีทรงงานมาใช้ในการดาเนินชีวิต การทางานของบุคคล ครอบครัว
ชุมชน หรือขององค์กร มูลนิธิ หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ เพ่ือการพัฒนาตนเอง พัฒนางาน
ดาเนนิ ชีวติ ดาเนนิ งานในหน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบดว้ ยองคค์ วามรู้ตามศาสตร์พระราชา หรอื เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
“เดนิ ตามรอยเท้าพ่อ สานตอ่ งานทีพ่ อ่ ทา”
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพนื้ ท่ี กจิ กรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
25
คำเตือนจำกพระเจำ้ อยูห่ ัว ( ถอดรหสั ส.ค.ส.พระราชทานปี 47 เศรษฐกิจพอเพียง “พ่อหลวง” แก้ระเบิด 4
ลูกสงั คมไทย
ภำพแผนท่ีบริเวณคำบสมุทรอินโดจีนบนตำรำงช่องเล็ก ๆ ซึ่งมีเสำธงปักอยู่ พร้อมภำพระเบิดและควัน
ล้อมรอบคำบสมุทรอินโดจีนอยู่ทั้ง 4 ด้ำน โดยมีข้อควำมระบุว่ำ มี “ระเบิดเกือบทั่วโลก” ขณะที่แผ่นดิน
ด้ำมขวำนระบุขอ้ ควำม “สำมัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” เป็นภำพ ส.ค.ส. พระรำชทำน พ.ศ. 2547
จำกพระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช ที่ผ่านมา เคยมีการตีความ “ระเบิด” ท้ัง 4 ลูกใน
ส.ค.ส. พระราชทานปีดังกล่าว ว่า หมายถึงอะไร ซึ่งมีการถอดรหัสว่ามีระเบิดเกือบทั่วโลก โด ยอ้างอิงถึง
ประวัติการสร้างและแข่งขันด้านเทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ ขณะท่ีสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ตีความว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนคนไทยผ่าน ส.ค.ส. ถึงวิกฤตที่มนุษยชาติกาลังเผชิญอยู่ 4 ประการ
คอื
1. วิกฤตส่ิงแวดล้อม อาทิ ภัยธรรมชาติ ฟ้าดินลงโทษ อากาศแปรปรวน ภาวะโลกร้อน การ
เปลี่ยนแปลงของผิวโลก สารพันปัญหา และจะหนักขึ้นเร่ือย ๆ โรคระบาด ท้ังในคน ในพืชท่ีเป็นแหล่งอาหาร
ของคนและสตั ว์ โรคระบาดในสัตว์
2. วิกฤตสังคม คือ โรคเสื่อมคุณธรรม ภัยสังคม ยาเสพติด อาชญากรรม ปัญหาเยาวชน ปัญหา
คอรร์ ัปชัน ฯลฯ
3. วิกฤตเศรษฐกจิ คอื ปญั หาข้าวยากหมากแพง จากการที่สงั คม “บ้าเงิน บา้ วตั ถุ บริโภคนิยม เงนิ
นยิ ม บันเทงิ นิยม สขุ นิยม” มุ่งกาไรสูงสดุ เบียดเบยี น แขง่ ขนั ชงิ ดีชิงเดน่ เห็นเพอ่ื นมนุษย์ เป็นเพียงทรัพยากร
(มนุษย์)
4. วิกฤตควำมขัดแย้งทำงกำรเมือง กำรปกครอง คือ ขดั แยง้ แย่งชิงนา้ อาหาร ที่ดนิ เมลด็ พนั ธุพ์ ชื
ขัดแย้งทางความคิด ความเช่ือ ทางศาสนา และวฒั นธรรม ผู้คนจะเข้าประหัตประหารกันไม่มวี นั จบสิ้น วกิ ฤติ
การเมืองภายในประเทศและระหว่างประเทศ สงครามนิวเคลยี ร์ สงครามเช้ือโรค ฯลฯ
ท้ังนี้ จะเห็นได้ว่า ภัยพิบัติท้ัง 4 ประการ ต่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันแล้วบนผืนแผ่นดินไทย สะท้อนให้
เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นและมีความห่วงใยถึงปัญหาเหล่านี้ เห็นได้จากโครงการใน
พระราชดาริต่าง ๆ ของพระองค์ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหา อาทิ ฝนหลวงพระราชทาน การ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ที่ กจิ กรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
26
จัดการด้านชลประทานคือการสร้างอ่างเก็บน้าต่าง ๆ การจัดการน้าท่วม อาทิ พระราชดาริก่อสร้างคันดินก้ัน
นา้ ทางผนั น้า สรา้ งเข่อื นอเนกประสงค์ โครงการแก้มลิง เปน็ ต้น
หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรม
นาถบพิตร ทรงช้ีถึงแนวทางการดารงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ
พัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมี
เหตุผล รวมถึงความจาเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อการกระทบใด ๆ อันเกิดจากการ
เปลยี่ นแปลงทั้งภายในภายนอก ท้ังน้ี จะตอ้ งอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างย่ิงใน
การนาวิชาการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการ ทกุ ขน้ั ตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสานึกใน
คุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ
ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือใหส้ มดลุ และพรอ้ มต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ทั้งดา้ นวัตถุ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อย่างดี
พระองค์ทรงทาตัวอย่างให้คนไทยได้เห็นผ่านโครงการพระราชดาริท่ีประสบความสาเร็จกว่า 4,741
โครงการ มากกว่า 47,000 บทเรียน ทาให้ทั่วโลกให้การยอมรับและมอบรางวัลให้พระองค์ อาทิ รางวัล
นักวิทยาศาสตร์ดินเพ่ือมนุษยธรรม (IUSS Humanitarian Soil Scientist Award) และรางวัลความสาเร็จ
สูงสดุ ด้านการพฒั นามนุษย์ (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) เป็นตน้
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพนื้ ที่ กจิ กรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
27
ศำสตร์ของพระรำชำ หลักเกษตรทฤษฎใี หม่
“คนไทยมปี ัญหำพระรำชำก็ทรงคิดหำทำงแก้ไขโดยศำสตร์พระรำชำ”
มีคากล่าวถึง “ศาสตร์พระราชา” มานานหลายปีท่ีผ่านมา เช่น ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา
อย่างยั่งยืน, ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาท่ีย่ังยืน, ศาสตร์พระราชาจากภูผาสู่มหานที ซ่ึงในต่างประเทศต่าง
ทราบว่าเป็นแนวคิดตามแนวพระราชดาริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี
9 ในความคดิ แวบหนึง่ คนไทยน่ีช่างโชคดี ท่ีเจอปัญหาอะไร พระราชาของเราก็หาทางแก้ไขไว้ให้ มีคาถามว่า
“คนไทยร้จู กั ศาสตร์ของพระราชาดแี คไ่ หน และเคยนาไปปฏิบตั กิ นั หรือยงั ” มาเรมิ่ ต้นทตี่ วั เรา และต่อไปก็คน
รอบข้าง แล้วขยายออกวงกลางไปสู่สังคมและประเทศชาติในท่ีสุดตัวอย่างปัญหาเช่น ทุกคร้ังที่คนไทยมี
ปัญหา น้าเสีย น้าท่วมดินถล่ม ไฟป่า พระองค์ท่านก็จะคิดศาสตร์มาแก้ไข เม่ือประเทศไทยฝนแล้งพระองค์
ท่านก็มีศาสตร์ในการทาฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ที่เรียกว่า “ฟากฟ้าลงภูผา ผ่านทุ่งนาสู่มหานที” เม่ือ
ประชาชนชาวกทม.น้าท่วม พระองค์ท่านก็คิดศาสตร์ที่ชื่อว่าโครงการแก้มลิง ที่คลองมักกะสัน เพ่ือแก้ไข
ปัญหา โครงการขุดคลองลัดโพธ์ิ หรือ การแก้ไขปัญหาน้าเสีย ใช้ผักตบชวาท่ีเรียกว่า “ใช้อธรรมปราบ
อธรรม” (The use of vice to defeat vice) และกม็ ีกงั หนั ชยั พฒั นา เตมิ ออกซเิ จน
“อาจารยย์ กั ษ์” หรอื ดร.ววิ ฒั น์ ศลั ยกาธร (วิทยากร) ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและประธาน
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ผู้ก่อต้ังศูนย์กสิกรรมมาบเอื้องศูนย์กสิกรรมท่ีมีวัตถุประสงค์หลักในการขับเคล่ือน
ศาสตร์ของพระราชา ทั้งเป็นหนึ่งคนสาคัญผู้ขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเล่าให้ฟังถึงศาสตร์
พระราชาและความมงุ่ มน่ั ท่ีจะเดนิ ตามรอยพระบาท
ศาสตรข์ องพระราชา หลักการคือ การประยุกต์ด้วยหลักทฤษฎีใหม่ ได้แก่ การออกแบบพ้ืนท่ีเพ่ือการ
จัดการน้าและการฟื้นฟูระบบนิเวศ การจัดการดินและจัดการป่า ปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง ภายใต้
หลักการโคกหนองนาโมเดล
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้ืนท่ี กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
28
หลักกำรทรงงำน “เขำ้ ใจ เขำ้ ถงึ พฒั นำ” พระรำชดำรสั ของ ร.9
เปน็ หลกั การสาหรบั การแก้ไขปญั หาหรือพฒั นาส่งิ ต่าง ๆ ที่สามารถประยุกต์ใชไ้ ด้กบั หลาย ๆ ประเด็น
เข้ำใจ : ทาอะไรต้องเข้าใจปัญหา เข้าใจหนทางแก้ไข เข้าใจกระบวนการจัดการ และปรับความ
เข้าใจระหวา่ งผ้ใู ห้ ผู้รับเสยี กอ่ น ใหไ้ ดเ้ ขา้ ใจซึง่ กันและกัน
เขำ้ ถึง : เมอื่ เข้าใจระหว่างกันทุกประการครบถว้ นแล้ว ต้องเขา้ ถงึ การกระทา สร้างความร่วมมือจากผู้
ท่ีเกี่ยวข้อง เข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ และความสามัคคีร่วมจิตร่วมใจของผู้ปฏิบัติร่วมมือร่วม
ไม้กนั ทางาน
พัฒนำ : เม่ือต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันแล้ว เข้าถึงกันแล้ว การพัฒนาก็จะดาเนินการไปอย่างย่ังยืน ไม่
สง่ ผลกระทบทีต่ ิดลบตอ่ ระบบเศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดลอ้ มและการเมอื ง หากแตน่ าไปสู่ความสมดุล มั่นคงและ
ย่งั ยนื
บันได 9 ข้ัน สคู่ วำมพอเพียง
ขนั้ ท่ี 1 พอกนิ
พื้นฐานที่สุดของมนุษย์ คือ ความต้องการปัจจัย 4 และประการสาคัญที่สุดของปัจจัย 4 คือ
อาหาร ข้ันที่ 1 ของแนวทางแก้ปัญหาท่ีย่ังยืนคือ ตอบคาถามให้ได้ว่า “ทาอย่างไรจึงจะพอกิน” โดยให้
ความสาคัญกับ ข้าวปลาอาหาร ไม่ให้ความสาคัญกับเงิน ซ่ึงเป็นเพียงแค่ “ตัวกลาง” ในการแลกเปล่ียนตาม
มาตรฐานสากล โดยยดึ หลักวา่ “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง” ของบันไดข้ันท่ี 1 ท่ีเกษตรกรต้อง
ก้าวขา้ มให้ได้
ขน้ั ท่ี 2-4 พอใช้ พออยู่ พอรม่ เย็น
เกิดข้ึนได้พร้อมกันด้วยคาตอบเดียวคือ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ซึ่งป่า 3
อย่าง จะให้ทั้งอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม สมุนไพรสาหรับรักษาโรค ท้ังโรคคน โรคพืช โรคสัตว์ ให้ไม้สาหรับทา
บ้านพักที่อยู่อาศัย และให้ความร่มเย็นกับบ้าน กับชุมชน กับโลกใบน้ี ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความ
ยากจนของเกษตรกรไทย ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริง และยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไข
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพน้ื ที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
29
ปัญหาหน้ีสินซ่ึงสะสมพอกพูนจากการทาเกษตรเชิงเด่ียว ปัญหาความเส่ือมโทรมของทรัพยากร ปัญหาความ
ขาดแคลนนา้ ภัยแล้ง ทงั้ หมดล้วนแก้ไขไดจ้ ากแนวคดิ ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
ข้ันท่ี 5-9 คือ เศรษฐกิจพอเพียงข้ันกำ้ วหน้ำ
ขัน้ ท่ี 5-6 บญุ และทำน
เครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมั่นว่าสังคมไทยเป็นสังคมบุญ สังคมทาน ไม่เน้นการ
แลกเปล่ียนทางการค้า แต่เน้นการทาบุญ ไม่เน้นการสะสมเป็นของส่วนตัว แต่เน้นการให้ทานและสะสมโดย
มอบให้เป็นทรพั ย์สนิ ส่วนรวมโดยวัด หรือศาสนาสถานตามแต่ละศาสนาเป็นศูนย์กลาง เป็นการฝึกจิตใจให้ละ
ซ่ึงความโลภ และกเิ ลสในการอยากได้ ใคร่มี ลดปญั หาช่องว่างระหว่างชนชน้ั
ขัน้ ท่ี 7 เกบ็ รกั ษำ
ข้ันต่อไปหลังจากสามารถพึ่งตนเองได้ พอมี พอเหลือทาบุญ ทาทานแล้ว คือการรู้จักเก็บ
รกั ษา ซง่ึ เป็นการตงั้ อยู่ในความไมป่ ระมาท และการรู้จักเก็บรักษา ยังเป็นการสร้างรากฐานของการเอาตัวรอด
ในเวลาเกดิ วิกฤตการณ์ โดยยดึ แนวทางตามวิถีชวี ติ ชาวนาสมยั ก่อนซ่ึงเก็บรกั ษาข้าวไวใ้ นยงุ้ ฉาง เพื่อให้พอมีกิน
ขา้ มปี คัดเลอื กและเก็บรกั ษา “ข้าวพันธุ์” ไว้สาหรับเป็นพันธุ์ข้าวในปีต่อไป ซ่ึงผิดกับวิถีชาวนาในปัจจุบันที่ใช้
วิธีการขายข้าวทั้งหมด แล้วนาเงินที่ขายได้ไปซื้อพันธ์ุข้าวเพื่อปลูกในปีต่อไป ส่งผลให้เกิดการขาดความม่ันคง
และเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสายความประมาท เพราะหากเกิดภัยแล้ง น้าท่วมผลผลิตไม่ได้
ตามที่ตงั้ ใจไว้ ย่อมหมายถึงปัญหาหนี้สินและการขาดแคลนพันธ์ุข้าวสาหรับปลูกในปีต่อไปนอกจากนั้นยังเน้น
ให้รู้จักวิธีการถนอมอาหาร และการสะสมอาหารไว้กินในยามหน้าแล้งด้วยการแปรรูปอาหารหลากชนิด อาทิ
ปลาร้า ปลาแหง้ มะขามเปียก พริกแหง้ หอม กระเทียม เพือ่ เก็บไวก้ ินในอนาคต
ขั้นที่ 8 ขำย
เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจการค้า แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจหลังเขา การค้าขาย
สามารถทาได้ แต่ทาภายใต้การรู้จักตนเอง รู้จักพอประมาณ และทาไปตามลาดับ โดยของท่ีขายคือ ของที่
เหลือจากทกุ ข้ันแล้วจงึ นามาขาย เชน่ ทานาอนิ ทรีย์ปลูกข้าวปลอดสารเคมี ไม่ทาลายธรรมชาติ ได้ผลผลิตเก็บ
ไว้พอกิน เก็บไว้ทาพันธุ์ ทาบุญ ทาทาน แล้วจึงนามาขายด้วยความรู้สึกของการ “ให้” อยากท่ีจะให้ สิ่งดี
ๆ ทเ่ี ราปลกู เอง เผ่อื แผ่ใหก้ ับคนอื่น ๆ ไดร้ ับส่ิงดี ๆ นั้น ๆ ด้วย
ขนั้ ท่ี 9 (เครือ) ขำ่ ย กองกำลงั เกษตรโยธิน
คือการสร้างกองกาลังเกษตรโยธิน หรือการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงท้ังประเทศเพ่ือขยายผล
ความสาเร็จตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สกู่ ารปฏิวตั แิ นวคดิ และวถิ กี ารดาเนินชีวติ ของคนในสังคม ในชุมชน
เพ่ือการแก้ปัญหาวิกฤติ 4 ประการ อันได้แก่ วิกฤตการณ์ส่ิงแวดล้อมภัยธรรมชาติ (Environmental Crisis)
วิกฤตการณ์โรคระบาดทางในคน สัตว์ พืช (Epidemic Crisis) วิกฤตเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง
(Economic Crisis) วกิ ฤตความขัดแย้งทางสงั คม/สงคราม (Political/Social Crisis)
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพ้นื ที่ กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
30
เปรยี บเทยี บ
กบั บา้ น
ข้ันก้าวหน้า
ข้ันพื้นฐาน
สรุปผลจำกกำรเรยี นรู้
ผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับศาสตร์พระราชากับการพัฒนาที่ยั่งยืน
หลักการทรงงาน พระราชดารัส “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และบันได 9 ข้ัน ได้เป็น
อย่างดี ให้ความสนใจตลอดระยะเวลาของการร่วมกิจกรรม โดยประเมินได้จากการร่วมกิจกรรมอย่าง
กระตือรือร้น ตั้งใจฟังบรรยาย และร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะสามารถนาความรู้ท่ีได้
ไปปรับใช้ในชีวิตประจาวัน เพื่อปรับเปล่ียนแนวคิดในการดาเนินชีวิตให้เข้ากับสถานนการณ์โลกในปัจจุบัน
และสามารถนาความรทู้ ไี่ ดร้ บั ไปเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจต่อไปได้
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ท่ี กจิ กรรมย่อยที่ 1.1 สร้างแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
31
วชิ า กำรแปลงปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง สูก่ ำรปฏิบตั ิแบบเปน็ ขนั้ เป็นตอน
1. วทิ ยำกร นายธรรมนญู ไขวพ้ นั ธุ์ ตาแหนง่ ผู้อานวยการศนู ย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนเพชรบุรี
2. วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิบัติแบบ
เปน็ ขนั้ เป็นตอน
3. ระยะเวลำ 2 ช่ัวโมง
4. ประเด็นเน้ือหำวิชำ
1) หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2) เกษตรทฤษฎีใหม่
3) โคก หนอง นา โมเดล
4) บันได 9 ขน้ั
5. เทคนคิ /วิธกี ำร
1) การบรรยายประกอบสอื่ PowerPoint
2) การตงั้ คาถามเพอื่ การแลกเปล่ยี นประสบการณ์
6. สรุปผลกำรดำเนินกำร
คนไทยเรมิ่ เรียนรู้เก่ยี วกบั สาระสาคัญหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ จากการ
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเตือนล่วงหน้าให้มีความระมัดระวังเกี่ยวกับความสมดุลด้านเศรษฐกิจ
และสังคมของประเทศ และทรงแนะแนวทางการพัฒนาประเทศอย่าง “เป็นลำดับขั้น” ดังตอนหนึ่งใน
พระราชดารสั ความว่า
“...กำรพฒั นำประเทศนัน้ จำเปน็ ต้องทำตำมลำดับข้ัน
เร่ิมด้วยกำรสรำ้ งพ้นื ฐำน คอื ควำมมกี ินมใี ช้ของประชำชนก่อนด้วยวธิ ีกำร
ทป่ี ระหยัดระมัดระวัง แตถ่ ูกต้องตำมหลักวชิ ำ เม่ือพืน้ ฐำนเกดิ ขึน้
มนั่ คงพอควรแลว้ จึงค่อยสร้ำงเสริมควำมเจรญิ ข้ันท่ีสูงข้ึนตำมลำดบั ต่อไป...
ดว้ ยควำมรอบคอบระมดั ระวังและประหยัดนั้น ก็เพ่ือปอ้ งกนั
ควำมผดิ พลำดล้มเหลว และเพื่อให้บรรลผุ ลสำเรจ็ ไดแ้ นน่ อนบริบรู ณ์...”
พระบรมรำโชวำทในพธิ ีพระรำชทำนปรญิ ญำบัตร
ของมหำวทิ ยำลัยเกษตรศำสตร์ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๑๗
การแปลงปรัชญาลงสกู่ ารปฏิบัตนิ ้นั อาจารย์ยกั ษ์สอนเสมอว่ามี 3 ระดับ และทุกการกระทาของคนมี
ปรัชญาอยเู่ บือ้ งหลงั ภายใตป้ รชั ญาซึ่งเปน็ รม่ ใหญ่นน้ั สามารถแปลงลงสูก่ ารปฏิบัตไิ ด้โดยระดบั ทห่ี น่ึง แปลงลง
สู่ Grand Theory เป็นทฤษฎีร่มใหญ่มีความเป็นนามธรรมสูง รองลงมาคือ Middle-range Theory เร่ิมจับ
ต้องได้ และ Ground Theory ทฤษฎีระดับที่สามารถจับต้องและนาไปปฏิบัติได้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(Philosophy) จึงถูกแปลงลงสู่การปฏิบัติ (Ground Theory) เป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ แปลงเป็นโคกหนองนา
โมเดล ให้เข้าใจง่ายคือ การจัดการดิน และน้า ให้เพียงพอสาหรับเกษตรกร แปลงลงสู่ทฤษฎีบันได ๙ ข้ันสู่
ความพอเพียง เพื่อสร้างความพออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น (คืนอากาศให้กับโลก) ด้วยเครื่องมือสาคัญคือ
ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และศาสตร์ว่าด้วยการฟื้นฟูดิน ห่มดิน ให้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพน้าและแห้ง
(แห้งชาม น้าชาม) เพ่ือคืนจุลินทรีย์ให้กับดิน ทาให้ดินกลับสู่ระบบนิเวศของดินที่สมบูรณ์อีกคร้ัง จึงมีคาถา
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพน้ื ท่ี กจิ กรรมย่อยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
32
"เลี้ยงดิน ให้ดินเล้ียงพืช" ศาสตร์ของการจัดการน้า ด้วย "อธรรมปราบอธรรม" การบาบัดน้าด้วยธรรมชาติสู้
ธรรมชาติ การทาระเบิดจุลินทรีย์ การปลูกพืชน้าบาบัด ฯลฯ (ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านฐานเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างน้อย
๙ ฐานเรยี นรู้ ในการอบรม)
แนวทางการฟ้ืนฟูเหล่านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ได้ทาให้ดูแล้ว เป็นทฤษฎีใหม่กว่า
4,000 ทฤษฎี รอเพียงคนไทย เห็นความสาคัญและตระหนักในส่ิงท่ีพระองค์ท่านพระราชทานไว้ให้ แล้วเข้า
มาศกึ ษาเรยี นรู้ และนาไปปฏิบัติ นาไปลงมือทา เพ่ือสร้างทางรอดให้กับตนเองและโลก พอประมาณ มีเหตุ มี
ภูมิคุ้มกัน จึงเป็นผลของการลงมือทาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีสาคัญคือ 2 เง่ือนไข คือ "ความรู้" และ
"คณุ ธรรม"
ความรู้ท่ีสาคัญ คือความรู้ที่พระราชาลงมือทาไว้ให้ดู เพื่อให้เราศึกษาและนาไปทาตาม แตกต่างได้
ตามภมู สิ ังคม
คณุ ธรรมทีส่ าคญั ในโลกแหง่ ความโลภ และมุ่งเงินตรานี้จึงเป็น "การให้" ให้ด้วยความเช่ือมั่นว่า "Our
Loss is Our Gain" ย่ิงให้ไป ยิ่งไดม้ า และศรัทธาอย่างจริงแท้ว่า "ทานน้ันมีฤทธิ์จรงิ " และเมื่อโลกเย็นและเป็น
สุขดว้ ยการให้ นน่ั จึงเป็นทางรอดของโลก ในมติ ิของจิตใจ
ส่วนการลงมือทาการฟื้นฟูดิน น้า ป่า การสร้างอาหารให้ม่ันคงเพียงพอ เป็นทางรอดในมิติทาง
กายภาพ และทรพั ยากร ท้งั หมดนเ้ี ร่มิ ที่ "ใจ" ถา้ ไม่พอก็ทาให้พอ คนท่ีมีเกินพอก็ต้อง "รู้จักพอ"..."แค่คาว่า พอ
ก็พอแล้ว"
กำรแปลงปรัชญำสู่กำรปฏบิ ตั ิ (Philosophy --> Grounded Theory)
- ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
- เกษตรทฤษฎีใหม่
- โคก หนอง นา โมเดล (การจดั การดนิ และนา้ )
- บนั ได 9 ขัน้ สคู่ วามพอเพียงดว้ ยเครอื่ งมือสา้ คัญ คอื
"ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง"
1. ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่
ระดบั ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความ
พอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเปน็ ทจี่ ะตอ้ งมีระบบภมู ิค้มุ กนั ในตวั ทด่ี ีพอสมควร ต่อการกระทบใด
ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงท้ังภายในภายนอก ท้ังนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
กจิ กรรมย่อยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพืน้ ท่ี กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง
33
ระมัดระวังอย่างยิ่งในการนาวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ ทุกข้ัน ตอน และ
ขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนัก
ธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วย
ความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ
เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ท้ังด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้
เปน็ อยา่ งดี
ควำมหมำยของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคณุ สมบัติ ดงั น้ี
๑. ควำมพอประมำณ หมายถึง ความพอดีท่ไี ม่น้อยเกินไปและไมม่ ากเกินไป โดยไมเ่ บียดเบียนตนเอง
และผู้อนื่ เชน่ การผลิตและการบริโภคที่อยใู่ นระดับพอประมาณ
๒. ควำมมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเก่ยี วกบั ระดบั ความพอเพียงนน้ั จะต้องเปน็ ไปอยา่ งมเี หตผุ ล
โดยพิจารณาจากเหตปุ จั จัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดขึน้ จากการกระทาน้นั ๆ อย่าง
รอบคอบ
๓. ภมู คิ ุ้มกัน หมายถงึ การเตรียมตัวใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงดา้ นตา่ ง ๆ ท่ีจะ
เกดิ ขน้ึ โดยคานึงถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีคาดวา่ จะเกดิ ขึ้นในอนาคต
โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสนิ ใจและดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ย่ใู นระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดังน้ี
๑. เงื่อนไขควำมรู้ ประกอบด้วย ความรอบร้เู กย่ี วกับวชิ าการตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องรอบด้าน ความ
รอบคอบทจ่ี ะนาความรู้เหลา่ นัน้ มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังใน
การปฏิบตั ิ
๒. เงื่อนไขคณุ ธรรม ทจ่ี ะต้องเสรมิ สรา้ ง ประกอบด้วย มีความตระหนกั ใน คณุ ธรรม มีความซอ่ื สัตย์
สุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนินชวี ิต
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
กิจกรรมยอ่ ยที่ 1 สรา้ งและพฒั นากลไกในระดับพ้ืนที่ กจิ กรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
34
2. เกษตรทฤษฎีใหม่
คือ การจัดสรรพ้ืนท่ีอยู่อาศัยและท่ีทากิน ให้แบ่งพื้นท่ี ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน
30:30:30:10 ซ่งึ หมายถงึ
- พื้นที่สว่ นท่ีหนงึ่ ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้า เพื่อใช้เก็บกักน้าฝนในฤดูฝนและ ใช้เสริมการ
ปลกู พืชในฤดูแลง้ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์นา้ และพืชน้าตา่ ง ๆ
- พืน้ ทส่ี ว่ นที่สอง ประมาณ 30% ใหป้ ลกู ข้าวในฤดูฝน เพอ่ื ใชเ้ ปน็ อาหารประจาวัน สาหรับครอบครัว
ใหเ้ พียงพอตลอดปี เพ่ือตดั คา่ ใชจ้ า่ ยและสามารถพ่ึงตนเองได้
- พ้นื ที่สว่ นทส่ี าม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใช้เป็น
อาหารประจาวัน หากเหลอื บริโภคก็นาไปจาหน่าย
- พื้นที่ส่วนทีส่ ่ี ประมาณ 10% เป็นท่ีอย่อู าศัย เลย้ี งสัตว์และโรงเรือนอนื่ ๆ
หลักกำรและแนวทำงสำคัญ
1. เป็นระบบการผลิตแบบพอเพียง ท่ีเกษตรกรสามารถเล้ียงตัวเองได้ในระดับที่ประหยัดก่อน ท้ังนี้
ชุมชนต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซ่ึงกันและกันทานองเดียวกับการ "ลงแขก" แบบ
ดั้งเดมิ เพอื่ ลดคา่ ใช้จา่ ย
2. เน่ืองจากข้าวเป็นปัจจัยหลักที่ทุกครัวเรือนจะต้องบริโภค ดังน้ัน จึงประมาณว่าครอบครัวหนึ่งทา
นา 5 ไร่ จะทาใหม้ ีข้าวพอกินตลอดปี โดยไมต่ อ้ งซอื้ หาในราคาแพง เพอ่ื ยดึ หลกั พง่ึ ตนเองไดอ้ ย่างมีอิสรภาพ
3. ต้องมีน้าเพื่อการเพาะปลูกสารองไว้ใช้ในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วงได้อย่างพอเพียง ดังนั้น จึง
จาเป็นตอ้ งกนั ทดี่ ินส่วนหนึ่งไว้ขดุ สระน้า โดยมีหลักว่าต้องมีนา้ เพียงพอที่จะทาการเพาะปลูกได้ตลอดปี ท้ังนี้ได้
พระราชทานพระราชดาริเป็นแนวทางว่า ต้องมีน้า 1,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อการเพาะปลูก 1 ไร่
โดยประมาณ ฉะนั้น เมื่อทานา 5 ไร่ ทาพืชไร่หรือไม้ผลอีก 5 ไร่ (รวมเป็น 10 ไร่) จะต้องมีน้า 10,000
ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ปี ดงั น้ัน หากมพี ้นื ท่ี 15 ไร่ จึงมสี ตู รครา่ ว ๆ วา่ แต่ละแปลงประกอบดว้ ย
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกในระดับพนื้ ท่ี กจิ กรรมย่อยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
35
- นา 5 ไร่
- พชื ไรพ่ ืชสวน 5 ไร่
- สระน้า 3 ไร่ ลึก 4 เมตร จุประมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็น ปริมาณน้าท่ีเพียง
พอทจ่ี ะสารองไวใ้ ช้ยามฤดูแลง้
- ทีอ่ ยอู่ าศัยและอ่ืน ๆ 2 ไร่
4. การจัดแบ่งแปลงท่ีดินเพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคานวณและ
คานึงจากอัตราถือครองทดี่ ินถัวเฉล่ยี ครัวเรอื นละ 15 ไร่ อยา่ งไรกต็ าม หากเกษตรกรมีพื้นที่ถือครองน้อยกว่า
หรอื มากกวา่ น้ี ก็สามารถใช้อัตราส่วน 30:30:30:10 ไปเปน็ เกณฑ์ปรับใชไ้ ด้ กลา่ วคือ
30% ส่วนแรก ขุดสระน้า (สามารถเลี้ยงปลา ปลูกพืชน้า เช่น ผักบุ้ง ผักกะเฉด ฯลฯ ได้
ดว้ ย)
30% สว่ นที่สอง ทานา
30% ส่วนท่ีสาม ปลูกพืชไร่ พืชสวน (ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอย ไม้สร้างบ้าน พืชไร่ พืชผัก
สมนุ ไพร เปน็ ตน้ )
10% สุดท้าย เป็นที่อยู่อาศัยและอ่ืน ๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก
โรงเรอื น โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ ไมด้ อกไม้ประดบั พืชผักสวนครวั หลงั บา้ น เปน็ ต้น)
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นสูตรหรือหลักการโดยประมาณเท่าน้ัน สามารถปรับปรุง
เปลยี่ นแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยขน้ึ อยกู่ บั สภาพของพืน้ ที่ ดิน ปริมาณนา้ ฝนและสภาพแวดล้อม เช่น ใน
กรณีภาคใต้ที่มีฝนตกชุกกว่าภาคอ่ืน หรือหากพ้ืนท่ีท่ีมีแหล่งน้ามาเติมสระได้ต่อเนื่อง ก็อาจลดขนาดของบ่อ
หรอื สระน้าให้เล็กลง เพ่อื เก็บพ้ืนทีไ่ ว้ใชป้ ระโยชน์อ่ืนตอ่ ไปได้
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพน้ื ที่ กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
36
3. โคก หนอง นำ โมเดล
ท่ีผ่านมา ประเทศไทยรับมือกับปัญหาภัยแล้งในหลากหลายรูปแบบ เช่นการสร้างอ่างเก็บน้า การ
สร้างเขื่อน หรอื การจดั ระบบชลประทาน ซ่ึงรูปแบบเหล่าน้ีสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ในบางพื้นที่ ของประเทศ
ไทยเท่านั้นยังคงต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้าเพ่ือใช้ในการเกษตร ซ่ึงสาเหตุหลักมาจากการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้ขอบเขตของมนุษย์ ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสมดุลระบบนิเวศน์และ
สงิ่ แวดล้อม การเกดิ ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ท่เี ปน็ ภยั คกุ คามตอ่ แหล่งผลิตอาหาร เช่น ความแห้งแล้ง น้าท่วม โรค
ระบาดศัตรูพืช และอ่ืน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะวิกฤตท่ีส่งผลกระทบต่อภาพการเกษตรอย่างมาก คือการ
เกิดภยั แล้งที่นบั วนั จะมคี วามรุนแรงเพิม่ ขนึ้ ในทกุ ปี
เมื่อ “น้า” คือปัจจัยสาคญั ในการขจัดความทกุ ขร์ อ้ นของราษฎร พระอจั ฉริยภาพ และสายพระเนตร
อันยาวไกลทีส่ ะทอ้ นผ่านการบริหารจัดการน้าอย่างครบวงจร ตามแนวพระราชดาริ “จากต้นน้าถึงปลายน้า”
ประกอบด้วยการบริหารจัดการน้าแล้ง น้าท่วม น้าเสีย น้าเค็ม และน้ากร่อย ให้เหมาะสมตามลักษณะภูมิ
ประเทศที่แตกต่าง จึงสร้างให้เกิดความสมดุลระหว่างสภาพเศรษฐกิจ สังคมและวิถีของชุมชนในทุกมิติอย่าง
ยั่งยืน ทง้ั ยงั ประโยชน์สงู สุดแกพ่ สกนิกร ชาวไทย ใหอ้ าศยั อยบู่ นแผน่ ดนิ ไทยใต้รม่ พระบารมี อย่างร่มเยน็
รูปแบบโคก หนอง นำ โมเดล
โคก หนอง นา โมเดล จึงเป็นรูปแบบหนงึ่ ของการแกไ้ ขปญั หาเร่ืองการจัดการน้า ทส่ี ถาบันเศรษฐกิจ
พอเพยี งและมลู นิธกิ สิกรรมธรรมชาติได้น้อมนาพระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย
เดช รัชกาลที่ 9ด้านการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้บริหารจัดการน้า และพื้นท่ี
การเกษตร โดยมีการผสมผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้านให้สอดคล้องกัน โดยแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน
30:30:30:10 คือ 30% สาหรับแหล่งน้า โดยการขุดบ่อทาหนองและคลองไส้ไก่ 30% สาหรับทานา ปลูก
ข้าว 30% สาหรับทาโคกหรือป่า ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ก็คือ ปลูกไม้สอย ไม้กินได้ และไม้
เศรษฐกิจ เพ่ือให้ได้ประโยชน์คือ มีกิน มีใช้ มีความสมบูรณ์และความร่มเย็น และ 10% สาหรับท่ีอยู่อาศัย
และเลย้ี งสตั ว์ เช่นไก่ ปลา ววั และควาย เปน็ ต้น
โคก สรา้ งโคกบนพน้ื ท่ขี องตนเอง จากการนาดินทไ่ี ด้จากการขดุ หนอง นามาถมเป็นโคกเพ่ือสร้างท่ีอยู่
อาศัย ปลูกผัก เล้ียงสัตว์ รวมท้ังปลูกต้นไม้ตามแนวทางศาสตร์พระราชา คือ “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4
อย่าง” เพ่ือพอกิน เพ่ือใช้สอยในครัวเรือนหรือพอใช้ และเพ่ือสร้างท่ีอยู่อาศัยหรือพออยู่ จากน้ันประโยชน์
อย่างที่ 4 คือ ช่วยสร้างสมดุลระบบนิเวศ เพราะใบไม้ที่ร่วงหล่นจะช่วยปกคลุมหน้าดิน ในขณะที่รากจานวน
มากชว่ ยดดู ซับนา้ ฝน เพ่อื กกั เก็บน้าไวใ้ ต้โคกเป็นนา้ ใตด้ ินเพ่มิ ความชมุ่ ช้นื
หนอง ขุดหนอง รูปร่างคดโค้งอิสระ ไม่เป็นส่ีเหลี่ยม เพ่ือเก็บน้าไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจาเป็น และ
สามารถใช้เปน็ ทร่ี องรบั นา้ ยามนา้ ท่วมหลาก และเป็นแหลง่ ทอี่ ยู่อาศยั ของปลา
นำ ยกหัวคันนาให้กว้างและสูงอย่างน้อย 1 เมตร ธรรมชาติของข้าวจะทะลึ่งน้าไม่จมน้าตาย เพ่ือ
เพม่ิ พนื้ ท่ีกักเก็บน้าไว้ในนา ขุดร่องใกล้หัวคันนา เป็นท่ีอยู่ของปลา ปู ปั้นหัวคันนาให้มีความกว้างมากพอท่ีจะ
ปลูกตน้ ไม้ พชื ผกั ให้มีรากยดึ เหน่ยี วคันนา และเพิม่ พนื้ ทที่ ากนิ
คลองไส้ไก่ ช่วยระบายน้ารอบพนื้ ที่ โดยขุดให้มีลักษณะคดเคี้ยว เพื่อให้น้าไหลได้ทั่วถึงตลอดท้ังพ้ืนท่ี
เพ่อื ใช้ทาการเกษตรและช่วยเพิ่มความชุ่มชน้ื ให้กับผนื ดนิ และตน้ ไม้โดยรอบ
ฝำยชะลอน้ำ ช่วยชะลอและกักเก็บน้าจากต้นน้าไว้ในพื้นที่ เพ่ือไม่ให้น้าหลากลงมาสร้างความ
เสยี หายกบั พ้ืนทลี่ ุ่มด้านลา่ งและชว่ ยกักตะกอนดินไม่ให้ลงมาสะสมในหนอง คลอง บึง หรือเข่ือน นอกจากนั้น
สาหรับพืน้ ทีก่ ลางน้าฝายชะลอน้ายงั ชว่ ยยกระดับน้าเพ่อื เกบ็ ไว้ในพนื้ ที่อีกด้วย
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพืน้ ที่ กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
37
ด้วยรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” น้ี หากมีเกษตรกรมีพื้นที่รายละ 10 ไร่ คิดเป็น 1 หลุมขนม
ครก จะสามารถเกบ็ กกั น้าได้ปีละประมาณ 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีโดยเป็นน้าบนดินประมาณ 20,000
ลูกบาศก์เมตร และเม่ือมีป่าชุ่มชื้นจะสามารถเก็บกักน้าใต้ดินได้เพิ่มข้ึนอีก เช่นยกตัวอย่าง ถ้าทุกคนในลุ่ม
นา้ ป่าสัก หรอื อยา่ งน้อย 100,000 ราย ร่วมมือร่วมใจกันสร้าง 100,000 หลุมขนมครก จะสามารถเก็บกัก
น้าได้กว่าสี่พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็นมากกว่า 4 เท่าของความจุเข่ือนป่าสักชลสิทธ์ิ จะสามารถแก้ไข
ปัญหาน้าท่วมได้และที่สาคัญคือมีน้าเก็บไว้ใช้ยามหน้าแล้ง สามารถปลูกพืชพันธ์ุได้ตลอดปี มีพอกิน พออยู่
พอใช้ เกดิ ทัง้ “ประโยชนต์ นและประโยชน์ท่าน” ในเวลาเดียวกนั
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ที่ กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
38
กำรออกแบบทค่ี ำนงึ ถึง “ภมู ิสงั คม”
การออกแบบพื้นท่ี โคก หนอง นา โมเดล จะคานึงถึง “ภูมิสังคม” เป็นสาคัญ “ภูมิ” คือ สภาพทาง
กายภาพ เช่นสภาพดิน น้า ลม สังคม คือวัฒนธรรม ความเช่ือ ภูมิปัญญาด้ังเดิมท่ีอยู่ในพ้ืนที่น้ัน ซึ่งในการ
ออกแบบจะให้ความสาคญั กับ “สงั คม” มากกวา่ “ภูม”ิ คอื ต้องออกแบบตามสังคมและวัฒนธรรมของคนที่อยู่
แม้วา่ ภมู ปิ ระเทศจะเหมอื นกนั กต็ าม หากสงั คมตา่ งกนั การออกแบบก็จะต่างกันโดยส้ินเชิง
4. บันได 9 ขนั้
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุม
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วนั พฤหสั บดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 “ทฤษฎบี นั ได 9 ข้นั สู่ความพอเพียง”
เปน็ แนวทางทใี่ ช้ลาดับข้ันเพ่อื เดินตามไปทีละข้ัน คอ่ ยๆ ก้าวไปแบบ ยัง้ ยืนและม่ันคง ซ่ึงหากใครทาตามได้รับ
รองว่าไมม่ ีจนแนน่ อน
ขั้นท่ี 1–4 เปน็ ขั้นเศรษฐกิจพอเพียงขนั้ พื้นฐำน ประกอบไปดว้ ย
ขั้นที่ 1 พอกิน พ้ืนฐานของมนุษย์ท่ัวไป คือ ปัจจัย 4 และในปัจจัยเหล่าน้ันการกิน ถือเป็นเร่ือง
สาคัญ อยากใหเ้ กษตรกร ให้ความสาคัญข้อนี้เป็นอันดับแรก โดยให้คิดว่าจะทาอย่างไรให้เรามีกินได้ตลอดทั้ง
ปโี ดยไม่อดอยาก ใหค้ วามสาคัญกบั ข้าวปลาอาหารกอ่ นเงนิ ตรา โดยให้หาวิธีวา่ จะทาอย่างไรให้อยู่ได้โดยไม่ใช้
เงนิ ในสว่ นของข้าวปลา อาหาร หรืออาจจะค่อยๆ ปรับจากใช้นอ้ ยลงจนไม่ใชเ้ ลย
ขนั้ ที่ 2-4 พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น พอใช้
พออยู่ พอร่มเยน็ เกิดขึน้ ไดพ้ รอ้ มกนั ดว้ ยคาตอบเดียวคอื “ปลกู ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง”
ซึ่งป่า 3 อย่างจะให้ท้ัง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สมุนไพรสาหรับรักษาโรค ทั้งโรคคน โรคพืช โรคสัตว์ ใช้ไม้
สาหรับ ทาบ้านพักที่อยู่อาศัย และให้ความร่มเย็นกับบ้าน กับชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความ
ยากจนของ เกษตรกรไทย ซ่ึงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริง และยังสามารถย้อนกลับไป
แก้ไขปญั หาหนีส้ นิ ซง่ึ สะสมพอกพนู จากการทาเกษตรเชิงเด่ียว ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ปัญหา
ความขาดแคลนน้าภัยแล้ง ทั้งหมดล้วนแก้ไขได้จากแนวคิดป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง ขององค์
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวฯ
ขั้นท่ี 5-9 เป็นขั้นกำ้ วหน้ำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประกอบไปด้วย
ขัน้ ที่ 5-6 บญุ และทาน เปน็ การสร้างสัมพนั ธก์ ันในชมุ ชน
โดยไม่เก่ียวกับการค้าขาย แต่เป็นการให้ทาน แบ่งปันกัน อาจจะเป็น การบริจาคส่ิงของให้กับคนที่
ยากไร้ หรือการเข้าวัดทาบุญฟังธรรม เพ่ือฝึก ลด ละ กิเลสจากจิตใจของเรา รู้จักเป็นผู้แบ่งปันไม่ตระน่ี
จนเกินไป และยังเปน็ การสร้างชมุ ชนใหน้ า่ อยู่ขึ้นอีกด้วย
เอกสารรายงานผลการฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพื้นท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สร้างแกนนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
39
สรปุ ผลกำรเรียนรู้
ผ้เู ข้ารบั การฝึกอบรม มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิบัติ
แบบเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน ได้เปน็ อย่างดี รวมถึง เขา้ ใจหลักการแก้ไขปญั หาการบริหารจัดการดินและน้า ในรูปแบบ
ของ “โคก หนอง นา โมเดล” ซ่ึงสังเกตได้จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้และเกิดการสอบถามพูดคุยกับวิทยากร
ผสู้ อนโดยเฉพาะ การบรหิ ารจัดการน้าในรูปแบบ “โคก หนอง นา” โมเดล ซึ่งกาลังเป็นเรื่องท่ีน่าสนใจท่ีผู้เข้า
อบรมต้องการนาไปขยายผลให้กับประชาชนในพื้นท่ี และมีการปรับพ้ืนท่ีของตนเองในการทาการเกษตรแบบ
โคก หนอง นา โมเดล ต่อไป
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1 สร้างและพฒั นากลไกในระดับพ้นื ท่ี กิจกรรมยอ่ ยที่ 1.1 สร้างแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง
40
วิชำ ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง “ทฤษฎบี ันได 9 ข้นั สูค่ วำมพอเพยี ง
1. วทิ ยำกร นางสาววาสนา ยดึ เหนย่ี ว ตาแหนง่ นกั วชิ าการพัฒนาชมุ ชนชานาญการ
2. วัตุประสงค์
เพอ่ื ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ หลกั คดิ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎใี หม่
การบรหิ ารจัดการตามขนั้ ตอนเศรษฐกิจพอเพียงมปรับใช้ในชวี ิตประจาวนั และสามารถนาไปปฏบิ ัตจิ นเปน็ วิถี
ชวี ิต
2. ระยะเวลำ 3 ช่ัวโมง (05.00 น. – 08.00 น.)
3. ประเด็นเนอื้ หำวิชำ
4.เทคนิค/วิธกี ำร
1) สือ่ Power point
2) ถาม-ตอบ ข้อมูลเน้อื หาท่ีเก่ียวข้อง
3) การเติมเต็มใหข้ ้อคดิ และข้อเสนอแนะ จากวิทยากร
5.สรุปผลกำรดำเนนิ กำรและผลกำรเรยี นรู้
ก่อนเข้ำสู่บทเรียน เน่ืองจากเป็นเวลาช่วงเช้าที่ผู้เข้าอบรมเพิ่งต่ืนมาใหม่ วิทยากรจึงให้ผู้เข้าอบรม
ทุกคนได้ทากายบริหารประกอบเพลง เพ่ือทาให้เกิดความกระฉับกระเฉง สดช่ืน พร้อมสาหรับการเรียนรู้
หลังจากนั้นวิทยากรแนะนาตัวพูดคุยสร้างบรรยากาศให้เกิดความเป็นกันเอง แจ้งวัตถุประสงค์การเรียนรู้ใน
เนื้อหาวิชา กตกิ าการเรยี นรรู้ ่วมกนั หลงั จากนั้นใหค้ วามรูต้ ามเนอ้ื หา ดงั น้ี
วิทยากรเปดิ คลปิ ทมี่ าของเศรษฐกิจพอเพียง เมอื่ ชมคลปิ จบแล้วสรุป และนาเข้าสู่การทบทวนเน้ือหา
ของทฤษฎีบันได 9 ขั้น ดังน้ี
ทฤษฎีบนั ได 9 ข้ันสคู่ วำมพอเพียง ศำสตรพ์ ระรำชำ ควำมสุขอยำ่ งย่ังยืน
ทฤษฎบี ันได 9 ขัน้ ส่คู วามพอเพยี ง คือแนวความคิดที่พัฒนามาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือเป็น
แนวทางแก้ไขให้รอดพน้ จากปัญหาความยากจน และสามารถใช้ชีวิตในการดารงชีพอยู่ได้อย่างมั่นคงและย่ังยืน
ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ รวมถึงความเปล่ียนแปลงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต 4 ขั้นแรก
ของทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง คือ 4 พื้นฐาน 4 ความพอ ได้แก่ พออยู่ พอกิน พอใช้ พอมีอากาศ
หายใจร่มเย็นสบาย สภาพแวดล้อมนา่ อยู่ ซึง่ ถอื ว่าเปน็ ปจั จยั ขนั้ พน้ื ฐานในการดารงชวี ติ อย่างมีคุณภาพ
ทฤษฏีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง เป็นแนวทางท่ีใช้ลาดับข้ันในการปฏิบัติตนเพื่อเดินตามไปทีละขั้น
ค่อยๆ ก้าวไป ปฏิบัติทีละข้ันตอน แบบยั่งยืนและมั่นคง ซ่ึงหากใครทาตามได้ดังนี้ รับรองว่าไม่มีความจน
แนน่ อน โดยแตล่ ะขนั้ ตอน เปรยี บได้เสมอื นบันได 9 ขัน้ เร่มิ จากล่างไปส่บู น ดังนี้
เอกสารรายงานผลการฝกึ อบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
กิจกรรมย่อยท่ี 1 สรา้ งและพัฒนากลไกในระดับพื้นท่ี กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.1 สรา้ งแกนนาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง